Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_79

tripitaka_79

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:45

Description: tripitaka_79

Search

Read the Text Version

พระอภธิ รรมปฎก ธาตุกถา-บคุ คลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนาท่ี 351 สองบทวา \"ปกฺก อามวณณฺ ี\" ไดแก ภายในสกุ แตภ ายนอกเหมอื นมะมว งดิบ. แมใน ๒ บทที่เหลือ กน็ ัยนี้เหมือนกัน. ในคําเปรยี บเทียบดว ยผลมะมว งนัน้ คือ ภาวะท่มี ะมวงไมสกุ คือเปน ของดิบยอ มมีฉันใดแมในบคุ คล ความเปนปถุ ชุ นเปนเชนมะมวงดบิ ความเปนพระอริยะก็เปน เชนกับมะมวงสกุ ฉนั นัน้ บัณฑิตพึงทราบการเปรียบเทียบดว ยการอุปมาในบุคคลที่ทา นอุปมาแลว โดยนัยนี้วา เหมอื นอยางวา ความทีม่ ะมวงมสี ีอนั สกุ เชน กับมะมวงสกุ ในมะมวงทง้ั หลายเหลานน้ั ฉนั ใด แมใ นบคุ คล ความทีพ่ ระอริย-เจาท้งั หลายมีวรรณะอันสกุ คือ ความงาม เชน กับดวยความงามของอริ ิยาบถทัง้ หลาย มีการกาวไปขางหนาเปนตน กฉ็ ันนน้ั . บรรดาบคุ คลเหลา นัน้ บคุ คลเปรยี บดว ยหมอ ๔ ชนดิ เปนไฉน ? [๑๑๗] หมอ ๔ ชนิด หมอ เปลา ปด ๑ หมอ เตม็ เปด ๑ หมอ เปลา เปด ๑ หมอเตม็ ปด ๑ [๑๑๘] บุคคลเปรยี บดว ยหมอ ๔ ชนดิ เหลา น้ี มีปรากฏอยูในโลก ฉันนนั้ เหมอื นกัน. บุคคล ๔ จาํ พวก เปนไฉน ? คนเปลา ปด ๑ คนเต็มเปด ๑ คนเปลาเปด ๑ คนเต็มปด ๑

พระอภิธรรมปฎ ก ธาตุกถา-บคุ คลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนาท่ี 352 ๑. บคุ คล ที่เปน คนเปลาปด เปนไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกน้ี มกี ารกา วไปขา งหนา ถอยหลังแลตรง เหลียวซายแลขวา คเู ขา เหยยี ดออก ทรงสังฆาฏบิ าตรและจีวร นา เลื่อมใส บคุ คลนน้ั ยอ มไมร ูต ามความเปนจรงิ วา นที้ กุ ข ฯลฯ น้ีทกุ ขนโิ รธคามนิ ีปฏปิ ทาบุคคลอยา งนีช้ อื่ วา เปนคนเปลา ปด หมอ เปลา ปด น้ัน แมฉันใด บุคคลน้ีก็มีอุปไมย ฉนั นัน้ . ๒. บคุ คลท่เี ปน คนเต็มเปด เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกน้ี มีการกาวไปขา งหนา ถอยหลงแลตรง เหลียวซายแลขวา คเู ขาเหยยี ดออก ทรงสังฆาฏิบาตรและจวี ร ไมนา เล่ือมใส บุคคลนั้นรูตามความเปนจริงวา นี้ทุกข ฯลฯ นที้ ุกขนโิ รธคามินปี ฏิปทา บุคคลอยา งนีเ้ รยี กวา เปนคนเต็มเปด หมอ เตม็ เปด นั้น แมฉ ันใด บคุ คลนีก้ ็มีอปุ ไมยฉันนนั้ . ๓. บุคคลท่เี ปนคนเปลา เปด เปน ไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกน้ี มกี ารกาวไปขา งหนา ถอยหลงั แลตรง เหลยี วซา ยแลขวา คเู ขา เหยียดออก ทรงผา สงั ฆาฏบิ าตรและจวี ร ไมนา เลื่อมใสบคุ คลน้นั ไมรูตามความเปนจริงวา นที้ กุ ข ฯลฯ น้ีทุกขนิโรธคามนิ ปี ฏปิ ทาบุคคลอยา งนชี้ อื่ วา เปนคนเปลาเปด หมอ เปลาเปดนนั้ แมฉ ันใด บคุ คลนกี้ ็มอี ุปไมย ฉันนั้น. ๔. บคุ คลทีเ่ ปน คนเต็มปด เปน ไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกนี้ มกี ารกา วไปขา งหนา ถอยหลงั แลตรง เหลียวซายแลขวา คเู ขาเหยยี ดออก ทรงผา สังฆาฏบิ าตรและจีวร นา เล่อื มใส บุคคล

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตกุ ถา-บุคคลบัญญัติ เลม ๓ - หนาท่ี 353นนั้ รูต ามความเปนจริงวา น้ีทกุ ข ฯลฯ น้ที กุ ขนโิ รธคามนิ ีปฏปิ ทา บคุ คลอยางนช้ี อ่ื วา เปนคนเตม็ ปด หมอ เตม็ ปดนน้ั แมฉ นั ใด บุคคลนี้กม็ ีอปุ ไมยฉันนนั้ . บคุ คลเปรียบดว ยหมอ ๔ จําพวกเหลาน้ี มปี รากฏอยใู นโลก. อรรถกถาบุคคลผเู ปรยี บดวยหมอ ๔ ชนดิ บทวา \"กุมโฺ ภ\" แปลวา หมอ . บทวา \"ตุจฺโฉ\" ไดแ ก ภายในวาง. บทวา \"ปห ิโต\" ไดแ ก หมอท่ีเขาปด ปากตง้ั ไว. บทวา \"ปูโร\" ไดแ ก ภายในเต็ม. บทวา \"ววิ โฏ\" ไดแก หมอ ท่เี ขาเปดปากต้งั ไว. ก็ในบรรดาบคุ คลท่ที า นอปุ มาแลว ในท่ีนี้ บณั ฑติ พงึ ทราบวา ชอื่ วา เปน บคุ คลผเู ปลา เพราะเวนจากสาระ คอื คุณความดอี ันมใี นภายใน และช่ือวา เปน ผูป ด เพราะความเปน ผูง ามในภายนอก. แมใ นบททีเ่ หลือก็มนี ยั นเ้ี หมอื นกัน. บรรดาบคุ คลเหลานน้ั บคุ คลเปรียบดวยหว งน้ํา ๔ ชนิดเปนไฉน ? [๑๑๙] หว งนา้ํ ๔ ชนิด หว งนาํ้ ตน้ื เงาลกึ ๑ หวงนา้ํ ลกึ เงาตืน้ ๑ หวงน้าํ ตนื้ เงาต้นื ๑ หว งนํ้าลกึ เงาลึก ๑

พระอภิธรรมปฎ ก ธาตุกถา-บคุ คลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนาที่ 354 [๑๒๐] บคุ คลเปรียบดวยหวงนํ้า ๔ ชนดิ มีปรากฏอยใู นโลกกฉ็ ันนัน้ เหมือนกนั บุคคลมี ๔ จําพวก เปนไฉน ? คนตนื้ เงาลึก ๑ คนลึก เงาต้นื ๑ คนต้ืน เงาตน้ื ๑ คนลึก เงาลกึ ๑ ๑. คนตื้น เงาลึก เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ มกี ารกาวไปขางหนา ถอยหลัง แลตรงเหลยี วซายแลขวา คเู ขา เหยียดออก ทรงสงั ฆาฏิบาตรและจวี ร นา เลอื่ มใสบุคคลนั้น ไมรตู ามความเปนจรงิ วา น้ที ุกข ฯลฯ นีท้ กุ ขนิโรธคามนิ ีปฏิปทาบุคคลอยางน้ชี อื่ วา คนตนื้ เงาลึก หวงนํ้าต้ืนเงาลึกนนั้ แมฉ นั ใด บคุ คลนกี้ ็มีอปุ ไมย ฉันนัน้ . ๒. คนลึก เงาตน้ื เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกน้ี มกี ารกา วไปขา งหนา ถอยหลัง แลตรงเหลียวซายแลขวา คเู ขา เหยยี ดออก ทรงสงั ฆาฏิ บาตรและจวี ร ไมน า เสอื่ มใสบคุ คลนนั้ รูตามความเปนจรงิ วา นีท้ กุ ข ฯลฯ นที้ ุกขนิโรธคามนิ ปี ฏิปทา บคุ คลอยา งน้ชี ่ือวา คนลกึ เงาตืน้ หวงนาํ้ ลึกเงาตื้นน้ัน แมฉนั ใด บคุ คลนีก้ ม็ ีอปุ ไมย ฉนั นน้ั .

พระอภิธรรมปฎก ธาตุกถา-บคุ คลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนา ที่ 355 ๓. คนตืน้ เงาตน้ื เปนไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ มกี ารกาวไปขา งหนา ถอยหลัง แลตรงเหลียวซายแลขวา คูเขาเหยยี ดออก ทรงสงั ฆาฏิ บาตรและจีวร ไมนาเล่อื มใสบคุ คลนั้นไมร ูตามความเปนจริงวา นที้ กุ ข ฯลฯ น้ีทกุ ขนิโรธคามนิ ปี ฏปิ ทาบคุ คลอยางนีช้ ่ือวา คนตนื้ เงาต้นื หว งนาํ้ ตน้ื เงาตืน้ นน้ั แมฉ ันใด บุคคลนี้กม็ อี ุปไมย ฉันนน้ั . ๔. คนลึก เงาลึก เปนไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกนี้ มกี ารกาวไปขา งหนา ถอยหลงั แลตรงเหลียวซา ยแลขวา คเู ขา เหยยี ดออก ทรงสังฆาฏบิ าตรและจวี ร นาเลอ่ื มใสบคุ คลนน้ั รตู ามความเปนจรงิ วา น้ีทุกข ฯลฯ ทกุ ขนโิ รธคามินีปฏปิ ทา บคุ คลอยา งนี้ชื่อวา คนลกึ เงาลกึ หว งน้าํ ลกึ เงาลึกนน้ั แมฉนั ใด บุคคลนกี้ ม็ ีอุปไมย ฉนั น้ัน. บคุ คลเปรียบดวยหวงน้าํ ๔ จาํ พวกเหลาน้ี มีปรากฏอยูในโลก อรรถกถาบุคคลผูเปรียบดว ยหว งน้ํา ๔ ชนดิ ก็เมื่อนา้ํ ลกึ มีประมาณแตเขา แตหวงน้าํ มีพ้ืนนํ้าไมปรากฏ เพราะมสี ีน้าํ อนั เจอื กนั หรือเพราะเปน น้าํ ขนุ ช่อื วา เปน นาํ้ ตนื้ มีเงาอนั ลึก. ก็แมนํา้ลึกประมาณ ๓ หรอื ๔ บุรษุ หว งน้ํามีพ้ืนนา้ํ ปรากฏ เพราะเปนน้ําใส จงึ ช่อืวา เปนนา้ํ ลกึ มีเงาอันต้นื . กบ็ ณั ฑิตพงึ ทราบหว งนาํ้ ทงั้ สองนอกน้ี เพราะมีเหตุเปนแดนเกิดพรอ มทงั้ ๒ เหตุ. แมบ คุ คลผูประกอบดว ยอริ ยิ าบถท้งั หลายมี

พระอภิธรรมปฎ ก ธาตกุ ถา-บุคคลบัญญัติ เลม ๓ - หนา ท่ี 356การกาวไปขางหนา เปน ตน อันเปน เชนกบั ดว ยความลึกซึง้ แหงคุณธรรมท้ังหลายแตเ พราะความมกี ิเลสหนา และเพราะความไมมแี หง คุณธรรมอนั ลึกซ้ึง จงึชื่อวา เปนเหมือนกับน้ําตื้น แตม ีเงาอนั ลึก (อตุ ตฺ าโน คมภฺ โี รภาโส นาม).บคุ คลทเ่ี หลือ บณั ฑติ พงึ ทราบโดยนยั นี้. บรรดาบคุ คลเหลา น้ัน บุคคลเปรยี บดวยโคถกึ ๔ จาํ พวกเปน ไฉน ? [๑๒๑] โคถึก ๔ จําพวก โคดุพวกของตน ไมด ุพวกอื่น ๑. โคดพุ วกอ่ืน ไมด พุ วกของตน ๑. โคดุท้ังพวกของตน ดทุ งั้ พวกอ่ืน ๑. โคไมด ุทัง้ พวกของตน ไมดุทั้งพวกอนื่ ๑. [๑๒๒] บุคคลเปรียบดวยโคถกึ ๔ จาํ พวก เหลาน้ี มีปรากฏอยูใ นโลกฉนั นัน้ เหมือนกัน บคุ คล ๔ จาํ พวก เปน ไฉน ? คนดุพวกของตน แตไ มด ุพวกอน่ื ๑. คนดุพวกอ่ืน แตไมดุพวกของตน ๑. คนดุทัง้ พวกของตน ดทุ ัง้ พวกอืน่ ๑. คนไมด ทุ ั้งพวกของตน ไมด ทุ ง้ั พวกอ่นื ๑.

พระอภิธรรมปฎก ธาตกุ ถา-บุคคลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนา ท่ี 357 ๑. บคุ คล ดพุ วกของตน ไมดพุ วกอื่น เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ชอบเบยี ดเบียนบริษทั ของตน แตไ มเบียด-เบยี นบรษิ ทั ของผอู น่ื บรษิ ัทอยา งน้ชี ่ือวา เปรยี บดวยโคท่ดี ุแตในพวกของตน ไมด พุ วกอ่ืน โคถึกทดี่ ุพวกของตน ไมดพุ วกอน่ื แมฉันใด บุคคลน้ีก็มอี ปุ ไมย ฉันนั้น. ๒. บุคคล ดุพวกอื่น ไมด ุพวกของตน เปน ไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกนี้ ชอบเบยี ดเบยี นบรษิ ทั ของผอู ืน่ แตไมเ บยี ด-เบียนบริษัทของตน บคุ คลอยา งนีช้ อื่ วา เปรียบดวยโคทีด่ พุ วกอื่นแตไ มด ุพวกของตน โคถกึ ท่ดี พุ วกอน่ื แตไมด ุพวกของตน แมฉ นั ใด บคุ คลน้ีก็มีอปุ ไมย ฉนั นั้น. ๓. บคุ คล ดุท้ังพวกของตน ดุท้ังพวกอน่ื เปน ไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกน้ี เบียดเบยี นทงั้ บริษัทของตน เบียดเบยี นทงั้บริษัทของผูอ่ืน บุคคลอยา งน้ชี อื่ วา เปรียบดว ยโคทด่ี ุทัง้ พวกของตน ดุท้ังพวกอนื่ โคถึกที่ดทุ ั้งพวกของตน ดทุ ้งั พวกอื่น แมฉ นั ใด บุคคลนก้ี ็มีอปุ ไมยฉนั นั้น. ๔. บุคคล ไมดทุ ้งั พวกของตน ไมด ทุ ง้ั พวกอืน่ เปนไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ไมเบียดเบยี นทั้งบริษัทของตน ไมเบยี ดเบียนทัง้ บริษัทของคนอ่ืน บุคคลอยา งนชี้ ่อื วา เปรียบดวยโคทีไ่ มดุทั้งพวกของตนและพวกอนื่ โคถึกทไ่ี มดทุ งั้ พวกของตน ไมดทุ ง้ั พวกอ่ืน แมฉ ันใด บคุ คลน้กี ็มอี ปุ ไมย ฉันนน้ั .

พระอภิธรรมปฎก ธาตกุ ถา-บุคคลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนา ท่ี 358 บคุ คลเปรยี บดวยโคถกึ ๔ จําพวกเหลานี้ มีปรากฏอยใู นโลก อรรถกถาบุคคลผูเปรียบเทียบดว ยโคถึก ๔ จําพวก พึงทราบโคถึกกอน โคตวั ใด ยอมรบกวน คอื ยอมทําฝงู โคพวกตนใหก ลัว แตส งบเสงี่ยม มปี กติเปนสขุ ในฝงู โคหมอู ่นื โคตัวน้ี ชื่อวา เปนโคดุรา ยในพวกของตนแตไ มดุรายในโคพวกอื่น แมบ ุคคลกเ็ ชนกัน เบยี ดเบยี นท่มิ แทงบริษัทของตน มีการรองเรียกดวยถอ ยคําหยาบคาย แตเ ปนผสู งบเสงีย่ มประพฤตถิ อ มตนในบริษัทผูอ่นื ชื่อวา เปนเหมอื นโคทีด่ รุ ายในฝูงตน แตไมดุรา ยในโคฝูงอน่ื ๆ บคุ คลแมทเ่ี หลือ บัณฑติ พึงทราบโดยนยั นี้. กใ็ นนทิ เทส-วาระในคําวา \"อพุ ฺเพชติ า โหติ\" นี้ ไดแ ก การกระทบกระทัง่ การเสยี ดแทง คอื การทาํ อาการใหตกใจกลัวนั่นแหละ. บรรดาบคุ คลเหลา นนั้ บุคคลเปรียบดว ยอสรพิษ ๔ จาํ พวกเปนไฉน ? [๑๒๓] อสรพษิ ๔ จําพวก อสรพิษมพี ิษแลนเรว็ แตม ีพิษไมร าย ๑. อสรพษิ มีพิษราย แตพษิ ไมแลนเร็ว ๑. อสรพษิ มพี ษิ แลนเรว็ ดวย มีพิษรา ยดว ย ๑. อสรพษิ มพี ิษไมแ ลนเร็วดวย มพี ิษไมรายดวย ๑.

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บุคคลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนา ที่ 359 [๑๒๔] บุคคลเปรยี บดว ยอสรพิษ ๔ จาํ พวก เหลาน้ีมปี รากฏอยใู นโลก ฉนั นั้นเหมือนกนั บคุ คล ๔ จําพวก เปน ไฉน ? บคุ คลมพี ิษแลนเรว็ แตม พี ิษไมรา ย ๑. บุคคลมีพษิ รา ย แตพิษไมแลนเร็ว ๑. บคุ คลมพี ิษแลนเร็วดวย มพี ษิ รายดว ย ๑. บคุ คลมีพิษไมแลน เรว็ ดว ย มีพษิ ไมร ายดว ย ๑. ๑. บคุ คล มีพษิ แลน เร็ว แตพิษไมราย เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ยอมโกรธเนือง ๆ แตค วามโกรธของเขานนั้แล ยอ มไมนอนเนอื่ งอยตู ลอดกาลยาวนาน บุคคลอยา งนช้ี ื่อวา ผมู พี ิษแลนเร็วแตพ ษิ ไมร า ย อสรพิษที่มพี ิษแลนเรว็ แตพษิ ไมร า ยนนั้ แมฉันใด บคุ คลน้กี ็มีอุปไมย ฉันนัน้ . ๒. บุคคล มพี ิษรา ย แตพ ษิ ไมแลนเรว็ เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกน้ี ยอ มไมโ กรธเนอื ง ๆ แตความโกรธของเขาน้ันแล ยอมนอนเนือ่ งอยูตลอดกาลยาวนาน บุคคลอยางน้ีชอ่ื วา มีพษิ รายแตมพี ษิ ไมแ ลนเรว็ อสรพษิ ท่ีมพี ิษรายแตม ีพิษไมแ ลนเรว็ แมฉันใด บุคคลน้กี ม็ ีอุปไมย ฉันนั้น. ๓. บุคคล มพี ษิ แลนเร็วดวย มีพษิ รา ยดวยเปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกน้ี ยอมโกรธเนือง ๆ และความโกรธของเขาน้นัแล ยอมนอนเน่ืองอยูตลอดกาลยาวนาน บุคคลเหลานี้ชื่อวา มีพษิ แลนเรว็

พระอภธิ รรมปฎก ธาตุกถา-บุคคลบัญญัติ เลม ๓ - หนาท่ี 360ดว ยมพี ิษรา ยดวย อสรพิษทม่ี ีพษิ แลน เร็วดวยมีพษิ รายดว ย แมฉ นั ใดบุคคลน้กี ม็ ีอปุ ไมย ฉันนน้ั . ๔. บคุ คล มพี ิษไมแ ลน เรว็ ดว ย มีพิษไมรา ยดว ยเปนไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกนี้ ยอมไมโ กรธเนอื ง ๆ ท้งั ความโกรธของเขาน้ันไมน อนเนอ่ื งอยูตลอดกาลยาวนาน บุคคลอยา งน้ีชอ่ื วา มพี ิษไมแ ลน เรว็ ดว ยมีพิษไมรา ยดว ย อสรพษิ ทมี่ พี ษิ ไมแลนเรว็ ดว ย มีพิษไมร ายดวย แมฉนั ใดบคุ คลน้ีกม็ ีอุปไมย ฉนั น้นั . บุคคลเปรยี บดว ยอสรพษิ ๔ จําพวกเหลาน้ี มปี รากฏอยูใ นโลก อรรถกถาบุคคลผูเปรียบดวยอสรพิษ ๔ จําพวก พงึ ทราบ อสรพิษกอ น. พิษของงใู ด ยอ มแลนมาโดยเร็ว คือ แผซานไปโดยเรว็ แตมีพิษไมร า ยทงั้ ไมเบยี ดเบยี นอยนู าน พษิ ของงูน้ี ช่อื วามาแลว เร็วแตมีพิษไมร า ย. ในบททเ่ี หลือท้ังปวง ก็มนี ัยนเ้ี หมอื นกนั และการจาํ แนกบคุ คลก็มีเน้อื ความอนั งายท้ังนน้ั . [๑๒๕] ๑. บุคคล ไมใครค รวญ ไมไตรต รองแลว พูดสรร-เสรญิ คนท่ีไมควรสรรเสรญิ เปนไฉน ? บุคคลบางคนในโลกน้ี พูดสรรเสรญิ พวกเดยี รถีย สาวกของเดียรถยี ผูป ฏบิ ัตชิ ัว่ ปฏบิ ตั ิผิด วา เปนผปู ฏบิ ตั ดิ บี า ง เปน ผปู ฏบิ ตั ชิ อบบา ง บคุ คลอยางนช้ี ่ือวา ไมใ ครค รวญไมไตรต รองแลว พูดสรรเสริญคนทีไ่ มควรสรรเสรญิ .

พระอภธิ รรมปฎก ธาตกุ ถา-บุคคลบญั ญัติ เลม ๓ - หนาที่ 361 ๒. บคุ คล ไมใ ครครวญไมไ ตรต รองแลว พูดตเิ ตียนคนทีค่ วรสรรเสรญิ เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกน้ี พูดตเิ ตียนพระพทุ ธเจา พระสาวกของพระ-พุทธเจา ผูป ฏบิ ัตดิ ปี ฏบิ ตั ิชอบ วาเปน ผปู ฏิบัตชิ วั่ บา ง เปน ผูปฏิบัตผิ ดิ บางบุคคลอยางนีช้ ื่อวา ไมใครค รวญไมไ ตรต รองแลว พดู ตเิ ตียนคนท่คี วรสรรเสริญ. ๓. บุคคล ไมใครครวญ ไมไ ตรต รองแลว มีความเลอื่ มใสในฐานะทไี่ มค วรเลือ่ มใส เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ยงั ความเลือ่ มใสใหเ กิดขึ้น ในขอปฏบิ ตั ิช่วัปฏิบตั ิผดิ วา เปนขอ ปฏบิ ัตดิ บี าง เปน ขอ ปฏบิ ัตชิ อบบา ง บคุ คลอยางน้ชี ่อื วาไมใ ครครวญไมไตรต รองแลว มีความเลอ่ื มใสในฐานะท่ไี มค วรเลอ่ื มใส. ๔. บคุ คล ไมใครค รวญแลว ไมไตรต รองแลว ไมเลือ่ มใสในฐานะทค่ี วรเล่อื มใส เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ยังความไมเลื่อมใสใหเ กดิ ขึ้นในขอปฏบิ ัตดิ ีปฏบิ ัติชอบ วา เปน ขอปฏบิ ัตชิ วั่ บาง เปนขอ ปฏิบัติผิดบาง บุคคลอยางนี้ชอ่ื วาไมใครครวญไมไ ตรต รองแลว ไมเ ล่อื มใสในฐานะท่คี วรเลื่อมใส. [๑๒๖] ๑. บุคคล ใครครวญไตรต รองแลว พดู ตเิ ตยี นคนทคี่ วรตเิ ตียน เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ยอมพูดตเิ ตยี นพวกเดียรถยี  สาวกเดียรถยี ผปู ฏบิ ัติชว่ั ปฏบิ ตั ิผิด วาเปนผูปฏิบตั ชิ ่ัวบาง วาเปน ผูป ฏบิ ัตผิ ิดบา ง บคุ คลอยางนชี้ อื่ วา ใครค รวญไตรตรองแลว พดู ตเิ ตยี นคนทคี่ วรตเิ ตียน.

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตกุ ถา-บคุ คลบญั ญตั ิ เลม ๓ - หนาที่ 362 ๒. บคุ คล ใครค รวญไตรตรองแลว พดู สรรเสริญคณุ ของคนท่คี วรสรรเสริญ เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกน้ี ยอมสรรเสรญิ พระพทุ ธเจา พระสาวกของพระพทุ ธเจา ผปู ฏิบตั ดิ ีประพฤติชอบ วา เปนผปู ฏิบัติดบี าง ปฏิบตั ชิ อบบางบคุ คลอยา งนี้ชือ่ วา ใครค รวญไตรต รองแลว พดู สรรเสรญิ คุณของคนทีค่ วรสรรเสริญ. ๓. บุคคล ใครค รวญไตรตรองแลว ไมเ ลื่อมใสในฐานะทีไ่ มค วรเลอื่ มใส เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกน้ี ยังความไมเลือ่ มใสใหเ กิดข้นึ ในขอ ปฏิบตั ิชัว่ ในขอปฏบิ ตั ผิ ดิ วาขอปฏิบตั ินีช้ ่วั บา ง ขอ ปฏบิ ตั ินผ้ี ิดบา ง บุคคลอยา งน้ีชอื่ วา ใครครวญไตรตรองแลว ไมเลอื่ มใสในฐานะท่ไี มควรเลอ่ื มใส. ๔. บุคคล ใครครวญไตรตรองแลว เลื่อมใสในฐานะทค่ี วรเล่ือมใส เปน ไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกน้ี ยงั ความเลื่อมใสใหเกิดข้ึน ในขอปฏบิ ตั ดิ ีปฏิบัติชอบ วานเี้ ปน ขอปฏิบัตดิ บี าง นี้เปน ขอปฏิบตั ิชอบบา ง บุคคลอยางน้ีชือ่ วา ใครครวญไตรตรองแลว เล่อื มใสในฐานะที่ควรเลือ่ มใส. [๑๒๗] ๑. บคุ คล พูดติเตียนคนท่ีควรติเตียน จริงแทตามกาลแตไมพูดสรรเสรญิ คนทีค่ วรสรรเสรญิ จริงแทตามกาล เปน ไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกน้ี ควรสรรเสริญกม็ ี ควรติเตียนกม็ ี ในคน ๒คนนัน้ ผใู ดควรติเตยี น ยอ มตเิ ตียนผูนัน้ จริงแทตามกาล ผูใดควรสรรเสริญ

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตกุ ถา-บุคคลบัญญตั ิ เลม ๓ - หนาที่ 363ยอ มไมพ ูดสรรเสริญผนู ้ัน จริงแทตามกาล บคุ คลอยางน้ชี อ่ื วา พดู ติเตยี นคนทคี่ วรตเิ ตียนจริงแทต ามกาล แตไมพ ูดสรรเสริญคนท่คี วรสรรเสรญิ จริงแทตามกาล. ๒. บคุ คล สรรเสรญิ คนที่ควรสรรเสริญ จรงิ แทตามกาล แตไ มพ ดู ตเิ ตยี นคนทคี่ วรตเิ ตยี นจรงิ แทต ามกาล เปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกน้ี ควรสรรเสริญกม็ ี ควรติเตยี นกม็ ี ใน ๒ คนนั้น ผูใดควรสรรเสริญ ยอ มพดู สรรเสรญิ ผนู ั้น จรงิ แทตามกาล ผูใดควรติเตียน ยอมไมพ ดู ตเิ ตียนผูนั้น จรงิ แทตามกาล บคุ คลอยา งนชี้ ่ือวา พูดสรรเสรญิ คนทีค่ วรสรรเสริญจรงิ แทตามกาล แตไ มพูดตเิ ตยี นคนทคี่ วรตเิ ตยี นจรงิ แทตามกาล. ๓. บุคคล พดู ติเตยี นคนทีค่ วรติเตยี น จริงแทตามกาลและพูดสรรเสรญิ คนที่ควรสรรเสรญิ จริงแทต ามกาล เปน ไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกน้ี ควรสรรเสรญิ กม็ ี ควรตเิ ตยี นกม็ ี ใน ๒ คนนน้ั ผูใดควรติเตียน ยอมพดู ตเิ ตียนผนู ั้นจริงแทต ามกาล ผูใดควรสรรเสรญิยอ มพดู สรรเสรญิ บคุ คลผนื นัน้ จรงิ แทต ามกาล เปน ผรู ูกาลเพือ่ จะแกป ญ หานนั้ในที่น้ัน บุคคลอยา งนี้ชือ่ วา พูดติเตียนคนท่คี วรตเิ ตยี นจรงิ แทต ามกาล และพดู สรรเสรญิ คนทีค่ วรสรรเสริญจริงแทตามกาล. ๔. บคุ คล ไมพ ูดติเตยี นคนท่ีควรติเตียน จรงิ แทตามกาล ทัง้ ไมพ ูดสรรเสรญิ คนท่ีควรสรรเสริญจรงิ แทตามกาล เปนไฉน ?

พระอภธิ รรมปฎ ก ธาตุกถา-บุคคลบัญญัติ เลม ๓ - หนาที่ 364 บคุ คลบางคนในโลกนี้ ควรสรรเสรญิ ก็มี ควรตเิ ตยี นก็มี ใน ๒ คนนนั้ ผใู ดควรตเิ ตียน ยอ มไมพูดตเิ ตยี นผูน น้ั จริงแทต ามกาล ผใู ดควรสรร-เสรญิ ยอ มไมพูดสรรเสริญผนู นั้ จรงิ แทตามกาล เปน ผูวางเฉย มีสติ มีสัมป-ชญั ญะ บคุ คลอยา งน้ีช่อื วา ไมพ ดู ติเตยี นคนทค่ี วรตเิ ตียนจรงิ แทต ามกาล ทง้ัไมพดู สรรเสรญิ คนทคี่ วรสรรเสริญจรงิ แทตามกาล. อรรถกถาบคุ คลพูดตเิ ตียนคนท่ีควรตเิ ตียนจรงิ แท ตามกาล ฯลฯ เปนตน บทวา \"อนนุวิจจฺ \" ไดแก ไมพิจารณา คอื ไมสาํ รวจ. บทวา \"อปริโยคาเหตฺวา\" ไดแ ก ไมใ หถอื เอาซงึ่ คณุ ท้งั หลายดว ยปญญา. สองบทวา \"ภตู  ตจฉฺ \" ไดแก ที่ช่ือวา เปนจรงิ เพราะเปนของมีอยู ช่ือวา เปน ของแท เพราะเปนของไมว ิปรติ . บทวา \"กาเลน\" ไดแ ก ตามกาลอนั ควรและเหมาะสม. ขอวา \"ตตฺร กาลฺ ู โหต\"ิ ความวา คาํ นใี้ ด ทา นกลา วไววา\"กาเลน\" ก็บุคคลใดเปนกาลญั ู คอื เปนผูรูจักกาล เพื่อประโยชนแ กก ารพยากรณป ญหานัน้ วา กาลน้เี มอ่ื ขา พเจา ถกู เขาถามปญหาไมควรกลา ว ในกาลน้ีควรกลา ว\" เพราะเหตุนผ้ี ูน ้ี จึงชอื่ วา ยอมกลาวตามกาล. สองบทวา \"อุเปกโฺ ข วิหรติ\" ไดแก เปน ผตู ้งั อยูในอเุ บกขาอนัมคี วามเปน กลาง. ในคาํ ทุก ๆ บททีเ่ หลอื มีเน้ือความต้นื ทงั้ นน้ั .

พระอภิธรรมปฎ ก ธาตุกถา-บุคคลบญั ญัติ เลม ๓ - หนาท่ี 365 [๑๒๘] ๑. บุคคล ผดู ํารงชพี อยูดวยแหง ความหมนั่ มใิ ชดํารงชีพอยดู วยผลแหงบุญ เปน ไฉน ? อาชีพของบคุ คลใด ยอ มเจริญรงุ เรอื งเพราะความหมน่ั ความขยนัความเพียรพยายาม มิไดบ ังเกิดแตบุญ บุคคลนเ้ี รยี กวา ผดู าํ รงชพี อยูดว ยผลแหงความหมน่ั มิใชดํารงอยูดว ยผลแหงบญุ . ๒. บุคคลผดู ํารงชีพอยูดวยผลแหง บญุ มิใชดํารง-ชพี อยดู ว ยผลแหงความหมน่ั เปนไฉน ? เทวดาช้นั สงู ๆ ข้นึ ไป ตลอดถึงเทวดาเหลา ปรนิมมติ วสวตั ดี ชื่อวา ผูดํารงชีพอยูดวยผลแหงบุญ มิใชผ ูดาํ รงชพี อยดู วยผลแหง ความหม่นั . ๓. บุคคล ผูดํารงชีพอยดู ว ยผลแหงความหมัน่ ดวยดํารงชีพอยูด ว ยผลแหง บุญดวย เปน ไฉน ? อาชพี ของบุคคลใด ยอมเจรญิ รุงเรอื งเพราะความหม่นั ความขยันความเพียร ความพยายามดวย เพราะบุญดวย บุคคลนเี้ รยี กวา ผดู ํารงชพี อยูดว ยผลแหงความหมัน่ ดว ย ดาํ รงชีพอยูดว ยผลแหงบุญดว ย. ๔. บคุ คล ผมู ใิ ชดาํ รงชีพอยูด วยผลแหงความหมนั่ดว ย มใิ ชดาํ รง พอยดู วยผลแหง บญุ ดว ย เปนไฉน ? สตั วน รกทงั้ หลาย ชอื่ วา ผมู ใี ชผ ดู าํ รงชพี อยูด ว ยผลแหงความหม่นัดวย มิใชดาํ รงชพี อยูด ว ยผลแหงบุญดวย.

พระอภธิ รรมปฎก ธาตกุ ถา-บคุ คลบญั ญัติ เลม ๓ - หนาท่ี 366 อรรถกถาบคุ คลผดู าํ รงชีพอยดู ว ยผลแหงความหมน่ั ฯลฯ เปนตน ผใู ด ใหเวลาลวงไปตลอดวันดวยความหมัน่ คอื ความเพียรน่นั แหละไดวัตถอุ ยา งใดอยา งหนง่ึ อนั สักวา เปน ผลอนั ไหลออกของความหมั่นน้นั แลวสําเร็จการเลย้ี งชีพอยู กบ็ ุคคลอาศยั ความหมั่นน้นั แลว ไมไ ดผ ลแหง บญุ อยางใดเอยางหนึ่งตามท่ีทานหมายเอาบคุ คลผนู นั้ แลว กลาวคาํ เปน ตน วา \"ยสฺส ปุคคฺ ลสสฺอุฏหโต\" ดังนี้. บทวา \"ตตูปรเทว\" ไดแ ก เทวดาทั้งหลาย ในเบื้องบนจากน้นัมีพวกพรหมเปนตน จรงิ อยู ชอื่ วา กจิ คือการงาน ดว ยความขยนั หมน่ั เพียรยอมไมม ีแกเ ทพเหลา นัน้ พวกเทพเหลา นั้นอาศยั ผลบญุ เทา นัน้ เปนอยู. คาํ วา \"ปุ ฺ โต\" น้ีกลา วหมายถึงชนทง้ั หลายผมู ีบญุ มีกษตั รยิ มหาศาล พราหมณมหาศาล และเทวดาทัง้ หลาย ตง้ั แตภ มุ มเทวดาจนถึงเทวดาชัน้ นมิ มานรดเี ปนท่สี ดุ เพราะวาเทวดาและมนุษยเหลาน้ันแมทั้งปวง ยอ มเสวยผลแหงความเพยี ร และผลแหง บญุ สว นสัตวนรกทั้งหลาย ยอมไมอาจเพ่ือทําอาชพี ใหเกิดขึ้นดว ยความเพียรไดเลย ทัง้ อาชพี อะไร ๆ ท่จี ะเกดิ ขนึ้ แกสตั วน รกเหลา นั้น ดว ยผลแหง บุญกไ็ มม.ี [๑๒๙] ๑. ตโมตมปรายนบคุ คล บุคคล บคุ คลผมู ืดมา มดื ไปเปนไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกนี้ เปนผูเกดิ มา ในตระกูลตาํ่ คือตระกูลคนจณั ฑาล ตระกูลนายพราน ตระกูลชางสาน ตระกลู ชางหนัง ตระกูลคนเทดอกไม ซึ่งขดั สนมขี าวน้ําโภชนะนอยมคี วามเปน อยูฝด เคอื ง มีอาหารทจ่ี ะพงึ กนิ มีผานุง หม หาไดยาก และบุคคลนั้นเปน ผูม ีผวิ พรรณขีร้ ิ้ว ไมนาดูเปน

พระอภิธรรมปฎ ก ธาตุกถา-บุคคลบญั ญัติ เลม ๓ - หนา ที่ 367คนเตย้ี มีอาพาธมาก เปน คนบอด คนมอื เทา กุด คนกระจอก หรอื เปนคนงอยมักไมไ ดขา ว นา้ํ ผา ยาน ดอกไม ของหอม เครอ่ื งลูบไล ทีน่ อน ที่อยอู าศยัวัตถเุ ปนอปุ กรณแหง ประทปี เขายอ มประพฤติทุจรติ ทางกาย ประพฤตทิ ุจริตทางวาจา ประพฤตทิ ุจรติ ทางใจ คร้นั เขาประพฤติทจุ รติ ทางกาย วาจา ใจแลวเบ้ืองหนา แตตายเพราะความแตกแหง กาย ยอมเขาถึงอบาย ทคุ ติ วินิบาต นรกบคุ คลอยางน้ชี อื่ วา ผมู ืดมา มืดไป. ๒. ตโมโชตปิ รายบุคคล บคุ คลผูมดื มา สวางไปเปน ไฉน ? บคุ คลบางคนในโลกนี้ เปน ผเู กิดมา ในตระกลู ตา่ํ คือตระกูล-จัณฑาล ตระกลู นายพราน ตระกูลชา งสาน ตระกลู ชางหนงั ตระกูลคนเทดอกไม ซงึ่ ขัดสน มีขาวน้ําโภชนะนอย มีความเปน อยูฝด เคอื ง มีอาหารทจี่ ะพงึ กนิ มีผานุงหมหาไดย าก และบคุ คลน้นั เปนผูม ีผิวพรรณข้รี วิ้ ไมนาดูเปน คนเต้ยี มีอาพาธมาก เปนคนบอด คนมือเทากุด คนกระจอกหรือเปนคนงอย มกั ไมไ ดข า ว นํา้ ผา ยาน ดอกไม ของหอม เครอ่ื งลบู ไลทนี่ อน ท่อี ยูอ าศยั วตั ถุเปน อุปกรณแ กประทบี เขายอ มประพฤติสจุ รติ ทางกายประพฤติสจุ รติ ทางวาจา ประพฤตสิ จุ ริตทางใจ ครน้ั เขาประพฤติสุจริตทางกายวาจา ใจแลว เบ้ืองหนาแตตายเพราะความแตกแหง กาย ยอ มเขา ถึงสุคติโลกสวรรค บคุ คลอยางน้ชี ื่อวา ผูมดื มา สวา งไป. ๓. โชตติ มปรายนบคุ คล บคุ คลผูสวา งมา มดื ไปเปน ไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ เปน ผเู กิดมาแลว ในตระกลู สงู คอืตระกูลขัตติยมหาศาล ตระกลู พราหมณมหาศาล ตระกูลคหบดีมหาศาล ซง่ึ มี


































































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook