Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_42

tripitaka_42

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:40

Description: tripitaka_42

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 60 อยูแลว ในประเทศแหง แผน ดนิ ใด พงึ พนจากกรรม ช่วั ได, ประเทศแหงแผน ดินน้ัน หามอี ยไู ม. \" แกอ รรถ ความแหง พระคาถานน้ั วา \" ก็หากวา คนบางคนคิดวา 'เราจักพนจากกรรมช่วั ดว ยอบุ ายน้ี พึงน่งั ในอากาศกด็ ี. พงึ เขา ไปสูม หาสมทุ รอนั ลกึ แปดหม่ืนสี่พันโยชนก็ดี พึงน่งั ในซอกแหงภเู ขากด็ ี. เขาไมพงึ พนจากกรรมชวั่ ไดเลย. ' ดวยวา ในสวนแหง แผน ดนิ คอื ภาคแหงปฐพมี ีปุรัตถมิ ทศิ เปนตน โอกาสแมป ระมาณเทา ปลายขนทรายทบ่ี คุ คลอยูแลวพงึ อาจพนจากกรรมชัว่ ได หามไี ม. \" ในกาลจบเทศนา ภิกษุเหลานัน้ บรรลอุ รยิ ผลทงั้ หลาย มีโสดา-ปตตผิ ลเปน ตน. พระธรรมเทศนาเปนกถามปี ระโยชน แมเ เกม หาชนผูประชมุ กันแลว ดงั นี้แล. เร่ืองชน ๓ คน จบ

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 61 ๑๒. เรื่องเจา สปุ ปพุทธศากยะ [๑๐๖] ขอ ความเบอ้ื งตน พระศาสดา เม่อื ประทับอยใู นนิโครธาราม ทรงปรารภเจาศากยะพระนามวาสปุ ปพทุ ธะ ตรสั พระธรรมเทศนานวี้ า \" น อนตฺ ลกิ เฺ ข นสมทุ ฺทมชฺเฌ \" เปนตน. เจา สุปปพทุ ธะแกลงน่ังปดทางเสด็จพระศาสดา ดังไดสดับมา เจา สุปปพุทธะพระองคนัน้ ผูกอาฆาตในพระศาสดาดว ยเหตุ ๒ ประการน้ี คือ พระสมณโคดมน้ีทงิ้ ลกู สาวของเราออกบวชประการ ๑ ใหล กู ชายของเราบวชแลว ตง้ั อยูในฐานะแหงผมู ีเวรตอ ลูกชายน้ันประการ ๑, วันหนง่ึ ทรงดํารวิ า \" บัดน้ี เราจักไมใหพ ระสมณโคดมนั้นไปฉนั ยงั สถานทีน่ ิมนต \" ดงั นี้ จึงปดทางเปน ทเี่ สด็จไป นงั่ เสวยนํ้าจณั ฑใ นระหวา งทาง. ลําดับนัน้ เมือ่ พระศาสดามภี กิ ษสุ งฆห อ มลอ มเสด็จมาทน่ี นั้ พวกมหาดเลก็ ทลู ทา วเธอวา \" พระศาสดาเสด็จมาแลว.\" ทาวเธอตรสั วา\" พวกเจาจงลวงหนา ไปกอ น. จงบอกพระสมณะนั้นวา 'พระสมณโคดมองคน ้ไี มเ ปนใหญกวา เรา เราจกั ไมใ หท างแกพระสมณโคดมนนั้ \" แมพวกมหาดเลก็ ทูลเตอื นแลว ๆ เลา ๆ กค็ งประทับนัง่ รบั ส่งั อยางนัน้ แล. พระศาสดาไมไ ดห นทางจากสาํ นักของพระมาตลุ ะ (ลุง) แลว จงึเสดจ็ กลับจากท่นี น้ั . แมทาวเธอกส็ งจารบรุ ษุ (คนสอดแนม) ไปคนหนึ่งดวยกาํ ชบั วา \" เจาจงไป ฟง คําของพระสมณโคดมนัน้ แลว กลับมา.\"

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 62 เจา สุปปพุทธะทํากรรมหนกั จักถกู แผนดนิ สูบ แมพ ระศาสดาเสด็จกลบั มา ทรงทาํ การแยมพระโอฐ พระอานนท-เถระทลู ถามวา \" อะไรหนอแล ? เปน ปจ จยั แหงกรรมคือการแยมพระโอฐใหป รากฏ พระเจาขา \" จึงตรสั วา \" อานนท เธอเหน็ เจาสุปปพุทธะไหม ? \" พระอานนทเถระ. ทูลวา \" เห็น พระเจาขา . \" พระศาสดา ตรสั วา \" เจา สปุ ปพทุ ธะนั้นไมใ หทางแกพระพุทธเจาผเู ชนเรา ทํากรรมหนกั แลว ในวนั ท่ี ๗ แตว นั น้ี ทาวเธอจักเขา ไปสูแผน ดิน (ธรณีสูบ) ณ ที่ใกลเ ชงิ บนั ได ในภายใตป ราสาท. \" เจาสปุ ปพทุ ธะมุงจับผดิ พระศาสดาดวยคําเท็จ จารบรุ ุษไดฟ งพระดํารสั นั้นแลว ไปสูสาํ นักของเจา สปุ ปพุทธะ ๆตรัสถามวา \" หลานของเราเมอ่ื กลบั ไปพดู อะไรบา ง ? \" จึงกราบทูลตามทตี่ นไดยนิ แลว. ทาวเธอไดสดับคาํ ของจารบุรุษนั้นแลว ตรัสวา \" บัดน้ี โทษในการพดู (ผิด) แหงหลานของเรายอมไมมี เธอตรสั คาํ ใด คําน้นั ตอ งเปน อยา งนัน้ จรงิ ๆ ทีเดียว. แมเมื่อเปน เชน นน้ั คราวนี้ เราจักจับผิดเธอดวยการพดู เทจ็ . เพราะเธอไมตรัสกะเราโดยไมเ จาะจงวา 'ทานสปุ ป-พทุ ธะจักถกู ธรณสี ูบในวันที่ ๗ ' ตรสั วา ' ทา นสุปปพุทธะจกั ถกู ธรณีสบูทีใ่ กลเ ชงิ บันได ในภายใตป ราสาท ' ตง้ั แตว ันนีไ้ ป เราจักไมไปสูทีน่ ั้น.เม่อื เปน เชน น้นั เราไมถูกธรณสี บู ในทน่ี ้ันแลว จักขม ขี่เธอดว ยการพดู เท็จ. \"

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 63 เจา สุปปพุทธะทรงทําการรักษาพระองคอ ยางแขง็ แรง ทาวเธอรับสง่ั ใหพ วกมหาดเลก็ ขนเครื่องใชสอยของพระองคออกทั้งหมดไวบ นปราสาท ๗ ชัน้ ใหชักบนั ได ปดประตู ตั้งคนแขง็ แรงประจาํ ไวท ีป่ ระตู ประตูละ ๒ คน ตรัสวา \" ถา เราเปน ผูม งุ จะลงไปขา งลา งโดยความประมาทไซร พวกเจา ตอ งหามเราเสยี . \" ดงั น้แี ลว ประทับนงั่ ในหอ งอนั เปนสิริบนพน้ื ปราสาทช้ันท่ี ๗. จะหนผี ลแหงกรรมช่ัวยอมไมพน พระศาสดา ทรงสดับเรอ่ื งนัน้ แลว ตรัสวา \" ภิกษุทั้งหลาย เจา -สปุ ปพทุ ธะมิใชจ ะนั่งบนพ้ืนปราสาทอยา งเดียว, ตอ ใหเหาะข้ึนไปสเู วหาสนัง่ ในอากาศก็ตาม. ไปสสู มุทรดว ยเรอื ก็ตาม. เขา ซอกเขาก็ตาม, ธรรมดาพระดาํ รัสของพระพทุ ธเจาทัง้ หลายจะเปน สองไมม ,ี ทาวเธอจกั ถูกธรณีสบู ในสถานทเ่ี ราพูดไวน นั่ แหละ. \" เมอื่ จะทรงสืบอนุสนธแิ สดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้วา ๑๒. น อนฺตลิกเฺ ข น สมุทฺทมชเฺ ฌ น ปพฺพตาน ววิ ร ปวสี  น วชิ ฺชตี โส ชคติปฺปเทโส ยตรฺ ฏิต นปปฺ สเหยฺย มจจฺ .ุ \" บคุ คลทีท่ าํ กรรมชั่วไว หนไี ปแลวในอากาศ ก็ ไมพึงพน จากกรรมช่วั ได, หนไี ปในทา มกลางมหา- สมุทร กไ็ มพ งึ พนจากกรรมช่ัวได. หนีไปสูซอกภูเขา กไ็ มพงึ พนจากกรรมชวั่ ได (เพราะ) เขาอยูแลว ใน ประเทศแหงแผนดนิ ใด ความตายพึงครอบงาํ ไมได ประเทศแหง แผนดนิ นนั้ หามีอยไู ม. \"

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 64 แกอรรถ บรรดาบทเหลา นนั้ สองบทวา นปฺปสเหยยฺ มจจฺ ุ ความวาประเทศคอื แผน ดิน แมเพียงเทาปลายผม ทม่ี รณะไมพงึ ยา่ํ ยี คือไมพ ึงครอบงําผสู ถติ อยู ยอ มไมม ี คําท่เี หลอื ก็เชนกบั คํากอ นนน่ั เทียวดังนแ้ี ล. ในกาลจบเทศนา ชนเปน อันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-ปต ติผลเปนตน ดังนแ้ี ล. มามงคลเปนเหตใุ หท า วเธอเสด็จลงจากปราสาท ในวันท่ี ๗ ในเวลาคลายกบั เวลาที่เจาสุปปพทุ ธะปดหนทางภกิ ษา-จารของพระศาสดา มามงคลของเจา สปุ ปพทุ ธะในภายใตป ราสาทคึกคะนอง กระแทกแลวซ่ึงฝานนั้ ๆ. ทา วเธอประทับนั่งอยชู ้นั บนน่นั เอง ไดส ดับเสียงของมานน้ั จึงตรัสถามวา \" นั่นอะไรกนั ? \" พวกมหาดเล็กทลู วา \" มา มงคลคะนอง. \"สวนมานน้ั พอเห็นเจา สุปปพุทธะ กห็ ยุดนิ่ง. เกดิ เหตนุ าประหลาดเพราะกรรมช่ัว ขณะนน้ั ทา วเธอมีพระประสงคจะจับมานั้น ไดเ สดจ็ ลกุ จากท่ีประทับบายพระพักตรมาทางประตู. ประตทู ัง้ หลายเปดเองทีเดยี ว; บันไดต้ังอยใู นท่ีของตนตามเดมิ . คนแขง็ แรงผยู นื อยูท ีป่ ระตจู บั ทา วเธอทพี่ ระศอผลักใหมพี ระพกั ตรค ะมาํ ลงไป. โดยอบุ ายนน้ั ประตทู ี่พืน้ ทัง้ ๗ กเ็ ปด เองทีเดียว บนั ไดทัง้ หลายก็ดังอยใู นท่ีเดมิ . พวกคนทแ่ี ขง็ แรง (ประจาํ อย)ูทีช่ ัน้ น้ัน ๆ จับทาวเธอท่พี ระศอเทยี วแลว ผลกั ใหม ีพระพกั ตรค ะมําลงไป.

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 65 ทา วเธอถูกแผนดินสบู ไปเกิดในอเวจนี รก ขณะน้ัน มหาปฐพแี ตกแยกออกคอยรบั เจา สปุ ปพทุ ธะน้ันผถู ึงที่ใกลเชิงบนั ไดท่ีภายใตป ราสาทนั่นเอง. ทาวเธอไปบังเกิดในอเวจีนรกแลว แล. เรอ่ื งเจา สุปปพทุ ธศากยะ จบ ปาปวรรควรรณนา จบ วรรคที่ ๙ จบ.

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 66 คาถาธรรมบท ทณั ฑวรรค๑ท่ี ๑๐ วา ดวยอาชญามผี ล [๒๐] ๑. สัตวท ั้งหมด ยอมหวาดหวั่นตออาชญา สตั ว ทั้งหมดยอมกลวั ตอ ความตาย บุคคลทาํ ตนใหเปน อปุ มาแลว ไมค วรฆาเอง ไมควรใชผอู ่ืนใหฆา . ๒. สตั วท ั้งหมด ยอมหวาดหวัน่ ตออาชญา ชีวิต ยอ มเปน ทรี่ ักของสัตวท งั้ หมด บคุ คลควรทําตนให เปนอปุ มาแลว ไมควรฆา เอง ไมควรใชใหฆ า. ๓. สตั วผูเกิดแลวทัง้ หลาย เปน ผใู ครสุข บคุ คล ใดแสวงหาสุขเพอ่ื ตน แตเบยี ดเบยี นสตั วอ นื่ ดวย ทอนไม บุคคลนน้ั ละไปแลวยอ มไมไ ดส ุข สตั วผู เกิดแลว ท้งั หลายเปนผูใครสขุ บุคคลใดแสวงหาสุข เพื่อตน ไมเ บยี ดเบยี น (ผอู ่นื ) ดว ยทอ นไม บคุ คล นนั้ ละไปแลว ยอ มไดส ุข. ๔. เธออยา ไดก ลา วคาํ หยาบกะใครๆ ชนเหลา อ่ืนถกู เธอวา แลว จะพึงวาตอบเธอ. ๕. นายโคบาล ยอ มตอ นโคท้ังหลายไปสูท ห่ี า กนิ ดว ยทอนไมฉ นั ใด ชราและมัจจยุ อ มตอ นอายุ ของสตั ว ทงั้ หลายไปฉันนัน้ .๑. วรรคที่ ๑๐ มอี รรถกถา ๑๑ เรือ่ ง.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 67 ๖. อนั คนพาล ทํากรรมทัง้ หลายอนั ลามกอยูยอ มไมร ู (สึก) บคุ คลผูม ีปญญาทราม ยอมเดือดรอนดจุ ถกู ไฟไหม เพราะกรรมของตนเอง. ๗. ผใู ด ประทุษรายในทานผไู มป ระทุษรา ยทั้งหลาย ผไู มม อี าชญาดว ยอาชญา ยอมถงึ ฐานะ๑๐ อยา ง อยา งใดอยางหน่งึ พลันทีเดียว คือ ถงึเวทนากลา ๑ ความเส่ือมทรพั ย ๑ ความสลายแหงสรรี ะ ๑ อาพาธหนัก ๑ ความฟงุ ซานแหงจติ ๑ความขัดของแตพ ระราชา ๑ การถูกกลา วตูอยางรายแรง ๑ ความยอยยบั แหงเครือญาติ ๑ ความเสยี หายแหงโภคะทง้ั หลาย ๑ อกี อยา งหน่งึ ไฟปา ยอมไหมเรอื นของเขา ๑ ผนู ้ันมปี ญญาทราม เพราะกายแตกยอ มเขา ถึงนรก. ๘. การประพฤตเิ ปน คนเปลือย กท็ าํ สัตวใ หบริสุทธ์ิไมไ ด การเกลาชฎาก็ไมได การนอนเหนอืเปอกตมกไ็ มไ ด การไมก นิ ขา วก็ดี การนอนบนแผน -ดนิ กด็ ี ความเปนผูมกี ายหมกั หมมดว ยธลุ ีก็ดี ความเพยี รดว ยการน่งั กระหยงกด็ ี (แตละอยา ง) หาทาํสัตวผูยงั ไมล ว งสงสัยใหบรสิ ทุ ธ์ิไดไ ม. ๙. แมถา บคุ คลประดับแลว พึงประพฤตสิ มาํ่เสมอ เปนผสู งบ ฝกแลว เท่ยี งธรรม มีปกตปิ ระ-

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 68พฤติประเสรฐิ วางเสียซ่ึงอาชญาในสัตวท ุกจาํ พวกบุคคลนนั้ เปน พราหมณ เปนสมณะ เปนภกิ ษ.ุ ๑๐. บรุ ุษผหู ามอกุศลวติ ก ดวยหิรไิ ด นอ ยคนจะมใี นโลก บคุ คลใดกาํ จดั ความหลบั ตน่ื อยู เหมือนมาดีหลบแสไมใ หถูกตน บุคคลนั้นหาไดย าก ทา นท้ังหลายจงมีความเพียร มคี วามสลดใจ เหมอื นมาดีถูกเขาตดี ว ยแสแลว (มีความบากบน่ั ) ฉะน้ัน ทานทง้ั หลายเปน ผูประกอบดว ยศรัทธา ศลี วริ ยิ ะ สมาธิและดว ยคุณเครอ่ื งวินิจฉยั ธรรม มีวิชชาและจรณะถงึ พรอม มีสตมิ นั่ คง จกั ละทกุ ขอันมปี ระมาณไมนอ ยนไี้ ด. ๑๑. อันคนไขน้ําทั้งหลาย ยอ มไขนาํ้ ชางศรทงั้ หลาย ยอ มดัดศร ชา งถากท้งั หลาย ยอมถากไมผูสอนงายทง้ั หลาย ยอมฝก ตน. จบทัณฑวรรคท่ี ๑๐

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 69 ๑๐. ทัณฑวรรควรรณนา ๑. เร่ืองภิกษฉุ ัพพัคคยี  [๑๐๗] ขอ ความเบื้องตน พระศาสดา เมื่อประทับอยใู นพระเชตวนั ทรงปรารภภกิ ษุฉัพพัคคีย๑ ตรสั พระธรรมเทศนานีว้ า \"สพฺเพ ตสนตฺ \"ิ เปน ตน. เหตทุ รงบัญญตั ิปหารทานสกิ ขาบท ความพสิ ดารวา ในสมยั หนง่ึ เมอื่ เสนาสนะอันภิกษุสตั ตร๒สพคั คียซอมแซมแลว ภกิ ษฉุ พั พคั คยี ก ลา ววา \" พวกทา นจงออกไป, พวกผมแกกวา, เสนาสนะนั่นถึงแกพ วกผม.\" เมื่อภกิ ษุสัตตรสพคั คยี เหลา นน้ัพดู วา \" พวกผมจักไมยอมให, (เพราะ) พวกผมซอมแซมไวกอ น \" ดังนี้แลว จึงประหารภิกษุเหลา นัน้ . ภิกษุสตั ตรสพัคคียถ กู มรณภยั คุกคามแลวจงึ รอ งเสยี งล่ัน. พระศาสดา ทรงสดับเสียงของภกิ ษุเหลา นัน้ จึงตรัสถามวา \" อะไรกันน่ี ? \" เม่อื ภกิ ษุเหลาน้นั กราบทลู วา \" เรื่องชอ่ื น้ี \" ดังนแี้ ลว ตรัสวา\" ดกู อนภิกษุท้งั หลาย จําเดิมแตน ี้ ธรรมดาภกิ ษุไมควรทาํ อยางน้ัน, ภกิ ษุใดทาํ , ภิกษุน้นั ยอมตองอาบตั ิชือ่ น้ี. \" ดงั น้แี ลว ทรงบัญญตั ปิ หารทาน-สกิ ขาบท ตรสั วา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ธรรมดาภิกษุรวู า ' เรายอ มหวาดหวน่ั ตออาชญา กลวั ตอ ความตายฉันใด, แมส ัตวเหลา อืน่ ก็ยอมหวาดหวน่ั ตอ อาชญา กลวั ตอ ความตายฉนั น้ันเหมอื นกนั ' ไมควรประหาร๑. ภกิ ษมุ ีพวก ๖. ๒. ภกิ ษมุ ีพวก ๑๗.

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 70เอง ไมควรใชใหฆ าผูอืน่ \" ดงั นแ้ี ลว เมื่อจะทรงสืบอนสุ นธิแสดงธรรมจงึ ตรสั พระคาถาน้วี า ๑. สพเฺ พ ตสนตฺ ิ ทณฑฺ สสฺ สพเฺ พ ภายนฺ ฺติ มจฺจโุ น อตฺตานิ อปุ ม กตวฺ า น หเนยฺย น ฆาตเย. \" สตั วท ัง้ หมด ยอ มหวาดหวั่นตอ อาชญา, สัตว ทง้ั หมด ยอ มกลัวตอ ความตาย, บคุ คลทาํ ตนใหเ ปน อุปมาแลว ไมค วรฆา เอง ไมค วรใชผอู น่ื ใหฆา.\" แกอ รรถ บรรดาบทเหลานน้ั สองบทวา \" สพเฺ พ ตสนตฺ ิ \" ความวา สตั วแมท ั้งหมด เมื่ออาชญาจะตกทีต่ น ยอมหวาดหว่นั ตอ อาชญานั้น. บทวา มจจุโน ไดแ ก ยอมกลวั แมต อ ความตายแท. ก็พยญั ชนะ๑แหงเทศนาน้ไี มมเี หลือ. สวนเนอื้ ความยงั มีเหลอื . เหมือนอยางวา เม่ือพระราชารับส่งั ใหพ วกราชบุรษุ ตีกลองเทย่ี วปาวรองวา \" ชนทง้ั หมดจงประชมุ กนั \" ชนท้งั หลายทีเ่ หลือเวน พระราชาและมหาอํามาตยของพระราชาเสยี ยอมประชุมกันฉันใด. แมเ ม่อื พระศาสดา ตรัสวา\" สตั วท ้ังหมด ยอ มหวาดหว่นั \" ดังนี้. สัตวท ัง้ หลายทเ่ี หลอื เวน สัตวว เิ ศษ๔ จาํ พวกเหลา นน้ั คอื 'ชา งอาชาไนย มาอาชาไนย โคอุสภอาชาไนยและพระขณี าสพ ' บัณฑติ พึงทราบวา ยอมหวาดหว่ันฉนั น้นั เหมอื นกัน.จริงอยู บรรดาสตั ววิเศษเหลานี้ พระขีณาสพ ไมเห็นสตั วท ่จี ะตาย เพราะความที่ทานละสกั กายทฏิ ฐเิ สยี ไดเเลว จงึ ไมก ลวั . สัตววิเศษ ๓ พวกนอกน้ี๑. อธิบายวา เพง ตามพยัญชนะ แสดงวา สตั วทง้ั หลายกลัวตอ ความตาย ไมม ีเวน ใครเลย แตตามอรรถ มเี วน สตั วบางพวก จงึ กลา ววา ยงั มเี หลอื .

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 71ไมเหน็ สัตวท่เี ปน ปฏิปกษตอ ตน เพราะความท่สี ักกายทฏิ ฐิ มกี ําลงั จึงไมกลัว. พระคาถาวา น หเนยยฺ น ฆาตเย ความวา บุคคลรวู า \" เราฉนัใด. แมส ตั วเหลาอ่นื ก็ฉันนัน้ \" ดังนี้แลว ก็ไมควรฆา เอง (และ)ไมค วรใชผอู ืน่ ใหฆ า . ในกาลจบเทศนา ชนเปน อนั มาก บรรลุอรยิ ผลท้ังหลายมโี สดา-ปตตผิ ลเปน ตน ดงั น้แี ล. เรอ่ื งภกิ ษุฉัพพคั คีย จบ.

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 72 ๒. เรอื่ งภิกษฉุ พั พัคคยี  [๑๐๘] ขอความเบอ้ื งตน พระศาสดา เม่ือประทับอยูในพระเชตวนั ทรงปรารภพวกภิกษุ-ฉพั พคั คีย ตรสั พระธรรมเทศนานี้วา \" สพเฺ พ สนตฺ ิ \" เปน ตน. เหตใุ หทรงบญั ญัตติ ลสตั ติกสิกขาบท ความพิสดารวา ในสมัยหนงึ่ พวกภิกษุฉพั พัคคยี  เงอื ดเงื้อหอกคือฝา มอื แกพวกภิกษุสัตตรสพัคคยี เ หลา น้นั ดวยเหตทุ ต่ี นประหารพวกสัตตรสพัคคยี  ในสิกขาบทกอนนนั้ น่นั แล. แมใ นเร่ืองนี้ พระศาสดาทรงสดบั เสยี งของภิกษุเหลา น้ันแลว ก็ตรัสถามวา \" นีอ่ ะไรกัน ? \" ภิกษุเหลา นนั้ กราบทูลวา \" เร่ืองชอ่ื น้ี \" แลวตรสั วา \" ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย จาํ เดิมแตน้ไี ป ธรรมดาภิกษไุ มค วรทําอยางน,ี้ ภกิ ษุใดทาํ , ภกิ ษุนน้ั ยอ มตองอาบัตชิ ่อื น้ี \" ดงั นแี้ ลว ทรงบญั ญตั ิตลสตั ตกิ สิกขาบท ตรสั วา \" ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย ธรรมดาภกิ ษุทราบวาแมส ตั วเ หลาอืน่ ยอ มหวาดหวน่ั ตออาชญา อยา งเดียวกับเราเหมือนกัน,อนึ่ง ชีวิตกย็ อ มเปน ทีร่ ักของสัตวเหลานนั้ เหมอื นของเราโดยแท ไมควรประหารเอง ไมควรใชผ ูอ่ืนใหฆา \" ดงั น้ีแลว เม่อื จะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จงึ ตรัสพระคาถานี้วา ๒. สพฺเพ ตสนฺติ ทณฑฺ สฺส สพเฺ พส ชีวิต ปย อตฺตาน อปุ ม กตวฺ า น หเนยฺย น ฆาตเย. \" สตั วท้ังหมด ยอ มหวาดหว่ันตออาชญา ชีวติ ยอ มเปน ทีร่ ักของสตั วท้ังหมด. บุคคลควรทําตนให เปนอปุ มาแลว ไมควรฆาเอง ไมควรใชใ หฆ า. \"

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 73 แกอรรถ บรรดาบทเหลานัน้ บาทพระคาถาวา สพฺเพส ชีวิต ปย ความวาชวี ติ ยอ มเปนท่ีรกั ยิ่งของเหลา สตั วทเ่ี หลือ เวนพระขณี าสพเสยี . อันพระ-ขณี าสพ ยอมเปนผูวางเฉยในชีวิตหรือในมรณะโดยแท. คําท่ีเหลอื เชนกบั คาํ อันมใี นกอ นนน่ั แล. ในกาลจบเทศนา ชนเปนอนั มาก ไดบรรลุอริยผลท้ังหลายมีโสดา-ปต ตผิ ลเปน ตน ดังนแ้ี ล. เรอ่ื งภกิ ษฉุ พั พัคคยี  จบ.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 74 ๓. เรื่องเดก็ หลายคน [๑๐๙] ขอความเบื้องตน พระศาสดา เม่ือประทับอยูในพระเชตวัน ทรงปรารภเด็กเปนอนัมาก ตรัสพระธรรมเทศนานวี้ า \" สขุ กามานิ ภูตานิ \" เปนตน. พระศาสดาทรงพบพวกเดก็ ตงี ู ความพสิ ดารวา ในวนั หน่ึง พระศาสดาเสด็จทรงบาตรเขาไปในกรุงสาวตั ถี ทรงเหน็ พวกเดก็ เปน อนั มาก เอาไมต งี ูเรอื น๑ตัวหนึง่ ในระหวา งทาง ตรสั ถามวา \" แนะ เจาเดก็ ทง้ั หลาย พวกเจา ทาํ อะไรกนั ? \"เมอ่ื เด็กเหลานน้ั กราบทูลวา \" พวกขาพระองคเอาไมตงี ู \" พระเจาขา \"ตรัสถามอีกวา \" เพราะเหตุไร ? \" เมอ่ื พวกเขากราบทลู วา \" เพราะกลัวมนั กัด พระเจาขา \" จงึ ตรัสวา \" พวกเจาตงี ูนีด้ วยคิดวา 'จักทาํ ความสุขแกตน ' จกั ไมเปน ผูไ ดร ับความสุขในทีแ่ หงตนเกดิ แลว ๆ. แทจรงิ บคุ คลเมือ่ ปรารถนาสขุ แกต น (แต) ประหารสัตวอ ่ืน ยอ มไมค วร \" ดงั นแ้ี ลวเมอ่ื จะทรงสบื อนสุ นธิแสดงธรรม จงึ ไดท รงภาษิตพระคาถาเหลา น้วี า ๓. สขุ กานานิ ภตู านิ โย ทณเฺ ฑน วิหึสติ อตฺตโน สขุ เมสาโน เปจจฺ โส น ลภเต สุข . สขุ กานานิ ภตู านิ โย ทณฺเฑน น หสึ ติ อตฺตโน สขุ เมสาโน เปจจฺ ลภเต สขุ  . \" สตั วผเู กดิ แลวทง้ั หลาย เปน ผใู ครสขุ บุคคล ใดแสวงหาสุขเพอ่ื ตน, แตเ บยี ดเบียนสตั วอ น่ื ดว ย ทอนไม บคุ คลนัน้ ละไปแลวยอมไมไ ดสขุ . สัตวผู๑. คืองูทีอ่ าศัยอยตู ามเรอื น เชน งูเขยี ว งูลายสอ เปนตน .

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 75 เกิดแลว ท้ังหลาย เปน ผูใครส ขุ , บคุ คลใดแสวงหา สุขเพอื่ ตน, ไมเ บียดเบยี น (ผูอืน่ ) ดวยทอนไม, บคุ คลนั้นละไปแลว ยอ มไดสุข. แกอ รรถ บรรดาบทเหลานั้น สองบทวา โย ทณเฺ ฑน ความวา บุคคลใดยอมเบียดเบยี น (ผูอืน่ ) ดว ย ทอ นไมห รือวตั ถทุ ้งั หลายมกี อนดินเปนตน. บาทพระคาถาวา เปจจฺ โส น ลภเต สุข ความวา บคุ คลนน้ัยอ มไมไ ดส ขุ สาํ หรบั มนษุ ย สุขอนั เปน ทพิ ย หรอื สุขคอื พระนิพพาน อนัเปนปรมตั ถ (สุข) ในโลกหนา . ในพระคาถาที่ ๒ (มคี วามวา ) หลายบทวา เปจจฺ โส ลภเต สุขความวา บคุ คลนั้นยอมไดส ขุ ทั้ง ๓ อยาง มปี ระการดังกลาวแลวในปรโลก. ในกาลจบเทศนา เด็กเหลานั้นทั้ง ๕๐๐ ต้งั อยูในโสดาปต ติผลดังนีแ้ ล. เรอื่ งเด็กหลายคน จบ.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 76 ๔. เรื่องพระโกณฑธานเถระ [๑๑๐] ขอ ความเบ้อื งตน พระศาสดา เมอ่ื ประทับอยูในพระเชตวนั ทรงปรารภพระเถระชอื่โกณฑธานะ ตรสั พระธรรมเทศนาน้ีวา \" มาโวจ ผรสุ  กฺจิ \" เปนตน. รปู สตรีติดตามพระเถระไปทกุ แหง ดงั ไดส ดบั มา จําเดิมแตว นั ทพ่ี ระเถระนน้ั บวชแลว รปู สตรีรูปหนงึ่เที่ยวไปกบั พระเถระ (แต) พระเถระไมเ ห็นรูปสตรีนน้ั , สว นมหาชนเห็น.เมื่อทานแมเท่ียวบิณฑบาตอยภู ายในบาน. พวกมนษุ ยถวายภิกษาทัพพี ๑แลว พดู วา \" ทา นขอรับ สวนน้ีจงเปนของสําหรบั ทา น, แตส วนน้ีสาํ หรับสตรีผูสหายของทา น \" ดังนี้แลว ก็ถวายภกิ ษาแมท ัพพที ี่ ๒. บุรพกรรมของพระเถระ ถามวา \" บุรพกรรมของทานเปน อยา งไร ? \" ตอบวา \" ไดยนิ วา ในกาลแหง พระพทุ ธเจา ทรงพระนามวากัสสปะภิกษุ ๒ รปู เปน สหายกนั ไดเ ปน ผูกลมเกลียวกันอยา งยิง่ ดจุ คลอดจากครรภมารดาเดียวกัน.\" ก็ในกาลแหงพระพทุ ธเจาผทู รงพระชนมายยุ นื ภกิ ษทุ ้งั หลายยอ มประชมุ กัน เพือ่ ประโยชนแกก ารทาํ อุโบสถทุก ๆ ๑ ป หรือทุก ๆ ๖เดือน(ครง้ั หนึ่ง) เพราะฉะนน้ั แมท า นทง้ั สองรูปน้ัน กอ็ อกไปจากท่อี ยูด วยคดิ วา \" จกั ไปสโู รงอโุ บสถ. \" เทวดาแกลง ทําพระเถระใหแ ตกกัน เทวดาผเู กดิ ในชั้นดาวดึงสผ หู น่งึ เห็นทานทั้งสองแลว คดิ วา \" ภิกษุเหลา นน้ั ชา งกลมเกลียวกนั เหลือเกนิ , เราอาจทาํ ลายภิกษเุ หลาน้ไี ดหรือ

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 77หนอ ? \" ดงั น้แี ลว ไดม าในลําดบั เวลาท่ตี นคิดแลว น่ันแล เพราะความท่ตี นเปนผูเกเร. ในภิกษุ ๒ รปู น้นั เมือ่ รูปหน่ึงกลาววา \" ผูมอี ายุ ขอทา นจงรออยูสักครูหน่งึ ผมมคี วามตอ งการถายอุจจาระ๑ \" จงึ นิรมติ เพศเปนหญงิ มนุษยค นหน่ึง. ในกาลท่พี ระเถระเขา ไปในระหวา งพมุ ไมเเลวออกมา เอามือขา งหนึ่งเกลา มวยผม ขางหน่งึ จัดผานุง (เดนิ ตาม) ออกมาขางหลงั พระเถระนัน้ . ทานไมเห็นหญงิ นั้น. แตภกิ ษุรูปท่ียนื อยขู า งหนา ซึ่งคอยทานอยู เหลยี วมาแลดูเห็นหญงิ นัน้ ทาํ อยา งนั้น (เดนิ ตาม)ออกมา. รังเกยี จกันดว ยสีลเภท เทวดานั้นรูภาวะแหงตน อันภกิ ษุน้นั เหน็ แลว ก็อนั ตรธานไป.ภกิ ษุรปู นอกน้ี (ท่คี อยอย)ู พดู กะภิกษุนนั้ ในเวลาท่มี าสทู ่ีใกลตนวา\" ผูมีอายุ ศีลของทา นทาํ ลายเสยี แลว . \" ภิกษุนนั้ กลา ววา \" ผูม อี ายุ กรรมเหน็ ปานนัน้ ของผมไมมี. \" ภกิ ษุนอกนก้ี ลาววา \" เดยี๋ วน้ีเอง หญงิ รนุ สาว (เดินตาม) ออกมาขา งหลงัทาน ทํากรรมช่ือนีผ้ มเหน็ แลว . ทา นยงั พดู (ปฏเิ สธ) ไดวา 'กรรมเหน็ปานนข้ี องผมไมมี. \" ภกิ ษนุ ้ัน ปานประหนึ่งถูกสายฟา ฟาดลงทกี่ ระหมอ ม กลา ววงิ วอนวา \" ผมู ีอายุ ขอทานจงอยาใหผ มฉิบหายเลย. กรรมเหน็ ปานนั้นของผมไมมจี รงิ ๆ. \" ภกิ ษนุ อกนก้ี ็พูดวา \" ผมเห็นดวยนยั นตาทัง้ สองเอง, จกั เช่ือทาน๑. สรีรกจิ เฺ จน ดวยกจิ แหง สรีระ.

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 78ไดอยางไร \" ดงั นีแ้ ลว กแ็ ตกกนั ดุจทอ นไมแลวหลีกไป. แมในโรงอโุ บสถก็นง่ั ดว ยตงั้ ใจวา \" เราจกั ไมท าํ อโุ บสถรว มกับภิกษนุ .ี้ \" ภิกษุนอกน้ี (ผถู กู หา) แจง แกภ กิ ษุทงั้ หลายวา \" ทานขอรับจดุ ดําแมเ ทาเมลด็ งา ยอ มไมมใี นศลี ของผม.\" แมภ ิกษุนั้น กก็ ลา วยันวา \" กรรมลามกนนั้ ผมเหน็ เอง. \" เทวดาขยายความจรงิ เทวดาเห็นภกิ ษรุ ปู ท่ีคอยนนั้ ไมป รารถนาจะทาํ อุโบสถรว มกับภิกษุ(รูปทีต่ นแกลง) น้ัน หวนคดิ วา \" เราทํากรรมหนกั แลว \" ดงั น้ี จงึ ชีแ้ จงวา \" ความทําลายแหง ศลี ของพระผูเ ปนเจาของขาพเจายอ มไมม .ี แตขา พ-เจา ทํากรรมอันลามกน้ัน ก็ดว ยสามารถจะทดลองดู, ขอทานจงทาํ อโุ บสถรว มกับพระผเู ปน เจา นนั้ เถดิ .\" ภิกษรุ ูปทค่ี อยนั้น เมือ่ เทวดานัน้ ดํารงอยใู นอากาศชแี้ จงอยูจึงเช่ือแลว ไดทาํ อุโบสถ (รวมกนั ) แตห าไดเปนผูม ีจิตชดิ เช้ือในพระเถระเหมือนในกาลกอ นไม. บรุ พกรรมของเทวดามปี ระมาณเทา น.้ี ก็ในเวลาสน้ิ อายุ พระเถระเหลา นน้ั ไดบงั เกดิ ในเทวโลกแสนสบาย. เทวดามาเกิดเปนพระโกณฑธานะ ฝายเทวดาบงั เกดิ ในอเวจีแลว หมกไหมอ ยใู นอเวจีนน้ั สิ้น ๑ พุทธนั -๑ดร ในพุทธุปบาทกาลนี้ ไดบงั เกดิ ในกรุงสาวตั ถี ถึงความเจรญิ วัยแลวไดบ รรพชาอุปสมบทในพระศาสนา. ต้ังแตวนั ท่ที า นบวชแลว รปู สตรี๑. ระหวางกาลแหงพระพทุ ธเจา พระองคหนง่ึ ซึ่งปรินิพพานแลว องคใ หมอุบัตขิ ึ้น.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 79นนั้ กไ็ ดป รากฏอยางนัน้ นั่นแล. เพราะเหตุนัน้ แล ภกิ ษุทัง้ หลายจึงไดขนานนามทานวา \" โกณฑธานะ. \" พวกภกิ ษุบอกคฤหัสหใหขับไล ภิกษุทง้ั หลายเหน็ ทา นเท่ยี วไปอยอู ยางน้ัน จงึ บอกอนาถปณฑกิ -เศรษฐวี า \" ทา นเศรษฐี ทา นจงขับไลภกิ ษุผูท ุศลี รูปนอ้ี อกจากวิหารของทานเสีย. เพราะวา ความเสยี หายจะเกิดขน้ึ แกภ กิ ษุทเ่ี หลอื . \" เศรษฐี. ทานผเู จรญิ ก็พระศาสดาไมมีในวิหารหรอื ? ภกิ ษุ. มีอยู ทา นเศรษฐ.ี เศรษฐี. ทา นผูเจรญิ ถา กระนัน้ พระศาสดาคงจักทรงทราบ. ภกิ ษทุ ั้งหลายก็ไปแจง แมแ กนางวิสาขาอยางนัน้ เหมือนกนั . ถึงนางวสิ าขา ก็ไดใหค าํ ตอบแกภ ิกษุเหลา นั้นเหมอื นกนั . ฝา ยภกิ ษทุ ัง้ หลาย อนั ทา นเหลา น้ันไมรับถอ ยคาํ (ของตน) จงึ ไดทลู แดพระราชาวา \" มหาบพติ ร ภกิ ษชุ ื่อโกณฑธานะ พาหญงิ คนหนึง่เท่ยี วไป จะยังความเสียหายใหเกิดแกภ กิ ษทุ กุ รูป. ขอมหาบพิตรทรงขับไลภิกษนุ ้ันออกจากแวน แควน ของพระองคเ สีย. \" พระราชา. ภกิ ษนุ น้ั อยูที่ไหนเลา ? พวกภกิ ษ.ุ อยใู นวิหาร มหาบพิตร. พระราชา. อยใู นเสนาสนะหลังไหน ? พวกภกิ ษุ. ในเสนาสนะชื่อโนน. พระราชา. ถาเชนนน้ั ขออาราธนาพระคณุ เจาไปเถดิ . ขาพเจาจักสัง่ ใหจ บั ภกิ ษรุ ปู นน้ั .

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 80 พระราชาเสด็จไปสอบสวนพระโกณฑธานะ ในเวลาเยน็ ทา วเธอเสด็จไปวิหาร รบั สงั่ ใหพวกบุรษุ ลอ มเสนา-สนะนั้นไวแ ลว ไดเ สดจ็ ผนิ พระพักตรตรงทอี่ ยูข องพระเถระ. พระเถระไดยินเสยี งเอะอะ จึงไดอ อกจากวหิ าร (ท่ีอยู) ยนื อยูที่หนา มุข. พระราชาไดท อดพระเนตรเหน็ รูปสตรีแมน ัน้ ยืนอยขู างหลังพระเถระน้นั . พระเถระทราบวาพระราชาเสดจ็ มา จงึ ขน้ึ ไปยงั วหิ ารน่ังอยูแลว . พระราชาไมท รงไหวพ ระเถระ, ไมไดทอดพระเนตรเห็นแมส ตรีนน้ัทาวเธอทรงตรวจดูที่ซอกประตูบา ง ทใ่ี ตเ ตยี งบาง ก็มิไดท รงประสบเลยจึงไดต รัสกะพระเถระวา \" ทานขอรับ ผมไดเห็นสตรีคนหนึ่งในทีน่ ,ี้ เขาไปเสยี ไหน ? \" พระเถระทลู วา \" อาตมภาพไมเห็น มหาบพิตร. แมเมือ่ พระราชาตรสั วา \" เมอ่ื กนี้ ี้ ขาพเจา เห็นสตรยี ืนอยขู า งหลังทา น. \" กท็ ลู ยืนกรานวา\" อาตมภาพไมเหน็ มหาบพติ ร. \" พระราชาทรงดําริวา \" นม่ี ันเปนเรอ่ื งอะไรหนอ ? \" แลวตรสั วา\" ขอนมิ นตทา นออกไปจากที่นก้ี อน ขอรับ \" เมื่อพระเถระออกไปจากท่ีนั้น ยนื อยทู ่หี นา มขุ . สตรนี ั้นก็ไดย ืนอยขู างหลงั ของพระเถระอีก. พระ-ราชาทอดพระเนตรเหน็ สตรนี น้ั แลว จงึ เสด็จขน้ึ ไปช้ันบนอีก. พระเถระทราบความท่ีพระราชานนั้ เสด็จมาแลว จึงนงั่ อยู. พระราชา แมทรงตรวจดสู ตรนี ั้นในท่ที ุกแหงอีก ก็มิไดท รงประสบ จึงตรสั ถามพระเถระนั้นซา้ํ อีกวา \" สตรีน้ันมีอยู ณ ทไ่ี หน ?ขอรบั . \" พระเถระ. อาตมภาพไมเ ห็น (สตรนี ้นั ) มหาบพิตร.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 81 พระราชา. ขอทา นโปรดบอกเถิด ขอรับ เมื่อกน้ี เี้ อง ผมเห็นสตรยี ืนอยขู า งหลังของทา น. พระเถระ. ขอถวายพระพร มหาบพิตร แมมหาชนก็พดู วา \" สตรีเที่ยวไปขา งหลงั อาตมภาพ.\" สว นอาตมภาพไมเหน็ (สตรีน้ันเลย). พระราชาทรงสนั นษิ ฐานวา เปน รปู เทียม พระราชาทรงกําหนดวา \" นนั่ พึงเปน รปู เทียม \" แลว รบั สัง่ กะพระเถระอกี วา \" ทา นขอรบั ขอทา นจงลงไปจากทน่ี ดี้ ทู ี. \" เม่ือพระเถระลงไปยืนอยทู ่ีหนามขุ . ก็ไดท อดพระเนตรเห็นสตรนี ้ันยนื อยูขางหลังของพระเถระน้นั อีก ครน้ั เสดจ็ ขนึ้ ไปขางบน กก็ ลับมไิ ดทอดพระเนตรเห็น.ทาวเธอทรงซกั ถามพระเถระอกี . เมอื่ ทา นทูล (ยนื กรานคาํ เดยี ว) วา\" อาตมภาพไมเห็น. \" ก็ทรงสนั นิษฐานไดวา \" น่นั เปนรูปเทียมแน \"จึงตรสั กะพระเถระวา \" ทานขอรบั เมื่อสังกเิ ลส (เคร่ืองเศราหมอง)เหน็ ปานนนั้ เที่ยวตดิ ตามไปขา งหลงั ทานอยู. คนอ่ืนใคร ๆ จกั ไมถวายภิกษาแกทา น. ทา นจงเขา ไปพระราชวงั ของขา พเจาเนอื งนิตย. ขา พเจาจักบาํ รงุ (ทา น) ดว ยปจจัย ๔, \" ทรงนิมนตพ ระเถระแลว ก็เสดจ็ หลีกไป. พวกภกิ ษุติเตยี นพระราชาและพระเถระ ภิกษทุ ั้งหลาย ยกโทษวา \" ผมู อี ายุทัง้ หลาย ทานท้ังหลายจงดูกริ ยิ าของพระราชาผูลามก. เมอื่ พวกเราทลู วา ' ขอพระองคทรงขับไลภกิ ษุนน้ั ออกจากวหิ ารเสยี . ก็เสดจ็ มา (กลับ) นมิ นต (ภิกษุนน้ั ) ดวยปจ จยั ๔ แลวเสดจ็ กลับ. \"

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 82 ภกิ ษทุ ัง้ หลาย กก็ ลาวกะพระเถระนน้ั วา \" เฮย คนทุศีล บัดน้ีพระราชากลายเปน คนช่วั แลว. \" แมพ ระเถระนนั้ ในกาลกอ นไมอาจจะกลาวอะไรๆ กะภิกษุท้งั หลายได, บดั น้ี กลาวตอบทันทีวา \" พวกทานเปน ผทู ศุ ลี . พวกทานเปน คนชั่ว, พวกทา นพาหญิงเท่ียวไป. \" ภกิ ษุเหลาน้ัน ไปกราบทูลแดพระศาสดาวา \" ขาแตพ ระองคผเู จริญพระโกณฑธานะ อนั ขาพระองคท้ังหลายวา กลา วแลว กลบั กลา วดา ตา งๆเปน ตนวา 'แมพ วกทา น ก็เปน ผูทุศลี . \" พระศาสดาทรงไตสวนท้งั สองฝา ย พระศาสดา รับสง่ั ใหเ รยี กพระโกณฑธานะนั้นมาแลว ตรสั ถามวา\" ภิกษุ ขาววา เธอกลา วอยางนั้น จริงหรอื ? \" พระเถระ กราบทลู วา \" จรงิ พระเจาขา .\" พระศาสดา. เพราะเหตไุ ร ? เธอจึงกลา วอยางนน้ั . พระเถระ. เพราะเหตทุ ี่ภกิ ษุเหลานัน้ กลา วกบั ขา พระองค. พระศาสดา. ภิกษทุ ง้ั หลาย เพราะเหตุไร ? แมพวกทานจงึ กลาวกะภกิ ษนุ ี้ (อยา งนนั้ ). พวกภกิ ษุ. ขาแตพระองคผ ูเจรญิ พวกขา พระองคเหน็ หญิงเทยี่ วไปขางหลังภิกษุน้ี จึงกลา วอยา งนน้ั . พระศาสดา. นัยวา ภิกษุเหลานีเ้ ห็นหญงิ เท่ยี วไปกับเธอ จงึ กลา ว(ขึ้นอยา งนน้ั ) สว นตวั เธอไมไดเห็นเลย เหตุไฉน ? จึงกลา วกะภิกษุ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 83เหลา น้ี (อยางน้ันเลา ?). ผลน้ี เกิดขน้ึ เพราะอาศยั ทิฏฐลิ ามกของเธอในกาลกอนมิใชหรือ ? เหตุไร ในบัดน้ี เธอจงึ ถอื ทฏิ ฐิลามกอกี เลา ? พวกภิกษุทูลถามวา \" ขา แตพระองคผูเจริญ ก็ภิกษนุ ี้ไดท ํากรรมอะไรในปางกอ น ? \" ทีนัน้ พระศาสดา ตรัสบุรพกรรมของทา นแกภ กิ ษุเหลาน้ันแลวตรสั วา \" ภกิ ษุ เธออาศัยกรรมลามกนี้ จงึ ถงึ ประการอนั แปลกนแ้ี ลวบดั นี้ การทเี่ ธอถือทฏิ ฐอิ นั ลามกเห็นปานน้นั อีก ไมสมควร. เธออยากลา วอะไร ๆ กบั ภิกษทุ ง้ั หลายอีก. จงเปน ผไู มม เี สยี ง เชนกังสดาลอันเขาตัดขอบปากแลว . เม่ือทําอยางนัน้ จกั เปนผูชอื่ วาบรรลุพระนพิ พาน \"ดังนี้แลว เมอื่ จะทรงสบื อนุสนธิแสดงธรรม จงึ ไดทรงภาษติ พระคาถาเหลานว้ี า ๔. มาโวจ ผรสุ  กจฺ ิ วตุ ตฺ า ปฏวิ เทยยฺ ุ ต ทุกขฺ า หิ สารมภฺ กถา ปฏทิ ณฑฺ า ผเุ สยฺยุ ต . สเจ เนเรสิ อตตฺ าน ก โส อุปหโต ยถา เอส ปตฺโตสิ นิพพฺ าน สารมฺโภ เต น วิชชฺ ต.ิ \" เธออยา ไดกลา วคําหยาบกะใคร ๆ, ชนเหลา อ่ืน ถกู เธอวา แลว จะพงึ ตอบเธอ, เพราะการกลา วแขง ขนั กันใหเกดิ ทุกข อาชญาตอบพึงถูกตอ งเธอ, ผิเธอ อาจยังตนไมใหห ว่ันไหวได ดงั กงั สดาลที่ถกู กําจดั แลว ไซร เธอนัน่ ยอมบรรลุพระนพิ พาน, การกลา ว แขงขนั กัน ยอ มไมมีแกเธอ.\"๑. ระฆงั วงเดอื น.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 84 แกอรรถ บรรดาบทเหลานัน้ บทวา กฺจิ ความวา อยาไดกลาวคาํ หยาบกะใคร ๆ คอื แมก ะบุคคลผหู น่งึ . บทวา วตุ ฺตา ความวา คนเหลา อ่ืนถกู เธอกลา ววา \" เจา พวกทุศีล, \"พึงกลา วตอบเธอบา ง อยางน้ันเหมอื นกัน. บทวา สารมภฺ กถา ขึ้นช่อื วาการกลา วแขง ขนั กันเกินกวาเหตนุ ั้นใหเ กดิ ทกุ ข. บทวา ปฏทิ ณฺฑา ความวา เม่ือเธอประหารผูอืน่ ดว ยอาชญาท้งั หลาย มีอาชญาทางกายเปนตน . อาชญาตอบเชนนนั้ แหละ พงึ ตกลงเหนือกระหมอ มของเธอ. บทวา สเจ เนเรสิ ความวา ถา เธอจักอาจทาํ ตนไมใ หห วน่ั ไหวไดไซร. บาทพระคาถาวา ก โส อปุ หโต ยถา ความวา เหมือนกงั สดาล ที่เขาตดั ขอบปากทาํ ใหเหลอื แตพ ้นื วางไว. จริงอยู กงั สดาลเชนนน้ั แมบุคคลตแี ลว ดวยมอื เทา หรอื ดวยทอนไม กย็ อ มไมดงั . สองบทวา เอส ปตฺโตสิ ความวา ถาเธอจักอาจเปนผเู หน็ ปานน้ันไดไซร. เธอน่ัน บําเพ็ญปฏปิ ทานอี้ ย.ู เปนผูไมประมาทแลวในบดั น้ีชื่อวา บรรลพุ ระนิพพาน. บาทพระคาถาวา สารมโฺ ภ เต น วิชชฺ ติ ความวา ก็เมอ่ื เปนอยา งน้นั แมค วามแขง ขันกัน มีอันกลาวทําใหย ง่ิ กวา กนั เปนลักษณะเปน ตนอยางน้ันวา \" เจา เปน ผูทศุ ลี \" วา \" พวกเจา เปน ผทู ุศีล \" ดังน้ี ยอ มไมมีคือจกั ไมม ีแกเ ธอเลย.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 85 ในกาลจบเทศนา ชนเปนอันมาก บรรลุอรหตั ผลทั้งหลาย มโี สดา-ปตติผลเปนตน แลว. แมพระโกณฑธานเถระ ตัง้ อยใู นพระโอวาทท่ีพระศาสดาประทานเเลว ก็ไดบ รรลุพระอรหตั ผล. ตอกาลไมนานนักทา นไดเหาะขนึ้ ไปในอากาศ จับสลากเปนครง้ั แรก๑ ดงั น้แี ล. เร่ืองพระโกณฑธานเถระ จบ.๑. ไดยินวา ทานไดจับสลากไดท ่ี ๑ สามครั้ง คือพระศาสดาจะเสดจ็ ไปสูอ ุคคนคร ในกิจนิมนตข องนางมหาสุภัททา ๑ เมื่อเสดจ็ ไปสูเมอื งสาเกต ในกิจนมิ นตข องนางสุภทั ทา ๑ เมอ่ืเสด็จไปสสู นุ าปรนั ตชนบท ๑ ในกิจนิมนตเหลา นั้น ตอ งการแตพระขีณาสพลว นๆ ๕๐๐ องค.นัย. มโน., ๑/๒๘๓.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 86 ๕. เร่อื งอโุ บสถกรรม [๑๑๑] ขอความเบ้อื งตน พระศาสดา เม่ือประทบั อยใู นบพุ พาราม ทรงปรารภอโุ บสถกรรมของอบุ าสกิ าทง้ั หลายมีนางวิสาขาเปน ตน ตรัสพระธรรมเทศนานว้ี า \" ยถาทณฺเฑน โคปาโล \" เปน ตน . หญงิ รกั ษาอุโบสถมงุ ผลตางกนั ดังไดสดบั มา ในวนั อโุ บสถวันหนึ่ง หญิงประมาณ ๕๐๐ คนในนครสาวัตถี เปน ผรู กั ษาอโุ บสถ ไดไปสวู ิหาร. นางวิสาขาเขา ไปหาหญิงแกๆ ในจํานวนหญิง ๕๐๐ น้นั แลว ถามวา \" แนะแมท ั้งหลาย พวกทานเปนผรู ักษาอโุ บสถ เพ่อื อะไร ? \" เมอ่ื หญงิ แกเ หลา นัน้ บอกวา \" พวกฉนั ปรารถนาทิพยสมบตั ิ จึงรักษาอุโบสถ. \" ถามพวกหญงิ กลางคน,เมื่อพวกหญิงเหลา น้นั บอกวา \" พวกฉันรกั ษาอโุ บสถ กเ็ พอ่ื ตองการพนจากการอยกู บั หญิงรว มสามี. \" ถามพวกหญิงสาว ๆ. เมื่อพวกเขาบอกวา\" พวกฉนั รักษาอุโบสถ เพือ่ ตอ งการไดบ ุตรชายในการมคี รรภค ราวแรก. \"ถามพวกหญงิ สาวนอย. เมอื่ พวกเขาบอกวา \" พวกฉันรกั ษาอุโบสถ เพื่อตองการไปสสู กลุ ผวั แตใ นวัยสาว ๆ. \" (นาง) ไดฟ ง ถอ ยคาํ แมท ั้งหมดของหญงิ เหลานนั้ แลว ก็พาพวกเขาไปสสู ํานกั พระศาสดา กราบทลู (ความประสงคข องหญงิ เหลานน้ั ) ตามลําดับ. สรรพสัตวถกู สงไปเปน ทอด ๆ พระศาสดาทรงสดบั คาํ นน้ั แลวตรสั วา \" วสิ าขา ธรรมดาสภาว-ธรรมท้ังหลายมชี าตเิ ปน ตนของสตั วเหลาน้ี เปนเชน กับนายโคบาลท่มี ี

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 87ทอ นไมใ นมือ. ชาติสง สรรพสัตวไ ปสูส าํ นักชรา ชราสง ไปสสู ํานักพยาธิพยาธิสง ไปสสู าํ นกั มรณะ มรณะยอมตัดชวี ิต ดุจบุคลตดั ตนไมดวยขวาน. แตเมือ่ เปน อยา งน้นั ปวงสตั วช ่อื วาปรารถนาววิ ัฏฏะ(พระนพิ พาน)ยอ มไมม ี, มัวแตป รารถนาวัฏฏะเทานัน้ . \" ดงั นแี้ ลว เมอื่ จะทรงสบื อนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานว้ี า ๕. ยถา ทณฺเฑน โคปาโล คาโว ปาเชติ โคจร เอว ชรา จ มจจฺ ุ จ อายุ ปาเชนฺติ ปาณิน . \" นายโคบาล ยอนตอ นโคทัง้ หลายไปสทู ่หี ากนิ ดว ยทอนไม ฉันใด, ชราและมัจจุ ยอ มตอ นอายุ ของสตั วทง้ั หลายไป ฉันนน้ั . \" แกอรรถ บรรดาบทเหลา นนั้ บทวา ปาเชติ ความวา นายโคบาลผฉู ลาดกนั โคทั้งหลาย ตัวเขา ไปสรู ะหวางคนั นาดวยทอนไม ตีดว ยทอ นไมน ้นันนั่ แหละ นาํ ไปอยู ชอ่ื วา ยอมตอ น (โคทั้งหลาย) ไปสทู หี่ ากนิ ซึ่งมหี ญา และนาํ้ หาไดง า ย. สองบทวา อายุ ปาเชนฺติ ความวา ยอ มตัดอินทรยี คือชวี ิต คือยอมยงั ชวี ติ นิ ทรยี ใ หสนิ้ ไป. ในพระคาถานี้ มีคาํ อุปมาอปุ ไมย ฉะนี้วาก็ชราและมัจจุ เปรียบเหมือนนายโคบาล, อนิ ทรียคอื ชวี ิต เปรียบเหมอื นฝงู โค, มรณะ เปรียบเหมือนสถานที่หากิน. บรรดาสภาวธรรมเหลา นนั้ ชาตสิ ง อนิ ทรยี คือชวี ติ ของสตั วท ้งั หลายไปสสู าํ นักชรา ชราสง

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 88ไปสูส าํ นกั พยาธิ พยาธิสงไปสสู ํานักมรณะ, มรณะนัน้ แลตดั (ชีวิตนิ ทรยี ของสตั วท ัง้ หลาย) ไป เหมือนบุคคลตัดตน ไมดวยขวานฉะนั้น. ในกาลจบเทศนา ชนเปนอนั มาก บรรลอุ รยิ ผลทั้งหลายมีโสดา-ปต ตผิ ลเปนตน ดังน้ีแล. เรอื่ งอโุ บสถกรรม จบ.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 89 ๖. เรอื่ งอชครเปรต [๑๑๒] ขอ ความเบื้องตน พระศาสดา เมือ่ ประทับอยใู นพระเวฬุวนั ทรงปรารภอชครเปรตตรสั พระธรรมเทศนานว้ี า \" อถ ปาปนิ กมมฺ านิ \" เปนตน . พระมหาโมคคัลลานะเห็นเปรตถกู ไฟไหม ความพิสดารวา ในสมยั หนงึ่ พระมหาโมคคัลลานะเถระกบั พระ-ลักขณเถระลงจากเขาคิชฌกูฏ ไดเหน็ สตั วช ่อื อชครเปรต ประมาณ ๒๕โยชน ดวยจักษทุ ิพย. เปลวไฟต้งั ข้ึนแตศรี ษะของเปรตนน้ั ลามถงึ หาง,ตง้ั ขึ้นแตห าง ลามถงึ ศรี ษะ. ตั้งข้ึนแตข างทงั้ สองไปรวมอยทู ก่ี ลางตัว. เลา การเหน็ เปรตใหพ ระเถระฟง พระเถระครนั้ เห็นเปรตนั้นแลว จึงยม้ิ อนั พระลกั ขณเถระถามเหตุแหง การยมิ้ แลว กต็ อบวา \" ผูม อี ายุ กาลน้ี ไมใ ชก าลพยากรณปญหานี,้ ทานคอยถามผมในสาํ นกั พระศาสดาเถดิ \" เทีย่ วบิณฑบาตในกรุงราชคฤห. ในกาลไปยังสาํ นักพระศาสดา พระลักขณเถระถามแลวจงึ ตอบวา \" ผูมีอายุ ผมไดเห็นเปรตตนหนง่ึ ในทนี่ นั้ . อตั ภาพของมันชอ่ื วามีรูปอยา งน;้ี ผมครั้นเหน็ มันแลว ไดท าํ การยม้ิ ใหปรากฏ ก็ดว ยความคดิ วา 'อตั ภาพเห็นปานนี้ เราไมเคยเห็นเลย. \" พระศาสดาก็เคยทรงเหน็ เปรตนัน้ พระศาสดา เมอ่ื จะตรสั คาํ เปน ตนวา \" ภิกษุท้ังหลาย สาวกของเรา เปน ผมู จี ักษุอยหู นอ \" ทรงรับรองถอ ยคําของพระเถระแลว จึงตรัสวา \" ภกิ ษุท้ังหลาย เปรตนน้ั แมเ ราก็ไดเ ห็นแลวทโ่ี พธมิ ัณฑสถาน

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 90เหมือนกัน. แตเ ราไมพดู เพราะคิดเหน็ วา ' ก็แลชนเหลาใดไมพงึ เชื่อคาํ ของเรา ความไมเ ชื่อนั้นของคนเหลานั้น พงึ เปน ไปเพือ่ หาประโยชนเกอ้ื กลู มิได ' บดั นี้ เราไดโ มคคลั ลานะเปนพยานแลวจงึ พูดได. \" อนัภกิ ษุท้ังหลายทูลถามบุรพกรรมของเปรตนัน้ แลว จึงทรงพยากรณ (ดงัตอไปนี)้ วา บุรพกรรมของอชครเปรต ดังไดย ินมา ในกาลแหง พระพทุ ธเจา ทรงพระนามวากสั สปะเศรษฐชี อ่ื วา สุมงคล ปูพ้ืนที่ดวยแผน อฐิ ทองคํา ใหส รา งวหิ ารในท่ีประมาณ ๒๐ อุสภะ ดว ยทรพั ยประมาณเทานนั้ แลว ก็ใหทําการฉลองดว ยทรพั ยประมาณเทา นั้นเหมือนกัน. วันหน่ึง ทา นเศรษฐีไปสูส าํ นกั พระ-ศาสดาแตเ ชาตรู เห็นโจรคนหน่งึ นอนเอาผา กาสาวะคลมุ รางตลอดถึงศรี ษะท้งั มีเทา เปอ นโคลน อยใู นศาลาหลงั หนึ่ง ใกลป ระตพู ระนคร จงึ กลาววา\" เจาคนน้ี มีเทาเปอนโคลน คงจักเปน มนุษยท่ีเทย่ี วเตรในเวลากลางคนืแลว (มา) นอน. \" กรรมช่ัวใหผ ลชั่ว โจรเปดหนาเห็นเศรษฐีแลว คดิ ในใจวา \" เอาเถอะนะ. เราจักรูกรรมทีค่ วรทําแกม ัน \" ดังนีแ้ ลว ก็ผกู อาฆาตไว ไดเ ผานา (ของเศรษฐี)๗ ครงั้ ตดั เทาโคทงั้ หลาย ในคอก ๗ คร้งั เผาเรอื น ๗ ครง้ั เขาไมอาจใหความแคน เคอื งดบั ได แมด ว ยทารณุ กรรมมปี ระมาณเทา น้ัน จึงทาํ การสนิทชดิ เช้ือกับคนใชข องเศรษฐีนัน้ แลว ถามวา \" อะไรเปนทร่ี กั ของเศรษฐี (นาย) ของทาน ? \" ไดฟ งวา \" วตั ถเุ ปน ท่ีรักย่ิงของเศรษฐีอนื่

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 91จากพระคันธกฎุ ี ยอมไมมี \" คดิ วา \" เอาละ, เราจกั เผาพระคนั ธกฎุ ี ยงัความแคนเคอื งใหด ับ. \" เมอื่ พระศาสดาเสด็จเขาไปบิณฑบาต. จึงทบุหมอนาํ้ สําหรบั ดืม่ และสําหรับใช ไดจดุ ไฟที่พระคนั ธกฎุ ีแลว . เศรษฐไี ดทราบวา \" ขา ววา พระคนั ธกุฎีถกู ไฟไหม \" เดินมาอยู ในเวลาพระคันธกุฎีถูกไฟไหมเ เลว จงึ มาถงึ แลดพู ระคนั ธกฎุ ีทไ่ี ฟไหม ก็มิไดทําความเสยี ใจแมส กั เทา ปลายขนทราย คแู ขนขางซายเขา มาปรบดว ยมือขา งขวาอยางขนานใหญ. ขณะน้นั ประชาชนยนื อยู ณ ทีใ่ กล ถามทา นเศรษฐวี า \" นายขอรบั เพราะเหตไุ ร ทานจึงปรบมือ ในเวลาที่พระคนั ธกฎุ ซี ่งึ ทา นสละทรพั ยป ระมาณเทา นส้ี รา งไวถ กู ไฟไหมเลา ? \" เศรษฐีตอบวา \" พอ แมท้งั หลาย ขา พเจา ทํากรรมประมาณเทา นี้(ช่ือวา ) ไดฝ งทรพั ยไวใ นพระศาสนาทีไ่ มสาธารณะแกอ ันตรายมีไฟเปนตน, ขา พเจาจงึ มใี จยนิ ดี ปรบมือดวยคิดวา ' เราจักไดส ละทรัพยประมาณเทานี้ สรางพระคันธกฎุ ี (ถวาย) พระศาสดาแมอกี .\" ทานเศรษฐี สละทรพั ยประมาณเทา น้ัน สรา งพระคันธกฎุ อี ีก ไดถวายแดพ ระศาสดา ซ่งึ มีภิกษุ ๒ หมนื่ รปู เปน บริวาร. โจรเหน็ กริ ยิ านั้นแลว คิดวา \" เราไมฆ า เศรษฐนี ้เี สีย จักไมอาจทําใหเกอเขินได, เอาเถอะ, เราจักฆามันเสยี , \" ดังนแ้ี ลว จงึ ซอนกรชิไวในระหวา งผา นุง แมเ ดนิ เตรอยใู นวหิ ารส้นิ ๗ วัน กไ็ มไดโอกาส. ฝายมหาเศรษฐถี วายทานแดภิกษสุ งฆ มพี ระพทุ ธเจา เปนประมขุส้ิน ๗ วนั ถวายบงั คมพระศาสดาแลว กราบทูลวา \" ขา แตพ ระองคผูเ จรญิ บุรษุ ผูหนงึ่ เผานาของขาพระองค ๗ คร้งั ตดั เทาโคในคอก ๗


















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook