Page 1 การฝง เขม็ – รมยา เลม 2 (การรกั ษาโรคท่ีพบบอยดวยการฝงเข็ม) ท่ปี รกึ ษา แพทยหญงิ วิลาวัณย จงึ ประเสริฐ อธิบดีกรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยท างเลือก นางเย็นจติ ร เตชะดํารงสนิ ผอู าํ นวยการสาบันการแพทยไทย-จีน เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต นายแพทยส มชัย โกวทิ เจริญกุล นายกสมาคมแพทยฝงเข็ม และสมนุ ไพร บรรณาธกิ าร ทศั นยี ฮาซาไนน สมชาย จิรพินจิ วงศ บณั ฑติ ย พรมเคียมออ น คณะทํางาน กรมพัฒนาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก เยน็ จติ ร เตชะดาํ รงสนิ ธวัช บูรณถาวรสม ทัศนยี ฮาซาไนน เบญจนีย เภาพานิชย ยุพาวดี บุญชดิ ภาวณิ ี เสรมิ สขุ ไมตรี ศนู ยสริ ินธรเพอื่ การฟนฟูสมรรถภาพทางการแพทยแหงชาติ ประพันธ พงศคณิตานนท วริ ัตน เตชะอาภรณก ุล โรงพยาบาลยางชุมนอย จังหวัดศรสี ะเกษ ชาํ นาญ สมรมติ ร โรงพยาบาลพระนั่งเกลา นนทบุรี โกสินทร ตรรี ตั นวีรพงษ โรงพยาบาลราชวิถี อภิธาน พวงศรเี จริญ โรงพยาบาลกลาง สํานกั การแพทย กรุงเทพมหานคร สทุ ศั น ภทั รวรธรรม ศนู ยการแพทยกาญจนาภเิ ษก มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล อัมพร กรอบทอง สุวดี วองวสพุ งษา
Page 2 กรมแพทยท หารบก พนั เอกฐิติภมู ิ เอ้อื อํานวย โรงพยาบาลวิชยั ยุทธ กิตติศักด์ิ เกงสกลุ นกั วิชาการอิสระ บณั ฑติ ย พรมเคยี มออ น สิทธิชัย วงศอาภาเนาวรัตน ผูทรงคณุ วฒุ ดิ านการแพทยแผนจีน สมชัย โกวทิ เจริญกุล สมชาย จริ พินิจวงศ เจา ของลิขสิทธิ์ กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก ออกแบบปก ทศั นยี ฮาซาไนน บญุ สม รัตนากลู ภาพประกอบ อัมพร กรอบทอง พิมพค รั้งที่ 1 : มนี าคม 2553 จํานวน 1,000 เลม พิมพท่ี : โรงพิมพชมุ นุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย 44/16 ถนนเลี่ยงเมืองนนทบรุ ี แขวงตลาดบัวขวัญ อาํ เภอเมอื ง จงั หวดั นนทบรุ ี 11000 ทัศนีย ฮาซาไนน และคณะ การฝง เข็ม – รมยา เลม 2 ----นนทบรุ ี โรงพิมพช มุ นุมสหกรณก ารเกษตรแหง ประเทศไทย 2553, 380 หนา ภาพประกอบ กรมพฒั นาการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือก กระทรวงสาธารณสขุ ISBN 978 – 616 – 11 – 0277 - 7
Page 3 ก. สารบญั หนา คํานํา ก คาํ แนะนําในการใชหนังสอื ตาํ รา ฝงเขม็ -รมยา เลม 2 ข บทที่ 1 เทคนิคการฝง เขม็ 1 บทท่ี 2 ปฐมบทสูก ารฝงเข็มรกั ษาโรค 45 บทท่ี 3 การฝง เขม็ ระบบศีรษะและใบหู 81 บทท่ี 4 การรักษาอาการโรค 105 1.โรคระบบหวั ใจและหลอดเลือด - ใจสัน่ .....................................................................................................105 - ความดนั โลหิตสูง....................................................................................111 - ความดันโลหติ ตาํ่ ....................................................................................116 - โรคหลอดเลอื ดหวั ใจ..............................................................................121 2. กลมุ โรคระบบประสาทวทิ ยา - Cerebrovascular accident sequela...................................................127 - ปวดประสาทไซแอทติค...........................................................................135 - ปวดศรี ษะ..............................................................................................138 - ปวดประสาทดานขา งลาํ ตัว......................................................................144 - อัมพาตใบหนา ........................................................................................149 - ปวดประสาทใบหนา................................................................................153 - นอนไมห ลบั ............................................................................................159 - โรคพารก ินสัน.........................................................................................162
Page 4 ข. หนา 3. โรคระบบการเคล่อื นไหว - กระดูกคอเสอ่ื ม....................................................................................167 - กลา มเน้อื คออกั เสบ..............................................................................170 - เสน เอ็นอักเสบของขอ ดานนอก...............................................................171 - คอแขง็ เกรง็ .........................................................................................172 - ขอไหลอกั เสบ.....................................................................................174 - กลา มเน้ือหลงั สว นเอวอกั เสบเฉยี บพลนั ...................................................176 4. โรคระบบทางเดนิ หายใจ - อาการไอ.............................................................................................178 - โรคหอบหืด.........................................................................................186 - หลอดลมอักเสบเฉียบพลนั ......................................................................194 5. โรคระบบการยอยอาหาร - โรคน่วิ นํา้ ดี และถงุ นาํ้ ดอี ักเสบ..............................................................196 - โรคทองผกู ..........................................................................................200 - อจุ จาระ.รว ง..........................................................................................203 - แผลกระเพาะอาหารและลําไสส วนตน ......................................................206 - Gastritis............................................................................................210 6. โรคระบบทางเดนิ ปส สาวะ - ปส สาวะรดท่นี อน.................................................................................215 - ปสสาวะคาง........................................................................................218 - นวิ่ ในทางเดนิ ปสสาวะ...........................................................................221 - ตอมลูกหมากอักเสบ............................................................................225
Page 5 ค. หนา - ภาวะอสุจิเคลื่อน..............................................................................229 - ภาวะเสอ่ื มสมรรถภาพทางเพศ...........................................................235 7. โรคระบบสตู ิ – นรีเวช - ปวดประจําเดือน..............................................................................240 - มดลูกเลอื ดออกผดิ ปกติ....................................................................244 - ไมมรี อบเดือน.................................................................................248 - รอบเดือนผดิ ปกติ............................................................................252 - กลมุ อาการวัยใกลหมดประจําเดือน....................................................256 - ภาวะมีบุตรยาก...............................................................................260 - ทารกอยใู นทา ผิดปกต.ิ ......................................................................266 - แพท อง...........................................................................................267 - ภาวะนํ้านมไมพ อเพยี ง......................................................................270 8. โรคระบบหู คอ จมกู - อาการวิงเวยี นศรี ษะ........................................................................274 - โรคโพรงจมกู และไซนสั อกั เสบ...........................................................278 - โรคเย่อื บุจมูกอักเสบจากภมู ิแพ.........................................................282 - กลอ งเสียงและคออักเสบเฉยี บพลันและเร้ือรัง...................................285 - หูอ้ือ และหหู นวก.............................................................................288 - ความผดิ ปกติของขอ ตอกระดูกขากรรไกร..........................................292 9. โรคระบบตอ มไรท อ - โรคอวน.................................................................... .......................294 - โรคเบาหวาน.......................................................................................297
Page 6 ง. หนา - ภาวะการทาํ งานของตอมไทรอยดม ากเกินไป........................................301 - ภาวการณทาํ งานของตอมไทรอยดนอ ยเกนิ ไป......................................305 10. โรคตดิ เชอ้ื - ตับอกั เสบจากไวรสั .............................................................................307 - ไขหวัดใหญ. .......................................................................................310 - คางทูม...............................................................................................312 11. โรค และอาการโรคอืน่ ๆ - ลมพิษ................................................................................................314 - สะอึก.................................................................................................318 - ไขสงู ..................................................................................................324 - พษิ สุราเรือ้ รัง......................................................................................328 - การติดสารเสพติด..............................................................................330 - การเสพตดิ บหุ ร.่ี .................................................................................332 - ปวดฟน..............................................................................................334 ภาคผนวก 1 ประวตั แิ ละการพัฒนาการของวชิ าการแทงเขม็ รมยา............339 ภาคผนวก 2 ดัชนีจุดฝงเขม็ ตามระบบเสนลมปราณ................................351
Page 7 คาํ แนะนําการใชห นังสอื ตาํ รา การฝง เขม็ – รมยา เลม 2 (การรักษาโรคทพี่ บบอ ยดวยการฝงเขม็ ) การจัดทาํ คําแนะนาํ การใชห นงั สอื ตาํ ราการฝง เขม็ -รมยา เลม 2 (การรักษาโรคทพ่ี บบอยดว ยการ ฝงเข็ม) มีวตั ถุประสงคเ พ่ือใหผูอานเขาใจถึงขนั้ ตอนตาง ๆ ในการทาํ ความเขาใจกบั การรกั ษาโรคดวยการ ฝงเขม็ และความสําคัญของการตรวจวนิ จิ ฉยั โรคทถี่ กู ตองเพ่อื การเลอื กใชจ ุดฝง เขม็ ที่เหมาะสมกบั โรคและ สภาพรางกายของผูปวย อยางไรก็ตาม การรกั ษาและการเลือกจดุ ฝงเขม็ ทีใ่ ชใ นหนงั สอื เลมนี้ เปน การเรยี บ เรยี งจากเอกสารทางวชิ าการทีจ่ ดั ทําขน้ึ โดยสถาบนั การศกึ ษาทมี่ ชี ือ่ เสียงของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ไดแ ก มหาวิทยาลยั การแพทยแ ผนจีนเซีย่ งไฮ มหาวทิ ยาลยั การแพทยแผนจนี ปกกิ่ง มหาวทิ ยาลยั การแพทย แผนจนี นานจิง เปนตน ทง้ั น้เี พือ่ ใหการรักษามีมาตรฐานการเชนเดียวกับการรักษาในประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจนี และเพอื่ ใหผ อู า นไดมีแนวทางในการศึกษาวจิ ยั ผลการรักษาโรคดวยการฝงเขม็ เพือ่ ยนื ยนั ความ นา เชอื่ ถือในการรักษาโรคดวยการฝง เขม็ ใหก วางขวางตอไป การฝงเข็มเปนเวชกรรมการรกั ษาโรคของชาวจนี ทมี่ ปี ระวตั กิ ารคน ควา และแพรห ลายมาหลายพันป การฝง เข็มเปน วธิ กี ารรกั ษาโรค ฟนฟูสขุ ภาพ สรางเสรมิ สขุ ภาพและปอ งกนั โรค โดยการใชเ ข็มปกเขา ไปยงั ตาํ แหนง ตาง ๆ ของรางกาย ในตาํ แหนง ทเ่ี ปนจุดเฉพาะ มีวตั ถุประสงคเพอ่ื ปรบั สมดุลรางกาย เปน การ กระตุนใหร า งกายตน่ื ตวั ขึ้น ชว ยใหอ วยั วะและระบบการทาํ งานตา ง ๆ ของรางกายกลับทํางานไดเปนปกติ นอกจากน้นั การฝง เขม็ ยังสามารถชวยระงบั อาการเจบ็ ปวด จึงมกั นาํ ไปใชใ นการรักษาโรคปวดตาง ๆ ไดด ี หนังสือ ตํารา การฝง เข็ม – รมยา เลม 2 น้ี ประกอบดว ยเนื้อหาตา ง ๆ ดงั นี้ บทท่ี 1 เทคนิคการฝง เขม็ มีเนือ้ หาเกี่ยวกับความรูเร่อื งเข็มท่ีใชใ นการรกั ษาผูป วย จากอดตี ซึง่ มี เขม็ โบราณ 9 แบบ จนถึงในปจจุบนั ไดพัฒนามรี ปู แบบและวธิ กี ารใชห ลากหลายมากข้นึ เชน เขม็ บาง เข็ม ผิวหนงั เข็มนํา้ เขม็ ใตผิวหนัง รวมถงึ การใชเ ครื่องกระตนุ ไฟฟา มาใชรว มกับการฝงเข็ม นอกจากนั้น ยงั มีรายละเอียดในเรือ่ งการเตรยี มสถานที่ และอปุ กรณการรกั ษาเพือ่ ใหไ ดมาตรฐาน ในเรือ่ งความปลอดภัย การจดั เตรียมทาของผปู ว ยเพอื่ การฝง เขม็ วธิ กี ารฝงเขม็ แบบตาง ๆ รวมทง้ั เทคนิค การกระตนุ เข็มแบบตา ง ๆ
Page 8 บทที่ 2 ปฐมบทสูการฝง เข็มรักษาโรค เปน การกลาวถึงหลกั ทวั่ ไปในการรกั ษาโรค ไดแ ก การปรบั สมดลุ ของอนิ – หยาง การเสรมิ สรางภูมติ านทานและขจดั ปจ จยั กอโรค การรกั ษาโรคตามสภาพผปู ว ยและ สภาวะสงิ แวดลอ ม วิธกี ารรกั ษาโรค ไดแ ก การเสรมิ บาํ รงุ การระบาย การทําใหอ ุน ฯลฯ หลกั พืน้ ฐาน สําหรับตํารับจุดและการเลือกจดุ ฝงเข็มในการรกั ษาโรค การประยุกตใชจดุ พิเศษ เชน จุดซทู ้ังหา จุดเหอลาง จุดล่วั จดุ หยวน – ลั่ว จดุ ซี จุดซูหลงั จุดอทิ ธิพลท้งั 8 นอกจากนีย้ ังกลา วถงึ ความรใู นเร่อื งการเลอื กจดุ ฝง เขม็ ตามการไหลเวียนในเสนลมปราณสมั พันธก บั เวลาโลก (นาฬกิ าชวี ิต) บทท่ี 3 ความรูเก่ยี วกบั การฝง เข็มระบบใบหู และการฝงเข็มที่หนงั ศรี ษะ โดยจะมีรายละเอยี ดใน เรอ่ื ง การหาแนวตาง ๆ เพ่อื การฝง เขม็ ของระบบหนงั ศีรษะ ซ่งึ เปนบริเวณที่ควบคมุ การทาํ งานตา ง ๆ ของ รา งกาย เชน บรเิ วณควบคมุ การเคลอ่ื นไหว บรเิ วณรบั ความรูสกึ ควบคมุ การพดู ควบคุมการมองเห็น ควบคมุ การทรงตวั บรเิ วณกระเพาะอาหาร บรเิ วณทรวงอกและอวัยวะสบื พนั ธุ เปน ตน ในเร่ือง เขม็ หู จะเปนความรูเกี่ยวกบั องคประกอบของใบหู ตาํ แหนง ของจดุ บนใบหู พยาธสิ ภาพ ของสว นตา ง ๆ ของรา งกาย การหาจุดบนในหู หลักการเลอื กจดุ ฝงเขม็ บนใบหู การเลอื กจดุ บนในหสู ําหรบั การรักษาโรคในระบบตาง ๆ การกระตนุ จุดบนใบหู ตลอดจนขอควรระวงั ในการฝง เขม็ หู บทท่ี 4 การรกั ษาโรคดวยการฝง เขม็ จะกลา วถึงโรคทีพ่ บบอ ยและรกั ษาไดด ว ยการฝงเข็ม โดย จะมีการอธิบายรายละเอยี ดตาง ๆ ประกอบดว ย 1. ชอื่ โรค ใชช ือ่ โรคภาษาไทย และวงเลบ็ ชอื่ โรคตามศัพทก ารแพทยแผนตะวันตก สาํ หรบั โรคท่ี ไมม คี าํ เรียกภาษาไทย จะทับศัพทช่ือโรคตามศพั ทก ารแพทยแ ผนตะวันตก 2. บทนาํ จะกลาวบรรยายถึงลักษณะอาการแสดงออกของโรคนนั้ การดาํ เนนิ ของโรค 3. สาเหตุและกลไกลการเกดิ โรค กลาวถงึ สาเหตุการเกดิ โรคตามแนวคดิ ของศาสตรก ารแพทย แผนจนี 4. การวินจิ ฉัยแยกกลมุ อาการโรค กลาวถงึ การวนิ ิจฉยั สาเหตุการเกิดโรคตามทฤษฎศี าสตรก าร แพทยแ ผนจีน การตรวจจะดจู ากลักษณะลิ้น ฝาบนล้นิ ลักษณะชพี จร โดยจะบอกลกั ษณะจงั หวะการ เตน ของชพี จร โดยบอกจงั หวะการเตน ของชพี จร พรอมคําอานภาษาจีน และพนิ -อนิ
Page 9 5. หลักการรกั ษา จะเนน การรกั ษาดวยการฝงเขม็ โดยจะใชจดุ ฝง เข็มตามลกั ษณะอาการท่ตี รวจ พบ จุดฝงเข็มจะมีจุดฝง เข็มหลัก และจดุ เสริม พรอมคําอธบิ ายเหตุผลการเลือกจดุ ฝง เข็มเหลา นัน้ จุดฝงเขม็ ทใ่ี ชจ ะใชรหสั จดุ ฝงเข็ม พรอมคาํ อา นพนิ -อนิ สําหรับผสู นใจจะหาคาํ อานพิน-อินภาษาไทย สามารถศึกษาได จากภาคผนวกที่ 2 ของหนงั สือเลม นี้ เพราะรวบรวมจดุ ฝง เขม็ ทั้งในและนอกระบบลมปราณ นอกจากนนั้ ใน บางอาการโรคจะมีการเลือกใชก ารฝงเขม็ ในระบบใบหู และหนงั ศรี ษะดว ย 6. ภาพประกอบ การรกั ษาดวยการฝง เขม็ ในแตละกลมุ อาการโรค จะแสดงภาพตําแหนง จุดฝงเข็ม ท่ีใช พรอมรหัสจดุ ฝงเข็มในตอนทายของเนอ้ื หาแตล ะโรค 7. สัญญาลกั ษณใ ชเ พือ่ แสดงวธิ กี ารกระตุนเขม็ หรอื วธิ ีการอ่นื ๆ โดยจะมสี ัญญาลกั ษณเ คร่อื งหมาย หลงั รหัสจดุ ฝง เขม็ และคําอานพิน-อนิ ช่ือจดุ ฝง เข็ม มีความหมาย ดงั นี้ + หมายถึง การกระตนุ เข็มแบบเสรมิ - หมายถึง การกระตนุ เขม็ แบบระบาย / หมายถึง การฝง เข็มแบบไมกระตนุ เขม็ (ผงิ ปูผ งิ เสี่ย) หนงั สอื ตาํ รา การฝง เขม็ – รมยา เลม 2 น้ีจะมภี าคผนวก 2 เร่อื ง ไดแก ภาคผนวกที่ 1 ประวัติการฝง เข็ม – รมยา เรยี บเรียงโดย อาจารยธ งไทย ทองปน ภาคผนวกท่ี 2 ดัชนจี ดุ ฝง เขม็ ตามระบบเสน ลมปราณ จะรวบรวมจุดฝงเขม็ ทกุ เสนลมปราณ โดยจะ ประกอบดว ยรหัสจุด, ช่อื ภาษาจนี , พิน – อิน และคาํ อานภาษาไทย 7. เอกสารอางองิ จะอยูท า ยสดุ ของหนงั สอื
Page 10
Page 11 บทท่ี 1 เทคนิคการฝง เขม็ (Acupuncture Techniques) การฝงเข็มใหเกิดผลในการรักษาโรค ไมใชเพียงแคการเอาเข็มท่ิมแทงไปตามรางกายเทาน้ัน แตยังตองอาศัยเทคนิคหลายอยางในขั้นตอนของการฝงเข็ม เทคนิคในการฝงเข็มท่ีดีนอกจากทําใหการ รักษาสัมฤทธ์ิผลแลวยังสามารถหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซอนอันไมพึงประสงคไดอีกดวย แพทยฝงเข็ม จําเปนตองมีความรูเกี่ยวกับเข็มและอุปกรณการฝงเข็มเปนอยางดี ท้ังประเภทของเข็ม ขอบงใช ขอหาม วิธีการใช เทคนิคตาง ๆ ในการกระทําตอเข็มเพ่ือใหเกิดผลตามวัตถุประสงคในการรักษาโรค ต้ังแตเร่ิม จับเขม็ แทงจนกระทง่ั ถอนเขม็ รวมถึงรจู กั เลอื กใชอปุ กรณรว มฝง เข็มที่เหมาะสมและมีประสทิ ธภิ าพ ประเภทของเข็ม การฝง เขม็ มกี ารคดิ คนและพัฒนามายาวนานหลายพันป เขม็ แตล ะประเภทไดถ กู ปรบั เปล่ียนไป ตามความเหมาะสมและความเจริญของยุคสมัย จากเข็มหิน เข็มกระดูก เปนเข็มโลหะประเภทตาง ๆ เข็มบางประเภทถูกเลิกใช บางประเภทยังคงใชอยูและไดรับการปรับปรุงรูปลักษณใหเหมาะสมกับ การแพทยใ นปจจุบนั ประเภทของเข็มในอดีต จากหลักฐานท่ีมีบันทึกไวกวา 2000 ป ในคัมภีรหฺวังตี้เนยจิง ภาคหลิงซู บทที่ 7 เรื่องการ ประยุกตใชเข็ม กลาวถึงประเภทของเข็มที่มีการประดิษฐขึ้นใชรักษาโรคดวยวัตถุประสงคตาง ๆ ไว 9 ชนิด (รูปที่ 1.1) ไดแก รูปท่ี 1.1 เขม็ ในอดตี 9 ชนิด
Page 12 2 การฝงเข็ม-รมยา เลม 2 1. เข็มหัวธนู หรือ ฉานเจิน (镵针 ChánZhēn: shear or arrow headed needle) ลักษณะ หัวเข็มกลมหนา ปลายเข็มบานออกแลวสอบปลายแหลมคมคลายหัวธนู ตัวเข็มยาวประมาณ 1.6 นิ้ว เปนเข็มที่ใชแทงตื้นเพื่อรักษาโรคในระดับผิวหนัง หรือใชระบายเพ่ือรักษาอาการไข ตัวรอน ปจจุบัน ดัดแปลงเปน เข็มผิวหนัง (dermal needle) ไดแก เข็มเจ็ดดาว (seven star needle) และ เข็มดอก เหมย (plum-blossom needle) และเข็มสอดผิวหนัง (intradermal needle) ไดแก เข็มกด (thumbtack type) และ เขม็ สอดผิว หรือ เข็มทรงเมล็ดขา วสาลี (grain-like type) 2. เข็มปลายกลม หรือ เหยวียนเจิน (圆/员针 YuánZhēn: round point needle) ลักษณะ ปลายเข็มเปนทรงกลมรูปไข ตัวเข็มยาวประมาณ 1.6 น้ิว ใชกดนวดไปตามผิวหนังเพ่ือรักษาโรคของ กลามเนอื้ ปจ จบุ ันใชใ นการนวดแผนจนี 3. เข็มทู หรือ ตีเจิน (鍉针 DīZhēn: blunt or spoon needle) ลักษณะตัวเข็มกลม ยาว ประมาณ 3.5 นิว้ ปลายเข็มสอบทูไ มแ หลมคม ใชก ดจุดหรือกดไลไปตามแนวเสน ลมปราณ สําหรับกรณี ชพ่ี รอง 4. เข็มฉมวก หรือ เฟงเจิน (锋针 FēngZhēn: sharp-edged or lance needle) ลักษณะ ปลายเข็มเปนทรงสามเหล่ียมดานเทา ปลายสอบแหลมคลายยอดปรามิดมีความแหลมคม ตัวเข็มยาว ประมาณ 1.6 นิ้ว ใชเจาะปลอยเลือดหรือเจาะฝที่อยูตื้น สําหรับรักษากลุมอาการปวด บวม หรือมีไข ปจ จบุ ันคอื เขม็ สามเหลยี่ ม หรือ ซันหลิงเจนิ (三棱针 SānLíngZhēn: Three-edged needle) 5. เขม็ กรดี หรอื ผเี จนิ (铍针 PíZhēn: sword-shaped or stiletto needle) เขม็ ยาว ประมาณ 4 นว้ิ กวาง 0.25 น้ิว รูปลักษณคลา ยกระบ่ี ใชส ําหรับกรดี ระบายหนอง
บทที่ 1 เทคนิคการฝง เขม็ Page 13 3 6. เขม็ กลมแหลม หรอื เหยวยี นล่เี จนิ (圆利针 YuánLìZhēn: round-sharp needle) ลักษณะปลายเขม็ กลมแหลมและใหญก วา ตวั เขม็ ยาวประมาณ 1.6 นิ้ว ใชรักษาโรคกลามเนอ้ื ฝ บรรเทาปวดหรือบวมปวด 7. เข็มบาง หรือ เหาเจนิ (毫针 HáoZhēn: filiform needle) ลักษณะตวั เขม็ กลมบาง ยาว ประมาณ 2.6 นิว้ ปลายแหลมคม ใชป รับสมดุลเสนลมปราณ รักษาอาการรอนหรือเยน็ ใชกระตนุ จุด เพอื่ บํารุงหรอื ระบาย เข็มชนิดน้ียงั เปนทนี่ ิยมใชอยา งแพรหลายในปจจุบนั และเปน เข็มหลักที่ใชในการ ฝงเข็มท่วั ไป โดยยังคงรปู ลกั ษณเ ดิม เกอื บไมมกี ารเปล่ียนแปลงเลย ยกเวน ตวั เข็มท่บี างกวา อดตี จาก การใชโลหะสเตนเลส 8. เขม็ ยาว หรอื ฉางเจนิ (长针 ChángZhēn: long needle) ตวั เขม็ กลมคอ นขา งหนา ปลาย เข็มแหลม ยาวประมาณ 7 นวิ้ ใชใ นการรกั ษาโรคในเนื้อเยอื่ สว นลึก หรือกลมุ อาการปวดเรือ้ รงั ปจ จบุ ัน คือ หมังเจิน (## MángZhēn) 9. เขม็ ใหญ หรอื ตา เจนิ (大针 DàZhēn: large or big needle) เขม็ ยาวประมาณ 4 นวิ้ ตวั เขม็ กลมหนา ในอดีตใชร ักษาโรคขอที่มอี าการบวมนาํ้ ปจจบุ ัน คอื เข็มไฟ ประเภทของเข็มในปจ จบุ ัน ปจจบุ นั การฝง เขม็ ไดรบั การยอมรับใหเปนสว นหน่ึงในการรกั ษาโรคควบคูไปกบั การแพทยแผน ใหม เข็มในอดตี บางชนิดถูกยกเลิกไป เข็มท่ยี งั คงไดรบั การยอมรับใชก นั อยางแพรห ลาย ไดแ ก 1. เขม็ บาง (毫针 HáoZhēn: Filiform )needle เข็มบาง เปน เข็มทีน่ ิยมใชแพรห ลายมากที่สดุ ตวั เข็มมีลักษณะกลม-บาง โดยมขี นาด
Page 14 4 การฝงเข็ม-รมยา เลม 2 เสนผา ศนู ยกลางของตวั เขม็ ใหญกวาเสน ผมเพียงเล็กนอ ย ปลายเขม็ แหลมคม ความยาวอยูระหวา ง 5 – 125 มลิ ลเิ มตร ปจ จุบันเข็มสว นใหญทาํ ดว ยโลหะสเตนเลส ซงึ่ มีความทนทาน ไมเ ปราะหรอื หกั งา ย และ ไมเ ปน สนิม โครงสรางของเขม็ แบงเปน 5 สว น (รปู ท่ี 1.2) ไดแก ปลายเข็ม หรอื ยอดเข็ม (tip) คอื สวนปลายสดุ ของตัวเขม็ มีลกั ษณะแหลมคม เปน สว นท่ีแทง นําผานเขาผิวหนัง ตัวเขม็ (body) คอื สว นระหวางปลายเข็มกบั โคนเข็ม มีลกั ษณะเปนแทง กลม ตรง ผิวเรยี บ เปนสวนทใ่ี ชแทงผา นเขารางกาย ตวั เขม็ เปน สว นทใ่ี ชบอกขนาดของเขม็ กลา วคอื เสนผา ศนู ยกลางของ เข็ม หมายถึง เสน ผา ศนู ยกลางของตวั เขม็ และความยาวของเข็ม หมายถงึ ความยาวของตวั เข็มต้ังแต ปลายเข็มถงึ โคนเขม็ (ไมรวมความยาวของดา มเขม็ ) โคนเขม็ (root) สว นรอยตอระหวางดา มเขม็ กบั ตัวเขม็ เปนสวนท่ีเปราะทส่ี ุดของเข็ม ดามเขม็ (handle) เปนสวนทพ่ี นั รอบดวยลวดทองแดงหรอื สเตนเลสขนาดเล็ก จากโคนเขม็ จนถงึ หัวเข็ม ทําใหม ีขนาดใหญกวาตัวเขม็ และไมล ืน่ หลดุ งา ยเพื่อความสะดวกในการจับใชเขม็ ปองกัน ไมใ หเขม็ ลื่นไหลเขารา งกายขณะคาเข็ม และใชต ดิ อปุ กรณเสรมิ การฝง เข็ม เชน กระตนุ ไฟฟา รมยา หัวเข็ม หรือ หางเขม็ (tail) สวนปลายสุดดานตรงขามกบั ปลายเข็ม หรอื สว นปลายของดาม เขม็ มกั ทาํ เปนรูกลมเลก็ ๆ ใชเปนจุดสงั เกตองศาในการหมุนเขม็ รูปที่ 1.2 โครงสรา งของเข็มบาง ขนาดของเขม็ หมายถงึ ขนาดความยาวและเสน ผา ศูนยกลางของตวั เข็ม โดยแสดงตัวเลข เสนผาศูนยก ลาง x ความยาว หนวยท่ใี ชมี 2 ระบบ ไดแก mm x mm (มิลลเิ มตร) และ gauge
Page 15 บทท่ี 1 เทคนิคการฝง เขม็ 5 number # x ชนุ (cun) หรือ นว้ิ (”) สวนใหญม ักจะบอกไวท ้ังสองระบบ เชน 0.25 mm x 25 mm / 32# x 1” ตารางท่ี 1.1 แสดงเสน ผาศนู ยกลางเปรยี บเทยี บ gauge number กบั มิลลเิ มตร และ ตารางท่ี 1.2 แสดงความยาวเปรยี บเทียบ ชนุ หรือ นิว้ กับ มลิ ลเิ มตร ขอสงั เกต ความยาว 1” = 25 mm แต 0.5” =15 mm อาทิ 0.5” = 15 mm, 1” = 25 mm, 1.5” = 40 mm, 2” = 50 mm เปน ตน ขนาดเขม็ ที่นยิ มใชอยรู ะหวา ง gauge 26 – 32 # x 1 – 3” ตาราง 1.1 เสนผาศนู ยก ลางของเข็ม เปรียบเทียบ gauge number และ มิลลิเมตร Gauge: # 26 28 30 32 34 มลิ ลเิ มตร: mm 0.45 0.38 0.32 0.25 0.22 ตาราง 1.2 ความยาวของเข็ม เปรียบเทียบ นว้ิ (cun, ”) และ มิลลเิ มตร น้ิว (”) 0.5 1 1.5 2 2.5 3 3.5 4 4.5 5 mm 15 25 40 50 65 75 90 100 115 125 2. เข็มสามเหลย่ี ม (三棱针 SānLíngZhēn: three-edged )needle เข็มสามเหลี่ยม หรือ เข็มซันหลิง เปนเข็มที่พัฒนามาจากเข็มฉมวก หรือ เฟงเจิน ในอดีต เข็ม ทําจากสเตนเลส ยาวประมาณ 2 ชุน สวนตัวเข็มกลมใหญเปนดามสําหรับจับ ปลายเข็มสอบเปนทรง สามเหลี่ยมดา นเทาปลายแหลมคมสาํ หรบั เจาะหรอื แทงตนื้ ๆ ทผี่ ิวหนังหรือหลอดเลือดดําเพอ่ื ทําใหเ กิด เลือดออก (รูปท่ี 1.3) รูปท่ี 1.3 เข็มสามเหลีย่ ม หรือ เขม็ ซานหลิง
Page 16 6 การฝง เข็ม-รมยา เลม 2 3. เข็มผวิ หนัง (皮肤针 PíFūZhēn: dermal or cutaneous or skin )needle เขม็ ผวิ หนัง พฒั นามาจากการใชเ ข็มปก ตืน้ ๆ บริเวณผวิ หนัง 3 วิธี ในอดตี ไดแก ปนช่อื (半 刺 BànCì), เหมาชอื่ (毛刺 MáoCì) และ หยางชือ่ (扬刺 YángCì) เข็มผิวหนังมีลักษณะคลายคอนขนาดเล็ก ดามจับในอดีตทําจากเขากระบือ ปจจุบันมักทําจาก พลาสติกลักษณะแบนยาวประมาณ 15 – 19 ซม. ปลายดามดานหน่ึงเปนหัวเข็มลักษณะทรงกระบอก ติดตั้งฉากกับดามเข็มทําใหมองดูคลายคอนขนาดเล็ก ตรงปลายหัวเข็มทรงกระบอกมีกลุมเข็มฝงย่ืน ปลายออกมาจํานวน 5 หรือ 7 เลม โดยเรยี กชอ่ื ตามจํานวนเข็มและการเรียงตัว ไดแก เข็ม 5 เลม เรียง ตัวเปนกระจุกอยูตรงกลาง เรียกวา “เข็มดอกเหมย” (plum-blossom needle) และเข็ม 7 เลม เรียง เปนจุดศูนยกลาง 1 เลม อีก 6 เลม ลอมรอบเปนวงกลม เรียกวา “เข็มเจ็ดดาว” (seven-star needle) บางครัง้ มีการใชเข็มผวิ หนังทมี่ ี 18 เลม เรยี กวา “เข็มสิบแปดอรหันต” เข็มผิวหนังใชเคาะไปตามผิวหนังบริเวณจุดฝงเข็มตามแนวเสนลมปราณ หรือเคาะผิวหนัง บริเวณทม่ี ีปญหา เพื่อกระตุนการไหลเวยี นของเลือดและชี่ของระบบเสนลมปราณหรอื ตําแหนงที่เคาะ ซ่ึง จะชว ยฟนฟูหนาท่ีอวัยวะตา ง ๆ รวมทัง้ ใชใ นการบรรเทาอาการเจ็บปวดดว ย ปจจุบันมีการพัฒนาเข็มผิวหนังเปน “เข็มกล้ิง” (roller needle) มีลักษณะเปนดามจับ ตรง ปลายดานหน่ึงเปนแกนทรงกระบอกกล้ิงไดรอบตัวและมีเข็มเล็ก ๆ จํานวนมากย่ืนปลายออกมาจาก ดานขา งทรงกระบอก ใชกล้งิ ไปบนผวิ หนงั เพอื่ ใหไ ดพ้ืนทกี่ วา งและรวดเรว็ รูปท่ี 1.4 เข็มเจ็ดดาวและเข็มดอกเหมย
บทท่ี 1 เทคนิคการฝงเขม็ Page 17 7 รปู 1.5 เขม็ กลงิ้ (roller needle) 4. เข็มสอดผวิ หนงั (皮内针 PíNèiZhēn: Intradermal )needle () เข็มสอดผวิ หนัง หรือ เข็มติดผิวหนงั เปน เขม็ ขนาดเล็กใชแทงสอดหรอื กดลงไปในระดบั ชั้น ผิวหนังแลว ตดิ คาไว 1 – 3 วนั เพือ่ เปนการกระตุน จดุ ทตี่ องการอยางตอเนื่อง เขม็ สอดผิวหนงั มี 2 แบบ ไดแ ก เขม็ กด (เขม็ รปู ตะปูกด: thumbtack type needle) และ เขม็ สอดผิว (เขม็ รปู เมลด็ ขา ว สาล:ี grain-like type needle) เขม็ กด มีลกั ษณะตัวเขม็ ขดเปน วงกลม ปลายเข็มย่นื ฉากออกมาตรงกลางวงกลมยาว 0.2 – 0.3 ซม. มองคลายกับตะปกู ดกระดาษ เขม็ ชนดิ น้ีมกั นิยมใชต ดิ จุดที่ใบหู แตส ามารถใชต ดิ บริเวณอนื่ ๆ ของรา งกายไดเ ชนกัน เข็มสอดผวิ มลี กั ษณะหัวเข็มกลมเปนหว งเล็ก ๆ ปลายเขม็ ออกมาจากขา งหวงยาว 1 ซม. คลายเมลด็ ขา วสาลี หรือ เข็มหมุดหวั แบน ใชส อดเขา ในช้ันผิวหนงั ตดิ คาไวตามจดุ ท่ตี อ งการ รูปที่ 1.6 เขม็ สอดผวิ หนงั A. เขม็ กด B. เขม็ สอด การเลอื กเข็มและบาํ รุงรักษาเข็ม โดยทั่วไป เม่ือกลาวถึง “เข็ม” ที่ใชในการฝงเข็ม จะเปนที่เขาใจกันวาหมายถึง เข็มบาง (filiform needle) จึงนิยมเรียกแบบกระชับวา เข็ม โดยไมระบุชนิด เวนแตตองการเข็มชนิดอ่ืน จึง เรียกระบุชนิดตามความตองการ ในตําราเลมนี้ก็เชนเดียวกัน เม่ือกลาวถึงเข็มและเทคนิคตาง ๆ
Page 18 8 การฝง เข็ม-รมยา เลม 2 เกยี่ วกบั เข็ม ใหเ ปนทีเ่ ขาใจวาหมายถึง เข็มบาง เวนแตตองการกลาวถึงเข็มชนิดอื่น จึงจะมีการระบุชนิด เข็มไวอ ยา งชัดเจน เขม็ ใหมตองผลติ และบรรจอุ ยูในภาชนะปลอดเช้อื จนกวา จะถูกนาํ มาใชงาน เข็มท้ังเลมตองตรง ไมคดงอ โดยเฉพาะตรงโคนเข็มซ่ึงเปนสวนท่ีเปราะและหักงาย ตัวเข็มกลม ผิวเรียบ มีความยืดหยุน สามารถโคงงอและคืนสภาพไดดี ปลายเข็มแหลมคมไมเปนเงี่ยงซ่ึงอาจเก่ียวทําลายเนื้อเย่ือในขณะ ฝงเขม็ ได โดยท่ัวไปนิยมใชเข็มท่ีคอนขางบางกวาอดีต เมื่อใชเสร็จแลวควรทิ้งทําลายไมนํากลับมาใชซํ้า หากมีความจําเปนตองใชเข็มอันเดิมซํ้าใหใชซํ้ากับผูปวยรายเดิมเทาน้ัน หามใชเข็มซํ้ากับผูปวยรายอ่ืน โดยหากมีแผนจะใชเข็มซ้ํา ควรเลือกใชเข็มที่หนาขึ้นกวาเข็มที่ใชคร้ังเดียวเพราะเข็มหนากวาจะชํารุด เสยี หายนอยกวา เมื่อใชเ สร็จแลวตอ งทําการคัดเลือกเข็มวายังอยูในสภาพใชงานไดอีกหรือไม เข็มที่ผาน การใชงานแลวอาจมีความเสียหายอยูบ า งโดยเฉพาะท่ปี ลายเขม็ เข็มทถ่ี กู เลือกกลบั มาใชซํา้ ตอ งนําไปผาน กระบวนการปลอดเชื้อกอนจึงจะนํากลับมาใชได ในระหวางข้ันตอนการทําปลอดเช้ือและการเก็บรักษา สวนท่ีตองระมัดระวงั ไมใ หกระทบกระแทกเสยี หายคือสว นปลายเข็ม การปองกันการตดิ เชื้อ การปองกันการติดเชื้อขณะฝงเข็มใหถือปฏิบัติเชนเดียวกับการฉีดยาเขาใตผิวหนังหรือเขา กลา มเนอื้ ซ่ึงประกอบดวย - สถานทฝ่ี งเข็มและสิง่ แวดลอมตองสะอาดถกู หลกั อนามยั - แพทยฝ ง เข็มตองทาํ ความสะอาดมอื ตามขนั้ ตอนทเี่ หมาะสม - เตรียมและทําความสะอาดตาํ แหนงทีจ่ ะทาํ การฝง เข็ม - ทาํ ปราศจากเช้อื เข็มและอปุ กรณ และมกี ารเกบ็ รกั ษาอยา งเหมาะสม 1. สถานที่ฝงเข็มและสิ่งแวดลอมสะอาด หองฝงเข็มควรสะอาดปราศจากฝุนและจัดแบงเปนสัดสวน เตียงฝงเข็มปูคลุมดวยผาปลอด เช้ือ วัสดุและอุปกรณตาง ๆ จัดวางอยูในถาดอยางเปนระเบียบ เชน เข็ม สําลี แอลกอฮอล 70% ปาก คีบ ฯ ขณะท่ียังไมใชงานเตียงและวัสดุอุปกรณตาง ๆ ควรคลุมใหมิดชิดดวยผาสะอาดปลอดเช้ือ ถัง ขยะ ขยะตดิ เชอื้ และภาชนะท้งิ ของมีคม ควรจัดเตรยี มและมกี ารทง้ิ ทาํ ลายตามหลักการทางการแพทยท่ี
Page 19 บทที่ 1 เทคนิคการฝง เข็ม 9 เหมาะสม ภายในหองควรมีแสงสวางเพียงพอ มีระบบการระบายอากาศที่ดี สถานที่ใหบริการควรตั้งอยู ในบรเิ วณท่สี ะอาด มีสง่ิ แวดลอ มทีด่ ี 2. การทาํ ความสะอาดมอื แพทยฝงเข็มควรลางมือใหสะอาดทุกครั้งกอนทําการรักษาผูปวย การลางมือซํ้าอีกครั้งในทันที กอ นจับเขม็ แทงบนรา งกายผูปวยเปน สง่ิ สาํ คัญยิง่ ในการปองกันการติดเช้ือ การลางมือควรฟอกสบูใหท่ัว ถูขัดมือ น้ิวและเล็บอยางท่ัวถึงแลวโกรกลางดวยน้ําสะอาดเปนเวลาอยางนอย 15 วินาที จากนั้นจึงเช็ด ใหแ หง ดวยกระดาษเช็ดมอื ทีส่ ะอาด แพทยฝงเข็มจํานวนมากมกั ใชมอื คลาํ ไปบนตําแหนงฝงเขม็ หลังจากเช็ดทาํ ความสะอาดแลว ใน กรณนี คี้ วรทําความสะอาดน้วิ ท่จี ะคลาํ ซํ้าอกี คร้ังกอ นคลํา โดยการเชด็ ดวย แอลกอฮอล 70% การใชถุงมือหรือปลอกสวมนิ้วมือปราศจากเช้ือ แนะนําใหใชในกรณีที่แพทยมีบาดแผลที่มือ หรือนิ้วมือ ซ่ึงจะชวยปองกันการติดเช้ือไดทั้งสองฝาย แพทยที่มีแผลติดเชื้อท่ีมือควรงดทําการฝงเข็ม จนกวาจะรักษาหาย 3. การเตรียมจดุ ฝงเข็ม ตําแหนงที่จะแทงเข็มตองสะอาด ปราศจากบาดแผลหรือหรือลักษณะที่สอแสดงถึงการติดเชื้อ จุดที่จะแทงเข็มใหเช็ดดวยแอลกอฮอล 70% การเช็ดใหเช็ดที่จุดแทงเข็มกอนแลวเช็ดวนรอบจุดเปนวง ออกดา นนอกคลายการเช็ดผิวกอ นทาํ การผาตัด รอจนแอลกอฮอลแหงจึงแทงเข็ม 4. การทําปราศจากเชอ้ื เขม็ และอุปกรณ เข็มทุกประเภทรวมท้ังวัสดุอุปกรณตาง ๆ อาทิ ถวยครอบ ถาดใสอุปกรณ ปากคีบ สําลี ฯ ตอ งไดรบั การทาํ ปราศจากเช้ือ แนะนําใหใชเข็มปราศจากเชื้อท่ีใชเพียงครั้งเดียวแลวทิ้งในทุกกรณี โดยไมละเลยตอเทคนิค ปลอดเชือ้ ในข้ันตอนอื่น ๆ เข็มทใ่ี ชเ สร็จแลวควรท้งิ ทนั ทีในภาชนะพเิ ศษสําหรบั วัตถมุ คี ม เขม็ บางและเข็มสอดผิวหนังควรใชเพียงคร้ังเดียวแลวท้ิง เข็มดอกเหมยและเข็มเจ็ดดาวอาจใช ซํ้ากับผูปวยรายเดิมไดอีกแตตองผานการทําปราศจากเช้ือกอนเสมอ หากตองใชซํ้ากับผูปวยรายอ่ืนควร เลือกใชเข็มเจ็ดดาวที่สามารถเปลี่ยนหัวเข็มได โดยทาํ ความสะอาดดา มเขม็ กอนใช
Page 20 10 การฝง เข็ม-รมยา เลม 2 อุปกรณที่สามารถนาํ กลบั มาใชซา้ํ ไดควรนาํ ไปแชลา งทนั ทีในน้าํ ยาท่เี ตรียมไว แลว โกรกลา งดวย นํ้าประปาและทําความสะอาดตามข้ันตอนการทําความสะอาดอุปกรณทางการแพทย จากนั้นจึงบรรจุหอ เพ่อื นาํ ไปทําปราศจากเช้ือ วัสดุอุปกรณที่ผานการทําปราศจากเช้ือแลวควรจัดเก็บไวในท่ีสะอาด ปลอดภัย มีการระบาย อากาศดีและไมอับช้ืน ระยะเวลาในการจัดเก็บตามวันหมดอายุซ่ึงจะแตกตางกันตามแตละวัสดุอุปกรณ และวิธีการทําปราศจากเชอ้ื 4.1 วิธกี ารทาํ ปราศจากเชื้อ (Sterilization) การทําปราศจากเชื้อ หมายถึง การทําลายจุลินทรียทุกชนิดรวมถึงสปอรของแบคทีเรียดวย โดยทั่วไปอุปกรณที่ทําจากโลหะหรือแกวมักทําปราศจากเชื้อดวยการอบไอนํ้าภายใตแรงดัน อุณหภูมิ และเวลาท่ีเหมาะสม (ตารางที่ 1.3) ซงึ่ เปน วิธีทีส่ ามารถทําลายเชื้อโรคและสปอรไดทุกชนิด รวดเร็ว ไมมี สารเคมีหรือสารพษิ ตกคาง และมใี ชกันอยา งแพรหลาย ตารางท่ี 1.3 แรงดนั อุณหภมู ิและเวลา ในการทําปราศจากเชื้อโดย การอบไอนํา้ ( เชน autoclave, pressure cooker) แรงดนั ท่ใี ช => 15 ปอนดตอตารางนิว้ (PSI) (=101 kilopascals) อณุ หภมู ิ ระยะเวลา (นาท)ี 115*C 30 121*C 15 126*C 10 134*C 3 4.2 การทาํ ปลอดการติดเชอื้ (Disinfection) การทําปลอดการติดเชื้อ เปนวิธีการทําลายจุลินทรยี ท ุกชนดิ เชนกนั แตไ มสามารถทาํ ลายสปอร ของเชื้อโรคบางชนดิ ท่ที นตอ การทาํ ลายได การทาํ ปลอดการติดเช้อื ทาํ ไดโ ดยการตมหรือแชใ นสารเคมี หรือน้ํายาฆา เชือ้ ซงึ่ นาํ มาใชทดแทนในกรณที ี่ไมสามารถจดั เตรียมการทาํ ปราศจากเชื้อได การตม เปนเวลา 20 นาที เปนวิธีการทท่ี าํ ไดง า ยในการระงบั จลุ ชพี กอโรคไดเ กือบทง้ั หมด รวมทั้งไวรสั เอดสแ ละไวรสั ตับอกั เสบ
Page 21 บทท่ี 1 เทคนคิ การฝงเขม็ 11 สารเคมีหรือนํ้ายาฆาเชื้อใชสําหรับวัสดุอุปกรณท่ีไมสามารถทนความรอนสูงได เชน อุปกรณท่ี ทาํ จากยางหรือพลาสติก สารเคมีแตละชนิดมีประสิทธิภาพในการทําลายเช้ือที่หลากหลายไดแตกตางกัน รวมท้ังมีการเส่ือมสภาพไปตามอายุและสภาพการใชงานจึงมีความนาเช่ือถือนอยกวาการตมและการทํา ปราศจากเชื้อ นอกจากนี้สารเคมีอาจเปนอันตรายหรือระคายเคืองตอผิวของผูปวยไดจึงควรโกรกลาง ดวยนํ้าสะอาดกอนนําไปใช สารเคมีท่ีใชเปนสารเคมีเชนเดียวกับท่ีใชในการแพทยทั่วไป เชน เอธิล หรือ ไอโซโพรพิล แอลกอฮอล 70% (70% ethyl or isopropyl alcohol) หรือ สารละลาย กลูทารัลดีไฮด 2% (2% glutaraldehyde) เปน ตน การฝก ฝนแทงเขม็ เข็มท่ีใชเพ่ือการฝงเข็มเปนเข็มที่มีลักษณะเฉพาะซ่ึงบางและยาว ขณะท่ีผิวหนังเนื้อเย่ือมีความ หนาเหนียวและแรงตานทานสูง จึงไมใชเร่ืองงายที่ผูไมผานการฝกฝนจะสามารถแทงเข็มผานผิวหนังลง ไปได การฝกฝนการแทงเข็มจึงเปนสิ่งจําเปนท่ีแพทยฝงเข็มทุกคนจะตองฝกฝนจนชํานาญ การฝกแทง เขม็ แบง เปน 2 ขนั้ ตอน คอื ฝกแทงเขม็ กบั วสั ดุจําลอง และฝกแทงเขม็ กับรางกายตนเอง การฝก แทงเข็มกับวัสดุจําลอง วัสดุที่ใชฝกแทงเข็มสามารถทําไดเองดวยกระดาษทิชชูหรือสําลี โดยกระดาษทิชชูพับใหมีพ้ืนท่ี 5 x 8 ซม. นํามาทบซอนกันจนแนนใหมีความหนาประมาณ 1 ซม. หอ มัดดวยผากอซหรือใชสําลีอัดใหแนนเปนกอนกลมเสนผาศูนยกลาง 5 – 6 ซม. หอมัดดวยผากอซ การ ฝกแทงเขม็ ใชม อื ซายจับตรึงวสั ดจุ ําลอง มือขวาจบั เขม็ โดยใชน ว้ิ หวั แมมือและน้ิวช้ีจับดามเข็ม นิ้วท่ีเหลือ แผออกประคองตัวเข็มไมใหโคงงอ สงแรงดันจากขอมือดวยแรงที่พอเหมาะ หากดันเร็วหรือแรงเกินไป เข็มจะคดงอ ขณะกดเข็มอาจปนเข็มไปกลับเล็กนอยดวยก็ได เม่ือสามารถผานเข็มลงไปไดแลว ใหฝก ปน เขม็ ตามและทวนเขม็ นาฬกิ าดว ยองศาท่ีเทากนั และฝกซอยเข็มโดยดึงเข็มขึ้นและกดเข็มลงดวยระยะ ที่เทากัน เมื่อเริ่มตนฝกใหมควรใชเข็มที่หนาและสั้น จนเมื่อชํานาญจึงใชเข็มที่บางและยาวข้ึน และเพิ่ม ความหนาของวสั ดุจาํ ลองข้นึ อกี (รูป 1.7) การฝกแทงเข็มกับรางกายตนเอง เม่อื ฝก กบั วสั ดจุ ําลองจนมนั่ ใจแลว ใหทดลองฝกแทงเข็ม กับรางกายของตน ซึ่งจะทําใหผูฝกฝนมีประสบการณ ทั้งการควบคุมแรงในการแทงเข็มโดยไมรูสึกเจ็บ จนเกนิ ไปและไดร ับความรสู ึกของการถูกฝง เข็ม ตําแหนงท่ีงายตอการฝกแทงเข็มตนเองคือบริเวณตนขา เม่ือชํานาญแลวจึงฝกแทงตามจุดตาง ๆ ที่ตองการ รวมถึงอาจทดลองรักษาตนเองดวยการฝงเข็ม วา
Page 22 12 การฝง เข็ม-รมยา เลม 2 ไดผลจริงหรือไม หากรักษาตนเองไมไดผลคงยากท่ีจะรักษาคนอื่นใหไดผล การแทงเข็มใหกับตนเองใน ตาํ แหนง จดุ และเทคนคิ ที่ถกู ตองจะไมเ กดิ ผลเสียใด ๆ เลย รูป 1.7 การฝก ฝง เข็มกับวสั ดุจําลอง การจัดทาผปู วยเพื่อการฝง เขม็ การจดั ทา ผปู ว ยทเี่ หมาะสมนอกจากจะชวยใหสามารถฝงเข็มและกระตุนเข็มในจุดท่ีตองการได สะดวกแลว ยังชวยลดภาวะแทรกซอนจากการฝงเข็ม เชน เข็มติด เข็มงอ เข็มหัก ไดดวย การจัดทา ผูปวยควรคํานึงถึงท้ังดานผูปวยและแพทย กลาวคือ ผูปวยอยูในทาที่สบายและผอนคลายสามารถให ความรวมมือไดจนเสรจ็ สิ้นการรักษา และแพทยส ามารถใหการรกั ษาไดอ ยา งมีประสิทธภิ าพ ทาทมี่ กั ใช กันโดยทว่ั ไปในการฝง เข็ม ไดแ ก 1. ทานอนหงาย (supine) เหมาะสําหรับการฝงเข็มบริเวณ ศีรษะ ใบหนา อก ทอง แขนและ ขา (รูป 1.8) 2. ทานอนควํ่า (prone) เหมาะสําหรับการฝงเข็มบริเวณ ศีรษะ คอ ลําตัวดานหลัง และแขน- ขาดานหลัง (รปู 1.9) 3. ทานอนตะแคง (lateral recumbent) เหมาะสําหรับการฝงเข็มบริเวณดานขางของลําตัว และแขน-ขา (รูป 1.10) 4. ทานั่งคว่ําหนา (sitting in flexion) เหมาะสําหรับการฝงเข็มบริเวณ ศีรษะ คอและหลัง (รปู 1.11) 5. ทานั่งตัวตรงวางศอกบนโตะ (sitting erect with elbows resting on a table) เหมาะ สาํ หรบั การฝง เข็มบรเิ วณ ศีรษะ คอ ไหล แขน (รปู 1.12)
Page 23 บทที่ 1 เทคนิคการฝง เขม็ 13 6. ทานง่ั ตะแคง (sitting with one side of the body exposing the practitioner) เหมาะ สําหรบั การฝง เขม็ บรเิ วณ ขางศีรษะ หู และ ใบหนา ดา นทีต่ ะแคงขึ้น (รปู 1.13) 7. ทา น่ังเอนหลงั พิงพนกั เกาอ้ี (straight sitting with the back leaning against the chair) เหมาะสาํ หรับการฝง เข็มบรเิ วณ ศรี ษะ หนา คอ อก และแขน-ขา (รูป 1.4) รูป 1.8 ทานอนหงาย รูป 1.9 ทานอนคว่ํา รปู 1.10 ทา นอนตะแคง รูป 1.11 ทาน่ังควํา่ หนา [[Fig. 139]]
Page 24 14 การฝง เข็ม-รมยา เลม 2 รูป 1.12 ทา นัง่ ตัวตรงวางศอกบนโตะ รปู 1.13 ทา นง่ั ตะแคงหนา [[Fig. 2-147]] รปู 1.14 ทา น่ังเอนหลังกับพนกั เกาอี้
Page 25 บทท่ี 1 เทคนิคการฝง เขม็ 15 ขน้ั ตอนและวิธีการฝง เขม็ 1. การแทงเขม็ (进针法 JìnZhēnFǎ: Insertion) การแทงเข็มควรใชท้ังสองมือรวมกันจึงจะทําใหการฝงเข็มดําเนินไปอยางมีประสิทธิภาพ โดย มอื ขวาเปนมอื ที่ใชจ ับและออกแรงแทงเข็ม สวนมือซายใชเพ่ือกดคลึงไปยังตําแหนงจุดเพื่อหาจุดและยึด ตรึงพ้ืนผิวที่จะแทงเข็ม ความสําคัญของการใชทั้งสองมือในการแทงเข็มมีการเนนยํ้าและสอนปฏิบัติมา แตโบราณ อาทิ คัมภีรหฺวังตี้เนยจิง ภาคหลิงซู บทที่ 1 กลาววา “การฝงเข็มใหใชมือขวาในการแทงเข็ม และใชมือซายในการชวยแทง” คัมภีร 81 ปญหาทางการแพทย กลาววา “หมอฝงเข็มท่ีดอย ประสบการณมักใชเพียงมือขวาเทาน้ัน ขณะท่ีหมอฝงเข็มที่มีประสบการณจะเช่ือมั่นในความสําคัญของ มือซายดวย” และ “กดใหหนักดวยมือซายเพื่อกระจายช่ี แลวใชมือขวาบรรจงแทงเข็มอยางนุมนวลเพื่อ หลีกเลย่ี งความเจ็บปวด” โดยทั่วไปนิยมใชมือขวาในการจับและออกแรงแทงสงเข็มเขาจุด โดยใชนิ้วหัวแมมือและนิ้วช้ี จีบจับที่ดามเข็มใหแนน น้ิวกลางและ/หรือน้ิวที่เหลือแผออกไปตามตัวเข็มเพื่อประคองเข็มไมใหโคงงอ ขณะออกแรง โดยออกแรงดันมาจากขอมือสงผานไปยังนิ้วท่ีดามเข็ม ซ่ึงจะทําใหควบคุมแรงและจังหวะ ในการแทงเขม็ ไดงา ย และผูฝง เขม็ ไมเ กดิ อาการเมอ่ื ยลา ของมือ การใชม ือซายชว ยในการแทงเข็มมีหลาย วิธี ตามความยาวของเข็มและตาํ แหนงจดุ ทแ่ี ตกตางกนั ดังนี้ 1.1 ขวาแทง-ซายกด (inserting the needle aided by the pressure of the finger of the pressing hand) กดตรึงขาง ๆ จุดฝงเข็มดวยปลายนิ้วหรือปลายเล็บนิ้วหัวแมมือหรือนิ้วช้ีของมือซาย มือขวา จับเข็มแทง โดยวางปลายเข็มใหชิดกับปลายนิ้วมือที่กดตรึงอยู แลวออกแรงบรรจงแทงเข็มไปยังจุด วิธี นี้เหมาะสําหรับการแทงเข็มสั้นและจุดบริเวณมือ-เทา แขน-ขา เชน HeGu (LI 4), NeiGuan (PC 6), ZhaoHai (KI 6) (รูป 1.15)
Page 26 16 การฝงเข็ม-รมยา เลม 2 รูป 1.15 มือหนึง่ แทงเข็มอกี มอื ชว ยกด 1.2 ขวาจับดาม-ซายจับปลาย (inserting the needle with the help of the puncturing and pressing hands) มือซายจับปลายเข็มดวยนิ้วหัวแมมือและน้ิวชี้ ใหปลายเข็มโผลพนออกมา 0.2 - 0.3 ซม. จ้ิม ปลายเข็มบนตําแหนงจุด มือขวาจับดามและประคองเข็มเหมือนปกติ ออกแรงบรรจงสงเข็มไปยังจุดท่ี ตองการ วธิ ีน้เี หมาะสาํ หรบั ตาํ แหนง จุดอยลู กึ และเขม็ มขี นาดยาวเกนิ กวาท่ีนิ้วมือขวาจะประคองเข็มไวได เชน HuanTiao (GB 30), ZhiBian (BL 54) (รูป 1.16) รปู 1.16 มอื หน่งึ จบั ดามอีกมือจบั ปลาย [[Fig. 146]] 1.3 ขวาแทง-ซายยืดผิว (Inserting the needle with the fingers stretching the skin) มือซายใชนิว้ หวั แมมอื และน้ิวชจี้ ีบชดิ กันแลว วางกดแนบกบั ผวิ หนงั บนตาํ แหนงจดุ ฝงเข็ม กาง ซึ่งอยูระหวางนิ้วท้ังสอง ผิวหนังท่ีตึงเรียบจะงายตอการแทงเข็มและลดความเจ็บปวดขณะแทงเข็ม วิธีนี้ เหมาะสําหรับการแทงเข็มบริเวณท่ีผิวหนังหยอนยาน อาทิ บริเวณหนาทอง เชน TianShu (ST 25), GuanYuan (CV 4) (รปู 1.17)
บทที่ 1 เทคนคิ การฝง เข็ม Page 27 17 รปู 1.17 มือหนง่ึ แทงเขม็ อกี มอื กดยดื ผิวหนัง 1.4 ขวาแทง-ซายดึงผวิ (Inserting the needle by pinching the skin) ใชนิ้วหวั แมม ือและนวิ้ ชม้ี อื ซา ยหยิบจบั ผิวหนงั บนตําแหนงจดุ ฝง เขม็ ดงึ ขึน้ ใหผ วิ หนงั ยน ชดิ กัน เล็กนอย แลว ใชมอื ขวาแทงเขม็ ลงไปอยางรวดเร็ว วธิ เี หมาะกับการฝงเขม็ ในตําแหนงที่ผวิ หนงั ท่คี อนขา ง บาง อาทิ ใบหนา เชน ZanZhu (BL 2), DiCang (ST 4), YinTang (Extra) (รปู 1.18) รปู 1.18 มือหนง่ึ แทงเขม็ อกี มอื หยิบดงึ ผิวหนัง 2. มุมและความลกึ ในการแทงเข็ม มุมและระดับความลึกทีเ่ หมาะสมในการแทงเขม็ ขึน้ อยกู บั หลายปจ จัย ไดแ ก ตําแหนงของจดุ ฝงเขม็ จดุ ประสงคใ นการฝง เขม็ และรปู รา งของผูปวย 2.1 มุมในการแทงเข็ม มุมในการแทงเขม็ หมายถงึ มมุ ระหวา งตวั เข็มกบั ผิวหนงั โดยทัว่ ไปแบง มุมในการแทงเขม็ เปน 3 แบบ ไดแ ก แทงฉาก แทงเฉียงและแทงราบ (รปู 1.19)
Page 28 18 การฝง เข็ม-รมยา เลม 2 แทงฉาก หรือ แทงตรง (直刺 ZhíCì: Perpendicular insertion) หมายถึง การแทงเข็มท่ี ตวั เขม็ ทาํ มุมกบั ผวิ หนงั เปน มุมฉากหรอื 90 องศา จดุ ฝง เข็มสว นใหญใชการแทงฉาก แทงเฉียง (斜刺 XiéCì: Oblique insertion) หมายถึง การแทงเข็มท่ีตัวเข็มทํามุมกับ ผิวหนังประมาณ 45 องศา เหมาะสําหรับจุดท่ีตื้นหรือมีกลามเนื้อนอย หรือจุดที่เส่ียงเปนอันตรายตอ อวยั วะภายใน เชน บรเิ วณทรวงอก บรเิ วณหลงั สว นอก แทงราบ (平刺 PíngCì: Horizontal insertion) หมายถึง การแทงเข็มที่ตัวเข็มทํามุมกับ ผวิ หนงั นอ ยกวา 30 องศา เหมาะสาํ หรับจุดท่ีตน้ื มีกลามเน้อื บาง เชน จดุ บรเิ วณกะโหลกศีรษะ รปู 1.19 มมุ ในการแทงเข็ม A. แทงฉาก (แทงตรง) B. แทงเฉยี ง C. แทงราบ 2.2 ความลกึ ในการแทงเขม็ ในเชิงทฤษฎีความลึกที่เหมาะสมคือความลึกที่เข็มสามารถกระตุนความรูสึกไดช่ีโดยไมเปน อันตรายตอ เนอื้ เย่อื หรอื อวัยวะภายใน ในทางคลินกิ ความลกึ ของการแทงเข็มขน้ึ กบั หลายปจจัย ไดแ ก - ตาํ แหนงของจุดฝงเข็ม เชน จุดบรเิ วณศรี ษะและใบหนา จะแทงเข็มตนื้ กวาจุดตามรางกาย - รูปรางของผปู วย ผปู วยรปู รา งอวนใหญม ักตอ งแทงเข็มใหล ึกกวา ผูที่มรี ูปรางผอมบาง - พยาธิสภาพของผปู ว ย ผทู อ่ี อนแอ อายุมาก หรือเดก็ ควรแทงเขม็ ตน้ื กวา ผทู แ่ี ขง็ แรง 3. การไดช่ี การรอช่ี และการเรียกช่ี 3.1 การไดช่ี
Page 29 บทท่ี 1 เทคนิคการฝง เขม็ 19 การไดช่ี (得气 DéQì: Arrival of Qi) หรือ ปฏิกิริยาตอเข็ม (needling sensation) หมายถึง ความรูสึกถึงการออกฤทธิ์ของเข็มเม่ือแทงเข็มลงไปถึงจุด โดยผูปวยอาจรูสึกปวด, ชา, พอง แนน หรือรูสึกหนวงบริเวณรอบจุดท่ีฝงเข็ม หรืออาจรูสึกแลนกระจายขึ้นหรือลงไปตามแนวเสน ลมปราณ ในขณะเดียวกันแพทยฝงเข็มจะรูสึกวาเข็มในมือตึงแนนเหมือนถูกหนวงเอาไว คัมภีรโบราณ เปรยี บเทยี บวา ‘รูสกึ หนวงเหมอื นปลากระตกุ สายเบ็ด’ การไดช ี่มีความสาํ คัญมากในการฝงเขม็ ใหไดผลในการรักษา คมั ภรี ห ฺวังตี้เนย จิง ภาคหลงิ ซู บท ท่ี 1 กลา ววา “การรักษาโรคดวยการฝง เข็มจะไมเกดิ ผลใด ๆ หากไมเ กดิ การไดช”ี่ ในคมั ภรี แพทยย ุคตอ ๆ มา ยังคงเนนย้ําเรื่องการไดชี่กับผลของการรักษาดวยการฝงเข็ม โดยการไดชี่เร็วบงชี้วาการรักษาจะ ไดผลดี การไดช ีท่ ่เี นิ่นชาไปบง ช้ีวา ผลของการรกั ษาจะดอยลง โดยทั่วไปเม่ือเข็มแทงไปถึงจุดแลวมักเกิดอาการไดช่ีในทันที ในกรณีที่ไมรูสึกไดชี่ แพทยควร กระตุนเข็มเพ่อื ใหเกดิ การไดช่เี สมอ การกระตุนเขม็ ขัน้ ตน เพอ่ื การไดช ี่มี 2 วิธี โดยอาจใชวิธีเดียวหรือท้ัง สองวิธีรว มกันก็ได ไดแ ก 3.1.1 การซอยเขม็ (提插法 TíChāFǎ: Lifting and Thrusting) เม่ือแทงเข็มลึกไปถึงจุดท่ีตองการแลว ใหถอนเข็มข้ึนจนปลายเข็มอยูระดับชั้นใตผิวหนัง จากนน้ั ดันกลับไปยังตาํ แหนงความลกึ เดมิ ในทิศทางเดิม แลวทําซ้ําอีกจนเกิดผลตามตองการ แตไมควร ทํามากเกินไปเพราะจะทําใหเน้ือเย่ือบริเวณน้ันเสียหายและเกิดอาการเจ็บปวด ระยะการซอยเข็มที่กวาง และเร็วจดั เปน การกระตนุ แรง ระยะการซอยเข็มทส่ี นั้ และชา จดั เปนการกระตนุ ทเี่ บากวา (รปู 1.20) รูป 1.20 การซอยเข็ม
Page 30 20 การฝง เข็ม-รมยา เลม 2 3.1.2 การปน เขม็ (捻转法 NiānZhuǎnFǎ: Twirling or Rotating) เมอื่ แทงเขม็ ลึกไปถงึ จุดท่ีตองการแลว จับดา มเข็มดวยน้ิวหวั แมมือและนิ้วช้ี ดนั นว้ิ หัวแมมือไป ที่ปลายน้ิวช้ี ดามเข็มจะถูกปนใหหมุนไปตามเข็มนาฬิกาประมาณ 1/2 – 1 รอบ หรือ 180 – 360 องศา แลวดึงหัวแมมือกลับ เข็มจะปนกลับหมุนทวนเข็มนาฬิกาในองศาเทาเดิม ทําซ้ําจนเกิดผลตามตองการ การปนไปดานเดียวหลายรอบอาจทําใหปลายเข็มเก่ียวพันกับเน้ือเย่ือรอบเข็ม ทําใหเน้ือเยื่อเสียหายเกิด อาการเจบ็ ปวด เขม็ ตดิ หรือถอนเข็มไมไ ด (รปู 1.21) รูป 1.21 การปน เข็ม 3.2 การรอชแ่ี ละการเรยี กช่ี เม่ือแทงเข็มและกระตุนเข็มข้ันตนเพื่อการไดชี่แลว ผูปวยไมเกิดความรูสึกหรือไมมีสัญญาณ ของการไดชี่ อาจคาเข็มไวชั่วคราวแลวคอยกลับมากระตุนซํ้าใหม วิธีนี้เรียกวา “การรอช่ี” (候气 HòuQì: waiting for Qi) นอกจากการรอช่ีแลว อาจใชเทคนิคเพื่อเรงใหเกิดการมาของช่ี เรียกวา “เทคนิคเสริม (supplementary manipulation techniques) หรือ การเรียกช่ี (催气 CuīQì: promoting Qi)” ซงึ่ มี 6 วธิ ี ไดแ ก 3.2.1 การกด (循法 XúnFǎ: Pressing) ใชน้ิวหัวแมมือกดไลไปตามแนวเสนลมปราณของจุดที่ฝงเข็มแลวไมเกิดอาการไดช่ี กดไลไป และกลบั มายังจุดฝง เขม็ การกดไลตามเสน ลมปราณเปน การเรง เรา การไหลเวียนของช่ใี นเสนลมปราณไป
Page 31 บทที่ 1 เทคนิคการฝงเขม็ 21 ยังจุดท่ีฝงเข็มเพื่อใหเกิดการไดชี่ วิธีน้ีเหมาะกับรายท่ีมีอาการช่ีติดขัดและมีปฏิกิริยาการไดช่ีเน่ินชากวา ปกติ (รปู 1.22) รูป 1.22 การกด 3.2.2 การเกา (刮法 GuāFǎ:Scraping) ใชน ว้ิ หัวแมมอื หรือน้ิวช้หี รอื นิว้ กลาง วางแตะบนหัวเข็มใชแ รงกดเพียงเพอ่ื ปองกันไมใหเขม็ โยก หนีขณะเกาเข็ม หากแตะกดแรงเกินเข็มจะโคงงอหรือเคลื่อนลึกลงไป จากน้ันใชปลายเล็บน้ิวที่ถนัดของ มือเดียวกัน เกาหรือขูดที่ดามเข็มข้ึนหรือลงก็ได หากใชน้ิวช้ีแตะหัวเข็มจะใชนิ้วหัวแมมือเกาข้ึน หากใช นิ้วหัวแมมือแตะหัวเข็มมักใชน้ิวช้ีเกาข้ึนหรืออาจใชนิ้วกลางก็ได หากใชน้ิวกลางแตะหัวเข็มสามารถใช นว้ิ ชีเ้ กาเข็มลงและนวิ้ หวั แมม อื เกาเข็มขน้ึ ไดทง้ั สองทิศทาง (รูป 1.23) รปู 1.23 การเกา 3.2.3 การดดี (弹法 TánFǎ: Plucking) ใชนวิ้ ช้ีดดี เบา ๆ ทดี่ า มเขม็ เพยี งแคใหเข็มเกิดการไหวสน่ั การไหวสน่ั ของเข็มเปน การเสริมการ ไหลเวียนของชแี่ ละทําใหเ กิดอาการไดช เ่ี รว็ ข้ึน วธิ ีนยี้ งั สามารถใชเ พือ่ เปน การกระตุน เข็มซาํ้ ระหวา งการคา เข็ม รวมท้งั ยังใชเปนการกระตนุ เพ่อื เสรมิ บาํ รงุ ชไ่ี ดด วย (รูป 1.24)
Page 32 22 การฝงเข็ม-รมยา เลม 2 รปู 1.24 การดดี 3.2.4 การโยก (摇法 YáoFǎ: Shaking) ใชมอื จบั ทีด่ ามเขม็ แลว โยกเขม็ เปน วงแคบ ๆ คลา ยการกรรเชยี งเรอื การโยกเขม็ นอกจากเปน การเสรมิ ใหเ กิดการไดช่ี ยงั จดั เปน การกระตุนเขม็ เพ่อื ระบายชไ่ี ดด ว ยโดยการโยกเข็มพรอมกบั ถอนเขม็ ออก (รูป 1.25) [[-----รปู ----รูป----รปู ----รูป----รปู ----รปู ----รูป------]] [[-----รูป----รปู ----รปู ----รปู ----รปู ----รูป----รูป------]] [[-----รปู ----รูป----รปู ----รปู ----รูป----รูป----รปู ------]] [[-----รปู ----รูป----รูป----รปู ----รปู ----รปู ----รูป------]] 3.2.5 การยํา้ (搓法 CuōFǎ: Trembling) การย้ําเข็มมี 2 ลักษณะ ไดแก การซอยเข็มส้ันและเร็ว และการปนเข็มแคบและเร็ว โดยจับท่ี ดามเข็มดวยนิ้วหัวแมมือและน้ิวช้ี การซอยเข็มสั้นและเร็วโดยการดึงเข็มขึ้นและดันลงใหปลายเข็ม
Page 33 บทท่ี 1 เทคนคิ การฝงเข็ม 23 เคลื่อนข้ึนและลงจากจุดเพียงเล็กนอยทําซํ้าอยางรวดเร็ว สวนการปนเข็มแคบและเร็วเปนการปนดาม เข็มใหเข็มหมนุ ในองศาเล็กนอยไมถึงคร่ึงรอบ ปนไปและกลับอยางรวดเร็ว โดยอาจทําทั้ง 2 ลักษณะไป พรอมกันกไ็ ด เปน วิธีเรงใหเ กิดอาการไดช่ีและกระตุนการไหลเวยี นของช่ี รปู 1.25 การยา้ํ 3.2.6 การบนิ (飞法 FēiFǎ: Flying) น้ิวหัวแมมือและน้ิวช้ีจับที่ดามเข็มปนไปและกลับดวยองศาเล็กนอยและเร็วหลายครั้ง แลวเดง น้ิวทั้งสองออกจากกันปลอยเข็มเปนอิสระอยางรวดเร็ว ซ่ึงจะเห็นเข็มส่ันไหวตออีกเล็กนอยหลังจาก ปลอยมือ ทําซํ้าจนเกิดอาการไดชี่ การเดงน้ิวมือออกจากกันอยางรวดเร็วมองดูคลายการกระพือปกบิน ของนก จงึ เรียกวธิ ีนี้วา การบิน (รปู 1.26) รปู 1.26 การบนิ
Page 34 24 การฝงเข็ม-รมยา เลม 2 3.3 ปจ จยั ทม่ี อี ิทธพิ ลตอการไดชี่ 3.3.1 ตําแหนง จดุ ไมถ กู ตอ ง: ตําแหนง จุดทถ่ี ูกตองเปน สิง่ สําคัญมากในการฝง เข็มเพอ่ื ใหเกิด อาการไดช ีแ่ ละไดผ ลดีในการรกั ษา 3.3.2 ความลึกของการแทงเข็มไมเหมาะสม: จุดฝงเข็มแตละจุดมีระดับความลึกแตกตางกัน หรือแมแตจุดเดียวกันของผูปวยตางรายก็มีความลึกตางกันดวย การแทงเข็มที่ตื้นหรือลึกเกินไปลวนมี ผลกระทบตอการไดชี่ 3.3.3 วิธีการกระตุนเข็มไมสมบูรณ: การกระตุนเข็มที่ถูกตองและพอเหมาะพอดีเปนสิ่งท่ีตอง ฝกฝนใหชํานาญ การกระตนุ เข็มท่ีไมสมบรู ณย อ มกระทบตอ การไดชี่และผลการรกั ษา 3.3.4 สภาพรางกายของผูปวย: ในคัมภีรหฺวังตี้เนยจิง ภาคหลิงซู บทที่ 67 กลาววา “ผูที่มี หยางชส่ี มบูรณมกั เกดิ การไดช่ีอยา งรวดเรว็ ผทู ี่มีอินแกรงและหยางพรองมักเกดิ การไดช่ีเนิ่นชาหรือดอย ไป” กลา วอกี นัยหน่ึง สภาพรางกายท่อี อนแอมผี ลกระทบใหการไดชเ่ี นนิ่ ชา 4 วิธกี ระตนุ เขม็ เพ่ือบํารงุ และระบาย การกระตุนเข็มเพ่ือ “บํารุง (补 Bǔ: reinforcing)” และ “ระบาย (泻 Xiè: reducing)” เปน วิธีกระตุนเข็ม 2 แบบ ที่ตรงขามกันและใหผลในการรักษาตางกัน คัมภีรหฺวังตี้เนยจิง กลาววา “การ กระตุนเพ่ือบํารุงสําหรับกลุมอาการพรองและการระบายสําหรับกลุมอาการแกรง” วิธีกระตุนเข็มที่ สามารถเพิ่มภูมิตานทานและสมรรถภาพการทํางานของอวัยวะท่ีพรองหนาท่ีได เรียกวา “บํารุง” สวนวิธี กระตุนเข็มที่สามารถขจัดปจจัยกอโรคและปรับสมดุลอวัยวะท่ีทําหนาท่ีมากเกิน เรียกวา “ระบาย\" ในทางปฏิบัติการกระตุนท้ังสองวิธีมีความสําคัญและมีขอบงใชอยางชัดเจนในการปรับการทําหนาท่ีของ อวยั วะภายในและปรบั ดลุ ยภาพของอิน-หยาง ข้ึนกับพยาธิสภาพของผูปว ย ในกรณีท่ีผปู วยตวั เย็นและสัญญาณชีพออนพรองตองกระตุนเพอ่ื ฟน ฟูบาํ รงุ หยางขึ้นมากอ น ในขณะท่ผี ูปวยทมี่ อี าการตัวรอนจดั จากการกระทาํ ของปจ จยั กอ โรคภายนอกตอ งกระตุนเพอ่ื ระบายรอน และขจัดปจ จยั กอโรค การกระตุน เข็มที่เหมาะสมไมเพียงชว ยบรรเทาอาการปวยแตย งั ชว ยปรบั สมดลุ อวยั วะภายในไดอ กี ดวย ตวั อยา ง อาการปวดทองจากกระเพาะอาหารและลําไสห ดเกร็ง การฝง เข็มไม เพยี งคลายอาการหดเกรง็ เพื่อบรรเทาปวดเทาน้นั ยงั ชว ยใหการเคลอ่ื นไหวของระบบทางเดนิ อาหาร เปนไปอยางสมดลุ อยา งไรกต็ ามผลของการฝง เขม็ ยงั ขึ้นอยกู ับความสมบูรณข อง ชีท่ ปี่ กปองรา งกาย
Page 35 บทที่ 1 เทคนคิ การฝงเข็ม 25 หรอื เอวย ช่ี (卫气 WèiQì: defensive Qi) ในผปู ว ยแตล ะรายดวย ถาเอวย ชีส่ มบรู ณการกระตนุ ชใ่ี น เสนลมปราณยอมทําไดง า ยและไดผลดี ในทางตรงขา ม ถา เอวย ชอี่ อ นพรอ งยอ มยากท่ีจะกระตุนให เกดิ ผล สรรพคุณพเิ ศษของจุดฝงเขม็ บางจุดมกั ถูกเลือกใชเพื่อการกระตนุ บํารุงหรือระบายโดยเฉพาะ จดุ ท่ีมกั ถูกเลือกใชเ พอื่ การบํารงุ รา งกาย เชน QiHai (CV 6), GuanYuan (CV 4), MingMen (GV 4), ZuSanLi (ST 36) จดุ ที่มักถูกใชเ พื่อการระบายรอนออกจากรางกาย เชน ShaoShang (LU 11) และ ShiXuan (EX-UE 11) 4.1 เทคนคิ ในการกระตนุ เขม็ เพ่อื บํารงุ และระบาย เทคนิคในการกระตุนเข็มเพื่อบํารุงหรือระบาย มีการพัฒนาคนควาและรวบรวมไวในคัมภีร แพทยสืบทอดกันมา จนถึงปจจุบันเทคนิคตาง ๆ เหลานี้ยังคงใชไดผลดีในทางคลินิก วิธีกระตุนสวน ใหญในการบํารุงและระบายจะเปนการกระตุนเข็มที่ตรงขามกัน ในบทน้ีรวบรวมวิธีที่มีการสอนและการ ใชอยางแพรหลาย สามารถเลือกใชวิธีใดวิธีหน่ึงหรือใชหลายวิธีรวมกันก็ได ตามความเหมาะสมของ พยาธิสภาพผูป วยและตาํ แหนง ของจุดฝงเข็ม อน่ึงการกระตุนเข็มเพื่อบํารุงหรือระบายจะพิจารณาทําเปนข้ันตอนตอจากการไดชี่แลว กลาวคือ เม่ือแทงเข็มไปถึงจุดท่ีตองการผูปวยควรเกิดอาการไดช่ีกอน หากไมเกิดการไดชี่ตองทําการรอ ช่ีหรือเรยี กช่ีจนกวาจะเกิดอาการไดช ่ี จากนนั้ จึงทาํ การกระตนุ เพอ่ื บาํ รุงหรอื ระบายตอ ไป 4.1.1 บํารุงหรือระบายโดยการดันหรือดึงเข็ม (Reinforcing and Reducing by Lifting and Thrusting the Needle) คัมภีร 81 ปญหาทางการแพทย กลาววา “การกดเข็มลงลึกอยางหนักคือการกระตุนบํารุง ขณะท่ีการดึงเข็มขน้ึ มายงั สว นตืน้ อยางแรงคือการระบาย” เทคนิคของการบํารุงหรือระบายดวยวิธีนี้อยูท่ี “ความแรงและความเร็ว” ในการดันเข็มลงลึกหรือดึงเข็มมายังสวนต้ืน โดยเม่ือแทงเข็มลงไปถึงจุดท่ี ตองการและเกิดการไดช่ีแลว หากตองการบํารุงใหดึงข้ึนมายังช้ันใตผิวหนังอยางชาและเบามือแลวดัน เข็มกลับไปยงั จดุ เดมิ ดวยความแรงและเร็ว หากตองการระบายใหดึงเข็มข้ึนมายังชั้นใตผิวหนังอยางแรง และเร็วแลว ดนั เข็มกลับไปยังจุดเดิมอยางชา ๆ ดว ยความเบามือ
Page 36 26 การฝง เข็ม-รมยา เลม 2 4.1.2 บาํ รุงหรอื ระบายโดยการปน เขม็ (Reinforcing and Reducing by Twirling and Rotating the Needle) เทคนิคในการบํารุงหรือระบายดวยวิธีนี้ คือ “ความแรง ความเร็ว และความกวาง (องศา)” ใน การปนเข็มหลังจากเกิดอาการไดช่ีแลว โดยการปนเข็มอยางเบามือ ชาและองศาแคบจัดเปนการกระตุน บํารุง ในทางกลับกัน การปนเข็มอยางแรง เร็วและองศากวางจัดเปนการระบาย คัมภีรหฺวังตี้เนยจิง ภาคหลิงซู บทที่ 37 กลาววา “ปนเข็มเช่ืองชาคือการบํารุง ปนเข็มรวดเร็วเพ่ือเรงการไหลเวียนช่ีคือวิธี ระบาย” อีกเทคนิคหน่ึงในการปนเข็มเพื่อบํารุงหรือระบาย คือ ความแรง-เร็วและความกวางในการปน เข็มตามหรือทวนเข็มนาฬิกา การปนเข็มโดยดันหัวแมมือไปขางหนาดวยความแรง เร็วและองศากวาง จัดเปนการบํารุง ในทางตรงขามการปนเข็มโดยถอยหัวแมมือกลับ (ดันน้ิวช้ีไปขางหนา) ดวยความแรง เร็วและองศากวางจัดเปนการระบาย คัมภีรแพทยบทนําสูการฝงเข็มและรมยา กลาววา “ปนเข็มโดยดัน นวิ้ หัวแมมอื ไปขา งหนา คอื การบํารงุ ปน เขม็ โดยถอยหวั แมม ือมาขางหลังคอื การระบาย” 4.1.3 บํารุงหรือระบายโดยความเร็ว-ชาของการแทงและถอนเข็ม (Reinforcing and Reducing Achieved by Rapid and Slow Insertion and Withdrawal of the needle) เทคนิคในการบํารุงหรือระบายดวยวิธีนี้ คือ “ความเร็วในการแทงและถอนเข็ม” การกระตุน บํารุงทําโดยการแทงเข็มอยางชา ๆ ไปยังความลึกท่ีตองการ จากน้ันดึงเข็มอยางรวดเร็วใหปลายเข็มมา อยูใ ตตอ ชั้นผิวหนงั พกั เข็มไวชว่ั ครแู ลวถอนออก ในทางกลับกัน การระบายทําโดยการแทงเข็มอยางเร็ว รวดเดียวไปยังความลึกที่ตองการ จากน้ันคอย ๆ ถอนเข็มออกผานแตละช้ันมาอยางชา ๆ คัมภีรหฺวังต้ี เนยจิง ภาคหลิงซู บทที่ 1 กลาววา “แทงเข็มชาและถอนเร็วคือวิธีบํารุง แทงเข็มเร็วและถอนชาคือวิธี ระบาย” 4.1.4 บํารงุ หรือระบายโดยการปด หรือเปดรูถอนเขม็ (Reinforcing and Reducing Achieved by Keeping the hole Open or Close) คัมภีรหวฺ งั ตเ้ี นย จงิ ภาคซูเอวิ่น บทท่ี 53 กลาววา “กลุม อาการแกรง เกิดจากการรกุ รานของ ปจ จยั กอโรคภายนอก ขณะทีก่ ลมุ อาการพรอ งเกิดจากการสูญเสยี ชใี่ นเสน ลมปราณหรอื เจิ้งช่ี (正气 ZhèngQì: Vital Qi) ออกไป” เมือ่ ถอนเขม็ ออกใหร บี กดปดรูถอนเข็มในทนั ทเี พ่อื กนั ไมใ หเสยี เจิง้ ช่ี จดั เปนการบํารุง ในทางกลบั กนั ขณะถอนเข็มใหโ ยกเขม็ เพอื่ ทําใหร ถู อนเข็มกวา งขึ้น เม่อื ดงึ เขม็ ออก
Page 37 บทที่ 1 เทคนคิ การฝงเข็ม 27 ปลอ ยใหร ูถอนเขม็ เปด ไวช่ัวครู จดั เปนการระบาย 4.1.5 บํารุงหรอื ระบายโดยทิศทางของปลายเขม็ (Reinforcing and Reducing Achieved by the Direction of Needle tip pointing to) ทศิ ทางของปลายเข็มช้ีไปตามแนวการไหลเวยี นของเสนลมปราณจัดเปนการบํารงุ ในทาง กลบั กนั หากทศิ ทางของปลายเขม็ ชีท้ วนหรอื ตานแนวการไหลเวยี นของเสนลมปราณจดั เปน การระบาย ตัวอยาง เสน ลมปราณหยางของแขน 3 เสน มที ศิ ทางไหลเวยี นขึ้นจากมือไปยงั ศรี ษะ หากชี้ปลายเข็มขึ้น ตามแนวเสน ลมปราณเปนการบํารงุ หากชปี้ ลายเข็มลงยอ นแนวเสน ลมปราณเปนการระบาย 4.1.6 บาํ รุงหรอื ระบายโดยฝง เข็มสมั พันธก บั การหายใจ (Reinforcing and Reducing Achieved by Means of Respiration) การฝง เข็มวธิ นี ต้ี อ งสังเกตการหายใจของผูปว ย หากตองการบํารุงใหแ ทงเข็มเขาขณะผปู วย หายใจเขา และถอนเขม็ ออกขณะผปู วยหายใจออก หากตอ งการระบายใหแทงเข็มและถอนเขม็ ใน เทคนคิ ตรงกันขาม 4.1.7 ไมบาํ รงุ ไมระบาย (ผิงปผู งิ เซย่ี : PíngBǔPíngXiè : Even Movement Method) เม่อื แทงเข็มจนถงึ จุดทีต่ องการและเกิดอาการไดชี่แลว ซอยเขม็ ขึ้นลงและปนเข็มไปกลับดวย ความเบามือ ความเร็วปานกลางและระยะข้นึ -ลง-ไป-กลับ เทาเทียมกนั ใหผูปวยรูสึกถงึ แรงกระตุน เล็กนอยแลว จึงถอนเข็มออกดวยความเร็วปานกลาง เทคนคิ นเ้ี รยี กวา “ไมบาํ รุงไมระบาย” หรือ “กระตุน สมดุล” หรอื “กระตนุ เทา กัน” (平补平泻 PíngBǔPíngXiè: Even movement method) เหมาะ สําหรบั โรคทวั่ ไปหรือจดุ ฝง เขม็ ที่ไมต อ งการเนนบํารงุ หรอื ระบายเปนกรณีพเิ ศษ 4.2 กระบวนทา กระตุนเขม็ เพือ่ บํารุงหรอื ระบาย (复式补泻手法 FùShìBǔXièShǒuFǎ: )Comprehensive reinforcing and reducing methods นอกเหนอื จากการบํารงุ หรือระบาย ดวยวธิ ีปกตธิ รรมดาทก่ี ลาวมาแลว ขา งตน ยงั มกี ารกระตุน เพ่อื บํารงุ หรือระบายท่ีมีเทคนิคการกระตนุ เปน ชุดท่ีซับซอ นข้นึ หรอื เปน กระบวนทา ซึ่งมขี ้นั ตอนการ กระตุนและชื่อเรียกโดยเฉพาะถา ยทอดตอกนั มาต้ังแตอ ดีต เมอ่ื เลือกใชก ระบวนทาแตละชดุ ตองทําจน ครบขั้นตอนจึงจะเกดิ ผลในการรักษาเตม็ ที่ ในทางปฏบิ ตั ิมีกระบวนทาการกระตนุ เขม็ เปนจาํ นวนมาก ใน ที่น้ีจะยกตวั อยางมาเพียง 2 กระบวนทา ทนี่ ิยมใชก นั แพรหลายในการบํารุงและระบาย
Page 38 28 การฝงเข็ม-รมยา เลม 2 4.2.1 เผาภผู า (烧山火 ShāoShānHuǒ: Setting the Mountain on Fire) เผาภูผา เปนกระบวนทาเพ่อื การบาํ รงุ โดยการซอยเข็มกดลงหนกั ดึงข้ึนเบา ในแตล ะชัน้ ของ เนอ้ื เยือ่ จากชัน้ ต้ืนสูช นั้ ลกึ และจบข้ันตอนดวยการถอนเขม็ เรว็ พรอ มปดรูเขม็ ทันที เมอ่ื ใชว ธิ ีนีผ้ ปู วยจะ รูส ึกอุนรอ นในตาํ แหนงท่กี ระตนุ เขม็ ซึง่ ถอื เปน สญั ญาณของการสัมฤทธ์ิผลในการใชก ระบวนทา เทคนิค นเ้ี หมาะที่จะใชใ นโรคทเ่ี ปน กลมุ อาการเย็นพรอ ง (เย็นเพราะหยางพรอ ง) กลมุ อาการปวดท่เี กดิ จากความ เย็นและอาการชาทีด่ ือ้ การรักษา กระบวนทา เรม่ิ ทีก่ ารแทงเขม็ ผา นผวิ หนังปลายเข็มอยูใ ตต อผวิ หนงั แบง การแทงลงเปน 3 ชั้น คอื ช้นั ตื้น ช้ันกลาง และ ชัน้ ลกึ ช้นั ละ 1/3 ของระยะทางจากผวิ หนังไปถงึ จุดทตี่ องการ เชน จดุ ฝงเขม็ ลกึ 1.5 ชุน แบง 3 ช้นั ชั้นละ 0.5 ชนุ จากน้นั แทงเข็มลงชา ๆ เปน 3 จงั หวะ จงั หวะละชั้น ผา นช้นั ต้นื ชัน้ กลางและช้นั ลึก และเกดิ การไดช หี่ รือกระตุนจนเกดิ การไดช่ี เม่ือไดช ี่แลวดึงเข็มรวดเดียวมายงั ใตต อ ผิวหนังคือชนั้ ต้ืน จากน้ันซอยเข็มดว ยการ ‘กดหนกั -ดงึ เบา’ ใหร ะยะการซอยอยใู นช้นั ตื้นจํานวน 9 ครั้ง แลว ดันเขม็ ผานลงไปท่ีช้ันกลาง ซอยเข็มลกั ษณะเดยี วกัน 9 ครัง้ จึงดนั เขม็ ลงไปชนั้ ลึก ซอยเขม็ ทํานอง เดยี วกนั 9 คร้งั ผปู วยจะรสู กึ อนุ รอนในตาํ แหนงท่ีกระตุนเขม็ ถา ไมร ูสกึ อุนใหทําซ้าํ อกี จนกวาจะรูสกึ อนุ การถอนเข็มใหถอนอยา งรวดเรว็ และกดปด รูเขม็ ในทนั ที (รปู 1.27 A) 4.2.2 ทะลวงฟาใหเยน็ (透天凉 TòuTiānLiàng: Penetrating-Heaven Coolness) กระบวนทานีใ้ ชเพอ่ื การระบาย เทคนิคจะตรงกนั ขา มกบั กระบวนทาแรก กลาวคอื ดงึ เข็มขนึ้ เร็วแทงลงชา ในแตละช้ันของเน้อื เยื่อ จากช้ันลกึ มาสูช ้ันตน้ื จบขั้นตอนดว ยการเปด รูเขม็ ทิ้งไวช วั่ ครู เม่ือ ใชก ระบวนทา นี้ ผูปวยจะรูสกึ เย็นที่ตําแหนง กระตุนเขม็ ถือเปนสญั ญาณของการสมั ฤทธผ์ิ ลของกระบวน ทา เทคนิคนี้เหมาะท่จี ะใชในโรคกลมุ อาการรอนแกรง กลุมอาการปวดจากความรอน แบง ชัน้ เนื้อเย่อื เปน 3 ชัน้ เชนเดียวกับกระบวนทาแรก แทงเข็มรวดเดยี วไปยงั ช้นั ลึกถึงจดุ ท่ี ตองการ ถอนเขม็ ข้ึนเปน 3 จังหวะ ๆ ละ 1 ชนั้ จนปลายเขม็ มายงั ใตต อ ผวิ หนงั แลวกดแทงรวดเดยี วไป ยงั จุดเดิมในช้ันลกึ จนเกดิ การไดช ี่หรอื กระตุนจนเกดิ อาการไดช่ี เมอ่ื ไดชีแ่ ลว เรม่ิ ซอยเขม็ ใหร ะยะกวา ง อยูใ นช้ันลกึ โดย ‘กดเขม็ ชา-ดงึ เขม็ เรว็ ’ จํานวน 6 ครั้ง แลว ถอยเขม็ มาอยใู นชัน้ กลาง ซอยเขม็ ใน ลกั ษณะเดยี วกนั 6 คร้งั แลว ถอยเขม็ มาอยชู ัน้ ตืน้ ซอยเขม็ ทํานองเดยี วกัน 6 ครั้ง ผปู วยจะรสู กึ เย็นตรง ตําแหนงเขม็ หรอื ทาํ ซํา้ กระบวนทา จนกวาผปู ว ยจะรูส กึ เย็นที่ตาํ แหนงเขม็ (รูป 1.27B)
Page 39 บทที่ 1 เทคนคิ การฝง เข็ม 29 [[-----รูป----รูป----รูป----รปู ----รปู ----รูป----รปู ------]] [[-----รปู ----รปู ----รูป----รปู ----รปู ----รูป----รปู ------]] [[-----รูป----รูป----รูป----รปู ----รูป----รปู ----รปู ------]] [[-----รปู ----รปู ----รปู ----รูป----รปู ----รูป----รปู ------]] รปู 1.27 A. กระบวนทา เผาภผู า (บํารุง) B. กระบวนทา ทะลวงฟา ใหเ ยน็ (ระบาย) [[Fig. 150]] 5. การคาเข็มและการถอนเขม็ (Retaining and Withdrawing the Needle) การคาเข็ม หมายถงึ การปลอยเข็มคางไวกับตัวผูปวยอีกระยะเวลาหน่ึง หลังจากแทงเข็มไปถึง จดุ และกระตนุ เรยี บรอ ยแลว การที่จะคาเข็มหรือไมแ ละระยะเวลาในการคาเข็มขึ้นอยูกับพยาธิสภาพของ ผูรับการฝงเข็มเปน สาํ คัญ กรณีทัว่ ไปหลังจากแทงเข็มถงึ จุดจนเกิดอาการไดช่ีแลว มักจะคาเข็มตอไปอีก 15 – 20 นาที ในกรณีโรคที่เรื้อรัง รักษายาก มีอาการเจ็บปวดมากหรือมีกลามเน้ือหดเกร็งมาก อาจ พิจารณาคาเข็มไวนานข้ึน ซึ่งในระหวางคาเข็มควรมีการกระตุนเข็มเปนระยะ ๆ ดวยเพ่ือเพิ่ม ประสิทธิภาพในการรักษา ในบางรายที่แทงเข็มกระตุนแลวไมเกิดการไดช่ีอาจคาเข็มไวช่ัวครูแลวมา กระตนุ ใหมก รณีเรียกวา คาเข็มเพ่อื รอช่ี การถอนเข็ม คือการดึงเข็มออกจากรางกายหลังจากเสร็จการฝงเข็มแลว วิธีการถอนเข็มใหใช นิ้วหัวแมมือและนิ้วช้ีมือซาย กดท่ีผิวหนังรอบเข็ม ใชมือขวาจับเข็มปนไปกลับดวยองศาเล็กนอยเบา ๆ แลวคอย ๆ ถอนเข็มข้ึนชา ๆ จนถึงระดับช้ันเนื้อเยื่อใตผิวหนังจึงดึงออกอยางรวดเร็ว แลวใชผากอซ หรือสาํ ลีกดเอาไวช่วั ครูเพ่อื ปอ งกนั เลอื ดออก ตรวจนับเข็มใหแนใ จวาไมมเี ขม็ คา งคาไวโดยไมต ั้งใจ 6. เทคนคิ การฝงเข็มทมี่ บี นั ทึกในคัมภรี ห ฺวงั ตีเ้ นยจิง คมั ภีรหฺวังต้ีเนย จิง ภาคหลิงซู บทท่ี 7 กลาวถึงวิธกี ารฝงเข็มเพอ่ื แกป ญ หาอาการเจ็บปว ยตาง ๆ ไว 3 ชดุ ไดแ ก 1) การแทงเขม็ 9 วธิ ี 2) การฝงเขม็ 12 แบบ และ 3) การปก เขม็ 5 เทคนคิ 6.1 การแทงเขม็ 9 วิธี คัมภรี ห วฺ งั ตเ้ี นยจงิ บนั ทกึ วา “การฝง เขม็ 9 วธิ ี ใชร ักษาโรคท่ีแตกตางกนั 9 ประเภท” ไดแ ก
Page 40 30 การฝง เข็ม-รมยา เลม 2 1) แทงจดุ ซู (输刺 ShūCì: Shu-Point Needling): ความผิดปกตขิ องอวยั วะตนั ทัง้ หา ให ฝง เข็มที่ จดุ อิ๋ง-น้าํ พุ (Ying-Spring) และจดุ ซู-ลาํ ธาร (Shu-Stream) ของเสน ลมปราณทสี่ ังกัดกบั อวยั วะตนั นั้น รวมกับจดุ ซู-หลงั (Back-Shu) ของอวยั วะนัน้ วธิ ีนี้ใชร กั ษาโรคของอวัยวะตนั 2) แทงจุดไกล (远道刺 YuǎnDàoCì: Distant Needling) แทงเข็มทจี่ ุดไกลของเสนลมปราณ ทเ่ี กย่ี วขอ งกับอวยั วะทีม่ ีปญหา โดยใชจุดท่ีอยสู วนลางของรางกายมารกั ษารางกายสวนบน (ใชล า งรกั ษา บน) จุดไกลใชร กั ษาอวัยวะกลวงท้ังหก โดยเลือกใชจดุ เหอลา ง (lower He-Sea points) ของอวยั วะ กลวงท้ังหกจากเสนลมปราณเทาหยางท้ัง 3 เสน วธิ นี ้ใี ชร ักษาโรคของอวยั วะกลวง 3) แทงเสนลมปราณ (经刺 JīngCì: Meridian Needling) แทงเขม็ ตามแนวเสนลมปราณทีม่ ี ปญ หาหรือตามแนวเสนท่สี มั พันธก บั สวนของรา งกายท่ีมปี ญ หา วิธีนใ้ี ชรักษาโรคของเสนลมปราณ 4) แทงกิ่งลมปราณ หรอื แทงเสน เลอื ดฝอย (络刺 LuòCì: Collateral Needling) แทงเขม็ บนเสน เลอื ดเล็ก ๆ ทอ่ี ยตู ื้นในผิวหนังเพือ่ ขจัดเลือดคัง่ คา งตดิ ขัด วิธีนี้ใชรกั ษาโรคของกง่ิ ลมปราณ 5) แทงกะเทาะ (分刺 FēnCì: Crack Needling) แทงเข็มไปยงั เนื้อเยอื่ แวดลอ มตําแหนง ท่ีมี ปญ หา ใชรักษาอาการปวดกลา มเน้ือ กลามเนอื้ ออนแรงและผลตกคา งจากการบาดเจบ็ ในอดตี 6) แทงทะลัก (大写刺 DàXiěCì: Evacuation Needling) ใชเ ขม็ รปู กระบี่กรีดผวิ หนงั เพอ่ื ระบายหนองหรือเลอื ดปนหนองหรือของเหลวทค่ี งั่ คา งอยู 7) แทงตืน้ (毛刺 MáoCì: Shallow Needling) เปนวธิ รี ักษาโรคทอ่ี ยตู น้ื ในระดบั ผวิ หนัง ใน ปจจบุ ันวธิ ีนถี้ ูกพัฒนาเปนเข็มผิวหนงั 8) แทงดานตรงขา ม (巨刺 JùCì: Contralateral Needling) แทงเข็มไปยงั จุดที่อยูด า นซา ย ของรา งกายเพ่อี รักษาพยาธิสภาพทอี่ ยูด า นขวา หรือในทํานองกลับกนั หรือแทงซายรักษาขวา-แทงขวา รกั ษาซาย 9) แทงเข็มรอ น (焠刺 CuìCì: Heat Needling) วิธีนใ้ี ชเข็มทีเ่ ผาไฟจนรอ นเปน สีแดง เหมาะ กบั การรักษาโรคปวดตามขอ วณั โรคตอ มน้าํ เหลือง แผลท่ีเกดิ จากสภาวะอิน 6.2 การฝง เขม็ 12 แบบ คมั ภีรห วฺ งั ตี้เนย จงิ กลา ววา “การฝง เขม็ 12 แบบ เพอ่ื ใชรักษาโรคของ 12 เสน ลมปราณ” 1) ฝง คู (偶刺 ǒuCì: Coupled Puncture) คอื การฝง เขม็ ดานหนา อกและดา นหลัง ในจุดทอ่ี ยู ระดบั ตรงกัน เรยี กวา จุดคอู ิน-หยาง วธิ นี ีใ้ ชร กั ษาอาการเจ็บหัวใจและเจบ็ หนาอก
Page 41 บทที่ 1 เทคนคิ การฝงเขม็ 31 2) ฝงจุดสือ่ (报刺 BoàCì: Trigger Puncture) วิธนี ี้ใชร ักษาอาการปวดทต่ี าํ แหนง ปวดเคล่อื น ไปหลายแหง หาจุดเจ็บท่ีแนนอนจุดเดยี วไมไ ด โดยการแทงเขม็ ตรงไปท่จี ุดกดเจ็บและคาเข็มไวช ั่วครู ใชมือ ซา ยคลําหาจดุ เจบ็ จดุ อื่นแลว เคล่อื นเขม็ ไปแทงทจ่ี ุดกดเจบ็ ท่ีพบ 3) ฝง ขาง ( 恢 刺 Hu ī Cì: Lateral Puncture) ฝงเข็มโดยแทงตรงลงไปขา งใดขางหนงึ่ ของ กลามเน้อื ทปี่ วดจนเกดิ อาการไดช ี่ จากนัน้ จบั เข็มโยกขน้ึ -ลง ไปขา งหนา-กลบั มาขางหลัง ไปซา ย-มาขวา เพือ่ ขยายรเู ข็มใหก วางและคลายกลา มเนือ้ หรืออกี วิธีหนงึ่ เมือ่ แทงเข็มลงตาํ แหนงดงั กลา วจนเกดิ การได ชแี่ ลว บอกใหผ ูปว ยคอย ๆ ขยบั กลามเนื้อสว นท่ีปวดอยา งนุมนวลเพอ่ื เปน การเพ่ิมการไหลเวียนของชใ่ี น เสน ลมปราณและคลายกลามเนื้อที่หดเกร็ง การฝง เขม็ ขางใชใ นการรกั ษาอาการปวดรมู าตกิ (rheumatic pain) 4) ฝง สามเลม (齐刺 JìCì: Triple Puncture) ฝงเข็ม 3 เลมลงไปยงั พืน้ ทเ่ี ดียวกันโดยใหเขม็ หนง่ึ อยตู รงกลาง ทเ่ี หลอื แทงขา งตอเลม แรกขางละเลม โดยแทงเอยี งเลก็ นอ ยใหป ลายเขม็ ช้ีเขา หาเลมแรก วธิ นี ใี้ ชรักษาอาการปวดขอ รมู าตกิ ทีเ่ กดิ จากลมเยน็ กอ โรคท่เี ปนในพน้ื ทีไ่ มมากแตโ รคอยลู กึ 5) ฝงหา เลม (扬刺 YángCì: Quintuple Puncture) ฝงเขม็ ในพื้นที่เดียวกันจํานวน 5 เลม โดยเข็มแรกแทงตรงเปน ศูนยก ลาง เขม็ ท่ีเหลอื แทงลอมรอบโดยเอียงปลายเขม็ เขาหาเขม็ แรก วิธีน้ใี ช รกั ษาอาการท่เี กิดจากลมเยน็ กอโรคที่กนิ พื้นที่คอนขา งกวาง 6) ฝงขวาง (直针刺 ZhíZhēnCì : Horizontal Puncture) ใชมือซา ยหยบิ ผวิ หนงั ขึ้นเลก็ นอย แลวแทงเขม็ เขาผิวหนังในแนวขวางเขม็ หรือแนวราบ ตัวเขม็ จะอยใู นชัน้ ใตผ วิ หนงั โดยเข็มครอมอยูบน พืน้ ที่ที่เปนปญหา ใชร ักษาอาการที่เกิดจากลมเยน็ กอโรคทย่ี งั จาํ กัดอยูในชน้ั ตนื้ 7) ฝง จดุ ซู (输刺 ShūCì: Shu-point Puncture) วิธนี ใ้ี ชการแทงเข็มตรง 2 – 3 จดุ คอ นขา ง ลึก แลว ถอนเขม็ ออกอยางรวดเรว็ ใชร ักษากลมุ อาการรอ นท่เี กดิ จากชีเ่ กนิ 8) ฝง เฉียด (短刺 DuǎnCì: Short Puncture) แทงเข็มเขา พรอมกบั ปน เข็มเล็กนอย แทงเข็ม ตรงไปยังกระดูกทมี่ อี าการปวดจากโรคขอ อกั เสบรูมาติซมึ คอย ๆ ดนั เขม็ จนปลายเข็มเฉยี ดใกลก ระดกู จากน้นั ถอยเขม็ -ดันเข็ม-ปน เข็ม อยา งนมุ นวล ในตําราวา “คลา ยกับการขดั กระดูก” ใชรักษาโรคขอ อกั เสบ รมู าตซิ ึมท่มี อี าการปวดกระดูกจากความเย็น 9) ฝงผวิ (浮刺 FúCì: Superficial Puncture) คือการแทงเขม็ เฉียง หรือแทงเข็มต้ืน ๆ เพื่อ รกั ษากลามเน้อื หดเกร็งจากความเยน็ วธิ นี ้ี พฒั นาเปน เข็มสอดผิวหนงั ในปจจบุ ัน 10) ฝง อนิ (阴刺 YīnCì: Yin Puncture) เปน การฝงเขม็ ทจี่ ุด TaiXi (KI 3) เปนจดุ บนเสน ลมปราณไต อยูหลังตอ ตาตมุ ในทัง้ สองขา ง ใชรกั ษาอาการแขนขาเยน็ และกลมุ อาการเยน็
Page 42 32 การฝง เข็ม-รมยา เลม 2 11) ฝง ประชดิ (傍针刺 BàngZhēnCì: Adjacent Puncture) แทงเข็ม 2 เลม ไปยงั จดุ ทีม่ ี ปญ หา เลมหนงึ่ แทงตรง อกี เลมแทงเฉียงใหปลายเขม็ เขา หาเลม แรก ใชร กั ษาโรคขอ อกั เสบรูมาติซึม เรอื้ รัง 12) ฝงยาํ้ ต้นื (赞刺 ZànCì: Repeated Shallow Puncture) เปน การแทงเข็มตรงซํา้ ๆ ในช้ัน ตนื้ แลว ถอนเข็มอยางรวดเรว็ เพอื่ ใหเกิดเลือดออก ใชใ นการรกั ษาฝฝกบวั และไฟลามทงุ 6.3 การปกเขม็ 5 เทคนิค คัมภรี ห ฺวังต้ีเนยจิง กลา ววา “การปกเขม็ 5 แบบ เพือ่ รกั ษาโรคทเี่ ก่ียวของกบั อวยั วะตันทงั้ หา ” 1) ปก ตื้นมาก (半刺 BànCì: Extreme Shallow Puncture) เปน การปกเขม็ ตืน้ และถอนเขม็ ออกในทันทีโดยไมใ หม ีการบาดเจ็บของกลา มเนือ้ เทคนิคน้ีใชร ักษาโรคท่ีสมั พันธกบั ปอดที่ยงั จํากัดอยู ในชนั้ ผิวของรา งกาย เปน การขจัดหรอื ระบายปจ จัยกอโรคที่ยงั อยูตืน้ ในช้ันผวิ หนัง ใชร กั ษาอาการไข ไอ หอบจากลมเย็นกอ โรค และโรคผวิ หนัง 2) ปก ลายเสือดาว (豹文刺 BàoWénCì: Leopard-Spot Puncture) เปนการปกเสนเลือดขนาด เล็กที่อยูรอบรอยโรคทั้งส่ีดานเพื่อใหมีเลือดออก เน่ืองจากหัวใจควบคุมเสนเลือดและการไหลเวียนของ เลือด เทคนคิ นี้จงึ มุงเนนไปที่เลือดและช่ี ใชใ นการรกั ษาบรเิ วณท่ีมอี าการบวมแดง รอ นและปวด 3) ปกรอบขอ (关刺 GuānCì: Joint Puncture) เปนการปกเข็มไปที่กลามเน้ือที่อยูรอบขอตอ แขนหรือขาแตตองไมใหเกิดเลือดออก ใชในการรักษาโรคปวดขอรูมาติซึ่ม เทคนิคน้ีมีเปาหมายที่โรคที่ สัมพันธก ับตับ เนอื่ งเพราะตับควบคมุ เสนเอ็น 4) ปกเหอกู (合谷刺 HéGǔCì: HeGu Puncture) การปกเข็มเทคนิคนี้เร่ิมท่ีการปกลึกเขาไป ในช้ันของกลามเน้ือที่มีปญหา จากนั้นดึงเข็มกลับมายังชั้นใตผิวหนัง แลวดันเข็มเขาไปใหมโดยเฉียง ปลายเข็มไปดานซาย 45 องศากับแนวเข็มแรก แลวดึงกลับมาช้ันใตผิวหนังอีกคร้ังแลวดันไปดานขวา 45 องศากับแนวเข็มแรก แนวเข็มท้ังสามจะเปนภาพคลายตีนไก เทคนิคนี้ใชรักษากลามเน้ือที่เปนรูมาติซึ่ม ซึ่งเปน โรคทีส่ ัมพนั ธกับมา ม เพราะมา มควบคมุ กลา มเนื้อ 5) ปกจุดซู (输刺 ShūCì: Shu-Point Puncture) เปนการปกเข็มลึกไปยังกระดูกเพ่ือรักษา อาการปวดกระดูก เทคนิคนี้มเี ปา หมายรกั ษาโรคท่ีสัมพันธกบั ไต เพราะไตควบคุมกระดูก
Page 43 บทที่ 1 เทคนคิ การฝง เข็ม 33 การรักษาโดยการฝงเข็มดวยเข็มและเทคนคิ ประเภทอน่ื 1. การรกั ษาดว ยเขม็ สามเหลี่ยม (三棱针法 SānLíngZhēnFǎ: Three-Edged Needle )Therapy การใชเข็มท่ีมีลักษณะเปนรูปสามเหลี่ยมคลายลิ่มแทงเขาท่ีตําแหนงซ่ึงเลือกอยางเหมาะสมใหมี เลอื ดออกเลก็ นอยทาํ ใหห ายจากอาการเจบ็ ปว ย เรียกวธิ นี ้ีวา “การรักษาดวยเขม็ สามเหล่ยี มหรือเข็มซานหลิง” ในอดีตเรียกวา ช่ือล่ัว หรือ ชื่อเศว่ียลั่ว (刺络,刺血络 CìLuò, CìXuěLuò) หมายถึง แทงใหมีเลือด ออกหรือแทงหลอดเลอื ด ปจจุบนั เรยี กวา การปลอยเลือด (Blood letting or Bleeding therapy) เข็มสามเหลี่ยม ทําจากโลหะสเตนเลสยาว 2 ชุน หรือประมาณ 5 – 6 ซม. ตัวเข็มกลมยาวเปน ดามสําหรับจบั ปลายเขม็ เปนสามเหลยี่ มดา นเทาสอบปลายทแี่ หลมคมสาํ หรับทมิ่ แทง (รูปท่ี 1.3) 1.1 ขอ บงใช การรักษาดวยเข็มสามเหลี่ยมมีสรรพคุณชวยเพิ่มการไหลเวียนของช่ีและเลือดในเสนลมปราณ หรือทะลวงเสนลมปราณ กระจายเลือดท่ีคั่งคางติดขัด เปดทวาร ระบายรอน ลดอาการบวม บรรเทา ปวด เขม็ สามเหล่ยี มมีสรรพคณุ เดน ในการรักษา 1) การปด กั้นของเสนลมปราณ (blockage of the meridians) 2) เลอื ดค่ังคาง (blood stasis) 3) กลุมอาการเกนิ (excess syndrome) 4) กลมุ อาการรอ น (heat syndrome) 5) อาการปวดตาง ๆ การรกั ษาดว ยเขม็ สามเหลย่ี มใชไ ดท ั้งโรคเฉยี บพลันและเรอื้ รงั เชน ไขสงู หมดสติ กลุม อาการปด ในโรคหลอดเลอื ดสมอง เจ็บคอ ปวดศรี ษะ ปวดตา ตาแดง ฟกชาํ้ ฝร ะยะแรก รดิ สดี วงทวาร บวมหรือ เลือดคง่ั เฉพาะที่ ชาตามนิ้วมือนิว้ เทา เปนตน 1.2 เทคนิคการใชเข็มสามเหลย่ี ม เขม็ สามเหลี่ยมมวี ธิ ีการใช 4 ลกั ษณะ ไดแก
Page 44 34 การฝง เข็ม-รมยา เลม 2 1) การเจาะจุด (点刺 DiǎnCì: Spot pricking): โดยเลือกตําแหนงหรือจดุ ทต่ี อ งการเจาะ บบี เคน เบา ๆ ใหเ ลือดไปคงั่ บริเวณทีจ่ ะเจาะ เชด็ ดวยแอลกอฮอล 70% มือขวาจบั ดามเข็มดวยนวิ้ หัวแมม ือ นวิ้ ช้แี ละนว้ิ กลาง ใหป ลายเข็มโผลออกมา 3 – 5 มลิ ลเิ มตร เล็งตําแหนง ที่ตองการเจาะใหแมนยาํ ทิม่ เข็มลง อยา งเรว็ ใหล กึ ประมาณ 0.1 ชนุ แลวดงึ เขม็ ออกทนั ที ปลอ ยใหเลือดไหลออกหรอื บบี ไลเบา ๆ ใหเลอื ด ไหลออกเลก็ นอย จากนน้ั ใชส าํ ลีแหง กดรอยเขม็ หา มเลอื ด ตําแหนงที่ใชเจาะคอื จดุ ปลายนิว้ มอื -นวิ้ เทา เชน จดุ จิ่ง-ตาน้ํา (Jing-Well), ShiXuan (ET-UE11) หรอื บรเิ วณศีรษะใบหนา เชน TaiYang (ET-HN 5) และยอดหู (ear apex) 2) การเจาะหลอดเลือดดาํ (刺络 CìLuò: Vessel pricking): โดยการรัดเหนอื ตาํ แหนงหลอด เลอื ดดําทตี่ องการเจาะ เชด็ ดว ยแอลกอฮอล 70% จบั ดามเข็มดวยมือขวา เลง็ ตําแหนงหลอดเลอื ดดําให แมนยาํ ท่ิมเขม็ แทงลงอยางเรว็ ใหลึกประมาณ 2 – 3 มิลลเิ มตร แลว ดึงเขม็ ออกทนั ที ปลอยใหเลือด ไหลออกหรือกดไลเลอื ดเบา ๆ เมือ่ เลือดหยุดใหใ ชส ําลีแหงกดปดรอยเข็ม ตาํ แหนง จดุ ทใี่ ชบอย ไดแ ก จดุ QuChi (LI 11), WeiZhong (BL 40) 3) การเจาะเปน กลุม (散刺 SànCì: Clumpy pricking): หรอื อีกช่อื เรียกวา จมิ้ เปนรอย เหมือนลายเสือดาว (豹纹刺 BàoWénCì) จาํ นวนครัง้ ของการทมิ่ เขม็ ข้นึ กับขนาดของตําแหนงที่ตอ งการ รักษา อาจเปน 10 - 20 ครงั้ หรือมากนอยกวาก็ได รูปแบบการท่มิ เขม็ จะวนเปนวงกลมจากภายนอกสู ภายใน วธิ ีน้มี สี รรพคณุ ในการระบายเลือดเสยี ลดการบวมน้าํ สง เสริมการไหลเวยี นเลือดและชว ยทะลวงเสน ลมปราณ มักใชใ นกรณที ี่มเี ลอื ดคั่งหรอื บวมเฉพาะท่ี บวมนํ้า ฝแ ละกลากเกลอื้ น 4) การเข่ยี หรอื บง (挑刺 TiāoCì: Picking): ใชมอื ซายหยบิ ดงึ ผิวหนังท่ตี อ งการจะบง จากน้ันใชเขม็ ทมิ่ ลงลกึ 1 – 2 มม. เข่ยี สะกิดใหเปน แผล เพอ่ื ทาํ ใหมีเลอื ดหรือของเหลวไหลออกเล็กนอ ย บางครงั้ อาจเขย่ี หรือสะกดิ ลกึ ถงึ 5 มม. เพ่ือทาํ ใหเ สน ใยของเนอื้ เย่ือบางสวนขาดออก จากน้นั ปดทับดวย ผาปดแผล มักใชใ นการรกั ษาปวดกลา มเน้อื รอบหวั ไหล ปวดกระเพาะอาหาร โรคของกระดกู คอเส่อื ม นอนไมหลับ หอบหดื ปวดศีรษะ การปลอ ยเลอื ดพจิ ารณาทําวันละ 1 คร้ัง วนั เวน วนั 1-3 ครัง้ นบั เปน 1 ชดุ การรักษา (Course) 1.3 ขอ ควรระวัง 1) กอ นใชว ธิ ีนี้ตองอธิบายใหผปู ว ยเขา ใจและยินยอม
Page 45 บทที่ 1 เทคนคิ การฝง เขม็ 35 2) อุปกรณและทกุ ขน้ั ตอนการรกั ษาตองทําดว ยเทคนคิ ปลอดเช้อื 3) การเจาะจดุ ตองทําดว ยความรวดเรว็ แมน ยาํ เบามือ ไมควรปลอยเลือดออกมากเกินไป และ หา มท่มิ แทงถกู หลอดเลอื ดแดง 4) ควรหลกี เลย่ี งการรกั ษาในผูทสี่ ภาพรางกายออนแอ สตรมี ีครรภหรือหลงั คลอดบตุ ร ผูทปี่ ว ย หรือรบั ยาท่ีทาํ ใหเลอื ดออกแลวหยดุ ยาก 5) วิธีนอี้ าจทําใหผูปวยเปนลมได ควรจัดทาใหเหมาะสมและไมทําใหผ ปู ว ยหวาดกลัวหรอื เจ็บเกินไป 2. การรกั ษาดว ยเขม็ ผิวหนัง (皮肤针PíFūZhēn: Skin or Dermal Needle Therapy) เข็มผิวหนังท่ีนิยมใช ไดแก เข็มดอกเหมยและเข็มเจ็ดดาว (รูปท่ี 1.4) โดยใชเคาะหรือตีบน ผิวหนังบริเวณจุดฝงเข็มหรือตําแหนงที่เหมาะสม เน่ืองจากระบบผิวหนังเช่ือมตอกับระบบเสนลมปราณ และเสน ลมปราณเชื่อมโยงอวยั วะภายใน การกระตนุ ผวิ หนังที่เหมาะสมจึงเปนการกระตุนการทํางานของ ระบบเสนลมปราณและปรับการทํางานของอวัยวะภายในดวย หากอาการของโรคปรากฏในระดับผิวหนัง การกระตุนดว ยเข็มผิวหนงั จะชวยฟน ฟกู ารทํางานของอวัยวะภายใน ทําใหอ าการเจบ็ ปว ยหายได 2.1 ขอ บงใช การเคาะดวยเข็มผิวหนังเหมาะสมอยางยิ่งในการรักษาความผิดปกติของระบบประสาทและโรค ของผิวหนัง เชน มึนงงและวิงเวียน อัมพฤกษ-อัมพาต ผิวหนังอักเสบ รวมท้ังสามารถประยุกตใชรักษา โรคอื่น ๆ ไดอยางกวางขวาง ไดแก นอนไมหลับ, อาการปวดตาง เชน ปวดศีรษะ ปวดตามขอ ปวดเอว ปวดประจําเดือน, โรคระบบทางเดินอาหาร เชน โรคกระเพาะอาหาร ทองผูก, โรคระบบหายใจ เชน ทอนซิลอกั เสบเฉียบพลนั โรคหวัด อาการไอ, โรคตา เชน สายตาสน้ั ประสาทตาเส่อื ม และผมรว ง 2.2 เทคนคิ การใชเ ขม็ ผวิ หนงั การจับเขม็ และการเคาะ: จับกาํ ใหปลายดามเขม็ อยูในอุงมือ นว้ิ ชเี้ หยยี ดออกวางปลายนว้ิ ลงบน ดา มเข็ม ถอื เข็มใหห วั เขม็ อยูเหนือตําแหนง ทจี่ ะเคาะ เคาะเข็มลงตรง ๆ โดยใชแ รงเคาะจากขอมอื เม่อื ปลายเข็มสัมผสั กับผวิ หนงั ใหด ดี กลบั ทนั ที เคาะซํ้าจนเกดิ ผลตามความตองการ รูปแบบการเคาะ: การเคาะเข็มผิวหนงั แบงตามตาํ แหนง ในการเคาะเปน 3 แบบ ไดแ ก
Page 46 36 การฝงเข็ม-รมยา เลม 2 1) เคาะไลตามแนวเสนลมปราณ เขม็ ผวิ หนังใชเคาะตามแนวเสน ลมปราณไดทกุ สว นของรา งกาย แตนิยมใชเคาะไลเ สน ลมปราณบริเวณดา นหลงั ต้ังแตคอลงมาจนถึงกระเบนเหนบ็ ไดแ ก เสน ลมปราณ เทาไทห ยางกระเพาะปส สาวะ และเสน ลมปราณตู 2) เคาะลงบนจดุ เลือกเคาะจุดตามสรรพคณุ ของจุดฝงเข็มทตี่ อ งการรกั ษา นยิ มใชก บั จดุ นอก ระบบตามแนวขา งกระดกู สันหลงั หรือ ฮวาถวอเจ๋ยี จี่ (HuáTuóJiāJǐ) และจดุ ส่อื อาการ (Ashì) 3) เคาะบนตาํ แหนงพยาธสิ ภาพ หรือ เคาะบนรอยโรค โดยเคาะวนเปนวงจากรอบนอกเขา หา ศนู ยก ลางหรอื เคาะใหกระจายไปทว่ั บรเิ วณ เชน เคาะรักษาอาการปวดจากเลอื ดคง่ั ของขอ เทา แพลง หรอื เคาะรักษากลากเกลื้อน แรงเคาะ: แรงทใ่ี ชในการเคาะเขม็ ผิวหนังแบงเปน 3 ระดับ ไดแก 1) ระดบั เบา ใชแ รงเคาะเพยี งเพ่อื ใหผวิ หนังปรากฏเปนรอยแดงจาง ๆ การเคาะเบาใชก บั บรเิ วณ ศีรษะ ใบหนา หรือผูปวยสภาพรา งกายออนแอ ผสู งู อายุ สตรมี ีครรภ หรอื โรคในกลุม อาการพรอ ง โรคเรอ้ื รัง ทเี่ กดิ อาการพรอ ง 2) ระดับปานกลาง ใชแรงกา้ํ กงึ่ ระหวางการเคาะเบากบั เคาะหนัก โดยผวิ หนังทเ่ี คาะจะปรากฏรอย แดงและบวมเลก็ นอยแตไ มม เี ลอื ดซึมออก กรณที วั่ ไปในการรกั ษาดว ยเขม็ ผวิ หนังจะใชแ รงเคาะในระดบั ปานกลาง 3) ระดับหนกั ใชแรงเคาะคอ นขา งมากจนผวิ หนงั ปรากฏเปนรอยแดง บวมและมีเลือดซมึ ออก เลก็ นอยแตไ มถ งึ กับช้ําเปน จาํ้ เลือด แรงเคาะหนกั มักใชต รงตําแหนง ทปี่ วดบริเวณหลงั และสะโพก หรือ ผปู ว ยท่ีรางกายกาํ ยาํ สภาพแขง็ แรง หรือโรคในกลมุ อาการแกรง หรอื กลมุ อาการปวยเฉยี บพลนั ระยะการรกั ษา สามารถเคาะรกั ษาไดท ุกวนั หรอื เวน วัน วนั ละ 1 คร้งั 10 ครงั้ นบั เปน 1 ชดุ การ รกั ษา เมื่อจบชุดการรักษา พัก 3 – 5 วัน 2.3 ขอควรระวงั 1) ตรวจสอบอปุ กรณกอ นใชท กุ ครง้ั โดยเฉพาะหวั เข็ม กลมุ เข็มตอ งอยูในระยะหางตามรปู แบบ ของเข็ม ตวั เขม็ ต้งั ตรงขนานกันไมเ ฉเอยี ง ปลายเข็มไมค ดงอหรอื เปน ตะขอและอยใู นระนาบเสมอกนั 2) เขม็ สามารถใชซา้ํ ไดกับผปู วยรายเดิม โดยการบํารุงรักษาอปุ กรณตามเทคนคิ ปราศจากเชอ้ื หามใช เข็มซ้าํ กบั ผูปว ยรายอ่ืน
Page 47 บทท่ี 1 เทคนคิ การฝงเขม็ 37 3) ผิวหนงั บริเวณที่จะทําการรกั ษา ตองทําตามเทคนิคปลอดเชือ้ อยา งเครง ครดั 4) รักษาระดบั ความแรงและจงั หวะการเคาะเข็มทีส่ มา่ํ เสมอ ไมเคาะตวดั หรอื สะบัดปลาย เพราะ จะทําใหเจบ็ มาก 5) หามเคาะบรเิ วณผวิ หนังท่เี ปอย เปน แผลหนอง บริเวณทมี่ ีการตดิ เชือ้ หรือเส่ียงตอ การติดเชอื้ 5) การเคาะหนักที่มรี อยเขม็ มีเลอื ดซมึ ควรเช็ดทําความสะอาดบาดแผลใหเ รยี บรอย 6) ไมค วรเคาะบริเวณทมี่ ปี ุมกระดกู ปดู นูน 3. การรกั ษาดว ยเข็มสอดผวิ หนงั (皮内针PíNèiZhēn: Intradermal needle therapy) เข็มสอดผวิ หนงั หรือ เข็มตดิ ผิวหนงั เปนเทคนคิ ในการรักษาอกี แบบหนง่ึ โดยใชเ ข็มท่ผี ลติ ข้ึน โดยเฉพาะกดหรือสอดติดไวท ผี่ ิวหนงั แลว ปดทับดวยเทปกาว ใหเ ข็มคาอยูท ่ผี ิวหนังเปนระยะเวลาหนึ่ง เข็มจะกระตุนจดุ ตลอดเวลา กระตุนการทํางานของระบบเสนลมปราณและปรบั การทาํ งานของอวัยวะ ภายใน เขม็ สอดผวิ หนังที่นยิ มใชมี 2 แบบ คอื เขม็ กด (เขม็ รปู ตะปูกด – Thumbtack type) และ เข็ม สอดผวิ (เข็มรปู เมลด็ ขา วสาลี – Grain-like type) (รปู ที่ 1.6) PíngBǔPíngXiè (ผิงปูผงิ เซยี่ ) ใชร ักษาโรคทเ่ี ร้ือรังหรอื กลุม อาการปวด ซึง่ ตองการกระตุน จุดและการ คาเขม็ เปนเวลานาน เชน ปวดศรี ษะ นอนไมหลบั ปวดกระเพาะอาหาร ปวดถงุ นํ้าดี ปวดประจําเดือน ปวดมดลูก หลังคลอด ปวดเอว เด็กปสสาวะรดที่นอน อัมพาตเสนประสาท โรคหืด ความ ดันโลหติ สูง เปน คน PíngBǔPíngXiè (ผงิ ปูผงิ เซ่ยี ) โดยท่ัวไป เข็มกดนยิ มใชในการฝงเข็มใบหู สว นเขม็ สอดมักใชกับ จดุ ฝงเข็มบนรา งกาย แตจ ะนําเขม็ กดมาประยุกตใชก ับจดุ บนรา งกายกไ็ ด เขม็ มีขนาดเลก็ จึงอาจใชเ ข็ม หลายอนั ติดเปนกลุม บนจุดหรือในแนวเสน ลมปราณ ตามความเหมาะสม เน่ืองจากเขม็ มีขนาดเล็ก การจบั ดว ยน้วิ มอื จงึ ไมส ะดวกและมีโอกาสถกู เข็มทิม่ ตาํ หรือปนเปอ นไดงา ย ควร จับเขม็ ดวยปากคีบเน้ือเยอ่ื (tissue forceps) หรือคมี จบั เสน เลือด (arterial camp) ขนาดพอเหมาะ เข็มกด ใหวางปลายเขม็ ตรงกับจุดที่ตองการ กดเข็มตง้ั ฉากกับผิวหนังจนหวั เขม็ ชดิ กับผวิ หนงั ซ่ึง เขม็ จะไมล งลึก เนอ่ื งจากตวั เขม็ ยาวประมาณ 3 มลิ ลิเมตร และหวั เขม็ บานกวางปอ งกนั ไมใ หเ ขม็ เลอื่ น เขา ไปไดอ กี จากนนั้ ปดทับดว ยเทปกาวทีไ่ มหลดุ ลอกงา ยเพราะตองคาเขม็ ไวเปนเวลานาน
Page 48 38 การฝงเข็ม-รมยา เลม 2 เข็มสอด ใหวางปลายเขม็ ตรงกบั จดุ ท่ตี อ งการ แลว ดนั เข็มเขา ไปลกึ ประมาณ 5 – 8 มิลลิเมตร (ตัวเข็มยาว 10 มม.) โดยสอดเขม็ แนวเฉียงราบใหหัวเขม็ วางราบกับผวิ หนังไดพ อดี แลวปด ทับดวยเทป กาวที่ไมห ลดุ ลอกงา ย ระยะเวลาในการคาเขม็ ขน้ึ อยูกบั ขอ บง ใชตามพยาธิสภาพของโรค เข็มสามารถคาไวไดนาน 1 – 5 วัน หรืออาจนานถงึ 1 สัปดาห อยางไรก็ตามระยะเวลาของการคาเข็มมักแปรผันตามสภาพอากาศและ ตําแหนงที่ตดิ เข็ม โดยหากสภาพอากาศรอ น เหงื่อออกงา ย หรือตาํ แหนง ท่ตี ดิ เข็มสกปรกงา ย มักคาเข็ม ไวไ มเกนิ 1 – 2 วนั ขณะคาเข็มสามารถใหผูปวยกระตุน เข็มโดยการกดยํ้า หรอื กดคลงึ เบา ๆ นาน 1 – 2 นาที ทกุ 4 ช่ัวโมง 3.3 ขอ ควรระวงั 1) บรเิ วณทตี่ ิดเขม็ และขั้นตอนการติด ตองทาํ ภายใตเ ทคนิคปลอดเช้อื อยางเครงครดั 2) หลกี เลยี่ งการติดคาเขม็ ในบรเิ วณขอ หรอื ตําแหนงที่มีการเคลอื่ นไหวอยูตลอดเวลา เพราะจะทํา ใหเจบ็ หรอื ขดั ขวางการเคล่ือนไหว เมอ่ื ติดเขม็ เสร็จควรใหผ ปู วยทดลองเคล่ือนไหวในอิรยิ าบถตาง ๆ หากมี อาการเจ็บหรือขดั ขวางการเคลอื่ นไหว ควรแกไ ขใหเรียบรอย 3) ไมต ิดเข็มในบริเวณผิวหนังเปอ ย เปนแผล หรือมีความเส่ียงในการตดิ เชอ้ื 4) ขณะคาเขม็ ควรดูแลผิวหนงั บรเิ วณท่ีติดเข็มใหสะอาด ระวงั การปนเปอนอนั จะนําไปสกู ารติด เชอื้ หากไมแ นใ จใหถ อดเข็มทงิ้ เชด็ ทําความสะอาดรอยเขม็ ดว ยแอลกอฮอล 70% 4. การกระตนุ เขม็ ดวยไฟฟา (电针 DiànZhēn: )Electro-Acupuncture ) การกระตุน เข็มดวยไฟฟา เปน การปองกนั และรกั ษาโรคแบบหนง่ึ โดยเมื่อแทงเขม็ ลงบนจดุ จน เกิดการไดช แี่ ลว จึงใชส ายไฟตอ จากเขม็ ไปยังเคร่อื งกระตุนกระแสไฟฟา แลว เปด ไฟฟาในความถีแ่ ละ รูปแบบตามขอ บงใช เคร่ืองกระตุน เขม็ ไฟฟา มีขนาดและรปู ทรงแตกตา งกนั ตามวตั ถุประสงคของการใชง าน มแี รงดนั ไฟฟา อยูระหวา ง 40 – 80 โวลต และกระแสไฟฟา นอ ยกวา 1 มลิ ลแิ อมแปร ใชไดท ้ังไฟฟา กระแสสลับ (AC: ไฟฟาภายในอาคาร) และไฟฟา กระแสตรง (DC: ไฟฟาจากถานไฟฉายหรือแบตเตอร่ี) เครื่องกระตุนเขม็
Page 49 บทท่ี 1 เทคนคิ การฝง เข็ม 39 ไฟฟาถกู พัฒนาเพ่ือใชกระตุน เขม็ รวมกบั การฝง เขม็ โดยเฉพาะ มีความปลอดภัย สามารถควบคุมจงั หวะ และความแรงในการกระตนุ ได ใชทดแทนการกระตนุ ดว ยมือชว ยทุน แรงแพทย รปู ท1่ี .28 เคร่อื งกระตุนเข็มไฟฟา 4.1 วธิ กี ารใชเ คร่อื งกระตนุ เข็มไฟฟา 1) โดยทั่วไป มักเลอื กกระตนุ เข็มทจ่ี ดุ หลกั และจุดรองท่จี ําเปน ประมาณ 1 – 3 คู โดยกระตุน ดวยไฟฟาขณะคาเข็ม กอนกระตุนเข็มดวยไฟฟาตองทําเทคนิคการฝงเข็มใหครบขั้นตอนกอน กลาวคือ แทงเขม็ จนเกิดการไดช แี่ ละกระตุนเขม็ เพ่อื บาํ รุงหรอื ระบายแลว จงึ คาเข็มไวเ พื่อการกระตนุ ดว ยไฟฟา 2) ปรับแรงขบั กระแสไฟฟา ท่ตี วั เครอื่ งใหอยทู ่ตี าํ แหนง ศนู ย ในหนึง่ เตา เสยี บจะมีสายไฟ 2 เสน เสนหนง่ึ เปน ขั้วบวกอีกเสนเปนขั้วลบ ปลายสายมีตัวหนีบสีดําและสีแดงสําหรับหนีบจับท่ีดามเข็ม ขั้วลบ จับที่จุดหลัก ข้ัวบวกจับท่ีจุดรองหรือสลับกันก็ได แตตองไมจับบนเข็มเลมเดียวกันและไมจับคูขามเสน กึง่ กลางของรา งกาย (หมายถึง ใหจบั คูเข็มอยูในซีกซายหรือซีกขวาดานเดียวกัน ไมจับขั้วหน่ึงซีกซายอีก ข้ัวซีกขวาของรางกาย) จากนั้นเปดเคร่ือง เลือกรูปแบบและความถี่ของคล่ืนไฟฟาท่ีตองการ แลวคอย ๆ ปรับหมุนปมุ เพมิ่ แรงสง กระแสไฟฟา จนถงึ ระดบั ท่ผี ูปวยรสู ึกพอทนได เวลาในการกระตุนไฟฟา ประมาณ 5 – 20 นาที หรืออาจนานมากกวาน้ันในบางกรณี เชน ในรายที่มีอาการปวดรุนแรงหรือการฝงเข็ม รว มกบั การดมยาสลบ 3) ความแรงของกระแสไฟฟา เมอื่ เปด เพิ่มไฟเขาแรงระดับหน่ึงเข็มและเน้ือเยื่อระหวางเข็มสอง ขั้วจะมีการส่ันกระตุกตามความถี่และรูปแบบกระแสท่ีตั้งไว ผูปวยจะรูสึกชาหรือปวดพอทนได เรียก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383