นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี พลังเกษตรกร พรรคพลังแผ่นดิน พรรคพัฒนาประชาธิปไตย พรรคประชากรไทย พรรคคุณธรรม พรรคดำรงไทย พรรค พลังแผ่นดินไท พรรคชาติสามัคคี พรรคเอกราช พรรค นิติศาสตร์ไทย พรรคนำวิถี พรรคมหาชน พรรคกฤษไทยมั่นคง พรรคสยามสันติ พรรคสยาม พรรคเผ่าไท พรรคเสียงประชาชน พรรคอุดมรัฐ พรรคกสิกรไทย พรรคเพื่อนเกษตรไทย พรรค แนวสังคมประชาธิปไตย พรรคประชาชาติไทย พรรครักษ์ไทย พรรคสังคมไท พรรคศรีสยาม พรรคราษฎรรักไทย พรรคแรงงาน พรรคสังคมธิปไตย และพรรคอยู่ดีมีสุข สำหรับในช่วงการ เลือกตั้งจำนวนประชาชน 62,828,706 คน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 44,002,593 คน วิธีการที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสามารถออก มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้ในขณะนั้นมีอยู่ 4 วิธีด้วยกัน คือ 1) เลือกตั้งนอกราชอาณาจักร มีผู้ลงทะเบียน ขอใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 80,161 คน มีผู้ออกมาใช้สิทธ ิ เลือกตั้ง จำนวน 58,807 คน (คิดเป็นร้อยละ 73.36) 2) เลือกตั้งล่วงหน้า นอกเขตจังหวัด มีผู้ลง ทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 2,095,410 คน มีออกมาใช้ สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 1,831,351 คน (คิดเป็นร้อยละ 87.40) 3) เลือกตั้งล่วงหน้า ในเขตเลือกตั้ง มีออกมา ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 1,124,065 คน 4) เลือกตั้งในวันเลือกตั้งที่กำหนด แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 4.1 การเลือกตั้งแบบสัดส่วน มีจำนวนผู้ใช้ สิทธิเลือกตั้ง 32,792,246 คน (ร้อยละ74.52) จำนวนบัตรเสีย 236
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1,823,436 บัตร (ร้อยละ 5.56) และจำนวนบัตรไม่ประสงค์ลง คะแนน 935,306 บัตร (ร้อยละ 2.85) 4.2 การเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ผู้ใช้ สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 32,775,868 คน (ร้อยละ 74.49) จำนวน บตั รเสยี 837,775 บตั ร (รอ้ ยละ 2.56) และจำนวนบตั รไมป่ ระสงค์ ลงคะแนน 1,499,707 บัตร (ร้อยละ 4.58) ภายหลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551 อันเนื่องมาจากพรรคพลังประชาชนที่ได้รับคะแนนเสียงจาก การเลือกตั้งมากที่สุด จำนวน 233 ที่นั่ง และเป็นพรรคแกนนำ ในการจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับ พรรคชาติไทย 34 ที่นั่ง, พรรค เพื่อแผ่นดิน 24 ที่นั่ง, พรรคมัชฌิมาธิปไตย 11 ที่นั่ง, พรรค รวมใจไทยชาติพัฒนา 9 ที่นั่ง และพรรคประชาราช 5 ที่นั่ง รวมคะแนนเสียงพรรคร่วมรัฐบาลทั้งสิ้น 316 ที่นั่ง ต่อพรรคฝ่าย ค้านเพียงพรรคเดียว คือ พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 164 ที่นั่ง แต่นายสมัคร สุนทรเวช ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสิ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องมาจากการจัดรายการ “ชิมไปบ่นไป” และ “ยกโขยง หกโมงเช้า” เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2551 จนเป็นเหตุให้ต้องมีการ เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2551 ในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ผลการลงคะแนนเลือก นายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทยคือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ การเข้ามาเป็นผู้นำฝ่ายบริหารของนายสมชาย 237
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี ได้จุดชนวนปัญหาทางการเมืองไทยอีกครั้ง นายสมชาย เป็น น้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ รัฐบาลนายสมชายก็ไม่สามารถจะดำรงอยู่ได้เนื่องมาจาก ศาลรัฐธรรมได้มีคำสั่งให้ยุบพรรคพลังประชาชนในวันที่ 2 ธันวาคม 2551 ด้วยสาเหตุมาจากการทุจริตการเลือกตั้งของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช และมีคำสั่งให้ตัดสิทธิทางการเมือง หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค จนเป็นเหตุให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จำต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปโดยปริยาย ต่อจากนั้นในวันที่ 15 ธันวาคม 2551 สภาผู้แทนราษฎร จึงได้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นนายกรัฐ มนตรีคนที่ 3 ภายใต้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 25 (เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550) และเนื่องมาจาก การเกิดกระแสการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองขึ้น กลุ่มพรรค ร่วมรัฐบาลได้สนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน จากพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของ ประเทศไทย (นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, 2558) ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2553 ได้เกิดการชุมนุมประท้วงรัฐบาล และเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม โดยมี ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากเดินทางมาจากต่างจังหวัด การชมุ นมุ คราวนเ้ี ปน็ การชมุ นมุ ทม่ี ผี มู้ ารว่ มชมุ นมุ เปน็ จำนวนมาก แรกเริ่มจากการชุมนุมอย่างสงบ และเริ่มมีมาตรการกดดัน รัฐบาลโดยกระจายกันเดินไปในกรุงเทพฯ ไปที่หน้าทำเนียบ รัฐบาลไปที่บ้านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และที่พรรค 238
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประชาธิปัตย์ โดยมีการเทเลือดและทำพิธีกรรมเป็นการกดดัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ การชุมนุมประท้วงได้ขยายตัวขึ้นในเดือนเมษายน มีการ ใช้อาวุธสงคราม เช่น ลอบยิงระเบิดชนิดเอ็ม 79 แต่ก็หาตัว ผู้ทำผิดไม่ได้ จนรัฐบาลต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในวันที่ 8 เมษายน และให้ฝ่ายทหารสลายการชุมนุมที่บริเวณ ถนนราชดำเนินกลาง ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ทางผู้ประท้วง ก็ย้ายไปรวมและปักหลักต้านรัฐบาลที่ราชประสงค์ ทำให้มีการ ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับผู้ชุมนุมประท้วงจนมีการ เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก การเสียชีวิตนี้มีทั้งผู้ที่มาชุมนุมประท้วงและ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ความขัดแย้งทางการเมืองที่เพิ่มระดับขึ้น เป็นการใช้อาวุธจนมีการเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่จะ ต้องพิสูจน์กันต่อไปนั้น ทำให้เห็นได้ถึงความแตกแยกอย่างมาก ของผู้สนับสนุนกลุ่มการเมืองในสังคมไทย รัฐบาลที่อยู่ใน สถานการณว์ กิ ฤตจึงไดห้ าทางออกโดยการยุบสภาผ้แู ทนราษฎร ในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 (นรนิติ เศรษฐบุตร, 2558) สำหรับจังหวัดอุดรธานีอยู่ในเกณฑ์การเลือกตั้งแบบ แบ่งเขตที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกิน 3 คน แบ่ง 4 เขต เลอื กตง้ั มผี สู้ มคั รทไ่ี ดร้ บั เลอื กตง้ั ใหด้ ำรงสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ทั้งหมด 10 คน (เขต1 และ เขต2 เขตละ 3 คน ส่วนเขต 3 และ เขต 4 เขตละ 2 คน) ดังนี้ 1. พ.ต.ท. สุรทิน พิมานเมฆินทร์ สังกัดพรรคพลัง ประชาชน เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอหนองแสง และอำเภอประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งได้รับคะแนนมากเป็นอันดับที่ 239
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี หนึ่ง คือ 81,263 คะแนน จากผู้ลงสมัครทั้งหมด 33 คน มีผู้ออก มาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 1 จำนวน 217,242 บัตรดีจำนวน 201,685 บัตรเสียจำนวน 2,997 ไม่ประสงค์ลงคะแนน 12,554 2. นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ สังกัดพรรคภูมิใจไทย เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอหนองแสง และอำเภอ ประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งได้รับคะแนนมากเป็นอันดับที่สอง คือ 74,090 คะแนน จากผู้ลงสมัครทั้งหมด 33 คน มีผู้ออกมาใช้ สิทธิเลือกตั้งในเขต 1 จำนวน 217,242 บัตรดีจำนวน 201,685 บัตรเสียจำนวน 2,997 ไม่ประสงค์ลงคะแนน 12,554 3. นายอนันต์ ศรีพันธุ์ สังกัดพรรคพลังประชาชน เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอหนองแสง และอำเภอ ประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งได้รับคะแนนมากเป็นอันดับที่สาม คือ 73,409 คะแนน จากผู้ลงสมัครทั้งหมด 33 คน มีผู้ออกมา ใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 1 จำนวน 217,242 บัตรดีจำนวน 201,685 บัตรเสียจำนวน 2,997 ไม่ประสงค์ลงคะแนน 12,554 4. นายธีระชัย แสนแก้ว สังกัดพรรคพลังประชาชน เขต 2 พื้นที่อำเภอหนองหาน อำเภอ กุมภวาปี อำเภอ โนนสะอาด อำเภอศรีธาตุ อำเภอไชยวาน อำเภอวังสามหมอ และอำเภอกู่แก้ว ซึ่งได้รับคะแนนมากเป็นอันดับที่หนึ่ง คือ 115,790 คะแนน จากผู้ลงสมัครทั้งหมด 33 คน มีผู้ออกมาใช้ สิทธิเลือกตั้งในเขต 2 จำนวน 215,194 บัตรดีจำนวน 205,601 บัตรเสียจำนวน 3,477 ไม่ประสงค์ลงคะแนน 6,115 ต่อมานั้น มีนายเกียรติ์อุดม เมนะสวัสดิ์ (ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งแทน นายธีระชัย แสนแก้ว เพราะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี) 240
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 5. นายทองดี มนิสสาร สังกัดพรรคพลังประชาชน เขต 2 พื้นที่อำเภอหนองหาน อำเภอกุมภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอศรีธาตุ อำเภอไชยวาน อำเภอวังสามหมอ และอำเภอ กู่แก้ว ซึ่งได้รับคะแนนมากเป็นอันดับที่สอง คือ 106,428 คะแนน จากผู้ลงสมัครทั้งหมด 33 คน มีผู้ออกมาใช้สิทธิ เลือกตั้งในเขต 2 จำนวน 215,194 บัตรดีจำนวน 205,601 บัตรเสียจำนวน 3,477 ไม่ประสงค์ลงคะแนน 6,115 6. นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น สังกัดพรรคพลังประชาชน เขต 2 พน้ื ทอ่ี ำเภอหนองหาน อำเภอกมุ ภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอศรีธาตุ อำเภอไชยวาน อำเภอวังสามหมอ และอำเภอ กแู่ กว้ ซง่ึ ไดร้ บั คะแนนมากเปน็ อนั ดบั ทส่ี าม คอื 100,125 คะแนน จากผู้ลงสมัครทั้งหมด 33 คน มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 2 จำนวน 215,194 บัตรดีจำนวน 205,601 บัตรเสียจำนวน 3,477 ไม่ประสงค์ลงคะแนน 6,115 7. นายประสพ บุษราคัม สังกัดพรรคพลังประชาชน เขต 3 พื้นที่อำเภอเพ็ญ อำเภอสร้างคอม อำเภอบ้านดุง อำเภอ ทุ่งฝน และอำเภอพิบูลย์รักษ์ ซึ่งได้รับคะแนนมากเป็นอันดับที่ หนึ่ง คือ 56,697คะแนน จากผู้ลงสมัครทั้งหมด 20 คน มีผู้ออก มาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 3 จำนวน 142,640 บัตรดีจำนวน 135,103 บัตรเสียจำนวน 4,093 ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3,444 (แต่ถูกใบแดงมีการเลือกตั้งซ่อม) ซึ่งนายไชยยศ จิรเมธากร สังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้รับการเลือกตั้งดำรงตำแหน่งแทน นายประสพ บุษราคัม 241
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี 8. นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น สังกัดพรรคพลังประชาชน เขต 3 พื้นที่อำเภอเพ็ญ อำเภอสร้างคอม อำเภอบ้านดุง อำเภอ ทุ่งฝน และอำเภอพิบูลย์รักษ์ ซึ่งได้รับคะแนนมากเป็นอันดับที่ สอง คือ 44,422 คะแนน จากผู้ลงสมัครทั้งหมด 20 คน มีผู้ออก มาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 3 จำนวน 142,640 บัตรดีจำนวน 135,103 บัตรเสียจำนวน 4,093 ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3,444 9. นายวิเชียร ขาวขำ สังกัดพรรคพลังประชาชน เขต 4 พื้นที่อำเภอบ้านผือ อำเภอน้ำโสม อำเภอนายูง อำเภอกุดจับ และอำเภอหนองวัวซอ ซึ่งได้รับคะแนนมากเป็นอันดับที่หนึ่ง คือ 76,875 คะแนน จากผู้ลงสมัครทั้งหมด 20 คน มีผู้ออกมา ใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 4 จำนวน 153,841 บัตรดีจำนวน 146,115บัตรเสียจำนวน 3,918 ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3,808 10. นายเกรยี งศกั ด์ิ ฝา้ ยสงี าม สงั กดั พรรคพลงั ประชาชน เขต 4 พื้นที่อำเภอบ้านผือ อำเภอน้ำโสม อำเภอนายูง อำเภอ กุดจับ และอำเภอหนองวัวซอ ซึ่งได้รับคะแนนมากเป็นอันดับที่ สอง คือ 45,288คะแนน จากผู้ลงสมัครทั้งหมด 20 คน มีผู้ออก มาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 4 จำนวน 153,841 บัตรดีจำนวน 146,115บัตรเสียจำนวน 3,918 ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3,808 สมาชิกสภาผู้แทนชุดท่ี 24 (พ.ศ. 2554) การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 เป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย เปน็ การทว่ั ไปครง้ั ท่ี 25 ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ตามความในพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร 242
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 ที่ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเสีย ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 การแบ่งเขตการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรผู้แทนครั้งนี้ แบบแบ่งเขตในครั้งนี้มีรูปแบบการลงคะแนนเป็นแบบเขตเดียว เบอร์เดียว คือ การแบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 375 เขต โดยยึดหลักให้ แต่ละเขตนั้นมีจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกันให้มากที่สุด ดังนั้นในแต่ละเขตจะมีผู้แทนได้เขตละ 1 คนอย่างเท่าเทียมกัน และผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งสามารถกาบัตรเลือกผู้สมัคร ได้เพียงคนเดียว และมีการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่ออีกจำนวน 125 คน จากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ 46,921,682 คน มีผู้ออกมา ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง คิดเป็นร้อยละ 75.03 พรรคที่ได้รับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อมากที่สุดคือ พรรคเพื่อไทย 15,744,190 คะแนน และรองลงมา คือพรรค ประชาธิปัตย์ 11,433,501 คะแนน จำนวนสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย 265 ที่นั่ง ซึ่งนับเป็น ครั้งที่สองในรอบทศวรรษที่มีพรรคการเมืองได้รับคะแนนเสียง เกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ 159 ที่นั่ง, พรรคภูมิใจไทย 34 ที่นั่ง, พรรคชาติไทยพัฒนา 19 ที่นั่ง, พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 7 ที่นั่ง,พรรคพลังชล 7 ที่นั่ง, พรรครักประเทศไทย 4 ที่นั่ง, พรรคมาตุภูมิ 2 ที่นั่ง, พรรครักษ์สันติ 1 ที่นั่ง, พรรคมหาชน 1 ที่นั่ง และพรรค ประชาธิปไตยใหม่ 1 ที่นั่งเช่นกัน รวมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวนทั้งหมด 500 ที่นั่ง หลังจากการเลือกตั้ง ในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อ 243
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี หยั่งเสียงหาตัวนายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อย และประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ สภาผู้แทนราษฎรก็ได้มีมติ เลือก นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของประเทศไทย นอกจากการเลือกตั้งทั้งหมด 25 ครั้งที่ซึ่งทำให้เกิด การจัดตั้งรัฐบาลทั้งหมด 24 ชุด เกิดขึ้นในการบริหารบ้านเมือง ของประเทศไทยแล้วยังมีการเลือกตั้งครั้งที่ 26 นับว่าเป็น อีกหนึ่งการเลือกตั้งที่สำคัญ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องถูกเพิกถอน เนื่องจาก เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยคะแนน เสียงหกต่อสามว่าเมื่อพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แต่การ เลือกตั้งไม่สามารถแล้วเสร็จทั่วประเทศภายในวันดังกล่าวได้ พระราชกฤษฎีกาจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสอง ที่กำหนดให้การเลือกตั้งต้องเป็นวันเดียวกันทั่วประเทศ และ เมื่อพระราชกฤษฎีกาในส่วนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งไม่ชอบด้วย รัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งนี้จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในจังหวัดอุดรธานี ทั้งหมดจำนวน 1,126,011 คน มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 779,327 คน คิดเป็นร้อยละ 69.21 บัตรดีจำนวน 730,754 บัตร เสียจำนวน 27,029 ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 21,544 โดยมี การแบ่งเขตการเลือกตั้งเป็น 9 เขต เขตละ 1 คน และมีผู้ลง สมัครรับเลือกตั้งที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 9 คน (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดอุดรธานี) ดังต่อไปนี้ 244
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1. นายศราวุธ เพชรพนมพร สังกัดพรรคเพื่อไทย เขต 1 พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี(เฉพาะในเขตเทศบาลนครอุดรธานี เทศบาลเมืองหนองสำโรง เทศบาลตำบลบ้านจั่น และตำบล บ้านเลื่อม) ซึ่งได้รับคะแนนเสียงจำนวน 48,482 จากผู้ออกมา ใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 1 จำนวน 81,344 บัตรดีจำนวน 69,460 บัตรเสียจำนวน 3,639 ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 8,245 2. พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ สังกัดพรรคเพื่อไทย พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี (เฉพาะ ตำบลนิคมสงเคราะห์ ตำบล หนองบัว ตำบลนาดี ตำบลเชียงพิณ ตำบลโนนสูง ตำบลหมูม่น ตำบลเชียงยืน ตำบลหนองนาคำ ตำบลกุดสระ ตำบลสามพร้าว ตำบลบ้านจั่น ตำบลหนองขอนกว้าง ตำบลโคกสะอาด และ ตำบลหนองไผ่) ซึ่งได้รับคะแนนเสียงจำนวน 68,249 จากผู้ออก มาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 2 จำนวน 92,018บัตรดีจำนวน 85,480 บัตรเสียจำนวน 3,290 ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 3,248 3. นายอนันต์ ศรีพันธุ์ สังกัดพรรคเพื่อไทย พื้นที่อำเภอ เมืองอุดรธานี (เฉพาะตำบลบ้านขาว ตำบลนากว้าง และ ตำบลนาข่า) อำเภอเพ็ญ และอำเภอสร้างคอม ซึ่งได้รับคะแนน เสียงจำนวน 62,676 จากผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 3 จำนวน 85,170 บัตรดีจำนวน 80,710 บัตรเสียจำนวน 2,986 ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 1,474 4. นายขจิตร ชัยนิคม สังกัดพรรคเพื่อไทย พื้นที่อำเภอ บ้านดุง อำเภอทุ่งฝน และอำเภอพิบูลย์รักษ์ (ยกเว้นตำบล ดอนกลอย) ซึ่งได้รับคะแนนเสียงจำนวน 52,291 จากผู้ออกมา ใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 4 จำนวน 82,357 บัตรดีจำนวน 78,690 บัตรเสียจำนวน 2,766 ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 901 245
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี 5. นายทองดี มนิสสาร สังกัดพรรคเพื่อไทย พื้นที่ อำเภอกุมภวาปี (เฉพาะตำบลผาสุก ตำบลเชียงแหว และตำบล แชแล) อำเภอหนองหาน อำเภอประจักษ์ศิลปาคม และอำเภอ พิบูลย์รักษ์ (เฉพาะตำบลดอนกลอย) ซึ่งได้รับคะแนนเสียง จำนวน 70,461 จากผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 5 จำนวน 82,509 บัตรดีจำนวน 78,782 บัตรเสียจำนวน 2,447 ไม่ประสงค์ ลงคะแนนจำนวน 1,280 6. นายเกียรติ์อุดม เมนะสวัสดิ์ สังกัดพรรคเพื่อไทย พื้นที่อำเภอวังสามหมอ อำเภอศรีธาตุ อำเภอไชยวาน และ อำเภอกู่แก้ว ซึ่งได้รับคะแนนเสียงจำนวน 56,726 จากผู้ออกมา ใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 6 จำนวน 85,193 บัตรดีจำนวน 81,267 บัตรเสียจำนวน 2,618 ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 1,308 7. นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น สังกัดพรรคเพื่อไทย พื้นที่ อำเภอกุมภวาปี (ยกเว้นตำบลผาสุก ตำบลเชียงแหว และตำบล แชแล) อำเภอโนนสะอาด และอำเภอหนองแสง ซึ่งได้รับ คะแนนเสียงจำนวน 71,845 จากผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 7 จำนวน 91,101 บัตรดีจำนวน 85,599 บัตรเสียจำนวน 3,210 ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 2,292 8. นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม สังกัดพรรคเพื่อไทย พื้นที่ อำเภอเมืองอุดรธานี (เฉพาะตำบลหนองไฮ และตำบลบ้านตาด) อำเภอบ้านผือ (เฉพาะตำบลคำบง ตำบลเขือน้ำ และตำบล หนองหัวคู) อำเภอกุดจับ และอำเภอหนองวัวซอ ซึ่งได้รับ คะแนนเสียงจำนวน 72,729 จากผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 8 จำนวน 91,501 บัตรดีจำนวน 86,935 บัตรเสียจำนวน 3,059 ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 1,507 246
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 9. นางเทียบจุฑา ขาวขำ สังกัดพรรคเพื่อไทย พื้นที่ อำเภอบ้านผือ (ยกเว้นตำบลคำบง ตำบลเขือน้ำ และตำบล หนองหัวคู) อำเภอน้ำโสม และอำเภอนายูง ซึ่งได้รับคะแนน เสียงจำนวน 56,648 จากผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในเขต 9 จำนวน 88,134 บัตรดีจำนวน 83,831 บัตรเสียจำนวน 3,014 ไม่ประสงค์ลงคะแนนจำนวน 1,289 4.2 ข้อมูลประวัติของนักการเมืองถ่ิน จังหวัดอุดรธานี นักการเมืองถิ่นในจังหวัดอุดรธานีที่เคยดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้สภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ พ.ศ. 2476 จนถึง พ.ศ. 2554 รวมทั้งหมดจำนวน 69 คน ประกอบด้วยเพศชาย 65 คน และเพศหญิง 4 คน ซึ่งมีประวัติ ข้อมลู ต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1. ขุนรักษาธนากร (กลึง เพาทธทัต) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขตเลือกตั้ง ที่ 1 พื้นที่ทั้งจังหวัด เมื่อ พ.ศ. 2476 ถือว่าเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรคนแรกของจังหวัดหวัดอุดรธานี 2. นายอ้วน นาครทรรพ นายอ้วน นาครทรรพ ทายาทของพระยาอดุลเดชสยาม เมศวรภักดีวิริยพาหะ (อุ้ย นาครทรรพ) อดีตเจ้าเมืองหลายเมือง ในภาคอีสาน เช่น เจ้าเมืองนครพนม เจ้าเมืองอุดรธานีและเป็น สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร นายอ้วน นาครทรรพ อดีตนายแพทย์สาธารณสุข ผู้มีบทบาทสำคัญคือการเข้าร่วมขบวนการเสรีไทยสายอีสาน 247
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี กับ “ขุนพลภูพาน” ที่มีนายเตียง ศิริขันธ์ อดีตสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนครเป็นแกนนำ กระทั้งจนถึง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี และได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร เช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อนขบวนการเสรีไทยสาย อีสานคนอื่นๆ นายอ้วน นาครทรรพ ได้ดำรงตำแหน่งสมาชิก สภาผู้แทน 2 สมัย ได้แก่ 1) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 1 (พื้นที่ทั้งจังหวัด) เมื่อ พ.ศ. 2480 2) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 1 (พื้นที่ทั้งจังหวัด) เมื่อ พ.ศ. 2489 3. ร้อยโทขุนสรไกรพิศิษฐ (ประจวบ มหาขันธ์) ร้อยโทขุนสรไกรพิศิษฐ (ประจวบ มหาขันธ์) อดีต ขา้ ราชการทหาร ตอ่ มาไดด้ ำรงตำแหนง่ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร จังหวัดอุดรธานี ชุดที่ 3 เขต 1 เขตพื้นที่ทั้งจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2481-กรกฎาคม พ.ศ. 2488 มีบทบาทใน การเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปนโยบายการจัดการ ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2488 สมัยนายทวี บุณยเกตุ เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 การนำประเด็นระเบิดปรมาณู ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ยกขึ้นมาตั้งกระทู้ถามต่อนายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นแต่รัฐบาลก็มิได้ใส่ใจกับปัญหาความ ร้ายแรงของมหันตภัยชนิดนี้ โดยชี้แจงว่าไม่มีข้อมูลและ ไม่สามารถให้คำตอบได้ 248
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 4. นายบุญคุ้ม จันทรศรีสุริยวงศ์ เกิดเมือวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2453 ที่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นบุตรนายเซียะและนางเปลี่ยน จันทรศรีสุริยวงศ์ จบการศึกษาธรรมศาสตร์บัณฑิต ประกอบ อาชีพทนายความ บทบาททางการเมอื ง นายบุญคุ้ม จันทรศรีสุริยวงศ์ เป็นอดีตเลขาธิการพรรค เสรีประชาธิปไตย โดยพรรคก่อตั้งครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2498 โดยมีนายเมธ รัตนประสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค และ ร้อยโทจารุบุตร เรืองสุวรรณ เป็นรองเลขาธิการพรรค พรรค เสรีประชาธิปไตยมีแนวนโยบายโน้มเอียงไปในทางสังคมนิยม เสรี ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 พรรคส่งผู้สมัคร 38 คน และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจำนวน 11 คน ซึ่งเป็นอันดับสามรองจากพรรค เสรีมนังคศิลา และพรรคประชาธิปัตย์ นายบุญคุ้ม จันทรศรีสุริยวงศ์ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ ดังนี้ 1. เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 6 สมัย ดังนี้ 1.1 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 4 เมื่อ สิงหาคม พ.ศ. 2489 (การเลือกตั้งเพิ่มเติม) พื้นที่ทั้ง จังหวัด ไม่สังกัดพรรคการเมือง 249
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี 1.2 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2491 พื้นที่ทั้งจังหวัด ไม่สังกัดพรรคการเมือง 1.3 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 7 เมื่อ พ.ศ. 2495 พื้นที่ทั้งจังหวัด เขตละ 3 คน ไม่สังกัด พรรคการเมือง 1.4 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 8 เมื่อ กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 พื้นที่ทั้งจังหวัด สังกัดพรรค เสรีประชาธิปไตย 1.5 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 9 เมื่อ ธันวาคม พ.ศ.2500 พื้นที่ทั้งจังหวัด สังกัดพรรค เสรีประชาธิปไตย 1.6 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 11 เมื่อ พ.ศ. 2518 พื้นที่ พรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2517) พื้นที่ อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอหนองวัวซอ และกิ่งอำเภอ กุดจับ 2. หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ก่อตั้งในปี 2517 (ยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519) 3. เป็นเลขาธิการพรรคพรรคเสรีประชาธิปไตย โดยมี นายเมธ รัตนประสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค ก่อตั้งครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2498 4. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม คณะรัฐมนตรี ที่ 36 หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2518 - 12 มกราคม พ.ศ. 2519 250
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 5. นายสวน พรหมประกาย นายสวน พรหมประกาย เกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2449 ที่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย การศึกษาใน วัยเด็กได้เริ่มเรียนกับพระอาจารย์ปัน และพระอาจารย์คูหา ที่วัดสาเกศ จังหวัดหนองคาย เมื่อ พ.ศ. 2456 ต่อมาเมื่ออายุ ประมาณ 11 ขวบ ได้บวชเป็นสามเณร พระอาจารย์ได้ส่ง สามเณรเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดหนองคาย คือ โรงเรียนหนองคายพิทยาคม จนจบประถมศึกษาปีที่ 3 ต่อมา ในปี 2464 ได้เข้าศึกษาต่อโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ระหว่าง ศึกษาในระดับมัธยมศึกษา นายสวน พรหมประกาย ได้ลา สิกขา และต่อมาในปี พ.ศ. 2466 สอบไล่วิชาเหล่าปฐม พยาบาลได้ ในชั้นประทวน จากหมวดเสนารักษ์ ร.พัน 22 จังหวัดมณฑลทหารบกอุดรธานี ทำให้นายสวน เริ่มสนใจดูแล สุขภาพ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2470 ได้สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษา ชั้นปีที่ 5 และได้รับข้าราชการครู สอนที่โรงเรียนประจำจังหวัด นครพนม เมื่อปี พ.ศ. 2471 ได้รับเลือกจากแผนกธรรมการมณฑล อุดรธานี(พื้นที่จังหวัดอุดรธานี หนองคาย สกนคร นครพนม ขอนแก่น เลย) ให้ไปศึกษาต่อที่โรงเรียนฝึกหัดครูพลศึกษา กลาง สวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร และสอบไล่ได้ ประกาศนียบัตรครูสอนพลศึกษาเอก (พ.อ.) และเมื่อปี 2472 ได้กลับเข้ารับราชการครูสอนที่โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ครั้งแรก ได้รับเงินเดือน 80 บาท 251
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี เมื่อปี พ.ศ. 2474 นายสวน พรหมประกาย ได้รับ พระราชทานยศเป็นรองอำมาตย์ตรี และ พ.ศ. 2475 ได้สมรส กับนางสาวทองสุ่น วารนุช ซึ่งเป็นบุตรของนายยงค์ นางบุญมี วารนุช อาชีพพ่อค้าหรือนายฮ้อยชาวหนองคาย มีบุตรธิดา ร่วมกันทั้งหมด 6 คน ดังนี้ 1. นายเสรีโรจน์ พรหมประกาย 2. นายเสรีชัย พรหมประกาย 3. นางสาวสุวิมล พรหมประกาย 4. นางสาวประภาศรี พรหมประกาย 5. นายชัยณรงค์ พรหมประกาย 6. นายสุรสีห์ พรหมประกาย นายสวน พรหมประกาย ได้รับพระราชทานเหรียญ พทิ กั ษร์ ฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2479 ตอ่ มาไดเ้ ลอ่ื นเปน็ ผชู้ ว่ ยครใู หญโ่ ท โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล และได้ช่วยราชการในการเรียกร้อง แผ่นดินคืนจากฝรั่งเศส พ.ศ. 2483-2484 จึงได้รับพระราชทาน เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) ในระหว่างรับราชการครู ได้ศึกษาวิชากฎหมาย สอบไล่ได้อนุปริญญาธรรมศาสตร์ บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2485 ต่อมาได้ย้ายไปรักษาการครูใหญ่ตรีที่โรงเรียน ประจำจังหวัดหนองคาย ตลอดชีวิตการเป็นครูของนายสวน พรหมประกาย เป็นที่นิยมยอมรับในบรรดาเพื่อนและศิษย์ทั่วไป ว่า มีความหวังดี และมีความเด็ดขาดในการปฏิบัติหน้าที่ ในช่วงเวลาว่างยามเย็นๆ นายสวน พรหมประกาย จะเรียก ประชุม เพื่ออบรมกิริยามารยาทต่างๆ ว่าทำอย่างไรจะถูกต้อง เหมาะสมในเรื่องการต้อนรับแขก การจัดโต๊ะอาหาร ตลอด 252
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อบรมจิตใจให้ยึดมั่นอยู่ในธรรม ความซื่อสัตย์ ความกตัญญู เป็นที่ตั้งให้แก่ศิษย์ แม้ว่านายสวน พรหมประกาย ย้ายไปสอนที่โรงเรียน ประจำจังหวัดที่หนองคายในช่วง พ.ศ. 2486-2489 แต่ลูกศิษย์ และเพื่อนที่จังหวัดอุดรธานียังเคารพนับถือ และมีการเชิญให้ มาลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จังหวัดอุดรธานี พร้อมกับการให้การสนับสนุน ทำให้นายสวนหันหลังให้กับ ชีวิตการเป็นครู ทั้งๆ ที่จิตใจยังรักความเป็นครูอยู่มาก นายสวน พรหมประกายได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทน 3 สมัย ดังนี้ 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 4 เมื่อ สิงหาคม พ.ศ. 2489 (การเลือกตั้งเพิ่มเติม) พื้นที่ ทั้งจังหวัด ไม่สังกัดพรรคการเมือง 2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2491 พื้นที่ทั้งจังหวัด ไม่สังกัดพรรคการเมือง 3. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 7 เมื่อ พ.ศ. 2495 พื้นที่ทั้งจังหวัด เขตละ 3 คน ไม่สังกัด พรรคการเมือง การที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรติดต่อกัน 3 สมัยนั้น ทำให้ได้ทำงานให้แก่สาธารณประโยชน์ให้แก่ประชาชนใน ท้องถิ่นเป็นอย่างมาก บทบาทในสมัยแรกนั้นได้มีส่วนเสนอ และรับรอง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ.2491 ว่าด้วยการยกฐานะครูประชาบาลให้เป็น ข้าราชการ ในการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 253
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี สมัยที่ 2 นายสวน พรหมประกาย และเตียน กองจินดา ได้ช่วยกันรวบรวมและแปลหนังสือชื่อว่า “ตัวอย่างเรียงความ ภาษาอังกฤษแปลเป็นไทย” แสดงให้เห็นว่ายังมีความเป็นครู ตลอดเวลา รักการเรียนรู่ และในสมัยที่ 3 ได้มีโอกาสเดินทางไป ดูงานต่างประเทศ ทั้งในทวีปเอเชียและยุโรป นอกจากนี้ยังได้ พยายามผลักดันงบประมาณในการสร้างและซ่อมแซมโรงเรียน อุดรพิทยานุกูล โรงเรียนสตรีราชินูทิศ ซ่อมหอนอนโรงเรียน ฝึกหัดครูชาย ซ่อมหอพักและซ่อมแซมโรงเรียนประชาบาล ที่อำเภอเมือง อำเภอเพ็ญ อำเภอหนองหาน อำเภอบ้านผือ อำเภอหนองบัวลำภู (ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู) อำเภอ กุมภวาปี และอำเภอโนนสัง โดยเฉพาะงบประมาณสร้าง โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ซึ่งเป็นตึก 2 ชั้น 1 หลัง เป็นเงินจำนวน 5,700,000 บาท และได้บรูณะวัดและสถานที่ราชการต่างๆ ใน จังหวัดอุดรธานี ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 นายสวน พรหมประกาย ได้ก่อตั้ง “สมาคมอุดรธานีฌาปณสงเคราะห์ (อ.ฌ.ส.)” เพื่อ เป็นการอนุเคราะห์ช่วยเหลือและบำเพ็ญกุศลแก่ชาวจังหวัด อุดรธานีที่ถึงแก่กรรม เมื่อหมดวาระจากการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร นายสวน พรหมประกาย นั้นได้ดำเนินกิจการ ด้านธนาคาร ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการธนาคารการเกษตร จำกัด สาขาอุดรธานี และบุรีรัมย์ ต่อมาเมื่ออายุครบ 60 ปี เริ่มมีสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจึงลาออก กลับมาอยู่ จังหวัดอุดรธานี ระยะนี้ได้บำเพ็ญ ภาวนา รักษาศีล และ ยังชวนเพื่อนที่เป็นข้าราชการเกษียณ พ่อมาปฏิบัติด้วย โดยได้ ตั้งชื่อเป็นคณะ “บำเพ็ญบุญ” มีการชักชวนชาวบ้าน และ 254
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รับชาวบ้านไปทำบุญโดยไปจำศีลปฏิบัติกรรมฐานตามวัด ต่างๆ แม้ว่าจะมุ่งมั่นในการทำบุญเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังให้ความ ร่วมมือให้ความช่วยเหลือในเรื่องการบ้านการเมืองในสังคมอยู่ เชน่ เป็นประธานมลู นธิ วิ ัดมิชฌมิ าวาส ประธานสันนบิ าตเสรีชน สาขาอุดรธานี และประธานสภาจังหวัดอุดรธานี เป็นต้น นายสวน พรหมประกายได้เสียชีวิตลงจากการประสบ อุบัติเหตุ เมื่อ พ.ศ. 2516 รวมอายุได้ 67 ปี ได้รับฉายานามว่า “ครูผู้ใช้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นประโยชน์แก่ การศึกษา ในท้องถิ่น” (สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา, 2518, น. 116 -128.) 6. นายทิม จันสร ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 1 ชุดที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 2492 เลือกตั้งเพิ่มเติม พื้นที่ทั้งจังหวัด ไม่สังกัดพรรคการเมือง 7. หลวงวิวิธสุรการ หลวงวิวิธสุรการ (ถวิล เจียรมานพ) เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2438 ที่จังหวัดสมุทรสงคราม เริ่มเข้ารับราชการในตำแหน่งเสมียน ที่จังหวัดระยอง เมื่อ พ.ศ. 2454 เส้นทางชีวิตตลอด 72 ปี (ถึงแก่ อนิจกรรม เมื่อปี พ.ศ. 2510) ของหลวงวิวิธสุรการ นั้นมีบทบาท สำคัญทั้งด้านราชการ และทางการเมือง ดังต่อไปนี้ 1. เสมียนอัยการมณฑลอุดร เมื่อ พ.ศ. 2458 2. ปลัดฝ่ายขวาอำเภอวังสะพุง เมื่อ พ.ศ. 2460 3. นายอำเภอมุกดาหาร เมื่อ พ.ศ. 2466 255
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี 4. ปลัดจังหวัดนครพนม เมื่อ พ.ศ. 2476 5. ข้าหลวงประจำจังหวัดเลย เมื่อ พ.ศ. 2477 6. ข้าหลวงประจำจังหวัดอุดรธานี เมื่อ พ.ศ. 2482 7. ข้าหลวงประจำจังหวัดนครราชสีมา เมื่อ พ.ศ. 2489 8. รองอธิบดีกรมมหาดไทย (กรมการปกครอง) พ.ศ. 2490 และหลวงวิวิธสุรการ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 7 เมื่อ พ.ศ. 2495 พื้นที่ทั้งจังหวัด เขตละ 3 คน ไม่สังกัดพรรคการเมือง 8. นายญวง เอี่ยมศิลา อาชีพราชการครู และมีบทบาทสำคัญในกลุ่มเสรีไทย สายอีสานในช่วงปี 2477 โดยตำรวจจับกลุ่มพร้อมกับแกนนำ คนสำคัญคือ นายเตียง ศิริขันธ์ เนื่องมาจาก เมืองอุดรธาน ี ในยุคนั้นเป็นยุคของการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์สู่ภาคอีสาน จึงมักจะมีเอกสารใบปลิวออกแจกจ่ายสู่ประชาชนอยู่เสมอ และ ในขณะเดียวกันนายเตียง ศิริขันธ์เกิดมีเรื่องกับตำรวจในท้องถิ่น เนื่องจากหมายปองสาวงามแห่งเมืองอุดรธานีคนเดียวกัน ประกอบกับมีผู้นำธงรูปค้อนกับเคียวชักขึ้นสู่เสาธงโรงเรียน อุดรพิทยานุกูล ทำให้นายตำรวจคนนั้นถือโอกาสทำการจับกุม นายเตียง ศิริขันธ์ พร้อมเพื่อนสนิท คือ นายปั่น แก้วมาตย์ เพื่อนครูคือ นายญวง เอี่ยมศิลา และนายสุทัศน์ สุวรรณรัตน์ ในข้อหากระทำการฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ และเผยแพร่ คอมมิวนิวต์ในโรงเรียน โดยถูกจับกุมเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้น ศาลจึงมีคำสั่งยกฟ้องว่าไม่มีความผิดให้ปล่อยตัวพร้อมนายปั่น 256
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แก้วมาตย์ ส่วนนายญวง เอี่ยมศิลา ศาลได้พิจารณาจำคุกเป็น เวลา 10 ปี นายญวง เอี่ยมศิลาได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทน 3 สมัย ดังนี้ 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 8 จังหวัดอุดรธานี มี 1 เขตละ 4 คน สงั กดั พรรคเสรปี ระชาธปิ ไตย เมอ่ื 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2500 2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 9 จังหวัดอุดรธานี มี 1 เขตละ 4 คน สงั กดั พรรคเสรปี ระชาธปิ ไตย เมอ่ื 15 ธนั วาคม พ.ศ. 2500 และ 3. สมาชิกสภาผู้แทนชุดที่ 10 จังหวัดอุดรธานี มี 1 เขต เขตละ 6 คน สังกัดพรรคสหประชาไทย เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 นายญวง เอี่ยมศิลามีบทบาทในการรัฐประหาร 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 สาเหตุสืบเนื่องจากการที่สมาชิก พรรคสหประชาไทยของจอมพลถนอม กิตติขจร (นายกรัฐมนตร ี ที่มาจากการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2512) นำโดยนายญวง เอี่ยมศิลา ได้เรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทนต่างๆ ตามที่จอมพลถนอม ได้เคยสัญญาไว้ในช่วงเลือกตั้ง เมื่อไม่ได้รับการตอบแทนดังที่ สัญญาไว้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหล่านี้ได้ต่างพากัน เรียกร้องต่างๆ มีการขู่ว่าจะลาออก ซึ่งเหล่านี้เป็นเหตุให้ จอมพลถนอม หัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีซึ่งได้รับฉายา สมัยนั้นว่า “นายกฯ คนซื่อ” ไม่อาจควบคุมสถานการณ์ใน 257
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี สภาฯ ได้ จึงทำการยึดอำนาจตนเองขึ้น โดยไม่มีชื่อเรียก คณะรัฐประหาร แต่เรียกตัวเองเพียงแค่ว่า “คณะปฏิวัติ” 9. นายเกษม ปทุมเวียง ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 8 จังหวัด อุดรธานี มี 1 เขตละ 4 คน สังกัดพรรคเสรีประชาธิปไตย เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 10. นายศรี สงคราม ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 9 จังหวัด อุดรธานี มี 1 เขตละ 4 คน สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 11. นายพิมพ์ มหาพินิจ รับราชการครูที่โรงเรียนอนุบาลโนนสะอาด ซึ่งตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2475 โดยนายอำเภอเป็นผู้จัดตั้งดำรงอยู่ โดยอาศัยเงินงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ จัดตั้ง ครั้งแรกอาศัยอยู่ศาลาวัดบ้านโนนสะอาด (บ้านหนองแวงน้อย) มีนายเหลือบ ปราบศัตรู นายอำเภอกุมภวาปี เป็นประธานเปิด ครูใหญ่คนแรกคือนายบุญเกิด ช้างรักษา นายพิมพ์ มหาพินิจ เป็นครูน้อย จัดการเรียนการสอนตั้งแต่เตรียมประถมศึกษา ปที ี่ 4 ตามหลักสตู รกระทรวงศึกษาธิการ ชอ่ื โรงเรยี นประชาบาล บ้านโนนสะอาด ตำบลปะโค อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ผู้มีอุปการะคุณบริจาคที่ดินสำหรับตั้งโรงเรียนอนุบาล โนนสะอาดในปัจจุบัน คือ นางปราณี กองเงิน ในปีการศึกษา 2542 โรงเรียนได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนอนุบาลโนนสะอาด เป็นโรงเรียนเครือข่ายของโรงเรียนอนุบาลอุดรธานี 258
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายพิมพ์ มหาพินิจ เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 พื้นที่ทั้งจังหวัด ชุดที่ 8 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ 12. นายแสวง พิบูลย์ศราวุธ นายแสวง พิบูลย์สราวุธ อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อุดรธานีและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวไว้ว่า แต่ก่อนนั้นเคยประกอบธุรกิจรับจ้างขนส่งให้กับ ทหารอเมริกันจนสร้างฐานะดี ต่อมามีการตั้งองค์การ ร.ส.พ. ได้มาชวนไปเข้าร่วมกิจการ ก่อนจะก้าวมาเป็นนักการเมือง ท้องถิ่น ได้เป็นประธานสภาจังหวัดอุดรธานีพร้อมกับเป็น ประธานสภาเทศบาลเมืองอุดรธานี ซึ่งสมัยนั้นเป็นผู้มาชักชวน ให้เริ่มต้นเล่นการเมืองระดับชาติ โดยสมัครเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2512 ที่ลงคะแนนเลือกตั้งรวมทั้งจังหวัด และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันดับ 1 ของ จังหวัดอุดรธานี และจนกระทั่งมาถึงยุคที่ พล.ต.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ทาบทามให้มาเป็นรัฐมนตรี ร่วมรัฐบาลในฐานะที่ตนเองเป็นประธานพรรคเกษตรสังคม ในขณะนั้น อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแสวง กล่าวถึง ความหลังว่า จากการที่เป็นนักการเมืองที่ไม่เคยโกงกิน จึงต้อง ใช้จ่ายเงินตลอดในหลายด้าน ทำให้ผลสุดท้ายทั้งบ้านและที่ดิน (ปัจจุบันเป็นที่ดินราคาแพงอยู่ใจกลางเมือง) ที่มีทั้งหมด ต้องขายใช้หนี้เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง ต่อมาหลังจาก พ.ศ. 2519 พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็น แกนนำรัฐบาล วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ก็ได้มีปฏิวัติทำให้ 259
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ นายแสวง พิบูลย์สราวุธ ได้รับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดอุดรธานีเป็นสมัยที่ 2 จนกระทั่งมาสอบตกเมื่อการเลือกตั้ง พ.ศ. 2522 เพราะเริ่มที่จะ มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ซื้อกันหัวละ 50 บาทในสมัยนั้นก็ถือว่า เป็นจำนวนเงินที่มาก ในส่วนของครอบครัวนั้น ภรรยาคนแรกมีทายาททั้งหมด 7 คน หญิง 2 ชาย 5 คน ปัจจุบันคนโตอายุ 54 คนเล็กอายุ 37 ปี ซึ่งไม่ได้อยู่ที่อุดรธานี สมัยนั้นส่งให้ไปเรียนที่กรุงเทพฯ กันหมด ทุกวันนี้ไม่พากันกลับมาจังหวัดอุดรธานีเลย ขณะนี้ ก็ได้แยกกันอยู่แล้ว เลิกกันต่างคนต่างก็ไปมีครอบครัวใหม่ ลูกๆ อาจไม่พอใจที่ตนเองมามีครอบครัวใหม่ก็เลยไม่ได้ติดต่อ กันอีกเลย คำกล่าวนายแสวง กล่าวความรู้สึกว่า “ไม่เป็นไร ผมเองก็ทำดีที่สุดแล้ว ส่งเสียให้เรียนจนจบได้ตำแหน่งการงาน ที่ดีทั้งหมด บอกลูกว่าไม่เป็นไรหรอกพ่ออยู่คนเดียวได้ ซึ่งยอมรับว่ามีชีวิตที่น่าสนใจ เคยเป็นถึงรัฐมนตรีแต่ไม่มีใครเข้า มาดูแล รวมถึงพรรคพวกเพื่อนฝูง ผิดกับรัฐมนตรีรุ่นใหม่ กอบโกยไม่มีใครยากจนสักคน แม้จะไม่มีเงินทองเหลือใช้แต่อยู่ อย่างพอเพียง อย่างไรก็ตาม ยังมีลูกบางคนที่เกิดกับภรรยา อีกคนส่งเงินให้พอได้ใช้เป็นประจำทุกเดือน” นายแสวงกล่าวต่อไปว่า การทำธุรกิจของตนเอง สมัยก่อนนั้นได้รับความไว้วางใจจากทหารอเมริกันที่มาตั้ง ฐานทัพอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ทั้งในเรื่องการรับส่งสินค้า การซักรีด ซึ่งสร้างรายได้เป็นจำนวนมหาศาล รวมทั้งเสี่ย เจ้าของกิจการใหญ่ๆ ในจังหวัดอุดรธานีก็รู้จักมักคุ้นและ 260
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และบางคนก็เป็นเพื่อนกันด้วย เมื่อพอมีเงินก็ถูกชักชวนให้ลงเล่นการเมืองก็ได้เลยในครั้งแรก แต่ปัจจุบันนี้ตนไม่เหลืออะไรเลย แต่ปัจจุบันก็ไม่เคยไปขอรับ การช่วยเหลือจากใครประการใด และตนเองก็ไม่ได้ไปเรียกร้อง อะไรจากใคร เพียงแค่มีคนมาทักทายมาชวนคุยก็ดีใจแล้ว ด้านประวัติการศึกษา จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (เท่ากับ ม.4 ปัจจุบัน) จากโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล เพราะ สมัยก่อนมีถึงแค่ระดับนี้ และใช้วุฒินี้สมัคร สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรโดยที่ไม่ได้เรียนต่ออีกเลย ถนนในเขตเมือง อุดรธานีเมื่อก่อนเป็นถนนลูกรัง ก็เป็นคนเอาเงินงบประมาณ มาสร้าง นอกจากนี้สมัยที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เป็น ผู้ของบประมาณมาสร้างโรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม 60 ล้านบาท ทำให้ทางโรงพยาบาลเห็นความสำคัญของตน โชคดีเวลาป่วยไข้นั้นดีอย่างที่การตรวจรักษาจึงฟรีทุกอย่าง โรงพยาบาลทำห้องเบอร์ 15 เป็นห้องสูทไว้ให้เฉพาะสำหรับ ตนเอง มีแพทย์พยาบาลดแู ลเป็นอย่างดี ชีวิตของนายแสวงฝากเป็นข้อคิดให้กับคนที่กำลังอยาก จะก้าวสู่ถนนการเมืองโดยกล่าวว่า ทุกวันนี้อย่าไปคิดอะไรมาก ส่วนมากนักการเมืองรุ่นเดียวกันนี้เสียชีวิตไปหมดแล้ว ลูกสำเร็จการศึกษามีการงานทำทุกคนจึงไม่ห่วง ภรรยา คนล่าสุดที่มีลูกด้วยกันอีกสองคน ก็เลิกกันแล้ว ขณะนี้ตัวคน เดียวอาศัยอยู่กับหลานคนหนึ่ง ใช้เงินวันละ 100 บาท เป็นถึง อดีตรัฐมนตรีแต่ต้องใช้ชีวิตสบายๆ ไม่ต้องดิ้นร้น มีความสุข สบายก็พอแล้ว (วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, 2558) 261
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี บทบาททางการเมอื ง 1. ประธานสภาจังหวัดอุดรธานี 2. ประธานสภาเทศบาลเมืองอุดรธานี 3. ส ม า ช ิ ก ส ภ า ผู ้ แ ท น ร า ษ ฎ ร จ ั ง ห ว ั ด อ ุ ด ร ธ า น ี เขตเลือกตั้งที่ 1 ทั้งจังหวัด (เขตละ 6 คน) ชุดที่ 10 ไม่สังกัด พรรคการเมือง เมื่อ พ.ศ. 2512 4. ส ม า ช ิ ก ส ภ า ผู ้ แ ท น ร า ษ ฎ ร จ ั ง ห ว ั ด อ ุ ด ร ธ า น ี เขตเลือกตั้งที่ 3 แบบแบ่งเขต (เขตละ 3 คน) ชุดที่ 12 สังกัด พรรคเกษตรสังคมเมื่อ พ.ศ. 2519 5. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 13. นายสกรรจ์ สามเสน ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 10 เขต 1 จังหวัดอุดรธานี (พื้นที่ทั้งจังหวัด) ไม่สังกัดพรรคการเมือง (ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514) 14. นายสะไกร สามเสน ได้รับเลือกตั้งเป็นสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี 2 สมัย ดังนี้ 1. ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 10 เขต 1 จงั หวดั อดุ รธานี (พน้ื ทท่ี ง้ั จงั หวดั ) สงั กดั พรรคสหประชาไทย (ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514) 262
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2. ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 12 เขต 3 จังหวัดอุดรธานี (พื้นที่อำเภอกุมภวาปี, อำเภอ หนองบัวลำภู, อำเภอโนนสัง, อำเภอศรีบุญเรือง, อำเภอ หนองวัวซอ และกิ่งอำเภอโนนสะอาด) สังกัดพรรคชาติไทย 15. นายวิวัฒน์ อินทรอุดม ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 10 เขต 1 จังหวัดอุดรธานี (พื้นที่ทั้งจังหวัด) ไม่สังกัดพรรคการเมือง (ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514) 16. พันเอกสมคิด ศรีสังคม พันเอกสมคิด ศรีสังคม เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2460 อายุ 97 ปี ที่ตำบลสร้างคอม อำเภอสร้างคอม จังหวัดอุดรธานี ในครอบครัวชาวนา สมรสกับนางฟรานเซสกา ศรีสังคม มีบุตรธิดา 4 คน การศึกษาเข้าเรียนชั้นประถมปีที่ 1 ถึงปีที่ 5 ในโรงเรียนบ้านสร้างคอม และจบชั้นมัธยมปีที่ 8 ในปี พ.ศ. 2478 โดยได้รับคะแนนระดับดีเยี่ยมของประเทศ (ได้คะแนนเกินร้อยละ 75) ต่อมาได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนฝึกหัดครู ในกรุงเทพฯ จนจบหลักสูตรประกาศนียบัตรประโยคประถม (ป.ป.) และกลับมาเป็นครูที่โรงเรียนเดิม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 พร้อมทั้งได้เรียนปริญญาตรีวิชากฎหมาย จนสำเร็จปริญญา ธรรมศาสตร์บัณฑิต และนิติศาสตร์มหาบัณฑิต จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และในปี พ.ศ. 2492 ได้ไปศึกษา ต่อปริญญาตรีทางด้านสังคมศาสตร์ ที่ประเทศอังกฤษ ใช้เวลา 8 ปี จึงกลับมาประเทศไทย 263
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี พันเอกสมคิด ศรีสังคม อุปนิสัยเป็นนักสู้ เห็นหนทาง ชนะหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญท่านก็ยังคงต่อสู้ต่อไป และจะเป็นคนที่พูดดีๆ ไม่ดูถูกคน มองว่าทุกคนเหมือนญาติ ไม่ว่าจะคนที่ช่วยงานในบ้าน บ้านญาติ บ้านเพื่อน หรือ คนบริการขายของ คนงาน ชาวไร่ชาวนา ไม่แบ่งแยก ท่านจะ ทำงานวิชาการ ในช่วงไม่มีงานสภา จนทำให้มีผลงานหนังสือ ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ทวีปยุโรปจากยุคดำบรรพ์ ถึง ค.ศ. 1750 อุดมการณ์ที่ท่านยึดถือมาโดยตลอด คือช่วย ชาวบ้านที่ลำบากและมาร้องทุกข์ จะเห็นภาพคุณพ่อนั่งพิมพ์ สองนิ้วอย่างคล่องแคล่วที่เครื่องพิมพ์ดีดตั้งแต่กลางวัน จนดึกดื่นเพื่อทำเรื่องร้องทุกข์ให้ชาวบ้าน ทั้งในช่วงที่ได้เป็น ผู้แทนและช่วงที่ไม่ได้เป็น นั่นคือสิ่งที่ท่านยึดเป็นหลักในการ ทำงานมากที่สุด และมีมูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา ที่ท่านเป็นประธาน ซึ่งเป็นโครงการทุนการศึกษาช่วยเหลือ เด็กยากจน ด้านประวัติการทำงาน เริ่มทำงานครั้งแรกเป็นครูในปี พ.ศ. 2480 ที่โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ต่อมาหลังจบปริญญา วิชากฎหมายแล้ว เขาสอบได้เป็นข้าราชการกรมอัยการ กระทรวงมหาดไทย ตำแหน่งผู้ช่วยอัยการ แต่ทำงานได้เพียง 6 เดือน ก็สอบแข่งขันได้เป็นทหารในกรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม ในปี 2484 จากนั้นเขาได้ทุนไปเรียนต่อที่ ประเทศอังกฤษ และกลับมารับราชการจนมียศสูงสุดเป็น พันเอก หลังจากนั้นเขาจึงลาออกจากราชการไปทำหน้าที่เป็น นักวิชาการ สังกัดธนาคารแห่งประเทศไทย ในปี 2506 โดยการ ชักชวนของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ ไทยในขณะนั้น 264
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บทบาททางการเมือง พ.อ.สมคิด ศรีสังคม ลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2512 ในสังกัดพรรคเสรีประชาธิปไตย ซึ่งมีนายจารุบุตร เรืองสุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค แต่เขาได้รับเลือกตั้งเพียงคนเดียว ต่อมา เขาได้ก่อตั้งพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย และดำรง ตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่งสมาชิกพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2518 และปี 2519 ต่อมาย้ายมาร่วมงานกับนายประเสริฐ ทรัพย์สุนทร หัวหน้าพรรคแรงงานประชาธิปไตย และมีบทบาท สำคัญคือเป็นอดีตประธานโครงการรณรงค์เพื่อแก้ไข รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย หรือ ครป. ในปี 2518 ถึง ปี 2529 วิธีการหาเสียงของท่านมีการออกเยี่ยมหมู่บ้าน มีการ ปราศรัย ดำรงตำแหนง่ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 4 สมยั 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต เลอื กตง้ั ท่ี 1 ทง้ั จงั หวดั (เขตละ 6 คน) สงั กดั พรรคเสรปี ระชาธปิ ไตย เมื่อ พ.ศ. 2512 2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต เลือกตั้งที่ 2 แบบแบ่งเขต (เขตละ 3 คน) พรรคสังคมนิยม แห่งประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2518 พื้นที่ อำเภอกุมภวาปี อำเภอ หนองบัวลำภู อำเภอเพ็ญ อำเภอบ้านดุง อำเภอหนองหาน อำเภอศรีธาตุ และกิ่งอำเภอโนนสะอาด 3. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต เลือกตั้งที่ 1 แบบแบ่งเขต (เขตละ 3 คน) สังกัดพรรคสังคมนิยม แห่งประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2519 พื้นที่ อำเภอน้ำโสม อำเภอ 265
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี บ้านผือ อำเภอเพ็ญ อำเภอหนองหาน อำเภอบ้านดุง อำเภอ ศรีธาตุ กิ่งอำเภอสร้างคอม และกิ่งอำเภอวังสามหมอ 4. สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจงั หวดั อดุ รธานี เขตเลอื กตง้ั ท่ี 1 แบบแบง่ เขต (เขตละ 3 คน) สงั กดั พรรคแรงงานประชาธปิ ไตย เมื่อ พ.ศ. 2529 พื้นที่ อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอเพ็ญ และ กิ่งอำเภอสร้างคอม 17. นายวรพจน์ วงศ์สง่า เกิดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2477 ณ บ้านตาลเดี่ยว ต.แวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร จบการการศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล พ.ศ. 2444 และ มัธยมศึกษาปีที่ 7 – 8 ต่อเพื่อที่จะสอบเข้าอุดมศึกษา ต่อมา ได้สอบเตรียมอุดมศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการหลักสูตร 2 ปี หลังจากสอบผ่านหลักสูตรเตรียมอุดมแล้วจึงสามารถเข้าเรียน ต่ออุดมศึกษาได้ ขณะนั้นมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใน กรุงเทพมหานครเท่านั้น ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และ การเมือง (ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดให้ผู้สนใจการเมือง กฎหมาย การปกครอง บัญชี ซึ่งสามารถสมัครเข้าได้เลย) ส่วนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัย แพทยศาสตร์ (นั้นเป็นมหาวิทยาลัยปิด ต้องสอบคัดเลือก) นายวรพจน์ตัดสินใจสอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์ แผนก วิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 ปี แล้วต่อ ในคณะเภสัชศาสตร์ เพิ่มอีก 2 ปี จนจบการศึกษาเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2500 ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เภสัชศาสตร์บัณฑิต 266
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร น า ย ว ร พ จ น ์ ม ี ค ว า ม ส น ใ จ ท ำ ง า น ท า ง ก า ร เ ม ื อ ง พร้อมด้วยจังหวะสถานการณ์บ้านเมืองขณะนั้นมีการเลือกตั้ง ในปี 2500 จึงสมัครรับเลือกตั้งสังกัดพรรคสหภูมิ เขต 1 (1 เขต มี 6 คน) พื้นที่ทั้งจังหวัด ได้รับเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จงั หวดั อดุ รธานที ่ี “หนมุ่ ทส่ี ดุ อายเุ พยี ง 23” เมอ่ื วนั ท่ี 15 ธนั วาคม พ.ศ. 2500 - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 สาเหตุที่ทำให้นายวรพจน์ สนใจการเมืองอาจจะเป็นพื้นที่พี่ชายคนโต นายทองปาน วงศ์สง่าเป็นนักการเมืองจังหวัดสกนคร และเป็นเสรีไทยร่วมกับ เตียง ศิริขันธ์ ต่อต้านญี่ปุ่นที่เข้ามาประเทศไทยช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 นายวรพจน์ วงศ์สง่า เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่หนุ่มการศึกษา อุปนิสัยเป็นที่นับถือ มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี รู้จักการเข้าสังคม และเป็นที่รู้จักรักใคร่จากประชนชน ต่อมา มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมีการยุบสภา รัฐบาลทหาร ยึดอำนาจเข้ามาปกครองแทน หลังจากนั้นจึงหันมาประกอบ อาชีพเภสัชและทำธุรกิจ ทำงานควบคุมดูแลฝ่ายผลิตของ บริษัทยารักษาโรค บริษัทอุดรพรฟิลาแล็บ บริษัทแคล็กโซ (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนประเทศอังกฤษ บริษัทไทยน้ำทิพย์ บริษัทโฟร์โมลด์ จำกัด บริษัทสยามฟาร์มมาซี รวมทั้งจัดตั้ง บริษัทผลิตภัณฑ์อาหาร รวมกับญาติมิตร 18. นายสมเจตน์ ฤกษะสุต เกิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2471 เกิดที่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 อาชีพ ทำธุรกิจ 267
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี บทบาททางการเมือง 1. เคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาล และเทศมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2508 2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 เมื่อพ.ศ. 2518 (ชุดที่ 11) สังกัดพรรคธรรมสังคม พื้นที่อำเภอ เมืองอุดรธานี อำเภอหนองวัวซอ และกิ่งอำเภอกุดจับ 19. นายโสภณ วีรชัย เกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2469 ที่ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 อาชีพ ค้าขาย บทบาททางการเมือง ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 2 (ชุดที่ 11) พ.ศ. 2518 สังกัดพรรคสังคมนิยมแห่ง ประเทศไทย พื้นที่อำเภอกุมภวาปี อำเภอหนองบัวลำภู อำเภอ เพ็ญ อำเภอบ้านดุง อำเภอหนองหาน อำเภอศรีธาตุ และ กิ่งอำเภอโนนสะอาด 20. นายสุรยุทธ กิติราช เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2477 ที่ ต.แชแล อ.กุมวาปี จ.อุดรธานี จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต อาชีพ ทนายความ บทบาททางการเมือง ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 2 (ชุดที่ 11) สังกัดพรรคพลังใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2518 พื้นที่ 268
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อำเภอกุมภวาปี อำเภอหนองบัวลำภู อำเภอเพ็ญ อำเภอ บ้านดุง อำเภอหนองหาน อำเภอศรีธาตุ และกิ่งอำเภอ โนนสะอาด 21. นายสม วาสนา เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2484 ที่ ต.ชื่นชม อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม จบการศึกษา ม.7, พ.ก.ศ. บทบาททางการเมอื ง ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 3 (ชุดที่ 11) พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2518 พื้นที่ อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ อำเภอนากลาง อำเภอโนนสัง อำเภอศรีบุญเรือง และกิ่งอำเภอสุวรรณคูหา 22. นายเติม สืบพันธุ์ นายเติม สืบพันธุ์ มีภูมิลำเนาเดิม ที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.มหาสารคาม จบการศึกษามัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4 อาชีพอดีต ราชการครู บทบาททางการเมอื ง ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 3 (ชุดที่ 11) พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2518 พื้นที อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ อำเภอนากลาง อำเภอโนนสัง อำเภอศรีบุญเรือง และกิ่งอำเภอสุวรรณคหู า 269
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี 23. นายวุฒิชัย แสนประสิทธ์ิ ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี 2 สมัย ดังนี้ 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 (ชุดที่ 12) เมื่อ พ.ศ. 2519 สังกัดพรรคกิจสังคมพื้นที่ อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ อำเภอเพ็ญ อำเภอหนองหาน อำเภอบ้านดุง อำเภอศรีธาตุ กิ่งอำเภอสร้างคอม และกิ่งอำเภอวังสามหมอ 2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 2 (ชุดที่ 13) เมื่อ พ.ศ. 2522 สังกัดพรรคกิจสังคมพื้นที่อำเภอ กุมภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอศรีธาตุ อำเภอหนองหาน อำเภอบ้านดุง กิ่งอำเภอสร้างคอม กิ่งอำเภอวังสามหมอ กิ่งอำเภอไชยวาน และกิ่งอำเภอทุ่งฝน 24. นายปณิธาน ธาระวาณิช เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2482 จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2505 เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตสภา พ.ศ. 2512 และ ปริญญาโทสาขารัฐศาสตร์ Sul Ross State University, Texas สหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2513 อาชีพทนายความ และเมื่อ ปี พ.ศ. 2515 เป็นผู้จัดการธนาคารทหารไทยจำกัด (มหาชน) สาขาอุดรธานี บทบาททางการเมือง 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 2 (ชุดที่ 12) เมื่อ พ.ศ.2519 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ พื้นที่ อำเภอ 270
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมืองอุดรธานี อำเภอนากลาง กิ่งอำเภอกุดจับ และกิ่งอำเภอ สุวรรณคหู า 2. นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองอุดรธานี เมื่อ พ.ศ. 2523-2526 3. ผู้พิพากษาสมทบฝ่ายนายจ้างในศาลแรงงานกลาง เมื่อ พ.ศ. 2540 4. กรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ. 2547 – พ.ศ. 2549 5. กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ. 2550 25. นายสมศักด์ิ เชยกำแหง บทบาททางการเมือง 1. ประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี สมัยที่ 2 และ 3 2. ประธานบริษัทเฟดเดอรัลคอนกรีตอัดแรง(1978) จำกัด 3. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 2 (ชุดที่ 12) เมื่อ พ.ศ.2519 สังกัดพรรคพรรคเกษตรสังคม พื้นที่ อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอนากลาง กิ่งอำเภอกุดจับ และ กิ่งอำเภอสุวรรณคูหา 26. นายเฉลิมพล สนิทวงศ์ชัย เกิดเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2481 เป็นบุตรของ นายสมศักดิ์ กับนางคำดี สนิทวงศ์ชัย จบการศึกษาระดับ ปกศ.สูง จากวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สมรสกับ 271
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี นางบังอร สนิทวงศ์ชัย นายเฉลิมพล มีบุตรธิดา ที่เป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี คือ นางสาวธิรดา สนิทวงศ์ ชัย และนายอรรถพล สนิทวงศ์ชัย อดีตเป็นข้าราชการครู และ เป็นแกนนำจนได้รับเลือกตั้งเป็นประธานสหกรณ์ครูอุดรธานี ก่อนจะลงสู่สนามการเมือง และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรก เมื่อปี 2519 จากนั้นได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร รวม 7 สมัย ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นรัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 26 กันยายน 2536 และ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร 25 พฤศจิกายน 2537 และ หลังจากลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปี 2544 ไม่ได้รับ เลือกตั้ง จึงมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดอุดรธานี และได้รับเลือกตั้งนั่งตำแหน่งนายก- องค์การบริหารส่วน จ.อุดรธานี 1 สมัย หลังจากพ่ายแพ้ การเลือกตั้งให้นายหาญชัย ฑีฆธนานนท์ ในสมัยที่ 2 เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 ทำให้หยุดบทบาททางการเมือง นายเฉลิมพล สนิทวงศ์ชัย เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจหยุดเต้น โดยเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 สิริอายุรวม 73 ปี บทบาททางการเมือง 1. ประสบการณท์ ำงาน 1.1 ผช.เลขานุการ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ 2522 1.2 ประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม 2522-2525 272
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1.3 ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน 2535- 2536 1.4 รมช.กระทรวงพาณิชย์ 2536-2537 1.5 รองประธานสภาผู้แทนราษฎร 2537-2538 2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เฉลิมพล สนิทวงศ์ชัย ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 7 สมัย คือ 1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2519 จังหวัดอุดรธานี สังกัดพรรคกิจสังคม เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอนากลาง กิ่งอำเภอ กุดจับ และกิ่งอำเภอสุวรรณคหู า 2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2522 จังหวัดอุดรธานี สังกัดพรรค ประชาราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอ กุดจับ อำเภอเพ็ญ และอำเภอหนองวัวซอ 3. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2529 จังหวัดอุดรธานี สังกัดพรรครวมไทย (พ.ศ. 2529) เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอเพ็ญ และกิ่งอำเภอสร้างคอม 4. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย เป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 จังหวัดอุดรธานี สังกัดพรรค ความหวังใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองอุดรธานี และ อำเภอเพ็ญ 273
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี 5. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย เป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 จังหวัดอุดรธานี สังกัดพรรค ความหวังใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองอุดรธานี และ อำเภอเพ็ญ 6. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเปน็ การ ทั่วไป พ.ศ. 2538 จังหวัดอุดรธานี สังกัดพรรคความหวังใหม ่ เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองอุดรธานี และอำเภอเพ็ญ 7. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเปน็ การ ทั่วไป พ.ศ. 2539 จังหวัดอุดรธานี สังกัดพรรคความหวังใหม ่ เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองอุดรธานี และอำเภอเพ็ญ 27. นายประยูร สุรนิวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2475 อายุ 83 ปี เกิดที่ ต.เช็งเพ็ง กิ่งอำเภอกุดจับ จ.อุดรธานี เป็นบุตรของนายเกษม สุรนิวงศ์กับนางสุรางค์ สุรนิวงศ์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญา ตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาคณิตศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และปริญญาโทสาขาเดียวกัน จากประเทศ สหรฐั อเมรกิ า อาชพี อาจารย์ สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร์ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี 4 สมัย บทบาททางการเมือง 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 1 พ.ศ. 2518 สังกัดพรรคพลังใหม่ พื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอหนองวัวซอ และกิ่งอำเภอกุดจับ 274
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 1 พ.ศ. 2522 จังหวัดอุดรธานี สังกัดพรรคพลังใหม่ พื้นที่อำเภอ เมืองอุดรธานี อำเภอกุดจับ อำเภอเพ็ญ และอำเภอหนองวัวซอ 3. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2526 สังกัดพรรคชาติประชาธิปไตยพื้นที่ อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอ เพ็ญ และอำเภอกุดจับ 4. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2531 สังกัดพรรคปวงชนชาวไทย (พ.ศ. 2525) พื้นที่ อำเภอเมือง อุดรธานี และอำเภอเพ็ญ 5. นายประยูร เคยร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองกับ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ใน พ.ศ. 2525 และได้รับตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคชาติประชาธิปไตย 6. ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2533 (ครม.45) สมัยรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ และ 7. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อ ธันวาคม พ.ศ. 2533 (ครม.46) ในรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ 28. นายวิเชียร เวชสวรรค์ บทบาททางการเมอื ง 1. ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เมื่อ พ.ศ. 2516-2517 2. ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. 2517 275
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี 3. ผ้วู า่ ราชการจงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา เมอ่ื 1 ตลุ าคม พ.ศ. 2520 – พ.ศ. 2521 4. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 13 เมื่อ พ.ศ. 2522 สังกัดพรรคชาติไทย พื้นที่ อำเภอเมือง อุดรธานี อำเภอกุดจับ อำเภอเพ็ญ และอำเภอหนองวัวซอ 5. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (11 มีนาคม พ.ศ. 2524 - 19 มีนาคม พ.ศ. 2526) 6. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานีเขต 1 ชุดที่ 14 เมื่อ พ.ศ. 2526 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ พื้นที่ อำเภอเมือง อุดรธานี อำเภอเพ็ญ และอำเภอกุดจับ 29. นายดำรง ดาราธรรม ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 2 ชุดที่ 13 เมื่อ พ.ศ. 2522 สังกัดพรรคกิจสังคม พื้นที่ อำเภอกุมภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอศรีธาตุ อำเภอ หนองหาน อำเภอบ้านดุง กิ่งอำเภอสร้างคอม กิ่งอำเภอ วังสามหมอ กิ่งอำเภอไชยวาน และกิ่งอำเภอทุ่งฝน 30. นายกิตติศักด์ิ หัตถสงเคราะห์ เกิดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2482 ที่จังหวัด นครราชสีมา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านการเกษตร จากวิทยาลัยบัณฑิตสกลนคร และปริญญาโท ด้านสังคม สงเคราะห์ สาขากระบวนการยุติธรรม จากมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ มีบุตร 8 คน ปัจจุบัน หย่ากับคู่สมรสแล้ว 276
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ เป็นผู้ที่ไม่เคยสนใจ ในด้านการเมืองมาก่อน การเล่นการเมืองเกิดขึ้นจากความ อยากรู้อยากลอง อยากแสดงให้คนอื่นเห็นว่าตนก็มีความ สามารถเป็นผู้แทนได้ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งเส้นทางสายการเมืองเริ่มต้นจากการเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ในเขตเทศบาลเมืองอุดรธานีในระหว่าง พ.ศ. 2517-พ.ศ. 2522 ในระหว่างนั้น พลตรี ศิริ สิริโยธิน รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ชักชวนและดึงตัวนายกิตติศักดิ์เพื่อให้มาลงสมัครรับเลือกตั้ง ใน พ.ศ. 2522 ในสังกัดพรรคชาติไทย ซึ่งนายกิตติศักดิ์ได้ลง สมัครรับเลือกตั้งในเขต 2 จังหวัดอุดรธานี ซึ่งนอกจากลง สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่แล้ว พรรคชาติไทยได้มอบหมายให้ นายกิตติศักดิ์เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบดูแลการเลือกตั้ง ของพรรคชาติไทยในพื้นที่ภาคอีสานทั้งหมด ซึ่งในการดูแลนั้น นายกิตติศักดิ์ได้ใช้ทุนส่วนตัวในการช่วยผู้สมัครคนอื่นด้วย ซึ่งปรากฏว่าในการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ. 2522 นั้นนายได้รับ เลือกตั้งและพาผู้สมัครของพรรคชาติไทยคนอื่นๆ จากภาค อีสานเข้าสภาฯ ได้อีกจำนวน 13 คน ซึ่งในการลงสมัครสังกัด พรรคชาติไทยขณะนั้นซึ่งมีพลตำรวจเอกประมาณ อดิเรกสาร เป็นหัวหน้าพรรค และพลตรี ศิริ สิริโยธิน เป็นรองหัวหน้าพรรค ได้มาทาบทามนายกิตติศักดิ์ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในสนาม การเมืองจังหวัดอุดรธานีเพราะพรรคชาติไทยซึ่งก่อตั้งเมื่อมีการ เลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2518 เป็นพรรคการเมืองรวบรวมบรรดา “นายทุนและขุนศึก” เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้นายทุนใหญ่ผู้มั่งคั่ง แห่งเมืองอุดรธานี ที่ได้รับการสัมปทานการก่อสร้างที่มีมูลค่า มหาศาลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการจัดส่ง 277
นักการเมืองถิ่นจังหวัดอุดรธานี แรงงานแถบภาคอีสานไปทำงานก่อสร้างที่ประเทศต่างๆ แถบ ตะวันออกกลางซึ่งกิจการดังกล่าวนี้ถือว่านายกิตติศักดิ์ เป็นคน ไทยคนแรกที่บุกเบิกกิจการด้านนี้ในประเทศไทยด้วย ซึ่งแรงงานทั้งหมดที่ไปกับนายกิตติศักดิ์ทุกคนจะไม่เสียค่าใช้ จ่ายใดๆ และเมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยจะมีเงินมีทอง สามารถตั้งตัวได้หรือกลายเป็นเศรษฐีเล็กๆ ในหมู่บ้านคนหนึ่ง ซึ่งแรงงานที่กลับมาและญาติพี่น้องของแรงงานดังกล่าว ต่างถือเป็นหนี้บุญคุณของนายกิตติศักดิ์ที่ช่วยนำโอกาสและ ความร่ำรวยมาสู่ครอบครัวตน ทำให้ต่อมาครอบครัวเหล่านี้ กลายเป็นฐานเสียงของนายกิตติศักดิ์ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ด้วย จากกิจการดังที่กล่าวมานั้นแสดงให้เห็นว่านายกิตติศักดิ์ เป็นผู้ที่มีความมั่งคั่งร่ำรวยหรือกลายเป็น “นายทุนหัวเมือง” ที่หลายพรรคการเมืองต่างเฝ้าจับตามอง รวมทั้งพรรคชาติไทย ที่ต้องการดึงมาช่วยทำงานการเมืองเพื่อดูแลงานของพรรคใน ภาคอีสานด้วย ตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้งครั้งแรกเป็นต้นมา นายกิตติศักดิ์ใช้วิธีการหาเสียงในพื้นที่โดยใช้วิธีการ ปราศรัยเป็นหลัก ซึ่งจะมีการวางแผนโดยให้ทีมงานเข้าไป ประชาสัมพันธ์บอกคนในหมู่บ้านให้รู้ล่วงหน้าว่าจะมีผู้สมัครรับ เลือกตั้งเป็นผู้แทนฯ จะมาปราศรัย พบปะพี่น้องในหมู่บ้าน หลังจากนั้นก็เริ่มให้ทีมงานจัดเกณฑ์ชาวบ้านมานั่งฟังการ ปราศรัย โดยการให้ธนบัตรใบละสิบบาทสมัยนั้นเพื่อดึงดูดใจ ให้คนมาฟัง จากที่ไม่มีใครให้ความสนใจก็เริ่มทยอยมามากขึ้น เรื่อย ๆ จนเต็มลานปราศรัยทุกคืน ประกอบกับนายกิตติศักดิ์ เป็นผู้ที่มีความสามารถในการใช้วาทศิลป์ และสำนวนโวหาร ในการปราศรัยให้ชาวบ้านทั่วไปรู้เรื่องราว เหตุและผลที่ตน 278
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตัดสินใจลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้ผู้แทนราษฎร และการอาศัย ฐานเสียงจากญาติฝ่ายภรรยา ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่และเป็นที่ รู้จักของชาวอำเภอบ้านผือซึ่งเป็นอำเภอใหญ่ที่มีจำนวนผู้มีสิทธิ ลงคะแนนเสียงมากกว่าอำเภออื่น และสมัยนั้นหากผู้สมัคร คนใดสามารถทำคะแนนได้เกินหนึ่งหมื่นห้าพันคะแนนก็จะได้ เป็นผู้แทนราษฎรแล้ว ซึ่งในการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรกนั้น นายกิตติศักดิ์ได้คะแนนกว่าสามหมื่นห้าพันคะแนน โดยได้ คะแนนเฉพาะที่อำเภอบ้านผือหมื่นเก้าพันกว่าคะแนน สามารถ เอาชนะคู่แข่งคนอื่นๆ ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรสมัยแรก และเป็นมาเรื่อยๆ จนภายหลังมีการจัดตั้งจังหวัดหนองบัวลำภู แล้ว นายกิตติศักดิ์ได้มาลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง จังหวัดหนองบัวลำภู เพราะมีพื้นที่บางส่วนเคยเป็นส่วนหนึ่ง ของเขตเลือกตั้งที่ตนเป็นผู้แทนฯ มาก่อน ในสังกัดพรรค ชาติไทยตามเดิม แต่ด้วยความเป็นเขตเลือกตั้งใหม่ ซึ่งนาย กิตติศักดิ์ ไม่ค่อยมีพื้นที่ฐานเสียงเป็นของตนมาก่อนเพราะ ฐานเสียงของนายกิตติศักดิ์ คือ อำเภอบ้านผือ ซึ่งอยู่ในจังหวัด อุดรธานี ทำให้นายกิตติศักดิ์สอบตกเป็นครั้งแรก ซึ่งแพ้ผู้ที่ได้ รับการเลือกตั้งที่มีฐานเสียงในฐานะมีภูมิลำเนาเป็นชาว จังหวัดหนองบัวลำภู อย่าง นายไพรัช นุชิต จากพรรคกิจสังคม นายไชยา พรหมา จากพรรคชาติพัฒนา และนายสรชาติ สุวรรณพรหม จากพรรคความหวังใหม่ ต่อมาหลังจากไม่ได้รับ เลือกตั้งใน พ.ศ.2538 นายกิตติศักดิ์ยังทำกิจกรรมทางการเมือง ในส่วนกลางในฐานะแกนนำคนสำคัญของพรรคชาติไทย ในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งหลังจากนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้า พรรคชาติไทยและนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ประกาศยุบสภาเพื่อ 279
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี จัดให้มีการเลือกตั้งใน พ.ศ.2539 นายกิตติศักดิ์ซึ่งเคยอยู่พรรค ชาติไทย ได้ร่วมกับกลุ่มของนายเสนาะ เทียนทอง ซึ่งเป็น หัวหน้ากลุ่มการเมืองใหญ่ที่ใช้ชื่อว่า “วังน้ำเย็น” ที่เคยช่วย นายบรรหาร ศิลปอาชาจัดตั้งรัฐบาลใน พ.ศ. 2538 จนประสบ ความสำเร็จ ย้ายมาเข้าร่วมกับพรรคความหวังใหม่ของพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ พร้อมกับสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่มวังน้ำเย็นและ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดหนองบัวลำภู สังกัดพรรคความหวังใหม่ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองบัวลำภูเป็นผลสำเร็จด้วย (นพพล อัคฮาด, 2555, น. 47-53) ประวตั กิ ารทำงาน นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ในจังหวัดอุดรธานี เคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองอุดรธานี ในระหว่างปี พ.ศ. 2517 ถึง พ.ศ. 2522 เข้าสู่งานการเมืองระดับ ชาติและได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด อุดรธานี (ต่อมาแยกเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู) เคยเป็นอดีต รองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ในช่วงปี พ.ศ. 2535 และได้รับ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ เป็น รัฐมนตรีว่าการฯ ในรัฐบาลของพลเอกสุจินดา คราประยูร และ พ้นจากตำแหน่งในช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ หลังจากนั้นนายกิตติศักดิ์ ได้เข้าร่วมงานการเมืองกับ พรรคเพื่อไทย และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553 จากนั้นก่อนการเลือกตั้ง 280
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 นายกิตติศักดิ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้า พรรค ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง คมนาคม ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ อายุ 75 ปี สมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎรบญั ชรี ายชอ่ื พรรคเพอ่ื ไทย สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร อุดรธานี-หนองบัวลำภู รวม 12 สมัย และอดีตรัฐมนตร ี ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ระบบรัฐสภาไทยนั้น ยังอ่อนแอ เพราะนักการเมืองติดกับพรรคการเมืองมากเกินไป แม้ว่าจะพัฒนาประชาธิปไตยไปบ้าง แต่หากอยากให้ระบบ รัฐสภาแข็งแรง นักการเมืองต้องเป็นอิสระจากพรรคการเมือง เพราะการทำหน้าที่ของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ถูกเลือกมา โดยประชาชน เมื่อติดกับพรรคการเมืองแล้ว ก็ต้องทำตาม คำสั่งพรรคการเมืองและขาดความเป็นตัวของตัวเองในการ ทำงาน ตามที่ประชาชนที่เลือกมาคาดหวัง นอกจากนี้ระบบ อาวุโสยังสู้ระบบเงินไม่ได้ เพราะเมื่อก่อนการเป็นรัฐมนตรีได้นั้น จะต้องมีความอาวุโส ทางการเมืองหลายปี ว่าจะได้นั่งตำแหน่ง รัฐมนตรี แต่สมัยนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีทุนหนา ก็สามารถเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยแรกและได้เป็น รัฐมนตรีได้เลย ทำให้ไม่รู้ระบบรัฐสภา และทำให้สภาอ่อนแอลง เหมือนเช่นปัจจุบัน ดังนั้นหากนักการเมืองเป็นอิสระจาก พรรคการเมืองได้ ระบอบประชาธิปไตยในรัฐสภาจะสามารถ พัฒนาได้อย่างสมบูรณ์เทียบนานาประเทศได้ 281
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี บทบาททางการเมอื ง 1. สมาชิกสภาเทศบาลเมืองอุดรธานี ในระหว่างปี พ.ศ. 2517 - พ.ศ. 2522 2. ต่อมาได้เข้าสู่งานการเมืองระดับชาติ ได้รับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 3 (แบบ แบ่งเขต) พ.ศ.2522 สังกัดพรรคชาติไทย พื้นที่อำเภอ หนองบัวลำภู (ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู) อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ อำเภอนากลางอำเภอศรีบุญเรือง อำเภอโนนสัง และกิ่งอำเภอสุวรรณคูหา 3. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุดรธานี เขต 2 (แบบแบ่งเขต) พ.ศ.2526 สังกัดพรรคชาติไทย พื้นที่ อำเภอ หนองบัวลำภู (ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู) อำเภอ ศรีบุญเรือง อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ อำเภอนากลาง และ อำเภอสุวรรณคหู า 4. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุดรธานี เขต 2 (แบบแบ่งเขต) พ.ศ.2531 สังกัดพรรคชาติไทย พื้นที่ อำเภอ หนองบัวลำภู อำเภอนากลาง อำเภอสุวรรณคูหา อำเภอ บ้านผือ อำเภอน้ำโสม และกิ่งอำเภอนายงู 5. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุดรธานี เขต 2 (แบบแบ่งเขต) เมื่อ มีนาคม พ.ศ.2535 สังกัดพรรคชาติไทย พื้นที่ อำเภอหนองบัวลำภู (ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู) อำเภอนากลาง อำเภอสุวรรณคูหา อำเภอบ้านผือ อำเภอ น้ำโสม และกิ่งอำเภอนายูง 282
ข้อมูลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 6. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุดรธานี เขต 2 (แบบแบ่งเขต) เมื่อ กันยายน พ.ศ.2535 สังกัดพรรคชาติไทย พื้นที่ อำเภอหนองบัวลำภู (ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู) อำเภอนากลาง อำเภอสุวรรณคูหา อำเภอบ้านผือ อำเภอ น้ำโสม และกิ่งอำเภอนายงู 7. อดีตรองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ในช่วงปี พ.ศ. 2535 8. ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ ในรัฐบาลของพลเอกสุจินดา คราประยูร และพ้นจากตำแหน่งในช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 9. ได้เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย และได้รับ เลือกให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553 และ 10. ก่อนการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 นายกิตติศักดิ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และลงสมัครรับ เลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และถูกปรับออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 283
นักการเมืองถ่ินจังหวัดอุดรธานี 31. นายสุพรรณ สุปัญญา บทบาททางการเมือง 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 3 (ชุดที่ 13) เมื่อ พ.ศ. 2522 สังกัดพรรคประชาราษฎร์ พื้นที่ อำเภอหนองบัวลำภู อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ อำเภอ นากลาง อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอโนนสัง และกิ่งอำเภอ สุวรรณคูหา 2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 2 (ชุดที่ 14) เมื่อ พ.ศ. 2526 สังกัดพรรคชาติไทย พื้นที่ อำเภอ หนองบัวลำภู อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ อำเภอนากลาง และอำเภอสุวรรณคหู า 3. บทบาทสำคัญเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2524 นายสุพรรณ สุปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด อุดรธานี ได้มีหนังสือกราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาจัดป่าสงวนแห่งชาติภูเก้า ท้องที่จังหวัดอุดรธานี เป็นอุทยานแห่งชาติ 32. นางเตือนใจ นุอุปละ เกิดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2487 เป็นบุตรของ นายพนั ธท์ อง กบั นางมาลี นอุ ปุ ละ จบการศกึ ษาชน้ั มธั ยมศกึ ษา จากโรงเรียนสตรีราชินูทิศ จังหวัดอุดรธานี และโรงเรียน อุดรพิทยานุกูล ระดับปริญญาตรี จากวิทยาลัยพยาบาล สภากาชาดไทย เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี 3 สมัย และถือว่าเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดอุดรธานี 284
ข้อมูลการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บทบาททางการเมอื ง 1. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาล นายชวน หลีกภัย 2. คณะกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ 3. เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2531 4. รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2535 5. ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2526 สังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอ กุดจับ อำเภอเพ็ญ และอำเภอหนองวัวซอ 6. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2531 สังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองอุดรธานี และอำเภอ เพ็ญ 7. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2535 สังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองอุดรธานี และอำเภอ เพ็ญ 33. นายประจวบ ไชยสาส์น นายประจวบ ไชยสาส์น เกิดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2487 สำเร็จการศึกษา จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ แขนงวิชารัฐศาสตร์ (ปัจจุบัน คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) สมรสกับนางทองพูน ไชยสาส์น 285
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 460
Pages: