Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_79

tripitaka_79

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:45

Description: tripitaka_79

Search

Read the Text Version

พระอภธิ รรมปฎก ธาตุกถา-บุคคลบัญญัติ เลม ๓ - หนาที่ 407 ท่ีนอนสงู เกินประมาณ ทา นเรยี กวา อจุ จฺ าสยน แปลวาทน่ี อนสงูทีน่ อนทม่ี เี คร่อื งปลู าดดวยวัตถอุ ันไมส มควร, ทานเรยี กวา มหาสยน แปลวาที่นอนใหญ ผมู ีศีลเปน ผูเวนขาดจากที่นอนนัน้ . ทองคาํ ชอื่ วา ชาตรูป . กหาปณะ ชื่อวา รชต . กหาปณะเหลาใดทีเ่ รยี กวา โลหมาสโก คือ มาสกทาํ ดวยโลหะ ชตุมาสโก คอื มาสกทาํ ดวยยาง ทารมุ าสโก คอื มาสกทาํ ดว ยไม อธิบายวา ทานเปน ผเู วนขาดจากการรบั เงนิ และทองทง้ั ๒ อยางนั้น คอื ทัง้ ไมรบั เองและไมใหผูอ ่นื รับแทน ทัง้ ไมยนิ ดเี งนิ และทอง ท่ีเขาเก็บไวเ พ่อื ตน. บทวา \"อามกธฺปฏคิ คฺ หณา\" ไดแ ก เวนขาดจากการรับธญั ชาติดบิ ๗ ชนดิ คอื . ๑. สาลิ ขา วสาสี ๒. วหี ิ ขา วเจา ๓. ยวะขาวเหนยี ว ๔. โคธุมะ ขาวละมาน ๕. กงั คุ ขา วฟา ง ๖. วรกะ ลูกเดอื ย๗. กุทรสู กะ หญา กับแก. กก็ ารรับธัญชาตดิ ิบ ๗ ชนิดนัน้ ไมควรแกภกิ ษุท้ังหลายเทาน้นั ก็หาไม แมการจับตองสิ่งเหลานัน้ กไ็ มค วรเหมอื นกัน. ก็ในคําวา \"อามกม สปฏคิ คฺ หณา\" น้ี การรับเนือ้ ปลาดิบกไ็ มค วรแกภิกษุทง้ั หลาย นอกจากพระผมู ีพระภาคเจา ทรงอนุญาตไวโดยเฉพาะเทานัน้ ทั้งการจับตอ งเน้ือปลาดิบ ก็ไมควร. ในคาํ วา \"อิตถฺ กี มุ ารกิ าปฏิคฺคหณา\" น้ี หญงิ ทไ่ี ปสูระหวา งบุรษุช่อื วา อติ ถี หญิงนอกจากนี้ ชื้อวากุมารกิ า (หญิงสาว) การรบั ไวกด็ ี การจับตองก็ดีซง่ึ หญงิ ท้ังหลายเหลานน้ั ยอ มเปน ของไมค วรท้งั สนิ้ . ในคาํ วา \"ทาส-ีทาสาปฏิคคฺ หณา\" น้ีการรับหญงิ และ ชาย เหลาน้นั ไวส ําหรับเปน ทาสีเปนทาสยอ มไมเหมาะสม กเ็ มอ่ื ใคร ๆ กลาวอยา งนว้ี า \"ขาพเจาขอถวายกปั ปย การกคือ ผอู ุปฏฐาก ขาพเจาขอถวายอารามกิ คือ ผูร ับใชใ นวดั \" ดงั นี้ จะรับไวกส็ มควร. นยั ท่ีควรและไมค วร แมใ นสัตวท ้งั หลายมี แพะ แกะ เปน ตน ในสถานที่ท้ังหลาย มีนาสวนเปน ท่ีสุด บัณฑิตพงึ พิจารณาดว ยอาํ นาจพระวนิ ยั .

พระอภิธรรมปฎก ธาตกุ ถา-บุคคลบญั ญัติ เลม ๓ - หนา ที่ 408 ในสถานทีเ่ หลา น้นั ท่ีใด มบี พุ พัณชาติงอกงามทีน่ ้นั ชอื่ วา ทีน่ า ในที่ใดอปรณั ชาติ ยอ มงอกงาม ทนี่ ัน้ ชอื่ วา ทส่ี วน. อีกอยา งหน่ึง บุพพณั ชาติและอปรณั ชาติทง้ั ๒ ยอ มงอกงามในทีใ่ ด ทีน่ ั้น ชอ่ื วา นา. ภูมิภาคที่เขากระทําแลวเพอ่ื ตอ งการบพุ พณั ชาต.ิ และอปรัณชาติ ช่อื วา สวน. ก็ในอธิการนี้ แมท ่ีบงึ และหนองน้ําเปนตน ทา นก็สงเคราะหเขา ดว ยการถือเอาที่ นาและ ท่ีสวน เปนประธาน. การงานของทูต ทานเรียกวา ทูเตยฺย อธบิ ายวา การถือเอาหนงั สือหรือสาสน ของคฤหัสถทัง้ หลายแลว ไปในที่นั้น ๆ. การรบั ใชเ ล็ก ๆ นอ ย ๆของผสู ง ขาวไปสูบา นผูอ่ืน ทานเรยี กวา ปหิณคมน แปลวา การรับใชเล็ก ๆ นอ ย ๆ (หมายถงึ ผูสง ขาว) การทํากิจทงั้ ๒ อยางน้ัน ชือ่ วา อนุโยโคแปลวา การตามประกอบ เพราะฉะนนั้ บัณฑติ พงึ ทราบเน้อื ความในคาํ นี้อยางนว้ี า \"ทูเตยยฺ ปหณิ คมนาน อนโุ ยโค\" ซง่ึ แปลวา การประกอบทูตกรรมและการรบั ใช. บณั ฑติ พึงทราบวินิจฉัยในคําวา ผูโ กงดว ยตาชั่ง เปน ตน . บทวา\"กฏู  \" แปลวา การโกง คอื การหลอกลวง. บรรดาการโกงเหลาน้ัน การโกงดวยตาชง่ั มี ๔ อยา ง คือ. ๑. รูปกูฏ โกงดว ยรปู ๒. องฺคกูฎ โกงดว ยอวัยวะ ๓. คหณกฏู  โกงดวยการถือเอา ๔. ปฏจิ ฉฺ นฺนกูฏ โกงดว ยสง่ิ ที่ปดบังไว. ในการโกงเหลา นัน้ บคุ คลกระทําเครือ่ งชั่งทั้ง ๒ ใหม ีรปู คลายกนัเมือ่ จะถือเอายอมถือเอาสว นมาก เม่อื ใหยอ มใหด ว ยสวนที่นอย ชื่อวา รูปกูฏโกงดว ยรปู . บคุ คลเม่อื จะถอื เอาส่ิงของ ยอมใชม ือขมตาชงั่ ไวใ นสว นเบื้องหลัง เมื่อจะใหยอมใชม อื ขมตาชง่ั ไวใ นสว นเบื้องตน ช่ือวา องคฺ กฏู  โกงดวยอวัยวะ. บุคคลเม่ือจะถอื เอา ยอมถือเอาท่ีตนเชือก. เมอ่ื จะใหก ย็ อมจบั

พระอภิธรรมปฎ ก ธาตุกถา-บคุ คลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนา ที่ 409ถอื เอาท่ีปลายเชอื ก ชอ่ื วา คหณกูฏ โกงดวยการจบั ถอื . บุคคลกระทาํ ตาชง่ัใหเปนโพรงแลว ใสจณุ เหลก็ ไวในภายใน เม่ือจะถอื เอาสิ่งของ ยอ มทาํ จณุเหลก็ นัน้ ไวใ นสวนเบอ้ื งหลงั เมื่อใหก็ทําจุณเหล็กนน้ั ไวใ นสว นเบ้อื งปลายชื่อวา ปฏจิ ฺฉนนฺ กฏู  โกงดวยสงิ่ ของทป่ี กปดไว. ถาดท่ที ําดว ยทองคํา ทา นเรยี กวา ก โส. การลวงดว ยถาดทองคําน้นัชื่อวา ก สกฏู  . ถามวาทาํ อยา งไร. แกว า ชนทงั้ หลายทาํ ถาดทองคําไวใ บหนึ่ง ทําเทยี มไว ๒-๓ ใบ แตนนั้ เขาก็ไปสชู นบทเขา ไปสตู ระกูลมัง่ คั่งตระกูลใดตระกลู หนงึ่ แลว พูดวา ทานท้งั หลาย จงซอื้ ถาดทองคํา เมื่อใคร ๆ ถามถงึราคา เขามคี วามประสงคใหร าคาเสมอกัน แตเ วลานนั้ เม่ือชนเหลานนั้ กลา ววาขาเจาพึงทราบความเปนภาชนะทองคาํ ของถาดเหลานีไ้ ดอยางไร ? เขาจงึเอาถาดทองคาํ ถูเขากบั แผนหิน กลา ววา ทา นทงั้ หลายทดลองเสียกอนแลวจึงถอื เอา แลว ใหถาดท้ังหมด คอื ขายท้ังหมดแลวกไ็ ป. มานกฏู  แปลวา โกงดวยการวดั ระยะมี ๓ อยาง คือ ๑. หทยเภทะ วดั แบงดวยการถายออก ๒.สขิ าเภทะ วดั แบง ดว ยยอด ๓. รัชชเุ ภทะ วดั แบงดวยเชือก . ในการวดั เหลานัน้ หทยเภโท ช่ือวา การวัดแบง ดว ยการถา ยออก ยอ มไดใ นเวลาทีเ่ ขาตวงเนยใส และนาํ้ มันเปน ตน ก็บุคคลเมอื่ จะถอื เอาเนยใสเปนตน เอาเสยี เอง ก็พดู วา ทา นจงเทคอ ย ๆ เพราะเครื่องวัดเปน รทู ะลขุ างลาง แลว ก็ใหไ หลออกไปภายในภาชนะทีร่ องมากมาย จงึ ถือเอา เมือ่ จะใหผูอ ืน่ กป็ ดชองรูนั้นเสียแลวรีบใหเต็มโดยเรว็ แลว ก็ให. สิขาเภโท ช่ือวาการวดั แบง ดว ยยอด ยอ มไดใ นกาลตวงงาและขาวสารเปนตน ก็เมอื่ จะถอื เอาสง่ิ ของนน้ั เสยี เอง ก็ใหพูนยอดของน้นั คอ ยๆ สูงข้นึ ไป แลว ถือเอา เม่อื จะใหก ็ทําใหเต็มโดยเรว็ ทําลายยอดเสยี แลวยอ มให. รชชฺ ุเภโท ช่ือวาการวดั แบงดว ยเชอื ก ยอมไดในเวลาท่วี ดั นาวัด

พระอภิธรรมปฎ ก ธาตกุ ถา-บคุ คลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนาที่ 410สวน กบ็ ุคคลทง้ั หลาย เมือ่ ไมไ ดสนิ บน ยอมกระทําการวดั นาแมไมกวา งใหกวาง. บัณฑิต พึงทราบวนิ จิ ฉัยในคาํ วา \"อุกโฺ กฏน \" เปนตน . การกระทาํสิ่งของ ๆ เจา ของทัง้ หลายมิใหเปน เจาของ แลวก็ถือเอาสนิ บน ชื่อวา อุกโกฏ-น แปลวา การคดโกง. การหลอกลวงผอู น่ื ดวยอุบายนั้น ๆ ชื่อวา วจฺ นแปลวา การหลอกลวง ในเร่ืองเหลา น้ัน มเี ร่อื งหน่ึงเปนอทุ าหรณด งั ตอ ไปน้ี ไดยนิ วา นายพรานเน้ือคนหนงึ่ จบั ไดเนอ้ื และลกู เนอื้ เดินทางมา นักเลงการพนนั คนหนง่ึ พดู กบั นายพรานน้ันวา แนะทา นผูเ จริญ เนอื้ กับลกู เน้อืราคาเทาไร ? เมื่อนายพรานตอบวา เนื้อราคา ๒ กหาปาณะ ลูกเนือ้ ๑กหาปณะ ดังนี้แลว นายนักเลงการพนันก็ใหเ งนิ หน่ึงกหาปณะแลวก็จบั เอาลูกเนอื้ ไป คร้นั ไปไดหนอยหนึง่ แลวกก็ ลับมา พดู วา ทานผเู จริญ เราไมต อ งการลูกเนื้อ ทานจงใหเน้ือแกขาพเจา. นายพรานพดู วา ถา อยา งน้ัน จงใหขา พเจา ๒ กหาปณะ. นายนกั เลงการพนันนนั้ พูดวา ผูเจรญิ ขา พเจาใหห นง่ึกหาปณะกอ นแลว มใิ ชหรือ เม่อื นายพรานตอบวา ถกู แลวทานใหขา พเจาหนึง่ กหาปณะ. นายนักเลงจงึ พูดวา ทานจงจบั เอาลกู เนอื้ แมนี้ ก็ครั้น เมอื่ความเปนอยางนั้น กหาปณะนั้นดวย ลกู เน้อื มรี าคาหนึ่งกหาปณะนดี้ ว ย ก็รวมเปน ๒ กหาปณะ. นายพรานนั้น พจิ ารณาดวู า นายนักการพนนั น้ยี อ มกลา วถงึ เหตุควร แลวจึงรับเอาลกู เนอ้ื และไดใ หเนื้อแกน ายนักเลงการพนันไป นี้ก็เรยี กวา วจฺ น *การหลอกลวง. การทาํ อปามงคฺ  คอื ซ่งึ วัตถมุ ิใชส ายสงั วาลยวาเปนสังวาลยก ด็ ี ทาํวตั ถุมใิ ชแกวมณใี หเ ปนเหมือนแกว มณกี ด็ ี ทาํ ทองเทียมใหเ หมือนทองคําแทก็ดี* ในทอี่ ่นื ทานเรยี กวา อุปายกถา อทินนาทาน

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บุคคลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนาท่ี 411แลวลวงดวยของปลอมน้นั ดวยสามารถ การประกอบ หรือดว ยกลมายา ช่อื วานกิ ตซิ ่งึ แปลวา การปลอม. ผปู ระกอบในการคดโกง ช่ือวา สาวโิ ยคะ๑ ก็คําวาสาวโิ ยคะ นเี้ ปน ช่ือของการโกง ซึ่งมีการรับสนิ บนเปน ตน นั่นแหละ เพราะฉะน้นั บณั ฑติ พงึ ทราบอธิการอยา งนี้ คือ อุกโฺ กฏนสาวิโยโค คอื ผปู ระกอบการโกงดว ยการรับสินบน วฺจนสาวโิ ยโค คือ ผปู ระกอบการโกงดวยการหลอกลวง นิกตสิ าวโิ ยโค คอื ผูประกอบการโกงดวยการปลอมแปลง-เกจอิ าจารย กลาววา การแสดงของอยางหนึ่งแลวเปลี่ยนของอีกอยา งหน่ึง ช่อื วาสาวิโยคะ กค็ าํ วา สาวโิ ยคะ น้ี ทา นสงเคราะหด ว ยการหลอกลวงน่นั แหละ. พึงทราบคาํ วินจิ ฉัยในคําวา เฉทน เปนตน . บทวา \"เฉทน \"แปลวา การตดั มกี ารตัดมือเปนตน. บทวา \"วโธ\" แปลวา การฆาใหตาย.บทวา \"พนฺโธ\" แปลวา เครอ่ื งจองจําดว ยเชือกเปนตน. บทวา \"วิปรา-โมโส\" แปลวา การตชี งิ . การตชี งิ มี ๒ อยาง คอื หิมวปิ ราโมโส การีชงิ อาศยั หิมะ คมุ พฺ วิปราโมโส การตชี งิ อาศัยพุมไม. จรงิ อยู ในสมัยใดท่ีหิมะตก พวกนักเลงท้ังหลาย ปกปดตนดวยหิมะทต่ี กแลว จึงตีชิงผูเดินทางภาวะเชน น้ีชอ่ื วา หมิ วิปราโมโส. สมัยใด พวกนกั เลงอาศัยกาํ บงั คนดว ยพุมไม แลว ตชี ิงผเู ดนิ ทาง ภาวะเชน น้ี ช่อื วา คุมพฺ วปิ ราโมโส. การปลนสดมภต ามบาน และหมบู า นเปนตน ทา นเรยี กวา อาโลโป ซ่งึ แปลวา การปลนสดมภ. การเขา ไปสูบา นผูอ่นื ดว ยกิริยาทาทางทีด่ รุ ายแลวเอาศาสตราจอท่ีอกมนุษย แลวกถ็ ือเอาส่งิ ของที่ตนปรารถนา ช่ือวา สหสาราโร แปลวาการกรรโชก. ผูมีศีลยอมเวนขาดจากการทาํ ความดุรา ย มีการตดั มอื เปน ตน นั้นดว ยประการฉะนี.้๑. ม. สาจโิ ยโคติ กุฏิลโยโค.

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตกุ ถา-บคุ คลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนาท่ี 412 ขอวา \"โส สนตฺ ฏุ โ  โหต\"ิ ความวา เธอเปนผปู ระกอบดวยความสันโดษในปจจยั ตามมีตามได ๑๒ อยา งในปจจยั ๔ อยา ง. บทวา \"กาย-ปริหารเิ กน\" แปลวา ดวยปจ จัยอยางใดอยา งหน่งึ ทส่ี กั วา เปน เครอ่ื งบรหิ ารกาย.บทวา \"กจุ ฺฉปิ ริหาริเกน\" แปลวา ดวยปจจัย สกั วาเปน เครอ่ื งบริหารทอ ง.สองบทวา \"สมาทาเยว ปกกฺ มติ\" ความวา เธอถอื เอาบรขิ าร ๘ ทง้ั หมดอนั เปนบรขิ ารสาํ หรับภกิ ษเุ ทานน้ั กระทําใหเนอื่ งดวยกายแลวกไ็ ป เธอเปนผูไ มขอ ง ไมผูกพนั วา \"วิหารของเรา บรเิ วณของเรา อุปฏ ฐากของเรา\"เธอใชส อยเสนาสนะท่ีเปน ไพรสณฑ มโี คนไม ทิวปา เง้ือมเขา ตามท่ีปรารถนา เปนผูยนื คนเดยี ว นัง่ คนเดยี ว ไมม เี พือ่ นสองในอริ ยิ าบถทง้ั ปวงเหมือนลกู ศรท่พี นจากสาย เหมอื นชางซบั มันหลกี ออกจากโขลง ฉะน้นั เธอยอ มถงึ ความเปนผูเ หมอื นนอแรด ทที่ า นพรรณนาคําเปน คาถาไวอยา งนีว้ า \"จาตทุ ทฺ ิโส อปปฺ ฏโิ ฆ ว โหติ สนตฺ ุสฺสมาโน อติ รตี เรน ปริสสฺ ยาน สหติ า อจฉฺ มฺภี เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.\" แปลความวา ภกิ ษเุ ปนผูไมเดือดรอ นเท่ยี วไปไนทิศทัง้ ๔ เธอเปนผูสนั โดษอยดู ว ยปจจยั ตามมีตามได เปนผูอดทนตออันตรายท้ังหลาย เปน ผูไมสะดงุ หวาดเสียว พึงเปน ผเู ดียวเทยี่ วไปเหมือนนอแรดฉะนนั้ . บัดน้ี พระบรมศาสดา เม่ือจะทรงยงั เนอ้ื ความนนั้ ใหส าํ เร็จประโยชนดว ยคําอปุ มาจงึ ตรัสคาํ วา \"เสยยฺ ถาป\" เปน ตน . บณั ฑติ พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ใน

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บุคคลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนา ท่ี 413คาํ วา \"เสยฺยถาป\" เปนตน นน้ั . สองบทวา \"ปกฺขี สกโุ ณ\" ไดแก นกประกอบดว ยปก. บทวา \"เฑติ\" แปลวา ยอมบินไป. ก็ในอธิการนีม้ เี นื้อโดยสังเขป ดังตอ ไปนี้ ธรรมดาวา นกท้ังหลายทราบวา ตนไมใ นประเทศโนน มผี ลาสกุ ก็พากนั บินมาจากกทศิ ตา ง ๆ แลว พากนั จิกเจาะทําลาย และจกิ กนิ ผลไมท้งั หลายแหงตนไมนน้ั ดวยเล็บ ปก และจะงอยปากเปน ตน เคีย้ วกนิ . กค็ วามหว งใยของนกเหลา น้ันวา ผลน้ี จักมปี ระโยชนแ กพวกเราในวนั นี้ ผลนี้ จักมีประ-โยชนแกพ วกเราในวนั นี้ ผลนี้ จักมีประโยชนแ กพวกเราในวนั พรุง นี้ ดังนี้ยอ มไมมี. กค็ รัน้ เม่อื ผลไมหมดแลว พวกนกกไ็ มตั้งอารักขาตนไมไวเลย คือหมายความวา พวกนกเหลานัน้ จะไมเอาปก หรือเล็บ หรือจะงอยปากแตะตองตน ไมเ พ่อื ตองการรกั ษาไว ทีนนั้ แล ฝงู นกผูไมห ว งใยในตนไมน ้ันก็จะพากันไป นกตัวใดปรารถนาจะไปสูทศิ ภาคใด นกตวั น้ัน ก็มแี ตเพยี งปกเทา นัน้เปน ภาระแลวกโ็ ผบินไป ฉนั ใด ภิกษนุ ี้ ก็ฉันน้นั เหมือนกัน คือ เปน ผูไ มข อ งไมห ว งใย ถือเอาเพียงบริขาร ๘ เทา นัน้ แลว ก็หลกี ไปดวยประการฉะน้ี. บทวา \"อริเยน\" แปลวา ไมม โี ทษ. บทวา \"อชฺฌตตฺ  \" แปลวาในอตั ภาพของตน. บทวา \"อนวชฺชสุข \" แปลวา ความสุขที่ปราศจากโทษ.ขอ วา \"โส จกฺขุนา รปู  ทิสวฺ า\" อธบิ ายวา ภกิ ษุนัน้ เปน ผปู ระกอบดว ย ศลี -ขนั ธอันไมม โี ทษน้ี เพราะเหน็ รปู ดวยจกั ขวุ ญิ ญาณ. แมในบททีเ่ หลอื คําใดที่ขา พเจา พงึ กลาว คํานั้นทงั้ หมดขา พเจา กลา วแลวในหนหลงั นั่นแหละ. บทวา\"อพฺยาเสกสุข \" ไดแ ก ความสขุ ที่กเิ ลสท้งั หลายไมรว่ั รด. คํานีท้ านกลาววา เปน ความสขุ อันไมเ กลอื่ นกลน ดังน้บี า ง. จรงิ อยู ความสุขในอนิ ทรยี สงั วรชื่อวาเปนความสขุ อนั ไมเกลื่อนกลนแลว เพราะความเปน ไปดว ยเหตสุ กั วา

พระอภิธรรมปฎก ธาตกุ ถา-บคุ คลบญั ญัติ เลม ๓ - หนา ที่ 414อารมณอ ันตนเห็นแลวเปนตน ในบรรดาอารมณท งั้ หลายท่ตี นเหน็ แลว . ขอ วา\"โส อภิกกฺ นฺเต ปฏกิ กฺ นฺเต\" อธบิ ายวา ภกิ ษุน้ันประกอบดว ยความสาํ รวมอนิ ทรยี ท ัง้ หลาย ซึง่ มใี จเปน ท่ีหก ยอ มเปน ผูกระทําสัมปชญั ญะ ดวยสามารถแหง สตสิ มั ปชญั ญะในทที่ ้งั หลาย ๗ มกี ารกา วไปขา งหนาและถอยหลังกลับเปน ตน เหลาน้ี. ในบรรดาบทเหลาน้นั คาํ ใดท่ขี าพเจา พงึ กลา ว คาํ น้นัขาพเจา กลา วไวแลวในฌานวิภังคแ ล. ถามวา พระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงธรรมอะไรไว ดว ยคาํ เปนตนวา\"โส อิมนิ า จ\" ดังน้ี ตอบวา พระองคทรงแสดงปจ จยั สมบตั ิ คือ การถงึ พรอ มดวยปจ จัยของภกิ ษุผอู ยใู นปา ดว ยวา ปจจัย ๔ คือ ศีลขนั ธ ๑ อินทรยี ส งั วร ๑ สต-ิสัมปชัญญะ ๑ ความสันโดษ ๑ เหลา น้ีไมม แี กภกิ ษใุ ด การอยใู นปา กไ็ มสาํ เร็จประโยชนแ กภกิ ษนุ นั้ หมายความวา ภกิ ษนุ ั้นจะตอ งถึงความเปน ผอู นัใคร ๆ พึงตาํ หนิตเิ ตยี น กลา วเปรียบดวยสัตวเดรจั ฉาน และนายพรานปา.เทวดาผูสงิ อยูในปา ยอมประกาศคาํ ใหไ ดยินเสียงอันนา กลวั วา จะมปี ระโยชนอะไร ดว ยการอยปู าของผูล ามกเห็นปานนี้ พวกมนษุ ยท ั้งหลายจะพากนั เอามอืลบู คลาํ ศีรษะกระทําอาการใหเธอหนไี ป ความไมม ยี ศของเธอยอ มฟงุ ไปวาภิกษชุ ่อื โนนเขาไปอยูป า แลวสรา งกรรมอนั ลามกอยา งนี้ ๆ กป็ จจัย ๔ เหลาน้ีมีอยูแกภิกษุใด การอยใู นปา กย็ อ มสาํ เร็จประโยชนแกภ กิ ษุนน้ั เพราะวา เม่อืเธอพิจารณาศลี ของตน เมอื่ ไมเห็นจุดดาํ ดางแตสกั อยา งหนงึ่ เธอกจ็ ะยังปติปราโมชใหเ กิดข้นึ แลว ก็พจิ ารณาปตนิ ้ันอยู โดยความเส่ือมไปส้นิ ไป แลวยอ มหย่ังลงสภู ูมแิ หง พระอรยิ ะ. เหลา เทพท้งั หลายทส่ี ถติ อยใู นปามีใจเปนของตน

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บคุ คลบัญญัติ เลม ๓ - หนาท่ี 415มจี ิตใจเบกิ บาน ยอมกลาวสรรเสริญคุณ ดว ยเหตนุ ี้ ยศของภิกษนุ น้ั ยอมแผกวา งออกไป เหมือนหยาดนาํ้ มนั ทบ่ี คุ คลใสเ ขา ไปในน้าํ ยอมแผข ยายกวางออกไป ฉนั นน้ั . บทวา \"วิวติ ฺต \" เปนตน มีความเหมอื นคาํ ท่ีขา พเจากลาวไวในหนหลังนน่ั แหละ. คําใดทคี่ วรกลาวในฐานมปี ระมาณเทา นี้วา \"โส เอว สมา-หิเต จิตฺเต ฯเปฯ ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาต\"ิ ดังน้ี คํานนั้ ทั้งหมดขา พเจากลา วแลว ในวิสทุ ธมิ รรคน่นั แล. บัณฑิตพงึ ทราบ จตุตถฌานจิต อนัเปน บาทแหง วปิ ส สนา ในคาํ วา \"โส เอว สมาหิเต จิตเฺ ต\" แหง ตติยวิชชาคือ วิชชาท่ี ๓ ไดแ ก อาสวักขยญาณ. ขอ วา \"อาสวาน ขยาณาย\" ไดแกเพ่ือประโยชนแ ก พระอรหัตมรรคญาณ. กพ็ ระอรหัตมรรค อันยังอาสวะกิเลสใหพนิ าศ ทานเรียกวา \"อาสวาน ขโย\" แปลวา ธรรมเปนทีส่ ิ้นไปแหงอาสวะทง้ั หลาย. จรงิ อยู ญาณในอรหัตมรรคญาณนั้น ทานเรียกวา\"อาสวาน ขโย\" เพราะเปนธรรมอนั นับเนือ่ งในอรหัตมรรคนั้น. ขอวา\"จติ ฺต อภินินฺนาเมต\"ิ ไดแก วปิ สสนาจติ ของเขา ยอ มมงุ ไป. ในคาํ ทัง้ หลาย มีคาํ วา \"โส อทิ  ทุกฺข \" เปนตน บณั ฑติ พงึ ทราบเน้ือความอยา งนวี้ า ภิกษยุ อ มรทู ั่ว คือ ยอมแทงตลอด ทกุ ขสัจจะแมทัง้ ปวงตามความเปน จริง ดวยการแทงตลอดลกั ษณะพรอ มทั้งรสวา \"เอตฺตก ทุกฺขน อิโต ภิยฺโย\" แปลวา ทกุ ขม ปี ระมาณเทาน้ี ไมยิ่งไปกวา น้ี. กภ็ กิ ษยุ อมรูท่วั คือ ยอมแทงตลอดตณั หาอนั เปนแดนเกดิ แหง ทกุ ขนั้นตามความเปน จริงดว ยการแทงตลอดลักษณะพรอ มทงั้ รสวา \"อย ทุกขฺ สมทุ โย\" สภาวธรรมนเี้ ปน แดนเกดิ แหง ทกุ ข. ภิกษยุ อมรูทัว่ คอื ยอมแทงตลอด ซงึ่ พระนิพพานอนั เปนทถี่ งึ ความดับคอื ไมเ ปนไปของธรรมแมท้งั สองเหลาน้นั ตามความเปนจรงิ ดวยการแทงตลอดลักษณะพรอ มทง้ั รสวา \"อย ทกุ ขฺ นโิ รโธ\" สภาว-

พระอภิธรรมปฎก ธาตกุ ถา-บคุ คลบญั ญัติ เลม ๓ - หนาท่ี 416ธรรมนเี้ ปนท่ดี ับทุกข. ก็ภิกษยุ อมรทู ัว่ คอื ยอ มแทงตลอดอรยิ มรรค อนัเปน สมั ปาปกะเหตแุ หง พระนิพพานน้ันตามความเปนจรงิ ดวยการแทงตลอดลักษณะพรอ มทั้งรสวา \"อย ทุกฺขนโิ รธคามินปี ฏิปทา\" สภาวธรรมน้ี เปนขอปฏิบตั ิใหถ ึงซ่ึงความดับทุกข. พระผูมพี ระภาคเจา ครัน้ ทรงแสดงสจั จะท้งัหลายโดยสรุปอยางนแ้ี ลว บัดนี้ เมอื่ จะทรงแสดงสจั จะโดยปริยาย ดว ยอาํ นาจกเิ ลส พระองคจงึ ตรัสคาํ เปน ตนวา \"อเิ ม อาสวา.\" ขอ วา \"ตสสฺ เอว ชานโต เอว ปสฺสโต\" ความวา พระผูมีพระ-ภาคเจา ยอ มตรัสประโยชนอันถงึ ทีส่ ดุ พรอมดวยวิปสสนาแกภิกษุผนู ้นั ผรู อู ยูอยา งน้ผี ูเ หน็ อยอู ยา งน้.ี บทวา \"กามาสวา\" ไดแก (ยอ มพน) จากกามาสวะ.พระผมู พี ระภาคเจา ยอ มทรงแสดงขณะแหง มรรค ดว ยบทน้วี า \"วิมุจจฺ ต\"ิซ่ึงแปลวา กาํ ลงั หลุดพน . ทรงแสดงขณะแหงผล ดว ยบทนี้วา \"วมิ ตุ ฺตสฺม\"ึแปลวาหลดุ พนแลว. กจ็ ิตในขณะแหงมรรค ชื่อวา กําลังหลุดพน จติ ในขณะแหง ผลชื่อวา หลดุ พนแลว . ยอมทรงแสดงญาณในปจ จเวกขณะ ดวยคํานว้ี า\"วิมุตตฺ สฺมึ วมิ ตุ ฺตมติ ิ าณ \" เม่ือจติ หลุดพน แลว กร็ วู า จิตหลุดพนแลวทรงแสดงภูมแิ หงปจ จเวกขณญาณน้นั ดว ยคาํ วา \"ชาติ ขีณา\" เปนตน .ก็พระขณี าสพน้ันเมอื่ พจิ ารณาดวยญาณนน้ั ยอ มรูชดั วา ชาตขิ องทานสนิ้ แลว .บทวา \"วุสิต \" ไดแ ก อยแู ลว คอื อยจู บแลว คอื กระทําแลว ประพฤตเิ สร็จกจิ แลว อธิบายวา สําเรจ็ กิจแลว. บทวา \"พรฺ หฺมจริย \" ไดแก มรรค-พรหมจรรย. ก็ พระเสกขบคุ คล ๗ จําพวก กบั กัลยาณปุถชุ น ช่อื วา ยอ มอยู อยูประพฤตพิ รหมจรรย พระขณี าสพ ช่ือวา มกี ารอยูป ระพฤตพิ รหมจรรยจบแลว เพราะฉะนน้ั เมอื่ พระขณี าสพ ทานพจิ ารณาการอยูป ระพฤตพิ รหมจรรยของทา น ทา นยอ มรชู ดั วาพรหมจรรยอ ันเราอยจู บแลว . สองบทวา \"กต

พระอภิธรรมปฎก ธาตกุ ถา-บุคคลบญั ญัติ เลม ๓ - หนา ที่ 417กรณยี  \" อธิบายวา กิจแม ๑๖ อยา งในสัจจะทัง้ ๔ ท่พี ระขีณาสพทาํ ใหส ําเร็จแลว ดว ยสามารถปริญญากจิ ปหานกิจ สัจฉิกิรยิ ากิจ และภาวนากิจ ดวยมรรคท้ัง ๔. จรงิ อยู กัลยาณปถุ ุชนเปนตน กําลงั ทาํ กิจนน้ั อยู แตพระขีณาสพทาํ กจิ นนั้ สําเรจ็ แลว เพราะฉะนนั้ เมอ่ื พระขณี าสพพิจารณากรณียกิจของตนทา นยอ มทราบชดั วา \"กต กรณยี  \" แปลวา กรณยี กจิ เรากระทาํ เสรจ็ แลว .ขอ วา \"นาปร อติ ฺถตตฺ าย\" ความวา พระขีณาสพ ยอมทราบชัดวา \"บดั นี้กจิ ดวยการเจรญิ มรรคอ่นื อีก ยอ มไมมี จะดวยการเจรญิ กจิ ในที่นี้ หรอื ดว ยการเจรญิ กจิ ๑๖ อยา ง หรอื ดวยการส้ินกิเลสก็ตาม. [๑๓๖] ๑. สราคบุคคล บุคคลผูมรี าคะ เปนไฉน ? บุคคลใด ละราคะยังไมได บคุ คลนี้ เรียกวา ผมู รี าคะ ๒. สโทสบคุ คล บคุ คลผมู โี ทสะ เปน ไฉน ? บุคคลใด ละโทสะยังไมได บุคคลน้ี เรยี กวา ผมู ีโทสะ ๓. สโมหบคุ คล บุคคลผูมโี มหะ เปน ไฉน ? บคุ คลใด ละโมหะยังไมไ ด บุคคลน้ี เรยี กวา ผูม ีโมหะ ๔. สมานบุคคล บุคคลผูมีมานะ เปนไฉน ? บุคคลใด ละมานะยงั ไดได บุคคลน้ี เรียกวา ผมู ีนานะ.

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บคุ คลบญั ญัติ เลม ๓ - หนา ที่ 418 อรรถกถาบุคคลผูมรี าคะเปน ตน วนิ จิ ฉยั ในคําทัง้ หลาย มีคาํ วา \"ผมู รี าคะ\" เปน ตน . บทวา\"อปฺปหโี น\" ความวา ผูป ระหานราคะยังไมได ดวยวกิ ขมั ภนปหาน หรือดว ยตทังคปหาน. [๑๓๗] ๑. บคุ คล ผูไ ดเ จโตสมถะในภายใน แตไ มไดปญ ญาทเี่ ห็นแจงในธรรมกลาวคอื อธปิ ญญา เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ไดส มาบัติทสี่ หรคตดว ยรปู หรอื สหรคตดวยอรปู แตไ มไ ดโลกุตตรมรรค หรือโลกุตตรผล บุคคลอยางนี้ชอ่ื วา เปนผูไดเจโตสมถะในภายใน แตไ มไดป ญ ญาทเ่ี ห็นแจง ในธรรม กลาวคอือธิปญญา. ๒. บุคคล ผูไดปญญาเห็นแจงในธรรม กลาวคืออธิปญญา แตไ มไ ดเจโตสมถะในภายใน เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกน้ี เปน ผไู ดโ ลกุตตรมรรค หรอื โลกตุ ตรผล แตไมไดสมาบัตทิ ี่สหรคตดวยรูป หรือสหรคตดว ยอรปู บุคคลอยางนี้ช่อื วา เปนผูไ ดปญญาทเ่ี หน็ แจง ในธรรม กลาวคือ อธปิ ญญา แตไ มไดเ จโต-สมถะในภายใน. ๓. บคุ คล ผไู ดเ จโตสมถะในภายใน ดว ย ไดปญญาทีเ่ ห็นแจงในธรรม กลาวคอื อธปิ ญ ญาดวย เปน ไฉน ?

พระอภิธรรมปฎก ธาตุกถา-บุคคลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนา ท่ี 419 บุคคลบางคนในโลกนี้ เปน ผไู ดส มาบัตทิ ่ีสหรคตดว ยรูป หรือ สหรคตดวยอรูป เปน ผไู ดโ ลกุตตรมรรคหรอื โลกุตตรผล บคุ คลอยา งน้ีชื่อวา เปนผูไดเจโตสมถะในภายในดวย ไดป ญ ญาทเี่ หน็ แจง ในธรรม กลา วคอือธิปญญาดว ย. ๔. บุคคล ผูไ มไ ดเ จโตสมละในภายใน ดวย ไมไดป ญญาที่เหน็ แจงในธรรม กลาวคืออธปิ ญญาดว ย เปนไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกนี้ ไมเปน ผูไดสมาบตั ทิ ี่สหรคตดว ยรปู หรือสหรคตดวยอรปู ไมเ ปนผูไ ดโลกตุ ตรมรรคหรือโลกุตตรผล บุคคลอยางน้ีช่ือวา เปน ผไู มไดเ จโตสมถะในภายในดว ย ไมไดป ญญาท่เี ห็นแจงในธรรมกลา วคืออธปิ ญญาดว ย. อรรถกถาบคุ คลผูไ ดเ จโตสมถะในภายใน ฯลฯ เปนตน วินิจฉัย ในคาํ ทง้ั หลายมคี ําวา \"ลาภี โหต\"ิ เปน ตน. บทวา \"ลาภ\"ีแปลวา ผูมปี กติได คือ ไดเ ฉพาะแลวดาํ รงอย.ู สองบทวา \"อชฺฌตตฺ เจโตสมถสฺส\" ไดแก เจโตสมถะทีบ่ ังเกิดขนึ้ ในจติ ของตน กลาวคือ เปนไปในภายในของตนเอง. บทวา \"อธปิ ฺ าธมฺมวปิ สฺสนาย\" ความวาดว ยวิปส สนา คือ อธิปญญา ท่เี ปน ไปดว ยสามารถแหง อนิจจลักษณะ เปนตนในธรรมขันธท ้งั หลาย. บทวา \"รปู สหคตาน \" ไดแก รปู าวจรสมาบตั ิทีม่ รี ปู นมิ ติ เปนอารมณ. บทวา \"อรปู สหคตาน \" ไดแก อรปู สมาบตั ิซึ่งไมมรี ปู นมิ ติ เปน อารมณ. ก็ในอธกิ ารน้ี พงึ ทราบวา บคุ คลพวกที่ ๑ ไดแก

พระอภิธรรมปฎก ธาตุกถา-บคุ คลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนา ท่ี 420ปุถชุ นผูมีสมาบตั ิ ๘, บคุ คลพวกท่ี ๒ ไดแก พระอรยิ สาวกผูสุกขวปิ สสก บุคคลพวกที่ ๓ ไดแ ก พระอรยิ สาวกผไู ดสมาบตั ิ ๘, บคุ คลพวกที่ ๔ ไดแ ก โลกยี -ปุถุชน. [๑๓๘] ๑. อนุโสตคามีบคุ คล บคุ คลผูไปตามกระแส เปนไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ยอ มเสพกาม ยอ มกระทาํ กรรมอนั ลามก นี้เรียกวา บุคคลผไู ปตามกระแส. ๒. ปฏิโสตคามีบคุ คล บคุ คลผูไปทวนกระแสเปน ไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกนี้ ไมเสพกามและไมกระทํากรรมอันลามก บคุ คลน้นั ถงึ จะมีทกุ ข มโี ทมนสั มหี นาชุม ดว ยน้ําตา รองไหอ ยู กย็ งั ประพฤติพรหม-จรรยบริบรู ณบริสุทธ์อิ ยู บุคคลน้เี รยี กวา ผไู ปทวนกระแส. ๓. ฐิตัตตบุคคล บุคคลผตู ้ังตวั ไดแ ลว เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ เปนผูเ กดิ ผุดขึน้ เพราะความสนิ้ ไปแหงโอรมั ภาคิยสัญโญชน ๕ ปรนิ พิ พานในโลกน้ัน มีการไมก ลับมาจากโลกน้ันเปน ธรรมดา บุคคลนี้เรยี กวา ผตู ั้งตวั ไดแ ลว . ๔. บุคคล ผขู ามถงึ ฝงยนื อยูบนบก เปนพราหมณเปนไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกนี้ กระทาํ ใหแจง แลว เขา ถึงแลว ซึง่ เจโตวมิ ุตติปญญาวมิ ุตติอนั หาอาสวะมไิ ด เพราะความสิ้นไปแหงอาสวะทงั้ หลาย เพราะรูย่งิ ดว ยตนเอง สําเรจ็ อริ ิยาบถอยใู นทฏิ ฐธรรม บุคคลนเ้ี รียกวา ผขู ามถึงฝงยนื อยูบนบก เปน พราหมณ.

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บคุ คลบัญญัติ เลม ๓ - หนาท่ี 421 อรรถกถาบคุ คลผไู ปตามกระแสเปนตน วินิจฉัย ในคําวา \"อนโุ สตคาม\"ี คอื ผูไปตามกระแส เปน ตน .บทวา \"อนโุ สตคาม\"ี พึงทราบไดแ ก ปุถุชนผูไปตามกระแส คอื วฏั ฏะผจู มลงในกระแสคอื วฏั ฏะ. บทวา \"ปฏโิ สตคาม\"ี คือ ผูไปทวนกระแส.คาํ วา \"ปฏโิ สตคามี\" น้เี ปน ชือ่ ของทา นผไู มไ ปตามกระแส แตไ ปทวนกระแส.ขอวา \"ปาปฺจ กมฺม น กโรติ\" ไดแก ผูไมกาวลว งบัญญัตกิ ระทําบาป.ขอ วา \"สหาป ทุกฺเขน สหาป โทมนสฺเสน\" ความวา ครัน้ เมอ่ื กิเลสอันเปนปรยิ ุฏฐานยงั มอี ยู ยอ มกระทาํ กรรมอันลามก แมก ับดว ยทกุ ขโทมนัสท่เี กิดขน้ึ . บทวา \"ปรปิ ุณฺณ \" ไดแ ก บรรดาสกิ ขาทั้ง ๓ ไมบ กพรองแมสกั อยาง. บทวา \"ปริสุทฺธ \" ไดแก ไมมอี ุปกเิ ลส. บทวา \"พรฺ หฺมจริย \"แปลวา ประพฤตธิ รรมอันประเสริฐทส่ี ุด. พระโสดาบัน และพระสกทาคามีพระผูมพี ระภาคเจาตรัสไวด ว ยวาระน.้ี ถามวา ก็บุคคลเหลา น้ี รองไหอ ยูประพฤติพรหมจรรยห รอื ? ตอบวา ถูกแลว ทานเหลานี้ ชอื่ วารอ งไหประพฤตพิ รหมจรรย โดยการรอ งไห ดวยอาํ นาจของกเิ ลส. แมภ กิ ษุผปู ถุ ชุ นสมบูรณดว ยศลี พระผมู ีพระภาคเจากท็ รงสงเคราะหเ ขาในบทวา \"พฺรหมฺ จริย \" นเ้ี หมอื นกัน. บทวา\"ติ ตโฺ ต\" ไดแ ก ผูมกี ารดาํ รงตวั อยูไดเปน สภาพ ก็พระอนาคามี ชือ่ วา ดํารงตวั อยไู ดเ ปน สภาพ เพราะทา นเปนผมู จี ิตไมหวนั่ ไหว ดว ยกามราคะ และพยาบาท และเปนผูไมเวียนกลบั มาจากโลกนัน้ เปน ธรรมดา. บทวา \"ติณฺโณ\"ไดแก ผูขามกระแสแหง ตณั หา. บทวา \"ปารคโต\" ไดแ ก ผถู ึงฝงคือ พระ-นพิ พาน. สองบทวา \"ผเล ติฏต\"ิ ไดแ ก ยืนอยบู นบก คือ อรหตั ผลและสมาปต ติผล. บทวา \"เจโตวมิ ตุ ฺตึ\" ไดแก ผลสมาธ.ิ บทวา \"ปฺาวิมตุ ฺต\"ึ

พระอภธิ รรมปฎก ธาตกุ ถา-บุคคลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนาที่ 422ไดแ ก ผลญาณ. สองบทวา \"อย วุจจฺ ต\"ิ ความวา พระขีณาสพ ผูขามกระแสตณั หาไปแลว ถึงฝง คือ พระนิพพานแลว ยืนอยบู นบก คือ อรหตั ผลและสมาปตตผิ ล ทานเรยี กวาเปน \"พราหมณ\". กพ็ ระขณี าสพนี้ชอ่ื วา เปนพราหมณ เพราะทานเปนผมู ีบาปอันลอยเสยี แลว . [๑๓๙] ๑. บุคคล ผูมีสุตะนอ ย และไมไ ดประโยชนเพราะสตุ ะ เปนไฉน ? สุตะ คือ สตุ ตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิตวิ ตุ ตกะ ชาตกะอัพภตู ธรรม เวทัลละ ของบคุ คลบางคนในโลกนีม้ นี อ ย บคุ คลนัน้ ไมรูอ รรถไมร ธู รรมแหงสุตะอนั นอ ยน้นั ไมเปน ผปู ฏบิ ัตธิ รรมสมควรแกธรรม บคุ คลอยา งนช้ี อื่ วา ผมู สี ุตะนอ ย และไมไดป ระโยชนเ พราะสุตะน้นั . ๒. บุคคล ผมู ีสุตะนอ ย แตไ ดป ระโยชนเพราะสุตะ เปน ไฉน ? สุตะ คอื สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อติ ิวุตตกะชาตกะ อัพภตู ธรรม เวทัลละ ของบุคคลใดในโลกน้ีมีนอ ย บุคคลนน้ั รอู รรถรูธรรมของสุตะนอ ยน้นั เปนผปู ฏบิ ัตธิ รรมสมควรแกธ รรม บุคคลอยางนีช้ ่อื วาผูมสี ุตะนอย แตไ ดป ระโยชนเพราะสุตะ. ๓. บคุ คล ผมู สี ตุ ะมาก แตไ มไดป ระโยชนเพราะสตุ ะ เปนไฉน ?

พระอภิธรรมปฎ ก ธาตุกถา-บุคคลบญั ญัติ เลม ๓ - หนาท่ี 423 สตุ ะ คอื สตุ ตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิตวิ ตุ ตกะ ชาตกะอัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนในโลกน้ีมีมาก บุคคลนั้นไมรอู รรถไมร ูธ รรมของสตุ ะอนั มากน้ัน ไมปฏิบตั ธิ รรมสมควรแกธ รรม บคุ คลอยางนี้ชื่อวา ผมู ีสุตะมาก แตไ มไดประโยชนเ พราะสตุ ะ. ๔. บคุ คล ผูมีสตุ ะมาก และไดป ระโยชนเ พราะสุตะ เบน็ ไฉน ? สุตะ คอื สตุ ตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิตวิ ตุ ตกะ ชาตกะอัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนโลกนมี้ าก บคุ คลนั้นรอู รรถ รธู รรมของสตุ ะอนั มากน้นั เปนผูปฏบิ ตั ธิ รรมสมควรแกธรรม บุคคลอยางนชี้ ือ่ วาผูมีสุตะมาก และไดป ระโยชนเพราะสตุ ะ. อรรถกถาบคุ คลผูมสี ตุ ะนอ ย เปน ตน วนิ ิจฉัยในคาํ วา \"ผมู ีสุตะนอย\" เปนตน. ขอวา \"อปปฺ ก สุต โหติ\"ความวา สตุ ะ คอื การฟง การเรียน ในนวงั คสัตถุศาสน มบี างสว น คือมีนิดหนอยเทานั้น. ขอวา \"น อตฺถมฺ าย น ธมมฺ ฺาย ธมมฺ านุ-ธมฺมปฏิปนโฺ น โหติ\" ความวา เปน ผรู บู าลี อรรถกถา แลว ปฏิบตั ิธรรมอนั เปนขอปฏิบตั เิ บอื้ งตน อันสมควรแกโ ลกุตตรธรรม ยอมไมม แี กเขา. ในบทท้ังปวง บัณฑติ พึงทราบเนอ้ื ความโดยนยั น้.ี

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บุคคลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนา ท่ี 424 [๑๔๐] ๑. สมณมจลบุคคล บคุ คลผูเ ปนสมณะไมหว่ันไหวเปน ไฉน ? บคุ คลบางคนโลกน้ี ชอื่ วา เปน พระโสดาบนั เพราะความส้ินไปแหงสญั โญชน ๓ มีอนั ไมตกไปในอบายภมู ิ เปนผูเทีย่ ง เปนผูจ ักตรัสรใู นเบ้อื งหนา บคุ คลนเ้ี รียกวา ผูเปนสมณะไมห วัน่ ไหว. ๒. สมณปทมุ บคุ คล บุคคลผเู ปน สมณะบัวหลวงเปนไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ชอ่ื วา เปนพระสกทาคามี เพราะความสิ้นไปแหงสญั โญชน ๓ เพราะทาํ ราคะ โทสะ โมหะใหเบาบางลง จะมาสูโลกนอี้ ีกเพียงคร้งั เดียวเทา น้ัน ก็จกั ทาํ ทส่ี ุดแหงทกุ ขได บุคคลน้ีเรียกวา ผูเปน สมณะบัวหลวง. ๓. สมณปณุ ฑรกี บคุ คล บุคคลผูเปนสมณะบวั ขาวเปน ไฉน ? บุคคลบางคนโลกนี้ เปนผเู กิดผุดข้นึ เพราะความสิน้ ไปแหง โอรัม-ภาคยิ สัญโญชน ๕ และปรนิ ิพพานในเทวโลกนนั้ มีอันไมก ลบั มาจากโลกนั้นเปนธรรมดา บคุ คลนี้เรียกวา ผเู ปนสมณะบวั ขาว. ๔. สมณสุขุมาลบุคคล บุคคลผูเปน สมณะสุขมุ าลในหมสู มณะ เปนไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกน้ี รูยิง่ ดวยตนเองแลว เขาถงึ แลวซง่ึ เจโตวิมตุ ติปญญาวมิ ุตติ อันหาอาสวะมิได เพราะความส้นิ ไปแหงอาสวะทัง้ หลายแลวสําเรจ็ อิริยาบถอยู ในทิฏฐธรรมเทียว บคุ คลนเ้ี รียกวา ผเู ปนสมณะสุขุมาลในหมูสมณะดงั นี้แล. จบบคุ คล ๔ จําพวก

พระอภธิ รรมปฎก ธาตกุ ถา-บุคคลบัญญัติ เลม ๓ - หนาท่ี 425 อรรถกถาบุคคลผูเ ปน สมณะไมห วั่นไหว เปนตน วนิ ิจฉยั ในคาํ วา \"สมณมจโล\" เปนตน . บทวา \"สมณมจโล\"แกเปน สมณอจโล ซ่แึ ปลวา สมณะผูไมหวั่นไหว ม อกั ษรกระทาํ การเชอ่ื มบทไว อธิบายวาบุคคลผูเปน สมณะ เปน ผูไ มห วั่นไหว คอื ผเู ปน สมณะยอมเปนผมู ีจติ มนั่ คง. สองบทวา \"อย วจุ ฺจต\"ิ ความวา พระโสดาบันนี้ทานเรียกวา \"สมณมจโล\" เพราะทา นเปน ผูตั้งมั่นดวยศรทั ธา (อจลศรทั ธา)อนั เปนเหตุมั่นคงเกิดแลวในพระศาสนา. สว นพระสกทาคามี พระองคต รัสวา\"สมณปทโุ ม\" คอื สมณะบัวหลวง เพราะกิเลสอนั เปนเคร่อื งยินดียงั มอี ยู.ทา นกลาวคาํ อธบิ ายไววา \"ก็ชอื่ วา อรรถแหง ปทมุ ศัพท ในคาํ วาสมณปทุโม\" นี้ วามีความยนิ ดเี ปน อรรถ (รตฺตตโฺ ถ). พระอนาคามีพระผูม พี ระภาคเจาตรัสวา \"สมณปณุ ฑฺ รโี ก\" คือ สมณะบวั ขาว เพราะทานไมม ีกิเลสอันเปน เคร่อื งยนิ ดี กลาวคือ กามราคะ ทานอธิบายวา \"ก็ชอ่ื วา อรรถแหง ปุณฑรีกะ ศพั ท ในคําวา \"สมณปุณฑฺ รีโก\" น้ี วา มีความสะอาดเปน อรรถ. ก็พระขณี าสพ พระองคต รัสวา ช่ือวา สมณสขุ ุมาลในสมณะทง้ั หลาย เพราะความเปนผูไมม กี ิเลสทั้งหลาย อันกระทําความกระดาง. กพ็ ระขณี าสพนี้ ช่ือวาเปนสมณะ ผูส ุขุมาลโดยแท เพราะอรรถวาทานเปนผมู ที ุกขน อ ย ดังนี้แล. อธิบายบคุ คล ๔ จาํ พวก จบเพยี งนี้

พระอภิธรรมปฎ ก ธาตกุ ถา-บคุ คลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนาท่ี 426 ปญจกนิทเทส วาดวยบุคคล ๕ จาํ พวก [๑๔๑] ๑. บรรดาบคุ คลท่ีไดแ สดงไวแ ลวน้ัน ๆ บุคคลนี้ใด ตอ งอาบัตดิ ว ย เดอื ดรอนดวย ท้ังไมร ชู ดั ตามความเปน จรงิ ซง่ึ เจโตวิมุตติ ซึ่งปญญา-วิมุตติ อันเปนทดี่ ับโดยไมเ หลือแหง อกุศลธรรมอันลามก ท่ีเกดิ ขึ้นแลวแกบุคคลเหลา นน้ั บุคคลนน้ั เปน ผอู นั บคุ คลท่ี ๕ คอื พระขณี าสพพงึ วากลาวอยา งนี้วา อาสวะทัง้ หลายเกดิ แตก ารตองอาบตั ิ ยอ มมีแกท า นแล อาสวะทั้งหลายเกดิ แตค วามเดอื ดรอน ยอมเจริญย่งิ แกท าน ทางดที ่ีสดุ ของทานผมู ีอายุจงละอาสวะทง้ั หลายที่เกิดแตการตองอาบัติ จงบรรเทาอาสวะทง้ั หลาย อันเกดิแตค วามเดอื ดรอ น จงยังจิตและปญญาใหเจริญ ดวยอาการอยางนี้ ทา นจกัเปน ผูเ สมอดว ยบุคคลที่ ๕ น.้ี ๒. บุคคลนใ้ี ด ตองอาบัติ แตไ มเดือดรอน ทัง้ ไมร ูชัดตามความเปนจริงซ่ึงเจโตวมิ ตุ ติ ซ่งึ ปญญาวมิ ุตติ อันเปนทด่ี ับไปโดยไมเหลอื แหงอกุศลธรรมอันลามก ทเี่ กิดขน้ึ แลว แกบ คุ คลเหลานัน้ บุคคลเหลา นั้นเปน ผูอันบคุ คลที่ ๕ พงึ กลา วอยางนี้วา อาสวะทัง้ หลายเกิดแตก ารตอ งอาบัติ ยอ มมแี กท า นแลว อาสวะท้งั หลายเกิดแตค วามเดอื ดรอน ยอมไมเจรญิ ยงิ่ แกทา น ทางดีท่ีสุด ขอทา นผมู ีอายุ จงละอาสวะทง้ั หลาย ซึ่งเกิดแตก ารตองอาบัติ จงยังจิตและปญ ญาใหเจรญิ ดว ยอาการอยา งน้ี ทานจกั เปน ผูเสมอดว ยบคุ คลที่ ๕ น้.ี ๓. บคุ คลนใ้ี ด ไมตองอาบัติ แตมคี วามเดือดรอ น ทั้งไมรูช ดั ตามความเปน จริงซง่ึ เจโตวมิ ตุ ติ ซง่ึ ปญญาวิมุตติ อันเปน ทด่ี บั ไปโดยไมเ หลอื แหงอกศุ ลธรรมอันลามก ซึ่งเกิดข้ึนแลวแกบุคคลน้ัน บคุ คลน้นั เปนผูอ นั บคุ คลที่

พระอภธิ รรมปฎก ธาตุกถา-บุคคลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนาที่ 427๕ พึงวา กลา วอยา งนี้วา อาสวะทัง้ หลายเกดิ แตก ารตองอาบัติ ยอ มไมม ีแกทานแล อาสวะท้ังหลายเกดิ แตค วามเดือดรอน ยอมไมเจริญยง่ิ แกท า น ทางที่ดีท่ีสุด ทา นผมู ีอายุ จงบรรเทาอาสวะท้ังหลายซงึ่ เกิดแตค วามเดอื ดรอน จงยงั จิตและปญญาใหเจรญิ ดวยอาการอยางนี้ ทา นจกั เปนผเู สมอดว ยบุคคลท่ี ๕ นี.้ ๔. บุคคลใด ไมตอ งอาบตั ิ ไมม ีความเดอื ดรอน ทั้งไมร ตู ามความเปน จรงิ ซึ่งเจโตวิมตุ ติ ซึ่งปญญาวมิ ุตติ อันเปน ท่ีดบั ไปโดยไมเหลือแหง อกุศล-ธรรมอันลามก ซึง่ เกดิ แลว แกบ ุคคลนัน้ บุคคลนัน้ เปน ผอู ันบคุ คลท่ี ๕ พึงกลาวอยา งน้วี า อาสวะทั้งหลายซงึ่ เกดิ แตค วามตองอาบตั ิ ยอ มไมมีแกทา นแลอาสวะซงึ่ เกิดแตความเดอื ดรอ น ยอ มไมเ จริญย่งิ แกทา น ทางดีท่สี ุด ขอทานผูม อี ายุ จงยงั จติ และปญญาใหเ จรญิ ดว ยอาการอยางน้ี ทานจักเปน ผูเสมอดวยบุคคลท่ี ๕ น้ี. ๕. บคุ คล ๔ จําพวกเหลาน้ี อนั บุคคลท่ี ๕ คือ พระขณี าสพนี้กลาวสอนอยอู ยา งนี้ พร่ําสอนอยูอยางน้ี ยอ มถึงความสน้ิ ไปแหง อาสวะโดยลาํ ดบั . อรรถกถาปญ จกนิทเทส อธิบายบคุ คล ๕ จําพวก บทวา \"ตตรฺ \" ไดแก บคุ คลทที่ านยกขนึ้ แสดงไวในหนหลงั โดยนัยเปน ตน วา \"อารมฺภติ จ วิปฺปฏสิ ารี จ โหต\"ิ เหลา นั้น. บทวา \"ยวฺ าย \"ตดั บทเปน โย อย . อารัมภะ ศพั ท ในคาํ วา \"อารมภฺ ติ\" นี้ ยอมเปนไปในอรรถวา กรรม คอื การกระทํา ๑ ในกริ ยิ า คอื กิจ ๑ ในหงิ สนะ คือ การเบียดเบยี น ๑ ใน อาปต ติวตี ิกกมะ คือ การลว งอาบตั ิ ๑














































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook