Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จิตวิทยาแนะแนวและการให้คำปรึกษา

จิตวิทยาแนะแนวและการให้คำปรึกษา

Description: จิตวิทยาแนะแนวและการให้คำปรึกษา

Search

Read the Text Version

277

278

279

280

281

282

283

284 ตวั อยา่ งวิดที ศั นแ์ สดงการจดั โครงการแนะแนวในสถานศกึ ษา

285 คาถามท้ายบท จงตอบคาถามต่อไปนี้ โดยอธบิ ายพรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ 1. ทา่ นมีความเขา้ ใจ บริการจัดวางต่อบุคคลในงานแนะแนวคืออะไร มีความสาคญั อยา่ งไร 2. ประโยคทวี่ ่า “Put the right man in the right placement” เกย่ี วข้องกบั บริการ จดั วางตัวบุคคลอยา่ งไร 3. จงระบจุ ุดมงุ่ หมายสาคัญของบริการจดั วางตอ่ บุคคลมา 3 ขอ้ 4. การจดั วางตวั บคุ คลในสถานศกึ ษา และการจดั วางตัวบคุ คลนอกสถานศึกษามคี วาม แตกต่างกันอยา่ งไร 5. จงอธิบายหลกั การของบรกิ ารจดั วางตัวบุคคลมาพอสงั เขป 6. หากสถานศกึ ษาจัดวางตัวบคุ คลโดยไมม่ ีการวางแผน หรือวางแผนแค่เพียงระยะส้ัน จะ เกิดอะไรขน้ึ บ้างกบั ผ้เู รยี นทีถ่ ูกจัดวางตวั บคุ คล 7. ทา่ นมีวธิ ดี าเนนิ งานจดั วางตัวนกั เรียนเกย่ี วกบั ทนุ ขาดแคลน และการเตรยี มตัวเพือ่ สอบสัมภาษณเ์ ขา้ ทางานอย่างไร 8. ถ้าท่านไดร้ ับมอบหมายเป็นครแู นะแนว ทา่ นจะออกแบบปฏิทินปฏบิ ตั ิงานจดั วางตวั บุคคลในสถานศึกษาอย่างไร จงยกตัวอย่าง 9. ท่านมแี นวทางในการวเิ คราะห์ข้อมลู สาหรบั การจัดโครงการจัดวางตัวบคุ คลอย่างไร 10. แนวทางการเขยี นโครงการจัดวางตัวบคุ คล ประกอบดว้ ยสาระสาคญั อะไรบ้าง

286 เอกสารอ้างอิง เจษฎา บุญมาโฮม. (2558). หลกั การแนะแนวและการพัฒนาผู้เรยี น. พมิ พค์ รั้งท่ี 4. นครปฐม: สไมล์ พร้ินตงิ้ & กราฟกิ ดีไซน.์ นงลกั ษณ์ ประเสริฐ และจรนิ ทร วินทะวิไชย์. (2548). หลักการแนะแนว. กรงุ เทพฯ: คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . นภาพร ปรชี ามารถ. (2544). หลกั การแนะแนว. กรงุ เทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ นริ ันดร์ จลุ ทรพั ย.์ (2554). การแนะแนวเบื้องต้น. พิมพ์คร้งั ที่ 4. สงขลา : บริษทั นาศลิ ปโ์ ฆษณา. บวั ทอง สว่างโสภากลุ . (2547). เอกสารคาสอนรายวิชาการแนะแนว. (พมิ พ์ครงั้ ท่ี 3). กรุงเทพฯ: ภาคจิตวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ พนม ล้มิ อารีย.์ (2548). การแนะแนวเบ้อื งต้น. พมิ พ์ครงั้ ท่ี 2. กรุงเทพฯ: โอเดยี นสโตร์. วชั รี ทรพั ยม์ ี. (2553). “บรกิ ารจดั วางตัวบคุ คลในงานแนะแนว ระดบั มธั ยมศกึ ษา” ใน เอกสารการ สอนชุดวชิ าการแนะแนวในระดับมธั ยมศึกษา หนว่ ยที่ 8 – 15. นนทบุรี: สานักพิมพ์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช. วชั รี ทรพั ย์มแี ละจรุ ี วาทิกทนิ กร. (2554). “บริการจัดวางตวั บคุ คลในงานแนะแนวระดบั มธั ยมศึกษา” ใน เอกสารการสอนชุดวิชาการแนะแนวในระดบั มัธยมศึกษา. (ฉบับปรับปรงุ ครงั้ ท่ี 1). นนทบุรีฯ: มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช. ลักขณา สรวิ ฒั น์. (2551). การแนะแนวเบือ้ งตน้ . พมิ พค์ รง้ั ที่ 2. กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร์. ศรวี รรณ จนั ทรวงศ์. (2548). จติ วิทยาและการแนะแนวเดก็ วัยรุ่น. อดุ รธานี: คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. สมาคมแนะแนวแหง่ ประเทศไทย. (2557). ระบบการแนะแนวในโรงเรยี น. กรุงเทพฯ: สมาคม แนะแนวแหง่ ประเทศไทย. Blanchard, Howard L. (1974). Organization and Administation of Pupil Personnel Services. Springfield: Charles C Thomas Publisher. Frochlich, Clifford P. (1958). Guidance Service in School. New York: Mc Graw-Hill.

แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 6 บรกิ ารติดตามผลและวิจัยทางการแนะแนว วตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤติกรรม เม่อื ศึกษาบทเรยี นน้ีจบแลว้ นักศึกษาควรมีพฤติกรรมดงั นี้ 1. อธิบายความหมาย และความสาคญั ของบรกิ ารตดิ ตามผลได้ 2. อธบิ ายจดุ มงุ่ หมาย และหลักการของบรกิ ารจัดวางตัวบุคคลได้ 3. ระบุลักษณะของบริการตดิ ตามผลได้ 4. อธิบายการดาเนนิ การติดตามผลบริการแนะแนวได้ 5. อธิบายและยกตัวอย่างวธิ ีการและเครือ่ งมือท่ใี ชใ้ นการติดตามผลได้ 6. อธิบายขอบข่ายของบรกิ ารตดิ ตามผลได้ 7. บอกประโยชน์ของบริการติดตามผลได้ 8. อธิบายแนวคดิ เก่ียวกับการวจิ ยั ทางการแนะแนวได้ เนื้อหาสาระ เน้อื หาสาระในบทน้ปี ระกอบดว้ ย 1. ความหมายของบรกิ ารติดตามผล 2. ความสาคัญของบรกิ ารติดตามผล 3. จดุ มงุ่ หมายของบรกิ ารติดตามผล 4. หลักการของบริการตดิ ตามผล 5. ลกั ษณะของการตดิ ตามผล 6. การดาเนินการติดตามผลบริการแนะแนว 7. วิธกี ารและเครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการติดตามผล 8. ขอบข่ายของบริการตดิ ตามผล 9. ประโยชน์ของบริการติดตามผล 10. การวิจยั ทางการแนะแนว

288 กิจกรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรมการเรียนการสอนเรอ่ื งบรกิ ารตดิ ตามผลและวจิ ัยทางการแนะแนว มดี ังนี้ สปั ดาหท์ ี่ 12 (3 ชัว่ โมง) 1. ผู้สอนทบทวนเน้ือหาบทท่ี 5 พร้อมชี้แจงวัตถุประสงค์ และเน้ือหาประจาบทเรียน บทท่ี 6 เพอ่ื ให้ผู้เรียนรับรู้ภาพรวมของเน้ือหาสาระในบทเรยี นน้ี 2. ผูส้ อนบรรยายเนือ้ หาเกย่ี วกบั บรกิ ารติดตามผลทกุ หวั ขอ้ 3. ผู้เรียนรับฟังบรรยายสรุปเน้ือหาสาระ รว่ มกับศึกษาเนอื้ หาเรื่อง “บริการติดตามผล” จากเอกสารคาสอน พรอ้ มท้ังซกั ถามและตอบคาถามระหวา่ งการฟงั บรรยาย 4. ผู้สอนใหผ้ ู้เรียนชมคลิปวิดีโอเก่ยี วกบั “การติดตามผลการบรกิ ารแนะแนวด้านวิชาการ โรงเรยี นสนั ทรายวิทยาคม” 8 นาที แล้วร่วมกันสรปุ สาระสาคัญทไ่ี ด้รับ 5. ผู้สอนให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอ สรุปผลการดาเนินงานโครงการแนะแนวใน สถานศึกษา และสะท้อนความรู้สึกต่อการจัดโครงการคร้ังน้ี ตามรูปแบบในใบกิจกรรมท่ี 6.1 พร้อมอภปิ ราย แลกเปล่ยี นเรียนรรู้ ว่ มกันภายในช้นั เรยี น 6. ผู้สอนให้ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์ อภิปราย สรุปเน้ือหาบริการติดตามผลและ แนวทางการนาไปประยกุ ต์ใช้ รวมทงั้ เปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นซกั ถามในหัวข้อ / ประเดน็ ทส่ี งสัย 7. ผสู้ อนช้ีแจงหัวข้อที่จะเรียนในคร้งั ต่อไป โดยมอบหมายงานคู่ในใบกิจกรรมท่ี 6.2 เพ่ือ ศึกษาค้นคว้า สืบค้นตวั อยา่ งงานวิจัยทางการแนะแนว แล้วสรุปเนือ้ ตามหวั ข้อทีก่ าหนด เพ่อื นาเสนอ ในคาบตอ่ ไป 8. ผ้สู อนเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมให้กับนักศกึ ษากอ่ นเลกิ เรยี น สัปดาห์ที่ 13 (3 ชั่วโมง) 1. ผูส้ อนทบทวนเน้อื หาท่ีเรยี นมาของสัปดาห์กอ่ น 2. ผู้สอนบรรยายเนื้อหาเกี่ยวกับวิจัยทางการแนะแนว พร้อมท้ังซักถามและตอบคาถาม ระหว่างการฟังบรรยาย 3. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นแต่ละคู่นาเสนอตัวอย่างงานวิจัยทางการแนะแนวที่ได้สบื ค้นมา จากน้ัน ไดท้ าการแลกเปลีย่ นเรียนรู้ โดยการอภปิ ราย ซักถาม เสนอแนะรว่ มกันในช้นั เรยี นกลุ่มใหญ่ 4. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนรว่ มกนั วเิ คราะห์ อภปิ ราย สรุปเน้ือหาเกยี่ วกบั วจิ ัยทางการแนะแนวและ แนวทางการนาไปประยุกตใ์ ช้ รวมท้ังเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นซักถามในหัวข้อ / ประเด็นทส่ี งสยั

289 5. ผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรยี นทาคาถามทา้ ยบท พรอ้ มกาหนดวนั สง่ 6. ผสู้ อนช้แี จงหัวข้อท่จี ะเรียนในครง้ั ตอ่ ไป เพ่ือให้ผู้เรียนไปศกึ ษากอ่ นล่วงหน้า 7. ผสู้ อนเสรมิ สรา้ งคุณธรรมและจริยธรรมให้กบั นักศกึ ษากอ่ นเลกิ เรียน ส่อื การเรียนการสอน 1. เอกสารคาสอน จิตวิทยาแนะแนวและการใหค้ าปรึกษา 2. เอกสาร ตารา หนังสือ และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับจิตวิทยาแนะแนวและการให้ คาปรกึ ษา 3. สไลดน์ าเสนอความรู้ประเด็นสาคัญทุกหัวข้อเรื่อง ด้วยสื่อทางคอมพิวเตอร์ Microsoft Power Point 4. คลิปวิดโี อเกี่ยวกบั “การติดตามผลการบรกิ ารแนะแนวดา้ นวิชาการ โรงเรียนสันทราย วิทยาคม” 5. ใบกจิ กรรม 6. คาถามทา้ ยบท การวดั ผลและการประเมินผล วัตถปุ ระสงค์ วิธีการ/เครือ่ งมือ การวดั ผลและการประเมินผล 1. อธิบายความหมายและความสาคญั 1. ซกั ถาม-ตอบคาถาม 1. นักศกึ ษาตอบคาถาม และ ของบรกิ ารติดตามผลได้ อภิปราย แลกเปล่ียน อภปิ รายไดถ้ ูกต้อง รอ้ ยละ 80 2. อธิบายจุดมงุ่ หมาย และหลกั การ และการสนทนารว่ มกนั 2. นักศกึ ษามีความสนใจ/ ของบรกิ ารจดั วางตัวบุคคลได้ 2. สงั เกตพฤตกิ รรม ความรว่ มมือ และความ 3. ระบุลกั ษณะของบรกิ ารตดิ ตาม การร่วมกิจกรรม กระตอื รืนรน้ ในการร่วม ผลได้ 3. สงั เกตการนาเสนอผล กจิ กรรมอย่ใู นระดบั ดี 4. อธิบายการดาเนนิ การตดิ ตามผล การทางานหน้าชน้ั เรียน 3. นักศกึ ษามีความพรอ้ ม/ บรกิ ารแนะแนวได้ 4. ใบกิจกรรม ความตั้งใจและความกล้า 5. อธิบายและยกตัวอยา่ งวธิ กี ารและ 5. คาถามทา้ ยบท แสดงออกในการนาเสนอผล เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในการติดตามผลได้ การทางานหน้าชน้ั เรียนอยู่ใน 6. อธบิ ายขอบขา่ ยของบรกิ ารติดตาม ระดบั ดี ผลได้

290 วิธีการ/เครอ่ื งมอื การวดั ผลและการประเมนิ ผล 4. นักศกึ ษาทาใบกจิ กรรมได้ วัตถุประสงค์ ถกู ต้อง ครบสมบรู ณ์ และเสรจ็ 7. บอกประโยชน์ของบรกิ ารติดตาม ตามเวลาทก่ี าหนด รอ้ ยละ 80 ผลได้ 5. นกั ศึกษาตอบคาถามทา้ ย 8. อธบิ ายแนวคดิ เกย่ี วกับการวิจัย บทเรยี นได้ ร้อยละ 80 ทางการแนะแนวได้

291 บทที่ 6 บริการตดิ ตามผลและวิจัยทางการแนะแนว บริการติดตามผล (Follow-Up Service) เป็นบรกิ ารท่ีสถานศกึ ษาจดั ขึน้ เพ่ือศึกษาตดิ ตาม ผลการให้ความช่วยเหลือท่ีทางสถานศึกษาได้จัดให้กับผู้เรียนของตน ไม่ว่าจะยังเรียนอยู่ใน สถานศึกษาหรือออกจากสถานศึกษาไปแล้ว วา่ ได้มกี ารพฒั นาหรือมกี ารเปลย่ี นแปลงไปในทางท่ีดขี ึ้น หรือไม่ และมากน้อยเพียงไร มีปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้าง และยังช่วยให้ทราบถึงข้อดีและ ข้อบกพร่องของโครงการท่ีให้ความช่วยเหลือต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการดาเนินงานต่อไปให้ ถกู ตอ้ ง เหมาะสมและบรรลุวัตถปุ ระสงค์ทีต่ ้งั ไวม้ ากยง่ิ ขึ้น ความหมายของบรกิ ารติดตามผล นกั จิตวิทยาและนักวิชาการไดก้ ลา่ วถึงความหมายของบรกิ ารติดตามผล สามารถนาเสนอ ได้ดังนี้ อษุ ณีย์ เยน็ สบาย (2548, น. 101) กล่าวว่าบริการติดตามผลเปน็ บริการที่มีความเกยี่ วข้อง ควบคู่ไปโดยตลอดกับการใหบ้ ริการแนะแนว บรกิ ารจะช่วยให้ผู้เรยี นปรับตัวได้กับสภาพการณ์ต่างๆ หลงั จากเรียนสาเรจ็ จากสถานศกึ ษาแล้วอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ บรกิ ารนใ้ี ห้ผลดหี ลายประการในการจดั โปรแกรมการแนะแนว ที่สาคญั ทีส่ ดุ จากการติดตามผลและวิจัยจะทาใหไ้ ด้ข้อมูลทมี่ คี ณุ ค่ามากในการ เหน็ แนวทางของความตอ้ งการในอนาคตสาหรับการจัดโปรแกรมการแนะแนว มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ (2551, น. 18) ได้อธิบายว่า บริการติดตามผล เพ่ือติดตามผู้เรียนที่สาเร็จการศึกษาและติดตามการดาเนินงานแนะแนวทั้งระบบ เพื่อประเมินผล สาร็จและการพัฒนาให้ดีย่ิงข้ึนโดยการสังเกต สัมภาษณ์ จดหมายติดต่อ แบบสอบถาม และแบบ ประเมนิ ตา่ งๆ สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2554, น. 1-4) กล่าวว่าบริการติดตามผลมีจุดมุ่งหมายเพ่ือติดตามการดาเนินงานแนะแนวทง้ั ระบบ เพ่อื ประเมินความสาเรจ็ และพฒั นาการดาเนนิ งานให้มปี ระสิทธิภาพ ตลอดจนการตดิ ตามพฒั นาการ ของผู้เรียนและผู้เรียนที่สาเร็จการศึกษา โดยใช้วิธีการสังเกต สัมภาษณ์ แบบสอบถาม และ แบบประเมิน ฯลฯ

292 เรียม ศรที อง (2559, น. 61) กล่าววา่ บรกิ ารติดตามผลเปน็ กระบวนการเก็บรวบรวมและ ประมวลผลขอ้ มูลทเ่ี ปน็ ผลของการให้บรกิ าร ซงึ่ เปน็ ไปตามการพฒั นาและงอกงามของผู้เรยี นจากการ รบั บรกิ ารต่างๆ การเลือกใชว้ ิธกี าร รวมทง้ั การใชเ้ ครื่องมือหรอื กิจกรรมตา่ งๆ ในกระบวนการบริการ ตา่ งๆ ในด้านความสาเร็จและปัญหาอุปสรรคทพี่ บ ขอ้ มูลทั้งหลายดงั กล่าวมีทง้ั ข้อมูลที่ได้ในระหวา่ ง การให้บรกิ าร และเป็นขอ้ มลู ที่เสรจ็ สิ้นการบรกิ ารไปแล้ว ดาว์น่ิง (Downing, 1968, p. 208) กล่าวว่า บริการติดตามผลเป็นเรื่องพื้นฐานเรอื่ งหนึ่ง ของการแนะแนว อันมีส่วนในการช่วยให้ข้อมูล เพื่อให้ผู้เรียนปรับตัวเข้ากับสถานศึกษา การฝึกฝน งานอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ การติดตามผลเป็นส่วนหน่ึงของงานแนะแนว ซึ่งรวมงานด้านการ พฒั นาผู้เรยี น ความสาเร็จในการเรียน การปรับตวั ท่ีดี และการเลอื กตดั สินใจทุกอย่างในสถานศึกษา อย่างฉลาด กระบวนการติดตามผลจึงเป็นกระบวนการท่ีจัดขอ้ มูลให้ผู้เรียนเพ่มิ เติมหลังจากที่ได้รับ บริการตา่ งๆ จากสถานศึกษาไปแล้ว จากความหมายของบริการติดตามผลข้างต้น สามารถสรุปความหมายของบริการ ตดิ ตามผลได้ว่า บริการตดิ ตามผล เปน็ บรกิ ารที่จดั ขึ้นเพ่ือศกึ ษาผลของการจัดบริการแนะแนวให้แก่ ผู้รับบริการทุกบริการ ว่าประสบผลสาเร็จหรือไม่อย่างไร และมีคุณภาพอย่างไร โดยใช้วิธีการท่ี หลากหลาย อันจะเป็นแนวทางในการพัฒนากระบวนการให้บริการแนะแนวได้เหมาะสม และ สอดคล้องกบั ความตอ้ งการของผบู้ ริการไดม้ ากข้ึน ความสาคัญของบรกิ ารตดิ ตามผล บริการติดตามผลกล่าวได้ว่ามีความสาคัญ ต่อการจัดโครงการบริการแนะแนวใน สถานศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะเป็นบรกิ ารที่จะชว่ ยให้ทางสถานศกึ ษาและฝ่ายแนะแนวได้ทราบว่า บริการและกิจกรรมต่างๆ ท่ีทางสถานศึกษาจัดให้แก่ผู้เรียนน้ัน ได้ช่วยสนับสนนุ สง่ เสริมให้ผู้เรยี นได้ เกิดความเจริญงอกงามและมีพัฒนาการตามที่ได้ต้ังจุดมุ่งหมายไว้หรือไม่ มีปัญหาหรืออุปสรรค อะไรบ้าง ท่ีกีดกั้นไม่ให้ผู้เรียนได้เกิดความเจริญงอกงามและมีพัฒนาการได้สูงสุด เพ่ือท่ีทาง สถานศึกษาจะไดพ้ ิจารณาหาวธิ ีการใหค้ วามชว่ ยเหลือและส่งเสรมิ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพมากยิ่งขนึ้ นอกจากน้ีบริการติดตามผล ยังจะช่วยให้ทางสถานศึกษาและฝ่ายแนะแนวได้ทราบว่า บรกิ ารและกิจกรรมต่างๆ ที่ทางสถานศึกษาได้จัดทาให้กับผู้เรียนน้ัน ในการปฏิบัติจริงมีข้อขัดข้อง อะไรบ้าง ทที่ าให้เป็นปัญหาและอุปสรรคตอ่ การดาเนินงาน เพ่ือที่ทางสถานศึกษาและฝ่ายแนะแนว จะได้นาข้อขัดข้องเหล่านั้น มาพิจารณาปรับปรุงแก้ไข เพื่อช่วยให้การดานินงานต่อไป สามารถ ดาเนนิ งานไปได้อย่างราบรนื่ ทาให้สามารถบรรลุจุดมุ่งหมายท่ีสถานศึกษาได้กาหนดไวอ้ ยา่ งแท้จริง

293 ดังน้ัน การติดตามผลในงานแนะแนวมีความสาคัญต่อการจัดบริการแนะแนวดังต่อไปน้ี (เรียม ศรีทอง, 2559, น. 61-62) 1. ช่วยใหม้ ีหลักฐานในการพัฒนาบริการแนะแนวของสถานศึกษาต่อไป 2. ช่วยใหผ้ บู้ ริหารไดใ้ ช้ข้อมลู ในการวางแนวทางพฒั นางานต่อไป 3. ช่วยใหบ้ ุคลากรที่ใหบ้ ริการ รวมท้ังบุคลากรท่ีเก่ยี วข้องได้พฒั นาเทคนิควิธกี ารบรกิ ารให้ มีคณุ ภาพต่อไป 4. ช่วยให้ผู้รบั บริการได้รับการบริการท่เี ป็นประโยชน์สงู สุด จะเห็นได้ว่า การติดตามในงานแนะแนวมุ่งเน้นไปที่ตัวผู้รับบริการ หรือผู้เรียนท่ีมารับ บริการแนะแนวให้สามารถพัฒนาตนและนาตนเองไดอ้ ย่างเหมาะสม การศึกษาและตดิ ตามผลของครู แนะแนวหรือผู้ให้บริการแนะแนวจึงเป็นกระบวนการติดตามผลจากผู้รับบริการแนะแนวทุกบรกิ าร ซ่ึงจะเปน็ แนวทางนาไปสูก่ ารพัฒนาบริการแนะแนวอีกดว้ ย แม้ว่าบริการติดตามผลจะมีความสาคัญต่อการจัดบริการแนะแนวในสถานศึกษาก็ตาม แตพ่ บว่าสถานศึกษาเปน็ จานวนมากทีไ่ ม่ไดม้ กี ารจัดบรกิ ารติดตามผล โดยสถานศึกษาเหลา่ นนั้ จะอ้าง วา่ การท่สี ถานศกึ ษาไมส่ ามารถจัดบริการตดิ ตามผลไดเ้ นื่องมาจากปญั หาในเร่อื งไม่มงี บประมาณ ไม่มี กาลงั คน และไม่มีเวลา ซ่ึงแทท้ ี่จรงิ แล้ว ถา้ ทางสถานศึกษาและผูบ้ ริหารเห็นความสาคัญของบริการนี้ อย่างแท้จริงแล้ว ปัญหาดงั กล่าวก็คงจะสามารถขจัดได้ไม่ยาก และถ้าผู้บรหิ ารสถานศึกษาให้ความ สนับสนุนอย่างแท้จริงในการให้ความช่วยเหลือด้านงบประมาณ ด้านกาลังคน และเวลาแล้ว สถานศึกษาก็จะได้รับประโยชนอ์ ย่างมากมาย เพราะขอ้ มลู ต่างๆ ที่ทางสถานศึกษาและฝา่ ยแนะแนว ได้จากการติดตามผล สามารถนาไปประเมินการให้บริการตา่ งๆ ของสถานศึกษา เพื่อท่ีจะได้มีการ ปรับปรงุ แก้ไข และพัฒนาให้เกิดประโยชน์แกผ่ ้เู รยี นให้มากทสี่ ดุ จุดมงุ่ หมายของบรกิ ารตดิ ตามผล โดยท่วั ไปแลว้ จุดมุ่งหมายท่สี าคญั ของการติดตามผลคือ การพัฒนาในดา้ นการปรับตวั ของ ผู้เรียนท่ีดีขึ้น ประสบการณ์ที่ประสบความสาเร็จในอาชีพ และความเจริญก้าวหน้า พัฒนาในด้าน การศึกษา สว่ นจุดมุ่งหมายเฉพาะได้แก่ (ลักขณา สริวัฒน์, 2551, น. 309-310) 1. สนับสนุนความก้าวหน้าและสถานภาพของผู้เรียนในด้านต่างๆ เช่น ด้านหลักสูตร เนื้อหาวิชาเรียน รวมทั้งกิจกรรมในชั้นเรียน ความพยายามทางด้านการศึกษาของผู้เรียนแต่ละคน จาเป็นอยา่ งยงิ่ ทจี่ ะตอ้ งทราบเพอ่ื จดั การช่วยเหลอื ใหเ้ หมาะสมกบั ความต้องการที่จาเป็น 2. ข้อมูลที่จะชว่ ยผู้เรียนในการวางแผนในอนาคตและการตดั สินใจอยา่ งฉลาดเป็นสงิ่ จาเปน็ รวมท้ังข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโอกาสทางการศึกษา ความมุ่งหวังทางด้านอาชีพของผู้เรียนด้วย

294 การจัดข้อมูลดังกล่าวที่จาเป็นจะต้องอาศัยกระบวนการประเมินผลความก้าวหน้าท่ีต่อเนื่อง และ กระบวนการประเมินผลสมรรถวิสยั ในการตัดสนิ ใจต่างๆ เป็นช่วงๆ ระยะเวลาทีก่ าหนดไวต้ ามความ เหมาะสม 3. เพ่ือกาหนดขอบเขตความเหมาะสมในการตัดสินใจ ซึ่งเป็นจุดเร่ิมต้นในการเลือก วิชาเรยี นหรือในการเลือกกจิ กรรมนอกห้องเรยี น การติดตามผลจะชว่ ยให้การประเมนิ ผลการตดั สนิ ใจ และการประเมินผลรายวชิ าต่างๆ ที่เรียน เทย่ี งตรงตามความเปน็ จริงมากข้ึน 4. เพื่อทราบว่าการทางานพิเศษของผู้เรียนมีผลต่อผู้เรียนอย่างไรบ้าง การติดตามอย่าง ใกล้ชดิ จะช่วยให้หลีกเลยี่ งปัญหาที่จะก่อให้เกิดกับผู้เรียนได้ ในกรณีที่ผู้เรียนเรียนออ่ นหรือในกรณี อ่นื ๆ ทม่ี ผี ลในทางลบต่อการเรียนของผู้เรียน 5. เพื่อส่งเสริมสนบั สนนุ สภาพและความกา้ วหน้าในงานต่างๆ ของผู้เรียนทห่ี ลังจากจบแล้ว มีงานทา และรวมถึงผู้เรยี นที่จบออกไปก่อนทีจ่ ะจบการศึกษาจรงิ ๆ การตดิ ตามผู้เรยี นดงั กลา่ วในชว่ ง ระยะเวลาหนง่ึ หลังจากท่ีเขาออกจากสถานศึกษาจะช่วยให้คาแนะแนวทางในการเปล่ียนแปลงและ ปรบั ปรงุ แรงจูงใจใฝ่อาชีพของเขาใหด้ ีข้นึ ได้ 6. เพื่อทราบว่าผู้เรียนท่ีจบไปแล้วประสบความก้าวหน้าและความสาเร็จในงานอาชีพ หลังจากที่ได้รบั การฝึกฝนอบรมจากสถาบันการศึกษาไปแล้วมากน้อยเพียงไร ข้อมูลเหล่าน้ีมีความ จาเป็นในการประเมินผลหลกั สูตรในอดตี และปัจจุบันเพอ่ื การปรับปรงุ ในอนาคต รวมทง้ั การปรบั ปรุง โปรแกรมการแนะแนวดว้ ย 7. เม่ือทราบข้อมูลท่ีเป็นจุดอ่อนในด้านต่างๆ ของโปรแกรมท้ังหมดของสถานศึกษา การประเมนิ ผลอยา่ งต่อเนือ่ งในโปรแกรมต่างๆ ทุกดา้ น การศกึ ษาเป็นหัวใจสาคญั ของความก้าวหน้า และการปรบั ปรุงกิจกรรมติดตามผล รวมถึงวิธีการรวบรวมข้อมูลและวิธีการให้ได้ข้อมูลมา และการ นาข้อมลู ไปใชอ้ ย่างมีระบบระเบยี บแบบแผน 8. เพ่ือศกึ ษาปัญหาต่างๆ และสรุปผลการเปลี่ยนแปลงต่างๆ รวมทั้งข้อเสนอแนะในการ จดั บริการต่างๆ ภายในสถานศึกษา โดยท่วั ไปแลว้ ปญั หาต่างๆ มีมากมาย การศึกษาปัญหาจึงควรเปน็ ปัญหาท่มี ีอิทธิพลก่อใหเ้ กิดผลการเปล่ยี นแปลงในปัจจุบัน นอกจากนี้ นิรันดร์ จุลทรัพย์ (2554, น. 267) ได้กล่าวถึง วัตถุประสงค์ของบริการ ตดิ ตามผล ดงั นี้ 1. เพื่อช่วยให้การให้ความช่วยเหลือผู้เรียนเป็นไปอย่างต่อเนือ่ ง เม่ือพบว่าผู้เรียนทไี่ ด้รับ ความช่วยเหลอื ไปแล้วยังประสบปญั หาอยหู่ รอื มีปญั หาใหมเ่ กดิ ขน้ึ 2. เพ่ือเป็นการประเมนิ ผลการจัดบริการแนะแนวทีด่ าเนินไปแล้ว ว่าไดผ้ ลเพียงใด อันจะ เปน็ แนวทางในการนามาปรบั ปรงุ แก้ไขและแสวงหาแนวทางปฏบิ ตั ิทเ่ี หมาะสมต่อไป

295 3. เพ่ือทราบถึงสาเหตุการออกจากสถานศึกษากลางคันของผู้เรียน โดยท่ียังไม่สาเร็จ การศึกษา 4. เพ่ือทราบถึงความคิดเห็นของผู้เรียนเก่าที่สาเร็จการศึกษาไปแล้วเกี่ยวกับการจัด กิจกรรมและงานบริการด้านต่างๆ ของสถานศึกษาว่าเหมาะสมเพียงใด เพื่อเป็นแนวทางในการ ปรบั ปรุงแก้ไขให้มปี ระสทิ ธภิ าพตอ่ ไป 5. เพอ่ื ต้องการทราบถึงสภาพปัญหาท่ีมตี ่อการศกึ ษาตอ่ หรือการประกอบอาชพี ของผู้เรียน ทสี่ าเรจ็ การศกึ ษาไปแลว้ เพอื่ เป็นการเตรยี มการปอ้ งกันใหแ้ ก่ผู้เรยี นท่กี าลังศกึ ษาอย่ใู นปจั จบุ ัน 6. เพื่อทราบถงึ ความตอ้ งการของผู้เรยี นเก่าทีส่ าเรจ็ การศึกษาไปแลว้ เพอื่ สถานศึกษาจะได้ มโี อกาสจัดโครงการให้ความช่วยเหลอื เป็นบรกิ ารตอ่ เนื่องต่อไป 7. เพ่ือต้องการทราบเกี่ยวกับสถิตินักเรียนท่ีสาเร็จการศึกษาไปแล้วศึกษาต่อ ประกอบ อาชีพหรอื วา่ งงานมากนอ้ ยเพยี งใด 8. เพอ่ื เป็นการสร้างความสมั พันธอ์ ันดรี ะหวา่ งสถานศึกษากับผู้เรียน ศิษย์เก่า ผู้ปกครอง และชมุ ชน ซ่ึงจะมีผลต่อความร่วมมอื ในการพฒั นาสถานศึกษาและเผยแพร่ช่อื เสยี งของสถานศึกษา 9. เพือ่ นาขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการตดิ ตามผลมาจัดเป็นโครงการศกึ ษาวจิ ยั ทางการแนะแนวตอ่ ไป หลักการของบรกิ ารตดิ ตามผล การติดตามผลเป็นการบริการหน่ึงในหลายบริการที่สถานศึกษาจัดขึ้น เพ่ือประโยชน์ใน การดาเนินงานแนะแนว การปรับปรุงการเรียนการสอน และประโยชน์ในการให้บริการของ สถานศึกษาโดยท่ัวไป ซึ่งควรดาเนินการตามหลักการของบริการติดตามผล ดังนี้ (พนม ล้ิมอารีย์, 2548, น. 237-238; สมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย, 2557, น. 42) 1. ผู้บริหารควรแต่งตั้งคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย ครู ครูแนะแนว ผู้ปกครอง ชุมชน ผู้เรียนปัจจุบัน และผู้เรียนเกา่ เพ่ือช่วยพิจารณาจุดมุ่งหมาย เป้าหมายและวิธกี ารดาเนนิ งานในการ ตดิ ตามผล และทาหนา้ ที่ดา้ นการตดิ ตามผลโดยเฉพาะ 2. ผู้บริหารควรจะมองเห็นความสาคัญของบริการติดตามผล และให้การสนับสนุนอย่าง แท้จริงในด้านงบประมาณ กาลังคน และเวลา เพื่อช่วยงานบริการติดตามผลสามารถดาเนินไปได้ อย่างราบรืน่ 3. กาหนดจุดมุ่งหมายและขอบข่ายของงานการติดตามผลให้ชัดเจน เพ่ือช่วยให้การ จดั บริการติดตามผลดาเนินไปอย่างมีเป้าหมาย และดาเนินการโดยความร่วมมือของหน่วยงานและ บุคลากรที่เกีย่ วขอ้ งหลายๆ ฝา่ ย

296 4. มีแผนพัฒนาคุณภาพการแนะแนว/ปฏิทินปฏิบัติงานแนะแนว และการติดตาม ตรวจสอบประเมนิ ผล โดยผูเ้ กี่ยวขอ้ งมีสว่ นร่วมคดิ รว่ มดาเนินการ 5. ในการรวบรวมข้อมลู ของบริการติดตามผล ควรจะไดร้ วบรวมข้อมูลจากบคุ คลหลายๆ ฝา่ ย ไม่รวบรวมเฉพาะผเู้ รียนเท่าน้นั บุคคลทีค่ วรจะได้ขอความร่วมมอื ไดแ้ ก่ ครปู ระจาชั้น ครูประจา วิชา ครฝู ่ายปกครอง ครูแนะแนว นายจ้างหรอื ผบู้ งั คบั บญั ชา ผูป้ กครอง ผรู้ ับบรกิ าร เปน็ ต้น 6. ตดิ ต่อกับแหล่งตา่ งๆ ทีจ่ ะใหค้ วามช่วยเหืลือและใหข้ ้อมลู ขา่ วสารได้ เช่น บรษิ ทั โรงงาน อุตสาหกรรม หน่วยงานราชการและเอกชน ซึ่งผู้เรียนได้เข้าทางานอยู่ และมีการประชาสัมพันธ์ งานบรกิ ารติดตามผลให้ผเู้ รยี น คณะครู บคุ คลทั่วไป และหน่วยงานต่างๆ ได้ทราบ เพื่อความสะดวก ในการขอความร่วมมอื ชว่ ยเหลอื ในการดาเนนิ งานตดิ ตามผล 7. อธิบายโครงการการติดตามผลแก่ผู้เรียนปัจืจุบัน เพ่ือจะได้ความคิดเห็นและขอความ ชว่ ยเหลอื ท้งั ในขณะปจั จบุ นั และเมอ่ื ออกจากสถานศกึ ษาไปแล้ว 8. กาหนดใช้วิธีการ/เครื่องมือในการติดตามผลที่หลากหลาย และมีตัวช้ีวัดความสาเร็จ สาหรับการประเมินผลที่ครอบคลุมทั้งด้านคุณภาพของผู้เรียน กระบวนการทางานและปัจจัยที่ เกยี่ วข้อง 9. ควรนาผลการติดตามผลมาพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรและการดาเนินงานต่างๆ ของ สถานศึกษา และมาพิจารณาปรับปรุงโครงการบริการแนะแนวที่จัดเพื่อช่วยให้สามารถให้บรกิ ารได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพยิ่งขึน้ 10. ควรนาผลการตดิ ตามผลมาจัดทาเป็นสารสนเทศ ตีพิมพ์ และเผยแพร่ให้ผู้ท่ีเกีย่ วข้อง และผบู้ รหิ ารได้ทราบเพื่อนาไปใช้ในการพฒั นางานต่อไป ลกั ษณะของการตดิ ตามผล การติดตามผลที่มีการวางแผนและมีการกาหนดจุดมุ่งหมายไว้อย่างชัดเจน ตลอดจน บุคลากร เคร่อื งมือ เวลา และผู้มีส่วนเกี่ยวขอ้ ง จะช่วยให้การติดตามผลเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง สาหรบั ลักษณะของการตดิ ตามผล สามารถแบ่งออกได้ 2 ลักษณะ ดงั นี้ (พนม ลมิ้ อารีย์, 2548: 235) 1. การตดิ ตามผลตามโอกาสที่อานวยให้ (Incidental Follow-up) หมายถงึ การทคี่ รหู รือ ผู้แนะแนวได้พบปะผู้เรียนคนใดคนหนึ่ง แล้วทาการสัมภาษณ์หรือซักถามปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับ การเรยี นหรอื การได้รบั บรกิ ารหรือการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของผู้เรียนว่าเกิดผลเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อที่ครหู รือผู้แนะแนวจะได้หาวิธกี ารให้ความช่วยเหลือ หรือให้การส่งเสริมและช่วยให้ผู้เรียนเกิด ความเจรญิ งอกงามและมพี ัฒนาการสูงสดุ แตใ่ นการติดตามผลลกั ษณะนี้ ครหู รือผูแ้ นะแนวไมไ่ ดม้ ีการ

297 เตรียมการอะไรมากนัก ข้ึนอยู่กับโอกาสในการพบปะผ้เู รยี นวา่ ได้พบปะกับผู้เรียนคนใด ก็จะพูดคุย ซกั ถามผเู้ รียนเหล่านนั้ เป็นรายๆ ไป 2. การติดตามผลอยา่ งมีระบบ (Systematic Follow-up) การติดตามผลลักษณะนี้กล่าว ได้ว่ามีความจาเป็นและสาคัญมาก เพราะเป็นการติดตามผลท่ีมีการวางแผนและมีการกาหนด จดุ มงุ่ หมายไวอ้ ย่างชัดเจน ตลอดจนบุคลากร เครอ่ื งมือ เวลา และประชากร เพ่ือชว่ ยให้การติดตาม ผลเกดิ ประโยชนอ์ ยา่ งแทจ้ ริง สาหรับบริการติดตามผลงานแนะแนวท้ัง 5 บริการ เป็นการประเมินเพ่ือตรวจสอบ แผนงาน/กิจกรรมว่ามีประสิทธภิ าพเพียงใด มีความสอดคลอ้ งเหมาะสมกับผู้เรียนหรอื ไม่ จึงมีความ จาเป็นต้องประเมินผู้รับบริการให้ครอบคลุมดังนี้ (ลักขณา สริวัฒน์, 2551, น. 308-308; นภาพร ปรีชามารถ, 2544, น. 132-134 และจิตตินันท์ บญุ สถริ กลุ , 2549, น. 218-219) 1. ผ้เู รยี นทัว่ ไป ผู้เรียนทั่วไปหรือผู้รับบริการแนะแนวในสถานศึกษาทุกคน การติดตามผู้เรียนกลุ่มนี้ เป็นการตดิ ตามว่าผู้เรียนได้รบั ประโชน์จากบรกิ ารและกิจกรรมต่างๆ ที่ทางสถานศึกษาจัดให้หรือไม่ มากนอ้ ยเพียงใด เพอื่ นาขอ้ มูลมาปรับปรุงการจัดบรกิ ารของสถานศกึ ษาให้มีประสทิ ธิภาพยงิ่ ขนึ้ 2. ผเู้ รียนทไี่ ด้รบั บรกิ ารแนะแนวไปแลว้ สว่ นใหญ่การติดตามผู้เรียนกลุ่มน้ีเป็นการติดตามว่าผู้เรียนได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือ แนวทางท่ีได้รบั จากการแนะแนวไปแล้วหรือไม่ เพียงใด และผลการปฏิบตั ติ ามข้อตกลงช่วยใหผ้ ู้เรยี น พฤตกิ รรมเปลี่ยนแปลงไปในทางท่ดี ีขึ้นหรอื ไม่ การแนะแนวนนั้ ส่งสริมคณุ ภาพชีวติ ของผู้เรียนอยา่ งไร 3. ผู้เรียนที่ไดศ้ ึกษาเปน็ รายกรณี การติดตามรูปแบบนเี้ ป็นการติดตามผู้เรียนทเี่ คยได้รบั การช่วยเหลือ เน่ืองจากมปี ญั หา รนุ แรงบางประการ อาจเป็นดา้ นการเรียน ดา้ นอารมณห์ รือการปรับตวั ทีจ่ าเป็นต้องได้รบั การปรกึ ษา เป็นระยะเวลายาวนานพอสมคร การได้รับทุนการศึกษาของผู้เรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ครูหรือ ผแู้ นะแนวควรจะติดตามผลผู้เรยี นกลุม่ น้ีเป็นระยะๆ อยา่ งต่อเน่อื ง เพ่ือดวู ่าผลการให้ความช่วยเหลือ เป็นอยา่ งไร ทั้งผลตรงและผลทางอ้อมท่ีอาจเกิดข้ึนในลักษณะต่างๆ การติดตามเช่นน้ีจะช่วยให้ครู หรือผู้แนะแนวสามารถให้ความช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที และยังได้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็น ประโยชนต์ อ่ การวางแผนแนวทางในการปฏบิ ัติและพัฒนาวิธีการให้ความช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม และเกดิ ประโยชนแ์ ก่ผู้เรยี นมากขึ้น 4. ผู้เรียนที่สาเร็จการศึกษาจากสถานศึกษาไปแล้ว ผู้เรยี นท่สี าเรจ็ การศึกษาไปแล้วหรือทเ่ี รยี กว่าศษิ ยเ์ ก่า บุคคลกลมุ่ นี้เม่อื สาเรจ็ การศึกษา ตามหลกั สตู รแลว้ อาจมงุ่ ไปสูก่ ารศึกษาต่อในระดบั สูงต่อไป หรือออกไปประกอบอาชีพ ผู้เรยี นกล่มุ น้ี อาจจะยังต้องการความช่วยเหลือจากสถานศึกษาต่อไป ครูแนะแนวควรจะได้ติดตามผู้รับบริการ

298 กลมุ่ นี้ด้วย เพือ่ ดวู ่าสดั ส่วนของผูท้ ่ีเรยี นตอ่ และผ้ทู ไี่ ม่เรียนต่อเป็นอยา่ งไร ผ้เู รียนมีเหตผุ ลอะไรในการ เลอื กเรียนต่อและไม่เรียนต่อ หรือหากติดตามผู้เรียนท่ีจบการศกึ ษาจากสถานศึกษาไปแลว้ 3 – 4 ปี ซึง่ เป็นระยะทผี่ เู้ รยี นได้ศกึ ษาต่อหรอื ทางาน และเปน็ ผใู้ หญม่ ากขนึ้ ผู้เรยี นจะสามารถประเมินสงิ่ ต่างๆ ได้ตรงตามความเป็นจริง ทาให้บริการแนะแนวมีโอกาสในการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อนาไปสู่ การประเมินผลการจัดการเรียนรู้ ตลอดจนหลักสูตรที่ใช้ในสถานศึกษาต่อไป ข้อมูลท่ีได้จากการ ติดตามผลน้ีควรนาเสนอให้ฝ่ายบริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงหลักสูตร การเรยี นการสอน ตลอดจนกิจกรรมและบริการต่างๆ ของสถานศึกษาต่อไป เพื่อเป็นการเตรยี มตัว ผู้เรียนปัจจุบันในการเข้าสู่สถานศึกษาหรืออาชพี ที่ต้องการ ขณะเดียวกันในการจัดบรกิ ารตดิ ตามผล ผู้เรียนกลุม่ ศิษย์เกา่ จะทาให้ทราบถึงสภาพปญั หาซ่งึ อาจเกดิ ข้นึ หากสถานศกึ ษาสามารถช่วยไดก้ ็ควร ดาเนินการเพราะเท่ากับเปน็ การชว่ ยหลือสงั คม 5. ผเู้ รยี นท่ีออกจากสถานศึกษากลางคนั ผเู้ รียนกลุ่มนี้ หมายถึง ผู้เรียนที่ออกจากสถานศึกษาก่อนสาเร็จการศึกษาด้วยเหตุผล ต่างๆ โดยท่ัวไปผู้เรียนท่ีเข้าศกึ ษาในสถานศึกษาต่างๆ ไมจ่ าเป็นต้องสาเร็จการศึกษาตามหลักสูตรที่ กาหนดไว้ทุกรายไป ผู้เรียนบางคนอาจมีความจาเป็นหรือมีเหตุผลบางประการที่จะต้องหยุดเรียน เพ่ือออกไปประกอบอาชีพ หรือไปศึกษาต่อที่อ่ืน หรือยุติการเรียนด้วยปัญหาอ่ืนๆ เช่น ตั้งครรภ์ เป็นตน้ แม้ว่าผู้เรียนกลุม่ นจ้ี ะมจี านวนไม่มากนัก แตค่ วรมีบรกิ ารแนะแนวตดิ ตาม เพ่ือหาสาเหตทุ ่ีตอ้ ง ออกจากสถานศึกษากลางคัน รวบรวมปัญหาและความต้องการของผู้เรียนเหล่าน้ี รวมทง้ั ติดตามว่า ผู้เรียนสามารถออกไปดารงชีวิตอยู่ในสังคมประสบความสาเร็จมากน้อยเพียงใด และต้องการความ ชว่ ยเหลืออะไรบ้างหรือไม่ สถานศกึ ษาอาจให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม เช่น หางานให้ทา ฝึกอาชีพอสิ ระ เป็นต้น การใชก้ ระบวนการบริการตดิ ตามผลน้ันจะทาให้ครูหรือผู้แนะเนวทราบสาเหตุ ของปัญหา เช่น ขาดแคลนทุนทรัพย์ การจัดหลักสูตรไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและ ชมุ ชน เปน็ ตน้ ซ่ึงจากสาเหตตุ ่างๆ ทรี่ วบรวมได้จะชว่ ยใหค้ รูหรอื ผู้แนะแนวมีแนวทางในการให้ความ ชว่ ยเหลือผู้เรียนรนุ่ หลังได้ดีย่งิ ขึน้ 6. บคุ คลท่ีเก่ียวขอ้ งกบั บรกิ ารแนะแนว เนือ่ งจากการแนะแนวเปน็ กระบวนการพัฒนาผู้เรียนทต่ี ้องเก่ยี วข้องกับบคุ คลหลายฝา่ ย ดังนั้นเพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีแท้จริง ครูหรือผู้แนะแนวควรติดตามขอข้อมูลต่างๆ เก่ียวกับการจัดบริการ แนะแนว อันได้แก่ ข้อมูลผู้เรียนที่ได้รับบริการแนะแนวไปแล้ว และข้อมูลปัญหาอุปสรรค การดาเนนิ งานต่างๆ ขณะมสี ่วนรว่ มจัดบริการแนะแนวจากบุคคลท่ีเกี่ยวข้องกับบรกิ ารแนะแนวด้วย เช่น ครูประจาช้ัน ครูท่ีปรึกษา เพื่อนผู้เรียน ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชน เป็นต้น หากครูหรือ ผู้แนะแนวสามารถติดตามผลกับบุคคลเหล่านี้ได้ครบถ้วน ก็จะทาให้การจัดบริการแนะแนวมี ประสิทธภิ าพสูงสุด เกิดประโชน์แกผ่ ู้เรยี นซง่ึ เป็นผรู้ บั บรกิ ารอย่างเต็มที่

299 การดาเนนิ การตดิ ตามผลบรกิ ารแนะแนว การจัดบริการติดตามผลบริการแนะแนวให้ประสบผลสาเร็จตรงตามวัตถุประสงค์นั้น คณะทางานติดตามผลควรมีการดาเนินการเป็นระบบตามลาดับขั้นตอนและต่อเนื่อง ปัจจุบันนิยม การควบคุมคุณภาพตามวงจรเดม่งิ (Deming Cycle) หรอื กระบวนการคณุ ภาพ PDCA มงุ่ พัฒนางาน ใหม้ คี ุณภาพในระดบั ทส่ี ูงข้ึนด้วย โดยการดาเนินการดังน้ี (สมศกั ดิ์ สินชรุ ะเวชญ,์ 2542, น. 187-188) 1. ศกึ ษาวเิ คราะห์สถานการณ์ปจั จุบนั และความตอ้ งการในการแก้ปญั หาหรอื พัฒนางาน โดยกาหนดเป็นแผน (Plan - P) หรือแผนปฏิบัติการ (Action Plan) โดยเน้นการมีส่วนร่วมอย่าง เต็มที่ (Full Participation) 2. นาไปสู่การปฏิบัติตามแผนท่กี าหนด (Do - D) โดยส่งเสริมการทางานเป็นทีม เพื่อให้ บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ท้ังนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือ รวมพลัง (Participation and Collaboration) ของบุคลากรทกุ กลุ่มทุกงาน 3. ตดิ ตามตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัตงิ านอย่างเป็นระบบ (Check - C) โดยการ เปรียบเทียบข้อมูลก่อนการปฏิบตั ิงาน และหลังการปฏบิ ัตงิ าน ถ้าผลลัพธ์ออกมาตามเป้าหมายก็จะ นาไปจัดทามาตรฐานสาหรบั การปฏิบัติงานครงั้ ต่อไป แต่ถา้ ผลลพั ธ์ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จะต้อง ศึกษาวิเคราะห์ และหาทางแก้ไขปรบั ปรงุ ให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธผิ ลเพิม่ ขนึ้ 4. การปรับปรุง (Act - A) ผลจากการตรวจสอบ ประเมินผลงานที่ปฏิบัติและศึกษา วเิ คราะห์ หาแนวทางการแก้ไข ปรับปรุง แล้วต้องดาเนินการปรบั ปรุง และแก้ไขให้ได้ผลลัพธ์ตาม เปา้ หมาย มงุ่ เน้นการพัฒนาคุณภาพให้เกิดขึน้ ทกุ กลุ่ม ทกุ งาน ทั่วทงั้ องคก์ ร วงจรเดมิ่งหรือวงจร PDCA จะไม่หยุดหรือจบลงเม่ือหมุนครบรอบ แต่วงจรหรือวงล้อ PDCA จะหมุนไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยจะดาเนินการพัฒนาในระดับท่ีสูงขน้ึ ซับซ้อนข้ึน และยากข้ึน เป็นการเรยี นรูท้ ี่ไมส่ ิ้นสดุ กระบวนการ PDCA จงึ เป็นการพัฒนาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ท่ีตอ้ งดาเนนิ การอย่าง มวี ินัย ให้ครบวงจร อยา่ งต่อเน่ือง เปน็ ระบบ หมุนเวียนไปไมม่ สี ิน้ สดุ จากหลักการวงจรกระบวนการ PDCA สามารถนามาใช้กับการจัดบริการแนะแนวได้ ดงั ตอ่ ไปนี้ (เจษฎา บุญมาโฮม, 2558, น. 256-259) 1. วางแผนการใหบ้ รกิ ารเพื่อกาหนดปฏทิ นิ กจิ กรรมล่วงหนา้ ในการติดตามผล โดยการกาหนดข้ันตอน การดาเนินกิจกรรม ท่ีเป็นรูปธรรม สามารถนามาปฏิบัติได้ ซงึ่ ประกอบด้วยยทุ ธศาสตร์ของสถานศึกษา เปา้ หมายของสถานศกึ ษาท่ตี งั้ ไว้ การใหบ้ รกิ ารติดตามผล และการชว่ ยเหลือหลงั การตดิ ตามและประเมนิ ผล การวางแผนควรมเี ปา้ หมายทช่ี ดั เจน ท้ังในระยะสั้น และระยะยาว รวมทั้งการเลือกกลยุทธ์มาใช้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ โดยดาเนนิ การดังนี้

300 1.1 การต้งั เป้าหมาย 1.1.1 ผูเ้ รยี นทกุ คนสามารถจบการศกึ ษาไดต้ ามเกณฑ์ 1.1.2 ผู้เรียนทุกคนสามารถได้รับการบริการแนะแนวอย่างท่ัวถึงและตรงตาม ความตอ้ งการ 1.1.3 ผู้เรียนทุกคนสามารถทราบถึงความสนใจ ความถนัด และความสามารถ ของตนไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ 1.1.4 ผู้เรียนทุกคนสามารถรับรู้คุณค่าและภูมิใจในตนเองและยอมรับความรู้ ความสามารถของผู้อน่ื 1.1.5 ผเู้ รยี นทุกคนสามารถตัดสินใจและแก้ปัญหาของตนเองได้ 1.1.6 ผูเ้ รยี นทกุ คนมีคณุ สมบัตติ ามมาตรฐาน คุณลักษณะ ตามตวั บ่งชี้ทีก่ าหนด 1.1.7 จัดสรรทรัพยากรไดส้ อดคลอ้ งกับจานวนผใู้ ชบ้ รกิ าร 1.1.8 การบรหิ ารงานบคุ คลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมและสร้างความ พึงพอใจแก่ทุกฝา่ ย 1.2 แหล่งข้อมลู ไดแ้ ก่ 1.2.1 ผู้บริหารสถานศกึ ษา 1.2.2 ตวั ผเู้ รียน 1.2.3 ครแู ละครูทีป่ รึกษา 1.2.4 ครอบครัว 1.2.5 เพอ่ื นผู้เรียน 1.3 การให้บรกิ ารตดิ ตามผล ประกอบด้วย 1.3.1 เครือ่ งมอื ท่นี ามาใช้ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบสังเกต แบบบนั ทึก การเย่ยี มบา้ น แบบทดสอบ 1.3.2 วิธีการรวบรวมข้อมูล วิธีการวิเคราะห์ ซ่ึงต้องพิจารณาถึงส่ิงท่ีจะวัด เครือ่ งมอื ทจี่ ะเลือกนามาใช้ คณุ ภาพของเครือ่ งมือ 1.4 แหลง่ ขอ้ มูล ได้แก่ 1.4.1 ศกึ ษา วเิ คราะห์ วสิ ยั ทัศน์ พนั ธกิจของสถานศึกษา 1.4.2 เกณฑ์ในการประเมิน 1.4.3 ทดสอบคุณภาพมาตรฐานต้นแบบแล้วนามาปรับปรุง 1.4.4 จดั ทาคมู่ ือการประเมนิ

301 2. การลงมือปฏบิ ัตติ ามแผนทีก่ าหนดไว้ ดาเนินการโดยเน้นการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงาน ลาดับความสาคัญ แผนงาน โครงการ กิจกรรม นาไปส่กู ารปฏบิ ัติ 3. การติดตามประเมินผลการปฏบิ ัตงิ าน ตรวจสอบผลการปฏิบตั งิ านโดยวธิ ีการสงั เกต สมั ภาษณ์ สารวจ สอบถาม วิจัย เปน็ ต้น ให้การปฏิบัตงิ านมีประสิทธิภาพ โดยเนน้ ที่วิธกี ารกากับดูแลติดตาม และประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ าน อย่างสมา่ เสมอ เพอ่ื วเิ คราะห์ในประเด็นตอ่ ไปนี้ 3.1 การทางานเปน็ ไปตามวตั ถุประสงค์หรอื ไม่ 3.2 การทางานเปน็ ทีมหรอื ไม่ 3.3 วิธีการที่ใช้เป็นประโยชนต์ ่อแผนหรอื ไม่ 3.4 กระบวนการและขน้ั ตอนการทางานเปน็ ประโยชน์ตอ่ แผนหรอื ไม่ 3.5 มีวิธีการใหม่ๆ ทสี่ ามารถทาใหก้ ระบวนการพัฒนาเพมิ่ ข้นึ หรือไม่ ท้งั น้ี สามารถนาเสนอเป็นภาพแผนวงจรกระบวนการ PDCA ไดด้ ังนี้ 1. วางแผน (P) 1.1 แตง่ ตั้งคณะอนกุ รรมการแนะแนว 1.2 ศึกษาขอ้ มลู ความตอ้ งการ ความจาเป็นของสถานศกึ ษา 1.3 จดั ทาแผนปฏิบัตกิ ารประจาปี 4. ปรับปรงุ และพฒั นา (A) 2. ปฏิบตั ิตามแผน (D) 1.1 ปรบั ปรงุ พฒั นา 1.1 สรา้ งความตระหนักและความเข้าใจ 1.2 รายงานผลการดาเนนิ งาน 1.3 เผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธ์ กับบุคลากร 1.2 ดาเนินการตามแผน 3. กากบั ตดิ ตามประเมินผลและตดิ ตาม (C) 3.1 กากบั ตดิ ตาม ประเมนิ ผลและตดิ ตาม 3.2 ตรวจสอบ ทบทวน ภาพท่ี 6.1 แผนภาพวงจรกระบวนการ PDCA ทมี่ า: เจษฎา บุญมาโฮม, 2558, น. 258

302 แผนภาพแสดงขน้ั ตอนและแนวทางปฏิบตั กิ ารติดตามผล ข้นั ตอน แนวทางปฏิบตั ิ ข้ันวางแผน 1. แต่งตัง้ คณะกรรมการประกอบด้วย คณะอนกุ รรมการแนะแนวของสถานศกึ ษา 2. กาหนดวตั ถุประสงค์ เปา้ หมาย ตวั ชี้วดั ความสาเรจ็ ของงาน เครอื่ งมอื และวธิ ีการ 3. ชี้แจงและพฒั นาผ้มู สี ว่ นร่วม ใหเ้ กดิ ความ เข้าใจ 4. กาหนดแผนงาน/ปฏิทิน ข้นั ดาเนนิ งาน ดาเนนิ การนเิ ทศ ติดตาม ประเมนิ ผล ตาม แผนท่กี าหนดไว้ด้วยวิธีการทห่ี ลากหลายตาม สภาพจรงิ โดยนาเทคโนโลยมี าใชใ้ นการ พฒั นาระบบ ขน้ั สรปุ รายงานผล 1. นาแบบประเมินไปวเิ คราะหแ์ ละสรุปผล 2. จัดทารายงาน 3. เผยแพรป่ ระชาสมั พันธ์ภายในสถานศกึ ษา ขั้นปรับปรงุ และพัฒนางาน นาข้อมูลและผลการประเมินไปใชใ้ นการ ตัดสนิ ใจปรบั ปรงุ และพฒั นางาน ภาพที่ 6.2 แผนภาพแสดงขนั้ ตอนและแนวทางปฏิบตั กิ ารตดิ ตามผล ที่มา: เจษฎา บญุ มาโฮม, 2558, น. 259

303 วิธกี ารและเคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นการตดิ ตามผล การติดตามผลเพื่อใหไ้ ด้ขอ้ มูลมาใชป้ ระโยชนท์ างการแนะแนวสามารถที่จะเลอื กใช้วิธกี าร และเทคนิคตา่ งๆ ดังตอ่ ไปนี้ (นริ นั ดร์ จลุ ทรัพย์, 2554, น. 268-270) 1. การติดตามเปน็ เอกสารถึงตวั บุคคล 1.1 แบบสอบถามใชเ้ พ่ือให้ได้ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับประสบการณ์ สภาพในปัจจบุ ัน และ ความคิดเหน็ ต่างๆ ทมี่ ตี อ่ สถานศึกษาและสังคมทัว่ ไป 1.2 แบบสารวจใช้เพอ่ื เป็นแนวทางในการสารวจหวั ข้อเรือ่ งหรือข้อมูลเฉพาะอยา่ ง 1.3 จดหมาย อาจจัดทาเป็นรูปแบบ (form) ที่พิมพ์ไว้แล้วหรือทาขึ้นเป็นการส่วนตัว เปน็ ครัง้ คราว สามารถทจ่ี ะชว่ ยในการตดิ ตามผลเป็นขนั้ ต้นได้หลังจากนน้ั อาจมกี ารพดู คยุ เป็นสว่ นตัว โดยตรง 2. การตดิ ต่อเป็นการสว่ นตวั โดยตรง 2.1 การสัมภาษณ์เป็นเทคนิคที่ช่วยให้ทราบได้ว่าบุคคลใดต้องการบริการเพ่ิมเติม หรือไม่ และยงั ทาให้ได้ขอ้ มลู จากบคุ คลที่ต้องการอีกด้วย 2.2 การสนทนาทางโทรศัพท์เป็นการช่วยให้การให้ข้อมูลและการติดต่อง่าย และ รวดเร็วยงิ่ ข้นึ 2.3 การประชมุ อยา่ งไม่เป็นทางการทาให้มีโอกาสพบปะและได้ข้อมูลจากผู้ที่ต้องการ ติดตามผลเป็นกลุม่ 2.4 การอภิปรายกลุ่ม สามารถจัดได้ทั้งผู้ที่กาลังศึกษาอยู่ในปัจจุบันและศิษย์เก่าที่ สาเร็จการศึกษาไปแล้ว นอกเหนือจากจะช่วยให้ได้ข้อมูลเพ่ือการติดตามผลแล้วยังช่วยให้ผู้เข้าร่วม อภปิ รายเกดิ ปฏสิ มั พนั ธ์และมเี จตคตทิ ่ีดตี ่อกนั 2.5 การให้คาปรึกษา นามาใช้เม่ือบุคคลจาเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติมใน ภายหลงั 2.6 การสงั เกต เพื่อช่วยให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากผ้ทู ่ีได้รับการช่วยเหลือไปแลว้ และ เพ่ือประเมินว่าการจัดบริการให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ไปแล้วน้ัน ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ ผู้รับบริการมากนอ้ ยเพยี งใด ซึ่งสามารถทาการสังเกตได้ทง้ั ขณะทางานร่วมกับเพื่อน ขณะกาลังเล่น ภายในห้องเรียน หรือการมปี ฏิสมั พันธท์ างสังคมกบั บคุ คลโดยท่ัวๆ ไป 3. การติดตอ่ กับบุคคลทเ่ี กี่ยวข้องกบั บุคคลท่ีไดร้ ับการติดตามผล 3.1 การเชิญบิดา มารดา หรอื ผปู้ กครองมาประชุม ซึ่งถือวา่ เป็นแหลง่ ข้อมูลพื้นฐานที่ สาคญั ต่อผู้ท่ีได้รบั การติดตามผลดว้ ย

304 3.2 การประชุมคณะครู อาจารย์ ในสถานศึกษาเป็นเทคนิคท่ีสาคัญในการติดตามผล เก่ียวกับการเปล่ียนแปลงทางพฤติกรรม และเพื่อให้ได้รับข้อเสนอแนะจากเพ่ือนร่วมงานในระดับ วชิ าชพี ด้วยกัน 3.3 การเชิญนายจา้ งมาประชมุ โดยเชญิ ผูบ้ ริหารหรอื เจ้าของกจิ การท่มี ศี ิษยเ์ กา่ เข้าไป ทางานหรือนายจ้างที่รับบุคคลเข้าทางานโดยผ่านฝ่ายแนะแนว ซ่ึงจะช่วยให้ทราบข้อมูลเก่ียวกับ พฤตกิ รรมการทางานและลกั ษณะนิสัยสว่ นตัวของบุคคลจบจากสถานศึกษาไป และยงั ช่วยให้ทราบถึง ความตอ้ งการกาลังคนของสถานประกอบการต่างๆ 3.4 การเยี่ยมชมสถานศึกษา การไปเย่ยี มชนสถานศึกษา โรงเรียน หรอื สถานฝึกอบรม และมีโอกาสได้พดู คุยกับผู้บริหาร ครู อาจารย์ ของสถานศึกษาที่มีศษิ ย์เก่าจากสถานศึกษาไปศึกษา ต่อ จะชว่ ยใหท้ ราบถงึ คุณภาพด้านต่างๆ ของศิษยเ์ กา่ ทส่ี าเร็จการศึกษาจากสถานศกึ ษาไปแลว้ 3.5 การติดตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ท่ีมีการลงข่าวเกี่ยวกับสถานศึกษา และศิษย์เก่า โดยใช้วิธีการตัดข่าวใส่แฟ้ม จะช่วยให้ทราบถึงสภาพของสถานศึกษาในสายตาของส่ือมวลชน และ ความเคลอื่ นไหวเกี่ยวกบั ศิษยเ์ กา่ อย่ตู ลอดเวลา จากวิธีการและเคร่ืองมือท่ีใช้ในการติดตามผลข้างต้น จะเห็นได้ว่ามีเครื่องมือใน การติดตามผลมีหลายรูปแบบ มีความทันสมัย รวดเร็ว และมีวัตถุประสงค์ของการใช้เครื่องมือท่ี แตกต่างกัน ทาให้กระบวนการติดตามประเมินผลมีประสิทธภิ าพสูงข้ึน เพียงแตบ่ ุคลากรที่ทาหน้าท่ี ในการติดตามผลต้องศึกษาและทาความเข้าใจข้อดีและข้อจากัดของเครื่องมือแต่ละชนิดให้ชัดเจน ก่อนท่ีจะตัดสินใจเลือกใช้เคร่ืองมือ นอกจากนี้ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (2547: 64-65) ไดน้ าเสนอเครื่องมือทใ่ี ช้ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ตามตารางท่ี 6.1 ดังนี้ ตารางที่ 6.1 ตัวอยา่ งเครื่องมอื ทใี่ ช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู สาหรับใชก้ บั ผู้เรียน เคร่ืองมือ วิธีการใช/้ ประโยชนข์ องเครอื่ งมอื ข้อมูลทไ่ี ด้ 1. แบบสงั เกต 2. แบบสัมภาษณ์ ใช้ตรวจสอบพฤตกิ รรมของผเู้ รยี น ไดข้ อ้ มลู ทส่ี มบรู ณ์ ละเอียด 3. แบบสอบถาม ในสถานการณต์ ่างๆ ชดั เจน ถูกต้อง ใชส้ อบถามผูเ้ รียนและผ้เู กยี่ วขอ้ ง ไดข้ ้อเท็จจรงิ เป็นข้อมลู กบั ผเู้ รยี นทุกคน ทงั้ ในและนอก พฤตกิ รรมของผูถ้ ูกสมั ภาษณเ์ ป็น สถานศึกษา ขอ้ มลู ตรง ใช้สารวจขอ้ มลู ผเู้ รยี น ในเรื่องราว ได้ขอ้ มลู ในประเดน็ ที่ครตู ้องการ ต่างๆ ท่ีต้องการทราบ อาจใชเ้ ปน็ ทราบ สามารถใช้กับผู้เรียนคราว กลุ่มหรือรายบุคคล ละมากๆ และประหยัดเวลา

305 เครอ่ื งมอื วิธีการใช้/ประโยชนข์ องเครื่องมอื ขอ้ มูลทไี่ ด้ 4. การเขียนอัตชวี ประวัติ สาหรบั ใหผ้ เู้ รยี นเขยี นบรรยาย ได้ข้อมูลของผ้เู รยี นเก่ยี วกบั 5. การเขยี นบนั ทึก ประจาวัน เร่อื งราวเกี่ยวกบั ตัวเองทง้ั ท่ีเปน็ ความคดิ อารมณ์ ความรสู้ ึก 6. สังคมมติ ิ ความคิด ความรสู้ กึ พฤติกรรม ความตอ้ งการ สมั พนั ธภาพของ 7. แบบบนั ทกึ การ ความสัมพนั ธก์ ับผู้เกย่ี วขอ้ งและ ผเู้ รยี น ผู้เกีย่ วขอ้ งทผ่ี า่ น เยยี่ มบ้าน ความใฝฝ่ ันในอนาคต กระบวนการคิดวเิ คราะห์แล้ว 8. การศึกษารายกรณี ใช้โดยใหผ้ ู้เรียนบนั ทกึ พฤตกิ รรมที่ ไดข้ ้อมลู เก่ียวกบั พฤติกรรมของ 9. แบบสารวจ 10. การเขยี นเรยี งความ ตนเองได้ทาในแต่ละวัน ผเู้ รยี นในแต่ละวัน ใช้สารวจสมั พนั ธภาพของผเู้ รียน ไดร้ ถู้ ึงความสมั พันธ์ของผู้เรียนใน กบั เพอื่ นๆ หอ้ งเรยี น เพอ่ื นามาจัดกลมุ่ การ เรียนรหู้ รอื ให้ความชว่ ยเหลือ ผเู้ รียนไดส้ อดคลอ้ งกบั สภาพ สงั คมทเ่ี ปน็ อยู่ ใช้เม่อื ครูตอ้ งการรู้ขอ้ มลู เบ้อื งตน้ ได้รู้จกั และเข้าใจถงึ เจตคติ เกี่ยวกับครอบครวั ความเป็นอยู่ สภาพแวดล้อม สภาพครอบครวั ของผู้เรยี น และฐานะทางเศรษฐกจิ ของ ผู้เรยี นตามสภาพทเ่ี ปน็ จริง เก็บรวบรวมขอ้ มูลท้ังหมดของ ได้รายละเอยี ดเกี่ยวกบั ตวั ผู้เรยี น ผเู้ รยี นเป็นรายบคุ คลมาศึกษา เพ่ือใชใ้ นการสง่ เสรมิ ป้องกัน วิเคราะห์ และตีความได้อยา่ ง ช่วยเหลอื เฉพาะบคุ คล ถูกตอ้ ง ใชร้ วบรวมขอ้ มลู พนื้ ฐาน ได้ข้อมูลที่ตอ้ งการร้ตู าม ความรสู้ กึ นึกคิด เจตคติ จดุ ประสงคท์ ว่ี างไว้ เพอ่ื การรจู้ ัก ผ้เู รียนและสิ่งแวดลอ้ มของผูเ้ รียน ใช้ศึกษาความรสู้ กึ นึกคิดของ ไดข้ อ้ มลู ตรงจากผเู้ รียนตรงตาม ผูเ้ รียน สภาพแวดลอ้ ม บคุ คลท่ี วตั ถปุ ระสงคห์ รือหวั ข้อทตี่ ง้ั ไว้ เกย่ี วข้องกบั ผเู้ รียนตาม วัตถปุ ระสงคท์ ี่กาหนดไว้

306 เครือ่ งมือ วิธกี ารใช/้ ประโยชนข์ องเครื่องมอื ขอ้ มูลที่ได้ 11. ระเบยี นสะสม ใช้รวบรวมขอ้ มลู เบื้องตน้ ของ ไดข้ อ้ มลู ที่เปน็ หลกั ฐานสาหรับ 12. แบบระเบียน พฤตกิ ารณ์ ผู้เรียนทกุ ดา้ น ทั้งสภาพท่ัวไป นาไปใชใ้ นการวางแผนการดูแล 13. แบบบันทกึ สขุ ภาพ ประวตั กิ ารเรียน สขุ ภาพ ชว่ ยเหลอื และพฒั นาผเู้ รียน 14. แฟม้ สะสมงาน พฤติกรรม ใชร้ ายงานพฤติกรรมผเู้ รยี นวา่ ทา ได้รบั รพู้ ฤตกิ รรมของผู้เรยี นใน อะไร ท่ไี หน เมอื่ ไร อย่างไร โดยครู หลายสถานการณแ์ ละจากบคุ คล หลายคน ในหลายเหตกุ ารณ์ หลายฝา่ ยท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ผเู้ รียน ใช้บันทกึ ข้อมลู ทางด้านสขุ ภาพ ไดข้ อ้ มูลสขุ ภาพผเู้ รยี น ของผู้เรียน ใชร้ วบรวมข้อมลู เก่ียวกบั ผลงาน ไดข้ ้อมูลท่คี รจู ะใช้ประเมินการ ของผเู้ รยี น ทางานและผลงานของผู้เรยี นซง่ึ นามาเพือ่ จดั การปอ้ งกนั ช่วยเหลอื หรือส่งเสรมิ ตัวอยา่ งการตดิ ตามผล การติดตามผลขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของบริการแนะแนวในสถานศึกษาว่าต้องการอะไร มเี ปา้ หมายอยา่ งไร ในทนี่ ี้จะยกตวั อย่างบางประการ ตารางท่ี 6.2 ตัวอยา่ งบรกิ ารติดตามผลบริการแนะแนวในสถานศึกษา การติดตามผลระหว่างการบริการ การติดตามผลเม่อื ยตุ ิบริการ 1. ความพงึ พอใจของผู้เรยี นในการดูแล 1. จานวน/สถติ ผิ ูท้ ี่จบการศกึ ษา ชว่ ยเหลอื ผ่านกิจกรรมโฮมรมู ในแตล่ ะช่วงเวลา 2. จานวน/สถิตผิ ้ทู ไ่ี มส่ าเร็จการศึกษา 2. ความพึงพอใจของผปู้ กครองในการส่งเสรมิ 3. จานวน/สถิตผิ ตู้ ้องออกกลางคนั ความสัมพนั ธร์ ะหว่างบา้ นกับสถานศึกษา 4. ศึกษาเหตุปจั จัยของการไม่สาเรจ็ การศึกษา การประชุมครผู ู้ปกครองช้นั เรียน หรือต้องออกกลางคัน 3. ประโยชน์ที่ผู้เรียนได้รบั ในชว่ งเวลา 5. จานวน/สถิตผิ ทู้ ส่ี ามารถเข้าศกึ ษาตอ่ การจดั กิจกรรมแนะแนวกลมุ่ ในชนั้ เรยี น หรือทางานอาชพี ต่างๆ ตามความประสงค์ 4. ความตอ้ งการบริการสนเทศ เพื่อสนองตอบ 6. ผ้ทู ่ปี ระสบความสาเรจ็ ในอาชีพ ปญั หาของผู้เรียนท่ีรับบริการ 7. ผูท้ ป่ี ระสบปัญหาในการเรียนและศกึ ษาตอ่

307 การติดตามผลระหวา่ งการบรกิ าร การตดิ ตามผลเมอ่ื ยตุ ิบรกิ าร 5. ความตอ้ งการและความพึงพอใจในการรบั 8. ศิษย์เกา่ ท่ตี ้องการความชว่ ยเหลือ บรกิ ารปรึกษาเชิงจติ วิทยาด้านตา่ งๆ หรือศิษยเ์ ก่าดเี ดน่ 6. ความพึงพอใจและความคดิ เห็นตอ่ บริการ 9. กจิ กรรมและโครงการตา่ งๆ ทีไ่ ดจ้ ัดบริการ ซ่อมเสรมิ ทางการเรยี นสาหรับผู้เรยี น ให้ผู้เรยี นมีปัญหา อปุ สรรคใดทีจ่ ะต้อง กลุ่มเสยี่ ง ปรับปรุงตอ่ ไป เพ่อื ใช้เวลาและงบประมาณ 7. ความพึงพอใจต่อโปรแกรมการพัฒนาชวี ิต อย่างคุ้มคา่ อาชพี และความต้องการเพ่ิมเติม 10. ข้อมูลย้อนกลบั จากหนว่ ยงาน 8. จานวนและสถติ ิผู้เรียนทีไ่ ม่ผ่านเกณฑ์ และสถานศกึ ษาทศี่ ิษย์เกา่ เก่ยี วข้อง การเรียนแตล่ ะกล่มุ สาระในแต่ละภาค ในทนี่ ่าภาคภมู ิใจ และในแงท่ ี่สถานศกึ ษา การศกึ ษา พึงปรบั ปรุงและพัฒนาต่อไป วธิ ตี ดิ ตามประเมนิ ผลงานแนะแนวอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 1. ศกึ ษาให้เข้าใจเป้าหมายของงานอย่างถ่องแท้ 2. ถ้าเป็นโครงการควรกาหนดผู้รับผิดชอบ คณะกรรมการดาเนินงาน ร่วมวางแผน ขอบข่ายการติดตามประเมินผล การเลือกใช้วิธกี ารและเคร่ืองมือ งบประมาณ ช่วงเวลาดาเนินการ แต่ถ้าเป็นบุคคล จะติดตามผลจากผู้รับบริการและผู้เก่ียวข้อง ใช้วิธีการอย่างน้อย 2 วิธี เพ่ือให้ได้ ข้อมลู กระจา่ งชดั เช่น การสังเกต และแบบสอบถาม เปน็ ต้น 3. เกบ็ รวบรวมข้อมูล และวิเคราะหข์ อ้ มูลอย่างเป็นระบบ สรุปประเด็นทีค่ ้นพบใหช้ ัดเจน และให้ข้อเสนอแนะในการนาผลไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนต์ อ่ ผรู้ ับบรกิ าร 4. จดั ทารายงานติดตามประเมนิ ผล โดยกาหนดรูปแบบทช่ี ่วยใหผ้ ้เู กี่ยวขอ้ งเข้าใจงา่ ย เช่น การเสนอรายงานอย่างยอ่ ในทปี่ ระชุม การเสนอรปู แบบแผนภูมิ ผังความคดิ ตาราง ภาพประกอบการ บรรยาย ฯลฯ 5. ในการติดตามประเมินผลผู้รับบริการให้ละเอียดทุกขั้นตอน น่จะใช้วิธีศึกษารายกรณี (Case Study) และถ้าตอ้ งการให้ผลน้นั เป็นองค์ความรู้ท่จี ะนาเสนอขอผลงานยกระดับวิทยฐานะได้ ก็นา่ จะใชว้ ิธวี ิจยั

308 ตวั อย่างเครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการตดิ ตามผล ตวั อย่างแบบสัมภาษณ์ โครงการสปั ดาห์แนะแนวการศึกษา เพศ □ ชาย □ หญงิ □ ม.3 ชั้นเรียน □ ม.1 □ ม.2 □ ม.6 □ ม.4 □ ม.5 □ นานเกินไป ความคดิ เห็นเก่ียวกับโครงการสปั ดาห์แนะแนวการศึกษา □ นานเกินไป ระยะเวลา □ น้อยไป □ ปานกลาง ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับ □ น้อยไป □ ปานกลาง สิ่งทอ่ี ยากใหป้ รบั ปรงุ ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะอื่นๆ ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ...................................................... ลงชือ่ ผูส้ ัมภาษณ์ () ...................................................... วัน/เดือน/ปี

309 ตัวอย่างแบบสอบถาม แบบสอบถามเพอ่ื การประเมนิ ผลงานแนะแนวของโรงเรียน คาช้แี จง แบบสอบถามน้ีมี 2 ตอน ตอนท่ี 1 โปรดตอบคาถามโดยกาเครื่องหมาย  หนา้ ขอ้ ความท่ีตรงกับความรู้สึกของทา่ น เพื่อฝา่ ย แนะแนวจะได้ขอ้ มลู ของท่านมาเปน็ แนวทางในการพัฒนางานแนะแนวของโรงเรยี นต่อไป ขอ้ ความ ระดบั ความพอใจ หมายเหตุ มากท่สี ดุ พอประมาณ น้อย 1. บรกิ ารศึกษาและรวบรวมข้อมลู ผู้เรยี น เป็นรายบุคคล .............. .............. .............. ...................... .............. .............. .............. ...................... 1.1 ช่วยใหร้ จู้ กั และเข้าใจตนเอง 1.2 ช่วยใหม้ ีการพัฒนาด้านการปรับตวั .............. .............. .............. ...................... 1.3 ชว่ ยใหม้ ีการเตรยี มตัวด้านการศึกษา .............. .............. .............. ...................... การเลอื กแผนการเรยี น .............. .............. .............. ...................... 1.4 ชว่ ยให้มีการเตรยี มตัวดา้ นอาชพี 1.5 ช่วยให้มกี ารพฒั นาปรัชญาชีวิต .............. .............. .............. ...................... 2. บรกิ ารสนเทศ .............. .............. .............. ...................... 2.1 การจัดปฐมนเิ ทศ 2.2 การจัดปจั ฉิมนเิ ทศ .............. .............. .............. ...................... 2.3 การจดั ปา้ ยสนเทศดา้ นการศกึ ษา .............. .............. .............. ...................... อาชพี ส่วนตัวและสงั คม .............. .............. .............. ...................... 2.4 การจัดรายการเสยี งตามสาย 2.5 การจดั ทาจลุ สารแนะแนวของ .............. .............. .............. ...................... โรงเรยี น .............. .............. .............. ...................... 2.6 การจดั ทศั นศกึ ษานอกสถานท่ี .............. .............. .............. ...................... 2.7 การจัดทาคมู่ ือผเู้ รยี น .............. .............. .............. ...................... 2.8 การจัดป้านนิเทศ .............. .............. .............. ...................... 2.9 กจิ กรรมโฮมรมู 2.10 กิจกรรมเสริมหลกั สตู ร

310 ข้อความ ระดบั ความพอใจ หมายเหตุ มากท่สี ดุ พอประมาณ น้อย 3. บริการใหค้ าปรึกษา 3.1 การใหค้ าปรกึ ษารายบคุ คล .............. .............. .............. ..................... 3.2 การให้คาปรกึ ษาเปน็ กลมุ่ .............. .............. .............. ..................... 3.3 ระยะเวลาในการรับคาปรกึ ษา .............. .............. .............. ..................... 3.4 สถานทใี่ นการใหค้ าปรกึ ษา .............. .............. .............. ..................... 3.5 คุณสมบัตขิ องผใู้ หค้ าปรึกษา .............. .............. .............. ..................... 4. บริการจดั วางตัวบุคคล .............. .............. .............. ..................... 4.1 การใหท้ ุนการศึกษา .............. .............. .............. ..................... 4.2 การใหท้ ุนโครงการอาหารกลางวัน .............. .............. .............. ..................... 4.3 การจดั หางานพเิ ศษในเวลา .............. .............. .............. ..................... 4.4 การจดั หางานพเิ ศษนอกเวลา .............. .............. .............. ..................... 4.5 การเลือกกิจกรรมเสรมิ หลกั สูตร ตอนที่ 2 โปรดแสดงความคดิ เห็น ขอ้ เสนอแนะ เพื่อเปน็ แนวทางในการปรับปรงุ งานแนะแนว 2.1 ทา่ นมีความเห็นวา่ กจิ กรรมใดท่ีควรยกเลิก พร้อมทั้งอธบิ ายเหตผุ ล ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... 2.2 ท่านมคี วามเห็นวา่ กจิ กรรมใดท่คี วรใหบ้ ริการแกน่ กั เรียนมากขึน้ ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... 2.3 ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................

311 ตวั อยา่ งไปรษณยี บัตรการตดิ ตามผล ด้านหน้า คาชแี้ จง โรงเรียนมีความสนใจในความเป็นไปของ เรยี น นักเรียนเป็นอย่างยิ่งว่า นักเรียนศึกษาต่อหรือ หวั หนา้ ฝา่ ยแนะแนว ทางานท่ีใด และถ้านักเรียนต้องการให้โรงเรียน โรงเรยี น.................................................. ช่วยเหลือในเรื่องใดขอให้แจ้งหัวหน้าฝ่าย ถนน........................................................ แนะแนวให้ทราบ โดยกรอกข้อความหลัง อาเภอ..................................................... ไปรษณียบัตร และส่งกลบั คนื มาที่โรงเรียนทันที จงั หวดั .................................................... หวงั วา่ จะไดร้ บั ความรว่ มมือดว้ ยดี รหสั ........................................................ หน่วยแนะแนวโรงเรยี น........................... ด้านหลัง ช.4001 ขา้ พเจ้าชือ่ ....................................................นามสกุล...................................................................... สาเรจ็ จากโรงเรยี นในปกี ารศึกษา..................................................................................................... ทีอ่ ย่ปู จั จุบัน...................................................................................................................................... ข้าพเจ้าศึกษาต่อท่.ี ........................................................................................................................... สายวชิ าท่ศี ึกษา.................................................................................................................... ข้าพเจา้ ประกอบอาชพี ที่.................................................................................................................. ตาแหน่ง.................................................อัตราเงินเดอื น....................................................... อืน่ ๆ (โปรดระบ)ุ ............................................................................................................................... ส่งิ ทต่ี ้องการใหท้ างโรงเรยี นชว่ ยเหลอื .............................................................................................. ......................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................

312 ตัวอย่างแบบสอบถามนายจา้ ง/หวั หน้างาน คาชี้แจง คาตอบของท่าน คือข้อมูลทเี่ ปน็ ประโยชน์อยา่ งยงิ่ ตอ่ การปรบั ปรงุ บริการแนะแนวของ โรงเรียนและเพ่อื พัฒนาเยาวชนใหเ้ ป็นคนทมี่ ีคณุ ภาพยิง่ ข้ึน โปรดสละเวลาอันมีคา่ ของทา่ น ตอบคาถามขา้ งลา่ งน้ี ชอ่ื สถานท่ที างาน............................................................................................................................. ที่ตง้ั ................................................................................................................................... โทรศัพท.์ ........................................................................................................................... นักเรียนช่ือ.................................................นามสกลุ ......................................................... ความสามารถในการปฏิบตั ิงาน □ ดี □ พอใช้ □ ควรแกไ้ ข ผลการปฏบิ ตั ิงาน □ ไมเ่ ปน็ ที่พอใจ เพราะ............................................................ □ พอใจ เพราะ............................................................. ทา่ นมขี ้อเสนอแนะอะไรบ้างทจี่ ะช่วยให้โรงเรียนเตรยี มนักเรยี นท่ีจะมาปฏิบัติงานกับท่าน ให้มีประสิทธภิ าพยิง่ ขึ้น..................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................... ตาแหน่ง.............................................. วนั ท่.ี ................................................... ด้วยความขอบคณุ อย่างยงิ่ ฝ่ายแนะแนว โรงเรียน.......................................................

313 ตวั อย่างแบบบันทึกการให้คาปรกึ ษา วันท.ี่ ............. เดอื น............................... พ.ศ. ................... เรมิ่ เวลา................................... น. ถึงเวลา............................... น. การใหค้ าปรกึ ษาครง้ั ท.ี่ ............... 1. ขอ้ มลู สว่ นตวั ของนกั เรยี น ช่อื -นามสกุล................................................................. (ชอื่ จรงิ หรือแฝง ตามความเหมาะสม) และ ต้องเกบ็ เป็นความลับ เพศ ( ) ชาย ( ) หญิง อาย.ุ ........................... ปี ศกึ ษาอยูใ่ นชั้น............................................................. 2. สาเหตุ/ความตอ้ งการทมี่ าขอรบั คาปรึกษา...................................................................................... ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ 3. ปญั หาทพ่ี บ...................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ 4. ผลกระทบทเี่ กิดจากปัญหาดงั กล่าว................................................................................................. ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ 5. แนวทางการใหค้ วามช่วยเหลอื ........................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ 6. การนัดหมายครัง้ ต่อไป (ถ้าม)ี ......................................................................................................... ลงชอ่ื ................................................................ (.................................................................) ผู้ให้คาปรกึ ษา หมายเหตุ.............................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................

314 ตัวอยา่ งแบบบนั ทึกการตดิ ตามผลการใหค้ าปรกึ ษา (ฉบบั ครูแนะแนว) นักเรยี นช่ือ-สกลุ ........................................................................ ช้ัน........................ เลขท่.ี ................... ทีอ่ ยู่ ...................................................................................................................................................... โทรศัพท์ ............................................................................................................................................... ผูป้ กครองชอ่ื .......................................................................................................................................... โทรศัพท์ทีท่ างาน.................................................... โทรศพั ท์ทบี่ ้าน...................................................... วนั เดอื น ปี / เรือ่ งที่ วธิ กี าร ผลการติดตาม ช่อื ผ้ตู ดิ ตามดแู ล จานวนคร้งั ติดตามดูแล ติดตามดแู ล คร้งั ท่ี 1 ครัง้ ที่ 2 ครั้งที่ 3 คร้ังท่ี 4 สรุปผลการตดิ ตาม............................................................................................................................... .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................

315 ตวั อย่างแบบบันทกึ ปริมาณของผู้มาขอรับคาปรกึ ษา (ฉบบั ครแู นะแนว) วัน/เดอื น/ปี ชือ่ -สกลุ นักเรียน ปญั หา แนวทาง/วธิ ีการ หมายเหตุ ช่วยเหลือแกไ้ ข สรุปปริมาณของผู้มาขอรับคาปรกึ ษา ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................

316 ตวั อยา่ งแบบบันทึกผลการประสานความร่วมมอื กบั ผเู้ กี่ยวข้องในการชว่ ยเหลือนกั เรยี น (ฉบับครแู นะแนว) นักเรียนชื่อ-สกุล........................................................................... ชั้น..................... เลขท่ี..................... ลกั ษณะของปัญหา □ การเรยี น □ การปรับตัว □ บุคลกิ ภาพ □ พฤติกรรม □ อืน่ ๆ (ระบุ) .................................................................. วนั /เดือน/ปี ผเู้ กี่ยวขอ้ ง แนวทาง/วธิ ีการช่วยเหลอื แกไ้ ข หมายเหตุ ผบู้ นั ทกึ ...............................................................

317 ขอบข่ายของบรกิ ารตดิ ตามผล บรกิ ารติดตามผล เป็นบริการทต่ี ้องการใหค้ รอบคลมุ บรกิ ารทัง้ 4 ด้านทก่ี ลา่ วมากอ่ นหนา้ น้ี ดงั มรี ายละเอยี ดของแตล่ ะบริการ ดังน้ี 1. บริการศึกษาและรวบรวมข้อมูลผู้เรียนเป็นรายบุคคล เป็นการติดตามผลผู้เรียนที่ เล่อื นไปสรู่ ะดับชั้นที่สูงข้ึน เช่น จากมธั ยมศกึ ษาตอนต้นไปส่มู ัธยมศึกษาตอนปลาย จากประถมศกึ ษา ขึ้นสู่มัธยมศึกษา เป็นต้น เพอ่ื จะได้ศึกษาพัฒนาการของผเู้ รียนอย่างต่อเนอื่ ง ในเชิงปฏบิ ัติ การส่งต่อ ข้อมลู รายบคุ คลของผู้เรียนจะทาภายใต้ระบบการดูแลช่วยเหลือผูเ้ รยี น โดยครูท่ีปรกึ ษาของผูเ้ รียนใน ระดับชนั้ ที่ตา่ กว่าจะสง่ มอบแฟ้มขอ้ มลู ผเู้ รยี น (แฟ้มระบบการดูแลช่วยเหลอื ผูเ้ รยี น) ให้ครทู ีป่ รกึ ษาใน ระดับช้นั ท่สี ูงขน้ึ กอ่ นปกี ารศึกษาถดั ไป 2. บริการสนเทศ ภายหลังการให้ข้อสนเทศแกผ่ ูเ้ รยี นแล้ว ควรมีการตดิ ตามผลว่าผู้เรยี น ไดร้ ับข่าวสารโดยท่ัวกันหรือไม่ มปี ัญหาอุปสรรคในการสื่อสาร หรอื จาเป็นต้องเปล่ยี นวิธกี ารส่อื สาร หรือไม่ ข้อมูลทันต่อเหตกุ ารณห์ รือไม่ ข้อมลู บางอยา่ งมีกาหนดระยะเวลาในการทางาน เช่น การส่ง ทุนการศึกษา โควตาการศึกษาต่อ เป็นต้น และติดตามผลว่าได้ดาเนินการลุล่วงตามเวลาที่กาหนด หรือไม่ 3. บริการให้คาปรึกษา เป็นงานที่ละเอียดอ่อนและจาเป็นต้องมีการติดตามผลอย่างยิ่ง เพราะครูแนะแนวต้องติดตามพฒั นาการของผู้รับคาปรึกษา โดยจัดทาบนั ทึกการใหค้ าปรกึ ษาของแต่ ละบคุ คลแลว้ แตล่ ะกรณี โดยปกติแล้วการให้คาปรึกษาในทุกกรณตี ้องมีการติดตามผล เพือ่ ตรวจสอบ ผลการให้คาปรึกษาว่า ผู้เรียนที่มารับบริการมีพัฒนาการเป็นที่น่าพอใจหรือไม่ ส่วนมากการให้ คาปรึกษาจาเป็นตอ้ งทาหลายครง้ั เพอ่ื ชว่ ยใหผ้ ูเ้ รียนคอ่ ยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทศั นคติ สร้างความ เข้มแข็งในการดาเนินชวี ิต และสามารถดาเนนิ ชวี ติ ต่อไปได้อย่างเปน็ สุข การติดตามผลการให้คาปรึกษา ต้องพิจารณาว่าผู้เรียนได้ทาตามข้อตกลงในการให้ คาปรกึ ษาหรือไม่ ไดผ้ ลเป็นอยา่ งไร ครูแนะแนวสามารถตดิ ตามผลจากผขู้ อรับคาปรกึ ษาโดยตรง หรอื จากบุคคลอน่ื ๆ ทเี่ ก่ียวข้อง เชน่ เพอื่ นร่วมชั้น ครผู ้สู อน ครทู ่ีปรึกษา ผู้ปกครอง ในกรณที ี่เปน็ การให้ คาปรกึ ษาโดยผูเ้ รียนที่ครทู ่านอ่ืนสง่ มา ครูแนะแนวควรรายงานความคืบหน้าใหค้ รูทา่ นน้ันทราบ เพ่ือ รว่ มกันดูแลช่วยเหลือตอ่ ไป 4. บริการจัดวางตัวบุคคล เป็นบริการท่ีจัดโอกาสหรือส่งเสริมให้เรียนได้ร่วมกิจกรรม ต่างๆ ตามความต้องการ ความสามารถ ความสนใจ ความถนัด เพ่ือพัฒนาตนเต็มตามศักยภาพท้ัง ดา้ นการศึกษา การประกอบอาชพี การดารงชีวิตอยใู่ นสังคม ดังนี้ 4.1 ด้านการศึกษา ในเรื่องการศึกษาต่อ ครูแนะแนวต้องติดตามผลผู้เรียนท่ีจบ หลักสูตรเกี่ยวกับสถาบันที่ไปศึกษาต่อ การทางาน ฯลฯ เพ่ือเป็นสารสนเทศในการพัฒนาคุณภาพ

318 การศึกษาต่อไป ส่วนในบริการทุนการศึกษา จาเป็นต้องติดตามผลผู้เรียนท่ีได้รับทุนว่า หลังจากท่ี ได้รับทนุ ไปแลว้ ได้นาเงนิ ไปใชเ้ พอื่ การเรยี นหรือไม่ ท้งั ยังต้องตดิ ตามผลการเรียน และความประพฤติ ของผู้เรยี นทไี่ ดร้ ับทนุ ว่าเหมาะสมในการรับทนุ ครั้งตอ่ ไปหรือไม่ เมือ่ ตดิ ตามผลแล้ว ต้องแจ้งให้ผ้มู อบ ทนุ ทราบเปน็ รายกรณไี ป 4.2 ด้านอาชีพ ส่วนใหญ่แล้วจะเก่ียวข้องกับการหางานพิเศษให้ผู้เรยี น เช่น การส่ง ผูเ้ รยี นไปทางานในห้างสรรพสินคา้ รา้ นอาหาร โรงแรม โดยแต่ละงานตอ้ งการผู้เรียนท่ีมีคุณลักษณะ ต่างกันไป ก่อนท่ีจะส่งผู้เรียนไปทางาน ครูแนะแนวต้องให้ข้อมูลท่ีจาเป็นแก่ผู้เรียน รวมท้ั งให้ ผู้ปกครองของผู้เรียนรบั ทราบและยอมรับ หลังจากส่งผู้เรียนไปทางานแล้วจะต้องติดตามผล ทั้งจาก ตวั ผ้เู รียนและผจู้ า้ งงาน ว่ามีอปุ สรรคใดหรือไม่ ได้คา่ ตอบแทนตามที่แจ้งไว้หรอื ไม่ เพ่อื ใชเ้ ปน็ ข้อมลู ใน การประสานงานในปีตอ่ ไป 4.3 ด้านสว่ นตัวและสังคม เป็นการติดตามผลการจัดโครงการ กิจกรรมต่างๆ ที่เป็น การส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเองดีขึ้น เกิดทักษะทางสังคม สามารถวางตัวในสังคมไทยได้ อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมกับโอกาสและสถานที่ วา่ เมื่อผ้เู รียนได้รับบริการไปแล้วเกดิ ผลอยา่ งไรบา้ ง ประโยชนข์ องบรกิ ารติดตามผล งานแนะแนวเป็นกระบวนการท่ีมีระบบต่อเน่ือง มีเป้าหมาย มีข้ันตอนการดาเนินการ ชัดเจน สามารถติดตาม ตรวจสอบเป้าหมายและประเมินผลสัมฤทธ์ิ และคุณภาพของงาน ปัญหา อปุ สรรค ท่ีเกิดข้ึนในระหว่างการทางานได้ แต่ละช้ันตอนมีจุดเด่น จุดด้อย ที่ควรนามาพิจารณาใน การพัฒนาหรือปรับปรุงแก้ไขต่อไป ถา้ ไม่ติดตามผล งานอาจชะงักและเกิดผลเสียหายแก่ผู้เรียนหรือ ผเู้ กี่ยวข้องโดยตรง ซึง่ อาจเป็นผลร้ายกระทบต่อสงั คมและประเทศชาติอย่างคาดไม่ถงึ ผลการติดตามประเมินงานแนะแนวที่มีต่อการพัฒนานักเรียน พัฒนางาน และพัฒนาครู มดี งั น้ี ตารางท่ี 6.3 ผลการติดตามประเมนิ งานแนะแนวทมี่ ีตอ่ การพฒั นานักเรยี น พฒั นางาน และพฒั นาครู การพัฒนาผเู้ รยี น การพฒั นางาน การพัฒนาตนเอง (ครูหรือผแู้ นะแนว) 1. ผเู้ รยี นรู้-เขา้ ใจตนเอง 1. นาข้อมลู มาพฒั นางานบรหิ าร 1. มีข้อมูลท่ีมีคุณค่าสาหรับใช้ ยอมรบั ตนเอง การบรกิ าร 5 บริการ การจดั ทา จดั บริการแนะแนวได้เหมาะกับ หลักสูตรการสอนผ้เู รยี น ผูเ้ รียน การสอนกจิ กรรมแนะแนว

319 การพัฒนาผู้เรียน การพัฒนางาน การพัฒนาตนเอง 2. สามารถปอ้ งกนั และ 2. กอ่ ให้เกิดการปรบั เปลี่ยน (ครูหรอื ผแู้ นะแนว) แก้ไขปญั หาได้ด้วยตนเอง แผนงานเป็นรปู ประธรรม 2. ไดข้ อ้ มูลสาหรับช่วยวางแผน อนาคต เชน่ การเลือกศึกษาตอ่ 3. รูจ้ กั เลือกอย่างฉลาด 3. งานเปน็ ระบบท่อี า้ งองิ ได้และ เลือกกลมุ่ เรยี น เลอื กประกอบ และตัดสนิ ใจอยา่ งมี นา่ เช่อื ถือ เช่น เกณฑก์ าร อาชีพ เหตผุ ล ประเมนิ ที่ชดั เจน การบนั ทกึ 3. ไดร้ ับประสบการณ์ วธิ ีแกไ้ ข ข้อมลู ทท่ี นั สมยั และป้องกนั ปัญหา 4. สามารถปรับตนและ 4. ไดเ้ ครอื ขา่ ย ดารงชวี ติ ในสงั คมได้อย่าง 4. ได้สร้างแบบอยา่ งและเป็น ปกติสขุ 5. ชว่ ยให้งานดาเนินต่อไปได้ ความภาคภูมิใจของคนทกุ คนที่ แม้จะมกี ารเปล่ียนครหู รอื เกย่ี วขอ้ ง เช่น เยาวชนดีเดน่ 5. พึง่ ตนเองได้ ผู้แนะแนว ศษิ ย์เกา่ เกียรติยศ 5. สร้างองคค์ วามร้ใู หม่ นาไปสู่ การขอเพม่ิ วทิ ยฐานะได้ นอกจากนี้ พนม ล้มิ อารยี ์ (2548, น. 238) ไดก้ ลา่ วถงึ ประโยชนข์ องบรกิ ารติดตามผล ดงั นี้ 1. ทาให้ผู้เรียนไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื เพมิ่ เตมิ ทจ่ี าเป็นทนั ท่วงที 2. ทาใหท้ างสถานศึกษาสามารถประเมินคุณค่าของบริการและกิจกรรมต่างๆ ท่ีจัดให้กับ นกั เรียนไดอ้ ยา่ งแมน่ ยาและเทย่ี งตรง 3. ทาให้ทางสถานศึกษาได้รบั ข้อมูลเก่ียวกับการศึกษาและประกอบอาชีพของผู้เรียน ซึ่ง จะเป็นประโยชน์ตอ่ การแนะแนวผู้เรยี นรุ่นตอ่ ไป 4. ทาให้ทางสถานศกึ ษาได้ทราบว่าผู้เรียนของตนที่ออกจากสถานศึกษาไปแล้วประสบกับ ปญั หาเรือ่ งอะไรบา้ ง จะไดเ้ ตรยี มการปอ้ งกันผู้เรยี นท่จี ะจบรุ่นตอ่ ไปไมใ่ ห้เกดิ ปัญหาเช่นนัน้ อีก 5. ทาให้ทางสถานศึกษาได้ทราบว่า นายจ้างหรือผู้บริหารสถานศึกษาช้ันสูงท่ีผู้เรียนไป ทางานหรือศึกษาต่อมีความคิดเห็นต่อผู้เรยี นท่ีสาเรจ็ การศึกษาจากสถานศึกษาของตนอย่างไรบ้าง เพือ่ จะได้ปรบั ปรงุ ใหม้ ีความเหมาะสมมากย่ิงข้ึน

320 การวจิ ัยทางการแนะแนว ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพของการจัดบริการแนะแนวที่สาคัญ คือ ความรู้ ความสามารถของครูหรอื ผแู้ นะแนวในการที่จะจัดบรกิ ารแนะแนว เพ่อื ให้ความชว่ ยเหลือผู้เรียนบรรลุ ตามวัตถุประสงค์ วธิ ีทจี่ ะพฒั นาความรแู้ ละทกั ษะของครูหรอื ผู้แนะแนวมหี ลายวธิ ี เช่น การได้รับการ ฝึกอบรม การเข้ารับการศึกษาต่อเพ่ือให้ได้วุฒิสูงขึ้น การศึกษาดูงาน การนิเทศโดยศึกษานิเทศก์ การประเมินผลการทางานเป็นระยะๆ การนาผลการวจิ ัยโดยผอู้ นื่ มาเปน็ ตวั กระตุ้น หรอื การใหค้ รูหรือ ผู้แนะแนวทาวิจัยเอง ซ่ึงวิธหี ลังสุดนี้กาลังไดร้ ับความนิยม เพราะเป็นตัวเชอ่ื มระหว่งทฤษฎีทางการ แนะแนวกบั ภาคปฏบิ ตั จิ ริงในสถานศึกษา ปญั หาทเี่ กดิ ขึน้ คอื การทน่ี ักวิจยั จะพยายามทาความเขา้ ใจ กับปัญหาการจัดบริการแนะแนวในสถานศึกษา นับเป็นส่ิงท่ียากเพราะปัญหาต่างๆ นั้นผู้ท่ีรู้ดี คือ ครูหรอื ผู้แนะแนวในสถานศึกษานั่นเอง เพราะฉะน้นั จึงมคี วามจาเป็นท่คี รูหรอื ผู้แนะแนวควรมีความรู้ ความเข้าใจในการท่ีจะนาผลการวิจัยมาใช้และสามารถท่จี ะทาการวจิ ยั ได้ด้วยตนเอง ซง่ึ รายละเอียด ของการวิจยั ทางการแนะแนว (Research in Guidance) มสี าระสาคญั สรปุ ได้ดงั น้ี ความหมายของการวิจัยทางการแนะแนว การวิจัยทางการแนะแนว หมายถึง กระบวนการศึกษาค้นคว้า แสวงหาความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกบั การจดั บรกิ ารและโครงการต่างๆ ทางการแนะแนว ทมี่ รี ะบบแบบแผน เช่ือถอื ได้ เพ่ือใหไ้ ดม้ า ซึ่งความรหู้ รือแนวทางในการปฏบิ ัติ ในการแก้ไขปัญหา การป้องกนั ปัญหา และการพฒั นาพฤติกรรม ท่ีพึงประสงค์ และการนาผลการวิจัยไปใช้ จุดมุง่ หมายของการวิจัยทางการแนะแนว 1. เพื่อการแสวงหาความรูแ้ ละสร้างองค์ความร้ใู หมท่ างการแนะแนวให้สอดคลอ้ เหมาะสม กบั สภาพทางวัฒนธรรมของสงั คม 2. เพ่ือเปน็ การทดสอบทฤษฎที ี่ผู้เชย่ี วชาญได้ศกึ ษาไวก้ ่อนแแล้ว เพ่อื กอ่ ใหเ้ กิดความม่ันใจ ในการนาไปปฏบิ ตั ิ 3. เพ่ือใหค้ รหู รอื ผู้แนะแนว และครอู ื่นๆ มคี วามเช้าใจในพฤติกรรมของผู้เรียนไดม้ ากขึน้ 4. เพื่อให้ผบู้ ริหารสถานศกึ ษานาความรเู้ กี่ยวกบั พฤตกิ รรมของผู้เรยี นไปใชใ้ นการวางแผน จัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน ให้การสนับสนุนบริการแนะแนวท่ีสถานศึกษาจัดข้ึน ส่งเสริม และพัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาใหม้ ีความรเู้ ก่ียวกบั การแนะแนว ตลอดจนใช้เป็นแนวทาง ในการพฒั นาสถานศกึ ษาใหม้ มี าตรฐานสูงขึ้น

321 5. เพื่อใหผ้ ู้ปกครองของผเู้ รียนและผู้เกีย่ วข้องกับผู้เรยี นไดต้ ระหนกั ถึงธรรมชาตขิ องผเู้ รียน ว่าควรปฏบิ ัติต่อผู้เรียนอย่างไร 6. เพอ่ื ชว่ ยในการจัดสภาพแวดลอ้ มที่มอี ิทธิพลตอ่ ตัวผู้เรยี นใหเ้ หมาะสมหรอื สอดคล้องกับ ตัวผู้เรียน ประเภทของการวิจัยทางการแนะแนว การวิจยั ทางการแนะแนว สามารถจาแนกเปน็ ประเภทต่างๆ ได้ดังน้ี 1. การวิจยั เชิงพรรณนา หรือการวิจัยเชงิ บรรยาย (Descriptive Research) อารี จาคอบส์ และราชาวีช (Ary, Jacobs, and Razavich, 1985, p. 26) ได้กล่าวถึง สาระสาคญั ของการวิจัยเชิงพรรณนาดงั นี้ การวิจัยเชิงพรรณา เป็นการวิจัยที่มุ่งศึกษาค้นคว้าขอ้ เท็จจริงเก่ียวกับเหตุการณ์ หรือ ปรากฏการณ์ต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนในปัจจบุ นั เพ่อื จะไดท้ ราบว่า เหตุการณ์หรือปรากฏการณน์ ้ันๆ มีรปู แบบ ของความสมั พนั ธ์ของตัวแปรเป็นอย่งไร เปน็ การวิจัยท่ีมุง่ ตอบคาถามว่า “เหตุการณ์ในขณะน้ีในเร่ือง นัน้ ๆ เป็นเชน่ ใด” หรือ “to tell what is” 1.1 ลกั ษณะสาคัญของการวจิ ัยเชงิ พรรณนา มีดังนี้ 1.1.1 เป็นการวิจยั ทไ่ี มใ่ ชก้ ารทดลอง ไม่มกี ารควบคมุ หรอื จดั กระทาต่อตวั แปร 1.1.2 เป็นการศึกษาตัวแปรที่เกิดขึ้น หรอื ท่ีมีอยู่แล้วกอ่ นการศึกษา เพื่อบรรยาย ตลอดจนการหาความสัมพนั ธร์ ะหว่างตวั แปรท่ศี ึกษา 1.1.3 เป็นการวิจัยที่เกย่ี วกับการหาเงื่อนไข และความสาคญั ที่เกิดข้ึนในการปฏิบัติ ความเช่อื ความคิดเห็น เจตคติ ค่านิยม ผลท่ีประจักษ์ ตลอดจนแนวโน้มที่เป็นอยู่ เพ่ือจุดประสงค์ท่ี จะบรรยายและแปลความหมายถึงลักษณะ และความสัมพันธน์ ้นั ๆ 1.2 ความมงุ่ หมายของการวจิ ัยชงิ พรรณนา เกย์ (Gay, 1987, p. 19) และพวงรัตน์ ทวีรัตน์ (2550, น. 28) ได้กล่าวถึงความ มุ่งหมายของการวิจยั เชิงพรรณาดังน้ี 1.2.1 เพ่ือรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับสภาพกรณ์ท่ีเป็นยู่ในปัจจุบันว่ามีชัอเท็จจริง อย่างไร 1.2.2 เพื่อนาข้อมูลในปัจจุบันไปตีความหมาย อธิบาย ประเมินผล และ เปรยี บเทยี บปรากฏการณต์ ่าง ๆ 1.2.3 เพื่อทีจ่ ะทราบความสัมพนั ธ์และแนวโน้มของเหตุการณ์ในปัจจุบัน 1.2.4 เพื่อสร้างเกณฑ์มาตรฐานของสิ่งท่ีได้ศึกษาเพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการ เปรียบเทียบ และเปน็ แนวทางในการแสวงหาความร้คู วามจริงตอ่ ไป

322 1.2.5 เพอื่ ทราบหลกั เหตุผล และการปฏิบัติ ตลอดจนปัญหาในปัจจุบนั เพือ่ หาทาง ปรบั ปรงุ ตอ่ ไป 1.3 ระเบียบวิธีวิจัยของการวิจัยเชิงพรรณนา ดาเนินตามขั้นตอนดังน้ี (Hadley and Mitchell, 1995, p. 20) 1.3.1 การระบุปัญหาเชงิ วิจัย โดยพิจารณาสภาพปัจจุบันขณะนน้ั ว่า มปี ัญหาอะไร และปัญหาใดเป็นปัญหาท่ีน่าสนใจ มีความจาเป็นเร่งด่วนท่ีจะต้องศึกษา และพิจารณาสภาพของ ปัญหา เพื่อจะได้เลือกใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงพรรณนาในลักษณะท่ีเหมาะสม เช่น ในลักษณะการ สารวจ การหาความสมั พนั ธ์ การเปรียบเทยี บหรือการศึกษาพฒั นาการ 1.3.2 การศึกษาวรรณกรรมท่เี กี่ยวข้องกับปัญหาเชงิ วจิ ยั หรอื หวั ขอ้ ปญั หา 1.3.3 การนิยามปัญหา โดยเริ่มจากการกล่าวถึงภูมิหลังอันเป็นท่ีมาของปัญหา การระบุจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ของการวิจัย ความสาคัญของการวิจัย ขอบเขตของการวิจัย ตัวแปรที่ศึกษา ข้อตกลงเบื้องต้น นิยามศัพท์ที่ใช้ในการวิจัย และการตั้งสมมุติฐานให้สอดคล้องกับ วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั 1.3.4 การกาหนดกรอบประชากรและออกแบบการสุ่มตัวอย่ง โดยพิจารณา แหล่งขอ้ มลู ของปัญหานัน้ ๆ เพ่อื ใหท้ ราบวา่ จะใชข้ อ้ มลู ชนดิ ใด จะเก็บข้อมลู จากใคร และได้ขอ้ มลู มา อย่างไร พร้อมทั้งศึกษาลักษณะประชากร เพื่อให้ทราบว่า จะเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีใดจึงจะ เหมาะสม และจะใชก้ ลุม่ ตัวอยา่ งขนาดเท่าใดจงึ จะเป็นตวั แทนประชากรได้ดที ี่สุด 1.3.5 การพฒั นาเคร่อื งมือเก็บรวบรวมข้อมูล และตรวจสอบคุณภาพของเครอื่ งมอื 1.3.6 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยนาเครอ่ื งมือท่ีไดต้ รวจสอบคุณภาพ จนแน่ใจวา่ มี คุณภาพทใ่ี ช้ไดไ้ ปเกบ็ รวบรวมข้อมลู 1.3.7 การพิจารณาเลอื กวิธกี ารและสถิติทเ่ี หมาะสมมาใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู 1.3.8 การนาเสนอผลวิเคราะห์ข้อมูล การแปลผล สรุปการวิจัย อภิปราย ผลการวจิ ยั และขอ้ เสนอแนะของผวู้ ิจัย จากผลการวิจัยท่พี บ เพอื่ นาผลการวิจยั ไปใช้ให้เปน็ ประโยชน์ และข้อเสนอแนะสาหรับการวจิ ยั ครัง้ ต่อไป 1.3.9 การเขยี นรายงานวิจยั และเผยแพร่ผลการวจิ ยั 1.4 ชนิดของการวิจัยเชิงพรรณนาท่ีนามาใช้ในการวิจัยทางการแนะแนว ส่วนมากการ วิจัยทางการแนะแนวจะใชก้ ารวจิ ยั เชิงพรรณนาชนดิ ต่างๆ ตอ่ ไปน้ี คือ การวิจยั เชิงสารวจ การวจิ ยั เชิง สหสัมพันธ์ การวจิ ัยเชิงพัฒนาการ และการศกึ ษารายกรณี ซึ่งการวิจัยแต่ละชนิดมีสาระสาคัญดังนี้ (Hardley and Mitchell, 1995, p. 30)

323 1.4.1 การวิจัยเชิงสารวจ (Survey Research) เปน็ การศึกษาลักษณะสภาพความ เป็นอยู่ของเรือ่ งใดเรื่องหนึ่ง หรอื ปรากฏการณใ์ ดปรากฎการณ์หน่ึงเพ่ือใหท้ ราบข้อเท็จจริง ซง่ึ จะทา ให้ไดแ้ นวทางในการวางแผนหรอื ปรับปรงุ สภาพทีเ่ ปน็ อยใู่ ห้ดีขึน้ ลักษณะสาคัญของการวิจัยเชิงสารวจ เป็นการวิจยั เพื่อค้นคว้าหาข้อเท็จจริง เร่อื งราว เหตุการณ์ หรือสงิ่ ท่เี ป็นอยู่ในสภาพทไี่ ม่มกี ารจัดกระทา เปน็ การศกึ ษาสภาพท่เี ป็นอยู่ขณะ ศกึ ษา มีสภาพเปน็ ปัจจบุ ันกาลสาหรับผู้วิจยั เชน่ การสารวจตวั แปรท่ีเกี่ยวข้องกบั ผลสมั ฤทธทิ์ างการ เรียนของผู้เรียน การสารวจเจตคติท่ีมีต่ออาชีพ การสารวจเอกลักษณ์แห่งตนของนักเรียนวัยรุ่น การสารวจการปรับตวั ทางอารมณข์ องนกั เรียน เป็นต้น ความมุ่งหมายของการวิจัยเชิงสารวจ มีความมุ่งหมายท่ีจะค้นคว้าหา ขอ้ เทจ็ จริงเกย่ี วกบั สภาพการณ์ ตลอดทั้งความสัมพันธ์ของตวั แปรหรือปรากฏการณต์ ่างๆ ในสภาพที่ เปน็ อย่ใู นขณะทาการศกึ ษาวจิ ยั ตัวอย่างการวิจัยทางการแนะแนวที่ใช้การวิจัยเชิงสารวจ เช่น การศึกษา ยทุ ธวิธีการเรียนและการศึกษาของนักเรียนวัยรุ่น (ผ่องพรรณ เกิดพิทักษ์ และคมเพชร ฉตั รศุภกุล, 2543) การศึกษาเร่ืองความเชื่อในความสามารถของตนกับการใช้ยุทธวิธีการเรียน (Freedman, 1996) การศึกษาเอกลักษณ์แห่งตนของนักเรียนวัยรุ่นตอนปลาย (จริยกุล ตรีสุวรรณ, 2542) การศกึ ษาเจตคตติ ่อการเรียนกลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 2 ทม่ี ี ระดบั ผลการเรียนต่างกัน (รตั นาภรณ์ รยิ ะปา่ , 2550) 1.4.2 การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ (Correlational Research) เชคเลอร์และบล๊อค (Shedler and Block, 1990 อ้างอิงใน Hadley and Mitchell, 1995) กลา่ วถึงสาระสาคญั ของการ วจิ ัยเชิงสหสัมพันธด์ ังนี้ การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์เป็นการวิจัยท่ีมุ่งศึกษาความสัมพันธ์ของตัวแปร 2 ตัวแปรหรอื มากกวา่ เพื่อศกึ ษาว่า ตวั แปรเหล่านน้ั มกี ารแปรผันคลอ้ ยตามกนั หรือตรงขา้ มกนั ลักษณะสาคัญของการวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ เป็นการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ ความสมั พันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัวแปรหรือมากกว่าว่า มีความสัมพันธ์กันมากน้อยเพียงใด ทิศทาง ของความสัมพันธ์เป็นไปในทางบวกหรือทางลบ ระดบั ความสัมพันธ์สูงหรือต่าเพยี งใด และลักษณะ ของความสัมพันธเ์ ปน็ เสน้ ตรงหรอื ไม่ ความมุ่งหมายของการวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ เพื่อจะได้ทราบความสัมพันธ์ ระหวา่ งตวั แปรตา่ งๆ ท่ีศึกษา และสามารถนาผลการศึกษามาใช้ประโยชน์ในเชิงทานาย ตัวแปรหน่ึง จากอีกตัวแปรหนึ่งท่พี บว่า มีความสัมพนั ธก์ ัน ตัวอย่างการวิจัยทางการแนะแนวท่ีใช้การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ เชน่ การศึกษา ปฏิสัมพันธ์ภายในครอบครัวกับเอกลักษณ์แห่งตนของวัยรุ่นเช้ือสายเมกซิกัน -อเมริกันว่า

324 มคี วามสัมพันธก์ นั เพยี งใด (Sandra Lee, 1995) การศกึ ษาความสมั พันธ์ระหวา่ งยทุ ธวิธกี ารเรียนและ ตัวแปรแรงจูงใจในการเรียน (Roces Montero, 1997) การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการอบรม เลยี้ งดูและสัมพันธภาพในครอบครวั (เสาวภา เบ็ญจพันธ์ุทวี, 2540) การศึกษาปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างครู เด็กเร่รอ่ น และเดก็ ปกติในโรงเรียนประถมศกึ ษา (ศาลินา บญุ เกอื้ , 2539) เปน็ ต้น 1.4.3 การวิจัยเชิงพัฒนาการ (Developmental Research) เกย์ (Gay, 1987, p. 193 - 194) ไดส้ รปุ สาระสาคญั ของการวิจยั เชงิ พฒั นาการดงั น้ี การวิจัยเชิงพัฒนาการ เป็นการวิจัยท่ีศึกษาความก้าวหน้าของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รวมถงึ การศึกษาการเปลี่ยนแปลงตา่ งๆ ทีเ่ กดิ ขึน้ ในช่วงเวลาตา่ งๆ ลักษณะสาคัญของการวิจัยเชิงพัฒนาการ เป็นการวิจัยท่ีมีจุดมุ่งหมายเพ่ือ ศึกษาการเจริญงอกงาม (Growth Studies) ด้านความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของมนุษย์ โดยคานงึ ถงึ การเปล่ียนแปลงของพฤตกิ รรมและความเจรญิ งอกงามโดยทั่วๆ ไปจากระดบั อายุหนง่ึ ไป ยังอีกระดับอายุหนึ่ง หรือศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียวกันในช่วงเวลาต่างกัน (Longitudinal Sudies) หรอื ศึกษาจากกลุ่มตวั อย่างต่างๆ กันหลายกลมุ่ ท่ีเป็นตัวแทนของแต่ละช่วงของพัฒนาการ ในขณะใดขณะหน่ึงพร้อมกัน (Cross Sectional Studies) นอกจากนี้ยังเป็นการศึกษาแนวโน้ม (Trend Studies) ของการเปลี่ยนแปลงเพื่อการพยากรณ์ว่า อะไรควรจะเกิดขึ้นในอนาคต ทาให้ ทราบอตั ราและทิศทางของการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างการวจิ ัยทางการแนะแนวท่ีใช้การวิจัยเชงิ พฒั นาการ เช่น การศึกษา ระยะยาวเกี่ยวกับการส่ือสารในครอบครัวที่มีต่อการปรับปรุงสัมพันธภาพในครอบครัว รวมท้ัง ด้านสุขภาพจิตและอารมณ์ โดยศกึ ษาจากสมาชิกครอบครวั เป็นระยะเวลา 10 ปี (Pearson, 1989) เปน็ ตน้ 1.4.4 การศึกษารายกรณี (Case Studies) การศึกษารายกรณี เป็นการศึกษา รายละเอียดต่างๆ ท่สี าคัญของหน่วยใดหน่วยหน่ึงของสังคม เชน่ บุคคล กลุ่ม ชุมชน สถาบัน เปน็ ต้น โดยศึกษารายละเอยี ดต่างๆ อย่างตอ่ เน่ืองกนั ไปเป็นระยะเวลาหน่งึ ตวั อย่างเช่น การศกึ ษารายกรณี การเสพยาบ้าของวัยรุ่น กรณีดังกล่าวนี้ จะต้องศึกษาปัญหาและสาเหตุที่ทาให้วัยรุ่นเสพยาบ้า ตลอดท้ังแนวทางในการดาเนนิ การชว่ ยเหลือ ป้องกัน และแก้ไข ลักษณะการวิจัยทางการแนะแนวที่ใช้การศึกษารายกรณี เป็นการวิจัยที่มี จุดมงุ่ หมายเพ่ือศึกษาสาเหตุของพฤติกรรมของบุคคลอยา่ งละเอียดในอดีตและปัจจุบัน เพือ่ ทานาย พฤติกรรมในอนาคต พฤติกรรมน้ันๆ อาจเป็นพฤตกิ รรมทีเ่ ป็นปัญหาหรือไม่กไ็ ด้ โดยรวบรวมขอ้ มูล ต่างๆ ของบุคคลน้ันมาจัดไว้เป็นระบบ เพื่อใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และวินิจฉัย ปัญหา เพอื่ ช่วยให้เข้าใจบคุ คลน้ันไดล้ ะเอยี ดยง่ิ ข้นึ ตลอดทัง้ ไดเ้ ขา้ ใจสาเหตขุ องปัญหาไดช้ ัดเจนยิง่ ขึ้น แล้วนาข้อมูลท่ีได้จากการศึกษามาพิจารณาวางแผนในการช่วยเหลอื แนะแนวให้การปรึกษา เพ่ือให้

325 บุคคลน้ันได้ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาสภาพชีวิตของตนให้สามารถดาเนินชวี ิตอยู่ในสังคมได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ ตัวอย่างการวิจัยทางการแนะแนวท่ีใช้การศึกษารายกรณี เช่น การศึกษา รายกรณีนักเรยี นทมี่ พี ฤตกิ รรมก่อกวนในชั้นเรยี น (ปนัดดา กรีมละ, 2547) โดยผ้วู จิ ัยได้ศึกษาสาเหตุ ทีท่ าใหนกั เรียนมพี ฤติกรรมกอกวนในช้นั เรยี น และการดาเนินการชวยเหลือ แกไขปญหา และปองกนั พฤติกรรมกอกวนในช้ันเรียน ผลการศึกษาพบว่า พฤติกรรมกอกวนในชั้นเรียน มีสาเหตุมาจาก สภาพครอบครัวแตกแยก สภาพแวดลอมทางสังคม การอบรมเลยี้ งดูท่ีไมเหมาะสม และพฤติกรรม การสอนของครู นอกจากน้ีผลการศึกษายังพบวา การศึกษารายกรณี สามารถทาใหนักเรียนมี การปรบั ตวั ในการดาเนนิ ชีวิตและการเรยี นไดอยางเหมาะสม 2. การวจิ ัยเชิงทดลอง (Experimental Research) การวจิ ัยเชิงทดลอง เป็นการวิจัยที่มุ่งศกึ ษาความสมั พนั ธ์เชงิ “เหตุ-ผล” ระหว่างตัวแปร อิสระและตวั แปรตามจากการทดลองท่ีมกี ารควบคมุ สภาพการณต์ ่างๆ ทีไ่ ม่เกย่ี วซอ้ ง การวิจัยเชิงทดลอง ยึดหลักของเหตุและผลตามข้อตกลงเบื้องต้นของวิธีการทาง วิทยาศาสตร์ กล่าวคือ มีความเชื่อว่า ปรากฎการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นโดยมีสาเหตุ เม่ือมีเหตุ ก็จะมีผล ตามมา แตอ่ ย่างไรก็ตาม ผลท่เี กิดข้ึนน้นั ไม่ไดม้ าจากเหตุน้ันแต่ประการเดยี ว อาจเกดิ จากเหตุอื่นๆ ที่ แทรกซ้อนเข้ามา ดงั นน้ั ถา้ สามารถควบคมุ เหตแุ ทรกซ้อนตา่ งๆ ที่อาจเกดิ ขึน้ ได้ทง้ั หมด ก็มคี วามหวัง ได้ว่า ผลท่ีเกดิ ข้ึนน้ันมาจากเหตุทคี่ าดคิดไวแ้ ต่แรกแต่ประการเดียว ดังนนั้ การวจิ ัยเชงิ ทดลอง จึงเน้น ท่ีควบคุมเหตุแทรกซ้อนหรือที่เรียกว่า ตัวแปรแทรกซ้อน (Extraneous Variable) นอกจากน้ี หาก ต้องการความมั่นใจเพื่อยืนยันผลที่ได้จากการวิจัยเชิงทดลองนั้น ผู้วิจัยสามารถทดลองซ้า (Replication) (พวงรัตน์ ทวรี ตั น์, 2550, น. 33-34; Gay, 1987, p. 259-263, 311) 2.1 ประเภทของการวิจัยเชิงทดลอง เม่ือพิจารณาตามลักษณะการออกแบบควบคุม สภาพการณ์ การทดลอง จาแนกเป็น 2 ประเภท คอื การวจิ ยั เชงิ ทดลองอย่างแทจ้ รงิ และการวิจยั เชิง กึ่งทดลอง ลักษณะสาคัญของการวจิ ัยเชิงทดลอง มีดังนี้ (ปรีชา เนาว์เย็นผล, 2536, น. 125- 127) 2.1.1 การวจิ ัยเชงิ ทดลองอย่างแท้จริง (True Experimental Research) เป็นการ วิจยั ท่ผี ู้วจิ ยั สามารถควบคุมตวั แปรภายนอกได้อยา่ งสมบูรณไ์ ม่ใหม้ อี ิทธิพลต่อการทดลอง แต่ควบคุม ให้สิ่งทดลองเท่านั้นท่ีมีอิทธิพลต่อผลการทดลอง กล่าวคือ ควบคุมการเปลี่ยนแปลงตัวแปรตาม ภายหลังการทดลองใหเ้ กิดจากตัวแปรอิสระอย่างแทจ้ ริง

326 การวิจัยเชิงทดลองอย่างแท้จริง มีจุดมุ่งหมายเพ่ือศึกษาความสัมพันธ์เชิง เหตุผล จากการเปรียบเทียบผลของการทดลองระหว่างกลุ่มทดลองซึ่งมีการให้สิ่งทดลอง กับกลุ่ม ควบคมุ ซ่งึ ไมม่ ีการใหส้ ิง่ ทดลอง 2.1.2 การวิจัยเชิงกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) การวิจยั ทางการ แนะแนวท่ีเน้นการทดลองนั้น ส่วนมากจะเป็นการวจิ ัยเชงิ กึง่ ทดลอง ซ่ึงเป็นการวิจัยที่ผู้วิจยั ควบคุม ตัวแปรภายนอกเพียงบางตัวเท่าน้ัน ตัวแปรภายนอกบางตัวที่ไม่มีการควบคุมอาจเป็นเพราะไม่ สามารถควบคุมได้ หรืออาจไม่ต้องการควบคุมก็ได้ ทั้งน้ีเพราะว่า การวิจัยทางการแนะแนวน้ัน เก่ียวข้องกับตวั แปรเป็นจานวนมาก จึงตอ้ งมีการยึดหย่นุ เกีย่ วกับการควบคุมตัวแปรภายนอก เพ่อื ให้ สภาพการณข์ องการทดลอง มีลักษณะคล้ายคลงึ กับธรรมชาติ ทาใหก้ ารสรุปอ้างอิงไปยังประชากรได้ กว้างขวางข้ึน นอกจากนี้ การวิจัยเชิงกึง่ ทดลองยงั เปน็ การวิจัยที่เหมาะสาหรบั การตรวจสอบทฤษฎี ทางการแนะแนว หรอื ทฤษฎีการปรึกษาสามารถนาไปประยกุ ต์ไชเ้ พ่ือปรับปรุง แก้ไข ตลอดท้ังพฒั นา พฤติกรรม เป้าหมายของบุคคลหรอื กลุม่ บคุ คลได้มากน้อยเพียงใด และมีปญั หาอะไร อย่างไรในการ นาไปปฏบิ ัติ 2.2 ระเบียบวิธีวิจัยของการวิจัยเชิงทดลอง การวิจัยทางการแนะแนวที่ใช้การวิจัย เชิงทดลอง โดยเฉพาะการวจิ ัยเชงิ กึง่ ทดลอง มีขั้นตอนที่สาคัญดงั น้ี 2.2.1 การกาหนดประเดน็ ปัญหาและภมู ิหลงั อนั เปน็ ทม่ี าของปัญหาทจ่ี ะทาการวจิ ยั 2.2.2 การศึกษาเอกสารและงานวิจัยทเ่ี ก่ยี วข้อง 2.2.3 การระบุวตั ถุประสงค์ของการวิจัย ความสาคัญของการวจิ ัย ขอบเขตของการ วิจัย ตัวแปรท่ีศึกษา นิยามศัพท์ที่ใช้ในการวิจัย และการต้ังสมมุติฐานให้สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ ของการวจิ ัย 2.2.4 การออกแบบการทดลอง การกาหนดการเลือกลุ่มตัวอย่าง เพ่ือเป็นกลุ่ม ทดลองและกลุ่มควบคมุ การกาหนดตัวแปรในการทดลอง และการควบคุมตวั แปรแทรกซ้อน 2.2.5 การสร้างเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และตรวจสอบคุณภาพของ เคร่อื งมอื 2.2.6 การดาเนินการทดลอง 2.2.7 การวเิ คราะห์ข้อมูลและแปลผล 2.2.8 การสรุปการวิจัย อภิปรายผลการวิจัย และข้อเสนอแนะของผู้วิจัยจาก ผลการวิจยั ท่พี บ 2.2.9 การเขียนรายงานผลการศกึ ษา คน้ ควา้ วจิ ยั