Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 2

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 2

Published by flowerz_uk, 2019-12-02 23:58:59

Description: พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เล่ม 2

Search

Read the Text Version

52 จะเปดิ เผยช่อื ผกู้ ล่าวหา  ผูแ้ จง้ เบาะแสและผซู้ ึ่งเป็นพยาน มิได้  และต้องไม่กระทบต่อรูปคดีหรือความปลอดภัยใน ชีวิตหรอื ทรัพย์สินของบคุ คลที่เกีย่ วขอ้ ง ห้ามมิให้มีการเปิดเผยหรือเผยแพร่ข้อมูลรายงาน และสํานวนการตรวจสอบ  การสอบสวน  การไต่สวน หรอื การไต่สวนเบ้ืองตน้   รวมทงั้ บรรดาเอกสารท่ีเก่ยี วข้อง กับการตรวจสอบ  สอบสวน  ไต่สวน  หรือไต่สวนเบ้ืองต้น ท่ีอยู่ระหว่างการดําเนินการจนกว่าคณะกรรมการ  ป.ป.ช. จะได้พิจารณาและมีมติในเร่ืองดังกล่าวแล้ว  เว้นแต่จะ เป็นการเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการไต่สวนหรือไต่สวน เบ้ืองต้น  ทั้งนี ้ ใหถ้ ือวา่ เปน็ ความลับของทางราชการ  กรณีมี มาตรา ๓๗ ในกรณีท่ีมีการเปิดเผยข้อมูล การเปิดเผย อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา  ๓๖  ให้เลขาธิการ  ดําเนินการ ข้อมูลอันเปน็ ตรวจสอบเพื่อหาตัวผู้เปิดเผยข้อมูลโดยเร็ว  หากตรวจสอบ การฝ่าฝืน พบให้ดําเนินการทางวินัยแก่ผู้ที่เปิดเผยข้อมูล  หากเป็น กรณีท่ีกระทําโดยจงใจให้ถือว่าเป็นความผิดทางวินัยอย่าง ร้ายแรง  ทั้งนี้  หากเลขาธิการไม่ดําเนินการตรวจสอบ ให้ถือว่าเป็นความบกพร่องของเลขาธิการ  และให้คณะ กรรมการ  ป.ป.ช.  พจิ ารณาดําเนินการตามควรแก่กรณี  กรณีมี มาตรา ๓๘ ในกรณีที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช. ความจาํ เปน็ ดําเนินการตรวจสอบหรือไต่สวนเพ่ือมีความเห็น  หรือ ตอ้ งได้ข้อมลู วนิ จิ ฉยั เกี่ยวกับการกระทําของบุคคลใด  และมคี วามจาํ เปน็ เกี่ยวกับธุรกรรม ต้องได้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินของบุคคลนั้น ทางการเงิน

53 หรือบุคคลท่ีเกี่ยวข้อง  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. มีอํานาจขอข้อมูลดังกล่าวจากสํานักงานป้องกันและปราบ ปรามการฟอกเงินได้ตามท่ีจําเป็น  และให้สํานักงาน ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน  ส่งมอบข้อมูล ดังกลา่ วให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  และให้ถอื ว่าการส่งมอบ ดังกล่าวเป็นการดําเนินการที่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงนิ แลว้ มาตรา ๓๙ ในระหว่างการไต่สวน  หรือเม่ือ ในระหว่าง คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ช้ีมูลว่าผู้ใดกระทําความผิด  และ การไต่สวน ความผิดนั้นมีโทษทางอาญา  หากมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากมเี หตุ ผู้ถูกกล่าวหาจะหลบหนี  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  หรือ อนั ควรเช่ือวา่ ผ้ทู ี่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มอบหมายมีอํานาจดาํ เนนิ การ ผูถ้ กู กล่าวหา ขอให้ศาลที่มีเขตอํานาจออกหมายจับและควบคุมตัว จะหลบหนี ผู้ถกู กล่าวหาไว้ ในการจับและควบคุมตัวบุคคลตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  จะมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจ  หรือพนักงานสอบสวน ดําเนินการแทนก็ได้  และให้พนักงานเจ้าหน้าท่ี  พนักงาน ฝา่ ยปกครองหรอื ตาํ รวจ  หรอื พนกั งานสอบสวนดาํ เนนิ การ ตามท่ไี ดร้ บั มอบหมายโดยเรว็   ทง้ั นี้  ใหพ้ นักงานเจ้าหน้าที่ ท่ีได้รับมอบหมายดังกล่าว  เป็นพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตาํ รวจตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา

54 เพ่ือประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้  ในการจับ  คุมขัง  และ การปล่อยชั่วคราว  ให้นําประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาในสว่ นทีเ่ ก่ยี วขอ้ งมาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม  ในกรณีท่ีมีการกระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ี เกดิ ขึ้นในลักษณะความผิดซงึ่ หน้า  ใหก้ รรมการ พนักงาน ไต่สวนที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มอบหมาย  และ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจช้ันผู้ใหญ่  มีอํานาจ จับกุมตัวผู้กระทําความผิดได้โดยไม่ต้องมีหมายของศาล และเม่ือจับได้แล้วให้ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนควบคุม ตัวไว้ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา การปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ มาตรา ๔๐ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราช ตาม พ.ร.ป.ฯ บัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู น้ ี (๑) ให้ประธานกรรมการและกรรมการ  เป็นเจ้าพนักงาน ในการยตุ ิธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา  (๒) ให้กรรมการไต่สวน  หัวหน้าพนักงานไต่สวน พนักงานไต่สวน  และพนักงานเจ้าหน้าที่  เป็นเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา  ในการดําเนินการตรวจสอบ  การสอบสวน  การไต่สวน หรือการไต่สวนเบื้องต้นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ให้ประธานกรรมการ  กรรมการ  กรรมการไต่สวน  เลขาธิการ หัวหน้าพนักงานไต่สวน  และพนักงานไต่สวน  เป็น พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจช้ันผู้ใหญ่  และมีอํานาจ

55 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเช่นเดียวกับ พนักงานสอบสวนดว้ ย เพื่อประโยชน์ในการดําเนินคดีตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ี ที่ได้รับมอบหมายหรือมอบอํานาจในการฟ้องคดี  ว่าต่าง หรือดําเนินคดีแทนคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มีอํานาจ ว่าความ  และดําเนินกระบวนพิจารณาในชั้นศาลได้  ท้ังนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กาํ หนด  มาตรา ๔๑ ในกรณีท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช. กรณีคณะ กรรมการ  กรรมการไต่สวน  หัวหน้าพนักงานไต่สวน กรรมการ ป.ป.ช. พนกั งานไตส่ วน  และพนกั งานเจา้ หนา้ ท ี่ ผใู้ ดถกู ดาํ เนนิ คดี กรรมการ ป.ป.ช. ไม่ว่าเป็นคดีแพ่ง  คดีอาญา  หรือคดีปกครอง  และไม่ว่า กรรมการไตส่ วน จะถูกฟ้องในขณะดํารงตําแหน่งหรือเมื่อพ้นจากตําแหน่งแล้ว หวั หน้าพนักงาน ไต่สวน ถ้าการถูกดําเนินคดีดังกล่าว  เป็นเพราะเหตุที่ได้ม ี พนักงานไต่สวน มติ  คําสั่ง  หรือปฏิบัติหน้าที่  ให้สํานักงานมีอํานาจ และพนักงาน ให้ความช่วยเหลือในการต่อสู้คดีแก่บุคคลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ โดยคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  อาจมอบหมายให้พนักงาน ถกู ด�ำเนนิ คดี เจ้าหน้าท่ีแก้ต่างก็ได้  หรือในกรณีท่ีพนักงานอัยการ มิใช่เป็นผู้ฟ้อง  อาจขอให้พนักงานอัยการเข้าแก้ต่างให้แก่ บุคคลเหล่านั้นก็ได้  การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวให้รวม ถึงค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความด้วย  ทั้งน้ี  ตาม หลักเกณฑ์  วิธีการ  และเง่ือนไขท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช. กาํ หนด 

56 ในการปฏิบัติหน้าที่และการใช้ดุลพินิจของ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กรรมการ  กรรมการไต่สวน หัวหน้าพนักงานไต่สวน  พนักงานไต่สวน  และพนักงาน เจา้ หนา้ ทใี่ นการมคี วามเหน็   มต ิ คาํ สง่ั   ในการตรวจสอบ สอบสวน  ไต่สวน  หรือไต่สวนเบื้องต้นตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี  ซ่ึงได้แสดงเหตุผล อันสมควรประกอบแล้ว  และได้กระทําไปโดยสุจริต ยอ่ มได้รบั ความคุม้ ครอง  สว่ นท ่ี ๓  การตรวจสอบการปฏิบตั ิหนา้ ที่ ของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  การยืน่ บัญชี มาตรา ๔๒ ให้กรรมการมีหน้าที่ย่ืนบัญชี ทรัพย์สิน หนสี้ นิ ทรัพย์สินและหน้ีสินของตน  คู่สมรส  และบุตร  ที่ยังไม่ ของกรรมการ บรรลุนิติภาวะ  รวมทั้งทรัพย์สินท่ีมอบหมายให้อยู ่ ป.ป.ช. ในความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอ่ืน  ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อมต่อประธานวุฒิสภา  โดยให้นําความในหมวด  ๕ การดําเนินการเก่ียวกับทรัพย์สิน  มาตรา  ๑๐๕  ถึง มาตรา  ๑๑๓  มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม  โดยให้อํานาจ ของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เป็นอํานาจของประธาน วุฒิสภา  ท้ังนี้  ให้ประธานวุฒิสภาแต่งตั้งคณะกรรมการ

57 ตรวจสอบทรัพย์สินและหน้ีสิน  เพ่ือตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนเสนอประธานวุฒสิ ภาพจิ ารณา ให้ประธานวุฒิสภาจัดให้มีการตรวจสอบบัญชี ตามวรรคหน่ึง  และให้นําความในมาตรา  ๓๔  มาใช้ บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของประธานวุฒิสภาในกรณีนี้ด้วย โดยอนโุ ลม  คู่สมรสตามวรรคหนึ่งให้นําความในมาตรา  ๑๐๒ วรรคสองมาใชบ้ ังคับดว้ ยโดยอนโุ ลม  มาตรา ๔๓ ในกรณีท่ีปรากฏว่ามีการกระทํา กรณี ความผิดเก่ียวกับการที่กรรมการผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชี กรรมการ ป.ป.ช. ทรัพย์สินและหน้ีสินต่อประธานวุฒิสภา  หรือจงใจยื่น จงใจไมย่ ื่น บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินอันเป็นเท็จ บัญชที รัพย์สนิ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ ์ และหนีสนิ อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงท่ีมาแห่งทรัพย์สินหรือหน้ีสิน ให้ประธานวุฒิสภาส่งเร่ืองให้อัยการสูงสุดเพื่อดําเนินการ ฟ้องคดีต่อศาลฎีกา  แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมอื งตอ่ ไป  ทงั้ น้ ี ใหน้ าํ ความในมาตรา ๗๗  และ มาตรา  ๘๑  มาใช้บังคบั ด้วยโดยอนุโลม  มาตรา ๔๔ ในกรณีที่ปรากฏว่ากรรมการผู้ใด กรณปี รากฏวา่ ร�่ำรวยผิดปกติให้ประธานวุฒิสภาส่งสํานวน  พร้อมด้วย กรรมการ ป.ป.ช. เอกสารหลักฐานไปยังประธานรัฐสภาเพื่อแจ้งให้สมาชิก ผใู้ ดรำ�่ รวยผดิ ปกติ สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทราบ  เพ่ือพิจารณา ดําเนนิ การต่อไป 

58 สิทธเิ ข้าช่ือ มาตรา ๔๕ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร  สมาชกิ กลา่ วหาว่า วุฒิสภา  หรือสมาชิกของทั้งสองสภา  จํานวนไม่น้อยกว่า กรรมการ ป.ป.ช. หนึ่งในห้าของจํานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสอง ผู้ใดมีพฤตกิ ารณ์ สภาหรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจํานวนไม่น้อยกว่า สองหม่ืนคน  มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการผู้ใด ร�่ำรวยผดิ ปกติ มีพฤติการณ์ร�่ำรวยผิดปกติ  ทุจริตต่อหน้าท่ี  หรือจงใจ ทุจริตต่อหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย  หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทาง จริยธรรมอย่างร้ายแรง  โดยยื่นต่อประธานรัฐสภา  พร้อมด้วย หลักฐานตามสมควร  หากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหต ุ อันควรสงสัยว่ามีการกระทําตามที่ถูกกล่าวหา  ให้ประธานรัฐสภา เสนอเรอื่ งไปยังประธานศาลฎกี าเพื่อตั้งคณะผู้ไตส่ วนอิสระ ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา คดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง  และให้นํา ความในมาตรา  ๘๗  มาใชบ้ งั คบั ด้วย  โดยอนุโลม  การกล่าวหาตามวรรคหน่ึง  ให้รวมถึงการเข้าช่ือ กล่าวหาว่ากรรมการและบุคคลอ่ืนเป็นตัวการ  ผู้ใช้  หรือ ผู้สนับสนุนในการกระทําความผิดทางอาญา  รวมท้ังผู้ให้ ผู้ขอให้  หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่กรรมการ  เพ่ือจูงใจให้กระทําการ  ไม่กระทําการ หรือประวงิ การกระทําอันมชิ อบดว้ ยหนา้ ที่ด้วย 

59 หมวด  ๒  การไตส่ วน  มาตรา ๔๖ ในการดําเนินการไต่สวนหรือ การด�ำเนนิ การ ไต่สวนเบ้ืองต้น  คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  คณะกรรมการไต่สวน ไตส่ ่วนหรือ หัวหน้าพนักงานไต่สวน  หรือพนักงานไต่สวน  แล้วแต่กรณี ไต่สวนเบอ้ื งตน้ ต้องดําเนินการเพ่ือให้ได้ข้อเท็จจริงท่ีถูกต้องตรงตาม ความจริงที่เกิดข้ึน  ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อผู้ถูก กล่าวหา พยานหลักฐานใดที่ผู้ถูกกล่าวหานําส่ง  คณะ กรรมการ  ป.ป.ช.  คณะกรรมการไตส่ วน  หวั หน้าพนกั งาน ไต่สวน  หรือพนักงานไต่สวนจะไม่รับด้วยเหตุล่วงเลยเวลา หรือผิดข้ันตอนมิได้  เว้นแต่คณะกรรมการ  ป.ป.ช. จะมีมติชี้มูลแล้ว  หรือเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจประวิงเวลา หรอื ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต  ในกรณที ่ผี ้ถู กู กล่าวหาขอใหค้ ณะกรรมการ   ป.ป.ช. คณะกรรมการไต่สวน  หรือหัวหน้าพนักงานไต่สวนเรียกบุคคล หรือเรียกเอกสารจากบุคคลใด  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. หรือพนักงานไต่สวน  ดําเนินการตามที่ร้องขอ  แต่ผู้ถูกกล่าวหา ต้องร้องขอภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งนี้  เว้นแต่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  คณะกรรมการไต่สวน หรือกรรมการที่กํากับดูแลเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหา  จงใจประวิงเวลา

60 หรือใช้สิทธิโดยไม่สุจริต  หรือบุคคลหรือเอกสารที่ขอให้ เรียกน้ันไม่มีผลต่อการวินิจฉัยของคณะกรรมการ  ป.ป.ช. แต่ต้องบันทึกเหตุน้ันไว้ในสํานวนการไต่สวนหรือรายงาน การไต่สวนเบื้องตน้ ดว้ ย  การควบคมุ มาตรา ๔๗ ใหเ้ ปน็ หนา้ ท่ีของคณะกรรมการ   ป.ป.ช. และกวดขนั และเลขาธิการที่จะควบคุมและกวดขันพนักงานเจ้าหน้าท่ี พนกั งานเจ้าหนา้ ที่ ที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวน  ให้ปฏิบัติหน้าที่ให้แล้วเสร็จ ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ภายในกําหนดเวลาท่ีบัญญัติไว้ในหมวดนี้  ในกรณีท่ี การไต่สวน พนักงานเจ้าหน้าท่ีผู้ใดละเลยไม่ปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายใน กําหนดเวลา  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  หรือเลขาธิการ แล้วแต่กรณีดาํ เนนิ การทางวินัยตามควรแก่กรณี ระยะเวลา มาตรา ๔๘ เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ การไตส่ วน ป.ป.ช.  ไม่ว่าจะมีการกล่าวหาหรือไม่  ว่ามีการกระทําความผิด มีความเหน็ ที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ให้ หรอื วินิจฉยั คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจ โดยพลัน  โดยในกรณีท่ีจําเป็นต้องมีการไต่สวน ต้องไต่สวนและมีความเห็นหรือวินิจฉัยให้แลว้ เสรจ็ ภายใน กําหนดเวลาที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กําหนด  ซึ่งต้อง ไมเ่ กินสองป ี นับแตว่ ันเรมิ่ ดาํ เนินการไตส่ วน  ในการกําหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. คํานึงถึงความรวดเร็ว  ความยากง่ายของการไต่สวน และอายุความของการดําเนินการในเรื่องน้ัน  โดยจะระบุ

61 ระยะเวลาของการไต่สวนข้อกล่าวหาแต่ละประเภทท ี่ แตกต่างกันกไ็ ด้ ในกรณีท่ีมีเหตุจําเป็นอันไม่อาจดําเนินการให้แล้วเสร็จ ตามระยะเวลาตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง  คณะกรรมการ  ป.ป.ช. อาจขยายระยะเวลาออกไปตามท่ีจําเป็นได้แต่รวมแล้วต้อง ไม่เกินสามปี  เว้นแต่เป็นเร่ืองท่ีจําเป็นต้องเดินทางไป ไต่สวนในต่างประเทศ  หรือขอให้หน่วยงานของต่างประเทศ ดําเนินการไต่สวนให้  หรือขอรับเอกสารหลักฐานจาก ต่างประเทศ  จะขยายระยะเวลาออกเทา่ ที่จําเปน็ ก็ได ้ ในกรณีที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ได้รับแจ้งจาก ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินว่ามีหลักฐานอันควรเช่ือได้ว่า การใช้จ่ายเงินแผ่นดินมีพฤติการณ์อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าท่ีหรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่ง รัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย  และเป็นกรณีท่ีผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ไม่มีอํานาจจะดําเนินการใดได้  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. ดําเนินการไต่สวนโดยพลัน  โดยให้ถือว่าเอกสารและหลักฐาน ท่ีผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบหรือจัดทําข้ึนเป็นส่วนหน่ึง ของสาํ นวนการไตส่ วนของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ภายใต้กําหนดอายุความ  เม่ือพ้นกําหนดเวลา ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสาม  หรือตามท่ีบัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้แล้ว  คณะกรรมการ ป.ป.ช.  ยังคงมีหน้าท่ีและอํานาจที่จะดําเนินการไต่สวน

62 และมีความเห็น  หรือวินิจฉัย  หรือดําเนินการตามหน้าที่ และอํานาจต่อไป  แต่ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  พจิ ารณา สอบสวนและดําเนินการลงโทษผู้ท่ีเกี่ยวข้องตามควร แก่กรณีโดยเร็ว การตรวจสอบ มาตรา ๔๙ เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการ เบื้องต้น ตามหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ไม่ว่า จะเป็นกรณีท่ีมีการกล่าวหาหรือไม่  ให้เลขาธิการหรือผู้ท่ี เลขาธิการมอบหมายตรวจสอบเบื้องต้นก่อนตามหลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กําหนด  หากตรวจสอบเบื้องต้น แล้วพบว่ามีข้อมูล  หรือรายละเอียดไม่เพียงพอท่ีจะ ดําเนินการต่อไป  หรือความผิดท่ีกล่าวหาน้ันไม่ได้อยู่ใน หน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  หรือเป็น เรื่องท่ีห้ามไม่ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  รับไว้พิจารณา ตามมาตรา  ๕๔  หรือมาตรา  ๕๕  (๑)  ให้เสนอ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เพื่อพิจารณาไม่รับเร่ืองดังกล่าว ไว้พิจารณา  ตามระยะเวลาและวิธีการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.  กําหนด  และเม่อื คณะกรรมการ ป.ป.ช.  มีคําสั่ง ไม่รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว  ถ้าเป็นกรณีที่มีคํากล่าวหาให้ มีหนงั สอื แจง้ ใหผ้ ูก้ ลา่ วหาทราบ  ในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง  คณะกรรมการ ป.ป.ช.  จะมอบหมายให้กรรมการคนหน่ึงหรือหลายคน เป็นผู้พิจารณาและมีคําส่ังแทนคณะกรรมการ  ป.ป.ช. กไ็ ด้ 

63 คํากล่าวหาใดที่ไม่มีเหตุที่ไม่รับไว้พิจารณาตาม วรรคหน่ึง  ให้ดําเนนิ การไตส่ วนตอ่ ไป  ผู้กล่าวหาซ่ึงไม่เห็นด้วยกับคําสั่งไม่รับเรื่องไว้ พิจารณาของกรรมการตามวรรคสอง  อาจมีหนังสือ ขอให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  พิจารณาทบทวนคําสั่งนั้น ได้ภายในสามสบิ วนั นบั แต่วันท่ไี ดร้ บั แจ้งตามวรรคสอง  ในการตรวจสอบเบื้องต้นให้เลขาธิการหรือ หัวหน้าพนักงานไต่สวนมีอํานาจตามมาตรา  ๓๔  (๑) (๒)  และ  (๓)  ดว้ ย มาตรา ๕๐ ในการไต่สวน  คณะกรรมการ การไต่สวน ป.ป.ช.  อาจมอบหมายเลขาธิการ  หัวหน้า  พนักงาน เบื้องตน้ ไต่สวน  หรอื พนกั งานไตส่ วน  เป็นผไู้ ตส่ วนเบ้อื งต้นได้ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามท่ีได้รับมอบหมายตาม วรรคหนึ่ง  ให้เลขาธิการ  หัวหน้าพนักงานไต่สวน  หรือ พนักงานไต่สวนดําเนินการเป็นคณะ  ประกอบด้วย เลขาธิการหรือหัวหน้าพนักงานไต่สวน  เป็นหัวหน้า พนักงานไต่สวนอย่างน้อยหน่ึงคนร่วมเป็นคณะ  และอาจ มีผู้ช่วยพนักงานไต่สวนหรือพนักงานเจ้าหน้าท่ีเพื่อช่วย ในการปฏิบัติหน้าท่ีด้วยก็ได้  และในการไต่สวนปากคํา ผู้ถูกกล่าวหาหรือพยาน  ต้องกระทําโดยเลขาธิการ หัวหน้าพนักงานไต่สวนหรือพนักงานไต่สวนหนึ่งคน และผู้ช่วยพนักงานไต่สวน  หรือพนักงานเจ้าหน้าที่

64 อีกหนงึ่ คน  ทงั้ น ี้ ตามหลักเกณฑ์  วธิ ีการ  และเงือ่ นไขท่ี คณะกรรมการ  ป.ป.ช. กําหนด  การไต่สวนเบ้ืองต้นตามวรรคหนึ่งต้องดําเนินการ ให้เสร็จและจัดทํารายงานการไต่สวนเบื้องต้น  เสนอ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ภายในหน่ึงร้อยแปดสิบวันนับแต่ วันทไ่ี ด้รับมอบหมาย ภายใต้ระยะเวลาตามมาตรา  ๔๘  ในกรณี ท่ีไม่อาจดําเนินการไต่สวนเบ้ืองต้นตามระยะเวลาท่ีกําหนด ในวรรคสามให้เลขาธิการ  หัวหน้าพนักงานไต่สวน  หรือ พนกั งานไตส่ วนแจง้ อปุ สรรคและปญั หา  ในการดาํ เนนิ การ พร้อมท้ังเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาและระยะเวลาด�ำเนินการ เพ่ือให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  พิจารณาส่ังขยายระยะเวลา โดยให้ขยายระยะเวลาได้ไม่เกินสองคร้ัง  ครั้งละไม่เกิน หกสิบวัน  ในการน้ี  คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  จะมอบหมาย ใหก้ รรมการคนหน่งึ หรือหลายคนเป็นผมู้ อี ํานาจขยายระยะ เวลาแทนคณะกรรมการ  ป.ป.ช. ก็ได้  ในกรณีที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ได้รับเรื่องใด ไว้พิจารณาแล้ว  หากไม่สามารถดําเนินการต่อไปได้เพราะเหตุ ขาดอายุความ  อันเน่ืองมาแต่การมิได้ปฏิบัติตามระยะ เวลาตามมาตรา  ๔๘  วรรคหนึ่งหรือวรรคสาม  ให้คณะ กรรมการ  ป.ป.ช.  ส่ังยุติการดําเนินคดีอาญา  และหาก การขาดอายุความดังกล่าว  เกิดจากความผิด  หรือจงใจ ปล่อยปละละเลย  หรือประมาทเลินเล่อของผู้ใด

65 ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ดําเนนิ การเพอื่ ลงโทษผนู้ นั้ โดยเร็ว ในการไต่สวนเบ้ืองต้นให้เลขาธิการและหัวหน้า พนักงานไต่สวน  มอี าํ นาจตามมาตรา  ๓๔  (๑)  (๒)  และ  (๓)  ด้วย เพื่อประโยชน์ในการกํากับการไต่สวนเบ้ืองต้น ให้เกิดความรอบคอบและเป็นธรรม  คณะกรรมการ  ป.ป.ช. จะมอบหมายให้กรรมการแต่ละคนกํากับดูแลการไต่สวน เบอื้ งตน้ ในแตล่ ะดา้ นตามทคี่ ณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กาํ หนด ก็ได้  มาตรา ๕๑ ในการไต่สวนเร่ืองใดท่ีเป็นเร่ือง การไต่สวน สําคัญมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง  หรือเป็นกรณีมีการ ในเรื่องที่ส�ำคญั ไต่สวนผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง  ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ  ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.  ดําเนินการไต่สวนเอง  หรือจะแต่งตั้งกรรมการ ไ ม ่ น ้ อ ย ก ว ่ า ส อ ง ค น แ ล ะ บุ ค ค ล อื่ น เ ป ็ น ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ไตส่ วนกไ็ ด ้ การแต่งต้ังบุคคลอ่ืนเป็นกรรมการในคณะ กรรมการไต่สวนตามวรรคหน่ึง  คณะกรรมการ  ป.ป.ช. อาจแต่งต้ังจากหัวหน้าพนักงานไต่สวนหรือผู้ทรงคุณวุฒิ ตามวรรคสีต่ ามความเหมาะสมกับเรอื่ งที่ไตส่ วนได้  คณะกรรมการไต่สวนตามวรรคหนึ่งมีอํานาจ แต่งตั้งหัวหน้าพนักงานไต่สวนหรือพนักงานไต่สวน  และ พนักงานเจ้าหน้าท่ีให้ช่วยเหลือคณะกรรมการไต่สวน ในการดาํ เนนิ การตามหน้าทีไ่ ด้ตามทเ่ี หน็ สมควร 

66 ในกรณีมีความจําเป็นต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิท่ี มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาที่เก่ียวข้องกับเรื่องที่ทํา การไต่สวน  ให้คณะกรรมการไต่สวนตามวรรคหน่ึง มีอํานาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าวที่ไม่มีลักษณะตาม มาตรา  ๕๖  ให้เป็นท่ีปรึกษาหรือเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.  เพ่ือแต่งต้ังผู้ทรงคุณวุฒินั้นเป็นกรรมการ ในคณะกรรมการไต่สวนได ้ ให้ท่ีปรึกษาตามวรรคส่ีมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุม เชน่ เดยี วกบั กรรมการ  คณะกรรมการไตส่ วนตามวรรคหนง่ึ ตอ้ งดาํ เนนิ การ ให้เสร็จและจัดทําสํานวนการไต่สวน  เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.  พิจารณา  ภายในหน่ึงปีนับแต่วันที่ได้รับมอบหมาย และให้นําความในมาตรา  ๕๐  วรรคส่ ี วรรคห้า และวรรคหก มาใช้บงั คับดว้ ยโดยอนุโลม ในกรณีท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ดําเนินการ ไตส่ วนเอง  ใหน้ าํ ความในวรรคสาม  วรรคส ี่ และวรรคหา้ มาใช้บงั คับดว้ ยโดยอนโุ ลม  การพจิ ารณา มาตรา ๕๒ ในการพิจารณารายงานการไตส่ วน รายงานการไต่สวน เบ้ืองต้นหรอื สาํ นวนการไตส่ วน  ใหค้ ณะกรรมการ   ป.ป.ช. เบือ้ งตน้ หรือ มีอํานาจไต่สวนเพิ่มเติมหรือส่ังให้มีการไต่สวนเพิ่มเติมได้ ส�ำนวนการไตส่ วน ตามท่เี หน็ สมควร  ในกรณีที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เห็นชอบด้วย กับรายงานการไต่สวนเบื้องต้นหรือสํานวนการไต่สวน

67 รวมท้ังที่ไต่สวนเพ่ิมเติมแล้ว  ให้ถือว่ารายงานหรือสํานวน ดังกล่าว  เป็นสํานวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.  และให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  พิจารณาเพ่ือมีมติ ว่ากรณีมีมูลตามที่กล่าวหาหรือไม่ภายในหกสิบวัน  นับแต่ วนั ที่มีการประชมุ ตามมาตรา  ๗๕  วรรคสอง  มาตรา ๕๓ นอกจากหลักเกณฑ์  วิธีการ อ�ำนาจออกระเบยี บ และเง่ือนไขเกี่ยวกับการตรวจสอบเบ้ืองต้น  การไต่สวน ก�ำหนดรายละเอยี ด และการไต่สวนเบื้องต้นตามท่ีพระราชบัญญัติประกอบ เพิม่ เติมเก่ียวกบั รัฐธรรมนูญน้ีบัญญัติไว้แล้ว  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. การตรวจสอบเบื้องต้น มีอํานาจออกระเบียบกําหนดรายละเอียดเพ่ิมเติมเก่ียวกับ การไต่สวน และ การตรวจสอบเบื้องต้น  การไต่สวน  และการไต่สวน การไต่สวนเบอ้ื งตน้ เบื้องต้นได้  แต่ต้องไม่เป็นการเพ่ิมขั้นตอนท่ีไม่จําเป็น หรือเป็นอุปสรรคต่อการได้ข้อเท็จจริงท่ีถูกต้องตรงตาม ความจริงท่ีเกิดขึ้น  โดยอย่างน้อยต้องกําหนดระยะเวลา ในการดําเนินการ  และขอบเขตหน้าท่ีและความรับผิดชอบ ของผู้ปฏิบัติหน้าท่ีแต่ละระดับให้ชัดเจน  และมีระบบ การติดตามตรวจสอบเพื่อให้การปฏิบัติหน้าท่ีมีประสิทธิภาพ เกดิ ความรวดเรว็ สุจริต  และเทีย่ งธรรม มาตรา ๕๔ ห้ามมิให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. ขอ้ ห้ามมิให้ รับหรือยกเรอ่ื งท่ีมีลักษณะดงั ตอ่ ไปน้ขี ้ึนพิจารณา  คณะกรรมการ ป.ป.ช. รบั หรอื ยกเรื่อง (๑) เร่ืองท่ีมีข้อกล่าวหาหรือประเด็นเกี่ยวกับ ข้ึนพจิ ารณา เรอื่ งทค่ี ณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ไดว้ นิ จิ ฉยั เสรจ็   เดด็ ขาดแลว้ เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่อันเป็นสาระสําคัญแก่คดี

68 ซึ่งอาจทําให้ผลของคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ  ป.ป.ช. เปลี่ยนแปลงไป  (๒) เรื่องท่ีเป็นคดีอาญาในประเด็นเดียวกันและ ศาลประทับฟ้องหรือพิพากษาหรือมีคําส่ังเสร็จ  เด็ดขาด แล้ว เว้นแตค่ ดีน้ันได้มกี ารถอนฟอ้ งหรอื ท้งิ ฟอ้ ง  หรอื เป็น กรณีท่ีศาลยังมิได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดี  คณะกรรมการ  ป.ป.ช. จะรบั หรอื ยกคาํ กลา่ วหาน้นั ขึน้ พจิ ารณากไ็ ด้  (๓) ผู้ถูกร้องหรือผู้ถูกกล่าวหาตาย  เว้นแต่เป็น กรณรี ่ำ� รวยผดิ ปกติ ข้อหา้ มมใิ ห้ มาตรา ๕๕ ห้ามมิให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. คณะกรรมการ  รับหรือยกเร่ืองที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ขึ้นพิจารณา  เว้นแต่ ป.ป.ช. รบั หรอื มีหลักฐานปรากฏชัดแจ้งและคณะกรรมการ  ป.ป.ช. ยกเรื่องข้นึ พิจารณา เห็นว่าเป็นกรณีท่ีเป็นการกระทําท่ีก่อให้เกิดความเสียหาย อย่างรา้ ยแรง  (๑) เร่ืองท่ีล่วงเลยมาแล้วเกินสิบปีนับแต่วันเกิดเหตุ จนถึงวันทมี่ ีการกลา่ วหา  (๒) เร่อื งทีค่ ณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เหน็ วา่ มีการ ดําเนินการต่อผู้ถูกร้องหรือผู้ถูกกล่าวหา  ตามกฎหมาย อื่นเสร็จส้ินและเป็นไปโดยชอบแล้ว  และไม่มีเหตุอันควร สงสัยวา่ การดาํ เนินการน้นั ไม่เทย่ี งธรรม  (๓) ผู้ถูกร้องหรือผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากการเป็น เจ้าพนักงานของรัฐหรือพ้นจากตําแหน่งท่ีถูกกล่าวหาไปแล้ว เกินห้าปี  ในกรณีที่มีการพิจารณาเรื่องภายในกําหนดเวลา

69 แม้จะพ้นกําหนดเวลาห้าปีแล้ว  ก็ให้มีอํานาจดําเนินการ ต่อไปได ้ มาตรา ๕๖ ห้ามมิให้กรรมการ  กรรมการไต่สวน ขอ้ ห้าม หวั หน้าพนักงานไต่สวน  พนกั งานไต่สวน  ผูช้ ่วยพนกั งาน ด�ำเนินการไตส่ วน ไต่สวน  หรือพนักงานเจ้าหน้าที่  ซ่ึงมีเหตุดังต่อไปน ี้ เข้ารว่ มดาํ เนนิ การไตส่ วน  พจิ ารณา  หรือวนิ จิ ฉัยคดี  (๑) รู้เห็นเหตุการณ์หรือเคยสอบสวนหรือ พิ จ า ร ณ า เ กี่ ย ว กั บ เ รื่ อ ง ท่ี ก ล ่ า ว ห า ใ น ฐ า น ะ อ่ื น ที่ มิ ใ ช ่ ในฐานะกรรมการ  กรรมการไต่สวน  หัวหน้าพนักงานไต่สวน พนักงานไต่สวน  ผู้ช่วยพนักงานไต่สวน  หรือพนักงาน เจา้ หนา้ ที่มาก่อน (๒) มีส่วนไดเ้ สยี ในเร่ืองที่กล่าวหา  (๓) มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้กล่าวหาหรือผู้ถูก กล่าวหา  (๔) เป็นผู้กล่าวหาหรือเป็นคู่สมรส  บุพการ ี ผู้สืบสันดาน  หรือพี่น้องร่วมบิดามารดา  หรือร่วมบิดา หรอื มารดากับผู้กลา่ วหาหรอื ผถู้ กู กลา่ วหา  (๕) มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในฐานะญาติหรือเป็น หุ้นส่วนหรือมีผลประโยชน์ร่วมกันหรือขัดแย้งกันทางธุรกิจ กับผกู้ ลา่ วหาหรือผถู้ กู กล่าวหา  ในการดําเนินการในเร่ืองใด  กรรมการ  กรรมการไต่สวน หวั หนา้ พนกั งานไต่สวน  พนักงานไตส่ วน  ผู้ชว่ ยพนักงาน ไต่สวน  หรือพนักงานเจ้าหน้าท่ี  ผู้ใดมีเหตตุ ามวรรคหนงึ่

70 ในเรอ่ื งนน้ั   ใหผ้ นู้ น้ั แจง้ ตอ่ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  หรือผู้ท่ี คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มอบหมายโดยเรว็ และระหวา่ งน้ัน ห้ามมิให้บุคคลดังกล่าวยุ่งเก่ียวกับการดําเนินการใด  ๆ เกี่ยวกับเร่ืองนั้นจนกว่าคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  หรือผู้ที่ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มอบหมายจะวินิจฉัย  ซ่ึงต้อง วินิจฉัยให้แลว้ เสรจ็ ภายในเจ็ดวันนับแต่วันทีไ่ ดร้ ับแจ้ง  ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้มีส่วนได้เสียจะคัดค้าน กรรมการ  กรรมการไต่สวน  หัวหน้าพนักงานไต่สวน พนักงานไต่สวน  ผู้ช่วยพนักงานไต่สวน  หรือพนักงาน เจ้าหน้าที่  ผู้ได้รับแต่งต้ังหรือมอบหมาย  ซึ่งมีเหตุตาม วรรคหน่ึงก็ได้  โดยย่ืนคําร้องต่อคณะกรรมการ  ป.ป.ช. หรือผู้ที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มอบหมาย  ภายใน สามสิบวันนับแต่วันท่ีปรากฏเหตุดังกล่าว  เพ่ือพิจารณา วินิจฉัย  ในระหว่างท่ีรอการวินิจฉัย  ให้กรรมการ กรรมการไต่สวน  หัวหน้าพนักงานไต่สวน  พนักงาน ไต่สวน  ผู้ช่วยพนักงานไต่สวน  หรือพนักงานเจ้าหน้าท่ี ซึ่งถกู คดั คา้ นระงบั การปฏบิ ัตหิ นา้ ทีไ่ ว้พลางก่อน  การยื่นคําคัดค้าน  การพิจารณาคําคัดค้าน  และ การแต่งตั้งหรือมอบหมายบุคคลตามวรรคสอง  ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์  ระยะเวลาดําเนินการ  วิธีการ  และ เงอ่ื นไขทค่ี ณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กาํ หนด 

71 มาตรา ๕๗ ในระหว่างการไต่สวน  หาก ระหวา่ งไต่สวน ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งหรือพ้นจากราชการ ผูถ้ ูกกล่าวหา เพราะเหตใุ ดๆ  นอกจากถึงแกค่ วามตาย  ใหค้ ณะกรรมการ  ป.ป.ช. พน้ จากต�ำแหนง่ มีอํานาจดําเนินการไต่สวน  เพื่อดําเนินคดีอาญา  ดําเนินการ หรือพ้นจาก ทางวินัย  หรือขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน  แล้วแต่กรณี ราชการ ต่อไปได้  ในกรณีท่ีผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งหรือพ้นจาก ราชการอนั เนื่องมาจากความตาย  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. มีอํานาจดําเนินการไต่สวนในข้อกล่าวหาว่าร่�ำรวยผิดปกติ ต่อไปได ้ มาตรา ๕๘ ในกรณีท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช. กรณีคณะ มีมติว่าข้อกล่าวหาใดไม่มีมูล  ให้สํานักงาน  แจ้งให้ผู้ถูก กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวหาทราบโดยเร็วซึ่งต้องไม่ช้ากว่าสิบห้าวันนับแต่วันท่ี มีมติวา่ ข้อกล่าวหา คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มีมติ  และให้เปิดเผยเหตุผลของ ใดไม่มีมูล คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ให้ประชาชนทราบเป็นการท่ัวไป เวน้ แตเ่ ปน็ กรณีการดาํ เนนิ การสอบสวนตามมาตรา  ๘๘  มาตรา ๕๙ ในการกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐ การยืน่ บรรดาที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการ  ป.ป.ช. ค�ำกล่าวหา ใหย้ น่ื คํากลา่ วหาต่อคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  หรือสํานกั งาน เจา้ พนักงานของรฐั ภายใตบ้ งั คบั มาตรา  ๕๕  การกลา่ วหาเจา้ พนกั งาน ของรัฐ  ให้กล่าวหาในขณะท่ีผู้ถูกร้องเป็นเจ้าพนักงาน ของรัฐ  หรือพ้นจากการเป็นเจ้าพนักงานของรัฐไม่เกินห้าปี

72 แต่ไม่ตัดอํานาจของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ท่ีจะยก คํากล่าวหาท่ีได้มีการกล่าวหาไว้แล้วหรือกรณีท่ีมีเหต ุ อันควรสงสัย  ข้ึนไต่สวนได้  ทั้งนี้  ต้องไม่เกินสิบปีนับแต่วัน ท่ีผู้ถูกร้องพ้นจากการเป็นเจ้าพนักงานของรัฐหรือพ้นจาก ตําแหน่งดังกลา่ วแลว้ แตก่ รณี ในกรณีที่มีการยกคํากล่าวหาข้ึนพิจารณาหรือ กรณีท่ียกเหตุอันควรสงสัยขึ้นไต่สวนภายในกําหนดเวลา ตามวรรคสองแล้ว  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มีอํานาจ ดําเนินการกับเจ้าพนักงานของรัฐอ่ืน  ซ่ึงเป็นตัวการ  ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนในเร่ืองน้ันได้ด้วย  ไม่ว่าผู้น้ันจะพ้นจาก การเปน็ เจา้ พนกั งานของรฐั หรอื พน้ จากตาํ แหนง่ ดงั กลา่ วแลว้   รายละเอียด มาตรา ๖๐ คาํ กลา่ วหาว่ามกี ารกระทําความผดิ ค�ำกล่าวหา ที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการ  ป.ป.ช. ตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญนี ้ อย่างน้อยตอ้ งมี รายละเอียด  ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ชอื่ และที่อยขู่ องผู้กล่าวหา  (๒) ชอ่ื หรอื ตําแหนง่ ของผู้ถกู ร้อง  (๓) ข้อกล่าวหาและพฤติการณ์แห่งการกระทําผิด ตามขอ้ กลา่ วหา  พรอ้ มพยานหลกั ฐานหรอื อา้ งพยานหลกั ฐาน  ผกู้ ลา่ วหาจะเปน็ ผเู้ สยี หายหรอื มใิ ชผ่ เู้ สยี หายกไ็ ด ้ การกล่าวหาตามวรรคหนึ่ง  จะทําด้วยวาจาหรือ ทําเป็นหนังสือก็ได้  และจะส่งด้วยวิธีใด  ๆ  ท่ีจะให้ คํากล่าวหาน้ันถึงสํานักงานก็ได้  ในกรณีท่ีทําด้วยวาจา

73 ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าท่ีหรือพนักงานไต่สวนท่ี จะบันทกึ รายละเอยี ดไว้ให้ครบถว้ นตามวรรคหน่งึ ให้สํานักงานจัดให้มีระบบในการจดแจ้งช่ือและที่อยู่ ของผ้กู ล่าวหาไว้ในทะเบยี นที่รักษาไวเ้ ปน็ ความลบั และไม่ ว่ากรณีใดจะเปิดเผยทะเบียนดังกล่าวมิได้  และให้ลบช่ือ และท่ีอยขู่ องผกู้ ลา่ วหาออกจากหนงั สือกล่าวหาน้นั   หนังสือกล่าวหาท่ีไม่ปรากฏชื่อและท่ีอยู่ของผู้กล่าวหา ถ้ามีรายละเอียดตาม  (๓)  แล้ว  คณะกรรมการ  ป.ป.ช. จะปฏิเสธไม่รบั ไวพ้ ิจารณาไม่ได้ การกล่าวหาบุคคลตามมาตรานี้  ให้ใช้บังคับแก่ เจ้าหน้าท่ีของรัฐต่างประเทศ  เจ้าหน้าที่ขององค์การ ระหว่างประเทศ  หรือบุคคลใด  ท่ีถูกกล่าวหาว่ากระทํา ความผิดตามท่ีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี บญั ญัติไวเ้ ปน็ ความผดิ ด้วย  มาตรา ๖๑ ในกรณีที่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ กรณีผเู้ สียหาย หรือมีผู้กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน  ให้ดําเนินคดีกับ ร้องทุกข์หรือ เจ้าพนักงานของรัฐหรอื บุคคลอ่นื ใดในข้อหาใด  ๆ บรรดา มีผ้กู ลา่ วโทษตอ่ ที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ให้ พนกั งานสอบสวน พนักงานสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง  รวมทั้งรวบรวม ใหด้ �ำเนินคดีกบั เจ้าพนักงานของรัฐ พยานหลักฐานเบ้ืองต้น  แล้วส่งให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. หรือบคุ คลอ่ืน ภ า ย ใ น ส า ม สิ บ วั น นั บ แ ต ่ วั น ที่ ไ ด ้ รั บ ก า ร ร ้ อ ง ทุ ก ข ์ ห รื อ กล่าวโทษ

74 ในกรณีที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  พิจารณาแล้ว เห็นว่าเรื่องที่ได้รับมาตามวรรคหน่ึง  ไม่อยู่ในหน้าท ่ี และอํานาจของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  หรือแม้จะอยู่ใน หน้าท่ีและอํานาจแต่เป็นเร่ืองไม่ร้ายแรงท่ีเป็นการกล่าวหา เจา้ พนักงานของรฐั   และคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เห็นสมควร มอบหมายใหพ้ นกั งานสอบสวนเปน็ ผูด้ าํ เนนิ การ กใ็ หส้ ่งเร่ือง คืนพนักงานสอบสวนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับ เร่ืองจากพนักงานสอบสวน  โดยจะกําหนดระยะเวลา ในการดาํ เนนิ การใหพ้ นกั งานสอบสวนตอ้ งปฏบิ ัติด้วยก็ได้ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการดาํ เนนิ การอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และรวดเร็ว  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  จัดทําคู่มือ แจกจ่ายให้พนักงานสอบสวนอย่างท่ัวถึงเพ่ือให้พนักงาน สอบสวนทราบว่าเรื่องใดบ้างท่ีอยู่ในหน้าที่และอํานาจของ คณะกรรมการ  ป.ป.ช. ในกรณีที่มีเหตุจะต้องขอให้ศาลออกหมายจับ บุคคลตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง  ให้พนักงานสอบสวน หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจชั้นผู้ใหญ่มีอํานาจ ย่ืนคําร้องต่อศาลท่ีมีเขตอํานาจ  เพ่ือให้ออกหมายจับ บุคคลดังกล่าวได้  หรือในกรณีที่มีเหตุจําเป็นอย่างอื่นท่ีจะ จับโดยไม่มีหมายจับได้  ให้พนักงานสอบสวน  หรือ พ นั ก ง า น ฝ ่ า ย ป ก ค ร อ ง ห รื อ ตํ า ร ว จ มี อํ า น า จ จั บ บุ ค ค ล ดงั กลา่ วได้

75 ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจท่ีจับบุคคล ดังกล่าวไว้  ส่งตัวผู้ถูกจับพร้อมทั้งบันทึกการจับมายัง พนักงานสอบสวนหรือคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ภายใน สี่สิบแปดชั่วโมง  นับแต่เวลาที่ผู้ถูกจับมาถึงท่ีทําการ ของพนักงานสอบสวน  โดยมิให้นับระยะเวลาเดินทางตาม ปกติท่ีนําตัวผู้ถูกจับจากที่จับมายังท่ีทําการของพนักงาน สอบสวน  รวมเข้าในกําหนดเวลาส่ีสิบแปดช่ัวโมงน้ันด้วย ในกรณที ่ีไม่จําต้องมีการควบคมุ ตัวผถู้ กู จบั ไว ้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.  อาจปลอ่ ยตวั ผถู้ กู จับไป โดยมีประกนั หรอื ไมม่ ี ประกันกไ็ ด้  ในกรณีท่ีมีความจําเป็นต้องมีการควบคุมตัวผู้ถูก จับไว้  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ยื่นคําร้องต่อศาล  เพ่ือ ให้ศาลออกหมายขังผู้ถูกจับไว้ได้  ตามหลักเกณฑ์และ ระยะเวลาท่ีกําหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาสาํ หรบั ความผดิ ทมี่ กี ารรอ้ งทกุ ขก์ ลา่ วโทษนน้ั   มาตรา ๖๒ ในกรณีท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐซ่ึงดํารง การด�ำเนินการกับ ตําแหน่งตั้งแต่อํานวยการระดับสูงหรือเทียบเท่าลงมา เจา้ หนา้ ทีข่ องรฐั มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทําผิด  หรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐถูก กรณถี ูกกลา่ วหา กล่าวหาว่ากระทําผิดในเรื่องท่ีมิใช่เป็นความผิดร้ายแรง ว่ากระท�ำผิด ทั้งน้ี  บรรดาที่อยู่ในหน้าท่ีและอํานาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.  คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  จะมอบหมายให้คณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ

76 ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตดําเนินการแทนคณะกรรมการ ป.ป.ช.  กไ็ ด้ ในกรณีท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ได้รับเร่ืองตาม วรรคหน่ึง  ให้สํานักงานดําเนินการส่งเร่ืองที่ได้รับไว้ให ้ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในภาครัฐเพ่ือดําเนินการต่อไปภายในสามสิบวันนับแต่วัน ทสี่ าํ นกั งานได้รบั เรอ่ื ง  การเทียบตําแหน่งตามวรรคหน่ึง  ให้เป็นไปตาม ทคี่ ณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กําหนด  เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการตามวรรคหน่ึง ให้เกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ  คณะกรรมการ ป.ป.ช.  จะวางหลักเกณฑ์การดําเนินการไต่สวนและ ก า ร ช้ี มู ล ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ป ้ อ ง กั น แ ล ะ ป ร า บ ป ร า ม การทุจริตในภาครัฐและสํานักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ  ให้สอดคล้องกับ การดําเนินการของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ตามพระราช บญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญน้ีกไ็ ด้  ในการดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจตาม วรรคหน่ึง  ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตในภาครัฐดําเนินการตามกําหนดระยะเวลาท ี่ กําหนดให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ต้องปฏิบัติตาม พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนูญน้ี 

77 มาตรา ๖๓ ในกรณีท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช. กรณีเปน็ เร่อื งที่มใิ ช่ พิจารณาเห็นสมควร  อาจส่งเร่ืองที่อยู่ในหน้าท่ีและ ความผดิ รา้ ยแรง อํานาจของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ตามมาตรา  ๒๘  (๒) และ  (๔)  ที่มิใช่ความผิดร้ายแรง  ให้พนักงานสอบสวน ดําเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตอ่ ไปกไ็ ด้  มาตรา ๖๔ ในกรณีที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช. กรณเี รอ่ื ง พิจารณาเห็นว่าเรื่องที่มีการกล่าวหาเรื่องใด  มิใช่เป็น ที่มีการกลา่ วหา ความผิดร้ายแรง  หรือกล่าวหาในเร่ืองท่ีมิได้อยู่ในหน้าท่ี มใิ ชเ่ ปน็ และอํานาจของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  คณะกรรมการ ความผิดรา้ ยแรง ป.ป.ช.  จะส่งเร่ืองให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอํานาจแต่งตั้ง หรือถอดถอนของผู้ถูกร้องดําเนินการทางวินัยไปตาม หนา้ ทแ่ี ละอํานาจกไ็ ด้  มาตรา ๖๕ เ มื่ อ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร   ป . ป . ช . การมอบหมายให้ มอบหมายให้หน่วยงานของรัฐตามมาตรา  ๖๑  มาตรา  ๖๒ หน่วยงานของรัฐ มาตรา  ๖๓  และมาตรา  ๖๔  แล้ว  ให้หน่วยงานของรัฐน้ัน ด�ำเนนิ การตาม ดําเนินการไปตามหน้าที่และอํานาจของตนและรายงานผล หน้าท่แี ละอ�ำนาจ ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ทราบ  ทั้งน้ี  ตามหลักเกณฑ์ และรายงานผล และวิธีการและภายในกําหนดระยะเวลาที่คณะกรรมการ การด�ำเนนิ การ ป.ป.ช.  กําหนด มาตรา ๖๖ ในกรณีที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช. กรณที ่ีคณะ ไม่เห็นด้วยกับผลการดําเนินการตามรายงานตามมาตรา  ๖๕ กรรมการ ป.ป.ช. หรือมีกรณีเห็นว่าผู้ถูกร้องอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม ไมเ่ ห็นด้วยกบั ผลการด�ำเนนิ การ ตามรายงาน

78 หรือการดําเนินการนั้นจะไม่เที่ยงธรรม  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช. มีอํานาจส่ังการอย่างใดอย่างหนึ่ง  หรืออาจเรียกสํานวน การไต่สวนหรือสอบสวนมาเพื่อดําเนินการได้  โดยจะ ดําเนินการไต่สวนใหม่ท้ังหมด  หรือนําผลการไต่สวนหรือ สอบสวนของหน่วยงานของรัฐนั้นท้ังหมดหรือบางส่วนมา ถือเปน็ การไต่สวนของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ก็ได้  การไตส่ วน มาตรา ๖๗ ในการไต่สวนหรือไต่สวนเบื้องต้น หรอื ไต่สวน จะต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตาม เบอ้ื งต้นตอ้ ง รัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย  และต้องไม่ทําหรือจัดทําการ ไม่เป็นการละเมิด ใดๆ  ซึ่งเป็นการให้คําม่ันสัญญา  ขู่เข็ญ  หลอกลวง สิทธแิ ละเสรภี าพ ทรมาน  ใช้กําลังบังคับหรือกระทําโดยมิชอบด้วยประการ ของบคุ คลตาม รัฐธรรมนญู หรือ ใดๆ  เพ่ือจูงใจให้ผู้นั้นให้ถ้อยคําในเรื่องท่ีไต่สวนหรือ กฎหมาย ไตส่ วนเบือ้ งตน้   ในการสอบปากคําพยานหรือผู้ให้ถ้อยคํา  จะกระทํา โดยใช้วิธีการบันทึกลงในวัสดุซึ่งถ่ายทอดออกเป็นภาพ หรือเสียงหรือโดยวิธีการอ่ืนใด  ซ่ึงพยานหรือผู้ให้ถ้อยคํา นั้นได้ตรวจสอบถึงความถูกต้องของบันทึกการให้ปากคํา น้ันแล้ว  กรรมการหรือพนักงานไต่สวนอาจทําสําเนา ข ้อ ค วา ม ดัง ก ล่ า วเ ป ็ นล าย ลั กษ ณ ์อั ก ษร หรื อ ส่ิ ง บัน ทึ ก อย่างอื่นก็ได้  ในกรณีท่ีผู้ให้ถ้อยคําเป็นเด็กอายุไม่เกิน สิ บ แ ป ด ป ี ต ้ อ ง ดํ า เ นิ น ก า ร ต า ม ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย วิ ธี พจิ ารณาความอาญาด้วย 

79 เพื่อประโยชน์ในการไต่สวน  คณะกรรมการ ป.ป.ช.  อาจนําพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน  หรือ พยานหลักฐานท่ีได้มาจากต่างประเทศอันได้มาอย่างถูกต้อง ตามกฎหมายในคดีใดคดีหน่ึงมาใช้เป็นพยานหลักฐาน ประกอบสาํ นวนการไต่สวนที่เกี่ยวขอ้ งได ้ มาตรา ๖๘ เมอ่ื คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มอบหมาย อ�ำนาจหนา้ ทข่ี อง ให้คณะกรรมการไต่สวนดําเนินการไต่สวน  ตามมาตรา  ๕๑ คณะกรรมการ หรือมอบหมายให้ผู้ไต่สวนเบ้ืองต้นดําเนินการไต่สวนเบื้องต้น ไตส่ วนและ เร่ืองใดแล้ว  ให้คณะกรรมการไต่สวนและผู้ไต่สวนเบื้องต้น ผไู้ ตส่ วนเบ้อื งตน้ มีหน้าท่ีและอํานาจในส่วนที่เก่ียวกับการไต่สวนเช่นเดียว กับคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มาตรา ๖๙ ในกรณีท่ีปรากฏจากการไต่สวน กรณปี รากฏจาก หรือไต่สวนเบ้ืองต้นว่ามีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า  จะมีการโอน การไต่สวนหรอื ยักย้าย  แปรสภาพ  หรือซุกซ่อนทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหา ไต่สวนเบือ้ งต้นว่า ได้ใช้ในการกระทําความผิดหรือทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบ จะมีการโอน เน่ืองจากการกระทําความผิดที่อยู่ในหน้าท่ีและอํานาจ ยักยา้ ย แปรสภาพ หรือซกุ ซอ่ น ของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  หรือทรัพย์สินที่เก่ียวกับ ทรพั ยส์ ิน การร�่ำรวยผิดปกติ  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ดําเนินการ ดังน้ี  (๑) ในกรณีท่ีความผิดนั้นมีโทษทางอาญา ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มีอํานาจส่ังยึดหรืออายัด ทรัพย์สินน้ันไว้ช่ัวคราว  ท้ังนี้  ไม่ตัดสิทธิผู้ถูกกล่าวหา ท่ีจะยื่นคําร้องต่อคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เพ่ือขอรับ

80 ทรัพย์สินนั้นไปใช้ประโยชน์โดยมีหรือไม่มีประกันหรือ หลักประกันกไ็ ด้  (๒) ในกรณีที่เป็นทรัพย์สินท่ีเก่ียวกับการร�่ำรวย ผิดปกติ  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มีอํานาจออกคําสั่งยึด หรืออายัดทรัพย์สินน้ันไว้ช่ัวคราวเป็นเวลาไม่เกินหนึ่งปี นับแต่วันยึดหรืออายัด  หรือจนกว่าจะมีคําพิพากษาถึงท่ี สุดให้ยกฟ้องคดีน้ัน  แต่ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองพิสูจน์ ได้ว่าทรัพย์สินท่ีถูกยึดหรืออายัดชั่วคราวมิได้เก่ียวข้องกับ การร่�ำรวยผิดปกติ  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  สั่งถอน การยึดหรืออายัดโดยพลัน  รวมท้ังไม่ตัดสิทธิผู้ถูกกล่าว หาที่จะย่ืนคําร้องขอผ่อนผันเพ่ือขอรับทรัพย์สินน้ันไปใช้ ประโยชน์โดยมีหรือไม่มีประกันหรือหลักประกันก็ได้  ทั้งนี้ ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาให้หมายความรวมถึงทรัพย์สิน ท่ีบุคคลอื่นมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธ์ิ  และมีพฤติการณ์ เป็นการถือครองแทนหรือถือกรรมสิทธ์ิแทนด้วย  ในกรณี เช่นน้ันผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์มีสิทธิพิสูจน์ว่า ทรัพย์สนิ ดงั กลา่ วมไิ ดเ้ กี่ยวข้องกบั การรำ่� รวยผดิ ปกติ  กรณกี ารไต่สวน มาตรา ๗๐ ในการไต่สวนหรือไต่สวนเบื้องต้น หรือไต่สวน หากคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  คณะกรรมการไต่สวน  หรือ เบ้ืองตน้ มีพยาน กรรมการท่ีได้รับมอบหมายตามมาตรา  ๕๐  วรรคเจ็ด หลักฐานเพียงพอ เห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหา ว่ามีมูลความผิด  ให้กรรมการหรือพนักงานไต่สวนแจ้งให้ ทจี่ ะสนับสนุน ขอ้ กลา่ วหาว่า มมี ลู ความผดิ ผู้ถูกกล่าวหาทราบและกําหนดระยะเวลาตามสมควรท ่ี

81 ผู้ถูกกล่าวหาจะมาชี้แจงข้อกล่าวหาและแสดงพยานหลักฐาน หรอื นําพยานบคุ คลมาใหป้ ากคําประกอบการช้แี จง การแจง้ ขอ้ กลา่ วหาตามวรรคหนง่ึ   ใหแ้ จง้ ขอ้ เทจ็ จรงิ เก่ียวกับการกระทําที่กล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทําผิด และแจ้งข้อกล่าวหาเท่าที่จะทําให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจ ข้อกล่าวหาได้ดี  และในกรณีท่ีเป็นการกล่าวหาว่าร่�ำรวยผิดปกติ ให้แจ้งรายละเอียดเก่ียวกับทรัพย์สินที่ร�่ำรวยผิดปกติ สถานที่ตั้งของทรัพย์สิน  ชื่อและท่ีอยู่ของผู้ครอบครอง หรือมีช่ือเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินในขณะท ่ี แจ้งข้อกล่าวหา  ทั้งนี้เท่าที่ทําได้ด้วย  พร้อมท้ังแจ้งให ้ ผูถ้ ูกกลา่ วหาทราบถงึ สทิ ธกิ ารคดั คา้ นตามมาตรา  ๕๖  ในการแจ้งข้อกล่าวหาให้จัดทําบันทึกการแจ้ง ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร  ตามหลักเกณฑ์  และ วธิ ีการทคี่ ณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กาํ หนด  มาตรา ๗๑ ถ้าผู้ถูกกล่าวหามีหลักฐานแสดง กรณผี ู้ถูกกล่าวหา ว่าตนไม่ได้รับการแจ้งข้อกล่าวหา  ให้คณะกรรมการ มหี ลักฐานไม่ได้ ป.ป.ช.  เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาช้ีแจงข้อกล่าวหาและ รบั แจง้ ข้อกล่าวหา แสดงพยานหลักฐานหรือนําพยานบุคคลมาให้ปากคํา ประกอบการชี้แจงได้ภายในระยะเวลาท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช. กําหนด  แตต่ ้องย่ืนคํารอ้ งขอก่อนท่จี ะมีการฟ้องคดีตอ่ ศาล การเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาช้ีแจงตามวรรคหน่ึง ไม่มผี ลกระทบต่อการไต่สวนท่ไี ดก้ ระทําไปกอ่ นแลว้  

82 การแจ้ง มาตรา ๗๒ ในการแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา  ๗๐ ขอ้ กลา่ วหา ให้กรรมการหรือพนักงานไต่สวนแจ้งพร้อมทั้งมอบบันทึก สรุปสาระสําคัญข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานให้ผู้ถูกกล่าวหา สรุปสาระสําคัญต้องมีรายละเอียดเพียงพอท่ีจะใช้ประโยชน์ ในการช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหาได้  และต้องแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหา ทราบถึงสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาตามมาตรา  ๗๓  และให ้ ผู้ถูกกลา่ วหาลงลายมอื ช่ือรบั ทราบไว้ด้วย สรุปสาระสําคัญตามวรรคหน่ึงต้องไม่เป็นการเปิดเผย ชื่อ  ตําแหน่ง  ท่ีอยู่ของผู้กล่าวหาหรือพยาน  หรือข้อมูล อื่นใดอนั เป็นเหตใุ หท้ ราบถงึ ตวั ผ้กู ลา่ วหาหรือพยาน เว้นแต่ มีเหตุจําเป็นเพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี ทั้งนี้  ตามหลกั เกณฑ์ทคี่ ณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กําหนด  การช้แี จง มาตรา ๗๓ ในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและ แก้ขอ้ กล่าวหาและ การให้ปากคําของผู้ถูกกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหา  มีสิทธ ิ การใหป้ ากค�ำ นําทนายความหรือบุคคลซ่ึงผู้ถูกกล่าวหาไว้วางใจไม่เกิน ของผถู้ ูกกลา่ วหา สามคนเข้าฟงั ในการช้แี จงหรือให้ปากคาํ ของตนได ้ กรณี มาตรา ๗๔ ถ้าคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เห็นว่า พยานหลกั ฐาน พยานหลักฐานใดในสํานวนการไต่สวน  ซึ่งต้องอ้างอิง ในส�ำนวน ในภายหน้าจะสูญหายหรือยากแก่การนํามาสืบพยาน การไต่สวน ในภายหลัง  คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  อาจย่ืนคําร้องต่อ จะสูญหายหรือ ศ า ล ข อ ใ ห ้ มี คํ า สั่ ง ใ ห ้ สื บ พ ย า น ห ลั ก ฐ า น นั้ น ไ ว ้ ทั น ที ไ ด ้ ยากแก่การน�ำมา สืบพยาน ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

83 หรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา คดอี าญาของผ้ดู าํ รงตาํ แหน่งทางการเมือง  มาตรา ๗๕ เม่ือดําเนินการไต่สวนเสร็จแล้ว ส�ำนวน ให้จัดทําสํานวนการไต่สวนเสนอประธานกรรมการ  โดยมี การไตส่ วน สาระสําคัญ  ดงั ต่อไปนี้ (๑) ชือ่ และตําแหนง่ หน้าทข่ี องผูถ้ ูกกลา่ วหา (๒) เร่ืองท่ีถูกกลา่ วหา  (๓) ข้อกล่าวหา  คําแก้ข้อกล่าวหา  สรุปข้อเท็จจริง และพยานหลกั ฐานทีเ่ กี่ยวข้องทีไ่ ดจ้ ากการไต่สวน  (๔) เหตุผลในการพิจารณาวินิจฉัยทั้งในปัญหา ขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อกฎหมาย  (๕)  บทบญั ญตั ขิ องกฎหมายท่ยี กข้นึ อ้างองิ   (๖)  สรปุ ความเหน็ เกย่ี วกบั เร่อื งทก่ี ลา่ วหา  ให้มีการประชุมคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เพ่ือ พิจารณาสํานวนการไต่สวนเพื่อมีมติโดยเร็ว  ซึ่งต้องนําเสนอ ตอ่ ที่ประชมุ ไม่ชา้ กว่าสามสบิ วนั นบั แตว่ ันทป่ี ระธานกรรมการ ได้รับสํานวนการไต่สวน  เว้นแต่จะได้มีการนัดหมายให้มี การประชุมทุกวนั อยแู่ ล้วและมีเรอื่ งอื่นคา้ งพิจารณาอยู ่ ให้นําความในวรรคหน่ึงมาใช้บังคับกับการจัดทํา รายงานการไต่สวนเบ้ืองตน้ ดว้ ยโดยอนุโลม  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  พิจารณาสํานวนการไต่สวน ตามลําดับที่ได้รับสํานวนน้ัน  แต่ในกรณีที่คณะกรรมการ

84 ป.ป.ช.  เห็นว่าเรื่องใดกระทบถึงประโยชน์ของรัฐหรือ ประชาชนอยา่ งรา้ ยแรง  จะหยบิ ยกข้นึ พิจารณากอ่ นกไ็ ด้  หมวด  ๓  การดําเนนิ การกบั ผูด้ าํ รงตาํ แหน่งทางการเมอื ง และผูด้ ํารงตําแหน่งเฉพาะ  สว่ นท ี่ ๑  การดาํ เนนิ คดที จุ ริตตอ่ หน้าท่ีหรอื จงใจปฏบิ ัติ หน้าทห่ี รอื ใช้อาํ นาจขดั ตอ่ บทบัญญตั ิ แห่งรฐั ธรรมนญู หรือกฎหมาย  การด�ำเนินคดี มาตรา ๗๖ เมื่อคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มีมติ ผดู้ �ำรงต�ำแหน่ง ลงความเห็นว่าผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง  ตุลาการ ทางการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญ  หรือผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ ตุลาการ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่  หรือจงใจปฏิบัติหน้าท่ีหรือ ใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ด�ำรงต�ำแหนง่ ในองคก์ รอสิ ระ ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ส่งรายงาน  สํานวนการไต่สวน เอกสาร  พยานหลักฐาน  และความเห็น  พร้อมสําเนา อิเล็กทรอนิกส์  ไปยังอัยการสูงสุดภายในสามสิบวันนับแต่ วันที่มีมติ  เพื่อให้อัยการสูงสุดดําเนินการฟ้องคดีต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง

85 ต่อไป  ทั้งนี้  โดยไม่ต้องส่งตัวผู้ถูกกล่าวหาให้อัยการสูงสุด แต่ตอ้ งแจง้ ให้ผถู้ กู กลา่ วหาทราบ มาตรา ๗๗ เมื่ออัยการสูงสุดได้รับสํานวนคดี การฟอ้ งคดตี ่อ อาญาตามมาตรา  ๗๖  ไวแ้ ลว้   ใหอ้ ยั การสงู สดุ   ดาํ เนนิ การ ศาลฎกี าแผนก ฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่ง คดอี าญาของ ทางการเมืองภายในหน่ึงร้อยแปดสิบวัน  นับแต่วันท่ีได้รับ ผู้ดํารงตําแหน่ง สาํ นวน  ทางการเมอื ง ในกรณีท่ีอัยการสูงสุดเห็นว่าสํานวนการไต่สวน ยังไม่สมบูรณ์พอท่ีจะดําเนินคดีได้  ให้แจ้งคณะกรรมการ ป.ป.ช.  โดยระบุข้อไม่สมบูรณ์ให้ครบถ้วนในคราวเดียวกัน ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเร่ือง  ในกรณีน้ีให้ อยั การสงู สุดและคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ต้งั คณะกรรมการ ร่วมฝ่ายละเท่ากัน  โดยมีผู้แทนจากแต่ละฝ่ายไม่เกิน ฝ่ายละห้าคน  ภายในสิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้งจาก อัยการสูงสุด  เพ่ือดําเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให้ สมบูรณ์  รวมทั้งดําเนินการอ่ืนใดให้สํานวนการไต่สวน ครบถ้วนสมบูรณ์ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันท่ี ได้รับแต่งต้ัง  เพ่ือส่งให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อไป  ท้ังนี้ ให้คณะกรรมการร่วมมีอํานาจตามมาตรา  ๓๔  (๑)  (๒) (๓)  และ  (๔)  ดว้ ย  ในกรณีที่คณะกรรมการร่วมไม่อาจหาข้อยุติได้ ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ดําเนินการต่อไปตามท่ีเห็นสมควร โดยจะย่ืนฟ้องคดีเองก็ได้  แต่ในกรณีท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช.

86 เห็นควรฟ้องคดี  คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ต้องดําเนินการ ฟ้องคดีภายในกําหนดอายุความ  แต่ต้องไม่ช้ากว่าเก้าสิบวัน นับแตว่ ันท่ีหาขอ้ ยตุ ิไม่ได้ ให้สํานักงานอํานวยความสะดวกในการปฏิบัติ หน้าท่ีของคณะกรรมการร่วมตามวรรคสอง  และให้จัดให้ มเี จา้ หน้าที่ของสํานกั งานทําหน้าที่เลขานกุ ารดว้ ย  ในกรณีที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ยื่นฟ้องคดีเอง ห้ามมิใหพ้ นกั งานอยั การรบั แก้ต่างคดใี หแ้ กจ่ ําเลย ระยะเวลาตามวรรคหน่ึง  มิให้นับรวมระยะเวลา ทต่ี ้องดําเนินการตามวรรคสองและวรรคสามดว้ ย ระยะเวลาที่กําหนดไว้ตามมาตรานี้  ในกรณีมีเหตุ อันจําเป็นอันไม่อาจหลีกเล่ียงได้  อัยการสูงสุด  หรือ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  อาจขยายออกไปก็ได้  แต่ต้อง ไม่เกินกึ่งหนึ่งของระยะเวลาท่ีกําหนดไว้  และเมื่ออัยการ สูงสุดหรือคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ขยายเวลาแล้วให้แจ้ง ให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ  ในการปฏิบัติหน้าที่และการขยาย ระยะเวลาตอ้ งคาํ นงึ ถงึ อายคุ วามในการดาํ เนนิ คดปี ระกอบดว้ ย  การฟ้องคดีเม่ือล่วงพ้นระยะเวลาตามที่กําหนด ในมาตราน้ีย่อมกระทําได้ถ้าได้ฟ้องภายในอายุความ แต่ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการอัยการ  อัยการสูงสุด หรือคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  แล้วแต่กรณี  ต้องดําเนิน การสอบสวน  หากปรากฏว่าการไม่ปฏิบัติภายในระยะ เวลาดังกล่าวเกิดจากการจงใจ  ปล่อยปละละเลย  หรือ

87 ประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใด  ให้ดําเนินการ เพื่อลงโทษผูน้ ้ันตอ่ ไปโดยเร็ว  มาตรา ๗๘ ในการย่ืนฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนก การแจ้งให้ คดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง  ให้อัยการสูงสุด ผูถ้ ูกกลา่ วหามา หรือคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหามาศาล ศาลในวันฟ้องคดี ในวันฟ้องคดี  เว้นแต่ในกรณีท่ีผู้ถูกกล่าวหาถูกควบคุมตัว อยู่ก่อนแล้วตามมาตรา  ๓๙  ให้อัยการสูงสุดหรือ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  แจ้งให้พนักงานสอบสวนนําตัว บุคคลดังกล่าวมาศาลในวนั ฟอ้ งคดี  ในกรณที อี่ ยั การสงู สดุ หรอื คณะกรรมการ   ป.ป.ช. แจ้งผู้ถูกกล่าวหาตามวรรคหนึ่งแล้ว  แต่ผู้ถูกกล่าวหา ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุต่อศาล  อัยการสูงสุดหรือ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  หรือผู้ที่อัยการสูงสุด  คณะกรรมการ ป.ป.ช.  มอบหมายมอี าํ นาจขอให้ศาลออกหมายจบั ได้ มาตรา ๗๙ ในคดีท่ีอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ การอุทธรณ์ เม่อื ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผ้ดู าํ รงตาํ แหนง่ ทางการเมอื ง มีคําพิพากษาแล้วถ้าอัยการสูงสุดเห็นควรอุทธรณ์ต่อ ท่ปี ระชุมใหญ่ของศาลฎีกาตอ่ ไป  ใหด้ าํ เนนิ การได ้ กรณีที่อัยการสูงสุดเห็นควรไม่อุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง ให้แจ้งให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ทราบและรับฟังความ คิดเห็นของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ประกอบการพิจารณา ด้วย 

88 ในคดีท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เป็นโจทก์ การจะอุทธรณ์หรือไม่ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีท่ีคณะ มาตรา ๘๐ ในกรณีที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช. กรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องคดีเอง  คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  จะพิจารณามอบหมาย ฟอ้ งคดเี อง ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีดําเนินคดีแทนคณะกรรมการ  ป.ป.ช. หรือจะพิจารณาแต่งตั้งทนายความเพ่ือดําเนินคดีแทนก็ได้ ทัง้ น้ ี ตามระเบยี บท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กาํ หนด  กรณีที่ศาลฎกี า มาตรา ๘๑ ในกรณีท่ีศาลฎีกาแผนกคดีอาญา แผนกคดอี าญาของ ของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองประทับฟ้องตามมาตรา  ๗๗ ผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าท่ีจนกว่าจะมีคําพิพากษา ทางการเมอื ง เว้นแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่ง ประทบั ฟอ้ ง ทางการเมืองจะมีคําส่ังเป็นอย่างอื่น  ในกรณีท่ีศาลฎีกา แ ผ น ก ค ดี อ า ญ า ข อ ง ผู ้ ดํ า ร ง ตํ า แ ห น ่ ง ท า ง ก า ร เ มื อ ง มีคําพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําความผิดตามท่ีถูก กลา่ วหา ให้ผู้ตอ้ งคาํ พพิ ากษานนั้   พน้ จากตําแหนง่ นับแต่ วันหยุดปฏิบัติหน้าท่ี  และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกต้ัง ของผู้นั้น  และจะเพิกถอนสิทธิเลือกต้ังมีก�ำหนดเวลา ไมเ่ กนิ สิบปีดว้ ยหรือไมก่ ็ได้  ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกต้ังไม่ว่าในกรณีใด ผู ้ น้ั น ไ ม ่ มี สิ ท ธิ ส มั ค ร รั บ เ ลื อ ก ตั้ ง ห รื อ ส มั ค ร รั บ เ ลื อ ก เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  สมาชิกวุฒิสภา  สมาชิก

89 สภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถ่ินตลอดไป  และไม่มีสิทธิ ดํารงตาํ แหน่งทางการเมืองใด  ๆ  มาตรา ๘๒ ในการฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกา การกระทาํ แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง  หาก ของผถู้ ูกกลา่ วหา การกระทําของผู้ถูกกล่าวหาเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย เปน็ เหตใุ ห้เกดิ ในทางทรัพย์สินหรือเป็นการละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ ความเสียหาย หรือบุคคลอ่ืน  อัยการสูงสุดหรือคณะกรรมการ  ป.ป.ช. ในทางทรพั ย์สิน หรือเป็นการละเมิด แล้วแต่กรณี  อาจย่ืนคําร้องขอให้ศาลมีคําพิพากษาเพิกถอน ต่อหนว่ ยงานของรฐั การกระทําหรือคาํ ส่ังอันมิชอบที่เปน็ การละเมิดนัน้ กไ็ ด ้ หรือบุคคลอ่นื สําหรับความเสียหายตามวรรคหน่ึง  ให้คณะ กรรมการ  ป.ป.ช.  แจ้งให้หน่วยงานของรัฐที่เก่ียวข้อง ดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสยี หาย ต่อไป  การย่ืนคําร้องขอตามวรรคหน่ึง  ให้หมายความ รวมถงึ การเพกิ ถอนสทิ ธิหรือเอกสารสิทธิ  ทเี่ จา้ หนา้ ท่ขี องรัฐ อนุมัติหรืออนุญาต  หรือกระทําการใดไปโดยมิชอบ ด้วยกฎหมายดว้ ย  มาตรา ๘๓ ในการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนก การรบิ ทรพั ยส์ นิ คดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง  ถ้าผู้ถูกกล่าวหา หรือบุคคลท่ีมีส่วนร่วมในการกระทําความผิดได้ใช้หรือได้ ทรัพย์สินมาโดยมิชอบ  เนื่องจากการกระทําความผิดฐาน ทุจริตต่อหน้าที่  หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัด

90 ต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย  อัยการสูงสุด หรือคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  แล้วแต่กรณี  อาจร้องขอให้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ริบทรัพย์สินดังต่อไปน้ี  เว้นแต่เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่ง มิได้ร้เู ห็นเป็นใจด้วยในการกระทาํ ความผิด  (๑) ทรัพย์สินท่ีบุคคลได้ใช้หรือมีไว้เพ่ือใช ้ ในการกระทําความผิด  (๒) ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคํานวณ เป็นราคาเงินได้ที่บุคคลได้ให้  ขอให้หรือรับว่าจะให้แก ่ ผูถ้ ูกกลา่ วหาโดยมชิ อบ  (๓) ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคํานวณ เป็นราคาเงินได้ท่ีบุคคลได้มาจากการกระทําความผิด หรือจากการเป็นผู้ใช้  ผู้สนับสนุน  หรือผู้โฆษณาหรือ ประกาศให้ผูอ้ ่ืนกระทําความผดิ   (๔) ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันอาจคํานวณ เป็นราคาเงินได้ที่บุคคลได้มาจากการจําหน่าย  จ่าย  โอน ด้วยประการใด  ๆ  ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ตาม  (๑) หรอื (๓) (๕)  ดอกผลหรือประโยชน์อื่นใดอันเกิดจาก ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชน์ตาม  (๑)  (๓)  หรอื   (๔)  การค�ำนวณมูลคา่ มาตรา ๘๔ เพื่อประโยชน์ในการร้องขอให ้ การเกบ็ รักษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง และจัดการ ริบทรัพย์สินตามมาตรา  ๘๓  คณะกรรมการ  ป.ป.ช. ทรัพยส์ ินทร่ี บิ

91 อาจคํานวณมูลค่าของทรัพย์สินนั้น  ในขณะท่ีผู้ถูกกล่าวหา ได้ทรัพย์สินนั้นมา  หรือมูลค่าของทรัพย์สินนั้น ในขณะที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มีมติว่าผู้ถูกกล่าวหา กระทําความผิดแล้วแต่ว่ามูลค่าในขณะใดจะมากกว่ากัน และขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมืองส่ังให้ชําระเงินหรือส่ังให้ริบทรัพย์สินอื่นของ ผู้กระทําความผดิ แทน  ตามมูลคา่ ดงั กล่าวได้  ในกรณที ่ศี าลฎกี าแผนกคดอี าญาของผ้ดู าํ รงตาํ แหนง่ ทางการเมืองมีคําสั่งริบทรัพย์สินเน่ืองจากการกระทําความผิด แม้คําพิพากษายังไม่ถึงท่ีสุด  ให้เลขาธิการมีอํานาจเก็บ รักษาและจัดการทรัพย์สินดังกล่าว  จนกว่าคดีถึงที่สุด หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง มีคําส่งั เปน็ อยา่ งอน่ื   มาตรา ๘๕ การเก็บรักษาและการจัดการ การเก็บรกั ษา ทรัพย์สินตามมาตรา  ๖๙  และมาตรา  ๘๔  ให้เป็นไป และการจัดการ ตามระเบียบทีค่ ณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กาํ หนด  ทรัพย์สิน ในกรณีที่ทรัพย์สินตามวรรคหน่ึงไม่เหมาะสมท่ีจะเก็บ รักษาไว้  หรือหากเก็บรักษาไว้จะเป็นภาระแก่ทางราชการ มากกว่าการนําไปใช้ประโยชน์อย่างอ่ืน  เลขาธิการอาจส่ัง ให้ผู้มีส่วนได้เสียรับทรัพย์สินนั้นไปดูแลและใช้ประโยชน์ โ ด ย มี ป ร ะ กั น ห รื อ ห ลั ก ป ร ะ กั น ห รื อ ใ ห ้ นํ า ท รั พ ย ์ สิ น นั้ น ออกขายทอดตลาด  หรือนําไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการ แล้วรายงานให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ทราบกไ็ ด้ 

92 การให้ผู้มีส่วนได้เสียรับทรัพย์สินไปดูแล และใช้ประโยชน์  การนําทรัพย์สินออกขายทอดตลาดหรือ การนําทรัพย์สินไปใช้ประโยชน์ของทางราชการตามวรรคสอง ให้เปน็ ไปตามระเบยี บทีค่ ณะกรรมการ  ป.ป.ช. กําหนด  ถ้าความปรากฏในภายหลังว่า  ทรัพย์สินที่นําออก ขายทอดตลาดหรือที่นําไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการ ตามวรรคสอง  มิใช่ทรัพย์สินท่ีเกี่ยวกับการกระทําความผิด ให้คืนทรัพย์สินนั้นพร้อมทั้งชดใช้ค่าเสียหายและค่าเสื่อมสภาพ ตามจํานวนที่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  กําหนด  ให้แก่เจ้าของ หรือผู้ครอบครอง  ถ้าไม่อาจคืนทรัพย์สินได้  ให้ชดใช้ ราคาทรัพย์สินนั้นตามราคาท่ีประเมินได้ในวันท่ียึดหรือ อายัดทรัพย์สิน  หรือตามราคาที่ได้จากการขายทอดตลาด ทรัพย์สินนั้น  แล้วแต่กรณี  ท้ังนี้  ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง ได้รับดอกเบ้ียในอัตราสูงสุดของดอกเบ้ียเงินฝากประเภท ฝากประจําของธนาคารออมสินในจํานวนเงินท่ีได้รับคืน หรอื ชดใชร้ าคา  แลว้ แต่กรณี การประเมินค่าเสียหายและค่าเส่ือมสภาพตาม วรรคสี่  ให้เป็นไปตามระเบียบท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช. กําหนด  กรณมี ี มาตรา ๘๖ ใ น ก ร ณี ที่ มี คํ า พิ พ า ก ษ า ข อ ง ค�ำพิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ถึงทีส่ ดุ ใหย้ กฟ้อง ถึงท่ีสุดให้ยกฟ้อง  ถ้าผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง

93 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  หรือผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ หยุดปฏิบัติหน้าท่ีอยู่  และยังมิได้พ้นจากตําแหน่งไปก่อน ก็ให้กลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ต้ังแต่วันที่ศาลมีคําพิพากษา แ ล ะ ถ ้ า ใ น ร ะ ห ว ่ า ง ห ยุ ด ป ฏิ บั ติ ห น ้ า ท่ี มิ ไ ด ้ รั บ เ งิ น เ ดื อ น เงินประจําตําแหน่ง  ค่าตอบแทน  หรือประโยชน์อ่ืนใด ก็ให้มีสิทธิได้รับเสมือนหน่ึงผู้น้ันได้ปฏิบัติหน้าท่ีตลอด ระยะเวลาที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว  ในกรณีท่ีผู้นั้นพ้น จากตําแหน่งไปก่อนท่ีจะมีคําพิพากษา  การจ่ายเงินเดือน เงินประจําตําแหน่ง  ค่าตอบแทน  หรือประโยชน์อ่ืนใด  ใหจ้ า่ ยจนถงึ วันกอ่ นวนั ทพี่ ้นจากตาํ แหนง่   ส่วนท ่ี ๒  การดําเนนิ คดีกรณีฝา่ ฝนื หรอื ไม่ปฏิบตั ติ าม มาตรฐานทางจริยธรรมอยา่ งรา้ ยแรง  มาตรา ๘๗ เ มื่ อ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร   ป . ป . ช . การด�ำเนินคดี ไต่สวนและมีความเห็นว่า  ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง กรณีฝา่ ฝนื หรอื ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  หรือผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ ไมป่ ฏบิ ัตติ าม ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มาตรฐานทาง ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เสนอเรื่องต่อศาลฎีกา จริยธรรมอยา่ ง เพ่ือวินิจฉัย  รา้ ยแรง

94 การเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาตามวรรคหน่ึง  และ การพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาให้เป็นไปตามระเบียบ ของท่ีประชุมใหญ่ของศาลฎีกาซึ่งต้องกําหนดให้ใช้ระบบ ไต่สวนและใหด้ าํ เนินการโดยรวดเร็ว  ให้นําความในมาตรา  ๘๑  และมาตรา  ๘๖ มาใชบ้ ังคับด้วยโดยอนโุ ลม  การเสนอเร่ืองต่อศาลฎีกาตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  มีอํานาจมอบหมายให้พนักงาน เจา้ หน้าท่ีดําเนินการในศาลแทนได้ สว่ นท ี่ ๓  การดาํ เนินการกรณีฝ่าฝืนมาตรา  ๑๔๔  ของรัฐธรรมนูญ  การด�ำเนนิ การ มาตรา ๘๘ เม่ือความปรากฏต่อคณะกรรมการ กรณฝี า่ ฝนื ป.ป.ช.  หรือเมื่อคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ได้รับแจ้งจาก บทบัญญัติแหง่ เจ้าหน้าท่ีของรัฐตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา รฐั ธรรมนูญ ๑๔๔  วรรคสี่  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ดําเนินการ สอบสวนเป็นทางลับโดยพลัน  และไม่ว่าในกรณีใดผู้ใด จะเปดิ เผยข้อมูลเกีย่ วกับผูแ้ จง้ มไิ ด ้ เจ้าหน้าที่ของรัฐรวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ซ่ึงจัดทําโครงการหรืออนุมัติหรือจัดสรรเงินงบประมาณ

95 โดยรู้ว่ามีการดําเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญมาตรา  ๑๔๔  วรรคหนึ่ง  หรือวรรคสอง จะพ้นจากความรับผิดตามรัฐธรรมนูญเฉพาะเมื่อได้แจ้งต่อ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ก่อนท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช. จะได้ดําเนินการสอบสวน  การสอบสวนตามวรรคหนึ่ง  ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร  และเงอื่ นไขทค่ี ณะกรรมการ  ป.ป.ช. กาํ หนด  เมื่อคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  สอบสวนแลว้ เห็นว่ามมี ูล ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว  และให ้ ศาลรัฐธรรมนูญดําเนินการต่อไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา  ๑๔๔  วรรคสาม  ใ น ก ร ณี จํ า เ ป ็ น แ ล ะ ไ ด ้ รั บ คํ า ร ้ อ ง ข อ   ใ ห ้ คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  จัดให้มีการคุ้มครองเจ้าหน้าท่ี ของรัฐตามวรรคหนึ่งเช่นเดียวกับการคุ้มครองพยานตาม มาตรา  ๑๓๑  มาตรา ๘๙ การเรียกเงินคืนกรณีฝ่าฝืนบทบัญญัติ การเรยี กเงินคนื แห่งรัฐธรรมนูญมาตรา  ๑๔๔  วรรคสาม  หรือวรรคส ี่ กรณีฝา่ ฝนื ให้กระทําได้ภายในยี่สิบปีนับแต่วันท่ีมีการจัดสรรงบประมาณนั้น บทบญั ญตั ิ ทั้งนี้  มิให้นํามาตรา  ๕๕  (๑)  มาใช้บังคับกับการดําเนินการ แห่งรฐั ธรรมนูญ ตามมาตรานี ้

96 หมวด  ๔  การดาํ เนนิ การกับเจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั   การด�ำเนินการกับ มาตรา ๙๐ ในกรณีท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช. เจา้ หน้าทขี่ องรฐั มคี วามเหน็ ตามมาตรา  ๗๐  และเหน็ วา่   การใหเ้ จา้ หนา้ ท่ี ทถ่ี กู กล่าวหาว่า ของรัฐผู้ถูกกล่าวหายังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอาจจะเกิด กระท�ำความผดิ ความเสียหายให้แก่ทางราชการหรือเป็นอุปสรรคในการไต่สวน ต่อไป  ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา ของผูถ้ ูกกลา่ วหา  ส่งั ใหห้ ยุดปฏิบตั หิ น้าท่เี ปน็ การชัว่ คราว ถ้าต่อมาผลการไต่สวนปรากฏว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของ ผู้ถูกกล่าวหาทราบโดยเร็วเพื่อดําเนินการให้ผู้ถูกกล่าวหา กลับเขา้ ปฏบิ ตั หิ น้าที่ต่อไป  เมื่อผู้บังคับบัญชาได้รับเรื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.  ตามวรรคหนึ่ง  ให้ผู้บังคับบัญชามีอํานาจส่ังให้ ผู้ถูกกล่าวหาน้ันหยุดปฏิบัติหน้าท่ีได้เป็นเวลาหกเดือนหรือ จนกว่าจะได้รับแจ้งผลการพิจารณาจากคณะกรรมการ  ป.ป.ช. ซ่ึงคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ต้องพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จ ภายในหกเดือนนับแต่วันที่แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ตามวรรคหน่ึง  ในกรณีที่พ้นกําหนดหกเดือนแล้ว คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ยังมิได้มีคําวินิจฉัย  ให้ผู้บังคับบัญชา สั่งใหผ้ ถู้ ูกกล่าวหากลับเขา้ ปฏิบัตงิ านตอ่ ไป 

97 ในกรณที เี่ จ้าหน้าทข่ี องรฐั ทถ่ี กู กลา่ วหาเปน็ ผู้บรหิ าร ท้องถ่ินหรือสมาชิกสภาท้องถ่ิน  ให้ถือว่าผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหานั้น  และมีอํานาจ สง่ั การตามวรรคสองได้  ความในมาตรานี้ไม่เป็นการตัดอํานาจของ ผู ้ บั ง คั บ บั ญ ช า ข อ ง เ จ ้ า ห น ้ า ท่ี ข อ ง รั ฐ ท่ี จ ะ ดํ า เ นิ น ก า ร ตามอํานาจท่ีมีอยู่ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารงาน บุคคลที่ใชบ้ ังคบั กบั ผู้ถกู กล่าวหานนั้   ความในมาตรานี้ไม่ใช้บังคับกับเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ที่เป็นข้าราชการตุลาการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม  ข้าราชการตุลาการ ศาลปกครองตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง  หรือข้าราชการอัยการตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บขา้ ราชการฝ่ายอัยการ  มาตรา ๙๑ เมอ่ื คณะกรรมการ  ป.ป.ช. ไตส่ วน กรณีไตส่ วน แล้วมีมติวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าท่ีของรัฐกระทําความผิดฐาน มมี ติวินจิ ฉัยวา่ ทุจริตต่อหน้าท่ี  หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าท่ี เจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั ราชการ  หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม กระท�ำความผิด หรอื ความผดิ ที่เก่ียวข้องกนั   ใหด้ ําเนนิ การดังต่อไปน้ี  (๑) ถา้ มมี ลู ความผดิ ทางอาญา  ใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช.  ส่งรายงาน  สํานวนการไต่สวน  เอกสารหลักฐาน สําเนาอิเล็กทรอนิกส์  และคําวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด ภายในสามสิบวนั   เพื่อใหอ้ ัยการสงู สดุ ยนื่ ฟอ้ งคดตี ่อไป 

98 (๒) ถา้ มมี ลู ความผดิ ทางวนิ ยั   ใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช.  ส่งรายงาน  สํานวนการไต่สวน  เอกสารหลักฐาน และคําวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอํานาจแต่งต้ัง ถอดถอนภายในสามสิบวันเพื่อให้ดําเนินการทางวินัย ตอ่ ไป  การแจง้ ให้ มาตรา ๙๒ เมื่อคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ส่ง ผูถ้ กู กลา่ วหา สํานวนการไต่สวนให้อัยการสูงสุดเพ่ือดําเนินคดีอาญา ไปรายงานตัว ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  แจ้งผู้ถูกกล่าวหาให้ไปรายงานตัว ตอ่ อยั การสูงสุดตามวนั เวลาที่กาํ หนด  หากผู้ถูกกล่าวหาไม่ไปรายงานตัวตามกําหนด ให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ดําเนินการ  ตามมาตรา  ๓๙ ต่อไป  ส่วนที ่ ๑  การดาํ เนินคดีกับเจา้ หน้าท่ขี องรฐั   การด�ำเนนิ คดกี บั มาตรา ๙๓ เมื่ออัยการสูงสุดได้รับสํานวนคดีอาญา เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ตามมาตรา  ๙๑  ให้อัยการสูงสุดพิจารณาเพ่ือดําเนินการ ฟ้องคดีต่อศาลท่ีมีเขตอํานาจภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแตว่ ันทไ่ี ดร้ ับสํานวน ให้นําความในมาตรา  ๗๗  มาตรา  ๗๘  มาตรา ๘๐  มาตรา  ๘๑  มาตรา  ๘๒  มาตรา  ๘๓  มาตรา  ๘๔

99 มาตรา  ๘๕  และมาตรา  ๘๖  มาใช้บังคับกับการด�ำเนินคดี กบั เจ้าหนา้ ที่ของรัฐด้วยโดยอนุโลม  มาตรา ๙๔ เม่ือศาลท่ีมีเขตอํานาจพิพากษา การอทุ ธรณ์ ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ตามสํานวนที่ได้รับจาก หรือฎีกา คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  แล้ว  ถ้าอัยการสูงสุดจะไม่อุทธรณ์ หรือฎีกา  ให้อัยการสูงสุดหารือกับคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ก่อน ใ น ก ร ณี ที่ มี ค ว า ม เ ห็ น ต ่ า ง กั น แ ล ะ ไ ม ่ อ า จ ห า ข ้ อ ยุ ติ ไ ด ้ ให้อัยการสูงสุดพิจารณาดําเนินการต่อไปโดยคํานึงถึง ความเป็นธรรมและประโยชน์ของประเทศเป็นสําคัญ  และ ชี้แจงเหตผุ ลให้ประชาชนทราบเป็นการทัว่ ไป  เมื่ออัยการสูงสุดฟ้องคดีตามวรรคหนึ่งแล้ว จะถอนฟ้องมิได้  เว้นแต่คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  และ อัยการสูงสุดเห็นว่าเพ่ือประโยชน์แห่งความยุติธรรม สมควรถอนฟอ้ ง  มาตรา ๙๕ ในการดําเนินคดีหากผู้ถูกกล่าวหา การด�ำเนนิ คดี เป็นอัยการสูงสุดในขณะกระทําความผิดหรือขณะที่ถูกกล่าวหา กรณีผถู้ ูกกล่าวหา ให้ประธานกรรมการมีอํานาจฟ้องหรือย่ืนคําร้องต่อศาลท่ีมี เปน็ อยั การสงู สดุ เขตอํานาจเอง  มาตรา ๙๖ ในการดําเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา การด�ำเนินคดี ที่เป็นบุคคลท่ีอยู่ในอํานาจศาลทหารและเป็นคดีท่ีอยู่ใน กับผถู้ กู กลา่ วหา เขตอาํ นาจของศาลทหาร  ให้อัยการสูงสุดเป็นอัยการทหาร ท่ีอยู่ในอ�ำนาจ ตามกฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลทหาร  หรือจะมอบหมาย ศาลทหาร ใหอ้ ยั การทหารเป็นผูฟ้ อ้ งคดแี ทนกไ็ ด้

100 การด�ำเนนิ การกบั มาตรา ๙๗ ในการดําเนินการกับเจ้าหน้าท่ี เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ของรัฐต่างประเทศ  เจ้าหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศ ตา่ งประเทศ หรือบุคคลที่กระทําความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญนี้  ให้นําความในมาตรา  ๙๑  (๑)  มาตรา  ๙๒ มาตรา  ๙๓  และมาตรา  ๙๔  มาใช้บงั คบั ดว้ ยโดยอนุโลม ส่วนท่ี  ๒  การดาํ เนินการทางวนิ ยั กับเจา้ หน้าท่ขี องรัฐ  การด�ำเนินการ มาตรา ๙๘ เม่ือผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอํานาจ ทางวนิ ยั กบั แต่งต้ังถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาได้รับสํานวนการไต่สวน เจา้ หนา้ ท่ขี องรัฐ ของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ตามมาตรา  ๙๑  แล้ว ให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอํานาจแต่งตั้งถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาผู้น้ัน พิจารณาโทษทางวินัยตามฐานความผิดท่ีคณะกรรมการ  ป.ป.ช. ได้มีมติโดยไม่ต้องแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนวินัยอีก โดยในการพิจารณาโทษทางวินัยแก่ผู้ถูกกล่าวหา  ให้ถือว่า สํานวนการไต่สวนของคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  เป็นสํานวน การสอบสวนทางวินัยของคณะกรรมการสอบสวนวินัย ตามกฎหมาย  ระเบยี บ  หรือข้อบงั คับวา่ ดว้ ยการบรหิ ารงาน บคุ คลของผูถ้ กู กล่าวหาน้นั   แลว้ แตก่ รณ ี กรณีผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการตุลาการ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ

101 ศาลยุติธรรม  ข้าราชการตุลาการศาลปกครองตามกฎหมาย ว่าด้วยการจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง หรือข้าราชการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการฝ่ายอัยการให้ประธานกรรมการส่งรายงานและ เ อ ก ส า ร ห ลั ก ฐ า น พ ร ้ อ ม ทั้ ง ค ว า ม เ ห็ น ไ ป ยั ง ป ร ะ ธ า น กรรมการตุลาการศาลยุติธรรม  ประธานกรรมการตุลาการ ศาลปกครอง  หรือประธานกรรมการอัยการ  แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาดําเนินการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม  กฎหมายว่าด้วย การจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  หรือกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ  โดยเร็ว  โดยให้ถือ รายงานและเอกสารหลักฐานของคณะกรรมการ  ป.ป.ช. เ ป ็ น ส ่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง ค ว า ม เ ห็ น เ พื่ อ พิ จ า ร ณ า ท า ง วิ นั ย ใ น สํานวนการสอบสวนด้วย  และเมื่อดําเนินการได้ผล ประการใดแล้ว  ให้แจ้งให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  ทราบ ภายในสิบห้าวนั นบั แต่วันท่ีทราบผลการพิจารณา  ก า ร ดํ า เ นิ น ก า ร ท า ง วิ นั ย ต า ม ว ร ร ค ห น่ึ ง ให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอํานาจแต่งต้ังถอดถอนพิจารณา สั่งลงโทษผู้ถูกกล่าวหาภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเรื่อง จากคณะกรรมการ  ป.ป.ช.  หรือภายในสามสิบวัน นับแต่วันท่ีผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอํานาจแต่งตั้งถอดถอน ได้รับแจ้งมติท่ีได้ขอให้คณะกรรมการ  ป.ป.ช.  พิจารณาทบทวน ตามมาตรา  ๙๙  วรรคสอง  ทั้งนี้  ไม่ว่าผู้ถูกกล่าวหาน้ัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook