Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทศชาติ

ทศชาติ

Published by BURINTHORNVORAVITAR, 2022-11-20 09:39:05

Description: ทศชาติ

Search

Read the Text Version

ท ศ ช า ติ 299 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง อาจารยเ์ กวฏั ฏะจึงกราบทูลพระเจา้ จุลนใี ห้ทรงทราบว่า บัดนี้ ไดเ้ วลา แลว้ ตนจะไปเพ่ือกำ�หนดวันอภเิ ษก พระราชาตรสั ถามว่า จะตอ้ งนำ�อะไรไปบา้ ง เกวัฏฏะกราบทูลว่าควรเอาบรรณาการไปบ้างเล็กน้อย เกวัฏฏะนำ�เคร่ือง บรรณาการไป พร้อมด้วยบริวารหมู่ใหญ่ คร้ันถึงวิเทหรัฐก็ให้ประกาศไปตาม ถนนในกรุงมิถิลานคร เพ่ือให้ประชาชนรับรู้ว่า พระเจ้าวิเทหราชจะอภิเษกกับ พระธดิ าของพระเจา้ จุลนี ประชาชนต่างโจษขานถึงการมาของเกวัฏฏะว่า “พระเจ้าจุลนีกับ พระเจา้ วเิ ทหราชจะเชอ่ื มสมั พนั ธไมตรกี นั ฝา่ ยพระเจา้ จลุ นจี ะประทาน พระธิดาของพระองค์แด่พระราชาของพวกเรา เขาเล่าว่าขณะน้ี พราหมณ์เกวัฏฏปุโรหิตมาเฝ้าพระราชาของพวกเรา เพื่อกำ�หนดวัน เสด็จไปอภิเษกแล้ว” เสียงเล่าลือนั้นได้ยินไปถึงพระเจ้าวิเทหราช แม้มโหสถก็ได้ยินจึง เกิดความกังวลใจว่า “เกวัฏฏะไม่ได้มาดีแน่ เราต้องรู้ความจริงให้ได้” จึงส่งข่าวไปยังสายลับในราชสำ�นักของพระเจ้าจุลนี ให้ตรวจสอบข่าวนี้ให้แน่ชัด แมส้ ายลบั กไ็ มร่ ู้ เนอื่ งจากพระเจา้ จลุ นกี บั เกวฏั ฏปโุ รหติ ปรกึ ษากนั ในหอ้ งบรรทม มีเพียงนกสาลิกาท่ีเลี้ยงไว้ในห้องบรรทมของพระเจ้าจุลนีเท่านั้นท่ีรู้ความจริง เก่ียวกับเรื่องน้ี ทกุ อยา่ งเกดิ ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ จนมโหสถตง้ั ตวั ไมท่ นั ในสถานการณท์ ย่ี งั คาดเดาอะไรไมไ่ ด้ มโหสถคดิ วา่ ไมค่ วรใหเ้ กวฏั ฏะซงึ่ เปน็ ศตั รเู หน็ จดุ ยทุ ธศาสตร์ ท่ีสำ�คัญของบ้านเมืองท่ีจัดการไว้อย่างรัดกุม จึงส่ังให้เอาเส่ือท่ีเขียนภาพล้อม สองข้างทาง ประดับด้วยดอกไม้ต้ังแต่ประตูพระนครจนถึงพระราชนิเวศน์ และ ต้ังแต่พระราชนิเวศน์จนถึงเรือนตน ให้ต้ังหม้อน้ำ� ปักต้นกล้วย และผูกธง ประดับไว้ตลอดสองข้างทาง เหมือนประดับตกแต่งพระนครรับราชทูตจาก ปัญจาลนคร

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 300 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ขณะเกวฏั ฏปโุ รหติ เขา้ สพู่ ระนคร เหน็ ถนนหนทางประดบั ประดาไวอ้ ยา่ ง งดงามจนมองไม่เห็นอาคารบ้านเมือง เข้าใจว่าพระราชาให้ตกแต่งหนทาง ไวต้ อ้ นรบั ตนก็ปลาบปล้ืมใจ เกวัฏฏปุโรหิตเข้าเฝ้าถวายบังคมพระเจ้าวิเทหราช ถวายเครื่อง บรรณาการ แล้วกราบทูลถึงจุดประสงค์ที่ตนมาว่า “พระเจ้าจุลนีมีพระราช ประสงค์จะเจริญสัมพันธไมตรี จะประทานรัตนะอันเลิศแด่พระองค์ จากน้ีไป ทูตทั้งหลายจะพูดด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน ปัญจาลนคร และมถิ ลิ านครจะเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั สบื ไปชว่ั กลั ปาวสาน พระราชา ของขา้ พระองคท์ รงประสงคจ์ ะสง่ มหาอ�ำ มาตยอ์ น่ื มา กเ็ กรงจะไมส่ ามารถ แจง้ ขา่ วใหเ้ ปน็ ทช่ี อบพระทยั จงึ สง่ ขา้ พระองคม์ าโดยพระบรมราชโองการ แล้วนำ�เสด็จสู่อุตตรปัญจาลนคร ขอพระองค์เสด็จพระราชดำ�เนินไป จะได้พระธิดาผู้ทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่งนัก และสัมพันธไมตรี กับพระราชาของขา้ พระองคจ์ ะแน่นแฟน้ ยง่ิ ขึน้ ” พระเจ้าวิเทหราชทรงยินดี คิดเพียงว่าจะได้พระราชธิดาผู้ทรงสิริโฉม งดงามที่สุด จึงตรัสว่า “ท่านอาจารย์ ความบาดหมางเพราะธรรมยุทธ์ ระหว่างท่านกับมโหสถ ขอให้เลิกแล้วต่อกันไป ท่านจงไปหามโหสถ บตุ รเรา ทา่ นเปน็ บณั ฑติ ดว้ ยกนั ทง้ั คู่ จงยกโทษใหก้ นั ปรกึ ษาหารอื กนั ถงึ การเตรียมงานอภเิ ษกแลว้ จงึ คอ่ ยกลบั มา” เกวฏั ฏะจงึ ไปพบมโหสถ ฝา่ ยมโหสถรู้ว่าถงึ อยา่ งไร เกวฏั ฏะตอ้ งมาพบตน คิดวา่ วนั นย้ี งั ไม่ควร พดู อะไรกับเกวัฏฏะจนกว่าจะรูค้ วามจริงกระจา่ งชดั จงึ ดืม่ เนยใสนิดหน่ึง ต้งั แต่ เช้ามืด ทำ�ทีว่าตนอยู่ในระหว่างกระทำ�มงคล จึงให้แม่บ้านเอาโคมัยสด ละเลงเรอื น และเอานำ้�มนั ทาเสา ตั้งเตียงนอนมโหสถไวเ้ พยี งเตยี งเดยี ว สิง่ ของ นอกจากนใี้ หเ้ กบ็ ออกหมด ไมใ่ หเ้ หลอื สงิ่ ใดไว้ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กวฏั ฏปโุ รหติ มที นี่ ง่ั ทยี่ นื

ท ศ ช า ติ 301 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง มโหสถซกั ซอ้ มกบั คนใช้ ใหแ้ จง้ พราหมณเ์ กวฏั ฏะวา่ “วนั นข้ี ออยา่ พงึ่ พูดกับท่านบัณฑิตเลย เพราะวันนี้ท่านดื่มเนยใส เมื่อเราทำ�ท่าจะพูด กับเกวัฏฏะ พวกเจ้าก็พึงห้ามว่าท่านดื่มเนยใสอย่างแรง ท่านอย่าพึ่ง พูดเลย” มโหสถจัดแจงอย่างนี้แล้ว จึงจัดคนรักษาไว้ที่ประตูถึง ๗ ชั้น แล้วนอนบนเตยี งใกล้กบั ประตูท่ี ๗ เกวัฏฏปุโรหิตมาถึงบ้านมโหสถ ยืนอยู่ท่ีซุ้มประตู ถามว่า “ท่าน บณั ฑติ อยไู่ หน” พวกคนใชท้ �ำ ทา่ ดหุ า้ มพราหมณเ์ กวฏั ฏะวา่ “ทา่ นพราหมณ์ ถา้ อยากมากอ็ ยา่ สง่ เสยี งดงั ใหม้ าเงยี บ ๆ วนั นี้ ทา่ นบณั ฑติ ดม่ื เนยใส อย่างแรง นอนพักอยู่ ขอท่านอย่าได้ส่งเสียงดังอ้ืออึง” พวกคนใช้ที่ ซุ้มประตูถัดมาก็ห้ามพราหมณ์อย่างนั้น จนผ่านมาถึงประตูที่ ๗ ซึ่งเป็นห้องท่ี มโหสถนอนพกั อยู่ มโหสถท�ำ ทา่ จะพดู พวกคนใชก้ ็ทำ�ตามท่นี ดั แนะไว้ ตา่ งห้าม เป็นการใหญ่ พราหมณ์เกวัฏฏะไปพบมโหสถแต่ไม่มีท่ีนั่ง ไม่มีแม้แต่อาสนะ รองยืน ตอ้ งยืนเหยียบโคมัยสดอยู่ จึงเก้อเขินไมร่ ู้จะทำ�อยา่ งไร พวกคนใช้มโหสถบางคนมองดูเกวัฏฏะแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้ บางคน ถลึงตา บางคนงอศอกเงอื้ สบั ไปในอากาศ บางคนชกู ำ�ปัน้ ขึน้ เหมือนจะเอาศอก สบั พราหมณ์ บางคนท�ำ ทา่ จะเตะ บางพวกแสดงมอื ไมด้ ว้ ยทา่ ทางตา่ ง ๆ เกวฏั ฏะ เห็นกิริยาพวกคนใช้มโหสถก็ย่ิงเก้อเขิน ไม่รู้จะทำ�อย่างไรจึงลากลับไป ได้ยิน เสยี งตะโกนตามหลงั วา่ “พราหมณถ์ อ่ ย แกอยา่ สง่ เสยี ง ถา้ แกขนื สง่ เสยี งดงั ท�ำ ใหน้ ายขา้ พดู ขา้ จะหกั กระดกู แก” พราหมณเ์ กวฏั ฏะไมไ่ ดค้ าดคดิ มากอ่ นวา่ จะเจอเหตกุ ารณเ์ ชน่ นจ้ี ึงตกใจกลวั รีบกลบั ไปโดยไม่เหลยี วหลัง พลนั นน้ั ใครคนหนงึ่ ลกุ ขน้ึ เอาเรยี วไผต่ หี ลงั เกวฏั ฏพราหมณ์ อกี คนหนงึ่ ก็ถลันลุกตบทา้ ยทอย สว่ นอกี คนหนงึ่ ผลกั คอพราหมณ์เซถลาไป เกวฏั ฏะตกใจ กลัว ทง้ั อบั อาย จงึ รีบกลบั เขา้ สพู่ ระราชวัง

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 302 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระเจ้าวิเทหราชทรงดำ�ริว่า “วันนี้ มโหสถบุตรเราได้ฟังเร่ือง มงคลทพ่ี ระเจา้ จลุ นจี ะใหพ้ ระธดิ าแกเ่ รา คงจะยนิ ดมี าก บณั ฑติ ทงั้ สอง คงมีเรื่องพูดคุยกันมาก คงปรับความเข้าใจขอโทษกันและกันถึงเรื่อง ในอดีต ช่างเป็นโชควาสนาของเราจริง ๆ” พระองค์ทอดพระเนตรเห็น เกวฏั ฏะก�ำ ลังเดินมา จึงตรสั ถามว่า “อาจารยเ์ กวฏั ฏะ ท่านได้พบมโหสถ บุตรเราแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง เชิญเล่าให้ฟังเถิด มโหสถกับท่าน ยกโทษใหก้ นั แล้วใช่ไหม มโหสถดีใจไหมท่ไี ด้พบท่าน” เกวัฏฏะกราบทูลว่า “ขอเดชะ คนอย่างมโหสถไม่ควรนับว่า เปน็ บัณฑิตเลย พระเจ้าข้า ไมม่ ีใครต�่ำ ชา้ กวา่ มโหสถอกี แลว้ คนเช่น มโหสถเป็นคนหยาบกระด้าง ก้าวร้าว มิใช่สัตบุรุษ ไม่ยอมพูดอะไร สกั ค�ำ เหมือนคนใบ้ หหู นวก แมท้ ่ีนัง่ กไ็ ม่มีให้ข้าพระองค”์ พระเจ้าวิเทหราชสดับคำ�เกวัฏฏปุโรหิตแล้ว ไม่ทรงแสดงอาการ พอพระทัยหรือไม่พอพระทัยอย่างไร โปรดให้พระราชทานเสบียงและเรือนพัก แก่เกวัฏฏะและบริวารที่มาไปพักผ่อน แล้วทรงรำ�พึงว่า “ตามปกติ มโหสถ ฉลาดในการปฏสิ นั ถาร รอบรวู้ ธิ ที างการทตู แตค่ รง้ั นเ้ี ขาไมป่ ฏสิ นั ถาร เกวัฏฏะเลย ไมแ่ สดงความยินดี หรอื จะเหน็ ภัยอะไร ๆ ท่จี ะเกดิ ข้ึน ส่ิงน้ีรู้ได้ยากย่ิง แท้จริงแม้พระองค์ก็หว่ันไหว ไม่กล้าทิ้งแว่นแคว้น ไปสู่เง้ือมมือของศัตรู มโหสถจะเห็นโทษในการมาของพราหมณ์ เกวัฏฏะ หรือเขามิได้มาเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี แต่จะมาด้วยเหตุ อย่างอื่น บุตรของเราจะเห็นภัยหรืออย่างไร” นึกอย่างน้ีก็ทรงหวาดหวั่น ประทับนัง่ นง่ิ อยู่ ขณะน้นั คณะมนตรที ง้ั ๔ คน ได้มาเข้าเฝา้ พระเจ้าวิเทหราชจึงตรัส ถามเสนกะว่า พระองค์ควรไปอภิเษกสมรสกับพระธิดาของพระเจ้าจุลนีท่ี ปัญจาลนครหรือไม่

ท ศ ช า ติ 303 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เสนกะกราบทูลว่า “ขอเดชะ พระองค์รบั สั่งอะไรเชน่ นน้ั นเ่ี ป็น โอกาสอนั ดี พระเจา้ จุลนเี ปน็ พระราชาผยู้ ิง่ ใหญใ่ นชมพทู วีป ประสงค์ จะยกพระราชธิดาผู้ทรงพระสิริโฉมงดงามถวายพระองค์ ก็ด้วยทรง เห็นว่า กษัตริย์แห่งมิถิลานครพระองค์เดียวเท่าน้ัน ที่เป็นกษัตริย์ผู้ ยิ่งใหญ่เสมอด้วยพระองค์ กษัตริย์พระองค์อื่นเป็นแต่เพียงกษัตริย์ ประเทศราช อยใู่ นอำ�นาจปัญจาลนคร ไม่มใี ครเสมอพระองค์ ขอได้ ทรงท�ำ ตามพระเจา้ จลุ นเี ถดิ ไมค่ วรทพี่ ระองคจ์ ะใหโ้ อกาสหลดุ ลอยไป หากพระองค์เสด็จไปกรุงปัญจาละ ก็จะได้พระธิดาของพระราชา ผเู้ ปน็ ใหญม่ าเปน็ มเหสี ทง้ั สมั พนั ธไมตรรี ะหวา่ งสองนครกจ็ ะแนน่ แฟน้ สบื ไป” พระเจ้าวิเทหราชตรัสถามอาจารย์คนอ่ืน ทุกคนต่างกราบทูลเช่น เดียวกัน ขณะท่ีพระราชากำ�ลังรับสั่งอยู่กับคณะมนตรีของพระองค์ พราหมณ์ เกวัฏฏะออกจากเรือนพักรับรอง มาถวายบังคมพระราชาเพื่อทูลลากลับ พระราชาทรงท�ำ สักการะแก่พราหมณเ์ กวฏั ฏะแล้วส่งกลบั ไป มโหสถรู้ว่าเกวัฏฏะกลับไปแล้ว จึงลุกขึ้นอาบน้ำ�แต่งตัวไปเข้าเฝ้า พระเจ้าวิเทหราช ทรงดำ�ริว่า “มโหสถบุตรเรา เป็นปราชญ์มีความคิด ลุ่มลึก ย่อมจะรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งในอดีต อนาคต และปัจจุบัน จะรูว้ ่าควรหรือไมค่ วรท่ีเราจะไปกรุงปัญจาลนคร” แม้จะรู้เช่นน้ัน พระองค์ก็ถูกความกำ�หนัดยินดีแผดเผา ทั้งลุ่มหลง เพราะความปรารถนา จงึ ตรสั ถามมโหสถวา่ “พวกเราทงั้ ๖ คน ลว้ นเปน็ บัณฑิต มีปัญญาสูงสุดดุจแผ่นดิน จะลงมติกันเป็นเอกฉันท์ มโหสถ ลกู พ่อ แมเ้ จา้ กต็ ้องท�ำ ตามมตวิ า่ ควรไปปัญจาลนครหรอื ไม่” มโหสถคิดว่าพระเจ้าวิเทหราชทรงเชื่ออาจารย์ทั้งสี่ ไม่รู้ว่าจะเกิด อันตราย เราจะบอกอันตรายท่ีจะเกิดข้ึน เพื่อให้พระองค์เลิกล้มความต้ังใจเสีย

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 304 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง จงึ กราบทลู วา่ “ขอเดชะ ขอพระองค์จงทรงทราบเถิด พระเจ้าจลุ นที รงมี แสนยานุภาพมาก มีกองทัพเกรียงไกร มีกำ�ลังพลมาก ต้องการ ปลงพระชนม์พระองค์ ดุจนายพรานใช้กวางตัวเมียหลอกล่อฆ่ากวาง ตวั ผู้ นายพรานจบั กวางตวั เมยี มาฝึกดีแลว้ ก็น�ำ ไปผูกไวก้ ลางทุง่ หญา้ เพื่อล่อฝูงกวางมาด้วยมายา เมื่อฝูงกวางตัวผู้มาเพื่อหวังจะเล้าโลม นางกวางก็ถกู จบั ฆ่ามากมาย พระเจ้าจุลนีพรหมทัตเป็นเหมือนนายพราน เกวัฏฏปุโรหิต เป็นอาวธุ ในมือพราน ส่วนพระธดิ าปัญจาลจันทีเป็นเหย่ือลอ่ พระองค์ทรงปรารถนาพระธิดาดุจปลาติดเบ็ด เพราะหลง เหย่ือที่เขาเกี่ยวเบ็ดล่อไว้ ไม่ทรงทราบว่าพระธิดาของพระเจ้าจุลนี เป็นแค่เหย่ือ ถ้าพระองค์ต้ังพระทัยจะเสด็จไปปัญจาลนคร ขอให้ เลิกล้มพระราชดำ�ริ พระองค์จะประสบภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงนัก ไม่ตา่ งอะไรจากกวางหลงเดินตามทางเข้าสหู่ ม่บู ้านคน” พระเจ้าวิเทหราชทรงพิโรธมโหสถ ทั้งที่รู้ราชสาส์นว่าพระเจ้าจุลนี จะประทานพระธิดาแด่พระองค์ ก็ยังไม่พูดสิ่งที่เป็นมงคลแม้สักคำ� กลับกล่าว เปรียบพระองค์เหมือนเน้ือและปลาติดเบ็ด พระองค์ตรัสเสียดสีมโหสถว่า “เอาละ พวกเราทั้งหมดนี้พูดถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น แต่กลายเป็น คนโง่ บา้ น�้ำ ลาย เพราะพดู แตส่ งิ่ ทเี่ ปน็ ประโยชนก์ บั บา้ นกบั เมอื ง เจา้ มนั ลกู คหบดี รแู้ ตว่ ธิ จี บั หางไถ จะรกู้ จิ ทเ่ี ปน็ มงคลอยา่ งชาวเมอื งคนอนื่ ๆ ไดอ้ ยา่ งไร” เพราะความพโิ รธทง้ั นอ้ ยพระทยั พระเจา้ วเิ ทหราชจงึ รบั สงั่ ใหท้ หาร ลากคอขับไล่มโหสถออกไป มโหสถรู้ว่าพระราชาตรัสเพราะความกริ้ว คิดว่าหากใครทำ�ตาม พระราชดำ�รัสจับคอตนลากออกไป ก็จะได้รับความอับอายไปตลอดชีวิต จงึ ไม่รอใหท้ หารมาไลต่ น ถวายบังคมแล้วลากลบั บา้ น

ท ศ ช า ติ 305 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ฝ่ายพระเจ้าวิเทหราชรับส่ังเช่นน้ัน เพราะทรงพิโรธและน้อยพระทัย เท่าน้ัน หาได้ต้องการให้ใครทำ�เช่นนั้นไม่ เพราะพระองค์มีพระทัยเคารพรัก มโหสถประหน่ึงบดิ ารักบตุ ร สายลบั จากเวหา มโหสถคดิ วา่ พระราชาไมร่ อู้ ะไรเปน็ อะไรเลย คดิ เพยี งวา่ จะไดพ้ ระธดิ า พระเจา้ จลุ นอี ยา่ งเดยี ว ไมค่ ดิ ถงึ อนั ตราย เมอ่ื เสดจ็ ไปกรงุ ปญั จาละกจ็ ะถงึ ความ พินาศ คร้ันจะเฉยเมย เก็บเอาคำ�พูดของพระองค์มาใส่ใจ พระองค์ก็ทรงมี พระมหากรณุ าธคิ ณุ แกต่ นมาก ทรงพระราชทานอสิ รยิ ยศอนั ยง่ิ ใหญใ่ ห้ ถงึ อยา่ งไร ก็ต้องคิดหาทางช่วยเหลือพระองค์ให้ได้ จึงตัดสินใจส่งลูกนกแขกเต้าไปสืบหา ความจรงิ ทก่ี รุงปัญจาลนครให้แนช่ ัดก่อน แลว้ จึงไปเองภายหลงั มโหสถคลกุ ขา้ วตอกกบั น�้ำ ผงึ้ ใหล้ กู นกแขกเตา้ กนิ ใหด้ ม่ื น�ำ้ ผง้ึ เอาน�้ำ มนั ท่ีหุงนับพันครั้งทาขนปีกอย่างที่เคยปฏิบัติ พูดกับลูกนกแขกเต้าซ่ึงจับอยู่ที่ตักว่า “มาธุระ เจ้าจงช่วยงานที่มนุษย์ทำ�ไม่ได้ คนอ่ืนเว้นพระเจ้าจุลนีและ พราหมณ์เกวัฏฏะ ไม่มีใครรู้เร่ืองท่ีพราหมณ์เกวัฏฏะเป็นทูตมาเชิญ เสดจ็ พระราชาของเราสกู่ รงุ ปญั จาลนคร มคี นเพียงสองคนเทา่ น้ันทน่ี ั่ง ปรกึ ษากนั ในหอ้ งบรรทมของพระเจา้ จลุ นี นอกจากนนั้ กม็ เี พยี งนางนก สาลกิ าทเ่ี ขาเลย้ี งไวใ้ นหอ้ งบรรทมทร่ี เู้ รอื่ ง เจา้ จงไปท�ำ ความสนทิ ชดิ เชอ้ื กับนางนกสาลิกาน้ัน ถามความลับของพระเจ้าจุลนีและพราหมณ์ เกวฏั ฏะในสถานทม่ี ดิ ชดิ คยุ กนั เบา ๆ อยา่ ใหใ้ ครรเู้ ปน็ อนั ขาด ถา้ มใี คร ได้ยินเสยี งเจา้ ชวี ติ ของเจา้ ก็จะจบสิน้ ” ลูกนกแขกเต้ามาธุระรับคำ�มโหสถ บินทำ�ประทักษิณเคารพมโหสถ แล้วทะยานออกทางหน้าต่าง โบยบินด้วยความเร็วปานลมพัด สังเกตความ เป็นไปในประเทศนั้น ๆ ผ่านไปทางนครอริฏฐปุระ แคว้นสีพี แล้วบินสู่

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 306 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ปัญจาลนครถึงท่ีอยู่ของนางนกสาลิกา ลงจับที่ยอดพระปรางค์พระราชนิเวศน์ ส่งเสยี งรอ้ งไพเราะด้วยราคะ แมน้ างนกสาลกิ านนั้ ไดย้ นิ เสยี งลกู นกแขกเตา้ แลว้ กจ็ บั ทส่ี วุ รรณบญั ชร ใกล้ท่ีบรรทมของพระราชา มีจิตกำ�หนัดด้วยราคะเช่นกัน ส่งเสียงรับสามครั้ง ลูกนกแขกเต้าบินไปนิดหน่ึงแล้วส่งเสียงให้ได้ยินเป็นระยะ บอกว่าเราจะเข้าไป แล้วนะ แล้วบินไปเกาะท่ีธรณีสีหบัญชรตามเสียงนางนกสาลิกา ตรวจดูว่าไม่มี อนั ตราย จึงบนิ เขา้ ไปหานางนกสาลิกา นางนกสาลิกากล่าวกับลูกนกแขกเต้าว่า “มาจับที่สุวรรณบัญชร ของฉันสิ” ลูกนกแขกเต้าก็โผบินไปจับอย่างว่าง่าย แล้วทักทายนางนกสาลิกา นนั้ วา่ “กรงเธองามจัง” นางนกสาลิกา ถามว่า “เธอมาจากไหน” ลูกนกแขกเต้าคิดว่า ถ้าบอกว่ามาจากมิถิลานคร แม้ตายนางนก สาลิกานี้ก็จะไม่ทำ�ความสนิทชิดเชื้อกับเรา ก็เรากำ�หนดนครอริฏฐปุระในแคว้น สพี มี าแลว้ จึงโกหกวา่ “พระเจา้ สพี ีราชส่งฉันมาจากอรฏิ ฐปรุ ะ พระองค์ เลี้ยงฉันไว้ในที่บรรทมบนปราสาท พระราชาทรงเป็นพระธรรมราชา โปรดให้ปล่อยสตั วท์ งั้ หลายท่ถี ูกขงั ในทตี่ า่ ง ๆ” นางนกสาลิกาใหข้ ้าวตอกคลกุ นำ้�ผึง้ ทวี่ างอยใู่ นกระเชา้ ทอง และน้�ำ ผงึ้ แกล่ กู นกแขกเตา้ แลว้ ถามวา่ “ทา่ นมาไกลจงั มปี ระสงคส์ งิ่ ใด” ลกู นกแขกเตา้ โกหกไปว่า “นางนกสาลิกาตัวหนึ่ง พูดอ่อนหวาน เป็นภรรยาฉัน เหย่ียวได้ฆา่ นางตายต่อหน้าต่อตาฉันในห้องบรรทม” นางนกสาลิกาถามลูกนกแขกเต้าว่า “ก็อย่างไร เหย่ียวจึงได้ฆ่า ภรรยาของท่านเสียเล่า” ลูกนกแขกเต้าสร้างเรื่องโกหกว่า “วันหน่ึง พระราชาของฉันเสดจ็ ไปเลน่ น�ำ้ ตรสั เรียกฉันตามเสดจ็ ไปด้วย ฉันจงึ พาภรรยาตามไปด้วย แล้วกลับมาพร้อมพระราชา ขณะข้ึนปราสาท ไดช้ วนภรรยาออกมาจากกรง จบั อยทู่ ต่ี �ำ หนกั ยอดเพอื่ ผงึ่ กาย ขณะนน้ั

ท ศ ช า ติ 307 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง มีเหยี่ยวตัวหนึ่งบินมา โฉบเราท้ังสองซึ่งกำ�ลังออกจากตำ�หนักยอด เตรยี มขน้ึ ปราสาทกลบั เขา้ กรง ฉนั กลวั ตายบนิ หนโี ดยเรว็ ” ลกู นกแขกเตา้ มาธุระทอดเสียงครู่หน่ึง เหมือนกลืนความทุกข์ให้หายไปแล้วกล่าวต่อว่า “แต่ถึงคราวเคราะห์ นางนกสาลิกาภรรยาฉันมีครรภ์แก่จึงบินหนี ไมท่ นั เหย่ยี วโฉบนางตายตอ่ หน้าต่อตาฉันพาหนไี ป พระราชาเหน็ ฉนั ร้องไห้เศรา้ โศกถงึ ภรรยาจึงปลอบใจฉัน รบั สัง่ ให้หยุดรอ้ งไห้ แล้วให้ ฉันออกไปหาภรรยาอื่น ฉันกราบทูลว่าแม้นำ�ภรรยาอ่ืนมาแล้ว ก็จะ มีประโยชน์อะไร ในเม่ือไม่มีใครมีมารยาทเรียบร้อยงดงามเช่นนาง พระองค์รับสั่งว่าได้เห็นนางนกสาลิกาตัวหนึ่ง เพียบพร้อมด้วยศีลา จารวัตรเชน่ ภรรยาของเจา้ เขาเล้ยี งไวใ้ นห้องบรรทมของพระเจ้าจุลนี เจ้าไปทีน่ น้ั ถามใจเธอดู ถา้ เจา้ ชอบใจจงมาบอกเรา จากน้นั เราหรอื พระเทวจี ะไปสขู่ อจบั คใู่ ห้ แลว้ ทรงสง่ ฉนั มาทนี่ ้ี ฉนั รกั เธอจงึ มาพบเธอ ถา้ เธอให้โอกาส เราทง้ั สองก็จะได้อยู่รว่ มกัน” นางนกสาลิกาได้ฟังคำ�พูดลูกนกแขกเต้ามาธุระก็สงสาร แต่ยังไม่ให้ ลกู นกแขกเตา้ รคู้ วามในใจวา่ ตนกร็ กั ท�ำ เปน็ ไมป่ รารถนา กลา่ ววา่ “นกแขกเตา้ รักกับนางนกแขกเต้า นกสาลิการักกับนางนกสาลิกา นกแขกเต้า จะอยู่ร่วมกับนางนกสาลิกา ดกู ระไรอยู่” ลูกนกแขกเต้ามาธุระคิดว่า หากนางนกสาลิกานี้ไม่ต้องการเรา ก็คง ไม่พูดคุยด้วย คงจะมีใจปรารถนาอยู่บ้างเป็นแน่ จึงกล่าวเปรียบเทียบว่า “คนรกั กบั หญงิ ชาวบา้ น ตอ้ งเปน็ ชาวบา้ นเชน่ นนั้ หรอื ขน้ึ ชอ่ื วา่ ความรกั มเี หมอื นกนั หมด ไม่ว่าคนหรือสตั ว์” ลูกนกแขกเต้ามาธุระยกเรื่องในหมู่มนุษย์ท่ีเคยเกิดขึ้นในอดีตมา ชแี้ จงกอ่ น เพอื่ แสดงใหเ้ หน็ วา่ เรอ่ื งความรกั ไมไ่ ดม้ คี วามแตกตา่ งในชาตพิ นั ธว์ุ า่ “พระราชมารดาของพระเจา้ สพี พี ระนามวา่ ชมั พาวดี พระนางเปน็ หญงิ ชาวบา้ น ได้เป็นพระมเหสผี เู้ ปน็ ทร่ี กั ของพระเจ้าวาสเุ ทพกัณหโคตร

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 308 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง มีเร่ืองเล่าต่อกันมาว่า วันหน่ึงพระเจ้าวาสุเทพเสด็จออกจาก กรุงทวารวดี ประพาสพระราชอุทยาน ทอดพระเนตรเห็นสตรีสาว รูปงามคนหนึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดา ออกจากหมู่บ้านเข้าพระนครไป ธุระบางอย่าง พระองค์เกิดมีจิตปฏิพัทธ์ รับสั่งให้ถามถึงชาติกำ�เนิด แม้ทรงทราบว่าเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาก็ยังมีรับสั่งให้ถามว่า มสี ามีหรือไม่ ทรงสดับวา่ ยงั ไม่มี จงึ พาหญงิ สาวเข้าส่พู ระราชนเิ วศน์ สถาปนาไว้ในตำ�แหน่งอัครมเหสี พระนางประสูตพิ ระโอรสพระนามวา่ “สีพี” เม่อื พระราชบิดา สวรรคตแล้ว พระเจา้ สพี จี งึ ครองราชสมบัตใิ นกรงุ ทวารวดี พระเจา้ วาสเุ ทพเปน็ ถงึ กษตั รยิ เ์ ชน่ นี้ ยงั มคี วามรกั กบั หญงิ สาว ชาวบ้าน แลว้ ใครจะว่าอะไรเราทัง้ สองเล่า” แล้วสุวโปดกลกู นกแขกเตา้ กย็ กอุทาหรณ์เรือ่ งอื่นอกี มากมายมาแสดง นางนกสาลิกานั้นได้ฟังคำ�ของลูกนกแขกเต้ามาธุระแล้ว กล่าวคำ� ค่อนแคะด้วยมายาสตรีว่า “จิตใจเปลี่ยนแปลงง่ายนัก ข้ึนชื่อว่าจิตแล้ว ท่ีจะไม่เป็นสองน้ันย่อมไม่มี ภายหลังฉันกลัวแต่ความพลัดพราก จากท่านทีร่ ัก” ลูกนกแขกเต้าฉลาด รู้ว่าเป็นมายาสตรี เมื่อจะทดลองนางนกสาลิกา จงึ กลา่ ววา่ “เอาเถอะ แมส่ าลกิ าเสยี งหวาน ฉนั จะไปแลว้ เพราะค�ำ ของ เธอท�ำ ใหฉ้ นั ประจกั ษ์ เธอดหู มน่ิ รักฉนั นกั ” นางนกสาลิกาฟังคำ�ลูกนกแขกเต้ารู้สึกใจหาย เหมือนหัวใจจะแตก เพราะถูกความกำ�หนัดยินดีแผดเผาต้ังแต่แรกเห็น แม้ทำ�ทีเป็นไม่ปรารถนา ด้วยมายาสตรี จงึ กล่าววา่ มาธรุ ะ เธอจะรบี ไปไหน สิรยิ อ่ มไมม่ แี ก่คนขใ้ี จนอ้ ย ใจเร็วด่วนได้ เชิญเธออยู่ก่อนเถอะ จนกว่าจะได้เฝ้าพระราชา จนกว่าจะได้ฟัง

ท ศ ช า ติ 309 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ดนตรี แล้วนกท้ังสองก็ร่วมสังวาสกันในเย็นวันน้ันเอง มีความสามัคคีบันเทิง อยูร่ ว่ มเปน็ ทร่ี ักกนั ลูกนกแขกเต้ามาธุระคิดว่า บัดนี้นางนกสาลิกาจะไม่ปกปิดความลับ จงึ กลา่ วว่า “สาลิกา ฉนั อยากจะถามอะไรเธอสกั อย่าง แตว่ ันนีเ้ ปน็ วัน มงคลของเรา ไว้วันอื่นฉันจึงค่อยถาม” นางนกสาลิกากล่าวว่า “ถ้าเป็น เร่ืองมงคลก็ถามเถิด แต่ถ้ามิใช่ก็อย่าเพิ่งถาม” ลูกนกแขกเต้าตอบว่า “เป็นเรื่องมงคลจ๊ะ ท่ีรัก” แล้วลูกนกแขกเต้าก็ถามว่า “ฉันได้ยินเสียง เล่าลือในหัวเมืองว่า พระธิดาของพระเจ้าปัญจาละมีพระฉวีวรรณดัง ดาวประกายพรกึ พระเจ้ากรุงปญั จาลราชจะถวายพระธิดาแก่พระเจ้า วเิ ทหราช จะมกี ารอภเิ ษกระหวา่ งพระเจา้ วเิ ทหราชกบั พระธดิ าจรงิ หรอื ฉันคิดว่าพระธิดาทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่งนัก ท้ังพระเจ้าวิเทหราช ก็เป็นข้าศกึ ของพระเจา้ จุลนี พระราชาพระองค์อ่ืน ๆ ที่อยู่ในพระราช อำ�นาจก็มีอยู่มาก พระเจ้าจุลนีไม่ประทานแก่พระราชาเหล่านั้น เหตุไรจึงจะประทานพระธิดาแกพ่ ระเจ้าวเิ ทหราชผู้เป็นอริเสียเลา่ ” นางนกสาลิกากล่าวว่า “เหตุไรพ่ีจึงกล่าวอวมงคลในวันมงคล ของเรา” ลกู นกแขกเต้ายอ้ นว่า “เอะ๊ ! ฉันพดู เรอื่ งมงคล เพราะเป็นเร่ือง อภเิ ษกสมรส แตเ่ ธอกลบั บอกวา่ เปน็ อวมงคล นอี่ ะไรกนั ” นางนกสาลกิ า กลา่ วว่า “การมงคลของคนท่เี ป็นศตั รกู ันจะเกิดขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร” ลูกนกแขกเต้าขอให้นางนกสาลิกาเล่าให้ฟัง แต่นางว่าไม่กล้าเล่า ลูกนกแขกเต้าจึงว่า “น้องรัก ถ้าเรายังมีความลับต่อกันอยู่ แล้วจะเป็น สามภี รรยากันไดอ้ ยา่ งไร” นางนกสาลิกาถูกลูกนกแขกเต้ามาธุระรบเร้าหนัก จึงกล่าวว่า “การ ท่ีพระเจ้าปัญจาลราชจะทำ�วิวาหมงคลพระธิดากับพระเจ้าวิเทหราช จะไมเ่ กิดขน้ึ เพราะการแต่งงานกบั ศตั รูไม่มที างเปน็ ไปได้”

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 310 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ลูกนกแขกเต้าซักถามว่า “เพราะเหตุไร เธอจึงกล่าวเช่นน้ี” นางนกสาลกิ าจงึ กลา่ ววา่ “พระราชาผเู้ ปน็ จอมทพั แหง่ ชาวปญั จาละหลอก พระเจ้าวิเทหราชมาฆ่า อย่าว่าแต่จะอภิเษกเลย แม้แต่หน้าพระธิดา ปัญจาลจันที พระเจ้าวิเทหราชก็จะไม่ได้เห็น พระเจ้าวิเทหราชนั้นมี ที่ปรึกษาอยู่คนหนึ่งชื่อมโหสถ พระเจ้าจุลนีวางแผนจะฆ่ามโหสถ พร้อมกับพระเจ้าวิเทหราชด้วย เรื่องนี้เกวัฏฏปุโรหิตได้ปรึกษากับ พระเจา้ จุลนี จากน้นั จงึ ไปกรงุ มิถลิ าเพ่ือจบั มโหสถ” นางนกสาลิกาบอกความลับให้มาธุระฟังจนหมดสิ้น ลูกนกแขกเต้า แกล้งชมเกวัฏฏะว่า “อาจารย์เกวัฏฏะเป็นผู้ฉลาดในการวางแผน การ ฆ่าพระเจ้าวิเทหราชเสียด้วยแผนการอันแยบยลเช่นน้ี น่าอัศจรรย์ เหลอื เกิน แตช่ ่างเถอะ ไมเ่ ห็นจะมปี ระโยชนท์ ี่เราจะมามัวพูดกันเร่ือง อวมงคลเชน่ นี้ นงิ่ เสยี เถอะ แล้วนอนใหห้ ลับ” ลูกนกแขกเต้ามาธุระรู้ว่าหน้าที่ของตนสำ�เร็จแล้วก็เบาใจ จึงอยู่กับ นางนกสาลิกาในราตรีน้ัน ครั้นรุ่งเช้าก็กล่าวว่า “ที่รัก ฉันจะกลับแคว้นสีพี ทูลพระเจ้าสีพีและพระเทวีของฉันว่า ฉันได้ภรรยาที่ชอบใจ เธอจง อนญุ าตใหฉ้ นั ไปสกั ๗ ราตรี เพยี งเพอ่ื ใหฉ้ นั ไดก้ ราบทลู พระเจา้ สพี รี าช และพระมเหสี” นางนกสาลิกาไม่ปรารถนาจะพรากจากลูกนกแขกเต้ามาธุระแม้ ชวั่ ขณะเดยี ว แตไ่ มอ่ าจปฏเิ สธได้ จงึ กลา่ ววา่ “เอาเถดิ ฉนั อนญุ าตใหเ้ ธอไป ประมาณ ๗ ราตรี ถ้าเธอไม่กลับมาใน ๗ ราตรี กจ็ งมารบั ศพฉันไป” ฝ่ายลูกนกแขกเต้าพูดว่า “ที่รัก เธอพูดอะไรเช่นนั้น ถ้าฉัน ไม่ได้เห็นเธอในวันที่ ๘ จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร” แต่ใจคิดอีก อยา่ งหนง่ึ วา่ “เจา้ จะเปน็ หรือตาย ก็ไมม่ ีประโยชนอ์ ะไรสำ�หรบั เรา” จงึ บนิ ขนึ้ มงุ่ หนา้ ไปสพี รี ฐั เมอื่ บนิ ไปไดค้ รหู่ นง่ึ กท็ �ำ เปน็ วกกลบั มาหานางนกสาลกิ าอกี

ท ศ ช า ติ 311 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง กล่าววา่ “ท่รี ัก ฉนั ไมเ่ ห็นหนา้ เธอ ไม่อาจจากเธอไปได้ ฉันจึงกลบั มา ให้ไดเ้ ห็นหนา้ เธออีกคร้ัง” แลว้ บินขนึ้ เหมือนมงุ่ หน้าไปแคว้นสพี ี แล้ววกไป กรงุ มิถิลานคร ลงจบั ทจ่ี ะงอยบา่ มโหสถบัณฑิต แจ้งเรอ่ื งท้งั หมดแก่มโหสถ สู่อ�ำ นาจปจั จามิตร พระโพธิสัตว์ฟังความจากลูกนกแขกเต้าจึงคิดว่า เราห้ามพระราชา ไมใ่ ห้ไป พระองคก์ จ็ ะเสดจ็ ไปให้ได้ คร้นั เสด็จไปแล้วกจ็ ะพบกับความทกุ ข์อย่าง สาหัส เม่ือบัณฑิตเช่นเรายังมีชีวิตอยู่ และพระองค์ก็เป็นผู้ประทานอิสริยยศ ให้เรา เราจะไม่สนองพระเดชพระคุณเป็นการไม่ถูกต้อง เราจะล่วงหน้าไปเฝ้า พระเจ้าจุลนีก่อน เตรียมการสร้างเมืองท่ีประทับสำ�หรับพระเจ้าวิเทหราชอย่าง รัดกุม แล้วหาทางอภิเษกพระนางปัญจาลจันที พระธิดาของพระเจ้าจุลนี และ พระราชาของเราใหไ้ ด้ ขณะทพ่ี ระราชาทว่ั ชมพทู วปี พรอ้ มดว้ ยทหาร ๑๘ กองทพั ต้ังค่ายล้อมอยู่ เราจะช่วยพระราชาของเรา แล้วนำ�เสด็จกลับสู่มิถิลานครอย่าง ปลอดภัย การเสดจ็ สูป่ ัญจาลนครต้องเป็นหน้าทขี่ องเรา เม่ือมโหสถดำ�ริอย่างนี้ ก็เกิดปีติว่า “บุคคลผู้เป็นบัณฑิต ได้รับ อิสริยยศใหญ่จากราชสำ�นักของพระราชาพระองค์ใด ควรสนอง พระเดชพระคณุ พระราชาพระองคน์ ัน้ ใหถ้ งึ ทส่ี ดุ แมพ้ ระองค์จะทรงดา่ ทรงบริภาษกต็ าม บัณฑติ ไมค่ วรถือเปน็ เหตสุ �ำ คัญ” ครั้นพระโพธิสัตว์ดำ�ริดังนี้แล้ว จึงอาบน้ำ�แต่งตัวไปเข้าเฝ้าพระเจ้า วิเทหราช ถวายบังคมแล้วทูลถามว่า “พระองค์จะเสด็จไปปัญจาลนคร จรงิ หรือ พระเจ้าข้า” พระราชาตรัสตอบว่า “เราจะไปจริง หากเราไม่ได้พระธิดา ปัญจาลจนั ที ราชสมบตั กิ ็ไมม่ ีความหมาย เจา้ อยา่ ท้งิ เรา จงไปกับเรา

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 312 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เม่ือเราได้พระธิดาแล้ว ราชไมตรีของพระเจ้าจุลนีกับเราก็จะมั่นคง จะเกดิ ประโยชน์แก่ทงั้ สองพระนคร” มโหสถกราบทูลว่า “ถ้าเช่นนั้น ข้าพระองค์จะล่วงหน้าไปก่อน เพื่อสรา้ งพระราชวังส�ำ หรับเป็นท่ีประทับของพระองค์ เม่อื ขา้ พระองค์ ส่งขา่ วมาแลว้ พระองคค์ อ่ ยเสดจ็ ตามไป” พระเจ้าวิเทหราชทราบข่าวว่ามโหสถไม่ท้ิงพระองค์ ก็ทรงโสมนัส ทรงโอบกอดมโหสถ ตรัสบอกว่า “มโหสถ เมื่อลูกจะล่วงหน้าไปก่อน ลูกต้องการสิ่งใดก็จงเอาไป” มโหสถกราบทูลขอพระบรมราชานุญาตเปิด เรอื นจ�ำ ๔ แห่ง ให้ถอดโซ่ตรวน ส่งพวกโจรไปกับตน เม่ือพระราชาทรงอนุญาต มโหสถจึงให้เปิดเรือนจำ�นำ�พวกนักโทษ ไปเป็นทหาร เพราะมีความอดทนกล้าหาญ และสามารถทำ�งานได้ในทุก สถานการณ์ โดยได้มอบสงิ่ ของเคร่ืองใช้ต่าง ๆ ให้แกค่ นเหล่าน้ัน จากนน้ั มโหสถได้พาเสนา ๑๘ เหล่า ผู้มีความช�ำ นาญในศาสตรส์ าขา ต่าง ๆ ทง้ั ชา่ งไม้ ชา่ งเหลก็ ชา่ งหนงั ชา่ งศิลา ชา่ งอิฐ และช่างเขียน เป็นต้น จัดเตรียมเคร่ืองอุปกรณ์เป็นอันมากไปด้วย มีกองพลใหญ่ห้อมล้อม ออกจาก มิถลิ านครไป มโหสถให้สร้างหมู่บ้านข้ึนตามรายทางที่ผ่านไปเป็นระยะ ๆ หมู่บ้าน หน่งึ หา่ งกนั ราว ๑ โยชน์ สั่งอ�ำ มาตย์คนหน่ึง ๆ ให้อยู่ประจำ�หม่บู า้ นน้นั ๆ จดั บำ�รุงช้าง ม้า และรถให้พร้อมไว้ตลอดเวลา เมื่อพระเจ้าวิเทหราชรับพระนาง ปัญจาลจนั ทมี าถงึ หมบู่ า้ นนัน้ ๆ ให้ทำ�การอารักขา แลว้ พาเสดจ็ กลบั กรงุ มิถลิ า โดยเร็ว อยา่ ให้ศัตรูทำ�ร้ายได้ เม่อื มโหสถเดนิ ทางถึงฝ่งั แม่นำ�้ คงคา ได้สง่ั ให้อำ�มาตย์ชือ่ อานนท์ พา ช่างไม้ ๓๐๐ คน ไปตดั เอาไมแ้ ก่นมาตอ่ เรือ เตรยี มการไวป้ ระมาณ ๓๐๐ ล�ำ แลว้ ถากไม้ในปา่ นัน้ ใหเ้ ป็นแผ่น บรรทกุ เรอื ไปสำ�หรบั สร้างพระราชวัง

ท ศ ช า ติ 313 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนมโหสถบัณฑิตข้ึนเรือข้ามฟากไปอีกฝั่งหนึ่ง ก้าวเท้าคำ�นวณ นับระยะทางตั้งแต่ขึ้นจากเรือ กำ�หนดว่าจะขุดอุโมงค์ใหญ่ตรงน้ี จะสร้าง พระราชวังสำ�หรับเป็นท่ีประทับของพระเจ้าวิเทหราชตรงนี้ จากพระราชวังนี้ไป จะมีอุโมงค์เป็นทางเดินลอดไปยังพระราชมณเฑียรแห่งปัญจาลนคร กำ�หนด เช่นนแ้ี ลว้ จงึ เขา้ พระนครไปเข้าเฝ้าพระเจา้ จุลนี พระเจ้าจุลนีทราบว่ามโหสถมาถึงแล้ว ก็ทรงโสมนัสยิ่งว่า ความ ปรารถนาของพระองคใ์ กลส้ �ำ เรจ็ แลว้ ใกลจ้ ะแกแ้ คน้ ศัตรไู ด้แล้ว เม่อื มโหสถมา ไม่ช้า พระเจ้าวิเทหราชก็ต้องมา เราฆ่าศัตรูทั้งสอง ก็จะได้เสวยราชสมบัติใน ชมพูทวปี แตเ่ พยี งผูเ้ ดยี ว ชาวกรุงอุตตรปัญจาละเกิดเอิกเกริกโกลาหลว่า “ผู้น้ีช่ือ “มโหสถ” ดอู ายยุ งั นอ้ ย เขาวา่ เปน็ ลกู คหบดชี าวชนบท แตไ่ ดเ้ ปน็ ถงึ เสนาบดแี หง่ มถิ ลิ านคร พระราชาถงึ ๑๐๑ พระองค์ ถกู คนคนนไี้ ลใ่ หห้ นไี ป เหมอื น คนขวา้ งกอ้ นหนิ ไลก่ า มาเพอ่ื เตรยี มการอภเิ ษกพระธดิ าปญั จาลจนั ท”ี มโหสถผา่ นเขา้ ประตพู ระนครไป ในขณะท่ีฝูงชนชาวเมืองปัญจาลนคร มงุ ดูแออัดยดั เยียด ให้กราบทลู พระเจ้าจลุ นีวา่ ตนขอเข้าเฝา้ แผนเผดจ็ ศึก ที่สมรภมู ิปัญจาลนคร พระเจ้าจุลนีทรงทำ�การปฏิสันถารต้อนรับมโหสถ แล้วถามถึงการ เสด็จมาของพระเจา้ วเิ ทหราช มโหสถกราบทลู ว่า “พระองค์จะเสดจ็ มาทันที เมื่อข้าพระองคส์ ง่ ข่าวไปกราบทูล” พระเจา้ จุลนตี รสั ถามถึงการมาล่วงหน้า ของมโหสถวา่ มคี วามตอ้ งการสงิ่ ใด มโหสถกราบทลู วา่ “มาเพอ่ื สรา้ งพระราช นิเวศน์เตรียมรับการเสด็จ”

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 314 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระเจ้าจุลนีพระราชทานเสบียงสิ่งของเป็นอันมากสำ�หรับกองทัพ และเรอื นรบั รองส�ำ หรบั มโหสถ แลว้ ตรสั วา่ “ขอใหอ้ ยตู่ ามสบาย อยา่ เกรงใจ จงท�ำ ราชการท่ีควรท�ำ อยกู่ ับเราจนกวา่ พระราชาของเจ้าจะมาถึง” ในขณะที่มโหสถบัณฑิตข้ึนสู่พระราชนิเวศน์ ยืนอยู่ใกล้เชิงบันได กำ�หนดว่าประตูอุโมงค์ควรจะอยู่ตรงนี้ แล้วเกิดความกังวลใจว่า ถ้าขุดตรงน้ี ก็จะเป็นที่สงสัย ทำ�อย่างไรจึงจะไม่เป็นท่ีสงสัย และบันไดจะไม่ทรุดลงมา เม่อื ขดุ อุโมงคม์ าถงึ มโหสถจึงกราบทูลพระเจ้าจุลนีว่า “เม่ือข้าพระองค์มาเข้าเฝ้า เดินผ่านเชิงบันได ตรวจดูการก่อสร้างท่ีตรงน้ันเห็นว่ายังไม่สวยงาม ถ้าพระองค์เห็นชอบด้วย ข้าพระองค์จะเอาไม้มาปูใหม่ให้ดูดี เป็นที่ พอใจ” เม่ือพระเจ้าจุลนีทรงอนุญาต มโหสถกำ�หนดดีแล้วว่าประตูอุโมงค์ ต้องข้ึนตรงนี้ จึงให้นำ�บันไดออกแล้วนำ�แผ่นไม้มาปู เพื่อป้องกันไม่ให้ดินตรง ทจี่ ะเปน็ ประตูอุโมงคถ์ ล่มลง จากนัน้ ก็พาดบันไดไว้อย่างม่นั คงตามเดิม เมื่อพระราชาไม่เห็นสิ่งผิดปกติก็เข้าพระทัยว่า มโหสถทำ�ด้วยความ จงรักภักดี มโหสถให้ท�ำ การก่อสรา้ งตลอดท้ังวัน ครัน้ รุ่งขึ้น จงึ กราบทลู พระเจ้า จลุ นี ขอพระบรมราชานญุ าตเลอื กสถานทส่ี รา้ งพระราชวงั ทป่ี ระทบั ส�ำ หรบั พระเจา้ วิเทหราช พระเจา้ จลุ นตี รสั วา่ “ยกเวน้ พระราชนเิ วศน์ เปน็ ทปี่ ระทบั ของเรา เจา้ จงเลอื กเอาตามชอบใจ” มโหสถกราบทลู วา่ “พวกขา้ พระองคเ์ ปน็ แขก ประชาชนของพระองค์ท่ีเป็นพระญาติก็มี เป็นทหารคนใกล้ชิดก็มาก เมอ่ื ขา้ พระองคส์ รา้ งพระราชวงั ไปล�ำ้ เขตเรอื นเขา กจ็ ะเกดิ การทะเลาะกนั งานก็จะล่าช้าออกไป ข้าพระองค์จะทำ�อะไรพวกเขาได้” พระเจ้าจุลนี ตรสั วา่ “อย่าถอื สาเลย อย่าใส่ใจพวกเขา จงเลอื กเอาตามใจชอบ”

ท ศ ช า ติ 315 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง มโหสถจึงกราบทูลต่อไปว่า “คนพวกน้ันมากราบทูลร้องเรียน พระองคบ์ อ่ ย ๆ จะท�ำ ใหเ้ กดิ ความไมส่ บายใจทง้ั สองฝา่ ย เวลากจ็ ะเนนิ่ ชา้ ออกไป ถา้ พระองคท์ รงอนญุ าต ในระหวา่ งน้ี คนรกั ษาประตพู ระราชวงั ขอให้เป็นคนของข้าพระองค์ จนกว่าจะหาสถานที่สร้างพระราชวังได้ พระองค์ก็จะทรงสำ�ราญ ส่วนข้าพระองค์ก็จะไม่มีความกังวลใจ” พระเจา้ จลุ นีทรงอนุญาตตามนน้ั มโหสถวางคนของตนไว้ในท่ีต่าง ๆ ตั้งแต่ท่ีเชิงบันได หัวบันได และ ประตูใหญ่ ส่ังห้ามไม่ให้ใครผ่านเข้าไป จากนั้นมโหสถจึงไปยังตำ�หนัก พระราชมารดาของพระเจา้ จลุ นกี อ่ น แลว้ สงั่ ใหจ้ ดั การรอื้ พระต�ำ หนกั คนเหลา่ นนั้ ก็เตรียมการจะรื้ออิฐและขุดดินตั้งแต่ซุ้มประตู พระราชชนนีทราบเรื่องจึงเสด็จ มารับสง่ั หา้ ม คนของมโหสถทลู ตอบว่า “มโหสถใหร้ อ้ื เพ่ือสร้างพระราชวัง เตรยี มรบั เสดจ็ พระเจ้าวเิ ทหราช” พระราชชนนตี รสั วา่ “ถา้ อยา่ งนนั้ กอ็ ยดู่ ว้ ยกนั ในต�ำ หนกั นก้ี แ็ ลว้ กนั ไม่จำ�เป็นต้องสร้างใหม่” คนของมโหสถทูลตอบว่า “ข้าราชบริพาร พระราชาของขา้ พระองคม์ มี าก พระต�ำ หนกั นไ้ี มพ่ อกนั อยู่ จงึ จ�ำ เปน็ ตอ้ ง สร้างที่ประทับใหม่ให้ใหญ่ขึ้น” พระราชชนนีจึงรับสั่งว่า “พวกเจ้าไม่รู้ว่า ขา้ เปน็ ใคร ขา้ เปน็ พระราชมารดาของพระเจา้ จลุ นี ขา้ จะไปบอกลกู ขา้ ” คนของมโหสถทูลว่า พวกตนทำ�ตามพระราชดำ�รัสของพระเจ้าจุลนี ถ้าพระองค์ หา้ มไดก้ ็ห้าม พระราชชนนีทรงกริ้ว รับสั่งว่า “เดี๋ยวก็รู้ว่าข้าทำ�อะไรพวกแก ไดห้ รือไม”่ จึงเสด็จไปพระราชวงั ยามเฝา้ ประตูพระราชวงั ทำ�เปน็ ไม่รจู้ กั พระราชชนนี ห้ามว่า “เข้าไป ไมไ่ ด”้ พระราชชนนตี รสั วา่ “ขา้ เปน็ ถงึ พระราชชนนี ท�ำ ไมจะเขา้ ไปไมไ่ ด”้ ชนเหล่านั้นทูลว่า “พวกข้าพระองค์ไม่ทราบได้ แต่พระเจ้าจุลนีรับสั่งไว้

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 316 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง วา่ อยา่ ใหใ้ ครเขา้ ไป ขา้ พระองคต์ อ้ งท�ำ ตามหนา้ ที่ ขอพระองคจ์ งเสดจ็ กลับไปเถิด” เม่ือพระราชชนนีไม่รู้จะไปพึ่งใคร ก็เสด็จกลับมาประทับยืน ทอดพระเนตรพระต�ำ หนักของพระองคท์ ่กี ำ�ลังถกู รือ้ ขณะน้ัน ใครคนหนึ่งพูดกับพระนางว่า “คนเขากำ�ลังทำ�งาน พระองค์มายืนเกะกะอยู่ทำ�ไม จะไปท่ีไหนก็ไปให้พ้น” ว่าแล้วก็ลุกข้ึน ผลกั พระศอจนพระนางลม้ ลง พระนางเจา้ ด�ำ รวิ า่ พระราชาลกู เราคงจะสง่ั ไวจ้ รงิ ๆ เป็นแน่ เพราะไม่เคยมีใครกล้าทำ�อย่างน้ีกับพระองค์ได้ จึงเสด็จไปหามโหสถ ตรัสวา่ “พ่อมโหสถ ท่านให้รื้อต�ำ หนักเราเพราะอะไร” มโหสถไมท่ ลู กับ พระนาง แต่ให้ชายผู้ยืนอยู่ใกล้ทูลว่า “พระนางตรัสอะไรกับมโหสถ” พระราชชนนีจึงรับสั่งถามว่า “มโหสถให้รื้อตำ�หนักเราทำ�ไม” บุรุษน้ัน ทูลวา่ “เพือ่ สร้างพระราชวงั ที่ประทับสำ�หรับพระเจา้ วเิ ทหราช” พระราชชนนีรับสั่งว่า “เมืองใหญ่ถึงเพียงนี้ ทำ�ไมจะหาท่ีสร้าง พระราชวังท่ีอ่นื ไมไ่ ด้ เจ้าจงรับสนิ บนเป็นเงนิ แสนกหาปณะน้ี แลว้ ไป สร้างพระราชวังท่ีอื่นเถิด” บุรุษนั้นทูลตอบว่า “ก็ได้ พระแม่เจ้า ขา้ พระองคจ์ ะใหง้ ดเวน้ พระต�ำ หนกั ของพระองค์ แตพ่ ระองคอ์ ยา่ บอกใคร เป็นอันขาดว่าข้าพระองค์รับสินบน เนื่องจากคนอ่ืนจะมาให้สินบน ขา้ พระองค์ เพราะใคร ๆ ก็ไมอ่ ยากใหร้ อ้ื เรือนของตน แล้วการสร้าง พระราชวังกจ็ ะล่าช้าออกไป” พระราชชนนีรับสั่งว่า “การบอกให้ใครรู้ว่าเราให้สินบน เป็น เร่ืองท่ีน่าอับอาย เราจะบอกให้ใครรู้ทำ�ไม” พระนางได้ให้เงินหนึ่งแสน กหาปณะ คนของมโหสถจึงเว้นพระตำ�หนักนั้น แล้วไปเรือนเกวัฏฏพราหมณ์ให้ ทำ�เหมือนกับที่ตำ�หนักพระราชชนนี เกวัฏฏปุโรหิตโกรธจัด จะไปเฝ้าพระราชา คนรักษาประตูก็เอาเรียวไม้ไผ่ตีหลัง จนเป็นรอยแดงยาวเป็นแนวขึ้นมา เกวัฏฏปุโรหิตไม่รู้จะพ่ึงใครก็กลับบ้าน ให้สินบนหน่ึงแสนกหาปณะเช่นกัน จากนั้น มโหสถจึงไปยึดเรือนมหาอำ�มาตย์และเศรษฐีในพระนครสำ�หรับสร้าง

ท ศ ช า ติ 317 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระราชวังโดยทำ�นองเดียวกัน รับสินบนจนได้กหาปณะ ประมาณ ๙ โกฏิ จึงไปเฝา้ พระเจ้าจลุ นี พระราชาตรัสถามว่า “พวกท่านได้สถานท่ีสร้างพระราชวัง หรือยัง” มโหสถกราบทูลว่า “ไม่มีใครท่ีไม่ยินดียอมให้สร้าง แต่ครั้น ข้าพระองค์จะสร้าง เจ้าของที่ก็จะลำ�บาก การที่ชนเหล่าน้ันต้อง พลดั พรากจากของรกั ไมส่ มควร ขา้ พระองคจ์ ะสรา้ งพระราชวงั ทปี่ ระทบั พระราชาในระหว่างแม่น้ำ�คงคากับพระนครน้ี ซ่ึงอยู่นอกพระนคร จะได้ไม่ท�ำ ให้ชาวเมืองเดือดร้อน” พระเจ้าจุลนีทรงเหน็ ดว้ ย ทรงดำ�ริวา่ หากเกดิ การต่อส้กู นั ข้นึ การรบ กันภายในเมอื งไม่สะดวก ไมร่ ูว้ ่าทหารฝ่ายไหนเปน็ ฝ่ายไหน การสู้รบนอกเมอื ง เป็นการง่าย อีกอย่างหนึ่งจะได้ไม่มีการฆ่ากันตายในพระนคร จึงทรงอนุญาต ให้สรา้ งเมอื งตามท่กี �ำ หนด มโหสถกราบทลู วา่ “ขณะก�ำ ลงั ด�ำ เนนิ การกอ่ สรา้ ง ขออยา่ เพง่ิ ให้ ชาวพระนครไปหาฟืนและของป่าในบริเวณน้ัน เพราะเม่ือชาวเมือง เข้าไป เกิดการทะเลาะวิวาทกับพวกคนงานที่กำ�ลังทำ�การก่อสร้าง งานกจ็ ะล่าชา้ และทำ�ใหเ้ กิดความไมส่ บายใจทง้ั สองฝ่าย” ขณะทำ�การก่อสร้างพระราชวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสงสัยว่า ทำ�ไมน้ำ�ในแม่น้ำ�ขุ่น มโหสถจึงกราบทูลพระเจ้าจุลนีว่า “โขลงช้างของ ขา้ พระองคช์ อบเลน่ น�ำ้ เมอื่ น�้ำ ขนุ่ ขน้ึ มา ชาวเมอื งจะโกรธเคอื งวา่ ตง้ั แต่ มโหสถมา พวกเราไมไ่ ดด้ ม่ื น�ำ้ ใส แลว้ ไปกราบทลู ฟอ้ งรอ้ ง ขอพระองค์ ทรงมีพระขนั ตธิ รรมอดกล้นั เร่ืองนไี้ ว้ อย่ากริ้วพวกขา้ พระองค”์ พระเจ้าจุลนีตรัสว่า “จงปล่อยให้โขลงช้างพวกเจ้าเล่นนำ้�ตาม สบายเถดิ ” จึงออกประกาศวา่

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 318 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ใดไปสถานที่ก่อสร้างพระนครของมโหสถ จะถูกปรับ สนิ ไหมเปน็ เงิน ๑,๐๐๐ กหาปณะ” มโหสถพาคนของตนออกจากพระนคร ไปสถานท่ีเตรียมการก่อสร้าง พระนคร กำ�หนดให้สร้างหมู่บ้านชื่อว่า “คัคคลิ” ขึ้นท่ีริมฝ่ังแม่นำ้�คงคา ฟากโน้น ให้เป็นที่พักบำ�รุงช้าง ม้า รถ พาหนะ และโค ไว้เตรียมรอ จากน้ัน จงึ วางแผนและออกแบบพระนคร แบง่ หนา้ ทใี่ หค้ นทงั้ หมดรบั ผดิ ชอบในแตล่ ะสว่ น แล้วเริ่มลงมือขุดอโุ มงค์ ประตูอุโมงคใ์ หญ่อยู่ริมฝ่งั แม่น�ำ้ คงคา ใหค้ นประมาณ ๖,๐๐๐ คน มีหน้าท่ีขุดอุโมงค์ใหญ่ ให้ขนกรวดทรายมาเทท้ิงลงในแม่นำ้�คงคา ใหช้ า้ ง ม้า เหยียบจนขนุ่ คลักไหลไป เพอื่ ปอ้ งกันไม่ให้เกิดความสงสัย ชาวเมอื ง กพ็ ากนั บน่ วา่ ตง้ั แต่มโหสถมา พวกเราไม่ไดด้ ื่มน�้ำ ใส แม่น้ำ�คงคาขุน่ มวั ไปหมด ทำ�ไมถงึ เปน็ อยา่ งน้ี สายลับท่ีมโหสถวางไว้ก็ปล่อยข่าวออกไปว่า โขลงช้างของมโหสถ เลน่ นำ�้ จึงทำ�ให้นำ�้ ในแมน่ �้ำ คงคาขุน่ เปน็ ตม ธรรมดาว่าความประสงค์ของพระโพธิสัตว์ย่อมประสบผลสำ�เร็จได้ ไม่ยาก ในที่ที่คนขุดอุโมงค์จึงไม่มีรากไม้ ศิลา กรวด เป็นต้น ท่ีจะทำ�ให้งาน ลา่ ชา้ ประตทู างเขา้ อโุ มงคข์ นาดใหญอ่ ยใู่ นเมอื ง คนสามารถเดนิ เขา้ ออกพรอ้ มกนั ได้ราว ๓,๐๐๐ คน มโหสถให้ขุดอุโมงค์เป็นทางเดิน ให้บรรจุกรวดทราย ในถุงหนัง ไปถมในนครน้ัน ให้คลุกดินเหนียวเป็นปูนโบกกำ�แพง สำ�หรับประตู ทางเข้าอโุ มงคใ์ หญ่เป็นประตยู นต์ สงู ถึง ๑๘ ศอก มีกลไกยนต์สำ�หรับควบคมุ การเปิดปิด ผนังอุโมงค์ทั้ง ๒ ข้างก่ออิฐถือปูน ด้านบนอุโมงค์ปูไม้เป็นเพดาน เอาดินเหนียวอุดตรงท่ีเป็นช่องแล้วยาด้วยปูนขาว มีประตูใหญ่สำ�หรับเข้าออก ๘๐ แหง่ ประตเู ล็กอกี ๖๔ แห่ง ทุกประตมู กี ลไกเปิดปิด ระหวา่ ง ๒ ข้างของ ผนงั อโุ มงคป์ ระดบั โคมไฟไวเ้ ปน็ ระยะ โคมไฟทกุ ดวงมกี ลไกเปดิ ปดิ เพยี งอนั เดยี ว เมื่อเปิดก็สว่างพร้อมกันหมด เมื่อปิดก็ดับพร้อมกัน มีห้องบรรทม ๑๐๑ ห้อง สำ�หรับพระราชา ๑๐๑ พระองค์ มีเคร่ืองลาดต่าง ๆ ไวใ้ นหอ้ งบรรทมทกุ ห้อง

ท ศ ช า ติ 319 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง แต่ละห้องมีเศวตฉัตรอยู่ที่ประทับทุกห้อง นอกจากน้ัน ศิลปินได้ถักรูปสตรี ดว้ ยเส้นปา่ นงดงามตง้ั ไว้ตามห้อง ถา้ ไมจ่ ับต้องดกู ็ไมร่ ู้วา่ ไม่ใชร่ ปู คนจริง พวกช่างวิจิตรศิลป์ได้เขียนจิตรกรรมฝาผนังอย่างวิจิตรเป็นรูปต่าง ๆ ระหว่างผนังอุโมงค์ ส่วนช่าง ๓๐๐ คน ทมี่ โหสถให้มีหนา้ ทีส่ ร้างพระราชวัง และ ให้ต่อเรือบรรทุกไม้มานั้น ก็ได้ต่อเรือบรรทุกอุปกรณ์ ส�ำ หรับสร้างพระนครมา ตามแม่นำ้�คงคา ให้ขนอุปกรณ์ทงั้ หมดขนึ้ ไวใ้ นสถานทีส่ รา้ งพระนคร แล้วน�ำ เรือ ไปแอบซอ่ นไว้ในทีล่ บั เตรียมพร้อมรอรับคำ�สง่ั มโหสถดำ�เนินการสร้างเมืองชื่อว่า “อุปการนคร” เสร็จเรียบร้อย ภายในระยะเวลา ๔ เดือน ประกอบด้วยคูค่าย กำ�แพงเมือง ป้อมปราการ ประตูเมือง ซุ้มประตู หมู่มหาปราสาท พระราชนิเวศน์ โรงช้าง สระโบกขรณี และอโุ มงคใ์ หญ่ คร้ันเวลาผ่านไปได้ ๔ เดือน มโหสถจึงส่งทูตไปเชิญเสด็จพระเจ้า วเิ ทหราช กษัตรยิ ์ผคู้ รองกรุงมถิ ลิ านคร พระเจ้าวิเทหราชพร้อมด้วยมหาจตุรงคเสนา ออกจากกรุงมิถิลานคร เสด็จพระราชดำ�เนินสู่เมืองท่ีมโหสถสร้างไว้ในแคว้นกัปปิละ เสด็จขึ้นสู่ปราสาท สรงสนานพระวรกาย ทรงแต่งพระองค์แล้วเสวยพระกระยาหาร ทรงพัก พระอิริยาบถ ครั้นตกเย็น ทรงสั่งราชทูตไปยังราชสำ�นักพระเจ้าจุลนี กราบทูล ให้ทรงทราบว่าพระองคเ์ สด็จมาถงึ แล้ว พระเจ้าจุลนีทรงดีใจว่า ศัตรูเหมือนลูกไก่ในกำ�มือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด ไม่มีทางท่ีจะหนีไปไหนพ้น ทรงพระราชทานรางวัลแก่ราชทูต เพ่ือจะแสดงให้ทูตเห็นว่าพระองค์ทรงดีใจ แล้วรับสั่งให้พระเจ้าวิเทหราช หาฤกษอ์ ภเิ ษกสมรสไว้ ราชทูตกลับไปเฝ้าพระเจ้าวิเทหราช กราบทูลให้ทรงหาฤกษ์ที่สมควร แก่การอภเิ ษกสมรส

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 320 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระเจ้าวิเทหราชก็ทรงหาฤกษแ์ ลว้ ส่งราชทตู ถือพระราชสาส์นไปถวาย พระเจ้าจุลนี กำ�หนดวนั พระราชทานพระราชธดิ าใหเ้ ปน็ พระมเหสี พระเจา้ จุลนีตรสั ลวงราชทตู วา่ จะส่งไปตามฤกษย์ ามน้นั ครน้ั ราชทตู กลับไปแล้ว ทรงให้สัญญาณแก่พระราชา ๑๐๑ พระองค์ พร้อมทั้งทหาร ๑๘ กองทัพเตรียมการรบ พระราชาทั้งหมดกเ็ คล่อื นทพั สอู่ ุปการนครในทนั ที เม่ือพระเจ้ากรุงปัญจาละจะเสด็จออกทำ�สงครามด้วยพระองค์เอง นั้น ได้ทำ�การป้องกันพระราชมณเฑียรเอาไว้ ทรงทูลเชิญพระนางสลากเทวี พระราชมารดา พระนางนนั ทาเทวี พระมเหสี เจา้ ชายปญั จาลจนั ทะ พระราชโอรส และเจ้าหญิงปัญจาลจันที พระราชธิดา รวม ๔ พระองค์ มาอารักขาไว้ใน พระต�ำ หนกั เดยี วกันกับนางสนม เจา้ หญงิ เชลยศกึ มโหสถถวายการต้อนรับพระเจ้าวิเทหราช พร้อมด้วยจตุรงคเสนา ทตี่ ามเสดจ็ อยา่ งยงิ่ ใหญอ่ ลงั การ ทหารบางพวกดมื่ สรุ า บางพวกกนิ ปลาและเนอื้ เป็นกับแกล้ม และบางพวกเจ็บป่วย เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกล จึงนอนพัก ในขณะท่ีพระเจ้าวิเทหราชพร้อมด้วยคณะมนตรี ประทับนั่งท่ี ท้องพระโรงใหญ่แหง่ พระราชมณเฑียร ทา่ มกลางข้าราชบรพิ าร ฝ่ายพระเจ้าจุลนีสั่งกองทัพให้ปิดล้อมเมืองอุปการนครที่พระเจ้า วิเทหราชประทับเอาไว้ถึง ๓ ชั้น แปรรูปกระบวนทัพจากทหาร ๑๘ กองทัพ ยุบรวมเป็น ๔ กองทัพ ปดิ ล้อมไวท้ ง้ั ๔ ทศิ มคี บเพลงิ นบั แสน ๆ ดวง สว่างไสว ไปท่ัว เตรียมเข้ายึดเมอื งในเวลาอรณุ รุง่ เมือ่ พระเจ้าจุลนียกทพั ออกจากพระราชวงั มาลอ้ มเมืองไว้แลว้ มโหสถ รู้ว่าภายในพระนครว่างเปล่าจากกองทัพ จึงส่ังให้ทหาร ๓๐๐ นายของตน

ท ศ ช า ติ 321 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ลอดอุโมงค์ไปจับพระราชมารดา พระมเหสี พระราชโอรส และพระราชธิดา ของพระเจ้าจลุ นีออกมาทางอโุ มงค์ ใหต้ ้งั กองอารักขาไว้จนกว่ามโหสถจะมา ทหารหน่วยจู่โจมท่ีมโหสถฝึกฝนมาเป็นพิเศษ ลัดไปทางอุโมงค์ เปิด แผ่นไม้ที่ปูไว้ตรงเชิงบันได จับราชองครักษ์และนางกำ�นัลท้ังหมด มัดมือเท้า ปิดปาก แล้วนำ�ไปซ่อนไว้ในท่ีกำ�บัง กินของเสวย ทุบทำ�ลายข้าวของเกลื่อน กระจายพระราชมณเฑียร พระนางสลากเทวีทรงเข้าใจว่ามีความปลอดภัย จงึ ใหพ้ ระราชโอรส พระราชธดิ า ไปบรรทมรวมอยู่ทน่ี อนเดยี วกนั กับพระองค์ ทหารเหลา่ นัน้ ยืนรอ้ งเรยี กท่ปี ระตูห้อง พระนางคิดว่าเป็นราชองครักษ์ จึงตรัสถามว่า “มีอะไรไหม” ทหารมโหสถจึงแสร้งทูลว่า “พระราชาฆ่า พระเจ้าวิเทหราชกับมโหสถได้แล้ว พระองค์เป็นเอกราชทั่วชมพูทวีป ดม่ื ฉลองชยั ชนะด้วยพระเกยี รตยิ ศอนั ยงิ่ ใหญ่ พระราชาสง่ ขา้ พระองค์ มาเพอ่ื พาเสดจ็ ไปในพธิ ”ี พระราชวงศท์ ง้ั ๔ พระองค์ จงึ เสดจ็ ลงจากปราสาท มาจนถึงเชิงบันได ทหารมโหสถนำ�กษัตริย์ทั้ง ๔ พระองค์ เสด็จเข้าไปทางอุโมงค์ พระราชมารดารู้สึกแปลกใจ เพราะไม่เคยรู้ว่ามีอุโมงค์ลับอยู่ระหว่างเชิงบันได ทหารมโหสถกราบทูลว่า “ขอเดชะ คนท่ัวไปไม่ใช้ทางลับน้ี เพราะเป็น ทางมงคลส�ำ หรับพระราชา วันน้ีพระราชาตรสั ส่งั ใหน้ �ำ เสดจ็ โดยทางนี้ เพราะเปน็ วนั มงคล” พระราชมารดากท็ รงเชื่อ ทหารบางส่วนนำ�พระราชมารดาเสด็จล่วงหน้าไปก่อน บางส่วนย้อน กลับเข้าไปเปิดคลังหลวงในพระราชนิเวศน์ ขนเอาข้าวของทรัพย์สินแก้วแหวน เงินทองตามต้องการ เมื่อพระราชมารดาเข้าสู่อุโมงค์ใหญ่ เห็นอุโมงค์วิจิตร งดงามราวกับเทพสภา ก็ทรงเข้าใจว่าเป็นทางลับที่เขาจัดไว้เป็นการเฉพาะ สำ�หรับพระราชาเสดจ็ เท่าน้ัน

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 322 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ทหารมโหสถนำ�กษัตริย์ท้ัง ๔ พระองค์ไปใกล้ถึงแม่นำ้�คงคา ก็ให้ ประทับในห้องภายในอุโมงค์ พวกหนึ่งอยู่รักษาการณ์ อีกพวกหน่ึงไปรายงาน ให้มโหสถทราบ มโหสถยนิ ดีวา่ แผนการของตนใกลส้ ำ�เรจ็ แล้ว จึงไปเฝา้ พระเจ้า วเิ ทหราช ฝ่ายพระเจ้าวิเทหราชได้ยินเสียงกึกก้องราวแผ่นดินจะถล่ม เข้าใจว่า พระเจา้ จลุ นกี �ำ ลงั น�ำ พระราชธดิ ามาประทานพระองค์ จงึ เสดจ็ ลกุ จากราชบลั ลงั ก์ ทอดพระเนตรออกไปทางชอ่ งพระแกล เหน็ พระนครสว่างไสวไปทวั่ ด้วยคบเพลงิ นับแสน ๆ ดวง นครถูกกองทัพใหญ่ล้อมไว้โดยรอบ ก็ทรงฉงนสนเท่ห์ วิตก กังวลว่าเกิดอะไรข้ึน จึงตรัสถามพวกคณะมนตรีของพระองค์ว่ามีความเห็น อยา่ งไรกนั อาจารยเ์ สนกะกราบทลู วา่ “อยา่ ทรงวติ กกงั วลไปเลย พระเจา้ ขา้ นั่นเห็นจะเป็นกองเกียรติยศท่ีพระเจ้าจุลนีจัดถวาย เน่ืองด้วยการ อภเิ ษกสมรสพระราชธดิ า” ฝ่ายอาจารย์ปุกกุสะกราบทูลว่า “พระเจ้าจุลนีจะทรงอารักขา เพอ่ื ทรงท�ำ อาคนั ตกุ ะสกั การะแดพ่ ระองค”์ ทกุ คนตา่ งกท็ ลู ไปตามความเหน็ ของตน พระเจา้ วิเทหราชทรงสดบั เสียงสัง่ ทหารเข้าประจำ�การในทีน่ ้ัน ๆ และ ทรงทอดพระเนตรเห็นทหารทุกคนสวมเกราะ ดูฮึกเหิม ก็ทราบว่าเป็นเสียง บญั ชาการกองทัพ จึงทรงกลัววา่ จะเป็นอบุ ายหลอกพระองคม์ าฆ่าตามที่มโหสถ เคยบอก หวงั จะไดย้ นิ ค�ำ ยนื ยนั จากมโหสถใหอ้ นุ่ พระทยั จงึ ตรสั ถามวา่ “มโหสถ กองทพั หมุ้ เกราะ เพยี บพรอ้ มไปดว้ ยกองทพั ชา้ ง กองทพั มา้ กองพลรถ กองพลทหารราบ สวมเกราะต้ังม่ัน จุดคบเพลิงสว่างไสวอยู่เช่นนี้ พวกเขาจะท�ำ อะไรกัน”

ท ศ ช า ติ 323 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง มโหสถคิดว่าจะทำ�ให้พระราชารู้จักกลัวเสียบ้าง ค่อยแสดงกำ�ลังแห่ง ปัญญาของตนให้เห็นในภายหลัง จึงกราบทูลว่า “ขอเดชะ พระเจ้าจุลนี ทรงมีกำ�ลังแสนยานุภาพมากมาย นำ�กองทัพมาล้อมเมืองเอาไว้ ด้วยพระองค์เอง เพ่ือจับพระองค์ปลงพระชนม์ในวันพรุ่งน้ี” พระเจ้า วิเทหราชตกใจกลัวตาย ปากคอแห้ง เกิดเร่าร้อน กระวนกระวายในพระสรีระ คร�ำ่ ครวญอยา่ งคนไรส้ ตวิ า่ “มโหสถ ลกู พอ่ ใจพอ่ สน่ั ปากคอพอ่ แหง้ ผาก เร่ารอ้ นเหมือนถูกแผดเผา แลว้ เราจะท�ำ อย่างไรกันดี” มโหสถเห็นพระเจ้าวิเทหราชคร่ำ�ครวญเช่นน้ี ก็คิดว่าพระองค์ไม่ยอม เช่ือเรา จงึ ท�ำ ให้ขา้ ราชบริพารทุกหมูเ่ หล่าเดือดร้อนกนั ไปท่ัว ต้องท�ำ ใหพ้ ระองค์ ได้สตขิ ึ้นมาบา้ ง จึงกราบทลู ว่า “ขอเดชะ พระองค์ทรงประมาทเกินไป ไม่ย้ังคิด แม้ ข้าพระองค์จะห้ามปรามก็ไม่ทรงเชื่อ ความคิดจึงทำ�ลายพระองค์เอง คณะมนตรีของพระองค์เป็นคนมีความคิด ก็จงแก้ไขพระองค์จากภัย เถิด ขา้ พระองคห์ วังประโยชนเ์ ก้อื กูล แตพ่ ระองคไ์ ม่ทรงเชอ่ื เหมือน เนอื้ ตกหลมุ พราง ปลาตดิ เบด็ พระองคท์ �ำ ตามความอยาก ไมท่ ราบวา่ พระธิดาของพระเจ้าจุลนีเป็นเหมือนเหยื่อ จึงไม่รู้ว่าตนเองกำ�ลังก้าว เขา้ ไปสปู่ ากแหง่ ความตาย แมข้ า้ พระองคจ์ ะทลู ทดั ทานวา่ ถา้ เสดจ็ ไป ปัญจาลนคร พระองค์จะประสบภัยใหญ่หลวงนัก เหมือนภัยท่ีจะเกิด กบั กวางซ่งึ หลงเดินตามทางเข้าหมู่บา้ นมนษุ ย์ คนเราไม่ควรคบคนชว่ั เปน็ มติ ร เหมอื นชาวนาเลย้ี งงเู หา่ จะแวง้ กดั เขา้ สกั วนั นกั ปราชญไ์ มพ่ งึ ผูกไมตรกี ับคนช่ัว เพราะมีแต่จะนำ�ทุกข์มาให้ ผ้มู ีปรีชาญาณอันลำ�้ ลึก พึงผกู ไมตรกี บั ผมู้ ีศีลเป็นพหสู ตู จงึ จะประสบแต่ความสงบสขุ ” มโหสถข่มขู่พระเจ้าวิเทหราชย่ิงขึ้น ด้วยหวังว่าพระองค์จะไม่ทรงทำ� อย่างนีอ้ กี เม่ือจะนำ�พระดำ�รสั ทพ่ี ระราชาถากถางตนมาแสดง จงึ ทลู วา่

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 324 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง “พระองค์ทรงถากถางข้าพระองค์ ถึงการได้มาซ่ึงรัตนะอัน สูงสุดว่า ข้าพระองค์เกิดในชนบท เป็นลูกคหบดี รู้แต่เฉพาะวิธีจับ หางไถ จะรู้จักธรรมเนียมกษัตริย์เหมือนคนอ่ืนเขาได้อย่างไร ท่าน ท้ังหลายจงลากคอมโหสถออกไปเสียจากแว่นแคว้นของเรา เพราะ เขาพูดส่ิงที่เป็นอวมงคลกับเรา ข้าพระองค์เป็นบุตรคหบดี จะรู้จัก ความเจริญเหมือนบัณฑิตคนอ่ืนได้อย่างไร แม้เช่นน้ัน ข้าพระองค์ กไ็ มไ่ ดน้ �ำ คำ�พูดน้นั มาใสใ่ จ ข้าพระองค์เป็นบุตรคหบดี ย่อมรู้ศิลปะแห่งคหบดี นั่นเป็น ความจริง กอ็ าจารยเ์ หลา่ นน้ั เป็นบณั ฑติ แตว่ นั นี้ พระองคถ์ กู กองทพั ปิดล้อมไว้แล้ว ดูสิ พวกบัณฑิตของพระองค์จะทำ�อย่างไร พระองค์ รับสั่งให้ลากคอข้าพระองค์ฉุดคร่าออกไปเสีย แล้วบัดน้ี จะตรัสถาม ขา้ พระองคท์ �ำ ไม ขอเชญิ ตรสั ถามบณั ฑติ ของพระองคเ์ ถดิ พระเจา้ ขา้ ” พระเจา้ วเิ ทหราชดำ�รวิ ่า มโหสถรู้ลว่ งหน้าว่าจะเกิดภยั อย่างใหญ่หลวง จึงห้ามไม่ให้พระองค์มา มโหสถน่าจะรู้วิธีการแก้ไข เขาจึงกล่าวข่มขู่เหลือเกิน แม้พระองคเ์ องก็ทรงท�ำ ผดิ ไวก้ ับมโหสถมาก จึงตรสั วา่ “มโหสถลูกพ่อ บัณฑิตท้ังหลายย่อมไม่เสียดสีถึงเร่ืองท่ี แล้วมา เจา้ พูดเสยี ดสพี ่อ เหมือนคนเอาปฏักแทงมา้ ท่ีเขาผูกไว้ ทำ�ไม ถ้าเหน็ วา่ จะพน้ ภัยไดอ้ ย่างไร กจ็ งส่ังสอนพอ่ มาเถดิ เจา้ ทิ่มแทงพอ่ เพราะความผดิ พลาดในอดีตแลว้ จะได้อะไร” มโหสถคดิ วา่ จะตอ้ งใหพ้ ระองคร์ จู้ กั ความล�ำ บากเสยี บา้ ง จงึ กราบทลู วา่ “ขอพระองคท์ รงทราบเถดิ ขอ้ ผดิ พลาดรา้ ยแรงบางอยา่ งทถ่ี ล�ำ ท�ำ ลงไป แล้ว ยากจะแก้ไขได้ ดูกองพลช้าง กองพลม้านั่นสิ นก ยักษ์ หรือ คนมฤี ทธเ์ิ หาะไปทางอากาศไดเ้ ทา่ นน้ั จงึ จะพาพระองคห์ ลบหนรี อดพน้ จากกองทัพน้ไี ปได้ ขา้ พระองค์ไมส่ ามารถจะแกไ้ ขอะไรได”้

ท ศ ช า ติ 325 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระเจ้าวิเทหราชจำ�นนต่อคำ�ของมโหสถ ทรงสิ้นหวัง ประทับน่ัง ทอดอาลัยอยู่ อาจารย์เสนกะคิดว่า ยกเว้นมโหสถแล้ว ไม่มีใครสามารถช่วยได้ พระราชาฟังค�ำ มโหสถ ทรงหวาดกลวั ต่อมรณภัย ตรสั อะไร ๆ ไมไ่ ดอ้ ีกตอ่ ไป เราจะออ้ นวอนใหม้ โหสถชว่ ย จงึ กลา่ ววา่ “ท่านมโหสถ ขอทา่ นจงเปน็ ที่พงึ่ ของพวกเรา ท่านเปน็ ผ้มู คี วามสามารถสูงสดุ กว่าพวกเรา เหล่ามนตรี ทัง้ หมด” มโหสถยนื ยนั ค�ำ เดมิ วา่ “อาจารยเ์ สนกะ ความผดิ พลาดรา้ ยแรง บางอย่างท่ีมนุษย์ทำ�ลงไปแล้ว ยากที่จะแก้ไขได้ ขอท่านจงแก้ไขเอง เถิด” เม่ือพระเจ้าวิเทหราชไร้ท่ีพ่ึง ไม่ทราบว่าจะตรัสอะไรกับมโหสถ ทรง ดำ�ริว่าอาจารย์ท้ัง ๔ คนอาจจะมีแผนการอะไรบ้าง จึงตรัสถามเสนกะว่า ควรทำ�อย่างไร อาจารย์เสนกะกราบทูลว่า “พวกเราช่วยกันเอาไฟเผาบ้าน เผาเมืองให้หมด แล้วเอามีดเชือดคอตนเองตายไปก่อน อย่าทันให้ พระราชาพรหมทัตจบั พวกเราไปทรมานจนตาย” พระเจา้ วเิ ทหราชไดส้ ดบั ดงั นน้ั กท็ รงนกึ ฉนุ จงึ ตรสั ดว้ ยไมร่ จู้ ะตรสั อะไร ว่า “จงท�ำ เชิงตะกอนเชน่ น้นั เผาลกู เมียทา่ นเถดิ ” แลว้ ตรัสถามคณะมนตรี คนอน่ื ๆ แม้บัณฑิตท่ีเหลือก็ตอบไม่ต่างจากเสนกะ บางคนเสนอว่า ควรชิง กินยาพิษตายไปก่อน บางคนเสนอว่าควรชิงผูกคอตาย ส่วนเทวินทะคิดว่า ทำ�ไมพระราชาจึงตรสั ถามพวกเรา ในเมื่อไฟมอี ยู่ กลบั ทรงเปา่ หงิ่ ห้อย ยกเวน้ มโหสถแลว้ ไมม่ ใี ครสามารถชว่ ยพวกเราใหพ้ น้ ภยั ได้ พระองคไ์ มต่ รสั ถามมโหสถ

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 326 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง มาตรัสถามพวกเรา แล้วพวกเราจะรู้อะไร เม่ือไม่มีแผนการอ่ืนจึงกราบทูล คำ�ท่ีเสนกะกลา่ ววา่ “ถ้ามโหสถไม่สามารถช่วยเราได้แล้ว ก็ช่วยกันเอาไฟเผา บา้ นเมอื งใหห้ มด แลว้ เอามดี เชอื ดคอตนเองตายไปกอ่ น แตข่ า้ พระองค์ คิดว่า พวกเราทั้งหมดนี้แหละช่วยกันวิงวอนมโหสถก่อน ถ้าแม้เมื่อ วิงวอนแล้ว มโหสถยังไม่สามารถช่วยพวกเราได้ จึงค่อยทำ�ตาม แผนการของเสนกะ” พระเจ้าวิเทหราชสดับคำ�ของเทวินทะ ทรงระลึกถึงโทษท่ีพระองค์เคย ท�ำ ไวก้ ับมโหสถ กไ็ ม่สามารถจะตรัสกบั มโหสถได้ ทรงคร่ำ�ครวญว่า “พวกเรา หาหนทางท่ีจะพน้ ภัยคร้งั นย้ี ากที่จะเปน็ ไปได้ เหมือนหาแกน่ ต้นกลว้ ย และแกน่ งว้ิ เราหมดปญั ญาเหมอื นชา้ งขาดน�้ำ ใจเราสน่ั ปากคอแหง้ ผาก เหมอื นถกู ไฟแผดเผา ไม่มคี วามเย็นใจเลย” มโหสถคิดว่า พระราชาทรงลำ�บากมากแล้ว ถ้าไม่ปลอบพระองค์ พระทัยจะแตกส้ินพระชนม์ชีพ จงึ กราบทูลว่า “ขอพระองค์อย่าทรงวติ กเลย พระเจ้าข้า ข้าพระองค์จะทำ�ให้กองทัพแห่งปัญจาลนครหนีไป ถ้า ข้าพระองคไ์ ม่สามารถชว่ ยพระองค์ ผ้ตู กท่คี ับขนั ใหพ้ น้ ภยั ได้ ปัญญา ของข้าพระองค์จะมีประโยชน์อะไร แล้วพระองค์จะมีข้าแผ่นดินเช่น ข้าพระองค์ไว้ทำ�ไม” พระเจ้าวิเทหราชสดับคำ�มโหสถ กลับได้ความอบอุ่น พระทัยว่าพระองคร์ อดชีวิตแลว้ เสนกะถามมโหสถว่ามีแผนการอย่างไรจึงจะพาพวกเราหนีรอดไป ท้ังหมดได้ มโหสถชี้แจงแผนการว่าจะพาเล็ดลอดออกไปทางอุโมงค์ที่เตรียมไว้ จงึ ส่ังใหท้ หารเปิดประตอู ุโมงค์ อโุ มงค์ท้ังหมดก็สวา่ งไปทว่ั มโหสถกราบทูลเชญิ พระราชาเสด็จลงจากปราสาท ส่วนเสนกะแก้ผ้าโพกศีรษะออกแล้วผลัดผ้า เปลย่ี นเป็นหยกั ร้งั

ท ศ ช า ติ 327 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง มโหสถจึงถามว่าทำ�อะไร เสนกะตอบว่าการมุดไปทางอุโมงค์ต้อง แกผ้ ้าโพกแล้วน่งุ หยกั รัง้ จะไดเ้ ดินสะดวก มโหสถบอกว่าอโุ มงคก์ ว้างใหญ่ สงู ถึง ๑๘ ศอก จึงไม่ต้องกม้ ถ้าตอ้ งการข่ีชา้ งหรอื ม้าไปก็ได้ มโหสถจัดให้เสนกะเดินนำ�หน้าไปก่อน พระเจ้าวิเทหราชอยู่ตรงกลาง สว่ นตนเองรงั้ ทา้ ย ทเ่ี ปน็ เชน่ นเี้ พราะเกรงวา่ พระเจา้ วเิ ทหราชจะมวั ทอดพระเนตร อโุ มงคท์ ต่ี กแตง่ ไวอ้ ยา่ งวจิ ติ รแลว้ เกดิ ความลา่ ชา้ พระเจา้ วเิ ทหราชเสดจ็ ไปพลาง ทอดพระเนตรอโุ มงคไ์ ป ทหารของมโหสถรู้ว่าพระเจ้าวิเทหราชเสด็จมา จึงนำ�กษัตริย์ทั้ง ๔ พระองค์ออกจากอุโมงค์ ให้ประทับอยู่ ณ พลับพลาลานกว้างใหญ่ ริมฝ่ัง แม่นำ้�คงคา พระเจ้าวิเทหราชเสด็จออกจากอุโมงค์กับมโหสถ พระนางสลาก เทวี พระนางนันทาเทวี เจ้าชายปัญจาลจันทกุมาร และเจ้าหญิงปัญจาลจันที เห็นพระเจ้าวิเทหราชกับมโหสถ ก็ทราบว่าตกอยู่ในเง้ือมมือศัตรูอย่างแน่นอน ก็ทรงหวาดหวนั่ ต่อความตายตา่ งรอ้ งไห้อ้ืออึง ขณะนน้ั เปน็ เวลาเดยี วกบั พระเจา้ จลุ นเี สดจ็ ไปดกั อยใู่ กลฝ้ งั่ แมน่ �้ำ คงคา หา่ งจากทัพหลวงออกไปประมาณ ๑ คาวุต ด้วยทรงเกรงว่า พระเจ้าวเิ ทหราช จะหนีไปทางนำ้� ในเมื่อราตรีเงียบสงัด พระเจ้าจุลนีพรหมทัตสดับเสียงคล้าย เสยี งร้องของกษตั ริย์ทง้ั ๔ พระองค์ ทรงประสงค์จะตรสั ถามทหารว่านน่ั ใช่เสยี ง พระนางนันทาเทวีและลูกเราใช่หรือไม่ แต่ก็หาได้ตรัสไม่ เพราะทรงเกรงถูก ทหารเย้ยหยนั วา่ พระองคอ์ ่อนแอ ทอดพระเนตรเหน็ พระนางนนั ทาเทวีทไี่ หน มโหสถเชิญพระธิดาปัญจาลจันทีประทับบนกองรัตนะ อภิเษกให้เป็น พระมเหสีของพระเจ้าวิเทหราชในที่นั้น แล้วกราบทูลพระเจ้าวิเทหราชว่า “พระองค์เสด็จมาเพ่ืออภิเษกพระธิดาพระองค์นี้เป็นพระมเหสีของ พระองค์ เรือ ๓๐๐ ลำ� ได้เทียบท่ารอรับเสด็จอยู่แล้ว ขอพระองค์

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 328 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เชญิ เสดจ็ เถดิ พระเจ้าข้า” พระเจ้าวิเทหราชจงึ เสด็จลงจากพลับพลา ข้ึนเรอื พระทีน่ ั่งพร้อมกษตั รยิ ท์ ้งั ๔ พระองค์ มโหสถได้ถวายอนุศาสน์ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมชน บัดน้ี พระเจ้าจุลนีเป็นพ่อตาของพระองค์ พระนางนันทาเทวีเป็นแม่ยาย ขอพระองค์จงปฏิบัติเหมือนปฏิบัติต่อพระราชมารดาของพระองค์เอง ขอพระองค์จงรักใคร่พระปัญจาลจันทกุมารเหมือนพระเชษฐภาดา ร่วมพระอุทรมารดาเดียวกันกับพระองค์ ส่วนพระธิดาปัญจาลจันทีนี้ เป็นพระราชบุตรีของพระเจ้าจุลนี ท่ีพระองค์ทรงปรารถนาย่ิงนัก ขอ พระนางจงเป็นพระมเหสีของพระองค์ และพระองค์จงดูแลเอาใจใส่ ทะนุถนอมพระนางให้สมกับความยากลำ�บากท่ีพระองค์เสี่ยงชีวิต จงึ ไดม้ า” มโหสถยืนกล่าวอยู่ริมฝ่ังแม่น้ำ�คงคา พระเจ้าวิเทหราชมีพระประสงค์ จะรีบเสดจ็ ไป จึงตรัสวา่ “เจ้าจะมัวชกั ช้าอยทู่ �ำ ไม รบี ขน้ึ เรือไปเร็วเถดิ ” มโหสถกราบทูลพระเจ้าวิเทหราชว่า “ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ข้าพระองค์ยังไปไม่ได้ แม่ทัพจะทิ้งทหารเอาตัวรอด ไม่ถูกต้อง ข้าพระองค์พาพวกเขามาจากกรุงมิถิลานคร จะทิ้งพวกเขาไว้ให้ พระเจ้าจุลนเี ข่นฆ่าไมไ่ ด้ พวกเขาเดนิ ทางมาไกล ล้วนมีใจทำ�งานเพือ่ ขา้ พระองค์ ต่างหวิ กระหาย บางพวกก�ำ ลงั กินข้าว บางพวกกำ�ลังดมื่ บางพวกเหน็ดเหนื่อยก็นอนหลับ บางพวกเจ็บป่วยต่างทำ�งานหนัก รว่ มกบั ขา้ พระองคม์ าตลอด ๔ เดอื น ยงั ไมร่ ดู้ ว้ ยซ�้ำ วา่ พวกเราหนอี อก ไปทางอุโมงค์ ข้าพระองค์ทิ้งพวกเขาไว้ที่น่ีไม่ได้แม้แต่คนเดียว ขา้ พระองคจ์ ะน�ำ พวกเขากลบั ทกุ คน ไมเ่ วน้ แมแ้ ต่จะเป็นศพ ทรพั ย์สนิ ทพ่ี ระเจา้ จลุ นปี ระทานกจ็ ะไมเ่ หลอื ไว้ ขอใหพ้ ระองคร์ บี เสดจ็ อยา่ หยดุ พักท่ีไหนแม้แต่ราตรีเดียว ขอให้พระองค์สลับช้าง ม้า พาหนะ ซ่ึง เหนด็ เหนอื่ ยแลว้ เสดจ็ ขน้ึ พาหนะทยี่ งั มกี �ำ ลงั ดี ซง่ึ ขา้ พระองคเ์ ตรยี มไว้ เป็นระยะกลับกรุงมถิ ิลาอย่างรวดเร็ว”

ท ศ ช า ติ 329 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระราชารู้สึกเป็นห่วงมโหสถขึ้นมาอย่างจับใจ ตรัสว่า “มโหสถ เจา้ อยา่ โงน่ กั เลย ก�ำ ลงั ทหารเจา้ นอ้ ย ไมม่ ที างสกู้ องทพั พระเจา้ จลุ นไี ด้ หรอก” มโหสถกราบทลู วา่ “แม้มที หารน้อย หากมีความคดิ ก็สามารถ เอาชนะกองทพั ท่มี ีแสนยานภุ าพมากแต่ไรค้ วามคดิ ได้ ขา้ พระองคร์ บ ด้วยปัญญา ไมใ่ ช่รบดว้ ยอาวุธ ขอเชิญพระองค์เสดจ็ เถดิ พระเจา้ ขา้ ” ขณะเรือพระท่ีน่งั เคลอ่ื นตวั ออกจากฝ่ัง พระเจา้ วเิ ทหราชทรงนึกถงึ คุณ มโหสถว่า พระองค์พ้นจากเง้ือมมือข้าศึกได้ และความประสงค์ของพระองค์ ก็สำ�เร็จแล้วเพราะได้พระนางปัญจาลจันทีราชธิดา ก็บังเกิดพระปีติปราโมทย์ จึงตรสั สรรเสริญคุณมโหสถตอ่ หน้าเสนกะว่า “ท่านอาจารย์เสนกะ การอยู่ร่วมกับบัณฑิตเป็นสุขดีแท้ มโหสถช่วยพวกเราใหร้ อดพ้นจากเงอ้ื มมอื ข้าศึก เหมอื นคนชว่ ยฝงู นก ทตี่ ดิ กรง เหมอื นชว่ ยฝงู ปลาทต่ี ดิ รา่ งแห” แมอ้ าจารยเ์ สนกะกส็ รรเสรญิ คณุ มโหสถไม่ขาดปากเช่นกนั พระเจ้าวิเทหราชเสด็จขึ้นจากฝ่ังแม่น้ำ� แล้วเสด็จพระราชดำ�เนินต่อ จนถึงหมู่บ้านท่ีมโหสถให้สร้างไว้ทุก ๑ โยชน์ พวกอำ�มาตย์ท่ีมโหสถเตรียมไว้ ในหมู่บ้านนัน้ ๆ กจ็ ัดช้าง ม้า และพาหนะ ข้าว นำ�้ เปน็ ตน้ ถวายการตอ้ นรับ ท�ำ การอารกั ขาอยา่ งแนน่ หนา พระราชาเปลย่ี นชา้ ง มา้ และพาหนะทเี่ หนด็ เหนอ่ื ย ตลอดระยะทาง จนผ่านไปไกลถงึ ๑๐๐ โยชน์ ครน้ั รุ่งเช้ากเ็ สด็จล่วงเข้าเขตแดน มิถลิ านคร ส่วนมโหสถเข้าสู่ประตูอุโมงค์ไปทะลุอีกด้านหน่ึง ปลดดาบท่ีเหน็บไว้ ออก ฝังกลบไว้ในทรายท่ีปากอุโมงค์ จากน้ันก็กลับเข้าอุโมงค์ ไปออกท่ีประตู ทางเข้าเมอื งทส่ี ร้างไว้ ขน้ึ สปู่ ราสาท อาบน�ำ้ กินอาหารแล้ว นอนพกั ผอ่ นเอาแรง เม่อื คิดว่างานของเราส�ำ เร็จแล้วกห็ ลับไปอย่างง่ายดาย

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 330 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ฝ่ายกองทัพพระเจ้าจุลนีพรหมทัตเคล่ือนพลมาปิดล้อม อุปการนครไว้ด้วยแสนยานุภาพอันย่ิงใหญ่เกรียงไกร ประกอบด้วย กองทพั ช้างพลาย ซงึ่ สามารถย่ำ�ยอี ปุ การนครใหพ้ ังพนิ าศได้ พลธนมู ี ลกู ศรปลายแหลมคม เจาะทะลกุ ระดกู ได้ สามารถยงิ เขา้ ไปในพระนคร ให้ตกลงดังห่าฝน เหล่าทหารหนุ่มสวมเกราะแกล้วกล้า อาวุธมีด้าม วิจิตรงดงาม หอกมีคมแสงเป็นประกายวาววับ เหล่าทหารมีอาวุธ ครบมอื ตอ่ ใหพ้ ระเจา้ วเิ ทหราชมปี กี บนิ เหมอื นนก กไ็ มส่ ามารถรอดพน้ ไปได้ ทหารของพระองคม์ มี ากมาย สามารถตดั หวั ขา้ ศกึ เทา่ ทมี่ เี อามา คนละหวั ได้ ทว่ั ทง้ั แผน่ ดนิ ไมม่ กี องทพั ใดเสมอเหมอื น เหลา่ ทหารหนมุ่ ผวิ พรรณดั่งทองค�ำ งดงาม องอาจ นง่ั อยูบ่ นคอช้าง ลว้ นประดบั ด้วย เครอื่ งประดบั สเี หลอื ง นงุ่ ผา้ สเี หลอื ง หม่ ผา้ เฉวยี งบา่ สเี หลอื ง คมดาบ ตอ้ งแสงอาทติ ยย์ ามเชา้ ทอประกายวาววบั ดาบไรส้ นมิ ตดี ว้ ยเหลก็ กลา้ ขดั ถดู ว้ ยน�้ำ มนั คมยงิ่ นกั เหลา่ ทหารเชยี่ วชาญสงคราม ถอื อาวธุ ครบมอื สวมเสื้อสีแดง กวัดแกว่งดาบงดงามด่ังสายฟ้าแลบ เหล่าทหาร ผู้กล้าหาญ สวมเกราะ โบกสะบัดธงไปมา เช่ียวชาญในการใช้ดาบ ถูกฝึกมาอย่างเช่ียวชาญ สามารถตัดคอช้างใหญ่ให้ขาดสะบ้ันด้วย ดาบเดียว พระเจ้าจุลนีทรงตรวจตราอย่างเข้มงวดตลอดราตรี คอยเฝ้าระวัง ไม่ให้ศัตรูหลบหนีไป ครั้นรุ่งอรุณแล้ว ก็เสด็จไปยังกำ�แพงเมืองอุปการนคร ทรงรำ�พึงว่า จะจับเป็นพระเจ้าวิเทหราชให้ได้ จึงตรัสข่มขู่พระเจ้าวิเทหราช ทา่ มกลางเหล่าทหารให้เกดิ ความฮกึ เหิม ทรงเตอื นช้างพระทน่ี ่งั ดว้ ยพระแสงขอ ประดบั เพชร พรอ้ มกบั ออกค�ำ สง่ั ทหารวา่ “จงบกุ เขา้ ไป ท�ำ ลายมนั ใหส้ น้ิ ซาก” ทหารที่มโหสถวางไว้เห็นเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ จึงพากันตีวงล้อม มโหสถเอาไว้ ขณะน้ัน มโหสถลุกจากท่ีนอน อาบนำ้�ชำ�ระร่างกายแล้ว ทาน อาหารเช้า แต่งตัวด้วยผ้านุ่งอย่างดีจากแคว้นกาสี ห่มรัตนกัมพลเฉวียงบ่า

ท ศ ช า ติ 331 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ถือไม้เท้าทอง สวมรองเท้าทอง มีเหล่าสตรีแต่งตัวงดงามดุจเทพอัปสรพัดอยู่ ข้าง ๆ เปิดสีหบัญชรบนปราสาทออก ปรากฏตัวให้พระเจ้าจุลนีเห็น แล้วเดิน กลับไปกลบั มาดว้ ยลีลาดังทา้ วสักกเทวราช แม้พระเจ้าจุลนีทอดพระเนตรเห็นสิริรูปอันอุดมของพระโพธิสัตว์ ก็ไม่สามารถทำ�ให้พระองค์เล่ือมใสได้ เกิดความโกรธแค้นขึ้นมาทันที ทรงเร่ง ไสชา้ งเข้าไปหมายจะจบั มโหสถใหไ้ ด้ มโหสถคดิ ว่าพระเจา้ จุลนียังไม่ทราบวา่ เราจับพระโอรส พระธดิ า และ พระมเหสขี องพระองค์ สง่ ไปถวายพระราชาของเราแลว้ ยนื อยบู่ นสหี บญั ชรนนั่ เอง เย้ยหยันพระเจ้าจุลนีว่า “ข้าแต่บรมกษัตริย์ พระองค์เร่งไสช้างมาทำ�ไม หนอ พระเจ้าข้า ดูพระองค์ร่าเริง ขอพระองค์โยนอาวุธฝังเพชรทิ้ง แลว้ ปลดเกราะประดับแก้วมณอี อกเสียเถิด” พระเจา้ จลุ นพี รหมทตั สดบั ค�ำ เยาะเยย้ ของมโหสถ จงึ ตรสั วา่ “เจา้ บตุ ร คหบดี ยงั มหี นา้ มาพดู จาท�ำ ทา่ รา่ เรงิ กบั เรา เจา้ พดู อยา่ งฝนื ยม้ิ หนา้ ตา อยา่ งนค้ี อื หน้าตาคนใกล้ตาย เดย๋ี วกร็ วู้ า่ จะฆา่ แกไดห้ รอื ไม”่ ขณะท่ีมโหสถพูดกับพระเจ้าจุลนีอยู่น้ัน เหล่าพลนิกายได้เห็นรูปสิริ แห่งพระโพธิสัตว์ คิดว่าพระราชาของพวกเราทรงปรึกษาอะไรอยู่กับมโหสถ จึงเข้าไปใกลช้ ้างพระที่นง่ั มโหสถได้ฟังพระเจ้าจุลนีตรัสเช่นนั้น ก็กล่าวว่า “ข้าแต่สมมติเทพ เขารู้แผนการของพระองค์กันหมดแล้ว ส่ิงท่ีพระองค์และเกวัฏฏะ คิดด้วยใจ ไม่มีใครรู้ได้ แต่ส่ิงท่ีพูดด้วยปากคนรู้กันไปท่ัวแล้ว คำ�ขู่ คำ�รามของพระองค์ไร้ประโยชน์ แผนการของพระองค์แตกแล้ว พระองค์จับพระเจ้าวิเทหราชไม่ได้หรอก เหมือนม้ากระจอกไล่ไม่ทัน ม้าสินธพ พระเจ้าวิเทหราชพร้อมเหล่าอำ�มาตย์ข้าราชบริพาร เสด็จ ข้ามแม่นำ้�คงคาไปตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้แล้ว หากพระองค์ติดตามไป กค็ งเหมอื นกาบนิ ไล่ตามพญาหงส์”

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 332 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง แม้มโหสถถูกกองทัพล้อมไว้ทุกด้าน ก็ไม่ครั่นคร้าม ไม่ประหวั่น พรั่นพรึง กราบทูลต่อไปว่า “สุนัขจิ้งจอกเห็นดอกทองกวาวบานในเวลา กลางคนื กค็ ดิ วา่ ชน้ิ เนอื้ จงึ พากนั เขา้ ลอ้ มตน้ ทองกวาว เมอ่ื พระอาทติ ย์ สวา่ งขน้ึ จึงรูว้ ่าเปน็ ดอกทองกวาว กพ็ ากนั หมดหวงั เดินคอตกจากไป พระองค์ล้อมพระเจ้าวิเทหราช ก็จะหมดหวังเหมือนฝูงสุนัขจ้ิงจอก ล้อมต้นทองกวาว” พระเจา้ จลุ นถี กู เปรยี บเทยี บกบั สนุ ขั จงิ้ จอก กท็ รงเจบ็ แคน้ เปน็ อยา่ งมาก ทรงเห็นมโหสถไม่พร่ันพรึง ก็คิดว่า บุตรคหบดีน้ีกล้าเกินคนจริง ๆ มันคงให้ พระเจ้าวิเทหราชหนีไปแล้วเป็นแน่ ครั้นคิดเช่นน้ัน ก็กริ้วเหลือเกินว่า เมื่อก่อน มันทำ�ให้เราอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ท่ีไหน บัดน้ี ศัตรูอยู่ในเงื้อมมือ ของพวกเราแล้ว แต่มันก็ให้หนีรอดไปได้ มโหสถสร้างความฉิบหายให้เรา เราจบั มนั ไม่ไดพ้ รอ้ มกนั ทั้งสองคน กจ็ ะจบั มโหสถคนเดียวก่อน จงึ ออกค�ำ ส่ังว่า “มโหสถปล่อยศัตรูของข้าให้หนีไปแล้ว พวกเจ้าจงจับมันตัดแขนขา ฉีกออกเป็นช้นิ ๆ แล้วเอาหลาวเสียบย่างไฟเสีย” มโหสถได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะลั่น คิดว่าพระราชาพระองค์น้ีพิโรธ ยงั ไมร่ วู้ า่ เราสง่ ลกู เมยี ของพระองคไ์ ปกรงุ มถิ ลิ านครแลว้ จงึ คดิ จะทรมานเราเลน่ ตามชอบใจ เราจะบอกใหพ้ ระองคเ์ จบ็ ปวดโศกาดรู จนสลบอยบู่ นหลังช้างนน่ั เอง จึงกลา่ ววา่ “ถ้าพระองค์แทงข้าพระองค์ด้วยหอก พระเจ้าวิเทหราชก็จะ เอาหอกแทงเจ้าชาย เจ้าหญิง และพระมเหสีของพระองค์ด้วยหอก เช่นกนั ท่ีกราบทูลเช่นนี้ เป็นสิ่งท่ีพระเจ้าวิเทหราชกับข้าพระองค์ได้ ตกลงกนั ไว้เป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว

ท ศ ช า ติ 333 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ช่างหนังทำ�โล่หนังไว้ป้องกันลูกธนู ฉันใด ข้าพระองค์เป็น ข้าแผ่นดินของพระเจ้าวิเทหราช ก็จำ�ต้องทำ�ลายลูกธนู คือ พระดำ�ริ ของพระองคด์ ว้ ยโลห่ นัง คือ ปัญญาของขา้ พระองค์ ฉันนนั้ เชน่ กัน” พระเจ้าจุลนีทรงดำ�ริว่า บุตรคหบดีคนนี้บ่นเพ้อบ้าบออะไรของมัน เราทรมานมันอย่างใด พระเจ้าวิเทหราชก็จะทรมานลูกเมียของเราอย่างนั้น คงไมร่ วู้ า่ เราเตรียมการอารักขาลูกเมียเราไวอ้ ย่างดี มนั คงใกลต้ ายจงึ บน่ เพ้อไป มโหสถคิดว่าพระราชาคงเข้าใจว่าเราพูดไปเพราะกลัวตาย จึงตะโกน ไปว่า “ขณะนี้ พระราชนิเวศน์ของพระองค์ว่างเปล่า ไร้พระโอรส พระธิดา พระมเหสี ตลอดจนพระชนนีของพระองค์ ขอเชิญทอด พระเนตร ขา้ พระองค์ไดน้ ำ�ออกจากเมอื งทางอุโมงค์ ไปถวายพระเจ้า วเิ ทหราชแล้ว” พระเจ้าจุลนีได้ทรงสดับดังน้ัน ทรงคิดว่าบุตรคหบดีคนน้ีพูดหนักแน่น เหลือเกิน เมื่อคืนเราเองก็ได้ยินคล้ายเสียงร้องของนันทา แว่วมาจากฝั่งแม่น้ำ� คงคา มโหสถปัญญามาก บางทีมันอาจจะพูดจริงก็เป็นได้ ทรงคิดดังน้ีแล้ว ก็ประหวั่นพรั่นพรงึ แต่ทรงต้ังสตไิ ว้ ไมแ่ สดงกิรยิ าใหใ้ ครเห็น แลว้ สง่ อำ�มาตย์ คนหนึ่งไปตรวจสอบความจริง อำ�มาตยน์ ัน้ กลับเขา้ ไปตรวจดพู ระราชนเิ วศน์ เห็นพวกทหาร ราชองครกั ษใ์ นพระราชนเิ วศน์ และเหลา่ นางก�ำ นลั ถกู ผกู มอื เทา้ มดั ปาก ผูกติดไว้กับไม้ ข้าวของเคร่ืองใช้ในพระราชนิเวศน์ตกแตกเกล่ือน กระจาย ของกนิ เกลอ่ื นกลน่ เรยี่ ราดไปทวั่ หอ้ งตา่ ง ๆ ถกู เปดิ ถกู รอื้ คน้ เอาแก้วแหวนเงินทอง ฝูงกาเข้ามาทางประตูและหน้าต่างท่ีถูกเปิดทิ้ง เอาไว้ เที่ยวบินว่อนเกาะอยไู่ ปท่วั พระราชนิเวศน์ไร้สิริ เหมือนบ้านที่ถูกท้ิงร้าง ดูวังเวงราวกับป่าช้า จึงกลับมากราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ พระเจ้าจุลนีได้สดับดังนั้นก็ทรง

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 334 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง สะทกสะท้านด้วยความโศก พระองค์พิโรธมโหสถอย่างยิ่ง ดุจงูพิษถูกตีด้วย ทอ่ นไม้ มโหสถเหน็ พระเจา้ จลุ นกี รวิ้ จงึ คดิ วา่ พระราชาพระองคน์ มี้ เี ดชานภุ าพ มาก สามารถฆ่าเราด้วยขัตติยมานะเพราะความพิโรธ เราจะต้องให้พระองค์ คิดถึงพระนางนันทาเทวี ให้พระองค์ได้รู้ว่า ต่อไปจะไม่มีโอกาสได้เห็นพระนาง อกี แล้ว เม่ือพระองคร์ ะลึกถงึ พระนางอยู่ จะยงั ไมท่ ำ�อะไรเรา ดว้ ยทรงเป็นหว่ ง พระมเหสี คอ่ ยหาทางผอ่ นปรนแกไ้ ข จงึ ทูลว่า “พระนางนันทาเทวีเสดจ็ ไปทางอุโมงค์นี้ มพี ระสริ ิโฉมงดงาม พรอ้ มทกุ สัดสว่ น น่าชมย่ิงนัก พระองค์มีสะโพกผึ่งผาย พระสรุ เสยี ง ไพเราะน่าฟัง สายรัดถันพระองค์น้ันก็งามทำ�ด้วยกาญจนวิจิตร มี พระบาทสดใสด้วยพระโลหิตขึ้นแดง พระองค์เพียบพร้อมด้วย เบญจกัลยาณี พระเกศา พระเส้นเอ็น และพระอัฐิงามย่ิงนัก ดวง พระเนตรโตงามราวกับดวงตาลูกกวาง แววพระเนตรดุจเปลวเพลิงใน เหมนั ตฤดู รมิ พระโอษฐเ์ อบิ อม่ิ สกุ ปลง่ั แดงดง่ั ผลต�ำ ลงึ สกุ บน้ั พระองค์ เลก็ เรยี วบอบบางขอดงาม ประหนง่ึ จะโอบรดั ไดร้ อบ พระเกลา้ ยาวด�ำ ปลายช้อยเล็กน้อยดุจปลายมีด เส้นขนก็อ่อนงดงาม พระเพลางาม ดังงวงกุญชร พระถันทง้ั คู่ดังผลมะพลับ พระองค์คงยินดีที่จะเห็นพระนางนันทาเทวีและข้าพระองค์ ไปส่ยู มโลกพรอ้ มกนั เป็นแน่” ขณะทมี่ โหสถสรรเสรญิ พระนางนนั ทาเทวดี ว้ ยเสยี งออ่ นหวาน พระนาง นันทาเทวีเหมือนมาประทบั อย่หู น้าช้างพระทน่ี งั่ พระเจ้าจลุ นดี ำ�ริวา่ เว้นมโหสถ แลว้ ไมม่ ีใครสามารถพาพระมเหสีที่รกั ของพระองค์กลบั มาได้ เมอ่ื พระองคร์ ะลกึ ถงึ พระนางเจา้ นนั ทาเทวอี ยู่ กท็ รงเศรา้ โศกอยา่ งมาก มโหสถเหน็ เชน่ นนั้ จงึ ไดโ้ อกาสกราบทลู วา่ “ขอพระองคอ์ ยา่ ไดท้ รงวติ กเลย

ท ศ ช า ติ 335 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อข้าพระองค์กลับถึงมิถิลานครแล้ว พระราชเทวี พระราชโอรส และพระราชชนนีของพระองค์ จะเสด็จกลับมาอย่างปลอดภัย ขอ พระองคว์ างพระทยั เถิด” พระเจ้าจุลนีพรหมทัตดำ�ริว่า เราทำ�การป้องกันเมืองของเราไว้เป็น อย่างดี จึงยกทัพใหญ่ออกมาล้อมเมืองอุปการนครของมโหสถเอาไว้อย่าง แน่นหนา แต่มโหสถก็ยังนำ�ลูก เมีย แม่ของเราออกจากเมือง ไปให้พระเจ้า วเิ ทหราชได้ แม้พวกเราตัง้ กองทพั ลอ้ มเมอื งอย่อู ย่างน้ี มโหสถยงั ชว่ ยใหพ้ ระเจ้า วเิ ทหราช ทงั้ พลพาหนะหนไี ปไดโ้ ดยไมม่ ใี ครรเู้ ลยแมส้ กั คน มโหสถรเู้ ลห่ ก์ ลทพิ ย์ หรอื เปน็ เพยี งมายากลบงั ตาหนอ จงึ ตรสั ถามวา่ “เจา้ รเู้ ลห่ ก์ ลทพิ ย์ หรอื เพยี ง แสดงมายากลบงั ตา จงึ สามารถชว่ ยใหพ้ ระเจา้ วเิ ทหราชหนรี อดไปได”้ มโหสถกราบทลู วา่ “พวกบณั ฑติ ลว้ นตอ้ งเรยี นยทุ ธศาสตรเ์ อาไว้ ครนั้ เมอื่ ภยั มาถงึ จงึ จะชว่ ยตนเองและผอู้ นื่ ใหพ้ น้ ภยั ได้ เหลา่ ทหารทยี่ งั หนุ่มแน่นล้วนแต่ฉลาด เป็นผู้ขุดอุโมงค์ พระเจ้าวิเทหราชเสด็จกลับ กรุงมิถิลานครตามอโุ มงคท์ ่ีทหารเหลา่ นขี้ ดุ ไว”้ จากศัตรสู ยู่ อดมหามิตร พระเจ้าจุลนีหมดส้ินมานะ พระทัยอ่อนโยน มีพระราชประสงค์จะ ทอดพระเนตรอุโมงค์ มโหสถลงจากปราสาท ถวายบังคมพระเจ้าจุลนีแล้วนำ� เสดจ็ พระเจา้ จลุ นี พรอ้ มด้วยพระราชา ๑๐๑ พระองค์ ตลอดจนกองทหารและ ข้าราชบริพารเข้าสอู่ โุ มงค์ พระเจ้าจุลนีทอดพระเนตรเห็นอุโมงค์ราวกบั เทวสภา จึงทรงพรรณนา คุณมโหสถว่า “มโหสถ บัณฑิตทั้งหลายผู้เช่นกับเจ้า อยู่ในแว่นแคว้น ของผู้ใดก็มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง เป็นลาภของแคว้นวิเทหะและชาว มถิ ิลานครจริง ๆ ทไ่ี ดอ้ ยรู่ ่วมกบั เจา้ ”

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 336 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง มโหสถไดแ้ สดงหอ้ งนอน ๑๐๑ หอ้ งแดพ่ ระเจา้ จลุ นี เมอ่ื ประตหู อ้ งหนง่ึ ถกู เปดิ ออก ประตทู ง้ั หมดกเ็ ปดิ ออกดว้ ย เมอ่ื ประตหู อ้ งหนงึ่ ถกู ปดิ ประตทู งั้ หมด ก็ถูกปิดด้วย เม่ือพระเจ้าจุลนีทอดพระเนตรพลางเสด็จพระราชดำ�เนินต่อไป มโหสถไดโ้ ดยเสดจ็ ตามไปขา้ งหลงั กองทหารทงั้ หมดกเ็ ขา้ สอู่ โุ มงคต์ ามเสดจ็ ดว้ ย พระราชาเสด็จพระราชดำ�เนินทอดพระเนตรไปเรื่อย ๆ จนออกจาก อโุ มงค์อกี ด้านหนง่ึ มโหสถรวู้ ่าพระเจา้ จลุ นเี สด็จออกจากอโุ มงค์ไปแล้ว จึงตาม ออกมาบ้าง แล้วเหยียบเครื่องสลักยนต์ ปิดประตูอุโมงค์ไม่ให้พระราชา ๑๐๑ พระองค์ และทหารทงั้ หมดออกมา ประตูใหญ่ ๘๐ แห่ง ประตูนอ้ ย ๖๔ แหง่ ประตูห้อง ๑๐๑ ห้อง และโคมไฟทั้งหมด ก็ปิดลงพร้อมกัน อุโมงค์ท้ังสิ้น มืดราวกับอยู่ในโลกนั ตนรก พวกทหารตา่ งสะดงุ้ ท้ังกลวั ตาย มโหสถหยิบดาบที่ซ่อนกลบไว้ในทรายขึ้นมา กระโดดข้ึนจากพื้นสูง ราว ๑๘ ศอก แล้วกลับลงมาจากอากาศ จับพระหัตถ์พระเจ้าจลุ นีไว้ เง้ือดาบ เหมือนจะจ้วงฟัน ทูลถามว่า “ราชสมบัติทั่วทั้งชมพูทวีปเป็นของใคร” พระเจ้าจุลนีกลัวลนลานละลำ่�ละลัก ตรัสตอบว่า “ราชสมบัติเป็นของเธอ ทา่ นบัณฑติ ” คร้ันแล้ว มโหสถกราบทูลว่า “ขอพระองค์ อย่าตกพระหฤทัย กลัวเลย พระเจ้าข้า ข้าพระองค์มิได้มีความประสงค์จะปลงพระชนม์ พระองค์ เพียงต้องการสำ�แดงปัญญานุภาพของข้าพระองค์เท่านั้น” แลว้ ไดน้ อ้ มถวายดาบนนั้ ทพ่ี ระหตั ถพ์ ระราชา และกราบทลู พระราชาผทู้ รงถอื ดาบ ประทับยืนอยู่ว่า “ถ้าพระองค์ทรงมีพระประสงค์จะฆ่าข้าพระองค์ ก็จง ฆ่าด้วยดาบเล่มนี้ ถ้าพระองค์ทรงมีพระประสงค์จะพระราชทาน อภัยโทษ กจ็ งพระราชทานเถิด พระเจ้าข้า” พระราชาทรงมีพระทัยอ่อนโยน ทรงรำ�พึงว่าบุรุษผู้น้ีหรือ คือศัตรู ของพระองค์ เขาถือดาบอยู่ในมือแท้ ๆ กลับยื่นดาบให้กับพระองค์ ทรงเห็น ความองอาจของมโหสถก็ปลาบปล้ืมยิ่งนัก ทรงประคองมโหสถผู้นั่งก้มหน้าน่ิง

ท ศ ช า ติ 337 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง น้อมดาบถวายอยู่เบื้องพระพักตร์ขึ้นมา แล้วตรัสว่า “เราให้อภัยเธอแล้ว จริง ๆ เธออย่าคิดอะไรเลย” พระเจ้าจุลนีกับมโหสถโพธิสัตว์ต่างจับดาบ สาบานที่จะไม่ทำ�ร้ายซ่ึงกันและกัน แล้วตรัสกับมโหสถด้วยพระดำ�รัสอ่อนโยน ว่า “มโหสถ เธอเพียบพร้อมด้วยกำ�ลังแห่งปัญญาอย่างน้ี เหตุไร ไม่ครองราชสมบตั เิ สียเอง” มโหสถตอบว่า “ถ้าข้าพระองค์ปรารถนาราชสมบัติ ก็จะฆ่า พระราชาในชมพทู วปี ทง้ั หมดในวนั นี้ แตไ่ มม่ นี กั ปราชญค์ นใด สรรเสรญิ การไดม้ าซึง่ อำ�นาจดว้ ยการทำ�ลายลา้ งผู้อื่น” พระราชาตรัสว่า “ท่านบัณฑิต มหาชนออกจากอุโมงค์ไม่ได้ ต่างครำ่�ครวญ เธอจงเปิดประตูอุโมงค์ปล่อยพวกเขาเถิด” มโหสถจึง กดสลักยนต์เปิดประตูอุโมงค์ พลันน้ันแสงสว่างก็ฉาบไปท่ัวอุโมงค์ มหาชน เกิดความปีติยินดี ต่างโห่ร้องกันขึ้น พระราชาทุกพระองค์พร้อมท้ังเหล่าทหาร ออกจากอุโมงคไ์ ปหามโหสถและพระเจ้าจุลนี ณ พลบั พลาที่ลานอนั กว้างขวาง พระราชาในชมพูทวีปตรัสกับมโหสถว่า “พวกข้าพเจ้ารอดชีวิต เพราะท่าน ถ้าท่านไม่เปิดประตูอุโมงค์อีกครู่เดียว พวกเราท้ังหมด ก็คงตายอยใู่ นอโุ มงค”์ มโหสถกราบทูลว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกท่ีพระองค์รอดชีวิตเพราะ ข้าพระองค์ ก่อนหน้านี้พวกพระองค์ก็รอดชีวิตเพราะข้าพระองค์มา ครั้งหน่ึงแล้ว พระองค์จำ�วันที่พระเจ้าจุลนียึดราชสมบัติในชมพูทวีป ทั้งหมดไว้ แล้วจัดเตรียมสุราเพื่อด่ืมฉลองชัยชนะในสวนหลวงได้ หรอื ไม่ พระเจา้ จลุ นกี บั เกวฏั ฏปโุ รหติ ไดว้ างแผนชวั่ รา้ ย เตรยี มวางยาพษิ ปลงพระชนม์พระองค์ท้ังหมด ข้าพระองค์คิดว่าเม่ือเรายังมีชีวิตอยู่ กษัตริย์ท่ัวชมพูทวีปอย่าได้ส้ินพระชนม์อย่างไร้ที่พ่ึงเลย จึงส่งคนไป ทำ�ลายภาชนะบรรจุเหล้าและเน้ือท้ังหมดให้กินไม่ได้ แล้วทำ�ลาย ความคดิ ของพวกเขาเสีย ช่วยให้พวกพระองคร์ อดชวี ติ ”

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 338 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระราชาท้ังหมดได้สดับคำ�มโหสถก็รู้สึกหวาดสะดุ้ง จึงทูลถาม พระเจ้าจุลนีว่าจริงหรือไม่ พระเจ้าจุลนีรับว่าจริงตามน้ัน เพราะเชื่ออาจารย์ เกวัฏฏะ พระราชาเหล่านั้นต่างสวมกอดมโหสถด้วยความยินดีแล้วบูชา พระโพธสิ ตั ว์ด้วยราชาภรณม์ ากมาย มโหสถกราบทูลพระเจ้าจุลนีว่า “พระองค์อย่าทรงคิดอะไรมาก นน่ั เปน็ โทษของการคบคนพาลเปน็ มติ ร ขอพระองคจ์ งขอโทษพระราชา ท้ังหลาย” พระเจ้าจุลนีพรหมทัตตรัสขอโทษว่า “ข้าพเจ้าได้ทำ�กรรมเช่นน้ี เพราะเชอื่ คนชวั่ นน่ั เปน็ ความผดิ ของขา้ พเจา้ ” พระราชาทงั้ หมดตา่ งขอโทษ กนั และกัน แล้วเป็นผู้พร้อมเพรียงชน่ื ชมตอ่ กัน พระเจ้าจุลนีโปรดให้มีการเฉลิมฉลองอย่างย่ิงใหญ่ตลอดสัปดาห์ แล้วเข้าสู่พระนคร ให้ทำ�การต้อนรับพระโพธิสัตว์อย่างย่ิงใหญ่ ทรงมีพระราช ประสงค์จะให้มโหสถรับราชการอยู่ในราชสำ�นักของพระองค์ มโหสถกราบทูล ห้ามวา่ “ขา้ แตพ่ ระมหาราชเจา้ ผู้ท่ที อดท้งิ ผทู้ ชี่ ุบเลีย้ งตนเพราะเหน็ แก่ ทรัพย์ เขาย่อมถกู ตนเองและผอู้ น่ื ดหู มิน่ ตราบใดที่พระเจา้ วิเทหราช ยังทรงพระชนม์อยู่ ตราบนั้นข้าพระองค์ก็ไม่อาจเป็นข้าแผ่นดินของ พระราชาพระองคใ์ ด” พระเจา้ จลุ นตี รสั กบั มโหสถวา่ “ถา้ อยา่ งนน้ั ทา่ นจงรบั ปากเราไดไ้ หม วา่ เมอ่ื พระราชาของทา่ นทวิ งคตแลว้ จะกลบั มานครน”ี้ มโหสถทลู สนอง วา่ “หากขา้ พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ จะกลบั มาอยา่ งแน่นอน” พระเจา้ จลุ นที รงทำ�สกั การะพระโพธิสัตวต์ ลอดสัปดาห์ ครั้นล่วงไปอกี สัปดาห์ มโหสถจึงทูลลากลับมิถิลานคร พระองค์ได้มอบทอง ๑,๐๐๐ ลิ่ม และบา้ น ๘๐ ต�ำ บล ในแควน้ กาสี ทาส ทาสี ๔๐๐ คน และภรรยา ๑๐๐ คน ให้มโหสถ และอวยพรให้มโหสถพร้อมทั้งเสนางคนิกร เดินทางกลบั โดยสวัสดี

ท ศ ช า ติ 339 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง มโหสถกราบทูลพระเจ้าจุลนีว่า “ขอพระองค์อย่าทรงวิตกถึง พระราชวงศ์ ขา้ พระองคไ์ ดท้ ลู พระราชาของขา้ พระองค์ ใหต้ ง้ั พระนาง นันทาเทวีไว้ในท่ีพระราชชนนี ต้ังพระปัญจาลจันทกุมารไว้ในท่ี พระกนษิ ฐภาดา และอภเิ ษกพระธดิ าปญั จาลจนั ทเี ปน็ มเหสขี องพระเจา้ วิเทหราช ข้าพระองค์จะส่งพระราชมารดา พระนางนันทาเทวี และ พระราชโอรสกลบั มาโดยเร็วทสี่ ดุ ” พระเจ้าจุลนีได้ฝากข้าทาส ชาย หญิง โค กระบือ เครื่องประดับ เงนิ ทอง ช้าง และมา้ ไปพระราชทานพระราชธดิ าปัญจาลจันที วีรบุรุษจากสมรภมู ิรบ มโหสถเดินทางกลับด้วยบริวารมาก ในระหว่างทางได้ส่งคนไปเก็บ ส่วยจากบ้านที่พระเจ้าจุลนีพระราชทาน แล้วเดินทางต่อจนถึงกรุงมิถิลานคร โดยสวสั ดิภาพ ขณะนน้ั พระเจา้ วเิ ทหราชประทบั อยบู่ นปราสาท ทอดพระเนตรออกไป ทางพระแกล เห็นกองทัพขนาดใหญ่กำ�ลังมุ่งหน้ามา ทรงดำ�ริว่า ทหารมโหสถ มีจำ�นวนน้อย แต่กองทหารท่ีมามีมากเหลือเกิน เห็นจะเป็นกองทัพของพระเจ้า จลุ นี หรือมโหสถจะเสียทขี ้าศกึ แล้ว ทรงร้สู กึ หวาดกลัว อาจารยเ์ สนกะกราบทูล ว่า “มโหสถกลบั มาอย่างปลอดภัยแลว้ ” พระเจา้ วเิ ทหราชตรสั วา่ “อาจารย์ นนั่ ไมใ่ ชก่ องทหารของมโหสถ กองทหารมโหสถมนี อ้ ย แตน่ ท่ี หารมากมายเหลอื เกนิ ” เสนกะกราบทลู วา่ “มโหสถทำ�ให้พระเจ้าจุลนีทรงเล่ือมใส แล้วพระราชทานกองทหาร ให้มโหสถ” คล้อยหลังจากน้ันไม่นาน ทหารรักษาการณ์ก็ถวายรายงานว่า มโหสถกลบั มาแลว้

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 340 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระเจา้ วิเทหราชจึงใหต้ ีกลองป่าวประกาศไปท่ัวพระนคร ให้ชาวเมอื ง ตกแตง่ พระนครตอ้ นรบั มโหสถ เมอ่ื มโหสถเขา้ พระนครแลว้ ไดต้ รงไปสรู่ าชส�ำ นกั เขา้ เฝ้าถวายบงั คมพระเจ้าวิเทหราช พระเจ้าวิเทหราชเสดจ็ ลกุ ขึ้นสวมกอดมโหสถดว้ ยความปตี ยิ ง่ิ ประทับ เหนือราชบัลลงั ก์ ตรสั ปฏสิ ันถารดว้ ยวาทะแห่งนักปราชญ์ว่า “คน ๔ คน หามคนตายไปทง้ิ ไวใ้ นปา่ ชา้ แล้วกลับบา้ น ฉันใด พวกเราท้ิงเจ้าไว้ในอำ�นาจแห่งปัจจามิตรแล้วหนีกลับมา ก็ฉันน้ัน เมื่อเป็นเช่นน้ี ทำ�ไมเจ้ายังสามารถเอาชีวิตรอดหนีพ้นเงื้อมมือศัตรู กลับมาได้” มโหสถบัณฑิตกราบทูลว่า “ข้าพระองค์ป้องกันวาทะด้วยวาทะ ป้องกันความคิดด้วยความคิด ใช่แต่เท่านั้น ข้าพระองค์ยังสามารถ ป้องกันพระมหากษัตริย์ท้ังหลายจากความตาย ประหน่ึงฝ่ังแห่ง มหาสาครป้องกันชมพทู วปี เอาไว”้ พระเจ้าวิเทหราชสดับดังน้ันก็ทรงโสมนัส แล้วมโหสถได้กราบทูล ให้ทรงทราบว่า พระเจา้ จุลนพี ระราชทานบรรณาการใหต้ นอยา่ งมากมาย พระราชาตรัสสรรเสริญมโหสถว่า “มโหสถช่วยเหลือพวกเรา ผ้ตู กอยู่ในเงอื้ มมอื ข้าศกึ เหมือนช่วยเหลือฝงู นกท่ตี ดิ กรง เหมอื นช่วย ฝูงปลาท่ีตดิ ร่างแห” แมเ้ สนกบณั ฑติ กส็ รรเสรญิ มโหสถไม่ขาดปากเชน่ กนั พระเจ้าวิเทหราชให้ออกประกาศไปท่ัวพระนคร ให้ชาวเมืองจัดงาน มหรสพเฉลมิ ฉลองตลอดสัปดาห์ ใครรกั พระองค์กข็ อให้ทำ�สกั การะแกม่ โหสถ ครั้นชาวเมืองและชาวชนบทได้ยินเสียงป่าวประกาศ ก็ได้ทำ�สักการะ กันเหลือล้น ข้าราชบริพารฝ่ายใน สมณะและพราหมณ์ กองทัพ ตลอดจน พ่อค้าประชาชน เห็นมโหสถบัณฑิตกลับมาสู่กรุงมิถิลานครต่างก็พากันดีใจ

ท ศ ช า ติ 341 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ได้ร่วมกนั นำ�ขา้ ว น้ำ�เป็นอนั มากมาใหม้ โหสถ ตา่ งโบกธงตามท้องถนนทมี่ โหสถ ผ่านไป พระโพธสิ ตั วไ์ ปราชส�ำ นกั ในวนั สดุ ทา้ ยของงานเฉลมิ ฉลอง กราบทลู วา่ “ควรท่ีพระองค์จะส่งพระราชมารดา พระราชเทวี และพระราชโอรส ของพระเจ้าจุลนีกลับโดยเร็ว” พระเจ้าวิเทหราชจึงได้จัดการส่งพระราชวงศ์ ทั้ง ๓ พระองค์กลับพระนคร มโหสถทำ�สักการะเหล่าเสนาที่พระเจ้าจุลนี พระราชทานมากับตน แลว้ ส่งกลับปญั จาลนครหมดทุกคน พระนางนนั ทาเทวสี วมกอดพระธดิ า จมุ พติ ทีพ่ ระเศียร ตรสั ว่า “แม่ ลาเจ้าละ” ทรงกรรแสงไห้ครำ่�ครวญด้วยความอาลัยรักพระธิดา พระธิดา ปญั จาลจนั ทกี ราบพระมารดา ทรงโศกาดรู กราบทลู วา่ “พระมารดา อยา่ ทงิ้ ลกู ไว้คนเดียว” แล้วกรรแสงป่ิมจะขาดใจ กษัตริย์ทั้ง ๓ พระองค์ออกจาก มถิ ิลานครด้วยบริวารมาก ถึงปญั จาลนครโดยสวสั ดิภาพ พระเจ้าจุลนีตรัสถามพระราชมารดาว่า “พระเจ้าวิเทหราชปฏิบัติ ต่อพระองคอ์ ย่างไร” พระนางเจ้าสลากราชชนนตี รสั ว่า “พระเจ้าวิเทหราช ตง้ั แมไ่ วใ้ นฐานะเปน็ เทวดา ไดท้ �ำ การสกั การบชู านนั ทาเทวอี ยใู่ นฐานะ พระราชมารดา สว่ นปัญจาละก็อยู่ในฐานะพระราชกนิษฐภาดา” พระเจ้าจลุ นที รงยินดยี ง่ิ นกั สง่ บรรณาการเป็นอนั มากไปถวายพระเจ้า วเิ ทหราช ต้งั แตน่ ้นั กษัตริยท์ ้ัง ๒ พระนครกม็ สี ัมพนั ธไมตรที ่ดี ตี อ่ กันสืบมา เกยี รตศิ ักด์มิ หาบัณฑติ พระราชธิดาปัญจาลจันทีเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าวิเทหราชเป็น อย่างยิ่ง ปีท่ีสองหลังการอภิเษกสมรส พระนางก็ได้ประสูติพระโอรส ครั้น พระราชโอรสนนั้ มพี รรษาได้ ๑๐ ปี พระเจา้ วเิ ทหราชผพู้ ระชนกกส็ วรรคต มโหสถ ไดถ้ วายราชสมบตั ิแดพ่ ระราชกมุ ารน้นั แลว้ ทูลลาไปอยรู่ าชส�ำ นกั พระเจา้ จลุ นี

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 342 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระราชายุวราชนั้นตรัสว่า “ท่านบัณฑิต ท่านอย่าท้ิงข้าพเจ้า ผู้ยงั เยาวไ์ ป ทา่ นเปรียบเหมือนบิดาท่ขี ้าพเจ้าเคารพบูชายิง่ ” แม้พระนางเจ้าปัญจาลจันทีผู้พระชนนี ก็ตรัสวิงวอนพระโพธิสัตว์ว่า “ท่ีนี่ ข้าพเจ้าไม่มีญาติ ท่านเป็นเหมือนญาติคนเดียวของข้าพเจ้า เมอื่ ทา่ นไปแลว้ ขา้ พเจา้ ก็ไร้ทพี่ ่งึ ทา่ นอยา่ ไปเลย” มโหสถกราบทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ถวายปฏิญาณไว้แด่พระเจ้า จลุ นี พระชนกของพระองค์ ข้าพระองคไ์ มไ่ ปไมไ่ ด”้ ส่วนประชาชนต่าง ก็ครำ่�ครวญอย่างน่าสงสาร มโหสถก็พาบริวารของตนออกจากพระนครไป ปญั จาลราชธานี พระเจ้าจุลนีทราบว่ามโหสถมาถงึ กเ็ สดจ็ ออกตอ้ นรบั ด้วยพระองค์เอง นำ�เข้าพระนครด้วยบริวารเป็นอันมาก พระราชทานเคหสถานใหญ่โตท่ีมโหสถ เคยอยู่ และโภคสมบัติอื่น ๆ ท่ีเคยพระราชทานแล้วคร้ังก่อน ต้ังแต่น้ันมา มโหสถก็รบั ราชการอยใู่ นราชส�ำ นักน้ัน ทรี่ าชสำ�นกั นัน้ มีปริพาชิกา๑๒ คนหนึง่ ชอื่ “เภร”ี เข้าไปฉนั ภตั ตาหาร ในพระราชนเิ วศนเ์ ปน็ ประจำ� นางเปน็ บัณฑติ ฉลาด ยงั ไม่เคยเห็นมโหสถมาก่อน เคยได้ยนิ เพยี งกติ ติศพั ท์ แมม้ โหสถเองก็ยังไม่เคยเห็นนางเช่นกัน ได้ยินเพียงวา่ มีปริพาชกิ าคนหนงึ่ ฉลาดหลกั แหลม ฉันภตั ตาหารในราชส�ำ นกั ฝา่ ยพระนางนนั ทาเทวนี น้ั ไมช่ อบพระทยั พระโพธสิ ตั วว์ า่ ไดท้ �ำ ใหบ้ คุ คล ผเู้ ปน็ ทร่ี กั ของพระองคล์ �ำ บาก พระนางจงึ รบั สง่ั ใหเ้ หลา่ สตรคี นสนทิ ราว ๕๐๐ คน คอยจบั ผิดมโหสถแลว้ ทูลยยุ งให้ขดั ใจกับพระราชา ๑๒ ปรพิ าชกิ า เปน็ นกั บวชลทั ธหิ นง่ึ มที ง้ั นกั บวชชายและนกั บวชหญงิ นกั บวชหญงิ เรยี ก “ปริพาชกิ า” ในสมัยพุทธกาล นางเภรกี ลับชาตมิ าเกดิ เป็นนางอบุ ลวรรณาภกิ ษณุ ี

ท ศ ช า ติ 343 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง อยมู่ าวนั หนง่ึ นางเภรปี รพิ าชกิ านน้ั ฉนั ภตั ตาหารเสรจ็ แลว้ ออกไปจาก พระราชนิเวศน์ ผ่านมาทางสนามหลวง เดนิ สวนทางกับพระโพธิสัตว์ซง่ึ กำ�ลังมา เขา้ เฝ้าพระราชา พระโพธสิ ตั วไ์ หวป้ รพิ าชกิ าแลว้ เลย่ี งไปยนื อยสู่ ถานทสี่ มควร ปรพิ าชกิ า คิดว่า ทราบมาว่ามโหสถน้ีเป็นบัณฑิต ควรจะทดลองดูว่าเป็นบัณฑิตจริงตาม ที่พูดกันหรือไม่ จึงยกมือขึ้นมองดูมโหสถแล้วแบมือออก ทำ�เป็นสัญลักษณ์ ถามปัญหาดว้ ยใจวา่ “พระเจ้าจุลนีน�ำ มโหสถมาจากประเทศอน่ื ทกุ วนั นี้ พระองคพ์ ระราชทานอะไรให้ท่านหรอื ไม่” มโหสถรู้ความหมายที่นางเภรีปริพาชิกาถาม จึงกำ�มือเข้าตอบปัญหา ด้วยใจเช่นกันว่า “ข้าพเจ้ามาตามปฏิญาณท่ีให้ไว้กับพระราชา แต่ พระราชายังเหมือนกับกำ�พระหัตถ์ไว้มั่น ยังไม่พระราชทานอะไร ๆ เพ่ิมเติมจากท่ีเคยพระราชทานแกข่ ้าพเจา้ ครั้งก่อน” นางเภรีรู้ความหมายท่ีมโหสถตอบ จึงยกมือข้ึนลูบศีรษะของตน ถามปญั หาดว้ ยใจวา่ “ถา้ ทา่ นล�ำ บาก เหตไุ รจงึ ไมบ่ วชเหมอื นอาตมาเลา่ ” มโหสถรู้ความหมายน้ันจึงลูบท้องของตน หมายความว่า “ข้าพเจ้า ยงั มบี ุตรและภรรยาที่ต้องเลีย้ งดู จงึ ยงั บวชไมไ่ ด้” นางเภรีถามปัญหาด้วยเคร่ืองหมายแห่งมือเช่นนี้แล้ว ก็รู้ได้ว่า มโหสถเป็นบัณฑิต จึงไปสู่อาวาสของตน ฝ่ายมโหสถไหว้นางปริพาชิกาแล้ว ไปเข้าเฝา้ พระเจา้ จุลนี พวกสตรีท่ีพระนางนันทาเทวีสั่งไว้ยืนอยู่ท่ีหน้าต่าง เห็นกิริยาน้ันจึง ไปเฝ้าพระเจ้าจุลนี ทูลยุยงว่า “มโหสถกับนางเภรีปริพาชิกาอยู่ในท่ีลับ สองต่อสอง ได้ปรึกษากนั รว่ มมอื ชงิ ราชสมบตั ”ิ

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 344 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระราชาตรสั ถามวา่ “พวกเจา้ ไดเ้ หน็ หรอื ไดย้ นิ อะไร” สตรเี หลา่ นน้ั ทลู ว่า “ขา้ แตม่ หาราชเจ้า เม่อื วานปรพิ าชกิ าฉนั ภตั ตาหารแล้ว ลงจาก ปราสาท เหน็ มโหสถทสี่ นามหลวง แบมอื แลว้ เหยยี ดออก หมายใหร้ วู้ า่ ท่านสามารถยึดราชสมบัติใหม้ าอยูใ่ นเง้อื มมือของตนได้หรือไม่ ฝา่ ยมโหสถเมอื่ แสดงอาการจบั ดาบ ไดก้ �ำ มอื เขา้ หมายใหร้ วู้ า่ อกี ไมก่ ว่ี นั เราจะตดั ศรี ษะพระราชาแลว้ ชงิ เอาราชสมบตั ไิ วใ้ นเงอ้ื มมอื ปริพาชิกายกมอื ขึ้นลบู ศีรษะ หมายให้รู้ว่า ท่านจะตัดศรี ษะพระราชา เท่านั้นหรือ มโหสถลูบท้อง หมายให้รู้ว่า เราจะตัดกลางตัวเสียด้วย ขา้ แตม่ หาราช ขอพระองคอ์ ยา่ ไดป้ ระมาท ควรทพี่ ระองคจ์ ะฆา่ มโหสถ ตดั ไฟแตต่ น้ ลมเสยี กอ่ น” พระเจา้ จลุ นที รงด�ำ รวิ า่ มโหสถไมน่ า่ จะคดิ ท�ำ รา้ ยเรา เราถามปรพิ าชิกาก็จะรู้ความ อกี วนั หนงึ่ เม่อื ปรพิ าชิกามาฉันที่พระราชนเิ วศน์ พระองค์ตรัสถามว่า “พระคณุ เจา้ เคยพบกบั มโหสถบา้ งหรอื ยงั ” นางปรพิ าชกิ าถวายพระพรวา่ “มหาบพิตร อาตมาได้พบเมื่อวานน้ี หลังจากฉันภัตตาหารแล้ว ออกจากท่ีน้ีจึงได้พบ” พระราชาตรัสถามว่า “ได้สนทนาอะไรกันบ้าง” นางถวายพระพรว่า “มหาบพิตร หาได้พูดอะไรกันไม่ เป็นแต่อาตมา ทราบมาว่า มโหสถเป็นบัณฑิต ต้องการทดลองภูมิปัญญาเธอดู จึง ถามปัญหาด้วยภาษามือ คิดว่าถ้าเธอเป็นบัณฑิตจริง ก็จะรู้ปัญหาน้ี จึงได้แบมือออกให้รู้ว่า พระราชาของท่านเป็นผู้มีพระหัตถ์แบหรือ มีพระหัตถ์กำ� คือได้ทรงสงเคราะห์อะไรท่านบ้าง มโหสถได้กำ�มือ ใหร้ ้วู า่ พระราชารับปฏิญญาของข้าพเจ้าไว้ แล้วตรสั เรยี กมา เดย๋ี วน้ี ยังไม่ได้พระราชทานอะไรนอกเหนือจากท่ีเคยพระราชทาน อาตมา จงึ ลบู ศรี ษะใหร้ วู้ า่ ถา้ ทา่ นล�ำ บาก ท�ำ ไมไมบ่ วชอยา่ งอาตมา ฝา่ ยมโหสถ ลูบท้องของตนให้รู้ว่า ข้าพเจ้ายังต้องเลี้ยงดูบุตรและภรรยา เหตุนี้ จงึ ยังบวชไม่ได้”

ท ศ ช า ติ 345 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระราชาจึงตรัสถามนางว่า “มโหสถเป็นบัณฑิตหรือ” นางเภรี ถวายพระพรว่า “มหาบพิตร บนพ้ืนแผ่นดินน้ีไม่มีใครเป็นบัณฑิตเช่น มโหสถ” เมอ่ื นางเภรีปรพิ าชิกากลบั ไปแลว้ มโหสถไดเ้ ข้าเฝา้ เหมือนกบั ทกุ วนั พระราชาตรสั ถามมโหสถวา่ “บณั ฑติ ทา่ นไดพ้ บนางเภรปี รพิ าชกิ า บ้างหรือยัง” มโหสถกราบทูลว่า ได้พบแล้วเมื่อวาน ได้กราบทูลตามท่ี นางเภรีกราบทลู ไปแล้ว พระราชาทรงเล่อื มใส ไดพ้ ระราชทานต�ำ แหนง่ เสนาบดี แกม่ โหสถในวนั นนั้ ใหม้ โหสถบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ทงั้ หมด ตงั้ แตน่ น้ั มา มโหสถ ก็มีเกยี รติยศใหญ่ในปัญจาลนคร มโหสถคิดว่าพระราชาพระราชทานอิสริยยศยิ่งใหญ่ในคราวเดียว แต่พระราชาทั้งหลาย เมื่อจะประหารชีวิตก็ทรงสั่งการในคราวเดียวเช่นกัน ทำ�อยา่ งไรเราจะรู้ว่า พระราชาคิดอย่างไรกับเรา นางเภรีปริพาชกิ า ผ้มู ีปญั ญา เพียงคนเดียวเท่านั้นจะรู้ได้ จึงถือดอกไม้ธูปเทียนไปพบปริพาชิกาท่ีอาวาส บูชานาง แล้วกลา่ วว่า “พระคุณเจ้า ตงั้ แต่วันทที่ า่ นกลา่ วคุณของขา้ พเจ้า แด่พระราชา พระองค์พระราชทานยศย่ิงใหญ่แก่ข้าพเจ้าราวกับว่า จะทับถม แต่ข้าพเจ้าหาทราบไม่ว่า พระองค์พระราชทานยศน้ัน ตามปกติหรือมีข้อพิเศษอย่างไร ท่านเท่านั้นท่ีจะรู้ว่า พระราชา โปรดปรานข้าพเจา้ แน่หรือ” นางเภรีปริพาชิการู้ความมุ่งหมายของมโหสถ วันหน่ึง เมื่อไป พระราชนเิ วศน์ นางคดิ วา่ เราเปน็ เหมอื นคนสอดแนม ทลู ถามพระราชาโดยอบุ าย ก็สามารถรู้ได้วา่ พระองค์คดิ อยา่ งไรกบั มโหสถ พระราชาทรงนมัสการนางเภรี แล้วประทับนั่งอยู่ นางเภรีเกิดความ กงั วลวา่ ถา้ พระราชาคิดรา้ ยมโหสถ เราทูลถามปัญหาก็จะตรสั ความที่พระองค์ มีพระหทยั โหดรา้ ย มหาชนกจ็ ะรู้ ซ่ึงเปน็ สง่ิ ไมส่ มควร เราควรทูลถามพระองค์

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 346 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ท่ีไหนสักแห่ง จึงทูลว่า “อาตมาต้องการให้เป็นความลับ” พระราชาจึงให้ ข้าราชบริพารออกไป นางเภรีทูลขอวโรกาสถามปัญหา พระราชาตรัสอนุญาต ถ้าพระองค์รู้กจ็ ะตอบ นางเภรีทูลถามปัญหาว่า “ถ้าผีเส้ือนำ้�ต้องการมนุษย์เป็นเคร่ือง สังเวย จับเรือซึ่งแล่นอยู่กลางทะเล เรือน้ันมีพระนางสลากเทวี พระราชชนนี พระนางนันทาเทวี พระมเหสี พระติขิณมนตรีกุมาร พระอนุชา ธนุเสขกุมาร พระสหาย เกวัฏฏพราหมณ์ ราชปุโรหิต ผเู้ ปน็ อาจารย์ และมโหสถบณั ฑติ รวมเปน็ ๗ คน ทง้ั พระองค์ พระองค์ จะประทานใครให้ผเี สอ้ื น้�ำ ตามลำ�ดบั ” พระเจ้าจุลนีตรัสตามพระราชอัธยาศัยว่า “พระองค์จะให้ พระมารดาก่อน ให้พระมเหสี ใหพ้ ระกนิษฐภาดา ใหส้ หาย และให้ พราหมณป์ โุ รหติ เปน็ คนที่ ๕ สว่ นพระองคเ์ องเปน็ คนที่ ๖ แตจ่ ะไมย่ อม ให้มโหสถแน่นอน โยมจะบอกว่า “พ่อผีเสื้อนำ้� จงอ้าปากเค้ียวกิน ข้าพเจ้า” แลว้ โดดเข้าปากมัน โดยไม่คำ�นงึ ถงึ สริ ริ าชสมบตั ิ เมอ่ื โยม ยังมีชีวติ อยู่ จะไมย่ อมให้มโหสถบัณฑติ อยา่ งเดด็ ขาด” ปริพาชิการู้แน่ชัดว่า พระราชาทรงมีพระหทัยดีต่อพระโพธิสัตว์ นางคิดอีกว่า คุณของมโหสถไม่ควรจะปรากฏเพียงคำ�พูดแค่น้ี เราควรจะกล่าว คุณของเขาท่ามกลางข้าราชบริพารท้ังหมด คุณของมโหสถบัณฑิต ก็จะปรากฏ ดุจดวงจนั ทรใ์ นคนื วนั เพ็ญลอยเดน่ ในท้องฟา้ จึงให้เรียกข้าราชบริพารทั้งหมดเข้ามาร่วมฟัง แล้วทูลถามปัญหา ดังกล่าวอีกคร้ังว่า “พระองค์รับส่ังว่าจะประทานพระชนนีให้ผีเส้ือน้ำ� เป็นอันดับแรก ตามปกติ มารดามีบุญคุณมาก พระราชมารดาของ พระองค์ ไมไ่ ด้เปน็ เช่นกับมารดาของชนเหล่าอืน่ เมื่อยังทรงพระเยาว์ พราหมณ์ชื่อฉัพภิ ประทุษร้ายพระองค์ พระราชมารดาเป็นผู้ฉลาด

ท ศ ช า ติ 347 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ทำ�รูปเหมือนช่วยให้พระองค์รอดชีวิต พระองค์จะประทานพระชนนี ผปู้ ระทานชวี ติ แกพ่ ระองค์ ผอู้ มุ้ พระครรภเ์ ลยี้ งดพู ระองค์ ใหท้ รงเจรญิ ระหวา่ งพระทรวงดว้ ยโทษอะไร” ยุวกษัตรยิ ์พลัดแผน่ ดิน เม่ือพระเจ้าจุลนียังทรงพระเยาว์ พระนางสลากเทวีเป็นพระมเหสี ของ “พระเจา้ มหาจลุ นี” เปน็ ชูก้ บั พราหมณ์ ช่อื วา่ “ฉพั ภ”ิ ร่วมกันวางแผน ปลงพระชนมพ์ ระเจ้ามหาจลุ นี แลว้ ยกราชสมบตั ใิ หพ้ ราหมณ์ พระนางเปน็ มเหสี ของพราหมณ์นนั้ วนั หนง่ึ พระจลุ นรี าชกมุ ารทลู พระมารดาวา่ หวิ พระนางจงึ ใหข้ องเคย้ี ว และน้ำ�อ้อยแก่พระโอรส ฝูงแมลงวันได้กล่ินนำ้�อ้อยจึงรุมตอมพระกุมาร พระองค์คิดว่าจะกินขนมน้ีโดยไม่มีแมลงวันตอม จึงเลี่ยงไปนิดหนึ่ง แล้วทิ้ง น้ำ�อ้อยลงที่พื้นหยดหนึ่ง เพื่อให้แมลงวันหนีจากตน ไปตอมน้ำ�อ้อยท่ีพื้น พระราชกมุ ารเสวยของควรเคย้ี วโดยไม่มแี มลงวนั ดว้ ยปญั ญาเช่นน้ี พราหมณ์เห็นกิริยาพระกุมารจึงคิดว่า พระกุมารน้ีฉลาดเกินไป เมื่อ เจริญวยั แล้ว จะไมใ่ ห้ราชสมบตั ิแก่เรา ควรจะฆา่ พระราชกุมารนเี้ สียต้ังแต่บัดน้ี พราหมณ์จึงบอกให้พระนางสลากเทวีทราบ เพราะความท่ีพระนางเป็นผู้ฉลาด จงึ รบั ว่า “ดี เราฆา่ พระสวามีเพราะรักทา่ น แล้วยังจะตอ้ งการลูกคนนี้ อีกทำ�ไม แต่ต้องทำ�เป็นความลับ โดยมิให้ประชาชนรู้ว่าพระกุมาร ถกู ฆาตกรรม” แลว้ จงึ ลวงพราหมณ์น้นั วา่ มีแผนท่ีจะจัดการอยา่ งแยบยล พระนางสลากเทวีเป็นผู้มีปรีชาสามารถในการวางแผน จึงเรียก พ่อครัวผู้ฉลาดมีไหวพริบคนหนึ่งมา รับสั่งว่า “ฉัพภิพราหมณ์ต้องการฆ่า พระโอรส เจ้าจงช่วยชีวิตพระโอรส ต่อไปน้ี ขอให้พระโอรสอยู่ใน เรือนของเจ้าทุกวัน ตัวเจ้า พระโอรส และบุตรของเจ้า จงนอนใน

พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 348 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ห้องเคร่ืองเพื่อมิให้ใครสงสัย พอผ่านไปจนรู้ว่าไม่มีใครสงสัยแล้ว จงวางกระดกู แพะไวท้ นี่ อนของเจา้ ทง้ั ๓ คน ท�ำ ใหเ้ ปน็ เหมอื นกระดกู คน ขณะที่ผู้คนหลับในเวลากลางคืน จงจุดไฟเผาห้องเคร่ือง เหมือนเกิด ไฟไหม้ อยา่ ใหใ้ ครรู้ แลว้ พาพระโอรสและบตุ รของเจา้ หลบหนอี อกจาก ประตูลับไปนอกแคว้น อย่าให้ใครรู้ว่าบุตรของข้าเป็นพระราชโอรส จงรักษาชวี ติ พระโอรสไว”้ พระนางประทานทรัพย์ให้พ่อครัว พ่อครัวรับพระราชเสาวนีย์แล้ว ทำ�ตามนั้น พาบุตรของตนและพระราชกุมารไปสากลนครในมัททรัฐ แล้ว รับราชการเป็นพ่อครัวในราชสำ�นักพระเจ้ามัททราช เพราะความมีฝีมือดีและ ตั้งใจทำ�งาน พระเจ้ามัททราชจึงถอดพ่อครัวคนเก่าออก ประทานตำ�แหน่งให้ พ่อครวั คนใหม่ แม้กุมารทงั้ ๒ คน ได้ไปพระราชวังกบั พ่อครวั เป็นประจำ� พระราชา ตรสั ถามว่า “เด็กทง้ั ๒ คนนี้ เปน็ บุตรใคร” พอ่ ครัวกราบทลู ว่า เปน็ บุตร ของตน พระเจ้ากรุงสากลนครตรัสว่า “หน้าตาไม่เหมือนกันไม่ใช่หรือ” พ่อครัวเพ็ดทูลว่า “ขอเดชะ เป็นลูกคนละแม่ พระเจ้าข้า” คร้ันเมื่อ วันเวลาผ่านไป จุลนีราชกุมารและธนุเสขกุมารติดตามพ่อครัวเข้าวังอยู่บ่อย ๆ ไดเ้ ลน่ กับพระธิดาในพระราชวังจนเกดิ ความคุ้นเคยกัน จุลนีราชกุมารกับนันทาราชธิดาพระเจ้ามัททราช เกิดมีจิตปฏิพัทธ์กัน เพราะเห็นกันทุกวัน วันหนึ่ง จุลนีราชกุมารให้พระธิดานำ�ลูกข่างและเชือกบ่วง มาเล่น แต่พระธิดาไม่นำ�มา จุลนีกมุ ารจึงตจี นพระธิดากรรแสง พระราชาทรงสดับเสียงพระธิดาจึงตรัสถามว่า “ใครตีลูกเรา” พระธิดาคิดว่าถ้าบอกว่ากุมารน้ีตี พระบิดาต้องลงราชทัณฑ์ จึงไม่ตรัสบอก ดว้ ยความรกั พระราชกมุ ารน้ัน พระธิดากราบทูลว่า “ไม่มีใครตี”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook