Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_72

tripitaka_72

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:44

Description: tripitaka_72

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนาที่ 265พินาศเสยี ภิกษุทง้ั หลายมพี ระอบุ าลเี ถระเปน ประธาน จึงส่ังใหน างภิกษุณีนั้นสกึ เสียแลว ซักถามพวกภกิ ษเุ มตติยภมู ชกะ เมอื่ พวกภกิ ษุเหลานัน้ กราบเรยี นวา พวกเราไดใชน างภิกษุณนี นั้ เอง ดังนี้แลว จึงไดพากนั กราบทลู เรื่องนัน้ แดพ ระผมู ีพระภาคเจา ใหท รงทราบ. พระผูมพี ระภาคเจา จึงทรงบญั ญตั ิอาบตั สิ งั ฆาทิเสสในเพราะกลา วตูเ ร่ืองอนั ไมม ีมลู แกพ วกภกิ ษเุ มตตยิ ภมู ชกะ. กโ็ ดยสมัยน้ันแล พระทัพพเถระเม่ือจะจัดแจงเสนาสนะสําหรับพวกภกิ ษุ คือเมือ่ จะสงพวกภิกษุผูทีเ่ สมอกนั ไปในพระมหาวหิ าร ๑๘ แหง รอบพระเวฬวุ ันมหาวหิ าร ในสว นแหงราตรีในเวลามืด ใชนว้ิ ทาํ แสงประทปีใหลุกโพลงแลว สงพวกภิกษุผไู มม ฤี ทธไ์ิ ปดวยแสงสวา งนั้นน่นั แล เม่ือหนาท่ีจดั แจงเสนาสนะและหนา ท่จี ัดแจงเรอ่ื งภตั รของพระเถระเกิดปรากฎแลวอยา งนั้น พระศาสดาเมอ่ื จะทรงแตง ตั้งพระทพั พเถระไวใ นฐานันดร ในทา มกลางหมูพระอรยิ เจาจงึ ทรงแตงต้ังไวใ นตําแหนงทีเ่ ลิศวา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย พระทพั พมัลลบุตร เปน ผเู ลศิ แหงหมภู ิกษสุ าวกของเรา ผจู ดั แจงเสนาสนะแล. พระเถระ ระลึกถึงบรุ พกรรมของตน เกิดความโสมนสั ใจ เม่อื จะประกาศถงึ เร่ืองราวท่ตี นเคยไดประพฤตมิ าแลว ในกาลกอ น จึงกลา วคาํ เริม่ ตนวา ปทุมตุ ฺตโร นาม ชโิ น ดังน้ี ถอ ยคาํ นัน้ ทง้ั หมดมีเนอื้ ความดงั ท่ีขาพเจาไดกลาวไวแลวในหนหลังน่นั แล. เธอมีความวาในกปั ท่ี ๙๑ แตน ีไ้ ป พระผนู ําของชาวโลกพระนามวา วปิ สสีทรงไดอบุ ัติข้นึ แลว ในโลกแล. บทวาทฏุ จิตฺโต ความวาผูมีจติ อันโทษประทุษรายแลว คือ ผูม จี ิตไมผองใสเพราะสมาคมกบั คนไมดี. บทวา อปุ วทึ สาวก ตสฺส ความวา เราไดใ หรา ยพระสาวกทเี่ ปนพระขณี าสพ ของพระผมู ีพระภาคเจาพระองคน ัน้ คือ เราไดยก

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนา ท่ี 266เอาถอยคําทไ่ี มเ ปน จรงิ กลา วทับถม ไดแ กเ ราไดกระทําการกลา วตูด วยเรอ่ื งที่ไมเ ปน จรงิ . บทวา ทุนทฺ ภุ โิ ย ความวา เภรีทา นเรยี กวาทนุ ทภุ ิ กลองมะโหระทึกเพราะเปลงเสียงวา ทงุ ทุง ดงั นี.้ บทวา นาทยสึ ุ แปลวา เปลงเสียงดงั . บทวา สมนฺตโต อสนิโย เช่ือมความวา ประกอบลงแลวในหินคือใหพ ินาศไปโดยทิศาภาคทง้ั หมด รวมความวา สายฟาอาชญาของเทวดาอัน นํามาซึ่งความหวาดกลัวไดผ าแลว. บทวา อกุ ฺกา ปตึสุ นภสา ความวากอกองไฟไดตกลงแลว จากอากาศ. บทวา ธุมเกตุ จ ทิสสฺ ติ ความวา และกองไฟอนั ประกอบดว ยกลมุ ควนั ยอมปรากฏชดั เจน. คําทเ่ี หลือ มีเนอื้ ความพอท่จี ะกําหนดไดโดยงายทีเดยี วแล. จบอรรถาทพั พมลั ลปุตตเถราปทาน กุมารกสั สปเถราปทานที่ ๕ (๕๓๕) วา ดว ยบพุ จรยิ าของพระกุมารกัสสปเถระ [๑๒๕] ในกัปท่แี สนแตก ปั นี้ พระ- ผูม ีพระภาคเจาผูนายก ทรงเก้ือกูลแกสตั วโลก ทง้ั ปวง เปน นักปราชญ มีพระนามวา ปทมุ ตุ ตระ ไดเ สด็จอบุ ตั ขิ ้นึ แลว คร้ังนน้ั เราเปน พราหมณมชี ื่อเสยี ง โดง ดงั รูจบไตรเพท เที่ยวไปในทพี่ ักสาํ ราญ กลางวัน ไดพบพระผูมีพระภาคเจา ผูนายกของ โลก กาํ ลงั ทรงประกาศสจั จะ ๔ ทรงยัง มนษุ ยพ รอ มดว ยทวยเทพใหตรสั รู กําลงั ทรง

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนา ท่ี 267สรรเสรญิ พระสาวกของพระองค ผูก ลา วธรรมกถาวจิ ติ รอยใู นหมูมหาชน ครั้งนัน้ เราชอบใจ จงึ ไดนิมนตพระ-ตถาคตแลว ประดบั ประดามณฑปใหส วางไสวดว ยรตั นะนานาชนดิ ดว ยผาอนั ยอ มดวยสตี า ง ๆนิมนตพ ระพุทธเจาพรอ มดวยพระสงฆใ หเ สวยและฉันในมณฑปนัน้ เรานิมนตพ ระพทุ ธเจาพรอมดวยพระสาวกใหเ สวยและฉนั โภชนะมรี สอนั เลศิตาง ๆ ถึง ๗ วัน แลว เอาดอกไมท ีส่ วยงามตา ง ๆ ชนิดเปน ทีอ่ าศัยอยแู หง กรณุ า ไดตรัสวา จงดูพราหมณน้ี ผมู ปี ากและตาเหมอื นดอกปทุมมากดว ยความปรีดาปราโมทย มีกายและใจฟขู ึ้นเพราะโสมนสันาํ ความรา เรงิ มา จกั ษุเบกิ กวา ง มีความปรารถนาในศาสนาของเรา หมอบลงแทบบาทมูลาของเรามีความประพฤติมั่น มใี จโสมนัส เขาปรารถนาฐานนั ดรนั้น คอื การกลา วธรรมกถาอันวิจติ ร ในกปั ที่แสนแตกัปน้ี พระศาสดามีพระ-นามวา โคดม ซง่ึ สมภพในวงศพระเจาโอกกากราชจักเสด็จอุบตั ิขึน้ ในโลก

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนา ที่ 268 ผนู ี้จกั เปนธรรมทายาทของพระศาสดาพระองคน ้นั จักเปนโอรสอันธรรมเนรมิต จักมนี ามวากมุ ารกสั สปะเปนสาวกของพระศาสดา เพราะอาํ นาจดอกไมและผาอนั วิจิตรกับรตั นะ เขาจกั ถงึ ความเปนผูเลิศกวาภิกษทุ ั้งหลายผกู ลาวธรรมกถาอันวิจติ ร เพราะกรรมท่ีทําไวดีแลว และเพราะการต้งั เจตนจํานงไว เราละรา งมนุษยแ ลว ไดไปสวรรคด าวดงึ ส เราทอ งเที่ยวไปในภพนอ ยภพใหญเหมอื นตัวละครหมุนเวียนอยกู ลางเวทเี ตน รําฉะนั้น เราเปน บุตรของเนือ้ ช่อื สาขะหยงั่ ลงในครรภแ หงแมเ น้ือ ครงั้ น้ัน เมอ่ื เราอยูในทอ งมารดาของเรา ถงึ เวรท่จี ะตอ งถูกฆา มารดาของเราถกู เน้อืสาขะทอดท้งิ จึงยดึ เอาเนื้อนิโครธเปนทพ่ี ึ่ง มารดาของเราอันพญาเนอ้ื นิโครธ ชว ยใหพน จากความตาย สละเนือ้ สาขะแลว ตักเตือนเราผูเปนบุตรของตัวในครง้ั นัน้ อยางนีว้ า ควรคบหาแตเ น้ือโครธเทาน้นั ไมควรเขา ไปคบหาเน้ือสาขะ ตายในสาํ นักเนื้อนิโครธประเสริฐกวา มีชวี ติ อยูในสํานกั เนื้อสาขะจะประ-เสรฐิ อะไร.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนา ท่ี 269 เรา มารดาของเรา และเนื้อนอกจากน้ีอนั เนือ้ นโิ ครธ ผูเปนเปน นายฝงู น้นั พร่ําสอน อาศัยโอวาทของเนื้อนิโครธน้ัน จงึ ไดไปยงั ทีอ่ ยอู าศัยคือ สคอื สวรรคช ้ันดาวดงึ สอ ันร่นื รมย ประหนึง่ วาไปยงั เรอื นของตวั ท่ีท้งิ จากไป ฉะนนั้ . เมื่อพระศาสนาของพระกสั สปธรี เจากําลังถงึ ความสน้ิ สญู อันตรธาน เราไดข นึ้ ภูเขาอันลวนดว ยหนิ บําเพ็ญเพยี รตามคําสอนของพระ-พิชติ มาร ก็บดั น้ี เราเกดิ ในสกลุ เศรษฐีในพระ-นครราชคฤห มารดาของเรามคี รรภ ออกบวชเปน ภิกษณุ ี พวกภกิ ษุณี รูวา มารดาของเรามีครรภจงึ นาํ ไปหาพระเทวทตั พระเทวทัตน้นั กลา ววาจงนาสนะภกิ ษุณผี ูลามกนีเ้ สีย ถึงในบัดนมี้ ารดาบังเกิดเกลาของเรา เปนผอู นั พระพชิ ิตมารจอมมนุ ีทรงอนุเคราะหไ ว จงึไดถ งึ ความสุขในสํานกั ของภิกษุณี พระเจา แผนดนิ พระนามวา โกศล ไดทรงทราบเรอ่ื งน้นั จงึ ทรงเล้ียงดเู ราไวดว ยเคร่อื งบริหารแหง กมุ าร และตวั เรามชี อื่ วากสั สปะ เพราะอาศยั ทา นพระมหากสั สปเถระ เราจงึ ถูกเรยี กวากุมารกสั สปะ

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนา ท่ี 270 เพราะไดส ดับพระธรรมเทศนา ท่พี ระพทุ ธเจา ทพี่ ระ- พุทธเจาทรงแสดงวา กายเชนเดียวกับจอมปลวก จิตของเราจงึ พนอาสวะทงั้ ปวง เราไดรับ ตําแหนงเอตทคั คะ ก็เพราะทรมานพระเจา ปายาสิ เราเผากิเลสทัง้ หลายแลว . . . คาํ สอน ของพระพุทธเจา เราไดท าํ เสรจ็ แลว ดงั น้ี. ทราบวา ทา นพระกมุ ารกัสสปะไดภาษิตคาถาเหลานี้ ดวยประการฉะนแ้ี ล. จบกุมารกสั สปเถราปทาน จบภาณวารท่ี ๒๔

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนาที่ 271 ๕๓๕. อรรถกถากุมารกัสสปเถราปทาน พงึ ทราบเร่ืองราวในอปทานที่ ๕ ดังตอ ไปน้ี :- อปทานของทานพระกมุ ารกสั สปเถระ อันมีคําเร่มิ ตนวา อิโตสตสหสสฺ มฺหิ ดังนี.้ ไดทราบวา พระเถระรปู น้ี ในกาลแหงพระผมู ีพระภาคเจา พระนามวา ปทมุ ุตตระ ทานไดบ ังเกดิ ในตระกูลพราหมณ บรรลุนิติภาวะแลว วันหน่ึง ขณะท่ีกาํ ลังฟง ธรรมในสํานกั ของพระศาสดา ไดเ ห็นภิกษุรปู หนึง่ ซ่ึงพระศาสดาทรงสถาปนาเธอไวในตาํ แหนง ทีเ่ สศิ กวาภกิ ษผุ กู ลาวธรรมถถาอันวิจิตร แมตนเองกป็ รารถนาตําแหนง นนั้ บา ง จึงตง้ั ปณิธานไว กระทําบุญทั้งหลาย อนั เหมาะแกตาํ แหนง นัน้ ดํารงชวี ติ อยจู นตลอดอายุ จุติจากอตั ภาพนนั้ ทองเทยี่ วไปในเทวโลกและมนษุ ยโลก ไดเสวยสมบัตใิ นโลกทง้ั ๒ แลวในกาลแหง พระผูม พี ระภาคเจาพระนามวา กัสสปะ เขาไดบังเกดิ ในเรือนอนั มีสกุล บวชในพระศาสนาของพระผูมีพระภาคเจาพระองคน ั้นแลว บาํ เพ็ญสมณธรรม ทองเทยี่ วไปเฉพาะในสุคตทิ ้งั หลายอยางเดยี ว ไดเสวยทิพยสุขและมนษุ ยสุขแลวในพุทธปุ บาทกาลนเี้ ขาไดบ งั เกดิ ในทอ งของลกู สาวเศรษฐีคนหน่งึ ในกรุงราชคฤห. ทราบวา ลูกสาวเศรษฐนี นั้ ในเวลาท่ีเปน เดก็หญิงนนั้ แล มคี วามประสงคจะบวช จงึ ขออนุญาตมารดาบิดา เมอ่ื ไมไ ดรับอนญุ าตใหบวชจึงไปยงั ตระกูลสามี ไดมคี รรภ แตไมรูว ามคี รรภน้ัน จึงคิดแลววา เราจักทําใหสามยี ินดี (ทาํ ใหถ กู ใจสามี) แลว จึงจกั ขออนญุ าตบวช.เมอ่ื นางจะทําใหถ ูกใจสามี จึงช้ีถงึ โทษของสรีระโดยนัยเปน ตน วา

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนาที่ 272 ถาวา ในภายในของรา งกายนี้ จะพึงกลบั ออกมาในภายนอกไซร บคุ คลกจ็ ะตองถอื ทอ นไม คอยไลหมูกาและหมูสุนขั แนน อน ดงั น้ี.จึงทําสามผี ูประเสริฐนัน้ ใหย ินดีแลว หญงิ นนั้ ไดร ับอนุญาตจากสามีแลว ไมรวู ามีครรภจ งึ ไดบวชในหมนู างภิกษุณฝี า ยของพระเทวทัต. พวกนางภิกษุณไี ดเห็นวา นางมคี รรภจงึ ไปถามพระเทวทตั . พระเทวทตั น้นั ตดั สินวา นางภิกษุณีนี้ไมเปน สมณะ.นางภกิ ษุณีนน้ั จึงคดิ วา เรามไิ ดบ วชอทุ ศิ พระเทวทตั . แตเ ราบวชอุทศิพระผมู พี ระภาคเจา ดังนี้ จึงไดไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาแลว ทูลถามพระ-ทศพล. พระศาสดา ทรงมอบหมายใหพระอบุ าลเี ถระรับหนาทไี่ ป พระเถระสั่งใหเรียกตระกูลชาวพระนครสาวัตถี และนางวสิ าขาอุบาสกิ ามาแลว เมอื่ จะวินิจฉยั เรื่องนั้นพรอ มกับบริษัทผูมคี วามขัดแยง จงึ กลา ววา นางไดม คี รรภกอ นบวช ครรภไ มม อี นั ตรายบวชแลว . พระศาสดาไดทรงสดบั เรอื่ งน้ันแลวตรสั วา อบุ าลีวินจิ ฉยั อธกิ รณถ กู ตอ งดีแลว จงึ ทรงประทานสาธกุ ารแกพ ระ-เถระ. นางภิกษณุ ีรปู นี้ ไดตลอดบุตรรูปรา งงดงามดจุ ทองคํา. พระเจาปเสนทิโกศล ทรงพระดาํ ริวา การเลยี้ งดทู ารก จะเปน ความกังวลใจแกพวกนางภิกษุณี จงึ ทรงรบั ส่งั ใหแ กพวกญาตแิ ลว รับสงั่ ใหเ ล้ียงด.ู พวกญาตไิ ดตัง้ ช่ือทารกนนั้ วา กสั สปะ. ในกาลตอ มามารดาประดบั ตกแตงแลว นาํ ไปเฝา พระศาสดาแลว ทลู ขอบรรพชาแลว. กเ็ พราะทา นบวชในเวลาทีเ่ ปนเด็กเมื่อพระผมู พี ระภาคเจาตรสั วา พวกเธอจงเรยี กกัสสปะมา พวกเธอจงใหผลไมห รอื วาของท่ีควรเคีย้ วน้แี กก ัสสปะ พวกภกิ ษุจงึ ทูลถามวา กัสสปะไหน.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนาท่ี 273ตอ มาในเวลาเจริญวยั แลว จงึ ปรากฏชอื่ วา กุมารกสั สปะ เพราะต้งั ชื่อเสียใหมว า กุมารกัสสปะ และเพราะเปน บุตรท่พี ระราชาทรงชบุ เลีย้ ง. จําเดมิ แตบวชแลว ทานก็บาํ เพญ็ วิปส สนากมั มฏั ฐาน และศกึ ษาเลาเรยี นพระพทุ ธวจนะ. ลําดับนน้ั ทาวมหาพรหมผเู ปนพระอนาคามีเกิดในชั้นสุทธาวาส ไดบ าํ เพ็ญสมณธรรมบนยอดภูเขารวมกบั ทานคดิ วา เราจกัช้ีทางวิปสสนาแลว กระทาํ อุบายเพื่อบรรลุมรรคผลได ดงั นี้แลว จงึ แตงปญหาข้นึ ๑๕ ขอแลว บอกแกพระเถระผูอ ยูใ นปาอมั ธวนั วา ทานควรถามปญ หาเหลา นน้ั กะพระศาสดา. ทนี ้ันทานจึงทลู ถามปญหาเหลานัน้ กะพระผมู ีพระภาคเจา . แมพระผมู ีพระภาคเจา ก็ไดท รงวิสชั นาแกเธอแลว . พระเถระเลาเรยี นปญ หาเหลาน้นั โดยทํานองทพ่ี ระผูมีพระภาคเจา ตรัสแลวทงั้ หมด ยงัวปิ ส สนาใหถ ือเอาซ่งึ หอ งแลว ไดบ รรลพุ ระอรหัต. พระกมุ ารกสั สปะนัน้ พอไดบ รรลุพระอรหัตแลว ระลกึ ถึงบุรพ-กรรมของตน ไดเกดิ ความโสมนสั ใจ เม่อื จะประกาศถึงเร่ืองราวทคี่ นุ เคยไดประพฤติมาแลวในกาลกอ น จึงกลาวคําเร่มิ ตน วา อโิ ต สตสหสฺสมหิ ดงั นี้คําใดในคาถาน้ัน มเี น้ือความซํา้ กับทข่ี าพเจาไดกลา วไวแลวในหนหลัง คาํ นน้ัทง้ั หมด ขา พเจา จักไมพ รรณนา ขา พเจา จกั พรรณนาเฉพาะบทท่ยี าก ๆเทาน้ัน. บทวา อาปนนฺ สตตฺ า เม มาตา ความวา มารดาของเรามีครรภแ กเปนหญงิ มีครรภ ไดแกมคี รรภแกใกลเวลาคลอด. บทวา วมฺมิกสทิส กายความวา ขนึ้ ชอ่ื วา สรีระเปนเชนกับจอมปลวก พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจา ทรงแสดงคือทรงประกาศไววารา งกายนี้มชี องอยชู อ ง ซ่ึงไหลไปอยเู ปน นติ ยเปรียบเหมือนจอมปลวกมีชองเลก็ ชองใหญขางโนนขางนี้ เปนทีอ่ ยูอาศัยของสตั วทัง้ หลาย เชน มอดและตัวปลวกเปน ตน ฉนั น้นั เหมอื นกนั อธิบายวา

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนา ที่ 274ครั้นไดส ดบั พระดํารัสนน้ั แลว จติ ของเราไมย ึดถอื อาสวะท้งั หลาย พนแลว จากกิเลสไดโ ดยพิเศษ คอื ดาํ รงอยูแ ลว ในพระอรหัตผล. ในกาลตอ มา พระ-ศาสดาไดท รงทราบจากภิกษทุ ง้ั หลายในทีน่ ้นั ๆ วา พระเถระนัน้ เปน ผูกลาวธรรมกถาไดอยางวจิ ติ ร จงึ ทรงสถาปนาเธอไวใ นตําแหนง ทเี่ ลศิ วา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย กุมารกสั สปะน้ี เปนผูเลศิ แหงภกิ ษสุ าวกของเรา ผกู ลาวธรรมกถาใหว จิ ิตรแล. จบอรรถกถากุมารกสั สปเถราปทาน พาหิยเถราปทานท่ี ๖ (๕๓๖) วา ดว ยบุพกรรมของพระพาหยิ เถระ [๑๒๖] ในกัปท่แี สนแตกปั น้ี พระ- ผมู ีพระภาคเจาผูนายก มพี ระรัศมีใหญ เลิศกวา ไตรโลก มพี ระนามชอ่ื วา ปทุมุตตระ ไดเสด็จ อบุ ัตขิ ้ึนแลว เมอ่ื พระมนุ ี ตรสั สรรเสรญิ คณุ ของภกิ ษุ ผูตรสั รไู ดเ ร็วพลนั อยู เราไดฟงแลว ชอบใจ จงึ ไดท ําสกั การะแดพ ระผูม พี ระภาคเจา ผแู สวงหา คณุ อันใหญ ถวายทานแดพระมหามุนีพรอมดว ยพระ- สาวกตลอด ๗ วนั ถวายบังคมพระสัมพทุ ธเจา แลวปรารถนาฐานนั ดรน้นั ในกาลน้นั ลาํ ดับนนั้ พระสมั พทุ ธเจาไดทรงพยากรณ เราวา จงดพู ราหมณท ี่หมอบอยแู ทบเทาของเรานี้

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนา ท่ี 275ผสู มบูรณด วยโสมนสั มผี ิวพรรณเหมือนเด็กอายุ๑๖ ป มรี างกายอันบุญกรรมสรา งสรรใหคลา ยทองคํา ผุดผอ ง ผวิ บาง ริมฝป ากแดงเหมอื นผลตําลงึ สกุ มีฟนขาวคมเรียบเสมอ มากดวยกาํ ลงั คอื คุณ มีกายและใจสงูเพราะโสมนัส เปนบอเกิดแหงกระแสน้ํา คอืคณุ มหี นา ยิ้มแยม แจม ใสดว ยปต ิ เขาปรารถนาตําแหนงแหง ภิกษผุ ูตรัสรูไดโ ดยเรว็ พลนั พระมหาวรี เจาพระนามวา โคดมจกั เสดจ็ อบุ ัตขิ ึ้นในอนาคตกาล เขาจกั เปนธรรมทายาทของพระมหาวีร-เจาพระองคน ั้น เปน โอรสอนั ธรรมเนรมติ จักไดเปนสาวกของพระศาสดามีนามชอ่ื วา พาหยิ ะ กค็ รั้งนั้น เราเปนผยู ินดี หมั่นกระทาํสกั การะพระมหามุนเี จา ตราบเทา ส้นิ ชวี ติ จตุ แิ ลวไดไ ปสวรรค ดจุ ไปทีอ่ ยูข องตนฉะน้นั เราจะเปน เทวดาหรือมนษุ ยย อมเปน ผูถ ึงความสุข เพราะกรรมน้ันชักนําไป เราจึงไดทองเทย่ี วไปเสวยราชสมบตั ิ เมือ่ พระศาสนาของพระกสั สปธีรเจา เสอื่ มไปแลว เราไดข ึ้นสภู เู ขาอนั ลวนแลวดวยหนิ

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนาท่ี 276บําเพญ็ เพยี รตามคําสอนของพระชินสหี  เปนผมู ีศลี บริสุทธ์ิ มีปญญา ทํากิจพระศาสนาของพระ-ชินสหี  เรา ๕ คนดว ยกัน จุตจิ ากอตั ภาพนน้ั แลวไปสเู ทวโลก เราเกิดเปนบุรษุ ช่อื พาหยิ ะ ในภาระกจั ฉ-นครอันเปนเมอื งอุดม ภายหลัวไดแ ลน เรือไปยงั สมทุ รสาคร ซ่ึงมคี วามสาํ เร็จเพยี งเล็กนอ ย ไปได ๒-๓ วนั เรอื กอ็ ปั ปาง คร้งั นั้นเราตกลงไปยังมหาสมทุ ร อันเปนทอ่ี ยแู หง มงั กรรายกาจ นา หวาดเสยี ว คร้งั น้นั เราพยายามวายขา มทะเลใหญไปถึงทาสุปปารกะ มีคนรูจักนอ ย เรานุงผากรองเขาบานเพ่ือบณิ ฑบาต คร้ังน้นั หมูช นเปนผูย ินดีกลาววา นี้พระอรหันตทา นมาทนี่ ี่ พวกเราสกั การะพระอรหันตด ว ยขาว นํา้ผา ท่นี อนและเภสัชแลว จกั เปนผมู คี วามสขุ คร้ังนัน้ เราไดป จ จยั อนั เขาสกั การะบชู าดวยปจจยั เหลาน้ัน เกดิ ความดําริโดยไมแ ยบคายขน้ึ วา เราเปน พระอรหันต ครั้งน้ัน บรุพเทวดารวู า วาระจติ ของเรา จึงตักเตือนวา ทานหารชู องทางแหงอุบายไม ที่ไหนจะเปน พระอรหันตเ ลา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนาที่ 277 ครงั้ นน้ั เราอันเทวดานนั้ ตกั เตอื นสลดใจจงึ สอบถามเทวดานนั้ พระอรหนั ตผปู ระเสริฐกวานรชนในโลกนี้คอื ใคร อยูท่ีไหนเทวดานน้ั บอกวา พระพิชิตมารผูม พี ระปญญามาก ผมู ีปญ ญาเสมอื นแผนดนิ ประเสริฐ ประทบั อยทู ่ีกรงุสาวตั ถี แควนโกสล พระองคเ ปน โอรสของเจา ศากยะ เปน พระอรหันต ไมมีอาสวะ ทรงแสดงธรรมเพอ่ื บรรลุพระอรหนั ต. เราไดส ดบั คําของเทวดานั้นแลว อิม่ ใจ เหมอื นคนกําพราไดข ุมทรพั ย ถึงความอัศจรรย เบิกบานใจทีจ่ ะไดพบพระอรหันตอันอุดมชวนมอง พงึ ใจ มอี ารมณไ มมที ี่สุด คร้งั นนั้ เราออกจากท่ีน้นั ไปดว ยต้งั ใจ วา เม่ือเราชนะกเิ ลสได ก็จะไดเ ห็นพระพกั ตร อันปราศจากมลทนิ ของพระศาสดาทกุ ทพิ าราตรี กาล เราไปถึงแควนอันนารนื่ รมยน ั้นแลว ได ถามพวกพราหมณว า พระศาสดาผยู ังโลกใหยินดี ประทบั อยูที่ไหน ครั้งนัน้ พราหมณทัง้ หลาย ตอบวา พระศาสดา อนั นราชรและทวยเทพถวายวันทนา เสดจ็ เขาไปสูบ ุรเี พอ่ื ทรงแสวงหาพระกระยาหาร

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนาที่ 278แลว พระองคก็เสด็จกลับมา ทา นขวนขวายทจ่ี ะเขา เฝา พระมนุ ีเจา กจ็ งรบี เขา ไปถวายบงั คมพระองคผูเ ปน เอกอคั รบคุ คลนั้นเถิด ลาํ ดับน้ัน เรารีบไปยงั เมืองสาวตั ถบี รุ ีอันอดุ ม ไดพบพระองคผ ูไ มกําหนัดในอาหารไมทรงนุงดวยความโลภ ทรงยังอมตธรรมใหโชติชว ง อยู ณ พระนครนี้ ประหนึ่งวา เปน ทอ่ี ยขู องสริ ิ พระพักตรโชตชิ วงเหมอื นรัศมีพระอาทิตยทรงถือบาตร กําลงั เสด็จโคจรบณิ ฑบาตอยู ครั้นพบพระองคแลว เราจงึ ไดห มอบลงกราบทูลวา ขา แตพ ระโคดม ขอพระองคโปรดเปน ทพ่ี ่งึ ของขา พระองค ผูเสยี หายไปในทางผดิ ดว ยเถิด พระมนุ ผี ูสงู สดุ ไดต รัสวา เรากําลังเทยี่ วบิณฑบาต เพ่อื ประโยชนแ กก ารยังสัตวใหขา มพน เวลานี้ไมใ ชเ วลาท่จี ะแสดงธรรมแกทา น ครัง้ น้ัน เราปรารถนาไดธ รรมนัก จงึไดท ลู ออ นวอนพระพทุ ธเจา บอ ย ๆ พระองคไดตรัสพระธรรมเทศนาสญุ ญตบทอนั ลกึ ซง้ึ แกเรา เราไดสดบั ธรรมของพระองคแ ลว โอเราเปนผูอัน พระศาสดาทรงอนุเคราะห เราเผากเิ ลสทง้ั หลายแลว . . . คําสอนของพระพุทธเจาเราไดทาํ เสร็จแลว ดังนี้.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนาท่ี 279 พระพาหิยทารจุ ิริยเถระผไู ดกลา วการพยากรณอยางนแ้ี ลว ลมลงทก่ี องหยากเยอ่ื เพราะแมโ คภูตผมี องไมเห็นตัวขวดิ เอา พระเถระผมู ีปรชี ามาก เปนนักปราชญ ครน้ั กลา วบรุ พจรติของตนแลว ทานปรนิ พิ พาน ณ พระนครสาวัตถีเมอื งอุดมสมบูรณ สมเด็จพระฤาษผี ูสูงสุด เสด็จออกจากพระนคร ทอดพระเนตรเห็นทานพระพาหิยะผูนงุ ผา คากรองน้นั ผูเ ปนนักปราชญ มีความเรารอ นอันลอยเสยี แลว ลม ลงทภ่ี ูมภิ าค ดจุ เสาคันธงถูกลมลมลง ฉะน้นั หมดอายุ กเิ ลสแหงทํากิจพระศาสนาของพระชินสหี เ สร็จแลว ลาํ ดบั นัน้ พระศาสดาตรสั เรยี กพระสาวกทงั้ หลาย ผยู ินดีในพระศาสนามาส่ังวา ทานท้ังหลายจงชวยกันจบั รางของเพ่ือนสพรหมจารีแลว เผาเสยี จงสรา งสถปู บชู า เขาเปน คนมปี รีชามาก นิพพานแลว สาวกผูท าํ ตามคําของเราผนู ้ีเลศิ กวาภิกษุทั้งหลายฝา ยท่ตี รัสรูไดเ ร็วพลนั คาถาแมตงั้ พัน ถาประกอบดวยบทที่แสดงความฉบิ หาย มใิ ชประโยชนไ ซร คาถาบทเดียวทบ่ี คุ คลฟง แลวสงบระงบั ได ก็ประเสรฐิกวา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนาที่ 280 น้าํ ดนิ ไฟ และ ลม ไมต ั้งอยู นพิ พานใด ในนิพพานนน้ั บุญกศุ ลสองไปไม ถงึ พระอาทติ ยสอ งแสงไมถงึ พระจนั ทรก ส็ อ งแสงไมถ งึ ความมืดก็ไม มี อนง่ึ เม่อื ใด พราหมณผูช่ือวามนุ เี พราะความ เปน ผนู ่งิ รจู ริงดว ยตนเองแลว เมอ่ื นัน้ เขาพน จากรปู อรูป สุขและ ทุกข พระโลกนาถผูเปนมนุ ี เปน ที่นับถือของ โลกทั้งสาม ไดภ าษติ ไวดว ยประการดงั กลาวมา ฉะนีแ้ ล. ทราบวา ทานพระพาหิยเถระไดภ าษติ คาถาเหลานี้ ดวยประการฉะนีแ้ ล. จบพาหยิ เถราปทาน

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนา ที่ 281 ๕๓๖. อรรถกถาพาหยิ เถราปทาน พงึ ทราบเรอื่ งราวในอปทานที่ ๖ ดังตอไปนี้ :- อปทานของทา นพระทาหยิ พารุจิรยิ เถระ อนั มคี ําเรม่ิ ตนวา อโิ ตสตสหสฺสมหฺ ิ ดังน้.ี แมพ ระเถระรูปนี้ กไ็ ดเคยบําเพ็ญกุศลมาแลว ในพระพทุ ธเจา พระ-องคกอ น ๆ ไดสง่ั สมบุญอันเปนอปุ นสิ ัยแหงพระนิพพานไวเ ปน อนั มากในภพนั้น ๆ ในกาลแหงพระผพู ระภาคเจา พระนามวา ปทุมุตตระ ทา นไดบังเกดิในตระกลู พราหมณ ถึงความสําเร็จในศิลปะของพวกพราหมณแลว เปนผมู ีความรไู มข าดตกบกพรองในเวทางคศาสตรท ้งั หลาย. วันหนึ่งไดไ ปยงั สํานกัของพระศาสดา ขณะฟงธรรมมใี จเล่ือมใส ไดเหน็ ภิกษรุ ูปหนึ่ง ซง่ึ พระศาสดาทรงสถาปนาเธอไวใ นตําแหนงท่ีเลศิ กวา พวกภกิ ษุผูข ิปปาภิญญา (ตรสั รูไดเรว็ ไว) เปน ผูป ระสงคจะไดตาํ แหนงนนั้ บาง จงึ ไดถ วายทานแดภิกษุสงฆมีพระพทุ ธเจาเปนประมขุ ตลอด ๗ วนั โดยลวง ๗ วนั ไปแลว จึงหมอบลงท่บี าทมูลของพระผูมีพระภาคเจาแลว ต้งั ความปรารถนาไวว า ขาแตพระองคผ เู จรญิ ในวันที่ ๗ แตวนั นไ้ี ป พระผูมพี ระภาคเจา ทรงไดส ถาปนาภิกษุใดไวในตาํ แหนง ทเี่ ลิศกวาพวกภิกษุผูขปิ ปาภญิ ญา ในอนาคตกาล แมขาพระองคกพ็ ึงเปนเหมอื นภิกษุรูปน้นั คือ พงึ เปน ผูเลิศกวาพวกภกิ ษผุ ขู ิปปา-ภิญญา ในพระศาสนาของพระพทุ ธเจา พระองคห นึ่งเถิด. พระผูมีพระภาคเจาทรงตรวจดูดวยอนาคตงั สญาณแลว ทรงทราบวา สําเรจ็ ผลแน จึงทรงพยา-กรณวา ในอนาคตกาล เขาบวชในพระศาสนาของพระผมู พี ระภาคเจาพระนามวา โคคม จักเปนผเู ลิศกวา พวกภิกษผุ ูขิปปาภิญญาแล. เขาไดท ําบุญไวเ ปน อัน

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๙ ภาค ๑ - หนาที่ 282มากจนตลอดอายุ จุตจิ ากอตั ภาพนน้ั แลว ไดบังเกิดในเทวโลก ไดเ สวยสมบตั ิในกามาวจร ๖ ชนั้ ในเทวโลกน้นั แลว . กไ็ ดเสวยสมบัติมีจกั รพรรดิสมบตั ิเปน ตน ในมนษุ ยโลกอีกหลายรอยโกฏิกัป ในกาลแหงพระผูมีพระภาคเจาพระ-นามวา กัสสปะ เขาไดบ งั เกดิ ในตระกลู แหงหน่ึง เม่อื พระผูมพี ระภาคเจาปรินิพพานแลว จึงไดบวชแลว. เม่อื พระศาสนา เสอื่ มส้นิ ลง ภกิ ษุ ๗ รปูมองเหน็ ความประพฤตผิ ดิ ของบริษัท ๔ ถึงความสงั เวชสลดจิต พากันเขา ไปปา คดิ วา พวกเราจกั กระทาํ ที่พง่ึ แกตนเองตลอดเวลาทพี่ ระศาสนายังไมเ ส่อื มสน้ิ ไป จงึ พากนั ไหวพ ระสวุ รรณเจดยี แลว ไดม องเหน็ ภูเขาลกู หน่ึงในปา นน้ัจงึ พดู ขึ้นวา ผมู ีความหวงใยในชวี ิต จงกลับไปเสยี ผูไมหวงใยในชวี ิต จงพากันขึน้ ไปยังภเู ขาลกู น้เี ถดิ แลว จึงพาดพะอง ท้ังหมดพากนั ขนึ้ ไปยงั ภเู ขาลูกนัน้ แลว ผลกั พะองใหตกไปแลว ตางกบ็ าํ เพ็ญสมณธรรม. ในบรรดาภกิ ษทุ ้ัง๗ รูปเหลา นน้ั พระสังฆเถระไดบรรลุพระอรหัต โดยลว งไปเพยี งราตรเี ดยี วเทา นั้น. พระเถระน้นั เค้ียวไมสีฟนช่ือนาคลดา ในสระอโนดาด ลา งหนาแลว นาํ เอาบณิ ฑบาตมาจากอตุ ตรกุรทุ วปี แลว พูดกะภกิ ษเุ หลา นั้นวา ผมู ีอายุ จงฉันบณิ ฑบาตนเ้ี ถิด. ภกิ ษเุ หลาน้ันพดู วา ขาแตทานผเู จริญ พวกเราไดกระทํากติกาอยางน้ีไวแ ลวหรอื วา รูปใดบรรลพุ ระอรหัตกอ น รปู ทเ่ี หลอืจงบรโิ ภคฉันบณิ ฑบาตทร่ี ปู น้ันนํามาแลว. พระเถระถามวา ผมู ีอายุ ขอ น้นัมิใชเ ปน เชน นนั้ . ภิกษเุ หลา นนั้ กลาววา ก็ถา วา แมพ วกเราจักไดท าํ คณุ วเิ ศษใหบ งั เกดิ ข้นึ ไดเ หมอื นอยา งทานไซร ตนเองกจ็ กั นาํ มาบริโภคฉนั เอง ดงั นี้จงึ ไมป รารถนาแลว . ในวันที่ ๒ พระเถระรปู ท่ี ๒ ไดเ ปน พระอนาคามี ไดนาํ เอาบิณฑบาตมาแลวอยา งนั้นเหมือนกนั แลว นมิ นตใ หภกิ ษุนอกนฉ้ี ัน ภกิ ษเุ หลา น้ันกลาวแลว อยางนวี้ า ผูม ีอายุ พวกเราไดทาํ กติกากนั ไวแลว หรอื วา พวกเราจกั ไม




































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook