Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 2

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 2

Published by flowerz_uk, 2019-12-02 23:58:59

Description: พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 2

Search

Read the Text Version

152 ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กําหนดระเบียบมอบหมาย ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีดําเนินการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน และหน้ีสินเป็นการเฉพาะก็ได้ ให้นําความในมาตรา  ๔๓  มาใช้บังคับกับ การดําเนนิ คดีกบั บุคคลตามวรรคหนึ่งด้วยโดยอนโุ ลม  การด�ำเนินการ มาตรา ๑๕๙ เพ่ือให้เกิดธรรมาภิบาลและ กบั พนกั งาน เป็นการป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์  เม่ือความ เจ้าหน้าทรี่ �่ำรวย ปรากฏต่อคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ว่าพนักงานเจ้าหน้าท่ี ผิดปกติ กระท�ำ ร่�ำรวยผิดปกติ  กระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท ่ี ความผิดฐานทุจรติ หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าท่ีราชการ  คณะกรรมการ ป.ป.ช.  จะดําเนินการไต่สวน  และวินิจฉัยเอง  หรือ ต่อหนา้ ท่ี จะแตง่ ตงั้ คณะกรรมการไต่สวนกไ็ ด ้ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ต้องพิจารณาและ วินิจฉัยตามวรรคหน่ึงให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่ วนั ทีไ่ ดร้ บั สํานวนการไตส่ วน มาตรา ๑๖๐ เม่ือคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ได้รับ แจ้งจากผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินว่า  ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ดําเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การตรวจเงินแผ่นดินแล้วมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า เจ้าหน้าที่ของสํานักงานมีพฤติการณ์อันเป็นการทุจริต ต่อหน้าที่  จงใจปฏิบัติหน้าท่ีหรือใช้อํานาจขัดต่อ บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายแล้ว  หากคณะ

153 กรรมการ  ป.ป.ช.  พิจารณาแล้วเห็นว่า  การไต่สวนเบ้ืองต้น ของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินจะกระทบต่อการปฏิบัติ หน้าท่ีของพนักงานเจ้าหน้าท่ี  คณะกรรมการ  ป.ป.ช. จะแจ้งพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินยุต ิ การดําเนินการและส่งเรื่องให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. เพื่อดําเนินการไต่สวนเองตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้ต่อไปก็ได้  และเมื่อดําเนินการเป็นประการ ใดแล้วใหแ้ จง้ ให้ผ้วู ่าการตรวจเงนิ แผ่นดินทราบดว้ ย  ในกรณีที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เห็นควรให้ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินดําเนินการไต่สวนเบื้องต้นต่อไป เมื่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินได้ส่งสํานวนการไต่สวนเบื้องต้น ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  แล้ว  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. พิจารณาวินิจฉัยโดยให้ถือสํานวนการไต่สวนเบื้องต้น เอกสารและหลักฐานที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินจัดทําขึ้น เป็นส่วนหน่ึงของสํานวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.  มาตรา ๑๖๑ ให้มีสํานักงานคณะกรรมการ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจําจังหวัด ประจ�ำจงั หวัด เรียกโดยย่อว่า  “สํานักงาน  ป.ป.ช.  ประจําจังหวัด” เป็นส่วนราชการในสังกัดสํานักงาน  มีหน้าท่ีและอํานาจ เกี่ยวกับการตรวจสอบเบื้องต้น  การย่ืนบัญชีทรัพย์สิน และหนส้ี นิ   การตรวจสอบทรพั ย์สินและหนี้สนิ   และหน้าที่

154 และอํานาจอ่ืนตามที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  และสํานักงาน กําหนด  แต่ไม่รวมถึงหน้าท่ีและอํานาจในการไต่สวนเบื้องต้น เว้นแต่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  จะมีมติมอบหมาย ให้ดําเนินการไต่สวนเบ้ืองต้นเฉพาะกรณี  โดยมีผู้อํานวยการ สํานักงาน  ป.ป.ช.  ประจําจังหวัด  เป็นหัวหน้าส่วนราชการ ระดบั จงั หวัด  ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการสํานักงาน ภาค ใ ห ้ จั ด ตั้ ง สํ า นั ก ง า น   ป . ป . ช .   ภ า ค ต า ม จํ า น ว น ที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กําหนดซึ่งต้องไม่เกินสิบสองภาค และให้มีหัวหน้าสํานักงาน  ป.ป.ช.  ภาค  เป็นผู้บังคับบัญชา รับผิดชอบตอ่ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  และเลขาธิการ สํานักงาน  ป.ป.ช.  ภาคมีหน้าที่และอํานาจ ในการไต่สวนเบ้ืองต้น  กํากับการปฏิบัติหน้าท่ี ของสํานักงาน  ป.ป.ช.  ประจําจังหวัด  และมีหน้าท่ีและอํานาจอื่น ตามทคี่ ณะกรรมการ  ป.ป.ช.  และสํานักงานกําหนด 

155 หมวด  ๑๐  กองทนุ ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาต ิ มาตรา ๑๖๒ ให้จัดตั้งกองทุนป้องกันและ กองทุนปอ้ งกัน ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติข้ึนในสํานักงาน  เรียกโดยย่อ และปราบปราม ว่า  “กองทนุ   ป.ป.ช.”  มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่   การทุจริตแหง่ ชาติ (๑) สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐ  และสนับสนุนภาคเอกชน ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์  หรือรณรงค์ในการป้องกัน การทจุ รติ (๒) เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีมาตรการ คุ้มครองช่วยเหลือและค่าทดแทนตามมาตรา  ๑๓๑  และ เงนิ รางวัลตามมาตรา  ๑๓๗  (๓) ใช้จ่ายในการคุ้มครองการปฏิบัติงาน ของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กรรมการ  หัวหน้าพนักงาน ไต่สวน  พนักงานไต่สวน  และพนักงานเจ้าหน้าท่ีตาม มาตรา  ๔๑  (๔) ค่าใช้จ่ายอื่นใดที่จะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติ หน้าที่ของหน่วยงานของรัฐท่ีมีหน้าที่และอํานาจเกี่ยวข้อง กบั การป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ   มาตรา ๑๖๓ กองทุน  ป.ป.ช.  ประกอบด้วย เงินและทรัพยส์ นิ เงนิ และทรพั ยส์ ิน  ดังตอ่ ไปน ้ี กองทนุ ป.ป.ช.

156 (๑)  เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรเพื่อสมทบ เขา้ กองทุน  ป.ป.ช. (๒)  ดอกผลที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สิน ของกองทุน  ป.ป.ช.  เงินและทรัพย์สินท่ีเป็นของกองทุน  ป.ป.ช. ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องนําส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได ้ แผ่นดินตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมาย ว่าดว้ ยวธิ ีการงบประมาณ  เงินและทรัพย์สินของกองทุน  ป.ป.ช.  ให้นําไป ใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์  ท้ังนี้  ตามหลักเกณฑ์  และวิธีการ ทคี่ ณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กําหนด  การรบั เงนิ การจ่ายเงิน มาตรา ๑๖๔ การรับเงิน  การจ่ายเงิน  การเก็บ การเกบ็ รกั ษาเงนิ รักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุน  ป.ป.ช.  และ ทรัพย์สิน และ การตรวจสอบ  ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช. การตรวจสอบ กําหนด  อ�ำนาจหนา้ ที่ มาตรา ๑๖๕ หน้าที่และอํานาจในการบริหาร การบรหิ ารและ และการจัดการกองทุน  ป.ป.ช.  ให้เป็นไปตามระเบียบ การจดั การกองทนุ ที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กําหนด  ระเบียบดังกล่าว อย่างน้อยต้องกําหนดให้มีคณะกรรมการกองทุน  ป.ป.ช. เพื่อดูแลรับผิดชอบในการรับและจ่ายเงินกองทุนให้เป็น ไปตามวัตถุประสงค์  และคณะกรรมการกองทุน  ป.ป.ช. ดังกล่าวอย่างน้อยต้องมีผู้แทนของหน่วยงานของรัฐท่ีมิใช ่

157 สํานักงาน  หน่ึงคน  ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง กับการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต  หน่งึ คน  มาตรา ๑๖๖ ภายในเก้าสิบวันนับจากวันสิ้น การรายงาน ปีงบประมาณ  ให้กองทุน  ป.ป.ช.  ส่งรายงานการเงิน การเงินของ ของกองทุน  ป.ป.ช.  ในปีที่ล่วงมาแล้ว  ให้สํานักงาน กองทนุ ก า ร ต ร ว จ เ งิ น แ ผ ่ น ดิ น ต ร ว จ ส อ บ แ ล ะ แ ส ด ง ค ว า ม เ ห็ น ต่อรายงานการเงินนั้น  แล้วเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และเผยแพรใ่ หป้ ระชาชนทราบเปน็ การทั่วไป  หมวด  ๑๑  บทกําหนดโทษ  มาตรา ๑๖๗ ผู้มีหน้าที่ย่ืนบัญชีทรัพย์สินและ โทษของผูท้ จี่ งใจ หน้ีสินท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กําหนด  ตามมาตรา  ๒๘  (๓) ไม่ยืน่ บญั ชีทรพั ยส์ ิน กรรมการตามมาตรา  ๔๒  หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม และหนส้ี นิ หรือ มาตรา  ๑๕๘  ผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชีรายการทรัพย์สินและ จงใจยนื่ บัญชี หนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ  ป.ป.ช. ทรพั ยส์ ินและหนสี้ ิน หรือประธานวุฒิสภา  แล้วแต่กรณี  ภายในเวลาท่ีพระราชบัญญัติ อันเป็นเทจ็ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้กําหนด  หรือจงใจย่ืนบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินหรือหน้ีสินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ  หรือ ปกปิดข้อเท็จจริงท่ีควรแจ้งให้ทราบ  และมีพฤติการณ ์

158 อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือ หนี้สิน  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน  หรือปรับ ไมเ่ กนิ หนง่ึ หมืน่ บาท  หรือทง้ั จาํ ทั้งปรบั โทษฝา่ ฝนื มาตรา ๑๖๘ เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดฝ่าฝืน ขอ้ หา้ ม มาตรา  ๑๒๖  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี  หรือ ปรับไม่เกินหกหมนื่ บาท  หรอื ทงั้ จําทั้งปรับ  กรณีความผิดตามมาตรา  ๑๒๖  วรรคสอง ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเจ้าพนักงานของรัฐนั้นรู้เห็นยินยอมด้วย เจ้าพนักงานของรัฐน้ันต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หกหม่ืนบาท  หรอื ทง้ั จาํ ท้งั ปรบั   โทษฝา่ ฝืน มาตรา ๑๖๙ เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดฝ่าฝืน ขอ้ ห้าม มาตรา  ๑๒๘  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี  หรือ ปรับไม่เกนิ หกหม่นื บาท  หรือทง้ั จาํ ท้ังปรับ  โทษฝ่าฝนื มาตรา ๑๗๐ เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดฝ่าฝืน ขอ้ ห้าม มาตรา  ๑๒๗  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน  หรือ ปรบั ไม่เกินหน่งึ หมน่ื บาท  หรือท้งั จําทั้งปรับ  โทษแสดง มาตรา ๑๗๑ เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติ พฤติการณ์ท่ีอาจ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทําให้ ท�ำให้ผอู้ นื่ เช่ือว่า ผู้อ่ืนเช่ือว่ามีตําแหน่งหรือหน้าท่ี  ทั้งที่ตนมิได้มีตําแหน่ง มตี �ำแหนง่ หน้าที่ หรือหน้าที่น้ันเพ่ือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ ด้วยกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อ่ืน  ต้องระวางโทษ ท้งั ท่ตี นมิได้ จําคุกตั้งแต่หน่ึงปีถึงสิบปี  หรือปรับต้ังแต่สองพันบาท มตี �ำแหน่งหน้าท่ีน้นั ถงึ สองหมนื่ บาท  หรือทงั้ จาํ ทงั้ ปรบั  

159 มาตรา ๑๗๒ เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติ โทษการละเวน้ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่ การปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ  เพื่อให้ หรอื ใชอ้ �ำนาจ เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด  หรือปฏิบัติหรือละเว้น ในต�ำแหนง่ หนา้ ที่ การปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต  ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ โดยมชิ อบ หนึ่งปีถึงสิบปี  หรือปรับตั้งแต่สองหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท หรือทง้ั จําทง้ั ปรบั มาตรา ๑๗๓ เจ้าพนักงานของรัฐ  เจ้าหน้าท่ี โทษเรียก รับ ของรัฐต่างประเทศ  หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การระหว่าง ทรพั ยส์ ิน ประเทศ  ผู้ใด  เรียก  รับ  หรือยอมจะรับทรัพย์สิน ประโยชนอ์ น่ื หรือประโยชน์อ่ืนใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ส�ำหรบั ตนเองหรือ เพ่ือกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่งไม่ว่าการนั้น ผอู้ น่ื โดยมชิ อบ จะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าท่ี  ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ ห้าปีถึงย่ีสิบปี  หรือจําคุกตลอดชีวิต  และปรับต้ังแต่ หนึ่งแสนบาทถงึ สแ่ี สนบาท  มาตรา ๑๗๔ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ โทษของการ เจ้าหน้าท่ีของรัฐต่างประเทศ  หรือเจ้าหน้าท่ีขององค์การ กระท�ำการหรอื ระหว่างประเทศ  กระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใด ไม่กระท�ำการ ในตําแหน่ง  โดยเห็นแก่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใด โดยเหน็ แก่ ซึ่งตนได้เรียก  รับ  หรือยอมจะรับไว้ก่อนท่ีตนได้รับแต่งต้ัง ทรพั ยส์ ินหรอื ในตําแหน่งนั้น  ต้องระวางโทษจําคุกต้ังแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี ประโยชน์อ่ืน หรือจําคุกตลอดชีวิต  และปรับต้ังแต่หนึ่งแสนบาท ถงึ ส่ีแสนบาท 

160 โทษเรยี ก รับ หรือ มาตรา ๑๗๕ ผู้ใดเรียก  รับ  หรือยอมจะรับ ยอมจะรบั ทรัพย์สนิ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือ หรอื ประโยชน์อนื่ ใด ผู ้ อ่ื น เ ป ็ น ก า ร ต อ บ แ ท น ใ น ก า ร ที่ จ ะ จู ง ใ จ ห รื อ ไ ด ้ จู ง ใ จ ส�ำหรบั ตนเอง เจ้าพนักงานของรัฐ  เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ  หรือ หรือผูอ้ ่นื เป็น เจ้าหน้าท่ีขององค์การระหว่างประเทศ  โดยวิธีอันทุจริต การตอบแทน ในการจูงใจ หรือผิดกฎหมายหรือโดยอิทธิพลของตน  ให้กระทําการ โดยทุจริต หรือไม่กระทําการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษ แก่บุคคลใด  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี  หรือ ปรบั ไม่เกนิ หนง่ึ แสนบาท  หรือทงั้ จาํ ทั้งปรับ  โทษของบุคคลทีใ่ ห้ มาตรา ๑๗๖ ผู้ใดให้  ขอให้  หรือรับว่าจะให้ ขอให้ หรอื รับว่า ทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดแก่เจ้าพนักงานของรัฐ จะให้ทรัพย์สนิ เจ้าหน้าท่ีของรัฐต่างประเทศ  หรือเจ้าหน้าท่ีขององค์การ หรอื ประโยชน์ ระหว่างประเทศ  เพื่อจูงใจให้กระทําการ  ไม่กระทําการ อื่นใดเพ่อื จงู ใจ หรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าท่ี  ต้องระวางโทษ ให้กระท�ำการ ไม่กระท�ำการหรือ จําคุกไม่เกินห้าปี  หรือปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท ประวงิ การกระท�ำ หรือทั้งจาํ ท้ังปรับ  อนั มชิ อบด้วย ในกรณีท่ีผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเป็น หนา้ ท่ี บุคคลท่ีมีความเกี่ยวข้องกับนิติบุคคลใดและกระทําไป เพ่ือประโยชน์ของนิติบุคคลน้ัน  โดยนิติบุคคลดังกล่าว ไ ม ่ มี ม า ต ร ก า ร ค ว บ คุ ม ภ า ย ใ น ท่ี เ ห ม า ะ ส ม เ พ่ื อ ป ้ อ ง กั น มิให้มีการกระทําความผิดนั้น  นิติบุคคลน้ันมีความผิดตาม มาตรานี้  และต้องระวางโทษปรับต้ังแต่หน่ึงเท่า  แต่ไม่เกิน สองเท่าของค่าเสยี หายที่เกดิ ขน้ึ หรอื ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับ

161 นิติบุคคลตามวรรคสอง  ให้หมายความถึงนิติบุคคล ท่ีต้ังข้ึนตามกฎหมายไทยและนิติบุคคลที่ต้ังข้ึนตาม กฎหมายต่างประเทศทปี่ ระกอบธุรกิจในประเทศไทย บุคคลท่ีมีความเกี่ยวข้องกับนิติบุคคลตาม วรรคสอง  ให้หมายความถึงผู้แทนของนิติบุคคล  ลูกจ้าง ตัวแทน  บริษัทในเครือ  หรือบุคคลใดซึ่งกระทําการเพ่ือ หรือในนามของนิติบุคคลนั้น  ไม่ว่าจะมีหน้าท่ีและ อํานาจในการนัน้ หรือไมก่ ็ตาม มาตรา ๑๗๗ ผู้ใดขัดขวางกระบวนการยุติธรรม โทษของ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้  หรือกฎหมาย การขดั ขวาง ท่ีเกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กระบวนการตาม ในการสอบสวนหรือไต่สวน  ฟ้องร้อง  หรือดําเนินคดี พ.ร.ป.ฯ และ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยถ้าเป็นการกระทําอย่างหนึ่ง กฎหมาย อย่างใดดังต่อไปนี้ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปี  หรือ ทเ่ี กีย่ วข้อง ปรับไม่เกนิ สองแสนบาท  หรอื ทั้งจําทงั้ ปรบั   (๑) ให้  ขอให้  หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือ ประโยชน์อื่นใดแก่ผู้เสียหายหรือพยานเพื่อจูงใจให้ผู้นั้น ไม่ไปพบเจ้าพนักงานผู้มีหน้าท่ีและอํานาจเก่ียวข้องกับ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต  พนักงานสอบสวน พนกั งานอยั การ  หรือไมไ่ ปศาลเพอื่ ใหข้ อ้ เท็จจรงิ หรอื เบิกความ หรือเพ่ือให้ข้อเท็จจริง  หรือเบิกความอันเป็นเท็จ  หรือ ไม่ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความในการดําเนินคดีแก่ผู้กระทํา ความผดิ  

162 (๒) ใช้กําลังบังคับขู่เข็ญ  ข่มขู่  ข่มขืนใจ  หลอกลวง หรือกระทําการอันมิชอบประการอ่ืน  เพื่อมิให้ผู้เสียหาย หรือพยานไปพบเจ้าพนักงานผู้มีหน้าท่ีและอํานาจ เก่ียวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พนักงานสอบสวน  พนักงานอัยการ  หรือไม่ไปศาลเพ่ือ ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความ  หรือเพื่อให้ผู้นั้นให้ข้อเท็จจริง หรือเบิกความอันเป็นเท็จ  หรือไม่ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความ ในการดําเนินคดีแกผ่ ู้กระทําความผิด (๓) ทําให้เสียหาย  ทําลาย  ทําให้สูญหายหรือ ไร้ประโยชน์  เอาไปเสีย  แก้ไข  เปลี่ยนแปลง  ปกปิด หรอื ซ่อนเรน้ เอกสารหรอื พยานหลักฐานใด  ๆ  หรือปลอม ทาํ หรือใช้เอกสาร  หรือพยานหลักฐานใด  ๆ  อันเป็นเท็จ ในการดําเนนิ คดีแกผ่ ู้กระทาํ ความผดิ (๔) ใช้กําลังบังคับ  ขู่เข็ญ  ข่มขู่  ข่มขืนใจ ห รื อ ก ร ะ ทํ า ก า ร อั น มิ ช อ บ ป ร ะ ก า ร อื่ น ต ่ อ เ จ ้ า พ นั ก ง า น ผู ้ มี ห น ้ า ท่ี แ ล ะ อํ า น า จ เ กี่ ย ว ข ้ อ ง กั บ ก า ร ป ้ อ ง กั น แ ล ะ ปราบปรามการทุจริต  เจ้าพนักงานในตําแหน่งตุลาการ พนักงานอัยการ  หรือพนักงานสอบสวน  เพื่อจูงใจให้ กระทําการ  ไม่กระทําการหรือประวิงการกระทําอันมิชอบ ด้วยหน้าที่ ถ้าเจ้าพนักงานของรัฐ  เป็นผู้กระทําการตาม วรรคหนงึ่ ตอ้ งระวางโทษเปน็ สองเทา่ ของโทษทกี่ าํ หนดไว ้

163 มาตรา ๑๗๘ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของ โทษของการไมป่ ฏิบตั ิ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  คณะกรรมการไต่สวน  หรือ ตามค�ำสัง่ หัวหน้าพนักงานไต่สวนตามมาตรา  ๓๔  (๑)  (๒)  หรือ (๔)  หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา  ๑๑๖  ต้องระวางโทษ จําคุกไม่เกินหกเดือน  หรือปรับไม่เกินหน่ึงหม่ืนบาท หรือทง้ั จําทง้ั ปรับ  มาตรา ๑๗๙ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําส่ังของ โทษของการไม่ปฏบิ ัติ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ตามมาตรา  ๑๑๒  โดยไม่มีเหตุ ตามค�ำสั่งโดยไมม่ เี หตุ อันสมควร  ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท  และ อนั สมควร ปรับรายวันอีกวันละหน่ึงพันบาท  จนกว่าจะปฏิบัติตาม คาํ สัง่ มาตรา ๑๘๐ ผู้ใดเปิดเผยข้อความ  ข้อเท็จจริง โทษของการเปิดเผย หรือข้อมูลท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อความ ข้อเท็จจริง ได้มาเน่ืองจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ ข้อมูลที่ได้มาจาก ประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี การปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ หรือปรับไม่เกินสองหม่ืนบาท  หรือทั้งจําทั้งปรับ  เว้นแต่ ตาม พ.ร.ป.ฯ เปน็ การเปิดเผยตามมาตรา  ๓๖  หากการเปิดเผยตามวรรคหนึ่งเป็นการเปิดเผย ช่ือและที่อยู่ของผู้กล่าวหา  หรือช่ือและที่อยู่ของผู้ชี้ช่อง แจ้งเบาะแส  หรือให้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริง  หรือเปิดเผย ทะเบียนท่ีจัดทําข้ึนตามมาตรา  ๖๐  วรรคสี่  ผู้น้ันต้อง ระวางโทษจําคุกต้ังแต่หน่ึงปีถึงห้าปี  และปรับตั้งแต่ สองหม่นื บาทถึงหนง่ึ แสนบาท

164 โทษทีเ่ กยี่ วขอ้ ง มาตรา ๑๘๑ ผู้ใดยักย้าย  ทําให้เสียหาย กับการกระท�ำ ทําลาย  ซ่อนเร้น  เอาไปเสีย  ทําให้สูญหาย  หรือทําให้ กับทรพั ยส์ นิ ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สิน  ท่ีหัวหน้าพนักงานไต่สวน คณะกรรมการไต่สวน  หรอื คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ยึดหรอื อายัดไว้  หรือสั่งให้ส่ง  หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเปน็ ของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน ้ี ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี  หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทง้ั จําทงั้ ปรับ โทษของ มาตรา ๑๘๒ ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงานของ การขดั ขวาง คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กรรมการ  เลขาธกิ าร  คณะกรรมการ การปฏิบตั ิงาน ไต่สวน  หัวหน้าพนักงานไต่สวน  พนักงานไต่สวน  หรือ พนักงานเจ้าหน้าท่ี  ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้  หรือตามที่กฎหมายอ่ืนกําหนด ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหน่ึงปี  หรือปรับไม่เกิน สองหมน่ื บาท  หรือทัง้ จําท้งั ปรบั ถ้าการขัดขวางการปฏิบัติงานตามวรรคหนึ่ง ได้กระทําโดยใช้กําลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลัง ประทุษร้าย  ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรบั ไม่เกนิ ส่ีหม่ืนบาท  หรือทง้ั จาํ ทง้ั ปรบั   โทษของกรรมการ มาตรา ๑๘๓ กรรมการ  พนักงานเจ้าหน้าที่ พนกั งานเจ้าหน้าท่ี หรือบุคคลหรือคณะบุคคลที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช. หรือบคุ คลทไ่ี ดร้ ับ มอบหมาย  ผู้ใดกระทําความผิดตามมาตรา  ๑๘๐  หรือ มอบหมาย กระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ีหรือความผิดต่อตําแหน่ง กระท�ำความผิด

165 หน้าท่รี าชการ  ต้องระวางโทษสองเท่าของโทษท่ีกฎหมาย กําหนดไว้สําหรับความผิดนั้น  และในกรณีที่บุคคลดังกล่าว ปฏบิ ตั หิ นา้ ทีโ่ ดยขาดความเทีย่ งธรรมใหถ้ ือว่าเป็นการกระทาํ ความผดิ ต่อตําแหน่งหนา้ ท่ีราชการ มาตรา ๑๘๔ ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่ โทษของการแจ้ง เจ้าพนักงาน  ฟ้องเท็จหรือเบิกความอันเป็นเท็จต่อศาล ข้อความเทจ็ ทั้งน้ี  เพ่ือจะแกล้งบุคคลใดให้ถูกไต่สวน  ให้ได้รับโทษ ฟ้องเท็จหรือ หรือรับโทษหนักข้ึน  ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินเจ็ดปี เบิกความเท็จ หรอื ปรับไม่เกินหนงึ่ แสนส่ีหมืน่ บาท  หรือท้ังจาํ ทงั้ ปรับ  บทเฉพาะกาล มาตรา ๑๘๕ ให้ประธานกรรมการป้องกันและ การด�ำรงต�ำแหน่ง ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและกรรมการป้องกันและ ของประธาน ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติซ่ึงดํารงตําแหน่งอยู่ กรรมการ ป.ป.ช. ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ กรรมการ ป.ป.ช. ยังคงอยู่ในตําแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระตามท่ี กอ่ นวนั ท่ี พ.ร.ป.ฯ ใช้บังคบั กําหนดในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และ ท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม  หรือพ้นจากตําแหน่งตามมาตรา  ๑๙ เว้นแต่กรณีตามมาตรา  ๑๙  (๓)  ในส่วนที่เก่ียวกับ

166 การขาดคุณสมบัติตามมาตรา  ๙  และลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา  ๑๑  (๑)  และ  (๑๘)  มิให้นํามาใช้บังคบั   การด�ำรงต�ำแหน่ง มาตรา ๑๘๖ ให้เลขาธิการคณะกรรมการ เลขาธิการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  ซ่ึงดํารง คณะกรรมการ ตําแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบ ป.ป.ช. กอ่ นวนั ที่ รัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ  ยังคงเป็นเลขาธิการคณะกรรมการ พ.ร.ป.ฯ ใช้บังคบั ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  จนกว่าจะครบวาระตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห รื อ พ ้ น จ า ก ตํ า แ ห น ่ ง ด ้ ว ย เ ห ตุ อ่ื น ต า ม ที่ บั ญ ญั ติ ไ ว ้ ใ น พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว  การด�ำรงต�ำแหน่ง มาตรา ๑๘๗ ให้กรรมการป้องกันและปราบปราม ของกรรมการ การทุจริตประจําจังหวัดตามพระราชบัญญัติประกอบ ปอ้ งกันและ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปราบปราม พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่แก้ไขเพิ่มเติม  ซึ่งดํารงตําแหน่ง การทุจริตประจ�ำ อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ จังหวดั กอ่ นวนั ที่ พ.ร.ป.ฯ ใชบ้ ังคับ ใช้บังคับ  พ้นจากตําแหน่งต้ังแต่วันท่ีพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู นีใ้ ชบ้ ังคบั  

167 มาตรา ๑๘๘ ให้ผู้มีหน้าที่ย่ืนบัญชีทรัพย์สิน ก�ำหนดให้ผมู้ หี นา้ ที่ และหน้ีสินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยน่ื บัญชีทรพั ยส์ ิน การทุจริตแห่งชาติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และหน้ีสนิ มีหนา้ ท่ี วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ   พ.ศ.  ๒๕๔๒ ย่นื บญั ชที รพั ย์สนิ และหน้ีสินตาม และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม  หรือตามท่ีคณะกรรมการป้องกันและ พ.ร.ป.ฯ พ.ศ. ๒๕๔๒ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกําหนดตามพระราชบัญญัติ และท่ีแกไ้ ขเพ่ิมเติม ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว  ยังมีหน้าที่ยื่นบัญชี ทรัพย์สินและหน้ีสินต่อไป  จนกว่าคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้  จะกําหนดเป็นอย่างอ่ืน  และ ก า ร ย่ื น บั ญ ชี ท รั พ ย ์ สิ น แ ล ะ ห น้ี สิ น ที่ ไ ด ้ ย่ื น ไ ว ้ แ ล ้ ว ต า ม พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ถือว่า  เป็นการยื่นตามพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนูญน ้ี ในกรณีท่ีคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติได้มีมติว่าผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ  หรือ จงใจย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและ เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย ข ้ อ ค ว า ม อั น เ ป ็ น เ ท็ จ ห รื อ ป ก ป ิ ด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ  ไว้แล้ว  ในวันก่อนวันท ่ี พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับให้เป็นอัน

168 ใช้ได้  และให้ดําเนินการต่อไป  ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู น้ี  ส�ำนกั งานคณะ มาตรา ๑๘๙ ให้สํานักงานคณะกรรมการ กรรมการป้องกัน ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตามพระราช และปราบปราม บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ว ่ า ด ้ ว ย ก า ร ป ้ อ ง กั น แ ล ะ การทจุ รติ แหง่ ชาติ ปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม เป็นสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแหง่ ชาติตามพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู น ี้ บรรดาสิทธิ  หน้าท่ี  และความผูกพันใด  ๆ  ที่ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ   พ.ศ.  ๒๕๔๒ และท่ี แก้ไขเพิ่มเติม  มีอยู่กับบุคคลใดในวันก่อนวันที่พระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ  ให้โอนมาเป็นของ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาตติ ามพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญน้ ี ทรัพย์สนิ มาตรา ๑๙๐ ให้โอนบรรดาทรัพย์สิน  งบประมาณ งบประมาณ สิทธิ สทิ ธิ  หนี้  ภาระผูกพัน  ขา้ ราชการ  และลกู จา้ งของสาํ นกั งาน หน้ี ภาระผกู พัน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขา้ ราชการและ ต า ม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ว ่ า ด ้ ว ย ลูกจ้างส�ำนักงาน การป้องกันและปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม  มาเป็นของสํานักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตามพระราชบัญญัติ

169 ประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  และให้ถือว่าสิทธิและประโยชน ์ อื่ น ใ ด ซ่ึ ง ข ้ า ร า ช ก า ร ห รื อ ลู ก จ ้ า ง ดั ง ก ล ่ า ว ไ ด ้ รั บ ต า ม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และ ปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นสิทธิและประโยชน์อื่นใดที่ได้รับต่อไปตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้  เว้นแต่จะมีระเบียบท่ีออก ตามมาตรา  ๑๔๔  (๑)  กาํ หนดไว้เปน็ อย่างอื่น มาตรา ๑๙๑ ให้การถอดถอนจากตําแหน่ง การถอดถอน ที่ได้ดําเนินการตามหมวด  ๕  การถอดถอนจากตําแหน่ง จากต�ำแหนง่ แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่แก้ไข เพิ่มเติม  ยังคงมีผลอยู่ต่อไป  และให้นับระยะเวลาที่ถูก ตัดสิทธิในการดํารงตําแหน่งทางการเมือง  หรือในการ รับราชการของผู้ถูกถอดถอนจากตําแหน่งน้ันต่อเนื่อง ต่อไป มาตรา ๑๙๒ ในการดําเนินการตรวจรับคํากล่าวหา การด�ำเนนิ การ แสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน ไตส่ วนและ ตรวจรับค�ำกลา่ วหา มีความเห็นหรือวินิจฉัย  และการดําเนินการให้ทรัพย์สิน แสวงหาขอ้ เท็จจรงิ ตกเป็นของแผ่นดินเพราะร�่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สิน รวบรวมพยาน เพ่ิมขึ้นผิดปกติ  บรรดาท่ีดําเนินการไปโดยชอบอยู่แล้ว หลักฐาน ไตส่ วน และมคี วามเหน็ ตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกนั หรอื วินิจฉยั และปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่แก้ไขเพิ่มเติม การด�ำเนินการ ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน ี้ ให้ทรพั ยส์ นิ ตก เปน็ ของแผ่นดนิ

170 ใช้บังคับ  ให้เป็นอันใช้ได้  และให้ดําเนินการต่อไปตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่แก้ไขเพ่ิมเติม โดยถือว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่ แก้ไขเพ่ิมเติม  รวมทั้งบรรดาระเบียบ  ข้อกําหนด  ข้อบังคับ ประกาศ  และคําส่ังท่ีออกตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่แก้ไขเพิ่มเติม  หรือมติของคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  ท่ีเก่ียวข้อง ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ  ยังมีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป  ท้ังนี้ เว้นแต่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติจะมีมติให้ดําเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู น้ ี การดําเนินการตามวรรคหนึ่งต้องดําเนินการ ให้แล้วเสร็จตามมาตรา  ๔๘  เว้นแต่ระยะเวลาดังกล่าว ได้ล่วงพ้นไปแล้วหรือเหลือน้อยกว่าท่ีกําหนดไว้  ให้นับ ระยะเวลาเร่ิมต้นใหม่ต้ังแต่วันท่ีพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนญู นี้ใชบ้ งั คบั   เพ่ือประโยชน์ในการดําเนินคดีในกรณีท ี่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้มีมติให้ย่ืนคําร้อง  คําฟ้องต่อศาล  หรือมอบอํานาจให้

171 พนักงานไต่สวนหรือแต่งต้ังทนายความให้ฟ้องคดีแทน หรืออยู่ระหว่างการดําเนินการส่งเร่ืองให้อัยการสูงสุด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่แก้ไข เพ่ิมเติม  ไว้แล้วในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับให้เป็นอันใช้ได้  และให้ดําเนินการ ตอ่ ไปตามพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ี เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาและพิพากษาของ ศาลสําหรับคดีท่ีย่ืนฟ้องหรือยื่นคําร้องต่อศาลไว้แล้ว ก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ใ ห ้ ถื อ ว ่ า พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ว ่ า ด ้ ว ย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และ ท่แี ก้ไขเพิ่มเตมิ   ยังมผี ลใชบ้ ังคบั อยูจ่ นกวา่ คดีจะถึงทส่ี ุด  มาตรา ๑๙๓ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับ การด�ำรงต�ำแหน่ง แต่งตั้งเป็นหัวหน้าพนักงานไต่สวน  พนักงานไต่สวน ของพนักงานเจ้าหน้าท่ี หรือผู้ช่วยพนักงานไต่สวน  อยู่แล้วก่อนวันท่ีพระราช กอ่ นวนั ท่ี พ.ร.ป.ฯ บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ  คงดํารงตําแหน่ง ใชบ้ งั คับ ดังกล่าวต่อไป  แต่สําหรับพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งดํารง ตําแหน่งในสาขากระบวนการยุติธรรม  ซึ่งไม่มีคุณสมบัติ ตามมาตรา  ๑๔๖  (๑)  จะต้องผ่านการฝึกอบรมตาม ห ลั ก สู ต ร เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร ไ ต ่ ส ว น แ ล ะ ค ว า ม รู ้ เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ดําเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

172 กําหนด  และให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยพนักงานไต่สวน  หรือ พนักงานไต่สวน  แล้วแต่กรณี  ระเบียบข้อก�ำหนด มาตรา ๑๙๔ บรรดาระเบียบ  ข้อกําหนด ขอ้ บังคบั ประกาศ ข้อบังคับ  ประกาศ  และคําส่ังที่ออกตามพระราชบัญญัติ และค�ำสั่ง หรือมติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม ของคณะกรรมการ การทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม  หรือมติ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ป.ป.ช. แห่งชาติ  ท่ีใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ  ให้ยังมีผลใช้บังคับต่อไป เท่าท่ีไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู น ี้ ทง้ั น ี้ จนกวา่ จะมรี ะเบยี บ  ขอ้ กาํ หนด ข้อบังคับ  ประกาศ  คําสั่ง  หรือมติตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู น้ีออกมายกเลิกหรอื แก้ไขเปลย่ี นแปลง การดําเนินการของคณะกรรมการป้องกันและ ป ร า บ ป ร า ม ก า ร ทุ จ ริ ต แ ห ่ ง ช า ติ ต า ม รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ท่ี ไ ด ้ ดําเนินการไปแล้วโดยชอบก่อนวันที่พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ  ให้การดําเนินการดังกล่าว มีผลต่อไปเท่าท่ีไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู น้ ี หลักเกณฑ์ มาตรา ๑๙๕ ในระหว่างที่ยังไม่มีการออก เก่ยี วกบั จ�ำนวน ประกาศตามมาตรา  ๑๒๖  (๒)  และ  (๓)  ให้นํา การถอื หุ้น หลักเกณฑ์เก่ียวกับจํานวนการถือหุ้นตามกฎหมาย

173 วา่ ด้วยการจดั การหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตร ี มาใช้บังคบั กับประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ  กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ  หรือเจ้าพนักงานของรัฐที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประกาศกําหนดโดยอนุโลม จนกวา่ จะมีการออกประกาศ ตามมาตรา  ๑๒๖  (๒)  และ  (๓)  ดงั กล่าว  การนับระยะเวลาตามมาตรา  ๑๒๖  วรรคส่ี สํ า ห รั บ ป ร ะ ธ า น ก ร ร ม ก า ร ป ้ อ ง กั น แ ล ะ ป ร า บ ป ร า ม การทุจริตแห่งชาติ  กรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ  ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ  หรือ เจ้าพนักงานของรัฐท่ีคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติประกาศกําหนด  ท่ีดํารงตําแหน่งอยู่ใน วั น ก ่ อ น วั น ท่ี พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ น้ี มีผลใช้บังคับ  ให้นับระยะเวลาต้ังแต่วันที่พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนญู นีม้ ผี ลใช้บงั คบั มาตรา ๑๙๖ บรรดาเรื่องกล่าวหาว่าเจ้าหน้าท่ี การไต่สวนและ ของรัฐท่ีได้กระทําทุจริตต่อหน้าที่  กระทําผิดต่อตําแหน่ง วนิ ิจฉยั ความผิด หน้าที่ราชการ  หรือกระทําผิดต่อตําแหน่งหน้าท่ีใน เจ้าหน้าทข่ี องรฐั การยุติธรรม  ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติได้มีมติมอบหมายให้คณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐดําเนินการ ไ ต ่ ส ว น แ ล ะ วิ นิ จ ฉั ย ค ว า ม ผิ ด เ จ ้ า ห น ้ า ท่ี ข อ ง รั ฐ แ ท น

174 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ไว้แล้ว  ก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน ้ี ใช้บังคับให้เป็นอันใช้ได้  และให้คณะกรรมการป้องกัน แ ล ะ ป ร า บ ป ร า ม ก า ร ทุ จ ริ ต ใ น ภ า ค รั ฐ ดํ า เ นิ น ก า ร ต ่ อ ไ ป ตามพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๕๑  และที่แก้ไข เพิ่มเติม  จนกว่าจะได้มีการมอบหมายตามพระราช บญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญน้ี กรณียงั ไม่มี มาตรา ๑๙๗ ในระหว่างที่ยังไม่มีการออก การออกระเบียบ ระเบียบ  ข้อกําหนด  ข้อบังคับ  ประกาศ  คําส่ัง  หรือมติ ข้อก�ำหนด ตามมาตรา  ๑๔๔  ให้นําบรรดาระเบียบ  ข้อกําหนด ขอ้ บงั คับ ประกาศ ข้อบังคับ  ประกาศ  คําสั่ง  หรือมติท่ีออกตามพระราช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ว ่ า ด ้ ว ย ก า ร ป ้ อ ง กั น แ ล ะ ค�ำส่งั หรือมติ ปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่แก้ไข เพ่ิมเติม  หรือตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ พลเรือน  แล้วแต่กรณี  หรือมติของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  ที่ใช้บังคับอยู ่ ในวันก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน ี้ ใช้บังคับ  ให้ยังมีผลใช้บังคับต่อไป  ท้ังน้ี  จนกว่าจะมี ระเบียบ  ข้อกําหนด  ข้อบังคับ  ประกาศ  คําสั่ง  หรือมติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ออกมายกเลิก หรือแกไ้ ขเปลี่ยนแปลง

175 ให้ข้าราชการสํานักงานคณะกรรมการป้องกัน สทิ ธไิ ด้ และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีสิทธิได้รับเงินเดือน รบั เงินเดอื น เงินเพิ่มพิเศษสําหรับตําแหน่ง  และค่าตอบแทนหรือ เงนิ เพิม่ พเิ ศษ สิ ท ธิ ป ร ะ โ ย ช น ์ อ่ื น ต า ม ที่ ไ ด ้ รั บ ต า ม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ต ิ ค่าตอบแทน ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม ขา้ ราชการ การทุจริต  พ.ศ.  ๒๕๔๒  และที่แก้ไขเพ่ิมเติม  จนกว่าจะ ส�ำนักงาน มีการออกระเบียบตามมาตรา  ๑๔๔  (๑)  ของพระราช บญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญนี้  มาตรา ๑๙๘ บรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย บทบญั ญตั ิ กฎ  ระเบียบ  ข้อบังคับ  ประกาศ  คําสั่ง  หรือมติคณะ แห่งกฎหมาย รัฐมนตรีใดที่อ้างถึงเจ้าหน้าท่ีของรัฐตามกฎหมายประกอบ ระเบียบ ข้อบังคับ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประกาศ ค�ำส่งั ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบ มตคิ ณะรัฐมนตรี ก่อนวนั พ.ร.ป.ฯ รัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ  ให้ถือว่าอ้างถึงเจ้าพนักงานของรัฐ ใช้บังคับ ตามพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู นี ้ มาตรา ๑๙๙ การดําเนินคดีท่ีดําเนินการกับ การด�ำเนินคดกี บั ผู้บริหารท้องถ่ิน  รองผู้บริหารท้องถิ่น  ผู้ช่วยผู้บริหาร ผูบ้ รหิ ารท้องถนิ่ ท้องถ่ิน  และสมาชิกสภาท้องถ่ิน  ในฐานะที่เป็นผู้ดํารง รองผบู้ รหิ ารท้องถิ่น ตําแหน่งทางการเมือง  ที่ดําเนินการอยู่ในศาลแล้ว ผูช้ ่วยผบู้ ริหารท้องถ่ิน ใหศ้ าลทีร่ ับไว้พจิ ารณามอี าํ นาจดําเนนิ การต่อไปจนกวา่ คดี และสมาชิกสภาทอ้ งถ่นิ จะถึงท่ีสุด  โดยให้ถือเสมือนว่า  พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.  ๒๕๔๒  และทแ่ี ก้ไขเพ่ิมเตมิ   ยงั มผี ลใชบ้ ังคับอยู่

176 มาตรา ๒๐๐ ในวาระเริ่มแรก  เพ่ือมิให้เกิดภาระ เกินสมควร  ในการตราพระราชกฤษฎีกา  ตามมาตรา  ๑๓๐ จะกําหนดการเร่ิมใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่ละระดับ หรือแตล่ ะประเภทแตกตา่ งกัน  ตามท่ีเหน็ สมควรก็ได้  ผูร้ บั สนองพระราชโองการ  พลเอก  ประยทุ ธ์  จนั ทรโ์ อชา  นายกรฐั มนตร ี

177 หมายเหตุ  :-  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับน้ี  คือ  โดยที่รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติหน้าท่ีและอํานาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ในการจัดให้มีมาตรการหรือแนวทางที่จะทําให้การปฏิบัติ หน้าที่มีประสิทธิภาพ  ประสิทธิผล  เกิดความรวดเร็ว สุจริต  และเท่ียงธรรม  รวมท้ังได้เปล่ียนแปลงคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม  ตลอดจนวาระการดํารงตําแหน่งไว้ อีกทั้งได้บัญญัติให้รัฐมีหน้าที่ส่งเสริม  สนับสนุน  และให้ ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายท่ีเกิดจากการทุจริตและ ประพฤติมิชอบท้ังในภาครัฐและภาคเอกชน  และจัดให้มี ม า ต ร ก า ร แ ล ะ ก ล ไ ก ที่ มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ใ น ก า ร ป ้ อ ง กั น และขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด ตามมาตรา  ๖๓  ของรัฐธรรมนูญ  จึงเป็นการสมควร บัญญัติกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน แ ล ะ ป ร า บ ป ร า ม ก า ร ทุ จ ริ ต ข้ึ น ใ ห ม ่ ใ ห ้ ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ  จึงจําเป็นต้องตราพระราช บัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ราชกิจจานุเบกษา  เล่ม  ๑๓๕  ตอนที่  ๕๒  ก วันท่ ี ๒๑  กรกฎาคม  ๒๕๖๑  หนา้   ๑-๘๐.

พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู   ว่าดว้ ยการตรวจเงินแผน่ ดิน พ.ศ.  ๒๕๖๑

181 พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ  ว่าด้วยการตรวจเงินแผน่ ดิน  พ.ศ.  ๒๕๖๑ สมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั มหาวชิราลงกรณ  บดินทรเทพยวรางกรู ใหไ้ ว ้ ณ  วนั ท่ ี ๑๘  กมุ ภาพนั ธ ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปที ่ี  ๓  ในรชั กาลปัจจุบนั ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ จ ้ า อ ยู ่ หั ว ม ห า ว ชิ ร า ล ง ก ร ณ บดินทรเทพยวรางกูร  มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการตรวจเงินแผน่ ดนิ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีมีบทบัญญัติ บางประการเกี่ยวกับการจ�ำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล

182 ซ่ึงมาตรา  ๒๖  ประกอบกับมาตรา  ๓๓  และมาตรา  ๓๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  บัญญัติให้กระท�ำได้ โดยอาศัยอ�ำนาจตามบทบัญญัติแหง่ กฎหมาย เหตุผลและความจ�ำเป็นในการจ�ำกัดสิทธิและเสรีภาพ ของบุคคลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าท่ีของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินสามารถด�ำเนินการได ้ อย่างมีประสิทธิภาพอันจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ซ่ึงการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีสอดคล้อง กับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา  ๒๖  ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว จึ ง ท ร ง พ ร ะ ก รุ ณ า โ ป ร ด เ ก ล ้ า ฯ   ใ ห ้ ต ร า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นไว้โดยค�ำแนะน�ำ และยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติท�ำหน้าท่ีรัฐสภา ดังตอ่ ไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี เรียกว่า  “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ   พ.ศ.  ๒๕๖๑” เริม่ บังคบั ใช้ มาตรา ๒ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นตน้ ไป

183 มาตรา ๓ ให้ยกเลกิ ผลการบงั คับใช้ (๑) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ   พ.ศ.  ๒๕๔๒ (๒) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉ บั บ ที่   ๒ ๔ / ๒ ๕ ๕ ๗   เ ร่ื อ ง   ใ ห ้ พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ประกอบรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ต่อไป  ลงวันท่ี  ๒๓ พฤษภาคม  พุทธศักราช  ๒๕๕๗  เฉพาะในส่วนท ี่ เ กี่ ย ว กั บ พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ป ร ะ ก อ บ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ว ่ า ด ้ ว ย การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ   พ.ศ.  ๒๕๔๒ (๓) ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับท่ี  ๗๑/๒๕๕๗  เร่ือง  การสรรหาคณะกรรมการ ตรวจเงินแผ่นดิน  และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน  ลงวันท่ี ๒๗  มิถุนายน  พุทธศกั ราช  ๒๕๕๗ (๔)  ค�ำส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี  ๒๙/๒๕๕๘  เรื่อง  การเลือกกรรมการแทนต�ำแหน่งท่ีว่าง ในคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน  และการด�ำเนินการ เพื่อสรรหาผู้ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรอิสระ  ลงวันท่ี  ๑๖ กันยายน  พุทธศักราช  ๒๕๕๘  เฉพาะในส่วนที่เก่ียวกับ กรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดิน (๕) ค�ำส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่  ๒๓/๒๕๖๐  เร่ือง  มาตรการแก้ไขปัญหาความต่อเน่ือง ของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ  ลงวันท่ี

184 ๕  เมษายน  พุทธศักราช  ๒๕๖๐  เฉพาะในส่วนท่ีเก่ียวกับ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน  และผู้วา่ การตรวจเงนิ แผ่นดนิ (๖) ค�ำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่  ๒๕/๒๕๖๐  ลงวันท่ี  ๑๗  พฤษภาคม  พุทธศักราช ๒๕๖๐  เร่ือง  แก้ไขเพ่ิมเติมค�ำส่ังหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ  ที่  ๒๓/๒๕๖๐  เฉพาะในส่วนที่เก่ียวกับ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน นยิ ามของค�ำ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญนี้ ทใ่ี ชใ้ น พ.ร.ป.ฯ น้ี “คณะกรรมการ”  หมายความว่า  คณะกรรมการ ตรวจเงินแผ่นดนิ “ประธานกรรมการ”  หมายความว่า  ประธานกรรมการ ตรวจเงนิ แผน่ ดนิ “กรรมการ”  หมายความว่า  กรรมการตรวจเงิน แผ่นดิน  และให้หมายความรวมถึงประธานกรรมการ ตรวจเงินแผน่ ดินดว้ ย “ผู้ว่าการ”  หมายความว่า  ผู้ว่าการตรวจเงิน แผน่ ดนิ “ส�ำนักงาน”  หมายความว่า  ส�ำนักงาน การตรวจเงินแผ่นดนิ “หน่วยรบั ตรวจ”  หมายความวา่ (๑) กระทรวง  ทบวง  กรม  หรือส่วนราชการ ทเี่ รียกชอ่ื อยา่ งอืน่ ที่มฐี านะเป็นกระทรวง  ทบวงหรือกรม (๒) หนว่ ยงานของราชการส่วนภมู ภิ าค

185 (๓) หนว่ ยงานของราชการสว่ นท้องถน่ิ (๔) รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการ งบประมาณและตามกฎหมายอื่น (๕) ทุนหมุนเวียน (๖) หนว่ ยงานอ่นื ของรฐั (๗) หน่วยงานที่รัฐมิได้จัดต้ังข้ึนแต่ได้รับ เงินอุดหนุน  หรือกิจการที่ได้รับเงินหรือทรัพย์สินลงทุน จากหน่วยรับตรวจตาม  (๑)  (๒)  (๓)  (๔)  หรือ  (๖) เฉพาะส่วนทเ่ี กี่ยวกบั เงินอุดหนนุ หรอื กิจการดังกล่าว (๘)  หน่วยงานอ่ืนใดหรือกิจการใดท่ีมีกฎหมาย ก�ำหนดให้ส�ำนักงานเป็นผู้ตรวจสอบ  หรือท่ีมีกฎหมาย ก�ำหนดใหม้ ีสทิ ธิรอ้ งขอให้สำ� นกั งานเป็นผูต้ รวจสอบ “หน่วยงานของราชการส่วนท้องถ่ิน”  หมายความว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด  เทศบาล  องค์การบริหาร ส่วนต�ำบล  กรุงเทพมหานคร  เมืองพัทยา  และองค์กร ปกครองส่วนท้องถน่ิ อื่นทม่ี กี ฎหมายจดั ตัง้ ข้ึน “ทุนหมุนเวียน”  หมายความว่า  กองทุน  กองทุน หมุนเวียน  เงินทุน  เงินทุนหมุนเวียน  ทุน  หรือทุนหมุนเวียน ที่ต้ังข้ึนเพื่อกิจการที่อนุญาตให้น�ำรายรับสมทบทุนไว ้ ใช้จ่ายได้โดยไม่ตอ้ งนำ� สง่ คลงั “ผู้รับตรวจ”  หมายความว่า  หัวหน้าส่วนราชการ หรือหัวหน้าหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ หรือการบริหารของหนว่ ยรับตรวจ

186 “ตรวจเงินแผ่นดิน”  หมายความว่า  ตรวจสอบ การเงินของหน่วยรับตรวจ  ซึ่งรวมถึงตรวจการจัดเก็บรายได้ การรับ  การใช้จ่าย  การใช้ประโยชน์  การเก็บรักษา และการบริหารซึ่งเงิน  ทรัพย์สิน  สิทธิ  และผลประโยชน์ ของหน่วยรับตรวจหรือที่อยู่ในความครอบครองหรือ อ�ำนาจใช้จ่ายของหน่วยรับตรวจว่าเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ  ข้อบังคับ  มติคณะรัฐมนตรี  และแบบแผน การปฏิบัติราชการ  หรือไม่  และตรวจว่าการใช้จ่ายเงิน หรือการใช้ประโยชน์นั้นเป็นไปตามวัตถุประสงค์  ประหยัด เกิดผลสัมฤทธ์ิ  และมีประสิทธิภาพหรือไม่  รวมตลอดถึง การตรวจสอบรายงานการเงินของหน่วยรับตรวจและ แสดงความเห็นตอ่ ผลของการตรวจสอบ  และการตรวจสอบอื่น ท่ีก�ำหนดไว้ในพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญน้ี “ตรวจสอบ”  หมายความว่า  ตรวจเงนิ แผ่นดิน “กองทุน”  หมายความว่า  กองทุนเพ่ือการพัฒนา การตรวจเงนิ แผ่นดิน “เจ้าหน้าท่ี”  หมายความว่า  ข้าราชการส�ำนักงาน การตรวจเงินแผน่ ดนิ การแจง้ ย่ืน มาตรา ๕ ใ น ก ร ณี ท่ี พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ หรอื สง่ หนังสือ ประกอบรัฐธรรมนูญน้ีมิได้ก�ำหนดไว้เป็นประการอ่ืน หรอื เอกสาร การใดท่ีก�ำหนดให้แจ้ง  ยื่น  หรือส่งหนังสือหรือเอกสาร ใหบ้ ุคคลใด ให้บุคคลใดเป็นการเฉพาะ  ถ้าได้แจ้ง  ย่ืน  หรือส่งหนังสือ เปน็ การเฉพาะ

187 หรือเอกสารให้บุคคลนั้น  ณ  ภูมิล�ำเนาหรือที่อยู่ ที่ปรากฏตามหลักฐานทางทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วย การทะเบียนราษฎร  ให้ถือว่าได้แจ้ง  ย่ืน  หรือส่งโดยชอบด้วย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้แล้ว  และในกรณีที่ กรณที ่ี พ.ร.ป.ฯ นี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ีก�ำหนดให้ประกาศ ก�ำหนดใหป้ ระกาศ หรือเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการท่ัวไป  ให้ถือว่า หรอื เผยแพร่ การประกาศหรือเผยแพร่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ประชาชนทราบ หรือระบบหรือวิธีการอ่ืนใดที่ประชาชนทั่วไปสามารถ เป็นการท่ัวไป เข้าถึงได้โดยสะดวก  เป็นการด�ำเนินการโดยชอบด้วย พระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู นแี้ ล้ว ในกรณีท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ กรณที ่ี พ.ร.ป.ฯ น้ี ก�ำหนดให้คณะกรรมการหรือผู้ว่าการมีอ�ำนาจก�ำหนดหรือ ก�ำหนดใหค้ ณะกรรมการ มีค�ำสั่งเร่ืองใด  ถ้ามิได้ก�ำหนดวิธีการไว้เป็นการเฉพาะ ตรวจเงินแผ่นดิน ให้คณะกรรมการหรือผู้ว่าการก�ำหนดโดยท�ำเป็นระเบียบ หรอื ผ้วู า่ การ ประกาศ  หรือค�ำส่ัง  แล้วแต่กรณี  และถ้าระเบียบ ตรวจเงนิ แผน่ ดนิ มีอำ� นาจกำ� หนด ป ร ะ ก า ศ   ห รื อ ค�ำ ส่ั ง นั้ น ใ ช ้ บั ง คั บ แ ก ่ บุ ค ค ล ทั่ ว ไ ป หรือมีค�ำส่งั เร่อื งใด ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้ด�ำเนินการประกาศ แต่มิไดก้ �ำหนดวธิ ีการ ตามวรรคหนึ่งด้วย  ทง้ั น้ ี ถ้าระเบียบ  ประกาศ  หรอื ค�ำสั่งใด ไว้เปน็ การเฉพาะ มีการก�ำหนดข้ันตอนการด�ำเนินงานไว้  คณะกรรมการ ห รื อ ผู ้ ว ่ า ก า ร ต ้ อ ง ก� ำ ห น ด ร ะ ย ะ เ ว ล า ก า ร ด� ำ เ นิ น ง า น ในแต่ละขนั้ ตอนให้ชัดเจนด้วย

188 การให้ความรว่ มมอื มาตรา ๖ ในการปฏิบัติหน้าที่  คณะกรรมการ และความช่วยเหลือ และผู้ว่าการต้องให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือ องคก์ รอิสระ องค์กรอิสระทุกองค์กร  ในกรณีที่ผู้ว่าการเห็นว่า มีผู้กระท�ำการอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย  แต่อยู่ในหน้าท่ีและ อำ� นาจขององคก์ รอิสระอนื่   ให้คณะกรรมการโดยขอ้ เสนอแนะ ข อ ง ผู ้ ว ่ า ก า ร มี ห นั ง สื อ แ จ ้ ง อ ง ค ์ ก ร อิ ส ร ะ ที่ เ กี่ ย ว ข ้ อ ง เพ่อื ดำ� เนนิ การตามหนา้ ทแี่ ละอ�ำนาจตอ่ ไปโดยไม่ชักชา้ การปรกึ ษาหารือ ใ น ก ร ณี ท่ี ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร โ ด ย ข ้ อ เ ส น อ แ น ะ ร่วมกับองค์กรอสิ ระอ่นื ของผู้ว่าการเห็นว่าการด�ำเนินการเรื่องใดท่ีอยู่ในหน้าท่ีและ ทเ่ี กีย่ วข้อง อ�ำนาจของคณะกรรมการหรือผู้ว่าการอาจเข้าลักษณะ เปน็ การกระท�ำที่อยูใ่ นหน้าทีแ่ ละอ�ำนาจขององค์กรอิสระอ่ืนด้วย ให้คณะกรรมการปรึกษาหารือร่วมกับองค์กรอิสระอ่ืน ที่เก่ียวข้อง  เพ่ือก�ำหนดแนวทางในการด�ำเนินงานร่วมกัน เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละองค์กรเป็นไปอย่างมี ประสิทธภิ าพและไมซ่ ำ้� ซ้อนกนั เพื่อประโยชน์ในการด�ำเนินการตามวรรคสอง ให้ประธานกรรมการมีอ�ำนาจเชิญประธานองค์กรอิสระอ่ืน ม า ร ่ ว ม ป ร ะ ชุ ม เ พ่ื อ ป รึ ก ษ า ห า รื อ แ ล ะ ก� ำ ห น ด แ น ว ท า ง ร่วมกันได้  ในการประชุมดังกล่าวให้ผู้ว่าการร่วมประชุมด้วย และใหอ้ งคก์ รอิสระทุกองคก์ รปฏบิ ัติตามแนวทางดงั กล่าว

189 มาตรา ๗ ภายใต้บังคับวรรคสาม  ในกรณี กรณที ม่ี ีหลกั ฐาน ท่ีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน เชอื่ วา่ การใช้จา่ ย มีพฤติการณ์อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่  จงใจปฏิบัติหน้าท่ี เงนิ แผ่นดิน หรือใช้อ�ำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือ มีการทุจรติ ต่อหน้าที่ กฎหมาย  หรืออาจท�ำให้การเลือกต้ังมิได้เป็นไปโดยสุจริต จงใจปฏบิ ตั ิหน้าที่ หรือใชอ้ ำ� นาจ หรือเที่ยงธรรม  และเป็นกรณีท่ีผู้ว่าการไม่มีอ�ำนาจ ขัดตอ่ รัฐธรรมนูญ จะด�ำเนินการใดได้  ให้ผู้ว่าการแจ้งคณะกรรมการป้องกัน หรือกฎหมาย หรอื และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  คณะกรรมการ อาจท�ำให้การเลอื กต้ัง การเลือกตั้ง  หรือหน่วยงานอ่ืนที่เกี่ยวข้อง  แล้วแต่กรณี ไมส่ จุ ริต เพ่ือทราบและด�ำเนนิ การตามหนา้ ท่ีและอำ� นาจต่อไป ในการด�ำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  คณะกรรมการการเลือกต้ัง หรือหน่วยงานอื่นท่ีได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง  ให้ถือว่า เอกสารและหลักฐานท่ีผู้ว่าการตรวจสอบหรือจัดท�ำขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของส�ำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  คณะกรรมการ การเลอื กตงั้   หรอื ของหนว่ ยงานอื่นนั้น  แล้วแต่กรณี ในกรณีที่ผู้ว่าการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน กรณีที่มหี ลักฐาน แล้วมีหลักฐานอันควรเช่ือได้ว่าเจ้าหน้าท่ีของส�ำนักงาน เช่อื วา่ เจ้าหนา้ ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาต ิ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. มีพฤติการณ์อันเป็นการทุจริตต่อหน้าท่ี  จงใจปฏิบัติหน้าที่ มพี ฤตกิ ารณท์ จุ รติ หรือใช้อ�ำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือ กฎหมาย  ให้ผู้ว่าการแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและ

190 ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ  และให้มีอ�ำนาจ ด�ำเนินการไต่สวนเบ้ืองต้นตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่ีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ก�ำหนด  การไต่สวนเบื้องต้นดังกล่าวต้องไม่กระทบ ต ่ อ ก า ร ป ฏิ บั ติ ห น ้ า ที่ ข อ ง เ จ ้ า ห น ้ า ท่ี ข อ ง ส� ำ นั ก ง า น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ในฐานะพนักงานไต่สวนหรือเข้าตรวจส�ำนวนการไต่สวน ของเจ้าหน้าท่ีดังกล่าว  เม่ือผลการไต่สวนเบื้องต้นปรากฏ เป็นประการใด  ให้ส่งส�ำนวนการไต่สวนเบื้องต้น ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพ่ือพิจารณาด�ำเนินการต่อไป  ในกรณีที่คณะกรรมการ ป ้ อ ง กั น แ ล ะ ป ร า บ ป ร า ม ก า ร ทุ จ ริ ต แ ห ่ ง ช า ติ เ ห็ น ว ่ า การด�ำเนินการของผู้ว่าการจะกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าท่ีของส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและ ป ร า บ ป ร า ม ก า ร ทุ จ ริ ต แ ห ่ ง ช า ติ จ ะ แ จ ้ ง ใ ห ้ ผู ้ ว ่ า ก า ร ยุ ต ิ การด�ำเนินการและส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาตเิ พื่อด�ำเนนิ การตอ่ ไป การระงบั หรอื ยบั ยงั้ มาตรา ๘ เพ่ือประโยชน์ในการระงับหรือยับย้ัง ความเสยี หาย ความเสียหายที่อาจเกิดข้ึนแก่การเงินการคลังของรัฐ ทอ่ี าจเกดิ ข้ึน ให้ผู้ว่าการเสนอผลการตรวจสอบการกระท�ำที่ไม่เป็นไป แก่การเงินการคลัง ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและ อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐ ของรฐั อย่างรา้ ยแรง  ตอ่ คณะกรรมการเพ่ือพจิ ารณา

191 ในกรณีท่ีคณะกรรมการเห็นพ้องด้วยกับ การประชุม ผลการตรวจสอบตามวรรคหน่ึง  ให้คณะกรรมการจัดให ้ ของทป่ี ระชมุ ร่วม มี ก า ร ป ร ะ ชุ ม ร ่ ว ม กั บ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ก า ร เ ลื อ ก ตั้ ง แ ล ะ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพ่ือปรึกษาหารือร่วมกัน  ในกรณีที่ประชุมร่วมมีมติ เห็นพ้องกับผลการตรวจสอบดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง ไม่น้อยกว่าสองในสามของจ�ำนวนกรรมการท่ีลงคะแนน ให้ประธานกรรมการ  ประธานกรรมการการเลือกต้ัง  และ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ร่วมกันลงนามในหนังสือแจ้งสภาผู้แทนราษฎร  วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีเพ่ือทราบโดยไม่ชักช้า  และให้เปิดเผย ผลการตรวจสอบดังกล่าวตอ่ ประชาชนเพื่อทราบด้วย ให้กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน  กรรมการ กรณีทกี่ รรมการ การเลือกตั้ง  และกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ผ้ใู ดไมม่ าประชมุ แห่งชาติทุกคน  มีหน้าท่ีต้องเข้าร่วมประชุมตามวรรคสอง โดยไมม่ ีเหตุ ในกรณีท่ีกรรมการผู้ใดไม่มาประชุมโดยไม่มีเหตุอันสมควร อันสมควร หรือมาประชุมแล้วไม่ลงคะแนนเสียงหรืองดออกเสียง หรอื มาประชุมแลว้ ไม่ลงคะแนนเสยี ง ให้ถือว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน หรอื งดออกเสียง ทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง  แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะลาออก จากตำ� แหน่งกอ่ นวันประชมุ หรอื กอ่ นลงมติ  แลว้ แตก่ รณี ในการประชุมตามวรรคสอง  ให้ผู้ว่าการมีสิทธิ เข้าร่วมประชุมและแสดงความคิดเห็นได้ด้วยแต่ไม่มีสิทธิ ลงคะแนน

192 การประชุมของท่ีประชุมร่วมตามวรรคสอง ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารทที่ ป่ี ระชมุ ร่วมกำ� หนด การรักษาการ มาตรา ๙ ให้ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ฯ น้ี รกั ษาการตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู นี้ หมวด  ๑ บทท่ัวไป การตรวจเงิน มาตรา ๑๐ การตรวจเงินแผ่นดินต้องกระท�ำ แผ่นดิน ด้วยความสุจริต  รอบคอบ  โปร่งใส  เท่ียงธรรม  กล้าหาญ ปราศจากอคต ิ และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล การตรวจสอบต้องค�ำนึงถึงการด�ำเนินการ ตามหนา้ ทขี่ องรฐั   แนวนโยบายแหง่ รฐั   และยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงความคุ้มค่า  ความสงบเรียบร้อย  ความไว้วางใจ ของสาธารณชน  การด�ำเนินงานโดยสุจริต  ผลสัมฤทธ์ิ และประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินของหน่วยรับตรวจ และการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลัง ของรฐั ด้วย การตรวจสอบ มาตรา ๑๑ ในการตรวจสอบ  เจ้าหน้าท ี่ ของเจ้าหน้าที่ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์มาตรฐานเก่ียวกับการตรวจเงิน หน่วยรบั ตรวจ แผ่นดิน  และให้โอกาสเจ้าหน้าท่ีของหน่วยรับตรวจ ได้ชแี้ จงเหตุผลและแสดงพยานหลกั ฐานของตน

193 หมวด  ๒ คณะกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดิน มาตรา ๑๒ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการ ประกอบด้วยกรรมการจ�ำนวนเจ็ดคนซ่ึงพระมหากษัตริย์ ตรวจเงินแผ่นดิน ทรงแต่งตั้งตามค�ำแนะน�ำของวุฒิสภา  จากผู้ซึ่งได้รับ การสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา ผู้ซึ่งได้รับการสรรหาต้องเป็นผู้มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์  มีความรู้  ความเช่ียวชาญและ ประสบการณ์เกี่ยวกับการตรวจเงินแผ่นดิน  กฎหมาย การบัญชี  การตรวจสอบภายใน  การเงินการคลังและ ด้านอ่ืนท่ีเป็นประโยชน์ต่อการตรวจเงินแผ่นดิน  ทั้งน้ี เปน็ เวลาไม่น้อยกว่าสิบปี มาตรา ๑๓ นอกจากคุณสมบัติตามมาตรา  ๑๒  แล้ว คุณสมบตั ิ กรรมการต้องมีคุณสมบัต ิ ดังต่อไปนีด้ ้วย ของกรรมการ (๑) มสี ัญชาตไิ ทยโดยการเกดิ ตรวจเงนิ แผ่นดิน (๒) มอี ายไุ ม่ต�่ำกวา่ สส่ี ิบห้าป ี แตไ่ ม่เกินเจด็ สิบปี (๓) ส�ำเร็จการศึกษาไม่ต่�ำกว่าปริญญาตรีหรือ เทยี บเท่า (๔) มีความซื่อสัตยส์ ุจริตเป็นทปี่ ระจักษ์ (๕) มีสุขภาพท่ีสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ

194 ลักษณะตอ้ งห้าม มาตรา ๑๔ กรรมการต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ของกรรมการ ดังตอ่ ไปนี้ ตรวจเงนิ แผน่ ดิน (๑) เป็นหรือเคยเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรอื ผ้ดู �ำรงต�ำแหนง่ ในองค์กรอิสระใด (๒) ติดยาเสพติดให้โทษ (๓) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคล ลม้ ละลายทจุ รติ (๔) เ ป ็ น เ จ ้ า ข อ ง ห รื อ ผู ้ ถื อ หุ ้ น ใ น กิ จ ก า ร หนงั สือพิมพห์ รือสื่อมวลชนใด  ๆ (๕) เปน็ ภกิ ษ ุ สามเณร  นกั พรต  หรือนกั บวช (๖) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไมว่ ่าคดีนนั้ จะถงึ ท่สี ดุ แลว้ หรือไม่ (๗) วกิ ลจรติ หรือจิตฟน่ั เฟอื นไมส่ มประกอบ (๘) อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัคร รับเลือกต้ังเป็นการชั่วคราว  หรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัคร รับเลือกตงั้ (๙) ต้องค�ำพิพากษาให้จ�ำคุกและถูกคุมขังอยู่ โดยหมายของศาล (๑๐)  เคยถูกส่ังให้พ้นจากราชการ  หน่วยงาน ของรัฐ  หรือรัฐวิสาหกิจ  เพราะทุจริตต่อหน้าท่ีหรือถือว่า กระท�ำการทจุ รติ หรือประพฤติมิชอบในวงราชการ (๑๑)  เคยต้องค�ำพิพากษาหรือค�ำสั่งของศาล อันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่�ำรวย

195 ผิดปกติ  หรือเคยต้องค�ำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษ จ�ำคุกเพราะกระท�ำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทจุ ริต (๑๒) เคยต้องค�ำพิพากษาอันถึงท่ีสุดว่ากระท�ำ ความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อต�ำแหน่งหน้าที่ ในการยุติธรรม  หรือกระท�ำความผิดตามกฎหมายว่าด้วย ความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ห รื อ ค ว า ม ผิ ด เ กี่ ย ว กั บ ท รั พ ย ์ ท่ี ก ร ะ ท� ำ โ ด ย ทุ จ ริ ต ตามประมวลกฎหมายอาญา  ความผิดตามกฎหมายว่าด้วย การกู้ยืมเงินท่ีเป็นการฉ้อโกงประชาชน  กฎหมายว่าด้วย ยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต  น�ำเข้า  ส่งออก หรือผู้ค้า  กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิด ฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าส�ำนัก  กฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์  หรือกฎหมายว่าด้วย ก า ร ป ้ อ ง กั น แ ล ะ ป ร า บ ป ร า ม ก า ร ฟ อ ก เ งิ น ใ น ค ว า ม ผิ ด ฐานฟอกเงนิ (๑๓) เคยต้องค�ำพิพากษาอันถึงท่ีสุดว่ากระท�ำการ อนั เปน็ การทจุ รติ ในการเลือกตัง้ (๑๔)  อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ด�ำรงต�ำแหน่ง ทางการเมอื ง (๑๕)  เคยพ้นจากต�ำแหน่งเพราะศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่ามีการเสนอ  การแปรญัตติ  หรือการกระท�ำ ด้วยประการใด  ๆ  ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

196 สมาชิกวุฒิสภา  หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรง หรอื ทางอ้อมในการใชง้ บประมาณรายจา่ ย (๑๖)  เคยพ้นจากต�ำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง มี ค� ำ พิ พ า ก ษ า ว ่ า ฝ ่ า ฝ ื น ห รื อ ไ ม ่ ป ฏิ บั ติ ต า ม ม า ต ร ฐ า น ทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง  หรือเป็นผู้มีพฤติการณ์ร�่ำรวย ผิดปกติ  หรือกระท�ำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อ�ำนาจขัดต่อบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนญู หรอื กฎหมาย (๑๗)  เคยไดร้ บั โทษจำ� คกุ โดยคำ� พิพากษาถึงทส่ี ุด ให้จ�ำคุก  เว้นแต่ในความผิดอันได้กระท�ำโดยประมาท หรอื ความผิดลหโุ ทษ (๑๘)  เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา  ข้าราชการการเมือง  หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น หรอื ผู้บรหิ ารทอ้ งถ่นิ ในระยะสิบปีกอ่ นเข้ารับการสรรหา (๑๙)  เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกหรือผู้ด�ำรงต�ำแหน่งอ่ืน ของพรรคการเมอื งในระยะสบิ ปีกอ่ นเขา้ รับการสรรหา (๒๐) เป็นข้าราชการซึ่งมีต�ำแหน่งหรือเงินเดือน ประจำ� (๒๑) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงาน ของรัฐ  รัฐวิสาหกิจ  หรือราชการส่วนท้องถิ่น  หรือกรรมการ หรือท่ีปรึกษาของหน่วยงานของรฐั หรอื รฐั วสิ าหกิจ

197 (๒๒)  เป็นผู้ด�ำรงต�ำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท  หรือองค์กรที่ด�ำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลก�ำไรหรือ รายได้มาแบ่งปนั กนั   หรือเปน็ ลกู จ้างของบคุ คลใด (๒๓) เป็นผปู้ ระกอบวชิ าชีพอิสระ (๒๔) มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือ ไมป่ ฏิบตั ิตามมาตรฐานทางจรยิ ธรรมอย่างร้ายแรง มาตรา ๑๕ เมอื่ มกี รณีทีจ่ ะตอ้ งสรรหาผู้สมควร คณะกรรมการ ได้รับการแต่งต้ังเป็นกรรมการตามมาตรา  ๑๒  ให้เป็น สรรหา หน้าทแ่ี ละอำ� นาจของคณะกรรมการสรรหา  ซึง่ ประกอบดว้ ย (๑) ประธานศาลฎกี า  เป็นประธานกรรมการ (๒) ประธานสภาผู้แทนราษฎร  และผู้น�ำฝ่ายค้าน ในสภาผูแ้ ทนราษฎร  เป็นกรรมการ (๓) ประธานศาลปกครองสงู สุด  เป็นกรรมการ (๔) บุคคลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ท่ีมิใช่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินแต่งต้ังจากผู้มีคุณสมบัติ ตามมาตรา  ๑๒  และมาตรา  ๑๓  และไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา  ๑๔  และไม่เคยปฏิบัติหน้าท่ีใด  ๆ ในศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระ  องค์กรละหน่ึงคน เป็นกรรมการ ใ ห ้ เ ล ข า ธิ ก า ร วุ ฒิ ส ภ า เ ป ็ น เ ล ข า นุ ก า ร ของคณะกรรมการสรรหา  และให้ส�ำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัตหิ นา้ ท่เี ป็นหนว่ ยธรุ การของคณะกรรมการสรรหา

198 การด�ำเนินการ ในการด�ำเนินการแต่งตั้งบุคคลตาม  (๔) แตง่ ตั้งบคุ คล ให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระท่ีมิใช่คณะกรรมการตรวจเงิน แผ่นดินด�ำเนินการเสนอชื่อบุคคลซึ่งองค์กรนั้นแต่งต้ัง เป็นกรรมการสรรหาภายในย่ีสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้ง จากเลขาธิการวุฒิสภา  โดยให้คัดเลือกจากบุคคล ซ่ึงมีความเป็นกลาง  ซื่อสัตย์สุจริต  และมีความเข้าใจในภารกิจ ของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน  ผู้จะได้รับการคัดเลือก เป็นกรรมการสรรหาต้องได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหน่ึง ของจ�ำนวนทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือกรรมการองค์กรอิสระ  แล้วแต่กรณี  ในกรณีที่ไม่มีบุคคลใด ได้รับคะแนนเสียงเกินก่ึงหน่ึงให้ลงคะแนนใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในการลงคะแนนครั้งน้ี  ถ้ามีผู้เข้ารับการคัดเลือกเกินสองคน ให้น�ำเฉพาะคนที่ได้คะแนนสูงสุดสองล�ำดับแรกมาลง คะแนนใหม่  ในกรณีที่มีผู้ได้คะแนนสูงสุดเท่ากัน จนเป็นเหตใุ หม้ ผี ู้ได้คะแนนสูงสุดสองล�ำดับแรกเกินสองคน ให้ผู้เข้ารับการคัดเลือกซ่ึงได้คะแนนเท่ากันนั้นจับสลาก เพื่อให้เหลือผู้ท่ีได้คะแนนสูงสุดสองล�ำดับแรกเพียงสองคน ในการลงคะแนนคร้ังหลังนี้  ถ้ายังไม่มีผู้ใดได้รับคะแนนเสียง เกินก่ึงหนึ่งของจ�ำนวนท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญหรือกรรมการองค์กรอิสระ  แล้วแต่กรณ ี ให้ด�ำเนินการเพื่อคัดเลือกใหม่  โดยจะคัดเลือกผู้เข้ารับ การคดั เลอื กทมี่ ชี ่ืออยใู่ นการคัดเลอื กคร้ังแรกมไิ ด้

199 ให้เลขาธิการวุฒิสภาประกาศรายชื่อกรรมการ สรรหาตาม  (๔)  ใหป้ ระชาชนทราบเป็นการท่ัวไป ในกรณีที่ไม่มีผู้ด�ำรงต�ำแหน่งกรรมการสรรหา ตาม  (๒)  หรือกรรมการสรรหาตาม  (๔)  มีไม่ครบ ไม่ว่าด้วยเหตุใด  หรือพ้นก�ำหนดเวลาการคัดเลือก ตามวรรคสามแล้วมิได้มีการเสนอชื่อ  ให้คณะกรรมการสรรหา เท่าท่ีมีอยู่ปฏิบัติหน้าที่และใช้อ�ำนาจไปพลางก่อนได ้ โ ด ย ใ น ร ะ ห ว ่ า ง นั้ น ใ ห ้ ถื อ ว ่ า ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ส ร ร ห า ประกอบด้วยกรรมการสรรหาเทา่ ท่ีมอี ยู่ ให้กรรมการสรรหาตาม  (๔)  อยู่ในวาระ การด�ำรงต�ำแหน่งจนถึงวันก่อนวันท่ีมีกรณีที่ต้องสรรหา กรรมการใหม่  แต่ไม่รวมถึงการสรรหาใหม่หรือสรรหา เพิ่มเติมตามมาตรา  ๑๖  วรรคสี่  มาตรา  ๑๗  วรรคสอง และวรรคสาม  และมาตรา  ๑๘  และให้กรรมการสรรหา ดังกล่าวพ้นจากต�ำแหน่งก่อนวาระเม่ือตาย  ลาออก ขาดคณุ สมบัติ  หรือมลี กั ษณะต้องห้าม ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสรรหาตาม  (๔) แล้ว  จะเป็นกรรมการสรรหาในคณะกรรมการสรรหา ส�ำหรับศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระอ่ืนในขณะเดียวกัน มไิ ด้ ให้ประธานกรรมการสรรหาและกรรมการสรรหา เป็นเจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา

200 การสรรหา มาตรา ๑๖ ใ น ก า ร ส ร ร ห า ก ร ร ม ก า ร กรรมการ ให้คณะกรรมการสรรหาปรึกษาหารือเพ่ือคัดสรรให้ได้บุคคล ตรวจเงินแผน่ ดิน ซ่ึงมีความรับผิดชอบสูง  มีความกล้าหาญในการปฏิบัติหน้าท่ี และมีพฤติกรรมทางจริยธรรมเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม รวมตลอดท้ังมีทัศนคติท่ีเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าท่ี ให้เกิดผลส�ำเร็จ  โดยนอกจากการประกาศรับสมัครแล้ว ใ ห ้ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ส ร ร ห า ด� ำ เ นิ น ก า ร ส ร ร ห า จ า ก บุ ค ค ล ซ่ึงมีความเหมาะสมทั่วไปได้ด้วยแต่ต้องได้รับความยินยอม ของบุคคลนั้น  ทั้งนี้  โดยค�ำนึงถึงความหลากหลาย ของประสบการณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละด้านประกอบด้วย และเพื่อประโยชน์แห่งการน้ี  ให้คณะกรรมการสรรหา ใช้วิธีการสัมภาษณ์หรือให้แสดงความคิดเห็นในเร่ือง ที่เก่ียวกับหน้าท่ีและอ�ำนาจของคณะกรรมการ  หรือวิธีการ อืน่ ใดทีเ่ หมาะสมเพือ่ ประกอบการพจิ ารณาด้วย ในการสรรหา  ให้ใช้วิธีลงคะแนนโดยเปิดเผย และให้กรรมการสรรหาแต่ละคนบันทึกเหตุผลในการเลือก ไว้ดว้ ย ผู้ซ่ึงจะได้รับการสรรหาต้องได้รับคะแนนเสียง ถึงสองในสามของจ�ำนวนท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของคณะกรรมการ สรรหา ถ้าไม่มีบุคคลใดได้รับคะแนนเสียงตามวรรคสาม หรือมีแต่ยังไม่ครบจ�ำนวนท่ีจะต้องสรรหาให้มีการลง คะแนนใหม่ส�ำหรับผู้ได้คะแนนไม่ถึงสองในสาม  ถ้ายังได้

201 ไม่ครบตามจ�ำนวนให้มีการลงคะแนนอีกครั้งหน่ึง  ในกรณีที่ การลงคะแนนครั้งหลังน้ียังได้บุคคลไม่ครบตามจ�ำนวน ที่จะต้องสรรหาให้ด�ำเนินการสรรหาใหม่ส�ำหรับจ�ำนวน ท่ยี ังขาดอยู่ ภายในสามวันนับแต่วันปิดรับสมัคร  ให้เลขาธิการ วุฒิสภาประกาศรายช่ือผู้เข้ารับการสรรหาให้ประชาชน ทราบเป็นการท่ัวไป  ประกาศดังกล่าวให้ระบุรายละเอียด เ ก่ี ย ว กั บ คุ ณ ส ม บั ติ แ ล ะ ป ร ะ วั ติ ก า ร ท� ำ ง า น ต า ม ท ่ี คณะกรรมการสรรหากำ� หนดด้วย มาตรา ๑๗ ผู้ได้รับการสรรหาเพื่อแต่งต้ัง การลงคะแนนเสียง ให้ด�ำรงต�ำแหน่งกรรมการต้องได้รับความเห็นชอบ ของวฒุ สิ ภาเพ่ือแต่งตัง้ จ า ก วุ ฒิ ส ภ า ด ้ ว ย ค ะ แ น น เ สี ย ง ไ ม ่ น ้ อ ย ก ว ่ า กึ่ ง ห นึ่ ง ผู้ด�ำรงต�ำแหนง่ กรรมการ ของจำ� นวนสมาชกิ ท้ังหมดเท่าทมี่ อี ยขู่ องวฒุ ิสภา ตรวจเงนิ แผน่ ดิน ในกรณีท่ีวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบผู้ได้รับ กรณที ีว่ ุฒิสภา การสรรหารายใด  ให้ด�ำเนินการสรรหาบุคคลใหม่แทนผู้นั้น ไม่ใหค้ วามเห็นชอบ แล้วเสนอต่อวุฒิสภาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป  โดยผู้ซ่ึง ผไู้ ดร้ ับการสรรหา ไ ม ่ ไ ด ้ รั บ ค ว า ม เ ห็ น ช อ บ จ า ก วุ ฒิ ส ภ า ใ น ค ร้ั ง นี้ จ ะ เ ข ้ า รั บ การสรรหาในครัง้ ใหมน่ ี้ไม่ได้ เม่ือมีผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว กรณที ่ปี ระธาน หากเป็นกรณีที่ประธานกรรมการพ้นจากต�ำแหน่งด้วย กรรมการ ใ ห ้ ผู ้ ไ ด ้ รั บ ค ว า ม เ ห็ น ช อ บ ป ร ะ ชุ ม ร ่ ว ม กั บ ก ร ร ม ก า ร ตรวจเงนิ แผ่นดนิ ซึ่งยังด�ำรงต�ำแหน่งอยู่  ถ้ามี  เพื่อเลือกกันเองให้คนหน่ึง พ้นจากต�ำแหน่ง เป็นประธานกรรมการแล้วแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภาทราบ

202 ในกรณีทผี่ ้ซู ่ึงวฒุ ิสภาใหค้ วามเห็นชอบยังได้ไม่ครบจำ� นวน ที่ต้องสรรหา  แต่เม่ือรวมกับกรรมการซึ่งยังด�ำรงต�ำแหน่งอยู่ ถ้ามี  มีจ�ำนวนถึงห้าคนก็ให้ด�ำเนินการประชุมเพ่ือเลือก ประธานกรรมการได้  และเม่ือโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งแล้วให้คณะกรรมการด�ำเนินการตามหน้าที่และ อ�ำนาจต่อไปพลางก่อนได้  โดยในระหว่างน้ันให้ถือว่า ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย ก ร ร ม ก า ร เ ท ่ า ท่ี มี อ ยู ่ และให้ด�ำเนินการสรรหาเพ่ิมเติมให้ครบตามจ�ำนวนที่ต้อง สรรหาตอ่ ไปโดยเรว็ ให้ประธานวุฒิสภาน�ำความกราบบังคมทูล เ พื่ อ ท ร ง แ ต ่ ง ตั้ ง ป ร ะ ธ า น ก ร ร ม ก า ร แ ล ะ ก ร ร ม ก า ร และเปน็ ผ้ลู งนามรบั สนองพระบรมราชโองการ การแสดงหลกั ฐาน มาตรา ๑๘ ผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา การลาออกหรือ ให้เป็นกรรมการโดยที่ยังมิได้พ้นจากตำ� แหน่งตามมาตรา  ๑๔ เลกิ ประกอบวชิ าชีพ (๒๐)  (๒๑)  หรือ  (๒๒)  หรือยังประกอบวิชาชีพ อนั มลี ักษณะตอ้ งหา้ ม ตามมาตรา  ๑๔  (๒๓)  อยู่  ต้องแสดงหลักฐานว่าได้ลาออก หรือเลิกประกอบวิชาชีพดังกล่าวแล้ว  ต่อประธานวุฒิสภา ของกรรมการ ตรวจเงนิ แผน่ ดิน ตาม พ.ร.ป.ฯ น ้ี ภายในเวลาที่ประธานวุฒิสภาก�ำหนด  ซึ่งต้องเป็น เวลาก่อนท่ีประธานวุฒิสภาจะน�ำความกราบบังคมทูล เพ่ือทรงแต่งตั้งกรรมการ  ในกรณีที่ไม่ได้แสดงหลักฐาน ภายในก�ำหนดเวลาดังกล่าว  ให้ถือว่าผู้น้ันสละสิทธ ิ และให้ดำ� เนินการสรรหาใหม่

203 มาตรา ๑๙ ในกรณีท่ีมีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติ กรณีทม่ี ีปัญหา หรือลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครหรือผู้ได้รับการสรรหา เกี่ยวกบั คณุ สมบัติ ให้เป็นหน้าท่ีและอ�ำนาจของคณะกรรมการสรรหา หรอื ลกั ษณะต้องหา้ ม เป็นผวู้ นิ จิ ฉัย  ค�ำวนิ ิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาใหเ้ ป็นท่ีสุด ของผู้สมคั รหรอื การเสนอเร่ืองเพื่อให้คณะกรรมการสรรหา ผไู้ ด้รบั การสรรหา วินิจฉัยตามวรรคหน่ึง  ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่คี ณะกรรมการสรรหาก�ำหนด การวินิจฉัย  ใหใ้ ชว้ ธิ ีลงคะแนนโดยเปิดเผย ให้น�ำความในวรรคหน่ึง  วรรคสอง  และวรรคสาม มาใช้บังคับแก่กรณีท่ีมีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติและ ลักษณะต้องห้ามของกรรมการสรรหาด้วยโดยอนุโลม แต่กรรมการสรรหาที่ถูกกล่าวหาว่าขาดคุณสมบัติหรือ มี ลั ก ษ ณ ะ ต ้ อ ง ห ้ า ม จ ะ อ ยู ่ ใ น ที่ ป ร ะ ชุ ม ใ น ข ณ ะ พิ จ า ร ณ า และวนิ ิจฉยั มไิ ด้ มาตรา ๒๐ ให้ประธานกรรมการสรรหาและ เบีย้ ประชมุ กรรมการสรรหาได้รับเบ้ียประชุมและค่าตอบแทนอื่น และคา่ ตอบแทนอื่น ตามที่ประธานวุฒิสภาก�ำหนด  แต่ส�ำหรับเบี้ยประชุม ของประธาน ใ ห ้ ก� ำ ห น ด ใ ห ้ ไ ด ้ รั บ เ ป ็ น ร า ย ค รั้ ง ท่ี ม า ป ร ะ ชุ ม ใ น อั ต ร า กรรมการสรรหา ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของประธานกรรมการหรือกรรมการ และกรรมการสรรหา ในคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภาตามกฎหมายว่าด้วย ระเบียบข้าราชการรัฐสภาไดร้ ับในแตล่ ะเดือน  แล้วแต่กรณี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook