ส่วนนำ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ให้เป็น หลักสูตรแกนกลางของประเทศ โดยกำหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป็นเป้าหมายและ กรอบทิศทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดีและ มีขีด ความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก (กระทรวงศึกษาธิการ,2544) พร้อมกันนี้ได้ปรับ กระบวนการพัฒนาหลักสูตรให้มีความสอดคล้องกับเจตนารมณ์แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 ที่มุ่งเน้นการกระจายอำนาจทางการศึกษาให้ ท้องถิ่นและสถานศึกษาได้มีบทบาทและมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพ และความต้องการของทอ้ งถิน่ (สำนกั นายกรัฐมนตรี, 2542) จากการวจิ ัย และตดิ ตามประเมินผลการใชห้ ลกั สตู รในช่วงระยะ 6 ปีท่ีผา่ นมา (สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, 2546 ก., 2546 ข., 2548 ก., 2548 ข.;สำนักงานเลขาธิการ สภาการศึกษา, 2547; สำนักผู้ตรวจราชการและติดตามประเมินผล, 2548; สุวิมล ว่องวาณิช และนง ลักษณ์ วิรัชชัย, 2547; Nutravong, 2002; Kittissunthorn, 2003) พบว่า หลักสูตรการศึกษาข้ัน พื้นฐาน พุทธศักราช 2544 มีจุดดีหลายประการ เช่น ช่วยส่งเสริมการกระจายอำนาจทางการศึกษาทำ ให้ท้องงถิ่นและสถานศึกษามีสว่ นรว่ มและมบี ทบาทสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้อง กับความ ต้องการของท้องถิ่น และมีแนวคิดและหลักการในการส่งเสริมการพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวมอย่าง ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาดังกล่าวยังได้สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นที่เป็นปัญหา และความไม่ ชัดเจนของหลักสูตรหลายประการทั้งในหลักสูตร ได้แก่ ปัญหาความสับสนของผู้ปฏิบัติ ในระดับ สถานศึกษาในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา สถานศึกษาส่วนใหญ่กำหนดสาระ และผลการเรียนรู้ที่ คาดหวังไว้มาก ทำให้เกิดปัญหาหลักสูตรแน่น การวัดและประเมินผลไม่สะท้อนมาตรฐาน ส่งผลต่อ ปัญหาการจัดเอกสารหลักฐานทางการศึกษาและการเทียบโอนผลการเรียน รวมทั้งปัญหาคุณภาพของ ผเู้ รยี นในด้านความรู้ ทกั ษะ ความสามารถและคณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์อนั ยงั ไมเ่ ป็นที่น่าพอใจ นอกจากนั้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550 - 2554) ได้ ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนจุดเน้นในการพัฒนาคุณภาพในสังคมไทย มีคุณธรรม และ มี ความรอบรู้อย่างเท่าทัน มีความพร้อมทั้งด้านรา่ งกาย สติปัญญา อารมณ์ และศีลธรรม สามารถก้าวทัน การเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่สังคมฐานความรู้ได้อย่างมั่นคง แนวการพัฒนาคนดังกล่าว มุ่งเตรียมเด็ก และเยาวชนให้มีพื้นฐานจิตใจที่ดีงาม มีจิตสาธารณะ พร้อมทั้งมีสรรถนะ ทักษะและความรู้พื้นฐานท่ี จำเป็นในการดำรงชีวิต อันส่งผลต่อการพัฒนาประเทศแบบยั่งยืน (สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ,2549) ซึ่งแนวทางดังกลา่ วสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชน ของชาติเข้าสู่โลกยุคศตวรรษที่ 21 โดยมุ่งส่งเสริมผู้เรียน มีคุณธรรม รักความเป็นไทย ทักษะการคิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ ทักษะด้านเทคโนโลยี สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นใน สงั คมโลกไดอ้ ย่างสันติ (กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2551)
จากขอ้ คน้ พบในการศึกษาวิจัยและติดตามผลการใชห้ ลกั สูตรการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ท่ีผ่านมา ประกอบกับข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 เกี่ยวกับ แนวทางการพัฒนาคนในสังคมไทย และจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธกิ ารในการพัฒนาเยาวชนสู่ศตวรรษ ที่ 21 จึงเกิดการทบทวนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 เพื่อนำไปสู่ การพัฒนา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่มีความเหมาะสม ชัดเจน ทั้งเป้าหมาย ของหลักสูตรในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และกระบวนการนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ ในระดับเขต พื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา โดยได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสำคัญ ของผู้ เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่ชัดเจน เพื่อใช้เป็นทิศทาง ในการจัดทำ หลักสูตร การเรียนการสอนในแต่ละระดับ นอกจากนั้นได้กำหนดโครงสร้างเวลาเรียน ขั้นต่ำของแต่ละ กลุ่มสาระการเรียนรู้ในแต่ละชั้นปีไว้ในหลักสูตรแกนกลางและเปิดโอกาส ให้สถานศึกษาเพิ่มเติมเวลา เรียนได้ตามความพร้อมและจุดเน้น อีกทั้งได้ปรับกระบวนการวัดและประเมินผลผู้เรียน เกณฑ์การจบ การศึกษาแต่ละระดับ และเอกสารแสดงหลักฐานทางการศึกษาให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการ เรยี นรู้ และมีความชดั เจนต่อการนำไปปฏบิ ตั ิ ต่อมากระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ตาม คำสั่งกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ. 1239/2560 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2560 และคำสั่งสำนักงานคณะ กรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ 30/2561 ลงวันท่ี 5 มกราคม 2561 ให้เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการ เรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาระภูมิศาสตร์ใน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) โดยมีคำสั่งให้โรงเรียนดำเนินการใช้หลักสูตรในปีการศึกษา 2561 โดยให้ใช้ในชั้นประถม ศึกษาปีที่ 1 และ 4 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นมา ให้เป็นหลักสูตรแกนกลางของประเทศ โดย กำหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรเู้ ป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนมี พัฒนาการเต็มตามศักยภาพ มีคุณภาพและมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้สอดคล้องกับ นโยบายและเปา้ หมายของสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน กรอบในการปรับปรุงหลักสูตรครั้งนี้ คือ ให้มีองค์ความรู้ที่เป็นสากลเทียบเท่านานาชาติ ปรับ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดให้มีความชัดเจน ลดความซ้ำซ้อน สอดคล้องและเชื่อมโยงกัน ภายใน กลุ่มสาระการเรียนรู้และระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ ตลอดจนเชื่อมโยงองค์ความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน จัดเรียงลำดับความยากง่ายของเนื้อหาในแต่ละ ระดับชั้นตาม พฒั นาการแตล่ ะชว่ งวยั ให้มีความเชื่อมโยงความรู้และกระบวนการเรียนรู้ โดยให้เรยี นรู้ ผ่านการปฏิบัติ ทีส่ ง่ เสริมใหผ้ ูเ้ รยี นพัฒนาความคิด เอกสารหลักสูตรสถานศกึ ษากลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2561 ) ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ จัดทำขึ้นสำหรับท้องถิ่นและสถานศึกษา
ได้นำไปใช้เป็นกรอบและทิศทางในการจดั ทำหลักสูตรสถานศึกษา และจัดการเรียนการสอนเพือ่ พัฒนา เด็กและเยาวชนไทยทกุ คนในระดับการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานให้มคี ุณภาพด้านความรู้เพื่อพัฒนาตนเองอยา่ ง ตอ่ เนอ่ื งตลอดชีวติ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในเอกสารนี้ ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในทุก ระดบั เหน็ ผลคาดหวังทตี่ อ้ งการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนท่ชี ัดเจนตลอดแนว ซ่ึงจะสามารถช่วย ใหห้ นว่ ยงานทเี่ กย่ี วข้องในระดับท้องถิ่นและสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสตู ร ได้อย่างมน่ั ใจ ทำให้การ จัดหลักสูตรในระดับสถานศึกษามีคุณภาพและมีความเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความ ชัดเจนเรื่องการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และช่วยแก้ปัญหาการเทยี บโอนระหว่างสถานศึกษา ดังนัน้ ในการพัฒนาหลักสูตรในทุกระดับตั้งแต่ระดับชาติจนกระทั่งถึงสถานศึกษาจะต้องสะท้อนคุณภาพตาม มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน รวมทั้งเป็น กรอบทิศทางในการจดั การศึกษาทกุ รูปแบบ และครอบคลมุ ผเู้ รยี น ทกุ กล่มุ เปา้ หมายในระดับการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน การจัดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวัง ได้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว และบุคคลต้องรับผิดชอบโดยร่วมกันทำงาน อย่างเปน็ ระบบ และต่อเนือ่ งในการวางแผน ดำเนนิ การ สง่ เสรมิ สนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุง แกไ้ ข เพื่อพัฒนาเยาวชนของชาติไปส่คู ุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ 1. วสิ ัยทศั น์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็น มนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นเจ้าบ้าน ความเป็น พลเมืองไทย และพลโลกยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อการประกอบอาชีพและ การศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และ พฒั นาตนเอง ไดเ้ ตม็ ตามศักยภาพอนรุ ักษ์วัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ พฒั นาส่ิงแวดล้อม และมีทักษะ การเรยี นร้ใู นศตวรรษท่ี 21 2. หลกั การ หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน มหี ลักการทีส่ ำคญั ดังนี้ 1. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็ดและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของ ความเปน็ ไทยควบค่กู ับความเป็นสากล 2. เป็นหลกั สูตรการศึกษาเพ่ือปวงชน ทป่ี ระชาชนทุกคนมีโอกาสไดร้ บั การศกึ ษาอยา่ งเสมอภาค และมคี ุณภาพ
3. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจให้สังคมมีสว่ นร่วมในการจัดการศึกษาให้ สอดคลอ้ งกับสภาพและความตอ้ งการของท้องถ่ิน 4. เป็นหลกั สตู รการศึกษาทม่ี ีโครงสร้างยดื หยุ่นท้งั ด้านสาระการเรียนรู้ เวลา และการจดั การเรยี นรู้ 5. เปน็ หลกั สตู รการศกึ ษาที่เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั 6. เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุม ทกุ กล่มุ เป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนร้แู ละประสบการณ์ 3. จดุ หมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจ บ การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน ดงั นี้ 1. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตน ตามหลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาที่ตนเองนับถือ ยดึ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2. มคี วามรู้ ความสามารถในการส่อื สาร การคิด การแก้ปญั หา การใช้เทคโนโลยี และ มีทักษะชีวติ 3. มสี ุขภาพกายและสขุ ภาพจิตทีด่ ี มสี ขุ นสิ ัย และรกั การออกกำลงั กาย 4. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิต และ การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ 5. มจี ิตสำนึกในการอนุรักษ์วฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย การอนุรกั ษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มี จติ สาธารณะท่มี งุ่ ทำประโยชนแ์ ละสร้างสง่ิ ทีด่ งี ามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสงั คมอย่างมคี วามสขุ 4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ในการพฒั นานาผเู้ รยี นตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนใหม้ ี คุณภาพตามาตรฐานที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดงั นี้ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน มุ่งใหผ้ เู้ รียนเกดิ สมรรถนะสำคญั ๕ ประการ ดังน้ี 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรอง เพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและ ความถูกต้อ ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเอง และสงั คม
2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีจิตวิญญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้าง องคค์ วามรู้หรือสารสนเทศเพ่อื การตดั สนิ ใจเกย่ี วกับตนเองและสงั คมได้อยา่ งเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแกป้ ญั หาและอปุ สรรคตา่ ง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ ความสัมพันธ์แลละการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้ มาใช้ในการป้องกันแก้แก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจท่ีมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ต่อตนเอง สงั คม และส่งิ แวดลอ้ ม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการตา่ ง ๆ ไปใช้ใน การดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหวา่ งบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้ง ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตวั ใหท้ ันกบั การเปล่ียนแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อม 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยีด้าน ตา่ ง ๆ และมที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่อื พฒั นาตนเองและสงั คมในดา้ นการเรยี นรู้ การสื่อสารการทำงาน การแก้ปัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถูกตอ้ ง เหมาะสม และมีคณุ ธรรม คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน มงุ่ พัฒนาผู้เรยี นใหม้ คี ุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เพื่อให้ สามารถอย่รู ว่ มกับผู้อ่ืนในสงั คมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ดังนี้ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซื่อสัตย์สุจรติ 3. มวี นิ ัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยู่อยา่ งพอเพยี ง 6. มุ่งม่ันในการทำงาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มีจติ สาธารณะ นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้สอดคล้อง ตามบรบิ ทและจุดเน้นของตนเอง 5. กลุ่มสาระการเรียนรู้ การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้องคำนึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน จึงกำหนดให้ผู้เรยี นเรยี นรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังน้ี 1. ภาษาไทย
2. คณิตศาสตร์ 3. วทิ ยาศาสตร์ 4. สงั คม ศาสนา และวฒั นธรรม 5. สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 6. ศิลปะ 7. การงานอาชีพและเทคโนโลยี 8. ภาษาต่างประเทศ ในแตล่ ะกลมุ่ สาระการเรยี นรูไ้ ด้กำหนดมาตรฐานการเรียนรูเ้ ป็นเป้าหมายสำคัญ ของการพัฒนา คณุ ภาพผูเ้ รียน มาตรฐานการเรยี นรู้ระบสุ ่ิงที่ผู้เรียนพึงรู้ ปฏบิ ตั ิได้ มคี ณุ ธรรมจริยธรรมและค่านิยมท่ีพึง ประสงค์เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากนั้นมาตรฐานการเรียนรู้ยังเป็นกลไกสำคัญในการ ขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบว่าต้องการอะไร จะ สอนอะไร และประเมินอย่างไร รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบ เพื่อ การประกันคุณภาพ การศึกษาโดยใช้ระบบการประเมินคุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก ซึ่งรวมถึงการ ทดสอบระดับเขตพื้นที่การศึกษา และการทดสอบระดับชาติ ระบบการตรวจสอบเพื่อประกันคุณภาพ ดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสะท้อนภาพการจัดการศึกษาว่าสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามที่ มาตรฐานการเรียนรกู้ ำหนดเพยี งใด
กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ทำไมต้องเรยี นคณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เนื่องจาก คณิตศาสตร์ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์คิดอย่างมีเหตุผลเป็นระบบ มีแบบแผน สามารถ วิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบและถีถ่ ้วน วางแผน ตัดสินใจ ได้อย่างถูกต้อง เหมาะ สม และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือ ใน การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและศาสตร์อื่นๆ อันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ของชาติให้มีคุณภาพและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ การศึกษาคณิตศาสตร์ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัตน์ คณิตศาสตร์จึงมี ประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี ความสขุ เรียนรู้อะไรในคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์มุ่งให้เยาวชนทุกคนได้เรียนรู้คณิตศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ตามศกั ยภาพ โดยกำหนดสาระหลักทจ่ี ำเป็นสำหรับผู้เรียนทกุ คนดังน้ี กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์จัดเป็น 4 สาระ ได้แก่ จำนวนและพีชคณิต การวัดและ เรขาคณติ สถิติและความนา่ จะเปน็ และแคลคลู สั • จำนวนและพีชคณติ ระบบจาํ นวนจรงิ สมบตั เิ กีย่ วกับจำนวนจริง อัตราส่วน ร้อยละ การ ประมาณค่า การแก้ปัญหาเกี่ยวกับจำนวน การใช้จำนวนในชีวิตจริง แบบรูป ความสัมพันธ์ฟังก์ชั่น เซต ตรรกศาสตร์ นิพจน์ เอกนาม พหุนาม สมการ ระบบสมการ อสมการ กราฟ ดอกเบี้ยและมูลค่า ของ เงิน เมทริกซ์ จำนวนเชงิ ซ้อน ลำดับและอนุกรม และการนำความรู้เกี่ยวกับจำนวนและพีชคณิตไป ใช้ ในสถานการณต์ ่างๆ • การวัดและเรขาคณิต ความยาว ระยะทาง นำ้ หนกั พื้นที่ ปรมิ าตรและความจุ เงินและเวลา หน่วยวัดระบบต่างๆ การคาดคะเนเกี่ยวกับการวัด อัตราส่วนตรีโกณมิติรูปเลขาคณิตและสมบัตขิ องรูป เรขาคณิต การนึกภาพ แบบจำลองทางเรขาคณิต ทฤษฎีบททางเรขาคณิต การแปลงทางเรขาคณิตใน เรื่องการเลื่อนขนาน การสะท้อน การหมุน เรขาคณิตวิเคราะห์ เวกเตอร์ในสามมิติและการนำความรู้ เกยี่ วกบั การวดั และเรขาคณิตไปใชใ้ นสถานการณ์ต่างๆ • สถติ ิและความนา่ จะเปน็ การตั้งคำถามทางสถติ กิ ารเก็บรวบรวมขอ้ มูล การคำนวณคา่ สถติ ิ การนำเสนอและแปลผลสำหรบั ขอ้ มูลเชงิ คุณภาพและเชงิ ปริมาณ หลกั การนบั เบือ้ งต้น ความน่าจะ
เป็น การแจกแจงของตวั แปรสุ่ม การใช้ความรู้กับสถิติและความนา่ จะเป็นในการอธบิ ายเหตุการณ์ต่างๆ และ ช่วยในการตดั สินใจ • แคลคูลสั ลิมติ และความตอ่ เนอื่ งของฟงั กช์ นั อนพุ นั ธ์ของฟังก์ชันพชี คณติ ปรพิ ันธข์ อง ฟังกช์ นั พชี คณิต และการนำความรู้เก่ยี วกบั แคลคลู ัสไปใช้ในสถานการณต์ า่ ง ๆ คุณภาพผเู้ รียน จบชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 • อ่าน เขียนตัวเลข ตัวหนังสอื แสดงจำนวนนบั เศษสว่ น ทศนยิ มไมเ่ กนิ ๓ ตำแหนง่ อัตราส่วน และร้อยละ มีความรู้สึกเชิงจำนวน มีทักษะการบวก การลบ การคูณ การหาร ประมาณ ผลลพั ธ์ และนำไปใชใ้ นสถานการณต์ า่ ง ๆ • อธบิ ายลักษณะและสมบตั ขิ องรปู เรขาคณิต หาความยาวรอบรปู และพ้นื ทีข่ องรูปเรขาคณติ สร้างรปู สามเหลีย่ ม รูปสเี่ หลีย่ มและวงกลม หาปรมิ าตรและความจุของทรงสเ่ี หลย่ี มมมุ ฉาก และนำไปใช้ ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ • นำเสนอข้อมลู ในรูปแผนภูมแิ ทง่ ใช้ขอ้ มลู จากแผนภมู ิแทง่ แผนภมู ิรูปวงกลม ตารางสองทาง และกราฟเสน้ ในการอธบิ ายเหตุการณต์ ่าง ๆ และตัดสินใจ รหสั ตวั ช้วี ดั ค 1.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5, ป.2/6, ป.2/7, ป.2/8 ค 2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5, ป.2/6 ค 2.2 ป.2/1 ค 3.1 ป.2/1 รวมทง้ั หมด 16 ตัวช้ีวดั
โครงสรา้ งรายวิชา คณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ เวลา (ชั่วโมง) 1 จำนวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 15 2 การบวกและการลบจำนวนไม่เกนิ 1,000 18 3 การวัดความยาวความสงู และระยะทาง 10 4 การชัง่ 10 5 การคณู 25 6 เวลา 10 7 การหาร 25 8 การตวง 10 9 รูปเรขาคณติ 10 10 แบบรปู และ ความสัมพนั ธ์ 10 11 การบวก การ ลบ การคูณ การหารระคน 25 12 แผนภมู ริ ปู ภาพ 15 หมายเหตุ จำนวนท่ใี ช้ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นร้แู ตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ ยังไม่รวมเวลาทใ่ี ช้ ในการทำแบบทดสอบประจำหน่วยการเรยี นรู้
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 2 ชื่อหน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 การบวกและการลบจำนวนนบั ไมเ่ กิน1,000 จำนวน 18 ชว่ั โมง เรอ่ื ง การหาผลบวกไม่มกี ารทดโดยใช้ตารางหลกั จำนวน 1 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 วนั ที่ 24 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2563 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ 1 จำนวนและพีชคณติ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการ ของจำนวน ผลที่เกิดขึน้ จากการดำเนินการ สมบตั ิของการดำเนนิ การ และนำไปใช้ ตวั ชี้วดั ป.2/4 หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและประโยคสัญลักษณ์ แสดง การลบ ของจำนวนไมเ่ กิน 1,000 และ 0 2. จุดประสงค์ 2.1 ด้านความรู้ (k) 2.1.1 เมื่อกำหนดโจทย์การบวก นักเรียนสามารถหาผลบวกโดยใช้ตารางหลกั ได้ 2.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) 2.2.1 นกั เรียนมีความสามารถในการแกป้ ัญหา 2.2.2 นกั เรยี นมีความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ 2.2.3 นักเรียนสามารถในการส่ือสารและส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ 2.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) 2.3.1 มคี วามรบั ผดิ ชอบมุ่งม่นั ในการทำงาน 2.3.2 ใฝ่เรียนรู้ 2.3.3 มจี ิตสาธารณะ 2.3.4 มรี ะเบยี บวนิ ัย 3. สาระสำคัญ การหาผลบวกไมมีการทดโดยใชตารางหลกั ตองเขยี นตัวเลขทอี่ ยูในตารางหลกั เดียวกนั ให ตรงกัน แลวจงึ หาผลบวก ดวยการนำคาของเลขโดดที่อยูในตารางหลักเดียวกนั มาบวกกนั โดยเรม่ิ บวก จากหลกั หนวย หลกั สบิ และหลกั รอย ตามลำดับ
4. สาระการเรียนรู้ การหาผลบวกไม่มีการทด โดยใช้ตารางหลัก 5. กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 5.1 ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 5.1.1 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยใชค้ ำถามกระตนุ้ ความสนใจ เชน่ • การบวกจำนวนนับ ท่ีเกีย่ วขอ้ งกับตัวนกั เรียนมีอะไรบ้าง (เชน่ การใชเ้ ป็นทกั ษะคำนวณการซอ้ื ขนมในเวลาพักกลางวนั ) • นักเรียนจะนำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ในการเรียนและในชีวติ ประจำวนั ได้อยา่ งไรบ้าง 5.1.2 ครทู บทวนความรูเ้ ดิม เรือ่ ง การบวกจำนวนนับไมเ่ กนิ 100 โดยใชต้ ารางหลกั พรอ้ ม ทัง้ ยกตัวอย่างจากส่ือดิจทิ ัล ดังนี้ นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ทบทวนอีก 1-2 ตัวอย่าง เพอ่ื ทบทวนการบวกจำนวนนบั ไม่เกนิ 100 โดยใช้ตารางหลกั 5.2 ขัน้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ 5.2.1 ครชู ้ีแจงจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูใ้ ห้นักเรยี นทราบ 5.2.2 ครูแจกแบบฝึกทกั ษะการบวกและการลบจำนวนไม่เกิน 1,000 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 2 ชดุ ท่ี 1 เรอ่ื ง การหาผลบวกไม่มีการทด ครูอธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟัง และทำความเข้าใจ 5.2.3 ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน ชดุ ที่ 1 จำนวน 10 ขอ้ ให้นักเรียนสลับกัน ตรวจตำตอบ โดยครูผสู้ อนเฉลยแบบทดสอบ และบนั ทึกคะแนน 5.2.4 ครใู ห้นักเรียนศึกษาใบความรู้ท่ี 1.1 เร่ือง การหาผลบวกไมม่ ีการทด โดยใช้ตารางหลัก ดังนี้
แบบฝกึ ทกั ษะชดุ ท่ี 1 การหาผลบวก (ไม่มกี ารทด) 10 ใบความรู้ท่ี 1.1 เรอ่ื ง การหาผลบวกไมม่ กี ารทด โดยใชต้ ารางหลกั การหาผลบวก ไมม่ ีการทด การหาผลบวกไมม่ กี ารทด โดยใช้ตารางหลัก ตอ้ งเขียนตัวเลขที่อยู่ใน ตารางหลักเดียวกนั ให้ตรงกัน แลว้ จงึ หาผลบวก ดว้ ยการนำคา่ ของเลขโดดที่ อยู่ในตารางหลกั เดยี วกนั มาบวกกัน โดยเรมิ่ บวกจาก หลกั หน่วย หลกั สบิ และ หลกั รอ้ ยตามลำดบั การหาผลบวกโดยใชต้ ารางหลกั ตวั อย่างที่ 1 จากโจทยก์ ำหนด 122 + 215 = เขยี นเปน็ ตวั เลขแสดงการบวกจำนวนในหลักหน่วย หลกั สิบ และหลักรอ้ ย ข้นั ท1ี่ วธิ ที ำ วธื ีคิด บวกจำนวน หลัก หลักสิบ หลัก ในหลักหน่วย ร้อย หนว่ ย 2 หน่วย 1 2 2+ บวก 5 หนว่ ย 215 ได้ 7 หน่วย 7 เขยี น 7 ในหลกั หน่วย
แบบฝึกทกั ษะชดุ ที่ 1 การหาผลบวก (ไมม่ กี ารทด) 11 ขั้นที่ 2 วิธีทำ วิธคี ดิ บวกจำนวน หลัก หลัก หลกั ในหลกั สิบ 2 สบิ รอ้ ย สบิ หนว่ ย บวก 1 สบิ ได้ 3 สบิ 1 2 2 + 2 1 5 เขยี น 3 ในหลักสบิ 37 วธิ ที ำ หลัก หลกั ขน้ั ท่ี 3 หลกั สบิ หนว่ ย วิธคี ิด รอ้ ย บวกจำนวน 1 2 2 + ในหลักรอ้ ย 2 1 5 1 รอ้ ย บวก 2 ร้อย 3 37 ได้ 3 ร้อย ดังนนั้ 122 + 215 = 337 เขยี น 3 ในหลักร้อย การบวก คือ การนำจำนวนตงั้ แต่ 2 จำนวนขน้ึ ไป มารวมเปน็ จำนวน เดยี วกัน โดยใชส้ ัญลกั ษณ์ + ผลลัพธท์ ีไ่ ดจ้ ะมีค่าเพมิ่ ขนึ้ เสมอ และการบวกจำนวนสามารถสลับท่ีกันได้ ผลบวกยงั คงเท่าเดิม
แบบฝึกทกั ษะชดุ ที่ 1 การหาผลบวก (ไม่มกี ารทด) 12 ตวั อย่างท่ี 2 จากโจทย์ 312 + 243 = เขยี นเปน็ ตวั เลขแสดงการบวกจำนวนในหลักหนว่ ย หลักสิบ และหลักรอ้ ย ขนั้ ท่ี 1 วิธีทำ วิธคี ิด บวกจำนวน หลกั หลัก หลกั ในหลกั หนว่ ย ร้อย สบิ หน่วย 2 หนว่ ย บวก 3 หน่วย 3 1 2+ ได้ 5 หน่วย 2 43 เขยี น 5 ในหลกั หนว่ ย 5 วธิ ีทำ ข้นั ที่ 2 หลัก หลัก หลกั วธิ คิด บวกจำนวน รอ้ ย สบิ หน่วย ในหลักสบิ 1 สบิ 3 1 2 + บวก 4 สบิ 2 4 3 ได้ 5 สิบ 55 เขยี น 5 ในหลกั สิบ
แบบฝกึ ทักษะชดุ ท่ี 1 การหาผลบวก (ไมม่ กี ารทด) 13 ขนั้ ที่ 3 วิธีทำ หลกั หลัก หลกั วธิ ีคิด บวกจำนวน ร้อย สบิ หนว่ ย ในหลักรอ้ ย 3 รอ้ ย 3 1 2 + บวก 2 รอ้ ย 2 4 3 ได้ 5 รอ้ ย 5 55 เขยี น 5 ในหลักรอ้ ย ดังนนั้ 312 + 243 = 555 การบวก คอื การนำจำนวนต้ังแต่ 2 จำนวนขนึ้ ไป มารวมเปน็ จำนวน เดียวกนั โดยใชส้ ัญลักษณ์ + ผลลัพธ์ทไ่ี ดจ้ ะมีค่าเพม่ิ ขน้ึ เสมอ และการบวกจำนวนสามารถสลบั ท่กี ันได้ ผลบวกยังคงเทา่ เดิม ดงั น้ัน 243 + 312 = 555 วธิ คี ิด หาผลบวกโดยใชต้ ารางหลกั วิธลี ัด 1. บวกจำนวนในหลกั หน่วย 1 จากโจทย์ 221 + 145 = หนว่ ย บวก 5 หนว่ ย เป็น 6 หน่วย วิธีทำ ใส่ 6 ในหลักหน่วย ตวั ตงั้ 2 2 1 ตัวบวก 1 4 5 2. บวกจำนวนในหลกั สบิ 2 สิบ ผลบวก 3 6 6 บวก 4 สบิ เป็น 6 สิบ ใส่ 6 ใน + หลกั สิบ 3. บวกจำนวนในหลักรอ้ ย 2 รอ้ ย บวก 1 ร้อย เปน็ 3 รอ้ ย ใส่ 3 ใน หลกั ร้อย
5.2.5 นักเรียนทำแบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.1 เรื่อง การหาผลบวกไมม่ ีการทดโดยใช้ตารางหลกั 5.2.6 นักเรียนตรวจคำตอบแบบฝึกทักษะที่ 1.1 เรื่อง การหาผลบวกไม่มีการทดโดยใช้ ตารางหลัก จากเฉลย จากนั้นครูผู้สอนทำการบันทึกคะแนนลงในแบบบันทึกคะแนนของนักเรียนแต่ ละคน 5.3 ข้นั สรปุ ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปเกี่ยวกับการหาผลบวกไม่มีการทดโดยใช้ตารางหลัก สรุปได้ ดังน้ี การหาผลบวกของจำนวน โดยต้องเขียนตัวเลขที่อยู่ในตารางหลักเดียวกันให้ตรงกัน แล้วจึงหา ผลบวก ด้วยการนำคา่ ของเลขโดดทีอ่ ยู่ในตารางหลกั เดยี วกนั มาบวกกนั 6. สื่อการเรยี นร้แู ละแหล่งเรยี นรู้ 6.1 สือ่ ดิจทิ ลั เรือ่ ง การหาผลบวกไมม่ ีการทด 6.2 ใบความรทู้ ่ี 1.1 เรือ่ ง การหาผลบวกไมม่ ีการทด โดยใชต้ ารางหลกั 6.3 แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.1 เรื่อง การหาผลบวกไม่มีการทด โดยใชต้ ารางหลกั 6.4 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ชุดท่ี 1 7. การวัดผล / ประเมนิ ผล การประเมนิ วิธวี ัด เครอื่ งมอื วัดผล เกณฑ์การประเมิน 1. ความรู้ (K) 1.ตรวจแบบฝึก แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1.1 ร้อยละ 60 ขน้ึ ไปถือว่า ทักษะที่ 1.1 ชุดท่ี 1 ผ่าน 2. ทักษะ/กระบวนการ (P) สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ไดร้ ะดบั 2 ข้ึนไปถือวา่ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ น 3. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) สงั เกตพฤติกรรม ได้ระดบั 2 ข้ึนไปถอื วา่ ระหวา่ งเรยี น ผ่าน
9. ข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ าร .............................................................................................. ................................................................. ............................................................................................................................................................... ................................................................................................ .................................................... ........... ................................................................................................................................................... ............ ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ลายมือช่อื ………………………………………………. (………………………………………) ผู้อำนวยการโรงเรียนบา้ นตะโละซแู ม วนั ท่ี ……… เดือน …………… พ.ศ. ………
บันทกึ หลังการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. การจัดการเรียนรู้ 1.1 ดา้ นความรู้ จำนวนนักเรียนท้ังหมด 19 คน ผ่าน จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 78.95 ไมผ่ า่ น จำนวน 4 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 21.05 1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ จำนวนนักเรยี นทั้งหมด 19 คน ระดับดี จำนวน 12 คน คิดเปน็ ร้อยละ 63.16 ระดับพอใช้ จำนวน 7 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 36.84 ระดบั ปรับปรงุ จำนวน - คน คดิ เป็นรอ้ ยละ - 1.3 ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ จำนวนนกั เรยี นทั้งหมด 19 คน ระดบั ดี จำนวน 14 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 84.21 ระดบั พอใช้ จำนวน 5 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 15.79 ระดับปรับปรุง จำนวน - คน คิดเปน็ ร้อยละ - 2. ปญั หา / อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… 3. แนวทางแก้ไข / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….………..…… ลายมือชอ่ื …………………………………….. (นางสาวพลอยไพลนิ ลิม้ พงศพ์ ันธ์) ครูผ้สู อน วันที่ 24 เดือน กรกฏาคม พ.ศ. 2563
แบบบันทึกผลการประเมนิ ดา้ นความรู้ สรุปผล แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 เรื่อง การหาผลบวกไมม่ กี ารทด โดยใช้ตารางหลัก การประเมนิ ชุดที่ 1 การหาผลบวกไม่มกี ารทด เลขที่ ชือ่ -สกุล แบบ ึฝกทักษะท่ี 1.1 รวม คิดเป็นร้อยละ (20) (20) (100) ผ่าน ไมผ่ า่ น 1 เดก็ หญงิ ซเู ฟยี นี อแิ ต 12 12 60 ✓ 2 เด็กหญิงซลั วานี ยามา 3 เด็กหญิงนัจวา บือแน 18 18 90 ✓ 4 เดก็ หญงิ นิรนั ยา กาเจ 5 เดก็ หญิงนูรอายู หะยีสาแม 18 18 90 ✓ 6 เด็กชายนูรดนี โตะแวอายี 7 เดก็ หญงิ นูรี บรู ะกะ 20 20 100 ✓ 8 เดก็ ชายฟัยรซุ ห์ ลวี าเลาะ 9 เด็กหญิงฟาเดยี มะเกะซง 20 20 100 ✓ 10 เด็กหญิงมีสราณ์ เลาะยะพา 11 เด็กชายมหู มัดอาลีฟนี สาและ 16 16 80 ✓ 12 เด็กชายมูฮำหมดั ริฏวาน กูทา 13 เด็กชายอันนาส ดฆี อ 10 10 50 ✓ 14 เด็กชายอาดลี ัน อาแว 15 เดก็ ชายอารีฟ ดอเล๊าะ 14 14 70 ✓ 16 เดก็ หญิงอีสราอ์ มาฮามะมิง 17 เดก็ ชายอิสซาน อะจารู 16 16 80 ✓ 18 เดก็ ชายฮานาฟิต สขุ เขียว 19 เด็กชายอิกรอม อะจารู 18 18 90 ✓ 17 17 85 ✓ 8 8 40 ✓ 6 6 30 ✓ 10 10 50 ✓ 6 6 30 ✓ 18 18 90 ✓ 15 15 75 ✓ 9 9 45 ✓ 20 20 100 ✓ จำนวนนกั เรียนทง้ั หมด 19 คน นักเรยี นผ่าน จำนวน 15 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 89.47 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 10.53 นกั เรยี นไมผ่ า่ น จำนวน 4
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมด้านทักษะกระบวนการ กล่มุ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2 ทักษะกระบวนการ สรปุ ผล เลขที่ ชือ่ - สกลุ การใ ้ชความรู้แก้ปัญหารวม การให้เหตุผลคะแนน 1 เดก็ หญงิ ซูเฟยี นี อิแต ใ ้ชภาษาและ ัสญ ัลกษ ์ณ 2 เด็กหญิงซลั วานี ยามา คะแนนเฉ ่ีลย 3 เด็กหญงิ นจั วา บือแน ่ผาน 4 เดก็ หญงิ นิรนั ยา กาเจ ไ ่ม ่ผาน 5 เด็กหญิงนรู อายู หะยีสาแม 33 3 ระดับ 6 เด็กชายนูรดนี โตะแวอายี 9 คุณภาพ 7 เดก็ หญงิ นูรี บูระกะ 23 2 7 2.33 พอใช้ ✓ 8 เด็กชายฟยั รซุ ห์ ลวี าเลาะ 33 3 9 3.00 ดี ✓ 9 เดก็ หญิงฟาเดยี มะเกะซง 33 3 9 3.00 ดี ✓ 10 เด็กหญงิ มสี ราณ์ เลาะยะพา 33 3 9 3.00 ดี ✓ 11 เด็กชายมูหมัดอาลฟี นี สาและ 33 3 9 3.00 ดี ✓ 12 เดก็ ชายมูฮำหมัดริฏวาน กทู า 22 3 7 2.33 ดี ✓ 13 เด็กชายอนั นาส ดฆี อ 22 2 6 2.00 พอใช้ ✓ 14 เดก็ ชายอาดีลนั อาแว 23 3 8 2.66 ดี ✓ 15 เด็กชายอารีฟ ดอเลา๊ ะ 33 2 8 2.66 พอใช้ ✓ 16 เด็กหญิงอีสราอ์ มาฮามะมิง 33 2 8 2.66 ดี ✓ 17 เด็กชายอสิ ซาน อะจารู 33 2 8 2.66 พอใช้ ✓ 18 เดก็ ชายฮานาฟิต สุขเขยี ว 22 2 6 2.00 พอใช้ ✓ 19 เดก็ ชายอิกรอม อะจารู 22 2 6 2.00 พอใช้ ✓ 33 2 8 2.66 ดี ✓ 22 2 6 2.33 พอใช้ ✓ 33 3 9 3.00 ดี ✓ 33 3 9 3.00 ดี ✓ 23 2 7 3.00 ดี ✓ 33 3 9 3.00 ดี ✓
เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 2.50 – 3.00 ดี 2.00 – 2.49 0 – 1.99 พอใช้ ปรับปรุง ด้านทักษะกระบวนการ จำนวนนกั เรียนทั้งหมด 19 คน นักเรียนระดับดี จำนวน 12 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 63.16 นักเรียนระดบั พอใช้ จำนวน 7 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 36.84 นักเรียนระดับปรับปรุง จำนวน - คน คดิ เป็นร้อยละ - ลงชอื่ ………………………………………….(ผ้บู ันทกึ ) (นางสาวพลอยไพลิน ลิ้มพงศ์พันธ์) โรงเรียนบา้ นตะโละซแู ม
เกณฑก์ ารประเมนิ การสงั เกตพฤติกรรม ด้านทกั ษะกระบวนการ คำอธิบายคุณภาพ รายการประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1) 1.แกป้ ัญหาหรอื สถานการณ์ต่าง ๆ ใช้ยุทธวิธีดำเนนิ การแก้ปญั หา มียทุ ธวิธีดำเนินการแก้ปัญหา มีหลกั ฐานหรอื ร่องรอย 2.การใช้เหตุผล ได้อยา่ งสำเรจ็ อย่างมี ไดอ้ ยา่ งสำเรจ็ แต่ไม่อธิบาย การดำเนนิ การแก้ปญั หา ประสทิ ธิภาพและอธิบาย ขน้ั ตอนของวธิ ีการดังกล่าว บางส่วน แต่แก้ไม่สำเรจ็ ข้ันตอนของวิธกี ารดังกลา่ วได้ อย่างชดั เจน มีการอ้างอิงท่ีถูกต้องและ มีการอ้างอิงทีถ่ ูกต้องบางสว่ น มกี ารเสนอแนวคิดท่ี เสนอแนวคดิ ประกอบการ และเสนอแนวคิด ไม่สมเหตุสมผล ตดั สินใจ ประกอบการตัดสนิ ใจ แต่อาจ ในการตดั สินใจ และ อยา่ งมเี หตผุ ล ไมส่ มเหตสุ มผลในบางกรณี ไมร่ ะบุการอ้างองิ 3.ใช้ภาษาและ ใช้ภาษาและสญั ลักษณท์ าง ใชภ้ าษาและสญั ลักษณท์ าง ใชภ้ าษาและสัญลกั ษณ์ สัญลกั ษณท์ าง คณติ ศาสตร์ คณติ ศาสตร์ทถ่ี ูกตอ้ งสมบูรณ์ คณติ ศาสตร์ท่ถี ูกต้องแต่ขาด ทางคณิตศาสตร์ รายละเอยี ดทีส่ มบรู ณ์ อย่างง่าย ๆ
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ สรุปผล กลุม่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 2 คุณลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ เลขที่ ชือ่ - สกลุ ีมความรับ ิผดชอบ ุ่มง ั่มนในการทำงาน ใ ่ฝเรียนรู้ ีม ิจตสาธารณะ ีมระเบียบ ิวนัย รวม (12คะแนน) ค่าเฉ ี่ลย ระดับ ุคณภาพ ่ผาน ไ ่ม ่ผาน 3 3 3 3 12 1 เดก็ หญงิ ซเู ฟียนี อิแต 3 3 3 2 11 2.75 ดี ✓ 2 เดก็ หญงิ ซลั วานี ยามา 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 3 เด็กหญิงนัจวา บอื แน 3 3 2 3 11 2.75 ดี ✓ 4 เดก็ หญิงนิรันยา กาเจ 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 5 เด็กหญงิ นูรอายู หะยสี าแม 3 3 2 3 11 2.75 ดี ✓ 6 เดก็ ชายนูรดนี โตะแวอายี 2 2 2 2 8 2.00 พอใช้ ✓ 7 เดก็ หญงิ นรู ี บูระกะ 2 2 2 2 8 2.00 พอใช้ ✓ 8 เด็กชายฟัยรซุ ห์ ลวี าเลาะ 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 9 เดก็ หญิงฟาเดยี มะเกะซง 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 10 เด็กหญงิ มสี ราณ์ เลาะยะพา 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 11 เดก็ ชายมหู มัดอาลีฟนี สาและ 3 3 3 3 12 2.25 พอใช้ ✓ 12 เดก็ ชายมูฮำหมัดริฏวาน กูทา 2 3 3 3 11 2.75 ดี ✓ 13 เด็กชายอันนาส ดฆี อ 2 2 2 2 8 2.05 พอใช้ ✓ 14 เด็กชายอาดีลัน อาแว 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 15 เด็กชายอารีฟ ดอเลา๊ ะ 2 2 2 2 8 2.00 พอใช้ ✓ 16 เด็กหญงิ อีสราอ์ มาฮามะมงิ 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 17 เดก็ ชายอสิ ซาน อะจารู 2 3 3 2 10 2.50 ดี ✓ 18 เดก็ ชายฮานาฟติ สุขเขียว 2 3 3 2 10 2.50 ดี ✓ 19 เดก็ ชายอิกรอม อะจารู 3 3 2 3 11 2.75 ดี ✓
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 2.50 – 3.00 ดี 2.00 – 2.49 0 – 1.99 พอใช้ ปรบั ปรุง ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ จำนวนนักเรยี นทั้งหมด 19 คน นักเรียนระดับดี จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 84.21 นักเรียนระดับพอใช้ จำนวน 5 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 15.79 นกั เรยี นระดับปรบั ปรุง จำนวน - คน คิดเป็นร้อยละ - ลายมอื ช่ือ…………………………………….. (นางสาวพลอยไพลิน ลมิ้ พงศ์พันธ์) ครผู ู้สอน วันที่ 24 เดือน กรกฏาคม พ.ศ. 2563
เกณฑ์ประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คำอธบิ ายคุณภาพ รายการประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 1. มีความรบั ผดิ ชอบ ตง้ั ใจและรับผิดชอบใน ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการ ตัง้ ใจและรับผิดชอบในการ มงุ่ มัน่ ในการทำงาน การปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ที่ไดร้ ับ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทที่ ไ่ี ด้รบั ปฏิบัตหิ นา้ ทีท่ ่ีได้รบั มอบหมายใหส้ ำเร็จ มอบหมายใหส้ ำเรจ็ มอบหมายใหส้ ำเร็จบางครั้ง มีการปรบั ปรงุ และ มีการปรบั ปรงุ และ พัฒนาการทำงานให้ดีข้นึ พัฒนาการทำงานใหด้ ีขน้ึ ดว้ ยตนเองอย่างสมำ่ เสมอ บ่อยครัง้ 2. ใฝเ่ รียนรู้ ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ และ ต้ังใจเรียน เอาใจใส่ และมี ตั้งใจเรยี น เอาใจใส่ และมี มคี วามเพยี รพยายามใน ความเพียรพยายามในการ ความเพยี รพยายามในการ การเรียนรู้ เขา้ รว่ ม เรยี นรู้ เขา้ ร่วมกจิ กรรมการ เรยี นรู้เขา้ รว่ มกิจกรรมการ กจิ กรรมการเรียนรตู้ า่ ง ๆ เรยี นร้ตู ่าง ๆ บ่อยครง้ั เรยี นรตู้ า่ ง ๆ บางครง้ั เป็นประจำ อย่างสมำ่ เสมอ 3. มจี ิตสาธารณะ ช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และ ช่วยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และ และครูทำงาน ครูทำงาน ครูทำงาน อาสาทำงาน อาสาทำงาน ช่วยคิด อาสาทำงาน ช่วยคดิ ชว่ ยคดิ ช่วยทำ ให้ผ้อู ื่น ช่วยทำ และแบง่ ปนั ชว่ ยทำ และแบ่งปันสงิ่ ของ ดว้ ยความเต็มใจบางครงั้ สิง่ ของให้ผู้อนื่ ให้ผ้อู ืน่ ดว้ ยความเต็มใจ ด้วยความเต็มใจบ่อยคร้งั อยา่ งสมำ่ เสมอ 4. มรี ะเบยี บวินัย ปฏิบัตติ ามข้อตกลง ปฏิบตั ิตามข้อตกลง ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ กฎเกณฑ์ ระเบียบ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ขอ้ บังคับของครอบครวั ข้อบงั คับของครอบครัว ของครอบครัว และโรงเรยี น และโรงเรยี น ตรงต่อเวลา และโรงเรียน ตรงต่อเวลา ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั ิ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ในการปฏบิ ัติกจิ กรรม กิจกรรมตา่ ง ๆ ตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวนั ตา่ ง ๆในชวี ิตประจำวนั แต่ ในชวี ิตประจำวันแต่ และรบั ผิดชอบใน ต้องมีการเตือน ตอ้ งมีการเตือนเป็นส่วนใหญ่ การทำงานได้ด้วยตนเอง
แบบฝึกทกั ษะชดุ ที่ 1 การหาผลบวก (ไม่มกี ารทด) 14 แบบฝกึ ทักษะท่ี 1.1 เร่ือง การหาผลบวกไมม่ กี ารทด โดยใช้ตารางหลกั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เม่ือกำหนดโจทย์การบวกไม่มีการทดให้ นกั เรียนสามารถ หาผลบวกโดย ใชต้ ารางหลกั ได้ คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นหาผลบวกของจำนวนสองจำนวนจากโจทย์ท่กี ำหนดให้ โดยใช้ตารางหลัก จำนวน 10 ขอ้ ขอ้ ละ 2 คะแนน (คะแนนเตม็ 20 คะแนน) ตัวอย่าง 254 + 143 = หลกั ร้อย หลกั สิบ หลักหนว่ ย + 2 5 4 1 4 3 3 9 7 ดังน้นั 254 + 143 = 397 1) 322 + 215 = หลักร้อย หลกั สิบ หลักหน่วย 322 2 1 5+ ดังนั้น.......................................................................
แบบฝึกทักษะชดุ ท่ี 1 การหาผลบวก (ไม่มีการทด) 15 2) 145 + 100 = หลกั รอ้ ย หลักสิบ หลักหน่วย + ดังนน้ั ....................................................................... 3) 210 + 135 = หลักร้อย หลักสิบ หลกั หนว่ ย + ดงั น้ัน.......................................................................
แบบฝึกทกั ษะชดุ ที่ 1 การหาผลบวก (ไม่มีการทด) 16 4) 452 + 200 = หลกั ร้อย หลักสบิ หลักหน่วย + ดังนัน้ ....................................................................... 5) 314 + 503 = หลกั รอ้ ย หลักสิบ หลกั หน่วย + ดงั นั้น.......................................................................
แบบฝึกทักษะชดุ ท่ี 1 การหาผลบวก (ไม่มีการทด) 17 6) 105 + 213 = หลกั รอ้ ย หลกั สบิ หลักหน่วย + ดังนั้น....................................................................... 7) 350 + 242 = หลักรอ้ ย หลกั สบิ หลักหนว่ ย + ดงั นนั้ .......................................................................
แบบฝกึ ทกั ษะชดุ ที่ 1 การหาผลบวก (ไม่มีการทด) 18 8) 367 + 121 = หลกั ร้อย หลกั สบิ หลกั หนว่ ย + ดงั นน้ั ....................................................................... 9) 425 + 354 = หลักรอ้ ย หลักสบิ หลกั หนว่ ย + ดังนั้น.......................................................................
แบบฝกึ ทักษะชดุ ท่ี 1 การหาผลบวก (ไมม่ ีการทด) 19 10) 713 + 256 = หลกั รอ้ ย หลักสบิ หลักหน่วย + ดงั นั้น....................................................................... ได้คะแนนเท่าไหร่ กนั บา้ งคะ เกณฑก์ ารตรวจให้คะแนน เขียนจำนวนตรงหลักและคำตอบถกู ต้อง ขอ้ ละ 2 คะแนน ถกู อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ข้อละ 1 คะแนน ตอบผิดทั้งหมดหรือไมต่ อบ ข้อละ 0 คะแนน รวม 20 คะแนน คะแนนทไ่ี ด้ คะแนน ผา่ น ไมผ่ า่ น
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 2 ชือ่ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การบวกและการลบจำนวนนับไม่เกิน1,000 จำนวน 18 ชวั่ โมง เรอื่ ง การหาผลบวกไม่มกี ารทดตามแนวตัง้ จำนวน 1 ชว่ั โมง ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 วนั ท่ี 29 เดอื น กรกฎาคม พ.ศ. 2563 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ 1 จำนวนและพชี คณิต มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการ ของจำนวน ผลทเ่ี กิดข้นึ จากการดำเนินการ สมบตั ิของการดำเนินการ และนำไปใช้ ตวั ช้ีวัด ค 1.1 ป.2/4 หาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวกและประโยคสัญลักษณ์ แสดง การลบ ของจำนวนไม่เกนิ 1,000 และ 0 2. จุดประสงค์ 2.1 ด้านความรู้ (k) 2.1.1 เมื่อกำหนดโจทย์การบวก นกั เรยี นสามารถหาผลบวกตามแนวตง้ั ได้ 2.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) 2.2.1 นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหา 2.2.2 นกั เรียนมีความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ 2.2.3 นักเรยี นสามารถในการส่ือสารและสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ 2.3 ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 2.3.1 มีความรับผดิ ชอบมงุ่ มนั่ ในการทำงาน 2.3.2 ใฝเ่ รียนรู้ 2.3.3 มีจิตสาธารณะ 2.3.4 มีระเบียบวินัย 3. สาระสำคญั การหาผลบวกไม่มีการทดตามแนวต้งั ให้เขียนเลขโดดท่ีอยใู่ นหลักเดยี วกันใหต้ รงกนั ตามแนวดิง่ แล้วจงึ นำมาบวกกัน โดยเร่มิ บวก จากหลักหนว่ ย หลกั สิบ และหลกั รอ้ ย ตามลำดับ
4. สาระการเรยี นรู้ การหาผลบวกไม่มีการทด ตามแนวตั้ง 5. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 5.1 ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น 5.1.1 นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยใชค้ ำถามกระตนุ้ ความสนใจ เชน่ • นักเรียนมีวิธีอื่นอีกหรือไม่ เพื่อให้หาผลบวกของจำนวนสองจำนวนได้รวดเร็วขึ้น • นักเรยี นรจู้ ักการตง้ั บวกหรอื ไม่ 5.1.2 ครูทบทวนความรู้เดิม เรื่อง การบวกจำนวนนับไม่เกิน1,000 โดยใช้ตารางหลัก 5.1.3 ครูบอกนกั เรยี นวา่ นอกจากจะสามารถแสดงการบวกโดยใชต้ ารางหลักแลว้ ยังสามารถแสดงการบวกแบบใดได้อีกบ้าง (การบวกตามแนวต้ัง) พร้อมยกตัวอย่างการบวกตามแนวต้งั จากส่อื ดิจทิ ลั ดังน้ี
5.2 ขนั้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 5.2.1 ครูชแ้ี จงจดุ ประสงค์การเรียนร้ใู หน้ ักเรยี นทราบ 5.2.2 ครูแจกแบบฝึกทักษะการบวกและการลบจำนวนนับไม่เกิน 1,000 กลุ่มสาระการ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 ชุดท่ี 1 เรอ่ื ง การหาผลบวกไม่มกี ารทด ครอู ธิบายให้นักเรียนฟัง และทำความเขา้ ใจ 5.2.3 ครใู ห้นกั เรียนศึกษาใบความรทู้ ี่ 1.2 เรื่อง การหาผลบวกไม่มกี ารทด ตามแนวต้งั ดังนี้
แบบฝกึ ทักษะชดุ ที่ 1 การหาผลบวก (ไมม่ กี ารทด) 20 ใบความรทู้ ่ี 1.2 เรอื่ ง การหาผลบวกไม่มกี ารทด ตามแนวต้ัง การหาผลบวกไม่มกี ารทดตามแนวตงั้ ใหเ้ ขียนเลขโดดทอ่ี ยูใ่ นหลกั เดยี วกันใหต้ รงกนั แล้วจงึ นำมาบวกกัน โดยเร่ิมบวก จากหลกั หน่วย หลกั สบิ และหลกั รอ้ ย ตามลำดบั การหาผลบวกตามแนวต้งั ตวั อยา่ งท่ี 1 จากโจทย์ 234 + 132 = ขน้ั ตอนการบวก ขัน้ ท่ี 1 บวกในหลักหนว่ ย ขั้นท่ี 2 บวกในหลักสิบ 4 หน่วย บวก 2 หนว่ ย ได้ 3 สิบ บวก 3 สิบ ได้ 6 สบิ 6 หนว่ ย 234 2 34 + + 132 1 32 66 6
แบบฝกึ ทกั ษะชดุ ที่ 1 การหาผลบวก (ไม่มกี ารทด) 21 ขัน้ ที่ 3 บวกในหลกั ร้อย 2 รอ้ ย เขียนแสดงวิธหี าผลบวก ดงั น้ี บวก 1 รอ้ ย ได้ 3 รอ้ ย 234 + 234 132 + 366 132 ดังน้นั 234 + 132 = 366 366 ตัวอย่างที่ 2 จากโจทย์ 324 + 253 = ขน้ั ตอนการบวก ขนั้ ที่ 1 บวกในหลักหนว่ ย ขนั้ ท่ี 2 บวกในหลักสบิ 4 หน่วย บวก 3 หน่วย ได้ 2 สบิ บวก 5 สบิ ได้ 7 สิบ 7 หนว่ ย 324 3 24 + + 253 2 53 77 7
แบบฝึกทักษะชดุ ท่ี 1 การหาผลบวก (ไมม่ กี ารทด) 22 ข้นั ที่ 3 บวกในหลกั ร้อย 3 รอ้ ย เขยี นแสดงวิธหี าผลบวก ดังน้ี บวก 2 ร้อย ได้ 5 รอ้ ย 3 2 4+ 253 324 577 + 253 577 ดังนัน้ 324 + 253 = 577 การบวกจำนวนในแนวต้งั เป็น การบวกทีน่ ำตวั ตัง้ ตัวบวก และ ผลบวกมาเขียนในแนวดิง่ (แนวตง้ั ) โดยหลักเดียวกนั อย่ตู รงกัน พร้อมทงั้ มเี ครือ่ งหมาย + กำกบั และเสน้ กั้น หาผลบวกโดยตามแนวต้ัง วธิ คี ิด จากโจทย์ 153 + 416 = 1. บวกจำนวนในหลักหนว่ ย 3 หนว่ ย บวก 6 หน่วย เปน็ 9หนว่ ย วธิ ที ำ ใส่ 9 ตรงหลกั หน่วย 2. บวกจำนวนในหลักสบิ 5 สิบ 1 5 3+ บวก 0 สิบ เป็น 5 สบิ ใส่ 5 ตรงหลักสิบ 406 3. บวกจำนวนในหลักร้อย 1 รอ้ ย 559 บวก 4 ร้อย เปน็ 5 ร้อย ใส่ 5 ตรงหลกั ร้อย
5.2.5 นักเรียนทำแบบฝึกทักษะที่ 1.2 เรื่อง การหาผลบวกไม่มีการทดตามแนวตัง้ 5.2.6 นักเรียนตรวจคำตอบแบบฝึกทกั ษะท่ี 1.2 เร่ือง การหาผลบวกไม่มีการทด ตามแนวตง้ั จากเฉลย จากน้นั ครผู สู้ อนทำการบันทกึ คะแนนลงในแบบบันทึกคะแนนของนักเรียน แตล่ ะคน 5.3 ขน้ั สรุป ครูและนักเรยี นชว่ ยกนั สรปุ เกยี่ วกบั การหาผลบวกไม่มกี ารทดตามแนวตงั้ โดยสรปุ ไดด้ งั น้ี การบวกจำนวนในแนวต้งั เป็นการบวกท่ีนำตัวตัง้ ตัวบวก และผลบวกมาเขียนในแนวดงิ่ (แนวตั้ง) โดยหลกั เดยี วกันอยู่ตรงกนั พร้อมท้ังมีเครื่องหมาย + กำกับ และเส้นกนั้ 6. ส่อื การเรียนรู้และแหล่งเรยี นรู้ 6.1 สอื่ ดจิ ทิ ลั เรอ่ื ง การหาผลบวกไมม่ ีการทด 6.2 ใบความรู้ที่ 1.2 เรือ่ ง การหาผลบวกไมม่ ีการทด ตามแนวตั้ง 6.3 แบบฝึกทกั ษะที่ 1.2 เรอื่ ง การหาผลบวกไม่มีการทด ตามแนวตัง้ 7. การวดั ผล / ประเมินผล การประเมิน วธิ วี ดั เครื่องมือวดั ผล เกณฑก์ ารประเมิน 1. ความรู้ (K) 1.ตรวจแบบฝึก แบบฝกึ ทักษะท่ี 1.2 รอ้ ยละ 60 ข้ึนไปถือว่า ทักษะท่ี 1.2 ชุดท่ี 1 ผ่าน 2. ทักษะ/กระบวนการ (P) สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ได้ระดับ 2 ขึ้นไปถือวา่ แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ น 3. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) สงั เกตพฤตกิ รรม ไดร้ ะดบั 2 ข้นึ ไปถือว่า ระหวา่ งเรียน ผ่าน
9. ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ าร .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ลายมือช่ือ………………………………………………. (………………………………………) ผู้อำนวยการโรงเรยี นบา้ นตะโละซแู ม วนั ที่ ……… เดอื น …………… พ.ศ. ………
บนั ทึกหลังการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1. การจัดการเรยี นรู้ 1.1 ด้านความรู้ จำนวนนักเรยี นท้ังหมด 19 คน ผา่ น จำนวน 17 คน คิดเปน็ ร้อยละ 89.47 ไม่ผ่าน จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 10.53 1.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ จำนวนนกั เรยี นทัง้ หมด 19 คน ระดับดี จำนวน 12 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 63.16 ระดบั พอใช้ จำนวน 3 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 15.79 ระดบั ปรับปรุง จำนวน 4 คน คิดเปน็ ร้อยละ 20.05 1.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ จำนวนนกั เรยี นท้ังหมด 19 คน ระดบั ดี จำนวน 14 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 84.21 ระดับพอใช้ จำนวน 5 คน คิดเปน็ ร้อยละ 15.79 ระดบั ปรบั ปรงุ จำนวน - คน คิดเป็นร้อยละ - 2. ปญั หา / อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… 3. แนวทางแก้ไข / ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….………..…… ลายมอื ชือ่ …………………………………….. (นางสาวพลอยไพลิน ลม้ิ พงศ์พนั ธ)์ ครูผูส้ อน วนั ท่ี 29 เดอื น กรกฎาคม พ.ศ. 2563
แบบบนั ทึกผลการประเมินด้านความรู้ สรปุ ผล แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 2 เรือ่ ง การหาผลบวกไม่มีการทด ตามแนวตง้ั การประเมิน ชดุ ที่ 1 การหาผลบวกไม่มีการทด เลขที่ ช่ือ -สกุล แบบ ึฝกทักษะท่ี 1.2 รวม คิดเป็นร้อยละ (20) (20) (100) ผ่าน ไมผ่ ่าน 1 เด็กหญิงซเู ฟยี นี อแิ ต 16 16 90 ✓ 2 เด็กหญิงซลั วานี ยามา 3 เด็กหญิงนจั วา บือแน 20 20 100 ✓ 4 เด็กหญงิ นิรันยา กาเจ 5 เดก็ หญงิ นูรอายู หะยีสาแม 18 18 90 ✓ 6 เดก็ ชายนูรดีน โตะแวอายี 7 เด็กหญงิ นูรี บรู ะกะ 20 20 100 ✓ 8 เด็กชายฟยั รซุ ห์ ลีวาเลาะ 9 เดก็ หญิงฟาเดยี มะเกะซง 20 20 100 ✓ 10 เด็กหญงิ มสี ราณ์ เลาะยะพา 11 เด็กชายมหู มดั อาลฟี นี สาและ 20 20 100 ✓ 12 เด็กชายมฮู ำหมัดริฏวาน กทู า 13 เดก็ ชายอันนาส ดีฆอ 12 12 60 ✓ 14 เดก็ ชายอาดลี นั อาแว 15 เดก็ ชายอารีฟ ดอเลา๊ ะ 18 18 90 ✓ 16 เด็กหญงิ อีสราอ์ มาฮามะมิง 17 เดก็ ชายอิสซาน อะจารู 17 17 85 ✓ 18 เดก็ ชายฮานาฟิต สุขเขยี ว 19 เด็กชายอิกรอม อะจารู 20 20 100 ✓ 20 20 100 ✓ 12 12 60 ✓ 9 9 45 ✓ 14 14 70 ✓ 5 5 25 ✓ 20 20 100 ✓ 16 16 80 ✓ 10 10 50 ✓ 20 20 100 ✓ จำนวนนกั เรยี นทง้ั หมด 19 คน นกั เรียนผา่ น จำนวน 16 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 84.21 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 15.79 นักเรียนไมผ่ ่าน จำนวน 3
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นทกั ษะกระบวนการ กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 2 ทกั ษะกระบวนการ สรปุ ผล เลขท่ี ชอ่ื - สกลุ การใ ้ชความรู้แก้ปัญหารวม การให้เหตุผลคะแนน 1 เดก็ หญงิ ซูเฟียนี อิแต 2 เดก็ หญงิ ซัลวานี ยามา ใ ้ชภาษาและ ัสญ ัลกษ ์ณ 3 เดก็ หญิงนจั วา บือแน คะแนนเฉ ่ีลย 4 เด็กหญงิ นริ นั ยา กาเจ ่ผาน 5 เด็กหญิงนรู อายู หะยีสาแม ไ ่ม ่ผาน 6 เดก็ ชายนรู ดนี โตะแวอายี 33 39 ระดับ 7 เด็กหญิงนูรี บูระกะ คณุ ภาพ 8 เด็กชายฟยั รซุ ห์ ลวี าเลาะ 22 9 เด็กหญงิ ฟาเดีย มะเกะซง 33 2 6 2.00 พอใช้ ✓ 10 เดก็ หญงิ มสี ราณ์ เลาะยะพา 33 11 เด็กชายมหู มดั อาลฟี นี สาและ 33 3 9 3.00 ดี ✓ 12 เดก็ ชายมฮู ำหมัดริฏวาน กูทา 33 13 เด็กชายอันนาส ดฆี อ 32 3 9 3.00 ดี ✓ 14 เดก็ ชายอาดลี ัน อาแว 12 15 เด็กชายอารีฟ ดอเลา๊ ะ 23 3 9 3.00 ดี ✓ 16 เดก็ หญิงอีสราอ์ มาฮามะมิง 23 17 เด็กชายอิสซาน อะจารู 23 3 9 3.00 ดี ✓ 18 เดก็ ชายฮานาฟติ สุขเขียว 33 19 เด็กชายอิกรอม อะจารู 12 3 8 2.66 ดี ✓ 11 33 2 5 1.66 ปรบั ปรงุ ✓ ✓ 11 33 2 7 2.33 พอใช้ ✓ 23 22 2 7 2.33 พอใช้ ✓ 33 3 8 2.66 ดี ✓ 3 9 3.00 ดี ✓ 2 5 1.66 ปรบั ปรุง ✓ ✓ 1 3 1.00 ปรับปรงุ ✓ ✓ 2 8 2.66 ดี ✓ 1 3 1.00 ปรบั ปรุง ✓ ✓ 3 9 3.00 ดี ✓ 3 8 2.66 ดี ✓ 2 6 3.00 ดี ✓ 3 9 3.00 ดี ✓
เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 2.50 – 3.00 ดี 2.00 – 2.49 0 – 1.99 พอใช้ ปรบั ปรุง ดา้ นทักษะกระบวนการ จำนวนนกั เรียนทั้งหมด 19 คน นกั เรยี นระดับดี จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 63.16 นักเรียนระดบั พอใช้ จำนวน 3 คน คิดเปน็ ร้อยละ 15.79 นกั เรยี นระดบั ปรบั ปรุง จำนวน 4 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 20.05 ลงชือ่ ………………………………………….(ผู้บันทึก) (นางสาวพลอยไพลิน ล้ิมพงศ์พันธ์) โรงเรยี นบา้ นตะโละซแู ม
เกณฑก์ ารประเมนิ การสังเกตพฤตกิ รรม ดา้ นทักษะกระบวนการ คำอธิบายคณุ ภาพ รายการประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 1.แกป้ ัญหาหรือ สถานการณต์ ่าง ๆ ใชย้ ุทธวธิ ีดำเนนิ การแกป้ ัญหา มยี ุทธวิธีดำเนนิ การแกป้ ัญหา มีหลักฐานหรือรอ่ งรอย 2.การใชเ้ หตผุ ล ได้อยา่ งสำเรจ็ อย่างมี ไดอ้ ยา่ งสำเรจ็ แต่ไม่อธบิ าย การดำเนินการแก้ปัญหา ประสิทธภิ าพและอธบิ าย ข้ันตอนของวิธีการดังกลา่ ว บางส่วน แตแ่ กไ้ ม่สำเร็จ ขั้นตอนของวธิ กี ารดังกล่าวได้ อยา่ งชดั เจน มกี ารอ้างอิงที่ถูกต้องและ มีการอ้างอิงทีถ่ ูกต้องบางสว่ น มีการเสนอแนวคิดที่ เสนอแนวคิดประกอบการ และเสนอแนวคิด ไมส่ มเหตสุ มผล ตัดสินใจ ประกอบการตัดสินใจ แตอ่ าจ ในการตดั สนิ ใจ และ อยา่ งมเี หตุผล ไมส่ มเหตุสมผลในบางกรณี ไมร่ ะบุการอา้ งองิ 3.ใชภ้ าษาและ ใช้ภาษาและสัญลักษณ์ทาง ใช้ภาษาและสญั ลกั ษณท์ าง ใช้ภาษาและสัญลกั ษณ์ สญั ลกั ษณ์ทาง คณิตศาสตร์ คณติ ศาสตร์ทถ่ี ูกต้องสมบรู ณ์ คณิตศาสตร์ท่ีถูกตอ้ งแต่ขาด ทางคณิตศาสตร์ รายละเอียดทส่ี มบูรณ์ อยา่ งง่าย ๆ
แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ สรุปผล กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 2 คณุ ลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ เลขที่ ชอ่ื - สกุล ีมความรับ ิผดชอบ ุ่มง ั่มนในการทำงาน ใ ่ฝเรียนรู้ ีม ิจตสาธารณะ ีมระเบียบ ิวนัย รวม (12คะแนน) ค่าเฉ ี่ลย ระดับ ุคณภาพ ่ผาน ไ ่ม ่ผาน 3 3 3 3 12 1 เดก็ หญิงซูเฟียนี อิแต 3 3 3 2 11 2.75 ดี ✓ 2 เด็กหญงิ ซลั วานี ยามา 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 3 เด็กหญงิ นัจวา บือแน 3 3 2 3 11 2.75 ดี ✓ 4 เดก็ หญงิ นิรนั ยา กาเจ 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 5 เด็กหญิงนูรอายู หะยีสาแม 3 3 2 3 11 2.75 ดี ✓ 6 เดก็ ชายนรู ดนี โตะแวอายี 2 3 2 2 9 2.25 พอใช้ ✓ 7 เดก็ หญิงนรู ี บรู ะกะ 2 2 2 2 8 2.00 พอใช้ ✓ 8 เด็กชายฟัยรซุ ห์ ลวี าเลาะ 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 9 เด็กหญิงฟาเดยี มะเกะซง 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 10 เด็กหญิงมสี ราณ์ เลาะยะพา 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 11 เด็กชายมหู มัดอาลฟี นี สาและ 3 3 3 3 12 2.25 พอใช้ ✓ 12 เด็กชายมูฮำหมัดรฏิ วาน กูทา 2 3 3 3 11 2.75 ดี ✓ 13 เด็กชายอันนาส ดฆี อ 2 2 2 2 8 2.05 พอใช้ ✓ 14 เดก็ ชายอาดลี ัน อาแว 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 15 เด็กชายอารีฟ ดอเล๊าะ 2 2 2 2 8 2.00 พอใช้ ✓ 16 เด็กหญิงอสี ราอ์ มาฮามะมิง 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 17 เด็กชายอิสซาน อะจารู 3 3 3 3 12 3.00 ดี ✓ 18 เดก็ ชายฮานาฟิต สขุ เขยี ว 2 3 3 2 10 2.50 ดี ✓ 19 เดก็ ชายอิกรอม อะจารู 3 3 2 3 11 2.75 ดี ✓
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 2.50 – 3.00 ดี 1.50 – 2.49 0 – 1.49 พอใช้ ปรับปรงุ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ จำนวนนักเรียนท้ังหมด 19 คน นกั เรยี นระดบั ดี จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 84.21 นกั เรียนระดบั พอใช้ จำนวน 5 คน คิดเปน็ ร้อยละ 15.79 นกั เรยี นระดบั ปรับปรุง จำนวน - คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ -
เกณฑ์ประเมนิ ผลการสังเกตพฤติกรรมดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คำอธบิ ายคณุ ภาพ รายการประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1) 1. มีความรบั ผดิ ชอบ ตง้ั ใจและรบั ผิดชอบใน ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการ ตัง้ ใจและรบั ผิดชอบในการ มงุ่ มัน่ ในการทำงาน การปฏบิ ัติหนา้ ที่ที่ไดร้ ับ ปฏบิ ัติหนา้ ทท่ี ไ่ี ด้รบั ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีที่ได้รบั มอบหมายใหส้ ำเร็จ มอบหมายใหส้ ำเรจ็ มอบหมายให้สำเร็จบางครั้ง มีการปรบั ปรงุ และ มีการปรบั ปรงุ และ พัฒนาการทำงานให้ดีขน้ึ พัฒนาการทำงานใหด้ ีขน้ึ ดว้ ยตนเองอย่างสม่ำเสมอ บ่อยครัง้ 2. ใฝเ่ รียนรู้ ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ และ ต้ังใจเรยี น เอาใจใส่ และมี ตั้งใจเรยี น เอาใจใส่ และมี มคี วามเพียรพยายามใน ความเพียรพยายามในการ ความเพยี รพยายามในการ การเรียนรู้ เขา้ รว่ ม เรยี นรู้ เขา้ รว่ มกจิ กรรมการ เรยี นรเู้ ข้าร่วมกจิ กรรมการ กจิ กรรมการเรียนรตู้ า่ ง ๆ เรยี นร้ตู ่าง ๆ บ่อยครง้ั เรยี นรู้ตา่ ง ๆ บางครง้ั เป็นประจำ อย่างสมำ่ เสมอ 3. มจี ิตสาธารณะ ช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และ ช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และ และครูทำงาน ครูทำงาน ครูทำงาน อาสาทำงาน อาสาทำงาน ชว่ ยคิด อาสาทำงาน ช่วยคดิ ชว่ ยคิด ช่วยทำ ให้ผ้อู ื่น ช่วยทำ และแบ่งปัน ชว่ ยทำ และแบ่งปันสงิ่ ของ ดว้ ยความเต็มใจบางครง้ั สิง่ ของให้ผู้อนื่ ให้ผ้อู ืน่ ดว้ ยความเต็มใจ ด้วยความเต็มใจบ่อยคร้งั อยา่ งสมำ่ เสมอ 4. มรี ะเบยี บวินัย ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง ปฏิบตั ิตามข้อตกลง ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ขอ้ บังคับของครอบครัว ข้อบงั คับของครอบครัว ของครอบครัว และโรงเรยี น และโรงเรียน ตรงต่อเวลา และโรงเรียน ตรงตอ่ เวลา ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั ิ ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ในการปฏบิ ัติกจิ กรรม กิจกรรมตา่ ง ๆ ตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวนั ตา่ ง ๆในชวี ติ ประจำวนั แต่ ในชีวิตประจำวนั แต่ และรบั ผิดชอบใน ต้องมีการเตือน ตอ้ งมีการเตือนเป็นส่วนใหญ่ การทำงานได้ด้วยตนเอง
แบบฝึกทกั ษะชดุ ท่ี 1 การหาผลบวก (ไม่มีการทด) 23 แบบฝกึ ทกั ษะที่ 1.2 เรื่อง การหาผลบวกไมม่ ีการทด ตามแนวตงั้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เมอื่ กำหนดโจทยก์ ารบวกไม่มกี ารทด นกั เรยี นสามารถหา ผลบวกตามแนวตงั้ ได้ คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนแสดงวิธีหาผลบวกของจำนวนสองจำนวนจากโจทย์ทีก่ ำหนดให้ จำนวน 10 ขอ้ ขอ้ ละ 2 คะแนน (คะแนนเตม็ 20 คะแนน) ตัวอยา่ ง 351 + 347 = วธิ ที ำ 3 5 1+ หาผลบวก 347 ตามแนวต้งั 698 ตอบ ๖๙๘ 621 + 365 = วธิ ที ำ 6 2 1 + 365 986 ตอบ ๙๙๙
แบบฝึกทกั ษะชดุ ที่ 1 การหาผลบวก (ไม่มีการทด) 24 1) 124 + 275 = 2) 352 + 440 = วิธที ำ วิธีทำ ……………1…………2……..…4………… ……………………………..…………… + ……………………………..…………… ……………2…………7……..…5………… ……………………………..…………… …………………………………………. ……………………………..…………… …………………………………………. ตอบ ตอบ 3) 317 + 582 = 4) 420 + 519 = วธิ ีทำ วิธีทำ ……………………………..…………… ……………………………..…………… ……………………………..…………… ……………………………..…………… ……………………………..…………… ……………………………..…………… …………………………………………. …………………………………………. ตอบ ตอบ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367