Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_42

tripitaka_42

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_42

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 119กาเรยี กบตุ รของเราแมว า ' สมณะ ' ก็ควร. เรยี กวา ' พราหมณ 'ก็ควรเหมอื นกนั \" ดงั นี้ เม่ือจะทรงสืบอนสุ นธิแสดงธรรม จงึ ตรัสพระคาถาน้ีวา ๙. อลงกฺ โต เจป สม จเรยฺย๑ สนฺโต ทนฺโต นยิ โต พรฺ หมฺ จารี สพฺเพสุ ภุเตสุ นธิ าย ทณฑฺ  โส พรฺ าหมฺ โณ โส สมโณ ส ภกิ ขฺ ุ. \" แมถาบคุ คลประดับแลว พึงประพฤติสม่าํ เสมอ เปนผูสงบ ฝกแลว เท่ยี งธรรม มปี กตปิ ระพฤติ ประเสริฐ วางเสียซ่งึ อาชญาในสตั วท กุ จาํ พวก, บคุ คลนนั้ เปน พราหมณ เปนสมณะ เปน ภิกษ.ุ \" แกอ รรถ บรรดาบทเหลา น้นั บทวา อลงฺกโต ไดแก ประดับดว ยผาและอาภรณ. บัณฑติ พึงทราบความแหง พระคาถานั้นวา \" แมห ากวาบุคคลประดบั ดวยเคร่ืองอลังการมผี า เปน ตน พึงประพฤติสมํา่ เสมอ ดวยกายเปน ตน. ชื่อวาเปน ผูสงบ เพราะความสงบระงับแหงราคะเปนตน, ช่อื วาเปนผฝู ก เพราะฝก อนิ ทรยี , ชอื่ วาเปนผเู ท่ียง เพราะเท่ยี งในมรรคทง้ั ๔.ชื่อวาพรหมจารี เพราะประพฤติประเสรฐิ , ช่อื วาวางอาชญาในสัตวท ุกจาํ พวก เพราะความเปนผวู างเสยี ซึง่ อาชญาทางกายเปน ตน แลว. ผูนน้ัคือผเู หน็ ปานนัน้ อนั บคุ คลควรเรยี กวา ' พราหมณ ' เพราะความเปน ผูมีบาปอนั ลอยแลว ก็ได, วา ' สมณะ ' เพราะความเปน ผมู ีบาปอันสงบ๑. อรรถกถาเปน สมจฺ เรยยฺ ย.

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 120แลว กไ็ ด, วา ' ภกิ ษุ ' เพราะความเปน ผูมีกเิ ลสอันทําลายแลว ก็ไดโดยแท. \" ในกาลจบเทศนา ชนเปน อันมากบรรลอุ ริยผลทง้ั หลาย มโี สดา-ปตตผิ ลเปน ตน ดังน้ีแล. เรอื่ งสันตติมหาอํามาตย จบ

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 121 ๑๐. เรอื่ งพระปโ ลติกเถระ [๑๑๖] ขอ ความเบ้อื งตน พระศาสดาเมือ่ ประทบั อยใู นพระเชตวัน ทรงปรารภพระปโ ลตกิ -เถระ ตรัสพระธรรมเทศนานวี้ า \"หิรินเิ สโ ปุริโธ ปรุ ิโส\" เปน ตน. พระอานนทจ ดั การใหปโลติกะบวช ความพิศดารวา ในวนั หน่งึ พระอานนทเถระเห็นทารกคนหนึ่งนุงผาทอนเกา ถอื กระเบ้อื งเท่ียวขอทานอยู จงึ พดู วา \" เจาบวชเสียจะไมดยี ิง่ กวา การเท่ยี วไปอยา งนี้เปน อยหู รอื ? \" เมื่อเขาตอบวา \"ใครจกัใหผมบวชเลา ? ขอรับ \" จงึ กลาวรบั รองวา \"ฉนั จะใหบ วช \" แลวพาเขาไปยังวหิ ารใหอาบนา้ํ ดวยมอื ของตน ใหก รรมฐานแลวก็ใหบ วช. ก็พระอานนทเถระน้นั คล่ที อนผาเกาท่ที ารกนนั้ นงุ แลว ตรวจดูไมเ ห็นสวนอะไร ๆ พอใชส อยได แมส ักวา ทาํ เปน ผา สาํ หรับกรองนาํ้จึงเอาพาดไวท ่ีกงิ่ ไมก่ิงหนึง่ กับกระเบอ้ื ง. พระปโ ลตกิ ะอยากสึก เขาไดบรรพชาอปุ สมบทแลว บรโิ ภคลาภและสักการะอนั เกดิ ขนึ้ เพือ่พระพุทธเจาทงั้ หลาย นุง หมจวี รทีม่ คี า มากเท่ยี วไปอยู เปนผมู สี รรี ะอวนการะสนั ขนึ้ แลว คดิ วา \"ประโยชนอะไรของเราดวยการนุง (หม) จีวรอนั ชนใหดว ยศรัทธาเท่ียวไป, เราจะนงุ ผาเกา ของตวั นแี่ หละ \" ดงั น้ีแลว กไ็ ปสูท นี่ ้นั แลว จงั ผา เกา ทําผา น้ันใหเปน อารมณ แลวจึงโอวาทตนดวยตนเองวา \" เจา ผูไมม หี ริ ิ หมดยางอาย เจา ยงั ปรารถนาเพอ่ื จะละ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 122ฐานะคอื การนุงหม ผา ทง้ั หลายเหน็ ปานนนั้ (กลบั ไป ) นงุ ผา ทอ นเกานี้ มีมือถือกระเบือ้ งเทย่ี วขอทาน ( อกี หรอื )\". กเ็ มือ่ ทา นโอวาท๑ (ตน ) อยนู ั้น แหละจิตผองใสแลว . ทานเกบ็ ผาเกาผืนนัน้ ไวท เ่ี ดมิ นนั้ แลว กลับไปยงั วิหารตามเดิม. โดยกาลลวงไป๒-๓ วัน ทานกระสันขึ้นอกี ไปกลา วอยางนัน้ แหละ แลว ก็กลบั . ถงึกระสนั ขึน้ อกี ก็ไปกลา วอยา งนัน้ เหมือนกัน แลวดวยประการฉะนี.้ พระปโ ลตกิ เถระบรรลุพระอรหัต ภกิ ษทุ ้ังหลาย เหน็ ทานเท่ียวไป ๆ มา ๆ อยูอ ยา งนั้น จงึ ถามวา\" ผมู อี ายุ ทานจะไปไหน ? \" ทานบอกวา \" ผูมีอายุ ผมจะไปสํานักอาจารย \" ดังนแ้ี ลว ก็ทาํผาทอ นเกาของคนนน้ั แหละใหเ ปน อารมณ โดยทาํ นองนน้ั นน่ั เองหา มตนได โดย ๒-๓ วัน เทา นัน้ ก็บรรลพุ ระอรหัตผล. ภกิ ษุท้ังหลาย กลาว \" ผมู อี ายุ บัดน้ี ทานไมไ ปสํานกั อาจารยหรอื ? ทางน้ีเปนทางเทยี่ วไปของทา นมใิ ชห รอื ? \" คนหมดเครอ่ื งของไมต องไป ๆ มา ๆ ทา นตอบวา \" ผมู ีอายุ เมื่อความเกยี่ วขอ งกับอาจารยม ีอยผู มจงึ ไปแตบัดนี้ ผมตัดความเกยี่ วขอ งไดแลว , เพราะฉะนั้น ผมจงึ ไมไ ปสํานกัอาจารย. \" พวกภิกษกุ ราบทลู เรอ่ื งราวแดพ ระตถาคตวา \" ขาแตพ ระองคผูเจรญิพระปโ ลตกิ เถระอวดอางพระอรหตั ผล.๑. อกี นัยหนึง่ แปลวา \" กจ็ ิตของทา นผโู อวาท (ตน) อยูน ัน่ แล ผอ งใสแลว \"กไ็ ด.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 123 พระศาสดา. เธอกลา วอยา งไรเลา ? ภิกษทุ ั้งหลาย. พวกภกิ ษ.ุ เธอกลาวคาํ ชอ่ื น้ี พระเจา ขา . พระศาสดาทรงสดับคําน้นั แลว ตรัสวา \" ถกู ละ ภกิ ษุทัง้ หลาย, บตุ รของเรา เมือ่ ความเก่ยี วขอ งมีอยู จงึ ไปสํานกั อาจารย. แตบ ดั นี้ ความเก่ียวขอ งเธอตัดไดแลว. เธอหา มตนดว ยตนเอง บรรลุพระอรหตั แลว. \"ดังนีแ้ ลว ไดทรงภาษติ พระคาถาเหลานวี้ า ๑๐. หิรนิ เิ สโธ ปุริโส โกจิ โลกสมฺ ิ วชิ ฺชติ โย นิทฺท อปโพเธติ อสฺโส ภโทฺร กสามวิ อสฺโส ยถา ภโทรฺ กสานวิ ิฏโ  อาตาปโ น ส เวคโิ น ภวาถ สทธฺ าย สเี ลน จ วรี ิเยน จ สมาธินา ธมมฺ วนิ ิจฉฺ เยน จ สมฺปนฺนวิชฺชาจรณา ปตสิ สฺ ตา ปหสฺสถ ทุกขฺ มิท อนปฺป . \" บรุ ษุ ผูข า มอกศุ ลวิตกดวยหริ ไิ ด นอยคนจะมี ในโลก, บคุ คลใดกําจดั ความหลับ ต่นื อยู เหมอื น มา ดหี ลบแสไมใหถ กู ตน, บุคคลนนั้ หาไดย าก. ทา น ทัง้ หลายจงมีความเพียร มีความสลดใจ เหมอื นมาดี ถกู เขาตดี วยแสแลว (มคี วามบากบั่น) ฉะนน้ั . ทานท้ังหลายเปน ผปู ระกอบดว ยศรทั ธา ศีล วิริยะ สมาธิ และ ดวยคุณเครอ่ื งวนิ จิ ฉัยธรรม มีวชิ ชาและ

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 124 จรณะถงึ พรอม มีสติมน่ั คง จักละทุกขอ นั มีประมาณ ไมนอยนี้ได. \" แกอ รรถ คนผูช ่ือวา หิรนิ เิ สธบคุ คล ในพระคาถาน้ัน ก็เพราะอรรถวาหามอกศุ ลวิตกอนั เกดิ ในภายในดวยความละอายได. สองบทวา โกจิ โลกสมฺ ึ ความวา บุคคลเหน็ ปานนัน้ หาไดย ากจงึ ช่อื วา นอยคนนักจะมใี นโลก. สองบทวา โย นิทฺท ความวา บคุ คลใด ไมป ระมาทแลว ทําสมณ-ธรรมอยู คอยขับไลความหลับทเี่ กิดแลว แกต น ตน่ื อยู เพราะฉะนน้ับุคคลน้นั จงึ ชื่อวา กาํ จดั ความหลบั ใหตน่ื อยู. บทวา กสามิว เปนตน ความวา บคุ คลใดกาํ จัดความหลับ ตืน่ อยูเหมอื นมา ดีคอยหลบแสอ ันจะตกลงทีต่ น คือไมใ หตกลงท่ตี นไดฉ ะน้นั .บคุ คลน้ันหาไดย าก. ในคาถาที่ ๒ มีเนือ้ ความสังเขปดงั ตอ ไปน้ี:- \" ภิกษทุ ้งั หลาย แมเธอทัง้ หลาย จงเปนผมู ีความเพยี ร มีความสลดใจ เหมอื นมาดีอาศัยความประมาท ถกู เขาฟาดดวยแสแลว รสู ึกตวั วา ' ชื่อแมต วั เรา ถูกเขาหวดดว ยแสแลว ' ในกาลตอ มา ยอ มทาํความเพยี รฉะน้นั . เธอทัง้ หลายเปน ผอู ยา งนนั้ แลว ประกอบดวยศรัทธา๒ อยาง ทีเ่ ปน โลกิยะและโลกุตระ ดวยปาริสทุ ธิศลี ๔ ดว ยความเพียรเปนไปทางกายและเปน ไปทางจิต ดว ยสมาธิสัมปยุตดวยสมาบตั ิ ๘ และดว ยคณุ เคร่ืองวินิจฉยั ธรรม มีอนั รูเหตแุ ละมิใชเหตเุ ปนลกั ษณะ, ชอ่ื วา

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 125วิชชาและจรณะถึงพรอ ม เพราะความถึงพรอมแหงวชิ ชา ๓ หรือวิชชา ๘และจรณะ ๑๕, ช่ือวาเปนผมู สี ตมิ ่นั คง เพราะความเปนผมู สี ตติ งั้ มั่นแลวจักละทุกขใ นวฏั ฏะอนั มีประมาณไมน อ ยนี้ได. \" ในกาลจบเทศนา ชนเปน อนั มากบรรลุอรยิ ผลท้ังหลาย มโี สดา-ปตติผลเปนตน ดงั นแ้ี ล. เร่อื งพระปโ ลตกิ เถระ จบ.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 126 ๑๑. เรอ่ื งสขุ สามเณร [๑๑๗] ขอ ความเบอื้ งตน พระศาสดา เมอื่ ประทบั อยใู นพระเชตวนั ทรงปรารภสขุ สามเณรตรสั พระธรรมเทศนานว้ี า \" อุทก หิ นยนฺติ เนตฺตกิ า \" เปน ตน. เรอื่ งคันธเศรษฐี ความพสิ ดารวา ในอดตี กาล มีบุตรของเศรษฐีชาวเมอื งพาราณสีคนหนง่ึ ช่อื วา คนั ธกุมาร เมอ่ื บดิ าของเธอถึงแกกรรมแลว พระราชารบั ส่ังใหหาเธอมาเฝา ทรงปลอบโยนแลว ไดพ ระราชทานตาํ แหนงเศรษฐีแกเ ธอนน้ั แล ดว ยสกั การะเปน อนั มาก. จาํ เดิมแตก าลนน้ั มา คนั ธกมุ ารนน้ัก็ไดป รากฏนามวา \" คนั ธเศรษฐี \" ครง้ั น้ัน ผรู ักษาเรอื นคลังของเศรษฐีนั้น ไดเปด ประตูหองสําหรับเกบ็ ทรัพย ขนออกมาแลว ช้ีแจงวา \" นายทรัพยน ี้ของบิดาทาน มปี ระมาณเทาน้ี. ของบรุ พบุรุษมีปูเ ปนตน มีจํานวนเทา นี้.\" เศรษฐีนน้ั แลดูกองทรัพยแลว พดู วา \" ก็ทาํ ไม บุรพบรุ ุษเหลานัน้ จึงมไิ ดถอื เอาทรัพยนีไ้ ปดว ย ? \" ผูรกั ษาเรอื นคลังตอบวา\" นาย ช่ือวาผทู ่ีจะถือเอาทรัพยไปดว ยไมมี. แทจริง สตั วท ้งั หลายพาเอาแตก ุศลอกุศลท่ตี นไดทําไวเทานั้นไป \" เศรษฐีจายทรัพยส รางสง่ิ ตาง ๆ เศรษฐนี ัน้ คิดวา \" บุรพบรุ ษุ เหลานั้น พากันส่ังสมทรพั ยไวแลวก็ละท้ิงไปเสีย เพราะความที่ตนเปนคนโง. สวนเราจักถือเอาทรพั ยน นั่ไปดว ย. \" กค็ นั ธเศรษฐีเมื่อคิดอยูอ ยา งนน้ั มไิ ดคิดวา \" เราจักใหทาน,หรือจกั ทาํ การบชู า. \" คิดแตว า \" เราจักบรโิ ภคทรพั ยนี้ใหห มดแลว จึงไป. \"

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 127เศรษฐนี ั้นไดสละทรัพยแ สนหนงึ่ ใหท าํ ซุม ท่อี าบนาํ้ อันแลวดว ยแกว ผลึก, จายทรพั ยแสนหนง่ึ ใหท าํ กระดานสาํ หรับอาบนํ้า อนั แลวดวยแกว ผลึกเหมือนกัน, จายทรัพยแสนหนง่ึ ใหท ําบลั ลังกส ําหรบั นง่ั . จายทรพั ยแสนหนงึ่ ใหทาํ ถาดสาํ หรับใสโ ภชนะ, จา ยทรพั ยอ ีกแสนหนงึ่ ใหทาํ มณฑปในที่บรโิ ภค, จายทรัพยแ สนหนงึ่ ใหท าํ เตยี งรองถาดโภชนะ,ใหสรางสหี บญั ชรไวในเรอื นดว ยทรัพยแ สนหน่งึ เหมอื นกนั , จายทรัพยพันหนง่ึ เพอ่ื ประโยชนแ กอาหารเชาของตน. จายทรัพยอกี พนั หนง่ึ แมเพอื่ ประโยชนแ กอาหารเยน็ . แตในวนั เพญ็ ไดสง่ั จา ยทรัพยแ สนหนงึ่เพือ่ ประโยชนแกโภชนะ, ในวันบริโภคภัตน้นั ทา นเศรษฐีไดสละทรัพยแสนหนง่ึ ตกแตงพระนคร ใชคนเท่ยี วตกี ลองประกาศวา \" ไดย ินวามหาชนจงดทู า ทางแหง การบรโิ ภคภัตของคนั ธเศรษฐ.ี \" มหาชนไดผ ูกเตยี งซอ นเตียงประชมุ กนั . ฝา ยคนั ธเศรษฐีน้นั น่ังบนแผนกระดานอนั มีคา แสนหน่งึ ในซมุอาบนํา้ อันมีคาแสนหน่ึง อาบนา้ํ ดวยหมอนํ้าหอม๑๖ หมอ เปด สีหบัญชรนน้ั แลว น่ังบนบลั ลังกนั้น กาลนั้น พวกคนใชวางถาดนนั้ ไวบ นเตียงรองน้ันแลว คดโภชนะอนั มีคา แสนหนึง่ เพอื่ เศรษฐนี ั้น. ทา นเศรษฐีอนัหญงิ นักฟอนแวดลอมแลว บรโิ ภคโภชนะนนั้ อยูดว ยสมบตั เิ หน็ ปานน้.ี คนบานนอกกระหายในภตั ของเศรษฐี โดยสมยั อ่นื คนบานนอกผูห นึ่งบรรทกุ ฟน เปน ตน ใสในยานยอม ๆ เพื่อตอ งการแลกเปล่ียนเสบียงอาหารสาํ หรบั ตน ไปถงึ พระนครแลว ก็พักอยูใ นเรือนของสหาย. ก็กาลนนั้ เปนวนั เพ็ญ. ชนท้ังหลายเทีย่ วตีกลองประกาศในพระนครวา \" มหาชนจงดทู าทางบริโภคของทา น

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 128คันธเศรษฐ.ี \" ครง้ั น้ัน สหายจึงกลา วกะชาวบา นนอกนัน้ วา \" เพอ่ื นเอยทาทางบรโิ ภคภัตของคนั ธเศรษฐี เพือ่ นเคยเหน็ หรอื ? \" ชาวบานนอก. ไมเ คยเหน็ เลย เพ่อื น. สหายชาวเมือง. ถา กระนน้ั มาเถิดเพ่อื น เราจกั ไปดว ยกัน, กลองนี้เท่ยี วไปทวั่ พระนคร เราจกั ดูสมบตั ิใหญ. สหายชาวเมืองไดพาสหายชาวบา นนอกไปแลว . แมม หาชนก็ไดพากันขน้ึ เตียงซอ นเตยี งดูอย.ู สหายชาวบา นนอก พอไดสดู กล่ินภัต กพ็ ูดกับสหายชาวเมืองวา \" กนั เกดิ กระหายในกอนภตั ในถาดน่นั แลว ละ. \" สหายชาวเมือง. อยาปรารภกอนภัตนนั้ เลยเพ่อื น เราไมอาจจะไดดอก. ชาวบา นนอก. เพ่ือนเอย เม่ือไมได ก็จกั ไมเปน อยู (ตอ ไปละ). สหายชาวเมอื งนน้ั เมือ่ ไมอาจหา มสหายชาวบานนอกนั้นไวได ยนือยูท ายบรษิ ทั เปลง เสยี งดงั ๓ ครัง้ วา \" นาย ฉันไหวทา น \" เมื่อคนั ธ-เศรษฐีถามวา \" นน่ั ใคร ? \" จงึ ตอบวา \" ผมครบั นาย. \" เศรษฐี น่เี หตอุ ะไรกนั . สหายชาวเมอื ง. คนบานนอกผูห นงึ่ นี้ เกดิ กระหายในกอ นภัตในถาดของทา น, ขอทา นกรุณาใหก อ นภตั กอ นหนึง่ เถดิ . เศรษฐ.ี ไมอาจจะไดดอก. สหายชาวเมอื ง. คาํ ของเศรษฐี เพ่ือนไดยินไหม เพ่ือน. ชาวบานนอก. กนั ไดย ินแลว เพอื่ น เออ กก็ นั เมือ่ ได จักเปน อยูเมื่อกนั ไมไ ด ความตายจักมี.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 129 สหายชาวเมืองรอ งอีกวา \" นาย ไดยนิ วา ชายคนนี้ เมื่อไมไดก ็จักตาย. ขอทา นจงใหช ีวิตแกเ ขาเถดิ . คนั ธเศรษฐ.ี ทานผเู จรญิ ชือ่ วา กอ นภตั นี้ ยอมถงึ คารอ ยหนงึ่ ก็มีสองรอยก็มี, ผูใดๆยอ มขอ. เมื่อใหแ กผ ูนนั้ ๆ ฉันจกั บริโภคอะไรเลา ? สหายชาวเมอื ง. นาย ชายคนน้ี เมื่อไมไดจกั ตาย, ขอทา นจงใหชวี ติ แกเ ขาเถดิ . คันธเศรษฐ.ี เขาไมอ าจไดเ ปลา ๆ ก็ถา เขาเมื่อไมไ ดจ กั ไมเปน อยูไซร ชายน้ันจงทาํ การรบั จา งในเรอื นของฉนั ๓ ป, ฉนั จกั ใหถ าดภัตแกเ ขาถาดหนง่ึ . ชาวชนบทยอมทําการรับจางในบา นเศรษฐี ชาวบานนอกฟงคาํ นัน้ แลว จงึ พดู กะสหายวา \" อยา งนน้ั เอาละเพือ่ น \" ดงั น้ีแลว ไดล ะบตุ รและภรรยา เขาไปสูเรือนของเศรษฐี ดว ยหมายใจวา \" จักทาํ การรับจา งตลอด ๓ ป. เพอ่ื ประโยชนแ กถ าดภตัถาดหนงึ่ . \" เขาเมอ่ื ทาํ การรับจาง ไดท าํ กจิ ทุกอยา งโดยเรียบรอ ย. การงานทคี่ วรทาํ ในบา น ในปา ในกลางวนั กลางคืน ไดปรากฏวา เขาทาํ เสรจ็เรียบรอ ย. เมื่อมหาชนเรียกเขาวา \" นายภัตตภตกิ ะ \" คาํ นัน้ ไดป รากฏไปทัว่ พระนคร. กาลตอมา เมอ่ื วนั (รบั จาง) ของนายภัตตภติกะครบบริบูรณแ ลว .ผจู ัดการภัตเรยี นวา \" นาย วัน (รับจาง) ของนายภัตติภตกิ ะครบบริบรู ณแลว เขาทําการรับจา งอยูตลอด ๓ ป ทํากรรมยากท่คี นอ่ืนจะทาํ ไดแลว ,การงานแมสกั อยางหนง่ึ ก็ไมเคยเสียหาย. \" คร้ังนัน้ ทานเศรษฐี ไดส่งั

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 130จา ยทรัพย ๓ พนั แกผจู ดั การภตั นนั้ คอื สองพัน เพื่อประโยชนแ กอาหารเยน็ และอาหารเชา ของตน, พนั หน่งึ เพือ่ ประโยชนแ กอ าหารเชา ของนายภัตตภติกะน้ัน แลว ส่ังคนใชวา \" วันน้ี พวกเจาจงทาํ การบรหิ ารท่ีพึงทาํแกเรา แกนายภัตตภติกะนน้ั เถิด. \" ก็แลครั้นสัง่ แลว จงึ ส่ังแมก ะชนที่เหลอื เวนภรรยาเปนทร่ี ักนามวา จินดามณีคนเดยี ว วา \" วนั นี้ พวกเจาจงแวดลอ มนายภัตตภตกิ ะนั้นเถิด . \" ดังน้ีแลว กม็ อบสมบัตทิ ้ังหมดใหแ กนายภตั ตภติกะนนั้ . นายภัตติภตกิ ะเตรียมบรโิ ภคภตั นายภัตตภติกะ นั่งบนแผน กระดานนั้นในซมุ น้ันน่นั แล อาบนํา้ ดวยสาํ หรับอาบของเศรษฐี นงุ ผา สาฎกสําหรบั นุงของเศรษฐีน่นัแหละ แลว นัง่ บนบัลลังกของเศรษฐนี ัน้ เหมอื นกนั . แมท า นเศรษฐีกใ็ ชใหค นเอากลองเที่ยวตปี ระกาศไปในพระนครวา \" นายภตั ตภติกะทาํ การรับจางตลอด ๓ ปใ นเรอื นของคันธเศรษฐี ไดถ าดภัตถาดหน่งึ , ขอชนทง้ั หลายจงดสู มบัตแิ หง การบริโภคของเขา. มหาชนไดข้นึ เตียงซอ นเตยี งดอู ยู. ท่ๆี ชายชาวบานนอกดแู ลว ๆก็ไดถ ึงอาการหวนั่ ไหว. พวกนกั ฟอ นไดยนื ลอมนายภัตตภติกะนนั้ . พวกคนใชยกถาดภตั ถาดหนึง่ ต้ังไวขา งหนาของนายภัตตภติกะนั้นแลว. คร้ังนั้น ในเวลาท่ีนายภตั ตภตกิ ะนัน้ ลา งมือ พระปจ เจกพทุ ธเจาองคห นึ่งทีภ่ เู ขาคันธมาทน ออกจากสมาบัติในวนั ที่ ๗ แลว ใครค รวญอยูว า \" วนั นี้ เราจกั ไปเพอื่ ประโยชนแ กภกิ ขาจารในท่ีไหนหนอแล ? ก็ไดเห็นนายภัตตภตกิ ะแลว. คร้ังนนั้ ทานพจิ ารณาตอไปอกี วา \" นายภตั ตภติกะนี้ ทําการรบั จา งถึง ๓ ป จึงไดถ าดภตั . ศรทั ธาของเขามี

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 131หรอื ไมมหี นอ ? ใครค รวญไปกท็ ราบไดว า \" ศรทั ธาของเขามีอยู \" คิดไปอีกวา \" คนบางพวก ถึงมีศรัทธา ก็ไมอ าจเพื่อทาํ การสงเคราะหได.นายภัตตภตกิ ะน้ี จกั อาจหรอื ไมหนอ เพ่ือจะทาํ การสงเคราะหเรา ? \"กร็ ูวา \" นายภตั ตภติกะ จกั อาจทีเดียว ทงั้ จกั ไดม หาสมบตั เิ พราะอาศัยเหตุคอื การสงเคราะหแกเ ราดว ย \" ดงั นีแ้ ลว จงึ หมจีวรถือบาตร เหาะข้นึสเู วหาสไปโดยระหวา งบรษิ ทั แสดงตนยืนอยขู างหนา แหง นายภตั ตภตกิ ะนัน้ น่ันแล. นายภตั ตภตกิ ะถวายภัตแกพระปจเจกพทุ ธเจา นายภัตตภติกะนั้น เหน็ พระปจ เจกพุทธเจาแลว คิดวา \" เราไดทําการรับจา งในเรอื นคนอน่ื ถงึ ๓ ป ก็เพื่อประโยชนแ กถาดภตั ถาดเดยี วเพราะความที่เราไมไดใ หท านในกาลกอน. บดั น้ี ภตั นีข้ องเราพงึ รักษาเรากเ็ พยี งวนั หนึง่ คืนหนง่ึ , ก็ถา เราจกั ถวายภตั น้ันแกพระผูเปนเจา ภัตจักรกั ษาเราไวม ิใชพันโกฏกิ ลั ปเดียว เราจักถวายภตั นน้ั แกพ ระผเู ปนเจาละ.\" นายภตั ตภติกะน้ัน ทําการรับจา งตลอด ๓ ป ไดถ าดภัตแลวไมท ันวางภัตแมกอนเดยี วในปาก บรรเทาความอยากได ยกถาดภตั ขน้ึเองทเี ดยี ว ไปสูสํานกั ของพระปจ เจกพุทธเจา ใหถาดในมือของคนอนื่แลว ไหวด วยเบญจางคประดิษฐแ ลว เอามือซายจับถาดภตั เอามือขวาเกลีย่ ภัตลงในบาตรของพระปจ เจกพุทธเจา น้ัน. พระปจเจกพุทธเจาไดเอามือปด บาตรเสีย ในเวลาทีภ่ ัตยังเหลืออยูก ึง่ หนึ่ง. ครง้ั นนั้ นายภตั ตภติกะน้ันเรยี นทา นวา \" ทานขอรบั ภตั สว นเดียวเทาน้ัน ผมไมอาจเพ่อื จะเเบงเปน ๒ สว นได, ทานอยา สงเคราะห

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 132ผมในโลกนเี้ ลย. ขอจงทาํ การสงเคราะหใ นปรโลกเถิด. ผมจกั ถวายทัง้ หมดทีเดยี ว ไมใหเ หลือ.\" ทานทถ่ี วายไมเ หลอื มผี ลมาก จริงอยู ทานที่บคุ คลถวายไมเ หลอื ไวเพ่อื ตนแมแตน อยหนงึ่ ช่ือวาทานไมม ีสวนเหลือ. ทานน้นั ยอ มมีผลมาก. นายภตั ตภตกิ ะนัน้ เมื่อทาํอยางนน้ั จงึ ไดถวายหมด ไหวอ ีกแลว เรยี นวา \" ทา นขอรบั ผมอาศัยถาดภตั ถาดเดียว ตอ งทาํ การรบั จา งในเรอื นของคนอน่ื ถึง ๓ ป ไดเสวยทุกขแ ลว . บดั นี้ ขอความสุขจงมีแกกระผมในท่ที ่บี ังเกดิ แลวเถดิ . ขอกระผมพงึ มสี ว นแหง ธรรมท่ที านเหน็ แลวเถิด. \" พระปจ เจกพทุ ธเจากลาววา \" ขอจงสมคดิ เหมือนแกว สารพัดนึก ความดาํ รอิ นั ใหค วามใครทกุ อยาง จงบรบิ รู ณแกท า น เหมือนพระจนั ทรในวนั เพญ็ ฉะน้นั \" เมือ่จะทําอนโุ มทนา จงึ กลาววา \"สงิ่ ทที่ านมุง หมายแลว จงสําเร็จพลันทีเดียว, ความดําริทั้งปวง จงเต็มเหมอื นพระจนั ทรในวนั เพญ็ . สิ่งทีท่ า นมุงหมายแลว จงสาํ เร็จพลนั ทเี ดียว. ความ ดาํ ริทง้ั ปวง จงเตม็ เหมือนแกว มณโี ชติรส ฉะนนั้ \"ดงั นแ้ี ลว อธษิ ฐานวา \" ขอมหาชนน้ี จงยนื เห็นเราจนกระทั่งถงึ เขาคนั ธ-มาทนเถดิ .\" ไดไ ปสภู ูเขาคันธมาทนโดยอากาศแลว. ถงึ มหาชนก็ไดย ืนเห็นทา นอยนู นั่ แหละ. พระปจเจกพทุ ธเจา ไปภเู ขาคนั ธมาทนแลว ไดแ บงบิณฑบาตนนั้ ถวายแกพระปจเจกพทุ ธเจา ๕๐๐ รปู พระปจ เจกพทุ ธเจาทกุ ๆ รูป ไดรบั เอาภตั เพียงพอแกต น ๆ แลว ใคร ๆ ไมพ งึ คิดวา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 133\" บิณฑบาตเล็กนอ ยจะพอเพียงอยางไร ? \" ดว ยวาอจนิ ไตย ๔ อยาง พระ-ผมู ีพระเจาตรสั ไวแลว, ในอจนิ ไตย ๔ เหลาน้ัน นีก้ ็เปน ปจ เจกพุทธ-วิสัยแล. คันธเศรษฐีแบง ทรัพยใหน ายภัตตภตกิ ะ มหาชน เหน็ บิณฑบาตท่พี ระปจเจกพทุ ธเจา เเบง ถวายแกพระปจ -เจกพทุ ธเจาทัง้ หลายอยู ก็ไดพากันยังพันแหง สาธุการใหเปนไปเเลว.เสียงสาธกุ ารไดเปนประหนึ่งเสียงอสนีบาต. คันธเศรษฐไี ดยนิ เสียงน้นั แลวจึงคิดวา \" นายภตั ติภตกิ ะเหน็ จะไมส ามารถทรงสมบัติเราใหแลว ได.เพราะเหตุน้ัน มหาชนน้ี เม่ือทาํ การหวั เราะเยาะจึงไดอ อ้ื ฉาวขน้ึ . ทา นเศรษฐีน้นั สงคนไปเพ่อื ทราบเรอื่ งราวท่ีเปน ไปแลว. คนเหลา น้นั มาแลวบอกวา \" นายขอรบั ธรรมดาผทู รงสมบัติ ยอ มเปน เห็นปานนี้ \" ดงั นแี้ ลวจึงบอกเร่อื งราวท่เี ปน ไปแลว นน้ั . เศรษฐี ฟงเรื่องน้ันแลว เปน ผมู ีสรีระอนั ปติมวี รรณะ ๕ ถูกตองแลว จึงกลา ววา \" นา อัศจรรย นายภตั ตภตกิ ะน้นั ทาํ สิ่งท่บี ุคคลทําไดโดยยากแลว . เราดาํ รงอยใู นสมบตั ิเห็นปานน้ี ตลอดกาลมีประมาณเทานี้ยงั ไมไ ดอาจเพื่อใหส งิ่ ไรได \" ดงั นแ้ี ลว จงึ ใหเ รียกนายภัตตภตกิ ะน้ันมาแลว ถามวา \" ไดย นิ วา เธอทํากรรมชอ่ื นจี้ ริงหรือ ? \" เมอ่ื เขาตอบวา\" ขอรับ นาย \" จึงกลา ววา \" เอาเถดิ เธอจงถือเอาทรพั ยพนั หน่งึ แลวแบงสว นบุญในทานของเธอใหฉ นั บาง. \" นายภตั ตภตกิ ะนนั้ ไดทําตามนน้ัแลว . แมเ ศรษฐีก็ไดแ บง ครง่ึ ทรพั ยสมบตั อิ ันเปน ของ ๆ ตนทงั้ หมดใหแ กน ายภตั ตภตกิ ะนั้น.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 134 สมั ปทา ๔ อยาง จริงอยู ชอื่ วาสัมปทามี ๔ อยา งคือ วตั ถุสัมปทา ปจ จัยสัมปทาเจตนาสัมปทา คุณาติเรกสัมปทา. ในสมั ปทา ๔ อยางนน้ั พระอรหนั ตหรือพระอนาคามี ควรแกนโิ รธสมาบัติ ผูเปน ทกั ขิไณยบคุ คลล ชอื่ วัตถุสัมปทา. การบงั เกิดข้ึนแหงปจจยั ทัง้ หลาย โดยธรรมสมํา่ เสมอ ชอื่ ปจ จัย-สมั ปทา, ความที่เจตนาใน ๓ กาล คือในกาลกอนแตใ ห, ในกาลกาํ ลงั ให,ในกาลภายหลัง สมั ปยตุ ดว ยญาณ อันกาํ กบั โดยโสมนัส ชอ่ื เจตนสมั ปทา.สวนความที่ทกั ขไิ ณยบคุ คลออกจากสมาบตั ิ ชื่อวา คณุ าตเิ รกสมั ปทา.กส็ มั ปทาทงั้ ๔ อยางคอื พระปจเจกพทุ ธเจา ผขู ณี าสพเปนทักขิไณย-บคุ คล. ปจจยั ท่เี กดิ แลว โดยธรรม โดยความท่ที ําการจา งไดเ เลว . เจตนาบรสิ ทุ ธิใ์ น ๓ กาล พระปจ เจกพทุ ธเจา ผอู อกจากสมาบตั เิ ปน ผยู ง่ิโดยคุณ สําเร็จแลวแกนายภัตตภตกิ ะน้.ี ดวยอานุภาพแหงสัมปทา ๔ น้ีนายภตั ตภตกิ ะ จึงบรรลุมหาสมบตั ใิ นทันตาเหน็ ทเี ดียว. เพราะฉะนนั้นายภัตตภตกิ ะน้นั จงึ ไดส มบตั จิ ากสาํ นักของเศรษฐ.ี นายภัตตภตกิ ะไดเปนเศรษฐี ก็ในกาลตอมา แมพ ระราชา ทรงสดับกรรมทน่ี ายภตั ตภตกิ ะนท้ี าํแลว จงึ ไดร บั สง่ั ใหเรียกเขา มาเฝา แลว พระราชทานทรพั ยใหพนั หน่งึทรงรับสวนบญุ ทรงพอพระทยั พระราชทานโภคะเปนอันมาก แลวกไ็ ดพระราชทานตาํ แหนงเศรษฐีให. เขาไดม ีช่ือวา \" ภตั ตภตกิ เศรษฐี \"ภัตตภตกิ เศรษฐีน้ัน เปน สหายกับคนั ธเศรษฐี กนิ ด่ืมรวมกัน ดํารงอยูตลอดอายแุ ลว จตุ ิจากอตั ภาพน้ันแลว ไดบังเกดิ ในเทวโลก เสวยสมบัติ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 135อนั เปนทพิ ย ๑ พทุ ธนั ดร ในพทุ ธุปบาทกาลน้ี ไดถอื ปฏิสนธใิ นตระกลูอปุ ฏฐากของพระสารีบุตรเถระ ในเมืองสาวตั ถี. นายภตั ตภตกิ ะไปเกิดในเมืองสาวตั ถี ครั้งนนั้ มารดาของทารกน้นั ไดค รรภบริหารแลว โดยลว งไป๒-๓ วัน กเ็ กดิ แพทอ งวา \" โอหนอ เราถวายโภชนะมีรส ๑๐๐ ชนิดแกพ ระสารีบตุ รเถระพรอมดว ยภกิ ษุ ๕๐๐ รปู นุง ผายอ มฝาดแลว ถอืขนั ทองนัง่ อยู ณ ทา ยอาสนะ พึงบรโิ ภคภตั ทเ่ี หลือเดนของภกิ ษทุ ั้งหลายน้นั \" ดังนีแ้ ลว ทําตามความคดิ นนั้ นั่นแล บรรเทาความแพท อ งแลว .นางแมในกาลมงคลอ่ืนๆถวายทานอยางนน้ั เหมือนกัน คลอดบตุ รแลว ในวันตง้ั ชอ่ื จงึ เรยี นพระเถระวา \" จงใหสิกขาบทแกลูกชายของฉนั เถดิ ทา นผเู จรญิ . \" พระเถระถามวา \" เดก็ น้นั ชอ่ื ไร ? \" เม่ือมารดาของเด็กเรยี นวาทา นผูเ จริญ จาํ เดมิ แตล ูกชายของฉนั ถือปฏสิ นธิ ขึ้นชอ่ื วา ทกุ ข ไมเคยมีแกใ ครในเรือนน,้ี เพราะฉะนน้ั คําวา 'สุขกมุ าร ' น่นั แล จกั เปน ชือ่ ของเด็กนัน้ . \" จึงถือเอาคําน้ันแล เปนช่อื ของเด็กน้ัน ไดใ หสกิ ขาบทแลว.ในกาลนนั้ ความคดิ ไดเ กดิ แกมารดาของเด็กน้ันอยา งนวี้ า \" เราจกั ไมทาํ ลายอธั ยาศัยของลูกชายเรา.\" แมในกาลมงคลทั้งหลาย มมี งคลเจาะหูเด็กน้ันเปนตน นางก็ไดถวายทานอยา งนนั้ เหมอื นกนั . สขุ กมุ ารบรรพชา ฝายกมุ าร ในเวลามอี ายุ ๗ ขวบ ก็พูดวา \" คณุ แม ผมอยากออกบวชในสํานกั ของพระเถระ. \" นางตอบวา \" ดีละ พอ แมจกั ไมทําลายอัธยาศยั ของเจา \" ดังนี้แลว จึงนมิ นตพ ระเถระ ใหทานฉนั แลว กเ็ รยี นวา \" ทา นผูเจริญ ลูกชายของฉันอยากบวช, ในเวลาเยน็ จกั นาํ เดก็ น้ีไป

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 136สวู ิหาร. \" สง พระเถระไปแลว ใหป ระชุมพวกญาติ กลาววา \" ในเวลาที่ลกู ชายของฉนั เปนคฤหสั ถ พวกเราจกั ทํากิจท่ีควรทาํ ในวันนีแ้ หละ. \"ดังนีแ้ ลว จึงแตง ตัวลกู ชายนาํ ไปวหิ าร ดวยสิรโิ สภาคอันใหญ แลว มอบถวายแกพระเถร. ฝา ยพระเถระกลา วกะสขุ กุมารนัน้ วา \" พอ ธรรมดาบรรพชา ทาํ ไดโดยยาก. เจา จักอาจเพ่อื ภริ มยหรอื ? \" เมอื่ ตอบวา \" ผมจักทําตามโอวาทของทาน ขอรับ \" จงึ ใหก ัมมฏั ฐาน ใหบ วชแลว. แมมารดาบิดาของสุขกมุ ารนน้ั เม่อื ทาํ สักการะในการบรรพชา ก็ถวายโภชนะมรี ส ๑๐๐ ชนิดแกภ กิ ษุสงฆ มพี ระพุทธเจา เปนประธาน ในภายในวิหารน่นั เองตลอด ๗ วัน ในเวลาเย็น จงึ ไดไปสเู รือนของตน. ในวนั ท่ี ๓ พระสารีบตุ รเถระ เม่ือภิกษสุ งฆเขาไปสูบานเพ่อื บณิ ฑบาต. ทํากจิ ที่ควรทาํ ในวหิ ารแลว จึงใหสามเณรถือบาตรและจีวร เขา ไปสูบานเพือ่ บิณฑบาต. สามเณรฝก ตน สามเณรเห็นเหมอื งนา้ํ เปน ตน ในระหวางทาง จงึ ถามพระเถระดุจสามเณรบัณฑิต. แมพระเถระกพ็ ยากรณแกส ามเณรนัน้ อยางนัน้ เหมอื นกัน. สามเณรฟงเหตนุ นั้ แลว จงึ เรียนพระเถระวา \" ถาทา นพึงรบับาตรและจีวรของทานไซร. กระผมพึงกลับ. \" เมอื่ พระเถระไมทําลายอธั ยาศัยของสามเณรนน้ั กลา ววา จงเอาบาตรและจวี รของฉนั มา \" รับบาตรและจวี รไปแลว. ก็ไหวพระเถระ เมอ่ื จะกลับ จึงเรยี นส่งั วา \" ทานขอรบั ทานเมอ่ื นําอาหารมาเพื่อผม พงึ นําเอาโภชนะมรี ส ๑๐๐ ชนิดมา. \" พระเถระ. จักไดโ ภชนะน้นั จากไหน ?

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 137 สามเณร. เม่อื ไมไดด ว ยบุญของทา น ก็จกั ไดด ว ยบญุ ของผม ขอรบั . ครัง้ น้นั พระเถระใหลูกกุญแจแกสามเณรนั้นแลว กเ็ ขา บานเพอื่บิณฑบาต. สามเณรน้นั ไปวหิ ารแลว เปดหองของพระเถระเขา ไปแลวปดประตู น่ังหย่งั ญาณลงในกายของตนแลว . ดวยเดชแหงคณุ ของสามเณรนนั้ อาสนะของทา วสกั กะแสดงอาการรอ นแลว . ทาวสกั กะพจิ ารณาดูวา\" นีเ้ หตอุ ะไรหนอ ? \" เหน็ สามเณรแลว ทรงดําริวา \" สขุ สามเณรถวายจีวรแกอ ุปชฌายแ ลว กลบั (วหิ าร) ดว ยคิดวา ' จกั ทําสมณธรรม ' ควรท่เี ราจะไปในท่ีนัน้ \" จึงรบั สง่ั ใหเรียกทาวมหาราชท้ัง ๔ แลว ทรงสง ไปดวยดํารสั ส่งั วา \" พอทง้ั หลาย พวกทา นจงไป. จงไลนกทมี่ ีเสยี งเปน โทษใกลปาแหง วิหารใหหนีไป. ทา วมหาราชท้ังหลายนน้ั กระทําตามนั้นแลวก็ (พากนั ) รกั ษาอยูโ ดยรอบ. ทา วสักกะ ทรงบังคับพระจันทรแ ละพระอาทติ ยวา \" พวกทา นจงยดึ วมิ านของตนๆหยดุ กอน. \" แมพ ระจนั ทรและพระอาทติ ยก ก็ ระตามน้ันแลว . แมท า วสักกะเอง ก็ทรงรักษาอยทู ่ีสายยู. วหิ ารสงบเงยี บปราศจากเสียง. สามเณรเจริญวิปสสนาดว ยจติมอี ารมณเ ปน หน่ึง บรรลุมรรคและผล ๓ แลว . พระเถระ อนั สามเณรกลา ววา \" ทา นพงึ นาํ โภชนะมีรส ๑๐๐ ชนิดมา \" ดังนีแ้ ลว ก็คิดวา \" อนั เราอาจเพอ่ื ไดใ นตระกลู ของใครหนอแล ? \"พิจารณาดอู ยู ก็เหน็ ตระกูลอุปฏ ฐากผูสมบูรณดว ยอธั ยาศยั ตระกลู หนึ่ง จงึไปในตระกูลนัน้ อนั ชนเหลานน้ั มีใจยนิ ดีวา \" ทานผูเจรญิ ความดีอนั ทา นผูมาในทน่ี ้ี ในวันนี้ กระทาํ แลว \" รับบาตรนมิ นตใหน งั่ ถวาย

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 138ยาคูและของขบฉัน อัน เขาเชญิ กลาวธรรมชั่วเวลาภัต จงึ กลาวสาราณยี -ธรรมกถาแกชนเหลานั้น กําหนดั กาล ยังเทศนาใหจบแลว. สามเณรบรรลพุ ระอรหัต ทนี ัน้ ชนทั้งหลาย จึงถวายโภชนะมรี ส ๑๐๐ ชนดิ แกพระเถระนนั้ เหน็ พระเถระรับโภชนะน้ันแลว ประสงคจะกลบั จงึ เรียนวา \" ฉนั เถิดขอรบั พวกผมจักถวายโภชนะแมอ ืน่ อกี \" ใหพระเถระฉนั แลว กถ็ วายจนเต็มบาตรอกี . พระเถระรับโภชนะนัน้ แลว ก็รบี ไปวหิ าร ดว ยคิดวา\" สามเณรของเราจักหิว. \" วนั น้นั พระศาสดาเสดจ็ ออกประทบั นงั่ ในพระคนั ธกฎุ ีแตเชาตรู ทรงราํ พงึ วา \" วนั น้ี สุขสามเณรรบั บาตรและจวี รของอุปช ฌายแ ลว กลบั ไปแลว ตัง้ ใจวา \" จักทาํ สมณธรรม, กจิ ของเธอสาํ เร็จแลวหรอื ? พระองคท รงเห็นความทม่ี รรคผลทั้ง ๓ เทยี ว อันสามเณรบรรลแุ ลว จึงทรงพจิ ารณาแมย่ิงข้ึนไปวา \" สขุ สามเณรนี้ จกั อาจไหมหนอ ? เพือ่ จะบรรลพุ ระอรหตั ในวันน,ี้ สว นพระสารีบุตรรับภตัแลว กร็ ีบออกดว ยคดิ วา \" สามเณรของเราจักหวิ \" ถา เมอื่ สามเณรน้ียงั ไมบ รรลพุ ระอรหัต. พระสารบี ตุ รจกั นาํ ภตั มากอน. อนั ตรายก็จักมีแกส ามเณรน้;ี ควรเราจะไปยดึ อารกั ขาอยทู ี่ซุมประตู \" คร้นั ทรงดําริแลวจงึ เสด็จออกจากคนั ธกุฎี ประทับยืนยดึ อารักขาอยูทซ่ี มุ ประตู. ฝา ยพระ-เถระก็นําภตั มา. คร้งั น้นั พระศาสดาตรสั ถามปญ หา ๔ ขอกะพระเถระนัน้ โดยนยั ท่ีกลาวแลวในหนหลงั แล. ในทส่ี ุดแหง การวสิ ัชนาปญ หาสามเณรกบ็ รรลุพระอรหัตแลว . พระศาสดาตรัสเรียกพระเถระมาแลว ตรสั วา \" สารีบุตร จงไปเถดิ , จงใหภัตแกส ามเณรของเธอ. \" พระเถระไปถึงแลว จึงเคาะประตู

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 139สามเณรออกมาทําวตั รแกอปุ ชฌายแลว, เมื่อพระเถระบอกวา \" จงทําภตั กจิ , \" ก็รวู า พระเถระไมม คี วามตอ งการดว ยภตั เปน เด็กมีอายุ ๗ ขวบบรรลพุ ระอรหตั ในขณะนน้ั นั่นเอง ตรวจตราดูทนี่ ั่งอันต่ํา ทําภตั กจิ แลวกล็ า งบาตร. ในกาลน้นั ทา วมหาราช ๔ องค กพ็ ากนั เลกิ การรกั ษา.ถึงพระจันทรพ ระอาทิตยก็ปลอยวมิ าน. แมท า วสักกะกท็ รงเลกิ อารกั ขาที่สายยู พระอาทิตยป รากฏคลอยเลยทา มกลางฟา ไปแลว เทยี ว. ภกิ ษุท้ังหลาย พากนั พูดวา \" กาลเย็นปรากฏ, สามเณรเพิง่ ทําภัตกิจเสรจ็ เด๋ยี วนเี้ อง. ทําไมหนอ วันนีเ้ วลาเชาจงึ มาก. เวลาเยน็ จึงนอ ย. \"พระศาสดา เสดจ็ มาตรสั ถามวา \" ภิกษุท้งั หลาย บัดน้ี เธอทัง้ หลายนง่ัประชุมกนั ดวยกลา วเรื่องอะไรหนอ ? \" เมื่อภิกษทุ ้งั หลาย ทลู วา \" พระเจาขาวันน้ี เวลาเชามาก เวลาเย็นนอย สามเณรเพ่ิงฉนั ภตั เสรจ็ เด๋ียวนี้เอง.กแ็ ลเปน ไฉน พระอาทิตยจึงปรากฏคลอ ยเคล่ือนทามกลางฟา ไป, \" จึงตรัสวา \" ภกิ ษทุ ้ังหลาย ในเวลาทาํ สมณธรรมของผมู ีบุญทัง้ หลาย ยอ มเปนเชน นัน้ นั่นแล. กใ็ นวันนี้ ทาวมหาราช ๔ องคย ดึ อารกั ขาไวโ ดยรอบ. พระจันทรและพระอาทติ ยไ ดยึดวมิ านหยดุ อยู, ทาวสักกะทรงยดึอารักขาทีส่ ายยู ถึงเราก็ยดึ อารกั ขาอยทู ี่ซมุ ประตู; วันน้ี สขุ สามเณร เหน็คนไขนาํ้ เขา เหมอื ง ชางศรดดั ศรใหตรง ชา งถาก ถากทัพสัมภาระท้ังหลายมลี อเปน ตน แลว ฝกตน บรรลุพระอรหตั แลว \" ดังนี้แลวจงึ ตรัสพระ-คาถาน้ีวา ๑๑. อทุ ก หิ นยนตฺ ิ เนตฺติกา อสุ กุ ารา นมยนฺติ เตชน

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 140 ทารุ นมยนฺติ ตจฺฉกา อตตฺ าน ทมยนตฺ ิ สุพฺพตา. \" อันคนไขนาํ้ ทงั้ หลายยอมไขนาํ้ , ชา งศรทงั้ หลาย ยอ มดัดลูกศร, ชา งถากท้งั หลาย ยอมถากไม, ผู สอนงายทง้ั หลาย ยอ มฝก ตน. \" แกอ รรถ บรรดาบทเหลา น้นั บทวา สุพฺพตา ความวา วา งาย คอื พึงโอวาทพงึ อนุศาสน โดยสะดวก. คาํ ท่ีเหลอื มีนยั ดังกลาวแลว ในหนหลงั แล. ในกาลจบเทศนา ชนเปนอันมากบรรลุอรยิ ผลทั้งหลาย มีโสดา-ปตติผลเปน ตน แลว ดงั น้แี ล. เรอื่ งสุขสามเณร จบ. ทัณฑวรรควรรณนา จบ. วรรคท่ี ๑๐ จบ.

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 141 คาถาธรรม ชราวรรค๑ท่ี ๑๑ วา ดว ยสง่ิ ทีค่ ร่าํ ครา ชรา [๒๑] ๑. เมื่อโลกสันนิวาส อันไฟลุกโพลงอยูเ ปนนิตย พวกเธอยงั จะรา เริงบนั เทิงอะไรกันหนอ เธอทั้งหลาย อนั ความมดื ปกคลุมแลว ทาํ ไมจึงไมแ สวงหาประทีป เลา . ๒. เธอจงดูอตั ภาพท่ไี มมีความยัง่ ยนื (และ) ความม่นั คง (อนั กรรม) ทําใหวิจิตรแลว มีกายเปน แผล อันกระดูก ๓๐๐ ทอ น ยกขึ้นแลว อนั อาดรู ทีม่ หาชนครนุ คดิ แลว โดยมาก. ๓. รปู นแ้ี กหงอ มแลว เปน รงั ของโลก เปอ ยพัง กายของตนเปนของเนา จกั แตก เพราะชวี ิตมีความ ตายเปนทสี่ ุด. ๔. กระดกู เหลาน้ใี ด อนั เขาทิ้งเกล่ือนกลาดดุจ นํ้าเตาในสารทกาล มสี ีเหมอื นนกพริ าบ ความยนิ ดี อะไรเลา (จักม)ี เพราะเหน็ กระดูกเหลานนั้ . ๕. สรีระอันกรรมทาํ ใหเ ปน นครแหงกระดูกทง้ั - หลาย ฉาบดว ยเนอ้ื และโลหติ เปน ที่ตง้ั ลงแหง ชรา มรณะ มานะ และมักขะ.๑. วรรคนีม้ อี รรถกถา ๙ เรอ่ื ง.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 142 ๖. ราชรถทวี่ จิ ิตรดยี งั คร่ําคราไดเ เล อนง่ึ ถงึสรีระ กย็ อ มถงึ ความครา่ํ ครา ธรรมของสตั บุรุษหาเขาถงึ ความคราํ่ ครา ไม สตั บรุ ุษทง้ั หลายแล ยอ มปราศรยั กับดวยสตั บรุ ษุ . ๗. คนมสี ุตะนอยนี้ ยอมแกเ หมือนโคถึก เนอื้ของเขายอ มเจริญ แตป ญ ญาของเขาหาเจรญิ ไม. ๘. เราแสวงหาชางผูทําเรอื น เมอ่ื ไมป ระสบจงึ ไดทอ งเทย่ี วไปสูสงสาร มชี าตเิ ปน อเนก ความเกดิ บอย ๆ เปน ทุกข แนะนายชา งผูทาํ เรอื น เราพบทา นแลว ทา นจะทาํ เรือนอีกไมไ ด ซ่โี ครงทุกซข่ี องทา นเราหักเสียแลว ยอดเรือนเรากร็ อื้ เสียแลว จิตของเราถงึ ธรรมปราศจากเคร่อื งปรุงแตง แลว เพราะเราบรรลธุ รรมเปนท่สี น้ิ ตณั หาแลว . ๙. พวกคนเขลาไมป ระพฤติพรหมจรรย ไมไดทรพั ยในคราวยงั เปน หนมุ สาว ยอมซบเซาดงั นกกะเรยี นแก ซบเซาอยูในเปอกตมท่หี มดปลาฉะน้นั .พวกคนเขลาไมป ระพฤตพิ รหมจรรย ไมไ ดท รัพยใ นคราวยงั เปนหนุมสาว ยอมนอนทอดถอนถึงทรพั ยเ กาเหมือนลูกศรทตี่ กจากแลง ฉะน้นั . จบชราวรรคที่ ๑๑

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 143 ๑๑. ชราวรรควรรณนา ๑. เรอ่ื งหญงิ สหายของนางวิสาขา [๑๑๘] ขอความเบอ้ื งตน พระศาสดา เมื่อประทบั อยูในพระเชตวนั ทรงปรารภพวกหญงิสหายของนางวสิ าขา ตรสั พระธรรมเทศนานว้ี า \" โก นุ หาโส กมิ า-นนโฺ ท \" เปน ตน . สามมี อบภรรยาของตนแกน างวิสาขา ดงั ไดส ดบั มา กลุ บตุ ร ๕๐๐ คน ในพระนครสาวัตถี ไดม อบภริยาของตนๆกะนางวิสาขามหาอุบาสกิ า ดว ยมงุ หมายวา \" ดวยอบุ ายอยางน้ีภรยิ าเหลา นจ้ี ักเปนผูอยูดว ยความไมประมาท. \" หญงิ เหลา นนั้ เมอ่ื ไปสวนกด็ ี ไปวหิ ารก็ดี ยอ มไปกับนางวสิ าขานั่นแล. มหรสพเกี่ยวกบั สรุ า ในคราวหน่ึง เมอื่ เขาโฆษณาการมหรสพวา \" จักมีการมหรสพเก่ียวกับสรุ าตลอด ๗ วนั \" หญงิ เหลานนั้ กจ็ ัดเตรียมสรุ าเพ่อื สามขี องตนๆสามีเหลาน้นั เลนมหรสพเก่ยี วกับสรุ าตลอด ๗ วนั แลว ในวนั ที่ ๘ ไดออกไปเพอื่ ทําการงาน. หญงิ เหลา น้ันคิดหาอุบายด่ืมสรุ า หญิงแมเหลา นนั้ หารอื กนั วา \" พวกเราไมไดด มื่ สุราตอ หนาสามี,กส็ ุราทเ่ี หลอื ยงั มอี ยู, เราทัง้ หลายจักดม่ื สรุ านดี้ วยวิธที สี่ ามเี หลานั้นจะไมรู \" ดงั นแ้ี ลว จึงไปสาํ นกั ของนางวสิ าขา กลา ววา \" แมเจา ดฉิ ันทั้งหลาย

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 144ปรารถนาจะชมสวน \" เมอื่ นางวสิ าขาตอบวา \" ดลี ะ แมท ้ังหลาย ถาเชนนนั้ จงทํากิจท่ีควรทําเสรจ็ แลวจึงออกไป. \" ไดไ ปพรอมกับนางวิสาขานั้นซอ นสุราไปโดยอาการอนั มิดชดิ ดมื่ เสยี (จน) เมาแลว เท่ยี วไปในสวน.นางวิสาขาคิดวา \" หญิงเหลานีท้ ํากรรมไมส มควร. คราวน้ีถงึ พวกเดียรถยี กจ็ ักติเตียนไดว า \" สาวิกาทัง้ หลายของพระสมณโคคม ดมื่ สรุ า ยอ มเที่ยวไป \" จึงกลา วกะหญิงเหลานน้ั วา \" น่ีแนะ แม เธอทง้ั หลายทํากรรมไมสมควร. พลอยใหเกดิ อัปยศแกฉ ันดวย. ถงึ สามกี จ็ ะโกรธพวกเธอ. บัดน้ีพวกเธอจักทาํ อยา งไรกนั ? \" หญิงเหลานนั้ ตอบวา \" แมเ จา ดฉิ นั ท้งั หลายจักแสดงอาการลวงวา เปน ไข \" นางวสิ าขาจึงกลาววา \" ถา เชนนนั้ พวกเธอก็จักปรากฏดว ยกรรมของตน.\" หญงิ เหลานนั้ ไปถงึ เรือนแลว ทาํ ทาลวงวา เปน ไข. ทนี ัน้ สามขี องหญิงเหลา นั้นถามวา \" หญิงชอ่ื น้ีและช่ือนี้ไปไปไหน ? \" ไดย ินวา \" เปน ไข \" กก็ าํ หนดจบั ไดว า \" พวกนีจ้ กั ด่มื สุราท่ีเหลือเปนแน \" จึงไดทบุ ตีหญิงเหลานนั้ ใหถึงความเส่ือมเสีย. ในคราวมหรสพแมอ ่ืนอีก หญิงเหลา นน้ั อยากด่มื สรุ าเหมือนอยา งน้ัน จึงเขา ไปหานางวสิ าขา กลา ววา \" แมเ จา โปรดพาดฉิ นั ไปชมสวนเถดิ \" ถูกนางหา มวา \" แมใ นคราวกอ น เธอทัง้ หลายกระทําใหอัปยศแกฉ นั . ไปเองเถอะ, ฉันจะไมพ าเธอทัง้ หลายไปละ \" ไดพ ดู เอาใจวา \" ทีน้ี พวกดฉิ นั จักไมท ําอยา งนนั้ \" แลว เขา ไปหานางวสิ าขานนั้ พูดใหมว า \" แมเจา ดิฉนัทง้ั หลายประสงคจะทาํ พทุ ธบชู า. ขอจงพาดิฉนั ทัง้ หลายไปวหิ ารเถิด. \"นางจึงพูดวา \" แนะแม บดั นี้ สมควร (แท) . เธอทั้งหลายจงไปจดั แจงเตรียมตัวเถอะ. หญงิ เหลา นน้ั ใหค นถือของหอมเเละระเบียบดอกไมเ ปนตนดวยผอบ หว้ิ ขวดมีสัณฐานดุจกํามอื ซึง่ เตม็ ดว ยสรุ า ดว ยมือทง้ั สอง

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 145คลมุ ผา ผืนใหญเขา ไปหานางวสิ าขาแลว เขา ไปวิหารพรอ มกับนางวิสาขาน้นั นง่ั ณ สว นขา งหนึง่ ด่ืมสุราดว ยขวดอันมีสัณฐานดุจกาํ มือน่ันเองแลวทิ้งขวดเสยี นงั่ ตรงพระพักตรพ ระศาสดาในโรงธรรม. นางวสิ าขากราบทูลวา \" พระเจาขา ขอพระองคแสดงธรรมแกหญงิ เหลา นี้. \"ผา ยหญงิ เหลาน้ัน มตี ัวส่นั เท้มิ อยูดว ยฤทธ์เิ มา เกดิ ความคดิ ขึ้นวา \" เราทั้งหลายจักฟอ น จกั ขับ. \" เทวบุตรมารบนั ดาลใหแสดงกายวกิ ารแตไ มสาํ เรจ็ ลาํ ดับน้นั เทวดาองคห น่งึ ซง่ึ นบั เน่อื งในหมมู าร คดิ วา \" บดั นี้เราจักสงิ ในสรรี ะของหญงิ เหลา นีแ้ ลว จักแสดงประการอนั แปลกตรงพระพักตรพระสมณโคดม \" แลว เขาสิงในสรีระของหญิงเหลานั้น บรรดาหญงิ เหลานั้น บางพวกจะเร่มิ ปรบมือหวั เราะ, บางพวกเริม่ จะฟอ น ตรงพระพกั ตรพ ระศาสดา. พระศาสดาทรงรําพงึ วา \" นอ้ี ยางไรกนั ? \" ทรงทราบเหตุนั้นแลว ทรงดํารแิ ลววา \" บัดน้ี เราจกั ไมใหเ ทวดาผูนบั เน่อื งในหมมู ารไดช อ ง. เพราะเม่อื เราบําเพ็ญบารมีตลอดกาลเทานี้ กห็ าไดบาํ เพ็ญเพื่อมงุ จะใหพวกเทวดาผูนับเนอื่ งในหมมู ารไดชองไม \" เพ่อื จะใหหญิงเหลานั้นสังเวช จึงทรงเปลง รศั มีจากพระโลมาระหวางพระโขนง๑ ทนั ใดนัน้ เอง ความมดื มนอนธการไดมแี ลว. หญิงเหลา นัน้ ไดหวาดหวัน่ อนัมรณภัยคกุ คามแลว ดวยเหตุนนั้ สรุ าในทอ งของหญิงเหลา นั้นจึงสรา งคลายไป. พระศาสดาทรงหายไป ณ บัลลงั กทป่ี ระทับนงั่ ประทบั ยืนอยบู นยอดเขาสเิ นรุ ทรงเปลง พระรศั มีจากพระอุณาโลม. ขณะนน้ั แสงสวา งไดมีเหมือนพระจันทรข ึน้ ตั้งพันดวง. ลาํ ดับนั้น พระศาสดาตรสั เรยี กหญิง๑. ภมุกโลมโตต.ิ ภมกุ นฺตเร โลมโต.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 146เหลา น้ันมาแลว ตรสั วา \" พวกเธอ เมอื่ มาสํานักของเรา ประมาทแลวหาควรไม, เพราะความประมาทของพวกเธอนนั่ เอง เทวดาซ่ึงนับเนื่องในหมูม ารจึงไดชอ ง ใหพวกเธอทาํ กายวิการมีหัวเราะเปนตน ในทซี่ ง่ึ ไมควรทาํ กายวหิ ารมหี ัวเราะเปนตน, บดั นี้ พวกเธอทําความอตุ สาหะ เพือ่มงุ ใหไฟราคะเปน ตนดบั ไปจงึ ควร \" ดังนแี้ ลว ตรัสพระคาถานวี้ า ๑. โก นุ หาโส กิมานนฺโท นิจฺจ ปชชฺ ลิเต สติ อนฺธกาเรน โอนทธฺ า ปทีป น คเวสถ. \" เม่ือโลกสนั นวิ าส อันไฟลุกโพลงอยเู ปน นิตย, พวกเธอยังจะราเริง บันเทิงอะไรกนั หนอ ? เธอ ท้งั หลายยอมความมดื ปกคลุมแลว ทาํ ไมจึงไมแสวงหา ประทปี เลา ? \" แกอ รรถ ความยินดี ช่ือวา อานนฺโท ในพระคาถาน้นั . พระผูมพี ระภาคเจาตรัสเปน คําอธบิ ายไวดังนี้วา \" เมือ่ โลกสนั นิวาสนี้ อนั ไฟ ๑๑ อยาง มีราคะเปนตนลุกโพลงแลว เปนนติ ย. เธอทั้งหลายจะมวั รา เรงิ หรือเพลดิ -เพลินอะไรกนั หนอ ? นนั่ ไมสมควรทําเลย มิใชหรือ ? กเ็ ธอท้ังหลายอนั ความมดื คอื อวชิ ชาซึง่ มวี ตั ถุ ๘ ปกคลมุ ไว เหตุไรจึงไมแ สวงหา คอืไมทาํ ประทปี คอื ญาณ เพอ่ื ประโยชนแกการกําจัดความมืดนัน้ เสยี ? \" ผรู ับคาํ เตอื นยอ มไดผล ในเวลาจบพระธรรมเทศนา หญิง ๕๐๐ ตงั้ อยใู นโสดาปตตผิ ลแลว. พระศาสดาทรงทราบความทห่ี ญงิ เหลาน้นั เปนผูต้งั ม่ันอยูในอจล-ศรทั ธาแลว เสด็จลงจากยอดเขาสเิ นรุ ประทบั น่งั บนพุทธอาสน.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 147 นางวิสาขาช้โี ทษของสุราโดยบุคลาธษิ ฐาน ลาํ ดบั นน้ั นางวิสาขาไดกราบทลู พระพุทธองคว า \" พระเจาขา ขน้ึชอ่ื วา สรุ าน,้ี เลวทราม, เพราะวาหญิงเหลาน้ี ชอื่ เหน็ ปานนี้ น่งั ตรงพระ-พักตรพ ระพทุ ธเจา เชน พระองค ยงั ไมสามารถจะยงั แมเ พยี งอริ ยิ าบถใหเ รียบรอยได เรมิ่ จะลุกขน้ึ ปรบมือ ทาํ การหวั เราะ ขับ และฟอ นเปน ตน แลว . \"พระศาสดาตรสั วา \" นนั่ แหละวสิ าขา ขึ้นชอื่ วาสรุ านี้ เลวทรามแท, เพราะประชาชนอาศยั สรุ านี้ ถึงความพนิ าศแลวตงั้ หลายรอ ย.\" เมื่อนางวสิ าขากราบทลู วา \" ก็สุรานเี้ กดิ ขน้ึ เมื่อไร ? พระเจา ขา , \" เพอ่ื จะตรัสอุปต ติเหตุแหง สุรานั้น (แกนางวสิ าขา) โดยพิสดาร จงึ ทรงนําอดตี นทิ านมาแลวตรัสกุมภชาดก๑ ดงั นแี้ ล. เรอื่ งหญงิ สหายของนางวสิ าขา จบ.๑. ข.ุ ชา. ตสึ . ๒๗/๔๗๗. อรรถกถา. ๗/๑๙๑.






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook