พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 119กาเรยี กบตุ รของเราแมว า ' สมณะ ' ก็ควร. เรยี กวา ' พราหมณ 'ก็ควรเหมอื นกนั \" ดงั นี้ เม่ือจะทรงสืบอนสุ นธิแสดงธรรม จงึ ตรัสพระคาถาน้ีวา ๙. อลงกฺ โต เจป สม จเรยฺย๑ สนฺโต ทนฺโต นยิ โต พรฺ หมฺ จารี สพฺเพสุ ภุเตสุ นธิ าย ทณฑฺ โส พรฺ าหมฺ โณ โส สมโณ ส ภกิ ขฺ ุ. \" แมถาบคุ คลประดับแลว พึงประพฤติสม่าํ เสมอ เปนผูสงบ ฝกแลว เท่ยี งธรรม มปี กตปิ ระพฤติ ประเสริฐ วางเสียซ่งึ อาชญาในสตั วท กุ จาํ พวก, บคุ คลนนั้ เปน พราหมณ เปนสมณะ เปน ภิกษ.ุ \" แกอ รรถ บรรดาบทเหลา น้นั บทวา อลงฺกโต ไดแก ประดับดว ยผาและอาภรณ. บัณฑติ พึงทราบความแหง พระคาถานั้นวา \" แมห ากวาบุคคลประดบั ดวยเคร่ืองอลังการมผี า เปน ตน พึงประพฤติสมํา่ เสมอ ดวยกายเปน ตน. ชื่อวาเปน ผูสงบ เพราะความสงบระงับแหงราคะเปนตน, ช่อื วาเปนผฝู ก เพราะฝก อนิ ทรยี , ชอื่ วาเปนผเู ท่ียง เพราะเท่ยี งในมรรคทง้ั ๔.ชื่อวาพรหมจารี เพราะประพฤติประเสรฐิ , ช่อื วาวางอาชญาในสัตวท ุกจาํ พวก เพราะความเปนผวู างเสยี ซึง่ อาชญาทางกายเปน ตน แลว. ผูนน้ัคือผเู หน็ ปานนัน้ อนั บคุ คลควรเรยี กวา ' พราหมณ ' เพราะความเปน ผูมีบาปอนั ลอยแลว ก็ได, วา ' สมณะ ' เพราะความเปน ผมู ีบาปอันสงบ๑. อรรถกถาเปน สมจฺ เรยยฺ ย.
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 120แลว กไ็ ด, วา ' ภกิ ษุ ' เพราะความเปน ผูมีกเิ ลสอันทําลายแลว ก็ไดโดยแท. \" ในกาลจบเทศนา ชนเปน อันมากบรรลอุ ริยผลทง้ั หลาย มโี สดา-ปตตผิ ลเปน ตน ดังน้ีแล. เรอื่ งสันตติมหาอํามาตย จบ
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 121 ๑๐. เรอื่ งพระปโ ลติกเถระ [๑๑๖] ขอ ความเบ้อื งตน พระศาสดาเมือ่ ประทบั อยใู นพระเชตวัน ทรงปรารภพระปโ ลตกิ -เถระ ตรัสพระธรรมเทศนานวี้ า \"หิรินเิ สโ ปุริโธ ปรุ ิโส\" เปน ตน. พระอานนทจ ดั การใหปโลติกะบวช ความพิศดารวา ในวนั หน่งึ พระอานนทเถระเห็นทารกคนหนึ่งนุงผาทอนเกา ถอื กระเบ้อื งเท่ียวขอทานอยู จงึ พดู วา \" เจาบวชเสียจะไมดยี ิง่ กวา การเท่ยี วไปอยา งนี้เปน อยหู รอื ? \" เมื่อเขาตอบวา \"ใครจกัใหผมบวชเลา ? ขอรับ \" จงึ กลาวรบั รองวา \"ฉนั จะใหบ วช \" แลวพาเขาไปยังวหิ ารใหอาบนา้ํ ดวยมอื ของตน ใหก รรมฐานแลวก็ใหบ วช. ก็พระอานนทเถระน้นั คล่ที อนผาเกาท่ที ารกนนั้ นงุ แลว ตรวจดูไมเ ห็นสวนอะไร ๆ พอใชส อยได แมส ักวา ทาํ เปน ผา สาํ หรับกรองนาํ้จึงเอาพาดไวท ่ีกงิ่ ไมก่ิงหนึง่ กับกระเบอ้ื ง. พระปโ ลตกิ ะอยากสึก เขาไดบรรพชาอปุ สมบทแลว บรโิ ภคลาภและสักการะอนั เกดิ ขนึ้ เพือ่พระพุทธเจาทงั้ หลาย นุง หมจวี รทีม่ คี า มากเท่ยี วไปอยู เปนผมู สี รรี ะอวนการะสนั ขนึ้ แลว คดิ วา \"ประโยชนอะไรของเราดวยการนุง (หม) จีวรอนั ชนใหดว ยศรัทธาเท่ียวไป, เราจะนงุ ผาเกา ของตวั นแี่ หละ \" ดงั น้ีแลว กไ็ ปสูท นี่ ้นั แลว จงั ผา เกา ทําผา น้ันใหเปน อารมณ แลวจึงโอวาทตนดวยตนเองวา \" เจา ผูไมม หี ริ ิ หมดยางอาย เจา ยงั ปรารถนาเพอ่ื จะละ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 122ฐานะคอื การนุงหม ผา ทง้ั หลายเหน็ ปานนนั้ (กลบั ไป ) นงุ ผา ทอ นเกานี้ มีมือถือกระเบือ้ งเทย่ี วขอทาน ( อกี หรอื )\". กเ็ มือ่ ทา นโอวาท๑ (ตน ) อยนู ั้น แหละจิตผองใสแลว . ทานเกบ็ ผาเกาผืนนัน้ ไวท เ่ี ดมิ นนั้ แลว กลับไปยงั วิหารตามเดิม. โดยกาลลวงไป๒-๓ วัน ทานกระสันขึ้นอกี ไปกลา วอยางนัน้ แหละ แลว ก็กลบั . ถงึกระสนั ขึน้ อกี ก็ไปกลา วอยา งนัน้ เหมือนกัน แลวดวยประการฉะนี.้ พระปโ ลตกิ เถระบรรลุพระอรหัต ภกิ ษทุ ้ังหลาย เหน็ ทานเท่ียวไป ๆ มา ๆ อยูอ ยา งนั้น จงึ ถามวา\" ผมู อี ายุ ทานจะไปไหน ? \" ทานบอกวา \" ผูมีอายุ ผมจะไปสํานักอาจารย \" ดังนแ้ี ลว ก็ทาํผาทอ นเกาของคนนน้ั แหละใหเ ปน อารมณ โดยทาํ นองนน้ั นน่ั เองหา มตนได โดย ๒-๓ วัน เทา นัน้ ก็บรรลพุ ระอรหัตผล. ภกิ ษุท้ังหลาย กลาว \" ผมู อี ายุ บัดน้ี ทานไมไ ปสํานกั อาจารยหรอื ? ทางน้ีเปนทางเทยี่ วไปของทา นมใิ ชห รอื ? \" คนหมดเครอ่ื งของไมต องไป ๆ มา ๆ ทา นตอบวา \" ผมู ีอายุ เมื่อความเกยี่ วขอ งกับอาจารยม ีอยผู มจงึ ไปแตบัดนี้ ผมตัดความเกยี่ วขอ งไดแลว , เพราะฉะนั้น ผมจงึ ไมไ ปสํานกัอาจารย. \" พวกภิกษกุ ราบทลู เรอ่ื งราวแดพ ระตถาคตวา \" ขาแตพ ระองคผูเจรญิพระปโ ลตกิ เถระอวดอางพระอรหตั ผล.๑. อกี นัยหนึง่ แปลวา \" กจ็ ิตของทา นผโู อวาท (ตน) อยูน ัน่ แล ผอ งใสแลว \"กไ็ ด.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 123 พระศาสดา. เธอกลา วอยา งไรเลา ? ภิกษทุ ั้งหลาย. พวกภกิ ษ.ุ เธอกลาวคาํ ชอ่ื น้ี พระเจา ขา . พระศาสดาทรงสดับคําน้นั แลว ตรัสวา \" ถกู ละ ภกิ ษุทัง้ หลาย, บตุ รของเรา เมือ่ ความเก่ยี วขอ งมีอยู จงึ ไปสํานกั อาจารย. แตบ ดั นี้ ความเก่ียวขอ งเธอตัดไดแลว. เธอหา มตนดว ยตนเอง บรรลุพระอรหตั แลว. \"ดังนีแ้ ลว ไดทรงภาษติ พระคาถาเหลานวี้ า ๑๐. หิรนิ เิ สโธ ปุริโส โกจิ โลกสมฺ ิ วชิ ฺชติ โย นิทฺท อปโพเธติ อสฺโส ภโทฺร กสามวิ อสฺโส ยถา ภโทรฺ กสานวิ ิฏโ อาตาปโ น ส เวคโิ น ภวาถ สทธฺ าย สเี ลน จ วรี ิเยน จ สมาธินา ธมมฺ วนิ ิจฉฺ เยน จ สมฺปนฺนวิชฺชาจรณา ปตสิ สฺ ตา ปหสฺสถ ทุกขฺ มิท อนปฺป . \" บรุ ษุ ผูข า มอกศุ ลวิตกดวยหริ ไิ ด นอยคนจะมี ในโลก, บคุ คลใดกําจดั ความหลับ ต่นื อยู เหมอื น มา ดหี ลบแสไมใหถ กู ตน, บุคคลนนั้ หาไดย าก. ทา น ทัง้ หลายจงมีความเพียร มีความสลดใจ เหมอื นมาดี ถกู เขาตดี วยแสแลว (มคี วามบากบั่น) ฉะนน้ั . ทานท้ังหลายเปน ผปู ระกอบดว ยศรทั ธา ศีล วิริยะ สมาธิ และ ดวยคุณเครอ่ื งวนิ จิ ฉัยธรรม มีวชิ ชาและ
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 124 จรณะถงึ พรอม มีสติมน่ั คง จักละทุกขอ นั มีประมาณ ไมนอยนี้ได. \" แกอ รรถ คนผูช ่ือวา หิรนิ เิ สธบคุ คล ในพระคาถาน้ัน ก็เพราะอรรถวาหามอกศุ ลวิตกอนั เกดิ ในภายในดวยความละอายได. สองบทวา โกจิ โลกสมฺ ึ ความวา บุคคลเหน็ ปานนัน้ หาไดย ากจงึ ช่อื วา นอยคนนักจะมใี นโลก. สองบทวา โย นิทฺท ความวา บคุ คลใด ไมป ระมาทแลว ทําสมณ-ธรรมอยู คอยขับไลความหลับทเี่ กิดแลว แกต น ตน่ื อยู เพราะฉะนน้ับุคคลน้นั จงึ ชื่อวา กาํ จดั ความหลบั ใหตน่ื อยู. บทวา กสามิว เปนตน ความวา บคุ คลใดกาํ จัดความหลับ ตืน่ อยูเหมอื นมา ดีคอยหลบแสอ ันจะตกลงทีต่ น คือไมใ หตกลงท่ตี นไดฉ ะน้นั .บคุ คลน้ันหาไดย าก. ในคาถาที่ ๒ มีเนือ้ ความสังเขปดงั ตอ ไปน้ี:- \" ภิกษทุ ้งั หลาย แมเธอทัง้ หลาย จงเปนผมู ีความเพยี ร มีความสลดใจ เหมอื นมาดีอาศัยความประมาท ถกู เขาฟาดดวยแสแลว รสู ึกตวั วา ' ชื่อแมต วั เรา ถูกเขาหวดดว ยแสแลว ' ในกาลตอ มา ยอ มทาํความเพยี รฉะน้นั . เธอทัง้ หลายเปน ผอู ยา งนนั้ แลว ประกอบดวยศรัทธา๒ อยาง ทีเ่ ปน โลกิยะและโลกุตระ ดวยปาริสทุ ธิศลี ๔ ดว ยความเพียรเปนไปทางกายและเปน ไปทางจิต ดว ยสมาธิสัมปยุตดวยสมาบตั ิ ๘ และดว ยคณุ เคร่ืองวินิจฉยั ธรรม มีอนั รูเหตแุ ละมิใชเหตเุ ปนลกั ษณะ, ชอ่ื วา
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 125วิชชาและจรณะถึงพรอ ม เพราะความถึงพรอมแหงวชิ ชา ๓ หรือวิชชา ๘และจรณะ ๑๕, ช่ือวาเปนผมู สี ตมิ ่นั คง เพราะความเปนผมู สี ตติ งั้ มั่นแลวจักละทุกขใ นวฏั ฏะอนั มีประมาณไมน อ ยนี้ได. \" ในกาลจบเทศนา ชนเปน อนั มากบรรลุอรยิ ผลท้ังหลาย มโี สดา-ปตติผลเปนตน ดงั นแ้ี ล. เร่อื งพระปโ ลตกิ เถระ จบ.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 126 ๑๑. เรอ่ื งสขุ สามเณร [๑๑๗] ขอ ความเบอื้ งตน พระศาสดา เมอื่ ประทบั อยใู นพระเชตวนั ทรงปรารภสขุ สามเณรตรสั พระธรรมเทศนานว้ี า \" อุทก หิ นยนฺติ เนตฺตกิ า \" เปน ตน. เรอื่ งคันธเศรษฐี ความพสิ ดารวา ในอดตี กาล มีบุตรของเศรษฐีชาวเมอื งพาราณสีคนหนง่ึ ช่อื วา คนั ธกุมาร เมอ่ื บดิ าของเธอถึงแกกรรมแลว พระราชารบั ส่ังใหหาเธอมาเฝา ทรงปลอบโยนแลว ไดพ ระราชทานตาํ แหนงเศรษฐีแกเ ธอนน้ั แล ดว ยสกั การะเปน อนั มาก. จาํ เดิมแตก าลนน้ั มา คนั ธกมุ ารนน้ัก็ไดป รากฏนามวา \" คนั ธเศรษฐี \" ครง้ั น้ัน ผรู ักษาเรอื นคลังของเศรษฐีนั้น ไดเปด ประตูหองสําหรับเกบ็ ทรัพย ขนออกมาแลว ช้ีแจงวา \" นายทรัพยน ี้ของบิดาทาน มปี ระมาณเทาน้ี. ของบรุ พบุรุษมีปูเ ปนตน มีจํานวนเทา นี้.\" เศรษฐีนน้ั แลดูกองทรัพยแลว พดู วา \" ก็ทาํ ไม บุรพบรุ ุษเหลานัน้ จึงมไิ ดถอื เอาทรัพยนีไ้ ปดว ย ? \" ผูรกั ษาเรอื นคลังตอบวา\" นาย ช่ือวาผทู ่ีจะถือเอาทรัพยไปดว ยไมมี. แทจริง สตั วท ้งั หลายพาเอาแตก ุศลอกุศลท่ตี นไดทําไวเทานั้นไป \" เศรษฐีจายทรัพยส รางสง่ิ ตาง ๆ เศรษฐนี ัน้ คิดวา \" บุรพบรุ ษุ เหลานั้น พากันส่ังสมทรพั ยไวแลวก็ละท้ิงไปเสีย เพราะความที่ตนเปนคนโง. สวนเราจักถือเอาทรพั ยน นั่ไปดว ย. \" กค็ นั ธเศรษฐีเมื่อคิดอยูอ ยา งนน้ั มไิ ดคิดวา \" เราจักใหทาน,หรือจกั ทาํ การบชู า. \" คิดแตว า \" เราจักบรโิ ภคทรพั ยนี้ใหห มดแลว จึงไป. \"
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 127เศรษฐนี ั้นไดสละทรัพยแ สนหนงึ่ ใหท าํ ซุม ท่อี าบนาํ้ อันแลวดว ยแกว ผลึก, จายทรพั ยแสนหนง่ึ ใหท าํ กระดานสาํ หรับอาบนํ้า อนั แลวดวยแกว ผลึกเหมือนกัน, จายทรัพยแสนหนง่ึ ใหท ําบลั ลังกส ําหรบั นง่ั . จายทรพั ยแสนหนงึ่ ใหทาํ ถาดสาํ หรับใสโ ภชนะ, จา ยทรพั ยอ ีกแสนหนงึ่ ใหทาํ มณฑปในที่บรโิ ภค, จายทรัพยแ สนหนงึ่ ใหท าํ เตยี งรองถาดโภชนะ,ใหสรางสหี บญั ชรไวในเรอื นดว ยทรัพยแ สนหน่งึ เหมอื นกนั , จายทรัพยพันหนง่ึ เพอ่ื ประโยชนแ กอาหารเชาของตน. จายทรัพยอกี พนั หนง่ึ แมเพอื่ ประโยชนแ กอาหารเยน็ . แตในวนั เพญ็ ไดสง่ั จา ยทรัพยแ สนหนงึ่เพือ่ ประโยชนแกโภชนะ, ในวันบริโภคภัตน้นั ทา นเศรษฐีไดสละทรัพยแสนหนง่ึ ตกแตงพระนคร ใชคนเท่ยี วตกี ลองประกาศวา \" ไดย ินวามหาชนจงดทู า ทางแหง การบรโิ ภคภัตของคนั ธเศรษฐ.ี \" มหาชนไดผ ูกเตยี งซอ นเตียงประชมุ กนั . ฝา ยคนั ธเศรษฐีน้นั น่ังบนแผนกระดานอนั มีคา แสนหน่งึ ในซมุอาบนํา้ อันมีคาแสนหน่ึง อาบนา้ํ ดวยหมอนํ้าหอม๑๖ หมอ เปด สีหบัญชรนน้ั แลว น่ังบนบลั ลังกนั้น กาลนั้น พวกคนใชวางถาดนนั้ ไวบ นเตียงรองน้ันแลว คดโภชนะอนั มีคา แสนหนึง่ เพอื่ เศรษฐนี ั้น. ทา นเศรษฐีอนัหญงิ นักฟอนแวดลอมแลว บรโิ ภคโภชนะนนั้ อยูดว ยสมบตั เิ หน็ ปานน้.ี คนบานนอกกระหายในภตั ของเศรษฐี โดยสมยั อ่นื คนบานนอกผูห นึ่งบรรทกุ ฟน เปน ตน ใสในยานยอม ๆ เพื่อตอ งการแลกเปล่ียนเสบียงอาหารสาํ หรบั ตน ไปถงึ พระนครแลว ก็พักอยูใ นเรือนของสหาย. ก็กาลนนั้ เปนวนั เพ็ญ. ชนท้ังหลายเทีย่ วตีกลองประกาศในพระนครวา \" มหาชนจงดทู าทางบริโภคของทา น
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 128คันธเศรษฐ.ี \" ครง้ั น้ัน สหายจึงกลา วกะชาวบา นนอกนัน้ วา \" เพอ่ื นเอยทาทางบรโิ ภคภัตของคนั ธเศรษฐี เพือ่ นเคยเหน็ หรอื ? \" ชาวบานนอก. ไมเ คยเหน็ เลย เพ่อื น. สหายชาวเมือง. ถา กระนน้ั มาเถิดเพ่อื น เราจกั ไปดว ยกัน, กลองนี้เท่ยี วไปทวั่ พระนคร เราจกั ดูสมบตั ิใหญ. สหายชาวเมืองไดพาสหายชาวบา นนอกไปแลว . แมม หาชนก็ไดพากันขน้ึ เตียงซอ นเตยี งดูอย.ู สหายชาวบา นนอก พอไดสดู กล่ินภัต กพ็ ูดกับสหายชาวเมืองวา \" กนั เกดิ กระหายในกอนภตั ในถาดน่นั แลว ละ. \" สหายชาวเมือง. อยาปรารภกอนภัตนนั้ เลยเพ่อื น เราไมอาจจะไดดอก. ชาวบา นนอก. เพ่ือนเอย เม่ือไมได ก็จกั ไมเปน อยู (ตอ ไปละ). สหายชาวเมอื งนน้ั เมือ่ ไมอาจหา มสหายชาวบานนอกนั้นไวได ยนือยูท ายบรษิ ทั เปลง เสยี งดงั ๓ ครัง้ วา \" นาย ฉันไหวทา น \" เมื่อคนั ธ-เศรษฐีถามวา \" นน่ั ใคร ? \" จงึ ตอบวา \" ผมครบั นาย. \" เศรษฐี น่เี หตอุ ะไรกนั . สหายชาวเมอื ง. คนบานนอกผูห นงึ่ นี้ เกดิ กระหายในกอ นภัตในถาดของทา น, ขอทา นกรุณาใหก อ นภตั กอ นหนึง่ เถดิ . เศรษฐ.ี ไมอาจจะไดดอก. สหายชาวเมอื ง. คาํ ของเศรษฐี เพ่ือนไดยินไหม เพ่ือน. ชาวบานนอก. กนั ไดย ินแลว เพอื่ น เออ กก็ นั เมือ่ ได จักเปน อยูเมื่อกนั ไมไ ด ความตายจักมี.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 129 สหายชาวเมืองรอ งอีกวา \" นาย ไดยนิ วา ชายคนนี้ เมื่อไมไดก ็จักตาย. ขอทา นจงใหช ีวิตแกเ ขาเถดิ . คนั ธเศรษฐ.ี ทานผเู จรญิ ชือ่ วา กอ นภตั นี้ ยอมถงึ คารอ ยหนงึ่ ก็มีสองรอยก็มี, ผูใดๆยอ มขอ. เมื่อใหแ กผ ูนนั้ ๆ ฉันจกั บริโภคอะไรเลา ? สหายชาวเมอื ง. นาย ชายคนน้ี เมื่อไมไดจกั ตาย, ขอทา นจงใหชวี ติ แกเ ขาเถดิ . คันธเศรษฐ.ี เขาไมอ าจไดเ ปลา ๆ ก็ถา เขาเมื่อไมไ ดจ กั ไมเปน อยูไซร ชายน้ันจงทาํ การรบั จา งในเรอื นของฉนั ๓ ป, ฉนั จกั ใหถ าดภัตแกเ ขาถาดหนง่ึ . ชาวชนบทยอมทําการรับจางในบา นเศรษฐี ชาวบานนอกฟงคาํ นัน้ แลว จงึ พดู กะสหายวา \" อยา งนน้ั เอาละเพือ่ น \" ดงั น้ีแลว ไดล ะบตุ รและภรรยา เขาไปสูเรือนของเศรษฐี ดว ยหมายใจวา \" จักทาํ การรับจา งตลอด ๓ ป. เพอ่ื ประโยชนแ กถ าดภตัถาดหนงึ่ . \" เขาเมอ่ื ทาํ การรับจาง ไดท าํ กจิ ทุกอยา งโดยเรียบรอ ย. การงานทคี่ วรทาํ ในบา น ในปา ในกลางวนั กลางคืน ไดปรากฏวา เขาทาํ เสรจ็เรียบรอ ย. เมื่อมหาชนเรียกเขาวา \" นายภัตตภตกิ ะ \" คาํ นัน้ ไดป รากฏไปทัว่ พระนคร. กาลตอมา เมอ่ื วนั (รบั จาง) ของนายภัตตภติกะครบบริบูรณแ ลว .ผจู ัดการภัตเรยี นวา \" นาย วัน (รับจาง) ของนายภัตติภตกิ ะครบบริบรู ณแลว เขาทําการรับจา งอยูตลอด ๓ ป ทํากรรมยากท่คี นอ่ืนจะทาํ ไดแลว ,การงานแมสกั อยางหนง่ึ ก็ไมเคยเสียหาย. \" คร้ังนัน้ ทานเศรษฐี ไดส่งั
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 130จา ยทรัพย ๓ พนั แกผจู ดั การภตั นนั้ คอื สองพัน เพื่อประโยชนแ กอาหารเยน็ และอาหารเชา ของตน, พนั หน่งึ เพือ่ ประโยชนแ กอ าหารเชา ของนายภัตตภติกะน้ัน แลว ส่ังคนใชวา \" วันน้ี พวกเจาจงทาํ การบรหิ ารท่ีพึงทาํแกเรา แกนายภัตตภติกะนน้ั เถิด. \" ก็แลครั้นสัง่ แลว จงึ ส่ังแมก ะชนที่เหลอื เวนภรรยาเปนทร่ี ักนามวา จินดามณีคนเดยี ว วา \" วนั นี้ พวกเจาจงแวดลอ มนายภัตตภตกิ ะนั้นเถิด . \" ดังน้ีแลว กม็ อบสมบัตทิ ้ังหมดใหแ กนายภตั ตภติกะนนั้ . นายภัตติภตกิ ะเตรียมบรโิ ภคภตั นายภัตตภติกะ นั่งบนแผน กระดานนั้นในซมุ น้ันน่นั แล อาบนํา้ ดวยสาํ หรับอาบของเศรษฐี นงุ ผา สาฎกสําหรบั นุงของเศรษฐีน่นัแหละ แลว นัง่ บนบัลลังกของเศรษฐนี ัน้ เหมอื นกนั . แมท า นเศรษฐีกใ็ ชใหค นเอากลองเที่ยวตปี ระกาศไปในพระนครวา \" นายภตั ตภติกะทาํ การรับจางตลอด ๓ ปใ นเรอื นของคันธเศรษฐี ไดถ าดภัตถาดหน่งึ , ขอชนทง้ั หลายจงดสู มบัตแิ หง การบริโภคของเขา. มหาชนไดข้นึ เตียงซอ นเตยี งดอู ยู. ท่ๆี ชายชาวบานนอกดแู ลว ๆก็ไดถ ึงอาการหวนั่ ไหว. พวกนกั ฟอ นไดยนื ลอมนายภัตตภติกะนนั้ . พวกคนใชยกถาดภตั ถาดหนึง่ ต้ังไวขา งหนาของนายภัตตภติกะนั้นแลว. คร้ังนั้น ในเวลาท่ีนายภตั ตภตกิ ะนัน้ ลา งมือ พระปจ เจกพทุ ธเจาองคห นึ่งทีภ่ เู ขาคันธมาทน ออกจากสมาบัติในวนั ที่ ๗ แลว ใครค รวญอยูว า \" วนั นี้ เราจกั ไปเพอื่ ประโยชนแ กภกิ ขาจารในท่ีไหนหนอแล ? ก็ไดเห็นนายภัตตภตกิ ะแลว. คร้ังนนั้ ทานพจิ ารณาตอไปอกี วา \" นายภตั ตภติกะนี้ ทําการรบั จา งถึง ๓ ป จึงไดถ าดภตั . ศรทั ธาของเขามี
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 131หรอื ไมมหี นอ ? ใครค รวญไปกท็ ราบไดว า \" ศรทั ธาของเขามีอยู \" คิดไปอีกวา \" คนบางพวก ถึงมีศรัทธา ก็ไมอ าจเพื่อทาํ การสงเคราะหได.นายภัตตภตกิ ะน้ี จกั อาจหรอื ไมหนอ เพ่ือจะทาํ การสงเคราะหเรา ? \"กร็ ูวา \" นายภตั ตภติกะ จกั อาจทีเดียว ทงั้ จกั ไดม หาสมบตั เิ พราะอาศัยเหตุคอื การสงเคราะหแกเ ราดว ย \" ดงั นีแ้ ลว จงึ หมจีวรถือบาตร เหาะข้นึสเู วหาสไปโดยระหวา งบรษิ ทั แสดงตนยืนอยขู างหนา แหง นายภตั ตภตกิ ะนัน้ น่ันแล. นายภตั ตภตกิ ะถวายภัตแกพระปจเจกพทุ ธเจา นายภัตตภติกะนั้น เหน็ พระปจ เจกพุทธเจาแลว คิดวา \" เราไดทําการรับจา งในเรอื นคนอน่ื ถงึ ๓ ป ก็เพื่อประโยชนแ กถาดภตั ถาดเดยี วเพราะความที่เราไมไดใ หท านในกาลกอน. บดั น้ี ภตั นีข้ องเราพงึ รักษาเรากเ็ พยี งวนั หนึง่ คืนหนง่ึ , ก็ถา เราจกั ถวายภตั น้ันแกพระผูเปนเจา ภัตจักรกั ษาเราไวม ิใชพันโกฏกิ ลั ปเดียว เราจักถวายภตั นน้ั แกพ ระผเู ปนเจาละ.\" นายภตั ตภติกะน้ัน ทําการรับจา งตลอด ๓ ป ไดถ าดภัตแลวไมท ันวางภัตแมกอนเดยี วในปาก บรรเทาความอยากได ยกถาดภตั ขน้ึเองทเี ดยี ว ไปสูสํานกั ของพระปจ เจกพุทธเจา ใหถาดในมือของคนอนื่แลว ไหวด วยเบญจางคประดิษฐแ ลว เอามือซายจับถาดภตั เอามือขวาเกลีย่ ภัตลงในบาตรของพระปจ เจกพุทธเจา น้ัน. พระปจเจกพุทธเจาไดเอามือปด บาตรเสีย ในเวลาทีภ่ ัตยังเหลืออยูก ึง่ หนึ่ง. ครง้ั นนั้ นายภตั ตภติกะน้ันเรยี นทา นวา \" ทานขอรบั ภตั สว นเดียวเทาน้ัน ผมไมอาจเพ่อื จะเเบงเปน ๒ สว นได, ทานอยา สงเคราะห
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 132ผมในโลกนเี้ ลย. ขอจงทาํ การสงเคราะหใ นปรโลกเถิด. ผมจกั ถวายทัง้ หมดทีเดยี ว ไมใหเ หลือ.\" ทานทถ่ี วายไมเ หลอื มผี ลมาก จริงอยู ทานที่บคุ คลถวายไมเ หลอื ไวเพ่อื ตนแมแตน อยหนงึ่ ช่ือวาทานไมม ีสวนเหลือ. ทานน้นั ยอ มมีผลมาก. นายภตั ตภตกิ ะนัน้ เมื่อทาํอยางนน้ั จงึ ไดถวายหมด ไหวอ ีกแลว เรยี นวา \" ทา นขอรบั ผมอาศัยถาดภตั ถาดเดียว ตอ งทาํ การรบั จา งในเรอื นของคนอน่ื ถึง ๓ ป ไดเสวยทุกขแ ลว . บดั นี้ ขอความสุขจงมีแกกระผมในท่ที ่บี ังเกดิ แลวเถดิ . ขอกระผมพงึ มสี ว นแหง ธรรมท่ที านเหน็ แลวเถิด. \" พระปจ เจกพทุ ธเจากลาววา \" ขอจงสมคดิ เหมือนแกว สารพัดนึก ความดาํ รอิ นั ใหค วามใครทกุ อยาง จงบรบิ รู ณแกท า น เหมือนพระจนั ทรในวนั เพญ็ ฉะน้นั \" เมือ่จะทําอนโุ มทนา จงึ กลาววา \"สงิ่ ทที่ านมุง หมายแลว จงสําเร็จพลันทีเดียว, ความดําริทั้งปวง จงเต็มเหมอื นพระจนั ทรในวนั เพญ็ . สิ่งทีท่ า นมุงหมายแลว จงสาํ เร็จพลนั ทเี ดียว. ความ ดาํ ริทง้ั ปวง จงเตม็ เหมือนแกว มณโี ชติรส ฉะนนั้ \"ดงั นแ้ี ลว อธษิ ฐานวา \" ขอมหาชนน้ี จงยนื เห็นเราจนกระทั่งถงึ เขาคนั ธ-มาทนเถดิ .\" ไดไ ปสภู ูเขาคันธมาทนโดยอากาศแลว. ถงึ มหาชนก็ไดย ืนเห็นทา นอยนู นั่ แหละ. พระปจเจกพทุ ธเจา ไปภเู ขาคนั ธมาทนแลว ไดแ บงบิณฑบาตนนั้ ถวายแกพระปจเจกพทุ ธเจา ๕๐๐ รปู พระปจ เจกพทุ ธเจาทกุ ๆ รูป ไดรบั เอาภตั เพียงพอแกต น ๆ แลว ใคร ๆ ไมพ งึ คิดวา
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 133\" บิณฑบาตเล็กนอ ยจะพอเพียงอยางไร ? \" ดว ยวาอจนิ ไตย ๔ อยาง พระ-ผมู ีพระเจาตรสั ไวแลว, ในอจนิ ไตย ๔ เหลาน้ัน นีก้ ็เปน ปจ เจกพุทธ-วิสัยแล. คันธเศรษฐีแบง ทรัพยใหน ายภัตตภตกิ ะ มหาชน เหน็ บิณฑบาตท่พี ระปจเจกพทุ ธเจา เเบง ถวายแกพระปจ -เจกพทุ ธเจาทัง้ หลายอยู ก็ไดพากันยังพันแหง สาธุการใหเปนไปเเลว.เสียงสาธกุ ารไดเปนประหนึ่งเสียงอสนีบาต. คันธเศรษฐไี ดยนิ เสียงน้นั แลวจึงคิดวา \" นายภตั ติภตกิ ะเหน็ จะไมส ามารถทรงสมบัติเราใหแลว ได.เพราะเหตุน้ัน มหาชนน้ี เม่ือทาํ การหวั เราะเยาะจึงไดอ อ้ื ฉาวขน้ึ . ทา นเศรษฐีน้นั สงคนไปเพ่อื ทราบเรอื่ งราวท่ีเปน ไปแลว. คนเหลา น้นั มาแลวบอกวา \" นายขอรบั ธรรมดาผทู รงสมบัติ ยอ มเปน เห็นปานนี้ \" ดงั นแี้ ลวจึงบอกเร่อื งราวท่เี ปน ไปแลว นน้ั . เศรษฐี ฟงเรื่องน้ันแลว เปน ผมู ีสรีระอนั ปติมวี รรณะ ๕ ถูกตองแลว จึงกลา ววา \" นา อัศจรรย นายภตั ตภตกิ ะน้นั ทาํ สิ่งท่บี ุคคลทําไดโดยยากแลว . เราดาํ รงอยใู นสมบตั ิเห็นปานน้ี ตลอดกาลมีประมาณเทานี้ยงั ไมไ ดอาจเพื่อใหส งิ่ ไรได \" ดงั นแ้ี ลว จงึ ใหเ รียกนายภัตตภตกิ ะน้ันมาแลว ถามวา \" ไดย นิ วา เธอทํากรรมชอ่ื นจี้ ริงหรือ ? \" เมอ่ื เขาตอบวา\" ขอรับ นาย \" จึงกลา ววา \" เอาเถดิ เธอจงถือเอาทรพั ยพนั หน่งึ แลวแบงสว นบุญในทานของเธอใหฉ นั บาง. \" นายภตั ตภตกิ ะนนั้ ไดทําตามนน้ัแลว . แมเ ศรษฐีก็ไดแ บง ครง่ึ ทรพั ยสมบตั อิ ันเปน ของ ๆ ตนทงั้ หมดใหแ กน ายภตั ตภตกิ ะนั้น.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 134 สมั ปทา ๔ อยาง จริงอยู ชอื่ วาสัมปทามี ๔ อยา งคือ วตั ถุสัมปทา ปจ จัยสัมปทาเจตนาสัมปทา คุณาติเรกสัมปทา. ในสมั ปทา ๔ อยางนน้ั พระอรหนั ตหรือพระอนาคามี ควรแกนโิ รธสมาบัติ ผูเปน ทกั ขิไณยบคุ คลล ชอื่ วัตถุสัมปทา. การบงั เกิดข้ึนแหงปจจยั ทัง้ หลาย โดยธรรมสมํา่ เสมอ ชอื่ ปจ จัย-สมั ปทา, ความที่เจตนาใน ๓ กาล คือในกาลกอนแตใ ห, ในกาลกาํ ลงั ให,ในกาลภายหลัง สมั ปยตุ ดว ยญาณ อันกาํ กบั โดยโสมนัส ชอ่ื เจตนสมั ปทา.สวนความที่ทกั ขไิ ณยบคุ คลออกจากสมาบตั ิ ชื่อวา คณุ าตเิ รกสมั ปทา.กส็ มั ปทาทงั้ ๔ อยางคอื พระปจเจกพทุ ธเจา ผขู ณี าสพเปนทักขิไณย-บคุ คล. ปจจยั ท่เี กดิ แลว โดยธรรม โดยความท่ที ําการจา งไดเ เลว . เจตนาบรสิ ทุ ธิใ์ น ๓ กาล พระปจ เจกพทุ ธเจา ผอู อกจากสมาบตั เิ ปน ผยู ง่ิโดยคุณ สําเร็จแลวแกนายภัตตภตกิ ะน้.ี ดวยอานุภาพแหงสัมปทา ๔ น้ีนายภตั ตภตกิ ะ จึงบรรลุมหาสมบตั ใิ นทันตาเหน็ ทเี ดียว. เพราะฉะนนั้นายภัตตภตกิ ะน้นั จงึ ไดส มบตั จิ ากสาํ นักของเศรษฐ.ี นายภัตตภตกิ ะไดเปนเศรษฐี ก็ในกาลตอมา แมพ ระราชา ทรงสดับกรรมทน่ี ายภตั ตภตกิ ะนท้ี าํแลว จงึ ไดร บั สง่ั ใหเรียกเขา มาเฝา แลว พระราชทานทรพั ยใหพนั หน่งึทรงรับสวนบญุ ทรงพอพระทยั พระราชทานโภคะเปนอันมาก แลวกไ็ ดพระราชทานตาํ แหนงเศรษฐีให. เขาไดม ีช่ือวา \" ภตั ตภตกิ เศรษฐี \"ภัตตภตกิ เศรษฐีน้ัน เปน สหายกับคนั ธเศรษฐี กนิ ด่ืมรวมกัน ดํารงอยูตลอดอายแุ ลว จตุ ิจากอตั ภาพน้ันแลว ไดบังเกดิ ในเทวโลก เสวยสมบัติ
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 135อนั เปนทพิ ย ๑ พทุ ธนั ดร ในพทุ ธุปบาทกาลน้ี ไดถอื ปฏิสนธใิ นตระกลูอปุ ฏฐากของพระสารีบุตรเถระ ในเมืองสาวตั ถี. นายภตั ตภตกิ ะไปเกิดในเมืองสาวตั ถี ครั้งนนั้ มารดาของทารกน้นั ไดค รรภบริหารแลว โดยลว งไป๒-๓ วัน กเ็ กดิ แพทอ งวา \" โอหนอ เราถวายโภชนะมีรส ๑๐๐ ชนิดแกพ ระสารีบตุ รเถระพรอมดว ยภกิ ษุ ๕๐๐ รปู นุง ผายอ มฝาดแลว ถอืขนั ทองนัง่ อยู ณ ทา ยอาสนะ พึงบรโิ ภคภตั ทเ่ี หลือเดนของภกิ ษทุ ั้งหลายน้นั \" ดังนีแ้ ลว ทําตามความคดิ นนั้ นั่นแล บรรเทาความแพท อ งแลว .นางแมในกาลมงคลอ่ืนๆถวายทานอยางนน้ั เหมือนกัน คลอดบตุ รแลว ในวันตง้ั ชอ่ื จงึ เรยี นพระเถระวา \" จงใหสิกขาบทแกลูกชายของฉนั เถดิ ทา นผเู จรญิ . \" พระเถระถามวา \" เดก็ น้นั ชอ่ื ไร ? \" เม่ือมารดาของเด็กเรยี นวาทา นผูเ จริญ จาํ เดมิ แตล ูกชายของฉนั ถือปฏสิ นธิ ขึ้นชอ่ื วา ทกุ ข ไมเคยมีแกใ ครในเรือนน,้ี เพราะฉะนน้ั คําวา 'สุขกมุ าร ' น่นั แล จกั เปน ชือ่ ของเด็กนัน้ . \" จึงถือเอาคําน้ันแล เปนช่อื ของเด็กน้ัน ไดใ หสกิ ขาบทแลว.ในกาลนนั้ ความคดิ ไดเ กดิ แกมารดาของเด็กน้ันอยา งนวี้ า \" เราจกั ไมทาํ ลายอธั ยาศัยของลูกชายเรา.\" แมในกาลมงคลทั้งหลาย มมี งคลเจาะหูเด็กน้ันเปนตน นางก็ไดถวายทานอยา งนนั้ เหมอื นกนั . สขุ กมุ ารบรรพชา ฝายกมุ าร ในเวลามอี ายุ ๗ ขวบ ก็พูดวา \" คณุ แม ผมอยากออกบวชในสํานกั ของพระเถระ. \" นางตอบวา \" ดีละ พอ แมจกั ไมทําลายอัธยาศยั ของเจา \" ดังนี้แลว จึงนมิ นตพ ระเถระ ใหทานฉนั แลว กเ็ รยี นวา \" ทา นผูเจริญ ลูกชายของฉันอยากบวช, ในเวลาเยน็ จกั นาํ เดก็ น้ีไป
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 136สวู ิหาร. \" สง พระเถระไปแลว ใหป ระชุมพวกญาติ กลาววา \" ในเวลาที่ลกู ชายของฉนั เปนคฤหสั ถ พวกเราจกั ทํากิจท่ีควรทาํ ในวันนีแ้ หละ. \"ดังนีแ้ ลว จึงแตง ตัวลกู ชายนาํ ไปวหิ าร ดวยสิรโิ สภาคอันใหญ แลว มอบถวายแกพระเถร. ฝา ยพระเถระกลา วกะสขุ กุมารนัน้ วา \" พอ ธรรมดาบรรพชา ทาํ ไดโดยยาก. เจา จักอาจเพ่อื ภริ มยหรอื ? \" เมอื่ ตอบวา \" ผมจักทําตามโอวาทของทาน ขอรับ \" จงึ ใหก ัมมฏั ฐาน ใหบ วชแลว. แมมารดาบิดาของสุขกมุ ารนน้ั เม่อื ทาํ สักการะในการบรรพชา ก็ถวายโภชนะมรี ส ๑๐๐ ชนิดแกภ กิ ษุสงฆ มพี ระพุทธเจา เปนประธาน ในภายในวิหารน่นั เองตลอด ๗ วัน ในเวลาเย็น จงึ ไดไปสเู รือนของตน. ในวนั ท่ี ๓ พระสารีบตุ รเถระ เม่ือภิกษสุ งฆเขาไปสูบานเพ่อื บณิ ฑบาต. ทํากจิ ที่ควรทาํ ในวหิ ารแลว จึงใหสามเณรถือบาตรและจีวร เขา ไปสูบานเพือ่ บิณฑบาต. สามเณรฝก ตน สามเณรเห็นเหมอื งนา้ํ เปน ตน ในระหวางทาง จงึ ถามพระเถระดุจสามเณรบัณฑิต. แมพระเถระกพ็ ยากรณแกส ามเณรนัน้ อยางนัน้ เหมอื นกัน. สามเณรฟงเหตนุ นั้ แลว จงึ เรียนพระเถระวา \" ถาทา นพึงรบับาตรและจีวรของทานไซร. กระผมพึงกลับ. \" เมอื่ พระเถระไมทําลายอธั ยาศัยของสามเณรนน้ั กลา ววา จงเอาบาตรและจวี รของฉนั มา \" รับบาตรและจวี รไปแลว. ก็ไหวพระเถระ เมอ่ื จะกลับ จึงเรยี นส่งั วา \" ทานขอรบั ทานเมอ่ื นําอาหารมาเพื่อผม พงึ นําเอาโภชนะมรี ส ๑๐๐ ชนิดมา. \" พระเถระ. จักไดโ ภชนะน้นั จากไหน ?
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 137 สามเณร. เม่อื ไมไดด ว ยบุญของทา น ก็จกั ไดด ว ยบญุ ของผม ขอรบั . ครัง้ น้นั พระเถระใหลูกกุญแจแกสามเณรนั้นแลว กเ็ ขา บานเพอื่บิณฑบาต. สามเณรน้นั ไปวหิ ารแลว เปดหองของพระเถระเขา ไปแลวปดประตู น่ังหย่งั ญาณลงในกายของตนแลว . ดวยเดชแหงคณุ ของสามเณรนนั้ อาสนะของทา วสกั กะแสดงอาการรอ นแลว . ทาวสกั กะพจิ ารณาดูวา\" นีเ้ หตอุ ะไรหนอ ? \" เหน็ สามเณรแลว ทรงดําริวา \" สขุ สามเณรถวายจีวรแกอ ุปชฌายแ ลว กลบั (วหิ าร) ดว ยคิดวา ' จกั ทําสมณธรรม ' ควรท่เี ราจะไปในท่ีนัน้ \" จึงรบั สง่ั ใหเรียกทาวมหาราชท้ัง ๔ แลว ทรงสง ไปดวยดํารสั ส่งั วา \" พอทง้ั หลาย พวกทา นจงไป. จงไลนกทมี่ ีเสยี งเปน โทษใกลปาแหง วิหารใหหนีไป. ทา วมหาราชท้ังหลายนน้ั กระทําตามนั้นแลวก็ (พากนั ) รกั ษาอยูโ ดยรอบ. ทา วสักกะ ทรงบังคับพระจันทรแ ละพระอาทติ ยวา \" พวกทา นจงยดึ วมิ านของตนๆหยดุ กอน. \" แมพ ระจนั ทรและพระอาทติ ยก ก็ ระตามน้ันแลว . แมท า วสักกะเอง ก็ทรงรักษาอยทู ่ีสายยู. วหิ ารสงบเงยี บปราศจากเสียง. สามเณรเจริญวิปสสนาดว ยจติมอี ารมณเ ปน หน่ึง บรรลุมรรคและผล ๓ แลว . พระเถระ อนั สามเณรกลา ววา \" ทา นพงึ นาํ โภชนะมีรส ๑๐๐ ชนิดมา \" ดังนีแ้ ลว ก็คิดวา \" อนั เราอาจเพอ่ื ไดใ นตระกลู ของใครหนอแล ? \"พิจารณาดอู ยู ก็เหน็ ตระกูลอุปฏ ฐากผูสมบูรณดว ยอธั ยาศยั ตระกลู หนึ่ง จงึไปในตระกูลนัน้ อนั ชนเหลานน้ั มีใจยนิ ดีวา \" ทานผูเจรญิ ความดีอนั ทา นผูมาในทน่ี ้ี ในวันนี้ กระทาํ แลว \" รับบาตรนมิ นตใหน งั่ ถวาย
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 138ยาคูและของขบฉัน อัน เขาเชญิ กลาวธรรมชั่วเวลาภัต จงึ กลาวสาราณยี -ธรรมกถาแกชนเหลานั้น กําหนดั กาล ยังเทศนาใหจบแลว. สามเณรบรรลพุ ระอรหัต ทนี ัน้ ชนทั้งหลาย จึงถวายโภชนะมรี ส ๑๐๐ ชนดิ แกพระเถระนนั้ เหน็ พระเถระรับโภชนะน้ันแลว ประสงคจะกลบั จงึ เรียนวา \" ฉนั เถิดขอรบั พวกผมจักถวายโภชนะแมอ ืน่ อกี \" ใหพระเถระฉนั แลว กถ็ วายจนเต็มบาตรอกี . พระเถระรับโภชนะนัน้ แลว ก็รบี ไปวหิ าร ดว ยคิดวา\" สามเณรของเราจักหิว. \" วนั น้นั พระศาสดาเสดจ็ ออกประทบั นงั่ ในพระคนั ธกฎุ ีแตเชาตรู ทรงราํ พงึ วา \" วนั น้ี สุขสามเณรรบั บาตรและจวี รของอุปช ฌายแ ลว กลบั ไปแลว ตัง้ ใจวา \" จักทาํ สมณธรรม, กจิ ของเธอสาํ เร็จแลวหรอื ? พระองคท รงเห็นความทม่ี รรคผลทั้ง ๓ เทยี ว อันสามเณรบรรลแุ ลว จึงทรงพจิ ารณาแมย่ิงข้ึนไปวา \" สขุ สามเณรนี้ จกั อาจไหมหนอ ? เพือ่ จะบรรลพุ ระอรหตั ในวันน,ี้ สว นพระสารีบุตรรับภตัแลว กร็ ีบออกดว ยคดิ วา \" สามเณรของเราจักหวิ \" ถา เมอื่ สามเณรน้ียงั ไมบ รรลพุ ระอรหัต. พระสารบี ตุ รจกั นาํ ภตั มากอน. อนั ตรายก็จักมีแกส ามเณรน้;ี ควรเราจะไปยดึ อารกั ขาอยทู ี่ซุมประตู \" คร้นั ทรงดําริแลวจงึ เสด็จออกจากคนั ธกุฎี ประทับยืนยดึ อารักขาอยูทซ่ี มุ ประตู. ฝา ยพระ-เถระก็นําภตั มา. คร้งั น้นั พระศาสดาตรสั ถามปญ หา ๔ ขอกะพระเถระนัน้ โดยนยั ท่ีกลาวแลวในหนหลงั แล. ในทส่ี ุดแหง การวสิ ัชนาปญ หาสามเณรกบ็ รรลุพระอรหัตแลว . พระศาสดาตรัสเรียกพระเถระมาแลว ตรสั วา \" สารีบุตร จงไปเถดิ , จงใหภัตแกส ามเณรของเธอ. \" พระเถระไปถึงแลว จึงเคาะประตู
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 139สามเณรออกมาทําวตั รแกอปุ ชฌายแลว, เมื่อพระเถระบอกวา \" จงทําภตั กจิ , \" ก็รวู า พระเถระไมม คี วามตอ งการดว ยภตั เปน เด็กมีอายุ ๗ ขวบบรรลพุ ระอรหตั ในขณะนน้ั นั่นเอง ตรวจตราดูทนี่ ั่งอันต่ํา ทําภตั กจิ แลวกล็ า งบาตร. ในกาลน้นั ทา วมหาราช ๔ องค กพ็ ากนั เลกิ การรกั ษา.ถึงพระจันทรพ ระอาทิตยก็ปลอยวมิ าน. แมท า วสักกะกท็ รงเลกิ อารกั ขาที่สายยู พระอาทิตยป รากฏคลอยเลยทา มกลางฟา ไปแลว เทยี ว. ภกิ ษุท้ังหลาย พากนั พูดวา \" กาลเย็นปรากฏ, สามเณรเพิง่ ทําภัตกิจเสรจ็ เด๋ยี วนเี้ อง. ทําไมหนอ วันนีเ้ วลาเชาจงึ มาก. เวลาเยน็ จึงนอ ย. \"พระศาสดา เสดจ็ มาตรสั ถามวา \" ภิกษุท้งั หลาย บัดน้ี เธอทัง้ หลายนง่ัประชุมกนั ดวยกลา วเรื่องอะไรหนอ ? \" เมื่อภิกษทุ ้งั หลาย ทลู วา \" พระเจาขาวันน้ี เวลาเชามาก เวลาเย็นนอย สามเณรเพ่ิงฉนั ภตั เสรจ็ เด๋ียวนี้เอง.กแ็ ลเปน ไฉน พระอาทิตยจึงปรากฏคลอ ยเคล่ือนทามกลางฟา ไป, \" จึงตรัสวา \" ภกิ ษทุ ้ังหลาย ในเวลาทาํ สมณธรรมของผมู ีบุญทัง้ หลาย ยอ มเปนเชน นัน้ นั่นแล. กใ็ นวันนี้ ทาวมหาราช ๔ องคย ดึ อารกั ขาไวโ ดยรอบ. พระจันทรและพระอาทติ ยไ ดยึดวมิ านหยดุ อยู, ทาวสักกะทรงยดึอารักขาทีส่ ายยู ถึงเราก็ยดึ อารกั ขาอยทู ี่ซมุ ประตู; วันน้ี สขุ สามเณร เหน็คนไขนาํ้ เขา เหมอื ง ชางศรดดั ศรใหตรง ชา งถาก ถากทัพสัมภาระท้ังหลายมลี อเปน ตน แลว ฝกตน บรรลุพระอรหตั แลว \" ดังนี้แลวจงึ ตรัสพระ-คาถาน้ีวา ๑๑. อทุ ก หิ นยนตฺ ิ เนตฺติกา อสุ กุ ารา นมยนฺติ เตชน
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 140 ทารุ นมยนฺติ ตจฺฉกา อตตฺ าน ทมยนตฺ ิ สุพฺพตา. \" อันคนไขนาํ้ ทงั้ หลายยอมไขนาํ้ , ชา งศรทงั้ หลาย ยอ มดัดลูกศร, ชา งถากท้งั หลาย ยอมถากไม, ผู สอนงายทง้ั หลาย ยอ มฝก ตน. \" แกอ รรถ บรรดาบทเหลา น้นั บทวา สุพฺพตา ความวา วา งาย คอื พึงโอวาทพงึ อนุศาสน โดยสะดวก. คาํ ท่ีเหลอื มีนยั ดังกลาวแลว ในหนหลงั แล. ในกาลจบเทศนา ชนเปนอันมากบรรลุอรยิ ผลทั้งหลาย มีโสดา-ปตติผลเปน ตน แลว ดงั น้แี ล. เรอื่ งสุขสามเณร จบ. ทัณฑวรรควรรณนา จบ. วรรคท่ี ๑๐ จบ.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 141 คาถาธรรม ชราวรรค๑ท่ี ๑๑ วา ดว ยสง่ิ ทีค่ ร่าํ ครา ชรา [๒๑] ๑. เมื่อโลกสันนิวาส อันไฟลุกโพลงอยูเ ปนนิตย พวกเธอยงั จะรา เริงบนั เทิงอะไรกันหนอ เธอทั้งหลาย อนั ความมดื ปกคลุมแลว ทาํ ไมจึงไมแ สวงหาประทีป เลา . ๒. เธอจงดูอตั ภาพท่ไี มมีความยัง่ ยนื (และ) ความม่นั คง (อนั กรรม) ทําใหวิจิตรแลว มีกายเปน แผล อันกระดูก ๓๐๐ ทอ น ยกขึ้นแลว อนั อาดรู ทีม่ หาชนครนุ คดิ แลว โดยมาก. ๓. รปู นแ้ี กหงอ มแลว เปน รงั ของโลก เปอ ยพัง กายของตนเปนของเนา จกั แตก เพราะชวี ิตมีความ ตายเปนทสี่ ุด. ๔. กระดกู เหลาน้ใี ด อนั เขาทิ้งเกล่ือนกลาดดุจ นํ้าเตาในสารทกาล มสี ีเหมอื นนกพริ าบ ความยนิ ดี อะไรเลา (จักม)ี เพราะเหน็ กระดูกเหลานนั้ . ๕. สรีระอันกรรมทาํ ใหเ ปน นครแหงกระดูกทง้ั - หลาย ฉาบดว ยเนอ้ื และโลหติ เปน ที่ตง้ั ลงแหง ชรา มรณะ มานะ และมักขะ.๑. วรรคนีม้ อี รรถกถา ๙ เรอ่ื ง.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 142 ๖. ราชรถทวี่ จิ ิตรดยี งั คร่ําคราไดเ เล อนง่ึ ถงึสรีระ กย็ อ มถงึ ความครา่ํ ครา ธรรมของสตั บุรุษหาเขาถงึ ความคราํ่ ครา ไม สตั บรุ ุษทง้ั หลายแล ยอ มปราศรยั กับดวยสตั บรุ ษุ . ๗. คนมสี ุตะนอยนี้ ยอมแกเ หมือนโคถึก เนอื้ของเขายอ มเจริญ แตป ญ ญาของเขาหาเจรญิ ไม. ๘. เราแสวงหาชางผูทําเรอื น เมอ่ื ไมป ระสบจงึ ไดทอ งเทย่ี วไปสูสงสาร มชี าตเิ ปน อเนก ความเกดิ บอย ๆ เปน ทุกข แนะนายชา งผูทาํ เรอื น เราพบทา นแลว ทา นจะทาํ เรือนอีกไมไ ด ซ่โี ครงทุกซข่ี องทา นเราหักเสียแลว ยอดเรือนเรากร็ อื้ เสียแลว จิตของเราถงึ ธรรมปราศจากเคร่อื งปรุงแตง แลว เพราะเราบรรลธุ รรมเปนท่สี น้ิ ตณั หาแลว . ๙. พวกคนเขลาไมป ระพฤติพรหมจรรย ไมไดทรพั ยในคราวยงั เปน หนมุ สาว ยอมซบเซาดงั นกกะเรยี นแก ซบเซาอยูในเปอกตมท่หี มดปลาฉะน้นั .พวกคนเขลาไมป ระพฤตพิ รหมจรรย ไมไ ดท รัพยใ นคราวยงั เปนหนุมสาว ยอมนอนทอดถอนถึงทรพั ยเ กาเหมือนลูกศรทตี่ กจากแลง ฉะน้นั . จบชราวรรคที่ ๑๑
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 143 ๑๑. ชราวรรควรรณนา ๑. เรอ่ื งหญงิ สหายของนางวิสาขา [๑๑๘] ขอความเบอ้ื งตน พระศาสดา เมื่อประทบั อยูในพระเชตวนั ทรงปรารภพวกหญงิสหายของนางวสิ าขา ตรสั พระธรรมเทศนานว้ี า \" โก นุ หาโส กมิ า-นนโฺ ท \" เปน ตน . สามมี อบภรรยาของตนแกน างวิสาขา ดงั ไดส ดบั มา กลุ บตุ ร ๕๐๐ คน ในพระนครสาวัตถี ไดม อบภริยาของตนๆกะนางวิสาขามหาอุบาสกิ า ดว ยมงุ หมายวา \" ดวยอบุ ายอยางน้ีภรยิ าเหลา นจ้ี ักเปนผูอยูดว ยความไมประมาท. \" หญงิ เหลา นนั้ เมอ่ื ไปสวนกด็ ี ไปวหิ ารก็ดี ยอ มไปกับนางวสิ าขานั่นแล. มหรสพเกี่ยวกบั สรุ า ในคราวหน่ึง เมอื่ เขาโฆษณาการมหรสพวา \" จักมีการมหรสพเก่ียวกับสรุ าตลอด ๗ วนั \" หญงิ เหลานนั้ กจ็ ัดเตรียมสรุ าเพ่อื สามขี องตนๆสามีเหลาน้นั เลนมหรสพเก่ยี วกับสรุ าตลอด ๗ วนั แลว ในวนั ที่ ๘ ไดออกไปเพอื่ ทําการงาน. หญงิ เหลา น้ันคิดหาอุบายด่ืมสรุ า หญิงแมเหลา นนั้ หารอื กนั วา \" พวกเราไมไดด มื่ สุราตอ หนาสามี,กส็ ุราทเ่ี หลอื ยงั มอี ยู, เราทัง้ หลายจักดม่ื สรุ านดี้ วยวิธที สี่ ามเี หลานั้นจะไมรู \" ดงั นแ้ี ลว จึงไปสาํ นกั ของนางวสิ าขา กลา ววา \" แมเจา ดฉิ ันทั้งหลาย
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 144ปรารถนาจะชมสวน \" เมอื่ นางวสิ าขาตอบวา \" ดลี ะ แมท ้ังหลาย ถาเชนนนั้ จงทํากิจท่ีควรทําเสรจ็ แลวจึงออกไป. \" ไดไ ปพรอมกับนางวิสาขานั้นซอ นสุราไปโดยอาการอนั มิดชดิ ดมื่ เสยี (จน) เมาแลว เท่ยี วไปในสวน.นางวิสาขาคิดวา \" หญิงเหลานีท้ ํากรรมไมส มควร. คราวน้ีถงึ พวกเดียรถยี กจ็ ักติเตียนไดว า \" สาวิกาทัง้ หลายของพระสมณโคคม ดมื่ สรุ า ยอ มเที่ยวไป \" จึงกลา วกะหญิงเหลานน้ั วา \" น่ีแนะ แม เธอทง้ั หลายทํากรรมไมสมควร. พลอยใหเกดิ อัปยศแกฉ ันดวย. ถงึ สามกี จ็ ะโกรธพวกเธอ. บัดน้ีพวกเธอจักทาํ อยา งไรกนั ? \" หญิงเหลานนั้ ตอบวา \" แมเ จา ดฉิ นั ท้งั หลายจักแสดงอาการลวงวา เปน ไข \" นางวสิ าขาจึงกลาววา \" ถา เชนนนั้ พวกเธอก็จักปรากฏดว ยกรรมของตน.\" หญงิ เหลานนั้ ไปถงึ เรือนแลว ทาํ ทาลวงวา เปน ไข. ทนี ัน้ สามขี องหญิงเหลา นั้นถามวา \" หญิงชอ่ื น้ีและช่ือนี้ไปไปไหน ? \" ไดย ินวา \" เปน ไข \" กก็ าํ หนดจบั ไดว า \" พวกนีจ้ กั ด่มื สุราท่ีเหลือเปนแน \" จึงไดทบุ ตีหญิงเหลานนั้ ใหถึงความเส่ือมเสีย. ในคราวมหรสพแมอ ่ืนอีก หญิงเหลา นน้ั อยากด่มื สรุ าเหมือนอยา งน้ัน จึงเขา ไปหานางวสิ าขา กลา ววา \" แมเ จา โปรดพาดฉิ นั ไปชมสวนเถดิ \" ถูกนางหา มวา \" แมใ นคราวกอ น เธอทัง้ หลายกระทําใหอัปยศแกฉ นั . ไปเองเถอะ, ฉันจะไมพ าเธอทัง้ หลายไปละ \" ไดพ ดู เอาใจวา \" ทีน้ี พวกดฉิ นั จักไมท ําอยา งนนั้ \" แลว เขา ไปหานางวสิ าขานนั้ พูดใหมว า \" แมเจา ดิฉนัทง้ั หลายประสงคจะทาํ พทุ ธบชู า. ขอจงพาดิฉนั ทัง้ หลายไปวหิ ารเถิด. \"นางจึงพูดวา \" แนะแม บดั นี้ สมควร (แท) . เธอทั้งหลายจงไปจดั แจงเตรียมตัวเถอะ. หญงิ เหลา นน้ั ใหค นถือของหอมเเละระเบียบดอกไมเ ปนตนดวยผอบ หว้ิ ขวดมีสัณฐานดุจกํามอื ซึง่ เตม็ ดว ยสรุ า ดว ยมือทง้ั สอง
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 145คลมุ ผา ผืนใหญเขา ไปหานางวสิ าขาแลว เขา ไปวิหารพรอ มกับนางวิสาขาน้นั นง่ั ณ สว นขา งหนึง่ ด่ืมสุราดว ยขวดอันมีสัณฐานดุจกาํ มือน่ันเองแลวทิ้งขวดเสยี นงั่ ตรงพระพักตรพ ระศาสดาในโรงธรรม. นางวสิ าขากราบทูลวา \" พระเจาขา ขอพระองคแสดงธรรมแกหญงิ เหลา นี้. \"ผา ยหญงิ เหลาน้ัน มตี ัวส่นั เท้มิ อยูดว ยฤทธ์เิ มา เกดิ ความคดิ ขึ้นวา \" เราทั้งหลายจักฟอ น จกั ขับ. \" เทวบุตรมารบนั ดาลใหแสดงกายวกิ ารแตไ มสาํ เรจ็ ลาํ ดับน้นั เทวดาองคห น่งึ ซง่ึ นบั เน่อื งในหมมู าร คดิ วา \" บดั นี้เราจักสงิ ในสรรี ะของหญงิ เหลา นีแ้ ลว จักแสดงประการอนั แปลกตรงพระพักตรพระสมณโคดม \" แลว เขาสิงในสรีระของหญิงเหลานั้น บรรดาหญงิ เหลานั้น บางพวกจะเร่มิ ปรบมือหวั เราะ, บางพวกเริม่ จะฟอ น ตรงพระพกั ตรพ ระศาสดา. พระศาสดาทรงรําพงึ วา \" นอ้ี ยางไรกนั ? \" ทรงทราบเหตุนั้นแลว ทรงดํารแิ ลววา \" บัดน้ี เราจกั ไมใหเ ทวดาผูนบั เน่อื งในหมมู ารไดช อ ง. เพราะเม่อื เราบําเพ็ญบารมีตลอดกาลเทานี้ กห็ าไดบาํ เพ็ญเพื่อมงุ จะใหพวกเทวดาผูนับเนอื่ งในหมมู ารไดชองไม \" เพ่อื จะใหหญิงเหลานั้นสังเวช จึงทรงเปลง รศั มีจากพระโลมาระหวางพระโขนง๑ ทนั ใดนัน้ เอง ความมดื มนอนธการไดมแี ลว. หญิงเหลา นัน้ ไดหวาดหวัน่ อนัมรณภัยคกุ คามแลว ดวยเหตุนนั้ สรุ าในทอ งของหญิงเหลา นั้นจึงสรา งคลายไป. พระศาสดาทรงหายไป ณ บัลลงั กทป่ี ระทับนงั่ ประทบั ยืนอยบู นยอดเขาสเิ นรุ ทรงเปลง พระรศั มีจากพระอุณาโลม. ขณะนน้ั แสงสวา งไดมีเหมือนพระจันทรข ึน้ ตั้งพันดวง. ลาํ ดับนั้น พระศาสดาตรสั เรยี กหญิง๑. ภมุกโลมโตต.ิ ภมกุ นฺตเร โลมโต.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 146เหลา น้ันมาแลว ตรสั วา \" พวกเธอ เมอื่ มาสํานักของเรา ประมาทแลวหาควรไม, เพราะความประมาทของพวกเธอนนั่ เอง เทวดาซ่ึงนับเนื่องในหมูม ารจึงไดชอ ง ใหพวกเธอทาํ กายวิการมีหัวเราะเปนตน ในทซี่ ง่ึ ไมควรทาํ กายวหิ ารมหี ัวเราะเปนตน, บดั นี้ พวกเธอทําความอตุ สาหะ เพือ่มงุ ใหไฟราคะเปน ตนดบั ไปจงึ ควร \" ดังนแี้ ลว ตรัสพระคาถานวี้ า ๑. โก นุ หาโส กิมานนฺโท นิจฺจ ปชชฺ ลิเต สติ อนฺธกาเรน โอนทธฺ า ปทีป น คเวสถ. \" เม่ือโลกสนั นวิ าส อันไฟลุกโพลงอยเู ปน นิตย, พวกเธอยังจะราเริง บันเทิงอะไรกนั หนอ ? เธอ ท้งั หลายยอมความมดื ปกคลุมแลว ทาํ ไมจึงไมแสวงหา ประทปี เลา ? \" แกอ รรถ ความยินดี ช่ือวา อานนฺโท ในพระคาถาน้นั . พระผูมพี ระภาคเจาตรัสเปน คําอธบิ ายไวดังนี้วา \" เมือ่ โลกสนั นิวาสนี้ อนั ไฟ ๑๑ อยาง มีราคะเปนตนลุกโพลงแลว เปนนติ ย. เธอทั้งหลายจะมวั รา เรงิ หรือเพลดิ -เพลินอะไรกนั หนอ ? นนั่ ไมสมควรทําเลย มิใชหรือ ? กเ็ ธอท้ังหลายอนั ความมดื คอื อวชิ ชาซึง่ มวี ตั ถุ ๘ ปกคลมุ ไว เหตุไรจึงไมแ สวงหา คอืไมทาํ ประทปี คอื ญาณ เพอ่ื ประโยชนแกการกําจัดความมืดนัน้ เสยี ? \" ผรู ับคาํ เตอื นยอ มไดผล ในเวลาจบพระธรรมเทศนา หญิง ๕๐๐ ตงั้ อยใู นโสดาปตตผิ ลแลว. พระศาสดาทรงทราบความทห่ี ญงิ เหลาน้นั เปนผูต้งั ม่ันอยูในอจล-ศรทั ธาแลว เสด็จลงจากยอดเขาสเิ นรุ ประทบั น่งั บนพุทธอาสน.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 147 นางวิสาขาช้โี ทษของสุราโดยบุคลาธษิ ฐาน ลาํ ดบั นน้ั นางวิสาขาไดกราบทลู พระพุทธองคว า \" พระเจาขา ขน้ึชอ่ื วา สรุ าน,้ี เลวทราม, เพราะวาหญิงเหลาน้ี ชอื่ เหน็ ปานนี้ น่งั ตรงพระ-พักตรพ ระพทุ ธเจา เชน พระองค ยงั ไมสามารถจะยงั แมเ พยี งอริ ยิ าบถใหเ รียบรอยได เรมิ่ จะลุกขน้ึ ปรบมือ ทาํ การหวั เราะ ขับ และฟอ นเปน ตน แลว . \"พระศาสดาตรสั วา \" นนั่ แหละวสิ าขา ขึ้นชอื่ วาสรุ านี้ เลวทรามแท, เพราะประชาชนอาศยั สรุ านี้ ถึงความพนิ าศแลวตงั้ หลายรอ ย.\" เมื่อนางวสิ าขากราบทลู วา \" ก็สุรานเี้ กดิ ขน้ึ เมื่อไร ? พระเจา ขา , \" เพอ่ื จะตรัสอุปต ติเหตุแหง สุรานั้น (แกนางวสิ าขา) โดยพิสดาร จงึ ทรงนําอดตี นทิ านมาแลวตรัสกุมภชาดก๑ ดงั นแี้ ล. เรอื่ งหญงิ สหายของนางวสิ าขา จบ.๑. ข.ุ ชา. ตสึ . ๒๗/๔๗๗. อรรถกถา. ๗/๑๙๑.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 470
Pages: