Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หอไตรล้านนา

Description: หอไตรล้านนา

Search

Read the Text Version

๗๐ วดั นาจา ๒๕ ไม้แกะ ดอกสบั ปะรด ผกั กาด ๗๑ วดั แม่แก้ดหลวง ๒๕ กระจก ๗๒ วัดสนั ป่าสกั ๒๖ กระจก ดอก ๑.กนก ๒.นาค ๗๓ วดั ท่าเกวยี น ๒๖ ปนู ปน้ั เทวดาครง่ึ ตน คาบ ซีเมนต์ พนมมอื บนหน้า กนก ๗๔ วดั ขา้ วแท่นนอ้ ย สงิ ห์ เปลว ๒๖ ปนู ๗๕ วดั ป่าลาน พระพุทธเจา้ ปาง ผกั กาด ๗๖ วัดหวั ฝาย ๒๖ มารวิชัย นั่งบน ๒๖ ไมแ้ กะ ดอกบวั พระพุทธเจ้า ปาง นาคปรก นั่ง บัลลงั กม์ ผี า้ ทพิ ย์ ดอกพดุ ตาน ผักกาด ๗๗ วดั เมอื งเล็น ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกบัว ไตรสรณะ ผักกาด ฉ ๗๘ วดั เมอื งวะ ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกสับปะรด ผักกาด ฉ ช่อื วดั พ.ศ.ว. หนา้ บนั ใบไม้ คร่ึง ครึง่ เทค ลาย ผกั กาด ๗๙ วัดปา่ แดด แรก หลงั นคิ ๘๐ วัดปา่ เหมือด ดอกพุดตาน ๘๑ วดั เมืองขอน ๒๕ ฉลุลาย ๘๒ วัดสนั พระเนตร ๒๖ ม้าตงั่ ไหม ๒๕ ดอกสับปะรด ๒๕ ไมแ้ กะ

ปนู นาค หลอ่ ปนู หงส์ หลอ่ 165 ฉลุลาย ราชวัตร ฉลุ เทวดายนื พนมมอื ดอกประจา ลาย เหนือหม่เู มฆ ยาม ฉลุลาย ราชวตั ร ดอกประจา ยาม ห้องเกบ็ ธรรม คันทวย เทค ลายผนัง เทค ลายประตู เทค ลักษณะ นิค นิค นคิ ไม้ ฉลุ แผงไม้ กนก ลาย

๘๓ วดั สันทรายหลวง ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกสบั ปะรด ผกั กาด กนก ๘๔ วัดกว่ิ แลหลวง ๒๖ กระจก เสมาธรรมจักร ผักกาด ๘๕ วัดท่าโปง่ ๒๕ ไม้แกะ ดอกบัว? กนก เปลว ๘๖ วดั ธรรมชัย ๒๕ กระจก ๘๗ วดั ร้องขุ้ม ๒๕ ๘๘ วดั หางดง ๒๕ ไม้แกะ ครฑุ ๘๙ วัดศรีเกดิ ๒๖ ไม้แกะ ดอกสบั ปะรด หนุ ผกั กาด มาน ๒ ตน ผกั กาด ๙๐ วัดสันป่าตอง ๒๕ ไม้แกะ ๑.ดอกพดุ ตาน ผกั กาด ๙๑ วัดอุเม็ง ๒๖ ปนู ปน้ั ๒.บวั และดอก ซีเมนต์ สบั ปะรด (คอกีด) ๙๒ วัดจาลอง ชอื่ วัด ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกพดุ ตาน พ.ศ.ว. ๙๓ วดั ศิรชิ ัยนิมติ ครงึ่ ครง่ึ เทค ดอกสับปะรด ผักกาด ๙๔ วดั อมั พาราม แรก หลงั นิค หน้าบนั ใบไม้ ๙๕ วัดพันตน ลาย ๙๖ วัดแสนคนั ธา ๒๖ ๙๗ วัดหลวงขุนวนิ ๒๖ กระจก ดอกสบั ปะรด ๙๘ วัดขันแกว้ ๒๕ ไมแ้ กะ ครฑุ ๒๖ ๙๙ วดั เจรญิ ราษฎร์ ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกบวั ทรงพุ่ม กนก ๑๐ วัดขนุ คงหลวง ๒๕ กระจก พาน ๒ พาน รบั กนก ดวงอาทิตย์ ๒๖ ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกสับปะรด ผกั กาด

ปนู หงส์ ไม้ เทวดายืนบนดอก แกะ พุดตาน ถอื ช่อดอก พดุ ตาน ปนู หงส์ ปนู แผงนาค 166 ห้องเก็บธรรม คันทวย เทค ลายผนงั เทค ลายประตู เทค ลกั ษณะ นคิ นิค นคิ ปนู หงส์

๐ ตารางแสดงงานศลิ ปกรรมประดับหอไตร จังหวดั เชียงใหม่ ตารางงานศิลปกรรมประ ชอ่ื วัด พ.ศ.ว. หนา้ บัน ใบไม้ ครงึ่ คร่ึง เทค ลาย ๑ วัดดงฤๅษี แรก หลัง นิค ๒ วัดป่าป่วย ๒๕ ไม้แกะ เทวดายืน พนมมือ กนก ฉ ๓ วดั หว้ ยกาน เปลว ๒๕ ไม้แกะ ๒๕ ไม้แกะ ดอกสับปะรด ผักกาด ครฑุ นักษตั ร ผักกาด เทวดาครึง่ ตน พนมมอื ๔ วดั ทุง่ โปง่ ๒๖ ปนู ปน้ั

ะดับหอไตร จงั หวดั ลาพนู 167 หอ้ งเก็บธรรม ประตู คนั ทวย เทค ผนัง เทค เทค ลกั ษณะ นคิ นคิ นิค ฉลลุ าย ๑.เทวดายนื ฉลุ เทวดายนื พนมมือ พนมมอื ใน ลาย ในกรอบสี่เหลี่ยม กรอบสเี่ หลย่ี ม ปลายแหลม ๒.หมอ้ ปู รณฆฏะ เทวาดยนื ยกขา ถือ

๕ วดั ป่ายาง ซเี มนต์ ใบไม้ ๒๕ ไมแ้ กะ เครือ ฝรง่ั ๖ วัดม่วงโตน ผักกาด ๗ วัดเหล่ายาว ๒๕ ไม้แกะ ดอกสับปะรด ๒๕ ไมแ้ กะ ใบไม้ ๒ ใบ ผักกาด ๘ วดั ฉางข้าวนอ้ ยใต้ ผักกาด ๙ วัดฉางข้าวนอ้ ย ๒๕ ปนู ปน้ั ดอกบวั ๒๕ ไม้แกะ ดอกสบั ปะรด เหนอื (หลังเดมิ ) ช่อื วัด พ.ศ.ว. เทค หน้าบัน ใบไม้ คร่ึง ครงึ่ นคิ ลาย ๑๐ วัดฉางขา้ วนอ้ ย แรก หลัง ผักกาด เหนอื (หลงั ใหม)่ ๒๖ ๑.ดอกสบั ปะรด ผักกาด ๒.เรขาคณติ ผกั กาด ป ๑๑ วดั ปา่ ซางงาม ๒๕ ปนู ปน้ั (กระจก) (คอกดี ) ดอกสบั ปะรด ๑๒ วดั หนองหอย ๒๕ ไม้ ดอกบัว เครอื ๑๓ วัดนาดบิ แกะ สับปะรด ๒๕ ไม้แกะ ๑๔ วดั ป่าสีเสยี ด ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกสบั ปะรด ผกั กาด ป (ดอนแกว้ ทราย มูล) ๒๖ ไม้แกะ ผักกาด ฉ ๒๕ ไม้แกะ เครือเทวดาครึง่ เซาะร่อง ๑๕ วดั หนองเกิด ๑๖ วัดป่าเหียง ตน ๗ ตน

พระขรรค์ ไมฉ้ ลุ นาค เครือใบไม้ ฝรั่ง ฉลุ เทวดาเหาะ พนมมอื ลาย ๒ ตน เรยี งซอ้ นกัน ไม้ ลายเมฆไหล แกะ หอ้ งเกบ็ ธรรม คันทวย เทค ลายผนัง เทค ลายประตู เทค ลกั ษณะ นิค นิค นิค 168 ปนู ปน้ั เทวดายืนพนม มือในซุม้ กนก เครือฝร่งั ปนู ปน้ั เทวดายืน อริ ยิ าบถต่างๆ กนกเครอื ฝรงั่ ฉลลุ าย แถวเทวดาครงึ่ ตนพนมมอื

๑๗ วดั แม่แรง ๒๕ ไมแ้ กะ ๑.ดอกบัว ผักกาด ๑๘ วัดหนองเงือก ๒.ดอกสบั ปะรด ๑๙ วดั สันกาแพง (คอกดี ) ผกั กาด ใบไม้ ช่ือวัด ๒๕ ๒๕ ไม้แกะ ดอกสบั ปะรด ๒๐ วดั บา้ นก้อง พ.ศ.ว. หน้าบนั ครึง่ ครง่ึ เทค ลาย แรก หลัง นิค ดอกสับปะรด ๒๕ ไม้แกะ ๒๑ วัดชยั มงคล ๒๖ ไม้แกะ ดอกบวั กนก ๒๒ วดั ชา่ งฆอ้ ง ๒๖ ไมแ้ กะ ดอกพุดตาน ผกั กาด ๒๓ วัดช้างรอง ผัดกาด ๒๕ ไม้แกะ ดอกสบั ปะรด ๒๔ วัดชา้ งสี ๒๕ ไม้แกะ ดอกสับปะรด ผัดกาด ๒๕ วดั ธงสัจจะ ๒๖ ปนู ปน้ั หน้าสิงห์ กนก ซีเมนต์ ๒๔ ปนู ปน้ั ๑.ดอกประจายาม กนก ฉ ๒๖ วัดพระธาตหุ รภิ ญุ ชยั กรอบม้าตั่งไหม เปลว ๒.หน้าสิงห์คาย พวงมาลัยนาค (คอกีด) ๒๕ ไม้แกะ นาค ๒ ตวั ผกั กาด ๒๗ วดั มหาวนั ๒๘ วดั สวนดอก ๒๕ ไม้แกะ ดอกสับปะรด ผักกาด ๒๙ วดั สันดอนรอม ๒๕ ไม้แกะ เทวดาครง่ึ ตน กนก

ไม้ กรอบลกู ฟกั ไม้ เครือเถา แกะ ห้องเก็บธรรม คนั ทวย เทค ลายผนงั เทค ลายประตู เทค ลกั ษณะ นิค นคิ นิค ไม้ ลายสาน ตดิ ดอก แกะ ลอย ดอกประจา ยาม ดอกจนั ปนู นาค ไมฉ้ ลุ เครอื เถา ไม้ เทวดายนื พนมมือ ไม้ นาค 169 แกะ บนดอกบวั แกะ ไมฉ้ ลุ เครอื เถา ปลาย มว้ น ปนู หงส์ ฉลลุ าย ราชวตั ร ดอก ไม้ เทวดายนื ถอื พระ ประจายาม แกะ ขรรค์ ไม้ นาค แกะ ไม้ เครือเถา ใบไม้ แกะ ฝรั่ง ฉลุ เทวดายนื พนมมือ ไม้ นาค นักษัตร

ชอ่ื วัด พ.ศ.ว. พนมมอื บน เปลว ๓๐ วัดบ้านแป้น ครง่ึ ครง่ึ เทค ดอกบวั ใบไม้ แรก หลงั นิค ๓๑ วดั ป่าซางน้อย หนา้ บัน ๓๒ วัดสนั มะโก ๒๕ ไม้แกะ ลาย ๓๓ วัดบ้านหลกุ ๓๔ วัดประตูป่า ๒๕ ปนู ปน้ั วงกลม ๒ วง ซ้อน กนก ฉ ซเี มนต์ กนั มว้ น หัวตอ่ ๒๕ ไมแ้ กะ หน้าสิงห์ คาย กนั ๒๕ ไมแ้ กะ พวงมาลัย กนก ๒๕ ไม้แกะ ดอกสบั ปะรด ดอกสบั ปะรด ผักกาด ดอกพุดตาน ผักกาด ผักกาด ๓๕ วัดลา่ มช้าง ๒๕ ไม้แกะ ดอกพุดตาน ผักกาด ป ๓๖ วัดหมเู ปิ้ง ๒๕ ไม้แกะ ดอกไม้แปดกลีบ ผกั กาด ๓๗ วัดปา่ ยาง ๒๖ ไม้แกะ หน้าสงิ ห์ คาย กนก พวงมาลยั เปลว ๓๘ วดั มะเขอื แจ้ ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกสบั ปะรด ผกั กาด ๓๙ วัดพระยนื ๒๖ ปนู หลอ่ ธรรมจักร ดอก กนก ทรงพ่มุ (ดอกลอย) เปลว ๔๐ วัดแม่สารบ้านตอง ๒๖ ปนู ปน้ั เทดาครึง่ ตน พนม กนก ซเี มนต์ มือ เปลว ช่อื วดั พ.ศ.ว. หนา้ บนั ใบไม้ ครึ่ง ครงึ่ เทค ลาย แรก หลงั นคิ

ลาย กนกเปลว ในช่อง แกะ เครือเถา สเ่ี หลี่ยม ไมฉ้ ลุ หอ้ งเกบ็ ธรรม คันทวย เทค ลายผนัง เทค ลายประตู เทค ลักษณะ นคิ นคิ นิค ไม้ ดอกประจายาม แกะ ปนู นาค ฉลลุ าย เทวดายืน ฉลุ ๑.เทวดาครึง่ ตน ไม้ ๑.เครือเถา พนมมือ ลาย พนมมือ แกะ ๒.ลงิ ๒ ตัว ๒.นกยงู ๓.หนมุ าน 170 ปนู ปน้ั เครือเถาใบไม้ ไม้ ลายขดี และนาคใน ฝร่ัง แกะ ชอ่ งสี่เหลย่ี ม ไม้ แผง หนุมาน แกะ ปนู แผงนาค หอ้ งเก็บธรรม คนั ทวย เทค ลายผนัง เทค ลายประตู เทค ลักษณะ นิค นคิ นิค

๔๑ วัดศรีเมืองยู้ ๒๖ ปนู ปน้ั ดอกสับปะรดใน ๔๒ วัดสันตน้ ธง กรอบมา้ ตัง่ ไหม ๒๖ ปนู ปน้ั เทวดาครึ่งองค์ กนก ๔๓ วัดหนองช้างคืน พนมมอื นาค ๒ เปลว ๔๔ วัดดอยสารภี ตัว ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกพุดตาน ผักกาด ๔๕ วัดทาปลาดุก ๔๖ วดั ทาป่าสกั ๒๖ กระจก เทวดาคร่งึ ตน กนก ๔๗ วัดลีหลวง พนมมอื ในกรอบ ๔๘ วัดต้นผงึ วงโคง้ แหลม ๔๙ วัดรอ้ งธาร-ทาลี่ ๒๖ ฉลลุ าย เครอื ดอกประจา ยามในมา้ ต่ังไหม ๕๐ วัดวังผาง ๒๕ ไมแ้ กะ ชา้ งทรงมงกฎุ กนก เครือดอกสบั ปะรด เปลว ๒๖ ปนู ปน้ั ดอกพดุ ตาน ใน กรอบมา้ ตง่ั ไหม ๒๖ ปนู ปน้ั ดอกสบั ปะรด ผกั กาด ซเี มนต์ ๒๖ ปนู กลุม่ เทวดาคร่งึ ตน กนก พนมมือบน เปลว ดอกบัว ๓ ตน ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกสับปะรด ผักกาด ชอื่ วดั พ.ศ.ว. หนา้ บนั ครงึ่ ครึ่ง เทค ลาย ใบไม้ แรก หลัง นิค ผักกาด ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกสับปะรด ผักกาด ๕๑ วดั เวียงหนองลอ่ ง ๕๒ วัดอรุณวทิ ยาวาส ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกสบั ปะรด ตารางแสดงงานศลิ ปกรรมประดับหอไตร จงั หวัดลาพนู

ไม้ฉลุ เครือเถา ปนู แผงนาค ไม้ หนมุ าน 171 แกะ ฉลุ แผงไมเ้ ครอื เถา ลาย ปนู แผงนาค ไม้ นาค แกะ หอ้ งเก็บธรรม คนั ทวย เทค ลายผนัง เทค ลายประตู เทค ลกั ษณะ นิค นคิ นิค ไม้ หนมุ าน แกะ

ตารางงานศลิ ปกรรมประด ชือ่ วัด พ.ศ.ว. หน้าบนั คร่ึง ครงึ่ เทค ลาย ใบไม้ แรก หลงั นคิ ๑ วดั พระธาตลุ าปาง ๒๓ ปนู ปน้ั ๑.ดอกในช่องม้า กนก ไ ตง่ั ไหม (น) บากหวั หลวง ๒.ดอกประจายาม (ไม้แกะ) คอกดี (น) ๑.ดอกสีก่ ลีบใน ช่องม้าต่งั ไหม (ล)

172 ดบั หอไตร จงั หวดั ลาปาง เทค หอ้ งเก็บธรรม คันทวย ผนงั เทค ประตู เทค ลกั ษณะ นคิ นคิ นคิ ไมแ้ กะ กรอบลูกฟกั ไม้ ลายมมุ เครอื เถา

๒.มังกร ๔ ตวั ลอ้ มรอบดอกบัว ๒ วัดลาปางกลาง ๒๖ คอกดี (ล) ตะวันออก ฉลลุ าย หม้อปรู ณฆฏะ กนก ๓ วดั ดอยน้อย ๒๕ ไมแ้ กะ ใบไม้ฝรง่ั ๔ วดั ไหลห่ ิน ๒๕ ไม้แกะ เมฆไหลกลม ใน กรอบชอ่ งม้าต่งั ไหม ๕ วัดปงสนุกเหนือ ๒๖ ปนู ๑.เทวดาคร่งึ ตน กนก พนมมอื เปลว ธรรมจักร ฉตั ร ๒.เสมาธรรมจกั ร ๖ วัดประตูปอ๋ ง ๒๕ ชื่อวัด พ.ศ.ว. หนา้ บนั ใบไม้ ๗ วัดศรีบญุ โยง ครงึ่ ครึ่ง เทค ลาย ผักกาด แรก หลัง นิค ดอกสบั ปะรด ๒๖ ไม้แกะ ๘ วัดท่าคราวนอ้ ย ๒๖ วาด ธรรมจกั ร ๙ วดั บา้ นเอือม ๒๕ ไม้แกะ เทวดายืน พนมมอื กนก ๑๐ วัดทุ่งม่านใต้-บอ่ ๒๕ ปนู เทวดาคร่งึ ตนพนม ผกั กาด หิน มือ กนก ๑๑ วดั พระเจา้ ทนั ใจ ๒๕ ไมแ้ กะ หมอ้ ปรู ณฆฏะ กนก ดอกพดุ ตาน ๑๒ วัดเมอื งศาสน์ ๒๖ ๑๓ วัดม่อนกระทงิ ๒๖ ๑๔ วดั อุมลอง ๒๕

ฉลุ ดอกประจายามใน ไม้ นาค ลาย กรอบสเ่ี หลี่ยม แกะ ไม้ ลวง แกะ สัตว์หมิ พานต์ ห้องเก็บธรรม คนั ทวย 173 เทค ลายผนงั เทค ลายประตู เทค ลักษณะ นคิ นิค นิค ไม้ เครือดอกพุดตาน ไม้ ลวง แกะ แกะ

๑๕ วดั ลอ้ มแรด ๒๖ (หอสงู ) ๑๖ วดั เวียง ๒๕ ๑๗ วัดเหลา่ น้อย ๒๕ ตารางแสดงงานศิลปกรรมประดับหอไตร จงั หวดั ลาปาง ตารางงานศลิ ปกรรมประด ชอื่ วัด พ.ศ.ว. หน้าบัน เครือ ๑ วัดครึง่ ใต้ ครึง่ ครง่ึ เทค แม่ลาย ๒ วัดสา้ น แรก หลงั นคิ ๓ วัดดอนแก้ว ๑.ดอกบวั ผกั กาด ๔ วัดกลางเวยี ง ๒๕ ไม้แกะ ๒.แถวเทวดา (คอ ๕ วัดกาสา สอง) ลายคา ๒๖ ไมแ้ กะ ประจายาม ๖ วัดแม่คา ๒๖ ๒๖ ปนู ปน้ั หนา้ สิงหใ์ นกรอบ ๒๖ ไมแ้ กะ สีเ่ หล่ียมผืนผา้ เทวดายนื พนมมือ ผักกาด บนนาค ๒ ตัว เครือดอกพดุ ตาน ๒๖

ดบั หอไตร จังหวดั เชียงราย ห้องเก็บธรรม คันทวย 174 เทค ผนงั เทค ประตู เทค ลักษณะ นิค นคิ นิค ไม้ สตั ว์หมิ พาน (คา แกะ ยนั ล่างหอไตร) ไม้ เทวดายนื ถอื พระ แกะ ขรรค์ บนหลังสิงห์ ลอ้ มด้วยเครือดอก พุดตาน

ตารางแสดงงานศลิ ปกรรมประดบั หอไตร จังหวดั เชยี งราย ตารางงานศิลปกรรมประ ช่ือวดั พ.ศ.ว. หน้าบนั เครอื ๑ วดั ศรีชุม คร่งึ ครึ่ง เทค แมล่ าย ว ๒ วดั พระนอน แรก หลัง นิค ดอกพุดตาน น ๓ วดั ชยั มงคล ๒๕ ฉลุลาย ๔ วดั พงษ์สนุ นั ท์ ๒๕ ไม้แกะ ๑.เทวดายืนพนม หยัก ฉ มือถือดอกบัว บน ปลาย กาบใบไม้ แหลม ๒.เครอื ดอก สบั ปะรด เทวดา คร่งึ ตน ๒๕ ไมแ้ กะ กลมุ่ เทวดาคร่ึงตน นาค ว พนมมอื ถอื ดอกบัว บน ดอกบวั ๗ ตน ๒๕ ไม้แกะ เทวดายนื พนมมอื ผักกาด ฉ บนครฑุ ดอก

ะดับหอไตร จงั หวดั แพร่ ห้องเก็บธรรม คันทวย เทค ผนงั เทค ประตู เทค ลักษณะ นิค นคิ นคิ วาดสี พทุ ธประวัติ ฉลุ ลายประจายามใน ไม้ 175 นามนั ลาย กรอบส่เี หล่ียมลูกฟัก ประตู ฉลุลาย ราชวัตร พุ่ม ฉลุ ประจายามกา้ มปูใน ข้าวบิณฑ์ ลาย กรอบสี่เหลยี่ มลูกฟัก ประตู วาดสฝี ุ่น พุทธประวัติ ฉลุ พระพุทธเจ้าปางมาร ลบเลือน ลาย วิชยั ในกรอบ ส่ีเหลี่ยมลูกฟักประตู ฉลุลาย แพะ ในเครอื ฉลุ ๑.ดอกพดุ ตานกา้ น ดอกพุดตาน ลาย ตอ่ ดอก

พุดตาน ๕ วัดพระบาทมงิ่ ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกบัว ดอกตมู ฉ เมือง ช่ือวดั พ.ศ.ว. หน้าบนั ครึง่ ครึ่ง เทค ลาย ใบไม้ แรก หลัง นคิ ๖ วัดเมธงั กราวาส ๒๕ ปนู ปน้ั พดุ ตาน หนมุ าน ดอกตมู ฉ ๒ ตน นาค ๗ วัดศรบี ญุ เรอื ง ๒๕ ไมแ้ กะ เทวดายนื พนมมือ ผักกาด ฉ ดอกบัว ๘ วดั หลวง ๒๕ ว ๙ วดั เหมืองหมอ้ ๒๕ ไมแ้ กะ เทวดายนื พนมมอื ผกั กาด ฉ ๑๐ วดั กาซอ้ ง บนดอกบัว ลิง ๒ ๑๑ วดั เหมืองคา่ ตัว ๑๒ วดั ทุง่ โฮง้ ใต้ ๒๖ ปนู หล่อ เทวดาครง่ึ ตน กนก ๑๓ วดั ทุ่งโฮง้ เหนอื พนมมือ ๒๖ ปนู หล่อ ธรรมจักร กวาง หมอบ ๒๖ ปูนหลอ่ เทวดาคร่ึงตน กนก พนมมือ ๒๖ พ

๒.เครือดอกพดุ ตาน ฉลลุ าย ราชวัตร ดอก ประจายาม ห้องเก็บธรรม คันทวย เทค ลายผนัง เทค ลายประตู เทค ลักษณะ นคิ นคิ นคิ ฉลุลาย ราชวตั ร ดอก พดุ ตาน สลบั เทวดาครึ่งตน นั่งพนมมือบน ดอกพดุ ตาน ฉลลุ าย ราชวตั ร ฉลุ ประจายาม ลาย สลับ 176 ดอกจนั ทน์ วาด เทวดา ล้อม ลาย เทวดายืนพนมมอื ด้วยลายกนก รด ในกรอบส่เี หล่ียมลูก เปลว นา ฟกั ฉลุลาย เทวดายนื ฉลุ ดอกประจายาม พนมมือใน ลาย กา้ มปใู นกรอบ กรอบสี่เหลีย่ ม ส่ีเหลี่ยมลูกฟัก พ่นสี เทวดาคร่ึงตน

ชอื่ วดั พ.ศ.ว. หน้าบนั ใบไม้ ๑๔ วัดพระหลวง ครง่ึ ครึ่ง เทค ลาย กนก แรก หลัง นคิ ดอกบวั ๒๕ ไม้แกะ ๑๕ วัดเขอื่ นคาลอื ๒๕ ไม้แกะ เทวดาคร่ึงตน ผกั กาด ว พนมมือ บน ดอกบวั ๑๖ วดั นิวิฐศรทั ธาราม ๒๕ ไม้แกะ ดอกพุดตาน ผักกาด (รอ่ งกาศเหนอื ) ๒๖ ปนู หลอ่ เทวดายนื พนมมอื กนก ๑๗ วดั รอ่ งกาศใต้ ๑๘ วัดสบสาย ๒๖ ปนู หลอ่ เทวดายนื พนมมือ กนก ๑๙ วดั สงู เม่น ๒๕ ไมแ้ กะ ๑.เทวดาครึง่ ตน กนก พนมมือ บน (หลงั เดิม) ดอกบวั มีลาย ๒๐ วดั สงู เมน่ คา้ งคาวดา้ นลา่ ง ๒๖ ปนู ปน้ั พระพุทธเจา้ เสดจ็ จาดดาวดึงส์ (หลงั ใหม)่ ๒๑ วัดศรีดอนคา ๒๕ ปนู หมอ้ ปูรณฆฏะใน กรอบมา้ ตง่ั ไหม ตารางแสดงงานศิลปกรรมประดบั หอไตร จงั หวัดแพร่ ชื่อวัด พ.ศ.ว. ตารางงานศิลปกรรมประ หน้าบนั

พมุ่ ข้าวบิณฑ์ ห้องเกบ็ ธรรม คันทวย เทค ลายผนัง เทค ลายประตู เทค ลักษณะ นิค นคิ นิค ฉลุ ราชวตั ร ดอกทรง ลาย พุ่มข้าวบิณฑ์กราย วาด พุทธประวตั ิ 177 ไม้ ชา้ ง เครือดอก ไม้ สตั ว์หมิ พานต์ แกะ พดุ ตาน แกะ (เดมิ ) ะดบั หอไตร จังหวัดน่าน คันทวย ห้องเกบ็ ธรรม

ครงึ่ ครงึ่ เทค ลาย ใบไม้ แรก หลงั นิค ๑ วัดนาหวาย ๒๖ ๒ วัดนาเตา ๒๕ หอสูง ๒๕ ปนู ปน้ั ๑.ประจายาม ๒๕ เครือดอกสบั ปะรด ๓ วดั ราชสมี า ๒.รกั ร้อย (คอกดี ) (บ้านขอน) ๔ วัดทุง่ น้อย ๕ วดั นาปงั ๒๕ ๖ วดั เจดยี ์ ๒๖ ไม้แกะ ดอกบัวเหล่ียม ใน กรอบม้าต่ังไหม ๒๕ กระจก ครฑุ กนก ๗ วัดพระธาตชุ ้างคา ๘ วัดช้างเผือก ๒๖ ไม้แกะ หนมุ าน เมขลา กนก ๙ วัดดอนแกว้ ๒๕ ไมแ้ กะ พระอินทร์ ๑๐ วัดพระเกดิ ๒๕ ไมแ้ กะ เสมาธรรมจกั ร ใบไม้ ดอกลอย กนก ชื่อวดั พ.ศ.ว. เทวดาคร่งึ ตน กนก คร่ึง ครึ่ง เทค พนมมือ ๑๑ วัดพระเนตร แรก หลัง นิค ๑๒ วัดภูมนิ ทร์ ๒๖ ปนู หน้าบัน ๒๖ ปนู ลาย พระพทุ ธเจา้ ปาง ประทานอภัย ม้าขี่นาค

เทค ผนัง เทค ประตู เทค ลกั ษณะ นิค นิค นิค ไม้ หูช้าง แกะ ไม้ ลายประแจจนี ไม้ นาค (เดิม) แกะ แกะ ไม้ กรอบลกู ฟกั ประจา หูชา้ ง (เดิม) แกะ ยาม วาด เทวดายนื พนมมอื ไม้ 178 แกะ ฉลุ หมอ้ ปรู ณฆฏะ ลาย ไม้ เทวดายืน พนมมอื แกะ ห้องเกบ็ ธรรม คันทวย เทค ลายผนงั เทค ลายประตู เทค ลกั ษณะ นคิ นิค นิค

๑๓ วัดศรพี นั ต้น ๒๕ ไมแ้ กะ ๑.ดอกพดุ ตาน ผกั กาด ๒.ดอกสบั ปะรด ๑๔ วดั หวั ขว่ ง (คอกดี ) ๑๕ วดั หวั เวยี งใต้ ๒๕ ไมแ้ กะ เทวดานัง่ พนมมือ กนก (ท่านั่งคลา้ ยครุฑ) ๑๖ วัดอรญั ญาวาส ๒๖ กระจก ๑.พุ่มขา้ วบณิ ฑ์ กนก ๑๗ วัดดอนไชยพระ ๒.เทวดาครง่ึ ตน พนมมอื บาท (หลงั เดิม) ๒๕ ไมแ้ กะ ดอกทรงพุ่มขา้ ว กนก บณิ ฑ์ ๒๕ ไม้แกะ ดอกไม้ ใบไม้ จริง ๑๘ วัดดอนไชยพระ ๒๖ ปนู เทวดาพนมมือคร่งึ กนก ตน พุม่ ขา้ วบณิ ฑ์ บาท (หลังใหม)่ ๑๙ วัดตาลชุม ๒๕ ไม้แกะ ดอกบวั ผักกาด ตารางแสดงงานศลิ ปกรรมประดับหอไตร จังหวดั น่าน ตารางงานศลิ ปกรรมประ ช่อื วัด พ.ศ.ว. หนา้ บนั ใบไม้ ครงึ่ ครง่ึ เทค ลาย ผักกาด ๑ วดั แม่นางเรือ แรก หลัง นคิ กนก ๒ วดั ลี ดอกบวั ๒๕ ไมแ้ กะ เทวดาครึง่ ตน ผักกาด หอสูง ๒๖ ปนู พนมมอื ในดอก ทรงพุ่มข้าวบณิ ฑ์ ๓ วดั ศรีโคมคา ๒๖ ปนู หม้อปรู ณฆฏะ

ไม้ เทวดายนื ถือพระ แกะ ขรรค์ วาด เทวดายนื ถือพระ สี ขรรค์ นามั น 179 ะดับหอไตร จงั หวัดพะเยา ประตู คนั ทวย หอ้ งเก็บธรรม เทค ลักษณะ นิค เทค ผนงั เทค นคิ นคิ ไม้ ก้านตอ่ ดอก แกะ

๕ วัดภมู ินทร์ ๒๖ ปนู ธรรมจักร ๕ วัดหลวง ๒๕ ๖ วัดดอนไชย ๒๖ ปนู พระพุทธเจา้ ยนื กนก ปา่ แขม อมุ้ บาตร เปลว ตารางแสดงงานศิลปกรรมประดับหอไตร จงั หวัดพะเยา

180

184 ตารางสรปุ งานศลิ ปกรรมประดับหนา้ บนั หอไตรล้านนา ประเภท ลาย ชม ลพ ลป ชร พ น พย รวม ธรรมชาติ เมฆไหล ๒๑ ๓ สิง่ ของ พาน ๑ ๑ เสมาธรรมจกั ร ๔๑๑ ๑ ๑๘ หม้อปูรณฆฏะ ๒ ๑๑๑๕ ดอกไม้ ดอกพดุ ตาน ๖๕ ๓๑ ๑๕ ดอกสบั ปะรด ๓๙ ๑๙ ๑ ๑ ๖๐ ดอกบัว ๙๔๒๑ ๑ ๑ ๑๘ ดอกประจายาม ๑๑๑๓ เครือเถา ๔๑ ๕ บุคคล พระพุทธเจ้า ๓ ๑๑๑๖ เทวดาครึง่ ตน ๘๖๒ ๕ ๓ ๑ ๒๕ เทวดายืนเตม็ องค์ ๑ ๑๑๖ ๙ เทวดานัง่ เตม็ องค์ ๑๑ ยกั ษ์ ๓ ๓ สตั ว์หมิ พานต์ ครุฑ ๒๑ ๑ ๔ นาค ๑ ๑ หนา้ สงิ ห์ ๓๑ ๔ ชา้ ง ๒ ๑ ๓ หนุมาน ๑ ๒๒ ๕ ตารางสรปุ งานศิลปกรรมประดับหน้าบันหอไตรล้านนา ตารางสรุปงานศลิ ปกรรมประดับฝาผนงั หอไตรลา้ นนา ประเภท ลาย ชม ลพ ลป ชร พ น พย รวม ราชวัตร ดอกประจายาม ๑๓ ๘๑ ๔

185 พมุ่ ขา้ วบิณฑ์ ๑๑ ดอกไม้ ดอกลอย ๓ ๓ บคุ คล พระพุทธประวตั ิ ๒ ๓๕ ยกั ษ์ ๑ ๑ เทวดา ๒ ๕ ๓ ๑๐ สงิ่ ของ หม้อปรู ณฆฏะ สัตว์ ปีเกดิ ๑๑ ตารางสรุปงานศลิ ปกรรมประดบั ฝาผนงั หอไตรลา้ นนา ตารางสรุปงานศิลปกรรมประดับบานประตูหอไตรลา้ นนา ประเภท ลาย ชม ลพ ลป ชร พ น พย รวม ๔ ๓ ดอกไม้ ดอกพดุ ตาน ๑ ๑ ๑ ๑ ๑ ๑ ๔ ดอกสับปะรด ๑ ๒ ๒๙ ประจายาม ๑๓ ๒ ๒ ราชวตั ร ๑๑ ๑ ๓ บุคคล เทวดา ๑๖ ๗ ๑๑ ๑ ๑ พระพทุ ธเจ้า ๒ ๑ ๑ ยกั ษ์ ๒ ๑ ๑ พระพคิ เฌศ ๑ สงิ่ ของ หมอ้ ปรู ณฆฏะ ๒ สตั ว์ หงส์ ๑ หนุมาน ๑ ช้าง ๑ ลวดลาย ประแจจีน สานขัด ๑ ขดี ๑ ตารางสรุปงานศิลปกรรมประดับบานประตูหอไตรลา้ นนา ๔.๑.๑ การอธิบายตารางจาแนกลักษณะศิลปกรรม ๑. ลวดลายศิลปกรรมประดบั หอไตรในลา้ นนา แบง่ ได้เปน็ ก. ลายธรรมชาติ ได้แก่ เมฆไหล

186 ข. ลายส่งิ ของ ได้แก่ ลายพาน เสมาธรรมจกั ร หมอ้ ปูรณฆฏะ พานรฐั ธรรมนญู เสมาธรรมจกั ร หน้าบันหอไตรวดั ขนั แกว้ เชียงใหม่ หน้าบันหอไตรวัดบา้ นทอ่ เชยี งใหม่ ค. ลายดอกไม้ ไดแ้ ก่ ดอกพดุ ตาน ดอกสบั ปะรด ดอกบวั เป็นตน้ ดอกสบั ปะรด หนา้ บนั หอไตรวัดสนั พระเนตร เชยี งใหม่

187 ง. ลายบุคคล ได้แก่ ลายเทวดา พระพทุ ธเจ้า ยกั ษ์ เทพพนม ยกั ษ์ หนา้ บันหอไตรวดั ปา่ สกั น้อย เชียงใหม่ หน้าบนั หอไตรวัดชา่ งฆ้อง เชียงใหม่ จ. ลายสัตว์หมิ พานต์ ไดแ้ ก่ ครุฑ นาค ช้าง หนมุ าน และสตั วป์ ระจานักษตั รปเี กิด หนมุ าน หน้าบันหอไตรวัดเมธังกราวาส น่าน ๒. ลวดลายหน้าบันหอไตรล้านนาที่พบมากที่สุด ๓ อันดับ ได้แก่ ลายดอกสับปะรด (๖๐ ลาย) ลาย เทวดา (๓๑ ลาย) และลายดอกบวั (๑๘ ลาย) ๓. หน้าบันในจังหวัดเชียงใหม่กับลาพูน นิยมลายดอกสับปะรดกับดอกพุดตานมากท่ีสุด ส่วนใน จงั หวัดแพรแ่ ละน่านนยิ มหน้าบันลายเทวดาพนมมือ ๔. ลายฝาผนังหอ้ งเก็บธรรม มลี ายราชวตั รจานวนมากทส่ี ดุ ในเชียงใหม่มี ๘ ลาย ลาพูน ๑ ลาย แพร่ ๔ ลาย รวม ๑๓ ลาย โดยลายราชวัตรทีพ่ บมากท่ีสุด เป็นลายราชวัตรดอกประจายาม ลายฝาผนังหอไตรท่ีพบ มากเป็นลาดับที่ ๒ คือลายเทวดา เชียงใหม่มี ๒ ลาย ลาพูนมี ๕ ลาย และแพร่มี ๓ ลาย รวม ๑๐ ลาย ที่ น่าสนใจเป็นการเขียนจิตรกรรมพุทธประวัติประดับผนังหอไตร มี ๕ วัด ในเชียงใหม่มี ๒ วัด ได้แก่ วัดอุปคุต กบั วดั ช่างฆอ้ ง นอกน้ันอยู่ในจังหวัดแพร่ ๓ วัด ได้แก่ วัดชัยมงคล วัดศรีชุม และวัดเข่ือนคาลือ การเขียนพุทธ ประวัตนิ ้ียังพบท่ผี นังดา้ นในหอไตร มเี พียงวัดหนองเงือก จังหวัดลาพูน

188 ๕. ลายบานประตูหอไตรล้านนาท่ีนิยมมากท่ีสุด คือ ลายเทวดา (๒๙ ลาย) รองลงมาเป็นลายดอกไม้ (๘ ลาย) แบ่งเป็น ลายดอกพุดตาน (๓ ลาย) ลายดอกสับปะรด (๑ ลาย) และลายประจายาม (๔ ลาย) ลาย บานประตูท่ีน่าสนใจ คือ ลายประแจจีนของวัดดวงดี จังหวัดเชียงใหม่ ลายสานขัดของวัดบ้านก้อง จังหวัด ลาพูน และลายขีดของวดั บา้ นหลกุ จงั หวัดลาพูน ๖. ลายคันทวยล้านนา ได้แกล่ ายนาค ลายหงส์ ลายสัตว์หิมพานต์ ที่นา่ สนใจ คือ ลายสตั วห์ ิมพานต์ ลวง วดั ไหลห่ ิน ลาปาง สิงห์ วดั ศรีดอนคา แพร่ นาค วัดมหาวัน เชยี งใหม่ ๔.๑.๒ การอภปิ รายตารางจาแนกลักษณะศิลปกรรม ๔.๑.๒.๑ รปู แบบหนา้ บันหอไตรลา้ นนา มี ๒ ลกั ษณะใหญ่ คอื ก. หนา้ บันมา้ ตงั่ ไหม หน้าบันลักษณะน้จี ะเปน็ ช่องตารางสี่เหล่ียมจตั รุ สั วางสลบั กนั เรียงถัดลงมาจากส่วนยอด ภายในช่อง แตล่ ะช่องมักตกแต่งด้วยดอกลอย กรอบเป็นเครือเถา มักเป็นงานปูนป้ันเสียส่วนมาก เช่น หอไตรวัดพระสิงห์ จงั หวัดเชยี งใหม่ วัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลาพูน วดั ศรีดอนคา จงั หวัดแพร่ เป็นตน้ ลักษณะโดยท่ัวไปของหน้าบันม้าตั่งไหม พบว่าใต้ส่วนสามเหล่ียมหน้าบันจะเป็นส่วนคอกีด ลักษณะ เป็นสี่เหล่ียมผืนผ้า ต้ังอยู่ระหว่างช่วงเสาของหลังคาจั่วในตอนกลางและหลังคาปีกนกด้านข้าง ใต้คอกีดเป็น โก่งคิ้ว ลักษณะเป็นส่ีเหลี่ยมผืนผ้า บางคร้ังท่ีด้านล่างทาเป็นโค้งหน่ึงวงบ้างสองวงบ้าง เช่นเดียวกับส่วนท่ี เรยี กว่าสาหร่ายรวงผ้งึ ในงานสถาปตั ยกรรมภาคกลาง ส่วนใต้หลังคาปกี นก ทเ่ี ปน็ ช่องสามเหลย่ี มทีเ่ รียกว่าหน้า บนั อุดปกี นก ก็มกั ทาเป็นมา้ ตัง่ ไหมล้อกบั สว่ นหนา้ บัน ใตล้ งไปกเ็ ปน็ คอกีดและโก่งควิ้ เช่นกนั ข. หนา้ บันแบบผนังหุ้มกลอง

189 เป็นหน้าบันท่ีใช้ไม้ตีปิดโครงสร้าง เห็นเป็นจั่วพื้นเดียวกันหมด โดยท่ัวไปมีองค์ประกอบเช่นเดียวกับ หน้าบนั ม้าตัง่ ไหม เช่น หอไตรวัดดงฤๅษี จังหวัดลาพูน ทว่าบางครั้งมีการยืดส่วนคอกีดให้กว้างมาก กลายเป็น จุดเด่นขององค์ประกอบแทนหน้าบันจ่ัวตอนกลาง เช่น หอไตรวัดม่วงโตน จังหวัดลาพูน เป็นต้น ลักษณะ ดังกล่าวนี้ ช่างมักจะปล่อยให้มองเห็นช่องว่างหลังคาจ่ัวตอนกลางกับหลังคาปีกนกด้านข้าง ท่ีเรียกว่าคอสอง บางครั้งก็รวมเอาส่วนคอกีดกับส่วนโก่งค้ิวไว้เป็นผืนใหญ่ผืนเดียวกัน เช่น หน้าบันวัดป่าป๋วย จังหวัดลาพูน บางคร้ังก็รวมเอาส่วนคอกีด โก่งคิ้ว และหน้าบันอุดปีกนกเข้าไว้เป็นผืนเดียวกัน เช่น หน้าบันวัดห้วยกาน จังหวัดลาพูน บางครั้งก็รวมเอาส่วนโก่งค้ิวเข้ากับหน้าบันอุดปีกนก เช่น หอไตรวัดป่าซาง จังหวัดลาพูน ลักษณะดังกลา่ วน้ีชา่ งกม็ กั จะปล่อยใหม้ องคอสองเชน่ กัน สรปุ แลว้ หน้าบนั แบบผนงั ห้มุ กลอง แบ่งไดต้ ามลักษณะการตกแตง่ ประกอบด้วย ก. หนา้ บัน คอกดี โก่งควิ้ อุดปกี นก โกง่ คว้ิ อุดปีกนก ข. หน้าบัน คอกีดยดื เป็นผนื ใหญ่ โกง่ ควิ้ อดุ ปีกนก โกง่ คิ้วอุดปีกนก มกั มองเห็นคอสอง ค. หน้าบัน คอกีด+โกง่ คว้ิ อุดปีกนก โก่งคว้ิ อุดปีกนก ง. หน้าบัน คอกีด+โกง่ คว้ิ +อุดปีกนก+โกง่ คว้ิ อุดปีกนก จ. หน้าบัน คอกดี โก่งควิ้ +อดุ ปกี นก+โก่งควิ้ อดุ ปกี นก ทั้งนี้ตัวอย่างหน้าบันแบบผนังหุ้มกลองข้างต้น ถูกสร้างในช่วงระยะเวลาไล่เล่ียกัน คือ ช่วง พ.ศ. ๒๔๔๐ – ๒๔๙๐ และในพน้ื ที่เดียวกนั คอื อาเภอบ้านโฮ่ง และปา่ ซาง ชมุ ชนในพื้นท่ีเป็นชาวไทยองเชน่ กนั หอไตรที่มีอายุเก่าแก่ ได้แก่ หอไตรวัดพระธาตุลาปางหลวง จังหวัดลาปาง ลวดลายไม้แกะสลักที่ ประดับไว้ที่ซุ้มบันแถลง ซ่ึงเป็นภาพดาวเพดานนั้น สุรพล ดาริห์กุล เชื่อว่าอาจมีอายุเก่าไปถึงพุทธศตวรรษที่ ๒๑ และคงสรา้ งข้ึนอยา่ งช้าทส่ี ุดในตน้ พุทธศตวรรษท่ี ๒๓ สมยั ที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรอื งในจังหวัดลาปาง รปู แบบหอไตรวดั พระสิงหท์ ีพ่ บว่าสร้างขึ้นใน พ.ศ. ๒๓๕๘ กับรูปแบบหอไตรวัดพระธาตุหริภุญชัยใน พ.ศ. ๒๓๖๐ มลี ักษณะใกล้เคยี งกัน หน้าบันเป็นแบบม้าตั่งไหมเหมอื นกัน ๔.๑.๒.๒ ลวดลายประดบั หอไตรลา้ นนา ก.. ลวดลายเมฆไหล เปน็ ลายโบราณล้านนา พบในหอไตรทีม่ อี ายุในตน้ พทุ ธศตวรรษท่ี ๒๕ เป็นต้นมา ได้แก่ หอไตรวัดแสนฝาง (เดิม) (พ.ศ. ๒๔๑๓) วัดเกตการาม (พ.ศ. ๒๔๒๑) จังหวัดเชียงใหม่ ลายเมฆไหลน้ี พบว่าถูกใช้เร่ือยมากระทั่งปลายพุทธศตวรรษท่ี ๒๕ พบที่หน้าบันหอไตรวัดไหล่หิน (พ.ศ. ๒๔๖๒) จังหวัด

190 ลาปาง นอกจากนยี้ งั พบคนั ทวนลายเมฆไหลที่วดั ฉางขา้ วน้อยเหนอื จังหวัดลาพูน (พ.ศ. ๒๔๖๐) เมื่อเข้าสู่พุทธ ศตวรรษที่ ๒๖ ก็ไม่พบลายนีเ้ ป็นทีน่ ิยมอีก แม้แตง่ านทส่ี รา้ งขึ้นใหม่ก็ตาม ลายเมฆไหลนี้ ล้านนาได้รับจากจีน โดยเชื่อว่าหมายถึง ความอุดสมบูรณ์ของธรรมชาติและชีวิต ลักษณะเป็นลวดลายทตี่ ่อเนื่องเลือ่ นไหลกนั ไป ไม่ขาดสาย ตัวลายมกั แกะใหเ้ ว้าลึกเข้าไปมาก ก่อนม้วนหัวตวัด กลับมาขมวดเปน็ ปม คลา้ ยกลุ่มเมฆท่จี บั ตัวม้วนหัวเขา้ ดา้ นใน ไหลติดต่อกนั ไป ท้งั นี้พบลายเมฆไหลจานวนหน่ึงท่ีใช้ตกแต่งหายนต์ แผ่นไม้แกะสลักวางไว้เหนือประตูบ้านหรือประตู ห้องนอนในบ้านชาวล้านนาอีกด้วย ที่เป็นฉลุลายพบใช้ตกแต่งเครื่องสูงที่วัดนาหวาย อาเภอนาหมื่น จังหวัด นา่ น เป็นต้น (ดภู าพท้ายบทที่ ๔) ข. ลายหม้อปูรณฆฏะ เป็นลายโบราณของล้านนา ท่ีมีแหล่งกาเนิดจากประเทศอินเดีย ลักษณะเป็น รูปหม้อใส่ช่อดอกไม้ท่ีเลื้อยออกมาทั้งสองข้าง มีความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและ การสร้างสรรค์ เก่ียวเน่อื งกบั การมีชีวติ ทรี่ ม่ เยน็ เชน่ เดยี วกบั ลายเมฆไหล ลา้ นนาเรียก “ลายหมอ้ ดอก” ทม่ี ีอายุเก่าท่สี ุด เป็นลายหม้อปูรณฆฏะในเหรียญเงินสมัยทวารวดีด้านหนึ่ง อีกด้านหน่ึงมีจารึกภาษา สนั สกฤตอกั ษรปัลลวะว่า “ศรีทวารวดี ศวรปุณยะ” แปลว่า บุญของผู้เป็นเจ้าแห่งทวารวดี ต่อมาพบลายนี้ใน รอยพระพทุ ธบาทท่ีสุโขทัย สมยั พระยาลไิ ท ราวพุธศตวรรษที่ ๒๐ ในลา้ นนา พบลายหม้อปูรณฆฏะนี้ประดับท่ี วิหารพระพทุ ธ วดั พระธาตลุ าปางหลวง เปน็ งานฉลุลาย (ลายคา) มีอายุราวพุทธศตวรรษท่ี ๒๑ ลักษณะคล้าย กับหมอ้ ปรู ณฆฏะในศลิ ปะลังกา ลักษณะเปน็ หม้อปากกวา้ ง มเี ถาไม้เลอ้ื ยออกมาจากปากหม้อท้ังสองข้าง มีนก บินประกอบด้านบน สาหรับลายหม้อปูรณฆฏะในวิหารน้าแต้ม วัดพระธาตุลาปางหลวง มีลายกนกประกอบ ส่วนลายหม้อปูรณฆฏะท่ีวิหารวัดปงยางคง จังหวัดลาปาง ในพุทธศตวรรษที่ ๒๓ มีลักษณะของใบไม้แบบ ตะวันตกแลว้ ตอ่ มาเมื่อศลิ ปะรัตนโกสินทร์แพร่เข้ามาในล้านนาเม่ือพุทธศตวรรษท่ี ๒๔ ลายหม้อปูรณฆฏะก็มี ลักษณะเปน็ หมอ้ ทรงสูง มีก้านดอกจานวนมากปักและเลื้อยลงมาด้านข้าง ด้านบนมีภาพหงส์ประกอบ ใบไม้ก็ เปน็ ลายกนก มที ้ังงานลายคา ปูนป้ัน งานสลกั ไม้ หรืองานประดับกระจก เป็นต้น เช่น งานปูนปั้นประดับท่ีหอ ไตรวัดพระสิงห์ งานปั้นรักที่ธรรมมาสน์หลวงในวิหารวัดพระธาตุลาปางหลวง หรืองานเขียนสีประดับฝาผนัง วหิ ารวดั เกตการาม เป็นต้น ในหอไตรล้านนา พบลายหม้อดอกใช้ประดับหน้าบันและบานประตู ในส่วนหน้าบันได้แก่หน้าบันวัด ในจังหวัดลาปาง ๒ วัด คือ วัดลาปางกลางตะวันออก (พ.ศ. ๒๕๐๗) วัดพระเจ้าทันใจ (พ.ศ. ๒๔๕๑) จังหวัด แพร่ ๑ วดั คือ วัดศรีดอนคา (พ.ศ. ๒๕๔๐) และจังหวัดพะเยา ๑ วัด คือ วัดศรีโคมคา (พ.ศ. ๒๕๕๓) และใน ส่วนบานประตู ได้แก่ วัดเชียงมั่น (พ.ศ. ๒๔๘๓) วัดดอกเอื้อง (พ.ศ. ๒๕๔๐) จังหวัดเชียงใหม่ และวัดเจดีย์ จังหวดั น่าน (พ.ศ. ๒๕๑๐) พบทง้ั งานไมแ้ กะสลกั และงานฉลลุ าย ลายหมอ้ ปูรณฆฏะท่ีเก่าแก่ท่ีสุดในหน้าบันหอไตรล้านนา เป็นงานไม้แกะสลักที่หน้าบันหอไตรของวัด พระเจ้าทันใจ (พ.ศ. ๒๔๕๑) ลักษณะเป็นหม้อทรงสูง ใส่ดอกพุดตานตอนกลาง ๑ ดอกเป็นดอกประธาน มี

191 เครือเถาเลื้อยออกมาด้านข้าง ๒ เครือ ใบไม้แบบใบผักกาดผักกูด มีอิทธิพลศิลปะพม่าในล้านนาสมัย รตั นโกสนิ ทร์ ส่วนงานฉลุลายหม้อปูรณฆฏะที่บานประตูวัดเชียงมั่น (พ.ศ. ๒๔๘๓) เป็นหม้อทรงสูง ใส่ดอกบัว ทรงพมุ่ ขา้ วบณิ ฑ์ ๗ ดอก ๕ ดอกตงั้ ขน้ึ อกี ๒ ดอกห้อยลงดา้ นข้างหม้อน้า ลายหมอ้ ปูรณฆฏะที่สร้างใหม่ ในพุทธศตวรรษที่ ๒๖ ได้แก่ วัดลาปางกลางตะวันออก (พ.ศ. ๒๕๐๗) วัดเจดีย์ (พ.ศ. ๒๕๑๐) วัดศรีดอนคา (พ.ศ. ๒๕๔๐) วัดดอกเอ้ือง (พ.ศ. ๒๕๔๐) และวัดศรีโคมคา (พ.ศ. ๒๕๕๓) ทั้งหมดเป็นงานแกะสลักไม้ มีเพียงหน้าบันหอไตรวัดลาปางกลางตะวันออกเพียงวัดเดียวที่เป็นงาน ปิดทองลายฉลุ (ลายคา) มีลกั ษณะเป็นหมอ้ ทรงสงู ใสด่ อกบวั ๗ ดอก ดอกกลางเปน็ ดอกบาน ดอกอ่ืนเป็นดอก ตูม มีเครือเถาใบไม้เลื้อยออกมาท้ังสองข้าง ต่อออกไปจนเต็มพื้นท่ีหน้าบัน หน้าบันวัดศรีโคมคา ซึ่งเป็นงานที่ ทาขึ้นใหม่ทั้งหมด ลายหม้อปูรณฆฏะยิ่งเต็มไปด้วยเครือเถาท่ีเล้ือยออกมาจากหม้อทรงสูงในตอนกลาง ทาให้ มองดูคล้ายตัวหม้อน้าเปน็ ลายประกอบ ทั้งน้ีคติการสร้างลวดลายหม้อปูรณฆฏะประดับศาสนสถานในล้านนาน้ัน อาจหมายถึงการถวาย ดอกไม้เพ่ือเป็นพุทธบูชาอย่างท่ีมีประเพณีปฏิบัติสืบต่อกันมากระท่ังทุกวันน้ี แม้จะเบาบางลงไปในพื้นที่เมือง แต่ยังเข้มข้นอยู่ในพื้นที่ชนบท ทั้งเป็นวิถีปฏิบัติท่ีเห็นได้ในชีวิตประจาวันของชาวไทใหญ่ในประเทศไทยและ ชาวพมา่ ในประเทศพม่า (ดภู าพทา้ ยบทท่ี ๔) ค. ลวดลายประเภทลายดอกไม้ ดอกสับปะรด เป็นลายล้านนาที่รับอิทธิพลศิลปกรรมพม่า โดยเขียนผลสับปะรดเป็นรูปวงรีหรือวงกลมหรือหยดน้า มียอดทรงพุ่มคล้ายดอกบัวตูม ท่ีขีดผลเป็นตารางแทนตาสับประรด โคนทาเป็นกาบปลายแหลมหุ้มผลไว้ จานวน ๖ – ๘ ใบ สอดขึ้นท้ังสองข้าง ด้านบนมีใบแผ่ออกไปจากกลางผล คล้ายผลสับปะรดจริง บางครั้งก็ มองดคู ลา้ ยดอกพดุ ตานดอกตูมเช่นกนั ต่างกนั ท่ดี อกพุดตานดอกตมู ไมม่ ผี ลทข่ี ดี เป็นตาราง นักวิชาการพบตกแต่งสถาปัตยกรรมด้วยลายสับปะรดในประเทศจีน มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง เป็น ลวดลายประดับหลุมศพ Yang Zhiyi ทว่าชาวล้านนานั้น คงรับลวดลายนี้ต่อมาจากช่างชาวไทใหญ่หรือพม่า อกี คร้งั หนง่ึ หอไตรที่สรา้ งโดยช่างไทใหญ่ในเชียงใหม่ เช่น วัดอู่ทรายคา วัดหม่ืนล้าน วัดศรีบุญเรือง วัดสันป่า เลยี ง มักเลอื กลายสบั ปะรดในการตกแตง่ หน้าบนั บานประตู และอื่น ๆ ทั้งน้ีเม่อื ผูว้ จิ ยั สอบถามชาวไทใหญ่ท่ีเขา้ มาอาศัยในอาเภอดอยสะเก็ด จังหวดั เชียงใหม่ (สัมภาษณ์ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗) ถงึ ความหมายของการใชล้ วดลายสบั ปะรดประดับอาคารสถาน ไดค้ วามว่า ตาสับปะรด ท่ีมีจานวนมากเหมือนดวงตาเทวดาท่ีใช้ในการมองรอบทิศ เป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องศาสนสถานนั้น ๆ

192 ดว้ ยเหตุน้ี ลายดอกสบั ปะรดทปี่ ระดับหนา้ บันหอไตร น่าจะมีความหมายเช่นเดียวกัน คือ เป็นสิ่งท่ีช่วยปกป้อง หอไตร เป็นความหมายเดียวกบั การใชล้ ายเทวดาประดับหน้าบันหอไตร ในจังหวัดเชียงใหม่ พบหน้าบันท่ีมีลายดอกสับปะรดทั้งหมดจานวน ๓๗ หลัง รองลงมาเป็นหอไตร จังหวดั ลาพูน มี ๑๙ หลัง และหอไตรจังหวัดลาปางและน่าน อย่างละ ๑ หลัง ส่วนใหญ่เป็นงานไม้แกะสลักใน พทุ ธศตวรรษท่ี ๒๕ กับงานปูนปั้นที่ป้ันขึ้นใหม่ในพุทธศตวรรษที่ ๒๖ มีงานฉลุสังกะสีเพียงแห่งเดียว คือ หน้า บนั หอไตรวดั สันโคง้ จังหวดั เชียงใหม่ ลายดอกสับปะรดที่พบในหอไตรจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ วัดสันโค้ง (พ.ศ. ๒๔๕๑ – ๒๕๐๘) วัดสัน กาแพง (พ.ศ. ๒๔๕๕) วดั ต้นยางหลวง (พ.ศ. ๒๔๕๗) วัดสนั พระเนตร (พ.ศ. ๒๔๖๐) วัดสันโป่ง (พ.ศ. ๒๔๖๒) วัดมหาวัน (พ.ศ. ๒๔๖..) วัดเมืองวะ (พ.ศ. ๒๔๗๑) วัดฟ่อนสร้อย (พ.ศ. ๒๔๗๑ – ๒๔๗๗) วัดสันป่าเลียง (พ.ศ. ๒๔๗๑) วัดป่าบงหลวง (พ.ศ. ๒๔๗..) วัดหม่ืนล้าน (พ.ศ. ๒๔๗๕) วัดน้าจา (พ.ศ. ๒๔๘๑) วัดหม่ืนสาร (เดิม) (พ.ศ. ๒๔๘๑) วัดจาลอง (พ.ศ.๒๔๘๔) วดั ปา่ พร้าวใน (พ.ศ. ๒๔๘๕) วดั แสนฝาง (ใหม่) (พ.ศ.๒๔๘๙) วัด ศรีบุญเรือง (พ.ศ. ๒๔๘..) วัดเทพาราม (พ.ศ. ๒๔๘..) วัดบวกครกใต้ (พ.ศ. ๒๔๙๕) วัดป่าพร้าวนอก (พ.ศ. ๒๕๒๑) วัดทรายมูล (พ.ศ.๒๕๓๕) วัดสนั คอื (พ.ศ. ๒๕๕๑) และวัดเวฬุวัน (พ.ศ.๒๕๕๔) เปน็ ตน้ จังหวัดลาพูน ได้แก่ วัดบ้านก้อง (พ.ศ. ๒๔๐๐-๒๔๑..) วัดป่าป๋วย (พ.ศ. ๒๔๔๕) วัดมะเขือแจ้ (พ.ศ. ๒๔๕๗) วัดสันมะโก (พ.ศ. ๒๔๖๗) วัดสวนดอก (พ.ศ. ๒๕๗๐) วัดอรุณวิทยาวาส (พ.ศ. ๒๔๗๖) วัดม่วงโตน (พ.ศ. ๒๔๗๘) วดั ชา้ งสี (พ.ศ. ๒๔๘๐) วดั หนองหอย (พ.ศ. ๒๔๘๐) วดั ฉางข้าวน้อยเหนือ (เดิม) (พ.ศ. ๒๔๘๒) วดั บ้านหลุก (พ.ศ. ๒๔๘๙) วัดปา่ ซางงาม (พ.ศ. ๒๔๙๐) วัดวังผาง (พ.ศ. ๒๔๙๒) และวัดเวียงหนองล่อง (พ.ศ. ๒๔๙๔) เป็นตน้ จังหวดั นา่ น ไดแ้ ก่ วดั ศรพี ันต้น (พ.ศ. ๒๕๔๖) จงั หวดั ลาปาง ไดแ้ ก่ วดั ศรบี ุญโยง (พ.ศ. ๒๔๕๑) รปู แบบดอกสับปะรดทเี่ ก่าที่สดุ บนหนา้ บนั หอไตรลา้ นนา คือ หอไตรวัดบ้านก้อง ในต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ลักษณะดอกทรงพุ่ม ท้ายม้วนเข้าขดเป็นวงกลมชนกัน ๒ วงมีก้านดอกค่ัน ด้านในทาเป็นกลีบดอก ในสุด เป็นลายตาสับปะรด ดอกสบั ปะรดทีห่ น้าบันวดั ป่าปว๋ ย (พ.ศ. ๒๔๔๕) กม็ ีอายุในต้นพทุ ธศตวรรษที่ ๒๕ เช่นกัน ลักษณะต่างออกไปจากดอกสับปะรดท่ีวัดบ้านกอ้ ง เน้นกาบดอกและใบรองกลีบดอกที่ใหญ่มาก ลูกสับปะรดท่ี มองเห็นเพยี งเลก็ น้อยซ่อนในกาบดอกทหี่ ุ้มข้นึ จากโคน กาบและใบเปน็ แบบธรรมชาติ ลกั ษณะลวดลายดอกสับปะรด ท่พี บบนหน้าบนั หอไตรแบ่งไดเ้ ป็น ๑. มองเห็นกาบชัดเจน โดยกาบชั้นในโค้งเข้าเพื่อหุ้มลูกสับปะรด ส่วนกาบช้ันนอกบานออกเหนือลูก สบั ปะรด กลบี และใบด้านล่างทาขนาดเล็ก ต่อเถาออกมาในตอนกลางด้านบนและด้านล่าง อย่างละ ๒ เถา ที่ เป็นทรงกลมก็มลี ายสบั ปะรดหอไตรวดั เทพาราม ที่เป็นทรงรีก็มีลายสับปะรดหอไตรวัดหมื่นสาร (เดิม) วัดช้าง สี วัดสันกาแพง วัดบ้านหลุก วัดม่วงโตน เป็นตน้

193 ๒. ใบหุ้ม โดยใบบานออกมากเกือบเป็นเส้นตรง ไม่มีกาบ ลูกสับปะรดต้ังอยู่ในตอนกลางของใบท่ีแผ่ ออกมาด้านข้าง เชน่ วดั ศรบี ุญเรือง กบั วดั เวยี งหนองล่อง ๓. กาบหุ้มแต่มองเห็นลูกสับปะรดโผล่ออกมาจากกาบท่ีม้วนเข้าไปหุ้มไว้ มีทั้งทรงกลม เช่น วัดทราย มูล วัดฟ่อนสร้อย วัดเมืองวะ และวัดต้นยางหลวง เป็นต้น ท่ีเป็นทรงรี มีวัดหนองหอย วัดฉางข้าวน้อยเหนือ วดั สันป่าเลียง วัดหม่ืนล้าน วดั สันโป่ง วดั เวฬวุ ัน วดั จาลอง และวดั นา้ จา เป็นต้น ส่วนรูปแบบพิเศษ พบท่ีวัดสันมะโก ท่ีทาเป็นรูปทรงประจายาม ด้านในขีดตาสับปะรด หรือวัดศรีพัน ต้นทท่ี าเป็นลกู สบั ปะรดในธรรมชาติเลย นอกจากที่หนา้ บนั แล้วยงั พบลายดอกสบั ปะรดใช้ประดับท่ีบานประตูอีกด้วย พบเพียงวัดเดียวคือวัดอู่ ทรายคา ทาเป็นลายเครือท่ีมีดอกสับปะรดเป็นใจกลาง เครือประกอบด้วยใบผักกาดผักกูด ม้วนทับกันอยู่ใน กรอบสีเ่ หลี่ยมลูกฟักของบานประตู เป็นงานตามอย่างศลิ ปะพม่า ลายสบั ปะรดนีไ้ มป่ รากฏในงานล้านนาโบราณ ไม่ปรากฏทั้งในงานปนู ป้ันท่เี จติยวิหารวัดเจ็ดยอด และ ศาสนาสถานในวัดพระธาตุลาปางหลวง คงเป็นลายที่ประดิษฐ์ขึ้นจากลายพม่า เพราะเป็นที่นิยมประดับกัน ตามศาสนสถานของพม่าในล้านนา ในลวดลายของศิลปะรตั นโกสินทร์กไ็ มป่ รากฏเชน่ กัน (ดภู าพทา้ ยบทท่ี ๔) ลายดอกบัว ลายดอกบวั ใช้หมายถึงการกาเนิดอันศักด์ิสิทธ์ิ เป็นดอกไม้ทิพย์อมฤตสยะบุษปานี ปรากฏเป็นหน่ึงใน ลวดลายประดับรอยพระพุทธบาท บางคร้ังใช้แสดงความหมายของสวรรค์ ล้านนาคงรับการตกแต่งด้วย ลวดลายดอกบวั มาจากจนี ซ่ึงจีนถือว่าเปน็ ดอกไมช้ ัน้ สงู และดอกไม้มงคลประจาฤดูรอ้ น พบว่าใช้ในงานประดับ เครอื่ งถว้ ยจนี จานวนมาก ลวดลายดอกบัวนี้ปรากฏในล้านนามาอย่างช้าในพุทธศตวรรษท่ี ๒๑ เป็นงานปูนปั้นท่ีเจติยวิหารวัด เจ็ดยอด จังหวัดเชียงใหม่ แต่ท่ีจังหวัดสุโขทัย พบมาก่อนแล้วต้ังแต่พุทธศตวรรษท่ี ๑๙ ในงานแผ่นจารึก ลายเส้นวัดศรีชุม ลายดอกบัวท่ีประดับในวิหารพระพุทธ วัดพระธาตุลาปางหลวง ก็มีอายุในพุทธศตวรรษที่ ๒๑ เชน่ กัน ท้ังน้พี บวา่ มีการใชเ้ ปน็ ลวดลายดอกบวั ประดับหน้าบันหอไตร ๑๘ หลัง ในจังหวัดเชียงใหม่ พบที่หน้า บนั หอไตรวัดก่คู า (พ.ศ. ๒๕๕๗) วัดต้นผึ้ง (พ.ศ. ๒๔๖๐) วัดต้นเหียว (พ.ศ. ๒๔๕๖) วัดท่าโป่ง (พ.ศ. ๒๔๗๐) วัดบ้านมอญ (พ.ศ. ๒๔๑๐) วัดหลวงขุนวนิ (พ.ศ. ๒๕๐๐) วัดเมืองเลน็ (พ.ศ. ๒๔๑๑) เปน็ ตน้

194 จังหวัดพะเยามีวัดแม่นาเรือ (พ.ศ. ๒๔๙๔) จังหวัดแพร่มีวัดพระบาทม่ิงเมือง (พ.ศ. ๒๔๙๒) วัดพระ หลวง (พ.ศ. ๒๔๖๐) และจงั หวัดลาพนู มีวัดฉางข้าวน้อยใต้ (พ.ศ. ๒๔๙๘) วัดน้าดิบ (พ.ศ. ๒๔๓๕) วัดแม่แรง (พ.ศ. ๒๔๘๐) ลักษณะลายดอกบัว ท่พี บในหอไตรลา้ นนาไดด้ ังนี้ ๑. ทรงกลมรี มกี ลบี โดยรอบ ด้านในขีดเป็นตารางแทนเกสรบัว บนดอกมีช่อชูขึ้นไป มี ๕ กลีบ ได้แก่ วดั ต้นเหียว เป็นตน้ ๒. ทรงกลมคล้ายดอกบัวจริง ได้แก่ วัดบ้านมอญ วัดเมืองเล็น วัดคร่ึงใต้ วัดตาลชุม วัดพระบาทม่ิง เมือง และวดั ฉางขา้ วนอ้ ยใต้ เป็นตน้ ๓. ทรงถว้ ยปลายงอนลง มีทงั้ กลบี ด้านนอกและด้านใน ไดแ้ ก่ วัดนา้ ดบิ วัดแม่แรง วดั ทา่ โป่ง เปน็ ต้น ๔. ลกั ษณะทรงพมุ่ มีกลีบรอบ ไดแ้ ก่ วัดหลวงขุนวิน วดั กคู่ า วดั แมน่ าเรอื และวัดพระหลวง เป็นตน้ ๕. ลักษณะทรงพุ่ม ทว่ามีกลีบด้านนอกซ้อนกันมากหลายช้ัน โดยช้ันนอกสุดปลายงอนขึ้น ได้แก่ วัด ต้นผ้ึง เป็นต้น แม้ลายดอกบัวจะเป็นลายโบราณล้านนา ทว่าภายหลังเมื่อลายดอกสับปะรดตามแบบศิลปะพม่า ได้รับความนิยมมากกว่า ทาให้การตกแต่งด้วยลายดอกบัวล้านนาลดน้อยลง นอกจากน้ันราวพุทธศตวรรษท่ี ๒๖ ยังปรากฏมีการนาลายดอกบวั ทรงพมุ่ แบบศลิ ปะรัตนโกสนิ ทรเ์ ข้ามาใช้ในล้านนาด้วย (ดภู าพทา้ ยบทท่ี ๔) ลายดอกพดุ ตาน ลายดอกพุดตานนั้น ชาวจีนใช้เป็นภาพตกแต่งศิลปวัตถุมาก่อน เพราะเป็นดอกไม้มงคล เรียก ดอก ฝูหยง หมายถึงความม่ังค่ัง ร่ารวย มียศศักดิ์ เพราะคาว่า ฝู เป็นการพ้องเสียงกับคาว่าฝู้ (ฮก) แปลว่าวาสนา และคาว่า หยง เป็นการพ้องเสียงกับคาว่า หยงหวา ซึ่งแปลว่าพร้อมไปด้วยยศศักด์ิ ไทยเรียกดอกพุดตานบ้าง ดอกโบต๋ันบ้าง ใช้เป็นดอกไม้มงคลเช่นกนั ท้ังนี้พบการตกแต่งลายดอกพุดตานบนเครื่องถ้วยจีนซึ่งพบในประเทศไทย ต้ังแต่พุทธศตวรรษท่ี ๑๘ พบท้ังในจังหวัดสุโขทัย และในล้านนา เช่น โถลายครามท่ีขุดพบในกรุวัดพระพายหลวง จังหวัดสุโขทัย เป็น เครื่องถ้วยจีนท่ีผลิตจากมณฑลเกียงซี ในราชวงศ์หยวน ราว พ.ศ. ๑๗๘๐-๑๕๖๘ หม้อน้าลายครามพร้อมฝา พบท่ีเวียงท่ากาน อาเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเคร่ืองถ้วยจากมณฑลเกียงซี ราชวงศ์หยวนเช่นกัน หรือโถฝาลายเขียนสี พบท่ีกรุวัดเจดีย์สูง อาเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเคร่ืองถ้วยจีนจากมณฑลเกียงซี สมัยราชวงศห์ มิงตอนปลาย ราวพทุ ธศตวรรษที่ ๒๑ เป็นตน้

195 สาหรับชาวล้านนาเอง คงรับเอาลายดอกพุดตานจากจีน มาใช้ตกแต่งศาสนสถานอย่างช้าที่สุดก็ใน พุทธศตวรรษท่ี ๒๑ เช่นที่พบในภาพจิตรกรรมวัดอุโมงค์ จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งใช้เป็นงานปูนป้ันประดับเจติย วิหารทว่ี ดั เจ็ดยอด จงั หวดั เชียงใหม่ เป็นต้น โดยธรรมชาตินนั้ ดอกพุดตานมลี กั ษณะคลา้ ยดอกชบาซ้อน ใบมีลักษณะคล้ายใบฝ้าย ขอบใบหยัก ทั้ง ดอกและใบมีขนาดใหญ่ บานในตอนเช้า เม่ือแรกบานจะมีสขี าว เมื่อสายจะเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู และเป็นสีชมพู เข้มในตอนบ่าย เม่อื ชาวล้านนาเขยี นดอกพุดตานก็เขียนดอกให้โต กลีบดอกกลมปลายกลีบหยักโค้ง เขียนเส้น แรทก่ี ลีบด้านใน ใบวงโค้งปลายแหลม มี ๓ หยัก เขียนดอกทับใบและใบทับก้าน บางภาพกลีบดอกยืดเป็นรูป วงรีกม็ ี พบทั้งดอกตมู และดอกบาน และพบทั้งเปน็ ลายแกะไม้ ปนู ปนั้ ลายคา และลายกระจกฝังในปนู สาหรับงานแกะสลักไม้ลายดอกพุดตานบนหน้าบันหอไตรในจังหวัดเชียงใหม่ เช่นท่ี วัดกอสะเลียม (พ.ศ. ๒๔๕๖) วัดทรายมูลเมือง (พ.ศ. ๒๔๘๐) วดั ขนุ คงหลวง (พ.ศ. ๒๔๘๔) วัดดอกแดง (พ.ศ. ๒๔๘..) วัดหัว ฝาย (พ.ศ. ๒๕๒๗) และวัดหนองแฝก (พ.ศ. ๒๕๔๐) จงั หวัดนา่ น วัดตาลชุม (พ.ศ. ๒๔๑๘) วัดศรีพันต้น (พ.ศ. ๒๔๗๘) จังหวัดแพร่ วัดเมธังกราวาส (พ.ศ. ๒๔๖๘) และจังหวัดลาพูน วัดประตูป่า (พ.ศ. ๒๔๓๗) วัดล่ามช้าง (พ.ศ. ๒๔๕๘) และวัดหนองช้างคืน (พ.ศ. ๒๔๗๔) เป็นต้น บานประตูที่วัดศรีบุญโยง ก็เป็นงานไม้แกะลวดลายดอกพุดตานทาข้ึนใหม่ เป็นรูปดอกพุดตานเรียง ซ้อนกนั ขึน้ ไปทง้ั ดอกตูมและดอกบาน ลายดอกพุดตานท่ีเป็นงานฉลุลาย ได้แก่ วัดป่าแดด (พ.ศ. ๒๔๘๐) จังหวัดเชียงใหม่ และวัดศรีชุม (พ.ศ. ๒๔๘๐) จังหวัดแพร่ นอกจากนี้ยังพบลายดอกพุดตานที่เป็นลายฉลุ (ลายคา) บนบานประตูหอไตรวัด เกตการาม จังหวัดเชียงใหม่ เปน็ ลวดลายดอกพุดตานก้านต่อดอกข้ึนไปในแกนกลางของบานประตู แต่ละดอก ในตอนกลางแยกก้านออกไปเป็นดอกใหม่ท้ัง ๒ ด้าน ด้านละ ๑ ดอก งานชิ้นน้ีน่าจะเป็นงานท่ีซ่อมขึ้นใน ภายหลังพรอ้ มผนงั หอไตรทเี่ ปน็ ลวดลายราชวตั รอย่างลายในศลิ ปะรตั นโกสนิ ทร์ ลายดอกพุดตานท่ีเป็นงานกระจก มีหอไตรวัดสิริมังคลาราม (๒๕...) วัดพระเจ้าเม็งราย (๒๕๒๓) วัดอัมพาราม (พ.ศ. ๒๕๕๖) จังหวัดเชยี งใหม่ เป็นตน้ ลกั ษณะลายดอกพดุ ตาน ทพ่ี บในหอไตรล้านนา จะไดด้ ังนี้ ๑. มีกลีบดอกซ้อนกันมาก ใบมีลักษณะตามธรรมชาติ เช่น วัดทรายมลู เมือง วดั ลา่ มชา้ ง เป็นตน้ ๒. กลีบดอกซ้อนกนั ใบแบบใบผักกาดม้วนปลายแบบผักกูด เช่น วัดขุนคงหลวง วัดหัวฝาย วัดหนอง ชา้ งคนื วดั ศรพี ันตน้ เปน็ ต้น

196 ๓. กลีบดอกซ้อนกัน ใบรอบดอกเป็นใบธรรมชาติมี ๔ ใบ อยู่ ๔ ทิศ เช่น วัดเมธังกราวาส และวัด หนองแฝก เปน็ ต้น ลายดอกพุดตานน้ีแม้เป็นลายโบราณล้านนา แต่ต่อมาก็ค่อยๆ เลือนไปจากงานไม้แกะสลักประดับ หน้าบนั ล้านนา โดยมกี ารใช้ดอกสับปะรดเข้ามาแทนที่ (ดูภาพทา้ ยบทที่ ๔) ง. ลวดลายบุคคล เทวดา นิยมเขยี นกนั มาในลา้ นนาตัง้ แตพ่ ทุ ธศตวรรษที่ ๒๑ เช่น บนแผงไม้หลังพระประธานในวิหารพระพุทธ วัดพระธาตุลาปางหลวง ซ่ึงเป็นงานฉลุลาย เป็นภาพเทวดาน่ังชันเข่า พนมมือพร้อมถือช่อดอกไม้ท่ีเป็นลาย เครือเถา หรืองานปูนปั้นเทวดาประดับเจติยวิหารท่ีวัดเจ็ดยอด จังหวัดเชียงใหม่ ก็มีอายุในช่วงพุทธศตวรรษท่ี ๒๑ เชน่ กนั รับอิทธิพลจากศลิ ปะลังกา สุโขทยั และอยธุ ยา หน้าบนั หอไตรทปี่ ระดบั รปู เทวดานี้ พบมากเปน็ ลาดบั ที่ ๒ รองลงมาจากลายดอกสับปะรด มีทั้งท่ีเป็น เทวดาคร่ึงองค์ (๒๕ หลัง) เทวดายืนเต็มองค์ (๙ หลัง) เทวดานั่ง (๑ หลัง) ท้ังหมดแสดงท่าพนมมือ บ้างก็ถือ พระขรรค์ บ้างก็ถือช่อดอกไม้ มีทั้งที่เป็นงานไม้แกะสลัก งานปูนปั้น และงานประดับกระจก ท่ีมีอายุเก่าสุดใน กลางพุทธศตวรรษท่ี ๒๕ พบมากในพ้ืนที่จังหวดั แพรแ่ ละนา่ น สาหรับลวดลายเทวดานั่งพนมมือ พบเพียงแห่งเดียวท่ีจังหวัดน่าน ได้แก่ วัดหัวข่วง (พ.ศ. ๒๔๗๓) ลักษณะท่านง่ั คล้ายกบั ท่าน่ังของครฑุ เทวดาสวมชฎาสูง ประดับอนิ ทรธนู สวมพาหรุ ัด แถบผ้าหนา้ นางท่ีตกลง มาทาเป็นร้ิวๆ ลวดลายเทวดายืนพนมมือ ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ วัดมหาวัน (พ.ศ. ๒๔๖...) วัดหนองโค้ง (พ.ศ. ๒๕๔๓) จังหวดั เชียงราย เชน่ วดั กาสา (พ.ศ. ๒๕๔๕) จังหวัดแพร่ ได้แก่ วัดพงษฺสุนันท์ (พ.ศ. ๒๔๗๕) วัดพระ นอน (พ.ศ. ๒๔๗๐) วัดศรีบุญเรือง (พ.ศ. ๒๔๗๗) วัดเหมืองหม้อ (พ.ศ. ๒๔๗๗) จังหวัดลาปาง ได้แก่ วัดบ้าน เอ้อื ม (พ.ศ. ๒๔๖๓) จังหวัดลาพูน ได้แก่ วดั ดงฤๅษี (พ.ศ. ๒๔๔๗) เปน็ ต้น ลวดลายเทวดาที่เก่าที่สุดซ่ึงยังมีความเป็นพื้นเมืองอยู่มาก คือ ที่วัดดงฤๅษี จังหวัดลาพูน เป็นภาพ เทวดายืนพนมมือ สวมชฎา กรรเจียก ประดับอินธนู ผ้านุ่งแกะเป็นใบไม้ขนาดใหญ่ ๒ ใบ แผ่ออกไปด้านข้าง และงอนขน้ึ ดา้ นบน คล้ายกับใบไม้ที่รองรับภาพเทวดานงั่ เครอื เถาทอดออกมาจากใบไม้สอดในวงพระกร ก่อน แผ่เครอื อออกไปดา้ นบน สวมพระบาทปลายงอน ลวดลายเทวดาที่สะท้อนอิทธิพลศิลปะรัตนโกสินทร์ได้เป็นอย่างดี คือ เทวดาที่วัดมหาวัน เป็นเทวดา ยนื ถอื พระขรรค์ ในลักษณะเท้าสะเอว สวมชฎาทรงสูง ประดับกรรเจียก สวมกรองศอ สายธุรา ผ้านุ่งยาวเลย

197 พระชงฆ์เล็กน้อย มีวงโค้งเป็นรูปคล้ายดอกพุดตานซ้อน ๒ ชั้น ตามจานวนชายผ้านุ่งท่ีแผ่ออกมาท้ังสองข้าง ลกั ษณะเปน็ ลายกนก สวมทองพระบาท และสวมพระบาทปลายงอน ลวดลายเทวดายืนในกล่มุ เมอื งแพร่พบมากท่สี ดุ ได้แก่ วดั พงษส์ นุ ันท์ (พ.ศ. ๒๔๗๕) วัดพระนอน (พ.ศ. ๒๔๗๐) วัดศรีบุญเรือง (พ.ศ. ๒๔๗๗) และ วัดเหมืองหม้อ (พ.ศ. ๒๔๗๗) นอกจากนี้ยังพบที่หน้าบันวิหารวัด หลวง หน้าบันอุโบสถวิหารวัดพระธาตุช่อแฮด้วย ท้ังหมดเป็นงานในระยะเวลาใกล้เคียงกันท่ียังคงสะท้อน ความเป็นพ้ืนเมืองได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ ใบหน้ารูปวงรี เกล้ามวยผมเป็นชั้นสูงข้ึนไป สวมชฎาท่ียอดมวยผม ประดับกรรเจียก อินทรธนู สายธุรา ผ้านุ่งยาวมีชายไหวชายแครง มีเพียงเทวดาที่วัดเหมืองหม้อได้ยกพระกร ขวาข้ึนเสมออก ส่วนพระกรซ้ายท้ิงลงขนานไปกับพระวรกาย และมีเพียงเทวดาที่วัดพงษสุนันท์ที่ยืนบนครุฑ ซ่ึงอาจหมายถึงพระนารายณก์ ไ็ ด้ เทวดาพนมมือคร่ึงตนประดับหอไตรในจังหวัดเชียงใหม่ ท่ีวัดน้าโจ้ (พ.ศ. ๒๔๕๗-๒๕๐๑) วัดป่าตึง (พ.ศ. ๒๕๐๙) วดั ป่าสักน้อย (พ.ศ. ๒๕๐๙) วัดพวกแตม้ (พ.ศ. ๒๔๘..) วดั ฟา้ ฮ่าม (พ.ศ. ๒๕๒๙) วดั เมธงั (พ.ศ. ๒๕๑๕) วัดเมืองกาย (พ.ศ. ๒๕๑๘) วัดสันดอนรอม (พ.ศ. ๒๕๔๖) และวัดหมื่นสาร (ใหม่) (พ.ศ. ๒๕๒๕) ใน จังหวัดแพร่ มีวัดพระเกิด (พ.ศ. ๒๔๗๖) วัดเขื่อนคาลือ (พ.ศ. ๒๔๘๙) วัดชัยมงคล (พ.ศ. ๒๔๖๘) วัดสูงเม่น (เดิม) (พ.ศ. ๒๔๕๐) และวัดรอ้ งธาร-ทา่ ลี่ (พ.ศ. ๒๕๔๓) เป็นต้น ภาพเทวดาพนมมือครึง่ ตนน้มี ีความเกี่ยวขอ้ งกับลายพมุ่ ขา้ วบิณฑ์เทพพนม อนั เป็นลายไทยท่ีพระเทวา นิมิตรเขียนในสมุดตาราลายไทย ช่วงหลัง พ.ศ. ๒๔๘๐ นอกจากจะพบว่าเป็นลวดลายประดับหน้าบันหอไตร แล้วยังพบการประดับลวดลายน้ีที่หน้าบันอุโบสถวิหารวัดต้นธง วัดเสด็จ วัดเชตะวัน วัดน้าชาชลประทาน รงั สรรค์ เป็นตน้ ทงั้ หมดเป็นงานฝมี ือช่างพื้นถิ่นที่สร้างข้ึนในช่วง พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็นต้นมา โดยจัดภาพเทวดาน้ี ไว้ในตาแหน่งกลางจั่ว และลายเครือเถามักเป็นลายกนกที่ได้รับอิทธิพลจากรัตนโกสินทร์เช่นกัน ท้ังน้ีมีเพียง หนา้ บนั หอไตรวดั ชยั มงคลเพียงวดั เดียว ท่ไี มไ่ ดจ้ ดั ภาพเทวดาไว้ในตาแหน่งกลางจั่ว แต่ให้กระจายไปตามเครือ เถาทเี่ ลื้อยเต็มหน้าบัน ส่วนภาพเทวดาท่ีแกะสลักบนบานประตูศาสนสถานในล้านนา มีลักษณะคล้ายคลึงกัน กล่าวคือ เป็น เทวดายืนบนดอกบัว หันหน้าเข้าหากัน พนมมือกระทาอัญชลีพร้อมช่อดอกไม้ เป็นต้น และไม่พบลักษณะ เทวดาแบบล้านนาเลย มีทั้งท่ีแสดงทวงท่าพนมมือและถือพระขรรค์ มีจานวน ๙ หลังด้วยกัน ท่ีวัดป่าพร้าว นอก วัดฟา้ ฮ่าม วัดหางดง วดั หัวข่วง วัดช้างคา้ วดั กาสา วัดช้างรอง และวดั พระธาตหุ รภิ ุญชยั นอกจากการแกะสลักไม้แล้ว ยังมีงานฉลุลายและการขูดขีดเป็นภาพเทวดาอีก ๑๕ หลัง ในจังหวัด เชยี งใหม่ ไดแ้ ก่ วดั ชัยศรีภูมิ วัดน้าโจ้ วดั ปา่ แดด วดั ฟ่อนสร้อย วดั เมอื งเล็น วัดศรสี พุ รรณ วดั แสนฝาง วัดหม่ืน ล้าน วัดอุปคุต จังหวดั ลาพนู มีวดั ประตปู า่ วัดสันดอนรอม วดั ห้วยกาน และวดั เหลา่ ยาว เปน็ ต้น รูปแบบท่ีต่างออกไป เป็นลวดลายเทวดาที่วัดสันกาแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการใช้เทคนิคการปิด ทองลายรดนา้ ลกั ษณะเปน็ เทวดายนื หันด้านข้าง ยกพระกรขวาขึ้นเสมอไหล่ และสูบบุหร่ี เป็นงานศิลปกรรม

198 ในศิลปะพม่า เช่นเดียวกับเทคนิคปิดทองลายรดน้าท่ีประตูวัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ ลายรดน้าที่ประตูวัด พวกแตม้ จังหวัดเชยี งใหม่ และผนังหอ้ งเก็บธรรมท่วี ดั หลวง จงั หวดั แพร่ นอกจากน้ียังมีการประดับลวดลายเทวดาในลักษณะภาพวาดบนบานประตูอีก มี ๒ หลัง ได้แก่ หอ ไตรวัดดอนไชยพระบาท และวัดนาปงั จงั หวัดน่าน เป็นต้น ทั้งสองเปน็ งานฝมี ือช่างพื้นถิน่ สาหรับฝาผนังหอไตรที่ตกแต่งด้วยลวดลายเทวดา มีงานฉลุลายเป็นจานวนมาก ได้แก่ วัดน้าโจ้ จังหวัดเชียงใหม่ วัดทุ่งโฮ้งเหนือ จังหวัดลาปาง วัดเหมืองหม้อ จังหวัดแพร่ วัดประตูป่า วัดป่าเหียง และวัด ห้วยกาน จังหวัดลาพูน ท่ีเป็นงานปูนป้ัน ได้แก่ วัดน้าดิบ กับวัดป่าสีเสียด จังหวัดลาพูน งานปูนปั้นท้ังสองน้ี สะท้อนความ เปน็ พื้นถน่ิ ของชาวไทยองในจงั หวัดลาพนู ไดเ้ ป็นอย่างดี (ดูภาพท้ายบทที่ ๔) ชาดก พุทธประวตั ิ พระพทุ ธเจ้า งานที่โดดเด่นเป็นการเลา่ เร่อื งพทุ ธประวัติ ด้วยเทคนิคจิตรกรรมบนฝาผนังภายนอก ได้แก่ หอไตรวัด ช่างฆ้อง วัดอุปคุต จังหวัดเชียงใหม่ วัดเข่ือนคาลือ วัดชัยมงคล จังหวัดแพร่ ท้ังหมดเป็นงานเขียนที่สะท้อน ศิลปะรัตนโกสินทร์ ยกเวน้ จิตรกรรมฝาผนังภายในท่ีวัดหนองเงอื กทีส่ ะท้อนงานศิลปะพมา่ ภาพจิตรกรรมสีฝุ่นที่วัดช่างฆ้อง จังหวัดเชียงใหม่ แสดงฝีมือช่างพื้นถิ่น ตัวภาพและองค์ประกอบไม่ ประณีตมากนกั ปล่อยให้ฉากหลังท่ีเป็นธรรมชาติป่าเขาดูเด่น สีที่ใช้มีเพียงทั้งสีคราม ขาว เทา และดา โดยใช้ เทคนิคการตัดเส้นรอบตัวภาพทาให้ภาพดูโดดเด่น ส่วนจิตรกรรมสีน้ามันที่วัดอุปคุต จังหวัดเชียงใหม่น้ัน ได้ แสดงความเป็นพืน้ ถ่ินมากยงิ่ กวา่ จติ รกรรมในกลุม่ จังหวดั แพร่ ไดแ้ ก่ วัดเขอ่ื นคาลอื กบั วดั ชยั มงคล เปน็ จิตกรรมสีฝนุ่ ทลี่ บเลือนไปมาก แลว้ แม้จะเป็นฝีมือช่างท้องถ่ิน แต่ก็แสดงอิทธิพลศิลปะรัตนโกสินทร์ในส่วนรูปแบบสถาปัตยกรรม มีการใช้สี ฟา้ และสเี หลอื ง สาหรบั จิตรกรรมของวดั ชัยมงคลเป็นภาพพุทธประวัติและชาดกพระเจา้ สบิ ชาติ จิตรกรรมที่วัดหนองเงือก จังหวัดลาพูน เป็นเพียงแห่งเดียว ท่ีสะท้อนภาพอย่างศิลปะพม่า วาดใน พ.ศ. ๒๔๖๐ สมัยครูบาญาณะเป็นเจ้าอาวาสวัด (พ.ศ. ๒๔๕๓ – ๒๔๙๐) โดยช่างไทใหญ่ ด้านทิศตะวันออก เป็นภาพซมุ้ ดา้ นนีเ้ มื่อก่อนคงประดิษฐานพระประธาน ด้านทิศใต้เป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพระมารดา บนสวรรค์ เสด็จโปรดชาวเมืองสาวัตถี และเสด็จโปรดพญานาค ด้านทิศตะวันตกเป็นภาพพรหมจักรชาดก หรอื เจา้ ลังกาสิบหวั ของล้านนา หรือรามเกยี รติ์ของภาคกลาง เปน็ จติ รกรรมทีใ่ ช้สสี นั สดใสเตม็ ไปด้วยความสนุกสนาน โครงสีที่นิยมใช้เป็นหลัก คือ สีแดงกับสีคราม หรือสีเขียวกับสีเหลือง การเขียนภาพบุคคล ทั้งพระพุทธเจ้า กษัตริย์ หรือตัวเอกของเร่ือง รวมถึงฉาก

199 สถาปัตยกรรม ปราสาทราชวังเป็นไปตามที่ปรากฏในศิลปกรรมแบบพม่า ใช้วิธีการตัดเส้นรอบนอกตัวงาน และมีองค์ประกอบภาพขนาดเล็ก แสดงเหตุการณ์สาคัญของท้องเรื่องเรียงต่อกันจนเต็มฝาผนัง ช่างจะใช้วิธี ซอ้ นภาพในการจัดระเบียงกลุ่มภาพย่อยต่างๆ คือ ภาพท่ีต้องการให้อยู่ใกล้จะวางด้านหน้าหรือล่างสุด ภาพท่ี อยู่ไกลวางซอ้ นถัดข้ึนไปด้านบน ยังไม่ได้รับอิทธิพลการเขียนลาดบั ความลกึ แบบงานตะวนั ตก ท้ังนี้ลักษณะงานจิตรกรรมแบบพม่า ยังปรากฏในวิหารวัดบวกครกหลวง วัดป่าแดด และวัดท่าข้าม จงั หวัดเชยี งใหม่ดว้ ย นอกจากน้ียังพบว่าเคยมีงานจิตรกรรมฝาผนังสีฝุ่นท่ีหอไตรวัดสันป่าเลียง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นภาพ เทพบุตร เทพธิดา ภาพ ๑๒ ราศี และภาพพระแม่ธรณี ภายหลังถูกน้าท่วมเสียหาย ใน พ.ศ. ๒๕๓๖ กรม ศิลปากรได้บูรณะและทาการปั้นปูนแทนภาพจิตรกรรมท่ีเสียหาย โดยยังคงรักษาเนื้อหาเดิมไว้ ปัจจุบันจึงไม่ ปรากฏภาพจิตรกรรมบนผนังชั้นล่างของหอไตรวดั สนั ป่าเลยี งแลว้ น่าสังเกตว่า ภาพจิตรกรรมฝาผนังของหอไตรจะวาดไว้ภายนอก อาจสะท้อนว่าหอไตรเป็นอาคารที่ ต้องการให้ถูกเห็นจากภายนอกเท่านั้น ไม่ต้องการให้เข้าไปใช้ประโยชน์จากด้านใน เช่นเดียวกับการตกแต่ง ผนังหอไตรดว้ ยลายปดิ ทองรดน้า หรอื ลายคาบนหอไตร ที่มกั ประดับอย่ดู า้ นนอกอาคาร สาหรบั งานหน้าบันหอไตรท่ีเป็นภาพพระพุทธเจ้า มักเป็นงานปูนป้ัน ปูนหล่อ ท่ีสร้างข้ึนใหม่ ในพุทธ ศตวรรษที่ ๒๖ ทั้งสิ้น ได้แก่ หอไตรวัดดอกเอื้อง วัดท่าเกวียน วัดข้าวแท่นน้อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น (ดู ภาพทา้ ยบทท่ี ๔) ยกั ษ์ หน้าบันหอไตรที่ตกแต่งเป็นรูปยักษ์ พบไม่มากนัก มีจานวน ๓ หลัง ท้ังหมดพบในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ วัดชัยศรีภูมิ วัดช่างฆ้อง วัดอู่ทรายคา ท่ีเป็นงานไม้แกะสลักประตูหอไตร พบที่หอไตรวัดกู่คาและวัดชัย ศรภี ูมิ สว่ นทีเ่ ปน็ งานปูนปั้น พบทว่ี ดั ชา่ งฆ้อง ท้งั หมดมคี วามเกี่ยวข้องกบั งานศลิ ปกรรมพม่า สาหรับงานปูนป้ันที่วัดช่างฆ้อง เป็นปูนปั้นสตายน้า อันเป็นเทคนิคท่ีใช้ในงานศิลปกรรมไทใหญ่หรือ พม่ามาก่อน มีข้ันตอนสาคัญคือทิ้งปูนปั้นไว้ในท่ีร่มระยะหนึ่ง เม่ือจะนามาป้ัน จึงนามาตาใหม่โดยผสมน้ามัน ตงั อว๊ิ เพม่ิ เข้าไป (ดภู าพท้ายบทที่ ๔) จ. ลายอน่ื ๆ ได้แก่ ลายราชวัตร พบมากบริเวณผนังหอไตรชั้นบน เป็นลวดลายท่ีล้านนารับจากรัตนโกสินทร์ ใช้ หมายถึงร้ัวล้อม นอกจากน้ียังพบลวดลายสัตว์หิมพานต์อีกจานวนหนึ่ง ได้แก่ ครุฑ หนุมาน หรือหอรมานที่

200 เรยี กกันในล้านนา ชา้ งเอราวณั นาค หนา้ สงิ ห์ แม้ลวดลายสัตวห์ มิ พานต์จะพบในลา้ นนามาต้ังแต่พุทธศตวรรษ ท่ี ๒๑ แล้ว แต่ลวดลายที่ปรากฏบนหอไตร ล้วนได้รับอิทธิพลศิลปะรัตนโกสินทร์แล้ว ทั้งยังพบลวดลายเสา ธรรมจักร และพานรฐั ธรรมนูญอกี จานวนหน่ึง ไม่มากนกั (ดภู าพทา้ ยบทท่ี ๔) ๔.๑.๒.๓ ชนชาตกิ ับลวดลายประดบั หอไตรล้านนา ก. ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ท่ีมีชาวไทยวนอาศัยมาเน่ินแล้ว พบรูปแบบศิลปกรรมที่มีลักษณะเฉพาะ ตน กล่าวคือ พบลวดลายเมฆไหลท่ีเป็นลายเก่าแก่ของลา้ นนา รับอทิ ธพิ ลศิลปะจีน และมีการผสมสานระหว่าง ศิลปะพม่า และศิลปะรัตนโกสนิ ทรอ์ ยูม่ าก ข. ในพื้นที่จังหวัดลาพูนท่ีมีชาวไทยองอาศัยอยู่มาเน่ินนานแล้ว พบรูปแบบศิลปกรรมที่มี ลักษณะเฉพาะตน กล่าวคือ ลวดลายไม้แกะสลัก มักแกะให้มีปริมาตรใหญ่ ดูเทอะทะ นิยมลวดลายหนุมาน และมีอิทธิพลศลิ ปะพม่าอยมู่ าก ค. ในพ้นื ท่ีจงั หวัดน่านที่มีชาวไทล้ืออาศัยอยู่มาเนิ่นนานแล้ว พบรูปแบบศิลปกรรมที่มีลักษณะเฉพาะ ตน กลา่ วคอื ลวดลายไม้แกะสลัก มักแกะเป็นชิ้นๆ แล้วนามาเรียงต่อกัน โดยมีระยะห่างระหว่างตัวลายแต่ละ ตัวมาก และมอี ทิ ธิพลของศลิ ปะรัตนโกสินทรอ์ ยู่มาก ง. ในกล่มุ วัดชาวไทใหญแ่ ละชาวพมา่ ในพนื้ ท่ีจงั หวัดเชียงใหม่ พบรูปแบบศิลปกรรมท่ีมีลักษณะเฉพาะ ตน กล่าวคือ ลวดลายไม้แกะสลัก นิยมเครือดอกสับปะรด โดยเครือมีลักษณะกลมมน บิดพลิ้ว ส่วนใบไม้ เหมอื นใบไมจ้ ริง มีกายซ้อนหลายชั้น นิยมแกะรูปเทวดา หรือสัตว์หิมพานต์ สอดร้อยไปกับเครือเถา และนิยม ทาสเี หลอื ง แดง

201 ภาพศลิ ปกรรมบนหอไตรลา้ นนา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook