Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไฟล์สรุปทบทวนนักวิชาการศึกษาเข้มข้น2564

ไฟล์สรุปทบทวนนักวิชาการศึกษาเข้มข้น2564

Published by sarunphat.meth, 2021-07-25 15:33:36

Description: ไฟล์สรุปทบทวนนักวิชาการศึกษาเข้มข้น2564

Search

Read the Text Version

ขนั้ ตอนการวิจยั และพฒั นานวตั กรรมการศกึ ษา 1.สรา้ งนวตั กรรม ผเู้ ชย่ี วชาญตรวจสอบ ประเมนิ คณุ ภาพ 5 ระดบั 2.หาประสิทธิภาพ แบบ 1: 1 กลมุ่ เลก็ ภาคสนาม E1/E2 30 คนขน้ึ ไป จานวน 3 คน 9 – 15 คน 3.ทดลองใช้จริง ทดสอบก่อน ใชจ้ รงิ ทดสอบหลงั X1 O X2 4.ประเมินผล ถามความพงึ พอใจ

ประสิทธิภาพของนวตั กรรม E1/E2 (70/70 80/80 90/90) E1 ประสทิ ธภิ าพกระบวนการ คะแนนเกบ็ คะแนนยอ่ ย แบบฝึกหดั E2 ประสทิ ธภิ าพผลลพั ธ์ สอบสรปุ รวม

353

354

ขอ้ สอบการวจิ ยั ทางการศกึ ษา 1.ขอ้ ใดกล่าวถึงความหมายของการวิจัยไดช้ ัดเจนที่สุด ก. การแสวงหาความรู้ ความจริงของมนุษย์ ข. การศกึ ษาค้นควา้ เก่ยี วกับเร่ืองใดเรอื่ งหนงึ่ ค. การค้นควา้ หาความรดู้ ว้ ยวธิ ีการทเ่ี ปน็ ระบบเชอ่ื ถือได้ ง. การแกป้ ญั หาและพฒั นางานดว้ ยวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. การวิจัยทางการศึกษาเรม่ิ ตน้ จากสิง่ ใดเปน็ ลาดบั แรก ก. นโยบายของฝ่ายบรหิ าร ข. สภาพปัญหาการเรียนการสอน ค. การกาหนดสมมติฐานในการวิจัย ง. การศึกษาแนวคิดทฤษฎที เ่ี ก่ียวขอ้ ง 3. สมมติฐานการวิจัย หมายถึงอะไร ข. การทดสอบนัยสาคญั ทางสถติ ิ ก. การคาดเดาคาตอบล่วงหน้า ง. สถติ ิขนั้ พ้นื ฐานในการวเิ คราะห์ ค. การทดสอบใหต้ รงตามวัตถุประสงค์ ค ข ก355

4.Hypothesis หมายถงึ อะไร ก. นัยสาคญั ทางสถิติ ข. สมมติฐานการวิจยั ค. ประชากรในการวจิ ัย ง. ตวั แปรในการวิจยั 5. การวจิ ัยแบบ One group pretest – posttest model สัญลกั ษณ์ O1 คืออะไร ก. ทดสอบกอ่ นเรยี น ข. ทดสอบหลังเรยี น ค.ทดสอบระหวา่ งเรียน ง. การทดลองใช้นวัตกรรม 6.การเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนกอ่ นเรียนและหลังเรยี นของกลุ่มตัวอย่างนยิ มใช้สถติ ใิ ด ในการวเิ คราะห์ข้อมลู ก. ค่าเฉลยี่ ข. สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน ค. t-test dependent ง. t-test Independent 7. ผู้เชย่ี วชาญในการสอบเครือ่ งมือวจิ ัยควรมีอย่างนอ้ ยกี่คน ก. 1 คน ข. 2 คน ค. 3 คน ง. 4 คน ข ก ค356 ค

8.ข้อใดกลา่ วถงึ การสุ่มกลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีเหมาะสมมากทส่ี ดุ ก. กลุ่มตัวอยา่ งต้องเปน็ ตัวแทนที่ดขี องประชากร ข. กลมุ่ ตวั อยา่ งที่ดีตอ้ งมาจากการสุม่ แบบอาศัยความน่าจะเปน็ ค. กล่มุ ตัวอยา่ งตอ้ งมจี านวนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 20 ของประชากร ง. กลมุ่ ตวั อย่างยงิ่ จานวนมากเท่าใดยิง่ ส่งผลดีตอ่ การวจิ ยั มากเทา่ นน้ั 9.ข้อใดเปน็ การสรุปผลการวิจัยทถ่ี ูกท่สี ุด ก. สรุปตามสมติฐานทีก่ าหนดไว้ ข. สรุปตามวัตถุประสงคท์ ่ตี ง้ั ไว้ ค. สรปุ ตามความคิดของผ้วู ิจยั ง. สรุปตามงานวจิ ยั ที่นามาอ้าง 10. ขอ้ ใดคอื จุดมุ่งหมายหลกั ของการวจิ ัยและพฒั นา (Research and Development) ก. เพ่อื แก้ปัญหาการเรยี นการสอนในหอ้ งเรยี น ข. เพื่อสรา้ งนวตั กรรมทางการศึกษาท่มี ีประสิทธิภาพ ค. เพื่อแกป้ ญั หาและพฒั นางานในหน้าทที่ ีร่ บั ผดิ ชอบ ง. เพือ่ พฒั นาคุณภาพผูเ้ รียนใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานการศกึ ษา ก ข ข357

11.“การเปรียบเทยี บทกั ษะการอ่านโดยวิธีการสอนแบบปกตกิ ับแบบฝกึ ทักษะการอ่าน” ตวั แปรต้น ในการวจิ ัย คอื ขอ้ ใด ก. ทกั ษะการอ่าน ข. วิธีการสอน ค. นกั เรยี น ง. แบบฝกึ ทกั ษะ 12. เลือกกลุ่มตวั อย่างจากนักเรียนเลขท่ี 5,10,15,20,25 .... เป็นการเลอื กแบบใด ก. เจาะจง ข. อยา่ งงา่ ย ค. แบ่งช้นั ง. มรี ะบบ 13. . ขอ้ มูลใดไมจ่ าเปน็ ตอ้ งมอี ยใู่ นรายงานการวจิ ัย ก. ประวตั ิผวู้ ิจัย ข. บทคัดยอ่ ค. คานา ง. บรรณานุกรม 14. หากให้เลอื กอา่ นรายงานการวิจัยเพยี งบทเดยี ว ควรจะอา่ นบทใด ก. บทที่ 1 ข. บทที่ 2 ค. บทท่ี 4 ง. บทที่ 5 ข ง ค358 ง

15. เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี ก่ยี วขอ้ งอยใู่ นบทใด ก. บทที่ 1 ข. บทท่ี 2 ค. บทที่ 4 ง. บทที่ 5 16. รายงานการวจิ ยั บทใดไมต่ ้องมีการอ้างองิ ก. บทท่ี 1 ข. บทที่ 2 ค. บทท่ี 4 ง. บทท่ี 5 17. เคร่ืองมอื และการหาคณุ ภาพเครื่องมืออย่ใู นบทใดของรายงานการวจิ ัย ก. บทที่ 1 ข. บทท่ี 2 ค. บทที่ 3 ง. บทที่ 4 18. หวั ขอ้ สุดทา้ ยในการเขียนรายงานการวิจยั คือข้อใด ก. สมมติฐาน ข. ผลที่คาดว่าจะไดร้ บั ค. ขอ้ เสนอแนะ ง. สรุปผล ข ค ค359 ค

19. การพฒั นานวัตกรรม E1/E2 มีคา่ 81.20/85.20 แปลวา่ อะไร ก. นวตั กรรมทไี่ ด้มีประสทิ ธภิ าพผ่านเกณฑ์ ข. นวัตกรรมทีไ่ ด้ไมผ่ ่านเกณฑม์ าตรฐาน ค. ตอ้ งปรบั ปรุงประสิทธิภาพกระบวนการ ง. ตอ้ งปรบั ปรุงประสทิ ธิภาพผลลัพธ์ 20. ตารางน้ีบ่งบอกสิ่งใด ก. การศกึ ษาวิจยั จากกล่มุ ประชากรจานวน 50 คน ก ง360 ข. การเปรยี บเทยี บโดยใช้สถติ ิ t-test independent ค. ผลสมั ฤทธก์ิ ่อนและหลงั เรยี นแตกต่างกนั อย่างไม่มนี ยั สาคัญ ง. ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนหลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรยี นอย่างมีนยั สาคญั

361

362

363

364

365

366

367

วิทยฐานะ 3,500 5,600 9,900 13,000 คา่ ตอบแทนพิเศษ 5,600 9,900 13,000 รวม 11,200 19,800 26,000 รวมขัน้ สูงสดุ 45,120 69,590 88,840 102,800 368

369

ปฏิบตั ิราชการมาด้วยดีครบ 25 ปี 370

371

372

ข้อสอบการบริหารงานบคุ คล 1. องคค์ ณะบุคคลทาหนา้ ทีบ่ รหิ ารงานบคุ คลของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาคอื ก. กศจ. ข. ก.ค.ศ. ค. ก.ก. ง. ก.ถ 2. นกั วชิ าการศกึ ษาออกจากสถานทร่ี าชการก่อนเวลาราชการผดิ วนิ ยั หรือไม่ ก. ผิดฐานละท้งิ หนา้ ที่ราชการ ข. ไม่ผิดเพราะมาปฏิบัตริ าชการแล้ว ค. ผิดฐานทอดทง้ิ หน้าท่รี าชการ ง. ผิดฐานไม่อทุ ศิ เวลาตนใหแ้ กร่ าชการ 3. ขา้ ราชการมีการลาปว่ ยบ่อยครัง้ ท้ังทีไ่ ม่ไดป้ ่วยจรงิ ผดิ หรือไม่ ก. ผดิ ฐานขดั คาส่ังผ้บู งั คบั บญั ชา ข. ผดิ ฐานละทงิ้ หน้าท่ีราชการ ค. ผดิ ฐานทอดท้งิ หน้าทรี่ าชการ ง. ผดิ ฐานรายงานเทจ็ ตอ่ ผบู้ งั คบั บญั ชา 4. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ความผดิ วินยั ของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ก. ตกั เตอื น ข. ภาคทณั ฑ์ ค. ลดเงินเดอื น ง. ปลดออก ข ก ง373 ก

5. ข้าราชการลากจิ ไปแลว้ หน่ึงวนั ต่อมาแลว้ มายืนลากจิ ในวนั รุง่ ขึ้น ผิดวินยั หรอื ไม่ ก. ผดิ ฐานไมป่ ฏบิ ัตติ ามระเบียบของข้าราชการ ข. ผิดฐานไมอ่ ุทิศเวลาให้ราชการ ค. ไม่ผดิ เพราะไมเ่ กิดความเสยี หาย ง. ไม่ผดิ เพราะมสี ิทธลิ าได้ 6.ข้าราชการจะมีสิทธไิ ดร้ บั เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์เมอ่ื รับราชการมาก่ปี ี ก. 1 ปี ข. 2 ปี ค. 5 ปี ง. 10 ปี 7. ขา้ ราชการที่ปฏบิ ตั ริ าชการดว้ ยดีมาเป็นเวลา 25 ปีมีสิทธไ์ิ ด้รบั เครอื่ งราชยอ์ ิสริยาภรณใ์ ด ก. เหรยี ญจกั รพรรดมิ าลา ข. ปฐมดเิ รกคณุ าภรณ์ ค. เหรยี ญเงนิ มงกุฎไทย ง. เหรยี ญจกั รมาลา 8.การประดบั เคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ์โดยไม่มีสิทธิจะได้รบั โทษใด ก. จาคกุ ไมเ่ กนิ 1 ปี ปรบั ไม่เกิน 10,000 บาท หรือทัง้ จาทั้งปรับ ข. จาคุกไม่เกิน 1 ปี ปรบั ไม่เกนิ 20,000 บาท หรอื ท้ังจาท้ังปรบั ค. ปรบั ไม่เกิน 20,000 บาท ง. ปรบั ไม่เกนิ 40,000 บาท 374

9.การลาของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษามกี ่ปี ระเภท ก. 9 ประเภท ข. 10 ประเภท ค. 11 ประเภท ง. 12 ประเภท 10. ขา้ ราชการชายลาได้กี่ประเภท ก. 9 ประเภท ข. 10 ประเภท ค. 11 ประเภท ง. 12 ประเภท 11. ข้าราชการหญงิ ลาไดก้ ี่ประเภท ก. 9 ประเภท ข. 10 ประเภท ค. 11 ประเภท ง. 12 ประเภท 12. ลาปว่ ยกว่ี ันขึ้นไปตอ้ งมใี บรับรองแพทย์ ก. 7 วนั ข. 15 วนั ค. 30 วนั ง. 90 วนั ค ข ก ค375

13. ขา้ ราชการสามารถลาคลอดบุตรได้ไมเ่ กนิ กีว่ นั ก. 60 วนั ข. 90 วนั ค. 120 วนั ง. 150 วนั 14.หลังจากลาคลอดบตุ รไปแล้ว สามารถลาตอ่ เพ่ือเล้ียงดูบตุ รได้ก่ีวัน ก. 30 วนั ข. 90 วนั ค. 120 วนั ง. 150 วนั 15. สามสี ามารถลาไปชว่ ยเหลือภรยิ าท่ีคลอดบุตรไดไ้ ม่เกินกีว่ ัน ก. 15 วนั ข. 15 วันทาการ ค. 30 วนั ง. 30 วนั ทาการ 16. ขา้ ราชการมสี ิทธลิ าพักผ่อนได้กี่วัน ก. ไมเ่ กิน 5 วนั ข. ไมเ่ กิน 10 วนั ค. ไมเ่ กิน 10 วันทาการ ง. ไมเ่ กิน 15 วนั ทาการ ข ง ข ค376

17.การลาเข้ารบั การตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรยี มพลใหล้ าตอ่ ผบู้ ังคบั บัญชาไมน่ อ้ ยกว่าเทา่ ไร ก. ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ข. ไม่น้อยกวา่ 48 ชวั่ โมง ค. ไมน่ อ้ ยกว่า 2 วนั ง. ไม่น้อยกว่าหนึ่งสปั ดาห์ 18. การลาไปศึกษาในเวลาราชการต้องมอี ายไุ มเ่ กนิ ก่ปี ี ก. ไมเ่ กนิ 35 ปี ข. ไม่เกิน 40 ปี ค. ไมเ่ กนิ 45 ปี ง. ไม่เกิน 50 ปี 19. การเลอื่ นวทิ ยฐานะของครูในปจั จุบันกาหนดระยะเวลาในแต่ละวทิ ยฐานะกป่ี ี ก. 3 ปี ข. 4 ปี ค. 5 ปี ง. 6 ปี 20. ครูคนใดมีความอาวุโสทางราชการมากที่สุด ก. ครูสมชายมีอายุ 59 ปี ข. ครูสายสมรรับราชการ 35 ปี ค. ครสู มเกียรติรบั เงินเดอื น ค.ศ.5 ง. ครสู ายใจได้รับเหรียญจักรพรรดิมาลา ข ค ข ค 377

1. หลกั สูตรการศกึ ษาขอ้ ใดต่อไปนี้ไม่ถกู ตอ้ ง ก. หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560 ข. หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2560 ค. หลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชพี พุทธศกั ราช 2562 ง. หลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี ชนั้ สูง พุทธศกั ราชการ 2563 2. หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐานปัจจบุ ันเป็นหลักสูตรประเภทใด ก. องิ มาตรฐาน ข. ฐานสมรรถนะ ค. บรู ณาการ ง. เน้นประสบการณ์ 3. กระทรวงศกึ ษาธิการมแี นวโน้มการปรบั หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐานในปี การศึกษา 2565 เปน็ หลกั สูตรประเภทใด ก. องิ มาตรฐาน ข. ฐานสมรรถนะ ค. บรู ณาการ ง. เนน้ ประสบการณ์ ข ก ข378

4. ขอ้ ใดไมใ่ ชก่ ารวัดและประเมินตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน 2551 ก. วัดผลระดบั ช้นั เรียน ข. วดั ผลระดับสถานศึกษา ค. วัดผลระดบั ชาติ ง. วัดผลระดับนานาชาติ 5.การแบ่งระดับการศกึ ษาตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน 2551 ก. อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ข. ประถมศึกษา มัธยมศกึ ษา ค. ประถมศึกษา มัธยมศกึ ษาตอนตน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย ง. ประถมศกึ ษาตอนตน้ ประถมศกึ ษาตอนปลาย มธั ยมศึกษาตอนตน้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 6. หวั ใจสาคัญของการแนะแนวคือข้อใด ก. บริการใหค้ าปรกึ ษา ข. สารวจนักเรียนเป็นรายบคุ คล ค. บรกิ ารสนเทศ ง. บรกิ ารจัดวางตวั บุคคล 7. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ กั ษณะของการแนะแนว ก. แนะแนวสว่ นตัว ข. แนะแนวการศึกษา ค. แนะแนวอาชีพ ง. แนะแนวความรัก ค ค ก379 ง

8. บริการทจี่ ดั ขนึ้ เพ่ือมงุ่ หมายท่จี ะช่วยเหลือนักเรยี นใหส้ ามารถปรบั ตัวกับปัญหา คือขอ้ ใด ก. การปฐมนิเทศ ข. การศึกษาเดก็ เป็นรายบคุ คล ค. การแนะแนว ง. การจัดกิจกรรมนักเรียน 9.กระบวนการดาเนนิ การดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรียนอย่างเปน็ ระบบ มขี นั้ ตอนชดั เจน พร้อมทั้ง มวี ิธีการและเครอื่ งมือทมี่ มี าตรฐานคุณภาพ หมายถงึ ข้อใด ก. การแนะแนว ข. การให้คาปรึกษา ค. ระบบดูแลช่วยเหลอื นักเรียน ง. การจดั การประจาช้นั 10. เด็กกลุ่มใดตอ้ งใหก้ ารดแู ลชว่ ยเหลอื เปน็ ลาดับแรก ก. กลมุ่ เส่ียง ข. กลุม่ มีปญั หา ค. กล่มุ ปกติ ง. กลุ่มพเิ ศษ 11. คา่ อาหารกลางวันสาหรับนกั เรยี นอนุบาล - ป.6 กี่บาทต่อคน ก. 13 บาท ข. 20 บาท ค. 21 บาท ง. 25 บาท ค ค ข ค380

12. ข้อใดอธิบายความหมายของคาวา่ “วฒั นธรรม” ไดถ้ กู ตอ้ งทีส่ ดุ ก. ส่ิงจาเป็นในการดารงชวี ติ ของมนุษย์ ข. ส่งิ ดที ส่ี รา้ งความเจริญงอกงามให้แก่สังคม ค. สง่ิ ท่มี นษุ ย์สร้างขึน้ และมีการถ่ายทอดไปสู่รนุ่ อื่น ง. วิถชี วี ติ และทด่ี งี ามของคนในอดีตทค่ี วรแก่การอนรุ กั ษไ์ ว้ 13. พระราชบญั ญตั วิ ัฒนธรรมแหง่ ชาติ พุทธศักราช 2548 แบ่งวัฒนธรรมออกเป็นกีป่ ระเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท 14.การไหวค้ รอู าจารย์ ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง ก. นว้ิ มือจรดปลายคาง ข. นว้ิ มอื อย่รู ะหว่างคิ้ว ค. นิ้วหวั แม่มืออยูป่ ลายจมกู ง. นิ้วมืออยตู่ รงกลางหน้าอก ข ค ค381

15. วนั หยดุ ประจาภาคเหนอื มคี วามสมั พนั ธก์ ับประเพณีใด ก. สารทเดือนสบิ ข. เข้าพรรษา ค. ไหวพ้ ระธาตุ ง. บญุ บง้ั ไฟ 16.องคก์ ารยเู นสโกรับรองให้ศลิ ปวัฒนธรรมไทยข้อใดเปน็ มรดกโลกล่าสุด ก. หนงั ตะลุง ข. โขน ค. มวยไทย ง. ผ้าไหมไทย 17. “ฮตี สิบสอง” ตรงกบั ขอ้ ใด ก. วฒั นธรรมไทย ข. ประเพณี ค. ความเชื่อ ง. ค่านยิ ม 18.ประเพณใี ดจัดเป็นประเพณที อ้ งถิ่น ก. ประเพณีไหลเรอื ไฟ ข. ประเพณีลอยกระทง ค. ประเพณวี ันข้ึนปใี หม่ ง. ประเพณวี ันสงกรานต์ ค ข ข382 ก

19. การกราบครัง้ ทส่ี องของการกราบแบบเบญจางคประดษิ ฐ์ หมายถงึ กราบใคร ก. กราบเพื่อระลกึ ถงึ องคพ์ ระพุทธเจ้า ข. กราบพระธรรมคาส่ังสอนพระพุทธเจ้า ค. กราบพระสงฆ์ตัวแทนพระพทุ ธเจา้ ง. กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 20. ค่านิยมท่ีมีมาอย่างยาวนานในชนบทตรงกบั ข้อใดมากท่สี ุด ก. วัยรุน่ ใส่เสื้อผา้ ทนั สมยั ข. ความเชอ่ื และโชคลาง ค. คนแกไ่ มน่ ิยมออกบ้าน เขา้ สงั คม ง. สง่ ลูกเรยี นในเมืองทมี่ ชี ่ือเสยี ง ข ข 383

21. ขอ้ ใดหมายถงึ งานสารบรรณ ก. จดั ทา รับ สง่ เก็บรักษา ยมื ทาลาย ข. จัดทา เกบ็ รักษา และทาลาย ค. รับ ส่ง เกบ็ รักษา ยืม ง. รบั สง่ เก็บรักษา ยมื ทาลาย 22.หนงั สือราชการมกี ี่ประเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 5 ประเภท ง. 6 ประเภท 23. ข้อใดไมใ่ ช่หนงั สือสง่ั การ ก. คาสง่ั ข. ระเบียบ ค. ข้อบงั คับ ง. แถลงการณ์ 24. หนงั สอื ใดไมต่ ้องใช้กระดาษตราครฑุ ก. หนงั สือสงั่ การ ข. ประกาศ ค. ขา่ ว ง. คาสัง่ 25. หนังสอื ติดต่อภายในกระทรวง ทบวง กรม หรือจังหวัดเดยี วกัน คอื ข้อใด ก. หนังสือภายนอก ข. หนังสอื ภายใน ค. บนั ทกึ ขอ้ ความ ง. หนงั สือประทบั ตรา ก ง ง ค384 ข

26. ขนาดของ ตราครุฑ คือข้อใด ก. 1.5 นว้ิ และ 3 น้ิว ข. 1.5 ซม. และ 3 ซม. ค. 0.5 น้วิ และ 1 นวิ้ ง. 1 ซม. และ 3 ซม. 27. ข้อใดไม่ใชช่ ้ันความลบั ของหนังสือ ก. ลับท่ีสดุ ข. ลบั มาก ค. ลบั ง. ปกปิด 28. ให้เจ้าหนา้ ท่ีปฏบิ ัตใิ นทันทีที่ได้รบั หนังสือนั้น หมายถึง ข้อใด ก. ด่วน ข. ดว่ นมาก ค. ด่วนทส่ี ดุ ง. เร็วทสี่ ุด 29. โดยปกตหิ นังสอื ทั่วไปตอ้ งเกบ็ รักษาไว้กป่ี ี ก. 1 ปี ข. 5 ปี ค. 10 ปี ง. 20 ปี 30. หนังสือราชการที่มคี าลงท้ายว่า “ขอแสดงความนับถือ” เป็นหนังสอื ท่มี ีไปถงึ ใคร ก.อธบิ ดี ข.ปลัดกระทรวง ค.ผู้อานวยการกอง ง.ถูกทกุ ข้อ ข ง ค ค385 ง

คาถามระเบยี บกฎหมายในการปฏบิ ตั ริ าชการ 386

387

388

389

390

391

392

393

394

395

396

397

398

399

400


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook