พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 178 ๘. เรื่องปฐมโพธิกาล [๑๒๕] ขอความเบ้อื งตนพระศาสดาประทับนง่ั ณ ควงไมโ พธพิ ฤกษ ทรงเปลง อทุ านดวยสามารถเบกิ บานพระหฤทัย ในสมัยอน่ื พระอานนทเถระทูลถาม จึงตรสัพระธรรมเทศนานีว้ า \" อเนกชาตสิ สาร \" เปนตน .ทรงกาํ จัดมารแลวเปลงอุทานพระสัมมาสมั พทุ ธเจา พระองคน้ันแล ประทบั น่งั ณ ควงไมโพธิ-พฤกษ เมือ่ พระอาทิตยยงั ไมอ ัสดงคตเทยี ว ทรงกําจดั มารและพลแหง มารแลว ในปฐมยาม ทรงทาํ ลายความมดื ท่ปี กปด ปพุ เพนวิ าสญาณ. ในมชั ฌิมยาม ทรงชาํ ระทพิ ยจกั ษุใหหมดจดแลว. ในปจฉิมยาม ทรงอาศัยความกรุณาในหมูสัตว ทรงหยงั่ พระญาณลงในปจ จยาการแลว ทรงพิจารณาปจจยาการนัน้ ดวยสามารถแหงอนโุ ลมปฏโิ ลม. ในเวลาอรณุ ขน้ึทรงบรรลพุ ระสัมมาสัมโพธญิ าณพรอ มดว ยอศั จรรยห ลายอยาง เมื่อจะทรงเปลง อุทาน ทีพ่ ระพทุ ธเจา มิใชแ สนเดียวไมท รงละแลว จงึ ไดตรัสพระคาถาเหลานีว้ า๘. อเนกชาตสิ สาร สนฺธาวิสฺส อนิพพฺ ิสคหการก คเวสนฺโต ทกุ ฺขา ชาติ ปนุ ปฺปุนคหการก ทฏิ โสิ ปนุ เคห น กาหสิสพพฺ า เต ผาสกุ า ภคฺคา คหกูฏ วสิ งขฺ ตวิสงฺขารคต จติ ฺต ตณหฺ าน ขยมชฌฺ คา.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 179 \" เราแสวงหานายชางผทู ําเรือน เมื่อไมประสบ จึงไดทอ งเที่ยวไปสสู งสาร มีชาตเิ ปน อเนก ความเกดิ บอ ยๆ เปนทุกข, ๑ แนะนายชางผูท าํ เรือน เราพบทาน แลว , ทา นจะทาํ เรือนอีกไมไ ด, ซ่ีโครงทกุ ซ๒ี่ ของทาน เราหกั เสียแลว ยอดเรือนเราก็รอ้ื เสยี แลว , จติ ของ เราถึงธรรมปราศจากเคร่อื งปรุงแตงแลว, เพราะเรา บรรลธุ รรมที่สน้ิ ตณั หาแลว. \" แกอ รรถ บรรดาบทเหลาน้ัน สองบทวา คหการ ๓ คเวสวนโฺ ต ความวา เราเม่ือแสวงหานายชา งคอื ตัณหาผูทาํ เรอื น กลา วคืออตั ภาพน้มี อี ภินิหารอนัทาํ ไวแ ลว แทบบาทมูลแหงพระพทุ ธเจา ทรงพระนามวา ทีปงกร เพ่อืประโยชนแกพ ระญาณ อนั เปน เครื่องอาจเหน็ นายชา งน้ันได คอื พระ-โพธญิ าณ เมือ่ ไมป ระสบ ไมพ บ คือไมไดพระญาณนน้ั แล จึงทอ งเทยี่ วคือเรรอน ไดแ กว นเวียนไป ๆ มา ๆ สูสงสารมชี าตเิ ปนอเนก คือสูสังสารวฏั นี้ อันนบั ไดหลายแสนชาติ ส้ินกาลมีประมาณเทาน้ี. คําวา ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปน น้ี เปน คาํ แสดงเหตแุ หง การแสวงหาชางผทู าํ เรือน. เพราะชอ่ื วาชาตินี้ คอื การเขาถงึ บอย ๆ ชอ่ื วาเปนทุกขเพราะภาวะทเี่ จอื ดวยชรา พยาธิและมรณะ. กช็ าตนิ น้ั เมอ่ื นายชางผูทําเรอื นนัน้ อนั ใครๆ ไมพบแลว ยอมไมก ลบั . ฉะนน้ั เราเมอ่ื แสวงหานายชางผูทาํ เรอื น จึงไดท องเทย่ี วไป.๑. ความเกดิ เปน ทกุ ขร ํา่ ไป. ๒. อีกนัยหนง่ึ ผาสุกกา เปนคําเปรียบกบั เครือ่ งเรือน แปลวาจนั ทันเรือนของทา นเราหกั เสยี หมดแลว . ๓. บาลีเปน คหการก .
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 180 บทวา ทฏิ โ สิ ความวา บดั นี้เราตรสั รพู ระสัพพญั ุตญาณ พบทานแลวแนนอน. บทวา ปุน เคห ความวา ทานจักทาํ เรือนของเรากลาวคืออตั ภาพ ในสงั สารวฏั นอ้ี กี ไมไ ด. บาทพระคาถาวา สพฺพา เต ผาสุกา ภคคฺ าความวา ซีโ่ ครง๑กลาวคือกิเลสท่เี หลือทั้งหมดของทา น เราหกั เสียแลว . บาทพระคาถาวา คหกฏู วสิ งขฺ ต ความวา ถึงมณฑลชอ ฟา กลาวคอื อวิชชา แหงเรือนคืออตั ภาพที่ทานสรา งแลว นี้ เราก็รอ้ื เสยี แลว. บาทพระคาถาวา วิสงฺขารคต จติ ตฺ ความวา บดั นี้ จิตของเราถงึคือเขาไปถึงธรรมปราศจากเครอื่ งปรุงแตงแลว คอื พระนิพพาน ดวยสามารถแหง อันกระทําใหเปน อารมณ. บาทพระคาถาวา ตณฺหาน ขยมชฺฌคา ความวา เราบรรลุพระอรหตั กลา วคือธรรมเปนทส่ี ิ้นไปแหงตัณหาแลว. เรอื่ งปฐมโพธกิ าล จบ.๑. หรือ จันทันเรือน กลา วคือกิเลสทเ่ี หลอื ทั้งหมด.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 181 ๙. เรอ่ื งบตุ รเศรษฐมี ที รัพยมาก [๑๒๖] ขอ ความเบือ้ งตน พระศาสดา เมื่อประทบั อยูใ นปาอิสปิ ตนมฤคทายวัน ทรงปรารภบตุ รเศรษฐผี มู ที รพั ยมาก ตรสั พระธรรมเทศนานวี้ า \" อจริตวฺ าพรฺ หมฺ จรยิ . \" เปนตน. พวกนกั เลงชวนเศรษฐีบุตรใหด่มื เหลา ดังไดสดับมา บตุ รเศรษฐนี ้ัน เกดิ แลวในตระกลู ผมู ีสมบัติ ๘๐ โกฏิในกรงุ พาราณส.ี ครง้ั น้นั มารดาบดิ าของเขาคดิ วา \" ในตระกลู ของเรามกี องโภคะเปน อนั มาก. เราจกั มอบกองโภคะนน้ั ไวในมอื บุตรของเราทําใหใ ชสอยอยางสบาย. กจิ ดวยการงานอยา งอ่นื ไมตอ งมี. \" ดังนแี้ ลว จึงใหเ ขาศกึ ษาศลิ ปะสักวา การฟอน ขับ และประโคมอยา งเดียว. ในพระนครน้ันแล แมธดิ าคนหน่ึง ก็เกิดแลว ในตระกลู อืน่ ซง่ึ มีสมบัติ ๘๐ โกฏ.ิบิดามารดาแมของนางก็คิดแลวอยา งนนั้ เหมอื นกัน แลว ก็ใหน างศกึ ษากไ็ ดศลิ ปะสกั วาการฟอนขบั และประโคมอยา งเดียว. เม่ือเขาท้งั สองเจรญิ วัยแลวก็ไดมกี ารอาวาหววิ าหมงคลกัน ตอมาภายหลัง มารดาบดิ าของคนท้ังสองนัน้ ไดถ ึงแกก รรมแลว. ทรพั ย ๑๖๐ โกฏิ กไ็ ดร วมอยูในเรอื นเดยี วกนัทง้ั หมด. เศรษฐบี ตุ ร ยอ มไปสทู บ่ี ํารงุ พระราชาวนั หนึ่งถึง ๓ ครั้ง ครัง้ น้ันพวกนกั เลงในพระนครนน้ั คิดกันวา \" ถาเศรษฐีบตุ รนี้ จักเปนนักเลงสุรา. ความผาสกุ กจ็ กั มีแกพวกเรา; เราจะใหเธอเรยี นความเปนนักเลงสุรา. \" พวกนกั เลงนั้นจึงถือเอาสรุ า มัดเนื้อสาํ หรบั แกลม และกอ นเกลอืไวท่ีชายผา ถอื หวั ผกั กาด น่งั แลดูทางของเศรษฐีบุตรนัน้ ผมู าจาก
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 182ราชกุล เหน็ เขากําลังเดนิ มา จงึ ด่ืมสุรา เอากอ นเกลอื ใสเ ขา ในปาก กัดหวัผกั กาด กลา ววา \" จงเปน อยู ๑๐๐ ปเถดิ นายเศรษฐบี ุตร. พวกผมอาศัยทา น ก็พงึ สามารถในการเคยี้ วและการดมื่ . \" บตุ รเศรษฐีฟงคําของพวกนกั เลงนน้ั แลว จงึ ถามคนใชสนิทผตู ามมาขา งหลังวา \" พวกนนั้ ด่ืมอะไรกัน ? \" คนใช. นา ดื่มชนดิ หน่งึ นาย. บตุ รเศรษฐ.ี มรี สชาตอิ รอยหรือ ? คนใช. นาย ธรรมดานาํ้ ท่คี วรด่มื เชน กบั นํา้ ด่ืมน้ี ไมมีในโลกที่เปน อยนู .ี้ เศรษฐบี ุตรหมดตวั เพราะประพฤตอิ บายมุข บุตรเศรษฐนี ้ันพดู วา \" เมือ่ เปนเชนนนั้ แมเราด่ืมก็ควร \" ดังนี้แลว จงึ ใหนํามาแตน ิดหนอยแลว กด็ ื่ม ตอมาไมนานนัก นักเลงเหลานน้ัรูว าบุตรเศรษฐนี ้นั ดื่ม จึงพากันแวดลอมบุตรเศรษฐีนัน้ เมื่อกาลลว งไปก็ไดม บี ริวารหมใู หญ. บตุ รเศรษฐนี น้ั ใหน ําสรุ ามาดว ยทรพั ย ๑๐๐ บาง๒๐๐ บา ง ดื่มอยูต้งั กองกหาปณะไวในทน่ี ัง่ เปน ตน โดยลําดับ ด่ืมสุรากลาววา \" จงนาํ เอาดอกไมม าดว ยกหาปณะน้ี จงนาํ เอาของหอมมาดวยกหาปณะน้ี ผูนีฉ้ ลาดในการขบั ผนู ฉ้ี ลาดในการฟอ น ผูน้ีฉลาดในการประโคม จงใหทรัพย ๑ พันแกผ นู ้ี จงใหทรพั ย ๒ พนั แกผ ูนี้. \" เมอ่ืใชสรุ ุยสุรายอยา งนั้นตอ กาลไมน านนัก ก็ยังทรัพย ๘๐ โกฏิ อนั เปนของตนใหหมดไปแลว เม่อื เหรญั ญกิ เรยี นวา \" นาย ทรพั ยข องนายหมดแลว. \" จึงพดู วา \" ทรัพยข องภรรยาของขา ไมม หี รอื ? \" เมื่อเขาเรยี นวา\" ยังมีนาย \" จึงบอกวา \" ถากระนั้น จงเอาทรพั ยนน้ั มา, \" ไดย งั ทรัพย
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 183แมน ้นั ใหส ิน้ ไปแลวอยา งนน้ั เหมือนกนั แลว ขายสมบตั ขิ องตนท้ังหมดคอืนา สวนดอกไม สวนผลไม ยานพาหนะ เปน ตนบาง โดยท่สี ุดภาชนะเครอ่ื งใชบาง เครือ่ งลาด ผาหม และผาปูนั่งบา ง โดยลําดับเค้ียวกนิ . เศรษฐีตองเที่ยวขอทาน คร้นั ในเวลาทเ่ี ขาแกล ง เจาของเรือนจงึ ไลเ ขาออกจากเรอื น ท่ีเขามีโภคะหมดแลว ขายเรอื นของตวั (แตยงั ) ถอื อาศัยอยูกอ น. เขาพาภรรยาไปอาศยั เรอื นของชนอ่ืนอยู ถอื ชิ้นกระเบ้ืองเทีย่ วไปขอทานปรารภจะบริโภคภตั ท่เี ปนเดนของชนแลว . ครั้งน้นั พระศาสดาทอดพระเนตรเห็นเขายืนอยูทป่ี ระตโู รงฉนั คอยรบั โภชนะทีเ่ ปนเดนอนั ภิกษุหนุม และสามเณรใหในวนั หนงึ่ จงึ ทรงแยมพระโอษฐ ลําดับน้นัพระอานนทเถระทูลถามถึงเหตุทที่ รงแยม กะพระองค. พระศาสดา เมอ่ืจะตรสั บอกเหตทุ ี่ทรงแยม จึงวา \" อานนท เธอจงดบู ตุ รเศรษฐีผูมที รพั ยม ากผูน ้ี ผลาญทรัพยเสีย ๑๖๐ โกฏิ พาภรรยาเท่ียวขอทานอยูในนครนแ้ี ล: กถ็ า บุตรเศรษฐีไมผลาญทรัพยใหหมดส้นิ จกั ประกอบการงานในปฐมวัย กจ็ กั ไดเ ปน เศรษฐีชนั้ เลศิ ในนครนี้แล และถา จกัออกบวช, กจ็ กั บรรลุอรหตั . แมภรรยาของเขากจ็ กั ดาํ รงอยูใ นอนาคามผิ ล.ถาไมผลาญทรพั ยใหหมดไป จกั ประกอบการงานในมชั ฌิมวัย. จกั ไดเปนเศรษฐีช้ันที่ ๒. ออกบวชจักไดเปนอนาคาม.ี แมภรรยาของเขาก็จกั ดาํ รงอยใู นสกทาคามผิ ล. ถา ไมผ ลาญทรพั ยใ หสนิ้ ไป ประกอบการงานในปจฉิมวัยจกั ไดเ ปน เศรษฐีชัน้ ท่ี ๓ แมอ อกบวช ก็จักไดเปน สกทาคามี,แมภ รรยาของเขาก็จกั ดํารงอยูใ นโสดาปตติผล. แตเ ด๋ยี วน้บี ุตรเศรษฐนี ่ัน
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 184ทง้ั เสอ่ื มแลว จากโภคะของคฤหัสถ ทง้ั เส่อื มแลว จากสามัญผล. ก็แลครั้นเส่ือมแลว จงึ เปน เหมือนนกกะเรยี นในเปอกตมแหง ฉะน้ัน \" ดงั นแ้ี ลวจึงตรสั พระคาถาเหลานีว้ า ๙. อจริตฺวา พฺรหฺมจรยิ อลทฺธนา โยพพฺ เน ธน ชิณฺณโกฺจาว ณายนตฺ ิ ขีณมจเฺ ฉว ปลฺลเล อจรติ วฺ า พฺรหฺมจริย อลทฺธา โยพฺพเน ธน เสนฺติ จาปาตขิ ณี าว ปรุ าณานิ อนุตถฺ ุน . \" พวกคนเขลา ไมประพฤตพิ รหมจรรย ไมไ ด ทรพั ยในคราวยงั เปนหนุม สาว ยอ มซบเซาดงั นก กะเรยี นแก ซบเซาอยูใ นเปอกตมทห่ี มดปลาฉะนั้น. พวกคนเขลา ไมป ระพฤตพิ รหมจรรย ไมไดท รัพย ในคราวยังเปนหนมุ สาว ยอมนอนทอดถอนถงึ ทรพั ย เกา เหมือนลกู ศรทตี่ กจากแลงฉะนน้ั . แกอรรถ บรรดาบทเหลานัน้ บทวา อจริตฺวา ความวา ไมอ ยูพรหมจรยิ าวาส.บทวา โยพพฺ เน ความวา ไมไดแมท รพั ยใ นเวลาทต่ี นสามารถ เพอ่ื จะยงัโภคะท่ียงั ไมเกิดใหเ กิดขึ้น หรือเพ่ือตามรกั ษาโภคะทีเ่ กดิ ข้ึนแลว . บทวาขีณมจฺเฉ ความวา คนเขลาเหน็ ปานนนั้ น่ัน ยอมซบเซา ดังนกกะเรยี นแกมขี นเปยกอันเห้ียนเกรียน ซบเซาอยใู นเปอกตม. ท่ีช่อื วาหมดปลาแลวเพราะไมมีน้ํา. มีคาํ อธิบายกลา วไวดังน้ีวา \" อนั ความไมมที ่อี ยขู องคนเขลาเหลานี้ เหมอื นความไมมีน้าํ ในเปอ กตม. ความไมม ีโภคะของคนเขลาเหลาน้ี เหมอื นความหมดปลา, ความไมสามารถจะรวบรวมโภคะไวไ ด
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 185โดยทางน้ําหรือทางบกเปน ตนในกาลบดั นแ้ี ล ของคนขลาเหลา น้ี เหมอื นความไมมีการโผข้นึ แลวบนิ ไปแหง นกกะเรียนทม่ี ีขนปก อนั เหย้ี น; เพราะฉะน้นั คนเขลาเหลาน้ี จึงนอนซบเซาอยใู นท่นี เ้ี อง เหมอื นนกกะเรียนมขี นปก อนั เห้ียนแลวฉะนัน้ . บทวา จาปาตขิ ณี าว ความวา หลุดจากแลง คือพนแลวจากแลง . มคี าํ อธบิ ายกลาวไวดังน้ีวา \" ลกู ศรพนจากแลงไปตามกาํ ลังตกแลว . เมือ่ ไมม ใี ครจบั มนั ยกข้นึ . มันกต็ องเปนอาหารของหมูปลวกในท่นี ้ันเอง ฉันใด; ถึงคนเขลาเหลา นี้ ก็ฉันน้ัน ลวง ๓ วัยไปแลว กจ็ กัเขา ถึงมรณะ เพราะความไมสามารถจะยกตนขน้ึ ไดในกาลบัดนี;้ เพราะ-ฉะนั้น พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ตรัสวา เสนตฺ ิ จาปาตขิ ีณาว. \" บาทพระคาถาวา ปรุ าณานิ อนตุ ถฺ นุ ความวา ยอมนอนทอดถอนคือเศรา โศกถงึ การกนิ การด่มื การฟอน การขับ และการประโคมเปนตน ทค่ี นทําแลว ในกาลกอนวา \" พวกเรา กนิ แลว อยางนี,้ ดม่ื แลวอยาน้ี.\" ในกาลจบเทศนา ชนเปน อนั มากบรรลอุ รยิ ผลทั้งหลาย มโี สดา-ปต ติผลเปน ตน ดงั น้ีแล. เรือ่ งบตุ รเศรษฐมี ีทรัพยม าก จบ. ชราวรรควรรณนา จบ. วรรคท่ี ๑๑ จบ
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 186 คาถาธรรมบท อัตวรรค๑ที่ ๑๒ วา ดวยเรอ่ื งตน [๒๒] ๑. ถาบุคคลทราบตนวา เปนท่ีรัก พงึ รักษาตนนน้ั ใหเปน อนั รกั ษาดว ยดี บณั ฑติ พงึ ประคับประคอง(ตน) ตลอดยามทั้งสาม ยามใดยามหนง่ึ . ๒. บัณฑติ พงึ ต้ังตนน่ันแล ในคุณอนั สมควร กอ นพึงสัง่ สอนผอู น่ื ในภายหลงั จะไมพงึ เศราหมอง. ๓. ถาผูอ นื่ พรา่ํ สอนผอู ื่นอยฉู ันใด พึงทาํ ตาม ฉนั นน้ั บุคคลผมู ีตนฝกดีแลวหนอ (จึง) ควรฝก (ผอู ่ืน) เพราะวาไดยนิ วา ตนฝกฝนไดโ ดยยาก. ๔. ตนแลเปน ที่พ่ึงของตน บคุ คลอื่นใครเลา พงึ เปนทีพ่ งึ่ ได เพราะบุคคลมตี นฝก ฝนดีแลว ยอมได ทพี่ ึง่ ท่บี คุ คลไดโดยยาก. ๕. บาปอนั ตนทาํ ไวเอง เกิดในตน มีตนเปน แดนเกิด ยอมย่าํ ยีบคุ คลผมู ีปญ ญาทราม ดจุ เพชร ยา่ํ ยีแกว มณี อนั เกดิ แตหนิ ฉะน้นั . ๖. ความเปนผูทุศีลลวงสวน รวบรดั (อตั ภาพ) ของบคุ คลใด ดจุ เถายานทราย รัดรึงตน สาละฉะน้ัน บคุ คลนั้น ยอมทาํ ตนอยางเดียวกนั กับทโ่ี จรหัวโจก ปรารถนาทาํ ใหตนฉะน้นั .๑. วรรคนีม้ ีอรรถกถา ๑๐ เร่ือง.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 187 ๗. กรรมอันไมด ี และไมเ ปนประโยชนแกต นคนทํางาย กรรมใดแลเปน ประโยชนแ กตน และดีกรรมนน้ั แลทํายากอยางยงิ่ . ๘. บุคคลใดปญญาโฉด อาศยั ทฏิ ฐอิ ันชั่วชาคัดคา นคําสง่ั สอนของพระอรยิ บคุ คลผอู รหนั ต มปี กติเปน อยูโดยธรรม บคุ คลนนั้ ยอมเกดิ มาเพอื่ มาฆา ตนเหมอื นขยุ แหง ไมไผ. ๙. บาปอนั ผูใ ดทําแลวดวยตนเอง ผนู ัน้ ยอมเศราหมองดวยตน บาปอันผูใดไมทําดว ยตน ผูน้ันยอ มบริสุทธิ์ดวยตนเอง ความบรสิ ทุ ธไ์ิ มบริสุทธิ์เปนของเฉพาะตน คนอน่ื ทาํ คนอน่ื ใหบริสุทธ์ไิ มไ ด. ๑๐. บคุ คลไมพงึ ยงั ประโยชนข องตนใหเ ส่ือมเสยี เพราะประโยชนข องคนอน่ื แมม าก รูจักประโยชนของตนแลว พงึ เปน ผขู วนขวายในประโยชนข องตน. จบอัตตวรรคท่ี ๑๒
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 188 ๑๒. อตั ตวรรควรรณนา ๑. เร่ืองโพธริ าชกุมาร [๑๒๗] ขอความเบอ้ื งตน พระศาสดาเมอ่ื ประทบั อยใู นเภสกฬาวัน ทรงปรารภโพธริ าชกุมารตรัสพระธรรมเทศนาน้ีวา \" อตตฺ านฺเจ \" เปนตน . โพธริ าชกมุ ารสรางปราสาทแลว คดิ ฆานายชาง ดงั ไดส ดับมา โพธริ าชกมุ าร รบั สั่งใหส รา งปราสาท ชอ่ื โกกนทมรี ปู ทรงไมเหมือนปราสาทอนื่ ๆ บนพื้นแผนดนิ ปานดงั ลอยอยูในอากาศแลว ตรสั ถามนายชางวา \" ปราสาทท่ีมีรปู ทรงอยางน้ี เธอเคยสรางในท่ีอื่นบา งแลว หรือ ? หรือวานเ้ี ปนศลิ ปะครั้งแรกของเธอทเี ดยี ว \" เมือ่ เขาทลู วา \" ขา แตส มมตเิ ทพ นีเ้ ปน ศิลปะคร้ังแรกทีเดยี ว \" ทา วเธอทรงดาํ รวิ า \" ถา นายชางผูนี้จักสรา งปราสาทมีรูปทรงอยา งนี้แมแกคนอน่ื ไซร,ปราสาทนก้ี ็จักไมนา อศั จรรย; การทีเ่ ราฆานายชางนีเ้ สีย ตดั มอื และเทาของเขา หรือควักนัยนตาทง้ั สองเสยี ยอ มควร; เม่ือเปนเชน นั้น เขาจะสรา งปราสาทแกคนอน่ื ไมได ทา วเธอตรสั บอกความนน้ั แกม าณพนอยบตุ รของสัญชวี ก ผูเปนสหายรกั ของตน. นายชา งทํานกครฑุ ข่หี นีภัย มาณพนอยนนั้ คดิ วา \" พระราชกุมารพระองคน ี้ จักผลาญนายชา งใหฉบิ หายอยา งไมตองสงสัย, คนผมู ีศิลปะเปนผูห าคามิได, เม่ือเรายงั มอี ยูเขาจงอยา ฉบิ หาย. เราจักใหสัญญาแกเ ขา.\" มาณพนอยน้นั เขา ไปหาเขา
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 189แลว ถามวา \" การงานของทานท่ปี ราสาทสาํ เรจ็ แลว หรอื ยัง ? \" เม่อื เขาบอกวา \" สาํ เร็จแลว . \" จงึ กลา ววา \" พระราชกมุ ารมพี ระประสงคจะผลาญทา นใหฉบิ หาย. เพราะฉะนัน้ ทา นพงึ รกั ษาตน (ใหดี). \" นายชางพดู วา \" นาย ทา นบอก ( ความน้ัน ) แกข า พเจา ทาํ กรรมอนั งามแลว. ขา พเจาจกั ทราบกิจทีค่ วรทําในเรื่องนี้ ดงั นีแ้ ลว อันพระราชกุมารตรัสถามวา \" สหาย การงานของทา นท่ปี ราสาทของเราสําเรจ็ แลว หรือ ? \" จึงทูลวา \" ขาแตส มมติเทพ การงาน (ทปี่ ราสาท)ยังไมส าํ เร็จกอน. ยงั เหลืออกี มาก. \" ราชกมุ าร. ชื่อวา การงานอะไร ? ยงั เหลือ. นายชา ง. ขาแตสมมติเทพ ขา พระองคจ ะทลู (ใหทรงทราบ)ภายหลงั . ขอพระองคจ งตรัสส่ังใหใ คร ๆ ขนไมม ากอ นเถดิ . ราชกมุ าร. จะใหขนไมช นดิ ไหนมาเลา ? นายชา ง. ไมแ หง หาแกนมไิ ด พระเจาขา . ทาวเธอไดรับส่งั ใหข นมาใหแ ลว. ลาํ ดับนนั้ นายชา งทูลพระราช-กุมารนัน้ วา \" ขาแตส มมตเิ ทพ จําเดมิ แตนี้ พระองคไมพ ึงเสด็จมายังสาํ นกัของขา พระองค. เพราะเมื่อขา พระองคทํางานทล่ี ะเอยี ดอยู เมอ่ื มีการสนทนากบั คนอ่นื ความฟุง ซา นกจ็ ะม.ี อน่งึ เวลารับประทานอาหารภรรยาของขา พระองคเทานนั้ จกั นาํ อาหารมา. \" พระราชกุมารทรงรับวา\" ดีแลว. \" ฝา ยนายชางนงั่ ถากไมเหลานั้นอยใู นหอง ๆ หน่งึ ทาํ เปนนกครุฑควรทบ่ี ุตรภรรยาของตนน่ังภายในได ในเวลารับประทานอาหาร สง่ัภรรยาวา \" เธอจงขายของทุกสง่ิ อนั มอี ยใู นเรอื นแลว รับเอาเงินและทองไว.\"
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 190 นายชา งพาครอบครวั หนี ฝา ยพระราชกมุ าร รับส่ังใหล อ มเรอื นไว ทรงจัดตงั้ การรักษาเพอ่ืประโยชนจะไมใ หนายชางออกไปได. แมนายชา ง ในเวลาทนี่ กสาํ เร็จแลว สั่งภรรยาวา \" วันนี้ หลอนพึงพาเด็ก แมท งั้ หมดมา \" รับประทานอาหารเชา เสรจ็ แลว ใหบ ุตรและภรรยานัง่ ในทองนก ออกทางหนาตา งหลบหนีไปแลว. เมื่อพวกอารักขาเหลานัน้ พิไรราํ พนั ทูลวา \" ขอเดชะสมมติเทพนายชางหลบหนีไปได \" ดังนอี้ ยูนน่ั แหละ นายชา งนัน้ ก็ไปลงทีห่ มิ วันตประเทศ สรางนครขนึ้ นครหนึง่ ไดเ ปน พระราชา ทรงพระนามวา กัฏฐวาหนะ๑ ในนครนน้ั . พระศาสดาไมทรงเหยียบผา ท่ีลาดไว ฝา ยพระราชกมุ าร ทรงดําริวา \" เราจะทาํ การฉลองปราสาท จึงตรสั สัง่ ใหนิมนตพ ระศาสดา ทรงทําการประพรมในปราสาทดวยของหอมทผี่ สมกนั ๔ อยาง ทรงลาดแผน ผา นอย ตง้ั แตธ รณีแรก. ไดย ินวา ทาวเธอไมมีพระโอรส, เพราะฉะน้ัน จงึ ทรงดาํ ริวา \" ถาเราจกั ไดบ ตุ รหรอืธิดาไซร. พระศาสดาจักทรงเหยยี บแผน ผานอ ยน้ี แลว จึงทรงลาด. ทา วเธอ เมอื่ พระศาสดาเสด็จมา ถวายบังคมพระศาสดาดว ยเบญจางคประดษิ ฐแลว รบั บาตร กราบทูลวา \" ขอเชญิ พระองคเสด็จเขาไปเถดิ พระเจา ขา \"พระศาสดาไมเสด็จเขา ไป. ทาวเธอทรงออนวอนถึง ๒ - ๓ ครงั้ พระ-ศาสดากย็ งั ไมเ สดจ็ เขา ไป ทรงแลดูพระอานนท. พระเถระทราบความทไ่ี มท รงเหยียบผาทัง้ หลาย ดว ยสญั ญาทพี่ ระองคทรงแลดูนน่ั เอง จึงทลู ใหพระราชกุมารเก็บผา ท้ังหลายเสยี ดว ยคําวา๑. ผมู ที อ นไมเปนพาหนะ หรอื ผูมพี าหนะอนั ทาํ ดว ยทอ นไม.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 191\" พระราชกมุ าร ขอพระองคทรงเก็บผาทงั้ หลายเสียเถดิ . พระผูมพี ระ-ภาคเจา จกั ไมท รงเหยียบแผน ผา , (เพราะ) พระตถาคตทรงเล็งดูหมูช นผเู กดิ ภายหลงั .\" พระศาสดาตรสั บอกเหตุที่ไมท รงเยียบผา ทาวเธอทรงเก็บผา ทั้งหลายแลว ทูลอาราธนาพระศาสดาใหเ สด็จเขาไปภายใน ทรงเลีย้ งดูใหอ่มิ หนาํ ดวยยาคแู ละของเคยี้ ว แลวนั่งอยู ณสว นขางหนง่ึ ถวายบังคมแลว ทลู วา \" ขาแตพระองคผ เู จรญิ หมอมฉันเปนอปุ ฏ ฐากของพระองค ถึง (พระองค) วาเปน ท่ีพงึ่ ถึง ๓ ครัง้ แลว(คือ) นัยวา ขาพระองคอ ยูในทอ ง ถงึ (พระองค) วาเปนท่พี ึ่งครง้ั ท่ี ๑,แมค ร้ังที่ ๒ ในเวลาท่หี มอมฉนั เปนเดก็ รุน หนมุ , แมครั้งที่ ๓ ในกาลท่หี มอมฉนั ถึงความเปนผูร ูดีรูช่ัว; พระองคไมทรงเหยียบแผน ผา นอ ยของหมอมฉันนนั้ เพราะเหตุอะไร ? \" พระศาสดา. ราชกมุ าร กพ็ ระองคทรงดาํ รอิ ยางไร ? จงึ ลาดแผนผานอ ย. ราชกมุ าร. ขา แตพระองคผูเจรญิ หมอมฉันคิดดังนีว้ า \" ถา เราจกั ไดบ ตุ รหรือธดิ าไซร. พระศาสดาจกั ทรงเหยียบแผน ผานอยของเรา.\"แลวจึงลาดแผนผานอย. พระศาสดา. ราชกมุ าร เพราะเหตนุ ั้น อาตมภาพจึงไมเ หยยี บ. ราชกมุ าร. ขาแตพระองคผ เู จริญ กห็ มอมฉันจกั ไมไ ดบ ุตรหรอืธิดาเลยเทยี วหรือ ? พระศาสดา. อยา งน้นั ราชกมุ าร. ราชกุมาร. เพาระเหตุไร ? พระเจา ขา .
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 192 พระศาสดา. เพราะความท่พี ระองคก ับพระชายา เปน ผูถึงความประมาทแลว ในอัตภาพกอน. ราชกมุ าร. ในกาลไหน ? พระเจา ขา . บรุ พกรรมของโพธริ าชกุมาร ลําดบั นัน้ พระศาสดาทรงนําอดตี นิทาน มาแสดงแดพ ระราชกมุ ารน้นั :- ดงั ไดสดบั มา ในอดีตกาล มนุษยหลายรอยคนแลนเรือลาํ ใหญไปสูม หาสมทุ ร. เรอื อับปางในกลางสมุทร สองสามีภรรยาควาไดเ เผนกระดานแผน หนึ่ง (อาศัย) วา ยเขา ไปสเู กาะนอ ยอนั มใี นระหวา ง มนษุ ยทเี่ หลอื ทง้ั หมดตายในมหาสมุทรนัน้ นั่นแล. ก็หมนู กเปนอันมากอยท่เี กาะน้นั แล เขาทัง้ สองไมเหน็ ส่ิงอน่ื ทคี่ วรกนิ ได ถกู ความหวิ ครอบงําแลวจึงเผาฟองนกท้ังหลายทีถ่ านเพลงิ แลว เค้ยี วกิน. เม่ือฟองนกเหลาน้ันไมเพยี งพอ กจ็ ับลูกนกทัง้ หลายปงกิน. เม่ือลูกนกเหลา นั้นไมเ พียงพอก็จบั นกทัง้ หลาย (ปง ) กนิ . ในปฐมวยั ก็ดี มชั ฌมิ วัยก็ดี ปจฉิมวัยก็ดีไดเคย้ี วกินอยางนแ้ี หละ. แมในวนั หน่ึง กม็ ิไดถึงความไมป ระมาท อน่งึบรรดาชน ๒ คนน้ัน เเมคนหนงึ่ ไมไ ดถ ึงความไมป ระมาท. พงึ รักษาตนไวใ หด ีในวยั ทัง้ สาม พระศาสดา ครั้นทรงแสดงบรุ พกรรมนี้ ของโพธริ าชกมุ ารนั้นแลวตรสั วา \" ราชกุมาร กใ็ นกาลนน้ั ถา พระองคกับภรรยาจักถงึ ความไมประมาท แมในวยั หน่ึงไซร บตุ รหรือธิดาพึงเกิดข้ึนแมใ นวยั หนึ่ง; ก็ถาบรรดาทานท้ังสองแมค นหนึง่ จักไดเปนผไู มป ระมาทแลว ไซร. บุตรหรือธดิ า จกั อาศัยผูไมป ระมาทน้นั เกดิ ขึน้ , ราชกุมาร ก็บุคคลเม่อื สําคัญตน
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 193อยูวา เปน ทร่ี ัก พงึ ไมป ระมาท รกั ษาตนแมใ นวัยทง้ั สาม เมอ่ื ไมอาจ(รักษา) ไดอยางนั้น พงึ รักษาใหไดแ มในวัยหนง่ึ \" ดงั นีแ้ ลว จงึ ตรัสพระคาถาน้วี า :- ๑. อตฺตานฺเจ ปย ชญฺ า รกฺเขยยฺ น สุรกขฺ ิต ตณิ ณฺ อฺญตร ยาม ปฏชิ คฺเคยฺย ปณฺฑิโต. \" ถาบุคคลทราบตนวา เปน ทรี่ ัก พงึ รกั ษาตนนัน้ ใหเปนอนั รักษาดวยด,ี บัณฑติ พึงประคบั ประคอง (ตน) ตลอดยามท้งั สาม ยามใดยามหนงึ่ .\" แกอ รรถ บรรดาบทเหลาน้นั บทวา ยาม น้ี พระศาสดาทรงแสดงทําวัยทั้ง๓ วัยดว ยหนึ่งใหช ือ่ วา ยาม เพราะความท่พี ระองคทรงเปนใหญใ นธรรมและเพราะความทีพ่ ระองคทรงฉลาดในเทศนาวิธี เพราะเหตุนั้น ในพระ-คาถาน้ี บัณฑติ พึงทราบเนือ้ ความอยางนนั้ วา \" ถาบคุ คลทราบตนวา เปนท่รี ัก. พึงรกั ษาตนนัน้ ใหเ ปน อันรกั ษาดแี ลว ; คอื พงึ รักษาตนน้นั โดยประการที่ตนเปน อันรักษาดีแลว.\" บรรดาชนผรู กั ษาตนเหลาน้นั ถาผเู ปน คฤหัสถคดิ วา ' จกั รักษาตน 'ดงั นแี้ ลว เขา ไปสูหอ งท่ีเขาปด ไวใ หเรียบรอ ย เปน ผมู อี ารกั ขาสมบูรณอยบู นพน้ื ปราสาทช้นั บนก็ดี. ผูเปน บรรพชิต อยูในถ้าํ อันปดเรียบรอ ยมีประตแู ละหนาตางอนั ปด แลว กด็ ี ยังไมช ่อื วา รกั ษาตนเลย. แตผเู ปนคฤหัสถท ําบุญทั้งหลายมีทาน ศลี เปนตนตามกําลงั อยู. หรือผูเปนบรรพชิตถึงความขวนขวายในวตั ร ปฏวิ ตั ร ปรยิ ตั ิ และการทําไวใ นใจอยู ชอื่ วายอมรักษาตน.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 194 บุรุษผเู ปน บัณฑิต เม่ือไมอาจ (ทาํ ) อยา งน้นั ไดใ นวัย (ตอ ง)ประคับประคองตนไว แมในวัยใดวยั หนึง่ กไ็ ดเ หมอื นกนั . กถ็ าผูเปนคฤหสั ถ ไมอ าจทาํ กุศลไดในปฐมวยั เพราะความเปน ผูห มกมุนอยใู นการเลน ไซร. ในมชั ฌิมวยั พงึ เปน ผไู มประมาทบําเพ็ญกศุ ล. ถาในมัชฌมิ วัยยงั ตองเลี้ยงบตุ รและภรรยา ไมอ าจบําเพ็ญกศุ ลไดไ ซร. ในปจ ฉมิ วัย พงึบําเพ็ญกศุ ลใหได. ดวยอาการแมอ ยางนี้ ตนตอ งเปนอันเขาประคบัประคองแลว ทีเดยี ว. แตเมื่อเขาไมทําอยางนนั้ ตนยอ มชือ่ วา ไมเ ปนทรี่ ัก.ผนู ้ัน (เทากับ) ทําตนนน้ั ใหมีอบายเปนที่ไปในเบ้ืองหนาทีเดยี ว. กถ็ า วา บรรพชติ ในปฐมวัยทําการสาธยายอยู ทรงจํา บอก ทาํวตั รและปฏวิ ตั รอยู เช่ือวาถงึ ความประมาท ในมัชฌิมวัย พงึ เปนผูไมประมาท บําเพ็ญสมณธรรม. อน่งึ ถา ยังสอบถามอรรถกถาและวินจิ ฉยั และเหตแุ หง พระปรยิ ัติอันตนเรยี นแลวในปฐมวยั อยู ชอ่ื วาถงึ ความประมาท ในมัชฌมิ วัย. ในปจ ฉิมวัย พงึ เปนผูไ มประมาทบําเพญ็ สมณธรรม. ดว ยอาการแมอ ยางนี้ตนยอ มเปนอันบรรพชิตนั้น ประคบั ประคองแลวทีเดยี ว. แตเมอ่ื ไมทําอยา งนั้น ตนยอ มชือ่ วา ไมเปนท่รี กั . บรรพชติ น้ัน (เทา กบั ) ทาํ ตนนัน้ใหเ ดอื ดรอ น ดว ยการตามเดือดรอนในภายหลังแท. ในกาลจบเทศนา โพธริ าชกมุ ารตงั้ อยูในโสดาปต ตผิ ลแลว พระ-ธรรมเทศนาไดส ําเร็จประโยชน แมแ กบ ริษัททีป่ ระชุมกนั แลว ดังนแี้ ล. เรือ่ งโพธริ าชกุมาร จบ.
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 195 ๒. เร่อื งพระอุปนันทศากยบุตร [๑๒๘] ขอความเบ้อื งตน พระศาสดา เมื่อประทบั อยูใ นพระเชตวนั ทรงปรารภพระอุป-นันทศากยบุตร ตรัสพระธรรมเทศนานี้วา \" อตตฺ านเมว ปม \" เปน ตน. พระเถระออกอบุ ายหาลาภ ดังไดสดบั มา พระเถระนนั้ ฉลาดกลาวธรรมกถา. ภิกษุเปนอนั มากฟง ธรรมกถาอันปฏสิ งั ยุตดวยความเปน ผูมีความปรารถนานอยเปน ตน ของทา นแลว จึงบชู าทานดว ยจวี รทงั้ หลาย สมาทานธดุ งค. พระอุปนันทะนนั้รูปเดียว รับเอาบรขิ ารทภ่ี กิ ษุเหลานัน้ สละแลว . เมอ่ื ภายในกาลฝนหนง่ึ ใกลเขา มา พระอุปนันทะนน้ั ไดไปสชู นบทแลว. ลาํ ดับน้ัน ภิกษุหนุมและสามเณรในวิหารแหงหน่งึ กลา วกะทานดวยความรักในธรรมกถึกวา \" ทานผเู จริญ ขอทา นจงเขา พรรษาในทน่ี ้ีเถิด. \" พระอุปนนั ทะถามวา \" ในวหิ ารน้ี ไดผาจํานําพรรษาก่ีผนื ? \"เมื่อภกิ ษเุ หลา นน้ั ตอบวา \" ไดผ า สาฎกองคละผนื \" จงึ วางรองเทา ไวในวหิ ารนน้ั ไดไปวิหารอื่น, ถงึ วิหารที่ ๒ แลวถามวา \" ในวหิ ารนี้ ภิกษุทัง้ หลายไดอ ะไร ? \" เมอ่ื พวกภิกษตุ อบวา \" ไดผ าสาฎก ๒ ผนื \" จงึ วางไมเ ทาไว. ถงึ วิหารที่ ๓ ถามวา \" ในวิหารนี้ ภกิ ษุท้ังหลายไดอะไร \"เม่ือพวกภกิ ษุตอบวา \" ไดผ าสาฎก ๓ ผนื . \" จึงวางลักจัน่ น้ําไว; ถึงวิหารท่ี ๔ ถามวา \" ในวหิ ารนี้ ภิกษทุ ง้ั หลายไดอ ะไร ? \" เม่อื พวกภิกษุตอบวา \" ไดผา สาฎก ๔ ผนื . \" จงึ กลา ววา \" ดลี ะ เราจักอยูในทนี่ ี้ \"ดังนี้แลว เขา พรรษาในวหิ ารนั้น กลา วธรรมกถาแกค ฤหัสถเเละภกิ ษุท้งั หลายน่ันแล. คฤหัสถและภิกษทุ ง้ั หลายเหลาน้ัน บชู าพระอุปนันทะ
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 196นัน้ ดว ยผาและจวี รเปน อนั มากทีเดียว. พระอุปนนั ทะนั้นออกพรรษาแลวสง ขา วไปในวหิ ารแมนอกนวี้ า \" เราควรไดผ าจาํ นาํ พรรษา เพราะเราวางบรขิ ารไว, ภกิ ษุท้ังหลายจงสง ผาจํานําพรรษาใหเ รา \" ใหน ําผาจาํ นาํพรรษาทง้ั หมดมาแลว บรรทุกยานนอ ยขับไป. พระอปุ นันทะตดั สินขอพพิ ากษา ครั้งน้นั ภิกษุหนมุ ๒ รปู ในวิหารแหงหนึง่ ไดผ าสาฎก ๒ ผนืและผา กมั พลผนื หนงึ่ ไมอาจจะแบง กันไดวา \" ผาสาฎกจงเปนของทาน,ผากัมพลเปน ของเรา \" นั่งทะเลาะกนั อยูใกลห นทาง. ภกิ ษุหนุม ๒ รูปน้นัเห็นพระเถระนั้นเดินมา จึงกลาววา \" ขอทา นจงชว ยแบงใหแกพ วกผมเถดิ ขอรบั . \" เถระ. พวกคณุ จงแบงกนั เองเถิด. ภกิ ษ.ุ พวกผมไมสามารถ ขอรบั ขอทานจงแบงใหพวกผมเถดิ . เถระ. พวกคณุ จกั ต้ังอยใู นคําของเราหรือ ? ภิกษุ. ขอรับ พวกผมจักตงั้ อยู. พระเถระน้นั กลาววา \" ถา กระน้นั ดีละ \" ใหผ า สาฎก ๒ ผนื แกภกิ ษหุ นมุ ๒ รูปนั้นแลว กลาววา \" ผา กัมพลผนื น้ี จงเปน ผา หมของเราผูกลาวธรรมกถา \" ดงั น้ีแลว กถ็ อื เอาผากัมพลมคี า มากหลกี ไป. พวกภกิ ษุหนุมเปน ผเู ดือดรอน ไปสูสาํ นักพระศาสดา กราบทลู เนือ้ ความน้ันแลว. บุรพกรรมของพระอปุ นันทะ พระศาสดา ตรัสวา \" ภิกษทุ ง้ั หลาย อปุ นนั ทะนีถ้ อื เอาของ ๆ พวก
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ที่ 197เธอ กระทาํ ใหพวกเธอเดอื ดรอนในบดั น้เี ทานนั้ ก็หามไิ ด แมใ นกาลกอ นก็ไดท ําแลวเหมือนกัน \" ดงั นี้แลว ทรงนาํ อดีตนิทานมา (ตรสั ) วา :- กใ็ นอดตี กาล นาก๒ ตัว คอื นากเท่ียวหากินตามริมฝง ๑ นากเที่ยวหากนิ ทางน้าํ ลึก ๑ ไดปลาตะเพียนตวั ใหญ ถึงความทะเลาะกันวา\" ศรี ษะจงเปน ของเรา. หางจงเปนของทาน. \" ไมอ าจจะแบง กันได เห็นสนุ ัขจง้ิ จอกตัวหนงึ่ จึงกลาววา \" ลุง ขอทา นจงชว ยแบงปลานี้ ใหแ กพวกขาพเจา. \" สุนัขจ้ิงจอก. เราอันพระราชาตัง้ ไวในตําแหนงผพู พิ ากษา, เรานัง่ในท่ีวนิ จิ ฉยั นน้ั นานแลว จึงมาเสียเพ่อื ตอ งการเดินเที่ยวเลน .๑ เด๋ยี วนี้โอกาสของเราไมม.ี นาก. ลงุ ทา นอยา ทาํ อยา งนเ้ี ลย. โปรดชวยแบงใหพ วกขา พเจาเถดิ . สนุ ขั จง้ิ จอก. พวกเจาจกั ตง้ั อยูในคําของเราหรือ ? นาก. พวกขา พเจา จกั ตงั้ อยู ลุง. สนุ ขั จ้งิ จอกน้ัน กลาววา \" ถา เชน นั้น ดีละ \" จงึ ไดต ดั ทาํ หวั ไวขา งหนึง่ . หางไวข างหนง่ึ ; กแ็ ลครน้ั ทําแลว จึงกลาววา \" พอทง้ั สองบรรดาพวกเจาทั้งสอง ตัวใดเทีย่ วไปริมฝง ตวั นั้นจงึ ถอื ทางหาง. ตัวใดเที่ยวไปในนํา้ ลกึ . ศรี ษะจงเปน ของตัวนนั้ . สว นทอนกลางนจ้ี ักเปน ของเรา ผูตั้งอยใู นวินิจฉยั ธรรม \" เม่ือจะใหน ากเหลานัน้ ยินยอม จึงกลาวคาถา๒นว้ี า :-๑ . ชงฺฆวิหาร ศัพทน ้ี แปลวา เดินเที่ยวเลน หรอื พกั แขง . ๒. ข.ุ ชา. สัตตก. ๒๗/๒๑๖.อรรถกถา. ๕/๑๓๗.
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาที่ 198 \" หางเปนของนาก ผเู ท่ียวหากนิ ตามรมิ ฝง, ศีรษะ เปน ของนาก ผเู ที่ยวหากนิ ในนาํ้ ลกึ , สวนทอ น กลางนี้ จกั เปนของเรา ผูตัง้ อยใู นธรรม.\"ดังน้แี ลว คาบเอาทอนกลางหลกี ไป. แมน ากทัง้ สองน้นั เดือดรอ น ไดยืนแลดูสุนัขจ้ิงจอกน้ันแลว. พระศาสดา คร้ันทรงแสดงเรื่องอดีตนแ้ี ลว ตรสั วา แมในอดตี กาลอุปนนั ทะน้ไี ดกระทาํ พวกเธอใหเ ดอื ดรอ นอยางน้ีเหมอื นกนั \" ใหภกิ ษเุ หลานน้ั ยินยอมแลว เมือ่ จะทรงตเิ ตยี นพระอปุ นันทะ จงึ ตรัสวา \" ภกิ ษทุ งั้ หลายธรรมดาผจู ะส่ังสอนผูอนื่ พึงใหตนตง้ั อยใู นคุณอนั สมควรเสยี กอนทเี ดยี ว \"ดังนี้แลว ไดตรัสพระคาถานีว้ า:- ๒. อตฺตานเมว ปม ปฏริ เู ป นเิ วสเย อถฺมนสุ าเสยยฺ น กิลสิ เฺ สยยฺ ปณฑฺ โิ ต. \" บัณฑิตพึงตั้งตนน่ันแล ในคณุ อันสมควรกอ น. พงึ สั่งสอนผอู นื่ ในภายหลัง. จะไมพ ึงเศรา หมอง. \" แกอ รรถ บรรดาบทเหลา นัน้ บาทพระคาถาวา ปฏิรเู ป นเิ วสเย ไดแ ก พงึยงั ตนใหตงั้ อยใู นคุณอันสมควร. พระศาสดาตรัสคาํ นวี้ า \" บุคคลใดประสงคจ ะสั่งสอนผอู ่นื ดว ยคณุ มคี วามปรารถนานอยเปนตน หรือดวยปฏปิ ทาของอรยิ วงศเปนตน. บุคคลน้ัน พงึ ยังตนน่นั แลใหต้ังอยูใ นคณุนัน้ กอ น; คร้นั ตั้งตนไวอยา งนนั้ แลว พึงสั่งสอนผูอ่ืน ดวยคณุ นัน้ ในภายหลงั . ดว ยวาบคุ คล เมอ่ื ไมย ังตนใหต้งั อยูในคุณนั้น สอนผูอ ื่นอยา ง
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนา ท่ี 199เดยี วเทานน้ั ไดความนินทาจากผอู นื่ แลว ชอ่ื วา ยอมเศราหมอง. บุคคลเมือ่ ยงั ตนใหตัง้ อยใู นคณุ นั้นแลว สงั่ สอนผูอ่ืนอยู ยอ มไดร บั ความสรร-เสริญจากผูอ่นื ; เพราะฉะนน้ั ช่อื วา ยอ มไมเ ศราหมอง. บัณฑิตเมื่อทาํ อยูอยา งนี้ ชือ่ วาไมพ ึงเศราหมอง. ในกาลจบเทศนา ภกิ ษสุ องรูปนนั้ ดาํ รงอยแู ลวในโสดาปต ตผิ ล.เทศนาไดเปน ไปกับดวยประโยชนแ มเเกม หาชน ดังนแ้ี ล. เร่ืองพระอุปนนั ทศากยบุตร จบ.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หนาท่ี 200 ๓. เร่ืองพระปธานกิ ติสสเถระ [๑๒๙] ขอความเบ้อื งตน พระศาสดา เม่ือประทับอยูใ นพระเชตวัน ทรงปรารภพระปธานกิ -ตสิ สเถระ ตรสั พระธรรมเทศนานีว้ า \" อตฺตานเฺ จ \" เปนตน . พระปธานกิ ตสิ สเถระดแี ตสอนคนอืน่ ตนไมทํา ดงั ไดสดบั มา พระเถระนั้นเรียนพระกมั มฏั ฐานในสาํ นกั ของพระ-ศาสดาแลว พวกภกิ ษปุ ระมาณ ๕๐๐ รูปไปจําพรรษาในปา กลา วสอนวา\"ผมู อี ายุทั้งหลาย พวกทานเรยี นพระกมั มฏั ฐานในสาํ นักของพระพทุ ธเจาผูท รงพระชนมอย,ู จงเปนผูไมป ระมาท ทําสมณธรรมเถิด\" ดังนแี้ ลวตนเองก็ไปนอนหลับ. ภกิ ษุเหลา นนั้ จงกรมในปฐมยามแลว เขาไปสูวิหารในมัชฌิมยาม. พระเถระนัน้ ไปสสู ํานกั ของภิกษุเหลา นั้น ในเวลาตนนอนหลบั แลว ตน่ื ขนึ้ กลา ววา \"พวกทา นมาดว ยหวังวา 'จกั หลบั นอน' ดังนี้หรอื ? จงรีบออกไปทาํ สมณธรรมเถิด\" ดังนีแ้ ลว ตนเองก็ไปนอนเหมอื นอยางนนั้ นนั่ แล. พวกภิกษนุ อกน้ี จงกรมในภายนอกในมัชฌมิ ยามแลว เขา ไปสูว ิหารในปจฉมิ ยาม. พระเถระน้ัน ตื่นขน้ึ แมอีกแลว ไปสูสํานักของภกิ ษุเหลา น้ัน นําภิกษุเหลา นน้ั ออกจากวหิ ารแลว ตนเองก็ไปนอนหลับเสยี อกี . เม่ือพระเถระนั้นกระทาํ อยอู ยางนัน้ ตลอดกาลเปนนติ ย.ภิกษุเหลานนั้ ไมสามารถจะทาํ การสาธยายหรือทาํ พระกัมมัฏฐานไวใ นใจได.จงึ ไดถงึ ความฟุง ซานแลว . ภิกษุเหลาน้นั ปรึกษากันวา \" อาจารยของพวกเรา ปรารภความเพียรเหลือเกนิ , พวกเราจักคอยจบั ทา น \" เมอื่ คอยจับอยูเห็นกิริยาของพระเถระนน้ั แลว จึงกลาววา \" ผูมอี ายทุ ้งั หลาย พวกเราฉบิ หายแลว , อาจารยข องพวกเรายอ มรอ งเปลา ๆ \" บรรดาภกิ ษุเหลาน้ัน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 470
Pages: