พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 414 วิบาก ยอมเห็นกรรมนนั้ แจงชดั ตามความ เปนจรงิ อยางน้ีวา โลกยอ มเปนไปเพราะ กรรม หมสู ตั วย อมเปนไปเพราะกรรม สัตวท้งั หลายถกู ผูกไวในกรรมเหมอื นลมิ่ สลักของรถทีก่ าํ ลงั แลนไป ฉะนน้ั บุคคลช่อื วา เปนพราหมณ ดวยกรรม อันประเสรฐิ น้ี คอื ตบะ พรหมจรรย สัญญมะและทมะ กรรม ๔ อยา งนี้ เปน กรรมอนั สูงสดุ ของพรหมท้งั หลาย ทําให ผปู ระพฤตถิ ึงพรอมดวยวิชชา ๓ ระงบั กิเลสได สนิ้ ภพใหมแลว ดูกอนวาเสฏฐะ ทานจงรอู ยา งน้วี า ผูนัน้ ชอ่ื วา เปนพรหม เปนทา วสักกะ ของบณั ฑติ ผรู แู จง ทง้ั หลาย. [๗๐๘] เมื่อพระผมู ีพระภาคเจาตรัสอยางนแ้ี ลว วาเสฏฐมาณพและภารทวาชมาณพ ไดกราบทูลพระผูมีพระภาคเจา วา ขา แตพระโคดมผเู จริญภาษติ ของพระองคแจม แจงนัก ขา แตพระองคผ เู จรญิ ภาษติ ของพระองคแจม แจง นัก พระองคทรงประกาศธรรมโดยอเนกปรยิ าย เปรยี บเหมอื นหงายของทค่ี วํ่า เปดของทีป่ ด บอกทางใหแ กคนหลงทาง หรอื ตามประทีปไวใ นที่มืดดวยหวังวา ผมู จี กั ษุจะไดเห็นรปู ได ฉะน้นั ขา พระองคทง้ั สองน้ีขอถึงพระโคดมผูเจรญิ กบั ทงั้ พระธรรมและพระภิกษุสงฆวาเปนสรณะ ขอพระองคโปรดทรงจาํ ขา พระองคทัง้ สองวา เปนอบุ าสก ผถู ึงสรณะตลอดชวี ิตตงั้ แตวันนเี้ ปนตน ไป ฉะน้ีแล. จบวาเสฏฐสูตรที่ ๘
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 415 อรรถกถาวาเสฏฐสูตร วาเสฏฐสตู รข้ึนตนวา ขาพเจาไดสดบั นาแลวอยา งน้ี :- บรรดาบทเหลา น้นั บทวา ในราวปาชื่ออจิ ฉานงั คละ คือในราวปาอันไมไกลอิจฉานังคลคาม. ชนแมท งั้ ๕ มีจังกพี ราหมณเปนตน ตา งกเ็ ปนปุโรหิตของพระเจา ปเสนทโิ กศล ดวยกันทั้งน้ัน. คาํ วา และพราหมณม หา-ศาลเหลา อ่ืน ทีม่ ชี อื่ เสียง ไดแก พราหมณเ หลา อื่นเปน อนั มากมีชอื่ เสยี งไดย ินวา พราหมณเ หลา น้ันประชุมกนั ในที่ ๒ แหงทุก ๆ ๖ เดือน. ในกาลใดตองการจะชําระชาติใหบริสุทธ์ิ ในกาลนน้ั ก็ประชมุ กนั ทอ่ี ุกกฏั ฐคามเพ่อื ชําระชาติใหบ ริสทุ ธิ์ ในสํานักของทานโปกขรสาต.ิ ในกาลใดตองการจะชาํ ระมนตใหบริสทุ ธิ์ ในกาลนั้นก็ประชมุ กนั ที่อจิ ฉานังคลคาม. ในกาลนี้ ประชมุ กนั ที่อิจฉานงั คลคามนน้ั เพอ่ื ชาํ ระมนตใ หบริสุทธ์.ิ บทวา ถอยคําท่ีพดู กนั ในระหวา ง ความวา มถี อ ยคําอยางอน่ื เกิดข้ึนในระหวา งถอ ยคําที่เหมาะตอความเปนสหายกนั ท่คี น ๒ คนเท่ียวเดินกลาวตาม ๆ กัน. บทวา มีศีล คือมคี ณุ . บทวา สมบูรณด ว ยวัตร คอื ถงึ พรอมดว ยความประพฤต.ิ คาํ วาอันอาจารยอนญุ าตและปฏญิ าณไดเ อง ความวา อนั อาจารยอนญุ าตอยางน้ีวา เธอท้ังหลายศึกษาจบแลว . บทวา พวกเราเปน ผทู ่อี าจารยใ หศ กึ ษาแลวความวา และตนเองปฏญิ าณแลวอยางน้.ี บทวา อสมฺ แปลวา ยอ มเปน.ดวยคาํ วา ขา พระองคเ ปน ศิษยของทานไปกขรสาตพิ ราหมณ มาณพผูน ีเ้ ปน ศิษยของทานตารุกขพราหมณ วาเสฏฐมาณพแสดงวา ขาพระองคเปนศิษยผใู หญ คือ เปน ศิษยช ้นั เลิศของทานโปกขรสาตพิ ราหมณ มาณพผูน้ีเปน ศิษยผใู หญ คอื เปน ศิษยช น้ั เลศิ ของทานตารกุ ขพราหมณ. บทวา ผทู รง
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 416วิชชา ๓ ไดแ ก พราหมณผ ูทรงไตรเพท. คาํ วา บทใดทพ่ี ราหมณท้งั หลายบอกแลว ความวา บทใดแมบ ทเดียวที่พราหมณทงั้ หลายบอกแลว ท้งั โดยอรรถะและพยญั ชนะ. คาํ วา เปนผูม คี วามเช่ยี วชาญในมนตนัน้ ความขา พระองคทง้ั สองเปน ผถู ึงความสําเรจ็ ในบทนนั้ เพราะรบู ทนัน้ ทั้งส้นิ . บัดนี้วาเสฏฐมาณพเม่อื จะทําใหแจงถงึ ความเปนผเู ชย่ี วชาญ แมนยํานั้นจงึ กลาววาปทกสฺม ดังนเ้ี ปนตน . บรรดาบทเหลา น้นั สองบทวา เชนเดยี วกบั อาจารยในสถานที่บอกมนต ความวา ขา พระองคท้งั สองเปน เชน เดียวกบั อาจารยในสถานทกี่ ลา ว มนต. บทวา เพราะกรรม ไดแก เพราะกรรม คือ กุศลกรรมบถ ๑๐ ก็วาเสฏฐมาณพนีห้ มายเอากายกรรมและวจกี รรม ๗ ประการขางตน จึงกลา ววา กาลใดแลทานผูเ จรญิ มศี ีล ดงั นี.้ หมายเอามโนกรรม ๓จึงกลาววา ผูถ ึงพรอมดวยวัตร. ก็บุคคลผูประกอบมโนกรรม ๓ นน้ั ยอ มเปนผูสมบรู ณดวยอาจาระ. วาเสฏฐมาณพรอ งเรยี กพระผมู ีพระภาคเจา วา ผูมีพระจักษุเพราะเปน ผูมีจกั ษดุ วยจักษุ ๕. บทวา ลวงเลยความสน้ิ ไป ไดแกลวงเลยความพรอง อธบิ ายวาบริบูรณ. บทวา เขาถงึ ไดแ ก เขาไปใกล.บทวา จะนอบนอ ม แปลวา กระทาํ ความนอบนอม. คําวา เปนดวงจักษุอุบตั ขิ ึ้นแลว ในโลก ความวา เปนดวงจักษโุ ดยแสดงประโยชนปจจบุ ันเปนตนของชาวโลก อุบตั ขิ ้นึ ขจดั ความมืดน้นั ในโลกอันมดื เพราะอวิชชา. พระผูมีพระภาคเจาอันวาเสฏฐมาณพชมเชยแลวทลู อาราธนาอยา งนี้เมือ่ จะทรงสงเคราะหชนแมท ั้งสองจึงตรัสพทุ ธพจนม ีอาทวิ า เราตถาคตจักบอกถอยคาํ อยางแจม แจงแกเ ธอท้งั สองน้นั ดงั น้.ี บรรดาบทเหลา นั้น บทวา จักบอกอยา งชดั แจง ไดแกจ ักพยากรณ. บทวา ตามลาํ ดบั ความวา ความคดิ ของพราหมณจ งพกั ไวก อน เราจักบอกตามลาํ ดบั คอื โดยลําดับตัง้ แตหญาตนไม แมลง และตกั๊ แตน เปนตน . บทวา การจาํ แนกชาติกาํ เนดิ คือ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 417ความพิสดารของชาติกําเนดิ . คําวา เพราะชาตกิ ําเนิดคนละอยา ง ความวา เพราะชาติกําเนิดของสตั วท ้ังหลายนน้ั ๆ คนละอยางคอื แตล ะอยางตาง ๆกนั . ดวยบทวา หญา และตนไม ดังนี้พระผมู พี ระภาคเจา ทรงเร่ิมพระเทศนานวี้ า เราจกั กลา วชาตกิ ําเนดิ ทีไ่ มมีวิญญาณครอง แลวจักกลา วถงึ ชาตกิ าํ เนดิทมี่ วี ญิ ญาณครองภายหลงั ความตางกันแหง ชาติกาํ เนดิ นน้ั จกั ปรากฏอยา งน.้ีก็พระมหาสิวเถระถูกถามวา ทานผเู จรญิ การกลาวอยางนว้ี า สิ่งท่ีไมมีวญิ ญาณครอง ชือ่ วา เปน ของตา งกัน เพราะมีพืชตา งกัน สงิ่ ทมี่ วี ิญญาณครองก็ชอ่ื วา เปนของตา งกัน เพราะกรรมตางกัน ดังนี้ ไมค วรหรอื จึงตอบวา เออไมค วร. เพราะกรรมซดั เขาในกาํ เนดิ สตั วเ หลานม้ี ีพรรณตาง ๆ กัน เพราะการปฏิสนธใิ นกําเนิด. ในบทวา หญา และตนไม น้ีมกี ระพี้อยูขา งใน แกนอยูขา งนอก ชนั้ ทสี่ ุดแมต าลและมะพราวเปน ตน ช่ือวาหญาทง้ั นั้น. สว นไมท่ีมีแกน อยูขา งใน กระพ้อี ยขู างนอก ชอื่ วา ตน ไมท้งั หมด. คาํ วา แมจะปฏญิ าณไมได ความวา ยอ มไมร ูอยา งนีว้ า พวกเราเปน หญา พวกเราเปน ตน ไมหรือวา เราเปนหญาเราเปนตน ไม. คาํ วา เพศอันสําเร็จดวยชาตกิ ําเนดิไดแก ก็หญาและตน ไมเหลานั้น แมไมรู (คอื ปฏิญาณไมไ ด) สณั ฐานมนั ก็สาํ เร็จมาแตชาตกิ ําเนิดท้งั น้นั คือเปน เหมอื นหญา เปนตน ซ่งึ เปน เคา เดมิ ของตนนน่ั เอง. เพราะเหตุไร. เพราะชาติกําเนิดมันตาง ๆ กนั . คือ เพราะตณิ ชาติก็อยา งหนึ่ง รกุ ขชาติกอ็ ยางหน่ึง แมบรรดาติณชาติทง้ั หลาย ชาติกาํ เนดิ ตาลก็อยางหนึ่ง ชาตกิ าํ เนดิ มะพราวกอ็ ยางหน่งึ . พงึ ขยายความใหกวา งขวางออกไปดว ยประการอยางน้ี . ดวยคําวา ชาตกิ ําเนิดตา งกนั นี้ทรงแสดงความหมายนีว้ าสง่ิ ใดตา งกันโดยชาตกิ าํ เนิด ส่งิ นัน้ แมเวนการปฏิญาณตนหรือการช้บี อกแนะนําของตนอ่ืน กย็ อมถอื เอาไดโ ดยพิเศษวา (มนั ม)ี ชาตกิ าํ เนดิ คนละอยาง. กห็ ากวาคนพึงเปน พราหมณแท ๆ โดยชาตกิ ําเนิด แมเ ขาเวน การปฏญิ าณตนหรือการ
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 418บอกเลาของตนอน่ื พึงถือเอาโดยพเิ ศษแตก ษัตรยิ แพศย หรอื ศทู ร แตจะถือเอาหาไดไม. เพราะฉะน้ัน บุคคลชื่อวาเปนพราหมณเ พราะชาติกําเนิดก็หาไม. ก็พระผมู พี ระภาคเจา จกั ทรงกระทาํ ใหแ จวซึ่งเนอ้ื ความนี้ แหง พระคาถาวา ในชาตกิ ําเนดิ เหลานี้ ฉนั ใด ดังน้ี โดยทรงเปลง พระวาจาไวเทา นั้นขางหนา. พระผมู พี ระภาคเจา ครั้นทรงแสดงชาตกิ าํ เนดิ ในสงิ่ ทีไ่ มม ีวญิ ญาณครองอยางนีแ้ ลว เมือ่ จะทรงแสดงชาตกิ าํ เนิดในสิง่ ทม่ี ีวิญญาณครอง แตน้ันจึงตรสั คาํ นอี้ าทิวา ต๊ักแตน ดงั นี้. คาํ วา ตลอดถงึ มดดาํ มดแดง ความวาทรงทาํ มดดํามดแดงใหเ ปน ชาตสิ ุดทา ย. กใ็ นบรรดาสตั วเหลา น้ี สัตวที่กระโดดไป ชอื่ วาตั๊กแตน. คําวา เพราะชาติกาํ เนดิ คนละอยาง หมายความวาชาตกิ ําเนดิ เน่ืองดว ยสิง่ ทม่ี สี ีเขียวสแี ดงเปนตนของสัตวแมเหลานั้น กม็ ีประการตา ง ๆ แท. บทวา ตวั เลก็ ไดแก กระรอกเปนตน. บทวา ใหญไดแก งแู ละแมวเปนตน. บทวา มเี ทาท่ีทอง แปลวา มีทอ งเปนเทา .อธิบายวา ทองนัน่ แหละเปนเทาของสัตวเหลา ใด. บทวา มหี ลังยาว ความวางูทั้งหลายมีหลงั อยา งเดียว ตัง้ แตหัวจรดหาง เพราะฉะน้ัน งูเหลานน้ั ตรัสเรียกวา มหี ลังยาว. บทวา ในนา้ํ คือเกิดในนํ้า. บทวา ปกขฺ ี ไดแก พวกนก. นกทัง้ หลายช่ือวา ไปดว ยปก เพราะบินไปดว ยปกเหลานน้ั . ชอ่ื วา ไปทางอากาศ เพราะไปทางอากาศกลางหาว.พระผมู ีพระภาคเจา ครนั้ ทรงแสดงชาติกาํ เนดิ แตละประเภทของสตั วทีไ่ ปทางบกทางน้าํ และทางอากาศอยา งนีแ้ ลว บัดน้ี เมือ่ จะทรงกระทําพระประสงคอ ันเปน เคร่อื งแสดงถึงเรื่องชาตกิ ําเนิดนั้นใหช ัดแจง จงึ ตรสั พระคาถาวา ในชาติกําเนิดเหลา น้ีฉันใด ดงั น้เี ปนตน. เนือ้ ความแหงคาถาน้นั ทรงตรัสไวโ ดยยอทีเดยี ว. แตค าํ ใดที่จะพงึ ตรสั ในทีน่ ี้โดยพสิ ดาร เมอื่ จะทรงแสดงคํานน้ั โดยพระองคเองจงึ ตรสั คําวา มิใชด วยผม ดังนี้เปน ตน . ในคาํ นน้ั มีการประกอบ
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 419ความดังตอ ไปน้ี. คาํ ใดท่กี ลาววา ในหมมู นุษย ไมม ีเพศที่สําเร็จดว ยชาติกําเนดิมากมาย ดังน้ี คาํ นน้ั พึงทราบวา ไมมอี ยา งน.้ี คอื อยางไร. คือ มิใชด วยผมท้ังหลาย เพราะไมมกี ารกําหนดไวว า พวกพราหมณมีผมเชน นี้ พวกกษตั รยิ เชนน้เี หมือนผมของชาง มา และเนอื้ เปน ตน. กพ็ ระดํารัสท่ีวา เพศอันสาํ เรจ็ ดว ยชาติกาํ เนดิ (ในมนษุ ยท ัง้ หลาย) ไมเ หมอื นในชาติกําเนิดเหลา อนื่ดังน้ี พึงทราบวา เปนคํากลาวสรปุ เนอ้ื ความที่ตรัสไวแ ลว เทานัน้ บทน้ันประกอบความวา เพราะเพศในมนุษยทง้ั หลาย อันสาํ เร็จดว ยชาติเปนอนั มากยอ มไมม ีดวยผมเปนตนเหลา นี้ ดวยประการอยางนี้ เพราะฉะนน้ั พงึ ทราบเพศน้นั วา ในมนษุ ยท ้งั หลายทตี่ า งกันโดยเปนพราหมณเ ปน ตน เพศท่สี าํ เรจ็ดว ยชาตกิ ําเนดิ หาเหมือนในชาติกําเนดิ เหลาอืน่ ไม. บดั น้ี ในเมอื่ ความแตกตา งแหงชาตกิ ําเนดิ แมจะไมม ีอยางนี้ เพื่อทจ่ี ะแสดงประการที่เกิดความตา งกนั น้ีท่ีวา พราหมณ กษตั รยิ น ัน้ จงึ ตรัสคาถาวา เปนของเฉพาะตัว ดงั นี.้ บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา โวการ ไดแก ความตางกนั . ก็ในคําน้มี ใี จความยอดงั ตอ ไปน้ี เหมอื นอยา งวา สาํ หรบั สัตวเ ดียรจั ฉานทง้ั หลาย ความตา งกันโดยสัณฐาน มีผมเปน ตน สาํ เร็จมาแตก าํ เนิดทีเดียว ฉันใด สําหรบั พวกพราหมณเปนตน ความตางกนั นั้นในสรีระของตนยอ มไมม ี ฉนั นัน้ . แมเม่ือเปน อยา งน้ีความตางกันทีว่ า พราหมณ กษตั รยิ . ดงั นีน้ ัน้ ในหมมู นุษยเ ขาเรยี กกนั ตามช่ือ คือ เขาเรียกโดยสักวา ตา งกันเทานนั้ . พระผมู ีพระภาคเจาทรงขม วาทะของ ภารทวาชมาณพ ดว ยพระ-ดํารัสมีประมาณเทา น้ี บัดนี้ ถาหากวาคนจะเปน พราหมณไ ดเพราะชาติไซรแมคนท่มี อี าชีพ ศีล และความประพฤติเสียหาย กจ็ ะเปน พราหมณไ ด แตเพราะเหตุทีพ่ ราหมณแตเ กากอน ไมป รารถนาความที่คนเสยี หายน้ันมาเปนพราหมณ และคนท่เี ปนบัณฑิตแมอนื่ ๆ ยอ มมีอยูในโลก เพราะฉะนน้ั เม่ือ
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 420จะทรงยกยองวาทะของวาเสฏฐมาณพ จึงตรัสคาถา ๘ คาถาวา กบ็ ุคคลใดคนหน่งึ ในหมูม นษุ ย ดงั นีเ้ ปนตน . ในบทเหลานนั้ บทวา การรกั ษาโค คือการรักษานา. อธิบายวา กสิกรรม. กค็ าํ วาโคเปน ชอ่ื ของแผนดิน เพราะฉะน้นัจึงตรสั อยา งนน้ั . บทวา ดวยศลิ ปะมากมาย ไดแก ศิลปะตา ง ๆ มีการงานของชา งทอหกู เปน ตน . บทวา คา ขาย ไดแก การคาขาย. บทวา ดว ยการรับใชผ ูอ ื่น คอื ดวยกรรม คอื การขวนขวายชวยเหลอื คนอื่น. บทวา อาศัยศสั ตราเล้ยี งชวี ิต คือการเปนอยดู วยอาวุธ อธิบายวา (อาศัย) ลูกศรและศัสตรา. บทวา ดวยความเปนปโุ รหติ คอื ดว ยการงานของปุโรหิต. พระผูมีพระภาคเจา ครนั้ ทรงประกาศ ความที่คนเสียหายดานอาชพี ศลี และความประพฤติ วา ไมเ ปนพราหมณ โดยลัทธิของพราหมณและโดยโวหารของชาวโลกอยา งน้ีแลว ทรงใหยอมรบั ความถูกตองนี้ โดยใจความอยา งนีว้ า เม่ือเปนเชนนี้ คนยอ มไมเปน พราหมณเพราะชาติ แตเปน พราหมณเพราะพวกคนวยั รนุ เพราะฉะนั้น คนใดเกดิ ในตระกลู ใดตระกลู หนง่ึ เปนคนมคี ณุ ความดี คนน้นั เปนพราหมณ นเี้ ปน ความถกู ตองในอธกิ ารทว่ี าดวยเร่อื งพราหมณนี้ ดงั นี้ บดั นี้ เมอ่ื จะทรงประกาศความถกู ตองนั้น ดวยการเปลงคําพูดออกมา จึงตรสั วา และเราก็ไมเ รยี กวา เปน พราหมณดังนเี้ ปนตน. ใจความของพระดํารัสนั้นมวี า เพราะเราไมเรยี กคนผูเกิดในกําเนิดใดกําเนิดหนงึ่ บรรดากาํ เนดิ ๔ หรือผทู ่เี กดิ ในมารดาท่ีพราหมณยกยอ งสรรเสริญโดยพิเศษในกําเนิด ๔ แมน ั้น ผูเกดิ แตก าํ เนดิ มีมารดาเปน แดนเกิดนนั้ วาเปน พราหมณ คือ เราไมเรียกคนผทู เ่ี ขากลาววาเกดิ แตก าํ เนดิมมี ารดาเปน แดนเกดิ เพราะเปนผูเ กิดแตกําเนิด โดยมารดาสมบัตกิ ็ตามโดยชาตสิ มบัตกิ ต็ าม ดวยคําที่มานี้วา กาํ เนิดกลา วคือ เพียงแตความบงั เกดิ ขึน้อนั บรสิ ทุ ธ์ขิ องพราหมณ ท่พี วกพราหมณกลา วไว โดยนัยมอี าทิวา ผูเ กิดดแี ลว
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 421แตขา งทั้งสองฝาย มคี รรภท ่ถี อื ปฏิสนธิบริสุทธน์ิ นั้ ผูเกิดแตกําเนิด มีมารดาเปนแดนเกิดน้นั วา เปน พราหมณด ว ยเหตสุ ักวาเกดิ แตก ําเนิด มีมารดาเปนแดนเกิดนี.้ เพราะเหตุไร. เพราะบุคคลนั้นเปนผูช่อื วา โภวาที มวี าทะวา ผูเจรญิเพราะเปนผวู เิ ศษกวา คนเหลาอ่ืน ผูมคี วามกังวล ดวยสกั แตกลาววาผเู จรญิผเู จริญ บุคคลนนั้ แลเปนผูม ีความกังวล มีความหว งใย. สวนบุคคลใดแมจะเกดิ ในตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ช่ือวา ผไู มม คี วามกงั วล เพราะไมม ีกเิ ลสเครื่องกังวล มรี าคะเปนตน ช่ือวา ผูไมถ อื ม่นั เพราะสละความยดึ ถือทัง้ ปวง เราเรียกบุคคลผไู มมีความกงั วล ผูไมย ึดถือนัน้ วาเปน พราหมณ. เพราะเหตุไร.เพราะเปน ผูลอยบาปแลว. สูงขน้ึ ไปหนอ ย คาถา ๒๗ เปน ตน วา ตัดสงั โยชนทง้ั ปวง ดงั นี้. บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา สังโยชนท งั้ ปวง ไดแ ก สงั โยชนทัง้ หมด คือแมท ้ัง ๑๐. บทวา ยอมไมสะดงุ คือ ยอมไมสะดงุ ดว ยความสะดุงคอื ตัณหา. บทวา ลว งกิเลสเครอื่ งขอ ง คือ กา วลวงกเิ ลสเครอื่ งขอ งมีราคะเปน ตน . บทวา ผไู มประกอบ คอื ผูไมประกอบดว ยกําเนดิ ๔ หรอื ดวยกเิ ลสทั้งปวง. บทวา สายเชือกหนัง ไดแ ก อปุ นาหะ ความผกู โกรธ. บทวาสายหนงั ไดแ ก ตัณหา. บทวา. ทตี่ อ แปลวา เชือกบว ง. คาํ วา เชอื กบวงนเ้ี ปน ชอ่ื ของกเิ ลสเคร่ืองกลุมรมุ คือทฐิ ิ. ปมท่สี อดเขาในบวงเรยี กวา สายปมในคาํ วา สหนุกกฺ ม น้.ี คํานีเ้ ปนชอ่ื ของ ทิฏฐอิ นสุ ยั . ในคาํ วา มลี ่ิมสลกัอนั ถอนข้ึนแลว นี้ อวิชชา ชือ่ วา ดจุ ลิ่ม. บทวา ผตู รัสรแู ลว ไดแ กตรัสรูสัจจะทง้ั ๔. บทวา ยอ มอดกลน้ั คอื ยอ มอดทน. บทวา ผมู ีขันติเปนหมพู ล คอื มอี ธวิ าสนขนั ติเปน หมูพล ก็ขนั ตนิ ้ัน เกดิ ข้ึนคราวเดยี ว ไมช ื่อวาเปนกําลังดังหมูพล ตอ เกิดบอ ย ๆ จงึ เปน . ชื่อวา มกี ําลังดงั หมพู ล เพราะมอี ธิวาสนขนั ตนิ ัน้ .
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 422 บทวา ผมู อี งคธรรมเคร่ืองจํากัด คอื มีธุดงควัตร. บทวามีศลี คอื มคี ุณความดี. บทวา ผูไ มมีกเิ ลส เคร่ืองฟูขนึ้ คอื ปราศจากกิเลสเครื่องฟูขน้ึ มรี าคะเปน ตน. บาลวี า อนสุ ฺสุต ดังนี้กม็ .ี ความหมายวาผไู มถ ูกกเิ ลสร่ัวรด. บทวา ผูฝกแลว คือ หมดพยศ. บทวา ยอมไมฉาบทา คอื ยอ มไมต ดิ . บทวา ในกามทง้ั หลาย ไดแ กใ นกเิ ลสกามและวัตถุกาม. พระอรหัต ทานประสงคเ อาวา ธรรมเปนท่สี ้ินทุกขในพระบาลีนนั้ วา ยอมรูชัดซึง่ ธรรมเปนที่สิน้ ทกุ ขใ นภพนเ้ี อง ดังน.ี้ บทวา ยอมรูชดัหมายความวา รูด ว ยอาํ นาจการบรรลุ. บทวา ผมู ภี าระอันปลงแลว คอืผูมีภาระอนั ปลงลงแลว ไดแก ทําภาระคอื ขนั ธ กเิ ลส อภสิ ังขาร และกามคุณ ใหห ย่งั ลงตั้งอย.ู บทท่ไี มประกอบแลว มีเน้ือความกลาวไวแ ลวแล.บทวา มปี ญ ญาลกึ ซ้งึ คือ มีปญ ญาอันไปแลวในอารมณอนั ลกึ ซึง้ . บทวามปี รีชา ไดแ ก ผมู ปี ญญา ดวยปญญาตามปกติ. คําวา (ดวยคฤหสั ถ)และบรรพชติ ทง้ั สองพวก ความวา ผไู มคลกุ คลีดวยคฤหัสถและบรรพชติอธบิ ายวา ผไู มคลกุ คลเี ด็ดขาดในชนทัง้ สองพวก และดวยคฤหสั ถ และบรรพชติ แมท งั้ สองพวกเหลานนั้ . ในบทวา ผูไมอาลยั เทีย่ วไป ความวาความอาลยั ในกามคุณ ๕ เรยี กวา โอกะ ผไู มติดอาลัยคอื กามคณุ ๕ น้นั .บทวา ผูม คี วามปรารถนานอย คือ ผไู มมคี วามปรารถนา. บทวาผูสัน่ คลอน คอื ผูมีตัณหา. บทวา ผูมั่นคง คือ ไมม ตี ณั หา. บทวาผูมีอาชญาในตนคือ ผูถอื อาชญา. บทวา ผดู ับแลว คือ ดบั แลวดวยการดับกิเลส. บทวา ผูมีความยดึ ถอื คือ ผมู ีความถือมน่ั . บทวาปลงลงแลว แปลวา ใหตกไป. บทวา ไมแ ขง็ กระดา ง คือ ไมม โี ทษ.เพราะแมตน ไมท ี่มีโทษก็เรียกวา มีความแข็งกระดา ง. บทวา อนั ยงั ผูอน่ืใหเขา ใจ คอื อนั ย่ิงคนอนื่ ใหเ ขา ใจ ไดแ ก ไมสอเสยี ด. บทวา จรงิ
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 423คอื ไมค ลาดเคล่ือน. บทวา เปลง คอื กลา ว. คาํ วา ไมทําใหค นอื่นของใจดว ยวาจาใด ความวา ยอ มกลา ววาจาอนั ไมห ยาบ ไมเ ปน เหตทุ ําใหคนอ่นื ติดใจหรอื ขอ งใจเชน นน้ั . ทรงแสดงส่ิงของท่ีรอยดา ยไว ดวยคําวายาว. ทรงแสดงสิง่ ของทก่ี ระจัดกระจายกันอยู ดวยคาํ วา ส้นั . บทวาละเอียด แปลวาเลก็ . บทวา หยาบ แปลวา ใหญ. บทวา งามไมง ามคือ ดี ไมด.ี เพราะสิง่ ของ (ทีร่ อ ยเปน พวง) ยาว มีราคานอยบา ง มากบาง.แมใ นส่งิ ของนนั้ (คือกระจายกันอยู) กม็ ีนยั นเี้ หมอื นกัน . ดังน้นั ดว ยพระดํารัสมปี ระมาณเทา นี้ หาไดท รงกําหนด ถือเอาสิง่ ท้ังหมดไม แตทรงกําหนดถอื เอาดว ยส่งิ ของนีท้ ว่ี า งามและไมง าม. บทวา ไมมคี วามหวงั คอืไมม ีความหยาก. บทวา ความอาลัย ไดแ กค วามอาลัย คือ ตัณหา.บทวา เพราะรูท ัว่ คือ เพราะร.ู บทวา อนั หยัง่ ลงสอู มตธรรม คืออนั เปน ภายในอมตธรรม. บทวา ถึงแลว โดยลาํ ดับ ไดแก เขาไปแลวโดยลําดบั . บทวา ธรรมเครื่องขอ งทัง้ สอง คือ ธรรมเครอ่ื งของแมท้งั สองนัน้ . เพราะวาบญุ ยอ มทาํ ใหสตั วข องในสวรรค บาปยอมยังสตั วใหของอยใู นอบาย. เพราะฉะน้ันจงึ ตรสั วา ธรรมเปน เคร่ืองของแมท ั้งสองนัน้ . บทวาเลยแลว แปลวา ลวงไปแลว . บทวา ไมข นุ มัว คือ เวน จากกิเลสที่ทําใหข นุ มัว. บทวา ผูมคี วามเพลดิ เพลนิ ในภพสน้ิ แลว ไดแก มีความเพลิดเพลินสน้ิ ไปแลว มภี พส้ินไปแลว . ดวยคาถาวา โย อิม ความวาอวชิ ชาน่ันแหละ ทา นกลา ววา ชอื่ วา ดุจทางลื่น เพราะอรรถวา ทําใหเคล่อื นคลาด ชอื่ วา ดจุ หลม เพราะเปนของอนั ถอนขน้ึ ไดยากมาก ชือ่ วาสังสาร เพราะอรรถวาทอ งเทย่ี วไป (และ) ชอื่ วา โมหะ เพราะอรรถวาโงเ ขลา. บทวา ขา มแลว คือ ขา มโอฆะทัง้ ๔. คําวา ถงึ ฝง คอืถงึ พระนพิ พาน. บทวา มปี รกตเิ พง คอื มีปรกติเพงดวยอาํ นาจเพงอารมณ
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 424และลกั ษณะ. บทวา ผูไมหวนั่ ไหว คอื ไมม ี ตัณหา. คาํ วา ดบั แลวเพราะไมถือม่นั ไดแก ดับแลว ดว ยการดบั กิเลสทั้งปวง เพราะไมย ึดถอือะไร. บทวา กามท้ังหลาย ไดแกกามแมท ้งั สอง. บทวา ไมม ีเรอื นแปลวา เปนผไู มมีเรอื น. บทวา เวน แปลวา ยอมเวนทุกดาน. บทวามกี ามและภพส้นิ แลว คือ สิน้ กาม ส้ินภพ. คําวา กเิ ลสเครอื่ งประกอบของมนษุ ย ไดแ กก ิเลสเครือ่ งประกอบ คือกามคุณ ๕ อันเปน ของมนุษย. บทวา กิเลสเครอ่ื งประกอบอนั เปนทิพย คอื กิเลสเครื่องประกอบ คอื กามคุณ ๕ อนั เปน ทิพย. บทวา ไมป ระกอบดว ยกิเลสเครอื่ งประกอบท้ังปวง ความวา ปราศจากกเิ ลสเครอ่ื งประกอบทงั้ ปวง.บทวา ยินดี คือ ยนิ ดกี ามคุณ ๕. บทวา ไมย นิ ดี ไดแ ก ไมพ อใจในกุศลภาวนา. บทวา ผูแกลว กลา คอื มีความเพียร. บทวา ผไู ปดีแลวคอื ไปสูสถานท่ดี ี หรอื ดําเนินไปดวยขอปฏบิ ัติอนั ดี. บทวา คติ คอืความสําเรจ็ . บทวา ขางหนา ไดแ ก ในอดีต. บทวา ขา งหลังไดแ ก ในอนาคต. บทวา ในทา มกลาง คอื ในปจจุบนั . บทวา เคร่อื งกังวล คือ กเิ ลสตัวที่ทําใหกงั วล. บทวา ผูแสวงหาอนั ยิง่ คอื ช่ือวาผูแสวงหาคุณอนั ยิง่ เพราะแสวงหาคณุ อนั ใหญ. บทวา ผูมีความชนะ คือผูมคี วามชนะอันชนะแลว. พระผูมีพระภาคเจา ครนั้ ทรงแสดงเฉพาะพระขีณาสพเทาน้นั วาเปนพราหมณโ ดยคณุ ความดีอยา งนี้แลว เม่ือจะทรงแสดงวา บุคคลใดกระทําการถือม่ันวา เปนพราหมณเพราะชาติ ดงั น้ี บคุ คลน้นั ไมรกู ารถอื มนั่ น้ีทิฐิอันนน้ั ของคนเหลานน้ั เปน ทฐิ ิช่ัว จงึ ตรัสสองคาถาวา อันชอื่ วาดงั นี.้ เนอ้ื ความของสองคาถาน้ันมีวา อันช่ือและโคตรทเี่ ขาจดั แจงไว ต้ังไว ปรุงแตงไววา พราหมณ กษตั ริย ภารทวาชะ วาเสฏฐะน้ันใด อันน้นั
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 425เปนชอ่ื (เรียกกัน ) ในโลก อธิบายวา เปน เพียงเรียกกัน. เพราะเหตไุ ร.เพราะสมมุติ เรยี กกัน คือ มาโดยการหมายรกู ัน. พระชือ่ และโคตรนน้ัญาติสาโลหิตจัดแจงไวตงั้ ไวในเวลาทีเ่ ขาเกิดในทีน่ ั้น ๆ. หากไมกาํ หนดชอ่ืและโคตรน้นั ไวอ ยางนัน้ คนไร ๆ เห็นใคร ๆ ก็จะไมร วู าผนู ีเ้ ปน พราหมณหรือวา เปน ภารทวาชะ. ก็ขอและโคตรนน้ั ทเ่ี ขากาํ หนดไวอ ยา งนั้น กําหนดไวเ พอื่ ความรูส กึ วา ทิฐอิ ันนอนเน่อื งอยสู น้ิ กาลนาน ทฐิ อิ ันนอนเนอ่ื งอยูส ้นิกาลนานในหทยั ของสัตวทง้ั หลายผไู มร วู า นน่ั สักแตวาชอ่ื และโคตรที่เขากําหนดไวเพื่อเรียกกัน อธบิ ายวา เพราะทฐิ นิ ั้นนอนเน่อื งอยู ผไู มร ูชอ่ื และโคตรนั้นคือไมรูเลยวา เปนพราหมณ ก็เทีย่ วพูดอยา งน้ีวา ผนู ้ีเปน พราหมณเ พราะชาติดงั น้.ี พระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงวา บุคคลผถู ือมนั่ วา เปน พราหมณโ ดยชาตนิ ้ัน ไมรมู าตรวาการเรยี กกนั น้ี ทิฐอิ นั นน้ั ของคนเหลา นั้นเปน ทิฐชิ ั่ว ดังนีอ้ ยางน้แี ลว บดั น้ี เมื่อจะทรงปฏิเสธวาทะวา ดว ยชาติอยางเด็ดขาด และทรงตั้งวาทะวาดวยกรรม จงึ ตรสั คาํ เปน ตนวา มิใชเ พราะชาติ ดงั น้ี . เพื่อขยายความของกึง่ คาถาทว่ี า เพราะกรรม ดังนี้ ในพระดํารัสนนั้ จึงตรัสคาํ วาเปน ชาวนาเพราะการงาน ดังนเ้ี ปนตน . บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา เพราะการงาน ไดแก เพราะกรรมคือเจตนาตัวบังเกิดการงานมกี สิกรรมเปน ตนอนั เปน ปจจบุ ัน. บทวา ปฏิจจสมุปบาท ไดแกมีปรกตเิ ห็นปฏิจจสมุปบาทอยางน้ีวา เปน อยา งนี้เพราะปจ จยั น้ี. บทวา ผูร ูในกรรมและผลของกรรมความวา ผฉู ลาดในกรรมและผลของกรรมอยา งนี้วา ยอมมกี ารอุบตั ิในตระกูลอันควรแกการนับถอื และไมนบั ถือ เพราะอํานาจกรรม ความเลวและความประณตี แมอืน่ ๆ ยอมมใี นเม่ือกรรมเลว และประณีตใหผล. ก็พระคาถาวา
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 426ยอ มเปนไปเพราะกรรม ดงั น้ี มคี วามหมายเดยี วเทาน้ันวา ชาวโลกหรือหมูสัตว หรอื วา สตั ว. ตา งกนั แตสกั วาคาํ . ก็ในพระคาถาน้ี ดวยบทแรก พงึ ทราบการปฏิเสธทฐิ ิวา มีพรหม มหาพรหม ผปู ระเสรฐิ เปน ผูจ ัดแจง. ชาวโลกยอมเปน ไปในคตินนั้ ๆ เพราะกรรม ใครจะเปน ผจู ดั แจงโลกนัน้ . ดว ยบทที่สอง ทรงแสดงวา แมเกดิ เพราะกรรมอยา งนีก้ ็เปน ไปและยอมเปนไปเพราะกรรมอันตางโดยเปน กรรมปจจบุ ัน และกรรมอนั เปน อดีต. เสวยสขุ ทกุ ขและถึงประเภทเลว และประณตี เปนตน เปน ไป. ดวยบทท่สี าม ทรงสรุปเน้อืความนัน้ นนั่ แลวา สตั วทง้ั หลายถูกผูกไวท ี่กรรม หรอื เปนผูอนั กรรมผูกพันไวเปน ไปอยู แมโ ดยประการทัง้ ปวงอยางน.้ี มิใชโดยประการอืน่ . ดว ยบทท่ี ๔ทรงทาํ เนอื้ ความนั้นใหช ัดแจง ดวยการเปรียบเทียบ. เหมือนอยา งวารถทก่ี ําลังแลนไป เพราะยงั มีลมิ่ สลกั อยู รถท่ลี ิ่มนน้ั ไมสลักไวย อ มแลนไปไมไ ด ฉันใดชาวโลกผเู กดิ แลว และเปน ไปแลว มกี รรมเปน เครื่องผูกพัน ถา กรรมนัน้ ไมผกู พันไว ยอมเปนไปไมไ ด ฉันนัน้ . บัดน้ี เพราะเหตทุ ชี่ าวโลกถูกผูกไวในเพราะกรรม เพราะเหตนุ ้นัเมื่อจะทรงแสดงความเปนผูป ระเสรฐิ เพราะกรรมอันประเสริฐ จึงตรัส ๒ คาถาวา คอื เพราะตบะ ดงั นเี้ ปน ตน . บรรดาบทเหลา นั้น บทวา เพราะตบะไดแก เพราะตบะ คอื ธุดงคว ัตร. บทวา เพราะพรหมจรรย คือ เพราะเมถนุ วิรัติ. บทวา เพราะความสาํ รวม คือ เพราะศลี . บทวา เพราะการฝกคือ เพราะการฝกอนิ ทรีย. บทวา นี้ ความวา เปนพราหมณเ พราะกรรมอันประเสรฐิ คอื บริสทุ ธิ์ เปน ดจุ พรหมน้.ี เพราะเหตไุ ร. เพราะความเปนพราหมณน ้เี ปน ของสูงสุด อธิบายวา เพราะกรรมนีเ้ ปน คุณความดีของพราหมณอยางสูงสุด. ก็ในคาํ วาพราหมณน ้มี ีความหมายของคําดังตอ ไปน้ี. ชือ่ วาพราหมณ เพราะอรรถวา นํามาซ่งึ พรหม อธิบายวา นาํ มาซง่ึ ความเปน พราหมณ.
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 427บทวา ผูสงบ ดังนใ้ี นคาถาที่ ๒ มคี วามวา เปนผูมกี เิ ลสอนั สงบแลว . คาํวา เปนพรหม เปนทาวสกั กะ คือเปน พระพรหม เปนทาวสกั กะ อธบิ ายวา บุคคลเห็นปานน้ี ไมใชเปน พราหมณอ ยางเดยี ว โดยทแี่ ท บคุ คลน้นัเปน พรหมและเปนทา วสกั กะของบัณฑติ ผูรูแจงท้งั หลาย วาเสฏฐะ ทานจงรูอยางน้ี. คําทีเ่ หลอื ในทีท่ ุกแหง งา ยท้ังน้ันแล. จบอรรถกถาวาเสฏฐสตู รที่ ๘
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 428 ๙. สภุ สตู ร [๗๐๙] ขา พเจาไดส ดบั มาแลวอยา งนี้ :- สมยั หนึ่ง พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระวิหารเชตวนั อารามของทา นอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวตั ถี. สมัยนน้ั สภุ มาณพโตเทยย-บุตรอาศัยอยูในนิเวศนข องคฤหบดผี ูหนึ่ง ในพระนครสาวัตถี ดว ยกรณียกิจบางอยาง. ครัง้ น้ัน สุภนาณพโตเทยยบุตร ไดก ลาวกะคฤหบดีทตี่ นอาศยั ในนเิ วศนของเขานั้นวา ทานคฤหบดี ขา พเจา ไดสดบั มาดังนว้ี า พระนครสาวัตถีไมว า งจากพระอรหันตทงั้ หลายเลย วนั นเ้ี ราจะพึงเขา ไปนัง่ ใกลส มณะหรือพราหมณผูไหนหนอ. คฤหบดีไดก ลาววา ทา นผเู จรญิ พระผูมพี ระภาคเจา ประทบั อยู ณพระวหิ ารเชตวัน อารามของทานอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถีทา นจงเขาไปน่งั ใกลพ ระผูมีพระภาคเจา พระองคนัน้ เถิด. [๗๑๐] ลําดับนั้น สุภมาณพโตเทยยบุตรรบั คาํ คฤหบดนี นั้ แลว เขาไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจา ถงึ ที่ประทับ ไดป ราศรัยกบั พระผูมีพระภาคเจา ครั้นผา นการปราศรัยพอใหร ะลึกถึงกนั ไปแลว น่งั ณ ที่ควรสว นขา งหนึ่ง แลวไดทูลถามพระผมู พี ระภาคเจาวา ทานพระโคดม พราหมณทัง้ หลายกลาวกนัอยา งนว้ี า คฤหัสถเ ทา นั้นเปน ผยู นิ ดีกศุ ลธรรมเคร่อื งนาํ ออกไปจากทกุ ขบรรพชิตไมเปนผูยินดกี ศุ ลธรรมเครอ่ื งนําออกไปจากทุกข ในเรอื่ งน้ี ทา นพระโคดมตรสั วา อยางไร. พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา มาณพในเรื่องนี้ เราแยกออกกลาว เราไมร วมกลา ว เราพรรณนาการปฏิบัตผิ ิดของคฤหัสถห รือของบรรพชิต มาณพ
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 429จรงิ อยู คฤหสั ถห รือบรรพชติ ปฏิบตั ผิ ิดแลว ยอมชื่อวาเปน ผไู มย ินดกี ุศลธรรมเครื่องนาํ ออกไปจากทกุ ข เพราะเหตแุ หง อธิกรณค อื การปฏบิ ตั ผิ ิด ดูกอ นมาณพเราพรรณนาการปฏบิ ตั ชิ อบของคฤหัสถห รอื ของบรรพชติ จริงอยู คฤหสั ถหรอื บรรพชิตปฏบิ ัตชิ อบแลว ชอื่ วาเปนผูย นิ ดกี ศุ ลธรรมเคร่ืองนําออกไปจากทกุ ข เพราะเหตแุ หงอธิกรณ คือการปฏิบัตชิ อบ. [๗๑๑] ส.ุ ทา นพระโคดม พราหมณท งั้ หลายกลาวกันอยางนี้วาฐานะแหง การงานของฆราวาส มคี วามตอ งการมาก มีกจิ มาก มีอธิกรณม ากมกี ารเร่ิมมาก ยอมมผี ลมาก (สวน) ฐานะแหงการงานฝายบรรพชา มคี วามตองการนอย มกี ิจนอ ย มอี ธกิ รณน อ ย มกี ารเรม่ิ นอ ย ยอ มมผี ลนอย ในเรื่องน้ี ทา นพระโคดมตรสั วา อยา งไร. พ. ดูกอนมาณพ แมใ นเรอื่ งนี้ เรากแ็ ยกออกกลา ว เราไมรวมกลาวมาณพ ฐานะแหง การงานที่มีความตอ งการมาก มีกิจมาก มีอธิกรณมาก มีการเรม่ิ มาก เม่อื วบิ ัติ มีผลนอยมีอยู ฐานะแหงการงานที่มีความตอ งการมากมีกจิ มาก มอี ธิกรณม าก มกี ารเร่ิมมาก เมือ่ เปน สมบตั ิ มผี ลมากมอี ยู ฐานะแหงการงาน ทีม่ ีความตอ งการนอย มกี ิจนอย มอี ธกิ รณน อย มกี ารเรมิ่ นอยเมอ่ื วบิ ตั ิ มผี ลนอ ยมีอยู ฐานะแหงการงานทม่ี คี วามตอ งการนอย มกี ิจนอยมีอธิกรณน อย มีการเร่ิมนอย เม่ือเปนสมบตั ิ มผี ลมากมอี ย.ู [๗๑๒] ดูกอ นมาณพ ฐานะแหงการงานทม่ี คี วามตอ งการมาก มีกิจมาก มีอธิกรณมาก มกี ารเรม่ิ มาก เมือ่ วบิ ัติ ยอ มมผี ลนอย เปน ไฉน.ดกู อ นมาณพ ฐานะแหง การงาน คอื การไถทีม่ ีความตองการมาก มีกิจมากมีอธกิ รณมาก มีการเริม่ มาก เมือ่ วบิ ัติยอมมีผลนอย สว นฐานะแหงการงานท่มี คี วามตอ งการมาก มกี ิจมาก มีอธิกรณมาก มกี ารเร่ิมมาก เมอ่ื เปนสมบัติยอ มมผี ลมาก เปน ไฉน. ฐานะแหงการงาน คอื การไถนัน่ แล ทม่ี คี วาม
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 430ตองการมาก มกี จิ มาก มอี ธกิ รณม าก มีการเร่มิ มาก เมื่อเปน สมบตั ิ ยอ มมีผลมาก อนงึ่ ฐานะแหงการงานที่มคี วามตอ งการนอ ย มกี จิ นอย มอี ธิกรณนอย มีการเริ่มนอ ย เมอ่ื วบิ ัติ ยอมมผี ลนอ ย เปน ไฉน. ฐานะแหง การงานคือ การคา ขาย ทม่ี คี วามตองการนอ ย มกี จิ นอย มอี ธกิ รณน อย มีการเริม่ นอ ย เม่อื วบิ ตั ิ ยอมมีผลนอ ย สว นฐานะแหง การงานทม่ี ีความตอ งการนอยมีกิจนอย มอี ธิกรณน อย มกี ารเริม่ นอย เม่อื เปน สมบัติ ยอมมผี ลมากเปนไฉน ฐานะแหงการงาน คอื การคาขายนนั่ แล ท่ีมคี วามตอ งการนอ ยมีอธิกรณน อย มีกจิ นอย มีความเรมิ่ นอ ย เมอ่ื เปน สมบัติยอมมผี ลมาก. [๗๑๓] ดกู อ นมาณพ เปรียบเหมอื นฐานะคอื กสกิ รรม ท่มี ีความตองการมาก มีกิจมาก มอี ธิกรณม าก มคี วามเรมิ่ มาก เม่อื วิบตั ิ ยอ มมผี ลนอยฉนั ใด ฐานะแหง การงานของฆราวาสกฉ็ นั น้นั เหมือนกนั ทม่ี ีความตอ งการมากมีกิจมาก มีอธกิ รณม าก มีการเริ่มมาก เมอื่ วิบัติ ยอ มมผี ลนอย ฐานะคือกสกิ รรมน่นั แล ที่มคี วามตอ งการมาก มีกจิ มาก มอี ธกิ รณมาก มกี ารเรม่ิ มากเมือ่ เปนสมบตั ิ ยอ มมผี ลมาก ฉันใด ฐานะแหงการงานของฆราวาสก็ฉนั นั้นเหมือนกนั ท่มี คี วามตอ งการมาก มกี ิจมาก มอี ธกิ รณมาก มกี ารเรม่ิ มากเม่ือเปน สมบตั ิ ยอมมีผลมาก การงานคอื การคาขาย ทมี่ คี วามตองการนอ ยมกี ิจนอย มีอธิกรณน อ ย มีการเริ่มนอย เม่ือวิบัติ ยอมมผี ลนอ ย ฉันใดฐานะแหง การงานฝา ยบรรพชากฉ็ ันนนั้ เหมือนกนั ท่ีมีความตองการนอ ย มีกจิ นอย มอี ธิกรณน อ ย มีการเร่ิมนอ ย เม่ือวิบัติ ยอมมผี ลนอ ย ฐานะแหงการงานคือการคาขายนั่นแล ท่มี คี วามตอ งการนอ ย มกี จิ นอย มอี ธิกรณน อ ยมีการเร่ิมนอ ย เมอื่ เปนสมบตั ิ ยอ มมีผลมาก ฉนั ใด ฐานะแหงการงานฝา ยบรรพชากฉ็ ันนน้ั เหมอื นกัน ทม่ี ีความตองการนอย มกี จิ นอย มอี ธิกรณน อยมีการเร่มิ นอ ย เมื่อเปน สมบตั ิ ยอมมีผลมาก.
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 431 [๗๑๔] สุ. ทา นพระโคดม พราหมณทงั้ หลายยอ มบญั ญัติธรรม ๕ประการเพือ่ ทําบญุ เพอ่ื ยินดกี ุศล. พ. ดูกอนมาณพ พราหมณท ั้งหลายยอมบญั ญัติธรรม ๕ ประการเพอ่ื ทาํ บุญ เพอ่ื ยินดีกศุ ลน้ันเหลาไหน ถา ทา นไมหนักใจ เราขอโอกาสขอทา นจงกลา วธรรม ๕ ประการนน้ั ในบริษทั นีเ้ ถิด. ส. ทา นพระโคดม ณ ท่ที ่ีพระองคห รือทา นผูเ ปนดงั พระองคประทบัน่งั อยู ขาพเจา ไมม ีความหนกั ใจเลย. พ. ถาอยา งนัน้ เชญิ กลา วเถดิ มาณพ. [๗๑๕] สุ. ทา นพระโคดม พราหมณท ัง้ หลายยอมบัญญัตธิ รรมขอท่ี ๑ คือ สจั จะ เพอื่ ทาํ บุญ เพื่อยินดกี ุศล ยอ มบัญญัติขอ ที่ ๒ คอื ตบะ...ขอ ที่ ๓ คอื พรหมจรรย. .. ขอที่ ๔ คือ การเรียนมนต... ขอที่ ๕ คอืการบริจาค เพ่ือทาํ บญุ เพอื่ ยินดีกศุ ล พราหมณท้ังหลายยอมบัญญัติธรรม ๕ประการนี้ เพอ่ื ทาํ บญุ เพ่อื ยินดีกศุ ล ในเร่อื งน้ี ทานพระโคดมตรสั วา อยา งไร. [๗๑๖] ดูกอนมาณพ ก็บรรดาพราหมณท ้งั หลาย แมพ ราหมณคนหน่งึ เปนผูใ ดใครกต็ ามทก่ี ลาวอยา งนวี้ า เราทําใหแจงชดั ดวยปญญาอนั ยงิ่ดว ยตนเองแลว เสวยผลแหงธรรม ๕ ประการนี้ มีอยูหรอื . สุ. ขอ น้หี ามิได ทานพระโคดม. พ. ดูกอนมาณพ ก็แมอ าจารยคนหนง่ึ แมอ าจารยของอาจารยคนหนง่ึ ตลอด ๗ ชั่วอาจารยข องพวกพราหมณ เปน ผูใดใครก็ตามทีก่ ลาวอยางนว้ี า เราทาํ ใหแจง ชัดดว ยปญ ญาอันย่งิ ดว ยตนเองแลว เสวยผลแหง ธรรม๕ ประการนี้ มีอยหู รอื . สุ. ขอ น้ีหามไิ ด ทา นพระโคดม.
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 432 พ. ดูกอนมาณพ กแ็ มฤาษีทั้งหลายผเู ปน บุรพาจารยข องพวกพราหมณคือ ฤาษีอัฏฐกะ ฤาษวี ามกะ ฤาษีวามเทพ ฤาษวี ิศวามติ ร ฤาษียมตัคคิฤาษอี ังครี สะ ฤาษภี ารทวาชะ ฤาษวี าเสฏฐะ ฤาษีกสั สปะ ฤาษภี คุ ซงึ่ เปนผูแตงมนต เปนผบู อกมนต พราหมณท ง้ั หลายในปจจบุ นั น้ีขบั ตาม กลาวตามซง่ึ บทมนตเกาน้ี ที่ทา นขับแลว บอกแลว รวบรวมไวแ ลว กลาวไดถ กู ตอ งบอกไดถูกตอง ตามทีท่ านกลาวไว บอกไว แมท า นเหลา น้ันไดกลาวแลวอยางนี้วา เราทั้งหลายทําใหแ จง ชัดดวยปญญาอันย่งิ ดว ยตนเองแลว เสวยผลแหงธรรม ๕ ประการนี้ มีอยหู รอื . สุ. ขอ น้ีหามิได ทา นพระโคดม. [๗๑๗] พ. ดูกอนมาณพ ไดทราบกนั ดงั น้ี วา บรรดาพราหมณท้ังหลาย ไมม ีพราหมณแ มค นหน่ึงจะเปน ผูใ ดใครก็ตามทไี่ ดก ลา วอยางนว้ี าเราทําใหแจง ชัดดว ยปญ ญาอันยง่ิ ดวยตนเองแลว เสวยผลแหงธรรน ๕ ประการนี้ ไมม แี มอ าจารยคนหน่ึง แมป าจารยของอาจารยค นหน่ึง ตลอด ๗ ช่ัวอาจารยของพวกพราหมณน้ี จะเปน ผใู ดใครก็ตามทีไดกลา วอยา งนี้วา เราทําใหแจงชดัดว ยปญ ญาอนั ยิ่งดวยตนเองแลว เสวยผลแหงธรรม ๕ ประการน้ี แมฤ าษีท้ังหลายผูเปน บุรพาจารยของพวกพราหมณ คอื ฤาษีอัฏฐกะ ฤาษีวามกะฤาษวี ามเทพ ฤาษวี ศิ วามติ ร ฤาษยี มตคั คิ ฤาษีองั ครี สะ ฤาษภี ารทวาชะฤาษวี าเสฏฐะ ฤาษีกัสสปะ ฤาษีภคุ เปนผแู ตงมนต เปนผบู อกมนต พราหมณทงั้ หลายในปจจบุ ันนี้ขบั ตาม กลา วตาม ซง่ึ บทมนตเ กาน้ี ท่ที า นขับแลวบอกแลว รวบรวมไวแลว กลาวไดถูกตอง บอกไดถกู ตอง ตามที่ทานกลาวไวบอกไว แมท านเหลา นั้นกไ็ มไ ดกลา วอยา งน้วี า เราทง้ั หลายทําใหแจง ชดั ดวยปญญาอนั ยง่ิ ดวยตนเองแลว เสวยผลแหง ธรรม ๕ ประการนี้ ดกู อ นมาณพเปรยี บเหมือนแถวคนตาบอดซึ่งเกาะกันตอ ๆ ไป แมคนตนกไ็ มเหน็ คนกลาง
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 433กไ็ มเ ห็น คนหลงั กไ็ มเห็น ฉันใด ภาษิตของพราหมณท ้งั หลายเห็นจะเปรียบไดกับแถวคนตาบอด ฉนั นน้ั คือ แมค นชนั้ ตน กไ็ มเ หน็ แมค นชัน้ กลางก็ไมเ หน็ แมคนชัน้ หลังก็ไมเ หน็ . [๗๑๘] เมอ่ื พระผูมพี ระภาคเจาตรสั อยา งน้แี ลว สุภมาณพโตเทยย-บตุ รถูกพระผมู ีพระภาคเจาตรสั เปรยี บดว ยแถวคนตาบอด โกรธ ขดั ใจ เม่ือจะดาติเตยี นวากลาวพระผมู ีพระภาคเจาวา พระสมณโคดม จักถึงความลามกเสียแลว ไดกราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา วา พระโคดม พราหมณโ ปกขรสาติโอปมญั ญโคตร ผเู ปน ใหญในสุภควนั ไดก ลา วอยา งน้ีวา อยา งนน้ี น่ั แหละก็สมณพราหมณเ หลาไรน้ี ยอ มปฏิญาณญาณทศั นะวิเศษ ของพระอรยิ ะอยา งสามารถยิง่ กวาธรรมของมนุษย ภาษิตนีข้ องสมณพราหมณเหลา น้นั ยอมถงึความเปนภาษิต นําหัวเราะทีเดียวหรอื ยอมถึงความเลวทรามทเี ดยี วหรอืยอ มถึงความวา งทีเดยี วหรือ ยอ มถึงความเปลาทีเดยี วหรือ ถา เชน นั้น มนุษยจักรู จักเห็น หรอื จกั ทาํ ใหแจงชัดซ่งึ ญาณทัศนะวิเศษของพระอริยะอยางสามารถยิ่งกวา ธรรมของมนุษยไ ดอ ยางไร ขอ นไ้ี มเ ปนฐานะทีจ่ ะมีได. พ. ดกู อนมาณพ ก็พราหมณโปกขรสาตโิ อปมัญญโคตร ผเู ปนใหญในสุภควัน กําหนดรูใจของสมณพราหนณทั้งสน้ิ ดวยใจของตนหรือ. สุ. ทานพระโคดม พราหมณโ ปกขรสาตโิ อปมญั ญโคตร ผูเปนใหญในสุภควนั ยอมกําหนดรูใจของนางปุณณกิ าทาสีของตนดว ยใจของตนเองเทานั้น กท็ ไี่ หนจักกําหนดรูใจของสมณพราหมณท้งั สน้ิ ดวยใจของตนไดเลา [๗๑๙] พ. ดกู อนมาณพ เปรยี บเหมอื นบรุ ุษตาบอดแตก าํ เนิด เขาไมเห็นรูปดาํ รปู ขาว ไมเห็นรูปเขยี ว รปู เหลือง รปู แดง รูปสชี มพู รูปที่เสมอและไมเ สมอ หมดู าว ดวงจนั ทรและดวงอาทติ ย เจาพึง่ กลาวอยา งนี้วาไมม ีรปู ดํา รูปขาว ไมมคี นเห็นรปู ดํารูปขาว ไมมีรปู เขยี ว ไมม ีคนเห็น
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 434รูปเขยี ว ไมม รี ูปเหลอื ง ไมม คี นเห็นรูปเหลอื ง ไมมีรปู แดง ไมม ีคนเหน็รูปแดง ไมม รี ปู สีชมพู ไมม คี นเห็นรปู สีชมพู ไมมรี ูปทีเ่ สมอและไมเ สมอไมม ีคนเห็นรปู ทีเ่ สมอและไมเ สมอ ไมมหี มดู าว ไมมีคนเห็นหมูด าว ไมมีดวงจันทรด วงอาทติ ย ไมม คี นเห็นดวงจันทรดวงอาทิตย เราไมร ไู มเหน็ สงิ่ น้ันเพราะฉะน้นั ส่งิ นน้ั ยอ มไมมี เมอ่ื เขากลาวดังน้ี ชื่อวา กลาวชอบหรือมาณพ. สุ. ไมใ ชเชนน้ัน ทา นพระโคดม รูปดํารปู ขาวมี คนเห็นรปู ดาํรูปขาวก็มี รูปเขียวมี คนเหน็ รปู เขียวก็มี รูปเหลืองมี คนเห็นรปู เหลืองกม็ ีรปู แดงมี คนเห็นรปู แดงกม็ ี รปู สชี มพมู ี คนเหน็ รปู สชี มพกู ็มี รูปท่ีเสมอและไมเ สมอ มีคนเหน็ รปู เสมอและไมเสมอกม็ ี หมูดาวมี คนเหน็ หมูด าวก็มีดวงจนั ทรควงอาทิตยมี คนเหน็ ควงจันทรค วงอาทติ ยก ม็ ี เราไมร ไู มเ ห็นสงิ่ นี้ นเพราะฉะนั้น ส่ิงน้นั ยอ มไมม ี ผูที่กลา วดังน้ีไมช่อื วา กลาวชอบทานพระโคดม. พ. ดกู อ นมาณพ พราหมณโปกขรสาตโิ อปมญั ญโคตร ผูเปนใหญในสภุ ควัน กฉ็ ันนัน้ เหมือนกันแล เปนคนตาบอด ไมมจี ักษุ เขาจกั รูจ ักเห็นจกั ทาํ ใหแจงชัด ซง่ึ ญาณทัศนะวิเศษของพระอรยิ ะอยางสามารถย่ิงกวาธรรมของมนุษยไดหรือหนอ ขอน้ไี มเ ปน ฐานะที่จะมไี ด. [๗๒๐] ดกู อนมาณพ ทานจะเขา ใจความขอ นั้นเปนไฉน พราหมณมหาศาลชาวโกศล คอื จงั กีพราหมณ ตารุกขพราหมณ โปกขรสาติพราหมณขาณโุ สณพี ราหมณ หรือโตเทยยพราหมณ บิดาของทา น วาจาดที ่ีพราหมณมหาศาลเหลานนั้ กลา วตามสมมติ หรอื ไมท ามสมมติ เปน อยา งไหน. สุ. ตามสมมติ ทา นพระโคดม. พ. วาจาดที พี ราหมณม หาศาลเหลา นั้นพิจารณาแลว จึงกลาว หรือไมพจิ ารณาแลวจงึ กลาว เปน อยางไหน. ส.ุ พจิ ารณาแลว ทา นพระโคดม.
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 435 พ. วาจาดีทพี่ ราหมณม หาศาลเหลา น้ันรแู ลวจงึ กลาว หรอื วาไมร ู.แลว จึงกลา ว เปนอยางไหน. ส.ุ รแู ลว ทานพระโคดม. พ. วาจาดอี ันประกอบดว ยประโยชน หรือไมประกอบดว ยประโยชนที่พราหมณม หาศาลเหลานน้ั กลา ว เปน อยา งไหน. ส.ุ ประกอบดว ยประโยชน ทา นพระโคดม. [๗๒๐] พ. ดูกอ นมาณพ ทานจะเขาใจความขอ นัน้ เปน ไฉน ถาเมอ่ืเปนเชน นี้ พราหมณโปกขรสาติโอปมัญญโคตร ผเู ปนใหญใ นสุภควัน กลาววาจาตามสมมติหรือไมต ามสมมต.ิ ส.ุ ตามสมมติ ทานพระโคคดม. พ. เปนวาจาที่พิจารณาแลวจึงกลา ว หรอื เปน วาจาท่ีไมไดพ ิจารณาแลว . สุ. เปน วาจาที่ไมไดพจิ ารณาแลว ทา นพระโคดม. พ. เปน วาจาที่รแู ลว จึงกลาวหรือเปน วาจาทไี่ มรูแ ลว. สุ. เปนวาจาที่ไมรแู ลว ทานพระโคดม. พ. กลาววาจาทีป่ ระกอบดว ยประโยชนหรอื ไมประกอบดว ยประโยชน. ส.ุ ไมประกอบดว ยประโยชน ทานพระโคดม. [๗๒๒] พ. ดกู อ นมาณพ นวิ รณ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเปนไฉนคือ กามฉันทนิวรณ พยาบาทนิวรณ ถนี มิทธนิวรณ อุทธัจจกุกกุจจนวิ รณวิจกิ ิจฉานิวรณ นวิ รณ ๕ ประการนี้แล ดกู อ นมาณพ พราหมณโ ปกขรสาติโอปมญั ญโคตร ผเู ปนใหญใ นสภุ ควัน ถกู นิวรณ ๕ ประการน้รี อ ยไวแ ลวรดั ไวแ ลว ปกคลมุ ไวแ ลว หมุ หอ ไวแ ลว เราจักรูจักเห็นหรือจกั ทาํ ใหแจงชัดซ่ึงญาณทัศนะวิเศษของพระอรยิ ะอยา งสามารถ ยงิ่ กวา ธรรมของมนุษยห รือหนอขอ นีไ้ มเปน ฐานะท่จี ะมไี ด.
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 436 [๗๒๓] ดกู อนมาณพ กามคุณ ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปน ไฉนคือ รูปอนั จะพงึ รูแจง ดว ยจักษุ ทีน่ าปรารถนา นาใคร นา ชอบใจ นารกัชกั ใหใคร ชวนใหกาํ หนดั เสียงอนั จะพึงรแู จง ดว ยห.ู ..กลน่ิ อนั จะพงึ รแู จงดว ยจมูก ...รสอันจะพึงรแู จงดวยลิ้น...โผฏฐัพพะอนั จะพงึ รแู จงดวยกาย ทีน่ าปรารถนา นาใคร นา ชอบใจ นารกั ชกั ใหใคร ชวนใหก าํ หนัด กามคุณ๕ ประการน้ีแล. ดกู อนมาณพ พราหมณโ ปกขรสาติโอปมัญญโคตร ผเู ปน ใหญในสุภควัน กําหนัดแลว หมกมนุ แลวดวยกามคณุ ๕ ประการนี้ ถกู กามคณุ๕ ประการน้คี รอบงาํ แลว ไมเหน็ โทษ ไมม ปี ญ ญาเปนเครือ่ งถอนออก บริโภคอยู เขาจักรจู กั เหน็ หรือจักทําใหแ จง ชดั ซง่ึ ญาณทศั นะวิเศษของพระอรยิ ะอยางสามารถย่ิงกวา ธรรมของมนุษยห รือหนอ ขอนีไ้ มเปน ฐานะท่จี ะมไี ด. [๗๒๔] ดูกอนมาณพ ทานจะเขาใจความขอนนั้ เปน ไฉน บคุ คลพึงอาศยั หญา และไมเ ปนเชอื้ ตดิ ไฟขนึ้ และพงึ ตดิ ไฟที่ไมมีหญา และไมเปน เชื้อไฟไหนหนอพงึ มีเปลว มีสี และมีแสง. สุ. ทา นพระโคดม ถา การตดิ ไฟอันไมม ีหญา และไมเ ปนเช้ือ เปนฐานะที่จะมไี ด ไฟน้ันกจ็ ะพึงมเี ปลว มีสี และมีแสง. พ. ดูกอ นมาณพ ขอทบี่ คุ คลจะพึงตดิ ไฟอันไมมหี ญา และไมเปน เช้ือขน้ึ ไดน ้ี ไมใ ชฐานะ ไมใชโอกาส เวน จากผูมีฤทธิ์ ดกู อ นมาณพ เปรียบเหมอื นไฟอาศยั หญาและไมเปนเช้อื ติดอยู ฉันใด เรากลาวปตอิ นั อาศยั เบญจกามคณุนีเ้ ปรยี บฉนั น้ัน เปรียบเหมอื นไฟไมมหี ญา และไมเปนเช้อื ติดอยไู ด ฉนั ใดเรากลา วปต ทิ เ่ี วนจากกาม เวนจากอกศุ ลธรรมเปรยี บฉันนัน้ . ก็ปต ิทีเ่ วนจากกามเวนจากอกศุ ลธรรมเปนไฉน ภิกษใุ นธรรมวินัยนี้ สงดั จากกาม สงัดจากอกุสลธรรม เขา ถึงปฐมฌาน มวี ติ กวจิ าร มีปต แิ ละสุขเกดิ แตว ิเวกอยู ปตินแี้ ล เวน จากกาม เวน จากอกุศลธรรม ดกู รมาณพ อกี ประการหนึ่ง ภกิ ษุ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 437เขา ถึงทุติยฌาน มีความผองใสแหง จติ ในภายในเปน ธรรมเอกผดุ ข้ึน ไมมวี ติ กไมม ีวิจาร เพราะวติ กวิจารสงบไป มีปตแิ ละสุขเกดิ แตสมาธอิ ยู แมป ตนิ ก้ี ็เวน จากกาม เวนจากอกุศลธรรม. [๗๒๕] ดูกอนมาณพ ในธรรม ๕ ประการทพ่ี ราหมณทง้ั หลายบัญญัติเพ่ือทําบญุ เพื่อยินดีกศุ ลน้ี พราหมณท ง้ั หลายบญั ญตั ธิ รรมขอไหน เพื่อทาํ บญุเพอื่ ยินดกี ศุ ล วามีผลมากกวา. ส.ุ ทานพระโคดม ในธรรม ๕ ประการที่พราหมณท ั้งหลายบัญญตั ิเพอ่ื ทําบญุ เพอื่ ยินดกี ศุ ลนี้ พราหมณทง้ั หลายยอ มบัญญตั ิธรรม คือ จาคะเพ่ือทาํ บุญ เพอ่ื ยินดกี ศุ ล วา มีผลมากกวา . [๗๒๖] พ. ดูกอนมาณพ ทา นจะเขาใจความขอ นน้ั เปนไฉน ในการบริจาคทานนี้ จะพงึ มีมหายัญเกดิ ขึน้ เฉพาะแกพ ราหมณคนหนง่ึ ครง้ั นั้นพราหมณสองคนพงึ มาดวยหวงั วา จักเสวยมหายญั ของพราหมณช ่ือน้ี ในพราหมณสองคนนั้น คนหนึง่ มคี วามคดิ เห็นอยา งนว้ี า โอหนอ เราเทา นนั้พึงไดอาสนะทีเ่ ลิศ นาํ้ ทเี่ ลศิ บิณฑะทเี่ ลศิ ในโรงภตั พราหมณอ ื่นไมพ ึงไดอาสนะท่เี ลศิ นํา้ ที่เลิศ บณิ ฑะทเี่ ลศิ ในโรงภัต แตข อนเ้ี ปน ฐานะที่จะมีไดคือ พราหมณค นอน่ื พงึ ไดอาสนะทีเ่ ลศิ น้าํ ทเี่ ลศิ บณิ ฑะทเี่ ลิศ ในโรงภตัพราหมณผ นู ั้นไมพ งึ ไดอ าสนะท่เี ลศิ น้ําทเี่ ลศิ บณิ ฑะทเ่ี ลิศ ในโรงภตัพราหมณน ้นั โกรธนอ ยใจวา พราหมณเหลาอ่ืนไดอาสนะท่ีเลิศ นาํ้ ทเ่ี ลศิ บณิ ฑะทเ่ี ลิศ ในโรงภัต เราไมไ ดอ าสนะทเ่ี ลิศ นํา้ ทเ่ี ลิศ บิณฑะทเ่ี ลศิ ในโรงภัตดกู อ นมาณพ ก็พราหมณท ้ังหลายยอ มบัญญตั วิ บิ ากอะไรของกรรมน้ี. ส.ุ ทา นพระโคดม ในเรื่องนี้ พราหมณท ้ังหลายยอ มใหทานดวยคิดอยางนี้วา พราหมณน ัน้ อันพราหมณผูน ้ีแลทําใหโกรธใหนอ ยใจดงั นี้หามไิ ดในเรอื่ งนี้ พราหมณท ัง้ หลายยอมใหทานอนั เปนการอนเุ คราะหเทา นัน้ โดยแท.
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 438 พ. ดกู อ นมาณพ เม่ือเปนเชน น้ี ขอ ทีพ่ ราหมณทัง้ หลายใหท านอนัเปนการอนเุ คราะหนี้ กเ็ ปนบุญกริ ยิ าวตั ถขุ อ ท่ี ๖ ของพราหมณท ง้ั หลายซิ. ส.ุ ทานพระโคดม เมอื่ เปน เชน น้ี ขอที่พราหมณท้งั หลายใหท านอันเปนการอนุเคราะหนี้ กเ็ ปน บุญกริ ิยาวัตถุขอท่ี ๖ ของพราหมณทง้ั หลาย. [๗๒๗] พ. ดกู อนมาณพ ธรรม ๕ ประการนี้ ท่พี ราหมณทัง้ หลายบัญญตั ิเพอื่ ทําบญุ เพ่อื ยินดกี ศุ ล ทานพจิ ารณาเห็นมีมากที่ไหน. สุ. ทา นพระโคดม ธรรม ๕ ประการน้ี ท่พี ราหมณท งั้ หลายบัญญตั เิ พ่ือทําบญุ เพ่อื ยนิ ดีกุศล ขา พเจาพจิ ารณาเห็นมมี ากในบรรพชิตมีนอยในคฤหัสถ เพราะคฤหัสถมคี วามตอ งการมาก มกี ิจมาก มอี ธิกรณม ากมกี ารเริ่มมาก จะเปน ผพู ดู จริงเสมอรา่ํ ไปไมไ ด สว นบรรพชิตมีความตอ งการนอย มกี ิจนอ ย มอี ธิกรณนอ ย มีการเรม่ิ นอ ย จงึ เปนผพู ดู จรงิ เสมอร่ําไปไดเพราะคฤหสั ถมีความตองการมาก มีกิจมาก มีอธกิ รณมาก มีการเรมิ่ มากจะเปนผมู ีความเพียร...ประพฤตพิ รหมจรรย...มากดว ยการสาธยาย...มากดวยการบริจาคเสมอรํ่าไปไมได สว นบรรพชติ มคี วามตอ งการนอย มีกิจนอยมอี ธิกรณน อ ย มกี ารเรมิ่ นอ ย จงึ เปน ผูม ีความเพียร...ประพฤตพิ รหมจรรย. ..มากดว ยการสาธยาย...มากดวยการบริจาคเสมอร่ําไปได ทา นพระโคดมธรรม ๕ ประการน้ี ทพ่ี ราหมณท้งั หลายบัญญัตเิ พอื่ ทาํ บญุ เพอ่ื ยินดกี ุศลขา พเจาพิจารณาเหน็ มมี ากในบรรพชติ มีนอยในคฤหัสถ. [๗๒๘] พ. ดกู อนมาณพ ธรรม ๕ ประการน้ี ท่ีพราหมณท ั้งหลายบัญญตั เิ พือ่ ทาํ บญุ เพอ่ื ยินดกี ศุ ล เรากลาววา เปน บรขิ ารของจติ เพ่ืออบรมจิตไมใหมเี วร ไมใ หมีความเบยี ดเบยี น ดูกอ นมาณพ ภิกษุในธรรมวนิ ยั นี้ เปนผพู ดู จริง เธอรูส ึกวา เราเปน ผูพดู จริง ยอมไดความรอู รรถ ยอ มไดความรูธรรม ยอมไดความปราโมทยประกอบดวยธรรม ความปราโมทยอันประกอบ
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 439ดว ยกศุ ลนี้ เรากลาววา เปน บรขิ ารของจติ เพอ่ื อบรมจิตไมใหม ีเวร ไมใ หมคี วามเบียดเบยี น ดกู อนมาณพ ภิกษุในธรรมวินยั นี้ เปนผูมคี วามเพียร...ประพฤตพิ รหมจรรย... มากดวยการสาธยาย... มากดว ยการบริจาค เธอรสู ึกวา เราเปน ผมู ากดว ยการบริจาค ยอ มไดค วามรูอ รรถ ยอ มไดค วามรูธรรมยอ มไดค วามปราโมทยอ ันประกอบดว ยธรรม ความปราโมทยอันประกอบดว ยกุศลน้ี เรากลา ววา เปน บรขิ ารของจติ เพ่อื อบรมจติ ไมใ หมีเวร ไมใหม ีความเบยี ดเบยี น ธรรม ๕ ประการน้ี ทีพ่ ราหมณทงั้ หลายบญั ญตั ิเพื่อทําบุญ เพ่อืยนิ ดกี ุศลน้ี เรากลา ววา เปน บริขารของจิตเพอื่ อบรมจิตไมใ หมีเวร ไมใหมีความเบยี ดเบยี น เม่อื พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั อยา งนแ้ี ลว สุภมาณพโตเทยยบตุ รไดก ราบทูลพระผูมพี ระภาคเจาวา ทานพระโคดม ขา พเจาไดสดบั มาวาพระสมณโคดมทรงรจู กั หนทางเพือ่ ความเปนสหายของพรหม. [๗๒๙] พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วา ดูกอ นมาณพ ทา นจะเขาใจความขอนน้ั เปน ไฉน หมบู านนฬการใกลแ ตท นี่ ้ี หมบู านนฬการไมไ กล ใกลแ ตท น่ี ี้มใิ ชหรือ. สภุ มาณพกราบทูลวา อยางน้ันทา นพระโคดม หมูบานนฬการใกลแตท ่ีน้ี หมูบานนฬการไมไกลแตทนี่ ี.้ พ. ดูกอ นมาณพ ทานจะเขา ใจความขอ น้นั เปนไฉน บุรุษผเู กิดแลวทง้ั เจริญแลวในหมบู านนฬการน้ีแล เขาออกจากหมูบ า นนฬการไปในขณะน้ันพึงถกู ถามถึงหนทางแหงหมูบ า นนฬการจะพึงชักชา หรือตกประหมาหรือหนอ. สุ. ขอ นห้ี ามิได ทานพระโคดม ขอน้ันเพราะเหตุไร เพราะบุรุษนนั้ทงั้ เกิดแลวทั้งเจรญิ แลว ในหมบู า นนฬการ รจู ักทางของหมูบ า นนฬการทกุ แหงดแี ลว .
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 440 พ. ดกู อนมาณพ บรุ ษุ ผูเกิดแลวทัง้ เจรญิ แลวในหมบู านนฬการนั้นถูกถามถึงทางของหมูบานนฬการ ไมพึงชักชา หรอื ตกประหมาแล ตถาคตถูกถามถึงพรหมโลก หรือปฏิปทาเครอื่ งใหถ ึงพรหมโลก กไ็ มชักชา หรือตกประหมาเชน เดยี วกนั ดูกอนมาณพ เรายอ มรูจักท้งั พรหมโลกและปฏิปทาเคร่ืองใหถ งึ พรหมโลก อน่ึง ผปู ฏิบตั ดิ ว ยประการใดจงึ เขาถงึ พรหมโลก เรายอ มรูช ดัซ่งึ ประการน้นั ดวย. ส.ุ ทา นพระโคดม ขา พเจาไดส ดับมาวา พระสมณโคดมทรงแสดงทางเพ่ือความเปนสหายของพรหม ขาพเจา ขอโอกาส ขอทานพระโคดมโปรดทรงแสดงทางเพือ่ ความเปนสหายของพรหมแกขา พเจา เถดิ . พ. ดกู อนมาณพ ถาเชนนั้นทา นจงฟง จงใสใจใหด ี เราจกั กลาวสภุ มาณพโตเทยยบุตรทูลรับพระผูมพี ระภาคเจา แลว . [๗๓๐] พระผมู พี ระภาคเจา ไดต รสั วา ดูกอ นมาณพ ก็ทางเพอ่ื ความเปน สหายของพรหมเปนไฉน ดูกอ นมาณพ ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี มใี จประกอบดวยเมตตา แผไ ปตลอดทิศหนง่ึ อยู ทิศที่ ๒ ทิศที่ ๓ ทิศที่ ๔ ก็เหมอื นกันตามนยั น้ี ท้ังเบ้ืองบน เบ้อื งลาง เบื้องขวาง แผไ ปตลอดโลก ท่วั สตั วท ุกเหลาเพือ่ ประโยชนแกส ตั วทั่วหนา ในทท่ี กุ สถาน ดวยใจอนั ประกอบดวยเมตตาอันไพบลู ย เปน มหัคคตะ ไมมปี ระมาณ ไมมีเวร ไมม ีความเบียดเบยี นอยู เมื่อเมตตาเจโตวิมุตอิ นั ภิกษุนั้นเจริญแลวอยา งนี้ กรรมใดเปนกามาพจรทภ่ี กิ ษุทําแลว กรรมนั้นจักไมเ หลอื อยู ไมค งอยูในกรรมเปนรูปาวจรน้นั ดูกอ นมาณพเปรียบเหมอื นบรุ ุษเปาสังขผมู กี าํ ลงั พงึ ใหคนรูไดตลอดทิศท้ังส่ีโดยไมยาก ฉนั ใดเม่ือเมตตาเจโตวิมตุ ิทีภ่ ิกษุน้ันเจรญิ แลว อยางนี้ กฉ็ นั น้นั กรรมใดเปน กามาพจรที่ภิกษุทาํ แลว กรรมนน้ั จกั ไมเหลืออยู ไมค งอยูในกรรมเปน รูปาวจรนน้ั แมขอนก้ี ็เปน ทางเพื่อความเปนสหายของพรหม ดกู อ นมาณพ อีกประการหน่ึง
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 441ภิกษุมใี จประกอบดว ยกรณุ า... มใี จประกอบดวยมทุ ติ า... มีใจประกอบดว ยอุเบกขา แผไปสทู ิศหนงึ่ อยู ทศิ ท่ี ๒ ทิศท่ี ๓ ทศิ ที่ ๔ กเ็ หมือนกนั ตามนัยน้ีทัง้ เบ้ืองบน เบ้ืองลา ง เบ้อื งขวาง แผไ ปตลอดโลก ทว่ั สัตวทกุ เหลา เพื่อประโยชนแ กส ตั วท ว่ั หนา ในท่ีทุกสถาน ดวยใจอันประกอบดวยอุเบกขาอนัไพบลู ย เปนมหัคคตะ ไมมปี ระมาณ ไมมีเวร ไมม คี วามเบียดเบียนอยู เม่ืออเุ บกขาเจโตวิมุตตอิ นั ภิกษุน้นั เจริญแลว อยา งนี้ กรรมใดเปน กามาวจรทีภ่ กิ ษุทําแลว กรรมนัน้ จกั ไมเ หลืออยู ไมค งอยูในกรรมเปนรูปาวจรนน้ั ดูกอนมาณพ เปรียบเหมอื นบรุ ุษเปาสงั ขผ ูมีกําลัง พึงใหคนรูไดต ลอดทิศทัง้ สโ่ี ดยไมยากฉนั ใด เม่อื อุเบกขาเจโตวมิ ุตติอันภกิ ษเุ จรญิ แลวอยา งนี้ ก็ฉันนั้น กรรมใดเปนกามาวจรท่ภี ิกษทุ าํ แลว กรรมนัน้ จกั ไมเหลืออยู ไมค งอยใู นกรรมเปน รปู าวจรนัน้ แมขอ นก้ี เ็ ปนทางเพื่อความเปนสหายของพรหม. [๗๓๑] เมอ่ื พระผมู พี ระภาคเจาตรัสอยางนี้แลว สภุ มาณพโตเทยยบุตรไดกราบทูลพระผมู ีพระภาคเจา วา ขาแตพระโคดมผเู จรญิ ภาษิตของพระองคแจมแจง นัก ขา แตพ ระโคดมผูเจรญิ ภาษติ ของพระองคแจม แจงนัก พระองคทรงประกาศธรรมโดยอเนกปรยิ ายเปรียบเหมือนหงายของท่ีควํา่ เปดของทป่ี ดบอกทางแกคนหลงทาง หรอื ตามประทปี ไวใ นท่มี ดื ดว ยหวังวา ผมู ีจกั ษุจักเห็นรูปได ฉะนัน้ ขา พระองคนี้ขอถงึ ทา นพระโคดมกับท้ังพระธรรม และพระ-ภิกษุสงฆว า เปนสรณะ ขอทา นพระโคดมโปรดทรงจําขาพระองควา เปนอุบาสกผูถงึ สรณะตลอดชีวิต ตั้งแตวนั นี้เปนตนไป ขาแตพ ระโคดมผูเจริญ ขาพระองคขอทูลลาไป ณ บัดนี้ ขา พระองคม ีกจิ มาก มกี รณยี ะมาก พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา ดกู อนมาณพ ทานจงสําคัญเวลาอันควร ณ บัดนีเ้ ถดิครัง้ นั้นแล สุภมาณพโตเทยยบตุ รเพลดิ เพลินพระภาษิตของพระผมู ีพระภาคเจาแลว ลุกออกจากอาสนะถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจา ทาํ ประทักษิณแลวกลบั ไป.
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย มชั ฌิมปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 442 [๗๓๒] สมยั น้นั ชาณโุ สณีพราหมณอ อกจากพระนครสาวัตถี โดยรถอันเทียมดวยมาขาวท้งั หมด แตย งั วัน ไดเห็นสุภมาณพโตเทยยบุตรกําลงั มาแตไกล แลว ไดถามสุภมาณพโตเทยยบตุ รวา ทา นภารทวาชะไปไหนมาแตว ันสุภมาณพโตเทยยบตุ รตอบวา ทานผูเจรญิ ขาพเจา จากสํานกั พระสมณโคดมมาทนี่ .ี่ ชา. ทา นจะเขาใจความขอ นัน้ เปน ไฉน ทานภารทวาชะเหน็ จะเปนบณั ฑติ รูพ ระปญ ญาอนั เฉียบแหลมของพระสมณโคดม. สุ. ทานผูเจรญิ ขา พเจาเปน ใครและเปน อะไรเลา จงึ จกั รเู ทาพระปญญาอันเฉียบแหลมของพระสมณโคดม ผใู ดพึงรเู ทา พระปญ ญาอนัเฉยี บแหลมของพระสมณโคดม แมผนู น้ั กพ็ ึงเปน เชนพระสมณโคดมเปน แน. ชา. เพ่ิงไดฟง ทา นภารทวาชะสรรเสรญิ พระสมณโคดมดวยการสรรเสรญิ อยา งยิ่ง. ส.ุ ทา นผเู จรญิ ขา พเจา เปน ใครเปนอะไรเลา จงึ จักสรรเสรญิ พระ-สมณโคดม ทา นพระโคดมอนั เทวดาและมนษุ ยส รรเสริญแลว ๆ ประเสริฐกวาเทวดาและมนษุ ยท้งั หลาย อน่ึง ธรรม ๕ ประการน้ีที่พราหมณท ัง้ หลายบญั ญัติเพ่ือทําบุญ เพื่อยนิ ดกี ุศล พระสมณโคดมตรัสวาเปน บรขิ ารแหง จิต เพื่ออบรมจติ ไมใ หมเี วร ไมใ หม คี วามเบียดเบียน. [๗๓๓] เมือ่ สุภมาณพโตเทยยบตุ รกลาวอยางนีแ้ ลว ขาณุโสณีพราหมณล งจากรถอนั เทียมดว ยมาขาวทง้ั หมด แลว หมผา เฉวียงบา ขา งหนงึ่นอ มอัญชลไี ปทางทีพ่ ระผมู ีพระภาคเจาประทบั แลว เปลงอุทานวา เปนลาภของพระเจาปเสนทโิ กศล พระเจาปเสนทิโกศลทรงไดด แี ลวหนอ ท่ีพระตถาคตอรหันตสัมมาสมั พทุ ธเจาประทบั ในแวนแควน ของพระองค ฉะนี้แล. จบสุภสูตรที่ ๙
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 443 อรรถกถาสภุ สูตร สุภสูตรขึ้นตน วา ขา พเจาไดสดับมาแลว อยา งนี้ :- ในสุภสูตรน้ัน บตุ รของโตเทยยพราหมณผูอยใู นตทุ ิคาม ชือ่ วาโตเทยยบุตร. คาํ วา เปนผยู ินดี คอื เปน ผพู ร่งั พรอ มบริบูรณ. คาํ วาญายธรรมคือ ธรรมอัน เปนเหตุ. บทวา เปน กศุ ล คือ ไมมีโทษ. บทวา การปฏบิ ตั ผิ ิด คอื ขอ ปฏิบตั ิอนั ไมเ ปนกศุ ล ไมเ ปน เคร่อื งนําออกไปจากทุกข.บทวา การปฏบิ ตั ชิ อบ ไดแกการปฏบิ ัตอิ ัน เปน กศุ ลอนั เปนเคร่อื งนําออกจากทุกข. ในบทวา มคี วามตองการมาก ดงั นี้เปน ตน มวี ิเคราะห ดังตอ ไปน้ีชอ่ื วา มีความตองการมาก เพราะในฐานะนีม้ ีความตองการดวยการกระทําความขวนขวาย หรอื ดว ยการชวยเหลอื มาก คอื มากมาย. ช่ือวา มีกจิ มากเพราะฐานะนีม้ กี ิจมากเชนงานมงคลในการต้งั ช่ือเปนตน มาก. ชอื่ วา มีเรอื่ งราวมากท่ีจะตองจดั การ มากเพราะในฐานะน้ีมีเรอ่ื งราว คอื หนาที่การงานมากอยางน้ีคอื วันนต้ี องทาํ สงิ่ น้ี พรุง นีต้ องทําส่งิ นี.้ ชื่อวา มกี ารลงมอื ทํามาก เพราะในฐานะนีม้ กี ารลงมอื ทาํ มาก คอื การบีบคั้นดวยอาํ นาจการขวนขวายในการงานของคนมาก. การงานของคนทางฝายฆราวาส ชือ่ วา ฐานะการงานของฆราวาส.พงึ ทราบเนื้อความในวาระท้ังปวงดว ยประการอยา งนี.้ กใ็ นบรรดาการทํานาและการคาขายน้ี ในการทํานา พึงทราบความตองการมาก ดว ยการแสวงหาเคร่อื งอุปกรณ เร่ิมแตห างไถเปน ตน ในการคาขาย พึงทราบความตอ งการนอยดวยการถือเอาสนิ คา ตามสภาพเดมิ แลว มา จําหนา ย. บทวา วิบัติ ความวา กสกิ รรมยอมมผี ลนอยบา ง ถงึ การขาดทุนบา ง เพราะฝนไมตกและตกมากเกนิ ไปเปน ตนและพณชิ ยกรรม มผี ลนอยบา ง ถงึ การขาดทุนบาง เพราะความไมฉ ลาดเปนตน
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 444ในการดแู กวมณแี ละทองเปนตน . โดยตรงกันขาม ที่สมบรู ณยอมมผี ลมากเหมอื นอันเตวาสิกของจุลลก. คาํ วา ฉนั น้ันเหมือนกนั แล ความวาฐานะคือ กสิกรรมเมอ่ื วิบตั ยิ อมมผี ลนอยฉันใด แมฐานะคือการงานของฆราวาสกฉ็ นั นัน้ . เพราะบคุ คลผไู มก ระทํากรรมงามไว ตายแลว ยอ มบังเกิดในนรกไดยินวา คนท่พี ราหมณเลยี้ งไว คนหนงึ่ ชือ่ มหาทัตตเสนาบดี. ในสมยั ที่เขาจะตาย นรกปรากฏขึน้ . พวกพราหมณก ลาวถามวา ทานเห็นอะไร เขากลา ววา เห็นเรือนสแี ดง เรือนเลอื ด. พราหมณก ลา ววา ผูเจริญ นน่ั แหละพรหมโลก. เขาถามวา ทานผูเจรญิ พรหมโลกอยูท่ีไหน. อยูเบื้องบน. เขาพูดวา ปรากฏแกข าพเจา ณ เบื้องลาง. ความจรงิ เรือนสีแดงปรากฏเบอ้ื งลาง มิไดป รากฏเบ้ืองบน. เขาตายแลว เกดิ ในนรก. พวกพราหมณคดิ วา นายคนนี้เห็นโทษในยญั ของเรา ดงั น้ีจงึ ไดเ อาทรัพยพนั หน่ึงมาใหเพื่อจะไดน ําติดตวั ไป. สวนฐานะคือ กสิกรรมทส่ี มบรู ณย อมมีผลมาก. เพราะบคุ คลผูทาํ กรรมงามไว ตายแลวยอ มบังเกดิ ในสวรรค. พงึ แสดงคตุ ตลิ วิมานกถาทั้งหมด. เหมือนอยางวา ฐานะคอื พาณิชย-กรรม เมือ่ วบิ ตั ยิ อ มมผี ลนอ ยฉนั ใด แมฐานะคือ บรรพชากรรมของภกิ ษุผูไมท าํ ใหบ ริบูรณใ นศลี ประกอบการแสวงหาอนั ไมควร กฉ็ นั นนั้ . เพราะภกิ ษุท้ังหลายเหน็ ปานนั้น ยอ มไมไดส ขุ ในฌานเปนตน ยอมไมไดสุขในสวรรค และนิพพาน. สว นบรรพชากรรมท่สี มบรู ณยอ มมีผลมาก. เพราะผูทําศลี ใหบริบรู ณเจรญิ วิปสสนายอมบรรลุพระอรหตั . คําวา ขา แตพ ระโคดมผเู จริญ พราหมณท ้ังหลายดงั นี้ ความวามาณพยอมทูลถามวา ขา พระองคช อื่ ถามอะไร ณ ท่นี ้ี คือ ยอ มถามวา พราหมณทัง้ หลายยอมกลา ววา บรรพชติ ชื่อวาสามารถเพ่อื บําเพญ็ ธรรม ๕ ประการเหลา
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มัชฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 445น้ี ยอมไมม ี คฤหัสถเ ทา นน้ั บําเพ็ญได สวนพระสมณโคดมยอ มตรัสบอย ๆวา มาณพ สําหรบั คฤหัสถหรอื บรรพชิต ดังน้ี ยอมไมเปลงวาจา ถึงบรรพชิตเทาน้นั เห็นจะไมทรงกาํ หนดการถาม ของขาพระองค เพราะเหตุนั้น ขา พระ-องคข อถามธรรม ๕ ประการ โดยมีจาคะเปน สดุ ยอด (คอื ขอทา ย). คําวาถา ทานไมห นักใจ ดงั นี้ ความวา ถา ทานไมม ีความหนกั ใจเพือ่ ที่จะกลาวในที่นโี้ ดยประการท่ีพวกพราหมณบ ัญญตั ไิ วนนั้ . อธิบายวา ถาไมมคี วามหนักใจไร ๆ ทา นก็จงกลา ว. มาณพกลาววา ทา นพระโคดมผูเ จริญ ขาพระองคไมหนกั ใจเลย ดังน้ี หมายเอาอะไร. ก็การกลา วในสาํ นักของบณั ฑติ เทียมยอมเปน ทุกข. ทานบัณฑิตเทยี มเหลานั้น ยอมให เฉพาะโทษเทานน้ัในทุก ๆ บท ในทุก ๆ อกั ษร. สว นบัณฑติ แท ฟงถอ ยคาํ แลวยอ มสรรเสรญิ คาํ ทกี่ ลาวถกู . เมื่อกลาวผดิ ในบรรดาบาลบี ท อรรถ และพยญั ชนะคําใด ๆ ผดิ ยอ มให คํานนั้ ๆ ใหถ ูก. ก็ชือ่ วา บณั ฑิตแทเ ชนกับพระผมู ีพระภาคเจายอมไมมี. เพราะเหตุนน้ั มาณพจงึ กลาววา ขาแตพระโคคมผูเ จรญิ ณ ทที่ ่ีพระองคห รือทา นผูเปนเหมือนพระองคป ระทับนั่งอยู ขา พระองคไมมคี วามหนักใจเลย ดังนี.้ บทวา สจั จะ คือ พูดจรงิ . บทวา ตบะ ไดแ กการประพฤตติ บะ.. บทวา พรหมจรรย ไดแ ก การเวน จากเมถุน. บทวา การสาธยาย ไดแ กการเรยี นมนต. บทวา จาคะ คือการบรจิ าคอานิส. คําวา จักเปนผใู หถ งึ ความลามก คือ จกั เปน ผูใหถ ึงความไมร .ู คาํ วา ไดกลา วคําน้ีความวา มาณพถกู พระผูม ีพระภาคเจา ทรงขม ดว ยการเปรยี บเหมือนแถวคนตาบอด เม่อื ไมอาจเพื่อตอบโตค าํ น้นั ได เมือ่ จะอางถึงอาจารย เปรยี บปานสุนัขออนกาํ ลัง ตอนเน้อื ใหต รงหนาเจาของแลว ตนเองกอ็ อนลาไปฉะนนั้ จงึ ไดกลาวคํานั้นมีอาทิวา พราหมณดงั นี้ .. คําวา โปกขรสาติ น้ี ในคําวา พราหมณเปนตนนัน้ เปนชอื่ ของพราหมณน น้ั . เรยี กวา โปกขรสั สาติ บางก็มี. ไดยนิ วา
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย มชั ฌิมปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 446รา งกายของพราหมณน ัน้ เหมอื นบัวขาว งดงามเหมือนเสาระเนยี ดเงินทยี่ กขึ้นในเทพนคร สวนศีรษะของพราหมณน้นั เหมอื นทําดว ยแกวอนิ ทนิลสีดาํ . แมหนวดกป็ รากฏเหมอื นแถวเมฆดําในดวงจนั ทร นยั นต าท้ังสองขางเหมอื นดอกอบุ ลเขียว. จมูกตง้ั อยูดี บริสทุ ธิ์ผดุ ผองเหมือนกลองเงิน. ฝา มอื ฝาเทา และปากงามเหมอื นยอ มดวยนาํ้ ครัง่ . อตั ตภาพของพราหมณถ งึ ความงามอนั เลิศอยา งยิ่ง สมควรต้ังใหเปนราชาในฐานะทไี่ มไ ด เปน ราชา เพราะเหตนุ ้นัชนทงั้ หลายจงึ รูจ ักพราหมณน ้ันวา โปกขรสาติ ดวยประการดงั นี้ เพราะพราหมณน ้เี ปน ผมู ีความสงา อยางนี้น่ันแล อน่งึ พราหมณน ้ันเกิดในดอกบัวมไิ ดเกดิ ในตอ งมารดา เพราะเหตุนั้น ชนทัง้ หลายจงึ รจู ักพราหมณน ้นั วาโปกขรสาติ เพราะนอนอยใู นดอกบวั ดวยประการดงั น.ี้ บทวา โอปมัญญะแปลวา ผูอ ปุ มญั ญโคตร. บทวา ผูเปนใหญในสภุ ควนั คอื เปน ใหญใ นสภุ ควันโดยอุกฤษฏ. บทวา นา หวั เราะทีเดยี ว คอื ควรหัวเราะทเี ทยี ว.บทวา เลวทรามทีเดยี ว ไดแ ก ลามกทเี ดียว. ภาษติ น้ัน ๆ เทานัน้ ชอ่ื วา วา งเพราะไมม ีประโยชนแ ละ ชอ่ื วาเปลา เพราะเปนภาษิตวาง. บัดนี้ พระผูมีพระภาคเจา เมื่อจะขมสภุ มาณพนน้ั พรอ มทง้ั อาจารยจึงตรัสคาํ วา มาณพก็...หรอื ดังนีเ้ ปน ตน . บรรดาคาํ เหลา นน้ั คาํ วาวาจาเหลาไหนของสมณพราหมณเหลานั้นประเสริฐกวา ดังน้ี ความวา วาจาเหลา ไหนของสมณพราหมณเหลา น้ัน ประเสรฐิ กวา อธิบายวาเปนวาจานา สรรเสรญิ ดีกวา. บทวา ส มจุ ฉฺ า แปลวา ตามสมมติคอื ตามโวหารของชาวโลก. บทวา รูแลว คอื ไตรตรองแลว . บทวาพิจารณาแลว ไดแก รแู ลว . บทวา ประกอบดวยประโยชน คือ อาศัยเหตุ. คาํ วา เมอ่ื เปนเชนนั้น ความวาเมื่อความทว่ี าจาอันบุคคลไมละโวหารของชาวโลก ใครค รวญแลว รูแลว กลาวทาํ เหตใุ หเปน ท่ีอาศยั เปนวาจา
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 447ประเสริฐมีอย.ู บทวา อาวุโต สอดแลว แปลวา รอ ยไวแลว . บทวานวิ ุโต นุงแลว แปลวา รดั ไวแลว . บทวา โอผุโฏ ถูกตองแลว แปลวาปกคลุมแลว . บทวา ปริโยนทฺโธ รวบรดั แลว แปลวา หุมหอแลว .บททงั้ หลายมอี าทิวา คธโิ ต ผกู มัดแลว ดังน.ี้ มีเนื้อความกลาวไวแ ลว ทง้ั น้ัน.คาํ วา พระโคดมผูเจรญิ ถาฐานะมีอยู ความวา ถาเหตนุ ั้นมีอยู. บทวาสวฺ าสฺส ไฟนนั้ ...พงึ เปน ความวา เพราะไมมคี วันและขเี้ ถาเปนตนไฟน้นั พงึ มเี ปลว มสี ี และมีแสง. คําวา ตถปู มาห มาณว มาณพเราเปรยี บเหมอื นอยางนนั้ ความวา เรากลาวเปรียบปต ิอนั อาศัยกามคณุ นน้ั .อธิบายวา เปรียบเหมือนไฟท่อี าศัยหญา และไมเ ปนเชื้อตดิ โพลงอยู ยอมเปนไฟท่ีมีโทษ เพราะมีควันขเี้ ถา และถา น ฉันใด ปตอิ นั อาศยั กามคุณ ๕เกิดขึน้ ยอ มมโี ทษ เพราะมีชาติ ชรา พยาธิ มรณะ และโสกะเปน ตนฉันนั้น. อธิบายวา ไฟชือ่ วาเปนของบริสุทธ์ิ เพราะไมมีควนั เปน ตน ซึง่ปราศจากเชื้อ คือ หญาและไมฉันใด ปต ิอันประกอบดวยโลกุตตรและฌานทง้ั สอง ช่อื วา บริสุทธิ์ เพราะไมม ชี าติเปนตนฉนั นัน้ . บดั น้ี ธรรม ๕ ประการ ที่พราหมณท ัง้ หลายบัญญัติดว ยจาคะอนั เปนหัวขอแมน ั้น เพราะเหตทุ ีไ่ มคงอยเู พยี ง ๕ ประการเทา นน้ั เปน ธรรมไมห วน่ั ไหวตั้งอยู หามไิ ด คอื ยอ มไมถึงพรอมกบั ความอนุเคราะห เพราะเหตนุ น้ัเพอ่ื จะแสดงโทษนั้น จงึ ตรัสคําวา มาณพ ธรรมเทา น้นั ฉนั ใด ดงั น้ี เปน ตน .บรรดาบทเหลานนั้ บทวา (ทาน) อันเปน ยารอนเุ คราะห คือ มคี วามอนเุ คราะหเปน สภาวะ. คาํ วา ทานเหน็ มมี ากในที่ไหน น้ี เพราะเหตุท่ีพระผูมีพระภาคเจาตรสั วา บรรพชติ นีช้ อื่ วา ผสู ามารถเพอื่ บําเพญ็ ธรรม ๕ประการน้ีใหบรบิ ูรณ ยอมไมมี คฤหสั ถบาํ เพญ็ ใหบ รบิ รู ณไ ด เพราะเหตุนั้นบรรพชิตเทา น้นั บาํ เพ็ญธรรม ๕ ประการนี้ใหบ รบิ รู ณไ มไ ด คฤหัสถช ่ือวา
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย มัชฌมิ ปณณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 448สามารถเพอื่ บาํ เพญ็ ใหบริบูรณได ยอ มไมม ี จงึ ตรสั ถามเม่ือใหมาณพกลา วตามแนวทางนั้นน่ันแหละ. ในคําวา เปนผูพูดจรงิ สม่าํ เสมอรา่ํ ไป หามิไดดังน้ี เปน ตน พึงเหน็ ความหมายอยา งน้วี า คฤหัสถ เมอ่ื เหตุอ่ืนไมม ีกก็ ระทําแมมุสาวาทของผูหลอกลวง. พวกบรรพชิตแมเ มอ่ื จะถูกตดั ศีรษะดว ยดาบกไ็ มกลาวกลับคํา. อนง่ึ คฤหสั ถไมอาจรักษาสิกขาบทแมสกั วา ตลอดภายในสามเดอื น. บรรพชิตเปนผูมตี บะ มีศีล มีตบะเปนท่ีอาศยั ตลอดกาลเปนนจิทเี ดียว. คฤหสั ถยอ มไมอาจกระทําอโุ บสถกรรมสกั วา ๘ วันตอ เดอื นบรรพชติท้ังหลายเปนผพู ระพฤตพิ รหมจรรยตลอดชีวติ . คฤหสั ถเขียนแมเพยี งรัตนสตู รและมงคลสูตรไวในสมุดแลว กว็ างไว. บรรพชิตทง้ั หลายทอ งบน เปน นจิ . คฤหสั ถไมอ าจใหแมสลากภัต (ใหเสมอไป) ไมใ หขาดตอน. บรรพชิตท้งั หลายเมื่อของอน่ื ไมมี กใ็ หก อ นขาวแกพวกกา และสนุ ัขเปนตน ยอมใสในบาตรแมข องภิกษหุ นุม ผรู บั บาตรน่นั เอง. คําวา เรากลาวธรรมเทา นั้น (วา เปนบริขาร) ของจิต ความวา เรากลา วธรรม ๕ ประการเหลา นน้ั วา เปนบริวารของเมตตาจติ . บทวา ชาตวฑโฺ ฒ เกิดแลว เจริญแลว แปลวา ท้ังเกดิ แลวและเจริญแลว. กบ็ ุคคลใดเกิดในทีน่ ้ัน อยา งเดยี วเทาน้นั (แต) เตบิ โตท่ีบา นอื่น หนทางในบานรอบ ๆ ยอมไมประจกั ษอยางถว นทั่วแกบ คุ คลน้นัเพราะฉะนัน้ จงึ ตรัสวา ทั้งเกิดทง้ั เตบิ โตแลว ดงั น.ี้ ก็บุคคลใดแมเ กิดแลวเตบิ โตแลว แตออกไปเสยี นาน หนทางก็ยอมไมป ระจกั ษแจงโดยถว นทวั่แกบ คุ คลนั้น เพราะเหตนุ ัน้ จงึ ตรสั วา ตาวเทว อปสกกฺ (ผอู อกไปในขณะนน้ั ). อธิบายวา ออกไปในขณะนน้ั ทนั ท.ี บทวา ชกั ชา ความวาชักชา ดว ยความสงสยั วา ทางนีห้ รอื ๆ ทางน.้ี บทวา ตกประหมา ความวาสรีระของใคร ๆ ผูถูกคนต้งั พนั ถามถึงอรรถอันสุขมุ ยอ มถงึ ภาวะอนั กระดา ง(คอื ตวั แขง็ ) ฉันใด การถงึ ภาวะอันแข็งกระดา งฉันน้นั ยอ มไมมีเลย.
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 449พระผูม ีพระภาคเจาทรงแสดงความทีพ่ ระสพั พญั ตุ ญาณอนั อะไร ๆ ไมกระทบกระทัง่ ไดดวยบทวา วติ ถฺ ายติ ตฺต น้ี. ก็ความกระทบกระทง่ั ความรูพงึ มแี กบ รุ ษุ นน้ั ดว ยอํานาจมารดลใจเปน ตน เพราะเหตุน้นั บรุ ษุ นนั้ พึงชักชาหรือพึงตกประหมา . แตพ ระสัพพญั ุตญาณไมมอี ะไรกระทบกระทั่งได ทา นแสดงวา ใคร ๆ ไมอ าจทาํ อนั ตรายแกพ ระสัพพัญุตญาณน้นั . บทวา มีกาํ ลงั ในคาํ นวี้ า มาณพ คนเปาสงั ขผ มู ีกําลังแมฉ นั ใด ดงั น้ี ความวา สมบรู ณด ว ยกาํ ลงั . บทวา สงฺขธโม แปลวาคนเปาสังข. บทวา อปฺปกสเิ รน ไดแ ก โดยไมยาก คอื โดยไมล าํ บากก็คนเปา สงั ขผ อู อนแอ แมเ ปา สังขอยู ก็ไมอ าจจะใหเสียงดังไปยงั ทิศทง้ั ๔ได เสยี งสังขของเขาไมแ ผไปโดยประการทัง้ ปวง. สวนของผมู ีกาํ ลงั ยอมแผไ ปเพราะเหตนุ ้นั จึงตรัสวาผูม กี าํ ลงั . เมื่อกลาววา ดวยเมตตา ดงั นี้ ในคาํ วาดว ยเมตตาอันเปน เจโตวมิ ตุ ติ นี้ ยอมควรทั้งอุปจาร ท้ังอปั ปนา.แตเ มอื่ กลา ววา เจโตวิมตุ ฺติยา ยอ มควรเฉพาะอัปปนาเทา นั้น. คําวาย ปมาณกต กมมฺ กรรมท่ที าํ ไวประมาณเทาใด ความวา ชอ่ื วา กรรมที่ทาํ ประมาณได เรยี กวา กามาวจร. ชื่อวา กรรมทท่ี ําประมาณไมไ ดเ รยี กวารูปาวจรและอรปู าวจร. ในกรรมทีเ่ ปน กามาวจร รูปาวจรและอรปู าวจรแมเ หลานนั้ กรรมคือพรหมวิหารเทา นัน้ ทรงประสงคเ อาในท่ีน้ี . ก็พรหมวหิ ารกรรมนน้ั เรียกวากระทําหาประมาณมไิ ด เพราะกระทําใหเ จรญิ ไปดวยการแผลวงพน ประมาณไปยังทิศทีเ่ จาะจงและไมเจาะจง. คาํ วา กามาวจรกรรมน้นั จักไมเหลอื อยูจกั ไมค งอยูในรปู าวจรกรรมนั้น ความวา กามาวจรกรรมนั้น ยอมไมต ิดคอื ไมตงั้ อยูใ นรูปาวจรและอรูปาวจรกรรมนัน้ . ทา นอธบิ ายไวอยา งไร. ทา นอธบิ ายไวว ากามาวจรกรรมน่ันยอมไมเ กีย่ วของหรือตั้งอยูในระหวาง แหงรปู าวจรและอรูปาวจรกรรมนนั้
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย มัชฌมิ ปณ ณาสก เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 450หรอื แผไ ปยังรูปาวจรกรรม และอรปู าวจรกรรมแลว ครอบงําถอื เอาโอกาสสาํ หรบั ตนตง้ั อย.ู โดยทแ่ี ท รูปาวจรกรรมเทา นน้ั แผไปยังกามาวจรกรรมเหมอื นนํ้ามากเออทวมนา้ํ นอ ย ครอบงําถอื เอาโอกาสสําหรบั ตนแลว คงอยู.รูปาวจรกรรมหา มวบิ ากของกามาวจรกรรมนนั้ แลว เขาถงึ ความเปน สหายแหงพรหมดวยตนเอง. คําทเ่ี หลือในที่ทัง้ ปวง งา ยท้งั นน้ั แล. จบ อรรถกถาสุภสูตร ท่ี ๙
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 471
Pages: