Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หอไตรล้านนา

Description: หอไตรล้านนา

Search

Read the Text Version

358 ๕.๒.๓.๒ วัดไหลห่ ินหลวงแก้วช้างยืน (เสลารตั นปพั พตาราม) ท่ีตั้งวัด นอกเมืองลา้ ปาง ในเขตอ้าเภอเกาะคา จังหวดั ลา้ ปาง ห่างจากวัดพระธาตุล้าปางหลวง ประมาณ ๖.๖ กม. หา่ งจากตวั เมืองลา้ ปางปจั จบุ นั ประมาณ ๒๐ กโิ ลเมตร สังกดั คณะสงฆ์มหานิกาย ความสาคญั ของวดั ๑. สถาปตั ยกรรม ศิลปกรรม รวมถงึ ผงั วัด ย่อส่วนจากวดั พระธาตลุ ้าปางหลวง ๒. วิหารฝีมอื ช่างเชียงตงุ ประวัตวิ ดั วัดไหล่หิน หรือวัดป่าหิน หรือวัดม่อนหินแก้วก็เรียก ไม่มีประวัติการสร้างวัดอย่างชัดเจน แต่พบใบ ลานที่เก่าท่ีสุดของวัด ระบุศักราชในการจารใบลานใน พ.ศ. ๒๐๑๔ กล่าวคือ วัดไหล่หินต้องมีมาก่อน พ.ศ. ๒๐๑๔ แลว้ ในชว่ งพุทธศตวรรษท่ี ๒๒ พุทธศาสนาได้เจรญิ อยา่ งมากในจงั หวัดลา้ ปาง และวดั ไหล่หนิ ก็เป็นสถานที่ สา้ คัญในการศกึ ษาเลา่ เรยี นศาสนาของภกิ ษุสามเณร เช่นเดียวกับวัดพระธาตุล้าปางหลวง พ.ศ. ๒๑๙๓ พระมหาปา่ เกสรปญั โญ เจา้ อาวาสวัดไหล่หินล้าดับท่ี ๗ ท่ีมีช่ือเสียงรูปหนึ่ง ได้อุปสมบท เปน็ พระภิกษุ ต่อมา พ.ศ. ๒๒๒๖ ท่านไดส้ รา้ งวิหารวดั ไหลห่ นิ ขึนโดยใชช้ า่ งเชยี งตุง ที่ตั้งหอไตร นอกเขตพทุ ธาวาส ดา้ นทิศใตข้ องเจดีย์ ประวัตกิ ารสรา้ งหอไตร

359 ในประวัติวดั ระบุว่า สรา้ งใน พ.ศ. ๒๔๖๒ สมยั เจ้าบุญวาทยม์ านติ โดยพระอตุ มะอารามะธิบดี พระยา ศรีวิเลิศ พระยาแสนเต้า หนานวงศ์ และหนานมณีวรรณ์ เดิมใช้เป็นกุฏิพระสงฆ์ เป็นระยะเวลาใกล้เคียงกับ การสรา้ งอุโบสถ คือ พ.ศ. ๒๔๕๙ สถาปัตยกรรม หอไตรไม้ ชันเดยี ว ตงั อยู่บนพืนซีเมนต์สูงประมาณ ๑ เมตร ตัวอาคารมีขนาดกว้าง ๖ เมตร ยาว ๑๕ เมตร ในผังสี่เหล่ียมผืนผ้า ต่อมุขโถงด้านหน้า อาคารมี ๔ ช่วงเสา มุขมี ๒ ช่วงเสา ก่อผนังทึบสูงขึนไป ประมาณ ๓ ใน ๔ ของผนังทังหมด มีเพียงผนังด้านท้ายเท่านันที่ก่อทึบไปถึงโครงสร้างหลังคา ไม่มีช่อง หนา้ ต่าง มีเพยี งช่องประตูทางดา้ นหน้าเทา่ นัน คานไม้ที่วางพาดกับเสามีขนาดใหญ่มาก โดยบากหัวเสาออกคร่ึงหน่ึง ตังไม้โครงสร้างหลังคาขึนไป แบบม้าตง่ั ไหม รบั หลังคาจ่ัวมุงดว้ ยกระเบอื งดินเผา ส่วนตัวห้องโถงด้านหน้า ลดชันหลงั คาลงมาเลก็ นอ้ ย ศิลปกรรม แกะสลกั ไม้ หน้าบัน หนา้ มขุ โถงในโครงสรา้ งมา้ ตัง่ ไหม เป็ฯลายเมฆไหลในกรอบรูปวงกลม ภายในช่องลกู ฟัก คันทวย (ค้ายนั ) แกะลายดอกไม้ ใบไม้ สตั วห์ ิมพานต์ มีลกั ษณะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ การปกป้องคมุ้ ครอง ๑.ประกาศขึนทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติและก้าหนดขอบเขตโบราณสถาน ในราชกิจจา นุเบกษา เลม่ ท่ี ๓๗ ตอนที่ ๑๕๙ ลงวนั ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ หอไตรวดั ไหลห่ นิ

360 ภาพลายเส้นหอไตรวดั ไหลห่ นิ จงั หวดั ลาปาง

361 ด้านทศิ ใต้ ดา้ นทิศเหนือ ๕.๒.๓.๓ ด้านทิศตะวนั ออก วดั บา้ นเออ้ื ม ผงั พืนอาคาร

362 ท่ีต้งั วัด ทางทิศเหนือของเมืองล้าปาง ห่างจากวัดพระธาตุล้าปางหลวงไปประมาณ ๓๐ กม. และห่างจากตัว เมืองล้าปางประมาณ ๑๐ กม. ในเขตหมู่ ๑ ต้าบลบ้านเอือม อ้าเภอเมือง จังหวัดล้าปาง สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย ความสาคญั ของวดั ๑. ในหอไตรเกบ็ ใบลานตา้ นานมลู ศาสนา อนั เป็นตา้ นานทางพุทธศาสนาสา้ คญั เลม่ หน่งึ ของลา้ นนา ประวัติวัด เอกสารวัดท่วั ราชอาณาจกั รระบวุ า่ สร้างใน พ.ศ. ๒๓๘๐ ทีต่ ั้งหอไตร หลงั วิหารด้านทศิ ใต้ ประวัติการสรา้ งหอไตร ในบันทึกประวัติวัดบ้านเอือมของพระอาจารย์วงศ์ โพธิลังกา อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านเอือม และอดีต เจา้ คณะตา้ บล ระบวุ ่าหอไตรวดั บ้านเอือมสร้างใน พ.ศ. ๒๔๗๓ พร้อมโบสถ์ และพระพุทธรูป เม่ือคราวที่ท่าน รบั ตา้ แหน่งพระอปุ ชั ฌาย์ ประวตั ิการบรู ณะหอไตร พ.ศ. ๒๕๒๖ สถาปตั ยกรรม หอไตรไม้ชันเดียวใต้ถุนสูง เสาตังบนฐานบัวสูงประมาณ ๖๐ ซม. มีระเบียงปูนล้อม ในผัง ส่ีเหล่ยี มผนื ผา้ หลงั คาทรงโรง ตัวเสาก่ออฐิ ประดับกระจก มีจ้านวน ๑๒ ต้นแต่ละต้นสูงประมาณ ๒ เมตร วาง คานไม้บนหัวเสาและวางตงเหนอื คาน เพ่อื ปพู นื ด้านบน พืนไมเ้ จาะเปน็ ช่องสี่เหลี่ยมสา้ หรบั ใชเ้ ป็นทางขนึ

363 เสาด้านบนเป็นเสาไม้ วางล้อกับด้านล่าง โดยให้เสาตอนกลาง ๔ ต้น เป็นเสาห้องเก็บธรรม และรับ นา้ หนกั หลังคาจ่ัวตอนกลาง สว่ นเสาด้านนอกใช้ยึดแผงระเบียง และใช้รับนา้ หนักหนงั คาปีกนกโดยรอบ ตัวเสา แต่งฉลุลาย ฝาผนงั หอ้ งเก็บธรรมตีด้วยตาขา่ ยลวด ระเบยี งตไี ม้ทึบสูง ๔๐ ซม. แบ่งเป็นช่องส่ีเหลี่ยมแต่ละช่อง แต่งลายฉลรุ ูปนกั ษัตร หลังคาทรงโรงที่ยกจั่วเล็กในตอนกลางขึนอีกชันหนึ่ง มีเครื่องล้ายองเป็นปูน พ่นสีทอง หน้าบันไม้ แกะสลัก ปดิ ทองทตี่ วั ลายและประดับด้านหลัง ศิลปกรรม แกะสลกั ไม้ หน้าบนั เป็นภาพเทวดายืนพนมมอื บนฐานดอกบวั ล้อมด้วยลายเครือเถา คอสอง (คอกดี ) เป็นภาพนกั ษตั รลอ้ มดว้ ยลายเครือเถา ประดับกระจก เสาดา้ นลา่ ง เปน็ ลายเรขาคณิต ฉลลุ าย ผนงั หอไตรเปน็ ลายนกั ษัตร หอไตรวดั บ้านเออื ้ ม

364 ภาพลายเส้นหอไตรวดั บ้านเออื ้ ม จงั หวดั ลาปาง

365 ๕.๒.๓.๔ วัดศรีบญุ โยง ทต่ี ้ังวดั ทิศเหนือของแม่น้าวัง ห่างจากตัวเมืองล้าปางประมาณ ๑.๕ กม. เลขท่ี ๕๙ ต้าบลเวียงเหนือ อ้าเภอ เมอื ง จังหวัดล้าปาง สงั กัดคณะสงฆ์มหานกิ าย ความสาคัญของวัด ๑. มีใบลานตา้ รารกั ษากระดูก ฉบบั วัดศรบี ญุ โยง ๒. หอไตรเปน็ ศลิ ปกรรมแบบพม่า

366 ประวตั ิวดั ในเอกสารของวดั ระบวุ า่ ครบู าปนิ ตา ภิณทสั ส วัดปงสนกุ ใต้ ได้นา้ พระภิกษุสามเณรมาเข้ารุกขมูลบริ เวณปา่ รกร้าง ภายหลังได้ปรับแต่งพืนทีส่ รา้ งส้านกั สงฆ์ และยกฐานะขนึ เป็นวัดใน พ.ศ. ๒๔๖๑ ตังช่ือตามกลุ่ม ตน้ ศรมี หาโพธทิ์ ี่มีอยู่เปน็ จา้ นวนมากทางทิศตะวันออกของวัด ทีต่ ั้งหอไตร ทิศเหนือของวหิ าร ประวตั ิการสร้างหอไตร สร้าง พ.ศ. ๒๕๓๖ ทดแทนหลังเดิม ท่ีย้ายไปไว้ที่วัดพระเจ้าทันใจ จังหวัดล้าปาง โดยสร้างให้มี รปู แบบสถาปัตยกรรมเหมอื นเดิม สถาปตั ยกรรม หอไตร ๒ ชนั ชนั ลา่ งก่ออฐิ ชนั บนเปน็ ไม้ ในผังสี่เหลยี่ มจัตุรัส หลังคาซ้อนกันขึนไป ๔ ชัน ต่อด้วยปลี ยอดแบบสถาปตั ยกรรมพมา่ ชันล่างมีห้องก่ออิฐทาสีขาว รอบห้องมีระเบียงไม้ฉลุลาย ตัวอาคารตังอยู่บนฐานบัวท่ีมีบันไดทางขึน ถาวรด้านทิศตะวันออก ตัวห้องยกเป็นฐานบัวในตอนล่าง มีประตูทางเข้าด้านหน้า ผนังแต่ละด้านมีหน้าต่าง อยา่ งละ ๑ บาน ผนังประดับลายปูนปัน้ บานหนา้ ต่างเป็นไมแ้ กะสลกั ข้างในห้องมีบันไดทางขึนถาวร ไปยังห้องเก็บธรรมด้านบน โดยเจาะพืนเป็นช่องสี่เหล่ียมขนาดเล็ก พอคนลอดได้ ผนังด้านหน้าห้องเก็บธรรมมีประตู ด้านอื่นมีหน้าต่างด้านละ ๑ บานเช่นเดียวกับห้องด้านล่าง ตวั หอ้ งเกบ็ ธรรมมรี ะเบียงทางเดินไดร้ อบ กว้างประมาณ ๖๐ ซม. ตวั ระเบยี งเป็นไม้ฉลุเชน่ เดยี วกบั ด้านล่าง หลังคาซ้อนกันขึนไป โดยแต่ละชันมีลักษณะเป็นหลังคาป้ันหยา ท่ียกจั่วเล็กๆ ในตอนกลางทุกด้าน ของหลังคา มุงด้วยกระเบืองดินเผาสมัยใหม่ หลังคาท่ีเรียงซ้อนกันขึนไปมี ๔ ชัน สร้างให้ลดหล่ันกัน ก่อนรับ ปลยี อดแบบกรวยเหล่ยี มและลกู แก้วบนสุด ศลิ ปกรรม แกะสลักไม้ หน้าบัน เป็นลายเครือดอกสับปะรด บานประตู ลายเครือดอกพุดตาน คันทวย ตัวลวง

367 ปูนปั้น ผนงั อาคารด้านล่าง แต่ละดา้ นเป็นภาพกนิ นรกินรพี นมมือบนหมู่เมฆ และเทวดา ๒ ตน หอไตรวดั ศรีบญุ โยง

368 ภาพลายเส้นหอไตรวดั ศรีบญุ โยง จงั หวดั ลาปาง ด้านทิศตะวนั ตก ด้านทศิ เหนอื

369 ๕.๒.๓.๕ วัดพระเจ้าทนั ใจ ทีต่ ง้ั วดั ทิศเหนือของแม่น้าวัง ห่างจากตัวเมืองล้าปางประมาณ ๓ กม. หมู่ ๓ ต้าบลต้นธงชัย อ้าเภอเมือง จังหวัดล้าปาง สงั กัดคณะสงฆม์ หานิกาย ความสาคัญของวดั ๑. เป็นวัดพมา่ ในลา้ ปาง ประวตั ิวัด เดิมชื่อวัดศรีปทุมมา ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรระบุว่า สร้างมาตังแต่ พ.ศ. ๒๐๑๙ ทว่าในหนังสือ ประวัติวัดระบุว่าสร้างใน พ.ศ. ๒๔๓๗ ทีต่ ้งั หอไตร ด้านหนา้ วหิ าร ติดก้าแพงวัดทางทิศตะวันออก ประวตั กิ ารสรา้ งหอไตร

370 เดมิ เป็นหอไตรเก่าของวัดศรีบุญโยง สร้างโดยครูบาปินตา กับเจ้าหลวงบุญวาทย์วงศ์วานิตย์ เจ้านคร ล้าปาง เมือ่ พ.ศ. ๒๔๕๑ ภายหลังทางวัดศรบี ญุ โยงได้รอื และสร้างหอไตรใหม่ ใน พ.ศ. ๒๕๓๖ ทางวัดพระเจ้า ทนั ใจจงึ ขอผาตกิ รรม น้ามาไวส้ ร้างขนึ ใหม่ เสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๕๔๐ สถาปตั ยกรรม หอไตร ๒ ชนั ชันล่างก่ออฐิ ชันบนเปน็ ไม้ ในผังสเี่ หล่ยี มจัตุรสั หลังคาซ้อนกันขึนไป ๔ ชัน ต่อด้วยปลี ยอดแบบสถาปตั ยกรรมพม่า ชันล่างมีห้องก่ออิฐทาสีด้า ตังบนฐานซีเมนต์ยกขึนจากพืนดินประมาณ ๒๐ ซม. หันหน้าไปทางทิศ เหนอื มปี ระตูเขา้ ด้านหน้า ผนังแตล่ ะดา้ นมีหน้าตา่ งอย่างละ ๑ บาน ผนังประดับลายปูนปั้น บานหน้าต่างเป็น ไมแ้ กะสลกั เจาะพืนด้านบนเปน็ ช่องสีเ่ หล่ยี มขนาดเล็ก พอคนลอดได้ ผนังด้านหน้าห้องเก็บธรรมมีประตู ด้านอ่ืน มีหน้าต่างด้านละ ๑ บานเช่นเดียวกับห้องด้านล่าง ตัวห้องเก็บธรรมมีระเบียงทางเดินได้รอบ กว้างประมาณ ๖๐ ซม. ตัวระเบียงเป็นไมต้ ีเป็นช่องตาราง สูงประมาณ ๑ เมตร หลังคาซ้อนกันขึนไป โดยแต่ละชันมีลักษณะเป็นหลังคาปั้นหยา ท่ียกจ่ัวเล็กๆ ในตอนกลางทุกด้าน ของหลังคา มุงด้วยกระเบืองดินเผาสมัยใหม่ หลังคาที่เรียงซ้อนกันขึนไปมี ๔ ชัน สร้างให้ลดหล่ันกัน ก่อนรับ ปลยี อดแบบกรวยเหลย่ี มและลูกแกว้ บนสุด เครอ่ื งล้ายองเป็นปูน ปัจจบุ นั ใชป้ ระโยชนเ์ ปน็ พิพธิ ภัณฑ์ของวดั ศิลปกรรม แกะสลักไม้ หนา้ บัน ชันท่ี ๑ เป็นลายหม้อปรู ณฆฏะ ชันที่ ๒ และ ๓ เปน็ ลายเครือดอกทรงพมุ่ ข้าวบณิ ฑ์ ปูนปั้น ผนังอาคารด้านล่าง แตล่ ะดา้ นเป็นภาพกนิ นรกนิ รพี นมมอื บนหมเู่ มฆ หอไตรวดั พระเจ้าทนั ใจ

371 ภาพลายเส้นหอไตรวดั พระเจ้าทนั ใจ จงั หวดั ลาปาง

372 ด้านทศิ ใต้ ดา้ นทิศตะวนั ออก ๕.๒.๔ จงั หวัดเชยี งราย มจี านวน ๓ หลงั ๕.๒.๔.๑ วดั ครึ่งใต้

373 ท่ตี ง้ั วัด ทิศตะวันตกของแม่น้าโขง ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ ๗๗ กม. เลขที่ ๑๑๘ หมู่ ๓ ต้าบลครึ่ง ใต้ อา้ เภอเชยี งของ จังหวดั เชียงราย สงั กดั คณะสงฆ์มหานิกาย ความสาคญั ของวัด ๑. หอไตรเป็นหอไตรไม้เสาเดยี วที่เหลืออยู่เพยี งหลงั เดียวในล้านนา ประวตั วิ ดั ประวตั ิวดั ทัว่ ราชอาณาจักรระบุว่า สรา้ งมาตงั แต่ พ.ศ. ๒๔๗๐ ที่ต้งั หอไตร หนา้ อุโบสถทางทิศเหนอื ประวัติการสรา้ งหอไตร ประวัติวดั ท่วั ราชอาณาจกั รระบวุ า่ หอไตรสรา้ งมาตงั แตส่ มัยสร้างวดั ใน พ.ศ. ๒๔๗๐ สถาปัตยกรรม หอไตรไมช้ ันเดียว กลางสระน้า ตัวหอไตรมีขนาดเลก็ ในผงั สี่เหลย่ี มจัตรุ สั กว้างยาวดา้ นละประมาณ ๒ เมตร รองรบั ไวด้ ้วยเสาไมซ้ งุ ขนาดใหญเ่ พียงตน้ เดียว หลังคาทรงโรง มองเหน็ คอสองชัดเจน

374 ด้านล่าง เป็นฐานบัวก่ออิฐในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส วางไว้กลางสระน้า ฐานนียกสูงประมาณ ๘๐ ซม. ตอนกลางของฐานเป็นเสาไม้กลมขนาดใหญ่ตังขึนรองรับห้องเก็บคัมภีร์ ทิศทัง ๘ มีไม้ค้ายันขึนไปยังมุมและ กง่ึ กลางด้านห้องเก็บธรรม เฉพาะที่มุมทังส่ีแกะฐานช้างรองรับไว้ วางคานคู่สอดเข้าไปในเสากลมต้นกลางเป็น รูปกากบาท แลว้ จงึ ตพี ืนชนั บน ไมม่ ตี งเสรมิ ขึนจากคาน ตัวห้องเก็บธรรมทบึ มปี ระตดู า้ นหน้า ฝาตไี ม้ตงั ขึน หลังคาทรงโรง โดยส่วนปีกนกคลุมลงมาต้่ามาก มองเห็นคอสองชัดเจน จ่ัวตอนกลางด้านบนมีขนาด ใหญ่ ช่อฟ้าเป็นไม้แบบนาคปากนกมีปีกอย่างช่อฟ้าท่ีพบท่ัวไปในจังหวัดเชียงรายและน่าน ใบระกาตรง หาง หงสเ์ ป็นหวั นาค ศลิ ปกรรม แกะสลักไม้ หนา้ บัน เครอื ดอกบวั ไมค้ า้ ยันหอไตร เปน็ งานฝมี อื ชา่ งพนื ถ่นิ แกะเปน็ ตวั ครฑุ เหยียบบนสงิ หใ์ นแนวตัง ทาสีสดใส ฉลลุ าย คอสอง แถวเทวดาร่ายรา้ ยกมอื และกางขาทังสองขา้ ง หอไตรวดั ครึ่งใต้

375 ภาพลายเส้นหอไตรวดั คร่ึงใต้ จงั หวดั เชียงราย

376 ด้านทิศตะวันออก ดา้ นทิศเหนอื ๕.๒.๔.๒ วัดดอนแกว้

377 ท่ีตั้งวัด ทศิ ตะวนั ออกของตวั เมืองเชียงราย ห่างกันประมาณ ๒๐ กม. อ้าเภอเทิง จังหวัดเชียงราย สังกัดคณะ สงฆม์ หานิกาย ความสาคัญของวดั ๑. วัดท่ีพยายามฟ้ืนฟูวัฒนธรรมประเพณีทางพระพุทธศาสนาแบบโบราณในจังหวัดเชียงราย เช่น งานเทศน์มหาชาตบิ นหอไตร งานตากธรรม เป็นตน้ ประวัตวิ ัด ประวัตวิ ัดทวั่ ราชอาณาจกั รระบวุ า่ สรา้ งมาตังแต่ พ.ศ. ๒๔๗๕ ทต่ี ้งั หอไตร ทิศเหนอื ของวหิ าร ประวตั ิการสร้างหอไตร สร้างขึนใหม่ ใน พ.ศ. ๒๕๔๘ เลยี บแบบหอไตรวดั คร่งึ ใต้ อ้าเภอเชยี งของ จงั หวดั เชียงราย สถาปตั ยกรรม หอไตรไม้ ชันเดียว ตังอยู่บนเสาไม้ซุงต้นเดียว กลางสระน้า แสดงโครงสร้างที่หนักแน่น ไม่เน้น รายละเอียดในการตกแต่ง มีบันไดทอดจากฝั่งขึนสู่ตัวห้องเก็บธรรมที่มีขนาดเล็ก อยู่ในผังส่ีเหลี่ยมจัตุรัส

378 กว้างยาวด้านละ ๑.๘ เมตร ด้านหน้ามีประตู ด้านท่ีเหลือเป็นหน้าต่าง หลังคาทรงโรง มองเห็นคอสองชัดเจน สว่ นหลังคาปีกนกคลมุ ลงมาต้า่ มาก ทังยกจั่วเลก็ ๆ ในตอนกลางซอ้ นขึนไปอกี ๒ ชัน หอไตรวดั ดอนแก้ว ภาพลายเส้นหอไตรวดั ดอนแก้ว จงั หวดั เชียงราย

379 ด้านทศิ ใต้ ดา้ นทิศตะวนั ออก ๕.๒.๔.๓ วัดกาสา

380 ท่ีตง้ั วัด ทิศตะวันเหนือของตัวเมืองเชียงราย ห่างกันประมาณ ๕๙ กม. เลขท่ี ๗๓ หมู่ ๓ ต้าบลแม่จัน อ้าเภอ เทิง จังหวดั เชียงราย สงั กดั คณะสงฆม์ หานิกาย ความสาคัญของวดั ๑. หอไตรสร้างใหม่ เลียนแบบยุง้ ขา้ วโบราณในลา้ นนา ประวตั วิ ัด พ.ศ. ๒๔๒๔ ครูบาศรัทธาภิรตั น์ (อ่นิ แก้ว) อพยพผู้คนมาจากบ้านแม่สา จังหวัดเชียงใหม่ ขึนมายังริม แม่น้าน้าจัน จังหวัดเชียงราย โดยได้แผ้วถางพืนท่ีด้านทิศตะวันออกของเวียงโบราณช่ือเวียงหวาย ได้สร้าง ส้านักสงฆ์ดอนหมากซกั (ต้นมะค้าดคี วาย) ขนึ ตอ่ มาเม่ือครูบาเจ้าศรีวิชัยผ่านดอนหมากซัก ได้ทักท้านายไว้ว่า เป็นสถานที่ได้ดี ครูบาอิ่นแก้วจึงย้ายส้านักสงฆ์ไปอยู่ในชุมชนเรียกส้านักสงฆ์พญาก๋าต๋อม เพราะมีไม้ฉ้าฉา ขึนมา ภายหลังเปลี่ยนเปน็ วดั กาสา ผกู พัทธสมี าเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๑๔ ทีต่ ั้งหอไตร ทศิ เหนือวหิ าร ติดก้าแพงวดั ทางทิศเหนอื และอยูร่ ะหว่างหอกลองกับหอระฆงั ประวัตกิ ารสร้างหอไตร สร้างขึนใหม่ ตังแต่วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เสร็จและจัดงานฉลองในวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ สมยั พระครสู ุภัทรบุญเขต (บญุ ยงั ) เปน็ เจา้ อาวาส หวั หน้าชา่ งในการกอ่ สร้าง ช่ือนายสวา่ ง อินทร์ใจ สถาปตั ยกรรม หอไตรไม้ชนั เดียว ยกใต้ถุนสูง ในผงั สเ่ี หลี่ยมผนื ผา้ เสา ๖ ตน้ หอ้ งเก็บธรรมมีระเบียงรอบ เสาไม้กลม แบบไมซ้ งุ ตงั สอบเข้าดา้ นบนตามแบบยุ้งข้าวโบราณล้านนา หลังคาทรงคฤห์ ชนั ล่างเทพืนซีเมนต์ ยกสูงประมาณ ๑๐ ซม. มีระเบียงซ่ีไม้ลูกกรงล้อมรอบสูงประมาณ ๔๐ ซม. เสา ระเบยี งตังขนึ ใหมท่ ม่ี ุมพืนซีเมนต์ มปี ระตดู ้านหน้า เสาทงั หมดตังอยูใ่ นระเบียง ตงั คานคูบ่ นหัวเสา ตีตงบนคาน กอ่ นปูพนื ไม้ มบี ันไดถาวรขนึ จากด้านหลงั สู่ระเบียงชนั บนทางทศิ ตะวันออก พืนระเบยี งกว้างประมาณ ๑ เมตร

381 ประตูทางเข้าห้องเก็บธรรมอยู่ด้านหน้าเช่นเดียวกับประตูทางเข้าด้านล่าง บานประตูแกะสลักไม้ ตัวห้องเก็บ ธรรมตฝี าไมต้ ังขึน มหี นา้ ตา่ งด้านละ ๒ ชอ่ ง หลังคาทรงคฤห์ ตกแต่งหน้าบันด้วยไม้แกะสลักปิดทอง ช่อฟ้าเป็นนาคมีวงวงอย่างช้างสวมมงกุฎ ใบระกาเรียบ หางหงส์แบบนาคปากครฑุ ศิลปกรรม แกะสลักไม้ หนา้ บัน เทวดายืนพนมมอื บนนาคสองตัวท่หี ันหวั เข้าหากัน ลอ้ มดว้ ยเครอื ดอกพุดตาน บานประตู เทวดายนื ถือพระขรรค์สองมือ เหยียบบนหลงั สิงห์ หอไตรวดั กาสา

382 ดา้ นทิศใต้ ภาพลายเส้นหอไตรวดั กาสา จงั หวดั เชียงราย ด้านทิศตะวนั ออก

383

388 ๕.๒.๕ จงั หวัดแพร่ มีจำนวน ๕ หลัง ๕.๒.๕.๑ วัดพระนอน ทต่ี งั้ วดั ทิศตะวันออกของแม่น้ำยม ภำยในตัวเมืองแพร่ ห่ำงจำกศำลำกลำงจังหวัด ประมำณ ๑ กิโลเมตร บำ้ นพระนอน ตำ้ บลในเวียง อำ้ เภอเมอื ง จังหวดั แพร่ สงั กดั คณะสงฆ์มหำนิกำย ควำมสำคญั ของวัด ๑. ประดษิ ฐำนพระพุทธรูปไสยำสน์คู่บ้ำนคเู่ มืองแพร่ ประวัติวดั ใบลำนของพ่อหนำนขัด บันทึกไว้ว่ำ วัดพระนอนภำยในเมืองนครโกศัย (เมืองแพร่โบรำณ) สร้ำงโดย พระนำงเจ้ำอู่ทองศรีพิมพำ เพ่ืออุทิศให้พระสวำมี คือ พระยำชัยชนะสงครำม เมื่อ พ.ศ. ๑๔๑๗ พร้อมจำร แผ่นทองค้ำเป็นจำรึกวำ่ “วดั พระนอนนใี ห้มกี ำรนมัสกำรในเดือนเกำ้ เหนือ ขนึ สิบหำ้ คำ้่ ” ต่อมำวัดนีได้ร้ำงไป เหลือเพียงซำกพระนอนขนำดใหญ่ เมื่อสร้ำงวัดขึนใหม่อีกครังให้ชื่อว่ำวัดม่วงค้ำ กอ่ นจะเปลีย่ นชือ่ เป็นวดั พระนอนตำมเดิมเมอื่ พบจำรึกของพระนำงเจำ้ อูท่ องศรพี ิมพำ ทังนีประวัติวัดท่ัวรำชอำณำจักรระบุว่ำวัดสร้ำงขึนใน พ.ศ. ๑๓๒๐ ได้รับพระรำชทำนวิสุงคำมสีมำ พ.ศ. ๒๓๓๖ ท่ีตงั้ หอไตร กลำงวัด ดำ้ นหนำ้ ทำงทศิ ตะวนั ตกของวิหำร ประวตั ิกำรสรำ้ งหอไตร

389 จำกค้ำสัมภำษณ์เม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๒ ของพระครูนิพัฒน์กิจจำทร เจ้ำอำวำสวัดพระนอน นำงค้ำแก้ว ธรรมประเสริฐ อำยุ ๘๔ ปี และนำงค้ำผง ธนำนนท์ อำยุ ๘๕ ปี เห็นพ้องกันว่ำ หอไตรวัดพระนอนสร้ำงขึน ก่อน พ.ศ. ๒๔๐๐ ประวัตกิ ำรบูรณะหอไตร พ.ศ. ๒๔๙๗ และ พ.ศ. ๒๕๒๑ สมยั พระครูนิพนั ธ์กิจจำทร ตำมรูปแบบเดมิ สถำปัตยกรรม หอไตรไม้ชันเดียว ยกใต้ถุนสูง ในผังส่ีเหล่ียมผืนผ้ำ ด้ำนบนมีระเบียงรอบห้องเก็บธรรม หลังคำทรง โรง มงุ กระเบืองดินขอ เครื่องลำ้ ยองเป็นไม้ หน้ำบันแกะสลกั ฝำผนงั ห้องเก็บธรรมเป็นกำรฉลลุ ำย ชันลำ่ งเป็นเสำไม้กลมจำ้ นวน ๑๒ ต้น บนฐำนเทปูนปูกระเบืองยกสูงขึนจำกพืนดินประมำณ ๔๐ ซม. ดำ้ นกวำ้ งประมำณ ๓.๕ เมตร มี ๒ หอ้ งเสำ ด้ำนยำวประมำณ ๖.๕ เมตร มี ๔ ห้องเสำ เจำะเสำสอดคำนตีตง ปูพืนด้ำนบน ชันบนเป็นไม้ มีห้องเก็บธรรมในตอนกลำง กว้ำงประมำณ ๑.๘ เมตร ยำว ๓ เมตร ตังบนฐำนบัว ระเบียงเปน็ ไมฉ้ ลสุ ูง ๖๕ ซม. มปี ระตทู ำงเขำ้ ด้ำนทิศใต้ หลังคำทรงโรง โครงสรำ้ งหลังคำแบบจ่ัวมีจนั จนั ศลิ ปกรรม แกะสลักไม้ หน้ำบัน เทวดำยืนพนมมือบนดอกบัว ลอ้ มดว้ ยเครือดอกพุดตำน เช่นเดยี วกับวหิ ำรวดั พระนอน ฉลลุ ำย เสำดำ้ นลำ่ ง เปน็ ลำยกำ้ นตอ่ ดอกพดุ ตำน ฝำผนังห้องเกบ็ ธรรม เป็นลำยรำชวตั รพุ่มขำ้ วบิณฑ์ หอไตรวดั พระนอน

390

391 ๕.๒.๕.๒ วัดชัยมงคล

392 ท่ีตงั้ วัด ทิศตะวันออกของแม่น้ำยม ภำยในตัวเมืองแพร่ ห่ำงจำกศำลำกลำงจังหวัด ประมำณ ๑.๖ กิโลเมตร อยู่ระหว่ำงถนนช่อแฮกับถนนเหมืองแดง เลขที่ ๗๑ ต้ำบลในเวียง อ้ำเภอเมือง จังหวัดแพร่ สังกัดคณะสงฆ์ มหำนกิ ำย ควำมสำคัญของวดั ๑. หอไตรมีจติ รกรรมสฝี ่นุ ประวัตวิ ดั จำกเอกสำรวัด ระบุว่ำ พระครูวงศำจำรย์ (ทองค้ำ พุทธวังโส) บ้ำนสีลอ เจ้ำคณะจังหวัดแพร่ ได้ ชกั ชวนพระธรรมธรกำรนิ ตำ (บ้ำงกว็ ่ำพระวนิ ยั ธรรม) วัดเมธังกรำวำส และศษิ ยำนุศิษย์มำบุกเบิกพืนที่สร้ำงวัด ใน พ.ศ. ๒๔๓๔ เมอ่ื สร้ำงแล้วให้ชื่อว่ำ วัดชัยมงคลโป่งช้ำง เพรำะมีดินโป่งที่ช้ำงชอบลงมำกิน พระธรรมธรกำ รินตำไดเ้ ป็นเจ้ำอำวำสรูปแรก ตรงกับสมยั เจำ้ พิรยิ เทพวงศ์ เป็นเจำ้ เมอื งแพร่ (พ.ศ. ๒๔๓๒ – ๒๔๔๕) ทตี่ ั้งหอไตร ดำ้ นทิศเหนือของถนนทีต่ ดั ผ่ำกลำงวัด ประวัติกำรสร้ำงหอไตร สรำ้ งสมัยพระธรรมธรกำรินตำเปน็ เจ้ำอำวำส เริ่มสรำ้ ง พ.ศ. ๒๔๖๘ เสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๔๗๐ ประวัติกำรบูรณะหอไตร พ.ศ. ๒๕๓๐ สถำปตั ยกรรม หอไตรไม้ ๒ ชนั ในผังตรมี ขุ ชันล่ำงกอ่ อิฐ ชนั บนเปน็ ไม้ หลังคำตรีมุขล้อกบั ฐำน ชันล่ำง ตัวอำคำรหลักรูปสี่เหล่ียมผืนผ้ำ กว้ำง ๔.๕ เมตร ยำว ๘ เมตร ยกพืน ๔๐ ซม. มีมุขย่ืน ออกมำตอนกลำงด้ำนทิศตะวันตก ตัวมุขกว้ำง ๒.๙ เมตร ย่ืนออกมำจำกอำคำรหลัก ๒.๑๔ เมตร ประตู ทำงเข้ำหน้ำมุข ผนังด้ำนทิศเหนือและใต้มีหน้ำต่ำง ๒ บำน ผนังด้ำนทิศตะวันออกมี ๓ บำน เสำด้ำนล่ำงเป็น เสำปูนรับคำนและตงและพืนไม้ชันบน ระหว่ำงเสำก่อผนังทึบสูง ๒.๕ เมตร ชำยคำย่ืนออกมำประมำณ ๘๐ ซม. มงุ กระเบืองดินขอ

393 ชันบนเป็นไม้ ห้องเก็บธรรมอยู่ตอนกลำง กว้ำง ๒.๓ เมตร ยำว ๔.๕ เมตร ตังบนฐำนบัวสูง ๘๐ ซม. มีประตทู ำงเข้ำกึง่ กลำงอำคำรหลกั มรี ะเบียงรอบ ระเบียงเป็นไมก้ ลงึ สูง ๘๐ ซม. หลังคำทรงโรง มีคอสอง ในผังตรีมุข ใช้โครงไม้ระบบจันทันและแป มุงกระเบืองดินขอ หน้ำบันและ เคร่อื งลำ้ ยองเปน็ ไมแ้ กะปดิ ทอง ศลิ ปกรรม แกะสลักไม้ หนำ้ บนั กลุ่มเทวดำนง่ั บนดอกบวั ออกลำยเป็นพญำนำค คอสอง กลำงลำยเปน็ ดอกบัว ออกลำยเป็นผีเสือ ร้อยดว้ ยใบเทศ มนี กยงู เกำะบนเครอื บำนประตูดำ้ นล่ำง เทวดำยืนพนมมือ มลี ิงแบก ฉลุลำย บำนประตูด้ำนบน แบ่งเป็นช่องลูกฟัก บำนหน่ึงมี ๓ ช่อง เรียงกันไปตำมแนวตัง บนสุดเป็นลำยไก่ (อดีตพุทธ) กลำงเป็นลำยพระพุทธเจ้ำกับพระแม่ธรณี ล่ำงลบเลือน กรอบประตูเป็นลำยเครือดอกไม้สี่กลีบ เหนือประตูเขยี นพระวนิ ยั ธรรม เจำ้ เสำร์ นำยพลอยวงศำ พร้อมด้วยทำยกทำยกิ ำ พ.ศ. ๒๔๗๒ จิตกรรมสฝี ่นุ ฝำผนังห้องเก็บธรรม เป็นภำพพุทธประวัติ ไม่ทรำบตอน เพรำะลบเลือนมำกแล้ว ทว่ำเป็นอิทธิพล ศิลปะรัตนโกสนิ ทร์เนือ่ งจำกภำพตวั บคุ คลและปรำสำทเขยี นอยำ่ งภำคกลำง หอไตรวดั ชยั มงคล

394

395 ด้ำนทศิ เหนือ ภาพลายเส้นหอไตรวดั ชยั มงคล จงั หวดั แพร่ ด้ำนทศิ ตะวนั ตก ๕.๒.๕.๓ วดั พระบำทมิ่งเมือง

396 ที่ตั้งวดั ทิศตะวันออกของแม่น้ำยม ภำยในตัวเมืองแพร่ ห่ำงจำกศำลำกลำงจังหวัด ประมำณ ๑.๒ กิโลเมตร ถนนเจริญเมอื ง ตำ้ บลในเวยี ง อำ้ เภอเมอื ง จังหวัดแพร่ สงั กัดคณะสงฆ์มหำนิกำย ควำมสำคญั ของวดั ๑. ประดิษฐำนพระพุทธโกศัยศิริชัยมกำศำกยมุนี พระคู่บำ้ นคเู่ มอื งแพร่ ๒. วดั ท่ไี ด้รับกำรอุปถมั ภ์โดยเจำ้ นำยเมืองแพร่ ประวัตวิ ดั วัดพระบำทมิ่งเมือง เกิดจำกกำรรวมวัดพระบำทกับวัดม่ิงเมืองเข้ำไว้ด้วยกัน ในวันที่ ๓๑ พฤษภำคม พ.ศ. ๒๔๙๒ ตำมประกำศกระทรวงศึกษำธิกำร โดยวัดพระบำทนันเป็นวัดของอุปรำชหรือเจ้ำหน้ำหอ ส่วนวัด มง่ิ เมอื งเปน็ วัดของเจ้ำผคู้ รองนครแพร่ ตอ่ มำ ๑๔ กมุ ภำพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๘ ยกฐำนะเป็นพระอำรำมหลวงชันตรี ประเภทวรวหิ ำร สงั กดั คณะสงฆม์ หำนิกำย ทตี่ ัง้ หอไตร ด้ำนทิศเจดีย์ หน้ำอำคำรเรยี นมหำวทิ ยำลัยสงฆ์ ประวตั ิกำรสรำ้ งหอไตร เดมิ เปน็ ของวัดมิ่งเมอื ง สร้ำงกอ่ น พ.ศ. ๒๓๙๒ ประวัตกิ ำรบูรณะหอไตร

397 พ.ศ. ๒๓๙๒ สมยั เจำ้ หลวงพมิ พสิ ำร (เจ้ำหลวงขำเค) เจ้ำผูค้ รองนครแพร่ บูรณะล่ำสดุ พ.ศ. ๒๕๓๓ สถำปัตยกรรม หอไตรไม้ชนั เดียวใต้ถุนสูง ในผังส่ีเหล่ียมผืนผ้ำ ด้ำนบนเป็นห้องเก็บธรรมในตอนกลำง มีระเบียงรอบ หลงั คำทรงโรง ชันล่ำง เป็นเสำไม้กลม จ้ำนวน ๒๐ ต้น ตังบนต่อม่อปูนกลม แบ่งเป็นด้ำนกว้ำง ๔ แถว ด้ำยยำว ๕ แถว ฐำนอำคำรกว้ำง ๕.๔ เมตร ยำว ๖.๗ เมตร สอดคำนตีตงรับพืนไมด้ ำ้ นบน ชันบน เป็นห้องเก็บธรรมมีขนำดกว้ำง ๒.๔๔ เมตร ยำว ๓.๗๐ เมตร ยกพืนสูงจำกระเบียง ๑ เมตร แต่งเป็นฐำนบัว ผนังห้องเก็บธรรมตังเสำไม้กลมจำกพืนดินสูงถึงโครงหลังคำ แล้วตีเคร่ำไม้ทังแนวนอนและ แนวตงั กอ่ นจะกรุผนังไม้ มีประตทู ำงเขำ้ ด้ำนทศิ ใต้ ระเบียงไม้กลงึ สูง ๕๐ ซม. หลังคำทำงโรง มคี อสอง ใชร้ ะบบจันทนั และแป มงุ กระเบืองดนิ ขอ ศลิ ปกรรม แกะสลักไม้ หน้ำบัน เครอื ดอกบัว ฉลุลำย ผนงั หอ้ งเก็บธรรม ลำยรำชวตั รพุ่มขำ้ วบณิ ฑ์ เสำด้ำนบน ลำยรำชวัตรดอกพุดตำน หอไตรวดั พระบาทมิง่ เมือง

398 ภาพลายเส้นหอไตรวดั พระบาทมิ่งเมอื ง จงั หวดั แพร่

399 ๕.๒.๕.๔ วัด หลวง

400 ที่ตงั้ วัด ทิศตะวันออกของแม่น้ำยม ภำยในตัวเมืองแพร่ ห่ำงจำกศำลำกลำงจังหวัด ประมำณ ๕๐๐ เมตร ถนนคำ้ ลอื ตำ้ บลในเวยี ง อ้ำเภอเมอื ง จงั หวัดแพร่ สังกดั คณะสงฆ์มหำนกิ ำย ควำมสำคญั ของวดั ๑. วัดท่ีเจ้ำหลวงเมืองแพร่ คือ พระสร้อยสุริยะ เสด็จออกผนวช โดยพระเมืองแก้ว กษัตริย์เมือง เชียงใหม่เสด็จมำร่วมอนุโมทนำบุญ ประวตั ิวัด ประวัติตำมที่ปรำกฏบนใบลำนของวัด ระบุว่ำ พ.ศ. ๑๓๗๑ พ่อขุนหลวงพล ได้อพยพมำจำกน่ำนเจ้ำ มำสร้ำงบ้ำนเรือนบนที่รำบริมฝั่งแม่น้ำยม ต่อมำอีก ๓ ปี ได้สร้ำงวัดบริเวณข่วงบ้ำนหลวงพล โดยได้น้ำ ช่ำงฝมี อื จำกเมอื งเชียงแสนไชยบรุ แี ละเวยี งพำงคำ้ มำชว่ ยสร้ำงวดั ท่ตี ัง้ หอไตร หลงั อโุ บสถ ประวตั กิ ำรสรำ้ งหอไตร หอไตรหลังเดิมสร้ำงใน พ.ศ. ๒๐๕๓ เมื่อสร้ำงแล้ว พระสร้อยสุริยะได้เสด็จออกผนวช พระเมืองแก้ว กษัตรยิ เ์ มืองเชยี งใหม่ไดเ้ สดจ็ มำรว่ มเป็นเจ้ำศรทั ธำดว้ ย หอไตรหลังปัจจุบันสร้ำงใน พ.ศ. ๒๔๐๖ มีเจ้ำตุ้ยและ เจ้ำค้ำปอ้ ธิดำเจำ้ คำ้ ลือ (เจำ้ อุปรำชหอหน้ำสร้ำงวัดพระบำท) เป็นประธำน ประวัติกำรบูรณะหอไตร

401 พ.ศ. ๒๕๕๒ สถำปตั ยกรรม หอไตรไม้ชันเดยี วใต้ถุนสูง ในผังสี่เหล่ียมผืนผ้ำ ด้ำนบนเป็นห้องเก็บธรรมในตอนกลำง มีระเบียงรอบ หลงั คำทรงโรง ชันล่ำง เป็นเสำไม้กลม จ้ำนวน ๖ ต้น เสำยำวตลอดถึงโครงสร้ำงหลังคำ เทพืนปูนสูง ๓๐ ซม. กว้ำง ๓.๕ เมตร ยำว ๕ เมตร มีทำงขึนด้ำนทิศตะวันตก หัวเสำประดบั ไม้แกะรูปยักษแ์ บก ชันบน เป็นห้องเก็บธรรมมีขนำดกว้ำง ๑.๕ เมตร ยำว ๒.๒ เมตร ผนังห้องเก็บธรรมสูง ๒.๘ เมตร ตี เคร่ำนอนก่อนกรผุ นงั ไมแ้ บบตีชนในแนวตงั พืนทรี่ ะเบยี งด้ำนทิศใตม้ ีควำมกวำ้ งมำกกวำ่ ด้ำนอนื่ ศิลปกรรม ปดิ ทองรดน้ำ ผนังหอ้ งเกบ็ ธรรม เทวดำลอ้ มดว้ ยลำยกนกแบบภำคกลำง กำรปกปอ้ งค้มุ ครอง ๑. ขึนทะเบียนเป็นโบรำณสถำนแหง่ ชำติ ในรำชกจิ จำนเุ บกษำ วนั ที่ ๒๐ พฤกษำคม พ.ศ. ๒๕๔๑ หอไตรวดั หลวง

402 ภาพลายเส้นหอไตรวดั หลวง จงั หวดั แพร่

403 ๕.๒.๕.๕ วัดพระธำตุศรดี อนคำ (ห้วยอ้อ) ทตี่ ้งั วัด

404 ทิศตะวนั ตกของแม่น้ำยม ห่ำงจำกตวั เมอื งแพร่ ประมำณ ๕๕ กิโลเมตร เลขที่ ๑ หมู่ ๗ บ้ำนดอนรำย ตำ้ บลห้วยอ้อ อ้ำเภอลอง จังหวัดแพร่ สงั กัดคณะสงฆม์ หำนิกำย ควำมสำคัญของวัด ๑. ประดิษฐำนพระธำตุเจดีย์ คบู่ ำ้ นคูเ่ มอื งลอง ๒. มีประวตั เิ ก่ยี วขอ้ งกบั กำรเดินทำงจำกเมอื งละโวไ้ ปยงั เมืองหริภุญชยั ของพระนำงจำมเทวี ประวัตวิ ัด ประวัติวัดท่ัวรำชอำณำจักรระบุว่ำ วัดสร้ำงใน พ.ศ. ๒๑๖๒ ทว่ำเอกสำรของวัดระบุกำรสร้ำงวัดใน พ.ศ. ๒๑๔๒ โดยพระมหำสงั ฆรำชำครูบำดอนไฟ ที่ตง้ั หอไตร นอกเขตพุทธำวำส แนวเดยี วกบั เจดยี ์ ห่ำงกันประมำณ ๕๐๐ เมตร ประวัตกิ ำรสร้ำงหอไตร หอไตรหลังเดมิ ไม่ปรำกฏประวัติกำรกอ่ สร้ำง ต่อมำใน พ.ศ. ๒๕๔๐ มีกำรรือหอไตรหลังเดิมแล้วสร้ำง หลังใหม่ขนึ ทดแทนตำมรูปแบบเดิม สถำปตั ยกรรม หอไตรสองชัน ชันล่ำงก่ออิฐถือปูน ชันบนเป็นเคร่ืองไม้ ในผังรูปส่ีเหล่ียมจัตุรัส ยำวด้ำนละ ๕ เมตร ห้องเกบ็ ธรรมในตอนกลำงมรี ะเบียงรอบ หลังคำทรงคฤห์ ชนั ลำ่ งก่ออฐิ ถือปูนทำสขี ำว ผนังดำ้ นล่ำงท้ำเป็นฐำนบัวสูง ๒๐ ซม. ประดับเทวดำปูนป้ันแบบวัดพระ สิงห์ จงั หวัดเชยี งใหม่ ทังสองขำ้ งประตทู ำงเข้ำ โดยมีประตูทำงเข้ำก่ึงกลำงผนังทุกด้ำน ด้ำนหน้ำมีบันไดก่ออิฐ ถำวรขนึ สงู หอ้ งเกบ็ ธรรม ชนั บน เป็นห้องเก็บธรรมมีระเบียงรอบ ระเบียงสูง ๖๐ ซม. ห่ำงจำกห้องเก็บธรรมประมำณ ๑ เมตร ผนังห้องเก็บธรรมเป็นชอ่ งลูกฟัก มปี ระตูทำงเข้ำด้ำนหน้ำเพยี งด้ำนเดียว พืนด้ำนบนวำงบนตงและคำนของชัน ล่ำง ศิลปกรรม แกะสลักไม้ หน้ำบัน ลำยหม้อปูรณฆฏะ และดอกจอกในชอ่ งมำ้ ต่ังไหม กรอบเป็นลำยกำ้ นต่อดอก

405 คนั ทวย เป็นของหอไตรหลงั เดิม รปู สัตว์หมิ พำนต์ กำรปกปอ้ งคมุ้ ครอง ๑. ขนึ ทะเบยี นโบรำณสถำนแห่งชำติ ในรำชกิจจำนุเบกษำ วนั ท่ี ๕ มกรำคม พ.ศ. ๒๔๙๗ ๒. ประกำศขอบเขตโบรำณสถำน ในรำชกจิ จำนุเบกษำ วันท่ี ๑๔ ตลุ ำคม พ.ศ. ๒๕๒๓ หอไตรวดั ศรีดอนคา

406 ภาพลายเส้นหอไตรวดั ศรีดอนคา จงั หวดั แพร่

407 ดำ้ นทศิ ใต้ ด้ำนทศิ ตะวนั ออก จงั หวัดน่ำน มีจำนวน ๕ หลงั ๕.๒.๖ ๕.๒.๖.๑ วัดนำเตำ (วัดศริ ิธำดำ) ท่ตี งั้ วัด อยูท่ ำงทิศใต้ของเมืองน่ำน ห่ำงจำกศำลำกลำงจังหวัดน่ำน ประมำณ ๖๐ กิโลเมตร เลขท่ี ๒๙ หมู่ ๕ ต้ำบลศรษี ะเกษ อำ้ เภอนำนอ้ ย จงั หวัดนำ่ น สงั กัดคณะสงฆ์มหำนกิ ำย

408 ควำมสำคญั ของวัด ๑. หอไตรมีควำมโดดเด่น ฝีมอื ชำ่ งชำวไทลอื ลกั ษณะคลำ้ ยหอไตรในประเทศลำว ประวตั วิ ัด สร้ำง พ.ศ. ๒๓๔๖ ต่อมำใน พ.ศ. ๒๓๔๘ ได้สร้ำงพระประธำนในอุโบสถ ตำมที่พบในจำรึกภำยใน อุโบสถ วัดนำเตำ โดยมีพระปะละมะวังสะเป็นประธำน ฉลองพระพุทธรูปใน พ.ศ. ๒๓๕๘ วัดได้รับ พระรำชทำนวสิ งุ คำสมี ำ พ.ศ. ๒๔๗๘ ที่ตัง้ หอไตร ด้ำนทศิ เหนอื อโุ บสถ ประวตั กิ ำรสร้ำงหอไตร ประมำณ พ.ศ. ๒๔๗๘ ประวตั กิ ำรบรู ณะหอไตร พ.ศ. ๒๕๔๐ สถำปตั ยกรรม หอไตรชันเดียว ก่ออิฐถือปูนในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีก้ำแพงแก้วล้อมรอบ ประตูทำงเข้ำอยู่ทำงทิศ ตะวนั ตกของก้ำแพงแก้ว มปี ูนป้นั รปู นำคแบบพนื เมืองอยทู่ ี่ประตูทำงเข้ำ ตัวหอไตรยกพืนสูงประมำณ ๔ เมตร โดยวิธถี มดนิ อัดแนน่ ไวภ้ ำยใน แลว้ ตังเสำท่มี มุ ทงั ส่กี ่อนกอ่ อิฐขนึ เป็นผนงั ไปถงึ โครงสร้ำงหลังคำ ฐำนก่ออิฐเป็นฐำนเขียงส่ีเหล่ียมสูง ๒ เมตร ในตอนล่ำง ต่อด้วยฐำนบัวท้องไม้ลูกแก้วอกไก่ สูง ๒ เมตร ในตอนบน รวม ๔ เมตร เสำแต่งบัวคว้่ำลูกแก้วอกไก่ ๒ ชัน ตอนบนแต่งบัวหงำยมีคันทวย ๓ ตัวต่อเสำ ๑ ตน้ กลำงผนังด้ำนทิศตะวันตกมีประตูทำงเข้ำ ไม่มีบันไดถำวร ประตูแต่งซุ้มโค้งปลำยแหลมซ้อน ๓ ชัน ตัว ซุ้มเป็นตัวเหงำและนำค ด้ำนข้ำงประตูยังมีคันทวยข้ำงละ ๑ ตัว ผนังด้ำนอื่นเป็นช่องหน้ำต่ำงขนำดเล็ก แต่ง ซมุ้ ล้อกบั ซุ้มประตู หลงั คำแบบปั้นหยำ ทีค่ รอบป้ันหยำเล็กในส่วนยอดอกี ชันหนง่ึ มองไมเ่ ห็นคอสอง กลำงสันหลังคำเป็น ปลยี อดทรงกรวย และฉัตรตอนบนสุด หลังคำเคยมุงด้วยกระเบืองกระดำนชนวน ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นกระเบือง ดินขอ ศิลปกรรม

409 แกะสลกั ไม้ ประตู ลำยประแจจีน เหนือประตูเป็นลำยประจ้ำ ยำมกำ้ มปู ศลิ าจารึกในอโุ บสถวดั นาเตา หอไตรวดั นาเตา

410 ภาพลายเส้นหอไตรวดั นาเตา จงั หวดั นา่ น ดำ้ นทศิ ตะวนั ตก ดำ้ นทศิ เหนอื

411 ๕.๒.๖.๒ วดั นำปัง ทตี่ ้ังวดั ตังอยู่ทำงทิศใต้ของเมืองน่ำน ห่ำงจำกตัวเมืองน่ำน ประมำณ ๑๒ กิโลเมตร กลำงหมู่บ้ำนนำปัง อ้ำเภอภูเพยี ง จงั หวดั น่ำน สงั กดั คณะสงฆม์ หำนกิ ำย ควำมสำคญั ของวดั ๑. หอไตรฝมี ือช่ำงไทลอื ประวตั ิวัด ประวัติวัดท่ัวรำชอำณำจักรระบุว่ำ วัดสร้ำงใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ทว่ำเอกสำรของวัดระบุกำรสร้ำงวัดใน พ.ศ. ๑๙๗๐ ต่อมำสมัยเจ้ำอนันตวรฤทธ์ิเดชครองเมืองน่ำน (พ.ศ. ๒๓๙๕ – ๒๔๓๔) ได้น้ำช่อฟ้ำวิหำร ๔ ตัว มำปฏิสังขรณว์ ดั และรือวิหำรเกำ่ สรำ้ งใหม่ใน พ.ศ. ๒๔๐๐ ได้รับพระรำชทำนวสิ ุงคำมสมี ำใน พ.ศ. ๒๔๙๒ ทตี่ ้ังหอไตร หน้ำวัด ด้ำนทศิ เหนือของวิหำร ประวัตกิ ำรสร้ำงหอไตร สร้ำง พ.ศ. ๒๔๐๐ สมยั เจำ้ อนนั ตวรฤทธ์เิ ดช


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook