พระอภิธรรมปฎ ก ธาตุกถา-บคุ คลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนาที่ 301 ขอ วา \"เนว อาทึ มนสิกโรติ\" ไดแก ไมมนสิการถอ ยคาํ ท่ีตัง้ไวใ นเบอื้ งตน . บทวา \"กมุ ฺโภ\" ไดแก หมอ . บทวา \"นิกชุ ชฺ โิ ต\" ไดแ ก หมอ ทเ่ี ขาตง้ั ควา่ํ ปากไว. ในคํานว้ี า\"เอวเมว\" ความวา บัณฑิต พึงเห็นบุคคลผมู ปี ญญาที่เปรียบดวยหมอคว่าํ กเ็ หมือนกันหมอท่ีเขาคว่ําปากไว. บณั ฑิตพึงเหน็ เวลาที่เขาไดฟ งพระ-ธรรมเทศนา เปรยี บเหมอื นเวลาทร่ี ดดว ยนํา้ . พงึ เห็นเวลาท่ีเขานั่ง ณ อาสนะนั้นแลว ไมสามารถเพือ่ เรยี นธรรมได เปรยี บเหมือนเวลาทน่ี ้าํ ไหลออกไปจากหมอ. พึงทราบวาเวลาทเ่ี ขาสกุ ขึน้ จากอาสนะแลว กําหนดธรรมไมไ ด เปรียบเหมือนเวลาทน่ี า้ํ ไมขงั อยูในหมอ. สองบทวา \"อย วจุ ฺจติ\" ความวา บุคคลน้ี คอื ผเู ห็นปานน้ี ทา นเรียกวา อวกชุ ฺชปโฺ ญ แปลวา ผมู ีปญญาเหมอื นหมอควาํ่ . อธิบายวามีปญญาเหมือนหมอ น้ําทเ่ี ขาตั้งควํา่ ปากไว. บทวา \"อากณิ ฺณานิ\" ไดแ ก ใสเ ขา แลว . สองบทวา \"สติสมโฺ มสา ปกิเรยฺย\" ความวา เพราะเผลอสติ สงิ่ของท้งั หลายจึงกระจัดกระจายไป. บณั ฑติ พึงเหน็ บุคคลผมู ีปญญาดังหนาตัก(ชายพก) กเ็ หมือนกับหนา ตกั ทท่ี า นตรัสไวใ นคําวา \"เอวเมว\" นี.้ บัณฑิตพึงเหน็ พทุ ธพจนมปี ระการตาง ๆ เหมอื นอาหารที่เคยี้ วกนิ นานาชนิด. พึงทราบวาเวลาทีเ่ ขานั่ง ณ อาสนะน้ันแลวเรียนพทุ ธพจน เหมือนเวลาทเ่ี ขานั่งเคย้ี วกนิของที่ควรเคี้ยวกินตาง ๆ ชนิดอยูบนหนา ตัก. พงึ ทราบวา เวลาท่ีเขาลุกจากอาสนะนัน้ แลวเดินไปไมสามารถกาํ หนดธรรมได เปรยี บเหมือนเวลาที่เขาเผลอลมื สติลกุ ข้นึ ทําใหข องเคย้ี วกนิ กระเด็นกระจัดกระจายไป.
พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บคุ คลบัญญัติ เลม ๓ - หนาท่ี 302 สองบทวา \"อย วุจจฺ ต\"ิ ความวา บคุ คลนี้ คือ ผูเหน็ ปานนี้ ทา นเรียกวา อจุ ฺฉงฺคปโฺ แปลวา มปี ญ ญาเพียงดังหนาตกั . อธิบายวา มีปญ ญาเชนกับหนาตกั . บทวา \"อกุ ฺกชุ ฺโช\" ไดแ ก หมอ ทีเ่ ขาต้ังหงายปากขนึ้ เบอ้ื งบน. บทวา \"สณฺ าต\"ิ ไดแ ก นาํ้ ท่ขี ังอยู. ในคาํ วา \"เอวเมว โข\"นีบ้ ัณฑติ พึงเหน็ บคุ คลผมู ีปญ ญามาก เหมอื นหมอ ท่ีเขาตั้งหงายปากขน้ึ เบอื้ งบนพงึ ทราบวา เวลาท่เี ขาไดฟงธรรมเทศนาแลว เหมือนเวลาทเี่ ขารดน้ํา (เทนํา้ใสห มอ ). พงึ ทราบวา เวลาทเ่ี ขาน่ังเรยี นพทุ ธพจนในท่นี ั้น เปรยี บเหมือนเวลาทนี่ ํ้าขังอยู พึงทราบวา เวลาทีล่ กุ ขนึ้ จากอาสนะเดนิ ไปยงั สามารถกาํ หนดพุทธพจนได เปรยี บเหมอื นเวลาทน่ี ํา้ ไหลออกไป. สองบทวา \"อย วุจฺจติ\" ความวา บคุ คลน้ี คอื ผูเหน็ ปานน้ีเรยี กวาปถุ ปุ ฺโ แปลวา ผูมีปญ ญามาก. อธบิ ายวา มีปญญากวางขวาง. [๙๒] ๑. บุคคล ผมู ีราคะยงั ไมไ ปปราศในกามและภพ เปนไฉน ? พระโสดาบัน และพระสกทาคามบี ุคคล เหลาน้ี เรียกวา บคุ คลมีราคะยังไมไปปราศในกามและภพ. ๒. บคุ คล มรี าคะไปปราศแลว ในกาม แตมีราคะยังไมไปปราศแลว ในภพ เปนไฉน ? พระอนาคามบี ุคคล เรยี กวา บคุ คลมรี าคะไปปราศแลว ในกามแตมีราคะยงั ไมไ ปปราศแลว ในภพ.
พระอภธิ รรมปฎก ธาตุกถา-บุคคลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนา ที่ 303 ๓. บคุ คล ผูม รี าคะไปปราศแลว ในกามและในภพเปนไฉน ? พระอรหนั ต นีเ้ รยี กวา บุคคลผมู ีราคะไปปราศแลว ในกามและภพ. อรรถกถาบุคคลผมู รี าคะยงั ไมไปปราศเปนตน พระโสดาบนั และพระสกทาคามี ยงั ไมป ราศจากราคะในกามคุณทั้ง๕ และภพทั้ง ๓ ฉนั ใด แมปถุ ชุ นกฉ็ นั นั้น. แตสาํ หรบั ปุถชุ นน้ันพระผูมพี ระ-ภาคเจามิไดท รงถอื เอาเพราะไมเ ปนทพั พบคุ คล. เหมอื นอยางวา นายชา งไมผูชาญฉลาด เขา ไปสูปาเพอื่ ตอ งการทพั พสัมภาระ เขายอ มไมต ดั ตนไมท่มี าพบแลว และพบแลว จาํ เดิมแตตน แตวาไมเหลา ใดที่เขาถึงความเปนทพั พ-สัมภาระได เขายอมตดั ตน ไมเหลา นนั้ น่ันแหละฉนั ใด พระอริยสาวกท้งั หลายผมู ที ัพพชาตเิ หลานัน้ (ผมู ีชาตแิ หงความสามารถ) พระผมู พี ระภาคเจาก็ทรงถอื เอาแลว แมใ นท่ีน้ี ฉนั นั้น สวนปถุ ุชน บณั ฑิตพึงทราบวาพระผมู ีพระภาค-เจา ไมทรงถอื เอาเพราะความไมมีทพั พชาติ คอื ผไู มม ีความสามารถเพอ่ื จะตรัสรธู รรม. (คาํ วา \"ทพฺพ\" ศัพทนี้ แปลไดห ลายอยาง เชน ควร, สมควร,สามารถ, ปญ ญา, ทรัพยส มบัติ สิง่ ท่ีมีคา) สองบทวา \"กาเมสุ วีตราโค\" ไดแ ก ผูปราศจากราคะในเบญจ-กามคุณ คือ รปู เสยี ง กล่นิ รส โผฏฐพั พะ อนั นา รกั ใคร นาปรารถนา. สองบทวา \"ภเวสุ อวีตราโค\" ไดแ ก ผยู งั ไมปราศจากราคะ คอืผูยินดใี นรูปภพและอรูปภพ.
พระอภิธรรมปฎก ธาตกุ ถา-บุคคลบญั ญัติ เลม ๓ - หนา ที่ 304 [๙๓ ] ๑. ปาสาณเลขปู มบคุ คล บคุ คลผูเหมอื นรอยขดี ในหินเปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนยี้ อ มโกรธอยเู นอื ง ๆ และความโกรธของเขานน้ัแล ยอมเนื่องอยูตลอดกาลอนั ยาวนาน เหมอื นรอยขดี ในหนิ ยอ มไมเลอื นไปไดง าย เพราะลมหรือเพราะนํา้ ยอมเปน ของต้งั อยไู ดนาน ชื่อแมฉนั ใดบุคคลบางคนในโลกน้ี ยอมโกรธอยเู นอื ง ๆ และความโกรธของเขานั้นแลยอ มนอนเนอื่ งอยูต ลอดกาลยาวนาน กฉ็ ันนั้น นี้เรยี กวา บคุ คลผเู หมอื นรอยขดี ในหนิ . ๒. ปฐวีเลขูปมบุคคล บคุ คลผูเหมือนรอยขีดในแผนดนิ เปน ไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกน้ี ยอมโกรธเนอื ง ๆ แตค วามโกรธของเขานั้นยอมไมน อนเน่อื งอยูตลอดกาลยาวนาน เหมือนรอยขดี ในแผน ดิน ยอมลบ-เลอื นไปไดง า ย เพราะลมหรือเพราะนํ้า ไมต้ังอยไู ดนาน ช่ือแมฉันใด บุคคลบางคนในโลกนี้ ยอ มโกรธเนือง ๆ แตความโกรธของเขานั้น ยอ มไมน อนเนอ่ื งอยสู ้ินกาลยาวนาน กฉ็ นั นน้ั น้ีเรียกวา บคุ คลผเู หมอื นรอยขดี ในแผน ดนิ . ๓. อทุ กเลขปู มผบู คุ คล ผูเหมือนรอยขีดในเปนไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกนี้ ถกู บุคคลวา กลา วแมด ว ยถอยคํากระดาง แมดวยถอยคําหยาบคาย แมด ว ยถอ ยคาํ ไมเปน ทพ่ี อใจ ยังคงสนทิ กนั คงยังตดิตอกนั เหมือนรอยขีดในนาํ้ ยอมลบเลอื นไปไดงา ย ไมต ้ังอยูไดนาน ชือ่ แมฉันใด บุคคลบางคนในโลกน้ี ถกู บคุ คลวากลาว แมดวยถอยคาํ กระดา ง แมดว ยถอยคําหยาบ แมด ว ยถอยคําไมเ ปน ที่พอใจ ยงั คงสนทิ กนั ยงั คงตดิ ตอกนัยงั คงชอบกัน ก็ฉนั นน้ั น้เี รียกวา บคุ คลผเู หมอื นรอยขีดในนา้ํ .
พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บุคคลบญั ญัติ เลม ๓ - หนาที่ 305 อรรถกถาบุคคลผเู ปรยี บดวยรอยขดี ในหนิ เปน ตน บทวา \"อนเุ สต\"ิ ไดแก ความโกรธ ยอมนอนเนอื่ งอยู เพราะยังละอนุสยั ไมได. ขอวา \"น ขิปปฺ ลชุ ชฺ ต\"ิ ไดแ ก ความโกรธน้นั ยอ มไมสญู หายไปในระหวา ง คือวา โดยเวลาเกดิ ข้นึ มาตลอดกปั ก็ไมส ญู หาย. ขอ วา \"เอวเมว\" ความวา ความโกรธของบุคคลแมน นั้ ยอ มไมดบั ไปในระหวา ง คอื ในวนั รุงขึน้ หรือในวนั ตอ ๆ ไปก็ไมดับ (คงหมายถงึการดับไมเ กดิ อีก) ฉนั น้นั อธบิ ายวา ก็ความโกรธน้ันยอมมอี ยูเปน เวลายาวนาน แตย อ มดบั ไปเพราะการมรณะ๑ น่นั เทียว. สองบทวา \"อย วจุ ฺจติ\" ความวา บคุ คลนค้ี อื ผูเหน็ ปานนี้ ทา นเรียกวา ปาสาณเลขปู โม แปลวา ผูเ ปรยี บดว ยรอยขดี เขยี นท่หี ิน อนั เปนรอยติดอยูตลอดกาลนาน โดยความเปนดจุ การโกรธ เหมือนรอยขีดเขียนทีห่ ิน. ขอวา \"โส จ ขวฺ สฺส โกโธ\" ความวา ความโกรธของผูมกั โกรธน้ัน มีความโกรธเรว็ แมเ หตุเลก็ นอ ย. ขอ วา \"น จริ \" ความวา ความโกรธ ยอ มนอนเนอ่ื งไมนาน เพราะเขายงั ละความโกรธไมได. อธิบายวา เหมือนอยางวา รอยขดี ที่บคุ คลทาํ การขดี ทีแ่ ผน ดินยอ มลบเลอื นไปดว ยลมเปน ตนโดยเร็ว ฉนั ใด ความโกรธของเขาแมเ กดิ ข้ึนแลว เรว็ ก็ยอ มดบั ไปโดยเรว็ พลนั ฉันนน้ั เหมือนกัน.๑. คมั ภรี สมั โมหวิโนทนี สจั จวิภังคนิทเทส อธิบายคาํ วา มรณะ นีไ้ ว ๓ อยางคอื . ๑. ขณิก- มรณะ แปลวาตายทุกขณะ ก็คอื ภังคขณะของรปู และนาม ๒. สมฺมติมรณะ แปลวา ตาย โดยสมมติ ไดแกค นตาย สัตวตาย ๓. สมุจเฉทมรณะ ตายไมเ กดิ ไดแกพระอรหันต ปรนิ ิพพาน
พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บคุ คลบัญญัติ เลม ๓ - หนาท่ี 306 สองบทวา \"อย วุจฺจคต\"ิ ความวา บคุ คลน้ี คือ ผูเหน็ ปานนี้ ทานเรยี กวา ปฐวเี ลขปู โม แปลวา ผูเ ปรยี บดว ยรอยขีดเขยี นทีแ่ ผนดนิ ซ่ึงตั้งอยไู มน านโดยภาวะคือความโกรธ เหมือนรอยขดี เขียนท่แี ผน ดิน บทวา \"อาคาฬฺเหน\" ไดแก ถอ ยคาํ อนั หยาบชา คอื ไดแกถอยคําอันแขง็ กระดาง อันเชือดเฉือนหทยั . บทวา \"ผรุเสน\" ไดแ ก ถอยคําอันไมสบายห.ู บทวา \"อมนาเปน\" ไดแก ถอ ยคาํ อนั ไมส บายจติ . บทวา \"ส สนฺทต\"ิ ไดแก เปน อันเดียวกนั . บทวา \"สนธฺ ิยต\"ิ ไดแ ก การสบื ตอ . บทวา \"สมฺโมทต\"ิ ไดแ ก ไมมรี ะหวา งคัน่ . อีกอยา งหนง่ึ บทวา \"ส สนทิ ติ\" อธบิ ายวา ยอมถงึ การประชมุ ลงในการกระทาํ ของจติ ดวยจิติ คือวา ยอ มเขา ถึงเอกีภาวะ คอื ความเปนอนั เดียวกัน ดุจขโี รทกคอื นํ้ากับนม. บทวา \"สนธฺ ยิ ต\"ิ อธบิ ายวา ยอ มถึงการประชุมลงในการกระทําทางกายดว ยกายเปนตน ซงึ่ มกี ารยนื และการเดนิ เปนตน คือวา ยอมเขาถงึ ความเปน ของปะปนกันดุจงากบั ขา วสาร (ทใี่ สร วมกนั อย.ู ) บทวา \"สมโฺ มทติ\" อธบิ ายวา ยอ มถงึ การประชุมลงในการกระทําทางวาจาดวยวาจามีการสอบถามอทุ เทสเปนตน ช่ือวา ยอมเขาถงึ ความเปนที่รกั ยิ่ง เหมือนสหายทร่ี ักผมู าจากสถานทตี่ าง ๆ อกี อยางหนึง่ อธิบายวาเมอื่ เขา ถึงความเปนผูก ระทาํ โดยความเปนอันเดยี วกันแตต น กับดว ยสหายเหลานัน้ ในกิจทค่ี วรทําทงั้ หลาย จึงชือ่ วา สนทิ สนมกนั . บัณฑิตพงึ ทราบวา การสนิทสนมกันนัน้ วา ยงั คงสบื ตอ เปนไปอยตู ง้ั แตต นจนถงึ ทามกลางและไมมกี ารเปลีย่ นแปลงจนถงึ ท่ีสุด ดงั น้บี าง.
พระอภิธรรมปฎก ธาตุกถา-บุคคลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนาท่ี 307 สองบทวา \"อย วุจจฺ ติ\" ความวา บคุ คลน้ี คอื ผูเ หน็ ปานน้ี ทา นเรยี กวา อทุ กเลขูปโม แปลวา ผเู ปรียบดวยรอยขดี ในน้ํา เพราะสนทิ กนัเร็ว ดจุ รอยขีดในน้ํา. บรรดาบุคคลเหลาน้นั บุคคลผูเปรียบดว ยผา ปา น ๓ จําพวกเปน ไฉน ? [๙๔] ผาปาน ๓ ชนิด คอื ๑. ผา แมยังใหม ทม่ี ีสไี มด ี นุงหมก็ไมสบาย และมรี าคานอย ๒. ผา แมก ลางใหมก ลางเกา ทม่ี ีสไี มดี นงุ หม ก็ไมส บาย และมีราคานอยมาก ๓. ผา แมเกา ทม่ี ีสไี มด ี นุงหมก็ไมสบาย และมีราคานอย คนท้ังหลายยอมเอาผาผืนเกา ๆ ทาํ เปนผาเช็ดหมอขาวบา ง เอาผาเกานัน้ ไปท้งิเสียทกี่ องหยากเยื่อบาง. [๙๕] บุคคลเปรียบดวยผาปา น ๓ จาํ พวก เหลาน้ี มีปรากฏอยใู นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ฉนั นน้ั เหมอื นกนั . บคุ คล เปรียบดว ยผา ปา น ๓ จาํ พวก เปน ไฉน ? ๑. แมหากวา ภิกษใุ หมผ ทู ุศีลมีธรรมอนั ลามกเหมอื นผาทม่ี ีสไี มดนี น้ัแมฉนั ใด บุคคลนี้ก็อุปไมยฉันนัน้ นก้ี เ็ พราะวา บุคคลนม้ี ีวรรณะชวั่ สว นคนเหลา ใด ยอ มสมาคม ยอมคบ ยอมเขา ใกล ยอมเอาอยา งบุคคลนี้ การเสพน้ันยอมเปน ไปเพอื่ ความไมเ ปน ประโยชนเ ก้อื กูล เพอ่ื ทกุ ขแกคนเหลานน้ัตลอดกาลนาน ผา ที่นุง หมไมส บายนัน้ แมฉ ันใด บุคคลน้ี ก็อุปไมยฉนั น้ันนี้กเ็ พราะวาบคุ คลนม้ี สี มั ผสั เปน ทุกข กบ็ คุ คลน้ีรบั จวี ร บิณฑบาต เสนาสนะ
พระอภิธรรมปฎก ธาตกุ ถา-บคุ คลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนาที่ 308คิลานปจ จยั เภสัชบริขาร ของคนเหลา ใดแล ทานของคนเหลา นัน้ ยอ มไมม ีผลมากยอ มไมมีอานิสงสม าก ผา ทม่ี รี าคานอยนัน้ แมฉันใดบคุ คลน้ีกอ็ ุปไมยฉนั นั้น นีก้ ็เพราะบุคคลนีม้ ีราคานอย. ๒. แมห ากวา ภิกษชุ ัน้ มชั ฌมิ ะ ฯลฯ ๓. แมหากวาภิกษุชนั้ พระเถระ เปน ผูท ุศลี มธี รรมอันลามก เหมอื นผา ท่ีมสี ีไมด ีนั้นแมฉ นั ใด บุคคลนีก้ ็อปุ ไมยฉันนน้ั นีก้ ็เพราะบุคคลน้มี ีวรรณะชัว่สวนคนเหลา ใดยอ มสมาคม ยอมคบ ยอมเขาใกล ยอ มเอาอยา งบคุ คลนี้ การสมาคมน้ันยอมเปนไปเพ่ือความไมเปนประโยชนเ กื้อกูล เพือ่ ความทุกขแ หงชนเหลา น้ันตลอดกาลนาน ผา ทนี่ ุงหม ไมส บายแมฉนั ใด บุคคลน้กี ็อุปไมยฉันน้นั นก้ี ็เพราะวา บคุ คลน้ีมีสมั ผัสเปนทกุ ข กบ็ ุคคลนี้รับจีวร บณิ ฑบาตเสนาสนะ คิลานปจ จยั เภสัชบรขิ าร ของคนเหลา ใด ทานของคนเหลานัน้ยอ มไมม ีผลมาก ยอมไมม อี านิสงสม าก ผา ทมี่ รี าคานอย แมฉ นั ใด บคุ คลน้ีกอ็ ปุ ไมยฉนั นน้ั นก้ี เ็ พราะบุคคลนมี้ ีราคานอย หากวา พระเถระเหน็ ปานนีจ้ ะวากลา วในทามกลางสงฆ ภิกษทุ ้ังหลายก็จะกลาวกบั พระเถระผูนัน้ น่นั อยา งนี้วา ประโยชนอะไรดวยคาํ กลา วของทา นผโู งเขลาเบาปญ ญา ถงึ แมท า นจะสาํ คัญวา ควรกลา วกด็ ี พระเถระนน้ั โกรธไมพอใจก็จะเปลง วาจาชนิดทีจ่ ะเปนเหตใุ หสงฆยกวัตร ดุจคนเอาผา ไปโยนท้ิงเสยี ทกี่ องหยากเยอ่ื ฉะน้นั บคุ คลผูเปรียบดว ยผาปาน ๓ จาํ พวกเหลาน้ี มีปรากฏอยูในภิกษุทงั้ หลาย. อรรถกถาบุคคล ๓ จําพวกท่ีอปุ มาดว ยผาปาน บุคคล ๓ จาํ พวกเหลานนั้ ทานเรียกวา โปตถฺ กูปมา แปลวา ผูเปรียบดว ยผา ปา น ดว ยอปุ มาใด เพ่อื จะแสดงคาํ อุปมาน้ันกอ น ทา นจึงกลาวคําวา\" ตโย โปตฺถกา\" เปน ตน . บรรดาบททั้งหลายเหลา น้นั บทวา \"นโว\" ได
พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตกุ ถา-บคุ คลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนา ท่ี 309แก ผาทท่ี อใหม. บทวา \"โปตถฺ โก\" ไดแ ก ผา ทีท่ อดดวยเปลือกปา น. บทวา\"ทพุ พฺ ณโฺ ณ\" ไดแ ก ผาทม่ี ีสที ราม. บทวา \"ทุกขฺ สมฺผสโฺ ส\" ไดแก ผาทม่ี สี ัมผสั กระดา ง. บทวา \"อปปฺ คฺโฆ\" ไดแ กผา ทมี่ ีราคาไมแพง คือมีราคาประมาณหน่ึงกหปาปณะ (หนึ่งกหาปณะ = ๔ บาท) บทวา \"มชฺฌโิ ม\" ไดแก ผา กลางเกา กลางใหม อธิบายวา ผาน้นั ลว งเลยความเปนของใหมแ ตยงั ไมถงึ ความเปน ของเกา คราํ่ ครา แมใ นเวลาใชส อยก็มสี ีไมส วยมสี มั ผสั ไมสบายมีคา นอ ย เมื่อตรี าคาขายแพงกไ็ ดร าคาเพยี งครึ่งหนึง่ แตในเวลาที่ผา นั้นเกาแลว กม็ รี าคาเพยี งหนึ่งมาสก (๑๐ สตางค) หรอื เพียง ๑ กากณกิ (กากณิกา =ราคาเน้ือท่กี ากลนื กินคร้งั หนึง่ เปน ราคาทต่ี ํ่าท่สี ดุ ในสมัยนัน้ ) บทวา \"อกุ ขฺ ลิ-ปริมชชฺ น \" ไดแ ก ผาเช็ดหมอขาว. บทวา \"นโว\" ความวา วาโดยการอุปสมบท นับแต ๕ พรรษาลงมาภกิ ษุน้ันแมม ีอายุ ๖๐ ป ก็ช่อื วา นวะ คอืผูใ หมทั้งน้ัน. บทวา \"ทพุ ฺพณณฺ ตาย\" ความวา เพราะมวี รรณะไมง ามดว ยวรรณะแหงสรีระบา ง ดวยวรรณะแหง คณุ งามความดบี าง. กว็ รรณะแหงสรีระของผทู ศุ ลี ผนู ั่งในทามกลางบริษทั ยอ มไมร งุ เรอื ง เพราะความทตี่ นไมม ีอํานาจ สําหรับในวรรณะคือคณุ งามความดขี องผทู ศุ ลี นน้ั ก็ไมจ ําเปนตอ งกลาวถงึ เลย. ขอวา \"เย โข ปนสสฺ \" ความวา ก็ชนเหลา ใดแล เปนผูอปุ ฏ ฐาก หรือเปน ญาติ และเปน มติ ร เปนตน ของผูทุศลี นน้ั เขายอมเสพบคุ คลคนหนึ่ง. บทวา \"เตสนฺต \" ความวา การเสพน้ันแหงบุคคลเหลานนั้ยอมไมเ ปน ไปเพอ่ื ประโยชนเ กอื้ กูล ยอ มเปนไปเพ่อื ความทกุ ขตลอดกาลนานเหมือนพวกมจิ ฉาทิฏฐผิ ูเ สพครทู ้ัง ๖ หรอื เหมือนโกกาลกิ ภิกษเุ ปนตน ผเู สพพระเทวทตั ฉันนนั้ . บทวา \"มชฌฺ ิโม\" ความวา วา โดยการอุปสมบทนบั ตัง้ แต ๕ พรรษาจนถึง ๙๑ พรรษา ชื่อวา มัชฌิมภิกษ.ุ บทวา \"เถโร\"๑. ในที่อืน่ ตง้ั แต ๕-๑๐ พรรษา.
พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บุคคลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนาที่ 310ความวา ตง้ั แต ๑๐ พรรษาไปช่อื วา พระเถระ. บทวา \"เอวมาห สุ\" ไดแก ยอมกลา วอยา งนี้ ขอ วา \"กนิ ฺนุ โข ตุยหฺ \" ความวา มคี ําทท่ี านอธบิ ายไววา จะมปี ระโยชนอะไรแกทา น ดวยคํากลา วของคนพาล. บทวา \"ตถารปู \"ไดแ ก อนั เปน เหตุอกุ เขปนยี กรรม ทีม่ ีชาติอยางนน้ั มสี ภาวะอยางนนั้ . บรรดาบคุ คลเหลา น้นั บคุ คลเปรียบดวยผา แควน กาสี๓ จาํ พวก เปน ไฉน ? [๙๖] ผาแควนกาสี ๓ ชนดิ คือ ๑. ผา กาสแี มอ ยางใหมก ม็ สี ีงาม นุงหมสบายและมรี าคามาก ๒. ผา กาสแี มกลางเกากลางใหมกม็ ีสีงาม นงุ หมสบายและมรี าคามาก ๓. ผา กาสแี มอ ยา งเกา ก็มีสีงาม นงุ หมสบายและมรี าคามาก คนท้ังหลายยอมเอาผา กาสแี มเ กาแลว ไปใชส าํ หรบั หอรัตนะบา ง หรอื เก็บผา กาสีนั้นไวใ นโถหอมบาง. [๙๗] บุคคลเปรยี บดวยผา แควน กาสี ๓ จําพวก เหลา น้ี มีปรากฏอยูในภกิ ษุทงั้ หลาย ฉันนั้นเหมอื นกนั บุคคล ๓ จาํ พวก เปนไฉน ? ๑. แมหากวาภิกษุใหมมศี ีล มีธรรมอนั งาม แมฉ ันใด บุคคลเหลาน้ี ก็อปุ ไมย ฉันนน้ั นกี้ เ็ พราะบคุ คลนม้ี วี รรณะงาม สว นคนเหลาใด ยอมสมาคม ยอ มคบ ยอ มเขาใกล ยอ มเอาอยางบุคคลน้ี การเสพน้ันยอมเปนไปเพื่อประโยชนเ ก้อื กลู เพื่อความสขุ แกค นเหลานัน้ ตลอดกาลนาน ผากาสีน้ัน
พระอภธิ รรมปฎก ธาตุกถา-บุคคลบญั ญัติ เลม ๓ - หนาที่ 349 [๑๑๖] บคุ คลเปรียบดว ยมะมว ง ๔ ชนดิ มีปรากฏอยใู นโลกฉันน้ันเหมือนกัน. บุคคล ๔ จาํ พวก เปนไฉน ? บุคคลเชน มะมว งดบิ แตม ีสเี ปน มะมวงสกุ ๑ บคุ คลเชนมะมวงสกุ แตม สี เี ปนมะมว งดบิ ๑ บุคคลเชนมะมวงดิบ มสี ีกเ็ ปน มะมวงดิบ ๑ บุคคลเชนมะมว งสุก มสี กี ็เปน มะมวงสุก ๑ ๑. บุคคล ผูเปน เชน มะมว งดิบ แตมีสีเปน มะมวงสุกเปนไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกนี้ มกี ารกา วไปขางหนา ถอยหลังแลตรง เหลยี วซา ยแลขวา คูเขาเหยยี ดออก ทรงสังฆาฏบิ าตรและจวี ร นาเสือ่ มใส บคุ คลนั้นไมร ตู ามความเปนจริงวา นี้ทกุ ข น้ที ุกขสมทุ ัย นี้ทุกขนโิ รธ น้ที กุ ขนิโรธคา-มนิ ปี ฏปิ ทา บคุ คลอยา งนี้ชอื่ วา เปน เชนมะมวงดิบ แตมสี ีเปนมะมว งสุกมะมวงดิบแตม สี ีเปนมะมว งสุกนัน้ แมฉ ันใด บคุ คลนีก้ ม็ ีอปุ ไมย ฉันนนั้ . ๒. บคุ คลผเู ปนเชน มะมว งสกุ แตม ีสีเปนมะมวงดบิเปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกน้ี มกี ารกา วไปขา งหนา ถอยหลังแลตรง เหลียวซายแลขวา คูเขา เหยียดออก ทรงสงั ฆาฏิบาตรและจีวร ไมนาเสือ่ มใส บุคคลน้ันรตู ามความเปน จรงิ วา นีท้ กุ ข นี้ทกุ ขสมุทัย นี้ทกุ ขนโิ รธ นีท้ ุกขนโิ รธคา-มนิ ปี ฏิปทา บุคคลอยา งนี้ ช่อื วา เปน เชนมะมว งสุก แตม ีสเี ปนมะมวงดิบมะมว งสุกแตมสี เี ปน มะมว งดบิ นัน้ ฉนั ใด. บคุ คลน้ีก็มอี ปุ ไมย ฉนั น้นั .
พระอภิธรรมปฎก ธาตกุ ถา-บคุ คลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนา ท่ี 350 ๓. บคุ คลผเู ชน มะมวงดบิ มสี ีเปน มะมว งดบิ เปนไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกน้ี มกี ารกาวไปขา งหนา ถอยหลังแลตรง เหลียวซายแลขวา คูเขา เหยียดออก ทรงสังฆาฏิบาตรและจีวร ไมน าเลือ่ มใส บคุ คลนน้ั ไมรตู ามความเปนจริงวา นที้ ุกข ฯลฯ ยอมไมรูต ามความเปน จรงิ วา น้ีทุกขนิโรธคามนิ ีปฏิปทา บคุ คลอยางนีช้ ื่อวา เปนเชน มะมวงดิบ มีสีกเ็ ปนมะมวงดิบ มะมว งดบิ มสี กี เ็ ปน มะมวงดิบน้ัน แมฉ นั ใด บคุ คลนก้ี ็อปุ -ไมย ฉนั นัน้ . ๔. บุคคลผเู ชนมะมวงสกุ มีสีกเ็ ปน มะมว งสุก เปนไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกน้ี มีการกา วไปขางหนา ถอยหลงั แลตรง เหลียวซา ยแลขวา คูเขาเหยียดออก ทรงผา สังฆาฏิบาตรและจวี ร นาเลือ่ มใส บุคคลนน้ั รตู ามความเปนจริงวา นท้ี กุ ข ฯลฯ ยอมรตู ามความเปน จริงวา น้ีทุกข-นโิ รธคามนิ ปี ฏิปทา บคุ คลอยา งนชี้ อื่ วา เปน เชนมะมวงสุก มสี ีก็เปนมะมวงสุก มะมวงสกุ มีสีก็เปน มะมวงสกุ น้ัน แมฉ ันใด บุคคลนี้กม็ อี ุปไมย ฉนัน้นั บุคคลเปรยี บดวยมะมวง ๔ จําพวกเหลาน้ี มปี รากฏอยใู นโลก. อรรถกถาบคุ คลผูเ ปรยี บดวยมะมวง ๔ ชนิด สองบทวา \"อาม ปกฺกวณณฺ \"ี ไดแก ผลมะมวงทดี่ ิบในภายในแตภายนอกเหมอื นมะมวงสกุ .
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 461
Pages: