ท ศ ช า ติ 349 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระเจ้ามัททราชทอดพระเนตรเห็นจุลนีราชกุมารตีพระธิดาด้วย พระองค์เอง แต่พระธิดากลับปกป้อง ทรงดำ�ริว่ากุมารน้ีไม่เหมือนพ่อครัว มรี ูปรา่ งสะอาด งดงาม สงา่ ผ่าเผย ไมก่ ลัวจนเกนิ เหตุ กุมารนนี้ ่าจะไมใ่ ชบ่ ตุ ร พอ่ ครัว ต้ังแต่นั้นมา พระองค์ทรงสังเกตกุมารน้ัน เม่ือนางนมน�ำ ของเสวยมา ถวายพระธิดาในที่เล่น พระธิดากป็ ระทานให้เด็กคนอ่นื ๆ เด็กเหล่านั้น คกุ เข่า น้อมตัวลงรับ ฝ่ายจุลนีราชกุมารยืนรับจากพระหัตถ์พระธิดา กิริยาน้ันไม่ได้ รอดพน้ ไปจากสายตาของพระเจ้ามัททราช วันหน่ึง ลูกข่างของจุลนีราชกุมารเข้าไปภายใต้ที่บรรทมพักผ่อนของ พระราชา จุลนรี าชกมุ ารคดิ ว่าเราไม่ควรเขา้ ไปใต้ท่บี รรทม จงึ เอาไมเ้ ขี่ยลูกข่าง หยบิ ออกมา พระราชาทอดพระเนตรเห็นกิริยาน้ัน เข้าพระทัยว่ากุมารนี้ รู้ว่าอะไร ควรไมค่ วร จะตอ้ งไม่ใช่บุตรพ่อครัวแน่ จึงให้เรยี กพ่อครวั มา ตรสั ถามวา่ “เด็ก ท้ัง ๒ คนน้ี เป็นบตุ รใคร” พอ่ ครัวทูลว่าเปน็ บตุ รของตนทั้ง ๒ คน พระราชา ตรัสข่มขู่ว่า “อย่าโกหก ข้ารู้ว่าเป็นบุตรของเจ้าหรือไม่ใช่ ถ้าไม่บอก ความจริง จะฆ่าเจ้าเสีย” จึงเง้ือพระแสงขรรค์ พ่อครัวกลัวพระราชอาญา จงึ ทลู ว่า “ขา้ พระองคต์ อ้ งการให้เปน็ ความลบั ” พระราชาประทานโอกาส จึงกราบทูลตามความเป็นจริง พระราชา ทรงทราบความจริงแล้ว คร้ันอยู่ต่อมา ถึงเวลาที่สมควรจึงแต่งพระธิดาของ พระองค์ประทานใหแ้ ก่จุลนีราชกุมาร ส่วนท่ีกรุงปัญจาลนคร ในวันท่ีพ่อครัวพาจุลนีราชกุมารและบุตรของ ตนหนีไป ดว้ ยการวางแผนเหมือนเกิดเพลงิ ไหมห้ อ้ งเครอ่ื ง เกิดความโกลาหลว่า “พอ่ ครวั จลุ นรี าชกมุ าร และบตุ รพอ่ ครวั ถกู ไฟคลอกตายไปพรอ้ มกนั ในห้องเครอ่ื ง” พระนางสลากเทวีทรงทราบเหตุนน้ั จงึ แจง้ ใหพ้ ราหมณท์ ราบ
พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 350 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระนางสลากเทวใี หน้ �ำ กระดกู แพะมาแสดงแกพ่ ราหมณว์ า่ “นคี่ อื อฐั ิ จุลนกี ุมาร” แล้วใหท้ งิ้ เสยี ที่นางเภรีปริพาชิกากล่าวว่า พระราชมารดาทรงทำ�รูปเหมือน ช่วย พระองคร์ อดพ้นจากการปลงพระชนม์ หมายถงึ เหตุการณ์ในครัง้ น้ี พระเจ้าจุลนี ตรัสว่า “พระชนนีของโยมมีบุญคุณมากก็จริง และโยมก็รู้ว่าพระชนนีมีบุญคุณแก่โยมมาก แต่คุณของโยมนี่แหละ มีมากกว่านั้น พระมารดาทรงชราแล้วก็ยังทำ�เป็นสาว ทรงเคร่ือง ประดบั ซงึ่ ไมค่ วรประดบั ตรสั กระซกิ กระซ้ี สรวลเสเฮฮากบั พวกทหาร เวรยามรักษาประตู และทรงฝึกหัดม้ากับพวกทหารหนุ่มจนเกินเวลา เป็นที่นินทาของชาวพระนคร ย่ิงกว่านั้น พระมารดายังแทรกแซง ราชการแผ่นดิน ส่งทูตถึงพวกเจ้าผู้ครองนครเสียเองโดยไม่เห็นแก่ หน้าโยมซ่ึงเปน็ พระราชา จึงใหพ้ ระชนนแี กผ่ เี ส้ือน้�ำ ด้วยโทษนนั้ ” นางเภรีได้ถวายพระพรต่อไปว่า “พระองค์จะประทาน พระราชมารดาด้วยโทษนี้ก็สมควร แต่พระมเหสีของพระองค์ เปน็ ผมู้ พี ระคณุ พระนางนนั ทาเทวเี ปน็ พระมเหสผี ปู้ ระเสรฐิ กวา่ นารใี ด มีพระเสาวนีย์เปน็ ทรี่ ักเหลือเกนิ ไม่ขัดพระทัยพระองค์ เป็นผูม้ ีความ ประพฤติเรียบร้อย ตามเสด็จพระองค์ประดุจเงา ไม่ทรงพิโรธง่าย เปน็ ผมู้ บี ญุ เปน็ บณั ฑติ เหน็ ประโยชน์ พระองคจ์ ะประทานพระราชเทวี แกผ่ ีเสอ้ื น้�ำ ดว้ ยโทษอะไร” พระเจา้ จลุ นตี รสั วา่ “พระนางนนั ทาเทวชี อบขอทรพั ยท์ ไี่ มค่ วรขอ จากโยม แม้บางคร้ัง ของสิ่งนั้น โยมจะให้พระโอรสและพระธิดา ไปแล้วกต็ าม นางก็ยังอยากได้ เม่ือใหส้ ิง่ ที่ไมอ่ ยากให้แล้ว โยมก็มา ทุกข์ใจภายหลัง โยมจงึ ใหพ้ ระเทวีแก่ผเี สื้อน�ำ้ ดว้ ยโทษนัน้ ”
ท ศ ช า ติ 351 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง นางเภรีถวายพระพรว่า “แล้วพระกนิษฐภาดา พระนามว่า ตขิ ณิ ราชกุมาร ทรงท�ำ ให้บ้านเมืองเจริญ เชญิ เสดจ็ พระองคผ์ ปู้ ระทบั อยู่ ณ สากลนคร ให้กลับสู่ราชธานี ทรงช่วยปราบปรามพระราชา ท้ังหลาย นำ�ทรัพย์เป็นอันมากมาจากราชธานีอื่น ทรงกล้าหาญกว่า คนทก่ี ลา้ หาญทงั้ หลาย ทรงมคี วามคดิ หลกั แหลม พระองคจ์ ะประทาน พระกนษิ ฐภาดาแกผ่ ีเสื้อน้ำ�ดว้ ยโทษอะไร” ติขิณราชกุมาร๑๓ นั้น ประสูติในกาลเม่ือพระราชมารดาอยู่ร่วมกับ พราหมณ์ เมื่อพระราชกุมารทรงเจริญแล้ว พราหมณ์ได้ให้พระแสงขรรค์ และส่ังให้พระกุมารถือพระแสงขรรค์เข้าเฝ้าได้ พระราชกุมารน้ันก็เข้าใจว่า พราหมณเ์ ปน็ พระชนกของตน อำ�มาตย์คนหนึ่งได้กราบทูลให้พระราชกุมารทราบว่า พระองค์มิใช่ พระโอรสพราหมณ์น้ี เมื่อพระองค์ยังอยู่ในพระครรภ์พระนางสลากเทวีผู้เป็น พระราชมารดา ให้ปลงพระชนมพ์ ระราชบดิ า แลว้ มอบราชสมบตั ใิ ห้พราหมณน์ ้ี พระองคเ์ ปน็ พระราชโอรสพระเจา้ มหาจลุ นี พระราชกุมารได้สดับดังน้ันก็กร้ิว ดำ�ริว่า “เราจะฆ่าพราหมณ์” แลว้ เขา้ ไปราชส�ำ นกั ประทานพระแสงขรรคใ์ หม้ หาดเลก็ ใกลช้ ดิ คนหนง่ึ แลว้ แอบ ตรัสกับมหาดเล็กอีกคนหน่ึงว่า “เจ้าจงยืนอยู่ใกล้ประตูพระราชนิเวศน์ กลา่ วกบั มหาดเลก็ ทถี่ อื พระขรรคน์ น้ั วา่ เปน็ พระแสงขรรคข์ องเจา้ แลว้ วิวาทกับมหาดเล็กคนนั้น” จากนั้น พระองค์จึงเสด็จเข้าไปพบพราหมณ์ ในห้อง ขณะนัน้ มหาดเล็กทั้งสองเกิดทะเลาะกันขน้ึ พระราชกุมารส่งทหารคนหน่ึงไปดูว่ามหาดเล็กสองคนนั้นทะเลาะ อะไรกนั ทหารมาทลู วา่ พวกเขาแย่งพระขรรค์กัน ๑๓ ในสมัยพทุ ธกาล ติขิณกุมาร กลบั ชาติมาเกิดเป็นพระฉนั นะ
พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 352 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พราหมณถ์ ามพระราชกมุ ารวา่ เรอ่ื งเปน็ อยา่ งไร พระราชกมุ ารกลา่ ววา่ “พระขรรค์ที่พระองค์ประทานแก่หม่อมฉัน ตกเป็นของคนอื่นแล้ว” พราหมณ์กล่าวว่า “พูดอะไร ถ้าอยา่ งน้ันจงใหเ้ ขาน�ำ มา ฉันจำ�พระขรรค์ น้ันได้” พระราชกุมารให้นำ�พระขรรค์น้ันมา แล้วชักออกจากฝัก ทำ�เป็นจำ�ได้ พลางพูดว่า “เชิญทอดพระเนตรเถิด น่ีพระขรรค์ท่ีพระองค์ประทาน แก่หม่อมฉัน” ทำ�ทีเป็นเอาเข้าไปให้พราหมณ์ดู แล้วตวัดพระขรรค์ตัดศีรษะ พราหมณฉ์ บั เดยี ว ขาดตกลงแทบพระบาทของตน จากน้ันจึงนำ�ศพพราหมณ์ไปท้ิงนอกพระนคร จัดแต่งพระราชนิเวศน์ เพื่อเตรียมอภเิ ษกตนเองขึ้นเป็นพระมหากษัตรยิ ์ พระชนนีแย้งว่า “ราชสมบัติเป็นของพระเชษฐาจุลนี ซึ่งยังอยู่ ในมทั ทรัฐ” พระราชกุมารทรงสดบั ดังนัน้ จึงแวดล้อมดว้ ยเสนางคนกิ ร เสดจ็ มทั ทรัฐนำ�พระเชษฐาธริ าชมาครองราชสมบตั ิ ต้ังแต่นั้นมา ชนทั้งหลายก็รจู้ กั พระองค์วา่ “ตขิ ิณมนตร”ี ปรพิ าชกิ า ทูลถามว่า “พระองค์จะประทานพระกนิษฐภาดา ผู้ฉลาดหลักแหลม เชน่ นีแ้ กผ่ ีเสอื้ น้�ำ ดว้ ยโทษอะไร” พระราชาจึงตรัสโทษของติขิณราชกุมารนั้นว่า “ติขิณราชกุมาร ทำ�ให้บ้านเมืองเจริญ เชิญโยมผู้อยู่ ณ สากลนคร ให้กลับมาครอง ราชสมบตั ิ ชว่ ยโยมปราบปรามพระราชาทง้ั หลาย น�ำ ทรพั ยเ์ ปน็ อนั มาก มาจากราชธานอี ื่น เป็นผูป้ ระเสริฐกว่านายขมังธนทู ้ังหลาย กลา้ หาญ มีความคิดหลกั แหลม แต่ในคราวท่ีมาเฝ้า เธอชอบคุยโออ้ วดเสมอว่า พระราชาองค์นี้มีความสุขได้เพราะตน เธอมองเหมือนโยมเป็นเด็ก เวลามาเข้าเฝ้า ก็ไม่มาเหมือนแต่ก่อน โยมจึงให้พระกนิษฐภาดาแก่ ผีเสอ้ื น�้ำ ด้วยโทษนั้น”
ท ศ ช า ติ 353 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ปรพิ าชกิ าถวายพระพรวา่ “โทษของพระกนษิ ฐภาดาจงยกไวก้ อ่ น แตธ่ นเุ สขกมุ ารรกั พระองค์ เปน็ ผมู้ อี ปุ การะมาก พระองคแ์ ละธนเุ สขะ เกิดในราตรีเดียวกัน เป็นชาวปัญจาละ เกิดในพระนครน้ี เป็นสหาย มีวัยเท่ากัน มีจริยางาม ติดตามพระองค์ไปทุกหนทุกแห่ง ร่วมสุข รว่ มทกุ ขก์ บั พระองค์ ขยนั ขนั แขง็ ชว่ ยกจิ ทกุ อยา่ ง ไมว่ า่ จะเปน็ กลางวนั และกลางคืน จงรักภักดีต่อพระองค์ จะให้พระสหายแก่ผีเส้ือน้ำ� ด้วยโทษอะไร” พระเจา้ จลุ นตี รสั วา่ “ธนเุ สขะนปี้ ระพฤตกิ ระซกิ กระซี้ ตเี สมอโยม ต่อหน้าธารกำ�นัล ไม่เว้นแม้ขณะที่โยมออกว่าราชการ แม้วันนี้ กห็ วั เราะดงั เกนิ ขอบเขตแบบนนั้ โยมอยใู่ นทรี่ โหฐานกบั พระเทวขี องโยม ตามลำ�พัง ไม่ได้เรียกหาก็เข้าไปโดยไม่แจ้งให้ทราบก่อน เขาได้รับ โอกาสจากโยมให้เข้านอกออกในได้ทุกท่ีทุกเวลา แต่กลับไม่มีความ ยำ�เกรง ไม่รู้กาลเทศะ ไม่มีความเอ้ือเฟ้ือ โยมให้แก่ผีเสื้อนำ้�ด้วย โทษนนั้ ” ปรพิ าชกิ าถวายพระพรวา่ “โทษของพระสหายธนเุ สขะนยี้ กไวก้ อ่ น แตเ่ กวฏั ฏปโุ รหติ เปน็ ผมู้ อี ปุ การะแกพ่ ระองคม์ าก ฉลาดในนมิ ติ ทงั้ ปวง รเู้ สียงร้องของสตั วท์ ้งั หลาย เช่ียวชาญในคัมภีรพ์ ระเวท รอบรใู้ นเร่ือง อุบาทว์ เร่ืองสุบิน ชำ�นาญในการหาฤกษ์ยกทัพและการเข้ารบ เป็น ผบู้ อกฤกษล์ า่ ง ฤกษบ์ น ฉลาดในการเคลอ่ื นยา้ ยต�ำ แหนง่ ของดาวฤกษ์ พระองค์ให้พราหมณ์ปโุ รหติ แก่ผเี ส้ือนำ�้ ดว้ ยโทษอะไร” พระราชาตรัสว่า “แม้ในที่ประชุม เกวัฏฏปุโรหิต๑๔ ก็เลิกคิ้ว ถลึงตามองดูโยมอย่างไร้มารยาท โยมจึงให้ปุโรหิตผู้เลิกค้ิวถลึงตานี้ แก่ผีเสอ้ื น้�ำ เสยี ” ๑๔ ในสมัยพทุ ธกาล เกวัฏฏปโุ รหติ กลบั ชาตมิ าเกิดเปน็ พระเทวทตั
พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต 354 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ปรพิ าชกิ าถวายพระพรวา่ “พระองคจ์ ะใหช้ นทง้ั ๕ คน แกผ่ เี สอ้ื น�ำ้ และตรัสว่าจะประทานชีวิตของพระองค์แทนมโหสถ โดยไม่คำ�นึงถึง สริ ริ าชสมบตั เิ ชน่ นี้ พระองคท์ รงปกครองแผน่ ดินอันกว้างใหญไ่ พศาล มีมหาสมุทรเป็นขอบเขตทุกด้าน พสุธาที่เป็นพระราชอาณาเขต เป็น ประหน่ึงกุณฑลที่อยู่ในสาคร ทรงมีอำ�มาตย์แวดล้อม เป็นท่ีเฉลิม พระราชอสิ รยิ ยศ ทรงมบี า้ นเมอื งแวน่ แควน้ ใหญจ่ รด ๔ คาบมหาสมทุ ร ทรงพชิ ติ ชมพทู วปี ไดแ้ ลว้ ทงั้ รพ้ี ลของพระองคเ์ ลา่ กม็ ากถงึ ๑๘ กองทพั พระองค์ทรงเป็นหนึ่งในปฐพี พระราชอิสริยยศของพระองค์ถึงความ ไพบลู ย์ เหลา่ นารขี องพระองคก์ ม็ มี าก ลว้ นส�ำ อาง แตง่ องคท์ รงเครอื่ ง ระยบั มาจากนครต่าง ๆ ทัว่ ชมพทู วปี ทรงพระสริ โิ ฉมยิ่งนัก พระองค์ เพียบพร้อมด้วยสิ่งท่ีจะทำ�ให้เกิดความสุขอย่างครบครัน หากมี พระราชประสงคส์ ง่ิ ใดกจ็ ะส�ำ เรจ็ สมปรารถนาทกุ ประการ นา่ ทพี่ ระองค์ จะมีพระชนม์ยาวนาน ชีวิตเป็นที่รักยิ่งของคนท่ีมีความสุข เมื่อเป็น เชน่ นี้ พระองคท์ รงปอ้ งกนั มโหสถไว้ ทรงสละพระชนมช์ พี ของพระองค์ ด้วยเหตใุ ด” พระเจ้าจุลนีทรงประกาศเกียรติคุณพระโพธิสัตว์ว่า “แม้มโหสถ บัณฑิตจะมาจากบ้านเมืองอ่ืน ก็มาด้วยมุ่งประโยชน์แก่โยม โยม ยังมองไม่เห็นความช่ัวของมโหสถผู้เป็นปราชญ์สักนิดเดียว ถึงแม้ว่า โยมจะต้องตายไปก่อนก็ตามเถิด แต่มโหสถก็จะทำ�ให้ลูกและหลาน ของโยมมีความสุข มโหสถรู้เห็นความเจริญทุกอย่างทั้งอนาคต และ ปจั จบุ ัน โยมจะไมย่ อมใหม้ โหสถซง่ึ ไมม่ ีความผดิ แก่ผีเสือ้ น้�ำ ” นางเภรีปริพาชิกาคิดว่าเกียรติคุณของมโหสถบัณฑิต ไม่ควรปรากฏ เพียงเท่าน้ี เราจะทำ�ให้เกียรติคุณของมโหสถบัณฑิตปรากฏท่ามกลาง อาณาประชาราษฎร์แห่งปัญจาลนคร จึงเชิญเสด็จพระเจ้าจุลนีลงจากปราสาท ใหป้ ลู าดอาสนะทส่ี นามหลวง ประกาศใหป้ ระชาชนชาวปญั จาลนครมาประชมุ กนั แล้วทูลถามพระเจา้ จลุ นีถึงปญั หาผเี ส้อื นำ�้ เชน่ เดิม
ท ศ ช า ติ 355 พ ร ะ ม โ ห ส ถ บั ณ ฑิ ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง แม้พระเจ้าจุลนีพรหมทัตก็ได้ทรงยืนยันเจตนารมณ์ของพระองค์ที่มี ตอ่ มโหสถบณั ฑติ แกอ่ าณาประชาราษฎรข์ องพระองคอ์ กี ครงั้ วา่ แมช้ วี ติ ของตน จะเปน็ สง่ิ ทส่ี ละไดย้ าก แตเ่ พอ่ื คอยตามปกปอ้ งบณั ฑติ ผทู้ รงภมู ปิ ญั ญา อันล้ำ�ลึกเช่นกับมโหสถแล้ว พระองค์สามารถสละพระชนม์ชีพของ พระองค์ ตลอดจนบุคคลทเี่ กี่ยวขอ้ งได้ กลบั ชาติมาเกดิ สมัยพุทธกาล พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนานแี้ ลว้ จงึ ประกาศอรยิ สจั ๔ ประชุมชาดกวา่ “ภกิ ษุท้งั หลาย มใิ ช่แตบ่ ดั นเี้ ท่านนั้ ทีต่ ถาคตใชป้ ญั ญา ยำ่�ยีวาทะผู้อ่ืน แม้ในอดีตกาล เมื่อญาณยังไม่แก่กล้า ตถาคตยัง บำ�เพ็ญจริยาเพ่ือบรรลุพระโพธิญาณ ก็ได้ใช้ปัญญายำ่�ยีวาทะผู้อ่ืน เหมอื นกนั เสนกบัณฑติ ในคร้ังนน้ั คือกัสสปภกิ ษใุ นชาตนิ ้ี กามนิ ทะคอื อมั พัฏฐภิกษุ ปกุ กสุ ะคือโปฏฐปาทภกิ ษุ ปญั จาลจนั ทกุมารคอื อนุรุทธ ภิกษุ เทวินทะคือโสณทัณฑกภิกษุ เกวัฏฏพราหมณ์คือเทวทัตภิกษุ พระนางสลากเทวีคือถูลนันทาภิกษุณี อนุเกวัฏฏพราหมณ์คือ โมคคัลลานภกิ ษุ พระนางปัญจาลจนั ทคี อื สนุ ทรภี กิ ษณุ ี นางนกสาลิกา คือพระนางมัลลิกาเทวี พระนางอุทุมพรเทวีคือโคตมีภิกษุณี พระเจ้า วิเทหราชคือกาฬุทายีภิกษุ นางเภรีปริพาชิกาคืออุบลวรรณา ภิกษุณี คหบดีผู้บิดาคือพระเจ้าสุทโธทนมหาราช คหปตานีผู้มารดา คือพระนางสิริมหามายา นางอมราคือพระนางพิมพาผู้เลอโฉม ติขิณกุมารคือฉันนภิกษุ ธนุเสขะคือราหุลภิกษุ นกสุวบัณฑิตคือ อานันทภิกษุ พระเจ้าจุลนีคือสารีบุตรภิกษุ มโหสถบัณฑิตคือเรา ผูเ้ ป็นพระโลกนาถ”
พระภูริทตั ศีล คือ อาภรณ์ประดบั กาย “ใครตอ้ งการหนงั เอน็ กระดกู หรือเลอื ดของเรา กจ็ งเอาไปเถิด”
358 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระพทุ ธเจา้ ตรสั เลา่ เรอ่ื งราวในอดตี ชาตขิ องพระองค์ เม่ือครั้งเกิดเป็นพญานาคช่ือ ภูริทัต ทรงมี พระปณธิ านทจี่ ะบ�ำ เพญ็ “ศลี บารม”ี ตงั้ ใจอยา่ งเดด็ เดย่ี วทจ่ี ะรกั ษาศลี ไมใ่ หข้ าด ไมใ่ ห้ถกู ทำ�ลาย แม้จะได้รับความทกุ ขท์ รมานอย่างไรก็ตาม กจ็ ะไมท่ ำ�รา้ ยผู้อื่น ใหไ้ ด้รับความลำ�บากเดอื ดร้อน ภูริทัตชาดก ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก มหานบิ าต และอรรถกถา ขทุ ทกนิกาย ชาดก มหานบิ าต ขณะตรสั เลา่ เร่อื งภูริทัต พระพุทธเจ้าประทบั อยู่ทีพ่ ระเชตวัน มหาวหิ าร ในวันอุโบสถวันหน่ึง พวกอุบาสกต่างก็รักษาศีลอุโบสถต้ังแต่เช้าตรู่ จากน้ันก็ถวายทาน ครั้นตะวันชายบ่ายคล้อยเย็นลง ต่างก็ถือดอกไม้ธูปเทียน ไปยังพระเชตวัน เพื่อฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์ ตามปกติ เม่ือพระบรมศาสดาเสด็จมายังธรรมสภา ประทับน่ังบน อาสนะที่จัดเตรียมไว้สำ�หรับพระองค์ หากวันไหนพระภิกษุสงฆ์สนทนากันด้วย เรอื่ งอะไร พระองคก์ ็จะยกเรือ่ งน้ันขึ้นมาแสดง ในวันน้ัน หมู่ภิกษุสงฆ์สนทนากันเก่ียวกับข้อประพฤติในอดีตของ พระพุทธเจ้า สืบเน่ืองมาจากการรักษาศีลอุโบสถของพวกอุบาสก พระพุทธเจ้า เสดจ็ มาตรสั วา่ การรกั ษาศลี อโุ บสถโดยมพี ระพทุ ธเจา้ เปน็ อาจารยค์ อยใหโ้ อวาท แม้จะเป็นการกระทำ�ท่ีทำ�ได้ยากก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่น่าอัศจรรย์เหมือนบัณฑิตใน อดีตกาล ทั้งที่เป็นผู้มียศอันยิ่งใหญ่ แม้ไม่มีอาจารย์สอนก็สละยศเช่นน้ัน ไปรักษาศีลอุโบสถได้ แล้วพระองค์ก็ตรัสเล่าเร่ืองราวในอดีตชาติของพระองค์ เมือ่ ครง้ั เกดิ เปน็ พญานาคภรู ิทัต
ท ศ ช า ติ 359 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ศกึ นาคราช ในอดีตกาล ยังมีพระราชาพระองค์หน่ึงพระนามว่า “พรหมทัต” ครองราชสมบัติในกรุงพาราณสี ทรงตั้งพระราชโอรสให้ดำ�รงตำ�แหน่งอุปราช ครั้นอยู่ต่อมา พระองค์ทรงเห็นว่าพระราชโอรสมีอำ�นาจมากขึ้น คุมกองกำ�ลัง ทางทหารทุกหมู่เหล่า ทรงระแวงว่าพระราชโอรสจะชิงราชสมบัติ จึงรับสั่งให้ ออกจากพระนครไปอยู่ท่ีไหนก็ได้ตามชอบใจ เม่ือพระองค์สวรรคตแล้วจึงกลับ มาครองราชสมบัติ พระราชโอรสออกจากพระนครตามรับส่ังของพระบิดา มุ่งหน้าไปยัง แม่นำ้�ยมุนา สร้างศาลาอาศัยอยู่ระหว่างแม่น�้ำ ยมุนากับภูเขาลูกหน่ึง ขุดเผือก มนั และเก็บผลไม้กนิ เป็นอาหารพอประทงั ชพี กาลนั้น นางนาคมาณวิกาตนหน่ึงอยู่ในภพนาคใกล้ฝ่ังแม่นำ้� เม่ือ สามีตายแลว้ ได้เหน็ นาคตนอื่นทยี่ ังมสี ามเี กดิ ใจเรา่ ร้อนขึน้ ดว้ ยอ�ำ นาจกเิ ลสจงึ ออกจากนาคพิภพเที่ยวไปตามฝั่งแม่นำ้� เห็นรอยเท้ามนุษย์จึงเดินตามไปจนถึง ศาลาหลังหนึง่ ขณะนน้ั พระราชโอรสเขา้ ปา่ เกบ็ ผลไม้ นางจงึ เขา้ ไปทศ่ี าลา เหน็ เครอ่ื ง ปลู าดท�ำ ดว้ ยไมแ้ ละบรขิ ารอน่ื ๆ กท็ ราบวา่ เปน็ ทอ่ี ยขู่ องบรรพชติ คดิ จะทดลอง ดูว่าบรรพชิตรูปนั้นบวชด้วยศรัทธาหรือไม่ ถ้าบวชด้วยศรัทธา ก็จะน้อมไปใน เนกขัมมะ จะไม่นอนบนท่ีนอนท่ีตกแต่งไว้ แต่ถ้านอนก็แสดงว่าไม่ได้บวชด้วย ศรัทธา เม่ือเป็นเช่นน้ีเขาก็เป็นสามีของตนได้ และจะอยู่ร่วมกันท่ีบรรณศาลา แหง่ นี้ นางจงึ กลบั นาคพภิ พ น�ำ ดอกไมท้ พิ ยม์ าจดั แจงทน่ี อนและประดบั ศาลา ให้งดงาม แลว้ กลบั ไปยงั นาคพิภพตามเดมิ
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 360 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เมอื่ พระราชโอรสกลบั มาในเวลาเยน็ เขา้ ไปในบรรณศาลา กแ็ ปลกใจวา่ ดอกไม้มาจากไหน กล่ินหอมเหลือเกิน ใครมาจัดเตรียมท่ีนอนเอาไว้ ทรงเห็น ท่ีนอนแล้วก็ดีใจว่าไม่ได้นอนท่ีนอนอย่างนี้มานานมากแล้ว จึงนอนพลิกกลับไป กลบั มาบนทนี่ อนดว้ ยความสขุ ใจ เพราะไมไ่ ดบ้ วชดว้ ยศรทั ธา ครน้ั แลว้ กห็ ลบั ไป มาต่ืนอีกทีในวันรุ่งขึ้นเวลาสายแดดแรงแล้ว พระราชโอรสจึงต้องรีบออกไปหา ผลไมโ้ ดยไมไ่ ดเ้ ก็บกวาดศาลา นางนาคมาณวิกาออกจากนาคพิภพมาตรวจดู เห็นที่นอนดอกไม้ยับ ยู่ยี่ ก็รู้ได้ทันทีว่า ท่านผู้นี้ไม่ได้บวชด้วยศรัทธา ยังติดอยู่ในความสุขกับการ ใช้ชีวิต เป็นสามีตนได้ จึงเก็บกวาดดอกไม้เก่าและนำ�ดอกไม้ใหม่มาตกแต่ง ไว้เหมือนเดมิ ประดับศาลาโปรยดอกไม้ตามทจ่ี งกรม แลว้ กลบั ไปยังนาคพภิ พ ตามเดมิ วันน้ัน พระราชโอรสก็นอนบนท่ีนอนดอกไม้ คร้ันรุ่งขึ้น ทรงเฝ้าคิด วนเวยี นอยวู่ า่ ใครมาประดบั ศาลาไว้ พระองคจ์ ะตอ้ งรใู้ หไ้ ด้ จงึ ท�ำ ทไี ปเกบ็ ผลไม้ ตามปกติ แลว้ แอบหลบอยใู่ นท่ีก�ำ บังไมไ่ กลจากศาลา ส่วนนางนาคมาณวิกาถือของหอมและดอกไม้เป็นจำ�นวนมากมายัง ศาลา พอพระราชโอรสเหน็ นางนาคมาณวกิ ารปู รา่ งหนา้ ตาแชม่ ชอ้ ยงดงามยง่ิ นกั ก็เกิดความรักในทันที แต่ก็ยังไม่แสดงตน รอให้นางจัดเตรียมท่ีนอนดอกไม้ เสร็จแล้วจึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปหา ถามว่า “เธอเป็นใคร” นางนาคมาณวิกา ตอบว่าตนช่ือ “นาคมาณวิกา” พระราชโอรสตรัสถามว่า “เธอมีสามีแล้ว หรอื ยงั ” นางตอบวา่ “เมอ่ื กอ่ นเคยมสี ามี แตต่ อนนเี้ ปน็ หมา้ ยอยู่ เพราะ สามตี ายไปแลว้ ทา่ นเลา่ เปน็ ใคร ท�ำ ไมจงึ มาอยใู่ นปา่ เพยี งล�ำ พงั คนเดยี ว” พระราชโอรสตรัสเล่าเร่ืองราวของพระองค์ให้นางฟังว่า เป็นพระโอรสของ พระเจ้ากรุงพาราณสี แล้วตรัสถามถึงสาเหตุท่ีนางออกจากนาคพิภพมาท่ีน้ี นางตอบว่า “เมื่อสามีตายแล้ว เธอได้เห็นนางนาคตนอ่ืนใช้ชีวิตอยู่กับ สามี จงึ ออกจากภพนาคมาหวังจะได้สาม”ี
ท ศ ช า ติ 361 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระราชโอรสตรัสวา่ “แม้เรากไ็ ม่ไดบ้ วชดว้ ยศรทั ธา เพราะถูก พระบดิ าขบั ไล่ จงึ มาอยทู่ น่ี ี่ เธออยา่ คดิ มากไปเลย เราเปน็ สามขี องเธอได้ เราทั้งสองจะอยู่ด้วยกัน” แล้วทั้งสองก็ตกลงใจอยู่ร่วมกัน นางนาคสร้าง ตำ�หนักมีค่ามากด้วยอานุภาพของตน ตั้งแต่น้ันมา พระราชโอรสก็ได้เสวยข้าว และน้�ำ ทพิ ยเ์ ลีย้ งชีวิต อยตู่ อ่ มา นางนาคมาณวกิ าไดต้ ง้ั ครรภค์ ลอดบตุ รเปน็ ชาย จงึ ตง้ั ชอ่ื ใหว้ า่ “สาครพรหมทตั ” เพราะประสตู ทิ ร่ี มิ ฝง่ั แมน่ �้ำ ในเวลาทส่ี าครพรหมทตั เดนิ ได้ นางนาคมาณวิกาก็ได้คลอดบุตรอีกคนเป็นหญิง และตั้งช่ือให้ว่า “สมุททชา” เพราะนางเกิดท่รี ิมฝั่งสมุทร วันเวลาผ่านไป พรานป่าชาวกรุงพาราณสีคนหนึ่ง ล่าสัตว์มาถึงท่ีนั้น ได้พูดคยุ สนทนากนั เกิดจำ�พระราชโอรสได้ ครั้นกลับถึงพระนคร กเ็ ปน็ ชว่ งเวลา เดียวกันกับพระราชาเสด็จสวรรคต พวกอำ�มาตย์ถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระราชาเสรจ็ แลว้ ไดป้ ระชมุ กนั ในวนั ท่ี ๗ เพอ่ื ประกอบพธิ อี ศั วเมธหาพระราชา พระองค์ใหม่ เน่ืองจากไมร่ ู้ว่าพระราชโอรสยังมชี วี ิตอยูห่ รือไม่ ขณะนัน้ พรานป่าไดเ้ ข้าไปในพระนคร รู้ข่าวทีพ่ ระราชาสวรรคต จงึ ไป พบพวกอำ�มาตย์ บอกให้ทราบว่าพระราชโอรสยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่ตนเข้าป่า ล่าสัตว์ ได้พบกับพระองค์ใกล้ฝั่งแม่นำ้�แห่งหนึ่ง ตนได้พักอาศัยอยู่กับพระองค์ ถงึ สองสามวนั พวกอ�ำ มาตยใ์ หน้ ายพรานน�ำ ทางไปพบพระราชโอรส กราบทลู ให้ ทราบว่าพระราชาสวรรคตแลว้ และทูลขอใหพ้ ระองค์กลับไปครองสริ ิราชสมบัติ พระราชโอรสเข้าไปหานางนาคมาณวิกา แจ้งให้ทราบว่าพระบิดา สวรรคตแลว้ และพวกอ�ำ มาตยไ์ ดม้ าเชญิ ใหไ้ ปขนึ้ ครองราชสมบตั ใิ นกรงุ พาราณสี พวกเราทง้ั สองจะไปดว้ ยกนั นางไดย้ นิ เชน่ นน้ั รสู้ กึ หวนั่ ไหวกลา่ ววา่ “หมอ่ มฉนั ไปกบั พระองค์ไม่ได้ พวกเรามีชาตเิ ปน็ นาค มีพิษรา้ ย โกรธง่าย แม้ เพราะสาเหตุเพียงเล็กน้อย การอยู่กับหญิงร่วมสามีเป็นเรื่องลำ�บาก
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 362 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง สำ�หรับคนที่โกรธง่าย ถ้าหม่อมฉันเห็นหรือได้ยินอะไรที่ขัดเคืองใจ นิดเดียวก็จะโกรธ มองดูอะไรก็จะถูกแผดเผามอดไหม้เป็นเถ้าธุลี ช่ัวพรบิ ตา หมอ่ มฉันจงึ ไปกบั พระองคไ์ มไ่ ด”้ แม้วันรงุ่ ขึ้น พระราชโอรส ก็ออ้ นวอนเธออกี ครง้ั นางยังยืนยันกับพระราชโอรสเหมือนเดิมว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร หม่อมฉันก็ไปกับพระองค์ไม่ได้ ส่วนลูกของเราเป็นชาติมนุษย์เพราะ เกดิ รว่ มกนั กบั พระองค์ ถา้ พระองคย์ งั รกั หมอ่ มฉนั กข็ ออยา่ ละเลยลกู ของเรา พวกเขาเปน็ เหมอื นพชื น�ำ้ มคี วามละเอยี ดออ่ น เมอ่ื เดนิ ทางไกล ตอ้ งล�ำ บากเพราะลมแดด อาจตายได้ ขอใหข้ ดุ เรอื ล�ำ หนงึ่ ใสน่ �ำ้ ใหเ้ ตม็ แล้วให้พวกเขาได้เล่นนำ้�ขณะเดินทาง เมื่อถึงพระนคร จึงให้ขุดสระ โบกขรณีไวใ้ หพ้ วกเขาเลน่ ท�ำ อยา่ งนีจ้ ะท�ำ ใหล้ ูก ๆ ไมล่ �ำ บาก” คร้ันกล่าวอย่างนี้แล้ว นางนาคมาณวิกาได้กราบลาพระราชโอรส และสวมกอดลูกทั้งสองแนบระหว่างอก จูบท่ีศีรษะ มอบให้พระราชโอรส นางร้องไห้คร่ำ�ครวญด้วยความเศร้าโศกปิ่มจะขาดใจ ด้วยความอาลัยรักลูก และสามี แล้วหายกลับไปยังนาคพภิ พตามเดมิ แม้พระราชโอรสก็เศร้าโศกไม่ต่างกัน ทรงร้องไห้น้ำ�ตานองหน้า เม่ือระงับความเศร้าโศกได้แล้วทรงเช็ดน้ำ�ตา เสด็จออกจากนิเวศน์ไปพบเหล่า อำ�มาตย์ พวกอำ�มาตย์อภิเษกพระราชโอรสกลางป่านั่นเอง แล้วทูลเชิญเสด็จ นวิ ตั กลบั สูพ่ ระนคร พระราชารบั สง่ั ใหข้ ดุ เรอื ยกขน้ึ เกวยี นใสน่ �้ำ ใหเ้ ตม็ โปรยดอกไมห้ ลากสี งดงามมีกลน่ิ หอมลงในนำ้� ให้บตุ รทงั้ สองเลน่ ขณะเดินทาง พวกอำ�มาตย์นำ�พระราชาเสด็จถึงกรุงพาราณสี แวดล้อมไปด้วยหญิง นกั ฟอ้ น อ�ำ มาตย์ และประชาชนทม่ี ารอรับเสดจ็ อย่างเนืองแนน่
ท ศ ช า ติ 363 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ทตู จากแดนมนุษย์ พระราชาทรงให้ขุดสระโบกขรณีไว้สำ�หรับพระโอรสพระธิดาทั้งสอง พระองค์ อยมู่ าวันหน่งึ ขณะท้งั ๒ พระองคพ์ ากนั เลน่ น�ำ้ ในสระโบกขรณี ไดม้ ี เตา่ ตวั หนงึ่ พลดั หลงเขา้ ไปในสระแลว้ หาทางออกไมเ่ จอ จงึ พยายามด�ำ ลกึ ลงไป ใตพ้ น้ื สระเพอื่ หาทางออก ครนั้ โผลศ่ รี ษะขน้ึ มา เหน็ พวกเดก็ ๆ ไดด้ �ำ ลกึ ลงไปอกี พวกเดก็ เหน็ เตา่ จงึ ตกใจกลวั วง่ิ หนไี ปเฝา้ พระบดิ า กราบทลู วา่ “มยี กั ษน์ า่ กลวั ในสระ” เพราะไมเ่ คยเหน็ เตา่ พระราชารบั สงั่ ใหเ้ จา้ พนกั งานไปจบั ยกั ษต์ นนนั้ มา พวกเจ้าพนักงานทอดเเหจับเต่าไปถวายพระราชา พระกุมารและ พระกมุ ารที งั้ สองเหน็ เตา่ กร็ อ้ งลนั่ วา่ “พอ่ นป่ี ศี าจ พอ่ นป่ี ศี าจ” พระราชาทรงกรวิ้ เต่าเป็นอย่างมาก เพราะทรงรักพระโอรสจึงรับส่ังให้ลงโทษเต่า เจ้าพนักงาน คนหนง่ึ ใหค้ วามเหน็ วา่ ควรเอาใสค่ รกต�ำ ใหแ้ หลก บางคนบอกวา่ เตา่ ตวั นส้ี รา้ งเวร สร้างกรรมให้พระราชา ควรเอาไปป้ิงกิน บางคนบอกว่าควรต้มในกระทะเดือด แตอ่ �ำ มาตยค์ นหนงึ่ บอกวา่ ควรจะโยนลงในวงั น�้ำ วนแมน่ �ำ้ ยมนุ า แรงน�ำ้ จะกระแทก กระดองมันใหแ้ หลกละเอียด จึงจะสาสมกบั สง่ิ ทเ่ี ตา่ ตวั นกี้ ระทำ� เต่าได้ยินจึงโผล่หัวออกมาจากกระดอง พูดว่า “เราทำ�ผิดอะไร จึงลงโทษเชน่ น้ี การลงโทษอย่างอืน่ เราพอรบั ได้ แตท่ า่ นผู้นีห้ ยาบชา้ เหลอื เกิน อยา่ พดู อย่างน”้ี พระราชาทรงดำ�ริว่า เต่าตัวนี้กลัวถูกโยนลงไปในวังน้ำ�วนแม่น้ำ�ยมุนา ควรจะท�ำ เชน่ นน้ั มนั จงึ จะทกุ ข์ จงึ รบั สงั่ ใหท้ งิ้ ลงไปในวงั น�้ำ วนแมน่ �ำ้ ยมนุ า เตา่ ถกู กระแสน้ำ�วนหมนุ ดิ่งลงไปถึงนาคพภิ พ จนไปโผลย่ งั ทอ่ี ยู่ของพญานาค พวกนาคมาณพบุตรของท้าวธตรฐนาคราช ก�ำ ลงั เลน่ นำ้�อยูใ่ นวังน�้ำ วน น้ัน เห็นเต่าจึงส่ังให้จับไปเป็นทาส เต่าคิดว่า เราหนีพ้นจากเงื้อมมือพระเจ้า พาราณสมี าได้ กลับตกมาอย่ใู นเงอื้ มมือของพวกนาค ทำ�อยา่ งไรเราจะรอดพ้น
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 364 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ไปได้ จึงคิดหาอุบายหลอกพวกนาคว่าตนเป็นเต่า ช่อื “จิตตจูฬ” เปน็ ราชทูต พระเจา้ พาราณสี มาเฝา้ ทา้ วธตรฐนาคราชเพราะพระเจา้ พาราณสมี คี วามประสงค์ จะใหพ้ ระธดิ าแก่ท้าวธตรฐนาคราช ขอใหน้ ำ�ตนไปเขา้ เฝา้ ทา้ วธตรฐนาคราช นาคมาณพหลงเชื่อ จึงนำ�เต่าไปเฝ้าพญานาคราช พญานาคราชเห็น เต่าก็พอพระทัย พูดสัพยอกว่า “เจ้าผู้มีรูปร่างน่าเกลียดเช่นน้ี ไม่น่าจะ เป็นนักการทูตได้” เต่าได้ฟังดังน้ันจึงกราบทูลว่า “ทูตจะต้องตัวสูงเท่า ล�ำ ตาลหรอื พระเจา้ ขา้ ความจรงิ แลว้ รา่ งกายจะตวั เลก็ หรอื ใหญไ่ มส่ �ำ คญั การทำ�หน้าที่ให้สำ�เร็จตามท่ีได้รับมอบหมายสำ�คัญกว่า โดยมากทูต ของพระราชาข้าพระองค์เป็นมนุษย์ ย่อมทำ�หน้าที่บนบก นกย่อมทำ� หนา้ ทใ่ี นอากาศ สว่ นขา้ พระองค์ ชอ่ื วา่ “จติ ตจฬู ” ไดร้ บั ฐานันดรศกั ด์ิ เป็นที่โปรดปรานของพระราชา เป็นผู้ปกครองนิคม เป็นราชทูตผู้ทำ� หน้าท่ีในน้ำ� ขอพระองค์อย่าดูหมิ่นรูปร่างข้าพระองค์เลย” พญานาค ธตรฐถามเตา่ นั้นว่า “พระราชาส่งทา่ นมาทำ�ไม” เต่ากราบทูลว่า “พระเจ้ากรุงพาราณสีทรงดำ�ริว่า พระองค์ได้ เชอื่ มสมั พนั ธไมตรกี บั พระราชาทว่ั ทง้ั ชมพทู วปี แลว้ บดั น้ี พระองคค์ วร เช่ือมสัมพันธไมตรีกับท้าวธตรฐ ทรงมีพระประสงค์จะถวายเจ้าหญิง สมทุ ทชา จงึ สง่ ข้าพระองคม์ าก�ำ หนดวนั รับพระธิดา” พญานาคธตรฐทรงยินดี ให้มอบเคร่ืองบรรณาการแก่ราชทูตจาก โลกมนุษย์ แล้วส่งนาคมาณพ ๔ ตนไปพร้อมกับเต่าเพ่ือกำ�หนดวันส่งตัว พวกนาคมาณพนำ�เต่าออกจากนาคพิภพมาจนถึงโลกมนุษย์ พอเต่าเห็นสระบัว ในระหวา่ งแมน่ �้ำ ยมนุ ากบั กรงุ พาราณสี คดิ จะวางแผนหนี จงึ หลอกนาคมาณพวา่ “พระราชาของเรา ตลอดจนพระมเหสีและพระโอรสทราบว่า เราจะ เท่ยี วไปทางนำ�้ จึงบอกให้เก็บดอกบัวไปถวาย เราจะลงไปเกบ็ ดอกบัว ในสระก่อน ถา้ เห็นช้า ก็ให้พวกทา่ นล่วงหน้าเข้าพระนครไปก่อน แลว้ คอ่ ยไปพบกันท่ีพระราชนิเวศน”์
ท ศ ช า ติ 365 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง นาคมาณพหลงเชื่อจึงปล่อยเต่าน้ันไป เม่ือเต่าลงสระบัวได้ก็แอบอยู่ ไมย่ อมโผลห่ วั ขนึ้ มา นาคมาณพเหน็ เต่าชา้ เกนิ ไปจึงแปลงกายเปน็ มาณพ เข้าไป เฝ้าพระราชา ด้วยเข้าใจว่าจะเจอเตา่ ในพระราชนิเวศนต์ ามที่นัดแนะกันเอาไว้ ทูตจากนาคพภิ พ พระราชาทรงปฏิสนั ถารมาณพ แลว้ ตรสั ถามวา่ มาจากไหน พวกนาค มาณพทลู วา่ “พวกขา้ พระองคเ์ ปน็ ทตู ของพญานาคธตรฐ ทา้ วเธอถามถงึ ความไมม่ โี รคของพระองค์ หากพระองคม์ คี วามประสงคส์ งิ่ ใด กท็ รงบอก ทา้ วเธอจะจดั หามาถวาย ทราบวา่ พระองคจ์ ะประทานเจา้ หญงิ สมทุ ทชา ใหพ้ ระราชาพวกข้าพระองคห์ รอื พระเจ้าขา้ ” พระราชาตรสั วา่ “ตง้ั แตไ่ หนแตไ่ รมา มนษุ ยไ์ มเ่ คยท�ำ การววิ าห์ กับพวกนาค พวกเราเป็นมนุษย์ แล้วจะกระทำ�ความสัมพันธ์กับนาค ซึ่งเป็นสตั วเ์ ดรัจฉานไดอ้ ยา่ งไร” พวกนาคมาณพฟังเช่นนั้นแล้วกล่าวด้วยความเคืองแค้นว่า “ถ้า พญานาคธตรฐไม่เหมาะสมกับมนุษย์ แล้วทำ�ไมพระองค์จึงส่งเต่า ขา้ รบั ใชช้ อื่ วา่ “จติ ตจฬู ” เปน็ ราชทตู ไปทลู พระราชาของพวกเราวา่ จะให้ พระธดิ าชอ่ื วา่ “สมทุ ทชา” เลา่ ครน้ั สง่ สาสน์ ไปแลว้ กลบั กลา่ วดหู มน่ิ พระราชาของพวกเราเช่นน้ี พวกเราเป็นนาค รู้ว่าจะต้องทำ�อย่างไร พระองค์เป็นใหญ่เหนือกว่ามนุษย์ทั้งปวงแต่กลับทำ�เยี่ยงนี้ เห็นที จะต้องสละพระชนมช์ ีพหรอื แวน่ แควน้ เสยี เปน็ แน่ เพราะเมอื่ พวกนาค โกรธ ชีวิตมนุษยอ์ ย่างพวกท่านกไ็ มเ่ หลอื รอด” พระราชาตรสั วา่ “เราไมไ่ ดด้ หู มน่ิ ทา้ วธตรฐ แตถ่ งึ แมท้ า้ วธตรฐ จะมีฤทธมิ์ าก เป็นใหญก่ ว่านาคท้งั ปวง ก็ไม่คคู่ วรกับธดิ าของเรา เรา เป็นกษัตริย์ของชนชาววิเทหะ และธิดาของเราก็เกิดในชาติกษัตริย์ ทีส่ ูงสง่ ไมค่ ู่ควรกับเดรัจฉานซึ่งกินกบเปน็ อาหาร”
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 366 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พวกนาคมาณพอยากจะพ่นพิษฆ่าพระราชา แต่ก็คิดว่าตนเป็นราชทูต ถูกส่งมากำ�หนดวันมงคล กลับมาทำ�การอันเป็นอัปมงคล ฆ่าพระราชาน้ีเสีย เป็นเร่ืองไม่สมควร จึงลุกออกจากพระราชนิเวศน์ แทรกแผ่นดินกลับนาคพิภพ ถกู พญานาคราชถามว่า “พวกท่านรับตวั เจ้าหญิงมาแลว้ หรือ” นาคมาณพ กราบทูลว่า “พระองค์ส่งพวกข้าพระองค์ไป ด้วยสาเหตุอันไม่สมควร ถ้าพระองค์ประสงค์จะประหารชีวิตพวกข้าพระองค์ ก็จงประหารเถิด พระเจ้ากาสีนั้นทั้งด่าท้ังบริภาษพระองค์เหลือเกิน ยกพระธิดาของตน ขน้ึ ขม่ เพราะหลงชาต”ิ คร้ันแล้วจงึ กราบทูลเรื่องทัง้ หมดให้ฟงั พญานาคราชโกรธมาก รับส่ังให้ประชุมพลนาค มีนาคกัมพลอัสสดร ซ่ึงเป็นญาติฝ่ายมารดาของพระองค์ เป็นต้น ไปกรุงพาราณสี แต่ส่ังห้ามไม่ให้ ทำ�รา้ ยใคร ๆ พวกพลนาคทั้งหลายถามว่า “ถ้าไม่ให้ทำ�ร้ายใคร ๆ เมื่อพวก ข้าพระองค์ไปถึงท่ีนั้นแล้วจะต้องทำ�อย่างไร ควรพ่นพิษใส่ใครให้เป็น ผุยผง” พญานาคราชธตรฐไม่ต้องการให้เจ้าหญิงเกิดอันตราย เพราะมีจิตรัก พระธิดา จึงส่ังไม่ให้ทำ�อันตรายใคร ๆ แต่ให้แผ่พังพานห้อยอยู่ตามบ้านเรือน ตามสระน�้ำ ตามทางเดิน ตามทาง ๔ แพรง่ บนยอดไม้ และบนเสาระเนยี ด ตอนแรกเนรมิตกายให้มีขนาดใหญ่ก่อน แล้วแผ่พังพานห้อยหัวลง และเลื้อยอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งในห้อง นอกห้อง ใต้เตียง บนเตียง หรือบนต่ัง ใหพ้ น่ ควนั ส่งเสียง “ฟู่ ฟ”ู่ แตอ่ ย่าปรากฏตวั ใหเ้ ดก็ คนชรา หญิงมีครรภ์ และ เจา้ หญิงสมุททชาเห็น แมพ้ ระองคก์ จ็ ะเนรมติ กายเผอื กใหญโ่ ต วนขนดลอ้ มนครกาสไี ว้ ๗ ชนั้ ปิดด้วยพงั พานใหญใ่ หม้ ดื มนไปทัว่ ท�ำ ใหป้ ระชาชนเกดิ ความกลวั พวกพลนาคทง้ั หลายไดท้ �ำ ตามรับสง่ั ตา่ งแปลงร่างแตกต่างกันไป
ท ศ ช า ติ 367 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เช้าวันน้ัน ราตรีสว่างแล้ว แต่ทั่วท้ังมหานครกาสี ตลอดจน พระราชนิเวศน์กลับมืดมิด ถูกปกคลุมด้วยลมหายใจของพวกนาคที่แผ่พังพาน ข่มขผู่ ูค้ นชาวเมืองกาสีอยทู่ ุกหนทกุ แห่ง ไม่ว่าจะเป็นบา้ นเรอื น บงึ ถนนหนทาง ยอดไม้ และเสาระเนียด ชาวพระนครพากันตกใจกลัว จึงพูดกับพญานาคว่า ท่านเบียดเบียน พวกเราท�ำ ไม พวกนาคกลา่ ววา่ “พระราชาของพวกทา่ นบอกวา่ จะใหพ้ ระธดิ า แกพ่ ระราชาเรา เมอื่ สง่ ทตู ไปกลบั ไรส้ จั จะ ทงั้ ดา่ ทงั้ บรภิ าษพระราชาเรา ถ้าไม่ให้พระธิดา เราจะฆ่าชาวพระนครให้หมด” มนษุ ย์ออ้ นวอนวา่ จะไป กราบทูลขอร้องพระราชา จึงพากันไปชุมนุมเรียกร้องที่ประตูพระราชวัง ต่าง รอ้ งไห้คร่�ำ ครวญขอใหพ้ ระราชาช่วยเหลอื ฝ่ายมเหสีของพระราชาบรรทมอยู่ในห้องของตน ต่างก็ส่งเสียง กรีดร้องโวยวายล่ันขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน อ้อนวอนขอให้พระราชาประทาน พระธิดาแก่พญานาค สว่ นพระเจ้ากาสีก็สะดุ้งต่นื เพราะเสยี งโกลาหลของชาวเมือง และเสยี ง กรีดรอ้ งของพระมเหสี ครน้ั แลว้ นาคมาณพทัง้ ๔ ตนกป็ รากฏตัว แสดงอาการ เหมือนจะฉกพระเศียรพระองค์ พร้อมข่มขู่ว่า “จะให้พระธิดาหรือไม่ให้” ทรงได้ยินเสียงชาวพระนครและมเหสีร้องคร่ำ�ครวญ ขอความช่วยเหลือ ดัง ไปท่ัวพระราชวัง แม้พระองค์เองก็ถูกนาคมาณพข่มขู่เหลือเกิน ทรงตกใจกลัว จงึ ยอมยกพระธิดาให้ทา้ วธตรฐ คร้ันนาคราชได้ฟังพระดำ�รัสดังน้ันแล้ว ก็ถอนทัพถอยห่างจากเมือง ไกลออกไปประมาณ ๑ คาวุต เนรมิตนครแห่งหนึ่งขึ้นเหมือนเทพนคร แล้ว ส่งบรรณาการไปว่า “ขอพระองค์จงส่งพระธิดามาให้พวกเรา” พระราชา ตอบพวกนาคกลับไปว่า “เราจะส่งพระธิดาไปในความคุ้มครองของพวก อำ�มาตย์เรา” แล้วรับสั่งให้เรียกเจ้าหญิงมาเฝ้า นำ�ข้ึนไปชั้นบนปราสาท
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 368 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เปิดสีหบัญชรออก ชี้ให้พระธิดาดูนครอันงดงามวิจิตรตระการตาแห่งน้ัน ว่า “นครน้ัน อยู่ไม่ไกลจากเมืองของเรา ลูกจะเป็นอัครมเหสีของ พระราชาในนครนั้น เม่ือลูกเบื่อก็กลับมาเยี่ยมพ่อที่เมืองของเราได้” แลว้ ให้ประดับเจ้าหญิงส่งไปในความคุ้มครองของอ�ำ มาตย์พระองค์ พวกพญานาคต้อนรับเจ้าหญิง ได้ทำ�สักการะพวกอำ�มาตย์อย่าง มากมายแล้วนำ�เข้าไปยังพระนคร ถวายเจ้าหญิงแก่ท้าวธตรฐ พวกอำ�มาตย์ ได้รับเคร่ืองบรรณาการกลับมาเป็นจำ�นวนมาก ท้าวธตรฐนาคราชนำ�เจ้าหญิง ข้ึนสู่ปราสาท ให้บรรทมบนท่นี อนทปี่ ระดบั ไว้อยา่ งวิจิตรงดงาม พวกนางนาคมาณวิกาแปลงร่างเป็นคนค่อมและคนเตี้ย ห้อมล้อม เจ้าหญิงเหมือนคนรับใช้มนุษย์ พอเจ้าหญิงนอนบนท่ีนอนทิพย์ คร้ันถูกสัมผัส อันเป็นทิพย์เท่านั้นก็หลับไปทันที ท้าวธตรฐนำ�พระธิดาและบริวารนาคหายไป ในที่นั้น ได้ไปปรากฏในนาคพิภพพร้อมกับการอันตรธานไปของนครเนรมิต อันวจิ ติ รงดงามนัน้ เหมือนเปลวไฟหายไปในอากาศ กำ�เนดิ พระภูรทิ ัต ทนี่ าคพภิ พ พระธดิ าต่นื บรรทม ทอดพระเนตรท่ีบรรทมทพิ ย์แล้วออก เดินสำ�รวจไปตามปราสาทราชมณเฑียร พระราชนิเวศน์ ล้วนแล้วแต่ทำ�ด้วย ทองและแก้วมณี อทุ ยานและสระโบกขรณรี ่มร่ืนดารดาษด้วยดอกไมน้ านาพันธ์ุ ออกดอกบานสะพรั่งงดงามราวกับเทพนครเกินท่ีจะจินตนาการได้ พระธิดา ร้สู กึ เปน็ สขุ ใจอยา่ งประหลาด จึงรบั สั่งถามหญงิ รับใชว้ า่ “เมืองนี้ ชา่ งงดงาม เหลอื เกิน ไม่เหมือนเมืองของเรา เมอื งนี้เป็นของใคร” หญงิ รบั ใช้ทลู ว่า “เป็นเมืองพระสวามีขององค์หญิง ผู้มีบุญน้อยจะไม่ได้สมบัตินี้ แต่ เพราะองคห์ ญิงมบี ุญมากจงึ ได้สมบัติน้”ี
ท ศ ช า ติ 369 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ฝ่ายท้าวธตรฐนาคราชรับส่ังให้ประกาศไปท่ัวนาคพิภพว่า “ใคร ปรากฏกายเป็นงูให้เจ้าหญิงสมุททชาเห็นจะต้องได้รับราชทัณฑ์” เพราะเหตุน้ันจึงไม่มีใครกล้าปรากฏกายเป็นงูให้เจ้าหญิงเห็นแม้แต่คนเดียว เจา้ หญงิ เขา้ ใจวา่ เปน็ โลกมนษุ ยจ์ งึ ไมร่ ะแวงสงสยั ทรงยนิ ดอี ยสู่ งั วาสกบั ทา้ วธตรฐ ด้วยความรัก จนมีพระโอรส ๔ พระองค์ คอื ๑. สุทัศนะ ๒. ทตั ตะ (พระภรู ทิ ัต) ซ่งึ เปน็ พระโพธิสัตว์ ๓. สโุ ภคะ ๔. อรฏิ ฐะ แม้พระนางสมุททชาจะประสูติพระโอรสถึง ๔ พระองค์แล้ว ก็ยัง ไม่ทรงทราบว่าพระองคอ์ ยใู่ นนาคพิภพ อยู่มาวันหนึ่ง พวกนาคหนุ่ม ๆ นึกคะนองขึ้นมา จึงบอกพระโอรส อริฏฐะว่า มารดาของพระองค์เป็นมนุษย์ ไม่ได้เป็นนางนาค พระโอรสอริฏฐะ คดิ วา่ เราจะทดสอบพระมารดา วนั หนง่ึ ขณะเสวยนม พระโอรสอรฏิ ฐะไดเ้ นรมติ รา่ งเปน็ งู ใชป้ ลายหาง เสียดสีหลังเท้าพระมารดา พระนางเห็นพระโอรสกลายร่างเป็นงู จึงสะดุ้งกลัว กรีดร้องด้วยความตกพระทัย ท้ิงพระโอรสลงพ้ืน เล็บกระทบนัยน์ตาพระโอรส แตกเลอื ดไหลเปน็ ทาง ทา้ วธตรฐนาคราชไดย้ นิ เสยี งกรดี รอ้ งของพระนางสมทุ ทชา จึงตรัสถามว่า “นั่นเสียงใคร” ทรงสดับส่ิงที่พระโอรสกระทำ� จึงเสด็จไปด้วย ความเกรี้ยวกราด รับสั่งให้นำ�พระโอรสอริฏฐะไปประหารชีวิตว่า “เอาเด็ก คนนี้ไปฆ่าทง้ิ เสยี ” พระนางสมุททชาทราบว่าพระราชาทรงกร้ิว จึงตรัสด้วยความรัก พระโอรสว่า “ตาลูกก็แตกแล้ว พระองค์ยกโทษให้ลูกเถิด” เม่ือพระนาง ตรัสอย่างน้ัน พระราชาก็ใจออ่ น จึงยอมยกโทษใหอ้ ริฏฐะ
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 370 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ในวนั นน้ั เอง พระธดิ าจงึ ทราบวา่ มหานครอนั งดงามแหง่ นคี้ อื นาคพภิ พ ต้ังแตน่ ั้นมาพระโอรสอรฏิ ฐะกไ็ ดช้ ่อื ว่า “กาณารฏิ ฐะ” แปลว่า อริฏฐะบอด ครนั้ พระโอรสท้งั ๔ พระองค์เจริญวัยแล้ว พระบิดาได้มอบราชสมบัติ ให้แห่งละ ๑๐๐ โยชน์ มีอิสริยยศมาก ห้อมล้อมไปด้วยเหล่านางนาคสาว พระโอรสท้ัง ๓ พระองค์ จะกลับมาเฝ้าพระบิดาและพระมารดาเดือนละคร้ัง สว่ นพระโอรสทตั ตะ พระโพธิสตั ว์พระองค์เดยี วจะมาทกุ ๑๕ วนั พระโพธสิ ตั วน์ น้ั ทำ�หนา้ ทช่ี ่วยพระบิดา สามารถแกไ้ ขปญั หาตา่ ง ๆ ที่ เกิดขึ้นในนาคพภิ พได้ พระบดิ าจึงนำ�ไปเฝา้ ท้าววิรูปกั ษม์ หาราชดว้ ยเสมอ อยู่มาวันหนึ่ง ท้าววิรูปักษ์มหาราชพร้อมด้วยนาคบริวารได้ไปยัง ไตรทศบุรบี นสวรรคช์ น้ั ดาวดงึ ส์ ต่างนั่งแวดลอ้ มพระอนิ ทร์ ถกปญั หาทถี่ ามกัน ในหมเู่ ทพ แตว่ นั นน้ั ไมม่ เี ทพตนใดสามารถตอบค�ำ ถามได้ ขณะนน้ั พระโพธสิ ตั ว์ ซ่ึงน่ังอยู่ทา่ มกลางหม่เู ทพ ไดข้ อตอบปัญหาและสามารถตอบปญั หานัน้ ไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ ง ท้าวสักกเทวราชทรงบูชาพระโพธิสัตว์ด้วยดอกไม้ธูปเทียนทิพย์ แล้ว ตั้งช่ือใหม่ให้พระโพธิสัตว์ ทรงตรัสว่า ทัตตะ เธอมีปัญญากว้างขวางย่ิงใหญ่ เสมอด้วยแผ่นดนิ ตง้ั แต่นี้ไปเธอจงช่ือว่า “ภูรทิ ัต” ผมู้ ีปญั ญาประหนงึ่ แผน่ ดนิ รักษาอุโบสถศีล ตั้งแต่น้ันเป็นต้นมา พระภูริทัตได้ไปอุปัฏฐากพระอินทร์เป็นประจำ� เห็นเวชยันต์มหาปราสาทประดับประดาแพรวพราวงดงาม และเห็นสมบัติ ของพระอนิ ทรน์ า่ รนื่ รมยย์ ง่ิ นกั เกลอื่ นกลน่ ไปดว้ ยนางเทพอปั สรมากมาย ทรงเกดิ เบอื่ หนา่ ยในการมชี วี ติ แบบพญานาคทตี่ อ้ งจบั กบจบั เขยี ดกนิ เปน็ อาหาร ตอ้ งการ ไปเกิดในสวรรค์ และจะต้องรักษาศีลอุโบสถบำ�เพ็ญกุศลที่จะทำ�ให้ไปเกิด
ท ศ ช า ติ 371 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ในสวรรค์ เม่ือกลับถึงนาคพิภพแล้วจึงทูลลาพระมารดาและพระบิดาว่าจะไป รักษาศีลอุโบสถ๑ พระมารดาและพระบดิ าทรงอนญุ าต แตด่ ว้ ยความเปน็ หว่ งจงึ ขอใหห้ า สถานทบ่ี �ำ เพญ็ ภายในอทุ ยานทเ่ี งยี บสงบแหง่ หนง่ึ ในนาคพภิ พเทา่ นนั้ อยา่ ออกไป ขา้ งนอก เพราะเกรงจะเกดิ อนั ตราย เนอ่ื งจากนาคทงั้ หลายเมอ่ื ออกจากนาคพภิ พ แล้วมกั จะเกดิ อนั ตรายเสมอ พระโพธิสัตว์ทูลรับว่าจะจำ�ศีลอุโบสถในพระราชอุทยานในนาคพิภพ แต่ขณะพระโพธิสัตว์บำ�เพ็ญอุโบสถศีล นางนาคสาวต่างนำ�ดนตรีนานาชนิดมา หอ้ มลอ้ มบรรเลงขบั กลอ่ มอยเู่ สมอ จงึ ไมส่ ามารถบ�ำ เพญ็ อโุ บสถศลี ใหส้ มบรู ณไ์ ด้ พระโพธิสัตว์คิดว่าถ้าอยู่ท่ีนี่ต่อไป คงไม่สามารถบำ�เพ็ญอุโบสถศีล ให้สำ�เร็จได้ ควรจะไปรักษาในโลกมนุษย์ จึงออกจากนาคพิภพไปโดยไม่ได้ บอกให้พระมารดาและพระบิดาทราบ เพราะเกรงว่าจะถูกห้าม บอกเพียงพวก ภรรยาวา่ จะไปขดขนดเขา้ สมาธบิ นจอมปลวกในโลกมนุษย์ ไมไ่ กลจากต้นไทร ใหญ่ริมฝั่งแม่นำ้�ยมุนา จะอธิษฐานอุโบสถศีลตลอดคืนจนรุ่งสาง พอตะวันขึ้น ใหผ้ ลัดเปลี่ยนกันคร้ังละ ๑๐ นาง นำ�ของหอมและดอกไม้ไปบูชา แล้วบรรเลง ดนตรตี รงแมน่ �ำ้ ยมนุ า จากนั้น ค่อยกลับมายงั นาคพภิ พพรอ้ มกัน ๑ ศีลอุโบสถ คือ ศลี ท่ีรักษาตามกาลสมัย มรี ะยะเวลารักษาวันหนึง่ กับคนื หน่งึ ในวนั อโุ บสถ พอตะวันขน้ึ วนั ใหมก่ เ็ ป็นอนั หมดเขตศลี อุโบสถ ศีลอโุ บสถหากสมาทานรักษา ในวนั ท่ีไม่ใช่วนั อโุ บสถ เรียกว่า ศลี ๘ ศลี อุโบสถทีร่ กั ษาในปจั จบุ ันมี ๘ ประการ คอื ๑. เวน้ จากการฆา่ สตั วต์ ดั ชวี ติ ๒. เวน้ จากการลกั ทรพั ย์ ๓. เวน้ จากการประพฤติ ผดิ พรหมจรรย์ ๔. เว้นจากการพูดเท็จ ๕. เว้นจากการด่ืมสรุ าและเมรยั ของมนึ เมา ๖. เว้น จากการทานอาหารหลังจากเท่ียงวันไปแล้วจนถึงอรุณข้ึนมาใหม่ ๗. เว้นจากการร้องรำ� ขับร้อง ประโคมดนตรี ดูการละเล่น การลูบไล้ทาด้วยของหอม และประดับประดาเคร่ือง แต่งกาย ๘. เวน้ จากการนอนบนที่นอนสงู ใหญ่
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 372 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระโพธิสัตว์ออกจากนาคพิภพไปขดขนดบนจอมปลวก อธิษฐาน อโุ บสถกรรม ๔ ประการ ว่า “ใครตอ้ งการหนงั เอน็ กระดูก หรือเลือด ของเรา ก็จงเอาไปเถิด” ครั้นแล้ว ได้เนรมิตร่างประมาณเท่างอนไถ นอนรักษาอุโบสถศีลอยู่ อยา่ งนน้ั จนกวา่ อรณุ จะขน้ึ วนั ใหมเ่ ทา่ นนั้ นางนาคมาณวกิ าผเู้ ปน็ ภรรยาจงึ จะมา ปรนนิบัติตามที่พระโพธิสัตว์สั่งไว้ บูชาด้วยของหอมและดอกไม้ บรรเลงดนตรี แลว้ น�ำ พระองค์กลบั มานาคพภิ พตามเดมิ พระโพธสิ ตั วไ์ ดร้ กั ษาอโุ บสถศลี โดยท�ำ นองนี้ วนั เวลาไดผ้ า่ นไปยาวนาน จอมพราน ในกาลนั้น ยังมีพราหมณ์คนหนึ่งยึดอาชีพเป็นพรานป่าล่าเน้ือ อาศัย อยู่ใกล้ประตูกรุงพาราณสี ผู้คนจึงเรียกช่ือเขาว่า “พรานเนสาทะ” พรานน้ัน ออกป่าล่าสัตว์กับลูกชายช่ือ “โสมทัต” ใช้หลาวยนต์และบ่วงแร้วดักกวางได้ กฆ็ า่ แล้วแล่เนือ้ หาบมาขายเลีย้ งชีพ อยู่ต่อมาวันหนึ่ง เป็นวันพระอุโบสถ นายพรานเนสาทะกับลูกชาย ออกป่าลา่ สตั ว์ตง้ั แต่เชา้ กย็ ังดกั สัตวไ์ ม่ไดแ้ ม้แตต่ วั เดียว แม้กระทงั่ เหี้ยตัวหนง่ึ ก็ยังไม่ได้ จึงบอกลูกว่า “โสมทัตลูกพ่อ ถ้าเรากลับบ้านมือเปล่า แม่ ของลูกต้องเล่นงานเราทั้งสองเป็นแน่ ถึงอย่างไรเราต้องได้สัตว์สัก ตัวหน่ึงกลับบ้าน” จึงบ่ายหน้าเดินดุ่มตรงไปทางจอมปลวกที่พระโพธิสัตว์ ขดขนดรกั ษาศีลอยู่ เหน็ รอยกวางมากมายลงไปกนิ น�้ำ ทแ่ี มน่ ้�ำ ยมุนา จึงบอกลูก ใหถ้ อยออกไป นายพรานหยบิ ธนอู อกมา ยนื แอบอยทู่ โ่ี คนตน้ ไมต้ น้ หนง่ึ คอยดกั ยิงกวางทจ่ี ะลงกินนำ้�
ท ศ ช า ติ 373 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ครัน้ เวลาเย็น กวางตวั หน่งึ ลงมากินน�้ำ พรานยงิ กวางตวั นั้น แต่พลาด ไมถ่ ูกจุดท่สี �ำ คัญ กวางถูกลูกศรบาดเจบ็ เลอื ดไหล ว่ิงหนีไปดว้ ยความตกใจกลัว พรานสองพ่อลูกพากันวิ่งตามไปจนถึงที่มันขาดใจตาย จึงนำ�กวางออกจากป่า มาจนถงึ จอมปลวกบริเวณต้นไทรท่ีพระโพธสิ ตั ว์จำ�ศลี ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำ� พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืด แผ่ปกคลุมไปทั่วผืนป่า เสียงสัตว์กลางคืนวังเวงแว่วระงมไพร ท้องฟ้าดารดาษ ไปด้วยแสงดาว ผืนป่ากึกก้องไปด้วยเสียงร้องของนกดุเหว่าและสาลิกา เกลอื่ นกลน่ ไปดว้ ยยา่ นไทร มฝี งู นกดเุ หวา่ รอ้ งอยรู่ ะงมไพร นายพรานไมส่ ามารถ เดนิ ทางตอ่ ไปได้ จงึ พกั คา้ งคนื ใกลบ้ รเิ วณตน้ ไทรนน้ั พรานสองพอ่ ลกู หาทเี่ กบ็ เนอื้ แล้วพากันปีนขึ้นไปขัดห้างนอนบนต้นไทรใหญ่ คร้ันเวลาใกล้รุ่ง พรานต่ืนข้ึน เอยี งหูคอยฟงั เสียงสตั วร์ อ้ ง ขณะนั้นได้อรุณแล้ว พระอาทิตย์จับขอบฟ้า แสงเงินแสงทองทอ ประกายไปทั่ว เหล่านางนาคมาณวิกาพากันมาตกแต่งอาสนะดอกไม้สำ�หรับ พระโพธสิ ตั วท์ อี่ อกจากการรกั ษาอโุ บสถศีล พระโพธิสัตว์กลายร่างจากงูแล้วเนรมิตร่างทิพย์ ประดับด้วยเครื่อง ประดับทุกอย่าง ประทับน่ังบนอาสนะดอกไม้ ดูประหน่ึงท้าวสักกเทวราช ส่วน เหล่านางนาคมาณวิกาก็บูชาพระโพธิสัตว์ด้วยธูปเทียนและดอกไม้ แล้วบรรเลง ทิพยดนตรฟี ้อนร�ำ ขบั รอ้ งบูชาอยู่ จอมพรานแว่วได้ยินเสียงน้ัน เกิดความสงสัยว่าใครมาบรรเลงดนตรี อยกู่ ลางปา่ ดงพงไพรเชน่ นี้ จงึ ปลกุ ลกู ชายใหต้ นื่ เพอ่ื จะตามเสยี งนนั้ ไป แตล่ กู ชาย เหนื่อยจากการเดินทางท้ังวันจึงไม่ต่ืน จอมพรานตัดสินใจลงจากต้นไม้เดินตาม เสยี งน้นั เข้าไปหาพระโพธิสตั ว์เพียงคนเดยี ว เหล่านางนาคมาณวิกาเห็นพรานปรากฏตัวข้ึนจึงตกใจกลัว แทรก แผ่นดินหนีกลับไปนาคพิภพ มีพระโพธิสัตว์เพียงผู้เดียวเท่านั้นท่ีน่ังอยู่อย่าง
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 374 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง องอาจ จอมพรานจึงถามว่า “ท่านช่ืออะไร มีนยั น์ตาแดง นั่งอยูอ่ ยา่ งสงา่ มีท่าทางผ่ึงผายรุ่งเรืองอยู่ท่ามกลางป่าดงพงไพรเต็มไปด้วยดอกไม้ สตรี ๑๐ คนท่ีหนีไปนั้นเป็นใคร แต่งตัวงดงาม เครื่องประดับสร้อย สงั วาลยล์ ว้ นท�ำ จากทอง ยนื เคารพทา่ นอยู่ ทา่ นคงเปน็ ยกั ษห์ รอื เปน็ นาค ผูม้ เี ดชานภุ าพมาก” พระโพธิสัตว์นึกในใจว่า ถ้าพระองค์จะบอกว่า พระองค์เป็นท้าว สกั กเทวราช ผู้มีฤทธ์มิ าก พรานคนน้ีกจ็ ะเชอ่ื แต่วันนี้ ควรจะพดู ความจรงิ เพยี ง อยา่ งเดยี วเทา่ นนั้ จงึ บอกตามความจรงิ วา่ “พราหมณ์ เราเปน็ นาคผมู้ ฤี ทธเิ์ ดช ยากทใี่ คร ๆ จะลว่ งล�ำ้ ได้ ถา้ เราโกรธกส็ ามารถท�ำ ใหบ้ า้ นเมอื งทเ่ี จรญิ พินาศไปด้วยเดช มารดาเราชื่อ สมุททชา บิดาเราช่อื ธตรฐ พีช่ าย คนโตเราชอื่ สทุ ัศนะ พวกญาติเรียกเราว่า ภรู ทิ ัต” พระโพธิสัตว์เห็นรูปร่างนายพรานก็ทราบว่า เป็นคนดุร้ายหยาบคาย มีลักษณะแห่งคนทรยศมิตร ถ้าเขาไปบอกหมองูมาจับ ก็จะเกิดอันตรายต่อ การรักษาอุโบสถศีลของตน จึงคิดจะนำ�นายพรานไปนาคพิภพ ให้ทรัพย์สมบัติ มากมายจนเปน็ ทพ่ี อใจ จะไดไ้ มต่ อ้ งการอะไรอกี พระองคก์ จ็ ะไดร้ กั ษาอโุ บสถศลี ตอ่ ไปไดอ้ ย่างยาวนาน จงึ กลา่ ววา่ “เราจะใหท้ รัพย์สมบตั มิ ากมายแกท่ า่ น นาคพภิ พเปน็ สถานทน่ี า่ อยู่ ไปเทย่ี วนาคพภิ พกนั เถดิ ” นายพรานกลา่ ววา่ “ข้าพเจ้ามีลูกชายอยคู่ นหนึ่ง ถ้าลูกไปดว้ ย ข้าพเจ้าก็จะไป” พระภูริทัตจึงบอกให้พรานไปตามลูกชายมา แล้วบอกให้รู้ว่า ตรง วังนำ้�วนในแม่น้�ำ ยมนุ า ลกึ ลงไปหลายร้อยชัว่ คนเปน็ เมืองของพระองค์ พระภรู ทิ ตั น�ำ พรานสองพอ่ ลกู ไปยงั ฝง่ั แมน่ �ำ้ ยมนุ า ตรงบรเิ วณวงั น�้ำ วน มีนำ้�สีเขียวไหลมาจากกลางป่าลึก กึกก้องด้วยเสียงนกยูงและนกกระเรียน พระภูริทัตยืนอยู่ท่ีริมฝ่ังแม่นำ้�กล่าวว่า “เม่ือท่านพร้อมด้วยบุตรไปถึง นาคพภิ พแลว้ จะอยอู่ ยา่ งสขุ สบาย” แลว้ พระโพธสิ ตั วก์ น็ �ำ พรานสองพอ่ ลกู ไปยังนาคพิภพ
ท ศ ช า ติ 375 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อจอมพรานสองพ่อลูกไปถึงนาคพิภพ ร่างก็กลายเป็นร่างทิพย์ พระโพธิสตั วย์ กสมบัตทิ พิ ยใ์ หม้ ากมาย และได้ใหน้ างนาคสาวคนละ ๔๐๐ นาง คอยปรนนิบตั ิ พรานสองพ่อลกู ก็เสวยทิพยสุขอยู่ในนาคพภิ พนั้น ฝ่ายพระโพธิสัตว์ แม้รักษาอุโบถศีลอยู่อย่างนั้น ก็มิได้ละเลยหน้าที่ ของตน ได้ไปเฝ้าพระชนกและพระชนนีทุกก่ึงเดือน แสดงธรรมกถาถวาย จากนน้ั ก็ไปพบพราน ถามความเป็นอยู่ว่าถา้ ต้องการสง่ิ ใดก็ใหบ้ อก อย่าเกรงใจ อยา่ เบือ่ หนา่ ย ขอใหอ้ ยอู่ ย่างสบายใจ จากน้นั กไ็ ปทกั ทายโสมทตั ลกู ชายพราน แล้วจงึ ไปยงั นิเวศน์ของพระองค์ พรานอยู่นาคพิภพได้หนึ่งปีก็เกิดเบ่ือหน่าย อยากกลับโลกมนุษย์ เพราะเหตุที่ตนมีบุญน้อย เห็นนาคพิภพปรากฏเหมือนนรกโลกันตร์ ปราสาท ประดับงดงามก็ปรากฏเหมือนเรือนจำ� นางนาคกัญญาแม้ตกแต่งสวยงาม ก็ ปรากฏเป็นเหมือนนางยักษ์ นายพรานจึงไปหาลูกชาย ถามว่ารู้สึกเบื่อหน่าย บ้างหรือไม่ โสมทัตบอกว่ายังไม่เบ่ือ นายพรานบอกลูกว่า “พ่อเบ่ือหน่าย เพราะไมไ่ ดเ้ หน็ หนา้ แมข่ องลกู มานานมากแลว้ พอ่ คดิ ถงึ แมแ่ ละพน่ี อ้ ง ของลกู เราจะกลับบ้าน” โสมทัตอดิ เอือ้ นยังไม่อยากกลบั แตเ่ ม่ือพ่อรบเรา้ มากเข้า จึงตกปาก รับค�ำ นายพรานคดิ ว่า ถา้ บอกใหภ้ ูรทิ ตั รู้ว่าตนเบ่ือหนา่ ย อยากกลับบา้ น ก็จะ ให้สมบัติเพ่ิมมากขึ้นไปอีก เพ่ือเหน่ียวรั้งไว้ไม่ให้กลับ เม่ือเป็นเช่นนี้ ก็จะกลับ ไมไ่ ด้ เราจะหาอบุ ายยกยอ่ งสมบตั ขิ องภรู ทิ ตั จะถามถงึ สาเหตทุ ย่ี อมละทงิ้ สมบตั ิ ไปรักษาอุโบสถศีลในโลกมนุษย์ ถ้าภูริทัตตอบว่า ต้องการจะไปสวรรค์ จึงไป รกั ษาอุโบสถศลี เราก็จะบอกใหท้ ราบว่า ภรู ิทตั มสี มบัติมากมายถึงอยา่ งน้ยี ังทิง้ ไปรกั ษาอโุ บสถศลี เพอ่ื ตอ้ งการไปสวรรค์ แลว้ เหตใุ ดเราจะมาใชช้ วี ติ เพราะอาศยั ทรัพย์คนอ่ืน เราจะกลับไปโลกมนุษย์ เย่ียมญาติแล้วบวชบำ�เพ็ญสมณธรรม ภูริทตั คงจะยอมใหก้ ลบั ไป
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 376 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ต่อมาวันหนึ่ง เม่ือพระโพธิสัตว์มาเย่ียม ถามข่าวว่าเบื่อหรือยัง นายพรานจงึ ท�ำ เปน็ เลยี่ งไป ตอบวา่ ตนจะเบอื่ ไดอ้ ยา่ งไร ในเมอ่ื สงิ่ ของเครอื่ งบรโิ ภค ทไ่ี ดร้ บั ไมไ่ ดบ้ กพรอ่ งเลย นายพรานยงั ไมบ่ อกถงึ เรอื่ งทตี่ นอยากจะกลบั แตเ่ รม่ิ พรรณนาถงึ สมบัติของพระโพธสิ ัตว์โดยประการตา่ ง ๆ วา่ “แผน่ ดินราบเรียบ มตี น้ กฤษณามากมาย สง่ กลน่ิ หอมฟงุ้ ดารดาษดว้ ยหมแู่ มลงคอ่ มทอง มหี ญา้ เขยี วชอมุ่ เยน็ ใจ ทงั้ หมไู่ มก้ ร็ ม่ รน่ื มสี ระโบกขรณสี วยงาม ระงม ด้วยเสียงหงส์ มีกลบี ดอกบวั ร่วงหลน่ อยเู่ กลือ่ นกลาด พระองค์บงั เกิด ในวมิ านทพิ ยอ์ นั กวา้ งใหญน่ า่ รน่ื รมยเ์ ชน่ น้ี จะหาความสขุ ใดมาเปรยี บได้ พระองค์เห็นจะไม่ทรงหวังวิมานของท้าวสักกเทวราช เพราะวิมาน อนั ยง่ิ ใหญไ่ พบลู ยข์ องพระองค์ กเ็ หมอื นวมิ านทา้ วสกั กเทวราชอยแู่ ลว้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่า พระองค์เห็นจะปรารถนาตำ�แหน่งอ่ืนที่ย่ิงกว่านี้จึง รกั ษาอโุ บสถศีล” พระภูรทิ ตั ได้ยินเชน่ น้ัน จึงกลา่ วว่า “พราหมณ์ อย่าพูดอยา่ งน้ัน เลย ยศศักดิ์ของเราหากเทียบกับท้าวสักกเทวราชแล้วตำ่�กว่ามาก เหมือนการนำ�เมล็ดพันธุ์ผักกาดไปวางเทียบกับภูเขาสิเนรุ ยศศักดิ์ ของพวกเราเทียบกับคนใช้ของพระอินทร์ยังไม่ได้เลย เราปรารถนา เวชยนั ตมหาปราสาท ปรารถนาวมิ านของหมเู่ ทพทง้ั หลาย ตอ้ งการจะ ไดค้ วามสขุ นน้ั จึงรักษาอโุ บสถศีลอยบู่ นจอมปลวก” นายพรานได้ยินเช่นน้ันก็ดีใจคิดว่าได้โอกาสแล้ว จึงกล่าวลาว่า “ขา้ พระองคก์ ับลูกชายเข้าปา่ ลา่ สตั วม์ านานวนั พวกญาตทิ างบา้ นไม่รู้ วา่ ขา้ พระองคเ์ ปน็ ตายรา้ ยดอี ยา่ งไร ขา้ พระองคจ์ ะทลู ลากลบั โลกมนษุ ย์ ไปเยยี่ มญาติ” พระโพธสิ ตั ว์คิดว่าเมอ่ื เราให้ทรัพย์สมบัติพรานนี้ ไดอ้ าศยั เราเลยี้ งชีพ อยู่อย่างสุขสบาย คงจะไม่ไปบอกให้ใครรู้ว่าเรารักษาศีลอยู่ท่ีไหน เราจะให้ แกว้ มณีทป่ี รารถนาได้ทกุ อย่างแก่พรานนี้ จึงกล่าวว่า “พราหมณ์ ทา่ นจงรับ
ท ศ ช า ติ 377 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง แก้วมณีทิพย์น้ีไป เม่ือท่านมีแก้วมณีทิพย์อยู่กับตัว ปรารถนาส่ิงใดก็ จะได้สมปรารถนา ท่านจะปราศจากโรคภยั ทงั้ ปวง” พรานกล่าวว่า “พระองค์ตรัสเช่นนี้ ทำ�ให้ข้าพระองค์สำ�นึกใน พระมหากรณุ าธคิ ณุ ย่งิ นกั ข้าพระองคแ์ กแ่ ลว้ ไม่ต้องการสมบตั ิ ชีวติ ที่เหลืออยอู่ ยากหาโอกาสบวชบำ�เพญ็ พรตเชน่ ทา่ นบ้าง” พระโพธิสัตว์กล่าวว่า “พราหมณ์ การรักษาพรหมจรรย์ทำ�ได้ ยากยง่ิ นกั วนั ใดทที่ า่ นไมย่ นิ ดใี นการรกั ษาพรหมจรรยแ์ ลว้ ใหม้ าหาเรา เราจะให้ทรพั ยส์ มบตั ิ ท่านจะไดไ้ มล่ ำ�บากในการประกอบอาชพี ” พรานกล่าวว่า “ถ้าต้องการทรัพย์สมบัติ ข้าพระองค์จะกลับ มาหาพระองคอ์ กี ครัง้ ” พระโพธิสัตว์รู้ว่านายพรานนั้นไม่ต้องการอยู่ในนาคพิภพอีกต่อไป จึงเรียกนาคมาณพมา นำ�กลับไปส่งในโลกมนุษย์ คร้ันข้ึนจากแม่น้ำ�ยมุนาแล้ว ได้น�ำ ไปสง่ จนถึงเขตแดนกรงุ พาราณสี ขณะนั้น นายพรานบอกลูกว่า “โสมทัต เราจะเที่ยวยิงเน้ือและ หมปู า่ ไปเรอ่ื ย ๆ จนกวา่ จะถงึ บา้ น” จงึ เดนิ ลา่ สตั วไ์ ปเหน็ สระน�ำ้ ระหวา่ งทาง จงึ ชวนกันลงอาบ พรานสองพ่อลูกแก้เคร่ืองอาภรณ์อันเป็นทิพย์ออกห่อ วางไว้ริมฝั่ง แล้วลงอาบนำ้� พลันน้ัน เคร่ืองอาภรณ์และผ้าทิพย์เหล่านั้นได้หายกลับไปยัง นาคพภิ พตามเดมิ ผ้านุ่งห่มผืนเกา่ กลบั มาสวมใส่ในร่างของพรานสองพ่อลกู นนั้ แม้ธนู ศร และหอก ก็ได้ปรากฏตามเดมิ โสมทัตร้องโวยวาย ตำ�หนิพ่อด้วยความเสียดาย นายพรานปลอบ ลูกชายวา่ “ลกู เอ๋ย เมอื่ ยังมีเนื้ออยู่ในป่า เราก็ไม่อดตาย” แล้วเดินทาง กลับบ้าน
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 378 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พราหมณแี มข่ องโสมทตั รวู้ า่ คนทง้ั สองกลบั มากด็ ใี จ จดั ขา้ วปลาอาหาร ใหก้ นิ นายพรานกนิ อาหารอมิ่ แลว้ เพราะเหนด็ เหนอ่ื ยจากการเดนิ ทางจงึ หลบั ไป ส่วนแมถ่ ามลูกชายวา่ หายไปไหนกันมานานจนถงึ ป่านน้ี โสมทัตตอบว่า “แม่ พระภูริทัตนาคราชพาลูกกับพ่อไปยังนาคพิภพ เราทั้งสองคิดถึงแม่ จึงขอกลับมา” นางพราหมณีผู้เป็นมารดาถามลูกชายว่า “ไม่ได้แก้วแหวน อะไร ๆ จากพญานาคมาบา้ งเลยหรอื ” โสมทตั ตอบวา่ “ไมไ่ ดอ้ ะไรกลบั มา เลยแม”่ นางถามวา่ “ท�ำ ไมพญานาค จึงไม่ให้อะไรบ้าง” โสมทตั ตอบวา่ “พระภรู ทิ ตั ใหแ้ ก้วสารพัดนึก แต่พอ่ ไมร่ บั ” นางถามว่า “ทำ�ไมพ่อของ ลูกจงึ ไม่รับ” โสมทตั ตอบว่า “พอ่ บอกวา่ จะกลบั มาบวช” นางพราหมณไี ดย้ นิ ดงั นน้ั กโ็ กรธจดั โวยวายลน่ั บา้ นวา่ “พอ่ แกทง้ิ แม่ ให้เล้ียงลูกตามลำ�พัง ไปเสพสุขกับนางนาคสาวในเมืองนาค แล้วจะ กลับมาบวชหรือ” ว่าแล้วจึงเอาพล่ัวสาดข้าวตีหลังพราน ขู่คำ�รามว่า “อ้าย พราหมณช์ ว่ั แกจะบวชหรอื ไปนอนกบั นางนาคสาว ๆ กลบั มาเหน็ หนา้ แก่ ๆ ของเมีย ก็นึกจะบวชหรือไง พญานาคภูริทัตให้แก้วแหวน เงินทองก็ไมย่ อมรับมา เมอ่ื เปน็ เชน่ น้ที �ำ ไมไม่บวชเสยี กลับมาให้เห็น หนา้ ท�ำ ไม จะไปตายท่ีไหนกไ็ ป” นายพรานรวู้ ่าภรรยาตโี พยตพี ายดว้ ยความน้อยเนือ้ ต่ำ�ใจ จึงปลอบว่า “เจา้ อยา่ โกรธนกั เลย ขา้ เป็นพรานปา่ เมื่อปา่ ยังมเี นือ้ เจา้ ยงั มีข้าอยู่ เจา้ จะกลวั อะไร ขา้ จะทอ่ งไปทกุ ปา่ ลา่ สตั วม์ าเลยี้ งเจา้ ” แลว้ กช็ วนลกู ชาย เข้าปา่ ล่าสัตวเ์ ลยี้ งชพี ตามเดิม มหาเวทยอ์ าลมั พายน์ คร้ังน้ัน ยังมีครุฑตนหน่ึงอาศัยอยู่ท่ีต้นง้ิวกลางมหาสมุทร ใช้ปีก กระพือลมแหวกน้ำ�ในมหาสมุทร โฉบลงไปจับหัวนาคราชได้ตัวหน่ึง สมัยนั้น
ท ศ ช า ติ 379 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พวกครุฑยังไม่รู้วิธีจับนาค จึงจับหัวบ้าง หางบ้าง ตามแต่จะได้โอกาส ต่อมา จงึ รวู้ ิธจี บั นาคทางหาง๒ วนั น้นั พญาครฑุ ตวั น้ันจบั นาคได้ทางหวั ปลอ่ ยใหน้ าค ห้อยหางลง พาบนิ ไปผ่านปา่ หมิ วันต์ ยงั มพี ราหมณ์ชาวกาสีคนหนึง่ ออกบวชเปน็ ฤๅษี สรา้ งศาลาอาศยั อยู่ ในปา่ หิมวันต์ ทา้ ยทจี่ งกรมของฤๅษมี ตี ้นไทรใหญอ่ ยตู่ น้ หนึง่ ฤๅษที �ำ ที่พักผ่อนท่ี โคนต้นไทรใหญ่นั้น ครุฑห้ิวนาคบินผ่านมาถึงยอดไทร ส่วนนาคก็ห้อยหางอยู่ กลางอากาศ จงึ เอาหางตวดั เกย่ี วกงิ่ ตน้ ไทรไวเ้ พอื่ สลดั ตนใหห้ ลดุ จากกรงเลบ็ ครฑุ ครุฑไม่ทันรู้ตัวเพราะบินไปอย่างเร็ว ต้นไทรใหญ่จึงถูกถอนขึ้นทั้งราก ทง้ั โคนตดิ หางนาคไป เมอ่ื ครฑุ พานาคไปถงึ ตน้ งวิ้ กจ็ กิ ฉกี ทอ้ งนาคกนิ แลว้ ทงิ้ ซาก ลงในมหาสมุทร ต้นไทรก็ตกลงตามไปด้วย เสียงดังสนั่นหว่นั ไหว ครุฑจงึ ก้มลง เหลยี วมองดตู ามเสยี งนน้ั เหน็ ตน้ ไทร จงึ คดิ ทบทวนวา่ ตน้ ไทรถกู ถอนมาจากไหน ก็นึกข้ึนได้ว่า “ต้นไทรน้ันอยู่ท้ายที่จงกรมของฤๅษี ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่อ ฤๅษีมาก ตัวเราจะเป็นการทำ�บาปหรือไม่ เราถามฤๅษีดูก็จะรู้ได้” จงึ แปลงกายเปน็ มาณพน้อยไปพบฤๅษี ขณะนั้น ฤๅษีกำ�ลังปรับสถานที่ที่ต้นไทรถูกถอนไปให้พื้นเสมอกัน พญาครุฑในร่างมาณพน้อยไหว้ฤๅษีแล้วนั่งลง ทำ�ทีเป็นเหมือนไม่รู้อะไร แกล้ง ถามวา่ “พระคณุ เจา้ เดมิ ทที ต่ี รงนเี้ ปน็ อะไร” ฤๅษตี อบวา่ “อบุ าสก ครฑุ ตนหนึง่ โฉบนาคมากนิ นาคเอาหางตวัดเกย่ี วก่ิงต้นไทรเพอ่ื ใหห้ ลุดพน้ จากกรงเลบ็ ครฑุ ครุฑไม่ทันร้ตู ัวเนอื่ งจากบินไปเร็ว เพราะตนมีกำ�ลัง มาก ตน้ ไทรจงึ ถกู ถอนขนึ้ ทนั ที ตรงนเี้ ปน็ ทท่ี ตี่ น้ ไทรถกู ถอนขนึ้ อาตมา จึงตอ้ งปรับที่ให้เรยี บ” ๒ วธิ กี ารทค่ี รฑุ จบั นาคไมใ่ หเ้ ปน็ อนั ตราย ปรากฏในปณั ฑรกชาดก พระสตุ ตนั ตปฎิ ก
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 380 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ครุฑถามว่า “พระคุณเจ้า ครุฑจะมีบาปติดตัวหรือไม่” ฤๅษี ตอบวา่ “ถ้าครุฑนน้ั ไมร่ กู้ ไ็ มบ่ าป เพราะไมม่ ีเจตนา” ครุฑถามต่อไปวา่ “แล้วนาคจะมีบาปหรือไม่” ฤๅษีตอบว่า “แม้นาคก็มิได้มีเจตนาจะให้ ตน้ ไทรเสยี หาย แตเ่ หนยี่ วไวเ้ พอ่ื จะใหร้ อดชวี ติ นาคกไ็ มม่ บี าปเชน่ กนั ” พญาครฑุ ไดฟ้ งั ฤๅษตี อบเชน่ นนั้ กด็ ใี จ จงึ กลา่ ววา่ “พระคณุ เจา้ ขา้ พเจา้ นแ้ี หละคอื ครุฑตนนั้น พระคุณเจา้ ตอบค�ำ ถามได้แจม่ แจง้ นกั ขา้ พเจ้า รู้มนต์บทหนงึ่ ชอื่ ว่า “อาลัมพายน์” ศกั ดส์ิ ิทธ์ิยิง่ นัก ข้าพเจา้ จะถวาย มนต์นั้นให้พระคุณเจ้าเพื่อบูชาอาจารย์” ฤๅษีกล่าวว่า “อย่าเลย เรา ไม่ต้องการมนต์ ท่านกลับไปเถิด” ครุฑจึงวิงวอนจนฤๅษีใจอ่อนรับมนต์ บทนน้ั ไวเ้ พอื่ ตดั ความร�ำ คาญ ครฑุ ถวายมนต์ และบอกยาแกพ้ ษิ นาคแลว้ จากไป ในกรุงพาราณสีน้ัน ยังมีพราหมณ์คนหน่ึงสร้างหน้ีสินไว้มากจนหนี้ ทว่ มหวั ไมส่ ามารถใชห้ นไี้ ด้ กลายเปน็ คนลม้ ละลาย ถกู เจา้ หนที้ วงถามอยบู่ อ่ ย ๆ จึงหนีหนีเ้ ข้าปา่ เดนิ ทางมาจนถงึ อาศรมฤๅษี อยปู่ ฏิบัติจนฤๅษเี กิดความเมตตา ฤๅษีคิดว่าพราหมณ์น้ีมีอุปการะมาก เราจะให้เรียนมนต์ทิพย์ที่พญาครุฑให้ไว้ จงึ ใหพ้ ราหมณเ์ รยี นมหาเวทยช์ อื่ วา่ “อาลมั พายน”์ พรอ้ มทง้ั ยาทพิ ยแ์ ละวธิ กี าร ใชม้ หาเวทย์ พราหมณน์ นั้ คดิ ว่า เราได้วธิ เี ลยี้ งชีพแล้ว อย่ปู รนนบิ ัติฤๅษตี อ่ ไปอกี ๒ - ๓ วัน จงึ อา้ งเหตวุ ่าเกดิ โรคลม ไม่สามารถอยู่ทน่ี ีต่ ่อไปได้ จงึ กราบลาฤๅษี ออกจากป่า เดนิ สาธยายมนตไ์ ปตามหนทางใหญจ่ นมาถึงฝัง่ แมน่ ้�ำ ยมนุ า ในขณะนน้ั พวกนางนาคมาณวกิ าภรรยาพระภรู ิทตั ต่างกถ็ ือแก้วมณี ออกจากนาคพิภพมาวางไว้บนกองทรายริมฝั่งแม่น้ำ�ยมุนา ใช้แสงแก้วมณีนั้น ส่องสวา่ งพากนั เล่นนำ้�ตลอดทั้งคืน จนถึงรุ่งเช้า จึงพากนั ตกแต่งกายดว้ ยเคร่ือง อาภรณท์ กุ อย่าง นงั่ ล้อมแก้วมณีใหส้ ิริเขา้ ส่กู าย
ท ศ ช า ติ 381 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ฝ่ายพราหมณ์เดินสาธยายมหาเวทย์อาลัมพายน์มาถึงที่นั้น เหล่า นางนาคมาณวิกาได้ยินเสียงสาธยายมนต์อาลัมพายน์ เข้าใจว่าเป็นเสียงครุฑ ตกใจกลัว ไม่ทันหยิบแก้วมณี พากันแตกตื่นแทรกแผ่นดินหนีไปนาคพิภพ พราหมณ์เหน็ แก้วมณีก็ดใี จว่ามนตข์ องตนศักด์ิสิทธ์ิ จงึ หยิบเอาแก้วมณนี น้ั ไป ขณะนน้ั จอมพรานเนสาทะพรอ้ มโสมทตั ผเู้ ปน็ ลกู ชาย ทอ่ งปา่ ลา่ สตั วม์ า เห็นพราหมณ์อาลัมพายน์ถือแก้วมณีอยู่ในมือจึงเปรยกับบุตรว่า “พระภูริทัต เคยให้แก้วมณีนี้แก่เราใช่ไหม” โสมทัตตอบว่า “ใช่แล้วพ่อ” นายพราน จงึ กลา่ ววา่ “ถา้ เชน่ นน้ั เราจะหลอกพราหมณว์ า่ แกว้ มณนี นั้ เปน็ อปั มงคล แล้วชิงเอามาเป็นของเรา” โสมทัตกล่าวว่า “พระภูริทัตเคยให้แก้วมณีมาแล้ว ตอนน้ัน ทำ�ไมพ่อไม่รับ แต่บัดน้ี กลับจะไปหลอกเอาจากพราหมณ์ อย่าทำ� อยา่ งนน้ั เลยพอ่ ” นายพรานเนสาทะกลา่ วว่า “อย่าฟน้ื ฝอยหาตะเขบ็ ลูกอยเู่ ฉย ๆ คอยดูพ่อหลอกตาพราหมณ์นั่น” ว่าแล้วจึงถามพราหมณ์อาลัมพายน์ว่า ได้แก้วมณีนีม้ าจากไหน พราหมณ์อาลัมพายน์อวดว่า วันน้ีตนเดินมาตามทางตั้งแต่เช้าตรู่ ไดเ้ หน็ นางนาคมาณวกิ าผมู้ ตี าแดงจ�ำ นวนมาก หอ้ มลอ้ มแกว้ มณนี อ้ี ยู่ พอเหน็ ตน เขา้ เท่าน้นั ก็ตกใจกลวั พากนั ทิง้ แกว้ มณหี นีไป จอมพรานเนสาทะคิดจะหลอกพราหมณ์อาลัมพายน์เอาแก้วมณี จึง บอกความเป็นอัปมงคลของแก้วมณีว่า “หากใครนำ�แก้วมณีนี้ไปประดับ จะตอ้ งเคารพบชู าเกบ็ รกั ษาไวอ้ ยา่ งดเี ทา่ นนั้ จงึ จะเปน็ ประโยชน์ มเิ ชน่ นน้ั จะท�ำ ใหเ้ กดิ ความพนิ าศลม่ จมอยา่ งใหญห่ ลวงนกั คนไมม่ บี ญุ ไมค่ วร ประดบั เราจะใหท้ องค�ำ รอ้ ยแท่งเพอ่ื แลกกับแกว้ มณนี ้”ี
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 382 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พราหมณ์อาลมั พายนก์ ล่าวว่า “เราจะไมข่ ายแก้วมณี แตถ่ า้ ใคร สามารถบอกไดว้ ่ามนี าคใหญ่ ผูม้ เี ดชมาก ยากท่ใี คร ๆ จะลว่ งเกนิ ได้ อยูท่ ่ีใด เราจึงจะให”้ จอมพรานเนสาทะกลา่ ววา่ “ทา่ นเปน็ ครฑุ แปลงกายเปน็ พราหมณ์ มาเทีย่ วจับนาคไปเป็นอาหารหรอื อยา่ งไร จงึ ต้องการรูท้ ่ีอยูข่ องนาค” พราหมณ์อาลัมพายน์กล่าวว่า “นายพราน เราไม่ได้เป็นครุฑ แม้แต่ครุฑ เราก็ยังไม่เคยเห็น แต่เรามีความชำ�นาญเก่ียวกับงูพิษ คนทั่วไปเรียกเราวา่ หมอง”ู จอมพรานเนสาทะถามวา่ “ท่านมีก�ำ ลังอะไร มศี ิลปะอะไร และ อ�ำ นาจวิทยาคมของท่านศักดิส์ ทิ ธิ์อย่างไร จงึ ไมเ่ กรงกลัวนาคราช” พราหมณ์อาลัมพายน์คุยอวดพรานเนสาทะว่า “มีครุฑตนหน่ึง มาบอกวิชาหมองูอย่างสูงให้ฤๅษีโกสิยโคตร ผู้อยู่ป่าประพฤติตบะ มานาน ส่วนเราเป็นลูกศิษย์ผู้อุปัฏฐาก ท่านฤๅษีจึงสอนมหาเวทย์ ใหเ้ ราดว้ ยความเมตตา เราจ�ำ มหาเวทยท์ ศ่ี กั ดส์ิ ทิ ธน์ิ น้ั จนขน้ึ ใจ จงึ ไมก่ ลวั พญานาค เราเปน็ อาจารยข์ องเหลา่ หมองทู งั้ หลาย ชนโดยทว่ั ไปจงึ เรยี ก เราวา่ อาลัมพายน”์ พรานเนสาทะคิดว่า ถ้าบอกที่อยู่ภูริทัตนาคราชแล้ว ก็จะได้แก้วมณี จึงปรึกษาลูกชายว่า ควรบอกที่อยู่ภูริทัตแก่พราหมณ์อาลัมพายน์ จึงจะได้ แกว้ มณี ไม่ควรจะทง้ิ โอกาสดี ๆ นไ้ี ป โสมทัตผู้เป็นบุตรกล่าวว่า “พ่อ พระภูริทัตมีบุญคุณกับเรามาก ท�ำ ไมพอ่ จะท�ำ รา้ ยผทู้ ม่ี บี ญุ คณุ กบั พอ่ ถา้ พอ่ ตอ้ งการทรพั ย์ พระภรู ทิ ตั ก็จะให้ทรัพยเ์ ปน็ จ�ำ นวนมาก พ่อไปขอท่านส”ิ
ท ศ ช า ติ 383 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พรานเนสาทะกลา่ วกับลูกชายวา่ “โสมทตั ของทอี่ ยูต่ อ่ หน้ากเ็ อา ไวก้ ่อน จะไปหวงั นำ้�บ่อหน้าท�ำ ไม” โสมทตั ผเู้ ปน็ บตุ รเตอื นสตพิ อ่ วา่ “คนท�ำ รา้ ยมติ ร ไรน้ �้ำ ใจ จะตอ้ ง ตกนรกหมกไหม้ แผ่นดินจะสูบ หรือถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็จะประสบแต่ ความหายนะ พอ่ อยา่ ท�ำ เลย ถา้ พอ่ ท�ำ อยา่ งนนั้ กรรมจะตามสนองพอ่ ในไมช่ า้ ” พรานเนสาทะกลา่ วกับลูกชายว่า “ลกู อายยุ งั นอ้ ย ยังเป็นเด็ก จงึ ไม่รู้อะไร พวกพราหมณ์ครั้นทำ�บาปแล้ว บูชามหายัญก็บริสุทธ์ิได้ พอ่ เปน็ พราหมณ์ บชู ามหายัญล้างบาปได้ ลกู จะกลัวอะไร” โสมทัตผเู้ ป็นลกู ชายกล่าววา่ “พ่อท�ำ ไปคนเดยี วเถดิ ลูกจะไมอ่ ยู่ รว่ มท�ำ กรรมหยาบช้ากบั พอ่ ” แลว้ จึงเดนิ หนีจากพอ่ ไป โสมทัตนั้นเป็นบัณฑิต แม้พยายามเตือนบิดาไม่ให้กระทำ�กรรมด้วย การทรยศมติ ร แตบ่ ดิ ากไ็ มย่ อมรบั ฟงั จงึ ปา่ วประกาศใหเ้ ทวดาเปน็ พยานกกึ กอ้ ง กลางราวป่าว่า จะไม่ขอร่วมท�ำ บาปเชน่ นี้ จึงเดนิ หนีบดิ าไปต่อหนา้ ต่อตา เขา้ ป่า หมิ วันต์ บวชเป็นฤๅษีจนได้บรรลอุ ภิญญาและสมาบตั ิ รกั ษาฌานไวไ้ ม่ไหเ้ สื่อม ตลอดชีวิต หลังจากตายแล้วไดไ้ ปเกดิ ในพรหมโลก สว่ นพรานเนสาทะผเู้ ปน็ บดิ าคดิ วา่ โสมทตั คงไมห่ นไี ปไหนได้ นอกจาก จะกลบั เรอื นเทา่ นนั้ ครนั้ เหน็ พราหมณอ์ าลมั พายนแ์ สดงอาการหงดุ หงดิ ไมพ่ อใจ จงึ ปลอบวา่ “ทา่ นอาลมั พายนอ์ ยา่ วติ กไปเลย เราจะบอกทอ่ี ยพู่ ญานาค ภูริทัตให้” แล้วจึงพาพราหมณ์อาลัมพายน์ไปยังที่พญานาคภูริทัต รักษา อโุ บสถศลี เหน็ พญานาคตวั ใหญค่ ขู้ นดอยทู่ จ่ี อมปลวก จงึ ยนื ชม้ี อื ไปทางจอมปลวก อยูห่ า่ ง ๆ พลางกระซิบบอกพราหมณอ์ าลัมพายนว์ า่ “ทา่ นเหน็ รัศมสี แี มลง ค่อมทอง ศีรษะแดง ตัวขาวโพลน เหมือนกองปุยนุ่น นอนอยู่บน จอมปลวกนั่นไหม? นั่นแหละพญานาคราช ไปจบั เอาเถิด”
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 384 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระโพธิสัตว์ลืมตาข้ึนเหลือบมองมาเห็นพรานเนสาทะ คิดในใจว่า เราคิดเอาไว้ไม่ผิดว่าพราหมณ์คนน้ีเป็นคนทรยศมิตร จะทำ�ลายอุโบสถของเรา จึงอตุ สา่ ห์น�ำ ไปนาคพภิ พ มอบสมบัติใหม้ ากมาย หวังจะให้เพียงพอ ไม่ยอมรับ แก้วมณที ี่เราให้ แตก่ ลบั ไปเอาหมองมู าจบั เรา พระโพธิสัตว์สอนตนเองว่า “ภูริทัต ถ้าเจ้าโกรธผู้ท่ีทำ�ร้ายเจ้า ศีลก็จะขาด เจ้าได้อธิษฐานอุโบสถไว้แล้ว เจ้าต้องรักษาไม่ให้ขาด อาลมั พายนจ์ ะตดั จะเผา จะฆา่ จะแทงดว้ ยหลาวกต็ ามเถดิ เจา้ จะตอ้ ง ไม่โกรธเขา ถ้าเจ้าโกรธมองดู เขาจะแหลกเป็นผุยผงไปทันที ให้เขา ทุบตีเจ้าเถิด ถึงอย่างไรเจ้าก็จะต้องไม่โกรธ ต้องไม่แลดู” ครั้น พระโพธิสัตว์ให้โอวาทตนดังน้ีแล้วก็หลับตาลง ทรงอธิษฐานบำ�เพ็ญศีลบารมี ไว้อยา่ งม่นั คง ซกุ เศียรเข้าไวภ้ ายในขนด นอนนิ่งไมข่ ยบั กาย ไปสู่อำ�นาจมหาเวทย์ ฝา่ ยพรานเนสาทะเตอื นพราหมณอ์ าลมั พายนว์ า่ “เชญิ ทา่ นเขา้ ไปจบั เอานาคนี้ แล้วส่งแก้วมณีมาให้เรา” พราหมณ์อาลัมพายน์เห็นพญานาค กด็ ใี จ ไมส่ นใจแกว้ มณีอีกตอ่ ไปว่าเปน็ ของมีคา่ อยา่ งไร โยนแกว้ มณไี ปใหพ้ ราน เนสาทะ แก้วมณีพลัดหล่นจากมือนายพราน ตกลงท่ีพ้ืนดินแล้วจมหายเข้าไป ในแผน่ ดินกลบั ไปยงั นาคพิภพ นายพรานเนสาทะได้ทรยศมิตรจึงเส่ือมจากฐานะ ๓ ประการ คือ เสื่อมจากเเก้วมณี ๑ เส่ือมจากมิตรภาพระหวา่ งพระภูรทิ ตั ๑ และเสื่อมความ เคารพจากบุตร ๑ เพราะความโลภ เขาร้องไห้รำ�พันกลับเรือนว่า “เราหมด ท่ีพึง่ พาอาศัยแลว้ เพราะเราไม่เช่ือลูก” ฝ่ายพราหมณ์อาลัมพายน์ เอาโอสถทิพย์ทาชโลมท่ัวร่างกายบ้าง เคย้ี วไวใ้ นปากบา้ ง แลว้ บน่ ทพิ ยมนตร์ า่ ยมหาเวทยป์ อ้ งกนั ตวั เขา้ ไปหาพระโพธสิ ตั ว์
ท ศ ช า ติ 385 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง จบั หางลากออกมาแลว้ กดหวั เอาไวอ้ ยา่ งมนั่ คง จากนน้ั เปดิ ปากพระโพธสิ ตั วอ์ อก แล้วบ้วนยาทเ่ี คยี้ วพร้อมเสมหะยดั ใสเ่ ข้าไปในปากพระโพธิสตั ว์ พญานาคภูริทัตเกิดในตระกูลนาคราช จึงเป็นสัตว์สะอาดอย่างชาติ กษัตริย์ท้ังหลาย แม้ถูกกระทำ�เช่นนั้น รู้สึกสะอิดสะเอียนแทบสำ�รอกก็ไม่โกรธ ไมล่ มื ตา เพราะกลัวศีลจะขาด ครน้ั แลว้ พราหมณ์อาลัมพายนใ์ ช้ทง้ั ยาทัง้ มนต์ปอ้ งกนั ตวั เอง จบั หาง พระภูริทัตหิ้วให้หัวห้อยลงข้างล่าง เขย่าให้สำ�รอกอาหารออกให้หมด แล้วจับ ให้นอนเหยียดยาวกับพื้นดิน เอาเท้าเหยียบยำ่�เหมือนคนนวดถ่ัว พระภูริทัต เจ็บปวดคล้ายกระดูกจะแหลกละเอียด จากน้ัน พราหมณ์อาลัมพายน์ก็จับหาง ภูริทัตหิ้วให้หัวห้อยลง แล้วฟาดลงกับพื้นดินเหมือนคนตีผ้า แม้พระโพธิสัตว์ เจ็บปวดทุกขท์ รมานถงึ ปานน้ีก็ไมโ่ กรธ เมอ่ื พราหมณ์อาลมั พายน์ทำ�ใหพ้ ญานาคภูรทิ ัตอ่อนแรงลงแลว้ จึงเอา เถาวัลย์ถักเป็นกระโปรงใส่พระโพธิสัตว์ แต่ตัวพระโพธิสัตว์ใหญ่กว่ากระโปรง ส่วนหัวจึงเข้าลำ�บาก พราหมณ์อาลัมพายน์ใช้ส้นเท้าถีบยันพระโพธิสัตว์เข้าไป พระโพธสิ ตั วไ์ ดร้ ับความเจบ็ ปวดทกุ ข์ทรมานมาก จากนั้น พราหมณ์ก็แบกกระโปรงใส่พระโพธิสัตว์ไปจนถึงหมู่บ้าน แห่งหน่ึง วางกระโปรงลงกลางหมู่บ้าน แล้วร้องประกาศบอกประชาชนให้มาดู พญานาคแสดงการฟ้อนรำ� เม่ือชาวบา้ นมาชุมนุมกันแลว้ พราหมณอ์ าลมั พายน์ จงึ เรียกพญานาคภรู ิทตั ออกมา พระโพธิสัตว์คิดว่า วันนี้จะเล่นให้ผู้คนสนุกสนานเพลิดเพลิน เม่ือ อาลัมพายน์ได้ทรัพย์มากแล้วจะปล่อยเราไป ดังน้ัน วันน้ีเราจะทำ�ตามท่ี อาลมั พายน์สง่ั ทุกอยา่ ง
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 386 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง อาลมั พายนน์ �ำ พระโพธสิ ตั วอ์ อกจากกระโปรง กลา่ ววา่ “เจา้ จงท�ำ ตวั ให้ใหญ่” พระโพธิสัตว์จึงทำ�ลำ�ตัวให้ใหญ่ตามท่ีบอก อาลัมพายน์บอกทำ�ตัว ให้เลก็ ใหข้ ดเปน็ ขนด ใหค้ ลาย ให้แผพ่ ังพาน ใหส้ งู ให้ต่ำ� ให้เห็นตวั ใหห้ ายตัว ให้เห็นครึ่งตัว ให้ตัวเป็นสีขียว เหลือง แดง ขาว หงสบาท ให้พ่นเปลวไฟ พ่นน้ำ� พ่นควัน อาลัมพายน์ส่ังให้ทำ�อาการใด ๆ พระโพธิสัตว์ก็เนรมิตกาย แสดงตามท่อี าลมั พายน์สงั่ ทกุ อย่าง ผู้คนเห็นพระโพธิสัตว์แล้วก็เกิดความสงสาร กลั้นน้ำ�ตาไว้ไม่ได้ ต่างนำ�ข้าวของเงินทองและเครื่องประดับมาให้พราหมณ์ ด้วยความสงสาร พระโพธสิ ัตว์ อาลมั พายนไ์ ดเ้ งนิ ประมาณ ๑,๐๐๐ กหาปณะจากหมบู่ า้ นน้นั ทแี รก เขาต้ังใจจบั พระโพธสิ ัตวม์ าแสดงใหไ้ ด้เงิน ๑,๐๐๐ กหาปณะกจ็ ะปล่อย แตค่ ร้นั ได้เงนิ ๑,๐๐๐ กหาปณะ กลบั คิดวา่ แคแ่ สดงในหมบู่ า้ นเลก็ ๆ ยงั ได้เงินมาก ถึงเพียงน้ี ถ้าแสดงในพระนครจะได้มากมายขนาดไหน เพราะความโลภ จงึ ไม่ยอมปลอ่ ยพระโพธิสัตว์ พราหมณ์อาลมั พายนไ์ ดเ้ งินจากหมบู่ า้ นน้ัน จึงให้นายชา่ งทำ�กระโปรง แกว้ ใสพ่ ระโพธสิ ตั ว์ ขน้ึ พาหนะไปอยา่ งสบาย มผี มู้ าสมคั รเขา้ เปน็ บรวิ ารตดิ ตาม ไปเป็นจำ�นวนมาก อาลัมพายน์ให้พระโพธิสัตว์แสดงไปตามหมู่บ้านและนิคม ตา่ ง ๆ จนถงึ กรุงพาราณสี อาลัมพายน์ไม่ให้พระโพธิสัตว์กินนำ้�ผึ้งและข้าวตอก แต่เอากบให้กิน พระโพธิสัตว์ไม่ยอมกินสัตว์จึงต้องอดอาหาร แม้จะอ่อนเพลียเพราะอดอาหาร แตถ่ งึ อยา่ งนน้ั อาลมั พายนก์ ย็ งั ใหพ้ ระโพธสิ ตั วแ์ สดงตามชมุ ชนตา่ ง ๆ ใกลป้ ระตู ก�ำ แพงพระนครทัง้ ๔ ด้าน พระโพธิสัตวก์ แ็ ขง็ ใจแสดง ทัง้ ๆ ทเี่ หน่อื ยลา้ เจยี น ขาดใจ เพราะกลัวอาลัมพายนจ์ ะไมป่ ลอ่ ย
ท ศ ช า ติ 387 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง คร้ันถึงวันอุโบสถขึ้น ๑๕ ค่ำ� พราหมณ์อาลัมพายน์ให้เจ้าหน้าที่ กราบทูลพระราชาว่า จะให้นาคราชแสดงถวายพระองค์ พระราชาจึงรับส่ัง ประกาศไปท่ัวพระนคร ให้ประชาชนประชุมกัน ประชาชนจึงพากันมาประชุม ทีท่ อ้ งสนามหลวงเพ่ือดูการแสดง หัวอกแม่ ในวันที่พราหมณ์อาลัมพายน์จับพระโพธิสัตว์ไปนั้น พระมารดา พระโพธิสตั วฝ์ นั วา่ พระนางถกู ชายคนหนึ่ง ตัวด�ำ นยั น์ตาแดง หน้าตาโหดเหย้ี ม น่ากลัว เอาดาบตัดแขนขวาของพระนางขาดแล้วถือไปท้ัง ๆ ท่ีเลือดสด ๆ ยัง ไหลอยู่ ครั้นพระนางตื่นขึ้นมาก็ตกใจกลัว ลุกข้ึนลูบคลำ�แขนขวาของพระองค์ ก็ทราบว่าฝันร้าย พระองค์รู้สึกใจคอไม่ดี ไม่รู้ว่าจะเกิดอันตรายแก่พระโอรส แกท่ า้ วธตรฐมหาราช หรอื แกพ่ ระองคเ์ อง พลันนน้ั พระนางกท็ รงเปน็ หว่ งพระโพธสิ ัตว์ยิง่ กวา่ คนอื่นข้ึนมาอยา่ ง จับใจ ดว้ ยคนอ่ืน ๆ อยใู่ นนาคพิภพกันหมด มเี พยี งพระโพธิสตั วค์ นเดียวเทา่ น้ัน ที่ไปรักษาอุโบสถศีลอยู่ในโลกมนุษย์ พระองค์เป็นห่วงว่าภูริทัตจะถูกหมองู หรือครฑุ จบั ไป ครั้นแล้ว พระองค์กท็ รงรู้สกึ เยน็ เยยี บไปทง้ั ตัว จากวนั ทพี่ ระมารดาพระโพธสิ ตั วฝ์ นั รา้ ยจนผา่ นไปไดก้ งึ่ เดอื น กไ็ มเ่ หน็ ภูริทัตมาเฝ้า พระนางเต็มไปด้วยความระทมทุกข์ว่า “ลูกภูริทัตไม่เคยหาย ไปนานขนาดนี้ น่ีกเ็ กนิ กึ่งเดือนเข้าแล้ว เหน็ ทีจะเกิดอนั ตรายอย่างใด อย่างหนึง่ เป็นแน”่ พระนางสมทุ ทชาทรงเฝา้ มองทางทพี่ ระโพธสิ ตั วจ์ ะกลบั มา วนั แลว้ วนั เลา่ ทรงรำ�พงึ วา่ “ลูกภูริทตั จะมาวันนี้ ลูกภูรทิ ัตจะมาวันน”้ี แต่วันแลว้ วนั เลา่ กเ็ งียบหาย
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 388 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ครั้นผ่านไปได้หน่ึงเดือน พระนางสมุททชาไม่เห็นบุตรก็ทรง โศกเศร้า ผุดลุกผุดนั่ง ไม่เป็นอันกินอันนอน ร้องไห้ ไม่มีเวลาใด ท่ไี ม่มีนำ�้ ตา ดวงหฤทยั เหือดแหง้ พระเนตรท้ังสองบวมเป่งขึ้นมา เมอ่ื ครบก�ำ หนดหนง่ึ เดอื น เปน็ เวลาทสี่ ทุ ศั นะพระโอรสองคใ์ หญม่ าเยยี่ ม สุทัศนะให้บรษิ ทั รออยูข่ ้างนอก แลว้ ขึ้นปราสาทไหว้พระชนนี เน่ืองจากพระนางสมุททชากำ�ลังโศกเศร้าถึงภูริทัต จึงไม่ได้ทักทาย ปราศรัย ไม่ยอมตรัสอะไรกับสุทัศนะเหมือนที่ผ่านมา สุทัศนะรู้สึกแปลกใจว่า ทุกครั้งท่ีตนมาพบ พระมารดาจะยินดีต้อนรับ แต่วันน้ีพระมารดาโศกเศร้า น้อยพระทัย คงมีอะไรแน่ จึงทูลถามถึงสาเหตุ แต่พระชนนีก็ยังเอาแต่นิง่ เงยี บ ไม่ได้ตรัสอะไร สุทัศนะคิดว่าหรือจะเกิดเหตุร้ายอะไร จึงถามว่า “ใครทำ�ให้ แม่ไม่สบายใจ หรือมีเหตุรา้ ยอะไร” พระนางสมุททชาตรัสว่า “สุทัศนะ แม่ฝันร้ายมาเดือนหน่ึงแล้ว แมฝ่ นั วา่ มชี ายคนหนึ่งตัดแขนแมไ่ ป ดูเหมอื นเปน็ แขนขา้ งขวา เขาถอื ตดิ มอื ไปทงั้ ๆ ทเ่ี ลอื ดสด ๆ ยงั ไหลเปน็ ทาง ตง้ั แตแ่ มฝ่ นั รา้ ย แมไ่ มม่ ี ความสุขเลยลูกรัก น้องของลูกหายไปได้เดือนหนึ่งแล้ว ไม่เห็นมา เย่ยี มแม่ ไม่ร้จู ะเปน็ ตายร้ายดีอย่างไร เขาไม่เคยหายไปนานขนาดน้ี เราจะไปนิเวศน์ของภูริทัตกัน ไปเย่ียมน้องของลูก” กล่าวเช่นนั้นแล้ว จึงเสด็จไปยังนิเวศน์ของพระภรู ิทัต พรอ้ มดว้ ยนาคข้าราชบรพิ ารเปน็ อนั มาก ฝา่ ยพวกภรรยาพระโพธสิ ตั ว์ เมอื่ ไมเ่ หน็ พระภรู ทิ ตั ทจี่ อมปลวกกค็ ดิ วา่ คงจะอยู่ในนิเวศน์ของมารดา จึงไม่ได้พากันสงสัยหรือสอบถามถึง ครั้นเหล่า ภรรยาพระภูริทัตทราบว่า แม่ผัวมาหาบุตรของตน ก็พากันออกมาต้อนรับ จึงรู้ว่าพระภูริทัตหายไปได้หนึ่งเดือนแล้ว ต่างตกใจหมอบลงแทบพระบาท พระนางสมุททชา รอ้ งไหร้ ำ�พันถงึ พระโพธสิ ัตว์
ท ศ ช า ติ 389 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง มารดาพระโพธิสัตว์ขึ้นไปตรวจดูบนปราสาทพร้อมหญิงสะใภ้ เห็นท่ีนอนและท่นี ่ังบตุ ร กย็ ง่ิ เศรา้ ใจครำ�่ ครวญร�ำ พันว่า “แมไ่ ม่เหน็ ลูกภรู ทิ ตั จะตรอมตรมจนสิ้นใจ เหมือนแม่นกที่ลูกถูกฆ่า เห็นแต่รังเปล่า จะ ระทมทุกขจ์ นส้นิ ใจ” เมื่อมารดาพระโพธิสัตว์รำ�พันอยู่อย่างนี้ แม้นาคสักตนหน่ึงก็ไม่อาจ ทรงภาวะของตนอยู่ได้ ต่างสงสารพระนางร้องระงมเป็นเสียงเดียวกัน ปานประหน่ึงเสียงคลื่นในท้องมหาสมุทรซัดฝ่ังอยู่ไม่ขาดสาย เหล่าภรรยา พระโพธิสตั วต์ ่างลม้ ตวั ลงนอนระเกะระกะอย่างหมดอาลยั ท่วั ทง้ั พระราชนเิ วศน์ ยง่ิ ดูวงั เวง ขณะน้ัน อริฎฐะและสุโภคะสองพี่น้องก็ตามมาถึง ต่างช่วยกันปลอบ มารดาให้เบาใจว่า เป็นธรรมดาสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมา ย่อมมีความพลัดพราก อย่างน้ี พระนางสมุททชาตรัสว่า “ลูกรัก ถึงแม้แม่จะรู้ว่า สัตว์ทั้งหลาย ก็เป็นอย่างน้ี เป็นธรรมดา แต่แม่ก็ทำ�ใจไม่ได้ เมื่อแม่ไม่เห็นภูริทัต ในคืนวนั น้ี เห็นทแี มจ่ ะตอ้ งตายแน”่ พระโอรสทงั้ สามกลา่ วว่า “แม่อยา่ เศร้าโศกไปเลย ลูกทงั้ ๓ คน จะออกตามหาภรู ทิ ตั ไปทกุ หนทกุ แหง่ แมจ่ ะไดเ้ หน็ ภรู ทิ ตั ภายใน ๗ วนั ” สุทัศนะคิดว่าถ้าไปทางเดียวกันท้ัง ๓ คน จะทำ�ให้ชักช้าไม่ทันการณ์ ควรแยกกนั ไปคนละทาง คนหนงึ่ ไปเทวโลก คนหนง่ึ ไปปา่ หมิ วนั ต์ สว่ นอกี คนหนง่ึ ไปโลกมนุษย์ ถ้าให้อริฎฐะไปโลกมนุษย์ หากพบภูริทัตเข้าในบ้านหรือนิคมใด เขากจ็ ะเผาบา้ นและนคิ มนน้ั ใหม้ อดไหมเ้ สยี หมด เพราะอรฏิ ฐะมนี สิ ยั มทุ ะลดุ รุ า้ ย ไม่กลัวใคร จงึ ไม่ควรให้ไปโลกมนษุ ย์ เมอ่ื คิดเช่นน้ัน สุทศั นะนาคราชจึงใหอ้ ริฎฐะไปเทวโลก ก�ำ ชบั วา่ “ถา้ เทวดาตอ้ งการฟงั ธรรม ไดน้ �ำ ภรู ทิ ตั ไปเทวโลก กข็ อใหพ้ ากลบั มากอ่ น สโุ ภคะให้ไปปา่ หมิ วนั ต์ ส่วนสุทศั นะเองจะไปโลกมนษุ ย์”
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 390 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ธดิ านาคราช สทุ ศั นะคดิ วา่ ถา้ เราแปลงกายเปน็ ชายหนมุ่ ไป พวกมนษุ ยจ์ ะไมเ่ คารพ ควรจะแปลงเป็นฤๅษีไป เพราะบรรพชิตเป็นท่ีเคารพรักของเหล่ามนุษย์ จึง แปลงกายเปน็ ฤๅษี กราบลามารดาแลว้ จากไป พระภรู ทิ ตั โพธิสตั วน์ ั้น มีนางนาคน้องสาวต่างมารดาอย่คู นหน่ึง ชือ่ ว่า “อจั จมิ ขุ ”ี เธอมรี ปู รา่ งหนา้ ตานา่ รกั ภรู ทิ ตั เอน็ ดนู อ้ งสาวคนนมี้ าก เธอจงึ เคารพ รักพระโพธิสัตว์เหลือเกิน นางเห็นสุทัศนะจะไปโลกมนุษย์ จึงร้องขอติดตาม ไปดว้ ย สทุ ศั นะหา้ มนอ้ งสาววา่ “นอ้ งไปกบั พไี่ มไ่ ด้ เพราะพไี่ มไ่ ดไ้ ปอยา่ ง ธรรมดา พี่จะแปลงเปน็ บรรพชติ ไป” แม้อัจจิมุขีรู้ว่าพ่ีชายลำ�บากใจท่ีจะให้เธอติดตามไปด้วย แต่เธอก็ ไมล่ ดละความพยายาม ออ้ นวอนขอรว่ มเดนิ ทางไปดว้ ยวา่ “ถา้ เชน่ นนั้ นอ้ งจะ แปลงกายเปน็ ลกู เขยี ดนอ้ ย นอนไปในชฎาของพ”ี่ แมส้ ทุ ศั นะจะหา้ มปราม อยา่ งไร เธอกอ็ อ้ นวอนแลว้ ออ้ นวอนเลา่ จนสทุ ศั นะใจออ่ น ยอมอนญุ าตใหต้ ดิ ตาม ไปดว้ ย สุทัศนะนาคราชและนางนาคสาวอัจจิมุขีคิดกันว่า ควรจะต้องเริ่มต้น ตรงท่ีภูริทัตไปรักษาอุโบสถก่อน จึงสอบถามสถานที่น้ัน ๆ จากภรรยาภูริทัต แล้วแปลงเปน็ ลกู เขียดนอ้ ยนอนในชฎาของพี่ชายไป จนถึงบรเิ วณจอมปลวกใกล้ ต้นไทรใหญ่ริมฝ่ังแม่น้ำ�ยมุนา เห็นเลือดและร่องรอยเถาวัลย์ท่ีถูกตัดมาถักเป็น กระโปรงตรงทีอ่ าลมั พายนจ์ บั พระโพธิสัตว์ นางอัจจิมุขีรู้ชัดว่าพี่ชายท่ีเธอรักถูกหมองูจับไป ก็ใจหายเกิดความ เศรา้ โศกข้ึนมาทนั ที เธอรอ้ งไหน้ �้ำ ตานองหน้า นางคดิ วา่ กแ็ ล้วหมองคู นใด จึงมี อำ�นาจเหนือภูริทัตพ่ชี ายของเธอ จนสามารถจบั พชี่ ายของเธอไปได้
ท ศ ช า ติ 391 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง นาคทั้งสองจึงตามรอยอาลัมพายน์ไปจนถึงหมู่บ้านที่อาลัมพายน์ให้ พระโพธิสัตว์แสดงคร้ังแรก ถามชาวบ้านว่ามีหมองูนำ�นาคราชรูปร่างหน้าตา เช่นน้มี าเลน่ ในหมูบ่ า้ นนบ้ี ้างหรอื ไม่ ท้ังสองจึงทราบจากชาวบ้านว่า มีหมองูนำ�นาคมาแสดงที่นี่จากวันนั้น จนถงึ วนั นไี้ ดป้ ระมาณหนงึ่ เดอื นเเลว้ พญานาคสทุ ศั นะในคราบฤๅษถี ามชาวบา้ นวา่ “หมองูได้อะไรจากการแสดงไปบ้าง” ชาวบา้ นตอบว่า “ไดเ้ งินประมาณ ๑,๐๐๐ กหาปณะ” ฤๅษีถามต่อไปว่า “หมองูออกจากหมู่บ้านน้ีแล้ว ไปแสดงท่ีไหนตอ่ ” ชาวบา้ นบอกหมบู่ า้ นที่อาลัมพายนม์ งุ่ หนา้ ไป ฤๅษจี งึ ออก เดินทางถามตงั้ แต่หมู่บา้ นน้นั เร่ือยไปจนถึงประตูพระนคร ขณะน้ัน ผูค้ นก�ำ ลงั หล่ังไหลเข้าสู่พระนคร ต่างสง่ เสียงเชิญชวนกนั ไปดู การแสดงตามทอ้ งถนน นาคสองพ่นี อ้ งจึงปะปนเข้าพระนครไปกบั ฝงู ชน เชา้ วนั นนั้ พราหมณอ์ าลมั พายนค์ ดิ วา่ วนั นจี้ ะแสดงตอ่ เบอื้ งพระพกั ตร์ ของพระราชา ต้องแสดงใหด้ ี อาบน�ำ้ แตง่ ตวั เสร็จแล้ว จึงให้คนยกกระโปรงแกว้ ขังพระโพธสิ ตั วไ์ ปยงั ประตพู ระราชฐาน ประชาชนมาชมุ นุมดูการแสดงแนน่ ขนัด ขณะนั้น พระเจ้ากรุงพาราณสียังประทับอยู่ในพระราชนิเวศน์ ทรง ส่งสาส์นไปแจ้งว่า พระองค์จะเสด็จไปทอดพระเนตรการแสดงของพญานาค เจ้าหน้าท่พี ระราชวงั จึงทอดพระราชอาสนไ์ ว้บริเวณทจี่ ะจดั การแสดง พราหมณ์อาลัมพายน์วางกระโปรงแก้วใส่พระโพธิสัตว์ลงบนพรม อันวจิ ติ ร เปดิ ฝาออกแล้วส่งสญั ญาณให้พญานาคออกมา พระโพธสิ ตั วโ์ ผลศ่ รี ษะออกจากกระโปรงแกว้ มองดไู ปรอบ ๆ ตามสัญชาตญาณของนาคทั้งหลาย เพื่อจะดูว่ามีอันตรายจากครุฑ หรอื ไม่ และดวู า่ มญี าตขิ องตนอยหู่ รอื ไม่ เปน็ ธรรมดาวา่ เมอื่ พวกนาค เห็นครุฑก็กลัว จึงไม่กล้าแผ่พังพานฟ้อนรำ� และเม่ือเห็นพวกญาติ ก็ละอาย ไมแ่ ผพ่ งั พานฟอ้ นร�ำ เชน่ กนั
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 392 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ขณะนั้น ฤๅษีสุทัศนะยืนแทรกอยู่ท้ายสุดของฝูงชน พระโพธิสัตว์ มองเห็นพ่ีชายท่ามกลางฝูงชนก็เล้ือยออกจากกระโปรง พุ่งตรงรี่เข้าไปหาพ่ีชาย ทงั้ ๆ ท่ีน�ำ้ ตายงั นองหน้า ผู้คนเห็นพญานาคภูริทัตพุ่งออกจากกระโปรงแก้ว เล้ือยตรงร่ีเข้าใส่ ฝงู ชนกพ็ ากนั ตกใจกลวั แตกตนื่ แหวกเปน็ ทางออกไป ยงั ยนื อยแู่ ตส่ ทุ ศั นะคนเดยี ว พญานาคภูริทัตซบศีรษะร้องไห้อยู่ท่ีหลังเท้าพี่ชาย สุทัศนะเห็นสภาพ นอ้ งชายก็ร้สู กึ รนั ทดใจ ไม่อาจกล้ันน�้ำ ตาไว้ได้ จึงยืนร้องไห้เชน่ กนั แม้นางนาคสาวอัจจิมุขีท่ีอยู่ในชฎาเห็นสภาพพี่ชายท่ีตนเคารพรักย่ิง พลันความสงสารก็พรั่งพรูเข้าสู่จิตใจ กลั้นนำ้�ตาเอาไว้ไม่ได้ เธอสะเทือนใจกับ ภาพที่เห็น ร้องไห้ด้วยความสงสาร พระโพธิสัตว์ซบศีรษะร้องไห้อยู่ที่หลังเท้า พช่ี าย เมอื่ ข่มความโศกเศร้าไดแ้ ล้ว จงึ คอ่ ย ๆ เลอื้ ยกะปลกกะเปลีย้ กลบั เข้าไป ในกระโปรงเชน่ เดิม พราหมณ์อาลัมพายน์มองเห็นเหตุการณ์น้ันเข้าใจว่า ฤๅษีหนุ่มถูก นาคกดั คดิ จะปลอบโยน จงึ เขา้ ไปหาแลว้ กลา่ ววา่ “นาคหลดุ ออกไปฟบุ ทเี่ ทา้ พระคุณเจ้าอย่างกะทันหัน พระคุณเจ้าถูกกัดหรือไม่ แต่พระคุณเจ้า อยา่ กลัวเลย ข้าพเจ้ามยี าวเิ ศษรักษา” สุทัศนะกล่าวว่า “นาคตัวน้ีทำ�อะไรเราไม่ได้หรอก หมองูเท่า ทม่ี ีอยู่ก็ไมเ่ ห็นจะมคี นไหนดีไปกวา่ เรา” อาลัมพายน์ได้ยินเช่นนั้นไม่รู้ว่าเป็นใครก็โกรธตวาดว่า “ฤๅษีเซ่อ เงอะงะ แต่งตัววางทา่ ทางเป็นฤๅษี มาท้าเรากลางประชาชน” สทุ ศั นะกลา่ วกบั หมองนู น้ั วา่ “หากทา่ นเกง่ กเ็ อาพญานาคของทา่ น มาสู้กับลูกเขียดนอ้ ยของเรา พนนั กนั ด้วยเงิน ๕,๐๐๐ กหาปณะ”
ท ศ ช า ติ 393 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พราหมณอ์ าลมั พายนก์ ลา่ ววา่ “ฤๅษนี อ้ ย เรามเี งนิ มากมาย แตท่ า่ น จะหาเงนิ จากท่ไี หนมาเดิมพัน แลว้ ใครจะค�ำ้ ประกนั เดิมพนั ของท่าน” สทุ ศั นะนาคราชในคราบฤๅษหี นมุ่ ชะงกั อยคู่ รหู่ นง่ึ จ�ำ นนตอ่ อาลมั พายน์ ไมก่ ลา้ ยนื ยัน เพราะตนไมม่ เี งิน หากจะน�ำ มาด้วยฤทธ์กิ เ็ กรงอาลัมพายนจ์ ะรู้ว่า ตนเป็นนาค จงึ ตดั สนิ ใจขึน้ สู่พระราชนิเวศน์ดว้ ยท่าทางองอาจ เขา้ ไปเฝ้าพระเจา้ กรงุ พาราณส๓ี กราบทลู วา่ “ขอถวายพระพร มหาบพติ ร พระราชสมภารเจา้ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ขอพระองค์จงมีพระชนม์ยิ่งยืนนาน ขอ พระองค์ทรงเป็นหลักประกันเงินเดิมพัน ๕,๐๐๐ กหาปณะของ อาตมภาพด้วยเถิด” พระราชาทรงสงสัยว่า ทำ�ไมฤๅษีหนุ่มน้ีขอทรัพย์มากเหลือเกิน จึง ตรัสว่า “ท่านฤๅษี ท่านจะเอาเงนิ ไปใช้หน้ีของบดิ าหรือวา่ เป็นหนี้ที่ทา่ น ก่อขึ้นเอง เหตไุ รจึงขอเงนิ มากมายจากโยมเช่นน้ี” พญานาคในรา่ งฤๅษถี วายพระพรวา่ “พราหมณอ์ าลมั พายนต์ อ้ งการ จะเอาพญานาคสู้กับอาตมา อาตมาจะให้ลูกเขียดน้อยกัดพราหมณ์ อาลัมพายน์ ในวันน้ี ขอเชิญพระองค์พร้อมทั้งเหล่าทหาร เสด็จ ทอดพระเนตรลกู เขียดนอ้ ยของขา้ พระองคต์ อ่ ส้กู ับพญานาค” พระราชาตรัสว่า “ถ้าเชน่ นั้น เราจะไป” จงึ เสดจ็ ออกไปพร้อมกบั สุทศั นะฤๅษี พราหมณ์อาลัมพายน์เห็นพระราชาเสด็จมากับฤๅษี ตกใจคิดว่าฤๅษีนี้ เห็นจะเป็นบรรพชิตในพระราชสำ�นัก จึงไปเชิญพระราชาเสด็จออกมา เม่ือจะ ๓ พระเจา้ กรงุ พาราณสี พระนามวา่ “สาครพรหมทตั ” มศี กั ดเ์ิ ปน็ ลงุ ของสทุ ศั นะ เพราะเป็นพ่ีชายของพระนางสมทุ ทชา ผู้เปน็ มารดาของสทุ ัศนะและพระโพธิสตั ว์
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 394 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง โอนออ่ นผอ่ นตาม จงึ กลา่ ววา่ “ทา่ นฤๅษี เราไมไ่ ดด้ หู มนิ่ ทา่ นดว้ ยวทิ ยาคม เลย แตท่ า่ นหลงวทิ ยาคมของทา่ นมากเกนิ ไปโดยไมย่ �ำ เกรงพญานาค” สุทัศนะกล่าวว่า “พราหมณ์ แม้อาตมาก็ไม่ได้ดูหมิ่นท่าน ในดา้ นวทิ ยาคม แตท่ า่ นเอาพญานาคทไี่ มม่ พี ษิ มาหลอกลวงประชาชน หากิน ถ้าชาวบ้านรู้ว่าพญานาคของท่านไม่มีพิษเหมือนที่อาตมารู้ อย่าว่าแตท่ รัพยเ์ ลย แม้กระทงั่ แกลบกำ�มอื หนง่ึ ท่านกจ็ ะไมไ่ ด้” อาลมั พายนโ์ กรธจนตวั สน่ั กลา่ ววา่ “ฤๅษสี กปรก ทา่ นเปน็ นกั บวช นงุ่ หนังเสือ เกล้าชฎารมุ่ รา่ ม ดทู ่าทางก็เซอ่ ซา่ เข้ามาทา้ ทายเรากลาง ประชาชน ดูหม่ินพญานาคว่าไม่มีพิษ หากท่านมีวิทยาคมจริง ก็เข้า มาเลย เด๋ียวก็รู้ว่าพญานาคมีเดชานุภาพจริงหรือไม่ ท่านจะแหลก เปน็ ผุยผงไปในพริบตา” สุทัศนะเย้ยหยันพราหมณ์อาลัมพายน์ว่า “งูเรือน งูปลา งูเขียว ก็ยังพอมีพิษอยู่บ้าง แต่นาคหัวแดงตัวน้ีไม่มีพิษแน่” แม้อาลัมพายน์ กเ็ ยย้ หยนั สทุ ศั นะตอบเชน่ กนั วา่ “เราไดย้ นิ พระอรหนั ตส์ อนไวว้ า่ คนใหท้ าน ในโลกน้จี ะได้ไปเกดิ ในสวรรค์ ขณะนท้ี ่านยงั มชี ีวิตอยู่ มีโอกาสก็จงรบี ให้ทานเสียเถดิ ไมเ่ คยมใี ครรอดชวี ิตจากฤทธ์ิพญานาคของเราได้” สทุ ศั นะในคราบฤๅษหี นมุ่ กต็ อบโตอ้ ยา่ งไมล่ ดละเชน่ กนั วา่ “สหายเอย๋ แมเ้ รากเ็ คยไดย้ นิ พระอรหนั ตส์ อนไวเ้ ชน่ กนั วา่ คนใหท้ านในโลกนแ้ี ลว้ จะไดไ้ ปเกดิ ในสวรรค์ ตวั ทา่ นนนั่ แหละยงั มลี มหายใจอยู่ จงรบี ใหท้ าน เสีย ถ้ามีส่ิงของท่ีควรให้ก็จงรีบให้ ลูกเขียดน้อยช่ือว่าอัจจิมุขีนี้มีพิษ ร้ายแรงยงิ่ จะกดั ทา่ นใหเ้ ปน็ ขเี้ ถา้ ” คร้ันสุทัศนะกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงเหยียดมือออกเรียกน้องสาวออกมา จากชฎา ประกาศให้ประชาชนไดย้ ินไปทว่ั วา่ “อัจจิมุขี น้องจงออกจากชฎา มายนื บนฝา่ มือพ่ี”
ท ศ ช า ติ 395 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง นางอัจจิมุขีได้ยินพี่ชายเรียก จึงออกจากชฎามาจับอยู่ท่ีจะงอยบ่า แล้วกระโดดมายืนอยู่บนฝ่ามือพี่ชาย คลายพิษ ๓ หยด ไว้ในฝ่ามือพ่ีชาย แล้วกลับเข้าไปในชฎาตามเดิม สุทัศนะยืนถือพิษอยู่แล้วประกาศก้อง ๓ ครั้ง วา่ “บัดนี้ ชนบทจะต้องพินาศ ๆ” เสียงของสุทัศนะดังกึกก้องไปท่ัวนครพาราณสี สะท้อนออกไปไกลถึง ๑๒ โยชน์ ประชาชนไม่เคยได้ยินเสียงเช่นน้ีมาก่อน ต่างตกตะลึง เกิดความ หวาดกลัวไปท่วั พระนคร พระเจา้ กรงุ พาราณสตี รสั ถามวา่ “เพราะเหตไุ ร ชนบทจงึ จะพนิ าศ” สุทัศนะถวายพระพรว่า “มหาบพิตร ชนบทจะพินาศเพราะหยดพิษของ ลูกเขียดน้อยตัวน้ี” พระราชาขอให้ฤๅษีนำ�หยดพิษไปทิ้งเสีย สุทัศนะตอบว่า ไมร่ จู้ ะน�ำ ไปทงิ้ ทไี่ หนได้ พระเจา้ กรงุ พาราณสบี อกใหน้ �ำ ไปทง้ิ ตรงบรเิ วณแผน่ ดนิ ทว่ี า่ งเปลา่ กว้างใหญ่ สทุ ศั นะกลา่ ววา่ “ถา้ หยดพษิ ตกลงบนแผน่ ดนิ ตน้ หญา้ เถาวลั ย์ และตน้ ไม้ทเี่ ปน็ ยาจะเหยี่ วแห้งตายไปหมด” พระราชาให้ขว้างขึ้นไปในอากาศ สุทัศนะกล่าวว่า “ถ้าขว้างพิษขึ้น ไปในอากาศ ท้งั ฝน ท้ังหมิ ะจะไม่ตกตลอด ๗ ป”ี พระราชาตรสั วา่ “ถา้ เชน่ นนั้ จงหยดพษิ ลงในน�้ำ ” สทุ ศั นะกลา่ ววา่ “ถ้าหยดพิษลงในนำ�้ สัตว์น้�ำ ทั้งปลาและเตา่ จะตายกนั หมด” พระราชาตรัสว่า “ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะทำ�อย่างไรแล้ว ท่านจง ชว่ ยหาวธิ ที จ่ี ะไมใ่ หแ้ ควน้ ของเราพนิ าศดว้ ยเถดิ ” ฤๅษสี ทุ ศั นะถวายพระพร ว่า ขอจงทรงรับสั่งให้คนขุดบอ่ ๓ บ่อ ตดิ ตอ่ กันไปในทแี่ ห่งหนึง่ พระราชารบั ส่ัง ให้ทำ�ตามน้ัน สุทศั นะจึงเอายาตา่ ง ๆ ใส่บอ่ แรก ให้เต็ม บ่อท่ี ๒ ใหใ้ สโ่ คมัย สว่ นบอ่ ที่ ๓ ให้ใสโ่ อสถทิพย์ จากน้นั จึงเอาหยดพิษใสล่ งในบอ่ ที่ ๑
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 396 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง ทันใดนั้นเอง ได้เกิดกลุ่มไฟพวยพุ่งลุกข้ึนราวดอกเห็ด เปลวไฟ เลยลามไปติดบ่อโคมัย แล้วลุกลามต่อไปถึงบ่อโอสถทิพย์ แล้วไหม้โอสถทิพย์ จนหมดจึงดบั พราหมณอ์ าลมั พายนย์ นื ดอู ยใู่ กลบ้ อ่ นนั้ ไอควนั พษิ ฉาบผวิ กายพองขนึ้ กลายเปน็ ขเี้ รอื้ นดา่ ง อาลมั พายนต์ กใจกลวั ตาย จงึ รอ้ งเสยี งหลงวา่ “ยอมปลอ่ ย นาคราชแลว้ ๆ” พระโพธิสัตว์ได้ยินดังนั้นจึงเลื้อยออกจากกระโปรงแก้ว เนรมิตกาย ประดับด้วยเคร่ืองอลังการต่าง ๆ ยืนอยู่ด้วยท่าทางเหมือนท้าวสักกเทวราช ทง้ั สุทศั นะนาคมาณพ และอัจจิมุขีนาคกัญญาตา่ งก็ดใี จจนนำ�้ ตาคลอ ปรากฏตน มายนื อยู่เคียงข้างพระโพธิสัตว์ สุทัศนะนาคมาณพทูลถามพระเจ้ากรุงพาราณสีว่า “ข้าแต่มหาราช พระองค์รู้ไหมว่า ข้าพระองค์ทั้ง ๓ น้ี เป็นลูกใคร” พระราชาตรัสว่า “เราไม่รู้” สุทัศนะนาคมาณพกราบทูลว่า “พระองค์ไม่รู้จักข้าพระองค์ กไ็ มเ่ ปน็ ไร แตพ่ ระองคท์ รงจ�ำ เรอ่ื งทพี่ ระเจา้ กาสี พระราชทานเจา้ หญงิ สมทุ ทชา พระธิดาให้ทา้ วธตรฐไดห้ รือไม”่ พระราชาตรสั วา่ “เรารู้ เพราะสมทุ ทชาเปน็ นอ้ งสาวเรา” สทุ ศั นะ นาคมาณพ กราบทูลว่า “ข้าพระองค์ท้ัง ๓ น้ี เป็นลูกของพระมารดา สมทุ ทชา พระองค์จึงเป็นลงุ ของขา้ พระองค์” พระราชาทราบเช่นนนั้ กท็ รงยินดี สวมกอดจมุ พิตหลานทศี่ ีรษะ พลาง ทรงกรรแสง สะเทอื นพระทยั แลว้ น�ำ ขน้ึ ปราสาท ทรงท�ำ การตอ้ นรบั อยา่ งยง่ิ ใหญ่ แล้วถามว่า “ภูริทัต หลานมีฤทธ์ิเดชสูงถึงเพียงน้ี ทำ�ไมอาลัมพายน์ ยงั จับหลานมาทรมานได”้
ท ศ ช า ติ 397 พ ร ะ ภู ริ ทั ต ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง พระภรู ทิ ตั จงึ กราบทลู เรอื่ งราวใหฟ้ งั แลว้ แสดงราชธรรมแกพ่ ระเจา้ ลงุ ใหป้ กครองอาณาประชาราษฎรด์ ้วยทศพธิ ราชธรรม สทุ ศั นะกราบทลู พระราชาวา่ “พระมารดาของขา้ พระองค์ ไม่ได้ เห็นหน้าภูริทัต ก็ยังกลัดกลุ้มอยู่ ข้าพระองค์ไม่อาจอยู่ช้านานได้” พระราชารบั สง่ั ใหเ้ ดนิ ทางกลบั กนั ได้ แตว่ า่ พระองคอ์ ยากพบนอ้ งสาวของพระองค์ บา้ ง ท�ำ อย่างไรจึงจะไดพ้ บกนั สุทัศนะกราบทูลว่า “ขณะน้ี พระอัยกาของหลานอยู่ที่ไหน?” พระราชาตรัสบอกให้ทราบว่า “พระเจ้ากาสิกราช ผู้เป็นพระอัยกาน้ัน นับตั้งแต่น้องสาวของลุงจากไป ทรงอยู่ไม่ได้โดยไม่มีน้องสาวของลุง จงึ ทรงสละราชสมบัติออกผนวชเปน็ ฤๅษอี ยู่กลางป่าใหญ”่ สทุ ศั นะนาคมาณพกราบทลู วา่ “มารดาของขา้ พระองค์ ประสงค์ จะพบพระเจ้าลุงและพระอัยกาด้วย ถึงวันโน้น พระองค์จงเสด็จไป พบพระอัยกา ข้าพระองค์จะพาพระมารดาไปอาศรมพระอัยกา พระเจา้ ลงุ จะไดพ้ บพระมารดาของขา้ พระองคใ์ นสถานทน่ี นั้ ” จงึ ก�ำ หนด วันนัดหมายกับพระเจ้าลุง คร้ันแล้ว นาคสามพ่ีน้องก็แทรกแผ่นดินกลับไป นาคพิภพ เม่ือพระโพธิสัตว์กลับถึงนาคพิภพแล้ว เสียงรำ่�ไห้พิลาปรำ�พันของ เหล่านาคท้ังหลายก็เกิดขึ้นพร้อมกัน พระโพธิสัตว์เหน็ดเหนื่อยเพราะถูกขังอยู่ ในกระโปรงนานนับเดือน จึงนอนเป็นไข้ มีพวกนาคมาเยี่ยมนับไม่ถ้วน ต้อง เหนด็ เหนือ่ ยกบั การทกั ทายปราศรยั คอยตอบค�ำ ถามของพวกนาคเหล่านน้ั อริฏฐะซึ่งไปเทวโลก คร้ันไม่พบพระโพธิสัตว์จึงกลับมาก่อน พวก ญาติมิตรจึงให้อริฏฐะเป็นผู้เฝ้าประตูห้องบรรทมของพระโพธิสัตว์ เพราะเห็นว่า จะห้ามพวกนาคบริษัทได้ เนื่องจากเปน็ ผู้ดุร้ายหยาบคาย
พ ร ะ ภู ริ ทั ต 398 ท ศ ช า ติ ปณิธานมหาบุรุษไม่เปลี่ยนแปลง กรรมตามสนอง ทางด้านสุโภคะเท่ียวตามหาพระโพธิสัตว์ไปทั่วป่าหิมวันต์ จึงเท่ียวไป ตามฝ่ังมหาสมุทร และแม่น�้ำ ต่าง ๆ จนมาถึงแมน่ �ำ้ ยมุนา สว่ นพราหมณเ์ นสาทะไดเ้ หน็ พราหมณอ์ าลมั พายนเ์ ปน็ โรคเรอื้ นเกดิ จาก พิษนาค จึงคิดว่า เจ้านี่ทรมานพระภูริทัตนาคราช เพราะกรรมน้ันจึงเป็น โรคเร้ือน ส่วนเราเป็นผู้บอกให้อาลัมพายน์รู้ท่ีอยู่ของพระภูริทัต ซ่ึงมีบุญคุณ แกเ่ รา เพราะอยากไดแ้ กว้ มณี กรรมคงตามสนองเราในไมช่ า้ แตต่ อนนี้ กรรมยงั ไมส่ นอง เราจะไปประกอบพธิ ีลอยบาปทท่ี า่ น้ำ�ปยาคะ แมน่ �ำ้ ยมนุ า พราหมณ์เนสาทะจึงไปท่ีท่าน้ำ�ปยาคะเพ่ือประกอบพิธีลอยบาป แล้ว กล่าวว่า “เราได้ทำ�กรรมด้วยการประทุษร้ายพระภูริทัตผู้เป็นมิตร เราจึงลอยบาปนั้นในแม่นำ้�นี้ ขอให้บาปกรรมของเราจงหมดส้ินไป ดว้ ยเถดิ ” ขณะท่พี ราหมณ์นน้ั กำ�ลงั ลอยบาป สโุ ภคะตามหาพี่ชายไปจนถึงทา่ น�้ำ ปยาคะ แมน่ �ำ้ ยมนุ า ไดย้ นิ เสยี งพราหมณเ์ ขา้ พอดี จงึ คดิ วา่ “เจา้ คนน้ี เปน็ คน บาปหนา พี่ชายเราให้ยศศักด์ิมากมาย กลับเนรคุณไปนำ�หมองู อาลมั พายนม์ าจบั ไป เราฆา่ มนั เสยี เถดิ ” จงึ เอาหางตวดั รวบเทา้ ทงั้ สองขา้ ง ของพราหมณ์ ลากใหจ้ มลงในน�ำ้ พอจวนจะขาดใจกป็ ลอ่ ยใหโ้ ผลห่ วั ขนึ้ มาหายใจ ครูห่ นึ่ง แล้วลากให้จมลงไปอีก ทรมานให้ลำ�บากอยา่ งน้ีอยหู่ ลายคร้งั พราหมณ์เนสาทะโผล่หัวข้ึนได้จึงกล่าวว่า “นำ้�ที่ท่าปยาคะ คนท้ังหลายเชื่อว่าสามารถลอยบาปได้ เราได้ลอยบาปแล้ว ก็แล้ว ผหี ่าอะไรฉุดเราลงแมน่ �ำ้ ยมนุ า” สโุ ภคะกลา่ วกบั พราหมณน์ น้ั วา่ “ไมม่ ผี หี า่ ทไ่ี หนหรอกตาพราหมณ์ เราเปน็ ลูกพญานาคราช พวกนาคเรยี กเราว่า “สุโภคะ”
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 648
Pages: