นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี ชมะนันท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ซึ่งต่อมาในวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (ซึ่งนับเป็นสมัยที่ 2) สำหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในระดับจังหวัด ของอุดรธานี แบ่งพื้นที่การเลือกตั้งเป็น 3 เขต มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร เขตละ 3 คน รวมผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรง ตำแหน่งสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 9 คน ดังต่อไปนี้ เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอกุดจับ อำเภอ เพ็ญ และอำเภอหนองวัวซอ 1. นายเฉลิมพล สนทิ วงศ์ชัย สังกัดพรรคประชาราษฎร ์ 2. นายประยูร สรุ นิวงศ ์ สังกดั พรรคพลงั ใหม ่ 3. นายวเิ ชียร เวชสวรรค ์ สงั กัดพรรคชาตไิ ทย เขต 2 พื้นที่อำเภอกุมภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอ ศรีธาตุ อำเภอหนองหาน อำเภอบ้านดุง กิ่งอำเภอสร้างคอม กิ่งอำเภอวังสามหมอ กิ่งอำเภอไชยวาน และกิ่งอำเภอทุ่งฝน 4. นายดำรง ดาราธรรม สังกดั พรรคกิจสงั คม 5. นายประสพ บุษราคัม สงั กัดพรรคกิจสังคม 186
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 6. นายวฒุ ชิ ยั แสนประสิทธ์ิ สงั กัดพรรคกิจสงั คม เขต 3 พื้นที่อำเภอหนองบัวลำภู อำเภอน้ำโสม อำเภอ บ้านผือ อำเภอนากลาง อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอโนนสัง และ กิ่งอำเภอสุวรรณคหู า 7. นายกิตติศักดิ์ หตั ถสงเคราะห์ สงั กัดพรรคชาตไิ ทย 8. นายสพุ รรณ สปุ ัญญา สังกดั พรรคประชาราษฎร์ 9. นายดิเรก หลักคำ สังกัดพรรคกจิ สังคม สมาชิกสภาผู้แทนชุดท่ี 14 (พ.ศ. 2526) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2526 เปน็ การเลอื กตง้ั ครง้ั ท่ี 15 ของประเทศไทย การเลอื กตง้ั ครั้งนี้เกิดจาก พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้ตรา พระราชกฤษฎีกายุบสภา และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2526 โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2526 การเลือกตั้งครั้งนี้อาศัยกฎหมายเลือกตั้ง พ.ศ. 2522 เป็นการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน โดยแบ่งเป็นเขตเลือกตั้ง จำนวนผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินเขตละ 3 คน จำนวนผู้แทนราษฎร ทั้งหมดในการเลือกตั้งครั้งนี้มีอยู่ 324 คน 187
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศได้เพิ่มจำนวนจาก การเลือกตั้งครั้งที่แล้วก่อนมาเป็น 24,224,470 คน แต่จำนวน ผู้มาออกเสียงทั่วประเทศก็มีเพียง 12,295,339 คน นับได้เป็น อัตราร้อยละ 50.76 ซึ่งผลการเลือกตั้ง ปรากฏว่า พรรคกิจสังคม ที่มีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรค ได้รับเลือกมาเป็นลำดับที่หนึ่ง โดยได้ที่นั่งไปทั้งสิ้น 102 ที่นั่ง รองลงมาคือพรรคชาติไทย ที่มีพลตำรวจเอกประมาณ อดิเรกสาร เป็นหัวหน้า 80 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ ที่มี นายพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรค ได้ 56 ที่นั่ง ซึ่งไม่มีพรรคใด ได้เสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ที่มีทั้งหมด 324 ที่นั่ง (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, น. 49) ซึ่งผลการจัดตั้งรัฐบาลปรากฏว่า พรรคกิจสังคม, พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชากรไทยตกลงกันที่จะ สนับสนุน พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ขณะที่พรรคชาติไทย รวมกันกับพรรคการเมืองอื่นๆ เป็น ฝ่ายค้าน ต่อมา พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้รับพระบรม- ราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็น สมยั ท่ี 2 ในวนั ท่ี 30 เมษายน พ.ศ. 2526 การจดั ตง้ั คณะรฐั มนตรี คณะรัฐมนตรีประกอบด้วยรัฐมนตรีต่างๆ 44 คน นับเป็น คณะรัฐมนตรีคณะที่ 43 และได้เข้าทำการปฏิญาณตน หน้าพระพักตร์เพื่อเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, น. 57-58) สำหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในระดับจังหวัด ของอุดรธานี แบ่งพื้นที่การเลือกตั้งเป็น 4 เขต มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเขตที่ 1 เขตที่ 2 เขตละ 3 คน ส่วนเขตที่ 3 และ 188
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตที่ มี 2 คน รวมผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่ง สภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 10 คน ดังต่อไปนี้ เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอเพ็ญ และอำเภอ กุดจับ 1. นางเตือนใจ นุอปุ ละ สงั กดั พรรคประชาธิปตั ย์ 2. นายประยรู สุรนิวงศ์ สงั กัดพรรคชาตปิ ระชาธิปไตย 3. นายวเิ ชียร เวชสวรรค์ สังกดั พรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 พื้นที่อำเภอหนองบัวลำภู อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ อำเภอนากลาง และอำเภอ สุวรรณคหู า 4. นายสุรชาติ ชำนาญศิลป์ สังกดั พรรคกจิ สังคม 5. นายสุพรรณ สปุ ญั ญา สงั กัดพรรคชาติไทย 6. นายกติ ติศกั ดิ์ หตั ถสงเคราะห์ สงั กดั พรรคชาติไทย เขต 3 พื้นที่อำเภอกุมภวาปี อำเภอโนนสัง อำเภอ โนนสะอาด อำเภอหนองวัวซอ อำเภอศรีธาตุ และ กิ่งอำเภอ หนองแสง 189
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี 7. นายประจวบ ไชยสาส์น สงั กัดพรรคชาติไทย 8. นายรกั เกียรติ สุขธนะ สังกัดพรรคกจิ สังคม เขต 4 พื้นที่อำเภอหนองหาน อำเภอวังสามหมอ อำเภอ บ้านดุง กิ่งอำเภอสร้างคอม กิ่งอำเภอไชยวาน และกิ่งอำเภอ ทุ่งฝน 9. นายเกยี รติชยั ชยั เชาวรัตน์ สงั กดั พรรคกจิ สังคม 10 นายประสพ บษุ ราคมั สังกดั พรรคกิจสงั คม สมาชิกสภาผู้แทนชุดที่ 15 (พ.ศ. 2529) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2529 นับเป็นการเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 16 ของประเทศไทย สืบเนื่องมาจากการที่รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ตราพระราชกฤษฎีกายุบสภา เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 เนื่องจากรัฐบาลมีความขัดแย้งกับ สภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พุทธศักราช 2522 โดย กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 (สิริรัตน์ เรืองวงษ์วาร, 2539) จำนวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เองไดเ้ พม่ิ เปน็ 26,224,470 คน และในวนั เลอื กตง้ั ไดม้ ผี มู้ าใชส้ ทิ ธิ จำนวน 16,670,957 คน คิดเป็นร้อยละ 61.43 ในการเลือกตั้ง 190
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั่วไปครั้งนี้มีเรื่องที่น่าสังเกตของการเคลื่อนไหวของกองทัพ ที่เข้ามาติดตามดูแลการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด โดยกองทัพบก ที่มี พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เป็นผู้บัญชาการได้มีคำสั่งตั้ง ศูนย์ติดตามการเลือกตั้งและตั้งให้รองผู้บัญชาการทหารบก พลเอกจุไท แสงทวีป เป็นผู้อำนวยการศูนย์ จึงทำให้ทางรัฐบาล ที่รักษาการอยู่เห็นว่าอาจเป็นผลเสียต่อการเลือกตั้งและผลเสีย ต่อกองทัพบก จึงได้ออกประกาศโยกย้ายผู้บัญชาการทหารบก ทันที ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 และตั้งพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เสนาธกิ ารทหารบกให้ขึ้นมาเป็นผ้บู ญั ชาการทหารบก อันเป็นการแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้กุมอำนาจ อย่างแท้จริง ผลการเลือกตั้งในระดับประเทศ ปรากฏว่า พรรค ประชาธิปัตย์ ที่มีนายพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรค และ นายชวน หลีกภัย แกนนำคนสำคัญของพรรคได้รับเลือกตั้ง มากที่สุด ด้วยเสียงมากถึง 99 เสียง โดยเฉพาะในพื้นที่ กรุงเทพมหานครได้มากถึง 15 เสียง จึงเป็นแกนนำในการจัดตั้ง รัฐบาล โดยพรรคที่ได้รับเลือกตั้งรองลงมา คือพรรคชาติไทย 64 เสียง, พรรคกิจสังคม 51 เสียง และพรรคราษฎร 20 เสียง โดยเสียงทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรมีทั้งหมด 347 เสียงโดยทั้ง 4 พรรคได้หารือกันถึงการจัดตั้งรัฐบาล ปรากฏว่า ทุกพรรค ต่างเห็นชอบให้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีต่อไป ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นสมัยที่ 3 ของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ โดยมี นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานรัฐสภา 191
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ และรับสนองพระบรมราชโองการ โดยมีสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ถ่ายทอดพิธีสนอง รับพระบรมราชโองการและคำกล่าวของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ณ บ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งเป็นบ้านพัก และสภา ผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้ก็อยู่ได้ไม่ครบวาระ เพราะนายกรัฐมนตรีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้ยุบสภาอีก ในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2531 และกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 (บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์, 2558) สำหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในระดับจังหวัด ของอุดรธานี แบ่งพื้นที่การเลือกตั้งเป็น 4 เขต มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเขตที่ 1 เขตที่ 2 เขตที่ 3 เขตละ 3 คน ส่วนเขตที่ 4 มี 2 คน รวมผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสภา ผู้แทนราษฎรทั้งหมด 11 คน ดังต่อไปนี้ เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอเพ็ญ และกิ่ง อำเภอสร้างคอม 1. นายเฉลิมพล สนิทวงศช์ ยั สังกดั พรรครวมไทย ได้รับคะแนน 49,144 เสียง 2. พนั เอกสมคดิ ศรสี ังคม สงั กดั พรรคแรงงานประชาธปิ ไตย ไดร้ บั คะแนนเสยี ง 30,413 เสียง 3. นายทองสวย สหสั ทศั น์ สังกดั พรรคประชาธิปตั ย์ ได้รับคะแนนเสียง 30,008 เสียง 192
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 พื้นที่อำเภอหนองบัวลำภู อำเภอกุดจับ อำเภอ น้ำโสม อำเภอบ้านผือ อำเภอนากลาง และ อำเภอสุวรรณคหู า 4. นายสมภาพ ศรีวรขาน สงั กัดพรรคราษฎร ได้รับคะแนนเสียง 44,373 เสียง 5. นายไตรภพ เมาะราษ ี สังกดั พรรคประชาธิปตั ย์ ได้รับคะแนนเสียง 38,252 เสียง 6. นายดิเรก หลกั คำ สังกดั พรรคประชาธปิ ตั ย์ ได้รับคะแนนเสียง 34,461 เสียง เขต 3 พื้นที่อำเภอกุมภวาปี อำเภอศรีธาตุ อำเภอ วังสามหมอ อำเภอหนองหาน อำเภอบ้านดุง กิ่งอำเภอทุ่งฝน และกิ่งอำเภอไชยวาน 7. นายประจวบ ไชยสาสน์ สงั กดั พรรคประชาธปิ ัตย์ ได้รับคะแนนเสียง 60,548 เสียง 8. นายประสพ บุษราคมั สังกัดพรรคกิจสังคม ได้รับคะแนนเสียง 57,088 เสียง 9. นายจำรสั มัฆนาโส สงั กดั พรรคชาติประชาธิปไตย ได้รับคะแนนเสียง 49,010 เสียง 193
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี เขต 4 พื้นที่อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอโนนสัง อำเภอ โนนสะอาด อำเภอหนองวัวซอ และกิ่งอำเภอหนองแสง 10. นายรกั เกยี รติ สุขธนะ สงั กัดพรรคกจิ สงั คม ได้รับคะแนนเสียง 28,050 เสียง 11. นายเกียรตชิ ยั ชยั เชาวรตั น์ สงั กัดพรรครวมไทย ได้รับคะแนนเสียง 24,138 เสียง สมาชิกสภาผู้แทนชุดท่ี 16 (พ.ศ. 2531) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2531 ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 17 ของประเทศไทย โดยเกิดจากการที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้ตราพระราช กฤษฎีกายุบสภาเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2531 อันเนื่องจาก รัฐบาลมีความขัดแย้งกันเอง และกำหนดให้มีการเลือกตั้งใน วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ผลการเลือกตั้งในระดับประเทศปรากฏว่า พรรค ชาติไทย โดยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ หัวหน้าพรรค ได้รับ เลือกมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยเสียง 87 ที่นั่ง รองลงไปคือ พรรคกิจสังคม มี 54 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ 48 ที่นั่ง ซง่ึ ไมม่ พี รรคการเมอื งใดไดร้ บั เสยี งเกนิ ครง่ึ ของสภาผแู้ ทนราษฎร ที่มีทั้งหมด 357 เสียง แกนนำของพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง มาเป็นลำดับแรก 5 พรรค ได้หารือกันถึงการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งหมดมีความเห็นตรงกันว่าพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มีความ เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ จึงเข้าพบกับ 194
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ถึงบ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งเป็นบ้านพัก ในเวลาค่ำของวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 แต่ พล.อ.เปรม ได้ปฏิเสธที่จะดำรงตำแหน่งต่อ โดยให้เหตุผลว่า ระยะเวลา รวมทั้งหมด 8 ปี 5 เดือน ที่ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น เพียงพอแล้ว อีกทั้งบ้านเมืองก็มีเสถียรภาพทางการเมืองและ เศรษฐกิจในระดับที่น่าพึงพอใจ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ในฐานะหัวหน้าพรรคที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด จึงขึ้นดำรง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของ ประเทศไทย โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เมื่อ วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2531 และต่อมาเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2531 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ คณะรัฐมนตรี ในส่วนของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เมื่อพ้นจากตำแหน่ง นายกฯไปแล้วมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรม เป็นองคมนตรี ในวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2531 จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2531 ได้รับโปรดเกล้าฯ ยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ และในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2541 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี สำหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในระดับจังหวัด ของอุดรธานี แบ่งพื้นที่การเลือกตั้งเป็น 4 เขต มีสมาชิกสภา ผู้แทนได้เขตละ 3 คน รวมผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรง ตำแหน่งสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 12 คน ดังต่อไปนี้ เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี และอำเภอเพ็ญ 1. นายประยรู สรุ นวิ งศ์ สงั กดั พรรคปวงชนชาวไทย 195
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี 2. นางเตอื นใจ นอุ ุปละ สังกดั พรรคประชาธปิ ตั ย์ 3. นายพลู ศกั ดิ์ อยู่ประเสริฐ สังกัดพรรคประชาธปิ ตั ย์ เขต 2 พื้นที่อำเภอหนองบัวลำภู อำเภอนากลาง อำเภอ สุวรรณคหู า อำเภอบ้านผือ อำเภอน้ำโสม และกิ่งอำเภอนายูง 4. นายสุรชาติ ชำนาญศลิ ป์ สังกดั พรรคประชาธปิ ตั ย์ 5. นายกติ ติศกั ด์ิ หัตถสงเคราะห์ สงั กัดพรรคชาติไทย 6. นายวิเชียร ขาวขำ สงั กัดพรรคปวงชนชาวไทย เขต 3 พื้นที่อำเภอบ้านดุง อำเภอหนองหาน อำเภอ ไชยวาน อำเภอศรีธาตุ อำเภอวังสามหมอ กิ่งอำเภอทุ่งฝน และ กิ่งอำเภอสร้างคอม 7. นายไชยยศ จริ เมธากร สงั กัดพรรคประชาธปิ ัตย์ 8. นายวชิ ัย เอ่ียมวงศ์ สังกัดพรรคประชาธปิ ัตย ์ 9. นายประสพ บุษราคมั สงั กัดพรรคกจิ สังคม 196
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 พื้นที่อำเภอกุมภวาปี อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอ กุดจับ อำเภอโนนสัง อำเภอโนนสะอาด อำเภอหนองวัวซอ และอำเภอหนองแสง 10. นายประจวบ ไชยสาส์น สังกัดพรรคประชาธิปตั ย ์ 11. นายรักเกียรติ สุขธนะ สังกดั พรรคประชาธปิ ตั ย ์ 12. นายอารมย์ ศิริสุวรรณ สังกัดพรรคปวงชนชาวไทย สมาชิกสภาผู้แทนชุดท่ี 17 (พ.ศ. 2535/1) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 หรือที่นิยมเรียกสั้นๆ ว่า 35/1 นับเป็น การเลือกตั้งครั้งที่ 18 ของประเทศไทย มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2535 หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 โดยก่อนการเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น คือ พรรคสามัคคีธรรม โดยพรรค สามัคคีธรรม เป็นพรรคการเมืองที่รวบรวมนักการเมืองมาจาก หลายพรรค และมีบุคคลใกล้ชิดกับคณะรักษาความสงบ เรยี บรอ้ ยแหง่ ชาติ (รสช.) ดำรงตำแหนง่ สำคญั คอื นาวาอากาศตรี ฐิตินัย นาครทรรพ ที่เป็นเลขาธิการพรรค หัวหน้าพรรค สามัคคีธรรม คือ นายณรงค์ วงศ์วรรณ อดีตหัวหน้าพรรค รวมไทย และอดีตหัวหน้าพรรคเอกภาพ พรรคสามัคคีธรรม ถูกตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนแกนนำของคณะ รสช.และอาจจะ 197
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี กล่าวได้ว่าแกนนำของ คณะรสช. บางคน มีส่วนสนับสนุน พรรคนี้ เพื่อเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจ หลังการเลือกตั้ง พรรคสามคั คธี รรมจงึ เปน็ พรรคทม่ี าคลา้ ยกบั พรรคเสรมี นงั คศลิ า ทเ่ี คยสนบั สนนุ จอมพล ป.พบิ ลู สงคราม และพรรคสหประชาไทย ที่เคยสนับสนุนจอมพลถนอม กิตติขจรในการรักษาอำนาจหลัง การรัฐประหาร นอกจากนี้นักการเมืองบางคนในสังกัดพรรค สามัคคีธรรม ยังเคยสังกัดในพรรคเสรีมนังคศิลา และพรรค สหประชาไทยอีกด้วย ในการเลือกตั้งครั้งนี้มี 4 พรรคที่ส่ง ผู้สมัครแต่ไม่มีผู้ใดได้รับเลือกเลยคือ พรรคสหประชาธิปไตย, พรรครวมพลังใหม่, พรรคท้องถิ่นก้าวหน้า และพรรคเกษตรเสรี สำหรับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคพลังธรรม ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยสามารถได้ที่นั่งถึง 32 ที่ นั่งจากทั้งหมด 35 ที่นั่ง ทำให้นักการเมืองที่มีชื่อเสียงหลายคน ไม่ได้รับการเลือกตั้ง เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้า พรรคมวลชน, นายมารุต บุนนาค, นายปราโมทย์ สุขุม พรรค ประชาธิปัตย์ และถือเป็นการเข้ามามีบทบาททางการเมือง ครั้งแรกของนักการเมืองหน้าใหม่ที่กลายมาเป็นผู้มีบทบาท สำคัญในทางการเมืองในเวลาต่อมา ได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นผู้เดียวที่ได้รับการเลือกตั้งในพื้นที่ กรุงเทพมหานครของพรรคประชาธิปัตย์ และนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคพลังธรรม การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งทางตรง แบบผสม ระหว่างรวมเขตและแบ่งเขตซึ่งเป็นระบบและวิธีการเดียวกับ การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 10 – 15 แต่จะต่างกันที่เกณฑ์คำนวณ ราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน ซึ่งรัฐธรรมนูญฯ 2534 นี้ ได้กำหนด 198
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 360 คน ดังนั้นจึงต้องใช้จำนวน ราษฎรทั้งประเทศเฉลี่ยด้วยสมาชิก 360 คน (จำนวนราษฎร ทั้งประเทศหารด้วย 360) ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะได้จำนวนราษฎร 158,225 คน ต่อสมาชิกหนึ่งคน (เดิมใช้จำนวนราษฎรหนึ่งแสน ห้าหมื่นคนต่อสมาชิกหนึ่งคน) (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, น. 63-64) การเลือกตั้งครั้งนี้มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 32,436,283 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 19,216,466 คน (คิดเป็น ร้อยละ 59.24) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุดคือ มุกดาหาร (คิดเป็นร้อยละ 87.11) และน้อยที่สุดคือ กรุงเทพฯ (คิดเป็น ร้อยละ 42.56) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, น. 51) ผลการเลือกตั้งพรรคสามัคคีธรรมได้ที่นั่งมากที่สุด คือ 79 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งทั้งหมด 360 ที่นั่ง ทำให้ต้องจัดตั้ง รัฐบาลผสม โดยได้รับการสนับสนุนจากอีก 4 พรรค รวมเป็น 5 พรรคร่วมรัฐบาล คือพรรคสามัคคีธรรม สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร 79 คน, พรรคชาติไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 74 คน, พรรคกิจสังคม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 31 คน, พรรคประชากรไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 7 คน, และ พรรคราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 4 คน รวมเป็น สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล 195 คน พรรคฝ่ายค้านประกอบด้วย 6 พรรค คือ พรรค ความหวังใหม่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 72 คน, พรรค ประชาธิปัตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 44 คน, พรรคพลังธรรม 199
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 41 คน, พรรคเอกภาพ สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 6 คน, พรรคปวงชน ชาวไทย สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 1 คน และพรรคมวลชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 คน รวม 165 คนก่อนและหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ มีสื่อมวลชน สัมภาษณ์ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการสูงสุดทหาร สูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ผู้นำคณะ รสช. หลายครั้งว่า จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งพล.อ.สุจินดา คราประยูร ได้ตอบปฏิเสธอย่างชัดเจนว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งทำให้นายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมที่ได้ คะแนนเสียงสูงสุด มีโอกาสที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏข่าวว่าสหรัฐอเมริกาเคยปฏิเสธที่จะออกวีซ่า ให้กับ นายณรงค์ วงศ์วรรณ เนื่องจากสงสัยมีการพัวพันกับขบวนการ ค้ายาเสพติดซึ่งกรณีดังกล่าว นายณรงค์ วงศ์วรรณ ได้ปฏิเสธ อย่างสิ้นเชิง โดยชี้แจงว่าข่าวนี้เป็นการจงใจสร้างเรื่องขึ้น เพื่อกีดกันไม่ให้ตนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมามีการยืนยันจาก นางมาร์กาเร็ต แท็ตไวเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกาว่าเป็นผู้หนึ่งที่ “ต้องห้าม” ไม่สามารถขอวีซ่า เดนิ ทางเขา้ สหรฐั อเมรกิ าเพราะมคี วามใกลช้ ดิ กบั นกั คา้ ยาเสพตดิ ทำให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้เลือกเสนอชื่อ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นทูลเกล้าฯ และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 ท่ามกลางกระแสเรียกร้อง “นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง” ที่เป็นกระแสหลักของสังคมใน ขณะนั้น ต่อเนื่องมาจากยุคของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และทำให้พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค ถูกขนานนามจาก 200
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สื่อมวลชนยุคนั้นว่า “พรรคมาร” เมื่อขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว พล.อ.สุจินดา ได้ลาออก จากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยมี พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี ได้เข้าดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบกและ พล.อ.เกษตร โรจนะนิล เข้าดำรง ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด หลังการขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ของพล.อ.สุจินดา เกิดกระแสต่อต้านจากสังคม มากมาย ถึงขั้นมีประชาชนชุมนุมประท้วงจำนวนมาก และ ในที่สุดนำไปสู่ “เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ” ซึ่งทำให้ในปีนี้ต้องจัด เลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งคือการเลือกตั้ง 13 กันยายน พ.ศ. 2535 (35/2) สำหรับการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในระดับจังหวัด ของอุดรธานี แบ่งพื้นที่การเลือกตั้งเป็น 4 เขต มีสมาชิกสภา ผู้แทนได้เขตละ 3 คน รวมผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรง ตำแหน่งสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 12 คน ดังต่อไปนี้ เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี และอำเภอเพ็ญ 1. นายวชิ ัย ชยั จิตวณิชกุล สงั กดั พรรคความหวงั ใหม ่ 2. นายสมศกั ดิ์ วรคามิน สงั กดั พรรคความหวงั ใหม ่ 3. นายเฉลมิ พล สนทิ วงศช์ ัย สงั กัดพรรคความหวงั ใหม่ 201
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี เขต 2 พื้นที่อำเภอหนองบัวลำภู อำเภอนากลาง อำเภอ สุวรรณคูหา อำเภอบ้านผือ อำเภอน้ำโสม และกิ่งอำเภอนายูง 4. นายไตรภพ เมาะราศี สงั กดั พรรคชาติไทย 5. นายกิตติศกั ด์ิ หตั ถสงเคราะห์ สังกัดพรรคชาตไิ ทย 6. นายวิเชยี ร ขาวขำ สงั กัดพรรคชาตไิ ทย เขต 3 พื้นที่อำเภอบ้านดุง อำเภอหนองหาน อำเภอ ไชยวาน อำเภอศรีธาตุ อำเภอวังสามหมอ อำเภอทุ่งฝน และ อำเภอสร้างคอม 7. นายไชยยศ จิรเมธากร สังกัดพรรคประชาธปิ ัตย์ 8. นายขจติ ร ชัยนคิ ม สงั กดั พรรคความหวงั ใหม่ 9. นายเกยี รติชยั ชัยเชาวรัตน์ สงั กัดพรรคความหวังใหม ่ เขต 4 พื้นที่อำเภอกุมภวาปี อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอ กุดจับ อำเภอโนนสัง อำเภอโนนสะอาด อำเภอหนองวัวซอ และอำเภอหนองแสง 10. นายประจวบ ไชยสาสน์ สังกัดพรรคประชาธิปตั ย ์ 202
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 11. นายรักเกียรติ สุขธนะ สังกัดพรรคกจิ สังคม 12. นายไชยา พรหมา สังกดั พรรคประชาธปิ ัตย ์ สมาชิกสภาผู้แทนชุดที่ 18 (พ.ศ. 2535/2) เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายน 2535 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ คือ เมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นในวันที่ 22 มีนาคม 2535 (การเลือกตั้งครั้งที่ 18) พรรคสามัคคีธรรม ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด และได้เป็นแกนนำในการจัดตั้ง รัฐบาลร่วมกับพรรคชาติไทย กิจสังคม ประชากรไทย และ ราษฎรซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลนี้ได้สนับสนุนให้พลเอก สุจินดา คราประยูร รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีท่ามกลางกระแสคัดค้าน โดยทั่วไป เนื่องจากพลเอกสุจินดา ไม่ได้เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร คือไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง รวมทั้งถูกมองว่า เป็นการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบเรียบร้อย แห่งชาติอีกด้วย จึงเกิดกระแสการต่อต้านอย่างรุนแรงจนนำไป สู่เหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” ระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2535 ทำให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ต้องลาออกตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียง 48 วัน และได้มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี (นายอานันท์เคยได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ให้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วครั้งหนึ่งในช่วงหลังเหตุการณ์ 203
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี ยึดอำนาจ 23 กุมภาพันธ์ 2534 และได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ในวันที่ 21 มีนาคม 2535 ก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน) ซึ่งคณะ รัฐมนตรีภายใต้การนำของนายอานันท์ ปันยารชุน ถือเป็น คณะรัฐมนตรีที่จัดตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะกิจ ในขณะที่ประเทศ อยู่ในภาวะวิกฤติ รวมทั้งการแต่งตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีนี้ เพื่อจะได้ใช้กระบวนการทางรัฐสภา และ รฐั ธรรมนญู คนื อำนาจการตดั สนิ ใจทางการเมอื งกลบั สปู่ ระชาชน เมื่อประเทศเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว นายอานันท์ ปันยารชุน จึงได้ ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 29 มิถุนายน 2535 และ ได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ในวันที่ 13 กันยายน 2535 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, น. 65-66) การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบผสม ระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบและวิธีเดียวกับ การการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 10-16 โดยได้กำหนดให้มีจำนวน สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร จำนวน 360 คนทำให้ มีสัดส่วน ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 คนต่อราษฎร 150,000 คน การเลือกตั้งครั้งนี้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 360 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 31,860,156 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 19,622,322 คน (คิดเป็นร้อยละ 61.59) จังหวัดที่มีผู้มา ใช้สิทธิมากที่สุด คือ มุกดาหาร (คิดเป็นร้อยละ 90.43) และ น้อยที่สุด คือ กรุงเทพฯ (คิดเป็นร้อยละ 47.40) (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, น. 52) ผลการเลือกตั้งในระดับประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ที่ถือ เป็นพรรคฝ่ายค้านที่คัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 204
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพลเอกสุจินดา คราประยูร สมาชิกของคณะรักษา ความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่มิได้มาจากการเลือกตั้ง ได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียงที่ได้มาเป็นลำดับที่หนึ่ง ด้วยจำนวน 79 เสียง จากจำนวนที่นั่งทั้งหมด 360 ที่นั่ง จึงเป็น แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งผสมด้วยพรรคการเมืองอีก 4 พรรค คือพรรคความหวังใหม่, พรรคพลังธรรม, พรรคเอกภาพ และพรรคกิจสังคม มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมดร้อยละ 42 นับว่ามากกว่าการเลือกตั้งก่อนหน้านั้นเมื่อเดือนมีนาคม ประมาณร้อยละ 5 มีจำนวนบัตรเสียคิดเป็นร้อยละ 1.27 และ มีการรณรงค์การเลือกตั้งครั้งนี้มิให้มีการทุจริต โดย คณะกรรมการองค์กรกลาง ใช้คำขวัญที่ว่า “ขายเสียง ขายสิทธิ เหมือนขายชีวิต ขายชาติ” (ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, 2555) การเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในระดับจังหวัดของอุดรธานี แบ่งพื้นที่การเลือกตั้งเป็น 4 เขต มีสมาชิกสภาผู้แทนได้เขตละ 3 คน รวมผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสภา ผู้แทนราษฎรทั้งหมด 12 คน ดังต่อไปนี้ เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี และอำเภอเพ็ญ 1. นายวิชยั ชยั จติ วณิชกลุ สงั กัดพรรคความหวงั ใหม ่ 2. นางเตือนใจ นอุ ปุ ละ สงั กัดพรรคประชาธิปัตย ์ 3. นายเฉลิมพล สนิทวงศช์ ยั สังกดั พรรคความหวังใหม่ 205
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี เขต 2 พื้นที่อำเภอหนองบัวลำภู อำเภอนากลาง อำเภอ สุวรรณคหู า อำเภอบ้านผือ อำเภอน้ำโสม และกิ่งอำเภอนายงู 4. นายไพรัช นชุ ติ สังกัดพรรคกิจสังคม 5. นายกิตตศิ ักดิ์ หัตถสงเคราะห์ สงั กัดพรรคชาติไทย 6. นายวิเชียร ขาวขำ สงั กัดพรรคชาติพัฒนา เขต 3 พื้นที่อำเภอบ้านดุง อำเภอหนองหาน อำเภอ ไชยวาน อำเภอศรีธาตุ อำเภอวังสามหมอ อำเภอทุ่งฝน อำเภอ สร้างคอม และกิ่งอำเภอพิบูลย์รักษ์ 7. นายไชยยศ จิรเมธากร สังกัดพรรคประชาธิปตั ย์ 8. นายประสพ บุษราคัม สังกดั พรรคชาตพิ ฒั นา 9. นายเกียรติชยั ชยั เชาวรัตน์ สังกดั พรรคความหวังใหม ่ เขต 4 พื้นที่อำเภอกุมภวาปี อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอ กุดจับ อำเภอโนนสัง อำเภอโนนสะอาด อำเภอหนองวัวซอ และอำเภอหนองแสง 10. นายประจวบ ไชยสาสน์ สังกดั พรรคชาตพิ ัฒนา 206
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 11. นายรกั เกยี รติ สุขธนะ สังกัดพรรคกจิ สงั คม 12. นายไชยา พรหมา สังกัดพรรคชาตพิ ฒั นา สมาชิกสภาผู้แทนชุดที่ 19 (พ.ศ. 2538) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2538 เป็นการเลือกตั้งในประเทศไทยครั้งที่ 20 มีสืบเนื่องจากภายหลังการลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลกรณีการแจกเอกสารสิทธิที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ที่รับผิดชอบ โดยพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2538 ก่อนหน้านั้นพรรคพลังธรรม ซึ่งเป็น พรรคร่วมรัฐบาลมีมติงดออกเสียง แต่นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้รับผิดชอบก็ยังได้ รับความไว้ใจวางใจให้ดำรงตำแหน่งต่อไป วันต่อมาพรรค พลังธรรมถอนตัวออกจากการร่วมเป็นรัฐบาล ทำให้นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีตัดสินใจที่จะตราพระราชกฤษฎีกา ยุบสภาขึ้นในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2538 และได้จัดให้มี การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2538 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, น. 65-66) การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบผสม ระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบและวิธีการเดียวกับ การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา แต่ใช้เกณฑ์ราษฎรหนึ่งแสน ห้าหมื่นคนต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนึ่งคน มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้ 391 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งสิ้น 207
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี 37,817,983 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 23,496,746 คน (คิดเป็น ร้อยละ 62.13) จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ์มากที่สุดคือ มุกดาหาร (คิดเป็นร้อยละ 83.80) และน้อยที่สุด คือ กรุงเทพฯ (คิดเป็น ร้อยละ 49.82) (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, น. 52 – 53) ผลการเลือกตั้งระดับประเทศ พรรคชาติไทย ที่นำโดย นายบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้านได้รับคะแนน มาเปน็ ลำดบั หนง่ึ ดว้ ยจำนวน 91 ทน่ี ง่ั ขณะทพ่ี รรคประชาธปิ ตั ย์ ซึ่งเป็นรัฐบาลได้มาเป็นลำดับต่อมา คือ 86 ที่นั่ง พรรค ความหวังใหม่ได้รับเลือกมาเป็นลำดับที่สาม 57 ที่นั่ง และพรรค อื่นๆ รวมทั้งหมด 391 ที่นั่ง ต่อมานายบรรหาร ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหด้ ำรงตำแหนง่ นายกรฐั มนตรี ในวนั ท่ี 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 21ของประเทศไทยและสิ่งสำคัญ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ ปรากฏว่ามีการทุจริตการเลือกตั้ง ค่อนข้างมาก โดยหัวคะแนนของหลายพรรคการเมืองถูกจับได้ พร้อมหลักฐานเป็นเงินสด พร้อมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งและ เอกสารระบวุ า่ ไดจ้ า่ ยเงนิ ไปแลว้ หลายราย ซง่ึ มตี วั เลขประมาณการ ถงึ จำนวนเงนิ ทใ่ี ชใ้ นการทจุ รติ การเลอื กตง้ั ถงึ 20,000 ลา้ นบาท การเลือกตั้งในจังหวัดอุดธานี มีทั้งหมด 4 เขตเลือกตั้ง (เขต 1 และเขต 2 เขตละ 3 คน ส่วนเขต 3 และเขต 4 เขตละ 2 คน) มีผู้สมัครรับเลือกตั้งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งหมด 10 คน ดังต่อไปนี้ เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี และอำเภอเพ็ญ 208
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1. นายเฉลิมพล สนิทวงศช์ ยั สังกัดพรรคความหวงั ใหม่ ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับหนึ่ง 82,925 คะแนน 2. นายพูลศกั ดิ์ อยู่ประเสริฐ สงั กัดพรรคเสรธี รรม ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับสอง 81,922 คะแนน 3. นายวิชยั ชยั จติ วณชิ กุล สังกัดพรรคความหวงั ใหม่ ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับสาม 70,300 คะแนน เขต 2 พื้นที่อำเภอหนองหาน อำเภอสร้างคอม อำเภอบ้านดุง อำเภอทุ่งฝน อำเภอไชยวาน อำเภอวังสามหมอ กิ่งอำเภอพิบลู ย์รักษ์ และกิ่งอำเภอกู่แก้ว 4. นายขจิตร ชัยนิคม สังกัดพรรคความหวงั ใหม่ ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับหนึ่ง 89,178 คะแนน 5. นายเกยี รติชัย ชัยเชาวรตั น์ สงั กดั พรรคความหวังใหม่ ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับสอง 67,754 คะแนน 6. นายประสพ บษุ ราคัม สังกดั พรรคชาติพฒั นา ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับสาม 67,021 คะแนน เขต 3 พื้นที่อำเภอกุดจับ, อำเภอบ้านผือ, อำเภอ หนองวัวซอ, อำเภอน้ำโสม และกิ่งอำเภอนายูง 209
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี 7. นายวเิ ชียร ขาวขำ สงั กัดพรรคกจิ สังคม ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับหนึ่ง 60,699 คะแนน 8. นายสรุ ชาติ ชำนาญศลิ ป์ สงั กัดพรรคเสรีธรรม ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับสอง 57,408 คะแนน เขต 4 พื้นที่อำเภอกุมภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอ หนองแสง และอำเภอศรีธาตุ 9. นายประจวบ ไชยสาส์น พรรคชาตพิ ฒั นา ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับหนึ่ง 61,188 คะแนน 10. นายรักเกยี รติ สุขธนะ พรรคกิจสังคม ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับสอง 49,755 คะแนน สมาชิกสภาผู้แทนชุดท่ี 20 (พ.ศ. 2539) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 เป็นการเลือกตั้ง ในประเทศไทยครั้งที่ 21 มีขึ้นเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2539 ที่มาของการเลือกตั้ง ครั้งนี้สืบเนื่องจากนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล ได้ตราพระราช กฤษฎีกายุบสภาเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2539 เพราะก่อนหน้านั้นไม่นานมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดย พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน การอภิปรายฯ ครั้งนั้น 210
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีหลายกรณีทั้งข้อสงสัยเรื่องสัญชาติกำเนิดของบิดา นายบรรหาร, การหลีกเลี่ยงที่จะเสียภาษีจำหน่ายที่ดินให้กับ ธนาคารแห่งประเทศไทยของรัฐบาล, การรับเงินสนับสนุนจาก นายราเกซ สักเสนา ซึ่งเป็นอาชญากรจากคดียักยอกเงินของ ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ, กรณีคัดลอกวิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงของนายบรรหาร เป็นต้น สร้างความ สะเทือนแก่เสถียรภาพของรัฐบาลเป็นอย่างมาก ต่อมาก่อนวัน ลงมติอภิปรายฯ พรรคร่วมรัฐบาลได้มีมติที่จะให้นายบรรหาร ลาออกจากตำแหน่ง มิฉะนั้นจะไม่ยกมือไว้วางใจให้ แต่นาย บรรหารต่อรองที่จะขอลาออกภายใน 7 วันแทน ขณะเดียวกัน ได้มีความพยายามที่จะรวบรวมเสียงสนับสนุนของพรรค ร่วมรัฐบาลต่างๆ ที่จะสนับสนุน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ด้วยจำนวนเสียง 118 เสียง แต่ทว่า นายบรรหารได้เลือกที่จะยุบสภาฯ ในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2539 (ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, น. 69-70) สำหรับการเลือกตั้งในระดับประเทศมีขึ้นเมือวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 ครั้งนี้ได้ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎกติกา ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2534 (แก้ไข เพิ่มเติม ฉบับที่ 5 พ.ศ.2538) และพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2538 เช่น เดียวกันกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 20 เมื่อ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 จนเป็นเหตุให้ การเลือกตั้งใน วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ถึง 393 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 24,070,750 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด 38,564,593 คน คิดเป็น 211
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี ร้อยละ 62.42 มีบัตรเสีย 632,502 บัตร คิดเป็นร้อยละ 2.63 มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะพึงมี 393 คน ต่อจำนวน 156 เขตเลือกตั้ง และมีหน่วยเลือกตั้ง 63,378 หน่วย (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2549, น. 53) ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครจำนวน 13 พรรค โดยประกอบ ไปด้วย พรรคชาติพัฒนา, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคชาติไทย, พรรคประชากรไทย, พรรคกิจสังคม, พรรคเอกภาพ, พรรค พลังธรรม, พรรคความหวังใหม่, พรรคเสรีธรรม, พรรคมวลชน, พรรคไท, พรรคเสรีประชาธิปไตย, และพรรคแรงงานไทย พรรคการเมืองที่ผู้สมัครได้รับเลือกตั้ง มีจำนวนทั้งหมด 11 พรรค สำหรับพรรคการเมืองที่ผู้สมัครไม่ได้รับเลือกตั้ง มีทั้งหมด 2 พรรค ได้แก่ พรรคเสรีประชาธิปไตย และพรรค แรงงานไทย ผลการเลือกตั้งได้ส่งผลให้พรรคความหวังใหม่ เป็น พรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงสูงสุด จนได้เป็นพรรคแกนนำใน การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ พรรคชาติพัฒนา, พรรคประชากรไทย, พรรคมวลชน, พรรคเสรีธรรม และพรรคกิจสังคม รวมเป็น จำนวนพรรครัฐบาลจำนวน 6 พรรคการเมือง โดยพรรครัฐบาล มีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งเท่ากับ 221 เสียง ต่อพรรคฝ่ายค้าน ที่มีคะแนนเสียงเพียง 172 เสียง จำนวน 5 พรรคการเมือง อันประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์, พรรคชาติไทย, พรรค เอกภาพ, พรรคพลังธรรม และพรรคไท ชัยชนะของพรรค ความหวังใหม่ ในการเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ครั้งนี้ ยังส่งผลให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรค ความหวังใหม่ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 22 212
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2539 สาเหตุที่ทำให้พรรค ความหวังใหม่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เนื่องมาจากมี สมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้ย้ายพรรคเข้าร่วมสังกัดกับพรรค ความหวังใหม่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสมาชิกของพรรค ชาติไทย ที่นำโดย “กลุ่มวังน้ำเย็น” ของนายเสนาะ เทียนทอง แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่รัฐบาลของพลเอกชวลิต บริหาร ประเทศได้มีเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบ เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เหตุการณ์ดังกล่าวคือ การที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยทำการปกป้องค่าเงินบาทจากการ โจมตีของนักค้าเงินข้ามชาติ และการประกาศลอยตัวค่า เงินบาท ต่อมาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจได้เลวร้ายลง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2540 รัฐบาลประกาศ เปลี่ยนแปลงวิธีการกำหนดค่าเงินจากระบบตะกร้ามาเป็นระบบ ลอยตัว แต่ผลจากการกระทำนี้มิได้ช่วยแก้ปัญหาให้ดีขึ้น แต่กลับเป็นตัวตอกย้ำเร่งให้วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจให้ ลุกลามมากยิ่งขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน มาเป็นระบบลอยตัวทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงจาก 25 บาทต่อ ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และต่ำลง เรื่อย ๆ จนถึง 56 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้หนี้ต่างๆ ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทต่างๆ ในประเทศพุ่งขึ้นอย่าง รวดเร็ว บริษัทจำนวนมากเข้าสู่ภาวะล้มละลาย จนกระทั่งเกิด ภาวะการว่างงานตลาดหุ้นตกต่ำและราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูง ผลักดันให้ราคาสินค้าต่างๆ เพิ่มขึ้นสูงตามไปด้วย และเป็นเหตุ ให้ไทยต้องสูญเสียอำนาจทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการเข้ามา กำหนดทิศทางเศรษฐกิจของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ 213
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี (IMF) เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นผลให้คนไทย ต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เนื่องจากการเข้ามาของ IMF ส่งผลให้ไทยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่รัฐบาลต้องรับไปปฏิบัติ คือจะต้องกระทำการปิดสถาบันการเงินที่มีปัญหาโดย รัฐบาลไทยได้ประกาศปิดสถาบันการเงิน 42 แห่งเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2540 และรัฐต้องลดการใช้จ่ายของประเทศ และของคนไทย และเงื่อนไขอีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือ การสร้างความโปร่งใส (transparency) และธรรมาภิบาล (good governance) ให้เกิดขึ้นในวงราชการธุรกิจไทย เนื่องจากเห็นว่า วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากระบบ “ทุนนิยม พวกพ้อง” (crony capitalism) โดยต้องแก้ปัญหาด้วยการเปิดเสรี ทางเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้น การเข้ามาของ IMF ส่งผลให้คนไทยเริ่มหมดหวังกับ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล และเริ่มสูญสิ้นศรัทธา และความเชื่อมั่นต่อนักการเมืองไทยและระบบราชการไทย จนไม่สามารถจะไว้วางใจต่อไปได้ ทั้งสองเหตุการณ์นี้ไม่ว่าจะ เป็นการปกป้องค่าเงินบาทจากการโจมตีของนักค้าเงินข้ามชาติ หรือการประกาศลอยตัวค่าเงินบาท รวมถึงพฤติกรรมที่ไม่ โปร่งใสของรัฐบาลได้ส่งผลให้การบริหารประเทศของรัฐบาล พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ต้องสิ้นสุดลงในเวลาเพียง 11 เดือน ด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 และส่งผลให้นายชวน หลีกภัย ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2 ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 (พิษณุ สุ่มประดิษฐ์, 2558) 214
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำหรบั การเลอื กตง้ั ในระดบั จงั หวดั อดุ รธานี แบบแบง่ เขต มี 4 เขตเลือกตั้ง (เขต 1 และเขต 2 เขตละ 3 คน ส่วนเขต 3 และเขต 4 เขตละ 2 คน) และมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับ เลือกตั้งทั้งหมด 10 คน ดังต่อไปนี้ 1. น า ย เ ฉ ลิ ม พ ล ส นิ ท ว ง ศ์ ชั ย สั ง กั ด พ ร ร ค ความหวงั ใหม่ เขต 1 พน้ื ทอ่ี ำเภอเมอื งอดุ รธานี และอำเภอเพญ็ 2. พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ สังกัดพรรค ความหวงั ใหม่ เขต 1 พน้ื ทอ่ี ำเภอเมอื งอดุ รธานี และอำเภอเพญ็ 3. นายวิชัย ชัยจิตวณิชกุล สังกัดพรรคความหวัง ใหม่ เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี และอำเภอเพ็ญ 4. นายขจิตร ชัยนิคม สังกัดพรรคความหวังใหม่ เขต 2 พื้นที่อำเภอหนองหาน อำเภอสร้างคอม อำเภอบ้านดุง อำเภอทุ่งฝน อำเภอไชยวาน อำเภอวังสามหมอ กิ่งอำเภอ พิบลู ย์รักษ์ และกิ่งอำเภอกู่แก้ว 5. นายเกียรติชัย ชัยเชาวรัตน์ สังกัดพรรค ความหวังใหม่ เขต 2 พื้นที่อำเภอหนองหาน อำเภอสร้างคอม อำเภอบ้านดุง อำเภอทุ่งฝน อำเภอไชยวาน อำเภอวังสามหมอ กิ่งอำเภอพิบูลย์รักษ์ และกิ่งอำเภอกู่แก้ว 6. นายวิชัย เอี่ยมวงศ์ สังคมพรรคความหวังใหม่ เขต 2 พื้นที่อำเภอหนองหาน อำเภอสร้างคอม อำเภอบ้านดุง อำเภอทุ่งฝน อำเภอไชยวาน อำเภอวังสามหมอ กิ่งอำเภอ พิบูลย์รักษ์ และกิ่งอำเภอกู่แก้ว 215
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี 7. นายโชคสมาน สีลาวงษ์ สังกัดพรรคกิจสังคม เขต 3 พื้นที่อำเภอกุดจับ อำเภอบ้านผือ อำเภอหนองวัวซอ อำเภอน้ำโสม และอำเภอนายูง 8. นายสุรชาติ ชำนาญศิลป์ สังกัดพรรคเสรีธรรม (พ.ศ. 2535) เขต 3 พื้นที่อำเภอกุดจับ อำเภอบ้านผือ อำเภอ หนองวัวซอ อำเภอน้ำโสม และอำเภอนายูง 9. นายประจวบ ไชยสาส์น สังกัดพรรคชาติพัฒนา (พ.ศ. 2535) เขต 4 พื้นที่อำเภอกุมภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอหนองแสง และอำเภอศรีธาตุ 10. นายรกั เกยี รติ สขุ ธนะ สงั กดั พรรคกจิ สงั คม เขต 4 พื้นที่อำเภอกุมภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอหนองแสง และ อำเภอศรีธาตุ สมาชิกสภาผู้แทนชุดท่ี 21 (พ.ศ. 2544) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการ ทั่วไปครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 สืบเนื่องมาจาก ที่นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2543 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้ง ทั่วไปครั้งแรกหลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ซึ่งบัญญัติส่งเสริมให้มีรัฐบาลที่เข้มแข็ง โดยพรรคการเมืองก็จะ เข้มแข็งด้วย ทั้งยังมีมาตรการส่งเสริมพรรคการเมืองขนาดใหญ่ กับมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มาจัดการเลือกตั้งเป็น ครั้งแรก ทั้งนี้ในการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกนี้อีกเช่นกันที่มีการแบ่ง 216
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็น 2 ประเภท โดย ประเภทแรก ได้แบ่งเขตเลือกตั้งเป็นเขตเล็ก มีผู้แทนราษฎรได้ คนเดียว มีเขตเลือกตั้งแบ่งทั่วประเทศอยู่ 400 เขต และประเภท ที่ 2 ใช้ประเทศไทยเป็นเขตเลือกตั้งและให้มีผู้แทนราษฎรในเขต นี้ได้รวมทั้งสิ้น 100 คน ทางพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัคร ประเภทนท้ี ี่เรียกว่า แบบบญั ชรี ายช่ือ ได้พรรคละไมเ่ กิน 100 คน ดังนั้นประเภทหลังนี้จึงเป็นผู้แทนของพรรค การได้ที่นั่งในสภา ของผู้แทนประเภทนี้ต้องคิดจากจำนวนคะแนนเสียงที่แต่ละ พรรคไดร้ บั ในวนั ทเ่ี ลอื กตง้ั ซง่ึ ประชาชนจะไดส้ ทิ ธใิ นการออกเสยี ง ทั้ง 2 ประเภทแยกกันเพียงแต่มีเงื่อนไขว่าคะแนนเสียงที่แต่ละ พรรคได้รับแล้วเอามาคำนวณเพื่อได้จำนวนผู้แทนราษฎรนั้น ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนผู้ออกเสียงเลือกตั้งที่ออก มาใช้สิทธิ์ลงคะแนน(ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง, 2550, น. 71-72) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระดับจังหวัด อุดรธานี แบบแบ่งเขตทั้งหมด 10 เขตพื้นที่ ผลการเลือกตั้ง พบว่ามีผู้สมัครรับเลือกตั้งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ทั้งหมด 10 คน (1 เขต 1 คน) (สำนักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2545) ดังต่อไปนี้ 1. นายศราวธุ เพชรพนมพร สงั กดั พรรคชาตพิ ฒั นา เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี(เฉพาะในเขตเทศบาลนคร อุดรธานี (ยกเว้นชุมชนบ้านนาดี ชุมชนบ้านหนองหิน ชุมชน บ้านช้าง ชุมชนบ้านโพนบก ชุมชนบ้านหนองตูม และชุมชน บ้านหนองใหญ่) ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง 18,648 คะแนน 217
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี 2. นายอรรถพล สนทิ วงศช์ ยั สงั กดั พรรคไทยรกั ไทย เขต 2 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี (เฉพาะในเขตเทศบาลนคร อุดรธานี (เฉพาะชุมชนบ้านนาดี ชุมชนบ้านหนองหิน ชุมชน บ้านช้าง ชุมชนบ้านโพนบก ชุมชนบ้านหนองตูม และชุมชน บ้านหนองใหญ่) ตำบลนาข่า ตำบลหนองบัว (นอกเขตเทศบาล นครอุดรธานี) ตำบลหมูม่น ตำบลเชียงยืน ตำบลหนองนาคำ ตำบลกุดสระ ตำบลนาดี ตำบลบ้านเลื่อม ตำบลเชียงพิณ ตำบลสามพร้าว ตำบลบ้านจั่น และตำบลหนองขอนกว้าง (นอกเขตเทศบาลนครอุดรธานี) ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับ หนึ่ง 23,518 คะแนน 3. นายวิชัย ชัยจิตวณิชกุล สังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 3 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี (เฉพาะ ตำบลบ้านขาว และ ตำบลนากว้าง) อำเภอเพ็ญ และอำเภอสร้างคอม ได้รับคะแนน เสียงเป็นอันดับหนึ่ง 24,724 คะแนน 4. นายธีระยุทธ วานิชชัง สังกัดไทยรักไทย เขต 4 พ้นื ท่ีอำเภอเมอื งอุดรธานี (เฉพาะตำบลบ้านตาด ตำบลหนองไฮ ตำบลโคกสะอาด ตำบลนิคมสงเคราะห์ ตำบลโนนสูง และ ตำบลหนองไผ่) อำเภอโนนสะอาด อำเภอหนองแสง และอำเภอ หนองวัวซอ (เฉพาะตำบลหนองบัวบาน) ได้รับคะแนนเสียงเป็น อันดับหนึ่ง 22,777 คะแนน 5. นายไชยยศ จริ เมธากร สงั กดั พรรคประชาธปิ ตั ย์ เขต 5 พื้นที่อำเภอบ้านดุง และอำเภอทุ่งฝน ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับหนึ่ง 26,597 คะแนน 218
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 6. นายทองดี มนิสสาร สังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 6 พื้นที่อำเภอหนองหาน อำเภอพิบูลย์รักษ์ และกิ่งอำเภอกู่แก้ว (เฉพาะตำบลโนนทองอินทร์ และตำบลค้อใหญ่) ได้รับคะแนน เสียงเป็นอันดับหนึ่ง 22,507 คะแนน 7. นายธีระชัย แสนแก้ว สังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 7 พื้นที่อำเภอวังสามหมอ อำเภอศรีธาตุ อำเภอไชยวาน และกิ่งอำเภอกู่แก้ว (ยกเว้นตำบลโนนทองอินทร์ และตำบล ค้อใหญ่) ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง 22,278 คะแนน 8. นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น สังกัดพรรคเสรีธรรม เขต 8 พื้นที่อำเภอกุมภวาปี และกิ่งอำเภอประจักษ์ศิลปาคม ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง 53,054 คะแนน 9. นายธราพงษ์ สีลาวงษ์ สังกัดพรรคเสรีธรรม พื้นที่อำเภอกุดจับ อำเภอบ้านผือ (เฉพาะ ตำบลเขือน้ำ ตำบล คำบง ตำบลโนนทอง และตำบลหนองหัวคู) และอำเภอ หนองวัวซอ (ยกเว้นตำบลหนองบัวบาน) ได้รับคะแนนเสียงเป็น อันดับหนึ่ง 24,469 คะแนน 10. นายสุรชาติ ชํานาญศิลป์ สังกัดพรรคเสรีธรรม พื้นที่อำเภอน้ำโสม อำเภอนายูง และ อำเภอบ้านผือ(ยกเว้น ตำบลเขือน้ำ ตำบลคำบง ตำบลโนนทอง และตำบลหนองหัวคู) ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง 29,562 คะแนน การเลือกตั้งทั่วไปในระดับประเทศครั้งนี้ มีผู้มีสิทธิ์ เลือกตั้งอยู่ทั้งหมด 42,759,001 คน มาใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง จริงจำนวน 29,904,940 คน คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 69.94 219
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี ผลการเลือกตั้งก็ปรากฏดังนี้ (สำนักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร, 2549, น. 53 – 54) 1. พรรคไทยรักไทย ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมกัน 248 คน 2. พรรคประชาธิปัตย์ ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมกัน 128 คน 3. พรรคชาติไทย ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมกัน 41 คน 4. พรรคความหวังใหม่ ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมกัน 36 คน 5. พรรคชาติพัฒนา ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมกัน 29 คน 6. พรรคเสรีธรรม ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมกัน 14 คน 7. พรรคราษฎร ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมกัน 2 คน 8. พรรคถิ่นไทย ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมกัน 1 คน 9. พรรคกิจสังคม ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมกัน 1 คน หลังจากการเลือกตั้ง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ประกาศรับรองแล้ว พรรคไทยรักไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้ง 220
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลขึ้นเป็นรัฐบาลผสม 3 พรรค โดยมีพรรคชาติไทยกับ พรรคความหวังใหม่เข้าร่วมและมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หวั หนา้ พรรคไทยรกั ไทยเปน็ นายกรฐั มนตรี ในวนั ท่ี 9 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2544 รัฐบาลที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชุดนี้อยู่บริหาร ประเทศได้ครบวาระ 4 ปี และจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไปใน พ.ศ. 2548 ข้อสังเกตที่น่าสนใจในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 คือ เป็นการเลือกตั้งทั่วไปที่พรรค ไทยรักไทย ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคได้ลงสู่ สนามเลือกตั้งเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่พรรคไทยรักไทย เข้าแข่งขันเลือกตั้งแล้วได้คะแนนมากเป็นอันดับหนึ่ง แม้จะได้ ไมม่ ากกวา่ กง่ึ หนง่ึ ของจำนวนสมาชกิ ทง้ั หมดของสภาผแู้ ทนราษฎร แต่ก็มากพอที่จะเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลที่หาพรรคการเมืองอื่น มาร่วมรัฐบาลได้ง่าย และพรรคการเมืองอื่นก็ต้องยอมพรรค ไทยรักไทย (นรนิติ เศรษฐบุตร, 2558). สมาชิกสภาผู้แทนชุดที่ 22 (พ.ศ. 2548) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 ในประเทศไทย มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 สาเหตุขอของการเลือกตั้งครั้งที่ 23 ของประเทศ เนื่องมาจากสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ได้รับการเลือกตั้งมา เมื่อ พ.ศ. 2544 ครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2548 จึงเป็นการเลือกตั้งอันเนื่องมาจากสภาฯ อยู่ครบวาระที่หาได้ ยากมากในประเทศไทย ในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นการเลือกตั้ง ทั่วไปครั้งที่ 2 ของการใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 จึงไม่มีการ เปลี่ยนแปลงทั้งรูปแบบและเขตเลือกตั้งเหมือนกับการเลือกตั้ง 221
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี ทั่วไปครั้งก่อน นายกรัฐมนตรีขณะที่มีการเลือกตั้งครั้งนี้ได้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่งสำคัญในการ เ ล ื อ ก ต ั ้ ง ค ร ั ้ ง น ี ้ ไ ด ้ แ ก ่ พ ร ร ค ไ ท ย ร ั ก ไ ท ย ท ี ่ ใ ห ญ ่ ข ึ ้ น ก ว ่ า เ ด ิ ม เพราะมีรวมสมาชิกจากพรรคต่างๆ ได้แก่ พรรคความหวังใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม พรรคเสรีธรรม และพรรค เอกภาพ เข้ากับพรรคไทยรักไทย ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็น พรรคฝ่ายค้านสำคัญ มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้า พรรค (สมบัติ ธำรงธัญวงศ์, 2548, น. 900-901) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด อุดรธานี แบบแบ่งเขตทั้งหมด 10 เขต พื้นที่ ผลการเลือกตั้ง พบว่ามีผู้สมัครรับเลือกตั้งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ทั้งหมด 10 คน (1เขต 1 คน) (สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง, 2548) ดังต่อไปนี้ 1. นายศราวุธ เพชรพนมพร สังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี(เฉพาะในเขตเทศบาลนครอุดรธานี (ยกเว้นชุมชนบ้านนาดี ชุมชนบ้านหนองหิน ชุมชนบ้านช้าง ชุมชนบ้านโพนบก ชุมชนบ้านหนองตูม และชุมชนบ้าน หนองใหญ่) ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง 41,868 คะแนน จากผู้สมัครแข่งขันภายในเขต 1 ขณะนั้นจำนวนทั้งหมด 4 คน ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 60,241 คน บัตรดีจำนวน 54,018 บัตรเสียจำนวน 2,714 และไม่ประสงค์ลงคะแนน จำนวน 3,509 2. นายอรรถพล สนิทวงศ์ชัย สังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 2 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี (เฉพาะในเขตเทศบาลนคร 222
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อุดรธานี (เฉพาะชุมชนบ้านนาดี ชุมชนบ้านหนองหิน ชุมชน บ้านช้าง ชุมชนบ้านโพนบก ชุมชนบ้านหนองตูม และชุมชน บ้านหนองใหญ่) ตำบลนาข่า ตำบลหนองบัว (นอกเขตเทศบาล นครอุดรธานี) ตำบลหมูม่น ตำบลเชียงยืน ตำบลหนองนาคำ ตำบลกุดสระ ตำบลนาดี ตำบลบ้านเลื่อม ตำบลเชียงพิณ ตำบลสามพร้าว ตำบลบ้านจั่น และตำบลหนองขอนกว้าง (นอกเขตเทศบาลนครอุดรธานี) ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับ หนึ่ง 53,946 คะแนน จากผู้สมัครแข่งขันภายในเขต 2 ขณะนั้น จำนวนทง้ั หมด 2 คน ผอู้ อกมาใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั จำนวน 85,413 คน บัตรดีจำนวน 76,496 บัตรเสียจำนวน 6,041 และไม่ประสงค ์ ลงคะแนนจำนวน 2,876 3. นายวิชัย ชัยจิตวณิชกุล สังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 3 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี (เฉพาะ ตำบลบ้านขาว และ ตำบลนากว้าง) อำเภอเพ็ญ และอำเภอสร้างคอม ได้รับ คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง 50,094 คะแนน จากผู้สมัครแข่ง ขันภายในเขต 3 ขณะนั้นจำนวนทั้งหมด 4 คน ผู้ออกมาใช้สิทธิ เลือกตั้งจำนวน 69,857 คน บัตรดีจำนวน 64,981 บัตรเสีย จำนวน 3,886 และไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 990 4. นายธีระยุทธ วานิชชัง สังกัดไทยรักไทย เขต 4 พื้นที่ อำเภอเมืองอุดรธานี (เฉพาะตำบลบ้านตาด ตำบลหนองไฮ ตำบลโคกสะอาด ตำบลนิคมสงเคราะห์ ตำบลโนนสูง และ ตำบลหนองไผ่) อำเภอโนนสะอาด อำเภอหนองแสง และอำเภอ หนองวัวซอ (เฉพาะตำบลหนองบัวบาน) ได้รับคะแนนเสียงเป็น อันดับหนึ่ง 51,486 คะแนน จากผู้สมัครแข่งขันภายในเขต 4 223
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี ขณะนั้นจำนวนทั้งหมด 4 คน ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 72,473 คน บัตรดีจำนวน 66,760 บัตรเสียจำนวน 4,405 และ ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 1,308 5. นางสาวรสพิมล จิรเมธากร สังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 5 พื้นที่อำเภอบ้านดุง และอำเภอทุ่งฝน ได้รับคะแนนเสียง เป็นอันดับหนึ่ง 41,375 คะแนน จากผู้สมัครแข่งขันภายในเขต 5 ขณะนั้นจำนวนทั้งหมด 6 คน ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 64,067 คน บัตรดีจำนวน 60,485 บัตรเสียจำนวน 2,990 และไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 592 6. นายทองดี มนิสสาร สังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 6 พื้นที่อำเภอหนองหาน อำเภอพิบูลย์รักษ์ และกิ่งอำเภอกู่แก้ว (เฉพาะตำบลโนนทองอินทร์ และตำบลค้อใหญ่) ได้รับคะแนน เสียงเป็นอันดับหนึ่ง 37,685 คะแนน จากผู้สมัครแข่งขันภายใน เขต 6 ขณะนั้นจำนวนทั้งหมด 7 คน ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 65,714 คน บัตรดีจำนวน 61,697 บัตรเสียจำนวน 3,401 และไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 616 7. นายธีระชัย แสนแก้ว สังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 7 พื้นที่อำเภอวังสามหมอ อำเภอศรีธาตุ อำเภอไชยวาน และ กิ่งอำเภอกู่แก้ว (ยกเว้นตำบลโนนทองอินทร์ และตำบล ค้อใหญ่) ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง 51,403 คะแนน จากผู้สมัครแข่งขันภายในเขต 7 ขณะนั้นจำนวนทั้งหมด 7 คน ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 74,110 คน บัตรดีจำนวน 70,367 บัตรเสียจำนวน 3,094 และไม่ประสงค์ลงคะแนน จำนวน 649 224
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 8. นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น สังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 8 พื้นที่อำเภอกุมภวาปี และกิ่งอำเภอประจักษ์ศิลปาคม ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง 51,617 คะแนน จากผู้สมัคร แข่งขันภายในเขต 8 ขณะนั้นจำนวนทั้งหมด 4 คน ผู้ออกมาใช้ สิทธิเลือกตั้งจำนวน 70,551 คน บัตรดีจำนวน 64,996 บัตรเสีย จำนวน 4,026 และไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 1,529 9. นายธราพงษ์ สีลาวงษ์ สังกัดพรรคไทยรักไทย พื้นที่ อำเภอกุดจับ อำเภอบ้านผือ (เฉพาะ ตำบลเขือน้ำ ตำบลคำบง ตำบลโนนทอง และตำบลหนองหัวคู) และอำเภอหนองวัวซอ (ยกเว้นตำบลหนองบัวบาน) ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง 53,104 คะแนน จากผู้สมัครแข่งขันภายในเขต 9 ขณะนั้น จำนวนทง้ั หมด 6 คน ผอู้ อกมาใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั จำนวน 71,556 คน บัตรดีจำนวน 66,535 บัตรเสียจำนวน 3,712 และไม่ประสงค ์ ลงคะแนนจำนวน 1,309 10. นายสุรชาติ ชํานาญศิลป์ สังกัดพรรคไทยรักไทย พื้นที่อำเภอน้ำโสม อำเภอนายูง และ อำเภอบ้านผือ(ยกเว้น ตำบลเขือน้ำ ตำบลคำบง ตำบลโนนทอง และตำบลหนองหัวคู) ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง 38,497 คะแนน จากผู้สมัคร แข่งขันภายในเขต 10 ขณะนั้นจำนวนทั้งหมด 6 คน ผู้ออกมา ใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 73,163 คน บัตรดีจำนวน 69,100 บัตรเสียจำนวน 3,218 และไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 845 การเลือกตั้งทั่วไปในระดับประเทศครั้งนี้เป็นการเลือกตั้ง ทางตรงแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและระบบบัญชีรายชื่อซึ่งเป็น ระบบและวิธีการเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 20 โดยมี 225
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวนทั้งสิ้น 500 คน มาจากการ เลือกตั้งแบบแบ่งเขต เลือกตั้ง 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั้งสิ้น 44,572,101 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 32,341,330 คน (คิดเป็นร้อยละ 72.56) จังหวัดที่มีผู้ใช้สิทธิมากที่สุดคือลำพูน (คิดเป็นร้อยละ 86.56) และน้อยที่สุด คือ หนองคาย (คิดเป็นร้อยละ 62.55) การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชี รายชอ่ื จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ 44,572,101 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 32,341,330 คน คิดเป็นร้อยละ 72.56 จำนวนบัตรดี 31,048,291 ใบ คิดเป็นร้อยละ 96.00 บัตรเสีย 935,586 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.89 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 357,515 คิดเป็นร้อยละ 1.11 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชี แบง่ เขต จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ 44,572,101 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 32,337,611 คน คิดเป็นร้อยละ 72.55 จำนวนบัตรดี 29,657,745 ใบ คิดเป็นร้อยละ 91.72 บัตรเสีย 1,938,590 ใบ คิดเป็นร้อยละ 5.99 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 741,276 คิดเป็นร้อยละ 2.29 ผลการเลือกตั้งหลังการประกาศรับรองผลของคณะ กรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งหมด 500 คน ดังนี้ 226
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1. พรรคไทยรักไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 377 คน 2. พรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 96 คน 3. พรรคชาติไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 25 คน 4. พรรคมหาชน ไดส้ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเฉพาะเขตเลก็ ทง้ั หมด 2 คน พรรคไทยรักไทย ซึ่งได้หมายเลข 9 ใช้คำขวัญหาเสียงว่า “4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง” และได้รับการเลือกตั้งเกินครึ่งหนึ่งของ สภาผู้แทนราษฎร คือ 377 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 500 ที่นั่ง แม้ก่อนหน้านี้พรรคไทยรักไทยจะได้รับเสียงเกินครึ่งของสภา ผู้แทนราษฎรมาแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค ส่วนฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ ได้หมายเลข 4 หาเสียงด้วย คำขวัญ “ทวงคืนประเทศไทย” และรณรงค์ให้เลือกพรรค ประชาธิปัตย์ให้ได้ 201 ที่นั่ง เพื่อที่จะตรวจสอบรัฐบาลได้ด้วย การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ ได้ 96 ที่นั่ง แต่ พื้นที่ภาคใต้ได้ถึง 52 ที่นั่ง จากทั้งหมด 54 ที่นั่ง ในขณะที่พรรค ชาติไทยซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ได้หมายเลข 1 หาเสียงด้วย คำขวัญ “สัจจะนิยม” ได้ 25 ที่นั่ง ต่อมาภายหลังได้เข้าร่วมเป็น ฝ่ายค้าน และพรรคมหาชน ได้หมายเลข 11 ซึ่งก่อตั้งก่อนหน้า การเลือกตั้งไม่นาน เป็นพรรคที่ได้รับ การคาดหมายว่าจะได้ที่ นั่งจำนวนมาก กลับได้เพียง 2 ที่นั่ง ดังนั้นเมื่อเปิดการประชุม สภาผู้แทนราษฎร พรรคไทยรักไทยเพียงพรรคการเมืองเดียว 227
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี ก็ตั้งรัฐบาลได้ ในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2548 มีการแต่งตั้ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีสืบต่อมาทันที พรรคการเมอื งอน่ื 3 พรรคจงึ เปน็ พรรคฝา่ ยทม่ี พี รรคประชาธปิ ตั ย์ เป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก การทพ่ี รรคไทยรกั ไทยชนะมากไดเ้ สยี งในสภาผแู้ ทนราษฎร เกินกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด ก็ทำให้รัฐบาลของพรรคไทยรักไทยสามารถบริหารงานโดย พรรคฝ่ายค้านแทบจะตรวจสอบอะไรนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะจำนวนสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน 123 คนนั้นมีไม่พอที่จะยื่น ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 185 บัญญัติว่า “สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าสองในห้าของจำนวนสมาชิก ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อเสนอ ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี” การกำหนดจำนวนถึง “สองในห้า” ของสมาชิกจึงนับว่ามากไป ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายค้านยังมีเสียงไม่ถึง 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นจำนวนที่ระบุไว้ในมาตรา 304 ของ รัฐธรรมนูญที่จะมีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้ ถอดถอนบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการ ระดับสูง ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 303 ของรัฐธรรมนูญ อีกด้วย ซึ่งบุคคลเหล่านี้ก็มีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรวมอยู่ ด้วย ข้อสังเกตสำคัญในการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 คอื การทพ่ี รรคไทยรกั ไทยชนะเลอื กตง้ั ไดเ้ สยี งดงั ทก่ี ลา่ วมาแลว้ น้ี 228
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แทนที่จะทำให้รัฐบาลของพรรคไทยรักไทยในสมัยที่ 2 มี เสถียรภาพทางการเมืองมากดังที่มีคนคาดการณ์ไว้กลับปรากฏ ว่าพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลต่อมาได้ประมาณหนึ่งปีก็พบกัน แรงคา้ นในสภา และการชมุ นมุ ตอ่ ตา้ นนอกสภา จนนายกรฐั มนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องหาทางแก้ปัญหาทางการเมือง โดยการยุบสภาในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 เพื่อจัดการ เลือกตั้งใหม่ ทั้งๆ ที่บริหารประเทศภายหลังการเลือกตั้งมาได้ ไม่ถึงหนึ่งปี และการเลือกตั้งทั่วไปที่มีขึ้นมาใหม่ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 ก็เป็นการเลือกตั้งที่พรรคฝ่ายค้านเดิม 3 พรรคร่วมกันประท้วงโดยไม่ยอมลงแข่งขันด้วย และเป็นการ เลือกตั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (สมบัติ ธำรงธัญวงศ์, 2548, น. 900-901) สมาชิกสภาผู้แทนชุดที่ 23 (พ.ศ. 2550) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 (การเลือกตั้งครั้งที่ 24 ของประเทศไทย) เป็นการ เลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และครั้งแรกภายหลังการรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 กำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 รัฐธรรมนูญได้ถูกร่างขึ้นภายหลังจากที่ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหาร ได้ทำการยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยใช้ชื่อว่าคณะปฏิรูป การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย ์ 229
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี ทรงเป็นประมุข (คปค.) ภารกิจหลักสำคัญของ คปค.นี้ คือ การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ด้วยการมีส่วนร่วมอย่าง กว้างขวางจากประชาชนในทุกขั้นตอน โดยจัดให้มีสภา ร่างรัฐธรรมนูญ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ให้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบและจัดให้มีการออกเสียง ประชามติว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่าง รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ทั้งนี้ด้วยการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาทาง การเมืองใหม่ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรและสมาชกิ วฒุ สิ ภา พ.ศ. 2550 จึงเป็นเหตุให้ระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีความแตกต่างไปจากเดิม 3 ประการหลัก ดังต่อไปนี้ 1) จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบ เขตเดียวหลายคน โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนแบบเขตเดียวหลาย คนทั้งประเทศจำนวน 400 คน จาก 76 จังหวัด ดังนี้ 1.1 เขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้ไม่เกิน 3 คน จะมีเขตเลือกตั้งเดียว ได้แก่ 1.1.1 จังหวัดที่มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 1 คน มี 4 จังหวัด ได้แก่ ระนอง, สมุทรสงคราม, สิงห์บุรี และ ตราด 1.1.2 จังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 2 คน มี 10 จังหวัด ได้แก่ พังงา, นครนายก แม่ฮ่องสอน, สตูล, อา่ งทอง, ภเู กต็ , อทุ ยั ธาน,ี มกุ ดาหาร, ชยั นาท และอำนาจเจรญิ 230
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1.1.3 จังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คน มี 17 จังหวัด ได้แก่ กระบี่, ลำพูน ปราจีนบุรี, เพชรบุรี, สมุทรสาคร, อุตรดิตถ์, ยะลา, แพร่, น่าน, ชุมพร, พะเยา, ประจวบคีรีขันธ์,หนองบัวลำภู, จันทบุรี, พัทลุง, ตาก และ สระแก้ว 1.2 เขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่มี สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้เกิน 3 คน มี 2 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ 1.2.1 จังหวัดที่มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 4 คน มี 11 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร, พิจิตร, ระยอง ตรัง, สุโขทัย, สระบุรี, เลย, ปัตตานี, ฉะเชิงเทรา, นครพนม และนราธิวาส 1.2.2 จังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 5 คน มี 9 จงั หวดั ไดแ้ ก่ กำแพงเพชร, ลพบรุ ี พระนครศรอี ยธุ ยา, ลำปาง, นครปฐม, ราชบุรี, กาญจนบุรี, สุพรรณบุรี และ พิษณุโลก 1.2.3 จังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 6 คน มี 7 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี, หนองคาย มหาสารคาม, สุราษฏร์ธานี, กาฬสินธุ์, นนทบุรี และเพชรบูรณ์ 1.3 เขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่มี สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้เกิน 3 คนมี 3 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ 1.3.1 จังหวัดที่มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 7 คน มี 4 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์, สมุทรปราการ, สกลนคร และชัยภมู ิ 231
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี 1.3.2 จังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 8 คน มี 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี, เชียงราย ร้อยเอ็ด และสงขลา 1.3.3 จังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 9 คน มี 2 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ และศรีสะเกษ 1.4 เขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่มี สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้เกิน 3 คน มี 4 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ 1.4.1 จังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 10 คน มี 3 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช, อุดรธานี และ บุรีรัมย์ 1.4.2 จังหวัดที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 11 คน มี 3 จงั หวดั ไดแ้ ก่ เชยี งใหม,่ ขอนแกน่ และอบุ ลราชธาน ี 1.5 เขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่มี สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้เกิน 3 คนมี 6 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ 1.5.1 จังหวัดที่มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 16 คน มี 1 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา 1.6 เขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่มี สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้เกิน 3 คนมี 12 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ 1.6.1 จังหวัดที่มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 36 คน มี 1 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร มีทั้งหมดใน กรุงเทพมหานคร 12 เขตการเลือกตั้ง จะมีจำนวน สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร เขตละ 3 คน 232
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2) จัดการเลือกตั้งแบบสัดส่วน โดยกำหนดให้กลุ่ม จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จำนวน 8 กลุ่มจังหวัด และแต่ละกลุ่ม จะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เพียง 10 คน โดยมีสมาชิกสภา ผู้แทนแบบเขตเดียวหลายคนทั้งประเทศจำนวน 80 คน ซึ่งเมื่อ วันที่ 17 ตุลาคม 2550 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มี มติแบ่งเขตเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบสัดส่วน มี 8 กลุ่มจังหวัด แต่ละกลุ่มมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 10 คน ดังนี้ กลมุ่ ท่ี 1 มจี ำนวน 11 จงั หวดั ประชากรรวม 7,615,610 คน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, พะเยา, น่าน, ลำปาง, ลำพูน, แพร่, สุโขทัย, ตาก และกำแพงเพชร กลมุ่ ท่ี 2 มจี ำนวน 9 จงั หวดั ประชากรรวม 7,897,563 คน ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, ลพบุรี, นครสวรรค์ และอุทัยธานี กลมุ่ ท่ี 3 มจี ำนวน 10 จงั หวดั ประชากรรวม 7,959,163 คน ได้แก่ จังหวัดหนองคาย, อุดรธานี, เลย, นครพนม, สกลนคร, หนองบัวลำภู, กาฬสินธุ์, มุกดาหาร, มหาสารคาม และ อำนาจเจริญ กลมุ่ ท่ี 4 มจี ำนวน 6 จงั หวดั ประชากรรวม 7,992,434 คน ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด, ยโสธร, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์ และบุรีรัมย์ กลมุ่ ท่ี 5 มจี ำนวน 10 จงั หวดั ประชากรรวม 7,818,710 คน ได้แก่ นครราชสีมา, นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด และปทุมธานี 233
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี กลมุ่ ท่ี 6 มจี ำนวน 3 จงั หวดั ประชากรรวม 7,802,639 คน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี และสมุทรปราการ กลมุ่ ท่ี 7 มจี ำนวน 15 จงั หวดั ประชากรรวม 7,800,965 คน ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี, สุพรรณบุรี, นครปฐม, ราชบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, ระนอง, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, สมุทรสาคร และ สมุทรสงคราม กลมุ่ ท่ี 8 มจี ำนวน 12 จงั หวดั ประชากรรวม 7,941,622 คน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี, พังงา, นครศรีธรรมราช, กระบี่, ภูเก็ต, ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา, ปัตตานี, นราธิวาส และ ยะลา 3) เปลี่ยนมานับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งแทนสถานที่นับ คะแนนผลการเลือกตั้งกลาง การเลอื กตง้ั ในครง้ั นม้ี จี ำนวนผสู้ มคั รทง้ั หมด 5,154 คน มีจำนวนผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด 1,260 คน และแบบ แบ่งเขตเลือกตั้ง 3,894 คน ซึ่งมาจากพรรคการเมืองส่งผู้สมัคร แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 39 พรรค และมีพรรคการเมืองส่ง ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 31 พรรค โดยประกอบไปด้วย 1) พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครทั้งในระบบการ เลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ และระบบการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต เลือกตั้ง จำนวนทั้งหมด 27 พรรค ได้แก่ พรรคพลังประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคชาติไทย พรรค รวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคประชาราช 234
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย พรรคความหวังใหม่ พรรคไทเป็นไท พรรคเกษตรกรไทย พรรคประชามติ พรรค รักเมืองไทย พรรคไทยร่ำรวย พรรคพลังเกษตรกร พรรค พลังแผ่นดิน พรรคพัฒนาประชาธิปไตย พรรคประชากรไทย พรรคคุณธรรม พรรคดำรงไทย พรรคพลังแผ่นดินไท พรรค ชาติสามัคคี พรรคเอกราช พรรคนิติศาสตร์ไทย พรรคนำวิถี พรรคมหาชน และพรรคกฤษไทยมั่นคง 2) พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแต่เฉพาะระบบ การเลือกแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 12 พรรค คือ พรรค สยามสันติ พรรคสยาม พรรคเผ่าไท พรรคเสียงประชาชน พรรคอุดมรัฐ พรรคกสิกรไทย พรรคเพื่อนเกษตรไทย พรรค แนวสังคมประชาธิปไตย พรรคประชาชาติไทย พรรครักษ์ไทย พรรคสังคมไท และพรรคศรีสยาม 3) พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแต่เฉพาะระบบ การเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 4 พรรค คือ พรรคราษฎร รักไทย พรรคแรงงาน พรรคสังคมธิปไตย และพรรคอยู่ดีมีสุข 4) พรรคการเมืองที่ผู้สมัครได้รับเลือกตั้ง มีจำนวน ทั้งหมด 7 พรรค คือ พรรคพลังประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรค รวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรคประชาราช 5) พรรคการเมืองที่ผู้สมัครไม่ได้รับเลือกตั้ง มีทั้ง หมด 36 พรรค ได้แก่ พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย พรรคความหวังใหม่ พรรคไทเป็นไท พรรคเกษตรกรไทย พรรค ประชามติ พรรครักเมืองไทย พรรคไทยร่ำรวย พรรค 235
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 460
Pages: