Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_21

tripitaka_21

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:38

Description: tripitaka_21

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 119อยา งน้มี ิไดม ี. ดกู อนราชกุมาร น้เี ปน วชิ ชาท่ีสามทอ่ี าตมภาพไดบ รรลแุ ลว ในปจ ฉิมยามแหง ราตรี อวิชชาถกู กําจัดแลว วิชชาเกิดขึ้นแลว ความมืดถูกกําจดัแลว แสงสวา งเกดิ ขึ้นแลว แกอาตมภาพผูไ มประมาท มคี วามเพียร มตี นสงไปแลวอย.ู ความเปน ผูมคี วามขวนขวายนอย [๕๐๙] ดูกอนราชกมุ าร อาตมภาพนน้ั ไดมคี วามคิดเหน็ วา ธรรมท่ีเราบรรลุแลว นเ้ี ปนธรรมลกึ ยากที่จะเห็นได สัตวอ นื่ จะตรัสรูตามไดยากเปนธรรมสงบระงบั ประณีต ไมเ ปนวสิ ยั ทจี่ ะหย่ังลงไดดวยความตรึก เปนธรรมละเอยี ด อันบณั ฑติ จะพึงรูแจง . กห็ มสู ัตวน ้ีมคี วามอาลยั เปนที่รืน่ รมยยินดใี นความอาลยั บันเทิงนักในความอาลัย. ก็การที่หมูสตั วผ มู คี วามอาลยัเปน ทรี่ น่ื รมย ยินดีในความอาลยั บนั เทิงนักในความอาลยั จะเหน็ รานะนไี้ ดโดยยาก คือ สภาพท่ีอาศัยกันเกิดขนึ้ เพราะความมสี ง่ิ นี้เปน ปจ จยั . แมฐ านะนีก้ เ็ หน็ ไดย าก คอื สภาพเปน ท่ีระงับสังขารท้ังปวง ความสละคนื อุปธทิ งั้ ปวงความส้นิ ตัณหา ความปราศจากความกาํ หนัด ความดบั โดยไมเ หลือ นิพพาน.กเ็ ราพึงแสดงธรรม และสตั วเหลาอนื่ ก็จะไมรูท่ัวถึงธรรมของเรา น้ันจะพงึเปนความเหน็ดเหนื่อยเปลา เปน ความลาํ บากเปลาของเรา. ดูกอ นราชกมุ ารทีนั้น คาถาอันนาอัศจรรย ไมเ คยไดฟง มาในกาลกอ น มาปรากฏแจมแจงกะอาตมภาพวา บดั นี้ ยงั ไมส มควรจะประกาศธรรม ทีเ่ ราบรรลไุ ดโ ดยยาก ธรรมนีอ้ นั สัตว ทง้ั หลาย ผถู ูกราคะโทสะครอบงําไม- ตรัสรูไ ดง า ย สัตวท้งั หลาย อันราคะยอ ม

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 120 แลว อนั กองมดื หุมหอแลว จกั ไมเห็น ธรรม อันยงั สตั วใหไปทวนกระแส ละเอียด ลกึ ซ้ึง เห็นไดยาก เปน อณู ด้งั น้.ี ดูกอนราชกมุ าร เมอื่ อาตมภาพเหน็ ตระหนกั อยูดังนี้ จติ ของอาตมาภาพกน็ อ มไปเพื่อความเปนผมู ีความขวนขวายนอย ไมนอมไปเพ่อื แสดงธรรม. [๕๑๐] ดกู อ นราชกมุ าร คร้ังนั้น ทา วสหมั บดีพรหม ทราบความปรวิ ติ กแหงใจของอาตมภาพดวยใจแลว ไดม คี วามปรวิ ติ กวา ดูกอ นทานผูเ จรญิโลกจะฉบิ หายละหนอ ดูกอ นทา นผูเจรญิ โลกจะฉิบทายละหนอ เพราะจิตของพระตถาคตอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา นอมไปเพื่อความเปนผมู ีความขวนขวายนอยไมนอ มไปเพื่อแสดงธรรม. ครนั้ แลว ทา วสหมั บดพี รหมหายไปในพรหมโลกมาปรากฏขา งหนา ของอาตมภาพ เปรยี บเหมือนบรุ ุษมกี ําลงั พ่งึ เหยียดแขนที่คูออก หรือพงึ คแู ขนท่เี หยยี ดเขาฉะนน้ั . ลําดบั น้นั ทาวสหัมบดพี รหมหมผาเฉวียงบา ขา งหน่ึง ประนมอัญชลมี าทางอาตมภาพแลวไดก ลาววา ขา แตพระองคผเู จรญิ ขอพระผูม ีพระภาคเจา จงทรงแสดงธรรมแกข า พระองคเถดิขอพระสุคตจงทรงแสดงธรรมเถิด สตั วทง้ั หลายผมู ีกิเลสดุจธุลใี นจักษนุ อยมีอยูยอมจะเสือ่ มเพราะไมไดฟ งธรรม สัตวท ้ังหลายผรู ูท ั่วถึงธรรมจกั ยังมีอย.ู ดูกอ นราชกุมาร ทาวสหมั บดีพรหมไดก ลาวคํานแ้ี ลว ครัน้ แลว ภายหลังไดก ลา วคาถาประพันธอ นื่ นี้อีกวา ธรรมทผี่ มู มี ลทินทัง้ หลายคิดกนั แลว ไมบริสุทธ์ิ ไดป รากฏในชนชาวมคธ ทั้งหลายมากอนแลว ขอพระองคจงเปด อริยมรรค อนั เปนประตูพระนิพพานเถดิ

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 121 ขอสตั วทัง้ หลายจงไดฟ ง ธรรมที่พระองคผ ู ปราศจากมลทิน ตรัสรูแ ลวเถดิ ขา แต พระองคผ ูมเี มธาดี มจี ักษรุ อบคอบ ขอ พระองคผ ปู ราศจากความโศก จงเสดจ็ ขึน้ ปญญาปราสาทอันแลว ดวยธรรม ทรง พิจารณาดูประชุมชนผูเกลอื่ นกลนดวย ความโศก อนั ชาตชิ ราครอบงําแลว เปรียบเหมือนบคุ คลผูมจี กั ษุยืนอยูบนยอด ภเู ขาหินลวน พึงเหน็ ประชมุ ชนโดยรอบ ฉะนน้ั ขาแตพระองคผ ูกลาทรงชนะ สงความแลว ผูน าํ สตั วอ อกจากกันดารผู ไมเปน หนี้ ขอจงเสดจ็ ลกุ ขึ้นเท่ียวไปใน โลกเถดิ ขอพระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดง ธรรมเถดิ สัตวผ ูรทู ัว่ ถึงจกั มอี ยู. สัตวเ ปรยี บดว ยดอกบวั ๓ เหลา [๕๑๑] ดกู อ นราชกุมาร คร้นั อาตมภาพทราบวาทา วสหัมบดพี รหมอาราธนาและอาศยั ความกรุณาในสตั วท ัง้ หลาย จงึ ตรวจดูโลกดว ยพุทธจกั ษุ.เมือ่ อาตมภาพตรวจดโู ลกดว ยพทุ ธจักษุ ก็ไดเห็นหมูส ัตวซ ึ่งมกี ิเลสดุจธลุ ใี นจักษนุ อ ยกม็ ี มกี ิเลสดุจธุลีในจักษุมากกม็ ี มีอนิ ทรยี แ กก ลาก็มี มอี นิ ทรียออนก็มี มีอาการดกี ็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนใหร ไู ดงายก็มี จะพึงสอนใหร ูไดย ากก็มี บางพวกมปี รกตเิ หน็ โทษในปรโลกโดยเปน ภัยอยกู ม็ ี. เปรียบเหมอื นในกอบวั ขาบ ในกอบวั หลวง หรือในกอบวั ขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 122หรอื ดอกบัวขาว ซง่ึ เกิดในนา้ํ เจรญิ ในน้ํา บางเหลา ยงั ไมพ นนํ้า จมอยูใ นน้าํนํ้าหลอ เลีย้ งไว บางเหลาต้ังอยเู สมอนํา้ บางเหลาตัง้ ขน้ึ พน นํา้ นํา้ ไมต ิดฉันใด. ดกู อ นราชกมุ าร เมือ่ อาตมภาพตรวดดโู ลกดวยพุทธจักษุ ก็ฉนั นนั้ไดเหน็ หมูสตั วซ งึ่ มีกิเลสดุจธุลีในจกั ษนุ อยกม็ ี มีกเิ ลสดุจธุลีในจกั ษมุ ากกม็ ี มีอินทรียแ กกลาก็มี มีอินทรยี ออนก็มี มีอาการดีกม็ ี มอี าการเลวก็มี จะพึงสอนใหร ไู ดงา ยกม็ ี จะพึงสอนใหรไู ดยากก็มี บางพวกมปี รกติเห็นโทษในปรโลกโดยเปนภยั อยูก็ม.ี ดกู อ นราชกุมารคร้งั น้ัน อาตมภาพไดก ลาวรับทาวสหมั บดีพรหมดวยคาถาวา ดูกอ นพรหม เราเปด ประตูอมต- นิพพานแลว เมอื่ สตั วท ัง้ หลายผูมีโสต จงปลอ ยศรทั ธามาเถิด เราสาํ คญั วาจะ ลําบาก จงึ ไมกลาวธรรมอนั คลอ งแคลว ประณตี ในมนษุ ยทัง้ หลาย. ลําดบั นนั้ ทา วสหมั บดพี รหมทราบวา พระผมู ีพระภาคเจา ทรงเปดโอกาสเพ่ือจะแสดงธรรมแลว จงึ อภิวาทอาตมภาพ ทําประทกั ษิณแลว หายไปในทน่ี ัน้ เอง. ทรงปรารภปฐมเทศนา [๕๑๒] ดูกอ นราชกมุ าร อาตมภาพไดมีความดํารวิ า เราพงึ แสดงธรรมแกใ ครกอ นหนอ ใครจกั รทู ว่ั ถึงธรรมนี้ไดฉ ับพลัน.ครน้ั แลว อาตมภาพไดมีความคดิ เหน็ วา อาฬารดาบสกาลามโคตรน้ี เปน บณั ฑิต ฉลาด มีเมธามีกเิ ลสดุจธุลีในจักษนุ อยมานาน ถา กระไร เราพึงแสดงธรรมแกอ าฬารดาบสกาลานโคตรกอ นเถดิ เธอจกั รทู วั่ ถงึ ธรรมนี้โดยฉับพลนั . ท่ีนัน้ เทวดาท้งั หลาย

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 123เขา มาหาอาตมภาพแลวไดกลาววา ขาแตพ ระองคผ ูเจริญ อาฬารดาบสกาลามโคตร ทําการละเสียเจ็ดวนั แลว . และความรูความเหน็ ก็เกดิ ข้ึนแกอาตม -ภาพวา อาฬารดาบส กาลามโคตรทาํ กาละเสียเจด็ วนั แลว. อาตมภาพไดมีความคิคเห็นวา อาฬารดาบส กาลามโคตรเปน ผเู สอื่ มใหญแล กถ็ าเธอพงึ ไดฟง ธรรมนี้พงึ รูทว่ั ถึงไดฉ ับพลันทเี ดยี ว. ครั้นแลวอาตมาภาพไดมีความดาํ รวิ าเราพงึ แสดงธรรมแกใ ครกอนหนอ ใครจกั รทู ว่ั ถงึ ธรรมนไี้ ดฉ ับพลนั แลวอาตมาภาพไดม ีความคิดเห็นวา อทุ กดาบสรามบุตรนี้ เปนบณั ฑติ ฉลาดมเี มธา มกี ิเลสดจุ ธลุ ใี นจกั ษุนอ ยมานาน ถากระไร เราพงึ แสดงธรรมแกอุทกดาบสรามบุตรกอนเถดิ เธอจักรทู ่ัวถงึ ธรรมน้ไี ดฉับพลัน. ทน่ี ้ัน เทวดาทงั้ หลายเขา มาหาอาตมภาพ แลว ไดกลาววา ขาแตพ ระองคผ ูเ จรญิ อุทกดาบสรามบุตรทาํ กาละเสยี แลวเม่ือพลบค่ําน้เี อง. และความรคู วามเหน็ กเ็ กดิ ข้ึนแกอาตมภาพวา อทุ กดาบสรามบุตร ทาํ กาละเสยี แลวเมอ่ื พลบค่ําน้ีเอง. อาตมภาพไดม คี วามคดิ เห็นวา อทุ กดาบสรามบตุ รเปนผูเสือ่ มใหญแล กถ็ าเธอพึงไดฟ งธรรมน้ี ก็จะพึงรทู ัว่ ถงึ ไดฉ บั พลันทีเดียว. คร้ันแลว อาตมภาพไดมคี วามดาํ ริวา เราพึงแสดงธรรมแกใครกอ นหนอ ใครจักรทู ่วั ถึงธรรมนไี้ ดฉบั พลัน.แลว อาตมภาพไดมีความคิดเหน็ วา ภกิ ษปุ ญ จวคั คยี มอี ปุ การะแกเรามาก บํารงุเราผมู ตี นสงไปแลว เพอ่ื ความเพียร ถากระไร เราพึงแสดงธรรมแกภิกษุปญจวัคคียก อ นเถดิ . แลว อาตมภาพไดม คี วามดํารวิ า เดย๋ี วนีภ้ ิกษุปญ จวคั คียอยทู ี่ไหนหนอ. ก็ไดเห็นภิกษปุ ญ จวัคคยี อยูท ่ีปาอิสปิ ตนมิคทายวัน ใกลเมอื งพาราณสี ดว ยทพิ ยจกั ษุอนั บรสิ ทุ ธ์ิ ลวงจกั ษขุ องมนุษย. คร้นั อาตมภาพอยทู ี่ตําบลอรุ ุเวลาตามควรแลว จงึ ไดหลกี จาริกไปทางเมอื งพาราณส.ี [๕๑๓] ดกู อ นราชกมุ าร อุปกาชวี กไดพ บอาตมภาพผเู ดนิ ทางไกลทรี่ ะหวา งแมน ้ําคยา และไมโพธต์ิ อ กนั แลวไดกลา วกะอาตมภาพวา ดกู อน

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 124ผมู ีอายุ อินทรียของทา นผอ งใสนกั ผิวพรรณของทา นบริสทุ ธผิ์ ดุ ผอ ง ทา นบวชเฉพาะใคร ใครเปน ศาสดาชอบทาน หรือทานชอบใจธรรมของใคร. ดูกอนราชกมุ าร เมือ่ อปุ กาชีวกกลา วอยา งนีแ้ ลว อาตมภาพไดกลาวตอบอุปกาชีวกดวยคาถาวา เราเปนผคู รอบงาํ ธรรมท้งั ปวง เปน ผูรูธรรมทง้ั ปวง อันตณั หาและทฐิ ไิ มติด แลว ในธรรมทง้ั ปวง เปนผลู ะธรรมทัง้ ปวง นอ มไปในธรรมเปน ท่ีสน้ิ ตัณหาแลว รู แลวดว ยปญญาอนั ยิ่งเอง จะพงึ เจาะจง ใครเลา อาจารยข องเราไมม ี คนผเู ชนกับ ดวยเรากไ็ มมี บุคคลผูเปรียบดวยเรา ไม มใี นโลกกบั ท้ังเทวโลก เพราะเราเปน พระอรหนั ตใ นโลก เปนศาสดา ไมม ี ศาสดาอันย่งิ ขึ้นไปกวา เราผูเดียวตรัสรู เองโดยชอบ เปน ผเู ย็น เปนผดู ับสนิทแลว เราจะไปยงั เมอื งกาสี เพื่อจะยังธรรมจักร ใหเปนไป เมอ่ื สตั วโลกเปน ผมู ดื เราได ตกี ลองประกาศอมตธรรมแลว. อปุ กาชีวกถามวา ดูกอ นผมู อี ายุ ทา นปฏิญาณวา ทานเปนพระอรหันตอนนั ตชินะ (ผูช นะไมมีที่ส้นิ สุด) ฉะน้นั หรอื .

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 125 อาตมภาพตอบวา ชนท้งั หลายผถู งึ ธรรมที่สิ้นตัณหา เชน เราแหละ ชื่อวาเปนผชู นะ บาปธรรม ทัง้ หลายอันเราชนะแลว เหตุนัน้ แหละ อปุ กะ เราจงึ วา ผชู นะ. ดูกอ นราชกุมาร เมือ่ อาตมภาพกลาวอยา งนี้แลว อปุ กาชวี ก กลาววาพงึ เปนใหพ อเถิดทา น ส่ันศรี ษะแลบลิ้นแลว หลกี ไปคนละทาง. เสดจ็ เขาไปหาปญ จวคั คยี  [๕๑๔] ครง้ั น้ัน อาตมภาพเที่ยวจาริกไปโดยลาํ ดบั ไดเขาไปหาภกิ ษุปญ จวคั คยี ย ังปา อสิ ปิ ตนมคิ ทายวัน เขตเมอื งพาราณส.ี ดูกอนราชกุมารภิกษุปญ จวคั คีย ไดเ หน็ อาตมภาพกาํ ลงั มาแตไ กลเทียว แลวไตตั้งกติกาสัญญากนั ไววา ดูกอ นผมู ีอายทุ ัง้ หลาย พระสมณโคดมพระองคน ้ี เปน ผูมักมากคลายความเพยี ร เวียนมาเพือ่ ความเปน ผูมกั มาก กําลังมาอยู เราทัง้ หลายไมพงึ กราบไหว ไมพงึ ลุกรบั ไมพงึ รบั บาตรและจีวร แตพ ึงแตง ตง้ั อาสนะไวถาเธอปรารถนาก็จักน่งั . อาตมภาพเขา ไปใกลภิกษปุ ญจวคั คยี  ดวยประการใด ๆ ภิกษุปญจวคั คียก็ไมอ าจจะต้ังอยูใ นกตกิ าของตน ดวยประการน้ัน ๆบางรปู ลุกรับอาตมาภาพ รบั บาตรและจวี ร บางรปู ปลู าดอาสนะ บางรูปตง้ั นํ้าลา งเทา แตย งั รอ งเรียกอาตมาภาพโดยชอ่ื และยงั ใชค าํ วา อาวุโส. เมอ่ื ภิกษุปญจวคั คยี ก ลา วเชน นี้ อานภุ าพไดกลาววา ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ทา นทงั้ หลายอยารอ งเรียกตถาคตโดยชือ่ และใชคําวา อาวุโสเลย ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลายตถาคตเปน พระอรหนั ต ตรสั รเู องโดยชอบ ทา นทง้ั หลายจงเง่ยี โสตลงเถดิเราจะสง่ั สอนอมตธรรมท่ีเราบรรลุแลว เราจะแสดงธรรม เม่ือทา นทงั้ หลาย

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 126ปฏบิ ัตติ ามทีเ่ ราสง่ั สอนอยู ไมชาเทาไรกจ็ ักทําใหแจง ซ่งึ ท่สี ดุ พรหมจรรยอ ันไมมีธรรมอนั ยิ่งไปกวา ท่ีกุลบุตรทัง้ หลายออกจากเรือนบวชเปน บรรพชิตโดยชอบตอ งการ ดวยปญญาอันย่ิงเองในปจ จุบนั แลวเขาถงึ อย.ู ดกู อนราชกมุ ารเมือ่ อาตมภาพกลาวอยางน้ีแลว ภกิ ษปุ ญ จวัคคยี ไดกลาววา ดกู อนอาวุโสโคดมแมดวยอริ ิยาบถนั้น ดวยปฏิปทานั้น ดวยทุกกรกริ ิยานน้ั ทา นยงั ไมไ ดบรรลุอุตตรมิ นุสสธรรมอลมรยิ ญาณทสั นวเิ สสเลย กเ็ ดี๋ยวนี้ทา นเปนคนมักมากคลายความเพียร เวยี นมาเพื่อความเปน ผมู กั มาก จักบรรลอุ ุตตริมนสุ สธรรมอลมริยญาณทัสนวิเสสอยา งไรเลา . เม่อื ภกิ ษปุ ญจวัคคียกลาวเชนนแี้ ลวอาตมภาพไดกลาววา ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ตถาคตไมไดเ ปน คนมักมาก คลายความเพียร เวยี นมาเพื่อความเปน ผูมกั มากเลย ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย ตถาคตเปน พระอรหนั ต ตรสั รเู องโดยชอบ ทานทงั้ หลายจงเงี่ยโสตลงเถิด เราจกัส่งั สอนอมตธรรมทเี่ ราบรรลุแลว เราจะแสดงธรรม เมื่อทา นทั้งหลายปฏบิ ตั ิตามทีเ่ ราสง่ั สอนอยู ไมชา เทาไรกจ็ กั ทาํ ใหแจงซ่งึ ท่ีสุดพรหมจรรย อันไมมีธรรมอื่นยิ่งไปกวา ทก่ี ุลบตุ รท้ังหลายออกจากเรอื นบวชเปน บรรพชติ โดยชอบตอ งการ ดว ยปญ ญาอันยิง่ เองในปจจุบันแลว เขา ถงึ อย.ู ดกู อนราชกุมาร แมครง้ัท่สี อง ภกิ ษุปญ จวัคคยี ก ็ไดกลาววา ดูกอนอาวโุ สโคดม แมด ว ยอริ ยิ าบถนั้นดว ยปฏิปทาน้นั ดวยทกุ กรกริ ิยาน้นั ทานยงั ไมไดบ รรลุอตุ ตริมนุสสธรรมอลมรยิ ญาณทัสนวเิ สสเลย ก็เด๋ียวน้ี ทา นเปน ผมู ักมาก คลายความเพียรเวยี นมาเพื่อความเปน ผูมกั มาก จกั บรรลุอุตตริมนุสสธรรมอลมรยิ ญาณทัสนวิเสสไดอ ยางไรเลา . ดกู อนราชกุมาร แมครั้งท่สี อง อาตมภาพก็ไดกลาววา ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย ตถาคตไมไดเ ปนคนมกั มาก คลายความเพียร เวยี นมาเพือ่ ความเปน ผูม ักมากเลย ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ตถาคตเปนพระอรหันต ตรสั รูเองโดยชอบ ทา นทั้งหลายจงเงี่ยโสตลงเถิด เราจะสงั่ สอนอมตธรรมทีเ่ ราบรรลุแลว

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 127เราจะแสดงธรรม เมอ่ื ทา นท้งั หลายปฏิบัตติ ามทีเ่ ราส่ังสอนอยู ไมชา เทา ไรก็จักทาํ ใหแจงซ่งึ ทส่ี ดุ พรหมจรรย อนั ไมมธี รรมอนื่ ยงิ่ ไปกวา ท่กี ุลบตุ รท้งั หลายออกจากเรอื นบวชเปนบรรพชิตโดยชอบตองการ ดว ยปญญาอันยิ่งเองในปจ จบุ นั แลวเขาถึงอยู. ดกู อ นราชกมุ าร แมค ร้งั ทส่ี าม ภิกษปุ ญจวคั คียก็ไดกลาววา ดูกอนอาวโุ สโคดม แมด ว ยอริ ยิ าบถนน้ั ดว ยปฏปิ ทาน้นั ดว ยทกุ -กรกริ ิยานนั้ ทา นยงั ไมไดบรรลอุ ุตตริมนสุ สธรรมอลมริยญาณทสั นวิเสสเลยก็เดย๋ี วน้ี ทานเปน ผูมกั มาก คลายความเพยี ร เวียนมาเพือ่ ความเปน ผูม ักมากจักบรรลุอตุ ตริมนุสสธรรมอลมริยญานทัสนวเิ สสไดอยางไรเลา. เม่อื ภกิ ษุปญ จวัคคียก ลาวเชน นี้ อาตมาภาพไดกลาววา ทา นทง้ั หลายจําไดห รือไมวาในกาลกอ นแตน ้ี เราไดก ลาวคําเหน็ ปานน.้ี ภิกษปุ ญจวัคคียไ ดต อบวา หามไิ ด พระเจา ขา . อาตมภาพจึงไดกลาววา ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ตถาคตเปน พระอรหนั ตตรัสรเู องโดยชอบ ทา นทงั้ หลายจงเง่ยี โสตลงเถดิ เราจะสง่ั สอนอมตธรรมท่ีเราบรรลุแลว เราจะแสดงธรรม เม่ือทานทั้งหลายปฏบิ ัตติ ามทีเ่ ราสงั่ สอนอยูไมชาเทาไรก็จกั ทาํ ใหแจง ซ่งึ ที่สดุ พรหมจรรย อนั ไมมีธรรมอ่นื ยิ่งไปกวา ที่กลุ บตุ รทง้ั หลายออกจากเรือนบวชเปน บรรพชิตโดยชอบตองการ ดว ยปญ ญาอนั ยิ่งเองในปจ จบุ นั แลว เขาถงึ อยู. กอนราชกุมาร อาตมภาพสามารถใหภ กิ ษุปญจวคั คียย ินยอมแลว. วันหนง่ึ อาตมาภาพกลา วสอนภิกษแุ ตส องรูป ภิกษุสามรปู ไปเท่ียวบิณฑบาต. ภกิ ษุสามรูปไปเที่ยวบิณฑบาตไดส่งิ ใดมา ภกิ ษุทัง้ หกรูปกย็ ังอตั ภาพใหเปน ไปดว ยสิง่ นั้น. อาตมภาพกลา วสอนภิกษุแตส ามรูป.ภกิ ษุสองรูปไปเที่ยวบิณฑบาต ไดส ิง่ ใดมา ภิกษทุ ้งั หกรปู ก็ยงั อัตภาพใหเ ปนไปดวยส่ิงน้นั . ครั้งนน้ั ภกิ ษุปญจวคั คยี ทอี่ าตมภาพกลา วสอน พราํ่ สอนอยูเชนนี้ ไมนานเลย ก็ทาํ ใหแจงซึ่งที่สุดพรหมจรรยอ นั ไมม ธี รรมอ่ืนยิง่ ไปกวา

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 128ท่กี ุลบุตรออกจากเรือนบวชเปนบรรพชติ โดยชอบตองการ ดว ยปญญาอันยง่ิ เองในปจจบุ ันแลว เขา ถึงอย.ู [๕๑๕] เม่ือพระผูม ีพระภาคเจา ตรสั อยา งน้ีแลว โพธิราชกมุ าร ไดทลู ถามพระผมู ีพระภาคเจาวา ขาแตพระองคผเู จริญ เมอ่ื ภิกษไุ ดพ ระตถาคตเปนผูแ นะนาํ โดยกาลนานเพียงไรหนอ จึงทําใหแจงซึง่ ทีส่ ดุ พรหมจรรยอ ันไมมีธรรมอนื่ ย่งิ ไปกวา ทีก่ ุลบตุ รทง้ั หลายผอู อกจากเรือนบวชเปนบรรพชติ โดยชอบตองการ ดว ยปญญาอันย่งิ เองในปจจุบนั แลว เขาถงึ อยูไ ด. พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั วา ดกู อนราชกุมาร ถา กระนน้ั ในขอน้ีอาตมภาพจกั ยอนถามบพิตรกอ น บพติ รพงึ ตอบตามทพ่ี อพระทัย บพติ รจักทรงสาํ คัญความขอนั้นเปน ไฉน บพติ รเปนผฉู ลาดในศิลปศาสตร คอื การขึน้ชา ง การถือขอหรอื . โพธิราชกุมารทลู วา อยางน้ัน พระเจาขา หมอมฉนั เปนผูฉ ลาดในศลิ ปศาสตร คือการขึน้ ชาง การถือขอ. [๕๑๖] ดูกอนราชกุมาร บพติ รจักทรงสาํ คญั ความขอ น้นั เปนไฉนบรุ ษุ พึงมาในเมืองนี้ดวยคิดวา โพธิราชกุมารทรงรศู ลิ ปศาสตร คือการขึ้นชา งการถอื ขอ เราจักศึกษาศิลปศาสตร คือ การขึ้นชา ง การถอื ขอ ในสํานกัโพธริ าชกมุ ารน้ัน. แตเขาไมมศี รทั ธา จะไมพึงบรรลุผลเทาทบ่ี ุคคลผมู ีศรัทธาพึงบรรลุ ๑ เขามอี าพาธมาก จะไมพ งึ บรรลผุ ลเทา ท่บี ุคคลผมู อี าพาธนอยพึงบรรลุ ๑ เขาเปน คนโออ วด มมี ายา จะไมพึงบรรลุผลเทา ทบี่ คุ คลผูไ มโออ วดไมม ีมายาพงึ บรรลุ ๑ เขาเปน ผเู กยี จคราน จะไมพึงบรรลุผลเทาท่บี ุคคลผูปรารภความเพียรพงึ บรรลุ ๑ เขาเปนผมู ีปญญาทราม จะไมพ ึงบรรลุผลที่บคุ คลผมู ีปญ ญาพงึ บรรลุ ๑ ดูกอนราชกมุ าร บพิตรจะทรงสําคัญความขอ นนั้

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 129เปน ไฉน บรุ ษุ น้ันควรจะศกึ ษาศลิ ปศาสร คือ การขนึ้ ชาง การถอื ขอ ในสาํ นักของบพิตรบา งหรือหนอ. ขา แตพระองคผ เู จริญ บุรษุ น้ันแมจ ะประกอบดวยองคเ พียงองคหน่งึกไ็ มควรจะศกึ ษาศลิ ปศาสตร คือ การข้ึนชา ง การถอื ขอ ในสํานักของหมอ มฉันจะปวยกลา วไปไยถึงครบองคห า เลา. ตรัสถามถงึ การข้นึ ชา งเปน ตน [๕๑๗] ดูกอ นราชกมุ าร บพิตรจักทรงสาํ คญั ความขอ นัน้ เปน ไฉนบุรษุ พึงมาในเมืองน้ี ดว ยคิดวา โพธิราชกุมาร ทรงรูศ ลิ ปศาสตร คอื การข้นึ ชา ง การถอื ขอ เราจกั ศกึ ษาศลิ ปศาสตร คือ การขึ้นชาง การถอื ขอ ในสํานักโพธริ าชกมุ ารนน้ั . เขาเปน ผูม ีศรัทธา จะพงึ บรรลผุ ลเทา ที่บคุ คลผูมีศรัทธาพงึ บรรลุ ๑ เขาเปนผมู ีอาพาธนอยจะพงึ บรรลุผลเทาที่บคุ คลผูมอี าพาธนอยพึงบรรลุ ๑ เขาเปนผูไมโออวด ไมม ีมายา จะพึงบรรลผุ ลเทาทบ่ี ุคคลผูไมโออ วด ไมมมี ายา พึงบรรลุ ๑ เขาเปน ผูปรารภความเพียร จะพงึ บรรลุ-ผลเทาทบ่ี ุคคลผปู รารภความเพียรพงึ บรรลุ ๑ เขาเปนผมู ปี ญ ญา จะพงึ บรรลุผลเทาท่ีบุคคลผูมปี ญญาพงึ บรรลุ ๑. ดูกอ นราชกมุ าร บพติ รจะทรงสําคญัความขอนั้นเปนไฉน บุรษุ น้ันควรจะศกึ ษาศิลปศาสตร คอื การขึ้นชา ง การถือขอ ในสาํ นกั ของบพิตรบางหรอื หนอ. ขาแตพระองคผ เู จรญิ บรุ ุษนั้นแมประกอบดว ยองคเพยี งองคหน่ึง ก็ควรจะศึกษาศลิ ปศาสตร คือ การขน้ึ ชา ง การถอื ขอ ในสาํ นกั ของหมอมฉันไดจ ะปวยกลาวไปไยถึงครบองคหาเลา.

พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 130 องคของผมู คี วามเพียร ๕ [๕๑๘] ดูกอนราชกุมาร องคข องภิกษผุ มู คี วามเพยี ร ๕ เหลา นั้น ก็ฉันนน้ั เหมือนกนั องคภ กิ ษผุ ูมีความเพยี ร ๕ เปนไฉน. ๑. ดกู อนราชกุมาร ภิกษุในธรรมวินยั นี้ เปน ผมู ีศรทั ธา เธอพระ-ปญ ญาตรสั รขู องพระตถาคตวา แมเพราะเหตุน้ี ๆ พระผมู ีพระภาคเจาพระองคนั้น เปนพระอรหันต ตรสั รูเองโดยชอบ ถงึ พรอมดวยวชิ ชาและจรณะ เสด็จไปดีแลว ทรงรแู จงโลก เปนสารถีฝก บรุ ษุ ทีค่ วรฝก ไมมีผูอ่ืนยิง่ กวา เปนศาสดาของเทวดาและมนุษยท งั้ หลาย เปนผเู บิกบานแลว เปนผจู าํ แนกพระธรรม. ๒. เธอเปนผมู ีอาพาธนอย มโี รคเบาบาง ประกอบดวยไฟธาตสุ ําหรับยอยอาหารสมา่ํ เสมอ ไมเยน็ นัก ไมร อนนกั เปนปานกลางควรแกค วามเพยี ร. ๓. เธอเปนผูไมโออวด ไมมีมายา เปดเผยตนตามความเปน จรงิ ในพระศาสดาหรอื ในเพ่อื นพรหมจรรยผเู ปนวญิ ทู ้ังหลาย. ๔. เธอเปนผปู รารภความเพียร เพอ่ื ละอกุศลธรรม เพอื่ ยงั กุศลธรรมใหเขาถงึ พรอม เปนผูมีกําลงั มีความบากบ่ันม่นั คง ไมทอดทง้ิ ธุระในกุศล-ธรรมท้ังหลาย. ๕. เธอเปนผูมีปญ ญา เปน ผูป ระกอบดวยปญ ญาอันเห็นความเกิดและดับเปนอรยิ ะ สามารถชาํ แรกกเิ ลส ใหถงึ ความสน้ิ ทุกขโ ดยชอบ. ดูกอนราชกุมาร องคของภิกษผุ ูม ีความเพียร ๕ ประการนแ้ี ล. ภกิ ษุผปู ระกอบดวยองคแหง ภกิ ษผุ มู ีความเพยี ร ๕ ประการน้ีแล เมอ่ื ไดตถาคตเปนผูออกแนะนํา พึงทาํ ใหแ จงซึง่ ทีส่ ดุ พรหมจรรยอ ัน ไมมีธรรมอนื่ ยงิ่ กวา ที่กุล-บุตรผูออกจากเรือนบวชเปน บรรพชิตโดยชอบตอ งการ ดว ยปญญาอนั ยงิ่ เองในปจ จบุ นั แลว เขาถงึ อยูไ ด [ใชเ วลาเพียง] เจด็ ป. ดูกอนราชกุมาร เจ็ดป

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 131จงยกไว. ภิกษุผปู ระกอบดว ยองคแ หง ภกิ ษผุ มู ีความเพียร ๕ ประการนี้ เม่ือไดต ถาคตเปนผูแ นะนําพงึ ทําใหแ จง ซึง่ ทส่ี ุดพรมจรรยอนั ไมม ธี รรมอืน่ ยง่ิ ไปกวา ที่กุลบตุ รผอู อกจากเรือนบวชเปน บรรพชิตโดยชอบตองการ ดว ยปญ ญาอันยง่ิ เองในปจ จุบัน แลวเขาพึงอยูได [ใชเ วลาเพียง] หกป. .. หาป... ส่ีป...สามป. ..สองป. ..หนงึ่ ป. ดกู อนราชกุมาร หนงึ่ ปจ งยกไว. ภิกษผุ ูประกอบดว ยองคแหงภกิ ษผุ ูมคี วามเพียร ๕ ประการนี้ เมื่อไดตถาคตเปน ผูแนะนํา พึงทําใหแ จงซ่งึ ที่สดุ พรหมจรรย อนั ไมม ีธรรมอน่ื ย่งิ ไปกวา ท่กี ลุ บตุ รผูออกจากเรอื นบวชเปนบรรพชติ โดยชอบตองการ ดวยปญ ญาอันยิ่งเองในปจจุบัน แลว เขาถึงอยูได [ใชเ วลาเพียง] เจด็ เดอื น. ดูกอ นราชกมุ าร เจด็เดือนจงยกไว. ภิกษผุ ูป ระกอบดวยองคแหง ภิกษผุ มู ีความเพียร ๕ ประการยิ่งเมอ่ื ไดตถาคตเปน ผแู นะนํา พงึ ทาํ ใหแจง ซงึ่ ท่ีสุดพรหมจรรยอ ันไมม ีธรรมอื่นยง่ิกวา ทีก่ ลุ บตุ รผูออกจากเรือนบวชเปนบรรพชติ โดยชอบตอ งการ ดว ยปญ ญาอันย่ิงเองในปจ จุบัน แลว เขาถึงอยไู ด [ใชเวลาเพียง] หกเดือน... หา เดอื น...สเ่ี ดือน...สามเดือน... สองเดือน...หนึ่งเดอื น..ครงึ่ เดอื น. ดูกอ นราช-กุมาร ครงึ่ เดือนจงยกไว . ภกิ ษผุ ูประกอบดวยองคแหง ภกิ ษผุ ูม คี วามเพยี ร ๕ประการน้ี เมอ่ื ไดตถาคตเปน ผแู นะนาํ พงึ ทําใหแจงซึง่ ทีส่ ุดพรหมจรรยอ นั ไมมีธรรมอืน่ ยงิ่ ไปกวา ทีก่ ลุ บุตรผูออกจากเรือนบวชเปนบรรพชิตโดยชอบตอ งการ ดว ยปญ ญาอันย่ิงเองในปจ จบุ ัน แลวเขา ถึงอยูได [ใชเวลาเพยี ง] เจด็ เดอื นเจด็ วัน. ดูกอ นราชกมุ าร เจด็ คนื เจ็ดวันจงยกไว. ภิกษุผูประกอบดวยองคแหงภิกษผุ ูมีความเพยี ร ๕ ประการนี้ เม่ือไดตถาคตเปน ผูแนะนํา พึงทําใหแจง ซงึ่ที่สุดพรหมจรรยอ นั ไมมีธรรมยงิ่ อืน่ กวา ทก่ี ลุ บตุ รผอู อกจากเรอื นบวชเปนพรรพชิตโดยชอบตอ งการ ดวยปญญาอนั ย่งิ เองในปจ จุบนั แลว เขา ถงึ อยไู ด [ใชเวลาเพยี ง] หกคืนหกวัน... หาคืนหาวัน... สคี่ นื สี่วนั ...สามคนื สามวัน...สอง

พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 132คืนสองวนั . . . หน่งึ คืนหน่ึงวนั . ดกู อนราชกมุ าร หนง่ึ คนื หนึง่ วนั จงยกไว.ภกิ ษผุ ูประกอบดว ยองคแหงภกิ ษุผมู ีความเพียร ๕ ประการนี้ เมอ่ื ไดต ถาคตเปน ผแู นะนํา ตถาคตสัง่ สอนในเวลาเย็น จักบรรลคุ ุณวเิ ศษไดใ นเวลาเชาตถาคตส่งั สอนในเวลาเชา จักบรรลุคุณวิเศษไดในเวลาเยน็ . เม่อื พระผูมีพระ-ภาคเจาตรสั อยางน้ีแลว โพธริ าชกมุ ารไดก ราบทูลวา พระพทุ ธเจา มีพระคุณเปน อัศจรรย พระธรรมมพี ระคณุ เปน อัศจรรย พระธรรมอนั พระผูม ีพระภาคเจาตรสั ดแี ลว เปนอัศจรรย เพราะภิกษทุ ่พี ระผูม พี ระภาคเจา ทรงส่ังสอนในเวลาเย็นจกั บรรลุคุณวเิ ศษไดในเวลาเชา ทพี่ ระผมู พี ระภาคเจาทรงสงั่ สอนในเวลาเชาจักบรรลคุ ณุ วิเศษไดในเวลาเย็น. [๕๑๙] เมื่อโพธิราชกมุ ารตรัสอยางน้แี ลว มาณพสัญชกิ าบตุ รไดทลูโพธริ าชกมุ ารวา กท็ านโพธิราชกุมารองคน ี้ ทรงประกาศไวว า พระพทุ ธเจา มีพระคุณเปนอศั จรรย พระธรรมมีพระคณุ เปนอศั จรรย พระธรรมอนั พระผูมี-พระภาคเจาตรัสดีแลว เปนอัศจรรยอยางนเ้ี ทาน้นั กแ็ ตท านหาไดทรงถึงพระ-โคดมผูเจริญพระองคน ัน้ พระธรรม และพระภิกษสุ งฆว า เปนสมณะไม. วา ดว ยไตรสรณคมน [๕๒๐] โพธริ าชกมุ ารตรัสวา ดูกอนเพอ่ื นสญั ชิกาบตุ ร ทานอยา ไดกลา วอยางนน้ั ดูกอนเพอ่ื นสัญชิกาบตุ ร ทานอยา ไดกลา วอยา งนั้น ดูกอนสัญชิกาบตุ รเรอ่ื งนนั้ เราไดฟงมา ไดร ับมาตอหนา เจา แมของเราแลว คอื คร้งัหน่งึ พระผูม ีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ โฆสติ าราม ใกลเ มอื งโกสัมพี ครง้ันนั้ เจาแมของเรากาํ ลงั ทรงครรภ เสดจ็ เขาไปเฝา พระผมู พี ระผมู พี ระภาคเจาทรงถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจาแลว ประทับนั่ง ณ ทค่ี วรสว นขางหนงึ่แลวไดกราบทูลวา ขา แตพ ระองคผเู จรญิ ลกู คนอยูใ นครรภข องหมอ มฉนั นี้

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 133เปน ชายก็ตาม เปน หญิงก็ตาม เขายอมถงึ พระผมู พี ระภาคเจาพระธรรมและพระภกิ ษสุ งฆวา เปน สรณะ ขอพระผูม พี ระภาคเจาทรงจําเขาวา เปนอุบาสกผูถ งึสรณะตลอดชีวิต ตั้งแตวันน้เี ปน ตนไป ดูกอนเพ่ือนสญั ชกิ าบุตร ครัง้ หน่ึงพระผูมีภาคเจา ประทับอยใู นปาเภสกฬามคิ ทายวันใกลเ มืองสงุ สุมารคิระ ในภคั คชนบทนีแ้ ล คร้ังนนั้ แมน มอุมเราเขาสะเอวพาเขาไปเฝา พระผมู ีพระ-ภาคเจา ถวายบงั คมแลวไดยืนอยู ณ ท่ีควรสว นขา งหนง่ึ แลว ไดกราบทูลวาขาแตพ ระองคผ ูเ จริญ โพธิราชกมุ ารพระองคนี้ ยอ มถงึ พระผูมพี ระภาคเจาพระธรรม และพระภกิ ษสุ งฆว า เปนสรณะ ขอพระผมู พี ระภาคเจา จงทรงจาํโพธิราชกุมารน้นั วาเปน อุบาสก ผูถึงรสรณะตลอดชวี ิต ตั้งแตวันนี้เปน ตน ไปดกู อนเพ่อื นสัญชิกาบตุ ร เรานี้ยอ มถึงพระผมู พี ระภาคเจา พระธรรม และพระภกิ ษุสงฆว า เปน สรณะ แมใ นคร้งั ทส่ี าม ขอพระผมู พี ระภาคเจาจงทรงจาํหมอ มฉนั วา เปนอบุ าสก ผถู ึงสรณะตลอดชวี ิต ต้งั แตวันนเ้ี ปนตน ไป ฉะนั้นแล. จบ โพธริ าชกุมารสูตร ที่ ๕

พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 134 อรรถกถาโพธิราชกมุ ารสตู ร โพธิราชกุมารสูตรมคี ําเร่มิ ตนวา ขา พเจาไดส ดบั มาอยา งนี้ :- ในสูตรนัน้ บทวา โกกนโท ความวา ดอกปทุมทา นเรียกวาโกกนท. กป็ ราสาทอันเปนมงคลนัน้ ทา นสรา งแสดงใหเ หมือนดอกปทมุ ที่มองเห็นอยู เพราะฉะนนั้ จึงถึงการนบั วา โกกนทปราสาท. แผน บันไดขน้ั แรก ทานเรียกวา บันไดขน้ั สดุ ทา ย ในคาํ วา ยาวปจฺฉมิ โสปานกเฬวรา นี.้ บทวา อททฺ สา โข ความวา ผูท่ียนื อยทู ซี่ ุมประตูนน้ั แล เพอ่ื ตอ งการดู กเ็ หน็ แลว . บทวา ภควา ตณุ ฺหี อโหสิ ความวาพระผูมีพระภาคเจาทรงรําพึงอยวู า พระราชกุมารทรงกระทาํ สกั การะใหญน้ีเพือ่ ประสงคอะไรหนอ จึงทรงทราบวา ทรงกระทาํ เพราะปรารถนาพระโอรส.ก็พระราชกมุ ารน้นั ไมมโี อรสทรงปรารถนาพระโอรส ไดย ินวา ชนทั้งหลายกระทาํ อธิการ การกระทาํ ทย่ี ่ิงใหญ แตพระพทุ ธเจาทัง้ หลาย จึงจะไดสิ่งดงั ที่ใจปรารถนา ดังนี.้ พระองคท รงกระทําความปรารถนาวา ถา เราจักไดบตุ รไซร พระสมั มาสมั พทุ ธเจา จกั ทรงเหยยี บแผน ผานอยของเรา ถา เราจักไมไดกจ็ ักไมทรงเหยยี บ จึงรับสัง่ ใหลาดผาไว. ลําดบั นน้ั พระผมู ีพระภาคเจาทรงรําพงึ วา บุตรของพระราชานจ้ี กั บังเกิดหรือไมหนอ แลว ทรงเหน็ วา จกั ไมบังเกิด. พระผูมีพระภาคเจาทรงทราบวา ไดย ินวา ในปางกอ น พระราชานั้นทรงอยใู นเกาะแหง หน่ึง ทรงกินลกู นก ดวยมฉี ันทะเสมอกัน. ถาหากมาตุคามของพระองคจ ะพึงมจี ิตเปน อยางอน่ื ไซร กจ็ ะไดบุตร แตค นทั้งสอง มฉี ันทะเสมอกัน การทําบาปกรรมไว ฉะน้ัน บุตรของเขาจงึ ไมเกดิ ดังนี้. แตเมอื่

พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 135เราเหยียบผา พระราชกมุ ารกจ็ ะถือเอาผดิ ไดว า เสียงเลา ลอื กันในโลกวา บุคคลทาํ อธิการแดพระพุทธเจา ท้งั หลายแลว ยอ มจะไดสิ่งที่ตนปรารถนาแลว ๆเราเองไดกระทําอภินิหารเสียมากมายดวย เรากไ็ มไดบ ตุ รดวย คาํ เลา ลือนไี้ มจรงิ . แมพวกเดยี รถยี ทั้งหลายกจ็ ะติเตียนวา . ชือ่ วา สงิ่ ทีไ่ มควรทําของสมณะทัง้ หลายไมมี พวกสมณะเหยียบย่าํ ผานอยเทยี วไป ดงั นี.้ และเม่ือเหยยี บไปในบัดน้ี ภกิ ษเุ ปนอนั มากเปน ผรู จู ิตของคนอ่ืน ภกิ ษเุ หลา นั้น ทราบวา ควรกจ็ ักเหยยี บ ทท่ี ราบวาไมค วรกจ็ ักไมเหยยี บ กใ็ นอนาคตจักมีอุปนิสัยนอ ยชนทง้ั หลายจกั ไมรูอนาคต. เมอ่ื ภกิ ษเุ หลาน้นั เหยียบ ถา สิ่งท่ีเขาปรารถนา สําเรจ็ไซร ขอ น้นั กจ็ ักวา เปนความดี ถาไมส าํ เรจ็ พระผมู พี ระภาคเจาไมทรงปรารถนาจะเหยียบจึงทรงนิ่งเสีย ดว ยเหตเุ หลา นี้ คอื พวกมนุษย จกั มคี วามเดือดรอนในภายหลังวา แตกอนบุคคลกระทาํ อภนิ ิหารแกภิกษสุ งฆ ยอมไดสง่ิทปี่ รารถนาแลว ๆ การทานนั้ บัดน้ี หาไดไม ภกิ ษทุ ง้ั หลายทป่ี ฏบิ ตั บิ รบิ รู ณเห็นจะเปนพวกภกิ ษเุ หลานนั้ ภกิ ษพุ วกนี้ ยอ มไมอ าจปฏบิ ตั ใิ หสมบรู ณ ดงั น้.ีพระผูม ีพระภาคเจาจึงทรงบญั ญตั ิสกิ ขาบทวา ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ภิกษุไมพ งึเหยียบผนื ผา นอย.๑ แตเ มื่อภกิ ษุทั้งหลายไมก า วลว งบทบัญญตั ิ เพื่อความเปนมงคล พระผูม พี ระภาคเจาจึงทรงวางอนุบัญญตั ิเพอ่ื ใหเ หยยี บไดว า ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย คฤหสั ถตอ งการมงคลเราอนุญาตเพอ่ื ความเปน มงคล แกค ฤหัสถทง้ั หลาย ดงั น้ี.๒ บทวา ปจฉฺ มิ  ชนต ตถาคโต อปโลเกติ ความวาพระเถระกลาวหมายเอาเหตุท่ี ๓ ในบรรดาเหตทุ ี่กลา วแลว . ทานกลา วคําวา น โข สโุ ขน สขุ เพราะเหตไุ ร. ทา นสําคัญอยวู า ชะรอยพระสมั มาสมั พทุ ธเจา ยงั มีความสําคัญในกามสุขัลลกิ านโุ ยค จงึ ไมทรงเหยียบ เพราะฉะน้นั แมเรา ก็จักมีฉันทะเสมอ๑. ว.ิ ๔/๒๖๗ ๗/๔๙๒. วิ. ๔/๒๖๘ ๗/๔๙

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 136ดว ยพระศาสดา ดังนี้ จงึ กลา วอยา งนั้น. บทวา โส โข อห เปนอาทิบัณฑติ พึงทราบโดยนยั ที่กลา วแลวในมหาสจั จกะ๑ จนถงึ ยาว รตตฺ ยิ าปจฺฉเิ ม ยาเม. ตอ จากนน้ั พงึ ทราบโดยนัยท่ีกลา วไวใ นปาสราสิสูตร๒ ตั้งแต ปฺจวคฺคิยาน อาสวกขฺ ยา. บทวา องฺกุสคณฺเห สิปฺเป ศลิ ปะของผถู อื ขอ. บทวากุสโอ อห ความวา เราเปน ผูฉลาด. ก็กมุ ารนี้ เรียนศิลปะในสาํ นกั ของใคร. บดิ าเรียนในสาํ นกั ของปู กมุ ารนี้กเ็ รยี นในสํานักบิดา. ไดยนิ มาวา ในพระนครโกสมั พี พระราชาพระนามวา ปรันตปะทรงครองราชยอย.ู พระราชมเหสมี ีพระครรภแกท รงน่งั หม ผากัมพลมสี ีแดงผงิ แดดออ นอยกู ับพระราชาที่ชายพระตําหนัก. มนี กหัสดีลิงคตัวหนง่ึ สําคญั วาเปน ชน้ิ เน้ือบนิ มาโฉบเอา (พระนาง) ไปทางอากาศ. พระนางเกรงวา นกจะทิ้งพระองคลง จงึ ทรงเงียบเสียงเสีย. นกนนั้ พาพระนางไปลงที่คา คบไม ณ เชิงเขาแหงหนึ่ง. พระนางจึงทมพระหตั ถท าํ เสยี งดังขึ้น. นกกต็ กใจหนีไปแลวพระนางกค็ ลอดพระโอรสบนคาคบไมน นั้ น่นั แล. เม่ือฝนตกลงมาในกลางคนื .เวลายามสาม พระนางจงึ เอาผากัมพลหมประทับนง่ั อย.ู และในท่ไี มไ กลเชงิ เขาน้ัน มดี าบสรปู หนงึ่ อาศัยอย.ู ดว ยเสยี งรอ งของพระนางนัน้ ดาบสจงึ มายงัโคนไมเ ม่ืออรณุ ข้ึน ถามพระนางถึงชาติ แลว พาดบนั ใดใหน างลงมา พาไปยังทอ่ี ยขู องตนใหด ่ืมขา วยาคู. เพราะทารกถือเอาฤดแู หงเมฆและฤดแู หงภูเขาเกดิ แลว จงึ ต้ังชอ่ื วา อุเทน. พระดาบสหาผลไมม าเลยี้ งดูชนทัง้ ๒. วนั หนงึ่พระนางกระทําการตอนรบั ในเวลาดาบสกลบั แสดงมารยาของหญิงทําดาบสใหถึงสีลเภทแลว. เม่ือคนเหลาน้ันอยูร ว มกัน กาลเวลาก็ผา นไป พระเจา ปรนั ตปะ๑. ม. ๑/๒๙๙ ๑๒/๒๓๔๒. ม. ๑/๒๑๖ ๑๒/๒๓๑

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 137สวรรคตแลว. ดาบสแหงนดนู ักษตั รในเวลาราตรีก็รวู า พระราชาสวรรคต จึงถามวา พระราชาของทา นสวรรคตแลว ตอ งการจะใหบ ุตรของทานอยใู นทน่ี ้ีหรอื หรอื จะใหยกฉตั รในราชสมบัตขิ องพระบิดา. พระนางจงึ เลา ความเปน มาทัง้ หมดตงั้ แตต นมาแกพระโอรสทราบวา พระโอรสตองการจะยกเศวตฉัตรของพระบดิ า จงึ บอกแกด าบส. กด็ าบสรวู ิชาจับชาง. ถามวาวิชานนั้ ดาบสไดมาแตไ หน. ตอบวา ไดม าแตสาํ นักทาวสักกะ. ไดย ินวา ในกาลกอ นทา วสกั กะเสด็จมาบาํ รงุ ดาบสนน้ั ไดถามวา พระคุณเจา ลําบากดวยเรื่องอะไรบา งพระดาบสจงึ ทูลวา มอี นั ตรายเกย่ี วกบั ชาง. ทาวสักกะจึงประทานวิชาจับชา งและพิณแกดาบสนัน้ ตรัสสอนวา เมื่อตองการจะใหช า งหนจี งดดี สายนี้แลวรา ยโศลกน้ี เมอื่ มีความประสงคจะใหช างมา กจ็ งรา ยโสลกนี้ ดงั น้.ี ดาบสจงึ สอนศลิ ปะนั้นแกกมุ าร. พระกุมารน้ันข้ึนตนไมไทรตนหนึง่ เม่ือชา งท้งั หลายมาแลว กด็ ีดพณิ รายโสลก. ชา งทัง้ หลายกลวั หนีไปแลว พระกุมารทราบอานุภาพของศลิ ปะ วนั รงุ ขนึ้ จงึ ประกอบศิลปะเรียกชา ง. ชางท่ีเปน จา ฝงู กม็ านอมคอเขา ไปใกล. พระกมุ ารข้นึ คอชางแลว เลือกชางหนุม ๆ ทพ่ี อจะรบั ไดแลว ถอื เอาผา กมั พลและพระธาํ มรงคไ ปไหวมารดาบดิ าออกไปโดยลาํ ดับ เขาไปยงั หมบู านนั้น ๆ รวบรวมคนบอกวา เราเปนโอรสของพระราชา ตอ งการสมบัติจงึ ไดม า แลวไปลอมพระนครไวแ จงวา เราเปนโอรสของพระราชาขอทา นท้ังหลายจงมอบฉตั รแกเ รา เมื่อพวกเขาไมเ ธออยู ก็แสดงผา กมั พลและพระธํามรงคใ หด .ู ไดย กฉตั รขน้ึ ครองราชยแลว . พระราชาน้นั มพี ระทยั ใสแ ตชาง เมอื่ เขาทูลวา ท่ตี รงโนนมชี างงาม กท็ รงเสดจ็ ไปจบั . พระเจา จณั ฑปช-โชตทรงดําริวา เราจกั เรยี นศิลปะในสํานักของพระเจาอเุ ทนนนั้ จึงรบั สั่งใหประกอบชา งไมข น้ึ จดั ใหทหารน่ังอยูภ ายในชางไมน้ัน พอพระราชานน้ั เสดจ็มาเพื่อทรงจบั ชาง ก็ถูกจบั ได สง พระธดิ าไปเพอื่ เรียนศลิ ปะจับชางในสํานกั

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 138ของพระราชา. พระองคไดส าํ เรจ็ สงั วาสกันกับพระธิดานัน้ แลวพากนั หนีไปยงั พระนครของพระองค. พระโพธริ าชกุมารน้ีทรงเกิดในพระครรภของพระ-ธิดาน้ัน จึงไดเ รยี นศลิ ปะ (มนต) ในสาํ นกั ของพระชนกของพระองค. บทวา ปธานยิ งฺคานิ ความวา ความเริ่มต้ัง ทานเรียกวา ปธานะ(ความเพยี ร). ความเพยี รของภิกษุนนั้ มอี ยู เหตนุ ัน้ ภกิ ษุนั้น ช่อื วา ปธานียะผมู คี วามเพียร. องคแ หง ภิกษผุ ูม คี วามเพียร เหตนุ ัน้ ช่อื วา ปานิยงั คะ.บทวา สทโฺ ธ ไดแก ผูประกอบดว ยศรัทธา. ก็ศรทั ธานั้นมี ๔ ประการ คอือาคมนศรัทธา ๑ อธิคมนศรทั ธา ๑ โอกัปปนศรัทธา ๑ ปสาทศรทั ธา ๑.ในบรรดาศรัทธา ๔ อยางน้ัน ความเชือ่ ตอ พระสัพพัญโู พธิสัตว ชอื่ วาอาคมนศรทั ธา เพราะมาแลวจาํ เดมิ แตต ง้ั ความปรารถนา. ช่ือวา อธิคมนศรัทธาเพราะบรรลแุ ลวดวยการแทงตลอดแหงพระอริยสาวกทง้ั หลาย. ความปลงใจเชื่อโดยความไมหวั่นไหวเมอ่ื เขากลาววา พทุ โฺ ธ ธมโฺ ม สงฺโฆ ชื่อวาโอกปั ปนศรทั ธา. ความบังเกดิ ขนึ้ แหงความเล่อื มใส ชื่อวา ปสาทศรทั ธา.ในทีน่ ้ปี ระสงคเอาโอกัปปนศรัทธา. บทวา โพธิ ไดแ ก มคั คญาณ ๔. บุคคลยอมเช่อื วา พระตถาคตทรงแทงตลอดมัคคฌาณ ๔ นน้ั ดีแลว . อนึ่ง คําน้ีเปนยอดแหง เทศนาทีเดียว ก็ความเช่อื ในพระรัตนะทง้ั ๓ ทานประสงคเ อาแลวดวยองคน ี.้ คอื ผใู ดมีความเลอื่ มใสในพระพทุ ธเจา เปนตน อยา งแรงกลาปธานวีรยิ ะของผืนนี้ ยอมสาํ เรจ็ . บทวา อปปฺ าพาโธ ไดแก ความไมม ีโรค.บทวา อปปฺ าตงโฺ ก ไดแ ก ความไมม ที กุ ข. บทวา ลมเวปากินยิ า ความวามีวปิ ากเสมอกัน . บทวา คหณยิ า ไดแ ก เตโชธาตุ อันเกดิ แตก รรม. บทวานาตสิ ตี าย นาจฺจณุ หฺ าย ความวา ก็ผมู ธี าตอุ นั เยน็ จดั กก็ ลัวความเยน็ผูมธี าตรุ อนจัด กก็ ลวั ความรอ น. ความเพียรของคนเหลา น้ันจะไมสําเร็จ.จะสาํ เร็จแกผมู ธี าตเุ ปนกลาง ๆ. เพราะฉะนัน้ ทา นจงึ กลา ววา มชฌฺ ิมาย

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 139ปธานกขฺ มาย. บทวา ยถาภตู  อตฺตาน อาวิกตตฺ า ความวา ประกาศโทษใชค ณุ ของตนตามเปนจรงิ . บทวา อุทยตฺถคามินยิ า ความวา สามารถเพ่อืจะถึง คือ จะกาํ หนดถึงความเกดิ และความดับ. ดวยคาํ นที้ านกลา วถงึอุทยัพพยญาณอันกาํ หนดลกั ษณะ ๕๐. บทวา อรยิ าย ไดแกบรสิ ทุ ธ.ิ์ บทวานิพฺเพธิกาย ความวา สามารถชาํ แรกกองโลภเปนตนไดใ นกาลกอน บทวาสมมฺ าทุกฺขกขฺ ยคามนิ ยิ า ความวา ใหถึงความส้ินไปแหงทุกขทจี่ ะตองทําใหสิ้นนัน้ เพราะละกเิ ลสท้งั หลายเสียไดด ว ยตทงั คปหาน. ดวยบทเหลา นที้ ้ังหมดตรสั วปิ สสนาปญญาอยา งเดียว ดวยประการฉะน้ี. จริงอยู ความเพียรยอ มไมสําเรจ็ แกผ ูม ีปญญาทราม. อนง่ึ ดวยคาํ น้ีพึงทราบวา องคแ หงภกิ ษผุ มู คี วามเพยี รทั้งหา เปนโลกิยะเทา นัน้ . บทวา สายมนสุ ิฏ โ ปาโต วิเสสาธคิ จฉฺ ติ สอนตอนเยน็ บรรลุคุณวิเศษในตอนเชา ความวา เมื่อพระอาทิตยอสั ดงคต ก็พร่าํ สอน พออรุณขึน้ กบ็ รรลุคณุ วเิ ศษ. คําวา ปาตมนสุ ฏิ  โ สาย ความวา พออรุณขนึ้ ก็พรํา่ สอน ในเวลาพระอาทติ ยอ สั ดงคตกบ็ รรลุคุณวิเศษ. กแ็ ลพระเทศนานี้ทานกลา วดวยสามารถแหงไนยบคุ คล. จรงิ อยู ไนยบุคคลแมมปี ญ ญาทรามก็บรรลุอรหตั ตไ ดโ ดย ๗ วัน. มีปญญากลา แข็ง โดยวนั เดียว. พงึ ทราบคําท่ีเหลอื ดว ยสามารถแหง ปญ ญาพอกลาง ๆ. บทวา อโห พทุ โฺ ธ อโห ธมโฺ มอโห ธมฺมสฺส สวฺ ากฺขาตตา ความวา เพราะ ภิกษุ ใหอาจารยบอกกัมมัฏ-ฐานในเวลาเชา ในตอนเย็นบรรลุอรหตั ต เพราะความท่ีธรรมของพระพทุ ธเจาทง้ั หลายมีคุณโอฬาร และเพราะความทีพ่ ระธรรมอนั พระพุทธเจาตรัสดแี ลวฉะนน้ั เมอ่ื จะสรรเสรญิ จงึ กลา วอยางนน้ั . บทวา ยตฺร หิ นาม เปน นบิ าตใชในอรรถวา นาอัศจรรย. บทวา กจุ ฺฉิมติ ไดแ ก สัตวท ่ใี กลจ ุต.ิ บทวาโย เม อย ภนเฺ ต กุจฉฺ คโต ความวา ก็สรณะยอ มเปนอนั ถอื เอาแลว ดว ย

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มชั ฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 140อาการอยา งนี้หรือ. ยังไมเ ปน อนั ถอื เอาแลว. ธรรมดาการถึงสรณะดวยอจติ ตกะยอมไมม.ี สว นการรักษายอมปรากฏเฉพาะแลว . ภายหลังมารดาบิดา ไดเตอื นกมุ ารนนั้ ใหระลึกไดว า ดกู อ นลกู เมอื่ อยูในครรภก ใ็ หถอื เอาสรณะน้นั ดงั นี้เมอ่ื เวลาแก และพระกุมารนน้ั กก็ ําหนดไดแ ลว ยงั สตใิ หเกิดขนึ้ วา เราเปนอุบาสกถึงสรณะแลว ดังน้ี ในกาลใด. ในกาลนั้น ยอมชอื่ วา ถือสรณะแลว . คาํ ท่ีเหลอื ในทีท่ งั้ ปวงตืน้ ทง้ั นั้นและ จบอรรถกถาโพธิราชกุมารสตู รท่ี ๕

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 141 ๖. องั คลุ ิมาลสตู ร [๕๒๑] ขา พเจาไดสดบั มาอยา งน้ี :- สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจาประทับ อยู ณ พระเชตวนั อารามของทา นอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวตั ถ.ี กส็ มัยน้นั แล ในแวนแควนของพระเจาปเสนทิโกศล มโี จรช่ือวา องคลุ ิมาล เปน คนหยาบชา มีผา มือเปอนเลือด ปก ใจมน่ั ในการฆาตี ไมมคี วามกรณุ าในสัตวท งั้ หลาย. องคลุ มิ าลโจรน้นั กระทาํ บานไมใหเปนบานบา ง กระทํานิคมไมใ หเปน นคิ มบาง กระทาํชนบทไมใหเ ปนชนบทบาง. เขาเขนฆา พวกมนุษยแลว เอาน้วิ มือรอ ยเปนพวงทรงไว. ครัง้ น้นั แล ในเวลาเชา พระผมู ีพระภาคเจา ทรงนงุ แลว ทรงถอื บาตรและจีวร เสด็จเขาไปบณิ ฑบาตยงั พระนครสาวัตถี ครัน้ แลวในเวลาปจฉาภตัเสดจ็ กลับจากบณิ ฑบาตแลว ทรงเก็บเสนาสนะ ทรงถอื บาตรและจวี รเสดจ็ดาํ เนินไปตามทางทอ่ี งคลุ ิมาลโจรซมุ อยู. พวกคนเลีย้ งโค พวกคนเลยี้ งปศุสัตวพวกชาวนาทเ่ี ดนิ มา ไดเ ห็นพระผมู ีพระภาคเจาเสดจ็ ดาํ เนนิ ไปตามทางที่องคุลมิ าลโจรซมุ อยู คร้นั แลว ไดก ราบทูลพระผูมพี ระภาคเจา วา ขาแตส มณะอยาเดินไปทางน้นั ท่ีทางนน้ั มีโจรชอื่ วาองคลุ มิ าลเปน คนหยาบชา มฝี ามอืเปอ นเลือด ปก ใจในการฆาดี ไมมคี วามกรณุ าในสัตวท ัง้ หลาย องคลุ มิ าลโจรนน้ั กระทําบา นไมใหเปนบา นบา ง กระทาํ นิคมไมใ หเปน นิคมบาง กระทําชนบทไมใหเ ปน ชนบทบาง เขาเขนฆา พวกมนษุ ยแ ลวเอานวิ้ มือรอยเปน พวงทรงไว ขา แตสมณะ พวกบุรษุ สบิ คนก็ดี ยสี่ ิบคนกด็ ี สามสิบคนก็ดี สส่ี บิ คนก็ดี ยอมรวมเปนพวกเดียวกนั เดนิ ทางนี้ แมบรุ ษุ ผูนั้นก็ยงั ถึงความพินาศ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 142เพราะมอื ขององคุลมิ าลโจร เมอ่ื คนพวกน้นั กราบทูลอยา งน้ีแลว พระผมู พี ระ-ภาคเจาทรงน่ิง ไดเ สด็จไปแลว . [๕๒๒] แมครั้งท่ีสอง พวกคนเลย้ี งโค พวกคนเลยี้ งปศุสตั ว พวกชาวนาท่เี ดินมา ไดกราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา วา ขา แตสมณะ อยา เดินไปทางนั้น ที่ทางนั้นมโี จรชือ่ วาองคลุ มิ าล เปน คนหยาบชา มีฝามือเปอ นเลอื ดปกใจในการฆาตี ไมม คี วามกรณุ าในสัตวท ้ังหลาย องคลุ ิมาลโจรน้ัน กระทําบานไมใหเปน บา นบาง กระทํานคิ มไมใ หเ ปน นิคมบา ง กระทําชนบทไมใหเปนชนบทบา ง เขาเขน ฆาพวกมนษุ ยแ ลว เอานว้ิ มอื รอยเปนพวงทรงไว ขา แตสมณะ พวกบรุ ุษสบิ คนกด็ ี ยส่ี บิ คนก็ดี สามสิบคนก็ดี ส่ีสบิ คนก็ดี ยอ มรวมเปน พวกเดยี วกันเดนิ ทางน้ี ขา แตส มณะ แมบุรุษพวกนน้ั กย็ ังถงึ ความพนิ าศเพราะมอื ขององคุลิมาลโจร ดังน.้ี คร้งั นนั้ พระผูมพี ระภาคเจา ทรงนง่ิไดเ สดจ็ ไปแลว . [๕๒๓] แมครัง้ ทสี่ าม พวกคนเลย้ี งโค พวกคนเลีย้ งปศุสตั ว พวกชาวนาทเี่ ดินมา ไดก ราบทลู พระผมู พี ระภาคเจา วา ขา แตสมณะ อยา เดินไปทางน้นั ท่ที างนั้นมีโจรชอื่ วาองคลุ ิมาล เปนคนหยาบชา มีฝา มือเปอนเลือดปกใจในการฆาตี ไมมีความกรณุ าในสตั วทงั้ หลาย องคุลมิ าลโจรน้นั กระทาํบานไมใ หเปนบา นบาง กระทํานิคมไมใ หเ ปน นิคมบาง กระทําชนบทไมใหเปนชนบทบา ง เขาเขนฆา พวกมนษุ ยแลว เอาน้วิ มือรอ ยเปน พวงทรงไว ขา แตสมณะ พวกบุรษุ สิบคนกด็ ี ยี่สบิ คนก็ดี สามสิบคนก็ดี ส่สี บิ คนกด็ ี ยอมรวมเปนพวกเดียวกันเดินทางน้ี ขาแตสมณะ แมบรุ ษุ พวกนัน้ กย็ งั ถึงความพินาศเพราะมือขององคุลมิ าลโจร ดงั น.้ี ครง้ั นน้ั พระผมู พี ระภาคเจาทรงนง่ิ ไดเสด็จไปแลว .

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 143 ทรงบนั ดาลอิทธาภิสังขาร [๕๒๔] องคุลิมาโจรไดเหน็ พระผูมีพระภาคเจาเสด็จมาแตไกล.ครนั้ แลว เขาไดม คี วามดาํ ริวา นาอัศจรรยจ รงิ หนอ ไมเคยมเี ลย พวกบรุ ษุสบิ คนกด็ ี ยส่ี บิ คนก็ดี สามสบิ คนก็ดี สส่ี บิ คนกด็ ี. กย็ งั ตองรวมเปน พวกเดียวกนั เดินทางนี้ แมบ ุรษุ พวกนั้นยังถงึ ความพนิ าศเพราะมือเรา เออก็สมณะนี้ผูเดียว ไมมเี พอื่ นชรอยจะมาขม ถากระไร เราพึงปลงสมณะเสียจากชวี ิตเถิด. คร้งั นน้ั องคลุ มิ าลโจรถอื ดาบและโลผกู สอดแลงธนู ติดตามพระผมู ีพระภาคเจาไปทางพระปฤษฏางค. คร้ังน้ัน พระผูมีพระภาคเจา ทรงบันดาลอทิ ธาภสิ งั ขาร โดยประการท่ีองคุลมิ าลโจรจะวงิ่ จนสดุ กําลัง กไ็ มอ าจทนัพระผูมพี ระภาคเจาผูเ สด็จไปตามปกต.ิ ครั้งนน้ั องคุลมิ าลโจรไดม ีความดาํ รวิ า นาอัศจรรยจริงหนอ ไมเ คยมเี ลย ดวยวา เมอื่ กอ น แมช างกําลงั ว่งิ มากําลังวิ่ง รถกําลังแลน เนอื้ กําลังวง่ิ เรากย็ ังวิง่ ตามจับได แตวา เราว่งิ จนสดุ กําลงั ยงั ไมอ าจทนั สมณะนซ้ี งึ่ เดนิไปตามปรกตดิ งั น้ี จึงหยดุ ยนื กลาวกะพระผูมีพระภาคเจา วา จงหยดุ กอ นสมณะจงหยดุ กอนสมณะ. พระผูม ีพระภาคเจาตรัสวา เราหยดุ แลว องคุลมิ าลทา นเลา จงหยดุ เถดิ . [๕๒๕] ครง้ั นนั้ องคุลิมาลโจรดําริวา สมณศากยบุตรเหลาน้ันมักเปน คนพดู จริง มีปฏญิ ญาจริง แตส มณะรูปน้ีเดินไปอยเู ทียว กลบั พดู วาเราหยดุ แลวองคลุ ิมาล ทานเลาจงหยดุ เถดิ ถา กระไร เราพงึ ถามสมณะรูปนี้เถดิ . ครั้งนน้ั องคลุ ิมาลโจรไดกราบทลู พระผูม พี ระภาคเจาดว ยคาถา ความวา

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 144 ดูกอ นสมณะ ทา นกําลังเดินไป ยัง กลา ววา เราหยุดแลว และทานยงั ไมหยุด ยังกลา วกะขาพเจาผูห ยดุ แลววาไมห ยุด ดกู อ นสมณะ ขา พเจาขอถามเน้อื ความนี้ กะทาน ทานทยุดแลว เปนอยา งไร ขาพเจา ยงั ไมหยุดแลว เปนอยา งไร.พระผูมีพระภาคเจา ตรสั วา ดูกอนองคลุ มิ าล เราวางอาชญาใน สรรพสตั วไ ดแลว จงึ ช่อื วา หยุดแลว ใน กาลทกุ เมอื่ สวนทานไมส าํ รวมในสตั ว ท้ังหลาย เพราะฉะนนั้ เราจึงช่อื วาหยดุ แลว ทา นยงั ไมหยุด.องคุลมิ าลโจรทูลวา ดูกอ นสมณะ ทา นอันเทวดามนุษย บูชาแลว แสวงหาคุณอันยิง่ ใหญม าถึง ปาใหญเ พอื่ จะสงเคราะหขา พเจาสิ้นกาล- นานหนอ ขา พเจาน้นั จกั ประพฤตลิ ะบาป เพราะพงึ คาถาอนั ประกอบดวยธรรมของ ทาน องคลุ ิมาลโจรกลา วดังนี้แลว ไดท ิง้ ดาบและอาวุธลงในเหวลกึ มหี นา ผาชนั องคุลมิ าลโจรไดถ วายบังคมพระบาททั้งสอง ของพระสคุ ต แลวไดทลู ขอบรรพชากะ พระสคุ ต ณ ท่นี ้นั เอง. ก็แลพระพุทธเจา

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 145 ผูท รงประกอบดวยพระกรุณา ทรงแสวง- หาคุณอันยงิ่ ใหญ เปนศาสดาของโลกกบั ท้งั เทวโลก ไดตรัสกะองคลุ มิ าลโจรใน เวลาน้นั วา ทานจงเปนภิกษุมาเถดิ อนั นี้ แหละเปนภกิ ษภุ าวะขององคุลิมาลโจรน้ัน ดงั น้.ี ครงั้ น้นั แล พระผมู ีพระภาคเจามีพระองคุลมิ าลเปนปจ ฉาสมณะ เสดจ็จารกิ ไปทางพระนครสาวัตถี เสดจ็ จาริกไปโดยลําดบั เสดจ็ ถึงพระนครสาวัตถีแลว. เสด็จเขา เฝา พระผูมีพระภาคเจา [๕๒๖] ไดย นิ วา ณ ทีน่ ัน้ พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระ-เชตวัน อารามของทานอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี. ก็สมัยนัน้หมมู หาชนประชุมกันอยูท ี่ประทพู ระราชวงั ของพระเจาปเสนทโิ กศล สงเสยี งอือ้ อึงวา ขาแตส มมตเิ ทพ ในแวน แควน ของพระองค มีโจรชอื่ วา องคลุ มิ าลเปนคนหยาบชา มฝี า มือเปอนเลอื ด ปก ใจในการฆา ดี ไมม คี วามกรุณาในสัตวท้ังหลาย องคุลิมาลโจรนน้ั กระทาํ บานไมใหเปนบา นบา ง กระทาํ นิคมไมใ หเปน นคิ มบา ง กระทาํ ชนบทไมใ หเ ปน ชนบทบา ง เขาเขนฆาพวกมนษุ ยแลว เอานว้ิ มอื รอ ยเปนพวงทรงไว ขอพระองคจ งกําจดั มันเสียเถิด. คร้ังน้ัน พระเจา ปเสนทิโกศลเสด็จออกจากพระนครสาวตั ถี ดว ยกระบวนมาประมาณ ๕๐๐ เสดจ็ เขาไปทางพระอารามแตย งั วันทีเดยี ว เสด็จไปดว ยพระยานจนสุดภูมปิ ระเทศทยี่ านจะไปได เสด็จลงจากพระยานแลว ทรง

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 146พระดาํ เนนิ ดวยพระบาทเขาไปเฝา พระผูมพี ระภาคเจา ถึงทปี่ ระทบั ครนั้ แลวถวายบงั คมพระผมู ีพระภาคเจาประทบั นัง่ ณ ทค่ี วรสวนขา งหนง่ึ . [๕๒๗] พระผูมพี ระภาคเจาไดต รัสกะพระเจาปเสนทโิ กศลผูประทบัน่ัง ณ ที่ควรสว นขางหน่ึงแลว วา ดกู อนมหาบพิตร พระเจาแผน ดินมคธจอมเสนา ทรงพระนามวา พมิ พิสาร ทรงทาํ ใหพระองคทรงขัดเคืองหรือหนอหรอื เจาลิจฉวี เมืองเวสาลี หรือวาพระราชาผเู ปนปฏิปกษเหลา อ่นื . พระเจาปเสนทโิ กศลกราบทลู วา ขา แตพระองคผเู จรญิ พระเจาแผน ดินมคธ จอมเสนาทรงพระนามวา พมิ พิสาร มไิ ดท รงทาํ หมอ มฉนั ใหขัดเคอื ง แมเ จา ลจิ ฉวีเมอื งเวสาลี ก็มิไดทรงทําใหห มอมฉนั ขัดเคือง แมพระราชาท่เี ปนปฏปิ ก ษเ หลาอื่น ก็มิไดท าํ ใหห มอมฉนั ขัดเคอื ง ขา แตพ ระองคผูเจริญในแวน แควนของหมอมฉนั มีโจรชือ่ วาองคลุ มิ าล เปนคนหยาบชามฝี า มือเปอ นเลอื ด ปกใจในการฆา ตี ไมม คี วามกรณุ าในสตั วท ้งั หลายองคุลมิ าลโจรนนั้ กระทาํ บา นไมไหเ ปนบานบา ง กระทาํ นคิ มไมใหเปนนิคมบา งกระทาํ ชนบทไมใหเ ปน ชนบทบา ง เขาเชน ฆาพวกมนษุ ยแ ลวเอานิ้วมอื รอ ยเปนพวงทรงไว หมอ มฉนั จกั กําจัดมันเสยี . ภ. ดูกอ นมหาราช ถามหาบพิตรพึงทอดพระเนตรองคุลมิ าลผปู ลงผมและหนวด นงุ หมผากาสายะ ออกจากเรอื นบวชเปนบรรพชติ เวนจากการฆา สัตว เวน จากการลักทรัพย เวน จากการพูดเทจ็ ฉนั ภัตตาหารหนเดยี วประพฤตพิ รหมจรรย มีศีล มกี ลั ยาณธรรม มหาบพติ รจะพึงทรงกระทําอยางไรกะเขา. ป. ขาแตพ ระองคผเู จรญิ หมอ มฉนั พึงไหว พงึ ลกุ รบั พึงเชือ้ เชญิดว ยอาสนะ พึงบํารงุ เขา ดว ยจีวร บณิ ฑบาต เสนาสนะและคิลานปจจัยเภสัชบริขารหรือพึงจดั การรักษาปอ งกันคมุ ครองอยางเปน ธรรม ขา แตพระองค

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 147ผเู จรญิ แตอ งคลุ มิ าลโจรนน้ั เปนคนทุศลี มบี าปธรรม จักมีความสาํ รวมดวยศีลเหน็ ปานนี้ แตท ่ีไหน. [๕๒๘] กส็ มัยนัน้ ทา นพระองคุลิมาลน่งั อยไู มไ กลพระผมู ีพระภาคเจา. พระผูมีพระภาคเจาทรงยกพระหัตถเ บ้ืองขวาขน้ึ ชตี้ รัส บอกพระเจาปเสน-ทโิ กศลวา ดูกอ นมหาบพติ ร นัน่ องคลุ มิ าล. ลาํ ดับนัน้ พระเจาปเสนทโิ กศลทรงมคี วามกลวั ทรงหวาดหวน่ั พระโลมชาติชูชนั แลว. พระผมู ีพระภาคเจาทรงทราบวา พระเจาปเสนทโิ กศลทรงกลวั ทรงหวาดหวน่ั มพี ระโลมชาติชูชนั แลว จึงไดตรัสกะพระเจาปเสนทโิ กศลวา อยาทรงกลวั เลย มหาบพติ รอยาทรงกลวั เลย มหาบพิตร ภยั แตองคลุ มิ าลน้ีไมม ีแกม หาบพิตร. คร้ังน้ันพระเจาปเสนทโิ กศลทรงระงับความกลวั ความหวาดหวนั่ หรือโลมชาติชูชนัไดแลว จึงเสด็จเขาไปหาทา นองคลุ ิมาลถึงท่ีอยู คร้ันแลวไดตรัสกะทานองคุลิมาลวา ทานผเู จริญ พระองคุลมิ าลผเู ปนเจา ของเรา. ทา นพระองคุลมิ าลถวายพระพรวา อยา งนน้ั มหาบพติ ร. ป. บดิ าของพระผูเปนเจา มีโคตรอยา งไร มารดาของพระผูเ ปนเจามโี คตรอยา งไร. อ. ดกู อนมหาบพติ ร บดิ าช่อื คคั คะ มารดาช่อื มันตาน.ี ป. ทา นผเู จริญ ขอพระผูเปนเจาคัคคะมันตานีบตุ ร จงอภริ มยเถดิขาพเจา จักทําความขวนขวาย เพอ่ื จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปจจัย-เภสัชบริขาร แกพ ระผเู ปนเจา คัคคะมันตานีบตุ ร. ก็สมัยนัน้ ทานองคลุ มิ าล ถอื การอยใู นปาเปนวตั ร ถือเทยี่ วบณิ ฑ-บาตเปนวตั ร ถอื ผาบังสกุ ุลเปนวตั ร ถอื ผาสามผืนเปน วตั ร. ครั้งนนั้ ทานองคุลมิ าลไดถ วายพระพรพระเจา ปเสนทโิ กศลวา อยา เลย มหาบพติ ร ไตรจวี รของอาตมภาพบริบรู ณแ ลว .

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 148 ทูลลากลับ [๕๒๙] คร้ังนัน้ พระเจาปเสนทิโกศลเสด็จเขาไปเฝาพระผูมพี ระภาคเจา ถงึ ทป่ี ระทับ ถวายบังคมพระผูมีพระภาคเจาแลว จึงประทบั นงั่ ณ ทคี่ วรสว นขางหนง่ึ แลว ไดก ราบทลู วา ขา แตพ ระองคผูเ จริญ นา อัศจรรยน ักไมเ คยมีมา ที่พระผมู พี ระภาคเจาทรงทรมานไดซ ่งึ บคุ คลทีใ่ คร ๆ ทรมานไมไ ดทรงยังบุคคลท่ีใคร ๆ ใหส งบไมไ ด ใหสงบได ทรงยังบุคคลทใ่ี คร ๆ ใหดับไมได ใหดับได เพราะวาหมอ มฉันไมสามารถจะทรมานผใู ดได แมดวยอาชญา แมด วยศาสตรา ผนู น้ั พระผูมพี ระภาคเจาทรงทรมานไดโ ดยไมตอ งใชอาชญา ไมต องใชศาสตรา ขาแตพระองคผ เู จริญ หมอมฉันขอทูลลาไปในบัดนี้ หมอ มฉนั มีกิจมาก มกี รณยี ะมาก พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วา ขอมหา-บพติ รจงทรงทราบกาลอนั ควรในบดั น้ีเถดิ ลาํ ดับน้นั พระเจา ปเสนทิโกศเสดจ็ ลุกจากท่ีประทบั ถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจาแลว เสด็จหลีกไป. [๕๓๐] ครั้งนั้น เวลาเชา ทานพระองคลุ มิ าลครองอันตรวาสกแลวถอื บาตรและจีวรเขาไปบณิ ฑบาตยังพระนครสาวตั ถี. กาํ ลังเทีย่ วบณิ ฑบาตตามลาํ ดับตรอกอยูในพระนครสาวตั ถี ไดเ หน็ สตรคี นหน่ึงมคี รรภแ กห นักครน้ั แลวไดม คี วามดาํ ริวา สตั วทง้ั หลายยอ มเศราหมองหนอ สัตวทั้งหลายยอมเศรา หมองหนอ ดังน.้ี คร้งั นัน้ ทานพระองคลุ ิมาลเท่ียวบิณฑบาตในพระ-นครสาวตั ถี เวลาปจฉาภัตกลบั จากบิณฑบาตแลว เขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจาแลว นงั่ ณ ทค่ี วรสว นขางหนึง่ครั้นแลวไดก ราบทลู วา ขาแตพระองคผเู จรญิ ขอประทานพระวโรกาสเวลาเชา ขา พระองคค รองอนั ตรวาสกแลว ถอื บาตรและจวี รเขา ไปบณิ ฑบาตยังพระนครสาวตั ถี กาํ ลังเทยี่ วบณิ ฑบาตตามลําดบั ตรอกอยูในพระนคร

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 149สาวตั ถี ไดเ หน็ สตรคี นหนง่ึ มคี รรภแ กหนัก ครัน้ แลวไดมคี วามดาํ รวิ า สตั วท้ังหลายยอมเศราหมองหนอ ดังนี้. [๕๓๑] พระผมู พี ระภาคเจา จึงตรัสวา ดกู อนองคุลมิ าล ถา อยา งน้นัเธอจงเขาไปหาสตรีน้ันแลว กลา วกะสตรนี ้ันอยางนว้ี า ดูกอ นนองหญิง ตัง้ แตเราเกดิ มาแลว จะไดรสู กึ วา แกลงปลงสตั วจากชวี ิตหามไิ ด ดวยสัจจวาจานี้ขอความสวัสดีจงมแี กท า น ขอความสวัสดจี งมแี กครรภข องทา นเถดิ . ทา นพระองคลุ ิมาลกราบทลู วา ขา แตพระองคผูเจริญ กอ็ าการนั้นจกั เปน อนั ขาพระองคกลา วเทจ็ ทั้งรอู ยเู ปนแน เพราะขาพระองคแ กลงปลงสตั วเสียจากชวี ติ เปนอนั มาก. ภ. ดกู อนองคุลิมาล ถา อยา งน้นั เธอจงเขาไปหาสตรนี ัน้ แลวกลาวกะสตรนี ัน้ อยา งน้วี า ดกู อ นนองหญิง ต้ังแตเราเกดิ แลว ในอรยิ ชาติ จะไดรูส ึกวาแกลงปลงสตั วเสียจากชวี ติ หามไิ ด ดวยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแกทา น ขอความสวัสดีจงมีแกครรภข องทา นเถดิ . พระองคุลมิ าลทลู รับพระผูมีพระภาคเจา แลว เขา ไปหาหญิงนัน้ ถงึ ที่อยูคร้นั แลวไดก ลาวกะหญิงนน้ั อยา งนวี้ า ดูกอ นนอ งหญิง ตังแตเวลาทีฉ่ นัเกดิ แลว ในอริยชาติ จะแกลง ปลงสัตวจากชวี ติ ทงั้ รหู ามิได ดวยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแกท าน ขอความสวัสดีจงมแี กค รรภของทานเถิด. คร้งั น้นั ความสวสั ดไี ดมีแกห ญงิ ความสวสั ดีไดม ีแกค รรภของหญงิแลว . พระองคุลมิ าลบรรลุพระอรหัตต [๕๓๒] ครัง้ น้นั ทานพระองคุลิมาล หลีกออกจากหมูอ ยแู ตผูเดียวเปน ผูไมประมาท มคี วามเพียร มีตนสง ไปแลว อยูไมน านนัก กก็ ระทาํ ใหแจง

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 150ซงึ่ ท่ีสุดพรหมจรรยอ นั ไมม ีธรรมอน่ื ยงิ่ กวาทกี่ ลุ บตุ รท้งั หลายผอู อกจาจเรอื นบวชเปนบรรพชติ ตอ งการ ดว ยปญ ญาอันย่ิงเองในปจ จบุ นั แลวเขาถงึ อยู ไดร ชู ัดวาชาตสิ ้ินแลวพรหมจรรยอ ยูจบแลว กิจท่คี วรทาํ ทําเสรจ็ แลว กจิ อนื่ เพอื่ ความเปนอยางนี้อีกมิไดมดี ังน.้ี ก็ทานพระองคลุ ิมาลไดเปนอรหันตอ งคหนึง่ ในจํานวนพระอรหนั ตทงั้ หลาย. [๕๓๓] ครงั้ นน้ั เวลาเชา ทา นพระองคลุ มิ าลนงุ แลว ถอื บาตรและจวี ร เขาไปบณิ ฑบาตในพระนครสาวัตถี. ก็เวลานน้ั กอ นดิน... ทอนไม. ..กอนกรวดท่บี ุคคลขวางไปแมโดยทางอ่นื ก็มาตกลงทกี่ ายของทานพระองคลุ มิ าล.ทานพระองคลุ ิมาลศีรษะแตก โลหติ ไหล บาตรกแ็ ตก ผา สงั ฆาฏกิ ฉ็ ีกขาดเขา ไปเฝา พระผูมพี ระภาคเจา ถงึ ทป่ี ระทับ. พระผมู พี ระภาคเจาไดท อดพระเนตรทานพระองคุลมิ าลเดนิ มาแตไ กล คร้นั แลว ไดต รสั กะทานพระองคลุ ิมาลวาเธอจงอดกล้นั ไวเ ถดิ พราหมณ เธอจงอดกลั้นไวเถิดพราหมณ เธอไดเ สวยผลกรรมซึ่งเปนเหตุจะใหเ ธอพงึ หมกไหมอ ยูในนรกตลอดปเ ปน อนั มาก ตลอดรอ ยปเ ปน อนั มาก ตลอดพันปเ ปน อนั มาก ในปจ จุบนั น้ีเทาน้ัน. พระองคุลมิ าลอุทาน [๕๓๔] คร้งั น้ัน ทานพระองคุลมิ าลไปในทล่ี บั เรนอยู เสวยวมิ ตุ ตสิ ุขเปลงอุทานน้ีในเวลานนั้ วา ผใู ด เม่อื กอนประมาท ภายหลงั ผนู ้นั ไมป ระมาท เขายอมยงั โลกนี้ใหสวาง ดงั พระจันทรซึง่ พน แลว จากเมฆ ฉะน้นั ผูใ ดทาํ กรรมอันเปนบาปแลว ยอมปด เสีย ไดด วยกศุ ล ผูนัน้ ยอ มยังโลกนี้ใหสวาง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook