พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 58ดงั น้ี จึงโบกมือ (เปน ท่รี ุกราน). เธอยังขัตติยมานะใหเ กดิ ขน้ึ แลวถามวา \"พวกทานมาสสู ํานักใคร ?\" เม่ืออาคนั ตกุ ภิกษุเหลานั้นตอบวา\"มาสสู าํ นักของพระศาสดา\" จงึ กลา ววา \" กพ็ วกทา นคาดขา พเจาวา\" น่ีใคร ? ' ขา พเจา จักตัดมลู ๑ของพวกทานเสียใหไ ด\" ดงั นี้แลว รอ งไหเปนทุกข เสียใจ ไดไ ปสูสํานักของพระศาสดาแลว . พระตสิ สะทลู เร่ืองแดพ ระศาสดา ลาํ ดบั นนั้ พระศาสดาตรัสถามเธอวา \"ติสสะ เปน อะไรหนอ ?เธอจงึ เปนทุกข เสยี ใจ มีนํ้าตาอาบหนา รอ งไห มาแลว .\" ฝา ยภิกษุเหลาน้ัน (คือพวกภกิ ษุอาคันตุกะ) คิดวา \"ภกิ ษนุ ้นั คงไปทํากรรมขุน มวั อะไร ๆ \" ดงั นี้ จึงไปกบั พระตสิ สะนั้นทีเดียว ถวายบงั คมพระ-ศาสดาแลว ไดนั่ง ณ ทีค่ วรขางหนึ่ง. พระติสสะน้นั อันพระศาสดาตรัสถามแลว ไดกราบทลู วา \" พระองคผ ูเจรญิ ภกิ ษเุ หลานี้ดาขาพระองค. \" ศ. กเ็ ธอนง่ั แลว ที่ไหน ? ต. ทโี่ รงฉนั กลางวหิ าร พระเจา ขา . ศ. ภกิ ษเุ หลานม้ี า เธอไดเห็นหรอื ? ต. เหน็ พระเจา ขา. ศ. เธอไดลกุ ขน้ึ ทาํ การตอนรับหรือ ?ต. ไมไ ดทํา พระเจา ขา.๑. ตัดความเปนสมณะ คือ ใหข าดจากสมณภาพ.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 59 ศ. เธอไดถ ามโดยเอ้ือเฟอถึงการรับบรขิ าร ของภกิ ษุเหลา นน้ัหรอื ? ต. ขาพระองคไ มไดถ ามโดยเอ้อื เฟอ พระเจา ขา . ศ. เธอไดถามโดยเอ้ือเฟอ ถึงธรรมเนียม หรอื นา้ํ ด่ืมหรอื ? ต. ขาพระองคไมไ ดถ ามโดยเออ้ื เฟอ พระเจาขา. ศ. เธอนาํ อาสนะมาแลว ทาํ การนวดเทาใหหรือ ?ต. ไมไดทํา พระเจาขา . พระตสิ สะไมย อมขมาภิกษุสงฆ ศ. ติสสะ วตั รท้ังปวงน่ัน เธอควรทาํ แกภิกษผุ แู ก. การท่ีเธอไมทําวตั รท้ังปวงน่นั นง่ั อยูในทา มกลางวหิ าร ไมส มควร, โทษของเธอเองมี, เธอจงขอโทษภกิ ษุท้ังหลายนั่นเสีย. ต. พระองคผ เู จริญ พวกภิกษุน้ไี ดด าขา พระองค, ขา พระองคไมยอมขอโทษเธอ. ศ. ตสิ สะ เธออยา ไดทาํ อยางน.้ี โทษของเธอเองมี เธอจงขอโทษภิกษุเหลา น้นั เสีย. ต. พระองคผ ูเจริญ ขาพระองคไมย อมขอโทษภกิ ษเุ หลาน้ี . ลาํ ดบั นนั้ พระศาสดา เม่อื ภิกษทุ ัง้ หลายยกราบทูลวา \"ขาแตพระองคผ ูเ จรญิ พระติสสะนเ้ี ปนคนวายาก\" ดังนีแ้ ลว ตรัสวา\"ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ตสิ สะน้ี มใิ ชเปนผูว า ยากแตใ นบดั น้เี ทา นน้ั , ถงึ ในกาลกอ น ตสิ สะนกี้ ็เปน คนวายากเหมอื นกนั ,\" เมอ่ื ภิกษุเหลานั้นกราบทูลวา \"ขา แตพระองคผ ูเจรญิ ขาพระองคทง้ั หลาย ทราบความที่
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 60เธอเปนผูว ายากแตในบดั น้เี ทา น้นั , เธอไดทําอะไรไวในอดตี กาล\"ดงั นแ้ี ลว จึงตรัสวา \"ภกิ ษทุ ัง้ หลาย ถา อยางนั้น ทานทั้งหลายจงฟง \"ดงั นีแ้ ลว ไดท รงนาํ เรือ่ งอดตี มา. บุรพกรรมของพระติสสะ ในอดีตกาล เม่ือพระเจาพาราณสี เสวยราชสมบตั อิ ยูในเมืองพาราณสี, ดาบสชือ่ เทวละ อยใู นหมิ วันตประเทศ ๘ เดอื น ใครจะเขาไปอาศัยพระนครอยู ๔ เดอื น เพอื่ ตอ งการจะเสพรสเค็มและรสเปรย้ี วจงึ มาจากหิมวนั ตประเทศ พบพวกคนเฝาประตพู ระนคร จงึ ถามวา\"พวกบรรพชิตผูม าถงึ พระนครนแี้ ลว ยอ มพกั อยทู ไี่ หนกนั ?\" เขาทั้งหลายบอกวา \"ทโ่ี รงนายชา งหมอ ขอรับ.\" เธอไปสโู รงนายชา งหมอแลว ยนื ทป่ี ระตูกลา ววา \"ถา ทา นไมมีความหนักใจ, ขาพเจาขอพกั อยูใ นโรงสักราตรีหน่งึ .\" ชา งหมอกลา ววา \"กลางคนื กจิ ของขา พเจาทโ่ี รงไมม ี. โรงใหญ, นิมนตทา นอยตู ามสบายเถิด ขอรบั \"ดังนแี้ ลว มอบโรงถวาย. เม่ือเธอเขา ไปนั่งแลว . ดาบสแมอกี องคหน่ึง ช่อื นารทะมาจากหนิ วันตประเทศ ไดขอพกั อยูราตรหี นึง่ กะนายชา งหมอ . นายชางหมอคิดวา \"ดาบสองคม ากอ น พึงเปนผูอยากจะอยดู ว ยกันกบั ดาบสองคน ี้หรอื ไม (ก็ไมท ราบ), เราจะปลีกตัวเสีย\" ดังนี้แลว จงึ กลาววา\" ถาทา นองคเขา ไปกอน จกั พอใจไซร, ทา นจงพักอยูต ามความพอใจของดาบสองคก อนเถดิ ขอรบั .\" นารทดาบสน้ัน เขา ไปหาเธอแลวกลา ววา \"ทา นอาจารย ถาทานไมมคี วามหนกั ใจ, ผมขอพกั อยใู น
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 61โรงน้รี าตรีหนง่ึ เถดิ \" เม่ือเธอกลา ววา \"โรงใหญ, ทานจงเขา ไปอยูทีส่ ว นขา งหนึ่งเถิด\" ดงั นแ้ี ลว จงึ เขา ไปนั่ง ณ ท่อี กี สว นหนึ่งแหงเธอผูเขาไปกอน. โทษของการนอนไมเ ปน ที่ ดาบสแมท ้ังสองรูป พูดปราศรยั ชวนใหระลกึ ถงึ กันแลว, ในเวลาจะนอน. นารทดาบสกาํ หนดทน่ี อนแหง ดาบสและประตแู ลวจงึ นอน.สว นเทวลดาบสนัน้ เม่อื จะนอน หาไดนอนในท่ขี องตนไม. (ไพล)นอนขวางที่กลางประต.ู นารทดาบส เม่อื ออกไปในราตรี ไดเหยียบท่ีชฎาของเธอ. เมื่อเธอกลาววา \"ใครเหยียบเรา ?\" นารทดาบสกลา ววา\" ทานอาจารย ผมเอง.\" ท. ชฎลิ โกง ทา นมาจากปาแลว เหยยี บที่ชฎาของเรา. น. ทา นอาจารย ผมไมทราบวาทา นนอนที่น้ี ขอทานจงอดโทษแกผ มเถดิ . เมือ่ เธอกาํ ลงั บน อยนู ัน้ แล, ออกไปขา งนอกแลว . เทวลดาบสนอกนคี้ ดิ วา \"ดาบสรปู นี้ แมเขา มาจะพงึ เหยียบเรา\" ดังนแี้ ลวจึงไดก ลับนอนหันศีรษะไปทางเทา . ฝา ยนารทดาบส เมื่อจะเขา ไปคิดวา \"แมท แี รก เราไดผ ดิ แลวในทา นอาจารย, บัดนี้ เราจะเขาไปโดยทางเทาของทาน\" ดงั นี้แลว เมอื่มา ไดเ หยียบที่คอแหง เธอ, เมอื่ เธอกลาววา \"นี่ใคร ?\" จงึ กลาววา\" ทา นอาจารย ผมเอง\" เมื่อเธอกลา ววา \"ชฏลิ โกง ทีแรกทานเหยยี บท่ีชฎาของเราแลว เด๋ยี วนเี้ หยยี บท่ีคอเราอกี เราจกั สาปทาน\"
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 62จึงกลาววา \"ทา นอาจารย โทษของผมไมม,ี ผมไมทราบวาทานนอนแลวอยางน้ัน. ผมเขา มาดวยคดิ วา ' แมท แี รกความผิดของเรามีอย,ู เด๋ียวน้ีเราจกั เขาไปโดยทางเทาทา น' ดงั นี้ ขอทานจงอดโทษแกผ มเถิด.\" ดาบสท้งั สองตางสาปกัน ท. ชฎลิ โกง เราจะสาปทาน. น. ทานอาจารย ทานอยา ทาํ อยา งนี้เลย. เธอมิเออ้ื เฟอ ถอ ยคาํ ของนารทดาบสนน้ั ยงั ขืนสาปนารทดาบสนน้ั( ดว ยคาถา ) วา \"พระอาทิตย มีรศั มตี ั้ง ๑,๐๐๐ มเี ดชต้งั ๑๐๐ มปี กตกิ าํ จดั ความมืด, พอพระอาทติ ยข นึ้ มาใน เวลาเชา ขอศรี ษะของทา นจงแตกออก ๗ เสยี่ ง.\" นารทดาบส กลาววา \" ทานอาจารย โทษของผมไมมี เมอ่ืกาํ ลังพูดอยูทเี ดียว ทา นไดสาปแลว. โทษของผูใ ดมีอยู ขอศรี ษะของผูนัน้ จงแตก, ของผูไมมีโทษ จงอยาแตก\" ดงั นแ้ี ลว ไดสาป (ดว ยคาถา) วา \" พระอาทติ ย มรี ศั มีตั้ง ๑,๐๐๐ มเี ดชตงั้ ๑๐๐ มปี กติกาํ จัดความมดื , พอพระอาทิตยข ึน้ มาใน เวลาเชา ขอศีรษะของทา นจงแตกออก ๗ เส่ยี ง.\"และนารทดาบสนน้ั มอี านุภาพใหญ ตามระลึกชาติได ๘๐ กลั ป คอืในอดีตกาล ๔๐ กลั ป ในอนาคตกาล ๔๐ กัลป. เพราะเหตุนั้นทานคดิวา \"ความสาปจกั ตกในเบ้ืองบนแหงใครหนอแล ?\" ดังนี้ เมอ่ื ใครครวญไป ก็ทราบวา \"จักตกในเบื้องบนแหงอาจารย\" อาศยั ความกรุณาใน
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 63เธอ จ่งิ ไดหา มอรณุ ขึ้นดว ยกําลงั ฤทธิ์.\" ประชาชนเดือดรอ นตลอดถึงพระราชา ชาวพระนคร เมือ่ อรณุ ไมข ้นึ อยู กพ็ ากันไปสปู ระตพู ระราชวงัแลว กราบทูลพิไรวา \"ขาแตสมมตเิ ทพ เมือ่ พระองคทรงครองราชสมบตั ิอย.ู อรุณไมข้ึน, ขอพระองคจงทรงพระกรณุ าโปรดใหอ รณุ ขึน้ เพ่ือขา พระองคท ง้ั หลายเถดิ .\" พระราชา ทรงพิจารณาจรยิ าอนุวัตร มกี ายกรรมเปน ตน ของพระองค มไิ ดท รงเหน็ การอนั ไมสมควรอะไร ๆ จึงทรงพระดาํ ริวา \"เหตุอะไรหนอแล ?\" ดังน้ี ทรงระแวงวา \"ชะรอยจะเปน ความวิวาทของพวกบรรพชติ \" ดังน้แี ลว จึงตรสั ถามวา \"พวกบรรพชิตในพระนครนี้มอี ยูบา งหรอื ?\" เมือ่ มีผูกราบทลู วา \"เม่อื เวลาเยน็ วานน้ี มพี วกบรรพชิตมาสโู รงนายชางหมอ พระเจาขา \" พระราชามรี าชบุรุษถือคบนาํ เสดจ็ไปที่น้ัน ในทันใดนน้ั เอง ทรงอภวิ าทพระนารทดาบสแลว ประทับ ณทีค่ วรขา งหนง่ึ ตรัสถามวา \"ผูเ ปนเจานารทะ การงานทัง้ หลายของพวก ชมพทู วปี ยอ มเปน ไปไมได, โลกเกดิ มืดแลว เพราะเหตุอะไร ทานอนั ขา พเจา ถามแลว ได โปรดบอกเหตนุ ้นั แกข า พเจา.\" นารทดาบส เลา เรอ่ื งทัง้ ปวงถวายเสร็จแลว ถวายพระพรวา\" อาตมภาพ อันดาบสรูปนีส้ าปแลว เพราะเหตนุ ี,้ เมื่อเปน อยา งน้นั
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 64อาตมาภาพจึงไดก ลา วสาปบางวา \"โทษของขาพเจาไมม ี. โทษของผใู ดม;ี ความสาปจงตกลงในเบือ้ งบนแหง ผนู ้นั แล\" ก็คร้ันสาปแลวจึงคดิ วา \"ความสาปจักตกในเบ้อื งบนแหง ใดหนอแล ?\" เม่ือใครค รวญไปกเ็ ห็นวา \"ในเวลาพระอาทติ ยข ึน้ ศีรษะของอาจารยจ ักแตกออก๗ เสีย่ ง\" ดังนี้แลว อาศยั ความกรุณาในทา น จึงมิใหอ รุณข้นึ ไป. ร. ก็อยางไร อนั ตรายจะไมพึงมแี กทานเลา ขอรบั ? น. ถา ทานขอโทษอาตมภาพเสยี อนั ตรายกจ็ กั ไมพ ึงมี. ร. ถา อยางนนั้ ทา นจงขอโทษเสยี เถิด. ท. ชฎลิ นัน่ เหยยี บอาตมภาพ ที่ชฎาและทค่ี อ อาตมภาพไมย อมขอโทษชฎิลโกงน่ัน. ร. ขอทา นจงขอโทษเสยี เถิด ขอรบั ทา นอยา ทําอยา งน.้ี เทวลดาบสทลู วา \"อาตมภาพ ไมย อมขอโทษ\" แมเมอื่ พระราชาตรสั วา \"ศีรษะของทานจกั แตกออก ๗ เสยี่ ง\" ดังนี้ ก็ยงั ไมย อมขอโทษอยนู น่ั เอง. ลาํ ดับน้นั พระราชาตรัสกับเธอวา \"ทานจักไมย อมขอโทษตามชอบใจของตนหรือ ?\" ดงั นแ้ี ลว จงึ รับสัง่ ใหร าชบุรษุ จับเทวลดาบสน้ันท่ีมือ ท่ีเทา ทีท่ อง ที่คอ ใหกม ลงท่ีบาทมลู แหง นารทดาบส. นารทดาบสกลา ววา \"อาจารย เชิญทานลุกขึน้ เถดิ , ขาพเจายอมยกโทษใหแกทาน ดังนีแ้ ลว ถวายพระพรวา \"มหาบพติ ร ดาบสรูปนีห้ าไดข อโทษอาตมภาพตามใจสมคั รไม, มีสระอยใู นทไ่ี มไกลสระหน่ึงขอพระองครบั สั่งใหเธอยืนทูนกอ นดินเหนยี วบนศรี ษะ แชน าํ้ อยใู นสระน้ันแคค อ. พระราชารับส่งั ใหทําอยา งนน้ั แลว. นารทดาบสเรยี กเทวลดาบส
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 65มาวา \"ทานอาจารย คร้นั ฤทธิอ์ นั ผมคลายแลว . เมอ่ื แสงพระอาทติ ยตง้ั ข้ึนอย,ู ทา นพึงดาํ ลงเสยี ในนํา้ แลว โผลข ้นึ ไปเสยี โดยทางอ่นื .\"กอนดนิ เหนยี วบนศรี ษะของเทวลดาบสนัน้ พอรัศมีแหง พระอาทติ ยถกู เขาเทา นน้ั ก็แตกออก ๗ เสยี่ ง, เทวลดาบสน้นั ดําลงหนีไปท่อี ืน่ แลว . เวรไมร ะงับดวยผกู เวร พระศาสดา ครนั้ ทรงนําพระธรรมเทศนาน้มี าแลว ตรสั วา\"ภิกษุท้ังหลาย พระราชาในกาลนัน้ ไดเ ปน อานนทแลว . เทวลดาบสไดเปน ตสิ สะแลว, นารทดาบส ไดเ ปน เราเอง, ถงึ ในครั้งนน้ั ตสิ สะนีก้ ็เปนผวู า ยากอยา งนเ้ี หมือนกัน\" ดงั น้แี ลว รบั สงั่ เรยี กติสสเถระมาแลวตรัสวา \"ติสสะ ก็เมือ่ ภกิ ษคุ ดิ อยวู า 'เราถูกผูโนนดาแลว ถกู ผโู นนประหารแลว ถูกผูโ นนชนะแลว ผโู นนไดล ักสงิ่ ของของเราไปแลว'ดังน้ี ชอื่ วาเวรยอมไมร ะงับได; แตเ มอ่ื ภกิ ษุไมเ ขาไปผูกอยอู ยางนัน้ นน่ั แลเวรยอ มระงบั ได,' ดังน้ีแลว ไดท รงภาษิตพระคาถาเหลานวี้ า :- ๓. อกโฺ กจฺฉิ ม อวธิ ม อชินิ ม อหาสิ เม เย จ ต อปุ นยฺยนตฺ ิ เวร เตส น สมมฺ ติ. อกโฺ กจฺฉิ ม อวธิ ม อชนิ ิ ม อหาสิ เม เย จ ต นปู นยฺหนฺติ เวร เตสูปสมมฺ ต.ิ \"กช็ นเหลาใด เขา ไปผูกความโกรธน้ันไววา 'ผโู นน ไดด า เรา ผโู นนไดตีเรา ผูโ นน ไดช นะเรา ผูโนน ไดลกั สิ่งของของเราแลว' เวรของชนเหลานน้ั ยอมไม ระงับได, สว นชนเหลา ใดไมเ ขา ไปผกู ความโกรธนน้ั
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 66 ไววา 'ผโู นนไดดาเรา ผโู นนไดติเรา ผโู นน ไดชนะเราผโู นนไดล ักสงิ่ ของของเราแลว ' เวรของชนเหลาน้นั ยอมระงับได.\" แกอ รรถ บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา อกฺโกจฺฉิ คอื ดา แลว . บทวาอวธิ คือ ประหารแลว . บทวา อชินิ คือ ไดช นะเราดว ยการอา งพยานโกงบาง ดวยการกลา วโตตอบถอ ยคาํ บาง ดวยการทําใหย่งิ กวา การทําบา ง. บทวา อหาสิ คอื ผูโนนไดล ักของคอื บรรดาวัตถทุ ั้งหลายมีผาเปนตน ส่งิ ใดสง่ิ หนง่ึ ของเรา. สองบทวา เย จ ต เปน ตน ความวา ชนเหลา ใดเหลาหนง่ึคอื เทพดาหรอื มนุษย คฤหัสถห รือบรรพชติ เขาไปผูกความโกรธนั้นคือมวี ัตถเุ ปนตนวา \"คนโนน ไดดาเรา\" ดุจพวกคนขบั เกวียน ขนั ทบุเกวยี นดวยชะเนาะ และดุจพวกประมง พันสิง่ ของมีปลาเนา เปน ตนดว ยวัตถุมีหญาคาเปน ตน บอยๆ, เวรของพวกเขาเกิดขนึ้ แลว คราวเดียวยอมไมร ะงบั คือวายอมไมส งบลงได. บาทพระคาถาวา เย จ ต นูปนยฺหติ ความวา ชนเหลา ใดไมเ ขา ไปผูกความโกรธน้นั คอื มีคําดําเปน ตน เปนที่ตง้ั ดวยอํานาจการไมร ะลกึ ถึงและการไมท าํ ไวใ นใจบาง ดวยอาํ นาจการพจิ ารณาเห็นกรรมอยา งน้วี า \"ใคร ๆ ผหู าโทษมิได แมท า นคงจกั ดาแลวในภพกอนคงจักประหารแลว (ในภพกอ น ) คงจักเบกิ พยานโกงชนะแลว (ในภพกอน) ส่ิงของอะไรๆ ของใครๆ ทา นคงจกั ขมแหงชิงเอาแลว (ใน
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 67ภพกอน). เพราะฉะนั้น ทานแมเปนผไู มม โี ทษ จงึ ไดผ ลทไ่ี มน าปรารถนา มคี าํ ดา เปนตน\" ดงั น้ีบา ง, เวรของชนเหลา นัน้ แมเกิดแลวเพราะความประมาท ยอ มสงบไดดว ยการไมผูก (โกรธ ) นี้ ดจุไฟไมมเี ธอเกดิ ขึ้นแลวดบั ไปฉะนัน้ แล. ในกาลจบเทศนา ภิกษุแสนหนึ่ง ไดบรรลอุ รยิ ผลท้งั หลายมีโสดาปต ติผลเปน ตน . พระธรรมเทศนาไดเ ปนกถามีประโยชนแกม หาชนแลว. พระตสิ สเถระ ถงึ เปน คนวายาก ก็กลายเปนคนวางา ยแลวดงั นแ้ี ล. เร่ืองพระตสิ สเถระ จบ.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 68 ๔. เรอ่ื งความเกดิ ข้นึ ของนางกาลียกั ษณิ ี [๔] ขอ ความเบอ้ื งตน พระศาสดา เม่ือประทับอยใู นพระเชตวนั ทรงปรารภหญิงหมันคนใดคนหนงึ่ ตรสั พระธรรมเทศนานวี้ า \"น หิ เวเรน เวราน\"ิเปน ตน. มารดาหาภรรยาใหบุตร ดังไดส ดบั มา บุตรกฎุ ม พคี นหนง่ึ เมอื่ บิดาทาํ กาละแลว ทาํ การงานทัง้ ปวง ทัง้ ท่นี า ทัง้ ทบี่ าน ดว ยตนเอง ปฏิบัตมิ ารดาอยู. ตอ มามารดาไดบอกแกเ ขาวา \"พอ แมจักนาํ นางกุมารกิ ามาใหเจา .\" บ.ุ แม อยาพูดอยา งนเ้ี ลย, ฉันจกั ปฏิบัตแิ มไ ปจนตลอดชวี ติ . ม. พอ เจา คนเดียวทาํ การงานอยู ทั้งทนี่ าและทีบ่ า น, เพราะเหตุน้ัน แมจ งึ ไมมคี วามสบายใจเลย, แมจักนาํ นางกุมารกิ ามาใหเจา . เขาแมห า ม (มารดา) หลายครั้งแลวไดน ิ่งเสีย. มารดานัน้ ออกจากเรือน เพือ่ จะไปสตู ระกูลแหง หนงึ่ . ลาํ ดับนน้ั บุตรถามมารดาวา \"แมจะไปตระกลู ไหน?\" เมอ่ืมารดาบอกวา \"จะไปตระกูลช่อื โนน \" ดังนี้แลว หา มการที่จะไปตระกลู น้นั เสียแลว บอกตระกลู ท่ีตนชอบใจให. มารดาไดไปตระกูลนน้ัหมนั้ นางกหุ าริกาไวแ ลว กาํ หนดวนั (แตง งาน) นํานางกมุ าริกาคนน้ันมา ไดท าํ ไวใ นเรอื นของบุตร. นางกมุ าริกานน้ั ไดเปนหญงิ หมัน.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 69ทนี น้ั มารดาจึงพดู กะบุตรวา \"พอ เจา ใหแ มน าํ นางกุมาริกามาตามชอบใจของเจาแลว บัดน้ี นางกุมารกิ านั้นเปน หมนั , ก็ธรรมดาตระกลู ทไี่ มมบี ุตรยอมฉิบทาย. ประเพณียอ มไมสบื เนอื่ งไป, เพราะฉะน้ันแมจ กั นํานางกมุ าริกาคนอ่ืนมา (ใหเ จา)\" แมบตุ รน้นั กลา วหามอยวู า\"อยาเลย แม\" ดงั น้ี ก็ยังไดก ลา ว (อยา งน้ัน) บอยๆ. หญิงหมันไดยนิ คาํ นี้ จงึ คิดวา \"ธรรมดาบุตร ยอมไมอ าจฝน คํามารดาบดิ าไปได, บัดนี้ แมผวั คดิ จะนําหญิงอื่น ผูไ มเปน หมนั มาแลว ก็จักใชเราอยา งทาส,ี ถา อยางไรเราพึงนาํ นางกุมารกิ าคนหน่ึงมาเสยี เอง\" ดังน้ีแลวจึงไปยังตระกูลแหงหนง่ึ ขอนางกมุ ารกิ า เพือ่ ประโยชนแกสามี, ถูกพวกชนในตระกลู นั้นหา มวา \"หลอ นพดู อะไรเชน นนั้ \" ดังนแ้ี ลว จงึออ นวอนวา \"ฉนั เปนหมัน ตระกูลทไ่ี มมบี ุตร ยอ มฉบิ ทาย บตุ รขี องทา นไดบุตรแลว จกั ไดเ ปนเจา ของสมบตั ิ, ขอทา นโปรดยกบุตรีน้ันใหแกสามขี องฉันเถดิ \" ดังน้ีแลว ยังตระกูลน้นั ใหยอมรับแลว จงึ นํามาไวใ นเรือนของสามี. ตอ มา หญิงหมนั น้นั ไดม คี วามปริวติ กวา \"ถานางคนนีจ้ ักไดบุตรหรือบตุ รีไซร จักเปน เจาของสมบัตแิ ตผ ูเดยี ว, ควรเราจะทาํ นางอยาใหไ ดทารกเลย.\" เมยี หลวงปรงุ ยาทาํ ลายครรภเมยี นอย ลาํ ดบั นั้น หญิงหมนั จึงพดู กะนางน้ันวา \"ครรภต้งั ข้นึ ในทองหลอ นเมื่อใด ขอใหหลอ นบอกแกฉนั เมอื่ นน้ั .\" นางนน้ั รบั วา \"จะ \"เมอื่ ครรภต ้งั แลว ไดบ อกแกหญิงหมันนัน้ . สว นหญิงหมันนน้ั แลให
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 70ขา วตมและขา วสวยแกนางนนั้ เปนนติ ย. ภายหลัง นางไดใหยาสําหรับทําครรภใหตก ปนกบั อาหารแกนางน้นั . ครรภก ต็ ก [แทง]. เมอื่ครรภตัง้ แลว เปนคร้งั ที่ ๒ นางกไ็ ดบ อกแกหญงิ หมนั นัน้ . แมหญงิ หมันก็ไดทําครรภใหตก ดว ยอุบายอยางนนั้ นั่นแล เปน ครงั้ ท่ี ๒. ลําดบั นั้น พวกหญงิ ทีค่ ุนเคยกัน ไดถามนางนน้ั วา \"หญิงรวมสามที าํ อันตรายหลอนบางหรือไม ? นางแจงความนน้ั แลว ถกู หญิงเหลาน้นั กลาววา \"หญงิ อนั ธพาล เหตุไร หลอ นจึงไดทาํ อยางน้ันเลา ?หญงิ หมนั น้ี ไดป ระกอบยาสาํ หรบั ทําครรภใ หตกใหแกห ลอน เพราะกลวั หลอ นจะเปน ใหญ, เพราะฉะนนั้ ครรภของหลอนจึงตก, หลอนอยา ไดทําอยางนอ้ี ีก.\" ในครัง้ ท่ี ๓ นางจึงมไิ ดบอก. ตอมา [ฝา ย]หญิงหมนั เห็นทองของนางน้ันแลวจึงกลาววา \"เหตุไร ? หลอ นจึงไมบอกความที่ครรภต ง้ั แกฉ นั \" เม่ือนางนน้ั กลา ววา \"หลอนนาํ ฉนั มาแลวทาํ ครรภใหตกไปเสียถึง ๒ ครงั้ แลว, ฉันจะบอกแกห ลอนทาํ ไม ?\" จึงคิดวา \"บดั นี้ เราฉิบหายแลว คอยแลดูความประมาทของนางกุมารกิ านั้นอย.ู เมื่อครรภแกเ ต็มทแี่ ลว , จึงไดชอง ไดประกอบยาใหแลวครรภไ มอาจตก เพราะครรภแ ก จงึ นอนขวาง [ทวาร]. เวทนากลาแข็งขึน้ . นางถึงความส้ินชวี ติ .๑ นางตงั้ ความปรารถนาวา \"เราถกู มันใหฉบิ หายแลว , มันเองนาํเรามา ทําทารกใหฉ บิ หายถงึ ๓ คนแลว, บดั น้ี เราเองกจ็ ะฉบิ หาย,บดั น้ี เราจุตจิ ากอตั ภาพน้ี พึงเกิดเปน นางยักษิณี อาจเคี้ยวกนิ ทารกของมนั เถิด\" ดงั นีแ้ ลว ตายไปเกิดเปนแมแ มวในเรอื นนน้ั เอง. ฝา ยสามี จับหญงิ หมนั แลว กลา ววา \"เจา ไดท ําการตดั ตระกูลของเราให๑.ชีวิตกฺขย .
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 71ขาดสญู \" ดงั น้ีแลว ทุบดว ยอวยั วะทงั้ หลายมีศอกและเขา เปนตนใหบอบซาํ้ แลว . หญิงหมนั นน้ั ตายเพราะความเจบ็ นน้ั แล แลวไดเกดิ เปนแมไกใ นเรอื นนั้นเหมอื นกนั . ผลัดกันสังหารคนละชาตดิ วยอํานาจผูกเวร จําเนียรกาลไมนาน แมไกไดต กฟองหลายฟอง. แมแ มวมากินฟองไกเหลานั้นเสยี . ถึงครง้ั ที่ ๒ คร้งั ที่ ๓ มันกไ็ ดก นิ เสยี เหมือนกัน.แมไกทาํ ความปรารถนาวา \"มันกินฟองของเราถึง ๓ ครง้ั แลว เดยี๋ วนี้มนั กอ็ ยากกินตวั เราดวย. เดีย๋ วน้ี เราจุตจิ ากอัตภาพนี้แลว พงึ ไดก ินมันกับลกู ของมนั \" ดงั นีแ้ ลว จุติจากอัตภาพนัน้ ไดเกดิ เปนแมเสือเหลอื ง.ฝา ยแมแ มว ไดเ กิดเปน แมเ นอื้ . ในเวลาแตเนอ้ื นน้ั คลอดลกู แลว ๆแมเสอื เหลอื ง กไ็ ดม ากินลกู ท้งั หลายเสยี ถงึ ๓ ครงั้ . เม่อื เวลาจะตายแมเนือ้ ทาํ ความปรารถนาวา \"พวกลกู ของเรา แมเ สอื เหลอื งตัวนี้กนิ เสียถึง ๓ ครง้ั แลว เดย๋ี วน้มี ันจักกินตวั เราดว ย. เดยี๋ วน้เี ราจตุ ิจากอตั ภาพนี้แลว พึงไดก นิ มนั กบั ลูกของมนั เถดิ \" ดังนแ้ี ลว ไดต ายไปเกิดเปนนางยักษณิ .ี ฝา ยแมเ สอื เหลอื ง จุตจิ ากอัตภาพนัน้ แลวไดเกิดเปน กลุ ธิดา*ในเมอื งสาวัตถ.ี นางถึงความเจรญิ แลว ไดไ ปสตู ระกลู สามีในบา นรมิประตู [เมือง]. ในกาลตอมา นางไดคลอดบตุ รคนหนึง่ . นางยกั ษิณีจาํ แลงตัวเปน หญงิ สหายท่รี กั ของเขามาแลว ถามวา \"หญงิ สหายของฉนัอยทู ีไ่ หน ?\" พวกชาวบานไดบ อกวา \"เขาคลอดบตุ รอยูภ ายในหอง.\"นางยักษณิ ีฟงคาํ นั้น แสรงพดู วา \"หญิงสหายของฉันคลอดลูกเปนชายหรอื หญิงหนอ. ฉนั จกั ดูเด็กนัน้ \" ดงั น้แี ลว เขา ไปทําเปนแลดอู ยู จับ๑. หญิงสาวของตระกลู หญงิ สาวในตระกูล หรอื หญิงสาวมิตระกลู .
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 72ทารกกนิ แลว กไ็ ป ถึงในหนท่ี๒ กไ็ ดกนิ เสยี เหมือนกนั . ในหนท่ี ๓นางกุลธิดามคี รรภแ ก เรียกสามมี าแลว นอกวา \"นาย นางยกั ษณิ ีคนหนึง่ กนิ บุตรของฉนั เสียในท่นี ้ี ๒ คนแลวไป, เดี๋ยวน้ี ฉนั จกั ไปสเู รือนแหงตระกูลของฉนั คลอดบุตร\" ดงั น้แี ลว ไปสเู รือนแหง ตระกูลคลอด[บุตรท่นี ัน่ ]. ในกาลน้นั นางยกั ษิณีนัน้ ถึงคราวสง นาํ้ . ดวยวา นางยักษิณที ้ังหลายตองตักนาํ้ จากสระอโนดาตทูนบนศีรษะมา เพ่อื ทา วเวสสวณั ตามวาระ ตอ ลว ง ๔ เดอื นบาง ๕ เดือนบา งจึงพน (จากเวร) ได. นางยกั ษิณีเหลา อนื่ มกี ายบอบชํา้ ถงึ ความสิน้ ชีวติ บา งกม็ ี.สว นนางยกั ษณิ ีนน้ั พอพนจากเวรสง นํ้าแลวเทา น้ัน กร็ ีบไปสูเรอื นนน้ัถามวา \"หญงิ สหายของฉันอยูท ี่ไหน?\" พวกชาวบานบอกวา \"ทา นจกั พบเขาที่ไหน ? นางยักษิณคี นหนึ่งกินทารกของเขาทีค่ ลอดในท่ีน,้ีเพราะฉะน้นั เขาจงึ ไปสูเรือนแหงตระกูล.\" นางยักษณิ ีนนั้ คิดวา \"เขาไปในทไ่ี หน ๆ กต็ ามเถิด จักไมพนเราได\" ดังนแี้ ลว อันกาํ ลังเวรใหอตุ สาหะแลว วิง่ บา ยหนาไปสูเ มอื ง. ฝายนางกลุ ธดิ า ในวนั เปน ทีร่ ับชือ่ใหทารกน้ันอาบนํ้า ต้งั ช่ือแลว กลาวกะสามวี า \"นาย เดยี๋ วน้ี เราพากนั ไปสเู รอื นของเราเถิด\" อุมบุตรไปกับสามี ตามทางอันตดั ไปในทามกลางวิหาร มอบบุตรใหส ามแี ลว ลงอาบน้าํ ในสระโบกขรณขี า งวหิ ารแลว ข้ึนมารบั เอาบุตร. เม่อื สามีกําลงั อาบนํ้าอย,ู ยืนใหบ ตุ รดืม่ นมแลเหน็ นางยักษิณมี าอยู จําไดแลว รองดว ยเสยี งอันดงั วา \"นาย มาเรว็ ๆเถดิ นีน้ างยกั ษิณตี นน้ัน\" ดงั นแ้ี ลว ไมอ าจยนื รออยจู นสามีนัน้ มาไดว่งิ กลับบายหนา ไปสภู ายในวหิ ารแลว.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 73 เวรไมร ะงบั ดว ยเวร แตร ะงับไดดวยไมผกู เวร ในสมัยน้นั พระศาสดา ทรงแสดงธรรมอยูใ นทามกลางบรษิ ทั .นางกลุ ธดิ าน้ัน ใหบุตรนอนลงเคยี งหลงั พระบาทแหงพระตถาคตเจาแลวกราบทลู วา \"บตุ รคนน้ี ขาพระองคถวายแดพระองคแ ลว ขอพระองคป ระทานชีวติ แกบตุ รขา พระองคเถิด.\" สมุ นเทพ ผสู ิงอยูทีซ่ มุประตู ไมย อมใหน างยกั ษิณเี ขา ไปขา งใน. พระศาสดารบั ส่งั เรยี กพระอานนทเถระมาแลว ตรสั วา \"อานนท เธอจงไปเรียกนางยักษณิ ีน้ันมา.\" พระเถระเรียกนางยกั ษิณนี ัน้ มาแลว . นางกุลธิดา กราบทูลวา\"ขา แตพ ระองคผ เู จริญ นางยักษิณนี ้ีมา.\" พระศาสดาตรัสวา \"นางยกั ษิณจี งมาเถดิ , เจา อยา ไดร องไปเลย\" ดังนีแ้ ลว ไดต รสั กะนางยักษิณผี ูมายืนอยแู ลววา \"เหตุไร? เจาจงึ ทาํ อยา งนนั้ ก็ถา พวกเจาไมมาสเู ฉพาะหนา พระพทุ ธเจา ผูเชนเราแลว เวรของพวกเจา จักไดเปนกรรมตั้งอยูช่ัวกัลป เหมอื นเวรของงกู ับพงั พอน, ของหมกี บั ไมสะครอ และของกากับนกเคา, เหตไุ ฉน พวกเจาจงึ ทาํ เวรและเวรตอบแกกนั ? เพราะเวรยอมระงบั ไดด ว ยความไมมเี วร หาระงับไดด ว ยเวรไม\"ดงั นี้แลว ไดต รัสพระคาถาน้วี า ๔. น หิ เวเรน เวรานิ สมฺมนตฺ ธี กุทาจน อเวเรน จ สมมฺ นตฺ ิ เอส ธมโฺ ม สนนฺตโน. \"ในกาลไหน ๆ เวรทง้ั หลายในโลกนี้ ยอ ม ไมร ะงบั ดว ยเวรเลย กแ็ ตยอมระงับไดด ว ยความ ไมมีเวร, ธรรมนเ้ี ปน ของเกา .\"
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 74 แกอ รรถ บรรดาบทเหลานน้ั บทวา น หิ เวเรน เปนตน ความวาเหมอื นอยางวา บุคคล แมเม่อื ลางท่ซี ึง่ เปอนแลว ดวยของไมส ะอาดมีนํ้าลายและน้ํามูกเปนตน ดวยของไมส ะอาดเหลา น้นั แล ยอ มไมอาจทาํใหเปนที่หมดจด หายกลน่ิ เหมน็ ได, โดยทแ่ี ท ทีน่ ้นั กลบั เปนทีไ่ มห มดจดและมีกล่ินเหมน็ ยง่ิ กวาเกา อีก ฉันใด. บุคคลเม่อื ดา ตอบชนผูด าอยูประหารตอบชนผปู ระหารอยู ยอมไมอ าจยงั เวรใหร ะงบั ดว ยเวรได, โดยท่แี ท เขาชื่อวา ทาํ เวรนัน่ เองใหย ง่ิ ขึ้น ฉันน้นั นน่ั เทียว. แมในกาลไหน ๆขึ้นช่ือวา เวรทั้งหลาย ยอมไมระงับไดดวยเวร, โดยท่แี ท ชือ่ วายอ มเจรญิ อยางเดียว ดวยประการฉะน้.ี สองบทวา อเวเรน จ สมฺมนตฺ ิ ความวา เหมือนอยางวา ของไมสะอาด มนี ํ้าลายเปนตนเหลานั้น อันบุคคลลางดวยนํ้าทีใ่ สยอ มหายหมดได, ท่นี น้ั ยอ มเปนท่หี มดจด ไมม กี ลน่ิ เหมน็ ฉนั ใด, เวรท้ังหลายยอ มระงับ คือยอมสงบ ไดแก ยอ มถงึ ความไมมดี ว ยความไมม เี วรคือดว ยนาํ้ คือขนั ตแิ ละเมตตา ดว ยการทาํ ไวใ นใจโดยแยบคาย [และ]ดวยการพจิ ารณา ฉันน้ันน่ันเทียว. บาทพระคาถาวา เอส ธมโฺ ม สนฺนตโน ความวา ธรรมนี้คือท่นี ับวา ความสงบเวร ดวยความไมมีเวร เปน ของเกา คือเปนมรรคาแหงพระพทุ ธเจา พระปจ เจกพุทธเจา และพระขีณาสพท้ังหลายทุก ๆ พระองค ดาํ เนินไปแลว. ในกาลจบพระคาถา นางยกั ษณิ นี ัน้ ตัง้ อยใู นพระโสดาปต ตผิ ลแลว . เทศนาไดเ ปน กถามปี ระโยชน แมแกบ รษิ ัทผปู ระชุมกนั แลว .
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 75 นางยักษิณรี ฝู นมากฝนนอ ย พระศาสดา ไดตรัสกะหญิงน้ันวา \"เจา จงใหบตุ รของเจา แกนางยักษณิ ีเถดิ .\" ญ. ขา แตพ ระองคผ เู จรญิ ขาพระองคก ลัว. ศ. เจา อยากลวั เลย, อนั ตรายยอมไมม แี กเ จา เพราะอาศัยนางยักษิณนี .ี้ นางไดใ หบุตรแกน างยักษิณนี ัน้ แลว . นางยักษณิ นี ัน้ อมุ ทารกนัน้จูบกอดแลว คนื ใหแ กมารดาอีก ก็เร่มิ รองไห. ลาํ ดบั น้ัน พระศาสดา ตรสั ถามนางยักษณิ ีนน้ั วา \"อะไรนนั่ ?\" นางยกั ษิณีน้นั กราบทูลวา \"ขาแตพ ระองคผ เู จริญ เมอ่ื กอนขาพระองค แมสําเร็จการเลี้ยงชพี ดวยไมเ ลอื กทาง ยังไมไดอาหารพอเตม็ ทอ ง, บัดน้ี ขาพระองคจ ะเลยี้ งชพี ไดอยางไร.\" ลาํ ดบั นน้ั พระศาสดา ตรัสปลอบนางยักษิณนี ้ันวา \"เจา อยาวติ กเลย\" ดงั น้แี ลว ตรสั กะหญิงน้นั วา \"เจา จงนาํ นางยกั ษิณไี ปใหอยูใ นเรือนของตนแลว จงปฏิบัติดว ยขาวตมและขา วสวยอยางด.ี \" หญงินน้ั นํานางยกั ษิณไี ปแลว ใหพ ักอยูในโรงกระเด่ือง ไดป ฏิบตั ดิ วยขา วตมและขาวสวยอยางดแี ลว . ในเวลาซอ มขาวเปลือก สากปรากฏแกนางยักษณิ นี ั้นดุจตอยศีรษะ. เขาจงึ เรียกนางกลุ ธิดาผสู หายมาแลว พูดวา\" ฉันจักไมอ าจอยูในทน่ี ี้ได ขอทานจงใหฉ ันพกั อยูในที่อื่นเถดิ \" แมอนั หญงิ สหายนัน้ ใหพกั อยูใ นทเ่ี หลานี้ คือในโรงสาก ขางตุมน้าํ ริมเตาไฟ ริมชายคา ริมกลงหยากเยอื่ รมิ ประตบู า น, (นาง) ก็กลาววา\" ในโรงสากนี้ สากยอมปรากฏดุจตอยศรี ษะฉันอย,ู ทข่ี างตุมนํา้ นี้ พวก
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 76เดก็ ยอ มราดนาํ้ เปน เดนลงไป, ท่ีรมิ เตาไฟนี้ ฝูงสนุ ัขยอ มมานอน, ท่ีริมชายคานี้ พวกเดก็ ยอ มทําสกปรก, ท่รี มิ กองหยากเยื่อนี้ ชนทัง้ หลายยอ มเทหยากเย่ือ, ท่รี มิ ประตบู า นน้ี เดก็ พวกชาวบาน ยอ มเลน การพนนักนั ดว ยคะแนน\" ดงั นแี้ ลว ไดหา มทท่ี ัง้ ปวงนั้นเสยี . คร้งั นั้น หญิงสหาย จงึ ใหนางยักษิณีนน้ั พกั อยูในท่อี นั สงดั ภายนอกบานแลว นําโภชนะมขี าวตมและขา วสวยเปน ตน อยา งดไี ปเพอ่ื นางยกั ษิณีน้ัน แลวปฏบิ ตั ใิ นท่ีน้นั . นางยักษิณนี ัน้ คดิ อยางนี้วา \"เดี๋ยวนี้หญิงสหายของเราน้ี มีอุปการะแกเ รามาก, เอาเถอะเราจกั ทําความแทนคณุ สักอยางหนงึ่ \" ดงั น้ีแลว ไดบ อกแกห ญงิ สหายวา \"ในปน ้ีจักมฝี นดี, ทานจงทาํ ขาวกลา ในท่ดี อนเถิด, ในปน้ฝี นจกั แลง ทานจงทาํ ขา วกลาในทล่ี มุ เถดิ . ขา วกลา อันพวกชนทเ่ี หลือทําแลว ยอมเสยี หายดว ยนาํ้ มากเกินไปบา ง ดวยนาํ้ นอ ยบา ง. สวนขา วกลาของนางกุลธิดาน้ันยอ มสมบรู ณเหลอื เกนิ . นางยักษณิ เี รม่ิ ต้ังสลากภตั คร้งั นน้ั พวกชนทเ่ี หลือเหลาน้ัน พากนั ถามนางวา \"แม ขา วกลา ทีห่ ลอนทาํ แลว ยอมไมเ สียหายดว ยนา้ํ มากเกนิ ไป ยอ มไมเ สยี หายดว ยน้ํานอ ยไป, หลอ นรูความท่ีฝนดีและฝนแลงแลว จึงทาํ การงานหรือ ? ขอน้ีเปนอยา งไรหนอแล ?\" นางบอกวา \"นางยักษณิ ี ผเู ปน หญงิ สหายของฉันบอกความทฝ่ี นดแี ละฝนแลงแกฉัน, ฉันทําขา วกลา ท้ังหลายในท่ีดอนและทีล่ ุม ตามคําของยกั ษณิ ีนั้น, เหตนุ ั้น ขา วกลา ของฉนั จึงสมบรู ณด,ีพวกทา นไมเ หน็ โภชนะมีขาวตมและขาวสวยเปนตน ทฉี่ ันนําไปจากเรอื น
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 77เนอื งนติ ยหรอื ? สง่ิ ของเหลานัน้ ฉนั นําไปใหนางยกั ษณิ ีนัน้ . แมพวกทานก็จงนาํ โภชนะมขี า วตมและขาวสวยเปน ตนอยางดี ไปใหนางยกั ษณิ ีบา งซิ, นางยักษิณกี ็จกั แลดูการงานของพวกทา นบา ง.\" คร้ังนั้น พวกชนชาวเมอื งทั้งสน้ิ พากนั ทาํ สกั การะแกนางยักษิณีนั้นแลว. จําเดิมแตน ้นั มา นางยกั ษิณแี มนั้น แลดูการงานทงั้ หลายของชนทงั้ ปวงอยู ไดเปนผถู ึงลาภอันเลิศ [และ] มีบรวิ ารมากแลว. ในกาลตอมา นางยักษิณีนน้ั เริม่ ต้งั สลากภัต ๘ ทแี่ ลว . สลากภัตนน้ั ชนท้งั หลายยงั ถวายอยจู นกาลทุกวนั น้ีแล. เรื่องความเกดิ ข้ึนของนางกาลียักษิณี จบ.
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 78 ๕. เรือ่ งภกิ ษชุ าวเมืองโกสมั พี [๕] ขอ ความเบ้อื งตน พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยูในพระเชตวัน ทรงปรารภพวกภิกษุชาวเมอื งโกสัมพี ตรสั พระธรรมเทศนานวี้ า \"ปเร จ น วชิ านนฺต\"ิเปน ตน . พระวินัยธรกับพระธรรมกถกึ เถียงกนั เรือ่ งวินยั ความพสิ ดารวา ภกิ ษุ ๒ รูป คือ พระวินยั ธรรปู ๑ พระธรรม-กถึกรูป ๑ มีบริวารรปู ละ ๕๐๐ ไดอ ยูท่โี ฆสิตาราม ใกลเ มืองโกสัมพ.ีวนั หนงึ่ ในภกิ ษุ ๒ รูปนนั้ พระธรรมกถกึ ไปถามแลว เวน นา้ํ ชําระที่เหลอื ไวใ นภาชนะ ทซ่ี ุม นํ้าแลว กอ็ อกมา. ภายหลัง พระวินยั ธรเขา ไปท่ีซุมนํ้านั้น เหน็ นา้ํ นน้ั ออกมาถามพระธรรมกถกึ นอกน้วี า\"ผมู ีอายุ ทานเหลอื น้าํ ไวห รอื ?\" ธ. ขอรบั ผูมีอายุ. ว. ทา นก็ไมร ูว าอาบตั ิ ในเพราะการเหลอื นํา้ ไวน ี้หรือ ? ธ. ขอรบั ผมไมท ราบ ว. ไมร กู ็ชางเถดิ ผมู อี ายุ เปน อาบัติในขอ นี้. ธ. ถาอยา งนน้ั ผมจักทาํ คนื อาบตั นิ ัน้ เสีย. ว. ผมู อี ายุ กถ็ าวาขอนั้นทา นไมแ กลง ทาํ เพราะความไมม ีสต,ิอาบตั ิไมมี.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 79 พระธรรมกถึกนนั้ ไดเปน ผมู คี วามเห็นอาบตั นิ นั้ วามใิ ชอาบตั .ิ ฝา ยพระวินยั ธร ไดบ อกแกพ วกนิสติ ของตนวา \"พระธรรมกถึกรปู นี้ แตต องอาบตั ิก็ไมร .ู \" พวกนิสิตพระวินยั ธรน้ัน เหน็ พวกนิสิตของพระธรรมกถกึ นนั้ แลว ไดกลาววา \"พระอปุ ชฌายข องพวกทานแมต อ งอาบัตแิ ลว กไ็ มร วู าเปนอาบัติ.\" พวกนิสติ ของพระธรรมกถกึ นั้นไปแจง แกพระอุปช ฌายข องตนแลว . พระธรรมกถึกนั้น พูดอยา งน้วี า\"พระวินยั ธรรปู นี้ เม่อื กอนพูดวา 'ไมเ ปนอาบตั ิ,' เดยี๋ วนี้พดู วา' เปน อาบัติ,' พระวนิ ัยธรนน้ั พูดมสุ า;\" พวกนสิ ติ ของพระธรรมกถกึนน้ั ไปกลา ววา \"พระอุปช ฌายข องพวกทา น พดู มุสา.\" พวกนสิ ิตของพระวินัยธรและพระธรรมกถึกนั้น ทําความทะเลาะกันและกันใหเ จริญแลว ดวยประการอยางนี.้ ภายหลัง พระวินัยธรไดโอกาสแลว จึงไดทําอุกเขปนียกรรมแก๑พระธรรมกถกึ เพราะโทษทีไ่ มเ ห็นอาบัติ. จําเดิมแตก าลนนั้ แมพวกอุปฏ ฐากผูถวายปจจัยของภกิ ษุ ๒ รปู นน้ั ก็ไดเปน ๒ ฝาย. พวกภกิ ษุณีผูร ับโอวาทกด็ ี พวกอารักขเทวดากด็ ๒ี ของภิกษุ ๒ รปู น้ัน พวกอากาสฏั ฐเทวดา๓ ผเู พอ่ื นเห็น เพอ่ื นคบ ของพวกอารักขเทวดาเหลา นน้ักด็ ี พวกปถุ ุชนท้งั ปวงกด็ ี ไดเ ปน ๒ ฝาย ตลอดจนพรหมโลกก็โกลาหลกึกกองเปนเสยี งเดียว ไดข ้ึนไปจนถึงอกนิฏฐภพ. พระศาสดาตรัสสอนใหสามัคคีกนั ครั้งนนั้ ภกิ ษุรปู หนึ่ง เขา ไปเฝา พระตถาคตเจา กราบทูลการ๑. กรรมท่ีสงฆจะพงึ ทําแกภ กิ ษทุ ่ีสงฆส มควรจะยกเสยี . ๒. เทวดาผคู มุ ครองรกั ษา ๓. เทวดาผสู ถิตอยใู นอากาศ.
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาท่ี 80ทพ่ี วกภิกษุผูย กวัตรถือวา ๑ \"พระธรรมถกึ รปู น้ี สงฆยกเสียแลว ดวยกรรมท่ปี ระกอบดวยธรรมแท,\" และการท่ีพวกภกิ ษุผปู ระพฤตติ ามพระธรรม-กถกึ ผูทส่ี งฆย กเสียแลวถอื วา \"พระอปุ ช ฌายของพวกเรา สงฆย กเสยี แลวดวยกรรมซึง่ มไิ ดประกอบดวยธรรม,\" และการท่ีพวกภิกษผุ ูประพฤติตามพระธรรมกถกึ ผทู ีส่ งฆย กวัตรเหลานัน้ แมอ นั พวกภกิ ษผุ ูยกวตั รหา มอยูก็ยังขืนเทยี่ วตามหอมลอ มพระธรรมกถึกน้ัน. พระผมู ีพระภาคเจา ทรงสง โอวาทไปวา \"นัยวา ภิกษุทั้งหลายจงพรอ มเพรียงกัน\" ถงึ ๒ คร้ังทรงสดบั วา \"ขาแตพระองคผเู จริญ ภกิ ษทุ ัง้ หลายไมป รารถนาจะเปนผูพรอ มเพรียงกนั ,\" คร้นั หนท่ี ๓ ทรงสดับวา \"ภกิ ษสุ งฆแตกกันแลวภิกษุสงฆแ ตกกนั แลว \" ดงั นี้ จงึ เสดจ็ ไปสสู าํ นกั ของเธอทง้ั หลายแลวตรสั โทษในการยกวตั รของพวกภิกษผุ ูยกวตั ร และโทษในการไมเ หน็อาบัติของพวกภิกษนุ อกนี้แลว ทรงอนญุ าตสังฆกรรมทง้ั หลายมีอโุ บสถเปน ตน ในสมี าเดยี วกันทโี่ ฆสติ ารามนั่นเอง แกเ ธอทง้ั หลายอกี แลวทรงบัญญตั วิ ัตรในโรงฉันวา \"ภิกษุทัง้ หลาย พงึ นงั่ ในแถวมอี าสนะหนงึ่ ๆในระหวา ง๒ ๆ\" ดังน้เี ปนตน แกเธอทง้ั หลาย ผูเ กดิ การแตกราวในสถานทท่ี ้ังหลาย มีโรงฉนั เปนตน แลวทรงสดบั วา \"ถงึ เดี๋ยว นี้ ภกิ ษุทง้ั หลาย กย็ งั เกิดการแตกรา วกันอย\"ู จงึ เสดจ็ ไปทโ่ี ฆสิตารามนั้นแลวตรสั หา มวา \"อยาเลย ภกิ ษุทั้งหลาย พวกทานอยา ไดท ําการแตกราวกัน\"ดังน้เี ปน ตนแลว ตรัสวา \"ภกิ ษทุ ้งั หลาย ข้นึ ชอ่ื วา การแตกราว การทะเลาะ การแกง แยง และการววิ าทนั่น ทําความฉิบทายให. แทจ รงิ๑. ลทฺธึ. ๒. ไดแ กน่งั เปนแถว เวน ชอ งวา งไวใหภ ิกษุอนื่ เขา แทรกน่งั ไดร ูปหนึ่ง ๆในระหวา ง.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนาที่ 81แมน างนกลฏก ิกา๑ อาศัยการทะเลาะกัน ยงั อาจทาํ พระยาชา งใหถึงความสิ้นชวี ิต\" ดงั นี้แลว ตรัสลฏกิกชาดก๒แลว ตรสั วา ภกิ ษุทัง้ หลายขอพวกทา นจงพรอ มเพรยี งกันเถิด อยา วิวาทกนั เลย, เพราะวา แมน กกระจาบดังหลายพัน อาศยั ความวิวาทกนั ไดถึงความส้นิ ชวี ติ \" ดงั น้ีแลวตรัสวัฏฏกชาดก.๓ ตรัสสอนเทาไรกไ็ มเชอ่ื แมอ ยางนี้ พวกภิกษนุ น้ั ก็ไมเธอถอื ถอยคาํ , เม่ือภิกษผุ เู ปนธรรมวาทรี ปู ใดรปู หนึง่ ไมพ อใจใหพ ระตถาคตเจาทรงลาํ บาก กราบทลู วา \"ขาแตพระองคผ ูเจรญิ ขอพระผมู ีพระภาคเจา ผเู จาของแหงธรรมทรงรอกอ น, ขาแตพ ระองคผ ูเจริญ ขอพระผมู พี ระภาคเจาทรงมีความขวนขวายนอย หมน่ั ประกอบธรรมเคร่ืองอยเู ปน สขุ ในทฏิ ฐธรรมอยูเถิด;พวกขาพระองคจ ักปรากฏ เพราะการแตกรา ว การทะเลาะ การแกงแยงและการววิ าทนัน่ เอง; พระผูมพี ระภาคเจาตรสั เลาถงึ ความทพ่ี ระเจา ทีฆีต-ิโกศลราช ถูกพระเจาพรหมทัต ชิงเอาราชสมบัติ ปลอมเพศไมใ หใครรูจ ัก เสดจ็ อยู (ในเมอื งพาราณส)ี ถกู จบั ปลงพระชนมเสีย และความท่ีพระเจา พรหมทัต และทีฆาวุกมุ ารเหลานนั้ พรอ มเพรียงกนั จาํ เดมิ แตเมือ่ ทฆี าวกุ ุมารยกพระชนมของพระองคถ วายวา \"ภิกษทุ ้งั หลาย เรือ่ งนี้ไดเคยมแี ลว ในเมอื งพาราณสี ไดม พี ระเจากรุงกาสี (พระองคห น่งึ )ทรงพระนามวาพระเจา พรหมทัต\" ดังนีเ้ ปนตน แมต รัสสอนวา \"ภิกษุ๑. นกไส. ๒. ขุ. ชา. ปญจก. ๒๗/๑๗๐. อรรถกถา. ๔/๔๔๖. ๓. ขุ ชา. เอก. ๒๗/๓๘.อรรถกถา. ๒/๒๙๗.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ที่ 82ท้ังหลาย ความอดกลนั้ และความสงบเสงยี่ ม. เห็นปานนั้น๑ ยังไดมีแลวแกพระราชาเหลา น้นั ผมู ีไมอนั ถอื ไวแลว ผูม ีศัสตราอันถอื ไวแลว ;ขอทีท่ า นท้ังหลายผูบ วชแลวในธรรมวินัยท่กี ลา วชอบแลว อยางนี้ ควรเปนผอู ดกล้นั เปนผูส งบเสงี่ยม, จะพึงงามในธรรมวินัยน้แี ล ภกิ ษุท้ังหลาย\"ดังนี้แลว กไ็ มส ามารถจะทําเธอทง้ั หลาย ใหพรอมเพรียงกันไดเ ลย. พระศาสดาทรงระอาจึงเสด็จหนไี ปจาํ พรรษาอยปู ารกั ขติ วัน พระองคทรงระอาพระทัย เพราะความอยูอ าเกียรณนน้ั ทรงพระ-ดํารวิ า \"เดีย๋ วน้ีเราอยอู าเกียรณเปนทุกข. และภกิ ษเุ หลานัน้ ไมทาํ (ตาม)คําของเรา ถา อยา งไร เราพงึ หลกี ออกจากหมูอยูผเู ดียว\" ดังนี้เสดจ็ เที่ยวบิณฑบาตในเมอื งโกสมั พี ไมตรัสบอกพระภกิ ษสุ งฆ ทรงถือบาตรจวี รของพระองค เสดจ็ ไปพาลกโลณการาม แตพ ระองคเ ดยี วตรัสเอกจารกิ วัตร๒ แกพระภคุเถระทพี่ าลกโลณการามนั้นแลว ตรสัอานิสงสแ หง สามัคครี สเกก ุลบุตร ๓ คน ในมคิ ทายวัน๓ ชื่อปาจีนวังสะแลว เสด็จไปทางบานปารเิ ลยยกะ. ดงั ไดสดับมา ครงั้ น้ัน พระผูมพี ระ-ภาคเจา ทรงอาศัยบานปาริเลยยกะ เสด็จจําพรรษาอยูท ี่ควงไมสาละใหญในราวปารักขติ วัน อันชางปาริเลยยกะอุปฏฐากอยูเปนผาสกุ . พวกอบุ าสกทรมานพระภกิ ษุ ฝา ยพวกอบุ าสก ผูอยูใ นเมอื งโกสมั พแี ล ไปสูวหิ าร ไมเหน็พระศาสดา จงึ ถามวา \"พระศาสดาเสดจ็ อยูท่ีไหน ? ขอรับ.\" ภิกษุ๑. ภวิสสฺ ติ เปน กริ ยิ าอาขยาต บอกอนาคตกาล แตในประโยคน้มี ี หิ นาม จงึ แปลภวสิ ฺสติ เปน อดีตกาล. ๒. ไดแ กขอปฏิบตั ขิ องภกิ ษผุ อู ยแู ตผูอ ยูแ ตผูเ ดียว. ๓. ปา ซง่ึ ประทานใหห มเู นอื้ อาศยั ปา ชนิดนีใ้ ครจะทําอนั ตรายแกหมสู ตั วไ มได.
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หนา ท่ี 83เหลานั้นกลา ววา . \"พระองคเ สด็จไปสูร าวปา ปารเิ ลยยกะเสียแลว.\" อุ. เพราะเหตุอะไร ? ขอรบั . ภ. พระองคทรงพยายามจะทาํ พวกเราใหพ รอมเพรียงกนั . แตพวกเราหาไดเ ปน ผูพ รอมเพรยี งกันไม. อุ. ขา แตท า นผเู จริญ ทา นท้ังหลายบวชในสาํ นักของพระศาสดาแลว , ถึงเมือ่ พระองคท รงทาํ สามคั ค,ี ไมไดเ ปนผูสามัคคกี ันแลว หรอื ? ภ. อยา งนัน้ แล ผมู อี าย.ุ พวกมนุษยคดิ กนั วา \"ภิกษพุ วกนี้ บวชในสาํ นกั ของพระศาสดาแลว , ถงึ เมอื่ พระองคท รงทําสามคั คีอยู, กไ็ มสามคั คกี นั แลว ; พวกเราไมไดเหน็ พระศาสดา เพราะอาศัยภิกษพุ วกน;้ี พวกเราจักไมถ วายอาสนะ จักไมท ําสามีจกิ รรมมกี ารไหวเปนตนแกภ กิ ษพุ วกน:้ี \" จําเดมิแตน ั้นมา กไ็ มทําสามจี ิกรรมแกภิกษุพวกนนั้ . เธอท้งั หลายซูบซดี เพราะมอี าหารนอ ย, โดยสองสามวนั เทานัน้ ก็เปน คนตรง แสดงโทษทลี่ วงเกินแกกันและกนั ตา งรูปตา งขอขมากนั แลว กลา ววา\"อุบาสกท้งั หลาย พวกเราพรอ มเพรียงกันแลว . ฝายพวกทาน ขอใหเปน พวกเราเหมอื นอยา งกอน.\" อ.ุ พวกทานทลู ขอขมาพระศาสดาแลวหรอื ? ขอรับ. ภ. ยังไมไ ดท ูลขอขมา ผมู ีอาย.ุ อ.ุ ถาอยา งนัน้ ขอพวกทา นทลู ขอขมาพระศาสดาเสีย, ฝา ยพวกขาพเจาจกั เปน พวกทานเหมือนอยางกอน ในกาลเม่ือพวกทานทลู ขอขมาพระศาสดาแลว . เธอทงั้ หลายไมสามารถจะไปสูสํานักของพระศาสดา เพราะเปน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 454
Pages: