พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 401ตนเองทเี ดยี ว.\" อบุ าสิกาคดิ วา \" ภิกษผุ บู ุตรของเราประสงคจะเห็นเราหวงั การไปของเราอยู, \" ดังนแ้ี ลว จงึ ใหคนถอื โภชนะไปสูว หิ ารแลว ไดถวายแกภกิ ษนุ ั้น. ภิกษุนั้นทาํ ภตั กิจแลว ถามวา \" มหาอบุ าสิกา ทานหรอื ? ชอ่ื วามาจิกมาตา.\" อบุ าสิกา. ถกู แลว พอ. ภกิ ษุ. อุบาสกิ า ทา นทราบจิตของคนอ่ืนหรือ ? อุบาสิกา. ถามดฉิ นั ทําไม ? พอ. ภกิ ษุ. ทา นไดท าํ วัตถทุ กุ ๆ ส่งิ ท่ีฉันคิดแลว ๆ, เพราะฉะนนั้ ฉันจึงถามทา น. อุบาสิกา. พอ ภกิ ษุท่รี ูจ ติ ของคนอืน่ ก็มมี าก. ภกิ ษ.ุ ฉนั ไมไ ดถามถึงคนอ่นื , ถาม (เฉพาะตวั ) ทานอุบาสกิ า. แมเ ปน อยางนัน้ อุบาสกิ ากม็ ิไดบ อก (ตรง ๆ) วา \" ดฉิ ันรจู ติของคนอ่นื \" (กลบั ) กลาววา \" ลูกเอย ธรรมดาคนทงั้ หลายผูรูจ ติของคนอื่น ยอมทาํ อยา งนน้ั ได. \" ภิกษลุ าอบุ าสิกากลบั ไปเฝา พระศาสดา ภกิ ษนุ น้ั คดิ วา \"กรรมน้หี นกั หนอ, ธรรมดาปถุ ชุ น ยอ มคดิ ถงึอารมณอ นั งามบาง ไมงามบา ง; ถาเราจกั คดิ ส่ิงอนั ไมส มควรแลว ไซร,อบุ าสกิ าน้ี กพ็ งึ ยังเราใหถึงซง่ึ ประการอันแปลก เหมือนจับโจรที่มวยผมพรอ มดวยของกลางฉะน้ัน; เราควรหนไี ปเสียจากท่นี ี้\" แลวกลา ววา\" อบุ าสิกา ฉันจักลาไปละ.\"
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 402 อบุ าสิกา. ทา นจักไปที่ไหน ? พระผเู ปน เจา . ภกิ ษ.ุ ฉันจักไปสสู ํานกั พระศาสดา อุบาสิกา. อุบาสกิ า. ขอทา นจงอยใู นทน่ี ี้กอ นเถดิ เจาขา . ภกิ ษนุ น้ั กลา ววา \" ฉนั จักไมอ ยู อบุ าสกิ า จกั ตอ งไปอยา งแนน อน\"แลว ไดเดนิ ออก ( จากทีน่ น้ั ) ไปสสู ํานักของพระศาสดา. พระศาสดาแนะใหร กั ษาจิตอยา งเดียว ลําดับนั้น พระศาสดาตรัสถามเธอวา \" ภิกษุ เธออยใู นทน่ี น้ัไมไดห รอื ?\" ภิกษุ. เปนอยา งนัน้ พระเจาขา ขาพระองคไมสามารถอยูใ นทีน่ น้ั ได. พระศาสดา. เพราะเหตไุ ร ? ภิกษุ. ภกิ ษ.ุ ขาแตพ ระองคผ เู จริญ ( เพราะวา) อบุ าสิกานัน้ ยอ มรถู ึงเรอ่ื งอันคนอืน่ คิดแลว ๆ ทกุ ประการ, ขาพระองคค ดิ วา \" กธ็ รรมดาปุถชุ น ยอมคิดอารมณอันงามบาง ไมง ามบา ง; ถาเราจักคิดสิง่ บางอยา งอนั ไมสมควรแลว ไซร, อุบาสิกานนั้ ก็จักยังเราใหถ งึ ซึง่ ประการอนั แปลกเหมอื นจบั โจรท่มี วยผมพรอ มทงั้ ของกลางฉะน้ัน\" ดังนี้แลว จงึ ไดม า. พระศาสดา. ภกิ ษุ เธอควรอยูในทีน่ ้ันแหละ. ภกิ ษ.ุ ขา พระองคไมส ามารถ พระเจา ขา ขา พระองคจ กั อยใู นท่ีนั้นไมไ ด. พระศาสดา. ภิกษุ ถาอยา งน้นั เธอจักอาจรักษาส่ิงหน่งึ เทาน้ันไดไ หม ?
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 403 ภกิ ษุ. รกั ษาอะไร ? พระเจาขา . พระศาสดา ตรัสวา \" เธอจงรักษาจิตของเธอน่นั แหละ ธรรมดาจติ น้บี คุ คลรกั ษาไดยาก, เธอจงขม จติ ของเธอไวใ หไ ด อยา คดิ ถึงอารมณอะไร ๆ อยา งอื่น, ธรรมดาจติ อันบคุ คลขมไดย าก\" ดงั น้ีแลว จงึ ตรสัพระคาถานี้วา ๒. ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน ยตฺถ กามนิปาตโิ น จติ ฺตสฺส ทมโถ สาธุ จติ ฺต ทนฺต สขุ าวห . \"การฝก จติ อนั ขมไดย าก เปนธรรมดาเร็ว มักตกไปในอารมณตามความใคร เปนการดี (เพราะ วา ) จิตที่ฝกแลว ยอ มเปน เหตุนาํ สขุ มาให. แกอ รรถ บัณฑิตพงึ ทราบวเิ คราะหในพระคาถานนั้ (ดังตอ ไปนี้). ธรรมดาจติ น้ี อันบคุ คลยอ มขม ไดโดยยาก เพราะเหตนุ นั้ จึงชอื่ วา ทนุ ฺนคิ คฺ ห . จติ นยี้ อ มเกดิ และดบั เร็ว เพราะเหตนุ ้นั จงึ ช่ือวา ลหุ ซง่ึ จิตอันขม ไดย าก อันเกดิ และดบั เรว็ นัน้ . บาทพระคาถาวา ยตฺถ กามนปิ าตโิ น ความวา มักตกไปในอารมณใดอารมณหนึง่ นั่นแล. จรงิ อยู จติ น้ี ยอมไมรจู ักฐานะอันตนควรได หรือฐานะอันไมค วรได, ฐานะอนั สมควรหรือฐานะอนั ไมส มควรยอ มไมพ จิ ารณาดชู าติ ไมพจิ ารณาดโู คตร ไมพ จิ ารณาดวู ัย; ยอ มตกไปในอารมณท ่ีตนปรารถนาอยางเดยี ว. เพราะเหตนุ นั้ พระผูมีพระภาคเจา
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 404จึงตรัสวา \" มกั ตกไปในอารมณต ามความใคร.\" การฝกจติ เห็นปานนนี้ นั้ เปนการดี คอื ความทจี่ ติ อนั บคุ คลฝก ฝนดว ยอรยิ มรรค๑ ๔ ไดแ ก ความทจ่ี ิตอันบคุ คลทําแลว โดยประการทีจ่ ติ ส้นิพยศได เปน การด.ี ถามวา \" เพราะเหตุไร ? \" แกว า \" เพราะวา จิตนี้อันบุคคลฝก แลว ยอ มเปน เหตนุ ําสขุ มาให คือวา จติ ท่บี ุคคลฝกแลว ไดแ กทาํ ใหส ิ้นพยศ ยอมนาํ มาซง่ึ ความสุขอันเกดิ แตม รรคผล และสขุ คอื พระนิพพานอันเปนปรมตั ถ. \" ในกาลจบเทศนา บรษิ ทั ทม่ี าประชุมกนั เปน อันมาก ไดเปน อรยิ -บคุ คลมีพระโสดาบนั เปน ตน , เทศนาสาํ เร็จประโยชนแ กมหาชนแลว . ภิกษนุ ้ันกลบั ไปสูมาติกคามอกี พระศาสดาครนั้ ประทานโอวาทนี้แกภิกษุน้นั แลว จงึ ทรงสงไปดวยพระดํารัสวา \" ไปเถดิ ภกิ ษุ เธออยาคิดอะไรๆ อยา งอ่ืน จงอยใู นที่นน้ั นั่นแหละ.\" ภกิ ษนุ นั้ ไดพ ระโอวาทจากสํานักของพระศาสดาแลว จงึ ไดไป (อยู ) ในท่นี ้นั , ไมไ ดคิดอะไร ๆ ทีช่ วนใหค ิดภายนอกเลย. ฝายมหาอุบาสกิ า เมอื่ ตรวจดูดว ยทิพยจักษุ กเ็ ห็นพระเถระแลวกาํ หนด (ร)ู ดวยญาณของตนนั่นแลวา \" บดั นี้ ภิกษุผบู ุตรของเราไดอาจารยใหโ อวาทแลว จึงกลับมาอกี \" แลวไดจัดแจงอาหารอันเปนท่ีสบายถวายแกพระเถระนั้น.๑. อรยิ มรรค ๔ คือ โสดาปตตมิ รรค ๑ สกทาคามิมรรค ๑ อนาคามิมรรค ๑ อรหตั -มรรค ๑
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 405 พระเถระบรรลุพระอรหตั และระลกึ ชาตไิ ด พระเถระนนั้ ไดโภชนะอันเปนท่ีสบายแลว โดย ๒-๓ วนั เทา น้ันก็ไดบ รรลุพระอรหตั ยับย้งั อยูด ว ยความสุขอันเกิดแตมรรคและผลคดิ วา\" นา ขอบใจ มหาอุบาสกิ าไดเปนที่พึง่ ของเราแลว เราอาศัยมหาอุบาสิกานี้ จงึ ถงึ ซงึ่ การแลนออกจากภพได, แลวใครครวญอยวู า มหาอบุ าสกิ าน้ีไดเปน ที่พึง่ ของเราในอตั ภาพนี้กอ น, ก็เมือ่ เราทอ งเทย่ี วอยูในสงสารมหาอุบาสิกาน้เี คยเปน ทีพ่ ่ึงในอัตภาพแมอ น่ื ๆ หรือไม ? แลว จงึ ตามระลกึ ไปตลอด ๙๙ อตั ภาพ. แมมหาอบุ าสิกานน้ั ก็เปน นางบาทบรจิ าริกา (ภรยิ า) ของพระเถระน้นั ใน ๙๙ อัตภาพ เปนผมู จี ิตปฏิพทั ธในชายเหลาอ่นื จึงใหปลงพระเถระนนั้ เสยี จากชีวิต. พระเถระครน้ั เห็นโทษของมหาอุบาสิกานั้นเพียงเทานีแ้ ลว จึงคดิ วา\" นา สงั เวช มหาอบุ าสกิ านี้ไดท ํากรรมหนกั มาแลว.\" อุบาสกิ าใครค รวญดบู รรพชิตกจิ ของพระเถระ ฝา ยมหาอุบาสกิ านงั่ ในเรอื นนั่นเอง พลางใครค รวญวา \" กจิ แหงบรรพชิตของภิกษผุ ูบตุ รของเรา ถงึ ทีส่ ดุ แลว หรอื ยงั หนอ ?\" ทราบวาพระเถระน้ันบรรลุพระอรหตั แลว จึงใครครวญยง่ิ ขึ้นไป กท็ ราบวา\" ภิกษุผูบ ุตรของเราบรรลุพระอรหัตแลว คดิ วา ' นา ปล้มื ใจจริง อบุ าสิกานไี้ ดเปน ท่ีพ่ึงของเราอยา งสาํ คญั ' ดงั นแ้ี ลวใครครวญ (ตอไปอีก) วา\" แมในกาลลวงแลว อุบาสกิ านี้ไดเ คยเปน ท่ีพึง่ ของเราหรอื เปลา หนอ ?\"
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 406ตามระลึกไปตลอด ๙๙ อัตภาพ; แตเราแลไดค บคดิ กบั ชายเหลาอืน่ ปลงพระเถระน้ันเสยี จากชวี ติ ใน ๙๙ อัตภาพ, พระเถระนแี้ ลเห็นโทษมีประมาณเทาน้ขี องเราแลว คดิ วา 'นา สังเวช อุบาสกิ าไดทํากรรมหนกั แลว 'นางใครครวญ (ตอไป) วา \" เราเมือ่ ทองเทยี่ วอยใู นสงสาร เรามิไดเคยทําอปุ การะแกภกิ ษุผเู ปน บุตรเลยหรอื หนอ ?\" ไดระลึกถึงอตั ภาพที่ครบ ๑๐๐ อันยิง่ กวา ๙๙ อตั ภาพนนั้ ก็ทราบวา \"ในอตั ภาพทค่ี รบ๑๐๐ เราเปน บาทบริจาริกาแหงพระเถระนนั้ ไดใ หชวี ิตทานในสถานเปน ทปี่ ลงจากชวี ิตแหงหนึ่ง. นาดใี จ เรากระทําอุปการะมากแกภิกษผุ ูบุตรของเรา\" นั่งอยใู นเรือนนั่นเองกลา ววา \" ขอทา นจงใครครวญดูใหวเิ ศษย่ิงขึ้น.\" พระเถระนพิ พาน พระเถระนนั้ ไดสดับเสียง ( ของอบุ าสิกานน้ั ) ดวยโสตธาตุอันเปน ทิพยแ ลว ระลึกถึงอตั ภาพที่ครบ ๑๐๐ ใหว เิ ศษขน้ึ แลวเห็นความทอ่ี ุบาสกิ านัน้ ไดใ หชวี ิตแกตนในอัตภาพน้นั จงึ คดิ วา \" นาดใี จอบุ าสกิ านีไ้ ดเ คยทําอปุ การะแกเรา \" ดงั นแ้ี ลว มีใจเบกิ บานกลาวปญหาในมรรค ๔ ผล ๔ แกอุบาสกิ าในทน่ี ั้นนั่นเอง ไดปรนิ พิ พานแลว ดว ยนพิ พานธาตุอนั เปน อนุปาทเิ สส. เรื่องภกิ ษรุ ปู ใดรปู หนง่ึ จบ.๑. อเฺ หิ สทฺธึ เอกโต หตุ วฺ า แปลตามพยัญชนะวา เปนโดยความเปนอันเดียวกันกับบุรุษทั้งหลายเหลาอน่ื .
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 407 ๓. เรอื่ งอกุ กณั ฐิตภิกษุ [๒๖] ขอความเบื้องตน พระศาสดา เม่ือประทับอยใู นกรงุ สาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผกู ระสัน(จะสึก ) รปู ใดรูปหนงึ่ ตรสั พระธรรมเทศนาน้วี า \"สุทุททฺ ส \"เปนตน . พระเถระแนะอุบายพนทกุ ขแกเศรษฐบี ุตร ดงั ไดส ดบั มา เมือ่ พระศาสดาประทับอยูในกรงุ สาวตั ถี บุตรเศรษฐีผหู น่งึ เขา ไปหาพระเถระผูเ ปน ชีตน๑ของตน เรยี นวา \"ทา นผเู จรญิ กระผมใครจ ะพน จากทุกข, ขอทา นโปรดบอกอาการสาํ หรับพนจากทุกขแ กกระผมสักอยา งหนึง่ . \" พระเถระ กลาววา \"ดลี ะ ผูมอี ายุ ถาเธอใครจ ะพน จากทกุ ขไ ซร,เธอจงถวายสลากภตั ๒ ถวายปกขกิ ภตั ๓ ถวายวสั สาวาสกิ ภตั ๔ ถวายปจจัยท้งั หลายมจี วี รเปนตน, แบง ทรพั ยส มบัติของตนใหเปน ๓ สวนประกอบการงานดวยทรัพยสว น ๑ เลี้ยงบตุ รและภรรยาดวยทรพั ยส ว น ๑ถวายทรพั ยสวน ๑ ไวใ นพระพุทธศาสนา.\" เขารับวา \"ดลี ะ ขอรับ\"แลว ทาํ กิจทุกอยา ง ตามลาํ ดับแหง กจิ ทีพ่ ระเถระบอก แลวเรียนถามพระเถระอกี วา \"กระผมจะทาํ บญุ อะไรอยางอ่ืน ท่ยี ิ่งขน้ึ ไปกวา นอี้ กี เลา ?ขอรับ.\"๑. กลุ ปุ กะ ผเู ขา ไปสตู ระกลู ๒. ภัตที่ยายกถวายตามสลาก. ๓. ภตั ท่ีทายกถวายในวันปก ษ. ๔. ภัตทีท่ ายกถวายแกภิกษุผจู าํ พรรษา.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 408 พระเถระ ตอบวา \" ผูมีอายุ เธอจงรับไตรสรณะ (และ)ศลี ๕.\" เขารับไตรสรณะและศลี ๕ แมเหลาน้นั แลว จึงเรียนถามถึงบญุ กรรมที่ยิง่ ขึ้นไปกวานั้น. พระเถระกแ็ นะวา \" ถากระน้นั เธอจงรับศีล ๑๐.\" เขากลา ววา \" ดีละ ขอรับ \" แลวก็รับ (ศลี ๑๐).เพราะเหตทุ ี่เขาทาํ บุญกรรมอยา งนน้ั โดยลําดบั เขาจึงมนี ามวา อนปุ พุ พ-เศรษฐีบุตร. เขาเรยี นถามอีกวา \" บุญอนั กระผมพึงทาํ แมย ่งิ ข้ึนไปกวานี้ ยงั มีอยหู รือ ? ขอรบั \" เมื่อพระเถระกลาววา \" ถา กระน้นั เธอจงบวช,\" จึงออกบวชแลว . ภกิ ษุผูทรงพระอภิธรรมรปู หนง่ึ ไดเปนอาจารยข องเธอ, ภิกษผุ ูท รงพระวนิ ัยรูปหนงึ่ เปน พระอปุ ชฌาย, ในเวลาที่ภิกษุน้ันไดอ ปุ สมมทแลว มาสูสาํ นักของตน (อาจารย) อาจารยกลาวปญ หาในพระอภิธรรมวา \"ชื่อวา ในพระพทุ ธศาสนา ภิกษทุ ํากิจนีจ้ ึงควร, ทาํ กจิ น้ีไมควร. \" ฝายพระอุปชฌาย ก็กลาวปญหาในพระวินยั ในเวลาท่ภี กิ ษนุ น้ัมาสสู ํานักของตนวา \" ช่อื วา ในพระพทุ ธศาสนา ภกิ ษทุ ําสิ่งน้คี วร,ทําสงิ่ น้ีไมควร; สิ่งน้เี หมาะ สิ่งนไี้ มเ หมาะ.\" อยากสกึ จนซูบผอม ทานคดิ วา \"โอ ! กรรมนห้ี นัก; เราใครจะพน จากทกุ ข จึงบวช,แตใ นพระพทุ ธศาสนาน้ี สถานเปนทเ่ี หยยี ดมอื ของเรา ไมป รากฏ, เราดาํ รงอยูในเรอื นกอ็ าจพนจากทุกขใ นวัฏฏะได เราควรเปน คฤหัสถ(ดกี วา).\" ตัง้ แตนนั้ ทา นกระสนั (จะสึก) หมดยินดี (ในพรหม-จรรย) ไมท ําการสาธยายในอาการ ๓๒, ไมเรยี นอเุ ทศ ผอม ซบู ซีด
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 409มีตัวสะพรั่งไปดวยเสนเอ็น ถูกความเกียจครานครอบงาํ เกลือ่ นกลนแลว ดว ยหิดเปอ ย. ลําดบั นั้น พวกภิกษหุ นุมและสามเณร ถามทานวา \" ผูมีอายุทําไม ? ทา นจงึ ยืนแฉะอยูในทยี่ ืนแลว นั่งแฉะในที่น่งั แลว ถูกโรคผอมเหลืองครอบงํา ผอม ซูบซดี มตี ัวสะพร่งั ดว ยเสนเอน็ ถูกความเกียจครานครอบงํา เกล่อื นกลน แลวดว ยหดิ เปอ ย, ทานทาํ กรรมอะไรเลา ?\" ภกิ ษุ. ผูมอี ายุ ผมเปน ผูกระสนั . ภกิ ษุหนมุ และสามเณร. เพราะเหตุไร ? ภกิ ษุน้ัน บอกพฤตกิ ารณนัน้ แลว , ภิกษหุ นุมและสามเณรเหลา น้นับอกแกพระอาจารยแ ละพระอปุ ชฌายของทา นแลว . พระอาจารยแ ละพระ-อุปชฌาย ไดพ ากันไปยังสํานกั พระศาสดา. รักษาจติ อยา งเดยี วอาจพนทุกขไ ด พระศาสดาตรสั ถามวา \" ภิกษทุ ง้ั หลาย พวกเธอมาทําไมกัน ?\" อาจารยแ ละอุปช ฌาย. ขาแตพระองคผ ูเจริญ ภกิ ษรุ ปู นก้ี ระสนั ในศาสนาของพระองค. พระศาสดา. ไดยนิ วา อยางน้นั หรอื ? ภกิ ษ.ุ ภกิ ษ.ุ อยา งนัน้ พระเจา ขา . พระศาสดา. เพราะเหตุไร ? ภกิ ษุ. ขาแตพระองคผ ูเจริญ ( เพราะ) ขาพระองคใครจ ะพนจากทกุ ข จึงไดบ วช, พระอาจารยข องขา พระองคนั้น กลา วอภธิ รรมกถา,
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 410พระอุปชฌายก ลา ววนิ ัยกถา. ขาพระองคน นั้ ไดท ําความตกลงใจวา ' ในพระพุทธศาสนานี้ สถานเปนท่ีเหยยี ดมอื ของเราไมม ีเลย, เราเปน คฤหัสถกอ็ าจพน จากทกุ ขได, เราจักเปน คฤหสั ถ' ดงั นี้ พระเจาขา . พระศาสดา. ภิกษุ ถา เธอจกั สามารถรกั ษาไดเพียงสิ่งเดยี วเทา นนั้ ,กจิ คอื การรกั ษาสงิ่ ทั้งหลายท่เี หลือ ยอ มไมม .ี ภกิ ษุ. อะไร ? พระเจา ขา . พระศาสดา. เธอจกั อาจรักษาเฉพาะจติ ของเธอ ไดไหม ? ภกิ ษ.ุ อาจรักษาได พระเจาขา. พระศาสดา ประทานพระโอวาทนวี้ า \" ถากระนัน้ เธอจงรกั ษาเฉพาะจิตของตนไว, เธออาจพนจากทกุ ขได\" ดงั นี้แลว จึงตรัสพระคาถานี้ ๓. สทุ ุทฺทส สนุ ปิ ณุ ยตฺถ กามนปิ าติน จติ ฺต รกเฺ ขถ เมธาวี จติ ฺต คุตตฺ สขุ าวห . \"ผูม ปี ญ ญา พงึ รกั ษาจิต ที่เห็นไดแสนยาก ละเอยี ดยิง่ นกั มันตกไปในอารมณตามความใคร, (เพราะวา ) จติ ท่คี ุมครองไวไ ด เปน เหตนุ าํ สขุ มา ให.\" แกอรรถ บรรดาบทเหลาน้นั บทวา สุทุททฺ ส ไดแก ยากท่ีจะเหน็ ไดดวยดี. บทวา สนุ ิปุณ ละเอียดที่สุด ไดแ ก ละเอยี ดอยา งย่ิง. บาทพระคาถาวา ยตฺถ กามนิปาติน ความวา มกั ไมพิจารณา
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 411ดฐู านะทัง้ หลายมีชาตเิ ปน ตน ตกไปในอารมณอยา งใดอยา งหนง่ึ ในฐานะท่พี งึ ไดหรือไมพ งึ ได สมควรหรอื ไมสมควร. บาทพระคาถาวา จติ ฺต รกเฺ ขถ เมธาวี ความวา คนอนั ธพาลมปี ญญาทราม ชือ่ วา สามารถรกั ษาจิตของตนไวได ยอ มไมม .ี เขาเปน ผเู ปนไปในอาํ นาจจติ ยอ มถึงความพินาศฉิบหาย: สว นผมู ปี ญ ญาคือเปน บัณฑติ เทยี ว ยอมอาจรักษาจติ ไวได. เพราะเหตุน้นั แมเ ธอจงคุม ครองจิตไวใหไ ด; เพราะวา จิต ทคี่ มุ ครองไวไ ด เปน เหตุนําสขุ มาใหคือยอมนํามาซง่ึ สุขอนั เกิดแตมรรคผลและนพิ พาน ดงั น้ี. ในกาลจบเทศนา ภกิ ษนุ น้ั บรรลโุ สดาปตติผลแลว ชนแมเหลาอื่นเปนอันมาก ไดเปน อริยบุคคล มีพระโสดาบนั เปน ตน. เทศนาไดสาํ เร็จประโยชนแกมหาชน ดังน้แี ล. เร่ืองอกุ กัณฐติ ภกิ ษุ จบ.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 412 ๔. เรือ่ งพระภาคิไนยสังฆรกั ขติ เถระ [๒๗] ขอ ความเบอื้ งตน พระศาสดา เมอ่ื ประทับอยูในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุชือ่ วาสงั ฆรกั ขติ ตรัสพระธรรมเทศนานีว้ า \" ทูรงคฺ ม เอกจร \" เปนตน พระเถระไมร บั ผาสาฎกทพี่ ระหลานชายถวาย ดังไดส ดบั มา กลุ บุตรผหู นึ่งในกรุงสาวตั ถี ฟง พระธรรมเทศนาของพระศาสดาแลวออกบวช ไดอ ปุ สมบทแลว มนี ามวา สังฆรักขิตเถระโดย ๒ - ๓ วันเทาน้นั ก็บรรลุพระอรหตั ผล. นอ งชายของทาน ไดบตุ รแลว ก็ไดต้งั ชอื่ ของพระเถระ ( แกบตุ รนั้น) . เขามีนามวาภาคิไนยสังฆรกั ขติ เจริญวัยแลว ไดบ รรพชาอปุ สมบทในสํานกั ของพระเถระ เขา ไปจําพรรษาในวดั ใกลบ า นแหงใดแหงหนงึ่ ไดผา วสั สา-วาสิกสาฎก ๒ ผืน คือยาว ๗ ศอกผนื หน่ึง ยาว ๘ ศอกผืนหนึ่ง กําหนดไววา \" ผาผนื ยาว ๘ ศอกจกั เปน ของพระอปุ ชฌายของเรา\" คิดวา\" ผา ผนื ยาว ๗ ศอกจกั เปนของเรา\" ออกพรรษาแลว ประสงคว า\" จักเยีย่ มพระอปุ ช ฌาย\" เดนิ มาพลางเท่ียวบณิ ฑบาตในระหวางทางครั้นมา (ถงึ ) แลว เมือ่ พระเถระยงั ไมก ลับมาสวู ิหารนัน่ แล, เขาไปสูวหิ ารแลวปด กวาดทส่ี ําหรับพกั กลางวนั ของพระเถระ จัดตง้ั น้ําลางเทาไวปอู าสนะแลวนงั่ แลดหู นทางเปนที่มา (แหง พระเถระ) อยู. คร้นั ทราบความทีพ่ ระเถระมาถงึ แลว กระทําการตอนรบั รบั บาตรจวี ร อาราธนา
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 413พระเถระใหน่ัง ดว ยคําวา \" ขอทา นนัง่ เถิด ขอรับ\" ถอื พัดกา นตาลพัดแลว ถวายนํ้าดืม่ ลา งเทา ท้ังสองแลว นาํ ผา สาฎกนั้นมาวางไว ณทใี่ กลเ ทา เรยี นวา \"ทานขอรับ ขอทานจงใชสอยผาสาฎกผนื นี\"้ ดงั นี้แลว ไดยืนพัดอยู. ลําดับนน้ั พระเถระกลา วกะเธอวา \" สงั ฆรักขติ จวี รของฉนับรบิ ูรณ, เธอนนั่ แล จงใชสอย.\" พระสังฆรักขติ . ทา นขอรบั ผาสาฏกนี้ กระผมกําหนดไวเพ่ือทา นทเี ดยี ว จําเดมิ แตเ วลาทก่ี ระผมไดแ ลว , ขอทานจงทําการใชส อยเถิด. พระเถระ. ชางเถอะ สังฆรักขติ จวี รของฉนั บรบิ รู ณ, เธอน่นั แล จงใชสอยเถิด. พระสังฆรักขติ . ทา นขอรับ ขอทานอยาทําอยางนัน้ เลย (เพราะ)เม่อื ทา นใชส อยผา สากฎน้ี ผลมากจกั มแี กก ระผม. พระหลานชายนกึ ถงึ ฆราวาสวิสยั ลาํ ดับนัน้ เมอ่ื พระสงั ฆรักขติ นั้น แมกลา ว (วงิ วอน) อยูแลว ๆ เลา ๆ, พระเถระกไ็ มปรารถนาผาสาฎกผนื นัน้ . เธอยนื พดั อยูพลางคดิ อยา งน้ีวา \"ในเวลาเปน คฤหสั ถ เราเปนหลานของพระเถระ;ในเวลาบวชแลว เราก็เปนสัทธิวหิ าริก (ของทา น), แมเมื่อเปนเชนน้นัพระอปุ ช ฌาย ก็ไมประสงคท ําการใชส อยรวมกับเรา, เมือ่ พระอุปชฌายน้ี ไมทําการรว มใชสอยกับเรา, เราจะตอ งการอะไรดวยความเปน สมณะ,เราจกั เปน คฤหัสถ (ดีกวา ).\" ขณะนน้ั เธอไดมคี วามคิดเหน็ วา \" การครองเรอื น ต้งั ตัวไดยาก,
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 414เราจกั ขายผา สาฎกผนื ยาว ๘ ศอกแลว ซ้ือแมแ พะ (มา ) ตวั หนึ่ง,ธรรมดาแมแพะยอ มตกลกู เร็ว เราน้ันจะขายลูกแพะทตี่ กแลว ๆ ทําใหเปน ตนทนุ , ครั้นรวมตนทุนไดมากแลว จกั นําหญงิ คนหนึง่ มาเปน ภรยิ า,นางจกั คลอดบตุ รคนหน่งึ เมอ่ื เปน เชนนนั้ เราจกั ต้ังชอื่ หลวงลงุ ของเราแกบตุ รนนั้ แลว ใหน งั่ ในยานนอยพาบุตรและภริยาของเรามาไหวห ลวง-ลุง, เมือ่ เดนิ มา จกั พูดกะภริยาของเราในระหวางทางวา ' หลอ นจงนําบุตรมาแกเรากอน, เราจกั นาํ ( อมุ ) เขาไป.' หลอ นจกั พูดวา ' เธอจะตอ งการอะไรดว ยบตุ ร, เธอจงมา จงขบั ยานนอ ยนี้ไป,' แลว รับเอาบุตรไป ตัง้ ใจวา ' เราจกั นาํ เขาไป,' เมื่อไมอาจอุม ไปได จกั ทิ้งไวท ่ีรอยลอ, เม่อื เปน เชนนน้ั ลอ จกั ทบั สรรี ะของเขาไป, ลําดบั นั้น เราจะพูดกะหลอนวา ' หลอนไมไดใหบตุ รของฉนั แกฉ นั เอง. หลอ นไมส ามารถอมุ บตุ รนนั้ ไปได, บุตรนน้ั ยอ มเปน ผอู ันเจาใหฉ ิบหายเสียแลว, จักเอาดา มปฏักตีหลัง (ภริยา).\" พระเถระถูกพระหลานชายตี พระหลานชายน้ัน คดิ อยอู ยา งนน้ั พลางยืนพัดอยเู ทยี ว เอาพัดกานตาลตศี ีรษะพระเถระแลว. พระเถระใครค รวญอยูว า \" เพราะเหตุไรหนอแล ? เราจงึ ถกู สงั ฆ-รักขติ ตีศรี ษะ,\" ทราบเรอ่ื งทีพ่ ระหลานชายนั้นคดิ แลว ๆ ทัง้ หมด, จึงพดู วา \" สงั ฆรักขิต เธอไมไ ดอ าจจะใหป ระหารมาตคุ าม, ในเร่อื งนี้พระเถระผแู กม ีโทษอะไรเลา ?\" เธอคดิ วา \" ตายจรงิ เราฉบิ หายแลว , นัยวา พระอปุ ชฌายรูเรือ่ ง
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 415ท่ีเราคิดแลว ๆ, เราจะตอ งการอะไรดวยความเปนสมณะ\" ดังน้ีแลวจงึ ท้ิงพดั กา นตาล ปรารภเพื่อจะหนีไป. พระศาสดาตรสั ถามเหตุทเี่ กดิ ขนึ้ ลาํ ดับนน้ั ภกิ ษุหนมุ และสามเณรทง้ั หลาย ไลต ามจบั ภกิ ษนุ ้นั พามายังสํานักพระศาสดา. พระศาสดาทอดพระเนตรเห็นภกิ ษุเหลา นัน้ แลวตรสั ถามวา \" ภิกษุทงั้ หลาย พวกเธอมาทาํ ไมกัน ?\" พวกเธอ ไดภกิ ษุรปู หนงึ่ หรอื ?\" พวกภิกษุ. อยา งนั้น พระเจา ขา พวกขาพระองคพาภกิ ษุหนมุรูปนี้ ซึ่งกระสนั (จะสึก ) แลว หลบหนี มายงั สํานักพระองค. พระศาสดา. ไดย นิ วา อยา งน้นั หรือ ? ภกิ ษุ. พระสงั ฆรักขิต. อยา งน้นั พระเจา ขา . พระศาสดา. ภิกษุ เธอทํากรรมหนักอยางนัน้ เพื่ออะไร ? เธอเปน บตุ รของพระพทุ ธเจา พระองคหนึ่ง ผปู รารภความเพียร บวชในศาสนาของพระพทุ ธเจา ผูเชนเรามใิ ชหรือ ? ไมไ ดอ าจใหเ ขาเรยี กตนวา' พระโสดาบนั ' ' พระสกทาคาม,ี ' พระอนาคามี หรอื ' พระอรหนั ต; 'ไดทาํ กรรมหนกั อยางนนั้ เพ่ืออะไร ? พระสงั ฆรกั ขติ . ขาพระองคก ระสนั ( จะสกึ ) พระเจา ขา. พระศาสดา. เพราะเหตไุ ร ? เธอจึงกระสัน (จะสึก). พระสังฆรักขิตนัน้ กราบทูลเรอ่ื งน้นั ท้งั หมดแดพ ระศาสดาจาํ เดิมแตว นั ทีต่ นไดผ า วัสสาวาสิกสาฎก จนถึงเอาพัดกา นตาลตพี ระเถระแลวกราบทลู วา \" เพราะเหตุน้ี ขา พระองคจงึ (คิด) หลบหนไี ปพระเจาขา.\"
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 416สํารวมจติ เปนเหตใุ หพ น เครอื่ งผกู ของมารลาํ ดบั น้ัน พระศาสดาตรัสกะเธอวา \" มาเถดิ ภิกษุ เธออยา คดิ ไปเลย,ธรรมดาจติ นม่ี หี นา ทรี่ ับอารมณ แมมอี ยูใ นที่ไกล, ควรท่ภี ิกษจุ กัพยายามเพือ่ ประโยชนแกก ารพน จากเครอ่ื งผูกคือราคะ โทสะ โมหะ\"ดงั นแ้ี ลว ตรัสพระคาถาน้วี า๔. ทรู งคฺ ม เอกจร อสรรี คหุ าสยเย จติ ฺต สฺเมสสฺ นตฺ ิ โมกฺขนตฺ ิ มารพนธฺ นา.\"ชนเหลา ใด จกั สํารวมจิต อันไปในทไ่ี กลเท่ียวไปดวงเดยี ว ไมมีสรีระ มีถ้ําเปนทีอ่ าศยั ชนเหลา นน้ั จะพน จากเครื่องผูกแหง มาร.\" แกอ รรถ บรรดาบทเหลานัน้ บทวา ทรู งคฺ ม เปนตน (พงึ ทราบวินจิ ฉยัดงั ตอ ไปนี้ ) กช็ ือ่ วาการไปและการมาของจิต โดยสวนแหง ทิศมีทิศบูรพาเปน ตน แมป ระมาณเทาใยแมลงมุม ยอ มไมม,ี จิตนัน้ ยอมรับอารมณแมมอี ยูในทไ่ี กล เพราะเหตุน้นั จงึ ชอ่ื วา ทูรงคฺ ม . อนึง่ จิต ๗-๘ ดวง ช่ือวาสามารถเกดิ ขน้ึ เนื่องเปน ชอ โดยความรวมกนั ในขณะเดียว ยอมไมม ,ี ในกาลเปน ทีเ่ กดิ ข้ึน จิตยอมเกดิ ข้ึนทลี ะดวง ๆ, เมือ่ จติ ดวงนน้ั ดับแลว , จติ ดวงใหมก เ็ กดิ ขึน้ ทีละดวงอกีเพราะเหตุนน้ั จึงชอื่ วา เอกจร . สรรี สณั ฐานกด็ ี ประเภทแหง สีมีสเี ขียวเปน ตน เปน ประการกด็ ีของจติ ยอมไมมี เพราะเหตุน้ัน จงึ ช่ือวา อสรีร .
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 417 ถํ้าคือมหาภตู ๑ ๔ ชื่อวา คูหา, กจ็ ติ นีอ้ าศัยหทัยรูปเปนไปอยูเพราะเหตุนัน้ จงึ ชื่อวา คหุ าสย . สองบทวา เย จิตตฺ ความวา ชนเหลาใดเหลา หนึ่ง คือเปนบรุ ษุ หรอื สตรี เปน คฤหสั ถหรือบรรพชติ เม่ือไมใ หกิเลสทย่ี ังไมเกดิ ใหเกดิ ข้ึน ละกเิ ลสทเี่ กิดข้ึนแลว เพราะความฟน เฟอนแหง สติ ชื่อวาจกั สํารวมจติ คือจักทาํ จิตใหส งบ ไดแก ไมใหฟ ุงซา น. บาทพระคาถาวา โมกขฺ นตฺ ิ มารพนธฺ นา ความวา ชนเหลาน้ันทงั้ หมด ช่อื วา จักพน จากวฏั ฏะอนั เปนไปในภูมิ ๓ อันนับวา เปนเคร่ืองผกู แหง มาร เพราะไมมีเครื่องผูกคือกเิ ลส. ในกาลจบเทศนา พระภาคิไนยสังฆรกั ขติ เถระ บรรลโุ สดาปต ต-ิผลแลว. ชนแมเหลาอน่ื เปนอันมาก ไดเปนอรยิ บคุ คลมพี ระโสดาบันเปน ตน แลว . เทศนาไดส ําเรจ็ ประโยชนแ กม หาชน ดังน้ีแล. เร่อื งพระภาคไิ นยสงั ฆรักขติ เถระ จบ.๑. มหาภูต ๔ คือ ดิน นํ้า ไฟ ลม.
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 418 ๕. เรือ่ งพระจติ ตหัตถเถระ [๒๘] ขอ ความเบื้องตน พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยใู นพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระชื่อจิตตหตั ถ ตรัสพระธรรมเทศนานี้วา \"อนวฏ ิตจิตตฺ สฺส\" เขาเที่ยวตามโคจนออนเพลยี ไดยนิ วา กลุ บตุ รชาวเมอื งสาวตั ถีคนหน่งึ แสวงหาโคผูท่ีหายไปอยูจงึ เขาปา พบโคผูใ นเวลาเทีย่ ง ปลอ ยเขาฝูงแลว คดิ วา \" เราจกั ไดวัตถุสักวา อาหาร ในสาํ นักของพระผูเปนเจาทง้ั หลายแนแท\" ถูกความหวิ กระ-หายรบกวนแลว จงึ เขาไปสูวหิ าร ถึงสํานกั ของภกิ ษทุ ั้งหลาย ไหวแ ลวไดย นื อยู ณ สว นขางหนึง่ . ก็ในสมยั นน้ั แล ภัตอันเหลือจากภกิ ษทุ ้งั หลายฉัน ยังมอี ยูในถาดสาํ หรับใสภตั อันเปน เดน. ภกิ ษเุ หลา นนั้ เหน็ เขาถูกความหวิ รบกวนแลว จึงกลา ววา \" เชญิ ทา นถอื เอาภัตกนิ เถิด,\" กช็ อื่ วาในคร้ังพทุ ธกาล แกงและกับมากมายยอมเกิดขึน้ , เขารับภัตพอเยยี วยาอัตภาพจากถาดนน้ั บริโภคแลว ด่มื น้ํา ลา งมือ ไหวภ ิกษุท้งั หลายแลวถามวา \" ทานขอรบั วันนี้ พระผูเปนเจา ท้ังหลายไดไ ปสทู น่ี ิมนตแลวหรอื ?\" ภกิ ษุท้ังหลายตอบวา \" อุบาสก วันน้ี ไมม ,ี ภิกษุท้งั หลายยอมได (ภตั ตาหาร) เนือง ๆ โดยทาํ นองนีเ้ ทียว.\" เขาบวชเปน ภิกษุ เขาคิดวา \" พวกเรา ลุกข้นึ แลว ครั้นลุกขึ้นแลว แมท ําการงาน
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 419เนือง ๆ ตลอดคนื และวัน ก็ยังไมไดภัตมกี ับอนั อรอ ยอยางนี้, ไดยนิ วาภกิ ษเุ หลา น้ยี อมฉนั เนอื ง ๆ, เราจะตองการอะไรดวยความเปน คฤหสั ถ,เราจกั เปนภิกษุ\" ดงั นี้แลว จึงเขา ไปหาภิกษทุ ง้ั หลายขอบรรพชาแลว.ลาํ ดับน้นั พวกภกิ ษุพดู กะเขาวา \" เปนการดี อุบาสก\" ใหเ ขาบรรพชาแลว . เขาไดอปุ สมบทแลว ทําวตั รและปฏิวตั ร ซง่ึ เปน อุปการะแกภ กิ ษุทัง้ ปวง. เธอไดม ีสรรี ะอวนทวนโดยกาลลว งไป ๒-๓ วัน เพราะลาภและสักการะที่เกดิ ขนึ้ แกพระพุทธะ๑ท้ังหลาย. เขาบวช ๆ สกึ ๆ ถึง ๖ ครัง้ แตน น้ั เธอคิดวา \" เราจกั ตองการอะไรดวยการเทย่ี วไปเพ่อื ภกิ ษาเลยี้ งชีพ, เราจักเปนคฤหัสถ.\" เธอสึกเขา เรอื นแลว. เมือ่ กลุ บตุ ร [ทิดสกึ ใหม] นน้ั ทําการงานอยูใ นเรือน โดย ๒ - ๓ วนั เทา นนั้ สรรี ะก็ซูบผอม. แตน ้นั เธอคิดวา \" ประโยชนอ ะไรของเราดวยทกุ ขน้,ี เราจักเปน สมณะ\" ดงั น้ีแลว กก็ ลบั มาบวชใหม. เธอยับย้ังอยูไมไ ดกว่ี นักระสันขน้ึ แลวสึกอีก แตเ ธอไดมอี ปุ การะแกพวกภกิ ษใุ นเวลาบวช. โดย๒ - ๓ วัน เทานนั้ เธอก็ระอาใจแมอกี คิดวา \" ประโยชนอ ะไรของเราดวยความเปนคฤหัสถ, เราจกั บวช\" จงึ ไปไหวภ ิกษทุ ัง้ หลาย ขอบรรพชาแลว . ลาํ ดับน้ัน ภกิ ษทุ ้งั หลาย ใหเขาบรรพชาอีกแลว ดว ยอาํ นาจแหง อปุ การะ, เขาบวชแลวก็สึกอยอู ยางนีถ้ งึ ๖ คร้งั . ภกิ ษทุ ัง้ หลายคิดวา\" ภิกษุนี่ เปนไปในอํานาจแหงจิตเท่ียวไปอยู\" จงึ ขนานนามแกเ ธอวา\"จิตตหตั ถเถระ.\"๑. ใชศพั ทวา พุทธฺ าน ในทน่ี ้ี นา จะหมายถงึ พระสมั พุทธะ และอนพทุ ธะหรือพระสาวกพุทธะ.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 420 ครงั้ ท่ี ๗ เขาเกดิ ธรรมสงั เวชเลยบวชไมส ึก เม่อื นายจิตตหตั ถน้ันเที่ยวไป ๆ มา ๆ อยอู ยา งนีเ้ ทยี ว ภรยิ าไดมคี รรภแ ลว . ในวาระที่ ๗ เขาแบกเคร่ืองไถจากปา ไปเรอื น วางเครื่องใชไ วแลว เขา หองดวยประสงคว า \" จักหยบิ ผา กาสาวะของตน.\" ในขณะนัน้ ภรยิ าของเขากาํ ลงั นอนหลบั . ผาท่หี ลอนนงุ หลุดลยุ นาํ้ ลายไหลออกปาก, จมูกก็กรนดังครดื ๆ, ปากอา, กัดฟน . หลอ นปรากฏแกเขาประดจุ สรีระท่ีพองข้นึ . เขาคิดวา \" สรีระนีไ้ มเท่ยี งเปนทกุ ข. เราบวชตลอดกาลประมาณเทา น้ีแลว อาศัยสรรี ะนี้ จึงไมส ามารถดํารงอยใู นภิกษุภาวะได\" ดังนีแ้ ลว กฉ็ วยผากาสาวะพันทอ ง พลางออกจากเรอื น.ขณะน้ัน แมยายของเขายนื อยูท เี่ รือนติดตอ กัน เห็นเขากาํ ลงั เดนิ ไปดวยอาการอยา งน้นั สงสยั วา \" เจา นี่กลับไปอกี แลว เขามาจากปาเดย๋ี วนเ้ี องพันผา กาสาวะท่ีทอ ง ออกเดินบายหนาตรงไปวหิ าร; เกดิ เหตอุ ะไรกนัหนอ ?\" จึงเขา เรือนเห็นลูกสาวหลบั อยู รวู า \"เขาเหน็ ลกู สาวของเรานี้มคี วามราํ คาญไปเสยี แลว\" จงึ ตีลูกสาว กลา ววา \" นางช่ัวชาติ จงลกุ ขน้ึ .ผวั ของเอง เหน็ เองกําลังหลบั มคี วามราํ คาญไปเสียแลว , ตงั้ แตน ้ีเองจะไมมเี ขาละ\" ลกู สาวกลา ววา \" หลกี ไป หลกี ไปเถิดแม เขาจะไปขา งไหน, อีก ๒-๓ วันเทาน้นั กม็ าอกี .\" แมน ายจิตตหัตถนน้ั บน ไปวา \" ไมเ ทย่ี งเปน ทุกข \" กาํ ลังเดนิไป ๆ บรรลโุ สดาปต ตผิ ลแลว . เขาไปไหวภ กิ ษทุ ง้ั หลายแลว ก็ขอบรรพชา.ภิกษุทง้ั หลายกลา ววา \"พวกเราจักไมอ าจใหท า นบรรพชาได, ความเปนสมณะของทานจกั มีมาแตท ไี่ หน ? ศรี ษะของทา นเชน กับหนิ ลับมีด.\" เขากลาววา \" ทา นขอรับ พวกทานโปรดอนเุ คราะหใหก ระผมบวชในคราว
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 421นอี้ กี คราวหนึ่งเถดิ .\" ภิกษุเหลา นน้ั จึงใหเขาบวชแลว ดว ยอาํ นาจแหงอุปการะ บรรลพุ ระอรหตั แลวถูกหาวา พูดไมจริง ได ๒-๓ วนั เทาน้นั เธอก็บรรลพุ ระอรหัตพรอมดว ยปฏิสมั ภิทาภกิ ษแุ มเหลานน้ั พูดกบั เธอวา \" คุณจิตตหัตถ คณุ ควรรูสมยั ทีค่ ุณจะไปโดยแท. ทาํ ไม ในคร้งั นี้ คุณจงึ ชกั ชา อยเู ลา ?\" เธอกลาววา \" พวกผมไปแลว ในเวลาทมี่ ีความเกย่ี วขอ งดอก๑ ขอรับ ความเกยี่ วของน้นั ผมตัดไดแลว , ตอ ไปนี้ พวกผมมคี วามไมไ ปเปน ธรรมดา.\" พวกภกิ ษุพากนั ไปสูสาํ นักของพระศาสดา กราบทลู วา \" ขา แตพระองคผ ูเ จริญภิกษุนี้ ถกู พวกขาพระองคพ ูดอยางน้ี กลาวช่ืออยางน้ี เธอพยากรณพระอรหัต เธอพูดคําไมจ รงิ .\" พระศาสดา ตรัสวา \"อยางนน้ั ภกิ ษุท้งั หลาย บุตรของเรา ไดทําการไปและการมา ในเวลาไมรพู ระสทั ธรรมในเวลาทตี่ นยังมีจิตไมม ่ันคง, บดั น้ี บตุ รของเรานนั่ ละบญุ และบาปไดแลว\" ไดตรสั สองพระคาถาเหลาน้ีวา ๕. อนวฏิตจติ ตฺ สสฺ สทฺธมฺม อวิชานโต ปริปลฺ วปสาทสฺส ปฺ า น ปรปิ ูรติ อนวสฺสตุ จติ ตฺ สฺส อนนฺวาหตเจตโส ปฺุ ปาปปหีนสสฺ นตถฺ ิ ชาครโต ภย . \"ปญญายอ มไมบ รบิ ูรณ แกผ ูม ีจิตไมม ่ันคง ไมรูแจงซึ่งพระสัทธรรม มีความเลอื่ มใสอันเล่ือน๑. หมายถึง กิเลสเปน เครอื่ งเกี่ยวขอ ง.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 422 ลอย, ภยั (ความกลัว) ยอมไมม ีแกผมู ีจิตอนั ราคะไมซมึ ซาบ มีใจไมถ กู โทสะตามกระทบ ละบญุ และบาปได ตน่ื อย.ู \" แกอรรถ บรรดาบทเหลา นน้ั ดว ยบทวา อนวฏ ิตจิตฺตสฺส พระศาสดาทรงแสดงเนื้อความวา \" ช่อื วาจติ นี้ ของใคร ๆ ไมม แี นน อนหรือมน่ั คง;ก็บุคคลใด ไมด าํ รงอยูใ นภาวะไหน ๆ เหมอื นกบั ฟก เขยี วที่ต้ังไวบนหลังมา เหมอื นกับหลักทป่ี กไวในกองแกลบ เหมือนกับดอกกระทุมบนศีรษะลา น, บางคราวเปน เสวก บางครั้งเปนอาชีวก บางคาบเปน นิครนถบางเวลาเปนดาบส, บุคคลเหน็ ปานน้ี ช่ือวามจี ิตไมม น่ั คง, ปญญาอนัเปน กามาพจรก็ดี อนั ตา งดวยปญ ญามรี ปู าพจรเปนอาทิกด็ ี ยอมไมบ ริบรู ณแกบุคคลน้นั ผมู จี ิตไมม น่ั คง ไมร พู ระสัทธรรมนี้ อันตา งโดยโพธิปก-ขยิ ธรรม๑ ๓๗ ชื่อวามีความเลื่อมใสอนั เลอื่ นลอย เพราะความเปนผูมีศรัทธานอย หรอื เพราะความเปนผมู ศี รทั ธาคลอนแคลน, เม่ือปญ ญาแมเปนกามาพจรไมบรบิ รู ณ ปญ ญาที่เปนรูปาพจร อรปู าพจรและโลกตุ ระจกั บรบิ รู ณไ ดแ ตท ่ีไหนเลา ? บทวา อนวสฺสตุ จิตฺตสสฺ ไดแ ก ผมู จี ติ อนั ราคะไมช มุ แลว. ในบทวา อนนฺวาหตเจตโส พระผูมีพระภาคเจา ตรัสความทจ่ี ิตถูกโทสะกระทบแลว ไวใ นอาคตสถานวา ๒ \" มีจิตถูกโทสะกระทบเกิดเปนดังเสาเขือ่ น.\"๑. มธี รรมเปนฝกฝา ยแหง ความตรัสรู ๓๗ เปน ประเภท.๒. ที่แหงบาลปี ระเทศอนั มาแลว. อภ.ิ วิ. ๓๕/๕๑๐. ม. มู. ๑๒/๒๐๖.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 454
Pages: