ไฟล์สรุปทบทวนนักวิชาการศึกษาเข้มข้น2564

202

203

204

205

206

207

208

209

210

ปัจจบุ นั แผนพฒั นาท้องถ่นิ เป็ นแผน 5 ปี พ.ศ.2561 - 2565 211

โครงการ”หมายถงึ แผนหรือเค้าโครงตามท่ีกาหนดไว้ โครงการ หมายถงึ แผนงานยอ่ ย แผนการดาเนินงานหรือกิจกรรมท่ีจะนาไปปฏิบตั ไิ ด้ โดยมีวตั ถปุ ระสงค์ในการดาเนินงานอยา่ งชดั แจ้ง มีระยะเวลาเร่ิมต้น มีระเบียบแบบ แผนในการปฏิบตั ิเพ่ือเป็นแนวทางการปฏบิ ตั ิ ให้เป็นไปตามเปา้ หมายท่ีกาหนด โครงการคือ การวางแผนลว่ งหน้าท่ีจดั ทาขนึ ้ อยา่ งมีระบบประกอบด้วยกิจกรรม ยอ่ ยหลายกิจกรรมที่ต้องใช้ทรัพยากรในการดาเนินงาน และคาดหวงั ที่จะได้ ผลตอบแทนอยา่ งค้มุ คา่ แตล่ ะโครงการมีเปา้ หมายเพ่ือการผลติ หรือการให้บริการ เพื่อเพิม่ พนู สมรรถภาพของแผนงาน 1.โครงการแบบประเพณนี ิยม 2. โครงการแบบตารางเหตผุ ลตอ่ เน่ือง (Logical Framework Method) 212

โครงการแบบประเพณีนิยม 213 1.ชื่อโครงการ 2. หนว่ ยงานทร่ี ับผดิ ชอบโครงการ 3. ผ้รู ับผดิ ชอบโครงการ 4. หลกั การและเหตผุ ล 5. วตั ถปุ ระสงค์ 6.ตวั ชีว้ ดั ความสาเร็จ 7. เปา้ หมาย 8. วธิ ีดาเนินการ 9. แผนปฏบิ ตั งิ าน 10.ระยะเวลา 11. งบประมาณ 12.. การติดตามและประเมนิ ผลโครงการ 13. ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รับ

โครงการแบบ ตารางเหตผุ ลต่อเน่ือง 214

การเขียนวัตถุประสงค์ การเขียนวตั ถปุ ระสงค์ควรจะต้องคานงึ ถงึ ลกั ษณะท่ีดี 5 ประการ หรือ S = Sensible (เป็นไปได้) หมายถึง มีความเป็นไปได้ ในการดาเนินงาน M = Measurable (วดั ได้) หมายถึง ต้องสามารถวดั และประเมินผลได้ A = Attainable (ระบสุ งิ่ ท่ีต้องการ) หมายถงึ ต้องระบสุ ง่ิ ท่ีต้องการดาเนินงาน อยา่ งชดั เจนและเฉพาะเจาะจงมากที่สดุ R = Reasonable (เป็นเหตเุ ป็นผล) หมายถงึ มีความเป็นเหตเุ ป็นผลในการ ปฏิบตั ิ T = Time (เวลา) หมายถงึ มีขอบเขตของเวลาที่แน่นอนในการปฏบิ ตั งิ าน วัตถุประสงค์ของโครงการ สว่ นใหญ่จะขนึ้ ต้นด้วยคาว่า “เพ่ือ” และจะตาม ด้วยข้อความท่ีแสดงถงึ การกระทา เช่น ศึกษา , สารวจ , เปรียบเทียบ , ทดลอง , หาความสัมพนั ธ์ และหาผลกระทบ 215

การอนุมตั โิ ครงการ 216

ประสิทธิภาพ ใช้ทรัพยากรค้มุ ค่า Efficiency บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ ประสิทธิผล ผลท่ีเกิดทนั ทีหลงั เสร็จสนิ ้ Effectiveness ปริมาณ อตั ราสว่ น ร้อยละ ผลผลติ ผลท่ีเกิดตามมา 217 (OUTPUT) เชิงคณุ ภาพ ผลลพั ธ์ (OUTCOME)

รูปแบบการประเมนิ โครงการ CIPP Model IPO Kirkpatrick 218

219

รูปแบบการประเมนิ ของสตฟั เฟิลบมี CIPP Model ประเภทของการตดั สนิ ใจ ประเมนิ สภาวะแวดล้อม C เพ่ือการวางแผน ประเมนิ ปัจจยั เบอื ้ งต้น I เพ่อื กาหนดโครงสร้าง ประเมินกระบวนการ P เพ่อื นาโครงการไปปฏิบัติ ประเมนิ ผลผลติ P เพ่อื ทบทวนโครงการ

การประเมนิ IPO 1.ปัจจยั (INPUT) 2.กระบวนการ (PROCESS) 3.ผลผลิต (OUTPUT) การประเมินของเคิร์กแพททริก (Kirkpatrick, 1) การประเมนิ ปฏกิ ริ ิยา (reaction evaluation) 2) การประเมนิ ผลการเรียนรู้ (learning evaluation) 3) การประเมนิ พฤตกิ รรม (behavior evaluation) 4) การประเมนิ ผลลัพธ์ท่ีเกดิ ขนึ้ ต่อองค์กร (results evaluation) 221

การจดั การความรู ้ อกู ชู ิโระ โนนากะ ดร.ประพนธ์ ผาสขุ ยืด 222

223

224

225

226

พพิ ธิ ภณั ฑ์ทางการศกึ ษา พพิ ธิ ภัณฑ์ สถาบันที่ตง้ั ขน้ึ โดยไมห่ วังผลประโยชน์หรือหากาไร จัดต้ังขึ้นเพ่ือบรกิ ารรับใชส้ ังคม และเพ่ือการพัฒนาสงั คม และเปดิ ใหส้ าธารณะชนทวั่ ไปเข้าชม จดั แสดงเผยแพร่ โดยมีจดุ มุ่งหมายเพอื่ การศกึ ษาหาความรู้ เพ่อื การศึกษาเลา่ เรียน เพือ่ บันเทงิ ใจต่อ หลักฐานทางวตั ถุ พพิ ิธภณั ฑ์สถาน คอื สถาบันทจ่ี ดั ตง้ั ขึ้น เพื่อรวบรวม สงวนรกั ษา ศกึ ษา คน้ ควา้ วจิ ัย และจัดแสดง วตั ถุทเ่ี ป็นหลักฐานเกย่ี วขอ้ งกบั มนุษย์และสง่ิ แวดล้อม ทัง้ ทางวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ เพอื่ ประโยชน์ในการศกึ ษา และความเพลดิ เพลนิ ใหร้ วมถงึ หอศลิ ปะ อนุสรณส์ ถานทาง ประวัตศิ าสตร์ สวนสตั ว์ 227

'museum’ มาจากภาษากรีกโบราณแปลว่า ‘บัลลงั กข์ องเทพมวิ ส’์ (Muse) เทพมิวสค์ ือกลมุ่ เทวี 9 นาง เป็นบุตรีแห่งซสุ (Zeus) ราชาแห่งทวยเทพ กบั พระนางเนโม ซิเน (Mnemosyne คานต้ี ามรากศัพท์ภาษากรีกแปลวา่ \"ความทรงจา\") เปน็ หม่เู ทวีแห่ง ศลิ ปะ และศาสตรท์ ง้ั หลาย เปน็ หมเู่ ทพี อันประกอบดว้ ย 1. Calliope เทพธดิ าแหง่ วรรณกรรมมหากาพย์ 2. Clio เทพธดิ าผูค้ รองประวตั ิศาสตร์ 3. Erato เทพธดิ าประจาเพลงรกั 4. Euterpe เทพธดิ าแหง่ ดนตรี 5. Melpomene เทพธดิ าแห่งละครโศกนาฏกรรม 6. Thalia เทพธดิ าแห่งละครสขุ นาฏกรรม 7. Polyhymnia เทพธิดาประจาบทกวีสรรเสรญิ เทพเจ้า 8. Terpsichore เทพธิดาผูค้ รองการระบา 9. Urania เทพธดิ าผคู้ รองโหราศาสตร์ ปจั จบุ นั พิพิธภณั ฑ์ หมายถึง สถานท่เี กบ็ รวบรวมสง่ิ ของตา่ งๆ 228

ยูเนสโก จาแนกจดั กล่มุ พพิ ธิ ภัณฑสถาน 9 ประเภท 1. พพิ ธิ ภัณฑสถานทางศิลปะ (Museum of Arts) 2. พิพิธภัณฑท์ างศลิ ปะร่วมสมัย (Gallery of Contemporary Arts) 3. พพิ ธิ ภัณฑสถานทางธรรมชาติวิทยา (Natural History Museum) 4. พพิ ิธภณั ฑสถานทางวทิ ยาศาสตร์และเคร่อื งจกั รกล (Museum of Science and Technology) 5. พิพิธภัณฑสถานทางมนษุ ยวทิ ยาและชาติพันธว์ุ ิทยา (Museum of Anthropology and Ethnology) 6. พพิ ิธภณั ฑสถานทางประวัตศิ าสตร์และ โบราณคดี (Museum of History and Archaeology) 7. พพิ ธิ ภณั ฑสถานประจาเมือง หรอื ท้องถ่นิ (Regional Museum - City Museum) 8. พพิ ธิ ภณั ฑสถานแบบพิเศษ (Specialized Museum) 9. พพิ ิธภณั ฑสถานาของมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา (University Museum) 229

การจัดตง้ั พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ การจัดต้งั พพิ ิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ จะตอ้ งเปน็ ไปตามพระราชบญั ญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศลิ ปวตั ถุ และพพิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 แก้ไขเพ่มิ เติมโดย พระราชบญั ญัตโิ บราณสถาน โบราณวตั ถุ ศลิ ปวัตถุ และพิพธิ ภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2535 ซง่ึ กาหนดไวใ้ ห้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตเิ ปน็ ที่เกบ็ รักษาโบราณวัตถหุ รือศิลปวัตถุ อันเปน็ ทรัพยส์ ินของแผน่ ดิน โดยพิพธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตจิ ะจดั ตั้งข้ึนท่ีใด หรอื จะใหส้ ถานที่ใด เปน็ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ ใหร้ ฐั มนตรีประกาศในราชกจิ จานุเบกษา รวมทง้ั การถอนสภาพ พิพธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตใิ ดก็ตอ้ งให้รัฐมนตรปี ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเชน่ กัน พิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาตทิ ่จี ดั ตงั้ ขน้ึ จะอยใู่ นความควบคมุ ดแู ลของสานกั พพิ ิธภัณฑสถาน แหง่ ชาติ กรมศลิ ปากร กระทรวงวัฒนธรรม การจดั ตงั้ พพิ ิธภณั ฑอ์ ืน่ ๆ การจัดตัง้ พิพิธภณั ฑ์อ่นื ๆ สามารถจดั ต้ังข้ึนได้อย่างอิสระไม่มี แบบแผน เพียงแต่ ตอ้ งปฏิบัตติ ามกฎหมาย ระเบยี บและประกาศต่างๆ ทว่ี ่าดว้ ยเรอ่ื งพิพธิ ภณั ฑ์ทก่ี รมศิลปากร ประกาศกาหนดขึ้น 230

พพิ ธิ ภณั ฑ์การศกึ ษาแหง่ ชาติ โรงเรียนสวนกหุ ลาบวทิ ยาลัย 8 มีนาคม 2545 พิพธิ ภณั ฑ์การศกึ ษาไทย อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธกิ าร 19 ส.ค.62 231

แหล่งเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้ หมายถึง แหลง่ ข้อมูลข่าวสาร สารสนเทศ และประสบการณ์ ที่สนับสนนุ สง่ เสริมใหผ้ ้เู รยี นใฝ่เรียน ใฝ่รูแ้ สวงหาความรูแ้ ละเรยี นรู้ดว้ ยตนเองตามอธั ยาศยั อย่างกว้างขวาง และต่อเน่ือง เพ่อื เสริมสรา้ งให้ผู้เรียนเกดิ กระบวนการเรียนรู้ และเปน็ บคุ คลแห่งการเรียนรู้ ความสาคญั ของแหล่งเรยี นรู้ 1. สง่ เสรมิ การศึกษาตามอธั ยาศัย 2. สง่ เสริมการเรียนรตู้ ลอดชวี ิต 3. ปลกู ฝังนสิ ยั รกั การอ่าน การศกึ ษาคน้ คว้า แสวงหาความร้ดู ว้ ยตนเอง 4. สรา้ งเสรมิ ประสบการณ์ภาคปฏิบัติ 5. สร้างเสรมิ ความรู้ ความคดิ วทิ ยาการและประสบการณ์ ประเภทของแหลง่ เรยี นรู้ 1. แหลง่ เรยี นรใู้ นสถานศึกษา 2. แหล่งเรยี นรู้ในท้องถน่ิ 232

แหลง่ เรยี นรู้ในสถานศกึ ษา เช่น ห้องสมุด หอ้ งปฏิบตั กิ ารทางภาษา ศูนย์การเรียนรู้ ศนู ยว์ ิทยบรกิ าร ห้องพยาบาล ลานอนสุ าวรีย์ สวนเกษตร สวนสมนุ ไพร สวนพฤกษศาสตร์ พพิ ิธภณั ฑ์ สนามกฬี า สนามเด็กเล่น ฯลฯ 233

แหล่งเรยี นรใู้ นสถานศกึ ษา องค์ประกอบของสวนพฤกษศาสตร์ 1. การจดั ทาปา้ ยชือ่ พรรณไม้ 2.การรวมพรรณไมเ้ ขา้ ปลกู 3.การศกึ ษาขอ้ มูลดา้ นตา่ งๆ 4.การรายงานผลการเรียนรู้ 5.การนาไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา 234

235

แหลง่ เรียนรู้ในทอ้ งถน่ิ 236

ทบทวนการวางแผน โครงการ และพพิ ธิ ภณั ฑ์ 1. วสิ ยั ทัศนก์ ารพัฒนาประเทศไทยตามแผนยุทธศาสตรช์ าติ คือ ขอ้ ใด ก. ม่นั คง มัง่ คง่ั ย่ังยืน ข. Thailand 4.0 ค. ผ้นู าแหง่ อาเซียน ง. คืนความสขุ ใหค้ นไทย 2. ปัจจุบนั รฐั บาลไดจ้ ัดทาแผนยุทธศาสตร์ชาติเปน็ ระยะเวลากป่ี ี ก. 4 ปี ข. 10 ปี ค. 15 ปี ง. 20 ปี 3. แผนยุทธศาสตรช์ าติกาหนดระยะเวลาเท่าใด ก. 2560 – 2564 ข. 2560 – 2569 ค. 2560 – 2579 ง. 2561 – 2580 4. ยทุ ธศาสตร์ชาตมิ ที งั้ หมดก่ียทุ ธศาสตร์ ก. 5 ยทุ ธศาสตร์ ข. 6 ยุทธศาสตร์ ก ง ง ข237 ค. 9 ยทุ ธศาสตร์ ง. 10 ยทุ ธศาสตร์

5. แผนการศกึ ษาแห่งชาตเิ ป็นแผนก่ีปี ก. 5 ปี ข. 10 ปี ค. 15 ปี ง. 20 ปี 6. หน่วยงานทจ่ี ัดทาแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติคือข้อใด ก. สานักงานรฐั มนตรี ข. สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ค. สานักงานปลดั กระทรวง ง. สานักงาน ก.ค.ศ. 7. แผนการศึกษาแหง่ ชาตมิ ีกีย่ ทุ ธศาสตร์ ก. 4 ยุทธศาสตร์ ข. 6 ยทุ ธศาสตร์ ค. 10 ยทุ ธศาสตร์ ง. 12 ยทุ ธศาสตร์ 8. ยุทธศาสตรข์ อ้ แรกสุดของแผนการศึกษาแหง่ ชาตคิ อื ข้อใด ก. การศึกษาเพือ่ ความมั่นคงของชาติ ข. การผลิตและพฒั นากาลังคน ค. การพฒั นาศักยภาพคนทุกช่วงวยั ง. การสร้างโอกาสความเสมอภาคและเทา่ เทยี ม 9.ผลลพั ธ์สดุ ท้ายของแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ คอื ขอ้ ใด ก. ทักษะในศตวรรษที่ 21 ข. สังคมแห่งการเรยี นรแู้ ละคณุ ธรรม ค. ประเทศก้าวข้ามกบั ดกั รายได้ปานกลาง ง. มุ่งสู่การพัฒนาอยา่ งยั่งยืน ง ข ข ก ก238

10. เป้าหมายของแผนการศกึ ษาแห่งชาติ คอื อะไร ก. การเขา้ ถึง เทา่ เทยี ม คณุ ภาพ ประสิทธิภาพ ตอบโจทยบ์ ริบททเ่ี ปลย่ี นแปลง ข. เข้าใจ พัฒนา เปล่ยี นแปลง เท่าเทยี ม ตอบสนองความต้องการ ค. เขา้ ถงึ เทา่ เทียม ประสทิ ธิผล สนองความตอ้ งการของสังคม ง. เข้าใจ เข้าถึง พฒั นา ประสทิ ธิภาพ ตอบโจทยบ์ ริบททเ่ี ปลี่ยนแปลง 11. ทักษะในศตวรรษท่ี 21คือข้อใด ก. 3R8C ข. 3C8R ค. 4HW ง. 4MAT 12. การศึกษาในยคุ 4.0 เน้นผ้เู รียนด้านใดมากท่ีสดุ ก. จิตสาธารณะ ข. ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น ค. คิดสร้างสรรค์ ง. การสอื่ สาร 13. ข้อใดไม่ใชผ่ ลลัพธข์ องแผนการศึกษาแห่งชาติ ก. ทักษะในศตวรรษที่ 21 ข. สังคมแหง่ การเรียนรแู้ ละคุณธรรม ค. ประเทศก้าวขา้ มกับดกั รายได้ปานกลาง ง. ตอบโจทยบ์ ริบทท่เี ปลยี่ นแปลง ก ก ค ง 239

14. การวางแผน หมายถึงข้อใด ก. การคดิ เพื่อกาหนดเป้าหมายในการดาเนินงาน ข. การออกแบบแนวทางการดาเนินงานให้สอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงค์ ค. กระบวนการวเิ คราะหแ์ ละการตดั สนิ ใจที่จะกาหนดวธิ ีการไว้ลว่ งหน้า ง. การร่างกจิ กรรมเพื่อจดั เตรยี มสาหรบั ดาเนินการให้แล้วเสรจ็ ในเวลาท่ีกาหนด 15. การแบ่งระดับของการวางแผนตามลักษณะของการบรหิ ารงานในองค์กร แบ่งเปน็ ก่รี ะดับ ก. 2 ระดบั ข. 3 ระดบั ค. 4 ระดับ ง. 5 ระดบั 16. การวางแผนแบบใดท่เี ป็นแผนระดบั สงู สดุ ขององคก์ าร มักจะระบแุ นวทางอยา่ งกวา้ งๆ ก. การวางแผนระดบั ปฏิบัตกิ าร ข. การวางแผนระดบั ดาเนนิ การ ค. การวางแผนระดับกลยุทธ์ ง. การวางแผนระดับนโยบาย ค ค ข ง240

17. การวางแผนแบบใดเป็นการวางแผนหลอมรวมครอบคลุมกิจกรรมทง้ั หมดขององค์การ ซึ่งเปน็ แผนงานใหญข่ ององค์การ มกั จะเปน็ แผนระยะ 3 – 5 ปี ก. แผนปฏบิ ัตกิ าร ข. แผนดาเนินงาน ค. แผนกลยุทธ์ ง. แผนนโยบาย 18. การวางแผนแบบใดเปน็ การวางแผนทก่ี าหนดจุดม่งุ หมายระยะสั้น ระยะเวลา ไมเ่ กิน 1 ปี ก. Operation Planning ข. Strategic Planning ค. Policy Planning ง. Action Research Planning 19. ข้อใดหมายถงึ การนาแผนไปปฏิบัติ ก. Ends ข. Means and Process ค. Evaluation ง. Implementation 20. การวางแผนงานหรอื โครงการ (Project) เปน็ การวางแผนแบบใด ก. ระดับปฏบิ ัตกิ าร ข. ระดับผบู้ ริหาร ค. ระดบั อานวยการ ง. ระดบั นโยบาย ค ก ง ก241

21. แผนงานยอ่ ยท่ีประกอบดว้ ยหลายกิจกรรม ระบุรายละเอยี ดชดั เจน อาทิ วัตถปุ ระสงค์เป้าหมาย ระยะเวลาทดี่ าเนนิ การ พื้นทใ่ี นการดาเนนิ งาน ผู้รบั ผดิ ชอบ วธิ กี ารหรอื ขนั้ ตอน ในการดาเนินงาน งบประมาณทีใ่ ชใ้ นการดาเนนิ งาน ตลอดจน ผลผลิตหรอื ผลลพั ธ์ท่คี าดวา่ จะไดร้ บั หมายถงึ ขอ้ ใด ก. กจิ กรรม ข. แผนดาเนนิ การ ค. ยทุ ธศาสตร์ ง. โครงการ 22. ในปัจจุบันการจัดทาแผนพฒั นาคณุ ภาพการปฏิบตั ริ าชการของสว่ นราชการต้องทา เป็นแผนกี่ปี ก. 2 ปี ข. 4 ปี ค. 5 ปี ง. 6 ปี 23. แผนพัฒนาท้องถ่ินปัจจุบันจดั ทาปีใดถงึ ปีใด ก. พ.ศ. 2560 – 2565 ข. พ.ศ. 2561 – 2565 ค. พ.ศ.2563 – 2565 ง. พ.ศ. 2561 – 2580 ง ค ข242

24. เครือ่ งมือในการวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อมขององคก์ ารท่ีไดร้ ับความนยิ มมากทสี่ ุดคือข้อใด ก. SWOT ข. PDCA ค. PERT ง. System thinking 25. บคุ ลากรในองคก์ ร มีความรู้ ความสามารถมีความรกั และผกู พันต่อองค์กรตรงกบั ข้อใด ก. จุดแข็ง ข. จดุ ออ่ น ค. โอกาส ง. อุปสรรค 26. ข้อใดกล่าวไม่ถกู ตอ้ งเกีย่ วกบั การวิเคราะห์องคก์ ร SWOT ก. S : จดุ แขง็ ข. W : ปัญหา ค. O : โอกาส ง. T : อุปสรรค 27. BCG Matrix ในการวิเคราะห์องคก์ ร มีท้งั หมดกภ่ี าพ ก. 2 ลกั ษณะ ข. 3 ลกั ษณะ ค. 4 ลักษณะ ง. 5 ลักษณะ ก ก ข ค243

28. หากทาการวเิ คราะห์องค์กรแล้วพบวา่ องค์กรตกต่าจะออกมาในรูปแบบใด ก. ดาว ข. คาถาม ค. สุนขั ง. แมว่ ัว 29. หลกั การเขยี นวตั ถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกบั ขอ้ ใด ก. SMART ข. STRONG ค. TEAMEWORK ง. PDCA 30. โครงการดาเนินการได้สาเร็จโดยใช้งบประมาณจานวนมากแสดงวา่ ขาดขอ้ ใด ก. คุณภาพ ข. ประสิทธภิ าพ ค. ประสิทธิผล ง. สมั ฤทธิผล 31. ข้อใดคอื ตัวช้ีวัดระดบั outcome ก. รอ้ ยละ ข. จานวน ค. คณุ ลักษณะ ง. อตั ราส่วน ค ก ข ค244

32. การทางานจนสาเร็จบรรลุวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ ตรงกบั ข้อใด ก. คุณภาพ ข. ประสทิ ธิภาพ ค. ประสิทธผิ ล ง. สมั ฤทธผิ ล 33. ปัจจุบนั แนวคิดการประเมนิ โครงการของสตัฟเฟอบีม คือ ขอ้ ใด ก. CIPPA ข. CIPP ค. IPO ง. PDCA 34. รปู แบบการประเมินของ Kirkpatrick นยิ มนามาใชใ้ นการประเมนิ โครงการใด ก. โครงการท่วั ไป ข. โครงการดา้ นการศึกษา ค. การประเมนิ หลกั สูตร ง. โครงการฝึกอบรม 35. พิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติทอี่ ย่ใู นความควบคมุ ดแู ลของส่วนราชการใด ก. กรมศลิ ปากร กระทรวงวัฒนธรรม ข. สานกั ปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ค. สานกั นายกรฐั มนตรี ง. สานกั งานรัฐมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม คขงก

36. พิพธิ ภัณฑ์การศกึ ษาแห่งชาติตัง้ อยูบ่ รเิ วณใด ก. กระทรวงศกึ ษาธิการ ข. โรงเรยี นสวนกหุ ลาบวทิ ยาลยั ค. จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั ง. พระตาหนกั จติ รลดา 37. พพิ ธิ ภณั ฑ์การศึกษาไทยตัง้ อยบู่ รเิ วณใด ก. อาคารราชวลั ลภ ข. โรงเรียนสวนกุหลาบวทิ ยาลัย ค. จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ง. พระตาหนักจิตรลดา 38. พพิ ิธภณั ฑสถานท่ีประกาศจัดตั้งในราชกิจจานเุ บกษา รฐั บาล กลางจดั สรรและสนบั สนนุ งบประมาณ บริหารจดั การโดยกรมศลิ ปากร มหี นา้ ท่รี วบรวมสงวนรกั ษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถทุ ี่เปน็ ทรัพยแ์ ผน่ ดนิ ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวตั ถุ ศลิ ปวตั ถุ ก. พิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ ข. พิพธิ ภณั ฑโ์ บราณวตั ถุ ค. พพิ ิธภณั ฑท์ ้องถ่ิน ง. พพิ ธิ ภัณฑแหง่ ชาติ ข ก ก246

39. UNESCO แบง่ พิพิธภณั ฑ์ออกเป็นก่ปี ระเภท ก. 2 ประเภท ข. 5 ประเภท ค. 9 ประเภท ง. 10 ประเภท 40. “Museum” มคี วามหมายมาจากคาวา่ อะไร ก. เทวาลยั ของเทพธดิ า ข. สถานท่กี กั ขัง ค. วตั ถุโบราณ ง. ท่เี กบ็ ของเก่า ค ก247

248

249

250