227 คาถามท้ายบท จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ี โดยอธิบายพรอ้ มยกตัวอยา่ งประกอบ 1. จงสรปุ ความหมายของบริการให้คาปรกึ ษา 2. ท่านเหน็ ด้วยกบั คากล่าวที่วา่ “การให้คาปรกึ ษาเปน็ หวั ใจของการจดั บรกิ ารแนะแนว” หรอื ไม่ เพราะเหตุใด 3. จงระบจุ ุดมงุ่ หมายทีส่ าคญั ของบรกิ ารใหค้ าปรกึ ษา มา 3 ประการ 4. ขอบข่ายของบรกิ ารใหค้ าปรึกษามกี ด่ี ้าน อะไรบา้ ง 5. ท่านมหี ลกั เกณฑ์อย่างไร ในการเลือกจดั การให้คาปรกึ ษาเปน็ รายบคุ คล และการให้ คาปรกึ ษาแบบกลมุ่ 6. ผ้ใู หค้ าปรึกษาควรมีคณุ สมบัติ และจรรยาบรรณ อยา่ งไร 7. หากท่านไดร้ ับมอบหมายใหเ้ ปน็ ผใู้ ห้คาปรกึ ษาแก่เด็กชายแบงค์ นักเรียนช้นั ป.5 ซ่ึงมปี ัญหาเกีย่ วกบั พฤตกิ รรมตดิ เกม ไมส่ นใจเรยี น ทา่ นจะเลือกใชท่ ฤษฎกี ารให้คาปรกึ ษาแบบใด เพราะเหตุใด 8. จากข้อ 7 จงวางแผนการให้คาปรกึ ษาตามกระบวนการรูปตวั วี พร้อมยกตวั อย่างคาพูด ที่แสดงถึงการใชท้ กั ษะในการใหค้ าปรกึ ษา 9. จงเลอื กทฤษฎกี ารให้คาปรกึ ษา 1 ทฤษฎีท่ที ่านชอบ แลว้ อธิบายลักษณะเดน่ แนวคดิ ของการให้คาปรกึ ษาของทฤษฎีน้นั 10. จงเลือกทักษะการใหค้ าปรึกษา 3 ทักษะ แล้วอธิบายจุดมุ่งหมาย และแนวทางในการ ปฏบิ ัตใิ นการใชท้ กั ษะการให้คาปรกึ ษานนั้
228 เอกสารอา้ งองิ คมเพชร คมฉัตรศุภกลุ . (2547). ทฤษฎีการให้คาปรกึ ษา. กรุงเทพฯ: สถาบันพฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ. จีน แบรี่. (2549). การใหก้ ารปรกึ ษา. (พมิ พค์ ร้งั ท่ี 5). กรงุ เทพฯ: เจรญิ วทิ ย์การพมิ พ.์ เจยี รนัย ทรงชัยกลุ . (2553). “บรกิ ารสนเทศในงานแนะแนวระดบั มธั ยมศึกษา” ใน เอกสารการสอน ชดุ วชิ าการแนะแนวในระดบั มธั ยมศกึ ษา หน่วยที่ 7 – 11. พิมพค์ รงั้ ที่ 8 นนทบุรี: สานักพิมพ์มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. นริ นั ดร์ จุลทรัพย์. (2554). การแนะแนวเบื้องตน้ . พมิ พ์คร้งั ที่ 4. สงขลา : บรษิ ัทนาศลิ ปโ์ ฆษณา. นุชลี อุปภัย. (2543). การแนะแนวเบ้อื งตน้ . กรุงเทพฯ: สานักพมิ พ์ฟิสิกสเ์ ซน็ เตอร.์ พนม ล้มิ อารีย์. (2548). การแนะแนวเบ้อื งต้น. พมิ พค์ ร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร.์ วชั รี ทรัพย์มี. (2556). ทฤษฎีให้การปรกึ ษา. (พิมพค์ รัง้ ที่ 7). กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ศรีวรรณ จนั ทรวงศ์. (2548). จติ วทิ ยาและการแนะแนวเดก็ วัยรุ่น. อุดรธานี: คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี. ศภุ ลักษณ์ สัตย์เพรศิ พลาย. (2550). จติ วทิ ยาการแนะแนวและการให้คาปรกึ ษา. กาญจนบุรี: คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั กาญจนบรุ ี. สมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย. (2557). ระบบการแนะแนวในโรงเรยี น. กรงุ เทพฯ: สมาคม แนะแนวแห่งประเทศไทย. อาภา จนั ทรสกลุ . (2545). ทฤษฎแี ละเทคนคิ ในการใหค้ าปรึกษา. กรุงเทพฯ: ภาควชิ าจิตวทิ ยา การศึกษาและการแนะแนว คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์. Burks, Herbert M. Jr. and Stefflre, Buford. (1979). Theories of Counseling. 3rd ed. New York: McGraw-Hill Book Co. Corey, Gerald. (1986). Theory and Practice of Counseling and Psychotherapy. 3th ed. New York: Brook/Cole Publishing Co. Dinkmeyer, Don C. and Muro, James J. (1971). Group Counseling: Theory and Practice. 2nd ed. Itasca, Illinois: F.E. Peacock Publishing, Inc. Frederick, C.T. (1949). “Directive Psychotherapy : VII Imparting Psychological Infor Mation”. Journal Of Clinical Psychology. Pietrofesa, John J., Hoff-man, Alan., and Splete, Howard H. (1984). Counseling: An Introduction. Boston: Houghton Mifflin Co. Tyler, Leona E. (1969). The Work of the Counselor. 3rd ed. New York: Meredith Corporation.
แผนบรหิ ารการสอนประจาบทท่ี 5 บริการจดั วางตัวบุคคล วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม เม่ือศกึ ษาบทเรียนน้จี บแลว้ นักศึกษาควรมีพฤตกิ รรมดงั น้ี 1. อธิบายความหมาย และความสาคญั ของบริการจดั วางตวั บคุ คลได้ 2. อธิบายจดุ มุง่ หมายของบริการจดั วางตัวบคุ คลได้ 3. ระบุลักษณะของบริการจัดวางตวั บคุ คลได้ 4. อธิบายหลักการ และการดาเนินงานของบรกิ ารจัดวางตัวบคุ คลได้ 5. จาแนกประเภทของบรกิ ารจัดวางตัวบคุ คลได้ 6. อธบิ ายการจดั ระบบบริการจดั วางตัวบุคคลได้ 7. บอกประโยชนข์ องบริการจัดวางตัวบุคคลได้ 8. อธิบายการจัดและการบรหิ ารโครงการจัดวางตัวบุคคลได้ 9. สามารถจดั โครงการแนะแนวในสถานศกึ ษาได้ เน้อื หาสาระ เน้อื หาสาระในบทนป้ี ระกอบดว้ ย 1. ความหมายของบรกิ ารจัดวางตวั บุคคล 2. ความสาคัญของบรกิ ารจดั วางตัวบุคคล 3. จดุ มุ่งหมายของบริการจัดวางตัวบุคคล 4. ลักษณะของบรกิ ารจดั วางตวั บคุ คล 5. หลักการของบรกิ ารจดั วางตวั บคุ คล 6. การดาเนินงานการจดั วางตัวบคุ คล 7. ประเภทของบรกิ ารจัดวางตวั บคุ คล 8. การจัดระบบบริการจดั วางตวั บคุ คล 9. ประโยชนข์ องบริการจัดวางตวั บุคคล 10. การจัดและการบริหารโครงการจัดวางตัวบุคคล
230 กิจกรรมการเรยี นการสอน กิจกรรมการเรียนการสอนเร่ืองบรกิ ารจัดวางตัวบคุ คล มีดงั น้ี สปั ดาห์ที่ 9 (3 ชัว่ โมง) 1. ผ้สู อนทบทวนเนื้อหาบทท่ี 4 ท่ีเรยี นมาของสัปดาห์กอ่ น พร้อมชแี้ จงวัตถุประสงค์ และ เนอื้ หาประจาบทเรียนบทท่ี 5 เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนรบั รู้ภาพรวมของเน้ือหาสาระในบทเรยี นน้ี 2. ผสู้ อนบรรยายเนือ้ หาเกี่ยวกับบรกิ ารจัดวางตวั บุคคล ในทุกหวั ขอ้ 3. ผู้เรียนรับฟังบรรยายสรุปเนื้อหาสาระ ร่วมกับศึกษาเนื้อหาเร่ือง “บริการจัดวางตัว บุคคล” จากเอกสารคาสอน พรอ้ มทง้ั ซักถามและตอบคาถามระหวา่ งการฟังบรรยาย 4. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นแบง่ กลมุ่ สาหรับการจัดทาโครงการแนะแนวในสถานศึกษา โดยใหแ้ ต่ละ กลมุ่ ไดศ้ กึ ษาชดุ การเรียนรู้ เรือ่ ง โครงการ เพ่อื จะดาเนินการเขยี นโครงการแนะแนว ซึ่งอยภู่ ายใตก้ าร ให้คาปรึกษาจากผ้สู อน 5. ผู้สอนให้ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์ อภิปราย สรุปเน้ือหาบริการจัดวางตัวบุคคลและ แนวทางการนาไปประยุกตใ์ ช้ รวมท้งั เปิดโอกาสให้ผู้เรยี นซักถามในหัวขอ้ / ประเดน็ ทสี่ งสยั 6. ผู้สอนมอบหมายใหผ้ เู้ รยี นทาคาถามทา้ ยบท พร้อมกาหนดวนั สง่ 7. ผู้สอนชี้แจงการเรียนการสอนในคร้ังต่อไป โดยผู้เรียนแต่ละกลุ่มจะนาเสนอโครงการ แนะแนวต่อเพ่ือนในชนั้ เรยี น 8. ผสู้ อนเสรมิ สรา้ งคุณธรรมและจริยธรรมให้กบั นกั ศึกษาก่อนเลกิ เรียน สัปดาหท์ ี่ 10 (3 ชั่วโมง) 1. ผู้สอนทบทวนเนือ้ หาท่เี รียนมาของสัปดาห์ก่อน 2. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงานโครงการแนะแนวในสถานศึกษา จากนนั้ ได้ทา การแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ โดยการอภปิ ราย ซกั ถาม เสนอแนะร่วมกันในช้ันเรียนกลมุ่ ใหญ่ 3. ผู้สอนชี้แจงการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครั้งต่อไป โดยผู้เรียนจะไปจัดกิจกรรม แนะแนวในสถานศึกษาตามที่เขียนในโครงการแนะแนวของแต่ละกลุ่ม ซึ่งทุกกลุ่มต้องมีการเตรียม ความพร้อมในการดาเนินงานตา่ งๆ ภายใต้การใหค้ าปรึกษาจากผูส้ อน (สามารถเข้ารับการปรกึ ษาได้ นอกเวลาเรียน) และหลังจากการจดั โครงการแนะแนวในสถานศึกษาแล้ว แต่ละกลุ่มจะต้องนาเสนอ ผลการจัดโครงการดังกล่าวตอ่ ผู้สอนและเพ่ือนในชัน้ เรยี นด้วย 4. ผสู้ อนให้ผู้เรยี นร่วมกัน สรุปเน้ือหาเกี่ยวกับการจัดทาโครงการแนะแนวในสถานศกึ ษา รวมทั้งเปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นซักถามในหัวข้อ / ประเดน็ ทสี่ งสยั 5. ผสู้ อนเสริมสรา้ งคุณธรรมและจริยธรรมให้กบั นกั ศึกษากอ่ นเลิกเรยี น
231 สัปดาหท์ ่ี 11 ผูเ้ รียนดาเนนิ การจดั โครงการแนะแนวในสถานศึกษา ภายใต้การนิเทศติดตามจากผสู้ อน สอื่ การเรียนการสอน 1. เอกสารคาสอน จติ วิทยาแนะแนวและการให้คาปรึกษา 2. เอกสาร ตารา หนังสือ และงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับจิตวิทยาแนะแนวและการให้ คาปรกึ ษา 3. สไลดน์ าเสนอความรู้ประเด็นสาคัญทุกหัวขอ้ เร่ือง ด้วยสื่อทางคอมพิวเตอร์ Microsoft Power Point 4. ชดุ การเรยี นรู้ เรอื่ ง โครงการ 5. ตัวอย่างวิดีทัศน์แสดงการจัดโครงการแนะแนวในสถานศึกษา 6. คาถามท้ายบท การวัดผลและการประเมนิ ผล วัตถปุ ระสงค์ วิธกี าร/เครอื่ งมอื การวัดผลและการประเมนิ ผล 1. อธบิ ายความหมายและความสาคัญ 1. ซกั ถาม-ตอบคาถาม 1. นกั ศกึ ษาตอบคาถาม และ ของบรกิ ารจัดวางตวั บคุ คลได้ อภิปราย แลกเปลย่ี น อภิปรายไดถ้ ูกต้อง ร้อยละ 80 2. อธบิ ายจดุ มงุ่ หมายของบรกิ ารจดั และการสนทนารว่ มกัน 2. นกั ศึกษามีความสนใจ/ วางตัวบุคคลได้ 2. สงั เกตพฤตกิ รรม ความร่วมมอื และความ 3. ระบุลกั ษณะของบรกิ ารจัดวางตวั การร่วมกิจกรรม กระตือรนื รน้ ในการรว่ ม บคุ คลได้ 3. สังเกตการนาเสนอผล กจิ กรรมอยูใ่ นระดบั ดี 4. อธิบายหลกั การ และการดาเนิน การทางานหน้าชน้ั เรยี น 3. นักศึกษามีความพรอ้ ม/ งานของบรกิ ารจัดวางตวั บุคคลได้ 4. ใบกจิ กรรม ความตงั้ ใจและความกลา้ 5. จาแนกประเภทของบรกิ ารจดั 5. คาถามทา้ ยบท แสดงออกในการนาเสนอผล วางตัวบุคคลได้ การทางานหน้าช้ันเรยี นอยู่ใน 6. อธิบายการจัดระบบบริการจัด ระดบั ดี วางตวั บคุ คลได้ 4. นกั ศึกษาทาใบกิจกรรมได้ 7. บอกประโยชน์ของบริการจดั วางตัว ถูกตอ้ ง ครบสมบรู ณ์ และเสร็จ บคุ คลได้ ตามเวลาทก่ี าหนด ร้อยละ 80
232 วตั ถุประสงค์ วธิ ีการ/เครอ่ื งมือ การวดั ผลและการประเมนิ ผล 8. อธิบายการจัดและการบริหาร 5. นักศกึ ษาปฏบิ ตั กิ ารจดั โครงการจดั วางตวั บคุ คลได้ โครงการแนะแนวใน 9. สามารถจดั โครงการแนะแนวใน สถานศกึ ษาได้อยูใ่ นระดับดี สถานศกึ ษาได้คาปรกึ ษาได้ 6. นักศกึ ษาตอบคาถามทา้ ย บทเรียนได้ รอ้ ยละ 80
233 บทท่ี 5 บรกิ ารจัดวางตวั บุคคล บริการจัดวางตัวบุคคล (Placement Service) เป็นบริการที่ช่วยให้ผู้เรียนประสบ ความสาเรจ็ ในชีวติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ด้านการประกอบอาชพี ด้านส่วนตวั และสงั คม เพราะ บริการจัดวางตัวบุคคลจะเกี่ยวข้องกับคณุ ภาพในการปรับตัวของผู้เรียนท่ีมีต่อสถานการณ์ต่างๆ ใน ชีวิตประจาวัน การจัดวางตวั บุคคลเปน็ เร่ืองที่เก่ียวข้องกบั ตัวผู้เรียนตลอดชีวิต เพราะผู้เรยี นจะไดร้ ับ การจดั วางตัวบุคคลในประสบการณต์ ่างๆ และในสถานการณ์ต่างๆ ตลอดชีวิตของผู้เรยี น ซงึ่ ผูเ้ รยี น จะมีความสุขและรู้สึกว่าตนเองประสบความสาเร็จ สามารถนาศักยภาพของตนเองออกมาใช้ ประโยชนอ์ ย่างเต็มท่ีต่อเมื่อได้ทาในส่ิงท่ีสอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ และอปุ นสิ ัย และได้รับ ในสิ่งทต่ี นควรจะได้รับ รวมทั้งการท่สี ังคมจะเจริญก้าวหน้าได้มากน้อยเพียงใดข้ึนอย่กู บั ประชากรใน สงั คมนน้ั ๆ ไดร้ ับการจัดวางตัวอยา่ งเหมาะสม ความหมายของบรกิ ารจัดวางตัวบคุ คล นักจิตวิทยาและนักวิชาการแนะแนวได้กล่าวถึงความหมายของบริการจัดวางตัวบุคคล ไวด้ ังนี้ ศรีวรรณ จันทรวงศ์ (2548, น. 284) ได้ให้ความหมายของบรกิ ารจัดวางตัวบุคคลว่า คือ บริการที่จัดให้บุคคลได้อยู่ในท่ีที่เหมาะสมกับระดับสติปัญญา ความสนใจ อุปนิสัย ความถนัด ความสามารถพิเศษ สุขภาพ ฐานะทางเศรษฐกิจ สภาพโดยทัว่ ไปของตน และความตอ้ งการของสงั คม ในด้านการศึกษาและอาชพี ลักขณา สริวฒั น์ (2551, น. 302-303) ได้สรุปความหมายของบริการจัดวางตัวบุคคลว่า หมายถึง บริการท่ที างสถานศึกษาจัดข้ึนมาเพื่อให้ความช่วยเหลือ กระตุ้นให้เกิดกาลังใจในตัวผู้เรยี น แตล่ ะคน ใหม้ ีการวางโครงการชีวติ ของตน ท้งั ในดา้ นการศึกษา อาชพี สว่ นตวั และสังคม เปน็ การชว่ ย ให้ผูเ้ รียนแต่ละคนได้ปฏิบตั ติ ามโครงการของตนให้เหมาะสม ซึ่งจะชว่ ยให้ผู้เรียนประสบความสาเร็จ ในการเรยี น ในการเข้าร่วมกจิ กรรม ในการประกอบอาชพี และในการดารงชวี ติ อยใู่ นสังคม เน่ืองจาก ได้กระทากิจกรรมเหล่านั้น สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด ความสนใจ ค่านิยม ความเช่ือ สภาพร่างกาย และฐานะทางเศรษฐกจิ ของตน
234 สมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย (2557, น. 40) ได้ให้ความหมายของบริการจัดวาง ตัวบุคคลว่า เป็นบริการทช่ี ่วยให้ผู้เรยี นรบั รเู้ กี่ยวกบั ตนเองทางดา้ นความสนใจและความถนัดสามารถ วางแผนชีวิตและดาเนินตามท่ีผู้เรียนได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการศึกษาและอาชีพโดยได้รับความร่วมมือ จากบุคลากรภายในและภายนอกสถานศกึ ษา โฟรลิช (Frochlich, 1958, p. 231) กล่าวว่า บริการจัดวางตัวบุคคลเป็นการช่วยเหลือ ผ้เู รยี นในการหางานทา รวมทั้งช่วยให้ผู้เรียนไดเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรมเสริมหลักสตู รต่างๆ ตามความถนัด บริการน้ีช่วยให้ผู้เรียนได้เข้าเรียนตามความเหมาะสม และช่วยให้ผู้เรียนใช้โอกาสท่ีตนมีอยู่ให้เกิด ประโยชนอ์ ย่างทสี่ ุด บลนั ชาร์ด (Blanchard, 1974, p. 18-19) อธบิ ายว่า บรกิ ารจัดวางตวั บคุ คล คอื บริการที่ ทางสถานศึกษาจัดข้ึนมาเพ่ือให้ความช่วยเหลือ กระตุ้นและให้กาลังใจผู้เรียนแต่ละคนในการ วางโครงการชีวติ ของตน ทงั้ ในด้านการศึกษา อาชีพ ส่วนตวั และสังคม เป็นการชว่ ยให้ผูเ้ รียนแตล่ ะคน ได้ปฏิบัติตามโครงการของตน และยังรู้จักปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงโครงการของตนให้เหมาะสม ซึ่งจะชว่ ยใหผ้ ู้เรียนแต่ละคนประสบความสาเร็จในการเรียน ในการเข้ารว่ มกจิ กรรม ในการประกอบ อาชีพ และในการดารงชีวิตอยู่ในสังคม เน่ืองจากได้กระทากิจกรรมเหล่าน้ันสอดคล้องกับ ความสามารถ ความถนัด ความสนใจ ค่านิยม ความเช่ือ สภาพร่างกาย และฐานะทางเศรษฐกิจ ของตน จากความหมายของบริการจัดวางตัวบุคคลข้างต้น สามารถสรุปความหมายของบริการ จดั วางตัวบุคคลได้วา่ บริการจดั วางตัวบคุ คล เป็นบริการที่จดั ข้ึนเพ่ือใหค้ วามชว่ ยเหลอื ส่งเสรมิ และ พัฒนาผู้เรียนให้ได้รับประสบการณ์ การฝึกฝน และปฏิบัติเพื่อดาเนินการตามแผนที่วางไว้ ตามศักยภาพความถนัดและความสนใจของแต่ละบุคคล ท้ังด้านการศึกษา การประกอบอาชีพ การดารงชีวิตอย่ใู นสงั คม และประสบความสาเร็จตามเปา้ หมาย หากพจิ ารณาความหมายของบริการจดั วางตวั บุคคล จะเห็นไดว้ า่ มคี วามสัมพันธก์ บั บริการ ใหค้ าปรกึ ษาและบรกิ ารสนเทศเป็นอย่างยิง่ ทง้ั นอ้ี ธิบายไดว้ ่า บริการจดั วางตัวบคุ คลจะแตกต่างจาก การให้คาปรึกษา ถึงแม้ว่าบริการทั้งสองน้ีจะมีความสัมพันธ์กันอย่างมากก็ตาม กล่าวคือ การให้ คาปรึกษานนั้ เปน็ การใหค้ วามชว่ ยเหลอื แกผ่ เู้ รยี นในการวางแผนตดั สนิ ใจเลือกอย่างฉลาด ส่วนการจดั วางตัวบุคคลเป็นบริการที่จะช่วยให้ผู้เรียนดาเนินการตามแผนและปฏิบัติการในส่ิงท่ีตนได้เลือกไว้ อยา่ งฉลาดน้นั แล้ว (นริ นั ดร์ จุลทรัพย์, 2554, น. 263-264) ส่วนบริการสนเทศนนั้ เปน็ การใหข้ อ้ มูลที่ มีประโยชน์ ดงั น้ัน การจัดวางตัวบคุ คลต้องอาศัยบรกิ ารสนเทศเปน็ พื้นฐานด้วย ปัจจุบนั กระทรวงศึกษาธกิ ารไดใ้ ห้คานิยามของการใหบ้ ริการจัดวางตวั บุคคลเป็นรปู ธรรม สะดวกต่อการปฏิบัติและความเข้าใจมากข้ึน โดยใช้ชื่อว่า “งานป้องกัน ส่งเสริม พัฒนา และ ชว่ ยเหลอื ”เพอื่ ใหค้ รหู รือผ้แู นะแนวปฏิบัติไดค้ รอบคลุมขอบข่ายของบรกิ ารจัดวางตวั บุคคล
235 ความสาคญั ของบริการจดั วางตวั บคุ คล การที่ผู้เรียนจะประสบความสาเร็จ หรือประสบความล้มเหลวในชีวิตในด้านต่างๆ ไม่ว่า ทางด้านการศึกษา ด้านอาชีพ ด้านสังคมและส่วนตัว หรือไม่และมากน้อยเพียงใดน้ัน กล่าวได้ว่า บริการจัดวางตัวบคุ คลได้มีส่วนหรอื มบี ทบาทเกีย่ วข้องดว้ ยเป็นอย่างมาก เพราะเปา้ หมายของบริการ จดั วางตวั กค็ อื การช่วยให้บุคคลไดอ้ ยู่ในสถานที่ท่เี หมาะสมกบั ตน (Put the right man in the right place) ถ้าผู้เรียนได้รับการจัดวางตัวบุคคลทางด้านการศึกษาอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้ผู้เรียน ประสบความสาเร็จในการศึกษาเล่าเรยี น ถ้าผู้เรียนได้รบั การจัดวางตวั บุคคลทางอาชีพท่ีเหมาะสม กจ็ ะช่วยให้ผู้เรียนไดป้ ระสบความสาเรจ็ ในการประกอบอาชีพ หรือถ้าผู้เรียนได้รับการจัดวางตวั บคุ คล ทางสังคม ก็จะช่วยให้ผู้เรียนปฏิบัติตนอยู่ในสังคมได้อย่างเหมาะสม นอกจากน้ันบริการจัดวางตัว บุคคลยังมีอิทธิพลต่อความเจริญก้าวหน้าของสังคมหรือชุมนุมอีกด้วย นั่นคือสังคมใดประชากรใน สงั คมน้นั ๆ ได้รับการจัดวางตวั บุคคลอยา่ งเหมาะสมกจ็ ะช่วยสรา้ งความเจรญิ ก้าวหน้าให้แกส่ งั คมน้นั ๆ ได้เป็นอย่างมาก แต่ถ้าชุมชนใดประชากรของชุมชมนั้นไม่ได้รับการจัดวางตัวบุคคลอย่างเหมาะสม ชุมชนน้นั กจ็ ะไม่มคี วามเจรญิ กา้ วหน้าเท่าทคี่ วร หรือมีความล้าหลังกวา่ ชุมชนท่ีประชากรไดร้ ับการจัด วางตวั บุคคลอย่างเหมาะสม จากทีก่ ลา่ วมาจะเห็นไดว้ ่า บริการจดั วางตัวบุคคลมีความสาคัญและจาเป็นต่อผู้เรียนเป็น อย่างย่ิง เพราะหากผู้เรียนได้อยู่ในบริบทที่เหมาะสมกับตนเองก็จะทาให้มีความสุข ประสบ ความสาเรจ็ ในการปฏิบตั กิ ิจกรรมการงานต่างๆ เตบิ โตเปน็ ทรัพยากรบุคคลทท่ี รงคณุ ค่าตอ่ การพัฒนา ประเทศตอ่ ไป จุดมุ่งหมายของบรกิ ารจดั วางตวั บคุ คล การจัดบริการจัดวางตัวบุคคลมีจุดมุ่งหมายสาคัญสรุปได้ดังน้ี (พนม ลิ้มอารีย์, 2548, น. 228; ลักขณา สริวัฒน์, 2551, น. 303 และนริ ันดร์ จลุ ทรัพย์, 2554, น. 263) 1. เพื่อใหผ้ เู้ รยี นไดร้ บั บรกิ าร หรือสวสั ดกิ ารทจ่ี าเปน็ สอดคล้องกับปญั หาและความต้องการ 2. เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ สอดคล้องกับความถนัดความสามารถและ ความสนใจของตน 3. เพอ่ื ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสก้าวหน้า หรือพัฒนาประสบการณ์ใหม่ทเ่ี หมาะสมและมคี ุณค่า ต่อตนเองในการศึกษา อาชีพ ทง้ั สว่ นตวั และสังคม 4. เพอ่ื ชว่ ยผูเ้ รียนในเรื่องการวางแผนการเรยี น เช่น การศึกษาต่อ การเลอื กสายการเรยี น การเลือกศึกษาในรายวิชา สาขาวิชาที่เหมาะสมกบั ตนเอง
236 5. เพ่อื ช่วยผูเ้ รยี นเก่ยี วกบั การวางแผนในเรอ่ื งอาชีพของตนในอนาคต 6. เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสทางานพิเศษในเวลาว่าง ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิด ความคนุ้ เคยกบั งานอาชพี ตา่ งๆ และมเี จตคตทิ ่ดี ตี ่อการทางาน 7. เพ่อื ช่วยให้ผูเ้ รียนสามารถปรบั ตวั และปฏิบัติตนไดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสมกบั โอกาสและ สถานท่ี 8. เพอ่ื ช่วยให้ผเู้ รียนได้ดาเนินการตามแผนทตี่ นวางไว้ 9. เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ และส่ิงแวดล้อมใหม่ๆ ได้อย่าง เหมาะสม 10. เพื่อให้การจัดการแนะแนวในสถานศึกษามีความสมบูรณ์ ผู้เรยี นมโี อกาสได้รับบริการ และประสบการณ์ท่ีสถานศกึ ษาจดั ให้ตามความเหมาะสม ดังน้นั สรปุ ไดว้ า่ บรกิ ารจัดวางตวั บคุ คลมจี ดุ มงุ่ หมายเพือ่ ชว่ ยให้ผเู้ รยี นได้รับประสบการณท์ ี่ เออื้ ต่อการพัฒนาตนเองตามความตอ้ งการและความเหมาะสม ลกั ษณะของบรกิ ารจัดวางตัวบคุ คล การจดั บรกิ ารจัดวางตัวบุคคล แบ่งออกเปน็ 2 ระยะ คือ 1. การจัดวางตัวบุคคลในสถานศึกษา (In School Placement) ผู้เรียนในสถานศึกษา ทกุ คน ควรจะได้รับบรกิ ารจัดวางตัวบุคคล เพราะจะช่วยให้เขาได้รับประโยชน์จากส่ิงแวดล้อมได้ดี ที่สดุ ทัง้ น้ีเปน็ เพราะว่าการจัดวางตัวบคุ คลนั้น มคี วามมงุ่ หมายจะให้บคุ คลได้อยู่ในสภาพแวดล้อมท่ีดี มีความเหมาะสมกับผเู้ รยี น และให้เขาไดพ้ ัฒนาตนเองตามอตั ภาพของเขา สาหรับการจดั วางตัวบุคคล ในช้ันเรียน อาจจะกระทาได้หลายๆ กจิ กรรมต่อไปนี้ 1.1 การจัดชั้นเรยี นให้เหมาะสม เช่น การจัดผู้เรียนที่มคี วามคล้ายคลงึ กันไว้ในช้ันเรยี น เดยี วกัน 1.2 การจัดวางตัวบุคคลในเรื่องการเรียน เช่น ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนวิชา ตา่ งๆ ไดโ้ ดยมขี ้อมูลต่างๆ อย่างพอเพยี งในการช่วยการตัดสนิ ใจ 1.3 การจัดวางตัวทางด้านกิจกรรม ผู้เรียนทั้งหลายท่ีเข้าเรียนในสถานศึกษา สถานศกึ ษามีความคาดหวังว่า เขาจะไดม้ ีพัฒนาการทางด้านสงั คม อารมณด์ ้วย มิใช่เนน้ หนกั ทางดา้ น สติปญั ญาแต่อย่างเดยี ว ดังนนั้ การเปดิ โอกาสใหผูเ้ รยี นได้ทากิจกรรมบ้างย่อมเป็นประโยชน์ต่อผเู้ รียน เป็นอย่างย่ิง นอกจากนี้ยังเป็นการแสวงหาความสามารถความถนัด ตลอดจนความสนใจในด้าน ต่างๆ ด้วย
237 1.4 การจัดหางานพเิ ศษ (Part time Work) ผู้เรียนบ้างคนมคี วามตอ้ งการจะทางานพเิ ศษ ในขณะท่ีเรียนอยู่ในสถานศึกษาด้วย ซ่ึงถ้าเป็นไปได้จะได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก ไม่เฉพาะ ทางดา้ นเศรษฐกิจ หรือรายได้ท่ีได้รับจากการทางานเท่านั้น แตย่ ังได้รับประสบการณท์ างด้านอาชีพ โดยตรง 2. การจัดวางตัวนอกสถานศึกษา (Out of School Placement) เม่ือผู้เรียนสาเร็จการ ศึกษาจากสถานศึกษาไปแล้ว เขาจะต้องไปเผชิญกับชีวิตในสังคม ถ้าจะช่วยให้เขาได้ประสบ ความสาเรจ็ ในชีวตมิ ากข้ึน กค็ วรจะมกี ารจัดวางตวั บคุ คลนอกสถานศึกษาใหกบั ผู้เรียน 2.1 การจัดวางตัวบุคคลเกีย่ วกับการศกึ ษาต่อ ผู้เรยี นเป็นจานวนมากมคี วามปรารถนา จะเรียนต่อในระดับสูงขึ้นไป ดังนั้นก็ควรจะช่วยให้เขาตัดสินใจว่า เขาควรจะเลือกเรียนอะไรจึงจะ เหมาะสมกับเขา โดยตวั เขาเองนั้น เปน็ ผู้ตัดสนิ ใจว่าเขาควรจะเลอื กเรยี นอะไรจงึ เหมาะสมกับเขา 2.2 การจัดวางตัวทางด้านอาชีพ (Job Placement ) หลังจากสาเร็จการศึกษาจะมี ผู้เรียนบางส่วนทไ่ี ม่ประสงค์จะศึกษาตอ่ ไป ดังนัน้ สถานศึกษาควรจะมีความรบั ผิดชอบทีจ่ ะช่วยเหลือ ผู้เรียนให้สามารถร้วู ่าเขาควรจะมีโอกาสประกอบอาชีพอะไรได้บ้างในสังคม เพ่ือจะให้มีการเตรียมตัว ที่ดีกอ่ นจะออกไปประกอบอาชพี อย่างจรงิ จัง 2.3 การฝึกฝนอาชีพในหน่วยงาน หรือสถาบันต่างๆ ผู้เรียนบางระดับ หรือบางคนที่ สาเรจ็ การศึกษาจากสถานศึกษาแล้ว ยงั ไม่มคี วามพรอ้ มทจ่ี ะประกอบอาชพี ได้ทนั ที โครงการแนะแนว ท่ีดีควรจะมีการช่วยให้ผเู้ รียนทั้งหลายได้ทราบว่า เขาจะสามารถเข้าไปรบั การฝึกฝนอบรม เกี่ยวกับ อาชีพระยะส้ันได้ ณ ท่ีใดบ่าง เพอื่ ช่วยให่เขาสามารถประกอบอาชีพได้ นอกจากจะสามารถให้ข้อมูล ว่ามีสถานท่ฝี ึกอบรมท่ีใดบ้าง ยงั ตอ้ งให้เขาทราบว่า เขาควรจะเข้ารับการฝึกฝนในโปรแกรมอะไรจึง เหมาะสมที่สดุ ด้วย หลกั การของบรกิ ารจัดวางตวั บคุ คล การจัดบริการจัดวางตัวบุคคลควรดาเนินการตามแนวคิดพื้นฐานหรืออาจเรียกว่า ปรัชญาพ้ืนฐานของการจัดวางบุคคลคือ การพัฒนามนุษย์ให้ใช้ศักยภาพของตนเองได้อย่างสูงสุด โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้ การฝึกทักษะ และการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทั้งในสถานศึกษาและ ในสถานประกอบการ การทางานที่เหมาะสมกับวัย ยุคสมัย และความพอใจส่วนตัว เป็นการ เสรมิ สร้างคุณคา่ ให้กับชีวิต บุคคลควรมสี ิทธิท่ีจะเลือกวถิ ีชวี ิตในการศกึ ษาและการทางานไดต้ รงความ ตอ้ งการของตนเองมากที่สุด เพื่อให้ได้ชีวิตท่ีมีคุณภาพ และได้ผลงานทม่ี ีประสิทธิภาพสูง บคุ คลควร ไดร้ บั ประสบการณจ์ ากสงั คมภายนอกในเรื่องของการศกึ ษา อาชพี และการดาเนนิ ชีวิต ซึ่งจะช่วยให้ บคุ คลประสบความสาเร็จในชีวิตได้ด้วยการตัดสินใจเลือกส่ิงท่ีเหมาะสมกับตนเองมากท่ีสุด บริการ
238 จดั วางตัวบุคคลจงึ เป็นบริการที่เน้นคุณค่าของมนุษยท์ ค่ี วรไดร้ บั ความสุขและความพอใจในการดาเนิน ชีวิต เห็นความสมั พันธ์ของความเป็นจริงของชวี ิตและงาน สามารถทาคุณประโยชนใ์ ห้กับครอบครัว ชุมชน สงั คม และประเทศชาตไิ ด้อย่างเตม็ ตามศกั ขภาพ ท้ังน้ี สามารถสรุปหลักการของบริการจัดวางตัวบุคคลได้ดังนี้ (บัวทอง สว่างโสภากุล, 2547, น.217 และวัชรี ทรัพยม์ ีและจุรี วาทิกทนิ กร, 2554, น. 8-9) 1. บริการจัดวางตัวบุคคลควรจะเปน็ บรกิ ารเพื่อผู้เรียนทุกคน โดยมุ่งให้ผู้เรียนทุกคนไดร้ ับ ประโยชนจ์ ากสงิ่ แวดล้อมให้มากทีส่ ุด 2. บริการจดั วางตัวบุคคลเป็นบรกิ ารทต่ี ้องมาทหี ลงั บรกิ ารสนเทศและบริการให้คาปรึกษา กล่าวคือ ก่อนที่ผู้เรียนจะได้รับการจัดวางตัวบุคคลไว้ให้เรียนวิชาใด หรือฝึกหัดปฏิบัติงานใดนั้น เขาจะต้องได้รบั ขอ้ สนเทศเก่ียวกบั การศึกษา อาชีพ สงั คมและส่วนตัว และได้มโี อกาสคิดไตร่ตรองดู แลว้ วา่ ตนเองต้องการอะไรแลว้ จงึ รับบรกิ ารจัดวางตวั บุคคลนไี้ ด้ 3. การจัดวางตวั บคุ คลควรกระทาเมือ่ ผแู้ นะแนวไดร้ จู้ กั ผู้เรียนอย่างถ่องแท้แลว้ เพือ่ ให้เกิด การจัดวางทเ่ี หมาะสมกับผ้เู รียนแต่ละคน 4. บุคลากรทกุ ฝ่ายของสถานศกึ ษาควรเขา้ ร่วมในการใหบ้ รกิ ารทางด้านนีแ้ กผ่ ู้เรียน 5. สิทธิและเสรีภาพในการเลือกโอกาสและตัดสินใจของผู้เรียน เป็นส่ิงที่ผู้แนะแนวต้อง เคารพอยเู่ สมอ ผู้เรียนจะตอ้ งไม่ถูกจัดวางตวั โดยขดั ต่อความตอ้ งการความสนใจหรอื ค่านิยมของเขา 6. ควรจัดให้มีการติดตามผลและประเมินผลบริการจัดวางตัวบุคคล เพ่ือทราบข้อดีและ ข้อบกพรอ่ ง แลว้ นามาพฒั นาและปรับปรุงให้มีประสทิ ธิภาพย่ิงข้นึ การดาเนินงานการจดั วางตวั บุคคล บ ริ ก า ร จั ด วา งตั วบุ คค ล เก่ี ย ว ข้ อ ง กั บ บุ ค ค ล ห ล า ย ฝ่ า ย ทั้ ง ฝ่ า ย ภ า ย ใน แ ล ะ ภ า ย น อ ก สถานศึกษา จึงควรดาเนนิ การตามลาดับดังน้ี 1. ศึกษาข้อมูล ปัญหา และความต้องการของผู้เรียน เช่น ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางด้าน การศกึ ษา ปญั หาทางเศรษฐกิจ ความตอ้ งการหารายไดร้ ะหวา่ งเรียน เป็นต้น โดยคณะกรรมการฝ่าย บริการจัดวางตัวบุคคลประสานงานกับฝ่ายรวบรวมข้อมูล เพ่ือทราบปัญหาและความต้องการของ นักเรียนแลว้ นาไปจัดกิจกรรมไดเ้ หมาะสมสอดคลอ้ งกับสภาพของผ้เู รียนแตล่ ะคน 2. จัดทาปฏิทินงานจดั วางตวั บคุ คลเป็นรายเดือนตลอดปีการศึกษา เช่น เดอื นพฤษภาคม สารวจข้อมูลปัญหาและความต้องการของผู้เรียน โดยการใช้แบบสอบถาม แบบสารวจปัญหา สัมภาษณ์ ผู้เรียน และแจกเอกสารรายงานผลการเรียนของผู้เรียนเพ่ือการจัดห้องเรียน จัดทนุ การศกึ ษา และจัดทนุ กู้ยมื เป็นต้น
239 ตัวอยา่ งปฏทิ ินปฏิบตั งิ านจดั วางตัวบคุ คล เดือน วนั ที่ กิจกรรม วิธีการ พฤษภาคม สารวจปญั หาเฉพาะด้าน 1. สบื คน้ ข้อมูลของนักเรยี นท่ีมปี ญั หา ของนักเรยี นรายบคุ คล ให้สมบูรณด์ ว้ ยวิธกี ารต่างๆ 2. วิเคราะหส์ าเหตขุ องปัญหา เพ่ือให้ความ ช่วยเหลือตามความเหมาะสมแก่กรณี มถิ ุนายน จดั หาทนุ การศกึ ษาให้ 1. หาข้อมูลเก่ียวกบั นกั เรยี นทขี่ ดั สนต้องการ นกั เรยี นทขี่ ัดสน รบั ทนุ 2. จดั หาทนุ จากแหลง่ ตา่ งๆ ทัง้ ภายในและ นอกชุมชน 3. คัดเลอื กนกั เรียนทีเ่ หมาะสมเพอ่ื รับทุน 4. ติดตามผลการใช้เงินทุนการศกึ ษา มถิ ุนายน จัดกลุม่ สนใจตา่ งๆ เพื่อ 1. สารวจปญั หาหรือความตอ้ งการพิเศษ ถงึ ส้ินปี สง่ เสรมิ บุคลกิ ภาพหรือ ของนกั เรยี น การศึกษา เพ่อื ตอบสนองความ 2. จดั กลมุ่ กจิ กรรมต่างๆ เพื่อสง่ เสริม สนใจพเิ ศษ บคุ ลิกภาพ หรอื สนองความสนใจท่ี แตกต่างกัน 3. จดั ครูพเี่ ล้ยี งและจัดนักเรยี นเขา้ กลมุ่ ตาม ความเหมาะสม 4. ติดตามและประเมนิ ผล กุมภาพันธ์ จดั หางานใหน้ ักเรยี นทา 1. ตดิ ต่อแหล่งงาน 2. ประกาศและคดั เลือกนักเรียนทีเ่ หมาะสม กบั งานแต่ละประเภท 3. ปฐมนเิ ทศนักเรยี นที่จะออกไปปฏบิ ัตงิ าน 4. ตดิ ตามผลการทางาน 3. จดั กิจกรรม/โครงการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพหรอื ปรับพตกิ รรม เพอื่ วางตวั บคุ คลให้เหมาะสม ทั้งด้านการศกึ ษา อาชีพ ส่วนตัวและสังคม ส่วนใหญ่จดั ในช่ัวโมงกิจกรรมแนะแนว เพ่ือให้ครูรู้ข้อมูล ของผู้เรียน และผู้เรียนรู้จักตนเอง ครูแนะแนวจะเป็นผู้กาหนดเนื้อหาหลักท่ีเลือกมาสอนเพ่ือให้
240 สอดคล้องกบั ความสนใจและช่วงวัยของผู้เรียน โดยมีเนือ้ หาหลกั คอื การศึกษาตอ่ อาชพี และทกั ษะท่ี จาเปน็ ต่อการดาเนินชีวติ 4. มีส่วนร่วมในการพิจารณาจัดวิชาเลือกของผู้เรียน เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจ ซ่ึงอาจทาได้ในชั่วโมงกิจกรรมแนะแนว หรือระหว่างการบริการให้ คาปรึกษารายบุคคลและกลุ่ม 5. มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมในการวางแผนเลือกอาชีพ เช่น การให้คาปรึษาแก่ผู้ปกครอง ครูแนะแนอาจบรรยายให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง โดยเฉพาะผู้ปกครอง นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึษาปีท่ี3 ในเร่ืองโอกาสการเรียนต่อ ความสามารถของนักเรียน โอกาสที่ นกั เรียนจะประสบความสาเรจ็ ในด้านท่ีเลือก ครูหรือผู้แนะแนวอาจทาเอกสารแจกผู้ปกครอง 6. มีส่วนร่วมในการช่วยให้ผู้เรียนได้รับความช่วยเหลือด้านทุนการศึกษา รวมถึงการหา รายไดร้ ะหวา่ งเรยี น 7. มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพของผู้เรียน โดยเฉพาะสุขภาพจิต ครูหรือแนะแนวอาจติดต่อประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญภายนอก เช่น แพทย์ จิตแพทย์ หรือ นกั จติ วทิ ยา นอกจากน้ี อาจเชิญบุคคลเหล่านั้นเป็นทป่ี รกึ ษาประจาสถานศกึ ษา เพ่ือขอคาปรึกษาใน กรณที ี่ชบั ซ้อน เละต้องการความรู้เฉพาะด้าน หลังจากที่ครูหรือผู้แนะแนวจดั วางตัวบุคคลได้อย่างเหมาะสมลว้ ผลดีจะเกิดแก่ผู้เรยี น คือ เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ ทางานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดการสูญเปล่า อยู่ในสังคมได้ดี และมี ความสุข ประเภทของบริการจดั วางตวั บคุ คล บริการจัดวางตัวบคุ คล แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังน้ี (พนม ล้ิมอารีย์, 2548, น. 288 - 231; ลักขณา สริวัฒน์, 2551: 303-306; เจษฎา บุญมาโฮม, 2558: 219-239 และสนุ ิสา วงศ์อารีย์, 2559, น. 174-185) 1. การจัดวางตัวบุคคลด้านการศึกษา (Educational Placement) เป็นการช่วยให้ ผู้เรียนได้เลือกการเรียน เลือกวิชาเรียน เลือกหลักสูตร เลือกแนวทางการศึกษา ต่อ เลือก สถาบันการศึกษาต่อได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด ความสนใจ สภาพร่างกาย และฐานะทางเศรษฐกจิ ของตน ซ่ึงจะสง่ ผลให้ผู้เรียนประสบความสาเร็จในการศึกษา เลา่ เรียน ทั้งในปัจจบุ ันและอนาคต ซ่งึ แยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ การจดั วางตวั ผู้เรยี นที่กาลงั ศกึ ษาอยู่ ในสถานศึกษา และการจัดวางตัวผู้เรียนท่ีจะสาเร็จการศึกษาและต้องการศึกษาต่อ ท้ังน้ี การจัด วางตวั บุคคลดา้ นการศกึ ษา สามารถดาเนินการ ไดด้ งั นี้
241 1.1 การจัดวางตัวผู้เรียนในช้ันเรียน เบื้องต้นครูควรจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ใน บรรยากาศทางกายภาพทเ่ี หมาะสมกับผู้เรยี นก่อน ตัวอย่างเด่นชัดก็คอื การจัดช้ันเรียนด้านกายภาพ ในระดับปฐมวัยท่มี ีสสี นั สวยงาม กระตุ้นการเรียนรู้ ส่วนบรรยากาศทางจติ วทิ ยาควรสง่ เสริมสภาพชั้น เรยี นท่ีอบอ่นุ เป็นกันเอง มีการให้การยอมรับซ่ึงกันและกนั ครูผสู้ อนมเี จตคติท่ีดีต่อผู้เรยี น มองเห็น คุณค่าของผู้เรียน ยอมรับความสามารถของผู้เรียน นอกจากนั้น ครูควรจัดให้ผู้เรียนได้เรียนในช้ัน เรียนที่เหมาะสมกับระดับสติปัญญาและความสามารถ เช่น การจัดห้องเรียนสาหรับผู้เรียนที่มี ความสามารถพิเศษ แต่ไมค่ วรจดั ชัน้ เรยี นที่รวมผู้เรยี นทมี่ ีพฤติกรรมท่ีไม่ดีและเรยี นออ่ นไวด้ ้วยกนั ทั้ง หอ้ งเหมือนห้องเรยี นสาหรับผู้เรียนที่มีความสามารถพเิ ศษ เพราะจะเกดิ ผลเสยี มากกวา่ ผลดี หากครู แนะแนวหรือครูประจาชนั้ สามารถดาเนนิ การไดต้ ามท่ีกลา่ วมาจะช่วยใหผ้ เู้ รียนมีความสขุ ในการเรียน และได้รบั ประโยชน์จากการเรยี นรู้อย่างเต็มท่ี ภาพที่ 5.1 การจดั ช้ันเรยี นดา้ นกายภาพในระดบั ปฐมวยั ทมี่ า: http://www.triamsatit.ac.th/accomadate/ 1.2 การจัดวางตัวผูเ้ รยี นเรอื่ งวิชาเรียนและแผนการเรียน ปจั จุบนั หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ.2551 ได้กาหนดโครงสร้างเวลาเรยี นเพ่ิมเตมิ เพื่อจัดให้เป็นรายวิชาเลือก เพิ่มเติมหรือกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยจัดให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ดังน้ัน
242 สถานศึกษาจึงควรนาหลักการจัดวางตัวบุคคลมาประยุกต์ใช้กับการเลือกวิชาของผู้เรียน สาหรับ มัธยมศึกษาตอนต้นควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกรายวิชาเลือกเสรีตามความถนัดความ สามารถ และความสนใจ ปีละไม่เกิน 240 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้เรียนได้ค้นพบความถนัด ความสามารถ และได้ พัฒนาความสามารถไดส้ ูงสดุ ตามศกั ยภาพ สว่ นระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย กระทรวงศึกษาธกิ าร ได้เปิดให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนรายวิชาต่างๆ อย่างกว้างขวางและหลากหลายตามความถนัด ความสามารถ และความสนใจของแต่ละคน เฉลยี่ ปีละ 520 ชั่วโมง เพอื่ ใหผ้ ู้เรียนมีทักษะเฉพาะด้าน ตามศกั ยภาพของตน เหน็ ช่องทางในการศกึ ษาและประกอบอาชพี สาหรับผเู้ รียนระดับอดุ มศกึ ษาต้อง เลือกเรยี นอยา่ งเหมาะสม ผู้เรยี นแต่ละคนต้องได้รับความช่วยเหลือให้สามารถเลอื กวิชาและแผนการ เรียนทตี่ นถนัดและสนใจ โดยก่อนท่ีผ้เู รียนจะเลอื กวิชาเรียนหรอื แผนการเรยี นใด ควรจัดเตรียมความ พร้อมของผู้เรยี นในประเด็นต่อไปนี้ 1.2.1 ให้ข้อมูลเก่ียวกบั หลักสูตรของสถานศึกษา 1.2.2 ให้ผู้เรียนสารวจตนเองในด้านการเรียน ผมสัมฤทธ์ิในวิชาต่างๆ สารวจ ความถนัด ความสนใจ และบุคลิกภาพด้วยแบบทดสอบหรือแบบสารวจ และอภิปรายร่วมกับ ครแู นะแนวหรอื อาจารยท์ ปี่ รึกษา เพื่อการรูจ้ กั ตนเองและเข้าใจตนเองอย่างถูกตอ้ ง 1.2.3 ประชุมผู้ปกครองและผู้เรียนเพ่ือชี้แจงเก่ียวกับหลักสูตรของสถานศึกษา และแนวทางในการศึกษาตอ่ 1.2.4 เปิดโอกาสให้ผูเ้ รียนและผู้ปกครองมาปรกึ ษากับครูหรือผแู้ นะแนวเกยี่ วกับ การเลือกวชิ าเรยี น แผนการเรยี น หรือการเตรียมตวั เพ่อื ศกึ ษาต่อ จากการช่วยเหลือผู้เรียนด้วยวิธีการข้างต้นจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้เรียนเลือกวิชาเรียน เพราะคิดว่างา่ ย หรอื เลือกวชิ าเรียนและแผนการเรียนทีไ่ มส่ อดคลอ้ งกับความสามารถ และความถนัด ของตน แตเ่ ลอื กตามเพอ่ื น โดยขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั วชิ าเรียนหรือแผนการเรยี นน้นั ๆ 1.3 การจัดวางตัวผู้เรียนในเร่ืองกิจกรรม นอกจากการเรียนรายวิชาด้านวิชาการ ทฤษฎีแล้ว หลักสูตรยังกาหนดให้ผู้เรียนต้องร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตรต่างๆ ที่เหมาะสมกับ ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน เพ่ือเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นได้ฝกึ ภาคปฏิบตั ิ ทกั ษะ ดา้ นอาชีพตา่ งๆ ตลอดจนทักษะการปรบั ตวั เข้าสงั คม ซง่ึ จะเป็นการสง่ เสริมความเจริญงอกงาม สรา้ ง ประสบการณ์ และเป็นพลเมืองดีของสังคม กิจกรรมเสริมหลักสูตรในแต่ละสถานศึกษาจะมีความ แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสถานศึกษาและความต้องการของผู้เรียน กิจกรรมเสริม หลักสูตรที่สถานศึกษาอาจจัดให้แก่ผู้เรียน อาจมีทั้งชมรมที่ส่งเสริมด้านวิชาการ หรือชมรมด้าน นันทนาการ การส่งเสริมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น ชมรมคณิตศาสตร์ ชมรม กิจกรรมวิทยาศาสตร์ ชมรมภาษาองั กฤษ ชมรมภาษาไทย ชมรมอนุรกั ษ์วัฒนธรรมไทย ชมรมเพ่ือน เรียน ชมรมคอมพิวเตอร์ ชมรมถ่ายภาพ ชมรมการแสดง ชมรมยุวเกษตร และอ่ืนๆ หรืออาจจัด
243 โครงการสง่ เสริมความถนัดพิเศษตา่ งๆ เชน่ ความถนัดด้านดนตรีและนาฏศิลป์ ความถนัดด้านศิลปะ ความถนัดด้านกีฬา เปน็ ตน้ เนอื่ งจากกจิ กรรมเสริมหลักสูตรที่แต่ละสถานศึกษาจัดใหแ้ ก่ผู้เรียนน้นั มมี ากมาย ดงั น้ัน ครูหรอื ผู้แนะแนวจะต้องช่วยเหลือผู้เรียนให้ได้เข้ารว่ มกิจกรรมท่ีเหมาะสมกับความต้องการ ความถนัด และความสนใจของตน ท้งั น้ีครูหรือผ้แู นะแนวควรประสานงานกับครทู ี่ปรึกษาชมรม หรือ ครูทีร่ ับผดิ ชอบการจดั กิจกรรมเสรมิ หลักสตู รตา่ งๆ เพอ่ื นาข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ มาชแ้ี จงให้ ผู้เรียนเข้าใจ เป็นต้นว่า วัตถุประสงค์ ขอบข่ายของกิจกรรมในแต่ละชมรม และเกณฑ์การเข้าเป็น สมาชิก นอกจากนั้นในการจัดผู้เรียนเข้ากิจกรรมเสริมหลักสูตรต่างๆ ครูที่ปรึกษากิจกรรมเสริม หลักสตู รตอ้ งจดั ให้ผู้เรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมไดฝ้ ึกความรับผิดชอบ โดยมอบหมายให้ผู้เรียนวางแผน งาน กจิ กรรม ดาเนนิ กจิ กรรมและประเมนิ ผลดว้ ยตนเอง ทั้งนี้ เพอื่ ให้ผเู้ รยี นรูจ้ กั วธิ ีการทางานรว่ มกัน การแบ่งงานกันทา การรับฟังและการแสดงความเห็นซ่ึงกันและกัน การเป็นผู้นาและผู้ตาม เป็นต้น (นภาพร ปรีชามารถ, 2544, น. 125-126) ภาพที่ 5.2 การจดั วางตัวผ้เู รยี นในเรอื่ งกจิ กรรม ทมี่ า: https://data.bopp-obec.info/emis/news/news_view.php
244 1.4 การจัดวางตัวผู้เรียนเข้าโครงการพิเศษ เน่ืองจากผู้เรียนมีระดับสติปัญญาและ ทักษะการเรียนรู้ท่ีแตกต่างกัน ทาให้ผู้เรียนบางคนประสบปัญหาการเรียนในภาพรวมทุกรายวิชา บางคนประสบปัญหาบางวชิ า ดงั นั้น หากสถานศึกษาละเลย ไม่ใส่ใจกับประเด็นน้ีก็อาจทาให้ผู้เรยี น พลาดโอกาสในการประสบความสาเร็จในการเรียนได้ นอกจากน้ี ผู้เรียนท่ีมรี ะดับสติปัญญาสูงหรือมี ความสามารถด้านการเรยี นหากไม่ไดร้ ับการจดั วางตวั บุคคลในลักษณะการส่งเสรมิ จะทาใหบ้ ุคคลนั้น ไม่สามารถพัฒนาตนสศู่ ักยภาพสงู สดุ อย่างแท้จริง สาหรับแนวทางการจัดวางตัวผ้เู รียนเข้าโครงการ พิเศษ มีดงั นี้ 1.4.1 การจัดวางตัวผู้เรียนที่มีผลการเรียนต่า ครูแนะแนวควรศึกษาผู้เรียนที่มี ผลการเรียนต่าว่ามาจากสเหตุใดตามกระบวนการสารวจผู้เรียนเป็นรายบุคคล เน่ืองจากผูเ้ รียนท่ีมี ผลการเรยี นตา่ ไมไ่ ด้เกดิ จากสาเหตดุ ้านสตปิ ัญญาไมด่ เี ทา่ น้นั แต่อาจมสี าเหตจุ ากลกั ษณะนสิ ยั สว่ นตัว ท่ีไม่เอ้ือต่อการเรียนรู้ หรอื ท่นี ักวิชาการเรียกว่า ผเู้ รียนท่ีมผี ลการเรยี นต่าเทียมหรือเด็กด้อยสัมฤทธิ์ เชน่ ไมต่ ้งั ใจเรียน ขาดแรงจงู ใจในการเรียน ติดสงิ่ แวดล้อมที่ไมด่ ี เปน็ ต้น ดังนนั้ การจดั วางตวั บุคคล เพื่อช่วยเหลือผู้เรียนท่ีมีผลการเรียนต่าแท้ ครูควรจัดกิจกรรมสอนเสริมเพ่ือแก้ไขปัญหาการเรียน สว่ นการจัดวางตัวบุคคลเพอ่ื ช่วยเหลือผู้เรียนท่ีมีผลการเรยี นต่าเทียมหรอื เด็กด้อยสัมฤทธิ์ ครคู วรจัด กจิ กรรมเพื่อช่วยแก้ไขลักษณะนิสัยสว่ นตัวที่ไม่เอื้อต่อการเรียนรู้ เชน่ กิจกรรมการสร้างแรงจูงใจใน การเรยี น การวางแผนการเรยี น การสร้างยุทธวิธกี ารเรยี น และการเพิม่ การใสใ่ จในการเรยี น เป็นตน้ 1.4.2 การจัดวางตัวผู้เรียนท่ีมีความสามารถพิเศษ นอกจากครูแนะแนวจะให้ ความสาคญั กับผู้เรียนทม่ี ผี ลการเรยี นตา่ แล้ว ผู้เรยี นทีม่ ีผลการเรียนสงู หรอื มีความสามารถพิเศษกค็ วร ไดร้ ับการจัดวางตวั บุคคลเช่นกนั ผู้เรียนทมี่ ีความสามารถพิเศษ คอื เด็กท่ีแสดงออกถึงความสามารถ อันโดดเด่นด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้าน เช่น ด้านสติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ การใช้ภาษา การสร้างงานด้านทัศนศิลป์ ศิลปะการแสดง ความสามารถด้านดนตรี ความสามารถด้ากีฬา และ ความสามารถด้านวชิ าการสาขาใดสาขาหนึง่ หรือหลายสาขาอย่างเป็นทีป่ ระจักษ์เมอ่ื เปรยี บเทยี บกับ เด็กที่มีอายุระดับเดียวกันในสภาพแวดล้อมเดียวกัน สาหรับผู้เรียนประเภทนี้ครูแนะแนวควร จัดวางตัวบคุ คล โดยการจัดกจิ กรรมที่ส่งเสรมิ ศักยภาพการเรยี นขน้ั สูง การจดั โปรแกรมพเิ ศษสาหรับ เดก็ อัจฉริยะ การจดั ช้ันเรียนทแ่ี ยกกล่มุ เรยี นเกง่ หรอื ท่ีเรียกว่าการจัดช้ันเรยี นพิเศษ การเร่งการเรียน โดยการให้ผู้เรียนข้ามชั้นเรียนไปเรยี นช้ันท่ีสงู ข้นึ ทง้ั ส่งเสริมผู้เรียนได้ศกึ ษาต่อในสถานศกึ ษาสาหรับ ผูเ้ รียนทมี่ คี วามสามารถพเิ ศษ เป็นตน้ 1.4.3 การจัดวางตัวผู้เรียนท่ีมีความต้องการทั่วไป สาหรับผู้เรียนประเภทน้ี ครูหรือผู้แนะแนวควรดาเนินการจัดวางตัวบุคคลในรูปแบบการส่งเสริมในภาพรวม ด้วยการจัด กิจกรรมบูรณาการไปกับการจดั การเรียนรู้ในชั้นเรียน เช่น การอธบิ ายและมอบหมายงานให้ผู้เรียน ตามระดับความสามารถและจัดกจิ กรรมเสรมิ หลักสตู ร เชน่ โครงการเตรยี มความพร้อมกอ่ นการเรยี น
245 โครงการปรับพื้นฐานการเรียนสาหรับผู้เรียนใหม่ สาหรับนักเรียนช้ัน ม.1 และ ม.4 รวมทั้งนิสิต นักศกึ ษาใหม่ เป็นต้น 1.5 การจัดวางตัวผู้เรียนเข้าโครงการการศึกษาพิเศษ การจัดการศึกษายุคปัจจุบัน เปน็ การศกึ ษาเพอ่ื ปวงชน (Education for All) เปดิ โอกาสให้ผู้เรียนทุกคนไดม้ ีโอกาสทางการศึกษา เท่าเทียมกัน ผู้เรียนท่ีมีความต้องการพิเศษจึงเข้ามาศึกษาในสถานศึกษาที่รับผู้เรียนประเภทท่ัวไป เพม่ิ ขึ้น ดงั นนั้ ครแู นะแนวควรใหค้ วามสาคัญกับผู้เรยี นท่ีมีความตอ้ งการพิเศษเหล่านี้ เพราะผเู้ รียน กลุ่มนมี้ ลี กั ษณะเฉพาะและความตอ้ งการความชว่ ยเหลือดา้ นการเรียนเปน็ อยา่ งยงิ่ ซึ่งผูเ้ รยี นทมี่ คี วาม ต้องการพเิ ศษมีอยู่ 9 ประเภท ไดแ้ ก่ ผู้เรียนท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา ผ้เู รยี นทม่ี คี วามบกพร่อง ทางการได้ยิน ผู้เรียนท่ีมีความบกพร่องทางการมองเห็น ผู้เรียนท่ีมีความบกพร่องทางร่างกายและ สขุ ภาพ ผู้เรียนท่มี คี วามบกพรอ่ งทางการพูดและสอื่ สาร ผ้เู รียนที่มีปัญหาทางพฤตกิ รรมและอารมณ์ ผูเ้ รียนทีม่ ีปญั หาทางการเรยี นรู้ ผู้เรยี นออทสิ ติก และผเู้ รียนพกิ ารซ้อน สาหรบั การจดั วางตวั ผูเ้ รยี นให้ เข้าโครงการการศึกษาพิเศษกบั ผเู้ รยี นประเภทน้ี สามารถดาเนินการไดห้ ลายรูปแบบข้ึนอย่กู ับความ พร้อมของผู้เรียน สถานศึกษา และความเห็นชอบของผู้ปกครอง ปัจจุบันนิยมปฏิบัติในรูปของ การศกึ ษาแบบเรียนรวมและเรียนรว่ ม ซ่ึงจะมีโครงการเสริมประสบการณ์ เชน่ โครงการการศึกษา พิเศษสาหรบั เด็กสมาธิสนั้ เด็กออทิสตกิ และแอลดี เปน็ ต้น หากสถานศึกษาใดมีความพร้อมกอ็ าจจัด การศึกษาสาหรับผู้ที่มีความต้องการพิเศษโดยเฉพาะ เช่น โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ภาพที่ 5.3 การจัดการเรยี นการสอนสาหรบั ผเู้ รยี นทม่ี คี วามตอ้ งการพเิ ศษ ทม่ี า: http://cfbt.or.th/pb/index.php/about-us-sc/history
246 1.6 การจัดวางตัวผู้เรียนด้านทุนการศึกษา โดยท่ัวไปแล้วสถานศึกษาจะจัด ทุนการศกึ ษาให้ผูเ้ รียน 3 ประเภท คือ 1.6.1 ทุนการศึกษาสาหรับผู้เรียนที่เรียนดีและมีความประพฤติดี การจัดทุน ประเภทนี้ สถานศึกษาจะคัดเลือกผู้เรียนมีผลการเรียนที่ดีตามมาตรฐานท่ีกาหนด และมีความ ประพฤติดเี ขา้ รับทนุ การศกึ ษา เพือ่ เปน็ กาลังใจให้แกผ่ ้เู รยี นท่ีเอาใจใส่ในการเรียนและประพฤติตนอยู่ ในกรอบระเบียบวินัยกฎเกณฑ์ของสถานศึกษา รวมทั้งเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมด้านอื่นๆ เป็นที่ ประจกั ษ์ เพ่อื เป็นแบบอยา่ งทด่ี ีแก่ผเู้ รียนคนอื่นๆ ภาพท่ี 5.4 การมอบทนุ การศึกษา ทีม่ า: http://suth.go.th/album/661 1.6.2 ทุนการศึกษาสาหรับผู้เรียนท่ีขาดแคลนทุนทรัพย์ การจัดทุนประเภทน้ี สถานศึกษาจะประกาศให้ผู้เรียนท่ีขาดแคลนทุนทรัพย์และประสงค์จะมาขอรับทุน มาย่ืนใบสมัคร ขอรับทนุ จากน้ันสถานศึกษาจะคดั เลอื กผเู้ รียนท่คี รอบครวั ยากจน มีปัญหาทางเศรษฐกิจใหไ้ ด้รับทุน เพอื่ ชว่ ยเหลือผู้เรยี นทขี่ าดแคลนทุนทรัพย์ใหส้ ามารถเรยี นได้โดยไม่ตอ้ งออกจากสถานศึกษากลางคัน ในกรณนี ส้ี ถานศึกษาจะจดั สรรทุนใหต้ ามความจาเปน็ ของผเู้ รยี น เช่น ผู้เรยี นบางคนอาจจะขาดแคลน อุปกรณ์การเรียนทจ่ี าเปน็ บางอย่าง บางคนอาจจะขาดแคลนอาหารกลางวัน บางคนอาจจะขาดแคลน เคร่ืองแต่งกาย เป็นต้น ดังน้ัน ผู้เรียนที่ขาดแคลนเหล่านี้ควรได้รับความช่วยเหลือจากสถานศึกษา โดยอาจไดร้ บั ทุนการศึกษา หรือบริการอาหารกลางวนั ฟรี หรือไดร้ บั ความช่วยเหลือทางดา้ นอปุ กรณ์ การเรยี น หนังสือเรียน เครอื่ งแต่งกาย ตลอดจนบรกิ ารหอพักสาหรับผู้เรยี นต่างจังหวัดที่ขาดแคลนที่ พกั โดยจะตอ้ งพิจารณาใหเ้ หมาะสมกบั เง่อื นไขที่สถานศกึ ษากาหนด
247 1.6.3 เงินทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เม่ือวันท่ี 28 มีนาคม พ.ศ. 2538 ได้ส่งเสริมความเป็นธรรมทางการศึกษา โดยการสนับสนุนด้านงบประมาณใน ลักษณะการกู้ยืมเงนิ รัฐบาลเรียนหนังสือในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและอุดมศึกษา รัฐบาลจึ ง จดั ต้งั กองทนุ เงนิ ให้ก้ยู ืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ขนึ้ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อใหเ้ งนิ กู้ยมื แก่นักเรยี น นักศกึ ษา ทข่ี าดแคลน ทุนทรัพยเ์ พ่ือเป็นค่าเล่าเรยี น คา่ ใชจ้ ่ายที่เก่ยี วเน่อื งกบั การศึกษา และค่าใช้จา่ ยทจี่ าเป็น ในการครองชีพ ระหวา่ งศกึ ษาในระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ระดบั อาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษา ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาอยา่ งท่ัวถึง ช่วยแบ่งเบาภาระด้านการเงินของผู้ปกครอง และเป็นการ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของชาติโดยรวม โดยมุ่งหวังว่าผู้กู้ยืมจะสามารถเล่าเรียนได้จนสาเร็จตาม หลักสูตร มีความรับผดิ ชอบต่อตนเองและสังคม รวมถงึ มีจติ สานึกในการชาระหน้ีคืนเพ่ือสรา้ งโอกาส ทางการศึกษาใหแ้ ก่รนุ่ น้องต่อไป สาหรับการจัดวางตวั ผเู้ รยี นทนุ กูย้ มื เงินการศึกษาจากกองทนุ ให้กูย้ มื เพื่อการศึกษาน้ัน ครูหรือผู้แนะแนวควรดาเนินการชี้แจงข้ันตอน คุณสมบัติของผู้กู้ วิธีการจัดทา คาก้ยู ืม และวันเวลาการดาเนินการ ท้ังน้ี ครูแนะแนวควรให้ข้อสนเทศแกผ่ ู้เรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติ ตนขณะกู้ยืมเงิน คือ ควรต้ังใจศึกษาเล่าเรียน และภายหลังการกู้ยืมเงิน เช่น การต้ังใจทางานและ รับผิดชอบการชดใชท้ ุน รวมไปถึงค่านยิ มการปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ความพอเพียง เปน็ ตน้ 1.7 การจัดวางตัวผู้เรียนด้านการศึกษาต่อ เป็นการจัดวางตัวผู้เรียนที่สาเร็จจาก สถานศึกษา และกาลงั ตอ้ งการศกึ ษาต่อในสถาบันอื่น เม่ือผู้เรียนสาเร็จการศึกษาจากสถานศกึ ษาแล้ว ผเู้ รยี นจะตอ้ งเตรียมตัวเพื่อศกึ ษาในระดบั สงู ต่อไป หรือบางคนอาจจะออกไปประกอบอาชพี ผู้เรยี น เหลา่ น้จี ะมีโอกาสประสบความสาเร็จในโครงการท่ีเขาไดเ้ ลือกและตัดสนิ ใจเลือกแล้วได้ สถานศึกษา จะต้องช่วยเตรียมความพรอ้ ม เพอื่ ใหผ้ ู้เรียนสามารถเผชญิ ชวี ิตภายนอกสถานศึกษาได้อยา่ งม่นั ใจ การ จดั วางตัวผู้เรยี นทตี่ ้องการศึกษาตอ่ ปฏบิ ัติไดด้ ังนี้ 1.7.1 ช่วยให้ผู้เรียนท่ีได้ทราบ เก่ียวกับหลักสูตรการเรียนการสอนของ สถาบันการศึกษาต่างๆ ท่ีเปิดสอนในสาขาวิชาท่ีผู้เรียนสนใจ ข้อมูลการศึกษาต่อมีหลายแนวทาง นาเสนอไดด้ ังนี้ (นงลกั ษณ์ ประเสรฐิ และจรนิ ทร วนิ ทะวิไชย์, 2548, น. 120-121) 1) ศกึ ษาตอ่ ในมหาวทิ ยาลัยปิด มหาวทิ ยาลับปิดเป็นมหาวิทยาลัยของรฐั ที่ รับนิสิตนักศึกษาจานวนจากัด ต้ังอยู่ในทุกภาคของประเทศไทย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นต้น การศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยปิด ผเู้ รยี นจะตอ้ งผ่านการคดั เลือก ซง่ึ มีการแข่งขันสงู 2) ศกึ ษาตอ่ ในมหาวทิ ยาลัยเปดิ มหาวิทยาลยั เปิดเป็นสถาบันอุดมศกึ ษาของ รฐั และเอกชนที่รับนักศกึ ษาโดยไม่จากดั จานวนและไม่ต้องสอบคัดเลือก
248 3) ศึกษาต่อด้านการพยาบาลและสาธารณสขุ สถานศึกษาท่ีรับผู้เรียนเข้า ศึกษาต่อในหลักสูตรด้านการพยาบาลสาธารณสุข ท้ังในระดับปริญญาบัตรและประกาศนียบัตร ปจั จบุ ันมหี ลายแหง่ ท้ังของรฐั บาลและเอกชน 4) ศึกษาตอ่ ด้านทหารตารวจ ผู้เรียนท่ีประสงค์จะศึกษาต่อในสถานศึกษา ทางด้านทหาร ตารวจ นอกจากจะต้องสอบขอ้ เขยี นแล้ว ยงั ต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพรา่ งกาย อีกดว้ ย 5) ศกึ ษาต่อในสถาบนั การพลศึกษา ปัจจุบันวทิ ยาลัยพลศึกษาไดเ้ ปลี่ยนชื่อ เป็นสถาบันการพลศึกษา มี 17 วทิ ยาเขตทั่วประเทศไทย เปิดสอนหลักสตู รศกึ ษาศาสตรบัณฑิตสาขา พลศึกษา หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาวทิ ยาศาสตร์การกีฬา สาขาการฝึกสอนกีฬา และการ ส่งเสริมสุขภาพ หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาสื่อสารการกีฬา สาขาธุรกิจสุขภาพ สาขา นันทนาการเชงิ พาณชิ ยแ์ ละการท่องเทีย่ ว และสาขาการจดั การกีฬา 6) ศึกษาต่อหลักสูตรวิชาชีพ สถานศึกษาหลักสูตรวิชาชีพส่วนใหญ่ มุ่งผลิตบุคลากรให้มีความสามารถเฉพาะทาง ดังน้ัน ผ้เู ขา้ ศกึ ษาในสายนี้ เม่ือสาเร็จการศึกษาจงึ มัก ประกอบอาชีพตามสาขาท่ีได้ศึกษามา ผู้เรยี นจงึ ควรตัดสินใจเลือกอย่างรอบคอบและม่ันใจวา่ ตนเอง มีความถนัด มีความสนใจอย่างแท้จริง ทั้งน้ีแต่ละหลักสูตรใช้เวลาศึกษาแตกต่างกันมีต้ังแต่ 3 เดือน –2 ปี เช่น หลักสูตร 3 เดือน ได้แก่ พนักงานต้อนรับบนเคร่ืองบิน การประกอบอาชีพ หลักสูตรระยะส้ันเป็นตน้ หลักสูตร 6 เดือน ไดแ้ ก่ พนักงานต้อนรับส่วนหน้า นาวิกวาณิชย์ เป็นต้น หลักสูตร 1 ปี ได้แก่จา่ ทหารเรือ ไปรษณีย์ การดูแลผู้สูงอายุ เป็นตน้ หลักสูตร 2 ปี ได้แก่ โรงเรียน แผนทีก่ รมทหาร จ่าอากาศ เป็นตน้ 1.7.2 ช่วยให้ผู้เรียนที่ได้สารวจตนเองอย่างถ่องแท้ ผ่านกระบวนการประเมิน ศกั ยภาพเพื่อคน้ หาความถนัด ความสนใจ และความสามารถทแ่ี ท้จรงิ ของตนเอง 1.7.3 ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นท่ีไดเ้ ลอื กตดั สนิ ใจแนวทางการศกึ ษาและอาชีพได้ถูกต้อง และ เหมาะสมกับตนเอง โดยอาจใช้ประเดน็ ต่อไปนี้ในการช่วยตดั สนิ ใจ 1) โอกาสและความเปน็ ไปในการศกึ ษาต่อในสาขานนั้ 2) ความพร้อมของตนเองในด้านตา่ งๆ เชน่ การเงนิ สขุ ภาพ ครอบครัว 3) คุณสมบัตขิ องผ้เู ข้าเรยี นในแตล่ ะสาขาเหมาะสมกับตนเองหรอื ไม่ 1.7.4 ช่วยใหผ้ ้เู รียนวางแผนการศึกษาต่อ เพือ่ ไปสู่สาขาวิชาชีพที่ผเู้ รียนสนใจ 1.7.5 ช่วยอานวยความสะดวกให้แก่ผู้เรียนในการสมัครสอบคัดเลือกใน สถาบนั การศึกษาที่ผู้เรียนเลือกแล้ว
249 2. การจดั วางตัวบุคคลด้านอาชีพ (Vocational Placement) เป็นการช่วยให้ผูเ้ รียนได้ เลือกประกอบอาชีพท่ีเหมาะสมตรงตามศักยภาพ มีความรู้ความเข้าใจในข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง ข้อมูลเกย่ี วกับด้านอาชีพ ทาใหผ้ ู้เรียนสามารถตดั สนิ ใจเลือกอาชีพหรือเลือกวิชาชีพที่จะศึกษาต่อได้ อย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนเป็นผู้ประกอบอาชีพท่ีมีคุณภาพ นอกจากนี้ ผู้เรียนยังสามารถ ตดั สินใจแก้ไขปัญหา มีรายได้เสรมิ ได้รับประสบการณท์ ี่มคี ุณค่า ได้เรียนรูก้ ารทางานอยา่ งปลอดภัย และคุ้มค่าทั้งด้านค่าตอบแทนที่เป็นรายได้และค่าตอบแทนท่ีเป็นประสบการณ์ ตลอดจนสามารถ รับผดิ ชอบตนเองได้ รวมทงั้ ยังเปน็ การปลูปฝงั ให้ผูเ้ รียนเป็นคนรักการทางาน ร้จู ักใช้เวลาวา่ งให้เป็น ประโยชน์ มีเจตคติที่ดีต่อการทางานท่ีสุจรติ ทุกชนิด ทั้งนี้ การจัดวางตัวบุคคลด้านอาชีพ สามารถ ดาเนนิ การ ไดด้ ังน้ี 2.1 การจัดหางานให้ผู้เรียนท่ีสาเร็จการศึกษา และที่ออกจากสถานศึกษา กลางคนั /ศิษย์เก่าท่วี า่ งงาน สถานศึกษาควรดาเนนิ การดงั น้ี 2.1.1 จัดให้บุคลากรทาหน้าท่ีจัดวางตัวผู้เรียนเกี่ยวกับงานและอาชีพ ประกอบด้วยครูแนะแนวและครูบางคนร่วมเป็นกรรมการ โดยคณะกรรมการชุดน้ีควรมีความรู้ เกยี่ วกับการแนะแนว และรูจ้ กั แหลง่ งานในชุมชน ตลอดจนมคี วามรเู้ กีย่ วกับกฎหมายแรงงาน 2.1.2 จัดหาเครือ่ งอานวยความสะดวกในการทางาน โดยอาจมีโทรศัพท์เพื่อ ความสะดวกในการติดต่อ มีวัสดุ ครุภัณฑ์สานักงาน เชน่ โต๊ะ เกา้ อ้ี แฟ้มเอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์ และ เจ้าหน้าท่ีประจา เป็นต้น 2.1.3 สารวจความต้องการในด้านอาชีพของผู้เรียนของผู้เรยี นท่ีกาลงั จะสาเร็จ การศึกษา ผู้เรียนทีอ่ อกจากสถานศกึ ษากลางคัน และศิษย์เกา่ ท่ีว่างงาน 2.1.4 แสวงหาแหล่งงานจากสถานประกอบการต่างๆ ท้ังภาครฐั และเอกชน ทั้ง เป็นส่ือกลางระหว่างนายจ้างกับผู้เรียน โดยเสนอคุณสมบัติต่างๆ ของผู้เรียนที่ต้องการงานทาการ แจกจา่ ยไปยงั นายจ้าง หา้ งร้าน สถานประกอบการ หรอื องค์กรตา่ งๆ 2.1.5 จดั เตรยี มแบบฟอร์มไว้ใชใ้ นการจดั วางตัวผู้เรียนดา้ นการงานและอาชีพ เชน่ แบบกรอกประวัติผูส้ มัครงาน แบบตดิ ตามผลการทางานของผเู้ รยี น 2.1.6 เตรยี มสอื่ ประเภทต่างๆ เพื่อใหข้ ้อสนเทศด้านอาชีพ โอกาสในการฝกึ ฝน อาชพี ตา่ งๆ ตลอดจนความต้องการของตลาดแรงงานในชุมชน 2.1.7 ประชุมช้ีแจง้ ทาความเขา้ ใจกบั บุคลากรภายในสถานศึกษา เพือ่ ขอความ ร่วมมือและประสานงานกันอย่างเป็นระบบ และประชาสัมพันธ์ให้บุคลากรภายนอกสถานศึกษาได้ รบั ทราบผ่านส่อื ต่างๆ ตามความเหมาะสม
250 2.1.8 เตรยี มความพร้อมของผู้เรียนในการสมัครงาน เช่น การเขียนจดหมาย สมัครงาน การสอบขอ้ เขยี น ตลอดจนการเตรียมตัวสาหรบั การสอบสมั ภาษณ์ 2.1.9 ให้ผู้เรียนเข้าทางานให้ตรงตามลักษณะนิสัย ความสนใจ ความสามารถ รวมทงั้ คุณวฒุ ทิ ่มี อี ยู่ 2.1.10 ติดตามผลการทางานของผู้เรยี น โดยวิธีสอบถามจากผู้ว่าจ้าง และจาก ตวั ผู้เรียนเอง เพ่ือนาขอ้ มูลมาปรับปรงุ บริการจัดวางตัวผเู้ รียนด้านการงานอาชีพให้มีประสิทธิภาพ มากยง่ิ ขึน้ และรายงานให้ผู้เกย่ี วขอ้ งทราบ 2.2 การจัดวางตัวผู้เรียนด้วยการหางานพิเศษให้ผู้เรียนระหว่างเรียน สถานศกึ ษาควรดาเนนิ การดังนี้ 2.2.1 สารวจจานวนผู้เรียนที่ต้องการหางานทาระหว่างเรยี น เพ่ือเป็นการหา รายได้ โดยใหผ้ ู้เรียนแจ้งความจานงไว้ที่งานแนะแนว พรอ้ มท้ังระบุลกั ษณะงานที่ตอ้ งการทา รายได้ และประสบการณ์ในการทางาน 2.2.2 หาแหล่งงานให้ผู้เรียนได้ทาตามความต้องการและความสามารถ โดย ตดิ ตอ่ กบั บุคลากรภายในสถานศึกษา ภายนอกสถานศึกษา หนว่ ยงานและบรษิ ัทห้างรา้ นต่างๆ ทงั้ น้ี ผ้เู รยี นจะต้องอยู่ในความดูแลของอาจารยท์ ี่สถานศึกษามอบหมาย 2.2.3 พิจารณาคัดเลือกผู้เรียนเข้าทางานท่ีสอดคล้องกับความต้องการของ นายจ้าง และเหมาะสมกับคณุ สมบัติและประสบการณ์ของผู้เรยี นแต่ละคน ท้ังนี้ จะตอ้ งระวังอยา่ ให้ ผูเ้ รยี นถกู เอารัดเอาเปรียบ และตอ้ งคานงึ ถึงสุขภาพ ความปลอดภัยของผเู้ รยี นดว้ ย และไม่ควรปลอ่ ย ให้ผเู้ รียนทางานมากจนกระท่งั เสียการเรยี น 2.2.4 กอ่ นที่จะส่งผ้เู รียนไปทางาน ครูแนะแนวควรชแ้ี จงระเบยี บปฏิบตั งิ านให้ ผู้เรียนเข้าใจ เพ่ือผู้เรียนจะได้ปฏิบัติตัวได้เหมาะสมและปรับตัวในการทางานได้ดีเป็นที่พอใจของ นายจ้าง 2.2.5 ติดตามผลการทางานของผู้เรียน โดยการสอบถามจากนายจ้าง และ ตัวผู้เรยี น 2.3 การจัดวางตัวผู้เรียนไปฝึกงานในสถานประกอบการ ในหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 เปิดโอกาสให้ผเู้ รียนไปศึกษาหาความรู้จากแหล่งประกอบการตา่ งๆ ได้ ดังน้ัน สถานศึกษาจึงควรจัดให้ผู้เรียน ได้มีโอกาสไปฝึกงานในสถานประกอบการ เพ่ือช่วยให้ ผู้เรยี นได้มปี ระสบการณ์ตรงในอาชพี ทตี่ นสนใจ เห็นแนวทางในการประกอบอาชพี และสร้างโอกาส ในการทางาน ช่วยให้ผู้เรียนสามารถตดั สนิ ใจเลือกอาชีพในอนาคตของตนได้เหมาะสมยิ่งขึ้น การจัด ผเู้ รยี นไปฝึกงานในสถานประกอบการ สถานศึกษาควรดาเนินการดงั น้ี
251 2.3.1 สารวจผูเ้ รยี นทีต่ อ้ งการไปฝกึ งานในสถานประกอบการ โดยให้ผเู้ รียนแจง้ ความจานงไวท้ ง่ี านแนะแนว พร้อมท้งั ระบุลกั ษณะงานทตี่ ้องการฝึก 2.3.2 หาแหล่งฝึกงาน โดยพิจารณาจากความพรอ้ มและความเต็มใจของสถาน ประกอบการตา่ งๆ และจากความต้องการของผู้เรยี น 2.3.3 ชี้แจงให้ผู้เรียนเข้าใจเก่ียวกับสถานประกอบการต่างๆ ท่ีพร้อมจะรับ ผูเ้ รยี นเข้าฝกึ งานวา่ มที ี่ใดบา้ ง และแต่ละแหง่ มงี านอะไรทีผ่ ู้เรยี นจะฝึกได้ 2.3.4 ให้ผู้เรียนเลือกแหล่งฝึกงานตามความต้องการ พร้อมทั้งกาหนด ผรู้ ับผิดชอบ การฝกึ งานของผู้เรยี นท้งั ฝา่ ยสถานศกึ ษาและสถานประกอบการ 2.3.5 ปฐมนิเทศผู้เรียนก่อนการฝึกงานเพ่ือให้ผู้เรียนเข้าใจวัตถุประสงค์ของ การฝึกงาน ประโยชน์ที่ผู้เรียนจะได้รับจากการฝึกงาน และการปฏิบัติตนในระหว่างฝึกงาน ทั้งน้ี เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นจะได้ปฏบิ ตั ติ นไดเ้ หมาะสมและปรับตัวได้ดี 2.3.6 ติดตามผลการทางานของผู้เรียน โดยพิจารณาทั้งความสามารถในการ ทางานและบคุ ลกิ ภาพ นอกจากท่ีกล่าวมา ยังมีผู้เรียนอีกกลุ่มหนึ่งที่หลักสูตรการศึกษากาหนดให้ต้อง ฝึกงานในสถานประกอบการ เช่น ผู้เรียนสายอาชีพและระดับอุดมศึกษา ผู้เรียนกลุ่มนี้จะมี ผู้รับผิดชอบการฝึกงานด้วยระบบการนิเทศติดตามของอาจารย์ประจาวิชาหรืออาจารย์ที่ปรึกษา อยู่แล้ว บทบาทของครูแนะแนวต่อการจัดวางตัวผู้เรียนไปฝึกงานสถานประกอบการจึงน้อยล ง ครแู นะแนวอาจให้ความช่วยเหลือดว้ ยการให้การปรึกษาปัญหาต่างๆ เช่น การปรบั ตวั เปน็ ต้น ภาพท่ี 5.5 การจัดวางตัวผู้เรียนไปฝกึ งานในสถานประกอบการ ทมี่ า: https://campus.campus-star.com/activity/96991.html
252 2.4 การจัดวางตัวผู้เรียนเพื่อเสริมประสบการณ์ด้านอาชีพ นอกจากครูแนะแนวจะ จัดวางตัวผู้เรียนด้วยการจัดหางานและฝึกงานแล้ว การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรเพ่ือเพิ่ม ประสบการณ์ดา้ นอาชพี แกผ่ ู้เรยี นกเ็ ปน็ สงิ่ ทจ่ี าเปน็ ทค่ี รูแนะแนวควรปฏิบัติ เพราะการจัดกิจกรรมเพือ่ เสริมประสบการณ์ดา้ นอาชีพจะช่วยให้ผู้เรียนไดป้ ระสบการณต์ รง จากการฝกึ ปฏบิ ัตเิ บื้องตน้ ส่งผลให้ เกิดเจตคติที่ดีต่ออาชพี น้ัน การจดั กิจกรรมเพื่อเสรมิ ประสบการณ์ด้านอาชีพสามารถดาเนินการได้ หลายลักษณะตามความพร้อมของสถานศึกษา เช่น นิทรรศการ การจัดโครงงาน การทัศนศึกษา สาหรับผู้เรียนระดับอุดมศึกษาครูแนะแนวควรส่งเสริมให้ผู้เรียนได้จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมเติมเต็ม คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคด์ ้านอาชีพด้วยตัวผู้เรยี นเอง 3. การจัดวางตัวบุคคลด้านส่วนตัวและสังคม (Personal and Social Placement) เป็นการช่วยให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวและดารงตนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เหมาะสมกับ ศักยภาพของตนเอง โดยการช่วยให้ผู้เรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ทั้งภายในและภานนอก สถานศกึ ษา ทาใหผ้ ู้เรยี นรจู้ ักและเข้าใจตนเองดีขึ้น เกดิ ทกั ษะทางสังคม สามารถวางตวั ในสังคมไทย ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสมกับโอกาสและสถานท่ี มีโลกทัศน์ทกี่ ว้างขวาง ผ้เู รยี นจะมชี ีวติ อยู่ในสังคมได้ อย่างผาสุก เพราะบรกิ ารจดั วางตัวบุคคล ไม่เพียงแตช่ ว่ ยในการแกป้ ญั หา แตย่ ังให้ประสบการณ์ตรง เพ่ือพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ของผูเ้ รียนอนั เปน็ การเตรียมตัวผ้เู รยี นในอนาคตด้วย ท้ังนี้ การจดั วางตัว บคุ คลด้านส่วนตวั และสังคม สามารถดาเนินการ ไดด้ งั นี้ 3.1 การจัดวางตัวผู้เรียนให้ได้รับความช่วยเหลือด้านส่ิงของต่างๆ ด้วยความ แตกต่างกันด้านเศรษฐกิจ ฐานะทางครอบครวั ทาใหผ้ ู้เรียนมีความพรอ้ มในการศึกษาไม่เท่ากัน บาง คนประสบปัญหาขาดแคลนทุนทรัพย์และส่ิงของอุปกรณ์การเรียนต่างๆ แม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลมี นโยบายเรียนฟรี 12 ปี และสนับสนุนการกู้ยมื เงินเรียนตอ่ ระดบั อุดมศึกษา แตก่ ็เป็นเพียงการช่วย แก้ปัญหาแบ่งเบาภาระผู้เรียนและครอบครัวไปได้บ้าง ดังนั้น ครแู นะแนวจึงต้องให้ความชว่ ยเหลือ ผเู้ รยี นกลมุ่ น้ีคล้ายการสังคมสงเคราะห์ ด้วยการจัดหาส่ิงของต่างๆ เช่น การมอบอปุ กรณ์การเรียน ทนุ อาหารกลางวนั จกั รยานยืมเรียน เปน็ ตน้ 3.2 การจัดวางตัวผู้เรียนเกี่ยวกับความปลอดภัยและสุขภาพอนามัย พ้ืนฐานการ ดาเนินชีวิตท่ีดีต้องเร่ิมจากความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพอนามัย ดังนั้น ครูแนะแนวจึงควรให้ ความสาคัญต่อการช่วยเหลือให้ผู้เรียนเติบโตอย่างมีคุณภาพ การจัดวางตัวผู้เรียนประเภทนี้จะ ดาเนินการในลักษณะการส่งเสริมและกระตุ้นพัฒนาการของผู้เรียนให้ดีขึ้น เช่น โครงการพัฒนา สมรรถภาพทางร่างกาย โครงการสง่ เสรมิ สุขภาพ เป็นตน้ 3.3 การจัดวางตวั ผู้เรียนเกยี่ วกับทักษะการดาเนนิ ชีวิต การจดั วางตัวผ้เู รียนประเภท นจ้ี ะเปน็ การสง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นได้รบั ประสบการณ์ ความรู้ ทักษะ และเจตคตทิ ่ดี ีต่อการดาเนนิ ชีวติ ใน
253 รูปแบบต่างๆ ครูแนะแนวสามารถจัดวางตัวผู้เรียนเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพ การฝึกสมาธิ การพฒั นาการเป็นผนู้ า เปน็ ตน้ ภาพที่ 5.6 การจัดวางตัวผเู้ รียนเกยี่ วกบั สขุ ภาพอนามัย และการพฒั นาทกั ษะชีวติ ท่มี า: http://www.area1.skn.go.th/schoolgallery/?name=news&file=readnews&id=2206 การจัดระบบบรกิ ารจดั วางตัวบคุ คล สาหรับการจัดระบบบริการจัดวางตัวบุคคลในสถานศึกษา สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดงั น้ี (วชั รี ทรพั ย์มี, 2553, น. 9-10) 1. การจัดแบบระบบกระจาย หรือแยกหน้าที่รับผิดชอบ (Decentralized Pattern) การจัดระบบกระจายหรือแยกหน้าท่ีรับผิดชอบ มีการมอบหมายหน้าท่ีให้กับฝ่ายต่างๆ ดาเนินการ เชน่ ให้หวั หนา้ สายวชิ าต่างๆ ดาเนินการจัดวางตัวผเู้ รียนในเรอื่ งการฝึกงาน หรือการหางานให้ผเู้ รียน ได้ทา เป็นต้นว่า สายธุรกิจดูแลรับผิดชอบเร่ืองการฝึกงาน หรือการหางานด้านธุรกิจให้ผู้เรียนใน สาขาวิชาของตนทา การจัดระบบกระจายหรือแยกหน้าท่ีรับผิดชอบเหมาะสมสาหรับสถานศึกษา ขนาดเล็ก ซ่ึงดาเนินการจัดวางตัวผู้เรียนแบบไม่เป็นทางการ โดยมีครูและบุคลากรฝ่ายต่างๆ ใน สถานศึกษาเป็นผู้ดาเนินการ ซ่ึงการที่จะทาเช่นนี้ได้นั้น บุคลากรเหล่าน้ันจะต้องคุ้นเคยกับผู้เรียน พอท่ีจะจดั วางตวั ผเู้ รียนได้เหมาะสม แตม่ ีข้อพึงระวงั คือ อาจจะเกิดความซ้าซ้อนขึ้นได้ และบคุ ลากร
254 ภายนอก เช่น สถานประกอบอาชีพ ธนาคาร หรือบุคคลที่ประสงค์จะให้ทุน อาจไม่ทราบว่าจะตดิ ต่อ กับผใู้ ดในสถานศึกษาท่รี ับผดิ ชอบเรื่องนี้โดยตรง 2. การจัดแบบมีศูนย์กลางรับผิดชอบ (Centralized Pattern) การจัดแบบมีศูนย์กลาง รับผิดชอบจะมีบุคลากรฝ่ายเดียวรับผิดชอบเร่ืองการจัดวางตัวผู้เรียน ตั้งแต่การเก็บข้อมูลผู้เรียน ติดต่อรวบรวมแหลง่ งานวา่ ง รวบรวมข้อมูลเก่ยี วกับหลกั สูตร จัดสรรทุนใหผ้ ู้เรียนขาดแคลน ติดต่อ แหล่งฝกึ งาน ช่วยผู้เรยี นในการหางานทา โฆษณาประชาสมั พนั ธ์บรกิ ารจัดวางตวั บุคคล ตลอดจนการ ติดตามผล การจัดแบบมีศูนย์กลางรับผิดชอบนี้ โดยท่ัวไปฝ่ายแนะแนวจะเป็นผู้ดูแลเรื่องการจัด วางตัวผู้เรียนโดยตรง ซึ่งจะมีข้อมูลเก่ียวกับผู้เรียนและรวบรวมแหล่งท่ีจะจัดวางตัวผู้เรียนไว้ และดาเนินการจัดวางตัวผู้เรียนทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการจัดวางตัวผู้เรียนเกี่ยวกับการศึกษา อาชีพ หรอื จัดวางตวั ผเู้ รียนในบรกิ ารและกิจกรรมต่างๆ ของสถานศกึ ษา ซึ่งขอ้ ดีก็คือมีผู้รับผิดชอบโดยตรง เป็นทางการและสะดวกแก่ผูม้ าติดต่อ แตจ่ ะเป็นภาระแก่ฝา่ ยแนะแนวมาก 3. การจัดแบบผสมผสาน (Centralized-Decentralized Pattern) การจัดวางผู้เรียน ด้วยระบบผสมผสาน เปน็ การจดั ดาเนินการโดยมีครแู นะแนวรับผดิ ชอบเรอ่ื งการจดั วางผูเ้ รยี นโดยตรง ซ่ึงบางสถานศกึ ษาหวั หนา้ ฝ่ายแนะแนวมอบหมายใหค้ รูแนะแนวคนใดคนหนึ่งหรอื กล่มุ หน่ึงดแู ลเร่ือง น้โี ดยเฉพาะ สว่ นบคุ ลากรฝา่ ยอ่นื ๆ ในสถานศกึ ษาจะเข้ามาประสานงานและรว่ มมอื เปน็ ตน้ วา่ เข้ามา ในรูปของการแตง่ ตงั้ เปน็ กรรมการจัดสรรทุน ซง่ึ คณะกรรมการประกอบดว้ ย ครูแนะแนวและครอู ่ืนๆ ในสถานศกึ ษาและมีการประสานงานกนั ในแตล่ ะโครงการ เช่น ครูแนะแนวร่วมมอื กบั ฝ่ายวชิ าการใน การจัดวางตัวผเู้ รียนเข้าแผนการเรยี น ครแู นะแนวรว่ มมือกับครทู ีป่ รกึ ษาชมรมตา่ งๆ ในการจดั วางตัว ผู้เรียนเข้ากิจกรรมเสริมหลักสูตร เป็นต้น การจัดวางผู้เรียนด้วยระบบผสมผสานน้ีมีส่วนดีคือ มีผู้รบั ผิดชอบดแู ลเรือ่ งนี้โดยตรง ซึ่งไดร้ ับการศกึ ษาอบรมในเร่ืองดังกล่าว และมกี ารผสมผสานความ รว่ มมือกับบคุ ลากรฝ่ายต่างๆ ของสถานศกึ ษาซ่ึงจะไม่ทาให้ภาระตกอยู่ท่ีครแู นะแนวฝ่ายเดียว และ บุคลากรฝ่ายอื่นๆ จะได้มีความรู้สึกว่าตนมีส่วนร่วมในกิจกรรมแนะแนวของสถานศึกษาซ่ึงมี วัตถปุ ระสงคร์ ่วมกันในการชว่ ยเหลอื ผเู้ รยี น ประโยชนข์ องบรกิ ารจัดวางตัวบคุ คล การจัดบริการจดั วางตัวบคุ คลมปี ระโยชนห์ ลากหลายประการ สามารถสรปุ ได้ดังน้ี 1. ช่วยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเรียนวิชาที่เหมาะสมตามความสามารถและความถนัดของ ตนเอง 2. ช่วยให้ผู้เรียนมีโอกาสเขา้ รว่ มกจิ กรรมเสรมิ หลักสตู รตามความสามารถของตนเอง 3. ชว่ ยเหลือให้ผู้เรยี นใช้เวลาวา่ งทางานพิเศษตามทีต่ นเองถนัด
255 4. ช่วยเหลือให้ผู้เรียนท่ีขาดแคลนมโี อกาสทางานพเิ ศษท่ีตนเองชอบนอกเวลาเรียนได้ 5. ช่วยเหลือให้ผู้เรยี นได้เลอื กอาชพี ตามความถนัดของตนเอง 6. ชว่ ยให้ผู้เรียนที่สาเรจ็ ไปแลว้ มีโอกาสได้รบั ผลสาเร็จจากการปฏบิ ตั ิงาน 7. ช่วยเหลือหางานให้ผู้เรียนท่ีจาเป็นต้องออกจากสถานศึกษากลางคัน ได้มีงานทาตาม ความถนดั และความสามารถของตนเอง 8. ช่วยให้ผู้เรียนรูจ้ กั วางแผนการตา่ งๆ ในการปฏบิ ัติงานที่เหมาะสมกับตนเองอยา่ งฉลาด 9. ชว่ ยให้ผู้เรยี นได้สามารถดาเนินแผนการตา่ งๆ และปฏิบัตไิ ปตามทว่ี างแผนเอาไว้ 10. ชว่ ยให้ผู้เรียนได้รบั การประคับประคอง และเอาใจใส่ดูแลจากสถานศกึ ษาเป็นอย่างดี ทาให้ผู้เรยี นเกิดความม่ันใจมากย่ิงขึน้ 11. ชว่ ยพัฒนาเศรษฐกจิ ของประเทศชาติ การจดั บคุ คลใหเ้ หมาะสมกบั งานจะชว่ ยเพ่มิ พูน รายไดใ้ ห้แก่ประเทศชาติ เพราะมีผลงานทม่ี ปี ระสิทธภิ าพออกมาจากบุคคลทม่ี ีความรู้ความสามารถที่ แท้จรงิ 12. ช่วยให้บุคคลประสบความสาเร็จในชีวิตภายภาคหน้า ดังมีคากล่าวท่ีว่า “บุคคลที่ ประสบความสาเรจ็ ในอาชพี น้ัน เกือบจะเรียกไดว้ า่ เขาผ้นู ั้นประสบความสาเรจ็ ในชวี ิตได้เลยทีเดยี ว” การจัดและการบริหารโครงการจัดวางตัวบคุ คล ปัจจัยสาคัญประการหน่ึงที่จะทาให้ผู้เรียนประสบความสาเร็จในชีวิต คือ การท่ีผู้เรียน ได้รับการศึกษา อยู่ในสิ่งแวดล้อมท่ีเหมาะสมกับตน ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศทางวิชาการ เพ่ือนใน ชน้ั เรียน ครทู ีป่ รกึ ษา กจิ กรรมทตี่ รงกบั ความสนใจ ความสามารถ ซงึ่ ลว้ นเป็นปัจจัยสนบั สนนุ คุณภาพ ชวี ติ ของผ้เู รียนท้ังสิ้น สถานศึกษาจงึ จาเป็นต้องจดั โครงการตา่ งๆ ท่ีจะช่วยใหผ้ ้เู รยี นไดพ้ ัฒนาตนเอง ให้ถงึ ขดี สุด การดาเนินงานโครงการแนะแนวต่างๆ ในสถานศึกษา จะได้ผลดีมีประสิทธิภาพและ ประสบความสาเร็จตามความมุ่งหมายที่ต้ังเอาไวน้ ้ัน ย่อมข้ึนอยู่กับการจัดและการบริหารงานเป็น สาคญั เพราะงานแนะแนวเป็นงานที่เก่ียวขอ้ งกับบคุ ลากรหลายฝ่าย ท้ังบุคลากรภายในสถานศกึ ษา และบุคลากรภายนอกสถานศกึ ษา รวมทั้งตวั ผู้เรียนซึ่งเปน็ บุคคลสาคัญของการแนะแนว ท้ังน้ีเพอ่ื ให้ การดาเนินงานโครงการแนะแนวจะต้องได้รับความร่วมมือและมีการประสานงานเป็นอย่างดีจาก บคุ ลากรทกุ ๆ ฝา่ ย โดยการจัดทาโครงการจดั วางตัวบุคคล มีรายละเอยี ดดังต่อไปน้ี ความหมายของคาว่า “โครงการ” ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2525 ได้ให้ความหมายของคาว่า “โครงการ” คือ แผนหรือเค้าโครงตามท่ีกะกาหนดไว้ จาก ความหมายน้ีสามารถตีความได้ว่าในการเขยี น หรอื ทาโครงการจัดวางตัวบคุ คลโครงการใดก็ตาม ผ้ทู า
256 โครงการจะต้องมีการวิเคราะห์ และกาหนดขอบเขตและรายละเอียดโดยทั่วไป โครงการจะเป็น ส่วนย่อยของแผนงานอกี ทหี น่ึง เพื่อเป็นแนวทางในการทางาน ข้ันตอนของการจัดโครงการจัดวางตัวบุคคล สาหรับว่ิธิการหรือเทคนิคในการจัด โครงการจัดวางตวั บุคคลนั้นมีหลายว่ิธิการ ซึง่ มีองค์ประกอบต่างๆ ที่มีอิทธิพลตอ่ การจัด เช่น ขนาด ของสถานศกึ ษา จานวนผู้เรียน สภาพสงั คม ตลาดแรงงาน เป็นต้น ดงั นนั้ การจัดบริการวางตัวบุคคล ย่อมมีว่ิธิการยืดหยุ่น โดยจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมท่ีสุดของแต่ละสถานการณ์เป็นสาคัญ ซึง่ มีว่ิธกิ ารจัดดังต่อไปนี้ 1. การพิจารณาบุคลากรท่ีจะไดร้ ับผิดชอบการจดั วางตวั บุคคล เนื่องจากงานด้านนี้จะต้อง มีบุคลากรที่เหมาะสมในการดาเนินงาน โดยจะต้องพิจารณาผู้ที่มีความสมั พันธ์อันดีระหว่างผเู้ รียน และมีความกว้างขวางในชุมชนและอาจจะต้องพิจารณาคุณสมบัติอ่ืนๆ ประกอบด้วย เช่น มีบุคคล รับผดชิ อบตอ่ งานนี้ ควรมกี ารพจิ ารณาอย่างละเอยี ดถ่ถี ้วนด้วย เพราะความสาเร็จของการดาเนินงาน ย่อมขึน้ อยกู่ ับบุคลากรด้วย 2. การจัดหาวัสดอุ ุปกรณ์ท่ีจาเป็น การพิจารณาองค์ประกอบด้านนี้ ควรจะครอบคลุมถึง เร่ืองท่สี าคัญ คอื อุปกรณ์ที่สาคัญสาหรบั สานักงานการจัดวางตัวบุคคล และสถานท่ีตั้งของสานักงาน การจัดหาวสั ดุอุปกรณ์ตา่ งๆ ขึ้นอยู่กับความจาเปน็ ของแตแ่ ละแหง่ ถา้ สานักงานใหญ่ก็อาจจะต้องการ เครื่องมือและอุปกรณ์มาก และในโครงการนี้ควรจะมีเจ้าหน้าท่ีช่วยงานด้านธุรการด้วย เพราะจะ ต้องการรับงาน จ่ายงาน พิมพ์แบบฟอรม์ พมิ พ์หนังสอื เป็นต้น สาหรับสถานท่ีทีจ่ ะเป็นสานักงานน้ัน ควรจะเปน็ สถานท่ที ่ีไปมาสะดวกสาหรับทงั้ ผู้เรียนและผทู้ ่ีมาตดิ ต่อ เพราะการไปมาสะดวกจะชว่ ยให้ สามารถบริการได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ 3. การพิจารณาขอบข่ายของงาน ในการริเร่ิมบริการจัดวางตัวบุคคลมีความจาเป็นที่ จะต้องพิจารณาท่ีจะให้บริการด้วย ว่าจะให้บริการอะไรได้บ้างมากน้อยแค่ไหน ในขณะเดียวกัน งานบางด้านที่จะต้องเกี่ยวข้องกับชุมชนก็ควรจะพิจารณาว่าจะได้รับความร่วมมือมากนอ้ยเพียงใด ส่ิงเหลา่ นจี้ ะเป็นประโยชน์ตอ่ การพิจารณาขอบขา่ ยการปฏิบัติงานอย่างแท้จรงิ 4. การเตรียมแบบฟอร์ม ในการจัดบริการจัดวางตัวบุคคลน้ัน มักจะต้องมีเอกสารต่างๆ เช่น ทะเบียน แบบฟอร์มการสมัครงาน แบบฟอร์มการตดิ ต่อบุคลากรภายนอก เปน็ ตน้ และควรจะมี ขอ้ มลู ตา่ งๆ ทีส่ ารวจผเู้ รยี น เพื่อประโยชน์ในการจัดวางตวั บุคคลดังต่อไปนี้ 4.1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับผู้เรียน เช่น ชื่อสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ส่วนสูง น้าหนัก วันเดือน ปีเกิด เปน็ ต้น 4.2 การศึกษาและการฝึกฝน เช่น เรียนวิชาอะไร สายการเรียนท่ีเลือกคืออะไร เคยฝกึ ฝนทางด้านอาชพี อะไร
257 4.3 บันทึกเกี่ยวกับการทางาน เอกสารน้ีจะรวบรวมเร่ืองราวต่างๆ เก่ียวกับ ประสบการณใ์ นการทางาน ข้อมูลเหลา่ น้ีจะเปน็ ข้อมลู ของบคุ คลที่เคยไปทางานพเิ ศษมาแล้ว 4.4 ข้อมูลพิเศษ เช่น ผลจากการสัมภาษณ์ ผลของการทดสอบทางด้านต่างๆ ของ ผู้เรยี นซ่ึงจะเปน็ ประโยชน์กบั การให้บรกิ าร 4.5 ข้อมลู เก่ยี วกับการส่งต่อปญั หา การส่งคนื ผเู้ รียนที่ไปทางาน ปฎิกรยิ าของนายจ้าง ตอ่ ผ้เู รยี นหรือข้อมลู บางประการเกี่ยวกับปญั หาท่เี กีย่ วข้องผู้เรยี นตอ่ บคุ คลอนื่ ๆ 5. การประชาสมั พันธ์เรอ่ื งการจัดวางตวั บคุ คล ผทู้ ่ีรับผิดชอบงานจดั วางตัวบคุ คลจะตอ้ งมี การประชาสัมพันธ์งาน เพอ่ื จะไดร้ ับความร่วมมือจากตัวบุคคลที่เก่ียวข้อง ทัง้ ในสถานศกึ ษาและนอก สถานศึกษา สาหรับบุคลากรในสถานศึกษาน้ัน ควรจะรวมถึงคณะครูเพราะครทู ุกคนย่อมจะมีส่วน เก่ียวข้องกับการให้ความช่วยเหลือผู้เรียนทุกคน ดังนั้นครูหรือผู้แนะแนวจึงควรเข้าใจเรื่องการจัด วางตวั บุคคลเปน็ อย่างดี แนวทางการวิเคราะห์ข้อมูลสาหรับการจัดโครงการจัดวางตัวบุคคล สาหรับขั้นตอน การวเิ คราะห์ขอ้ มูลสาหรบั การจดั โครงการจัดวางตวั บุคคล มีดังน้ี (วชั รี ทรพั ย์ม,ี 2553, น. 33-40) 1. วเิ คราะห์วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั โครงการจดั วางตวั บคุ คลว่ามีวิธใี ดบ้างที่จะช่วยสง่ เสรมิ การเรียนการสอนให้ผู้เรียนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างดีที่สุด เช่น วิเคราะห์ได้ว่าผู้เรียนจะ เรียนหนังสือได้ดีก็ต่อเมื่อได้เลือกเรียนในแผนการเรียนท่ีตรงกับความสามารถและความถนัด มอี าจารย์ท่ีปรึกษาท่มี ีความเข้าใจ ได้รบั การสอนซ่อมเสรมิ ในวิชาการที่ขาดหายไปหรอื เรียนไมค่ รบ ดังนั้นจึงควรมีโครงการจัดผู้เรียนเข้ากิจกรรมเสริมหลักสูตร โครงการจัดผู้เรียนเข้าแผนการเรียน โครงการสอนซอ่ มเสริม เปน็ ต้น 2. กาหนดคา่ นา้ หนกั ของวตั ถุประสงคแ์ ต่ละขอ้ ว่ามีน้าหนักเท่าใด โดยกาหนดว่าสาคญั มาก ทีส่ ุด หรือตอ้ งการทามากท่สี ดุ เท่ากบั 5 รองลงมาเปน็ 4, 3, 2, และ 1 ตามลาดับ 3. วัตถุประสงคข์ ้อใดที่ได้ทาไปมากแล้ว หรอื ดอี ยแู่ ล้วใหม้ คี า่ เท่ากับ 5 รองลงมาเปน็ 4, 3, 2, และ 1 ตามลาดบั 4. พิจารณาหาความแตกต่างระหว่าง ข้อ 1 และ ข้อ 3 โดยข้อ 1 เป็นตัวตั้ง ข้อ 3 เป็น ตัวลบ (ผลตา่ งให้คดิ เครอื่ งหมายด้วย) 5. นาผลต่างที่เป็นค่าบวกมากท่ีสุด ซ่ึงถือว่าเป็นปัญหามากที่สุด มาพิจารณาทางเลือก หลายๆ ทางเลอื ก 6. วิเคราะห์ทางเลือกท่ีดีท่ีสุด เพียง 1 ทางเลือก แล้วนามาจัดทาเป็นโครงการจัดวางตัว บุคคล 1 โครงการ ตวั อยา่ งการวเิ คราะหข์ อ้ มูล มีขัน้ ตอนดงั น้ี
258 ข้นั ตอนที่ 1 การกาหนดวัตถปุ ระสงค์ การกาหนดวัตถปุ ระสงคว์ า่ จะจัดทาอะไรให้แก่ผูเ้ รยี นด้านการจดั วางตัวบุคคล ข้อ วตั ถุประสงค์ ระดบั ความสาคญั 54321 1 ส่งเสรมิ การมีรายไดร้ ะหว่างเรียนของผู้เรียน 2 ใหผ้ เู้ รยี นเลอื กคณะวิชาในการศกึ ษาต่อได้ 3 ให้ผ้เู รียนรบั ทราบข้อมลู ในหลากหลายอาชพี 4 ให้ผู้เรยี นไดร้ บั การสง่ เสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย สตปิ ัญญา อารมณ์ และสังคม 5 จดั สรรทนุ ขาดแคลนสาหรบั ผเู้ รยี น หมายเหตุ 4 หมายถึง สาคญั มาก 3 หมายถงึ สาคญั ปานกลาง 5 หมายถงึ สาคัญมากทสี่ ุด 1 หมายถึง สาคัญน้อยท่สี ดุ 2 หมายถึง สาคัญนอ้ ย ข้นั ตอนท่ี 2 การศึกษาสภาพปัจจบุ ัน ให้พจิ ารณาจากขอ้ มูลว่า วัตถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้ในขนั้ ตอนท่ี 1 น้นั สถานศึกษาไดท้ าไป แล้วมากนอ้ ยเพียงใด (เขยี นเครอื่ งหมาย ในชอ่ งทีต่ อ้ งการ) ข้อ วตั ถุประสงค์ ระดับความสาคัญ 54321 1 ส่งเสริมการมรี ายไดร้ ะหวา่ งเรียนของผู้เรียน 2 ให้ผู้เรียนเลือกคณะวิชาในการศึกษาต่อได้ 3 ให้ผูเ้ รยี นรบั ทราบขอ้ มูลในหลากหลายอาชพี 4 ใหผ้ ู้เรียนไดร้ บั การส่งเสริมพฒั นาการทางดา้ นรา่ งกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์ และสังคม 5 จดั สรรทุนขาดแคลนสาหรบั ผู้เรยี น หมายเหตุ พจิ ารณาตามที่เปน็ จริง คะแนนรวมจะเป็นเท่าไรก็ได้
259 ขั้นตอนท่ี 3 การพิจารณาความแตกต่าง ข้อ วตั ถปุ ระสงค์ ขนั้ ตอนท่ี 1 ขน้ั ตอนที่ 2 ผลต่าง (1) (2) (1) – (2) 1 ส่งเสรมิ การมรี ายได้ระหว่างเรยี นของผเู้ รียน 12 2 ให้ผ้เู รียนเลือกคณะวชิ าในการศกึ ษาตอ่ ได้ 44 -1 3 ให้ผู้เรยี นรบั ทราบขอ้ มลู ในหลากหลายอาชพี 33 0 4 ให้ผเู้ รียนไดร้ บั การสง่ เสรมิ พัฒนาการทางดา้ น 51 0 4 ร่างกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์ และสังคม 5 จัดสรรทนุ ขาดแคลนสาหรับผู้เรยี น 2 5 -3 จากการพิจารณาความแตกตา่ ง พบวา่ การให้ผู้เรยี นไดร้ ับการส่งเสรมิ พัฒนาการทางดา้ น ร่างกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์ และสงั คม มผี ลต่างมากทส่ี ดุ ดงั น้นั จึงเป็นส่ิงทค่ี วรจดั ทาโครงการจดั วาง ตวั บคุ คล จากนนั้ ทาการกาหนดปญั หาท่พี บในหว้ ข้อนี้ แลว้ วิเคราะห์ปัจจัยทีส่ ่งผลตอ่ การทาโครงการ ขน้ั ตอนที่ 4 การกาหนดปัญหา 1. กาหนดปัญหาต่างๆ ทีพ่ บในการให้ผเู้ รยี นไดร้ ับการสง่ เสรมิ พฒั นาการทางด้านร่างกาย สตปิ ัญญา อารมณ์ และสังคม 2. ทางเลือกและการวิเคราะห์ ทางเลือก เกณฑก์ ารวเิ คราะห์ (เขียนเครือ่ งหมาย ในชอ่ งท่ีเป็นไปได้) ที่ รายละเอยี ด สอดคลอ้ งวัตถุประสงค์ ทันเวลา ทรัพยากรพอเพียง 1 การจัดแสดงละครประจาปี - 2 การเข้ารว่ มกิจกรรมเสริมหลกั สตู ร 3 การสง่ เสรมิ การประกอบอาชีพอิสระ -- 4 การจัดประกวดผลงานผเู้ รียน - จากการวิเคราะห์ จะพบว่าทางเลือก (วิธแี ก้ปญั หา) ท่กี ลุ่มเลือกคือ การเข้ารว่ มกจิ กรรม เสริมหลักสตู ร
260 แนวทางการเขียนโครงการจัดวางตัวบุคคล การเขียนโครงการได้มีผู้เสนอไว้หลาย รปู แบบด้วยกัน ซึ่งในที่นี้จะขอนาเสนอรูปแบบการเขียนโครงการของอธปิ ัตย์ คลี่สุนทร ซ่ึงเสนอไว้ ในหนังสือเร่ือง “การวางแผนและการจัดการทางการศึกษา” สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรูปแบบ ที่น่าจะมีประสทิ ธิภาพและเหมาะสมสาหรบั ใช้เป็นแนวทางการเขียนโครงการจัดวางตัว บุคคลในงานแนะแนว ซงึ่ มแี บบฟอร์มดงั ต่อไปนี้ ตวั อย่างแบบฟอร์มการเขยี นโครงการ ช่อื แผนงาน…………………………………………………………………………………………………………………….. ชื่อโครงการ……………………………………………………………………………………………………………………. หลักการและเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. วตั ถุประสงค์………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………….. เปา้ หมาย………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………….. วิธีดาเนนิ การ/กิจกรรม……………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ระยะเวลาดาเนนิ การ………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………….. งบประมาณ/ทรัพยากร……………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ผู้รับผดิ ชอบโครงการ………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………….. หนว่ ยงานทีใ่ ห้การสนบั สนุน…………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………….. การประเมินผล………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ประโยชน์ท่คี าดว่าจะไดร้ ับ………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………..
261 การดาเนนิ งานตามโครงการ จากแบบฟอร์มการเขยี นโครงการจะเหน็ ไดว้ ่าโครงการเป็น สว่ นประกอบหนึ่งในการวางแผนเพื่อการพัฒนาสิ่งใดสิ่งหน่ึงท่ีจะทาให้เหน็ ภาพของการพัฒนาอย่าง ชดั เจน โครงการจดั วางตวั บคุ คลในงานแนะแนวจึงเป็นโครงการที่จัดข้ึนเพ่ือสนองความตอ้ งการของ แผนงานพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน และกิจกรรมผู้เรียนให้เหมาะสมกับความถนัด ความสามารถ และความสนใจของผู้เรียน การจัดโครงการจดั วางตัวบุคคลควรมีการดาเนินงานตาม ลักษณะดังต่อไปน้ี 1. โครงการจัดวางตวั บุคคลในงานแนะแนวเปน็ สว่ นหน่ึงของแผนพฒั นาคุณภาพของการ จดั การศกึ ษา 2. ในการทาโครงการจัดวางตัวบุคคลในงานแนะแนว จะต้องมีความพร้อมท้ังในด้าน บุคลากร ความสามารถของบุคลากร และทรพั ยากร 3. จัดทารายละเอียดของโครงการการจัดวางตัวบุคคลอย่างแน่ชัด เช่นโครงการนี้จะทา เพอ่ื อะไร ทาอยา่ งไร เมอื่ ไร ทาท่ีไหน ค่าใช้จ่ายเท่าไร ใครเปน็ ผู้รบั ผิดชอบ ดาเนินการอย่างไร และมี การตดิ ตามผลของโครงการอย่างไร เป็นต้น แนวทางการประเมินโครงการ การประเมินโครงการเป็นการดาเนินงานของโครงการ หรือแผนงานท่ีได้ปฏิบัติแล้วมาวิเคราะห์ เปรียบเทียบกับเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้ว่า ได้ผลหรือมีอุปสรรค ปญั หา ขอ้ บกพรอ่ งประการใด โครงการจัดวางตัวบุคคลก็เช่นเดยี วกัน ผู้จดั ทา โครงการจะตอ้ งมกี ารเตรียมงานและกาหนดเปา้ หมายหรอื วัตถุประสงคข์ องโครงการอย่างชัดเจน การ ประเมินผลจึงต้องนาวัตถุประสงค์ของโครงการมาวิเคราะห์อย่างละเอียดว่ าโครงการน้ันทาแล้ว ต้องการให้อะไรเกิดขึ้น และส่ิงที่เกิดขึ้นน้ันจะวัดด้วยอะไร วิธีใด และควรมีการประเมินต้ังแต่ก่อน เร่ิมต้นทาโครงการ ขณะทาโครงการ และเสร็จส้ินโครงการ วิธีการประเมินน้ันจะใช้วิธีการสังเกต สอบถาม สมั ภาษณ์ สารวจ ทดสอบ หรอื อนื่ ๆ ก็ได้ตามความเหมาะสม ตัวอย่างการจัดโครงการจัดวางตัวบุคคล (สมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย, 2557, น.153-158) ตัวอยา่ งโครงการจดั วางตัวผู้เรยี นดา้ นการศึกษา ตวั อยา่ งที่ 1 ชื่อแผนงาน แผนงานปรบั ปรุงคุณภาพการศกึ ษา โครงการ โครงการจดั วางตวั นักเรยี นทเ่ี ก่ยี วกับการศึกษา หลกั การและเหตุผล เน่ืองจากนโยบายของหลักสูตรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนตามความถนัด ความ สนใจ และความสามารถ การจัดกิจกรรมใหผ้ ู้เรียนไดท้ ราบข้อมูลที่ทันสมัยถูกตอ้ ง จึงเป็นประโยชน์
262 อย่างย่ิงในการท่ีผู้เรียนจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ เพ่ือวางแผนเกี่ยวกับการเรียนได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือร่วมกันวางแผนกับฝ่ายวิชาการ ฝ่ายกิจการนักเรียน ในการจัดวิชาเลือกเสรี จดั นักเรียนเข้าแผนการเรยี นในการศึกษาต่อท่ีเป็นการสอบ Admissions และการสอบโดยวิธีพิเศษ (โควตา้ ) และการสอบตรง 2. เพื่อให้ข้อมูลท่ีถูกต้อง เที่ยงตรง และทันสมัย เกี่ยวกับการเลือกวิชาเรียน การเลือก แผนการเรยี น และการศึกษาตอ่ แกน่ ักเรียน เปา้ หมาย ปรมิ าณ นกั เรยี น จานวน 2,000 คน คุณภาพ นกั เรยี นสามารถปรับตัวเข้ากับวิชาท่ีตนเลือกได้อย่างเหมาะสม และสามารถ ตดั สินใจเลอื กศกึ ษาต่อได้อยา่ งเหมาะสมกับความถนดั สติปัญญา และความสามารถของตนเอง พน้ื ทดี่ าเนนิ การ หอ้ งแนะแนว ห้องเรียน วธิ ดี าเนนิ การ ข้นั เตรยี มการ 1. จดั ตง้ั คณะกรรมการดาเนนิ งาน แบ่งหน้าทร่ี บั ผดิ ชอบ 2. เตรียมข้อมูลเก่ียวกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของนักเรียน เช่น คะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ผลจากการทดสอบความถนดั ความสนใจ เป็นตน้ ขน้ั ดาเนนิ การ 1. จดั กิจกรรมแนะแนวการเรียนการศึกษาต่อ ทงั้ ม.3 และ ม.6 2. เชิญศษิ ยเ์ ก่าทส่ี อบเข้าศึกษาต่อได้มาพบปะนักเรยี นในช่ัวโมงแนะแนว 3. ร่วมมือกับฝ่ายวิชาการในการดาเนินการเก่ียวกับการจัดนักเรียนเลือกเรียนวิชาเลือก เสรีทุกระดับช้นั 4. ร่วมมือกบั ฝา่ ยกิจการนักเรยี นดาเนินการเกยี่ วกับนักเรยี นที่มคี วามสามารถพเิ ศษ เพ่ือ เตรียมตวั คดั เลอื กเขา้ ศึกษาตอ่ ในสถาบันอุดมศกึ ษาดว้ ยวธิ ีพเิ ศษ 5. ใหข้ อ้ มูลแก่นกั เรียน ม.3 เพอ่ื เลือกแผนการเรียนในการศกึ ษาตอ่ ในช้นั ม.4 ตามเกณฑ์ ของโรงเรียน ระยะเวลาดาเนินการ 15 พฤษภาคม – 30 เมษายน งบประมาณ เบกิ ตามจ่ายจรงิ ของเงินบารุงการศกึ ษา ผู้รับผิดชอบโครงการ ครูแนะแนว หน่วยงานที่ใหก้ ารสนบั สนนุ ฝ่ายวชิ าการ ฝา่ ยกจิ การนักเรียน
263 การประเมินผล 1. สังเกตจากความสนใจของผู้เรียน 2. สังเกตจากการเข้าร่วมกิจกรรมของนักเรียน 3. สอบถามจากการเลอื กวิชาเลอื กเสรี และแผนการเรยี นวา่ นักเรียนไดเ้ ลือกตรงกับความ ถนดั ความสนใจ และความสามารถหรือไม่ 4. จากแบบสอบถามและการประชุมสรปุ ผลงานของกรรมการดาเนนิ งาน ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รบั 1. นกั เรยี นได้รับขอ้ มลู เกยี่ วกับการศกึ ษาทีเ่ ทยี่ งตรง และทนั สมยั 2. นกั เรียนสามารถเรียนได้อยา่ งเหมาะสมกับความถนัด ความสนใจ และความสามารถ ตวั อยา่ งท่ี 2 โครงการ Perfect English ผรู้ ับผิดชอบโครงการ นกั ศึกษาชัน้ ปที ี่ 3 สาขาวชิ าภาษาองั กฤษ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี หลักการและเหตผุ ล ภาษาอังกฤษเป็นส่ิงท่ีจาเป็นและสาคัญเป็นอย่างย่ิง เนื่องด้วยเป็นตัวกลางในการ ตดิ ตอ่ ส่อื สารกับชาวต่างชาติ และมีประโยชนใ์ นดา้ นการศึกษา แตใ่ นปัจจุบนั ทักษะภาษาองั กฤษของ นกั เรียนไทยส่วนใหญ่มีผลสัมฤทธคิ์ ่อนข้างต่าเน่ืองด้วยปัจจัยหลายดา้ น เช่น เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ขาดแคลนครูภาษาอังกฤษ และท่ีสาคัญคือนักเรียนยังมีทัศนคติท่ีไม่ดีต่อภาษาอังกฤษ ซึ่งปัจจัย ข้างต้นมีส่วนทาให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษของนักเรียนเกิดอุปสรรค ดังน้ัน การสร้างทัศนคติที่ดี การสร้างแรงจูงใจ และการเสริมสร้างทักษะภาษาอังกฤษเป็นส่ิงท่ีจาเป็น เพราะจะทาใหน้ ักเรียนมี ทักษะภาษาอังกฤษท่ีดีขึ้น อีกท้ังในปัจจุบันเป็นยุคท่ีเรียกว่า ศตวรรษท่ี 21หลายประเทศท่ัวโลก รวมถงึ ประเทศไทยมีการเปดิ ประเทศมากขึ้น ภาษาอังกฤษจงึ มบี ทบาทเปน็ อยา่ งมากในชวี ติ ประจาวัน ดว้ ยเหตนุ ้ีการจดั กิจกรรมแนะแนวใหค้ วามร้ดู า้ นภาษาองั กฤษจึงจาเปน็ เปน็ อย่างมาก วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ใหน้ ักเรียนไดร้ ับโอกาสในการพฒั นาทักษะภาษาองั กฤษ 2. เพ่อื ใหน้ ักเรยี นมีเจตคติท่ดี ตี อ่ ภาษาองั กฤษ 3. เพอื่ ให้นกั เรียนสามารถนาภาษาอังกฤษไปใชใ้ นชวี ิตประจาวัน เป้าหมาย ปริมาณ นักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นบา้ นหนองบุนาหล่า จานวน 20 คน
264 คุณภาพ นักเรียนได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ มีเจตคติท่ีดีต่อ ภาษาองั กฤษ และสามารถนาภาษาอังกฤษไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั พน้ื ท่ีดาเนินการ โรงเรียนบา้ นหนองบนุ าหล่า อาเภอเมือง จังหวดั อดุ รธานี วธิ ีดาเนนิ การ ขั้นเตรยี มการ 1. วางแผนการจัดโครงการ 2. ออกแบบกจิ กรรมในโครงการ 3. ประชมุ เตรียมความพรอ้ ม และประสานงานผู้ท่มี ีส่วนเกย่ี วขอ้ ง ขัน้ ดาเนนิ การ/กจิ กรรม 1. คณะผูจ้ ัดทาโครงการแนะนาตัว และทาความรจู้ ักนกั เรยี นที่เข้ารว่ มโครงการ 2. กจิ กรรมละลายพฤตกิ รรม (เกมนกั สืบ และเกมมังกรทอง) 3. ทดสอบก่อนเรียน 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ใน 5 ฐาน ดังน้ี 4.1 ฐาน Listenning: การฝกึ ทกั ษะการฟงั ภาษาองั กฤษ 4.2 ฐาน Speaking: การฝึกทกั ษะการสนทนาภาษาองั กฤษ 4.3 ฐาน Reading: การฝึกทักษะการอา่ นภาษาอังกฤษ 4.4 ฐาน Writing: การฝึกทกั ษะการเขียนภาษาอังกฤษ 4.5 ฐาน Easy English ภาษาอังกฤษง้ายง่าย 5. สรุปการเรยี นรจู้ ากการทากจิ กรรม และทดสอบหลังเรยี น ระยะเวลาดาเนนิ การ 17 มกราคม 2563 งบประมาณ ค่าวสั ดแุ ละอุปกรณ์ 400 บาท หนว่ ยงานที่ใหก้ ารสนับสนุน ฝ่ายวิชาการ โรงเรยี นบ้านหนองบุนาหล่า การประเมินผล 1. สังเกตจากความสนใจของผู้เรยี น 2. สงั เกตพฤติกรรมการมีสว่ นรว่ ม 3. จากแบบสอบถาม และแบบทดสอบ ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะได้รับ 1. นักเรยี นไดพ้ ัฒนาทกั ษะภาษาองั กฤษไปในทางท่ดี ีขึน้ 2. นกั เรยี นมีเจตคติทีด่ ีตอ่ ภาษาองั กฤษ 3. นักเรยี นสามารถนาภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวติ ประจาวัน
265 ภาพท่ี 5.7 ภาพกิจกรรมในโครงการ Perfect English ตวั อย่างโครงการจดั วางตัวผเู้ รยี นด้านอาชพี ตวั อย่างที่ 1 ชอ่ื แผนงาน แผนงานปรบั ปรุงคุณภาพการศึกษา โครงการ โครงการจดั วางตัวนักเรียนเกี่ยวกับงานอาชีพ หลักการและเหตุผล บริการจดั วางตัวบุคคลเปน็ การจัดบุคคลให้อยใู่ นท่ีท่ีควรอยู่ในโรงเรียน บรกิ ารจัดวางตัว บุคคลเป็นบริการที่จัดขึ้นเพ่ือช่วยเหลือนักเรียนให้ได้ดาเนินการตามโครงการท่ีนักเรียนได้ตัดสินใจ
266 เลอื กแล้ว โดยเฉพาะในการทางานหรอื การประกอบอาชพี นกั เรยี นควรได้ประกอบอาชีพใหเ้ หมาะสม กบั ความสามารถ ความสนใจ ความถนัด และบุคลกิ ภาพ การจัดวางตัวนักเรียนเกี่ยวกับงานอาชีพ เป็นการเตรียมตัวนักเรียนเข้าสู่งานอาชีพ ให้นักเรยี นมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับงานอาชีพในปัจจุบัน สามารถปรับตัว และเจริญก้าวหนา้ ใน ชีวติ การทางาน วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อเสนอข้อมูลในด้านอาชีพต่างๆ ให้นักเรียนเป็นแนวทางในการเลือกอาชีพให้ เหมาะสมกบั ความสนใจ ความถนดั และความสามารถ 2. เพ่อื เตรียมตัวนักเรียนทางด้านการเรยี น สาหรับใชเ้ ปน็ พื้นฐานในการเข้าสู่อาชีพตา่ งๆ ได้อย่างเหมาะสม เปา้ หมาย ปริมาณ เสนอปา้ ยอาชีพเก่ยี วกบั อาชพี เดอื นละ 1 อาชีพ จดั ทาแฟ้มอาชีพท่นี ักเรยี นสนใจ ประมาณ 300 อาชีพ (อาชีพสาหรับผูม้ ีความรู้ พืน้ ฐานดา้ นวทิ ยาศาสตร์ ศลิ ป์คานวณ และศลิ ป์ภาษา อยา่ งละ 1 อาชพี ) คุณภาพ นักเรียนร้อยละ 80 ได้รับขอ้ มลู ดา้ นอาชีพ พน้ื ทีด่ าเนินการ ห้องแนะแนว ป้ายนเิ ทศของหนว่ ยแนะแนว บรเิ วณชนั้ วางแฟ้มอาชพี วธิ ีดาเนินการ ข้นั เตรียมการ 1. กาหนดขอ้ มลู เรื่องท่จี ะจัดปา้ ยประกาศ 2. สารวจขอ้ มลู เก่ียวกับอาชพี ที่นกั เรียนสนใจ ขัน้ ดาเนนิ การ 1. จัดป้ายประกาศเกยี่ วกับอาชพี เดอื นละ 1 อาชีพ 2. จัดขอ้ มูลเกี่ยวกบั การศกึ ษาเพือ่ นาไปสอู่ าชีพน้ันๆ ใหเ้ ปน็ ปจั จบุ ัน 3. จัดทาแฟ้มอาชีพ 30 อาชีพ ระยะเวลาดาเนนิ การ เร่มิ ดาเนนิ การต้ังแต่พฤษภาคม 2554 ถงึ เดือนกุมภาพันธ์ 2555 งบประมาณ เบิกจากพัสดุ ผู้รบั ผิดชอบโครงการ อาจารยแ์ ละเจา้ หน้าทห่ี นว่ ยแนะแนว การประเมินผล ประเมินจากการสงั เกตและสอบถาม ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะไดร้ ับ 1. นกั เรยี นได้มโี อกาสสารวจตัวเองและเตรยี มตัวในการเลอื กอาชีพ 2. นักเรียนได้รับความรู้เก่ียวกบั อาชีพตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง
267 ตัวอย่างที่ 2 โครงการ สานฝนั สร้างความรู้สอู่ าชพี ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ นักศึกษาช้นั ปีท่ี 3 สาขาวิชาสงั คมศึกษา คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี หลักการและเหตผุ ล ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดให้ “กิจกรรม แนะแนวเป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์ส่ิงแวดล้อม สามารถคิด ตัดสินใจ คิดแกป้ ัญหา กาหนดเปา้ หมาย วางแผนชีวิต ทางดา้ นการเรียนและอาชพี สามารถปรับตน ได้อย่างเหมาะสม” การบริการสนเทศด้านอาชีพมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการดารงชีวิตมนุษย์ เพราะ เกี่ยวพันกับการดารงชีวิต เศรษฐกิจ เกียรติยศ ชื่อเสียง ตลอดจนความพึงพอใจในตนเอง การ ประกอบอาชีพจะทาให้บุคคลเกิดความภาคภูมิใจตนเอง รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่ า ได้แสดงถึง ความสามารถในการพงึ่ ตนเองและทาประโยชน์ให้แกส่ งั คม ปั จ จุ บั น เด็ ก ไท ย เ ติ บ โ ต ม า พ ร้ อ ม สิ่ ง อ า น ว ย ค ว า ม ส ะ ด วก ม า ก ม า ย ท่ี อ ยู่ แ ว ด ล้ อ ม มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีต่างๆ และเรียนรู้ได้เร็ว ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนเว็บสื่อสารผ่าน อินเตอร์เน็ตเป็นหลัก และมักจะให้ความสาคัญกับโลกอินเตอร์เน็ตมากกว่าโลกของความเป็นจริง จนบางครงั้ อาจทาให้เด็กๆ รุ่นใหม่เห็นคุณค่าของวิถีชวี ิตความเป็นอยูด่ ้ังเดมิ น้อยลง และในอนาคต ข้างหนา้ อาจจะหลงลมื ภูมปิ ญั ญาที่ดีงามของท้องถ่ินที่คนร่นุ เกไ่ ดท้ าไว้เปน็ แบบอยา่ ง ดงั นั้นเพอ่ื ใหส้ อดคล้องกบั การบริการสนเทศดา้ นอาชพี และเพือ่ เป็นการปลกู จิตสานึกให้ ผเู้ รียนได้ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของท้องถ่ินตนเอง ผูด้ าเนนิ โครงการจึงไดท้ าโครงการ “สานฝันสร้าง ความรู้สอู่ าชีพ” ข้ึน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะเก่ียวกับอาชีพท่ีตนสนใจ และ รูจ้ ักนาทรพั ยากรทีมีอยู่ในท้องถิ่นของตนมาประยุกตใ์ ช้ให้เกิดประโยชน์สรา้ งมูลคา่ และพัฒนาเป็น อาชีพตอ่ ไปในภายภาคหน้า วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพที่ตนสนใจ และแนวทางในการ ประกอบอาชีพในอนาคต 2. เพือ่ ให้นกั เรยี นสามารถฝึกปฏิบัติ และตัดสินใจเลือกประกอบอาชพี ในอนาคตได้ 3. เพ่อื ใหน้ กั เรียนเห็นคณุ ค่า และประโยชนข์ องวตั ถุดิบท่มี ใี นชุมชนท้องถิ่น เปา้ หมาย ปรมิ าณ นกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรยี นบ้านโนนเดือ่ จานวน 20 คน คุณภาพ นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับอาชีพท่ีตนสนใจ สามารถตัดสนิ ใจเลือก ประกอบอาชีพในอนาคตได้ และเห็นคุณค่า และประโยชน์ของวตั ถดุ บิ ทมี่ ีในชุมชนท้องถิ่น
268 พื้นที่ดาเนนิ การ โรงเรียนบา้ นโนนเดือ่ ตาบลบา้ นตาด อาเภอเมือง จงั หวัดอุดรธานี วธิ ีดาเนินการ ขน้ั เตรยี มการ 1. ประชมุ คณะดาเนินงาน และปรึกษาอาจารย์เพอ่ื วางแผนดาเนินโครงการ 2. ลงพืน้ ทส่ี ารวจสภาพปัญหาและความตอ้ งการของโรงเรียน และสมั ภาษณผ์ ู้อานวยการ ครปู ระจาช้นั และนกั เรยี น 3. เสนอผลการลงพ้นื ทสี่ ารวจโรงเรยี น และเสนอโครงการแนะแนวกับที่ปรกึ ษาโครงการ เพอ่ื อนมุ ัติโครงการ 4. แตง่ ตงั้ ผรู้ ับผิดชอบการดาเนนิ งานดา้ นตา่ งๆ 5. เสนอโครงการเพื่ออนุมตั ิ ขั้นดาเนินการ/กิจกรรม 1. คณะผู้จดั ทาโครงการแนะนาตวั และทาความรู้จักนักเรียนทีเ่ ข้าร่วมโครงการ 2. กิจกรรมละลายพฤติกรรม และเกริ่นนาเข้าสู่การให้ความรู้ เพ่ือดึงดูดความสนใจให้ นักเรียนเกิดความสนใจและใส่ใจในการฟงั (เกมน้องชอ่ื อะไร / เกมบก น้า อากาศ / เกมกะหลา่ ปล)ี 3. ชแ้ี จงกจิ กรรม และดาเนนิ การโดยกิจกรรมจะแบ่งเป็น 2 ฐาน ดงั น้ี 3.1 ฐานท่ี 1 “โตไป ฉนั อยากจะเปน็ อะไรสกั อยา่ ง” (การใหข้ อ้ สนเทศดา้ นอาชีพ) 3.2 ฐานท่ี 2 “เรอื่ งกลว้ ยๆ ทไ่ี มก่ ล้วย” (การสาธิต และฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารทาขนมกล้วย) 4. สรปุ การเรยี นรู้จากการทากจิ กรรม ระยะเวลาดาเนินการ 17 มกราคม 2563 งบประมาณ ค่าเอกสารและวัสดุอปุ กรณ์ 550 บาท หน่วยงานทีใ่ ห้การสนับสนุน งานแนะแนว โรงเรียนบา้ นโนนเดือ่ การประเมินผล 1. สังเกตจากความสนใจของผเู้ รยี น 2. จากแบบสอบถาม ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะได้รบั 1. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับอาชีพท่ีตนสนใจ และแนวทางในการประกอบ อาชีพในอนาคตไดอ้ ย่างถูกต้อง และเหมาะสม 2. นกั เรยี นไดร้ บั ประสบการณ์จริงจากการฝึกปฏิบตั ิ โดยนาความรูแ้ ละประสบการณท์ ี่ได้ ไปชว่ ยในการตดั สินใจเลอื กประกอบอาชพี ในอนาคต และประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั 3. นกั เรยี นเห็นคุณค่าและประโยชน์ของวตั ถดุ ิบท่ีมใี นท้องถน่ิ และสามารถนาสิง่ เหลา่ นั้น มาประยกุ ต์ใหเ้ กดิ มลู คา่ สร้างอาชีพให้กับตนเองและครอบครัวได้
269 ภาพท่ี 5.8 ภาพกิจกรรมในโครงการสานฝนั สรา้ งความรสู้ ู่อาชีพ ตวั อยา่ งโครงการจดั วางตัวผู้เรยี นดา้ นสงั คม และส่วนตัว ตัวอย่างที่ 1 ชอื่ แผนงาน แผนงานปรบั ปรงุ คุณภาพการศกึ ษา โครงการ โครงการจัดวางตัวนักเรียนในกจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู ร หลักการและเหตุผล เน้ือหาวชิ าในการเรียนแต่เพียงอยา่ งเดียวไม่สามารถช่วยให้นักเรียนไดพ้ ัฒนาได้ครบทุก ด้าน กจิ กรรมเสริมหลกั สูตรเปน็ แนวทางหน่ึงท่จี ะช่วยสนองนโยบายของหลักสตู รท่จี ะช่วยนักเรยี นได้ ครบทั้งทางด้านรา่ งกาย สติปัญญา อารมณ์ และสงั คม
270 วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให้นักเรียนมีโอกาสเลือกเข้าร่วมกิจกรรมชมรมต่างๆ ตามความพอใจและความ เหมาะสม 2. เพ่ือให้นักเรยี นได้มีโอกาสปรับตัวเข้ากับสมาชิก และบรรยากาศการร่วมในกิจกรรม ต่างๆ เพือ่ เป็นประสบการณ์ในการดาเนนิ ชวี ิตต่อไปในอนาคต เปา้ หมาย ปรมิ าณ นักเรยี น จานวน 2,000 คน คณุ ภาพ นักเรยี นทกุ คนได้เขา้ ร่วมกิจกรรมเสริมหลกั สตู รได้ตามความสนใจ และความ เหมาะสม พื้นท่ีดาเนนิ การ ห้องเรยี นของนักเรียน ห้องชมรมต่างๆ วธิ ดี าเนนิ การ ขน้ั เตรียมการ 1. ครูแนะแนวปรกึ ษากบั ฝ่ายกิจการนักเรยี น เพื่อรับทราบจานวนชมรม และเกณฑก์ าร รับสมาชกิ ของชมรมตา่ งๆ ท่ีมใี นโรงเรียน 2. ประชาสมั พันธ์รายละเอียดเกยี่ วกบั ชมรมตา่ งๆ โดยจัดปา้ ยนิเทศ ข้ันดาเนินการ 1. จดั นกั เรียนเข้าชมรมตามท่ีตนสมคั ร 2. ดาเนนิ การเชิญวทิ ยากรมาบรรยายในบางชมรม 3. จัดทศั นศกึ ษาในบางชมรม 4. จัดนิทรรศการเปิดโลกกิจกรรมเปน็ การแสดงผลงานของชมรมทกุ ชมรม ระยะเวลาดาเนินการ มิถนุ ายน – กมุ ภาพนั ธ์ ของปตี อ่ มา งบประมาณ งบคา่ ใช้จ่ายของงานกิจกรรมชมรมเก็บค่าสมาชกิ ของชมรม ชมรมละ 5 บาท ผูร้ บั ผดิ ชอบโครงการ งานแนะแนว หน่วยงานท่ใี หก้ ารสนับสนนุ ฝา่ ยกิจการนกั เรียน สมาคมผูป้ กครองและครู การประเมนิ ผล 1. สงั เกตการณเ์ ลือกชมรมต่างๆ ของนกั เรยี น 2. ประเมินการทางานของชมรมต่างๆ เป็นระยะๆ และระยะสุดท้ายในงานเปิดโลก กจิ กรรม
271 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. นกั เรยี นไดเ้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู รตามความถนดั และความสนใจ 2. นักเรยี นไดม้ ีโอกาสฝึกทกั ษะ และแสดงความสามารถในกิจกรรมของชมรมท่ตี นสงั กดั 3. นักเรยี นไดม้ โี อกาสทางานรว่ มกนั ทาให้เกดิ ความรักใครส่ ามัคคี 4. นักเรียนมีทัศนคติท่ีดีต่อการเรียนการสอน และเกิดความภาคภูมิใจว่าตนมีความ สามารถเหมือนกบั คนอน่ื ๆ ตวั อยา่ งที่ 2 โครงการ สขุ กันเถิดเรา เศร้าไปทาไม ผู้รับผดิ ชอบโครงการ นกั ศึกษาชนั้ ปที ่ี 3 สาขาวิชาภาษาองั กฤษ คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุดรธานี หลักการและเหตุผล ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดให้ “กิจกรรม แนะแนวเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิด ตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กาหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิต ทางดา้ นการเรียนและอาชีพ สามารถปรับตน ได้อย่างเหมาะสม” การบรกิ ารสนเทศส่วนตวั และสังคม เปน็ ส่วนหนง่ึ ที่จะชว่ ยใหน้ กั เรียนได้รจู้ ักและ เข้าใจตนเองดีขึ้น ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ประสบการณ์ ความรู้ ทักษะ มีเจตคติท่ีดีต่อการดาเนินชีวิต สามารถปรบั ตัวและดารงตนอยู่ในสังคมไดอ้ ย่างมคี วามสุข ซ่ึงความสุขน้ันจะต้องมาพร้อมกับการที่มี สขุ ภาพจิตท่ีดีและสขุ ภาพรา่ งกายที่แขง็ แรง ปัจจุบนั เยาวชนส่วนใหญ่กาลงั เส่ยี งปัญหาสขุ ภาพจิต สาเหตหุ ลกั เกดิ จากความเครยี ดและ ความกดดนั ในชีวิต เชน่ ความรกั การเรียน เพศ ยาเสพตดิ ซมึ เศร้า อยากตาย และความไม่เข้าใจใน ครอบครัว เป็นต้น ปัญหาเหล่าน้ีอาจดูเหมือนว่าเป็นปัญหาท่ัวไปของวัยรุ่น แต่แท้จริงแล้วปัญหา เหล่านี้เป็นปัญหาท่ีอาจนาไปสู่การเป็นโรคทางจิตเวชได้ เช่น โรคซึมเศร้า และโรคไบโพลาร์ ซ่ึงจะ สง่ ผลกระทบตอ่ การดารงชีวิตเป็นอยา่ งมาก หากเยาวชนไม่ไดร้ บั คาปรึกษาทเ่ี หมาะสมและถกู ต้อง ดังน้ัน เพ่ือให้สอดคล้องกับการบริการสนเทศด้านสว่ นตวั และสังคม ผ้ดู าเนินโครงการจึง ได้จัดโครงการ “สุขกันเถิดเรา เศร้าไปทาไม” ข้ึน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค ซมึ เศรา้ และโรคไบโพลารอ์ ย่างถูกต้อง วิธีป้องกันตนเองจากโรคดังกล่าว วิธกี ารจดั การกบั อารมณ์ รวมไปถึงการได้รูจ้ ักและเข้าใจตนเองมากยิ่งขึ้น จึงหวังเป็นอย่างย่ิงว่า นักเรียนและผู้เข้าร่วมโคงการ ทกุ คนจะมีทศั นคตทิ ี่ดีทัง้ ต่อตนเองและผอู้ นื่ มากข้ึน
272 วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื ให้นกั เรียนรับทราบข้อมลู ท่ถี ูกต้องเก่ียวกับโรคซึมศรา และโรคไบโพลาร์ 2. เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นทราบถึงวิธีป้องกันโรคซมึ เศร้า และโรคไบโพลาร์ท่เี หมาะสมกบั ตนเอง 3. เพื่อได้รู้จกั และเขา้ ใจตนเองมากย่ิงขึ้น เปา้ หมาย ปริมาณ นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๕ โรงเรียนอดุ รธานีพิทยาคม จานวน 38 คน คณุ ภาพ นักเรียนเกิดความเข้าใจท่ีถกู ต้องเก่ียวกับโรคซึมศรา และโรคไบโพลาร์ ทราบ ถึงวิธปี อ้ งกนั ท่เี หมาะสมกับตนเอง และรจู้ กั และเขา้ ใจตนเองมากยิง่ ขึ้น พื้นทีด่ าเนนิ การ โรงเรยี นอุดรธานพี ทิ ยาคม ตาบลกดุ สระ อาเภอเมอื ง จงั หวัดอดุ รธานี วิธดี าเนนิ การ ข้นั เตรียมการ 1. วางแผนการจดั โครงการ 2. ออกแบบกิจกรรมในโครงการ 3. ประชุมเตรยี มความพร้อม และประสานงานผู้ทม่ี สี ่วนเกยี่ วข้อง ข้ันดาเนินการ/กิจกรรม 1. คณะจดั ทาโครงการแนะนาตวั และทาความรู้จกั นักเรียนท่เี ข้าร่วมโครงการ 2. ชี้แจงวตั ถุประสงคห์ ลกั ของการจัดทาโครงการ 3. กจิ กรรมละลายพฤตกิ รรม โดย กจิ กรรม “What is your friends name?” กิจกรรม “Who know? ใครร้ชู ว่ ยกดที” 4. ใหค้ วามรู้เรื่อง โรคซึมเศรา้ โรคไบโพลาร์ และวธิ ีจัดการอารมณ์ 5. กจิ กรรมการประดิษฐป์ ฏทิ ินอารมณ์ “My Emotion in Everyday” 6. กิจกรรมแบง่ กลมุ่ ระดมความคิด โดยให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ เพื่อระดมความคิดในหัวขอ้ ที่ ไดร้ ับ พรอ้ มออกมานาเสนอ 7. นกั เรียนทาแบบสอบถาม 8. คณะจดั ทาโครงการมอบของที่ระลกึ ใหน้ ักเรียน ข้ันปรับปรงุ ติดตามผลการประเมิน 1. จัดทารายงานผลการดาเนินโครงการ 2. ประชุมเพ่อื พจิ ารณารายงานผลการดาเนนิ โครงการ 3. แสวงหาแนวทางในการปรบั ปรงุ โครงการ ระยะเวลาดาเนินการ 17 มกราคม 2563 งบประมาณ ค่าเอกสารและวสั ดุอุปกรณ์ 300 บาท
273 หนว่ ยงานทใี่ ห้การสนับสนนุ ฝา่ ยวชิ าการ งานแนะแนว โรงเรยี นอุดรธานีพทิ ยาคม การประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมการมีส่วนร่วม 2. จากแบบสอบถาม ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ ับ 1. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจทถ่ี กู ตอ้ งเกย่ี วกับโรคซมึ ศรา และโรคไบโพลาร์ 2. นักเรียนทราบถงึ วิธปี อ้ งกนั โรคซึมเศร้า และโรคไบโพลาร์ทเี่ หมาะสมกับตนเอง 3. นักเรียนรู้จักและเข้าใจตนเองมากย่งิ ขึ้น ภาพท่ี 5.9 ภาพกิจกรรมในโครงการสุขกนั เถิดเรา เศรา้ ไปทาไม
274 ปัญหาและข้อคิดในการดาเนินงานโครงการจัดวางตัวบุคคล ในการดาเนินงานบริการ จัดวางตวั บุคคล อาจพบปญั หาและอุปสรรคได้ดังน้ี 1. บริการจัดวางตัวบุคคล ดังได้กล่าวมาแล้วว่าอาจไม่ค่อยได้รับความสนใจอย่างจริงจัง ทั้งๆ ทโ่ี ดยหลักการและทฤษฎีแล้ว การจัดวางตัวบุคคลน้ัน เปน็ ที่ยอมรับว่ามีความสาคัญเปน็ อย่างย่ิง เพราะจะช่วยให้ผ้เู รียนได้กระทากจิ กรรมต่างๆ ท่เี หมาะสมกับตนเอง ดังน้ันสถานศึกษาทั้งหลายควร จะไดพ้ ิจารณาว่ามีปญั หาอะไรท่ที าให้ไม่สามารถจะจัดบรกิ ารน้ไี ด้ แล้วพยายามแก้ไขปัญหา 2. ปัญหาของการจัดบรกิ ารวางตัวบุคคลประการหน่ึงก็คือ สภาพของสถานศึกษา มักจะ พบว่าในบางสถานศกึ ษานน้ั ไม่มีความพร้อมในด้านตา่ งๆ เชน่ บุคลาก รอปุ กรณ์ท่จี าเปน็ 3. สภาพของสังคมย่อมมีอิทธิพลต่อการจัดบริการจัดวางตัวบุคคลด้วย เน่ืองจากการ จัดวางตัวบุคคลบางลักษณะจะมีส่วนเก่ียวข้องกับชุมชน เช่น การจัดหางานพิเศษ ดังน้ันถ้าจะให้ โครงการประสบความสาเร็จกค็ วรจะได้มกี ารประสานงานท่ดี ีกับชุมชน เพอ่ื ขอรบั ความชว่ ยเหลอื และ การร่วมมอื ทีด่ ี แตถ่ ้าสถานศึกษาอยูใ่ นชุมชนทีไ่ มพ่ ร้อมจะให้ความชว่ ยเหลือแตอ่ ย่างใด การจัดวางตัว บุคคลก็ย่อมจะดาเนินไปด้วยความลาบากและมีอุปสรรคตามมา ซ่ึงเหตุผลเหล่าน้ีอาจจะทาให้ ผู้แนะแนวไมอ่ ยากจะจัดบริการอีกต่อไป ข้อเสนอแนะในกรณีนี้ก็คือควรจะจดับรกิ ารเทา่ ทีจ่ ะกระทา ไดต้ ามศักยภาพ 4. บุคลากรในการดาเนนิ งานจัดวางตัวบุคคลในสถานศึกษาขนาดใหญ่ และมอี ัตราสาหรับ บรรจุบุคคลเข้าไปทางานด้านการแนะแนวหลายคน ควรจะมีการแบ่งหน้าท่คี วามรับผิดชอบระหว่าง บุคลากรทางการแนะแนวในด้านการจัดวางตัวบุคคล ก็ควรจะมีผู้รับผิดชอบโดยตรงแต่ในบ้าง สถานศึกษายังเป็นสถานศึกษาขนาดเล็ก ผู้แนะแนวอาจมีเพียงหนึ่งคนก็จะทาหน้าท่ีทั้งการให้ คาปรึกษาและการจัดวางตัวบุคคลไปพรอ้ มๆ กัน ซึ่งในกรณีนี้ จะทาให้เห็นว่าถา้ หากจะต้องปฏิบัติ หน้าท่ีทั้งด้านการให้คาปรึกษาและการจัดวางตัวบุคคลแล้ว อาจจะทาให้งานนั้นไม่มีประสิทธิภาพ ควรจะมีบุคลากรรับผิดชอบโดยเฉพาะ 5. การจัดหางานพิเศษสาหรับผู้เรียนควรจะเป็นหน้าท่ีของการจัดวางตัวบุคคลภายใน สถานศึกษาหรอื หน่อยงานในชุมชนทีท่ าหน้าทจ่ี ัดหางานโดยเฉพาะ บทสรุป บรกิ ารจัดวางตัวบุคคล เป็นบริการที่จดั ขน้ึ เพ่ือให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนา ผู้เรียนให้ได้รับประสบการณ์ การฝึกฝน และปฏิบัติเพ่ือดาเนินการตามแผนท่ีวางไว้ตามศักยภาพ ความถนัดและความสนใจของแตล่ ะบุคคล ท้ังด้านการศึกษา การประกอบอาชีพ การดารงชีวิตอยใู่ น สังคม และประสบความสาเร็จตามเป้าหมาย กระทรวงศึกษาธิการให้คานิยามของการ ให้บริการ
275 จัดวางตัวบุคคลว่า “งานป้องกนั ส่งเสริม พฒั นา และชว่ ยเหลอื ” โดยมีจุดมุ่งหมายเพอื่ ช่วยใหผ้ ูเ้ รยี น ได้รับประสบการณท์ ่ีเอ้ือต่อการพฒั นาตนเองตามความต้องการและความเหมาะสม ซึง่ ลักษณะของ บริการจัดวางตัวบุคคล แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ การจัดวางตัวบุคคลในสถานศึกษา และการ จัดวางตัวนอกสถานศึกษา สาหรับหลักการของบริการจัดวางตัวบุคคลนั้นควรจะเป็นบริการเพื่อ ผ้เู รียนทุกคน โดยบุคลากรทุกฝ่ายของสถานศกึ ษาควรเข้าร่วมในการให้บริการทางด้านน้ีแกผ่ ู้เรียน และเคารพสิทธิและเสรีภาพในการเลือกโอกาสและตัดสินใจของผู้เรียน เพ่ือให้เกิดการจัดวางที่ เหมาะสมกบั ผู้เรียนแต่ละคน ประเภทของบริการจัดวางตัวบุคคล แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ การจดั วางตัวบุคคล ด้านการศึกษา การจัดวางตัวบุคคลด้านการอาชีพ และการจัดวางตัวบุคคลด้านส่วนตัวและสังคม สว่ นการจัดระบบบรกิ ารจัดวางตวั บุคคลในสถานศกึ ษา แบง่ ไดเ้ ปน็ 3 ประเภท คือ การจัดแบบระบบ กระจาย หรือแยกหน้าท่ีรับผิดชอบ การจัดแบบมีศูนย์กลางรับผิดชอบ และการจัดแบบผสมผสาน นอกจากนี้ ในบริการนย้ี ังมีการจดั ทาโครงการจัดวางตัวบุคคลเพอ่ื ชว่ ยให้ผเู้ รียนได้พัฒนาตนเองให้ถึง ขีดสดุ ท้งั ทางด้านการศึกษา อาชีพ ส่วนตวั และสงั คมอีกด้วย
276
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 472
Pages: