Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ວິຊາການຈັດການ ການດຳເນີນງານoperation management

ວິຊາການຈັດການ ການດຳເນີນງານoperation management

Published by lavanh5579, 2021-08-25 01:41:51

Description: ວິຊາການຈັດການ ການດຳເນີນງານoperation management

Search

Read the Text Version

ตำรำ กำรจดั กำรกำรดำเนนิ งำน Operations Management มำนน เซยี วประจวบ บธ.ม.บรหิ ำรธุรกจิ มหำบณั ฑติ (กำรจดั กำรทว่ั ไป) คณะวิทยำกำรจดั กำร มหำวิทยำลยั รำชภฏั อุดรธำนี 2557



คำนำ ในการบริหารธุรกิจมีองค์ประกอบพ้ืนฐานหลักอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ส่วนการตลาดซึ่งให้ ความสาคัญกับการขายหรือกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภค ส่วนการเงินและการบัญชีจะให้ความสาคัญ กับการจัดสรรและควบคุมเงินทุนให้สอดคล้องกับการดาเนินธุรกิจ และส่วนการดาเนินงานจะ เกี่ยวข้องกับการแปลงสภาพปัจจัยนาเข้า ได้แก่ แรงงาน วัตถุดิบ เงินทุน อุปกรณ์ เครื่องจักร รวมถึง องค์ความรู้และเทคโนโลยีเพื่อให้ได้สินค้าและบริการพร้อมที่จะส่งมอบให้แก่ลูกค้า ดังนั้นองค์ความรู้ ทางด้านการจัดการการดาเนนิ งานจงึ มีความสาคัญในการขับเคล่อื นธุรกิจ เพ่ือสร้างความได้เปรียบใน การแขง่ ขันอยา่ งยง่ั ยืน ผเู้ ขียนจึงได้เรียบเรยี งตารารายวชิ าการจัดการการดาเนินงาน (Operations Management) ข้ึนเพื่อใชใ้ นการประกอบการเรียนการสอนในหลักสูตรบรหิ ารธรุ กิจบัณฑิต ซ่งึ มีเนื้อหาครอบคลุมราย วิชาการจัดการการผลิต (Production Management) หรือวิชาการจัดการการผลิตและการ ดาเนินงาน (Production and Operations Management) ซ่ึงแต่เดิมรายวิชาดังกล่าว มุ่งเน้นไปที่ องค์ความรู้ท่ีเกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าหรืออุตสาหกรรมการผลิตเท่าน้ัน ในปัจจุบันองค์ความรู้ ดังกล่าวได้พัฒนาครอบคลุมในส่วนของการบริการและกิจกรรมท่ีเชื่อมโยงไปยังหน่วยธุรกิจอ่ืน ๆ จึง ใช้ช่ือว่า “การจัดการการดาเนนิ งาน” ซึง่ มีความหมายทค่ี รอบคลุมในสว่ นของการผลิตและมเี นื้อหาท่ี กว้างกว่า ซ่ึงผู้เขียนได้เพ่ิมเติมเนื้อหาในส่วนของกลยทุ ธแ์ ละการจดั การ รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ ตา่ ง ๆ ทชี่ ว่ ยในการจดั การดาเนนิ งานในปัจจุบนั เพอ่ื ให้เนื้อหามีความทันสมยั สอดคล้องกับหลักสูตร และก้าวทันตอ่ การเปลย่ี นแปลงทางธุรกจิ และการแขง่ ขัน เน้ือหาในตารารายวิชาการจัดการการดาเนินงานเล่มนี้ ผู้เขียนเรียบเรียงเน้ือหาโดยแบ่ง ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ส่วนที่ 1 ความรู้เบ้ืองต้นการจัดการการดาเนินงาน ซ่ึงประกอบไปด้วย บทนา กลยุทธ์การดาเนินงานและการแขง่ ขัน การจัดการโครงการ และการพยากรณ์ความตอ้ งการ เพ่ือแสดง ให้เหน็ ถึงประวตั คิ วามเป็นมา ววิ ฒั นาการองค์ความรู้และแนวคิดซง่ึ เป็นรากฐานทีส่ าคญั ในการจัดการ การดาเนนิ งาน คำนำ | Preface ก

ส่วนท่ี 2 การออกแบบการดาเนินงาน ประกอบไปด้วย การออกแบบผลิตภัณฑ์และการ บริการ การจัดการคณุ ภาพ กระบวนการ การวางแผนกาลังการผลติ การเลือกสถานท่ีตั้ง และการวาง ผังสถานประกอบการ เนื้อหาในส่วนน้ีจะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจซึ่งเป็นส่วนสาคัญในการวาง แผนการดาเนินงาน ส่วนที่ 3 การจัดการการดาเนินงาน ประกอบไปด้วย การจัดการโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ การจัดการสินค้าคงคลงั การวางแผนทรัพยากรองค์กร และการจัดการบารุงรกั ษา เนื้อหาในส่วนนี้จะ เก่ียวข้องกับการวางแผน การดาเนินงาน และการควบคุม รวมถึงการเชื่อมโยงการดาเนินงานไปยัง ธุรกจิ ต่าง ๆ ที่เกีย่ วข้องตลอดทั้งโซอ่ ุปทาน ผ้เู ขยี นหวงั เป็นอย่างยิ่งวา่ ตาราเล่มน้ีจะเปน็ ประโยชน์แกผ่ ู้อ่าน ทั้งที่เปน็ นกั ศึกษาในหลักสูตร บริหารธุรกิจบัณฑิต รวมท้ังผู้ที่ต้องการศึกษาความรู้ทางด้านการจัดการการดาเนินงาน ให้สามารถ เรียนรแู้ ละเข้าใจเน้ือหาต่าง ๆ ของการจัดการการดาเนนิ งานและสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมี ประสิทธภิ าพและเกดิ ประสทิ ธผิ ล มำนน เซยี วประจวบ วันครอบครวั 2557 ข คำนำ | Preface

สารบญั หนา้ คานา…………………………………………………………………………………………………………………………….. ก สารบัญ………………………………………………………………………………………………………………………….. ค สารบัญภาพ…………………………………………………………………………………………………………………… ญ สารบัญตาราง………………………………………………………………………………………………………………… ด สว่ นที่ 1 ความรเู้ บื้องต้นการจัดการการดาเนินงาน 1 บทที่ 3 1 บทนา………………………………………………………………………………………………………………… 5 ความเปน็ มาของการจัดการการดาเนนิ งาน…………………………………………………………….. 10 แนวคดิ การจดั การการดาเนนิ งาน…………………………………………….................................. 10 ระบบการดาเนนิ งาน………………………………………………………………................................. 12 ระดบั ของสินค้าและบรกิ าร………………………………………………………................................ 14 การจดั การดาเนินงานด้านการผลติ ................................................................................... 15 การจาแนกประเภทของระบบการดาเนนิ งานด้านการผลติ .............................................. 16 18 เปา้ หมายการดาเนนิ งานดา้ นการผลิต.............................................................................. 19 การจัดการดาเนินงานด้านการบรกิ าร............................................................................... 21 ความสาคญั ในการจดั การการดาเนนิ งาน………………………………………............................. 30 ผลิตภาพ…………………………………….................................................................................. 31 บทสรปุ …………………………................................................................................................ 32 คาถามท้ายบท....................................................................................................... ........... 33 เอกสารอ้างอิง....…………………………………………………....................................................... 35 2 กลยุทธ์การดาเนินงานและการแข่งขนั .........……………………………………………................ 36 ความเปน็ มาของการจัดการเชงิ กลยทุ ธ์.……………………………………………......................... 37 กระบวนการจดั การเชิงกลยทุ ธ์……………………………………………………..............…............. ระดบั กลยุทธ์..................................................................................................................... สารบญั | Contents ค

สารบญั (ต่อ) บทท่ี หน้า การกาหนดกลยุทธ์การจัดการดาเนนิ งาน......................................................................... 43 10 กลยุทธก์ ารจดั การดาเนนิ งานท่ีสาคญั ในปัจจบุ นั ……………………………........................ 49 กรณศี ึกษาบริษัท ไทยแอรเ์ อเชีย จากัด….………………....…............................................... 52 บทสรปุ …………………………................................................................................................ 54 คาถามทา้ ยบท.................................................................................................................. 55 เอกสารอา้ งอิง....…………………………………………………....................................................... 56 3 การจัดการโครงการ…………………………………………………………………………...................... 57 ความเป็นมาของการจดั การโครงการ................................................................................ 59 แนวคดิ การจดั การโครงการ.............................................................................................. 60 เทคนิคการวางแผนและควบคุมโครงการ......................................................................... 62 การสร้างขา่ ยงาน.............................................................................................................. 65 การวิเคราะห์ขา่ ยงาน…………………………………….............................................................. 68 การสร้างแผนภมู แิ กนต์………………………………………………………………………………………… 76 บทสรุป…………………………................................................................................................ 79 คาถามท้ายบท.................................................................................................................. 80 เอกสารอา้ งองิ ....…………………………………………………....................................................... 82 4 การพยากรณค์ วามต้องการ....…………………………………………………................................. 83 ความสาคญั ของการพยากรณ์ความตอ้ งการ..................................................................... 85 ประเภทของการพยากรณ์................................................................................................ 86 เทคนคิ การพยากรณ์ความต้องการเชงิ ปริมาณ................................................................. 88 กระบวนการพยากรณค์ วามต้องการเชิงปริมาณ............................................................... 90 ตัวแบบในการพยากรณข์ ้อมลู รูปแบบอนุกรมเวลา........................................................... 91 ตวั แบบในการพยากรณข์ ้อมลู รปู แบบความสมั พนั ธ์…………………………………………………. 104 การวเิ คราะห์ความแมน่ ยาของค่าพยากรณ์...................................................................... 106 บทสรปุ …………………………................................................................................................ 109 ง สารบญั | Contents

สารบญั (ต่อ) บทท่ี หนา้ คาถามท้ายบท.................................................................................................................. 110 เอกสารอ้างอิง....…………………………………………………....................................................... 112 ส่วนที่ 2 การออกแบบการดาเนินงาน 113 5 การออกแบบผลิตภณั ฑ์และการบรกิ าร.......................................................................... 115 ความเป็นมาของการออกแบบผลติ ภณั ฑ์.......................................................................... 117 วงจรชวี ิตผลติ ภัณฑ์…………………………............................................................................. 118 การนาเสนอผลติ ภัณฑ์ใหม่ออกสตู่ ลาด………………………………………………........................ 120 กระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์...................................................................................... 122 ความตอ้ งการของลูกค้า................................................................................................... 125 หลักการออกแบบผลติ ภณั ฑ์............................................................................................. 127 บ้านแห่งคุณภาพ.............................................................................................................. 132 เทคนคิ การออกแบบผลติ ภณั ฑ์……………………………………................................................ 136 การออกแบบการบริการ……………………………………………………………………………………….. 137 ระดบั การออกแบบการบรกิ าร………………………………………………………………………………. 140 บทสรุป…………………………................................................................................................ 142 คาถามท้ายบท.................................................................................................................. 143 เอกสารอา้ งองิ ....…………………………………………………....................................................... 144 6 การจัดการคณุ ภาพ....………………………………………………….............................................. 145 แนวคดิ ดา้ นคุณภาพ......................................................................................................... 147 วิวัฒนาการวงจรการจัดการคุณภาพ................................................................................. 148 แนวคดิ การจัดการคุณภาพในปจั จุบนั ............................................................................... 150 เคร่ืองมอื พ้ืนฐานในการจดั การคณุ ภาพ............................................................................ 152 7 เครื่องมือคณุ ภาพใหม่.................................................................................................... 162 สารบญั | Contents จ

สารบญั (ต่อ) บทท่ี หนา้ มาตรฐานคณุ ภาพระดับสากล........................................................................................... 167 บทสรปุ …………………………................................................................................................ 170 คาถามท้ายบท.................................................................................................................. 171 เอกสารอา้ งองิ ....…………………………………………………....................................................... 172 7 กระบวนการและการวางแผนกาลังการผลิต.................................................................. 173 กลยุทธ์กระบวนการ………………………………………............................................................. 175 การวางแผนกระบวนการ…………………………………………………………………........................ 178 การวิเคราะห์กระบวนการ................................................................................................ 180 การควบคมุ กระบวนการ................................................................................................... 182 กระบวนการงานบรกิ าร.................................................................................................... 186 เทคโนโลยใี นการผลิต....................................................................................................... 188 การวางแผนกาลงั การผลิต…………………………................................................................... 193 การวิเคราะห์จุดค้มุ ทุน…………………………………………………………………………………………. 195 บทสรปุ …………………………................................................................................................ 200 คาถามทา้ ยบท.................................................................................................................. 201 เอกสารอา้ งอิง....…………………………………………………....................................................... 202 8 การเลือกทาเลทตี่ ัง้ .......................................................................................................... 203 ปัจจยั ท่สี าคัญในการเลือกทาเลท่ตี ัง้ ................................................................................. 205 การตัดสินใจเลือกทาเลท่ีต้งั .............................................................................................. 208 เทคนิคการตัดสนิ ใจเลือกทาเลทต่ี ั้งดว้ ยวธิ ีการเชิงปริมาณ................................................ 209 การตดั สินใจเลือกทาเลท่ีตง้ั ด้วยวธิ ีการเชิงคุณภาพ.......................................................... 231 บทสรปุ …………………………................................................................................................ 232 คาถามทา้ ยบท.................................................................................................................. 234 เอกสารอา้ งองิ ....…………………………………………………....................................................... 235 ฉ สารบญั | Contents

สารบญั (ต่อ) บทที่ หน้า 9 การวางผงั สถานประกอบการ.......................................................................................... 235 ความสาคญั ในการวางผังสถานประกอบการ…………………………….................................... 237 ประเภทการวางผงั สถานประกอบการ………………....…..................................................... 238 การวางผังตามตาแหน่งงาน.............................................................................................. 239 การวางผังตามกระบวนการ.............................................................................................. 240 การวางผงั ตามผลิตภัณฑ์………………….............................................................................. 241 การวางผงั กลมุ่ เซลล์ปฏบิ ัตกิ าร………………………………………………………........................... 242 การวางผงั สานกั งาน.......................................................................................................... 243 การวางผงั สาหรับธรุ กิจค้าปลีก......................................................................................... 248 การวางผังคลงั สนิ ค้า......................................................................................................... 251 เทคนิคการออกแบบผังที่มปี ระสิทธภิ าพ………………......................................................... 253 บทสรุป…………………………................................................................................................ 262 คาถามท้ายบท.................................................................................................................. 263 เอกสารอ้างองิ ....…………………………………………………....................................................... 264 สว่ นท่ี 3 การจดั การการดาเนนิ งาน 265 10 การจัดการโซอ่ ปุ ทานและโลจสิ ตกิ ส์............................................................................... 267 แนวคดิ การจัดการโซอ่ ุปทาน............................................................................................ 269 การจัดการลูกค้าสัมพันธ์................................................................................................... 271 การจดั การความสมั พนั ธ์กับผสู้ ่งมอบ................................................................................ 274 ระบบสารสนเทศในการจดั การโซ่อปุ ทาน......................................................................... 277 การจดั การโลจสิ ติกส์……………………………………………………………………………………………. 282 องคป์ ระกอบโลจิสตกิ ส์..................................................................................................... 283 สารบญั | Contents ช

สารบญั (ต่อ) บทที่ หนา้ โครงสรา้ งตน้ ทุนโลจสิ ตกิ ส์................................................................................................ 287 แนวทางการลดตน้ ทุนโลจสิ ติกส์....................................................................................... 289 บทสรุป…………………………................................................................................................ 296 คาถามทา้ ยบท.................................................................................................................. 297 เอกสารอ้างองิ ....…………………………………………………....................................................... 298 11 การจดั การสินคา้ คงคลงั ................................................................................................... 299 ความสาคัญของสินคา้ คงคลงั ………………………………………................................................ 301 ต้นทุนสนิ ค้าคงคลงั …………………………………………………………………................................. 302 การจดั การสินค้าคงคลัง.................................................................................................... 304 ตวั แบบพ้ืนฐานสินคา้ คงคลัง............................................................................................. 305 ตัวแบบสนิ ค้าคงคลังจากการผลติ ..................................................................................... 313 การควบคมุ สนิ ค้าคงคลงั .................................................................................................. 318 บทสรุป…………………………................................................................................................ 324 คาถามทา้ ยบท.................................................................................................................. 325 เอกสารอา้ งองิ ....…………………………………………………....................................................... 326 12 การวางแผนทรพั ยากรองค์กร……………………………......................................................... 327 แนวคดิ การวางแผนทรัพยากรองค์กร............................................................................... 329 ระบบการวางแผนความต้องการวัสดุ................................................................................ 330 ระบบการวางแผนความต้องการวัสดุแบบวงจรปิด........................................................... 346 ระบบการวางแผนทรัพยากรการผลิต............................................................................... 348 ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร.................................................................................. 349 บทสรุป…………………………................................................................................................ 352 คาถามท้ายบท.................................................................................................................. 353 เอกสารอา้ งอิง....…………………………………………………....................................................... 354 ซ สารบญั | Contents

สารบญั (ต่อ) บทที่ หน้า 13 การจดั การบารุงรักษา..................................................................................................... 355 แนวคิดการจัดการบารงุ รกั ษา………………………………....................................................... 357 ประเภทการบารุงรกั ษา…………………………………………………............................................ 360 นโยบายการบารุงรักษา.................................................................................................... 362 การวางแผนการบารุงรกั ษา.............................................................................................. 366 ความน่าเชอ่ื ถือ................................................................................................................. 370 การบารุงรกั ษาแบบทวผี ลทท่ี ุกคนมีส่วนรว่ ม.................................................................... 376 การบารงุ รกั ษาท่ีมงุ่ เนน้ ขับเคลอ่ื นคณุ ค่า.......................................................................... 378 ระบบสารสนเทศการบารุงรักษา....................................................................................... 380 บทสรปุ …………………………................................................................................................ 382 คาถามทา้ ยบท.................................................................................................................. 383 เอกสารอ้างอิง....…………………………………………………....................................................... 384 ภาคผนวก....………………………………………………….................................................................. 385 บรรณานกุ รม……………………………………………….................................................................... 389 เฉลยคาถามทา้ ยบท............................................................................................................... 395 ดัชนีคาค้น………………………………………………......................................................................... 399 ประวตั ผิ ู้เขียน........................................................................................................................ 407 สารบญั | Contents ฌ

สารบญั ภาพ ภาพท่ี หนา้ 1.1 แสดงลาดับความเป็นมาของแนวคดิ การจัดการการดาเนินงาน………………………………….. 5 1.2 แสดงระบบการดาเนินงาน………....................................................................................... 11 1.3 แสดงความสมั พันธ์ระหว่างลักษณะการดาเนินงานและระดับสนิ ค้าและบริการ............... 13 1.4 แสดงระบบการจัดการการดาเนนิ งานด้านการผลติ .......................................................... 14 1.5 แสดงการจาแนกประเภทระบบการผลิต........................................................................... 15 1.6 แสดงระบบการจัดการการดาเนินงานดา้ นบริการ............................................................ 18 1.7 แสดงความสมั พันธร์ ะหวา่ ง ผลติ ภาพ ประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ล............................... 25 1.8 แสดงลักษณะตัวช้ีวดั ผลติ ภาพการบรกิ าร......................................................................... 28 1.9 แสดงความสาคัญของผลติ ภาพทสี่ ่งผลตอ่ ธุรกิจในภาพรวม.............................................. 29 2.1 แสดงกระบวนการจดั การเชงิ กลยทุ ธ์................................................................................ 37 2.2 แสดงความสัมพนั ธ์ระดบั กลยุทธ์และระดบั ช้ันในการบรหิ ารจดั การ................................. 38 2.3 แสดงแรงกดดันจากสิ่งแวดลอ้ มภายนอกและการแขง่ ขัน................................................. 38 2.4 แสดงกลยทุ ธแ์ ละระดบั องค์กรแตล่ ะประเภท................................................................... 39 2.5 แสดงกลยทุ ธแ์ ละระดบั องค์ธรุ กิจแต่ละประเภท............................................................... 40 2.6 แสดงแบบจาลองโซ่คุณคา่ (Value Chain)...................................................................... 42 2.7 แสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งกลยุทธ์การดาเนินงานกับการถ่ายทอดกลยทุ ธ์ระดับธุรกิจ และระดับองคก์ ร.............................................................................................................. 44 2.8 แสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความต้องการตลาดและทรัพยากรในการกาหนด กลยุทธก์ ารดาเนนิ งาน...................................................................................................... 45 2.9 แสดงความสมั พันธ์ระหวา่ งกาไรตอ่ สนิ ทรัพย์และทรัพยากรการดาเนนิ งาน..................... 46 2.10 แสดงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งวงจรชวี ติ ผลิตภณั ฑ์และกลยทุ ธ์การดาเนนิ งาน...................... 48 3.1 แสดงกระบวนการดาเนินงานการจัดการโครงการ............................................................ 60 3.2 การแจกแจงความนา่ จะเป็นของระยะเวลาดาเนนิ กิจกรรมแบบบตี า................................ 63 3.3 การสร้างขา่ ยงานวธิ กี จิ กรรมบนเสน้ เชอ่ื ม......................................................................... 65 3.4 การสร้างข่ายงานวิธีกิจกรรมบนจุดเช่ือม.......................................................................... 65 ญ สารบญั | Contents

สารบญั ภาพ (ต่อ) ภาพท่ี หนา้ 3.5 การสรา้ งขา่ ยงานกรณีจุดเริ่มตน้ และจดุ สนิ้ สุดโครงการมีจุดเดยี ว…………………................ 66 3.6 การสร้างข่ายงานกรณจี ดุ เริ่มตน้ มหี ลายจุดและจดุ ส้ินสดุ โครงการมจี ดุ เดียว.................... 66 3.7 การสรา้ งข่ายงานกรณจี ุดเร่ิมตน้ และจุดสนิ้ สุดโครงการมหี ลายจดุ ................................... 67 3.8 การสร้างข่ายงานจากข้อมลู ตารางท่ี 3.1.......................................................................... 67 3.9 การเตรียมข่ายงานเพอ่ื ทาการวเิ คราะห์........................................................................... 68 3.10 แสดงวธิ กี ารคานวณด้วยการกาหนดเวลาอย่างเรว็ ท่ีสดุ ................................................... 69 3.11 แสดงวิธีการคานวณทุกกจิ กรรมดว้ ยการกาหนดเวลาอย่างเร็วท่ีสุด................................. 69 3.12 แสดงวิธีการคานวณด้วยการกาหนดเวลาอย่างช้าทส่ี ดุ ..................................................... 71 3.13 แสดงวธิ ีการคานวณทุกกิจกรรมดว้ ยการกาหนดเวลาอยา่ งเร็วและอยา่ งช้าท่สี ุด.............. 71 3.14 แสดงวิธีการกาหนดกิจกรรมวิกฤติและเสน้ ทางวิกฤติ....................................................... 73 3.15 แสดงแผนภูมแิ กนต์ดว้ ยวธิ กี าหนดเวลาอยา่ งเรว็ .............................................................. 76 3.16 แสดงแผนภูมแิ กนต์ด้วยวธิ กี าหนดเวลาอยา่ งชา้ ............................................................... 77 3.17 แสดงแผนภูมิแกนต์ดว้ ยวิธีกาหนดเวลาอย่างเร็วกรณีกิจกรรมไม่ต่อเนื่อง........................ 78 4.1 แสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างปริมาณความต้องการและกิจกรรมต่าง ๆ ในหน่วยธุรกิจ...... 85 4.2 แสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งปริมาณความตอ้ งการและกจิ กรรมต่าง ๆ ในหนว่ ยธุรกิจ...... 89 4.3 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างยอดขายและงบประมาณทางการตลาด................................. 89 4.4 กราฟแสดงลกั ษณะรปู ร่างของขอ้ มูล 12 เดือนย้อนหลงั .................................................. 92 4.5 กราฟแสดงยอดขายจรงิ และค่าพยากรณ์วธิ คี า่ เฉล่ยี เคล่ือนท่ีอยา่ งง่ายรอบ 3 เดือนและ 5 เดือน............................................................................................................................. 93 4.6 กราฟแสดงยอดขายจริงและค่าพยากรณ์วิธคี ่าเฉลีย่ เคลื่อนท่ีแบบถว่ งนา้ หนักรอบ 2 เดอื น............................................................................................................................. .... 95 4.7 กราฟแสดงยอดขายจรงิ และค่าพยากรณว์ ธิ ปี รับเรียบเอกซโ์ พเนนเชยี ล........................... 97 4.8 แสดงวิธีประมาณคา่ ความคาดเคล่อื นวธิ ีกาลังสองนอ้ ยท่ีสุด............................................. 98 4.9 กราฟแสดงข้อมลู ลกั ษณะฤดูกาลทม่ี แี นวโน้มเพม่ิ ขึ้น........................................................ 101 4.10 กราฟแสดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งยอดขายสินคา้ Y และ X............................................... 105 สารบญั | Contents ฎ

สารบญั ภาพ (ต่อ) ภาพท่ี หนา้ 5.1 แสดงวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์…………………............................................................................. 118 5.2 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีและผลติ ภณั ฑ์ใหม่................................................. 121 5.3 แสดงระดับความคาดหวงั ของลูกค้า.................................................................................. 125 5.4 แสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความคาดหวังของลกู คา้ เพ่ือพจิ ารณาออกแบบผลิตภัณฑ์...... 131 5.5 แสดงวิธีการจดั ทาบา้ นแหง่ คุณภาพ.................................................................................. 132 5.6 ตัวอย่างวธิ ีการจดั ทาบา้ นแห่งคุณภาพ.............................................................................. 134 5.7 แบบจาลองช่องว่างคณุ ภาพของงานบริการ...................................................................... 138 6.1 แสดงววิ ัฒนาการแนวคิดการจดั การคณุ ภาพ.................................................................... 148 6.2 แสดงวงจร PDCA ของ เดมมิ่ง.......................................................................................... 149 6.3 แสดงวงจร PDCA ทปี่ รับปรงุ โดย อมิ าอิ........................................................................... 149 6.4 แสดงวงจร PDSA ทีป่ รับปรุงโดย เดมมิ่ง.......................................................................... 150 6.5 แสดงแบบจาลองการปรบั ปรงุ นาเสนอโดย API................................................................ 151 6.6 แสดงวงจร PDCA ทปี่ รบั ปรงุ โดยคาโน............................................................................. 151 6.7 แสดงลกั ษณะผงั กา้ งปลาหรือผังสาเหตแุ ละผล................................................................. 153 6.8 แสดงลักษณะใบตรวจสอบจดุ บกพร่องในรูปของตาราง................................................... 153 6.9 แสดงบนั ทกึ การตรวจสอบเส้ือสาเรจ็ รูป........................................................................... 154 6.10 แสดงแผนภูมพิ าเรโตจากตารางที่ 6.1.............................................................................. 155 6.11 แสดงฮีสโตรแกรมของน้าหนักสนิ ค้า................................................................................. 158 6.12 แสดงลกั ษณะแผนภาพการกระจายแบบต่าง ๆ................................................................ 159 6.13 แสดงลกั ษณะกราฟแบบต่าง ๆ......................................................................................... 160 6.14 แสดงลกั ษณะการกระจายข้อมลู ของแผนภูมคิ วบคมุ ........................................................ 161 6.15 แสดงตัวอย่างแผนผังกลมุ่ ความคิด................................................................................... 162 6.16 แสดงตัวอยา่ งแผนผงั ความสมั พนั ธ์................................................................................... 163 6.17 แสดงตวั อยา่ งแผนผงั ต้นไม้............................................................................................... 164 6.18 แสดงผังเมตริกซ์รูปแบบต่าง ๆ......................................................................................... 165 ฏ สารบญั | Contents

สารบญั ภาพ (ต่อ) ภาพท่ี หน้า 6.19 แสดงตัวอยา่ งผังลูกศร………………….................................................................................. 165 6.20 แสดงตัวอยา่ งแผนภูมิขนั้ ตอนการตัดสินใจกระบวนการจดั ซื้อ......................................... 166 7.1 แสดงกลยุทธ์การมุง่ เนน้ กระบวนการ............................................................................... 175 7.2 แสดงกระบวนการผลติ น้าด่ืมบรรจขุ วด............................................................................ 176 7.3 แสดงกระบวนการประกอบรถยนต์................................................................................... 177 7.4 แสดงแผนภูมิควบคุมแบบ X ........................................................................................... 185 7.5 5 แสดงแผนภูมคิ วบคมุ แบบ R......................................................................................... 185 7.6 เมตรกิ ซ์ความสัมพันธร์ ะหว่างการมุ่งตอบสนองลูกค้าเฉพาะรายและจานวนพนักงาน..... 186 7.7 แสดงถึงการพฒั นาเทคโนโลยีผลติ ภณั ฑ์ภายในองคก์ ร..................................................... 188 7.8 ระบบการลาเลยี งผา่ นสายพานอัตโนมัติ........................................................................... 189 7.9 แสดงการใชเ้ อจีวีขนถ่ายสนิ ค้าทที่ า่ เรือ............................................................................. 189 7.10 แสดงระบบจดั เก็บสินค้าอัตโนมัติ..................................................................................... 190 7.11 แสดงระบบการผลติ แบบยดื หยนุ่ ...................................................................................... 190 7.12 แสดงหนุ่ ยนต์ท่ใี ชใ้ นอตุ สาหกรรม..................................................................................... 191 7.13 แสดงการเชื่อมโยงเทคโนโลยีสารสนเทศ.......................................................................... 192 7.14 แสดงรูปแบบการวางแผนกาลังการผลติ กับความตอ้ งการของลูกคา้ ................................ 193 7.15 แสดงแนวคิดในการวิเคราะหจ์ ุดคมุ้ ทนุ ............................................................................. 195 8.1 แสดงการกาหนดพิกัดของสถานท่ใี นการเลือกทาเลท่ตี ั้ง.................................................. 216 8.2 แสดงพกิ ัดของแหล่งรับซ้ือตา่ ง ๆ...................................................................................... 218 8.3 แสดงระยะทางระหว่างจุด A และ จุด B.......................................................................... 219 8.4 แสดงระยะทางระหวา่ งแหล่งทตี่ ัง้ และแหล่งรบั ซื้อ........................................................... 221 9.1 แสดงการประกอบเครื่องบนิ ขนาดใหญ่............................................................................ 239 9.2 แสดงการการวางผังตามกระบวนการผลติ ........................................................................ 240 9.3 แสดงการวางผังตามผลติ ภณั ฑ์.......................................................................................... 241 9.4 แสดงการวางผงั ใหมจ่ ากแบบกระบวนการมาเปน็ แบบกลมุ่ เซลล์ปฏิบตั ิการ..................... 242 สารบญั | Contents ฐ

สารบญั ภาพ (ต่อ) ภาพท่ี หนา้ 9.5 แสดงการวางผงั กลุ่มเซลล์ปฏบิ ตั ิการแบบตัวยู.................................................................. 243 9.6 แสดงการวางผังแบบแยกห้องเฉพาะ…………………............................................................ 245 9.7 แสดงการวางผังแบบแยกห้องเฉพาะแบบกลมุ่ .................................................................. 246 9.8 แสดงการวางผังแบบเปดิ รูปทรงเรขาคณิต........................................................................ 247 9.9 การวางผังแบบเปดิ รูปทรงอิสระ....................................................................................... 247 9.10 การวางผงั สาหรับธรุ กจิ คา้ ปลีกแบบตาราง....................................................................... 248 9.11 การวางผงั สาหรบั ธุรกิจค้าปลีกแบบอิสระ......................................................................... 249 9.12 การวางผงั สาหรบั ธรุ กิจค้าปลีกแบบวน............................................................................. 249 9.13 การวางผังสาหรับธุรกจิ คา้ ปลีกแบบกระดูก...................................................................... 250 9.14 การวางผงั คลังสนิ ค้าท่ีมีหน้าท่ีเกบ็ รกั ษาสนิ คา้ .................................................................. 252 9.15 การวางผังคลังสนิ ค้าท่ีมหี น้าที่มหี น้าทก่ี ระจายสนิ ค้า........................................................ 252 9.16 แสดงการเชอ่ื มโยงจานวนครง้ั ทปี่ ระสานงานระหวา่ งแผนก............................................. 254 9.17 แสดงการเชอื่ มโยงระหว่างแผนกเมอ่ื ทาการสลับตาแหนง่ แผนก C และ D...................... 255 9.18 แสดงการเช่ือมโยงระหวา่ งแผนกเมอื่ ทาการเลอื่ นแผนก C และ E................................... 255 9.19 แสดงการออกแบบผังด้วยเทคนคิ การจดั ผังกลุ่มงาน........................................................ 255 9.20 แสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพื้นท่ีตา่ ง ๆ............................................................................. 256 9.21 แสดงแผนภาพการเช่ือมโยงจากความสัมพนั ธร์ ะหว่างพื้นที่............................................. 257 9.22 แสดงแผนภาพการเชื่อมโยงเม่ือสลบั พื้นท่ี 1 และ 4......................................................... 257 9.23 แสดงการออกแบบผังด้วยเทคนิคการจดั ผังเชิงความสมั พนั ธ์........................................... 258 9.24 แสดงกระบวนการผลิตแบบต่อเน่อื งของบรษิ ัท................................................................ 260 9.25 แสดงผังใหม่ทจี่ ัดได้จรงิ ..................................................................................................... 261 10.1 แบบจาลองโซ่อุปทานแสดงการไหลของสนิ คา้ ข้อมูลและสารสนเทศ.............................. 269 10.2 แสดงการไหลของวตั ถุดบิ และสินค้าไปยงั จุดพกั ............................................................... 270 10.3 แบบจาลองการพัฒนากระบวนการจัดการลกู ค้าสมั พนั ธ์.................................................. 272 10.4 รูปแบบความสัมพันธก์ บั ผู้ส่งมอบ..................................................................................... 275 ฑ สารบญั | Contents

สารบญั ภาพ (ต่อ) ภาพท่ี หน้า 10.5 รปู แบบการพฒั นาความสัมพันธพ์ นั ธมติ รทางธรุ กจิ .......................................................... 277 10.6 แสดงระบบสารสนเทศในการจัดการโซ่อุปทาน…………………........................................... 278 10.7 ความสัมพันธร์ ะหว่างระบบสารสนเทศต่าง ๆ ในระบบ ERP............................................ 281 10.8 แสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งระบบสารสนเทศในการจดั การโซอ่ ปุ ทานและความสมดุล ของความต้องการและการจัดหา....................................................................................... 282 10.9 แสดงการเคลื่อนย้ายในระบบโลจิสตกิ ส์............................................................................ 283 10.10 แสดงองค์ประกอบ เป้าหมาย และกจิ กรรมหลกั โลจิสตกิ ส์............................................... 284 10.11 แสดงต้นทุนโลจิสติกส์ในประเทศไทยปี 2556.................................................................. 288 10.12 แสดงสดั ส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ ประเทศ อเมรกิ า ไทย และจีน ปี 2553............................ 288 10.13 แสดงการลดจานวนเทย่ี วขนส่งโดยใช้ศูนย์กระจายสินค้า................................................. 289 10.14 เปรียบเทียบตน้ ทนุ การขนสง่ แบบเดียวกบั การขนส่งหลายรูปแบบ................................... 290 11.1 แสดงแนวคิดการจัดการสนิ คา้ คงคลงั ............................................................................... 304 11.2 แสดงตัวแบบพน้ื ฐานสินค้าคงคลงั .................................................................................... 305 11.3 แสดงความสัมพันธร์ ะหว่างต้นทนุ การเก็บรักษาและปริมาณสนิ คา้ คงคลัง....................... 306 11.4 แสดงความสมั พันธ์ระหว่างต้นทนุ การส่ังซื้อและปริมาณสนิ ค้าคงคลัง.............................. 307 11.5 แสดงตน้ ทนุ รวมระหวา่ งตน้ ทุนเกบ็ รักษาสนิ ค้าคงคลงั และต้นทนุ การส่ังซ้ือ..................... 308 11.6 แสดงจดุ สั่งซื้อใหม่ทเี่ กิดจากระยะเวลาในการสง่ มอบ (Lead Time)............................... 309 11.7 แสดงรายละเอยี ดตัวแบบพน้ื ฐานสนิ คา้ คงคลัง................................................................. 311 11.8 ตวั แบบสนิ คา้ คงคลงั จากการผลติ ..................................................................................... 313 11.9 แสดงรายละเอยี ดตัวแบบสินค้าคงคลงั จากการผลติ ......................................................... 317 11.10 แสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสินคา้ คงคลงั เพ่ือความปลอดภัยและระยะเวลาส่งมอบ.......... 318 11.11 แสดงโอกาสในการสง่ มอบได้เพยี งพอและโอกาสทีเ่ กิดสินค้าคงคลงั ขาดมือ..................... 318 11.12 แสดงตวั แบบส่ังซ้ือโดยใหร้ อบระยะเวลาคงที่................................................................... 322 12.1 แสดงความสมั พันธร์ ะหว่างแนวคิดต่าง ๆ จนพฒั นามาเป็นการวางแผนทรัพยากร องค์กร............................................................................................................................. .. 330 สารบญั | Contents ฒ

สารบญั ภาพ (ต่อ) ภาพที่ หน้า 12.2 รายละเอียดระบบการวางแผนความตอ้ งการวัสดุ (MRP)................................................. 331 12.3 โครงสรา้ งผลิตภัณฑ์ลาโพงสาเร็จรปู …………………............................................................ 332 12.4 แสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งระยะเวลาส่งมอบกบั โครงสร้างผลิตภณั ฑ์.............................. 334 12.5 แสดงระบบการวางแผนความต้องการวัสดแุ บบวงจรปิด (MRP Closed Loop).............. 346 12.6 แสดงการปรบั ภาระงานในการวางแผนความตอ้ งการการผลิต......................................... 347 12.7 แสดงระบบการวางแผนทรัพยากรการผลิต MRP II.......................................................... 348 12.8 แสดงการเชอ่ื มโยงระบบตา่ ง ๆ ภายในระบบการวางแผนทรพั ยากรองค์กร..................... 349 12.9 แสดงถึงการไหลเวียนของข้อมูลและสารสนเทศในระบบการวางแผนทรพั ยากรองคก์ ร... 350 13.1 แสดงวงจรชีวิตอปุ กรณ์และเคร่อื งจักร.............................................................................. 357 13.2 ประเภทการบารุงรักษาอุปกรณแ์ ละเครอ่ื งจักร................................................................ 362 13.3 แผนภาพการตดั สนิ ใจในการกาหนดนโยบายการบารงุ รักษา............................................ 364 13.4 แสดงการถา่ ยทอดแนวคดิ การบารุงรกั ษาเพื่อกาหนดนโยบายและแนวทางในการ ดาเนินการ........................................................................................................................ 365 13.5 แสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างต้นทุนการบารุงรักษาแบบปอ้ งกันและแบบแก้ไขเมอื่ ชารุด.... 366 13.6 แสดงตน้ ทุนการบารงุ รักษาตามแนวคิดในปจั จุบัน........................................................... 370 13.7 แสดงความน่าเชือ่ ถอื ของระบบทม่ี อี งคป์ ระกอบย่อยภายในระบบเปน็ แบบอนกุ รม......... 371 13.8 แสดงความน่าเชือ่ ถอื ของระบบทีม่ ีองคป์ ระกอบยอ่ ยภายในระบบเป็นแบบขนาน........... 372 13.9 แสดงความนา่ เชื่อถอื ของระบบทม่ี ีองค์ประกอบย่อยภายในระบบเปน็ แบบผสม.............. 373 13.10 แสดงความสมั พันธแ์ นวคดิ การบารงุ รักษาแบบอเมริกนั และแบบญ่ีปนุ่ ............................ 376 13.11 แสดงแนวคดิ การบารงุ รกั ษาที่มงุ่ เนน้ ขบั เคลอ่ื นคุณคา่ (VDM)......................................... 380 13.12 แสดงองคป์ ระกอบระบบการจัดการบารงุ รกั ษาดว้ ยคอมพิวเตอร์ (CMMS)..................... 381 ณ สารบญั | Contents

สารบญั ตาราง ตารางท่ี หน้า 1.1 แสดงความแตกต่างระหว่างการผลิตสนิ ค้าและการบรกิ าร………………………………………… 13 1.2 แสดงรายการทางการเงนิ ท่เี กย่ี วขอ้ งกบั ส่วนการตลาด การเงนิ และการดาเนนิ งาน……… 20 1.3 แสดงการหาผลิตภาพ ประสิทธิภาพ และประสทิ ธผิ ลในปี 2555 และ 2556.................. 27 2.1 แสดงวธิ กี ารวิเคราะหโ์ ซค่ ณุ ค่าการเปรยี บเทยี บต้นทนุ และเปรียบเทยี บความแตกต่าง..... 43 2.2 แสดงความแตกต่างในการตัดสินใจในการดาเนินงานระหว่างการผลิตสินค้าและการ 51 ใหบ้ ริการ.......................................................................................................................... 3.1 แสดงการประมาณการระยะเวลาการดาเนนิ งานโครงการวิจัยใหม่.................................. 62 3.2 แสดงการคานวณระยะเวลาดาเนินกิจกรรมและความแปรปรวนโครงการวจิ ัยใหม่.......... 64 3.3 แสดงผลการคานวณทกุ กจิ กรรมดว้ ยการกาหนดเวลาอย่างเรว็ ทส่ี ดุ ................................. 70 3.4 แสดงผลการคานวณทกุ กิจกรรมดว้ ยการกาหนดเวลาอย่างชา้ ท่สี ดุ .................................. 72 3.5 แสดงการหาระยะเวลาทลี่ า่ ช้าได้ในแต่ละกจิ กรรม........................................................... 74 3.6 การกาหนดวันทเี่ ร่ิมงานและเสร็จสนิ้ เพอื่ สรา้ งแผนภูมิแกนต์............................................ 77 4.1 แสดงวิธกี ารคานวณค่าเฉล่ียเคล่อื นทอ่ี ยา่ งง่าย 3 เดอื น และ 5 เดือน.............................. 92 4.2 แสดงวิธีคานวณคา่ เฉล่ยี ถ่วงนา้ หนกั ในรอบ 2 เดือน........................................................ 95 4.3 แสดงวิธคี านวณคา่ พยากรณ์ปรบั เรยี บเอกซโ์ พเนนเชียล.................................................. 96 4.4 แสดงวิธีคานวณคา่ พยากรณ์วิธีกาลงั สองน้อยทสี่ ุด........................................................... 100 4.5 แสดงวธิ คี านวณหาอตั ราส่วนยอดขายจรงิ และยอดขายจากสมการแนวโนม้ .................... 102 4.6 แสดงวิธคี านวณหาดชั นฤี ดูกาล (S)................................................................................... 103 4.7 แสดงวิธคี านวณหาดัชนีฤดูกาลเทียบกับแนวโน้มในปี 2556............................................ 103 4.8 แสดงวธิ คี านวณหาความสมั พันธ์ระหวา่ งยอดขายสนิ ค้า Y และ X................................... 105 4.9 แสดงวิธีคานวณหาความแมน่ ยาค่าพยากรณ์.................................................................... 107 6.1 แสดงวิธีการหารอ้ ยละ และร้อยละสะสมจากความถี่........................................................ 155 6.2 ขอ้ มลู นา้ หนกั ของสินค้าพิจารณาเฉพาะส่วนทศนยิ ม (100 กรมั )..................................... 156 6.3 แสดงการแจกแจงความถ่ขี องขอ้ มูลในแต่ละอันตรภาคชั้น............................................... 157 7.1 สญั ลักษณแ์ ละคาจากัดความโดยยอ่ ในแผนภูมิกระบวนการไหล...................................... 180 สารบญั | Contents ด

สารบญั ตาราง (ต่อ) ตารางท่ี หนา้ 7.2 แสดงแผนภมู ิการไหลของกระบวนการทางานของพยาบาล………………………………………. 181 7.3 แสดงข้อมลู น้าหนกั ของสนิ คา้ (บันทกึ เฉพาะส่วน 100 กรมั )……….................................. 183 7.4 แสดงรายการสินค้า ตน้ ทนุ ผนั แปรและยอดขายท่พี ยากรณข์ องร้านกาแฟแห่งหนง่ึ ......... 198 7.5 แสดงวิธกี ารหามูลคา่ ที่ค้มุ ทนุ ของผลิตภัณฑห์ ลายชนิด.................................................... 198 7.6 แสดงการหาปรมิ าณทค่ี มุ้ ทุนของผลิตภณั ฑห์ ลายชนดิ ..................................................... 199 8.1 แสดงต้นทนุ และขอ้ มูลการพยากรณ์ยอดขายของสถานทต่ี ัง้ แตล่ ะสถานท่ี....................... 209 8.2 แสดงสภาพเศรษฐกจิ ปรมิ าณความตอ้ งการและความน่าจะเป็นที่เกิดขน้ึ ....................... 210 8.3 แสดงผลตอบแทนจากสภาพเศรษฐกจิ ที่แตกต่างกนั ........................................................ 211 8.4 แสดงค่าคาดคะเนในแต่ละทางเลือก................................................................................. 212 8.5 แสดงวิธีการคานวณค่าเสยี โอกาส..................................................................................... 212 8.6 แสดงวธิ ีการคานวณหาคา่ คาดคะเนทีเ่ สียโอกาสในแตล่ ะทางเลือก.................................. 213 8.7 แสดงวิธีการตัดสนิ ใจดว้ ยเกณฑ์แมกซแิ มกซ์..................................................................... 213 8.8 แสดงวิธกี ารตดั สนิ ใจดว้ ยเกณฑ์แมกซิมิน......................................................................... 214 8.9 แสดงวิธีการตัดสนิ ใจด้วยเกณฑแ์ มกซ์รีเกรต.................................................................... 214 8.10 แสดงวธิ ีการตดั สินใจดว้ ยเกณฑข์ องลาปลาซ................................................................... 215 8.11 แสดงวธิ ีการตดั สินใจดว้ ยเกณฑข์ องเฮอร์วกิ ซ์................................................................... 215 8.12 แสดงปรมิ าณยอดรับซอ้ื จากสถานท่ีต่าง ๆ....................................................................... 217 8.13 แสดงวิธกี ารคานวณระยะทาง........................................................................................... 220 8.14 แสดงรายละเอยี ดตน้ ทุน กาลงั การผลิตและความต้องการของลูกค้า................................ 222 8.15 แสดงต้นทุนขนสง่ ทาเลท่ตี ัง้ โรงงาน C และ D................................................................... 222 8.16 แสดงรายละเอียดตัวแบบการขนส่งเมื่อเพิ่มโรงงาน C...................................................... 223 8.17 แสดงตารางตวั แบบการขนส่งเพอ่ื ใชใ้ นการคานวณ......................................................... 223 8.18 แสดงการวิเคราะห์ตวั แบบการขนสง่ วธิ ีช่องทางคา่ ใชจ้ า่ ยทต่ี ่าท่สี ดุ เม่ือขยายโรงงาน C.. 224 8.19 แสดงการวเิ คราะห์ด้วยวิธปี รับปรุงการกระจาย (MODI).................................................. 226 8.20 แสดงวงจรการปรบั ปรงุ การกระจาย (MODI) เม่ือขยายโรงงาน C คร้งั ท่ี 1...................... 227 ต สารบญั | Contents

สารบญั ตาราง (ต่อ) ตารางท่ี หน้า 8.21 แสดงผลลพั ธ์การปรับปรงุ การกระจาย (MODI) เมอื่ ขยายโรงงาน C ครง้ั ท่ี 1…………….. 227 8.22 แสดงการวเิ คราะหต์ วั แบบการขนสง่ วธิ ชี ่องทางคา่ ใชจ้ า่ ยที่ต่าทีส่ ุดเมื่อขยายโรงงาน D.. 229 8.23 แสดงผลลพั ธ์การปรับปรงุ การกระจาย (MODI) เม่ือขยายโรงงาน D ครัง้ ท่ี 1.................. 230 8.24 แสดงการเรียงลาดบั ความสาคญั ของปัจจัย....................................................................... 231 8.25 แสดงวธิ กี ารเลอื กทาเลท่ตี ้งั โดยวธิ กี ารใหค้ ะแนนถว่ งนา้ หนัก........................................... 232 9.1 แสดงจานวนครงั้ ในการประสานงานระหว่างแผนกตา่ ง ๆ................................................ 253 9.2 แสดงผลรวมจานวนคร้ังในการประสานงานระหวา่ งแผนกต่าง ๆ..................................... 254 11.1 แสดงรอ้ ยละต้นทุนเก็บรักษาสนิ คา้ คงคลังโดยประมาณ................................................... 303 12.1 แสดงตารางรายการผลติ หลัก (MPS)................................................................................ 332 12.2 แสดงรายละเอียดโครงสร้างผลติ ภัณฑก์ ารประกอบลาโพงสาเร็จรูป................................ 333 12.3 แสดงรายละเอยี ดแฟม้ ข้อมลู รายการสินคา้ คงคลัง........................................................... 334 12.4 แสดงรายละเอยี ดรายการทีจ่ ะต้องดาเนินการจัดหาหรอื อกคาสง่ั ซือ้ ............................... 340 12.5 แสดงการวางแผนความตอ้ งการวัสดแุ ผงวงจร ดว้ ยเทคนคิ การออกคาส่ังซ้ือตามปริมาณ การส่ังซื้อทปี่ ระหยดั ......................................................................................................... 341 13.1 แสดงววิ ฒั นาการแนวคดิ การบารงุ รักษา.................................................................... 360 สารบญั | Contents ถ

ท สารบญั | Contents

ความรเู้ บ้อื งตน้ การจดั การการดาเนนิ งาน Introduction to Operations Management การจดั การการดาเนินงาน | Operations Management 1

2 บทนา | Introduction

บทนา Introduction เน้อื หาประจาบท - ความเป็นมาของการจัดการการดาเนนิ งาน - แนวคิดการจดั การการดาเนนิ งาน - ระบบการดาเนินงาน - ระดบั ของสนิ ค้าและบริการ - การจดั การดาเนินงานดา้ นการผลิต - การจาแนกประเภทของระบบการดาเนินงานดา้ นการผลิต - เป้าหมายการดาเนนิ งานด้านการผลติ - การจดั การดาเนินงานด้านการบริการ - ความสาคัญในการจัดการการดาเนนิ งาน - ผลิตภาพ - บทสรปุ วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ เพอื่ ใหผ้ ูศ้ ึกษาสามารถอธิบาย - ความเปน็ มาและแนวคิดการจัดการการดาเนินงาน - ความแตกตา่ งระหว่างการจัดการการดาเนินงานด้านการผลิตและด้านการบริการ - ความสาคญั ของการจัดการการดาเนนิ งาน เพอ่ื ใหผ้ ศู้ ึกษาสามารถแสดงวธิ ีการหาและอธิบาย - ผลิตภาพด้านการผลติ และด้านการบรกิ าร การจดั การการดาเนนิ งาน | Operations Management 3

บทท่ี 1 บทนา Introduction การดาเนินงานเป็นกิจกรรมที่ผู้บริหารในองค์กรต้องให้ความสนใจ เพราะเก่ียวข้องกับรายได้ และความอยรู่ อดขององค์กร ในการจัดการการดาเนนิ งาน (Operations Management) เร่มิ ตน้ เป็น การพัฒนาองค์ความรู้มาจากการจัดการการผลิต (Production Management) ซ่ึงมุ่งเน้นไปท่ีการ ผลิตสินค้าหรืออุตสาหกรรมการผลิต ต่อมาได้พัฒนาเพื่อต่อยอดองค์ความรู้ครอบคลุมไปถึงการ บริการมาเป็นการจัดการผลิตและการดาเนินงาน (Production & Operations Management) ซึ่ง แสดงให้เห็นถึงโฟกัสที่กว้างกว่า ในปัจจุบันจะใช้ช่ือการจัดการการดาเนินงาน (Operations Management) ซึ่งมีความหมายครอบคลุมการผลิตอยู่แลว้ และมเี นื้อหาทกี่ วา้ งกวา่ การดาเนินงานเก่ียวข้องกับกิจกรรมการสร้างมูลค่าจากกระบวนการแปลงสภาพทรัพยากร ให้เกิดผลผลิตในรูปของสินค้าและบริการ ซึ่งนับได้ว่าเป็นกิจกรรมสาคัญที่เกิดข้ึนในทุก ๆ องค์กร ท้ัง กิจกรรมการผลิตสินค้าท่ีจับต้องได้ทางกายภาพในธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิต และกิจกรรมท่ีไม่ได้ ผลิตสินค้าทางด้านกายภาพแต่ให้บริการแก่ลูกค้าในธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายจะเป็น สินค้าหรือบริการ การบริหารการดาเนินงานจะเกี่ยวข้องกับหน้าท่ีหลักในการบริหารจัดการซึ่ง ประกอบไปด้วย การวางแผน (Planning), การจัดองค์การ (Organizing), การจัดคนเข้าทางาน (Staffing), การบังคับบญั ชา (Leading) และการควบคุมงาน (Controlling) เพอื่ ใหบ้ รรลุเป้าหมายใน การส่งมอบสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้า (Delivery) ในปริมาณท่ีถูกต้อง (Quantity) มีคุณภาพ (Quality) และมีต้นทุนท่ีเหมาะสม (Cost) นอกจากน้ียังต้องคานึงถึงความปลอดภัย (Safety) และ สิ่งแวดล้อม (Environment) ด้วย 4 บทนา | Introduction

ความเป็ นมาของการจดั การการดาเนนิ งาน องคค์ วามรู้ทางด้านการจดั การการดาเนินงานในปัจจุบัน นับวา่ ยังเปน็ เร่ืองใหม่ที่เกิดจากการ พัฒนาต่อยอดองค์ความรู้มาจากแนวคิดและทฤษฎีต่าง ๆ ที่มีผู้คิดค้นไว้ในอดีต สามารถลาดับความ เปน็ มาของแนวคดิ การจดั การการดาเนินงานดงั ภาพท่ี 1.1 ม่งุ เนน้ ต้นทนุ ม่งุ เนน้ คุณภาพ มงุ่ เน้นลกู คา้ (Customization Focus) (Cost Focus) (Quality Focus) ยคุ มงุ่ เนน้ ความต้องการของ ยคุ แรก ค.ศ.1776-1880 ยคุ การผลิตขนาดใหญ่ ยุคการผลิตแบบลีน ลกู คา้ ค.ศ.1996-ปัจจุบัน -การแบง่ งานกันทา (Smith) -แนวคดิ โลกาภวิ ฒั น์ -ชิ้นสว่ นมาตรฐาน ค.ศ.1913-1980 ค.ศ.1981-1995 -ระบบพาณชิ ย์อิเล็กทรอนกิ ส์ (Whitney) -การจัดสายการผลติ -การผลติ แบบทันเวลา (JIT) (E-Commerce) ยคุ การผลิตเชงิ วิทยาศาสตร์ (Ford/Sorensen) -การออกแบบด้วยคอมพวิ เตอร์ -ระบบ ERP /มาตรฐาน ISO ค.ศ.1881-1912 -เทคนคิ การกาหนดตารางการ -การจดั ตารางการผลติ -การสุ่มตวั อย่างทางสถติ ิ (CAD) ผลิตแบบจากัด -การตอบสนองความต้องการ (Gantt) (Shewhart) -การแลกเปล่ยี นขอ้ มลู ของลกู คา้ ในวงกวา้ ง -การตลาดแบบยง่ั ยนื -การศกึ ษาการเคล่ือนไหว -ปรมิ าณสง่ั ซือ้ ทปี่ ระหยัด อิเล็กทรอนกิ ส์ (EDI) -การผลิตตามคาสงั่ ซ้อื (Gilbreth) -การจัดการโซ่อุปทาน (Harris) -การจัดการคณุ ภาพแบบ -การวเิ คราะห์กระบวนการ Operations (Taylor) -กาหนดการเชิงเส้นและ เบด็ เสรจ็ (TQM) Management -ทฤษฎแี ถวคอย (Erlang) เทคนิค Pert/CPM -รางวลั คณุ ภาพ Production (DuPong) -การมอบอานาจ Management -แผนความตอ้ งการวสั ดุ -ระบบการด์ คาสง่ั (MRP) (Kanbans) Production & Operations Management ภาพท่ี 1.1 แสดงลาดับความเป็นมาของแนวคิดการจัดการการดาเนนิ งาน (ทม่ี า: ปรับปรุงจาก Heizer and Render, 2011: 37) การจดั การการดาเนินงาน | Operations Management 5

ในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการจัดการการดาเนินงาน (Operations Management) ในช่วงแรกจะมุ่งเน้นไปที่ต้นทุน (Cost Focus) องค์ความรู้ต่าง ๆ จึงมุ่งเน้นไปท่ีการจัดการการผลิต (Production Management) สามารถจาแนกตามลาดบั ไดด้ ังนี้ ยุคแรก (ค.ศ.1776-1880) อยู่ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยการนาเครื่องจักรมาใช้ใน การผลิตแทนแรงงาน ยุคนี้มีองค์ความรู้ที่สาคัญก่อให้เกิดรากฐานองค์ความรู้การจัดการผลิต ได้แก่ - Adam Smith (1776) ได้เสนอแนวคิดการแบ่งงานกันทา (Labor Specialization) ท่ีมี แนวความคิดที่ว่าแต่ละบุคคลมีความสามารถและความถนัดท่ีแตกต่างกัน การแบ่งงานตาม ความสามารถของแรงงานจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทางานมากกว่าให้ทุกคนทางาน ทัง้ หมดเหมอื นกนั - Eli Whitney (1880) ได้เสนอแนวคิดชิ้นส่วนมาตรฐาน (Standardized Part) แนวคิดนี้ เป็นการกาหนดมาตรฐานของชิ้นส่วนและอะไหล่ของเครื่องจักร ทาให้เกิดประสิทธิภาพใน การซอ่ มบารงุ ยุคการผลิตเชิงวิทยาศาสตร์ (ค.ศ.1881-1912) เป็นการนาเอาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตรแ์ ละสถิติมาชว่ ยในการบรหิ ารจัดการการผลิต ได้แก่ - Frederick Winslow Taylor (1881) ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งแนวคิดการจัดการ เชิงวิทยาศาสตร์หรือเชิงเหตุและผล (Scientific management) ซ่ึง Taylor ได้ศึกษาถึง วิธีการทางานที่มีประสิทธิภาพเพื่อหาวิธีการทางานท่ีดีที่สุด (One best way) และจาก การศึกษาพบว่า คนงานควรที่จะทางานที่ตนเองมีความถนัด จึงจะสามารถทางานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ - A.K. Erlang (1910) เป็นผู้ที่คิดค้นทฤษฎีแถวคอย (Queuing Theory) โดยใช้คณิตศาสตร์ แก้ปัญหาการรอคอย และความยาวของแถวคอยของผู้ใช้โทรศัพท์ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ค 6 บทนา | Introduction

- Frank Bunker and Lillian Moller Gilbreth (1912) ท้ังคู่เป็นสามีภรรยากันโดยผลงาน ท่ีสาคัญของ Frank และ Lillian Gilbreth คือการศึกษาการเคลื่อนไหว (Motion study) โดยมีการจับเวลาด้วยนาฬิกาและการถ่ายภาพเคล่ือนไหวอย่างช้า ๆ (slow motion picture) เปน็ การศึกษาถึงการเคลื่อนไหวรา่ งกายของคนงานเพ่ือออกแบบวิธีการทางานที่จะ ช่วยลดเวลาและความเหนื่อยลา้ จากการทางาน ซ่ึงจะทาให้สามารถเพิม่ ผลผลติ ได้ - Henry L. Gantt (1912) มีชื่อเสียงจากการนาเสนอแผนภูมิแกนต์ (Gantt Chart) มาช่วย วางแผนการจัดตารางการผลิต (Production schedule) นอกจากนี้ยังมีผลงานการพัฒนา ระบบคา่ จ้างของงานและการจา่ ยโบนสั (Task and Bonus System) ยุคการผลติ ขนาดใหญ่ (ค.ศ.1913-1980) เปน็ ยุคทเี่ กดิ อุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ รวม ไปถึงอุตสาหกรรมการขนส่งท่ีนาหัวรถจักรไอน้ามาใช้ในรถไฟ และมีการปรับปรุงเรือกลไฟให้มี ความสามารถลาเลียงและขนส่งทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้สามารถกระจายสินค้าเข้าถึง ลูกค้าได้ในวงกว้าง แนวคดิ และทฤษฎีต่าง ๆ ในยุคนไ้ี ด้แก่ - Henry Ford (1913) เป็นผู้คิดค้นระบบการผลิตแบบสายการประกอบ (Assembly line) ซึ่งเป็นการจัดวางเครื่องจักรอุปกรณ์การผลิตตามลาดับขั้นตอนในการผลิต จากการใช้ระบบ การผลิตแบบสายการประกอบนี้เองทีท่ าให้ Ford สามารถผลิตรถยนต์ไดเ้ ปน็ จานวนมากและ มตี น้ ทุนทต่ี า่ จงึ ทาให้รถยนต์ของ Ford เป็นทีต่ อ้ งการของตลาดเป็นอย่างมากและระบบการ ผลติ แบบสายการประกอบนยี้ งั ได้รับความนยิ มอยา่ งแพรห่ ลายจนถงึ ปจั จบุ ัน - F.W. Harris (1913) ได้ทาการวิเคราะห์และพัฒนาตัวแบบสินค้าคงคลังที่ใช้ในการ คานวณหาปรมิ าณการสั่งซ้ือที่ประหยัด (Economic Order Quantity: EOQ) โดยทเี่ ป็นการ พิจารณาหาความสมดุลระหว่างค่าใชจ้ า่ ยในการส่งั ซ้ือกับคา่ ใชจ้ ่ายในการเก็บรักษาเพื่อให้เกิด คา่ ใชจ้ ่ายสนิ คา้ คงคลังทีม่ ีต้นทนุ ตา่ ทีส่ ุด - W. Shewhart, H.F. Dodge, H.G. Romig, L.H.C. Tippett (1924) ได้พัฒนาแล ะใช้ การควบคุมคุณภาพโดยอาศัยวิธีการทางสถิติ (Statistical Quality Control) ซึ่งเทคนิคการ ควบคุมคุณภาพเชิงสถิติได้ใช้กันอย่างแพร่หลายมากนับต้ังแต่สงครามโลกคร้ังท่ี 2 จนถึง การจดั การการดาเนนิ งาน | Operations Management 7

ปจั จุบัน โดยถอื ว่าการควบคุมคณุ ภาพเป็นกิจกรรมพน้ื ฐานทจี่ ะยกระดับของคณุ ภาพการผลิต ไปสกู่ ารจัดการคณุ ภาพแบบเบด็ เสร็จ (Total Quality Management) - Booz Allen and Hamilton, DuPong (1958) ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผน และบริหารโครงการโดยใช้เทคนิคท่ีเรียกว่า Pert & CPM โดยเน้นวางแผนและควบคุมเวลา ของกิจกรรมการดาเนินงานท่ีมีความสัมพันธ์กันตลอดจนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของโครงการท่ี เกิดข้นึ - Joseph Orlicky, Oliver Wight (1980) ได้พัฒนาระบบการวางแผนความต้องการวัสดุ (Material Resource Planning: MRP) มาช่วยในการจัดสรรและควบคุมปริมาณวัตถุดิบ และเวลาดาเนินการในการนาเข้าสู่กระบวนการผลิตจนได้ผลิตภัณฑ์สุดท้าย เพื่อส่งมอบ ใหก้ บั ลกู คา้ ยุคการผลิตแบบลีน (ค.ศ.1981-1995) เป็นยุคที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้นาในอุตสาหกรรมการ ผลิตต่าง ๆ ระดับโลก แนวคิดในยุคนี้จะมุ่งเน้นไปที่คุณภาพ (Quality Focus) องค์ความรู้ต่าง ๆ จึง มาจากการบริหารจัดการแบบญ่ีปุ่น เริ่มต้นได้พัฒนาองค์ความรู้จากอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ จากแนวคิดวิถีแห่งโตโยต้า (Toyota Way) ได้มีการประยุกต์ใช้แนวคิดไปยังอุตสาหกรรมอ่ืน ๆ รวม ไปถึงธุรกิจบริการด้วย จากองค์ความรู้ด้านการจัดการการผลิต (Production Management) ได้ พัฒนาเป็นองค์ความรู้ด้านการจัดการการผลิตและการดาเนินงาน (Production & Operations Management) องคค์ วามรูท้ ีส่ าคัญในยคุ น้ีได้แก่ - Toyota (1981) ได้พัฒนาระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี (Just in Time) มาใช้ในการ ผลิตรถยนต์ของตนเพื่อลดการสูญเสียและส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้ทันตามความต้องการ ระบบนี้เริ่มใช้ในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1956 และองค์ความรู้นี้ได้เข้าสู่ในอเมริกาและ แพร่หลายในช่วงตน้ ทศวรรษ 1980 นอกจากนีย้ ังพฒั นาระบบ Kanbans ที่ใชบ้ ตั รหรอื การ์ด คาส่ังแสดงสถานะในการดาเนินการขน้ั ตอนถดั ไป ในระบบการผลติ แบบดึง (Pull System) 8 บทนา | Introduction

- W. Edwards Deming (1982) เดิมทีได้นาเสนอแนวคิดวงจรคุณภาพที่เรียกว่า PDCA Cycle มาช่วยในการจดั การคุณภาพท่ีประเทศญปี่ ุ่นในปี 1951 และพฒั นาองคค์ วามร้จู นเกิด การควบคุมคุณภาพทั่วท้ังองค์กร (company-wide quality control) ซ่ึงเป็นรากฐานของ องค์ความรู้ในการจัดการคุณภาพแบบเบ็ดเสร็จ (Total Quality Management: TQM) มา จนถึงปจั จุบัน นอกจากน้ีในช่วงทศวรรษท่ี 1980 เป็นต้นมา เป็นยุคที่มีการนาระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยใน การทางาน ชว่ ยในการจดั การการผลิตและการดาเนนิ งาน ไดแ้ ก่ - ระบบคอมพวิ เตอร์มาช่วยในการออกแบบ (Computer Aided Design: CAD) เปน็ ระบบที่ ใช้คอมพิวเตอร์ออกแบบชิ้นงานหรือผลิตภัณฑ์ และได้พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยใน การควบคุมการทางานของเคร่ืองจักร (Computer Aided Manufacturing: CAM) ซ่ึง ปจั จุบนั ระบบ CAD/CAM ถกู พัฒนาให้ทางานร่วมกัน - ระบบวางแผนความต้องการวัสดุ (Material Requirement Planning: MRP) เป็นระบบ เพื่อช่วยในการบริหารสินค้าคงคลัง นอกจากน้ียังพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลไปสู่ระบบ การเงิน การบญั ชี และการกระจายสินค้าทีเ่ รยี กว่าระบบ MRP II - ระบบแลกเปล่ียนขอ้ มลู ขา่ วสารระหวา่ งองค์กร (Electronic Data Interchange: EDI) เป็น ระบบท่ีเชื่อมโยงการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ทั้งภายในองค์กรและระหว่าง องคก์ ร ทาใหก้ ารทาธรุ กรรมระหว่างองคก์ รสะดวก รวดเร็ว และมคี วามปลอดภัย ยุคปัจจุบัน (ค.ศ.1996-ปัจจุบัน) เป็นยุคท่ีมุ่งเน้นลูกค้า (Customization Focus) จึงไม่ได้ มุ่งเน้นไปท่ีอุตสาหกรรมการผลิตเท่าน้ัน ปัจจุบันจึงใช้ช่ือว่าการจัดการการดาเนินงาน (Operations Management) ซ่ึงมีความหมายครอบคลุมการจัดการการผลิตและมีเน้ือหาที่ครอบคลุมไปถึงองค์ ความรู้ต่าง ๆ ได้แก่ แนวคิดโลกาภิวัตน์, การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce), ระบบการ วางแผนทรพั ยากรในองคก์ ร (Enterprise Resource Planning: ERP), มาตรฐาน ISO, การตอบสนอง ต่อความต้องการของลูกค้าในวงกว้าง (Mass Customization) และ การจัดการโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) เปน็ ต้น การจัดการการดาเนนิ งาน | Operations Management 9

แนวคดิ การจดั การการดาเนนิ งาน แนวคิดด้านการจัดการการดาเนินงาน (Operations Management) นับว่ายังเป็นเร่ืองใหม่ ทม่ี ผี ้ใู หค้ านยิ ามความหมายการดาเนินงานดงั ต่อไปนี้ เอส เอนิล คูมาร์ และ เอ็น ซัวเรซ (Kumar and Suresh, 2009: 9) ได้ให้ความหมายการ ดาเนนิ งาน หมายถงึ กิจกรรมท่เี กย่ี วขอ้ งกับการดาเนนิ การอย่างใดอย่างหนึ่งท่ีเก่ียวข้องกบั บคุ คลหรือ องค์กรเพ่ือตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า โดยการดาเนินงานสามารถแบ่งได้เป็นการ ดาเนินงานด้านการผลิต (Manufacturing Operations) โดยผลผลิตจะอยูใ่ นรูปของสินคา้ ซงึ่ มตี วั ตน จับต้องได้ และการดาเนินงานด้านการบริการ (Service Operations) ผลผลิตไม่มีตัวตน ไม่สามารถ จับตอ้ งได้ เจย์ ไฮเซอร์ และ แบร์รี่ เรนเดอร์ (Heizer and Render, 2011: 36) ได้ให้ความหมายการ ดาเนินงาน หมายถึง กิจกรรมการสร้างมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ ซึ่งเกิดจากกระบวนการแปลง สภาพปัจจยั นาเข้าใหก้ ลายเป็นผลผลติ ในรปู ของสนิ คา้ และการบริการ สรุปความหมายการจัดการการดาเนินงาน (Operations Management) หมายถึง การ จดั ระบบการทางานของกิจกรรมทีเ่ กี่ยวข้องกบั กระบวนการแปลงสภาพปัจจยั นาเข้าให้เกิดผลผลิตที่มี มูลคา่ เพ่มิ เป็นผลิตภณั ฑท์ มี่ ตี ัวตนจบั ตอ้ งได้และการบริการทสี่ ร้างความพงึ พอใจให้กบั ลกู คา้ ดงั น้นั จะ เห็นได้ว่า การจัดการการดาเนินงาน (Operations Management) จะมีความหมายครอบคลุม มากกวา่ การจัดการการผลติ (Production Management) ระบบการดาเนนิ งาน ระบบการดาเนินงานประกอบไปด้วยปัจจัยนาเข้า (Input) กระบวนการแปรรูปหรือการ ดาเนนิ งาน (Process) และผลผลิต (Output) ในรูปของสนิ คา้ ทเ่ี ป็นผลิตภณั ฑท์ ี่มีตัวตนจับต้องได้และ การบรกิ ารทสี่ ร้างความพงึ พอใจให้กบั ลูกค้า 10 บทนา | Introduction

ปัจจัยนาเขา้ (Inputs) กระบวนการ (Process) ผลผลติ (Outputs) วัตถุดิบ (Materials) สนิ คา้ (Product) แรงงาน (Men) การแปรรูป ลกู คา้ (Transform) บรกิ าร (Customers) ผขู้ ายปัจจยั เงนิ ทนุ (Capital) (Service) (Supplier) หรือ สิ่งแวดลอ้ ม อปุ กรณ์เครื่องจักร ผลกระทบ (Environment) (Machine) การดาเนนิ งาน (Effect) (Operations) ชุมชน สารสนเทศ (Community) (Information) สงั คม (Social) สารสนเทศย้อนกลับ (Information feedback) ภาพที่ 1.2 แสดงระบบการดาเนินงาน จากภาพท่ี 1.2 การจดั การการดาเนนิ การจะเก่ียวข้องกบั องคป์ ระกอบ 3 สว่ น ดังนี้ 1.ปัจจัยนาเข้า (Input) ได้แก่ แรงงาน (Men) วัตถุดิบ (Materials) อุปกรณ์เคร่ืองจักร (Machines) เงนิ ทนุ (Money) และสารสนเทศ (Information) 2.กระบวนการ (Process) ในกรณีที่เป็นการดาเนินงานด้านการผลิต (Manufacturing Operations) จะเปน็ กระบวนการแปรรปู ปัจจยั นาเข้าต่าง ๆ ในกรณที ี่เปน็ การดาเนนิ งานดา้ นบริการ (Service Operations) จะเป็นกระบวนการดาเนินงานเพื่อสนองตอ่ ความตอ้ งการของลูกค้า 3.ผลผลิต (Output) ได้แก่ สินค้าท่ีเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีมีตัวตนจับต้องได้และการบริการที่สร้าง ความพึงพอใจให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังต้องคานึงถึงผลกระทบที่มีต่อ ชุมชน สังคมและส่ิงแวดล้อม ผลการดาเนินงานทเ่ี กดิ ข้นึ จะเปน็ สารสนเทศยอ้ นกลับเพื่อแก้ไข ปรบั ปรุงและพัฒนาสินค้าและบริการ การจัดการการดาเนินงาน | Operations Management 11

ระดบั ของสนิ คา้ และบรกิ าร ระดับของสินค้าและบริการจะข้ึนอยู่กับผลผลิต (Output) ที่ลูกค้าได้รับ สามารถแบ่งระดับ ของสนิ คา้ และบรกิ ารออกเป็น 5 ประเภท ไดแ้ ก่ 1.สินค้าที่มีตัวตน (Pure Tangible Goods) เป็นสินค้าที่มีตัวตนจับต้องได้ มีบริการเข้ามา เกี่ยวข้องท่ีเป็นรูปธรรมน้อยหรือไม่มีบริการเลย เช่น อาหารกระป๋อง สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก อาจมี บรกิ ารได้ในส่วนของการสอบถามข้อมูลผลติ ภณั ฑ์ 2. สินค้าท่ีมีตัวตนพร้อมมีบริการควบ (Tangible Goods with Accompanying Services) จะให้ความสาคัญกับตัวสินค้าท่ีมีตัวตนและการบริการที่แฝงมากับตัวสินค้า เช่น รถยนต์ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้า คอมพวิ เตอร์ เปน็ สนิ คา้ ต้องขายพรอ้ มบรกิ ารดว้ ยเสมอ จะเห็นได้วา่ สนิ ค้าเหลา่ นี้จะมีมี ศูนยบ์ ริการหรือศูนยซ์ ่อมในการให้บรกิ ารลกู คา้ 3. สินค้าและบริการอย่างละเท่ากัน (Hybrid) มีลักษณะของสินค้าท่ีมีตัวตนและการบริการ ใกล้เคยี งกนั เช่น ธุรกิจร้านอาหาร ผู้บริโภคต้องการอาหารอร่อยและการบริการทด่ี ี 4. การบริการเป็นส่วนสาคัญพร้อมด้วยสินค้าเป็นส่วนเสริม (Major Service with Accompanying Minor Goods and Services) จะมุ่งเน้นไปที่การบรกิ ารโดยมสี นิ คา้ ทเี่ ป็นผลิตภัณฑ์ เสรมิ เชน่ ธุรกิจสายการบิน ธรุ กจิ โรงแรม ธุรกจิ เสริมความงาม ลูกคา้ จะใหค้ วามสาคัญกับการบริการ ส่วนสินค้าทขี่ ายถอื เปน็ สนิ ค้าบริการเสรมิ ท่ีลกู คา้ มีความตอ้ งการน้อยกวา่ การรับบรกิ าร 5. การบริการล้วน (Pure Service) เป็นธุรกิจท่ีให้บริการอย่างเดียว มีผลิตภัณฑ์เก่ียวข้อง น้อยมากหรือไม่มีเลย เช่น ธุรกิจรับเลี้ยงเด็ก ธุรกิจให้คาปรึกษา อาจจะมีเอกสารหรือบันทึกเป็น ผลิตภณั ฑเ์ สริม เพ่ือให้เข้าใจความแตกต่างระหว่างการผลิตสินค้าและการบริการสามารถสรุปได้ดังตารางที่ 1.1 ดงั น้ี 12 บทนา | Introduction

ตารางท่ี 1.1 แสดงความแตกตา่ งระหวา่ งการผลิตสินค้าและการบริการ การผลิตสนิ คา้ การใหบ้ รกิ าร - สินค้ามีตวั ตนสามารถจบั ต้องได้ - การบรกิ ารไมส่ ามารถจบั ต้องได้ - จัดกาลงั การผลิตไดง้ ่ายโดยวดั จากผลผลิตทีไ่ ด้ - วดั กาลังการผลิตจากปจั จัยนาเขา้ - มสี ินคา้ คงคลัง - ไม่มสี ินคา้ คงคลงั - มีการลงทุนด้านเครอ่ื งจักร อุปกรณ์การผลติ - การลงทนุ ดา้ นอปุ กรณเ์ คร่ืองมอื ต่าง ๆ ตา่ สูง - ประเมินและตรวจสอบคณุ ภาพการบริการ - ประเมนิ และตรวจสอบคุณภาพสนิ คา้ ได้ ไดย้ าก ชดั เจน ดังนั้นในการดาเนินงานจึงมีรายละเอียดท่ีแตกต่างกันตามระดับของสินค้าและบริการ ซ่ึง สามารถแสดงความสัมพันธร์ ะหว่างลกั ษณะการดาเนนิ งานและระดับสนิ ค้าและบรกิ าร ดังภาพท่ี 1.3 การดาเนินงานดา้ นการผลติ การดาเนนิ งานด้านการบริการ (Manufacturing Operations) (Service Operations) สินค้า บริการ สนิ ค้าทีม่ ตี วั ตน สนิ คา้ ท่มี ตี วั ตน สินคา้ และ บรกิ ารเป็นสว่ น การบรกิ ารล้วน พร้อมมบี ริการ บรกิ ารอยา่ งละ สาคญั พร้อมดว้ ย สนิ ค้าเป็นสว่ น ควบ เทา่ กนั เสริม ภาพที่ 1.3 แสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างลักษณะการดาเนินงานและระดับสนิ ค้าและบรกิ าร การจดั การการดาเนินงาน | Operations Management 13

การจดั การการดาเนนิ งานดา้ นการผลติ การผลิตคือกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับกระบวนการแปลงสภาพปัจจัยการผลิตนาเข้าให้เกิดผล ผลิตหลักเป็นสินค้าท่ีมีตัวตน จับต้องได้ และก่อให้เกิดอรรถประโยชน์ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ ดังน้ันในระบบการผลิต จะเน้นไปท่ีกระบวนการแปลงสภาพ (Transformation Process) ท่ีแปรรูป ปัจจัยการผลติ นาเขา้ ใหเ้ ป็นสนิ คา้ และบริการ ดงั ภาพท่ี 1.4 ปจั จัยนาเข้า กระบวนการแปลงสภาพ ผลผลิต (Inputs) (Transformation Process) (Inputs) ปัจจัยการ วางแผน ปฏบิ ัติ ควบคมุ ปรบั ปรุง เปา้ หมาย ผลติ (Action) (Plan) (Do) (Check) - สินค้า -วตั ถดุ ิบ -การ -บริการ -แรงงาน -การออกแบบ - จัดระบบการ -การควบคุม บารุงรกั ษา -เงินทนุ -อุปกรณ์ ผลิตภณั ฑ์ ทางาน การผลติ เครอ่ื งจกั ร -สารสนเทศ -การวางแผน -การจัด -พลังงาน กระบวนการ พนักงานเขา้ ผลติ ทางาน -การวางแผน -การกาหนด ความต้องการ ทกั ษะการ วัสดุ ดาเนินงาน -การวางแผน กาลังการผลติ สารสนเทศยอ้ นกลับ (Information Feedback) ภาพที่ 1.4 แสดงระบบการจัดการการดาเนนิ งานด้านการผลติ จากภาพที่ 1.4 การดาเนินงานด้านการผลิตจะประกอบไปด้วย การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) การวางแผนกระบวนการผลิต (Process Planning) การควบคุมการผลิต (Production Control) และการบารุงรกั ษา (Maintenance) ระบบการผลิตจะดาเนินการอย่างต่อเนื่อง (Continuous) ทาให้เกิดสารสนเทศย้อนกลับที่ องค์กรจะตอ้ งใหค้ วามสาคัญไดแ้ ก่ สินค้าคงคลงั (Inventory) คณุ ภาพ (Quality) และ ตน้ ทนุ (Cost) 14 บทนา | Introduction

การจาแนกประเภทระบบการดาเนนิ งานดา้ นการผลติ ระบบการผลติ สามารถจาแนกประเภทตามปรมิ าณทผี่ ลิต (Production Volume) และ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ (Product Variety) ไดด้ งั น้ี ปรมิ าณการ การผลติ แบบตอ่ เนือ่ ง ผลิต (Continuous Production) (Production การผลติ ขนาดใหญ่ (Mass Production) Volume) การผลิตแบบกลุ่ม (Batch Production) การผลติ แบบไม่ต่อเนอื่ ง (Job-Shop Production) ความหลากหลายของผลิตภณั ฑ์ (Product Variety) ภาพท่ี 1.5 แสดงการจาแนกประเภทระบบการผลิต (ที่มา: ปรบั ปรุงจาก Kumar and Suresh, 2009: 4) 1.การผลิตแบบไม่ต่อเน่ือง (Job-Shop Production) เป็นการผลิตจานวนไม่มากตาม ความต้องการของลูกค้า หรือเรียกว่าการผลิตแบบรบั จา้ งทา ทาให้ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย และ มีการเปลี่ยนแปลงตัวผลิตภัณฑ์ค่อนข้างบ่อย เป็นการผลิตตามรูปแบบและข้อกาหนดของลูกค้า การ ผลิตลักษณะน้ีจะเน้นท่ีความถูกต้อง ชัดเจนของข้อกาหนด ดังนั้นอุปกรณ์หรอื เคร่ืองจักรที่นามาใช้ใน การผลิต จึงมักเป็นแบบอเนกประสงค์ สามารถปรับแต่งให้ใช้ผลิตได้หลากหลายผลติ ภัณฑ์ ทาให้การ ผลิตไม่ต่อเน่ือง ตวั อยา่ งระบบการผลิตแบบไม่ตอ่ เนือ่ ง เชน่ การกลึงช้ินงาน การผลิตประตู หนา้ ต่าง เหลก็ ดดั ตามคาสัง่ ซอ้ื ของลูกค้า รบั ตัดเย็บเส้อื ผ้า รับสรา้ งบา้ น เป็นตน้ การจดั การการดาเนินงาน | Operations Management 15

2. การผลิตแบบกลุ่ม (Batch Production) การผลิตแบบกลุ่มนี้จะมีลักษณะของ ผลิตภัณฑ์แยกเป็นกลุ่ม เป็นชุด หรือเป็นรุ่นเดียวกัน ผลิตภัณฑ์จะมีมาตรฐานเฉพาะของแต่ละกลุ่ม ของผลติ ภัณฑน์ ้นั ๆ ในการผลิตจะมกี ารจัดเครื่องจักรตามหนา้ ที่การใช้งานเป็นสถานี แลว้ งานจะไหล ผ่านไปแต่ละสถานีตามลาดับขั้นตอนของงาน ดังน้ันในการผลิตแต่ละกลุ่ม เคร่ืองจักรจะต้องมีความ ยืดหยุ่นเพื่อลดเวลาการปรับตั้ง เน่ืองจากการผลิตเป็นแบบกลุ่ม จานวนท่ีผลิตมากข้ึนทาให้ต้นทุนตอ่ หนว่ ยลดลงเม่อื เทียบกบั การผลิตแบบรับจ้างทา การผลติ แบบกลมุ่ นใี้ ชไ้ ดก้ ับการผลิตตามคาส่ังซื้อและ การผลิตเพ่ือรอจาหน่าย ตัวอย่าง เช่น การตัดเย็บเสื้อผ้าโหลแบ่งตามขนาด การผลิตอาหารแยกตาม ชนิด เปน็ ต้น 3. การผลติ ขนาดใหญ่ (Mass Production) เป็นการผลติ ตามสายการประกอบ หรอื ผลติ แบบซ้า ๆ คือผลิตเหมือนกันในปริมาณมากในการผลิตจะใช้เทคโนโลยีและเคร่ืองจักรท่ีทันสมัย การ ผลิตจานวนมากทาให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง (economy of scale) เช่น การผลิตแชมพู รถยนต์ เคร่ืองซักผ้า เป็นต้น การผลิตแบบไหลผ่านน้ีจะเหมาะกับการผลิตเพื่อรอจาหน่ายหรือใช้ใน การประกอบโมดลู ในการผลิตเพื่อรอคาส่งั จากลูกค้าต่อไป 4. การผลิตแบบต่อเนือ่ ง (Continuous Production) เป็นการผลิตสนิ ค้าชนิดเดยี วกันใน ปริมาณมากมายอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เคร่ืองจักรเฉพาะอย่าง มักเป็นการผลิตหรือแปรรูป ทรพั ยากรธรรมชาติให้เป็นวัตถุดิบในการผลิตขน้ั ตอนต่อไป เช่น การกลั่นนา้ มนั การผลิตสารเคมี การ ทากระดาษ เปน็ ตน้ แต่อย่างไรก็ตามในการปฏิบัติงานจริง ๆ มักจะผสมการผลิตหลายประเภทเข้าด้วยกัน เรียกว่า Hybrid Production Process อาจเป็นการผสมผสานระบบการผลิต 2 – 3 ประเภท เป้ าหมายของการดาเนนิ งานดา้ นการผลติ การดาเนนิ งานดา้ นการผลติ มีเปา้ หมายโดยท่ัวไปที่สามารถจาแนกไดด้ งั นี้ 1.ด้านปริมาณ (Quantity) การดาเนินงานด้านการผลิตจะต้องมีการวางแผนการจัดสรร ทรัพยากรการผลิตต่าง ๆ ทง้ั ดา้ นกาลังคน วัตถุดบิ เคร่อื งจักรอปุ กรณก์ ารผลติ ต่าง ๆ ตลอดจนเทคนิค วธิ กี ารผลติ เพอ่ื ใหส้ ามารถผลิตสนิ ค้าและบริการไดต้ ามปริมาณทตี่ ้องการ 16 บทนา | Introduction

2) ดา้ นคณุ ภาพ (Quality) เปน็ การวางแผนและควบคุมการผลติ เพ่ือให้ไดส้ นิ ค้าและบริการ ที่มีคณุ ลกั ษณะตามท่ีต้องการ โดยทว่ั ไปจะมีการกาหนดคุณลกั ษณะท่ตี ้องการนน้ั เป็นมาตรฐาน ซง่ึ การให้ได้มาซึ่งคุณภาพที่ต้องการนั้นจะต้องมีมาตรฐานในด้านต่าง ๆ เช่น มาตรฐานด้านวัตถุดิบ มาตรฐานด้านแรงงาน มาตรฐานด้านวธิ ีปฏิบตั งิ าน เป็นต้น 3) ด้านต้นทุน (Cost) การดาเนินงานด้านการผลิตจะพิจารณาจัดสรรทรัพยากรการผลิต ต่าง ๆ เพื่อให้มีต้นทุนที่ต่าที่สุดและสอดคล้องกับระดับของคุณภาพท่ีต้องการ ซึ่งต้นทุนน้ันจะต้อง พิจารณาทั้งดา้ นท่เี ป็นตัวเงนิ และดา้ นเวลาทใี่ ชใ้ นการผลิต 4) ด้านการส่งมอบ (Delivery) เป็นวัตถุประสงค์ท่ีสาคัญอีกประการหน่ึง ซ่ึงผู้บริหาร การผลิตจะต้องสามารถวางแผนการผลิตให้ผลิตสินค้าเสร็จทันกาหนดเวลา และส่งมอบให้ลูกค้าได้ ตามสถานท่ที ล่ี ูกคา้ ต้องการ 5) ดา้ นความปลอดภยั (Safety) ความปลอดภยั ในแง่ของการบริหารการผลิตสามารถแบ่ง ออกได้เปน็ 2 ด้านด้วยกันคือ - ความปลอดภัยต่อการใชส้ นิ ค้าหรือบริการ ผู้บรหิ ารการผลติ จะต้องมกี ารกาหนดมาตรฐาน ความปลอดภัยในการใช้สนิ ค้าหรือบริการ ซ่ึงปัจจบุ นั มกี ฎหมายเข้ามาควบคุม เชน่ พ.ร.บ.อาหารและ ยา พ.ร.บ.คุ้มครองผบู้ ริโภค เป็นต้น - ความปลอดภัยในการทางานของพนักงาน เปน็ การวางแผนและดาเนินการเพื่อทาให้ระบบ การผลิตหรือการดาเนินงานมีความปลอดภัยซึ่งจะส่งผลดีต่อความเช่ือมั่น และขวัญกาลังใจในการ ทางานของพนักงานโดยที่มกี ฎหมายท่ีเกยี่ วข้อง เชน่ พ.ร.บ. คมุ้ ครองแรงงาน พ.ร.บ. โรงงาน เป็นต้น 6) ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) จะพิจารณาถึงผลกระทบจากกระบวนการผลิตท่ี ต้อง ไมส่ ่งผลกระทบตอ่ สภาวะแวดล้อม การจดั การการดาเนนิ งาน | Operations Management 17

การจดั การการดาเนนิ งานดา้ นการบรกิ าร ระบบการบริการมีองค์ประกอบของระบบเช่นเดียวกับระบบการผลิต จะแตกต่างอยู่บ้างใน รายละเอียดของแตล่ ะองค์ประกอบ สามารถอธบิ ายระบบการบรกิ ารไดด้ ังภาพที่ 1.6 ปัจจัยนาเขา้ กระบวนการให้บริการ ผลผลติ (Inputs) (Service Process) (Inputs) ทรพั ยากร วางแผน ปฏิบัติ ควบคมุ ปรับปรุง เป้าหมาย (Plan) (Do) (Check) (Action) - ทดี่ ิน -บริการ - อาคาร -การวางแผน - จัดระบบการ -การควบคมุ -การปอ้ งกัน -ผลติ ภัณฑ์ - วสั ดุอุปกรณ์ ความสามารถ ให้บริการ การบริการ ปญั หาท่ีสง่ ผล เสรมิ - เงนิ ทนุ การให้บรกิ าร -การจัด -การประเมิน การใหบ้ ริการ - บุคลากร - การเลอื ก พนักงานเขา้ ผลปฏบิ ตั งิ าน - สารสนเทศ สถานท่ี ทางาน บริการ -การกาหนด -การวางแผน ทกั ษะการ พื้นท่ีและสง่ิ บริการ อานวยความ สะดวก สารสนเทศยอ้ นกลบั (Information Feedback) ภาพท่ี 1.6 แสดงระบบการจัดการการดาเนินงานด้านบริการ จากภาพท่ี 1.6 การจัดการการดาเนินงานด้านการบริการ เร่ิมตั้งแต่ปัจจัยนาเข้าจะถูกส่งเข้า สกู่ ระบวนการใหบ้ ริการถงึ ลูกคา้ โดยตรง แตกตา่ งจากการผลิตทลี่ ูกคา้ ไมเ่ ก่ียวกับกระบวนการโดยตรง การดาเนินงานด้านบริการจะเก่ียวข้องกับ การวางแผนความสามารถการให้บริการ การเลือกสถานท่ี บริการ การจัดสรรพ้ืนท่ีและสิ่งอานวยความสะดวก การจัดระบบการบริการ การจัดพนักงาน การ กาหนดทักษะการบริการ การควบคุมการบริการและการปรับปรุงการให้บริการ ซึ่งจะใช้มาตรการ ปอ้ งกนั ปัญหาทีเ่ กิดข้ึนนอกเหนือจากการควบคุม 18 บทนา | Introduction

ผลผลิตที่เกิดขึ้นจะเป็นการบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ผลิตภัณฑ์จาก กระบวนการจะเป็นสิง่ รองจากความต้องการของลูกค้า สารสนเทศย้อนกลบั จากผลการดาเนินงานจะ นามาพิจารณาการปรับปรงุ แกไ้ ข และพฒั นาระบบการให้บรกิ าร ความสาคญั ในการจดั การการดาเนนิ งาน ลักษณะธุรกิจทั่ว ๆ ไปจะมีองค์ประกอบพ้ืนฐานหลัก ๆ อยู่ 3 ส่วนด้วยกัน ซ่ึงไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก แตห่ ากเป็นธุรกจิ ขนาดใหญ่ก็จะมีสว่ นประกอบอ่ืน ๆ เข้ามาเสริม เพ่ือ ช่วยให้การดาเนินงานมีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน องค์ประกอบหลักของธุรกิจแบ่งออกได้เป็น 3 สว่ นประกอบดว้ ย 1. ส่วนการตลาด (Marketing Component) เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขาย การส่งเสริมการขาย การบริการก่อนและหลังการขาย การโฆษณา การตัดสินใจด้านผลิตภัณฑ์และ ราคา รวมถึงการกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าการตลาดเป็นกิจกรรมหลัก ของธุรกิจกิจกรรมหน่ึง ซ่ึงมีการซื้อขายสินค้าและบริการ โดยมีการโอนกรรมสิทธ์ิของสินค้า หรือการให้บริการจากผู้ขายไปยังผู้ซ้ือ กิจกรรมทางการตลาดโดยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นที่การเพิ่ม ส่วน แบ่งทางการตลาด (Market Share) ซง่ึ การทีจ่ ะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้ จาเปน็ ท่จี ะต้องกาหนด กลยทุ ธท์ างการตลาดทเ่ี หมาะสม สามารถตอบสนองต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคได้ 2. ส่วนการเงิน (Finance Component) มีหน้าท่ีที่เก่ียวข้องกับการกาหนดขนาดของ เงินทุนท่ีเหมาะสมกับการดาเนินงานของธุรกิจซึ่งอาจมองได้ท้ังระยะส้ันและระยะยาว หน้าท่ีการ จดั หาเงินทุน เพอื่ ใหเ้ พียงพอต่อการดาเนินธรุ กิจและควรมีต้นทุนทางการเงินที่ต่าท่ีสุด และหน้าท่ีการ จดั สรรเงินทนุ เปน็ การจดั สรรเงินทุนท่ีมีอยู่ไปยังกิจกรรมตา่ งๆทางธุรกจิ เพือ่ ให้การดาเนนิ งานเป็นไป อยา่ งมีประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ล 3. ส่วนการดาเนินงาน (Operation Component) เป็นกิจกรรมที่เก่ียวกับกระบวนการ แปลงสภาพปัจจัยนาเข้าให้เกิดผลผลิตกรณีที่เป็นธุรกิจการผลิต ผลผลิตที่ได้จะเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีมี ตัวตนจับต้องได้ และในกรณีที่เป็นธุรกิจบริการ การดาเนินงานจะเก่ียวข้องกับการบริการลูกค้า โดยตรง เพอื่ สรา้ งความพึงพอใจให้กับลกู ค้า การจัดการการดาเนินงาน | Operations Management 19

ธุรกิจต่าง ๆ จะต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบทางการตลาด การเงินและการดาเนินงาน เพือ่ ให้เหน็ ความสาคญั การจัดการการดาเนนิ งาน สามารถพิจารณาได้จากรายการทางการเงินแสดงได้ ดงั ตารางท่ี 1.1 ตารางที่ 1.2 แสดงรายการทางการเงนิ ท่เี ก่ียวข้องกับสว่ นการตลาด การเงนิ และการดาเนินงาน รายการปกติ (บาท) การตลาด การเงิน การดาเนนิ งาน เพ่มิ ยอดขาย ลดตน้ ทุน ลดตน้ ทุนการ 50% การเงิน 50% ดาเนนิ งาน 20% ยอดขาย 200,000 300,000 200,000 200,000 ตน้ ทนุ ขาย -160,000 -240,000 -160,000 -128,000 กาไรขั้นตน้ 40,000 60,000 40,000 72,000 ต้นทนุ ทางการเงนิ -12,000 -12,000 -6,000 -12,000 รายได้ก่อนหกั ภาษี 28,000 48,000 34,000 60,000 ภาษี (30%) -8,400 -14,400 -10,200 -18,000 รายไดห้ ลงั หักภาษี 19,600 33,600 23,800 42,000 จากตารางท่ี 1.1 เมื่อทาการเพ่ิมยอดขาย การลดต้นทุนทางการเงิน และการลดต้นทุนการ ดาเนนิ งาน เปรยี บเทียบกับรายการปกติพบว่า ส่วนการตลาด เม่ือเพิ่มยอดขายอีกร้อยละ 50 จะทาให้รายได้หลังหักภาษีเพ่ิมข้ึนจากเดิม 14,000 บาท (33,600-19,600) หรือคดิ เป็นร้อยละ 71.43 (14,000x100/19,600) ส่วนการเงิน เมื่อลดต้นทุนทางการเงินลงร้อยละ 50 จะทาให้รายได้หลังหักภาษีเพิ่มขึ้นจาก เดิม 4,200 บาท (23,800-19,600) หรอื คิดเป็นร้อยละ 21.43 (4,200x100/19,600) ส่วนการดาเนินงาน เม่ือลดต้นทุนการดาเนินงาน 20% จะทาให้รายได้หลังหักภาษีเพิ่มขึ้น จากเดมิ 22,400 บาท (42,000-19,600) หรือคดิ เปน็ รอ้ ยละ 114.29 (22,400x100/19,600) จะเห็นได้ว่าการเพ่ิมยอดขายอีกร้อยละ 50 จะทาให้มีรายได้หลังหักภาษีเพิ่มข้ึนเป็นร้อยละ 71.43 แต่การเพิ่มยอดขายไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องต่อสู้กับกลยุทธ์ทางการตลาดของคู่แข่งซ่ึงเป็น ปัจจัยภายนอกที่ยากแก่การควบคุม เช่นเดียวกับส่วนของการเงินถึงแม้จะลดต้นทุนทางการเงินลงได้ แต่รายได้หลังหักภาษีท่เี พม่ิ ข้ึนกลบั ไมม่ ากนกั 20 บทนา | Introduction

เมื่อพิจารณาในส่วนของการดาเนินงานท่ีลดต้นทนุ ลงร้อยละ 20 แต่ทาให้รายได้หลังหักภาษี เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 114.29 ดังนั้นการจัดการการดาเนินงานจึงเป็นส่ิงท่ีผู้บริหารจะต้องให้ความสาคัญ เพ่อื เพ่ิมศักยภาพในการแข่งขันกบั คู่แข่งอยา่ งยัง่ ยืน ผลติ ภาพ ผลิตภาพ (Productivity) หมายถึง อัตราการผลิต หรือ สมรรถนะในการผลิต เป็นการวัด ความสามารถในการใช้ปัจจยั นาเขา้ เพื่อเปรียบเทียบกับผลผลิตท่ีเกิดขน้ึ ผลติ ภาพถูกใช้เป็นเครื่องมือ ชวี้ ัดศักยภาพในการแข่งขันระหวา่ งองค์กร ในการวัดผลติ ภาพ (Productivity) ทาไดโ้ ดยการหาสดั ส่วนระหว่าง ผลผลติ (Outputs) และ ปจั จัยนาเขา้ (Inputs) ซึง่ สามารถแสดงไดด้ งั น้ี ผลิตภาพ (Productivity) = ผลผลิต (Outputs) ปจั จยั นาเข้า (Inputs) กาหนดให้ ปัจจัยนาเขา้ (Inputs) ได้แก่ วัตถดุ ิบ แรงงาน ทุน พลงั งาน และค่าใชจ้ ่ายทางอ้อมอื่น ๆ ผลผลติ (Outputs) ไดแ้ ก่ สนิ คา้ และบรกิ าร สามารถแบง่ ประเภทการวัดได้ 3 ประเภทดังนี้ - เชงิ กายภาพ (Physical) เปน็ การระบถุ งึ ปริมาณหรือจานวนทเ่ี ป็นหน่วยนบั - เชงิ มลู ค่า (Value) เปน็ การระบถุ ึงมลู ค่า เช่น รายได้ หรือ ยอดขาย - เชิงมูลค่าเพิ่ม (Value Added) เป็นการระบุถึงส่วนต่างมูลค่ากับปัจจัยนาเข้าจาก ภายนอก วธิ ีการหามูลคา่ เพมิ่ ทาได้ดงั น้ี มูลคา่ เพม่ิ (Value Added) = ยอดขาย – ต้นทนุ ขาย – ค่าใช้จ่ายการขายและการบรหิ าร การวดั ผลิตภาพการผลิต ผลิตภาพเร่ิมใช้อย่างแพร่หลายในยุคการผลิตเชิงวิทยาศาสตร์ ต้ังแต่ปี 1880 ซ่ึงยุคน้ันจะให้ ความสาคัญกับการผลิตขนาดใหญ่หรืออุตสาหกรรมการผลิต ดังนั้นผลิตภาพจึงถูกใช้เป็นตัวชี้วัดใน อุตสาหกรรมการผลิตซึ่งมีตัวแปรในการวัดที่ชัดเจน ในการวัดผลิตภาพ (Productivity) ของระบบ การผลิตแบง่ การวัดออกเป็น 3 รปู แบบไดแ้ ก่ การจดั การการดาเนนิ งาน | Operations Management 21

1.ผลิตภาพจากปัจจัยเดี่ยว (Partial Factor Productivity: PFP) เป็นการวัดผลิตภาพท่ี นาปัจจัยนาเข้าเพียง 1 ปัจจัยมาพิจารณา เช่น ผลิตภาพด้านแรงงาน (Labor Productivity) ผลิต ภาพการลงทุน (Capital Productivity) หรือ ผลิตภาพการใช้วัตถุดิบ (Material Productivity) เป็น ตน้ สามารถแสดงการหาผลิตภาพจากปจั จยั การผลิตเฉพาะสว่ นไดด้ ังนี้ ผลิตภาพจากปจั จยั เดยี่ ว (PFP) = ผลผลติ (Outputs) ปัจจัยนาเขา้ (Input) 1 ปจั จยั 2.ผลิตภาพจากพหุปัจจัย (Multifactor Productivity: MFP) เป็นการวัดผลิตภาพท่ีนา ปัจจัยนาเข้ามากกว่า 1 ปัจจัยมาพิจารณา เช่น ผลิตภาพด้านการใช้วัตถุดิบและแรงงาน (Material and Labor Productivity) สามารถแสดงการหาผลิตภาพจากพหุปัจจัยไดด้ งั นี้ ผลิตภาพจากพหุปจั จัย (MFP) = ผลผลติ (Outputs) ปัจจยั นาเข้า (Inputs) > 1 ปจั จยั 3.ผลิตภาพจากปัจจยั การผลิตสุทธิ (Total Factor Productivity: TFP) เป็นการวัดผลิต ภาพที่นาปัจจัยนาเข้าท้ังหมดมาพิจารณา สามารถแสดงการหาผลิตภาพจากปัจจัยการผลิตสุทธิได้ ดงั นี้ ผลติ ภาพจากปจั จัยสุทธิ (TFP) = ผลผลิต (Outputs) ปจั จยั นาเข้า (Inputs) ทั้งหมด ในการวัดผลิตภาพจากพหุปัจจัย (MFP) และผลิตภาพจากปัจจัยสุทธิ (TFP) ตัวแปรปัจจัย นาเข้า (Inputs) จะต้องมีหน่วยเดียวกันจึงจะสามารถนามารวมกันได้ ตัวอย่างการหาผลิตภาพการ ผลติ ดงั แสดงในตวั อย่างท่ี 1.1 22 บทนา | Introduction

ตวั อย่างท่ี 1.1 ข้อมูลผลประกอบการและตน้ ทุนปจั จัยนาเขา้ ของบริษัท A และ B มลู คา่ ผลผลิต (Outputs) บรษิ ัท A บริษัท B 1,000,000 1,200,000 บาท มลู คา่ ปัจจัยการผลติ (Inputs) 300,000 350,000 บาท คา่ วัตถดุ ิบ 350,000 400,000 บาท คา่ แรงงาน 150,000 200,000 บาท คา่ เสอื่ มราคาเครื่องจักร 800,000 950,000 บาท รวม จากข้อมลู ดังกลา่ วจงเปรยี บเทียบผลติ ภาพระหว่างบริษัท A และ B ดงั นี้ 1.ผลิตภาพจากปจั จัยการใชเ้ คร่ืองจกั ร (Partial Factor Productivity) ระหวา่ งบริษทั A และ B วธิ ที า ผลติ ภาพจากปจั จัยการใชเ้ ครือ่ งจกั ร = ผลผลติ ค่าเส่ือมราคาเครื่องจักร ผลติ ภาพจากปจั จัยการใช้เครื่องจกั ร A = 1,000,000 (บาท) ผลิตภาพจากปจั จัยการใชเ้ คร่อื งจกั ร B 150,000 (บาท) = 6.67 (บาท) = 1,200,000 (บาท) 200,000 = 6.60 ตอบ บริษัท A มีผลิตภาพจากปัจจัยการใช้เครื่องจักร เท่ากับ 6.67 ซ่ึงมากกว่าบริษัท B ท่ีมีผลิตภาพ ปจั จยั การใช้เครอ่ื งจักร เทา่ กบั 6.00 น่นั แสดงวา่ ความสามารถการใชเ้ ครอ่ื งจักรของบรษิ ัท A มากกวา่ บริษัท B การจัดการการดาเนนิ งาน | Operations Management 23

2.ผลิตภาพจากปัจจัยการใช้วัตถุดิบและแรงงาน (Multifactor Productivity) ระหว่างบริษัท A และ บรษิ ทั B วิธีทา ผลติ ภาพจากปจั จยั การใช้วตั ถุดบิ และแรงงาน = ผลผลิต คา่ วัตถดุ บิ + ค่าแรงงาน ผลิตภาพจากปัจจัยการใช้วตั ถดุ ิบและแรงงาน A = 1,000,000 (บาท) 300,000 + 350,000 (บาท) = ผลิตภาพจากปัจจยั การใช้วตั ถุดบิ และแรงงาน B = 1.54 (บาท) 1,200,000 (บาท) = 350,000 + 400,000 1.60 ตอบ บริษัท B มีผลติ ภาพจากปจั จยั การใชว้ ัตถดุ บิ และแรงงานเทา่ กบั 1.60 ซึง่ มากกว่าบริษัท A ทมี่ ี ผลิตภาพปจั จยั การใชว้ ัตถดุ บิ และแรงงาน เท่ากบั 1.54 นน่ั แสดงวา่ ความสามารถการใช้วัตถุดบิ และ แรงงานของบริษัท B มากกวา่ บริษัท A 3.จงเปรียบเทยี บผลติ ภาพจากปัจจยั การผลติ สทุ ธิ (Total Measure) ระหว่างบรษิ ัท A และ B วธิ ีทา ผลติ ภาพจากปัจจยั การผลิตสทุ ธิ = ผลผลิต ปัจจัยนาเข้าทงั้ หมด ผลิตภาพจากปัจจยั การผลิตสทุ ธิ A = 1,000,000 (บาท) ผลิตภาพจากปจั จัยการผลิตสุทธิ B 800,000 (บาท) = 1.25 (บาท) = 1,200,000 (บาท) 950,000 = 1.26 ตอบ บรษิ ัท B มคี วามสามารถการใช้ปัจจยั ผลิตสุทธิ มากกว่าบริษทั A เนอ่ื งจากมผี ลติ ภาพจากปัจจัย การผลิตสุทธิ เทา่ กบั 1.26 ซ่งึ มากกว่าบรษิ ทั A ท่ีมผี ลติ ภาพปัจจัยการผลติ สทุ ธิ เท่ากบั 1.25 24 บทนา | Introduction

จากตัวอยา่ งจะเห็นวา่ หากเราต้องการเพม่ิ ผลติ ภาพสามารถดาเนินการได้ 5 แนวทางดังน้ี - ใชท้ รัพยากรเท่าเดิม ในขณะที่เพ่มิ ผลผลติ ให้สูงขน้ึ - ใช้ทรพั ยากรลดลง ในขณะท่ีผลผลติ เทา่ เดมิ - ใชท้ รัพยากรลดลง ในขณะที่เพ่มิ ผลผลติ ใหส้ งู ข้ึน - ใชท้ รพั ยากรลดลง ในขณะที่ลดผลผลิตลงในอัตราทต่ี า่ กว่า - ใชท้ รพั ยากรเพม่ิ ข้ึน ในขณะท่เี พิม่ ผลผลิตมากขึน้ ในอตั ราทส่ี ูงกว่า ในการวัดผลิตภาพเพื่อนาข้อมูลไปใช้ในการเพ่ิมผลผลิต องค์ต่าง ๆ จึงพยายามลดปัจจัย นาเข้าหรือใช้ทรัพยากรลดลง เช่น ลดสัดส่วนปริมาณของวัตถุดิบที่ราคาสูงลง ใช้วิธีการจ้างเหมา แรงงานเพ่ือจ่ายค่าแรงงานลดลง หรือลดขนาดธุรกิจลง จะทาให้ผลิตภาพเพิ่มสูงขึ้น แต่ผลท่ีตามมา คือคณุ ภาพของสนิ ค้ารวมท้ังของเสียในกระบวนการกลับเพิม่ สูงขนึ้ ดังนัน้ แนวคดิ ในการเพ่มิ ผลผลิตจึง พิจารณาการใช้ทรัพยากรนาเข้า รวมไปถึงการส่งมอบด้วย จึงมีการนาแนวคิดการวัดผลิตภาพมาใช้ รว่ มกบั การวัดประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลควบคกู่ นั ดงั ภาพที่ 1.7 ปจั จยั นาเข้าจรงิ ผลติ ภาพ ผลผลติ จริง (Actual Inputs) (Actual Outputs) ประสิทธภิ าพ ทรพั ยากร การดาเนนิ งาน ผลผลิต ประสิทธิผล (Effectiveness) (Efficiency) กระบวนการ บริการ ปัจจยั นาเข้าตามแผน ผลติ ภาพท่ี ผลผลติ ตามแผน (Plan Inputs) ควรจะเปน็ (Plan Outputs) บริการ ภาพท่ี 1.7 แสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง ผลติ ภาพ ประสิทธิภาพและประสิทธิผล (ทม่ี า: ปรบั ปรงุ จาก Wauters and Mathot, 2002: 3) การจัดการการดาเนนิ งาน | Operations Management 25

จากภาพท่ี 1.7 สามารถหาผลิตภาพ ผลิตภาพท่ีควรจะเป็น ประสิทธิภาพและประสิทธผิ ลได้ ดังน้ี - ผลิตภาพ (Productivity) คือ อัตราส่วนระหว่าง ผลผลิตจริงและปัจจัยนาเข้าจริง สามารถแสดงไดด้ งั น้ี ผลติ ภาพ (Productivity) = ผลผลติ จรงิ (Actual Outputs) ปจั จัยนาเข้าจรงิ (Actual Inputs) - ผลิตภาพท่ีควรจะเป็น (Reference Productivity) คือ อัตราส่วนระหว่างผลผลิตตาม แผนและปจั จัยนาเขา้ ตามแผนสามารถแสดงไดด้ งั น้ี ผลิตภาพที่ควรจะเป็น (Reference Productivity) = ผลผลิตตามแผน (Plan Outputs) ปัจจัยนาตามแผน (Plan Inputs) - ประสิทธิภาพ (Efficiency) หมายถึง ขีดความสามารถในการผลิตหรือการให้บริการ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังน้ันประสิทธิภาพจะวัดจากอัตราส่วนของปัจจัยนาเข้าตามแผน กับ ปัจจัย นาเข้าจริงสามารถแสดงได้ดงั น้ี ประสทิ ธภิ าพ (Efficiency) % = ปัจจัยนาเขา้ ตามแผน (Plan Inputs) x 100 ปจั จัยนาเข้าจรงิ (Actual Inputs) - ประสิทธิผล (Effectiveness) หมายถึง ผลสาเร็จของงานที่เป็นไปตามความมุ่งหวัง หรือ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ซ่ึงหาได้จากอัตราส่วนระหวา่ งผลผลติ ที่เกิดข้ึนจริง กับ ผลผลิตท่ีมุ่งหวงั หรอื ทว่ี างแผนไว้สามารถแสดงไดด้ ังนี้ ประสทิ ธผิ ล (Effectiveness) % = ผลผลติ จรงิ (Actual Outputs) x 100 ผลผลติ ตามแผน (Plan Outputs) 26 บทนา | Introduction


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook