Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_55

tripitaka_55

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:42

Description: tripitaka_55

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 1 พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ท่ี ๓ ภาคที่ ๑ขอนอบนอ มแดพ ระผมู ีพระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจา พระองคน ั้น เอกนิบาตชาดก ๑. อปณ ณกวรรค ๑. อปณณกชาดก วา ดวยการรูฐานะและมใิ ชฐ านะ [๑] คนพวกหนึง่ กลา วฐานะอันหนึ่งวา ไมได นกั เดาทงั้ หลาย กลา วฐานะอันนน้ั วา เปนท่สี อง คนมี ปญ ญารูฐานะและมใิ ชฐ านะนน้ั แลว ควรถือเอาฐานะ ท่ไี มผิดไว. จบอปณณกชาดกท่ี ๑

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 2 ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาชาดก เอกนิบาตขอนอบนอ มแดพ ระผูมพี ระภาคเจา อรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธเจา พระองคนน้ั ทเู รนิทาน ประณามคาถา ขาพเจา ขอกราบไหวพ ระพุทธเจา ผูประเสริฐ สดุ หาบุคคลผเู ปรยี บปานมไิ ด ผเู สดจ็ ข้นึ จากสาคร แหงไญยธรรม ผทู รงขามสงสารสาครเสียไดดว ย เศยี รเกลา พรอ มท้ังพระธรรมอนั ลึกซ้งึ สงบยง่ิ ละเอียดยากที่คนจะมองเหน็ ได ที่ทําลายเสียไดซึง่ ภพ นอยและภพใหญ สะอาดอนั เขาบูชาแลว เพราะพระ- สทั ธรรม อกี ทั้งพระสงฆผูไมมีกิเลสเครื่องขอ ง ผสู ูง สุดแหง หมู ผูสูงสุดแหง ทักขิไณยบุคคล ผมู อี นิ ทรยี  อันสงบแลว หาอาสวะมิได. ดวยการประณามที่ขา พเจาไดกระทาํ แลวตอ- พระรัตนตรยั ดว ยความนับถอื เปน พิเศษนี้นัน้ ขาพเจา อันผทู ี่เปนนักปราชญย ่งิ กวา นักปราชญ ผูร ูอาคม [ปริยัติ] เปนวิญูชน มยี ศใหญไ ดขอรอ งดวยการ เอาใจแลว ๆ เลา ๆ เปนพเิ ศษวา ทา นขอรับ ทา น

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 3 ควรจะแตง อรรถกถาอปทาน [ชีวประวตั ]ิ เพราะ ฉะนนั้ ขา พเจา จักแสดงการพรรณนาเน้อื ความอนั งาม แหงพระบาลีในพระไตรปฎกทเี ดยี ว พรอมทั้งชวี - ประวัติที่ยังเหลืออยู เรือ่ งราวอันดีเยยี่ มนใ้ี ครกลาวไว กลาวไวทีไ่ หน กลาวไวเม่อื ไรและกลา วไวเพอื่ อะไร ขา พเจา จกั กลาวเร่อื งน้ัน ๆ แลว กม็ าถงึ วิธีเพ่ือทีจ่ ะให ฉลาดในเรอื่ งนิทาน เพราะจะทําใหเลาเรยี นและทรง จําไดงา ยขนึ้ เพราะฉะนั้น เรื่องราวทท่ี านจัดใหแ ปลก ออกไปตามทเี่ กดิ กอ นและหลัง รจนาไวในภาษา สงิ หลของเกาก็ดี ในอรรถกถาของเกา ก็ดี เมือ่ มาถึง วิธนี นั้ ๆ แลว ยอมไมใ หสําเรจ็ ประโยชนต ามท่สี าธ-ุ ชนตองการ เหตนุ ้ันขาพเจาก็จกั อาศัยนยั ตามอรรถ กถาของเกา นั้น เวน ไมเ อาเนอื้ ความท่ีผิดเสยี แสดง แตเ นือ้ ความทแ่ี ปลกออกไป กระทาํ การพรรณนา เฉพาะแตท แ่ี ปลก ซึง่ ดที ีส่ ดุ เทา นน้ั ดวยประการฉะน.้ี เพราะเหตทุ ่ไี ดปฏิญาณไวแลววา เรอื่ งราวอันดีเยีย่ มใครกลาวไวกลาวไวใ นทไี่ หนและกลา วไวเม่อื ไร และวา ขา พเจา จกั ทาํ การพรรณนาเนื้อความดงั น้ี กก็ ารพรรณนาเน้อื ความแหงชวี ประวัตนิ ้นั เม่อื ขาพเจา แสดงนทิ านสามอยางเหลานี้ คือ ทูเรนทิ าน [นิทานในทไี่ กล] อวิทูเรนิทาน [นทิ านในทไ่ี มไกลนัก] สันตเิ กนทิ าน [นิทานในท่ีใกล] พรรณนาอยกู ็จกั เปนทเ่ี ขาใจไดแจม แจง เพราะคนทไ่ี ดฟ ง ไดเขาใจมาตั้งแตไ ดอ านแลว เพราะฉะน้นั ขาพเจาจงึ จักแสดงนทิ านเหลา นัน้ พรรณนาชวี ประวัตินน้ั บรรดานทิ านเหลานน้ั กอ น-

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 4อืน่ ควรทราบปรเิ ฉท [ขอ ความที่กําหนดไวเปนตอนๆ] เสียกอน. กถามรรคที่เลา เรือ่ งตงั้ แตพระะมหาสตั วไดต ง้ั ปรารถนาอยา งจริงจัง ณ เบอื้ งบาทมลของพระพุทธเจา ทรงพระนามวา ท่ปี ง กร จนถงึ จตุ จิ ากอัตภาพเปน พระเวสสันดรแลวไปเกิดในสวรรคช น้ั ดุสิต จดั เปน ทเู รนิทาน. กถามรรคที่เลา เรือ่ งท้งั แตจตุ จิ ากภพสวรรคช ้นั ดสุ ิตจนถงึ บรรลุพระ-สพั พัญตุ ญาณที่ควงไมโพธ์ิ จัดเปน อวทิ เู รนทิ าน. สว นสันตเิ กนิทานมปี รากฏอยูในท่ตี าง ๆ ของพระองคท ่เี สด็จประทบัอยูในทีน่ ั้น ๆ ดว ยประการฉะน.ี้ ทูเรนิทาน ในนทิ านเหลาน้นั ทีช่ ่อื ทูเรนิทานมดี งั ตอ ไปน้ี เลากันมาวา ในท่สี ดุส่ีอสงไขยย่ิงดว ยแสนกปั นับแตน้ี ไดมนี ครหนง่ึ นามวา อมรวดี ในนครนน้ั มีพราหมณชื่อสุเมธอาศยั อยู เขามีกาํ เนิดดี มคี รรภอ ันบริสทุ ธิ์ ทั้งทางฝา ยมารดาและฝายบิดานบั ไดเ จด็ ช่วั ตระกลู ใครจะดถู ูกมไิ ด หาผูตาํ หนิมิไดเ กี่ยวกับเร่ืองเชื้อชาติ มรี ปู สวย นาดู นา เลอื่ มใส ประกอบดวยผิวพรรณอันงามยิง่ เขาไมก ารทําการงานอยางอ่นื เลย ศกึ ษาแตศิลปะของพราหมณ บดิ าและมารดาของเขาไดถงึ แกกรรมเสียตง้ั แตเขารนุ หนุม ตอมาอํามาตยผจู ัดการผลประโยชนน ําเอาบัญชที รัพยสินมา เปดหองคลังที่เต็มไปดว ยทองเงนิ แกว มณีและแกว มุกดาเปนตน บอกใหทราบถงึ ทรัพยต ลอดเจ็ดช่วั ตระกูลวา ขาแตก มุ าร ทรัพยส ินเทานเี้ ปนของมารดา เทานี้เปน ของบิดา เทาน้ีเปนของปูตาและทวดแลว เรียนวา ขอทานจงจัดการเถิด สเุ มธบัณฑติ คิดวา ปเู ปน ตนของเราสะสมทรัพยน ้ีไวแลว เม่อื จะไปสูป รโลกท่ีช่อื วา จะถอื เอาทรพั ยเเมก หาปณะหน่งึ ตดิ ตัวไปดว ยหามไี ม แตเ ราควรการทาํ เหตุท่ีจะใหถ ือเอาทรพั ยไปดวยได ดงั น้แี ลวได

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 5กราบทูลแดพ ระราชา ใหต ีกลองปาวรอ งไปในพระนครใหท านแกมหาชนแลวออกบวชเปนดาบส กเ็ พ่ือท่จี ะใหเนือ้ ความนี้แจม แจง ควรจะกลา วสุเมธกถาไวในท่นี ี้ดวย แตส เุ มธกถาน้ีมมี าแลวในพทุ ธวงศติดตอกนั แตเ พราะเลาเรอื่ งประพนั ธเ ปนคาถาจงึ ไมใครจะแจมชดั ดนี ัก. เพราะฉะนน้ั ขา พเจาจักกลาวพรอมกับแสดงคาํ ที่ประพันธเ ปน คาถาแทรกไวในระหวางๆ ในทสี่ ดุ แหงสอ่ี สง-ไขยยงิ่ ดวยแสนกปั ไดมพี ระนครมนี ามวา อมรวดี และอีกนามหน่งึ วา อมรอกึ ทึกไปดวยเสียง ๑๐ เสียง ทที่ านหมายถึงเสยี งท่กี ลาวไวในพทุ ธวงศ วา ในสอ่ี สงไขยย่ิงดวยแสนกัป มีพระนครหน่ึง นามวา อมร เปนเมืองสวยงามนาดู นารินรมย สมบรู ณดวยขา วและน้าํ อึกทึกไปดวยเสียง ๑๐ เสียง. บรรดาบทเหลาน้นั บทวา ทสหิ สทเฺ ทหิ อววิ ติ ตฺ  ความวาอกึ ทกึ ไปดวยเสียงเหลานี้คอื เสียงชาง เสยี งมา เสยี งรถ เสยี งกลอง เสยี งตะโพน เสียงพณิ เสียงขบั รอง เสียงสังข เสยี งกงั สดาล เสียงที่ ๑๐ วาเชญิ กนิ เชิญขบเค้ยี ว เชิญดม่ื ซ่ึงทา นถอื เอาเพยี งเอกเทศหน่ึงแหงเสยี งเหลา นัน้ จงึ กลา วคาถานไี้ วในพุทธวงศว า กึกกอ งดวยเสียงชา ง เสยี งมา เสียงกลอง เสียง สงั ขแ ละเสียงรถ เสียงปาวรอ งดว ยขาวและนา้ํ วา เชญิ ขบเคยี้ ว เชิญด่มื .แลว กลา ววา พระนครอนั สมบูรณด วยคณุ ลกั ษณะทกุ ประการ เขาถึงความเปนพระนครท่ีมีส่ิงตอ งการทกุ ชนิด สม - บรู ณดว ยแกว เจ็ดประการ ขวกั ไขวไ ปดวยเหลา ชน

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 6 ตา ง ๆ ม่ังคง่ั เปนดุจเทพนารี เปน ท่ีอาศัยอยูข องเหลา ผมู ีบุญ. พราหมณช ่ือสเุ มธ มีสมบัตสิ ะสมไวน้ันได หลายโกฏิ มีทรพั ยแ ละขา วเปลอื กมากมาย เปน ผูค ง แกเ รียน ทรงมนตไดมาก เรียนจบไตรเพท ถงึ ความ สาํ เรจ็ บรบิ ูรณในลักขณศาสตร อติ ิหาสศาสตร และ ในสทั ธรรม. ตอมาวนั หน่ึง สเุ มธบณั ฑิตน้ัน ไปในที่เรน ณ พ้นื ปราสาทช้นั บนน่งัขัดสมาธิคดิ วา นีแ่ นะบัณฑติ การเกดิ อีก. ชอ่ื วา การถือปฏิสนธเิ ปน ทุกข การแตกดับแหง สรีระในท่ที ่ีเกิดแลว ก็เปน ทกุ ขเ ชนกัน และเราก็มกี ารเกดิ เปนธรรมดามคี วามแกเ ปนธรรมดา มีความเจ็บปวยเปน ธรรมดา มคี วามตายเปน ธรรมดาควรท่ีเราผเู ปน เชนนี้ จะแสวงหาพระมหานพิ พานทไ่ี มม เี กดิ ไมม แี ก ไมม ีทกุ ขมีแตส ุข เยอื กเยน็ ไมร ูจกั ตาย ทางสายเดียวทพี่ น จากภพมปี รกตนิ าํ ไปสูพระนพิ พานจะพงึ มแี นนอน ดังนี้ เพราะเหตุนนั้ ทานจึงกลา ววา เราเขา ไปสูทีเ่ รนน่งั แลว ในตอนน้นั ไดคดิ วา ขึน้ ช่ือวา การเกิดใหมเ ปน ทกุ ข การแตกดบั แหง สรีระก็ เปนทกุ ข เรามคี วามเกดิ เปน ธรรมดา มีความแกเ ปน ธรรมดา มคี วามเจ็บปว ยเปน ธรรมดาเชนกัน เราจัก แสวงหาพระนพิ พานท่ไี มแ ก ไมต าย เปนแดนเกษม ไฉนหนอเราไมพ ึงมเี ยอื่ ใย ไรความตองการทิ้งรา งกาย เนาซึ่งเต็มไปดายทรากศพนานาชนดิ น้เี สียได แลวไป ทางน้นั มีอยู จักมแี น ทางนัน้ อนั ใคร ๆ ไมอาจทีจ่ ะไม ใหมีได เราจกั แสวงหาทางนนั้ เพื่อพนจากภพใหได ดังน้ี.

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 7 ตอจากนนั้ ก็คิดยง่ิ ข้ึนไปอีกอยางน้ีวา เหมือนอยางวา ช่ือวา สุขท่ีเปนปฏิปก ษต อทุกขม ีอยูใ นโลกฉันใด เมอ่ื ภพมีอยแู มสิ่งที่ปราศจากภพอนั เปน ปฏิ-ปก ษต อภพนนั้ ก็พึงมีฉนั นนั้ และเหมือนเม่อื ความรอนมอี ยู แมความเยน็ ทจี่ ะระงบั ความรอ นนน้ั ก็ตอ งมีฉนั ใด แมพ ระนพิ พานทีร่ ะงับไฟมรี าคะเปน ตนก็พงึ มฉี ันนนั้ ธรรมท่ไี มมโี ทษอันงามทเี่ ปน ปฏปิ กษตอ ธรรมอันเปนบาปอนัลามก ยอ มมีอยูฉันใด เม่อื ชาติอันลามกมีอยู แมพระนิพพานกลาวคือความไมเกิด เพราะใหค วามเกดิ ทุกอยา งสนิ้ ไป กพ็ งึ มีฉนั นั้น ดงั นี้ เพราะเหตนุ ั้นทานจงึ กลาววา เมอ่ื ทกุ ขม อี ยู ข้นึ ชื่อวาสุขก็ตอ งมฉี ันใด เมอื่ ภพมอี ยู แมส ภาพทป่ี ราศจากภพก็ควรปรารถนาฉนั น้นั เม่อื ความรอ นมีอยู ความเย็นอีกอยา งกต็ องมี ฉันใด ไฟสามอยา งมอี ยู พระนพิ พานกค็ วรปรารถนา ฉันนัน้ เมื่อสิง่ ชว่ั มอี ยู แมความดงี ามก็ตอ งมฉี นั ใด ความเกดิ มีอยู แมความไมเ กดิ ก็ควรปรารถนาฉนั นน้ั ดงั นี.้ ทานยงั คิดขอ อื่น ๆ อีกวา บรุ ุษผูจมอยูในกองคถู เห็นสระใหญด าดาษไปดวยดอกปทุมหาสแี ตไกล ควรท่จี ะแสวงหาสระนั้นดวยคดิ วา เราควรจะไปที่สระน้นั โดยทางไหนหนอ การไมแสวงหาสระนนั้ หาเปน ความผิดของสระนนั้ ไมแตเ ปนความผิดของบรุ ษุ น้ันเทาน้นั ฉันใด เมื่อสระใหญคืออมตนพิ พานเปนทช่ี ําระลา งมลทินคอื กเิ ลสมีอยู การไมแ สวงหาสระนนั้ ไมเปนความผดิ ของสระใหญค ืออมตนพิ พาน แตเ ปนความผดิ ของบรุ ุษน้ันเทาน้นั ฉันนั้นเหมือนกนัอนง่ึ บรุ ุษผถู กู พวกโจรหอมลอ ม เม่ือทางหนีมอี ยู ถาเขาไมห นไี ป ขอ นั้นหาเปน ความผดิ ของทางไม แตเ ปน ความผดิ ของบรุ ษุ นนั้ เทานน้ั ฉนั ใด บรุ ุษผูถ กู

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 8กิเลสหอ มลอมจับไวไ ดแลว เมอื่ ทางอันเยอื กเยน็ เปน ทไ่ี ปสพู ระนพิ พานมีอยูแตไมแสวงหาทางนัน้ หาเปนความผดิ ของทางไม แตเ ปนความผิดของบคุ คลนน้ัเทานั้น ฉันน้ันเหมอื นกนั และบุรุษผูถ กู พยาธิเบยี ดเบียน เม่อื หมอผูร ักษาความเจบ็ ปว ยมอี ยู หากเขาไมแสวงหาหมอนัน้ ใหร กั ษาความเจ็บปว ย ขอ น้นั หาเปนความผิดของหมอไม แตเปนความผิดของบรุ ุษนั้นฉนั ใด ผูใ ดถูกพยาธิคือกิเลสเบียดเบียน ไมแสวงหาอาจารยผูฉลาดในการระงับกิเลสซ่ึงมีอยู ขอนั้นเปนความผดิ ของผูน้นั เทาน้ัน หาเปนความผดิ ของอาจารยผูทํากิเลสใหพินาศไมฉันนัน้ เหมอื นกัน ดังน้ี เพราะฉะนั้น ทา นจึงกลา ววา บุรุษผตู กอยูใ นคูถ เหน็ สระมีนา้ํ เต็มเปย ม ไมไป หาสระน้ัน ขอ นน้ั หาเปนความผิดของสระไมฉ นั ใด เม่อื สระคืออมตะในการท่ีจะชําระลางมลทินคอื กิเลส มีอยู เขาไมไปหาสระนัน้ ขอน้ันหาเปน ความผิดของ สระคืออมตะไม ฉนั นน้ั เหมอื นกัน. คนผถู ูกศตั รกู ลมุ รุมเมอ่ื ทางหนีไปมอี ยูไมหนีไป ขอ นนั้ หาเปน ความผดิ ของทางไมฉ ันใด คนทถี่ กู กเิ ลส กลมุ รมุ เมอื่ ทางปลอดภยั มีอยไู มไ ปหาทางน้นั ขอ น้นั หาเปน ความผิดของทางที่ปลอดภัยน้นั ไม ฉนั น้ัน เหมือนกัน. คนผูเ จบ็ ปวยเมอ่ื หมอรกั ษาโรคมอี ยู ไมยอมให รักษาความเจ็บปว ยนน้ั ขอ นน้ั หาเปนความผิดของ หมอน้ันไม ฉันใด คนผไู ดร ับทุกขถ กู ความเจ็บปวย คือกิเลสเบียดเบียนแลว ไมไ ปหาอาจารยนั้น ขอ น้นั หาเปน ความผิดของอาจารยผแู นะนําไม ฉนั นนั้ เหมือนกัน.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 9 ทานยังนึกถึงแมขอ อน่ื ๆ อีกวา คนผขู อบแตงตวั พงึ ท้ิงซากศพท่ีคลองไวท ่คี อไปไดอยา งมคี วามสขุ ฉันใด แมเ รากค็ วรทิ้งกายอนั เนา น้ีไมมีอาลยั เขา ไปสูนิพพานนครฉันน้นั ชายหญิงทัง้ หลายถา ยอจุ จาระและปส สาวะรดบนพื้นทอ่ี ันสกปรกแลว ยอ มไมเ กบ็ ใสพ กหรือเอาชายผาหอ ไป ตา งรังเกียจไมมอี าลัยเลย กลับท้ิงไปเสยี ฉนั ใด แมเ รากค็ วรจะไมมีอาลยั ทิ้งกายเนานีเ้ สยีเขาไปสนู พิ พานนครอันเปน อมตะฉันนน้ั และนายเรอื ไมมอี าลยั ท้งิ เรอื ลาํ เกาคร่าํ ครา ไปฉันใด แมเ ราก็จะละกายอนั เปน ท่หี ลง่ั ไหลออกจากปากแผลทัง้ เกานี้ไมมีอาลยั เขา ไปสนู ิพพานบุรี ฉนั นน้ั อนงึ่ บุรุษพาเอาแกวนานาชนิดเดนิ ทางไปพรอมกบั โจร จงึ ละท้งิ พวกโจรเหลา นั้นเสยี เพราะกลัวจะเสียแกว ของตนถอื เอาทางทปี่ ลอดภยั ฉันใด กรชกาย (กายทเี่ กดิ จากธุล)ี แมนี้ กฉ็ ันนนั้เปนเชน กับโจรปลน แกว ถา เราจกั กอ ตณั หาขนึ้ ในกายน้ี แกวคอื พระธรรมอันเปน กศุ ล คืออริยมรรคจะสญู เสยี ไป เพราะฉะนั้นควรท่ีเราจะละทงิ้ กายอันเชนกบั โจรน้เี สยี แลว เขา ไปสูน พิ พานนคร ดังนี้ เพราะเหตุนน้ั ทา น จงึกลาววา บรุ ษุ ปลดเปล้อื งซากศพท่นี าเกลยี ด ซึ่งผกู ไว ทคี่ อแลวไป อยอู ยา งสขุ เสรี อยลู าํ พังตนได ฉันใด คนก็ควรละทิ้งรา งกายเนา ทม่ี ากมูลดว ยซากศพ นานาชนิดไปอยา งไมม อี าลยั ไมม คี วามตอ งการอะไร ฉนั น้นั . ชายหญงิ ทง้ั หลายถา ยกรีสลงในท่ีถายอจุ จาระท้ิง ไปอยา งไมม อี าลยั ไมม ีความตองการอะไร ฉนั ใด เราจะละทง้ิ กายที่เต็มไปดว ยซากศพนานาชนิดนีไ้ ป เหมอื นคนถา ยอจุ จาระแลว ละท้งิ สว มไปฉะนัน้ .

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 10 เจาของละท้ิงเรือทเี่ กา ครํ่าคราผุพงั นํ้ารั่วเขา ไป ได ไมม คี วามอาลยั ไมมีความตอ งการอะไร ฉนั ใด เราจกั ละทิ้งกายนี้ที่มีชอ งเกาชอง หลง่ั ไหลออกเปน นติ ย เหมือนเจา ของทิง้ เรือเกา ไป ฉะนั้น. บรุ ุษไปพรอมกับโจรถือหอ ของไป เหน็ ภัยท่จี ะ เกิดจากการตัดหอของจงึ ทิ้งแลว ไปเสียฉนั ใด กายนี้ เปรยี บเหมือนมหาโจร เราจักละทิ้งกายน้ไี ปเพราะ กลวั จะถูกตัดกุศล ฉนั น้ันเหมือนกนั . สุเมธบณั ฑิตคดิ เน้ือความประกอบดว ยเนกขัมมะน้ี ดวยอปุ มาตาง ๆอยา งแลว สละกองแหง โภคสมบตั ินับไมถวนในเรอื นของตน แกเหลา ชนมีคนกําพราและคนเดนิ ทางไกลเปนตน ตามนยั ที่กลา วมาแลว แตห นหลงั ถวายมหาทานละวตั ถกุ ามและกิเลสกามแลว ออกจากอมรนครคนเดียวเทา นั้น อาศยัภเู ขาช่ือธรรมกิ ะในปา หมิ พานต สรางอาศรม เนรมติ บรรณศาลาและทจี่ งกรมเนรมิตขน้ึ ดว ยกาํ ลงั แหงบุญของตน เพือ่ จะละเวน เสยี จากโทษแหง นวิ รณท ัง้หา นาํ มาซึง่ กาํ ลัง กลาวคืออภญิ ญาที่ประกอบดวยเหตุ อนั เปนคุณ ๘ อยางตามที่ทานกลาวไวโ ดยนยั เปน ตน วา เม่ือจิตมั่นคงแลว อยา งนี้ ดังนี้ แลว ละท้ิงผาสาฎกท่ีประกอบดวยโทษ ๙ ประการไวในอาศรมบทน้นั แลวนงุ หมผา เปลอื กไมทีป่ ระกอบดวยคณุ ๑๒ ประการบวชเปนฤาษี. ทานเม่ือบวชแลว อยา งนี้ก็ละบรรณศาลานั้น ซ่ึงเกล่อื นกลน ไปดวยโทษ ๘ ประการ เขา ไปหาโคนตนไมซ ง่ึ ประกอบดว ยคณุ ๑๐ ประการ เลกิ ละขา วตา ง ๆ อยางทั้งปวง หันมาบรโิ ภคผลไมท หี่ ลนจากตนเอง เริม่ ตง้ั ความเพียรดว ยอาํ นาจการนง่ั การยืนและการจงกรม ในภายในเจด็ วันนนั่ เองกไ็ ดอ ภญิ ญา ๕ สมาบัติ ๘ ทานไดบรรลุกาํ ลังแหงอภิญญาตามทปี่ รารถนาไวน ัน้ ดวยประการฉะนี้. เพราะเหตนุ ้ัน ทานจึงกลา ววา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 11 เราคดิ อยา งนีแ้ ลว ไดใหทรพั ยนนั้ ไดหลายรอย โกฏิ แกค นยากจนอนาถา แลวเขา ไปสูปาหมิ พานต ในทีไ่ มไกลแหงปา หิมพานตม ภี เู ขาช่อื ธรรมกิ ะ เรา สรา งอาศรมอยางดีไว เนรมิตบรรณศาลาไวอ ยางดี ทั้งยงั เนรมิตท่จี งกรมเวนจากโทษ ๕ ประการไวใ น อาศรมนน้ั เราไดกําลงั อภญิ ญาประกอบดวยองคแ ปด ประการ เราเลิกใชผาสาฎกอันประกอบดว ยโทษ ๙ ประการ หนั มานุง ผา เปลือกไมอ ันประกอบดว ยคณุ ๑๒ ประการ เราเลิกละบรรณศาลาท่เี กล่อื นกลน ไปดว ยโทษ ๘ ประการ เขาไปสูโ คนไมอนั ประกอบ ดวยคุณ ๑๐ ประการ เราเลกิ ละขาวท่ีหวานที่ปลูกโดย ไมม สี ว นเหลือเลย หันมาบริโภคผลไมหลน เองที่ สมบูรณดว ยคุณเปน อเนกประการ เราเริม่ ต้ังความ เพยี รในทีน่ ัง่ ท่ยี ืนและทจ่ี งกรมในอาศรมบทนั้น ภาย ในเจด็ วนั ก็ไดบ รรลุกําลงั แหงอภญิ ญา ดังน.ี้ ในคาถาน้นั ดวยบาลนี วี้ า อสฺสโม สกุ โต มยฺห ปณณฺ สาลสมุ าปต ทานกลา วถึงบรรณศาลาและทจี่ งกรมไวร าวกะวา สุเมธบัณฑติ สรางข้ึนดว ยมือของตนเอง แตใ นคาถานี้มใี จความดงั ตอไปน้ี ทาวสักกะทรงเห็นวา พระมหาสัตวจกั เขา ไปสูปา หมิ พานตแ ลว วันน้จี ักถงึ ภเู ขาชือ่ ธรรมกิ ะ จึงรบั สัง่ เรียกวิสสุกรรมเทพบตุ รวา นพ่ี อ สเุ มธบัณฑติ ออกมาดวยคดิ วา เราจักบวช ทา นจงเนรมิตท่อี ยใู หแ กพระมหาสตั วนนั้ วิสสุกรรมเทพบุตรน้ัน รับพระดาํ รสั ของพระองคแ ลว จงึ เนรมติ อาศรมนา ร่นื รมย บรรณศาลาสรางอยา งดี

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 12ท่ีจงกรมนา เบิกบานใจ แตพระผมู พี ระภาคเจาทรงอาศยั อาศรมบทน้ัน ที่สําเรจ็ ดว ยอานภุ าพแหง บญุ ของพระองค จึงตรัสวา ดกู อนสารีบุตรทธี่ รรมิก-บรรพตน้ัน อาศรมเราไดส รา งขน้ึ อยา งดแี ลว เนรมติ บรรณศาลาไวอ ยา งดีท้งั ยังเนรมิตท่จี งกรมเวน จากโทษ ๕ ประการไวใ กลอาศรมนน้ั ดวย ดงั นี้. บรรดาบทเหลานน้ั บทวา สุกโต มยหฺ  แปลวา เราสรา งอาศรมไวอยางดีแลว. บทวา ปณณฺ สาล สมมาปต  ความวา แมบ รรณศาลาที่มงุ ดวยใบไมเรากส็ รางไวด แี ลว. บทวา ปจฺ โทสวิวชฺชติ  ความวา ชอื่วา โทษของท่จี งกรมมี ๕ อยา งเหลานี้ คือ แข็งกระดา งและขรุขระ มีตน ไมภ ายในมงุ ไวร กรุงรงั คับแคบมากนัก กวา งขวางเกินไป จริงอยู เมื่อบุคคลเดินจงกรมบนท่จี งกรมมพี น้ื ดนิ แข็งกระดางและขรุขระ เทา ทงั้ สองจะเจ็บปวดเกิดการพองขึน้ จติ จึงไมไดค วามเเนว แน และกรรมฐานก็จะวิบตั ิ แตก รรมฐานจะถึงพรอมเพราะอาศยั การอยูส บาย ในพนื้ ที่ออนนุมและราบเรียบ เพราะฉะนน้ั พงึ ทราบวา พื้นที่แขง็ กระดางและขรุขระเปน โทษอนั หนงึ่ . เมือ่ ตน ไมมีอยภู ายในหรอื ทามกลาง หรือทสี่ ดุ แหงที่จงกรม เมือ่ อาศัยความประมาทเดินจงกรม หนาผากหรอื ศรี ษะก็จะกระทบ เพราะฉะนั้น มตี น ไมภายในจึงเปน โทษขอท่ี ๒. เมื่อเดนิ จงกรมบนทจี่ งกรมมุงไวรกรุงรังดว ยหญา และเถาวัลยเปนตน ในเวลากลางคนื กจ็ ะเหยียบสตั วม ีงูเปนตน ทาํ ใหม ันตาย หรือจะถกู พวกมันกดั ไดร ับความเดือดรอน เพราะฉะนน้ั การทม่ี ุงบังรกรงุ รังจงึ จดัเปน โทษขอ ที่ ๓. เมื่อเดินจงกรมบนที่จงกรมแคบเกนิ ไป จึงมีกาํ หนดโดยกวา งเพียงศอกเดียวหรือคร่งึ ศอก เลบ็ บา ง นิว้ มอื บาง จะไปสะดดุ เขา แลวแตกเพราะฉะนน้ั ความคบั แคบเกนิ ไปจงึ เปนโทษขอที่ ๔. เมือ่ เดนิ จงกรมบนท่ีจงกรมกวา งขวางเกนิ ไปจิตยอมวิง่ พลาน จะไมไ ดค วามมีอารมณแนวแนเพราะฉะน้นั การท่ีทก่ี วางขวางเกนิ ไปจงึ เปน โทษขอ ท่ี ๕. ทเ่ี ดนิ จงกรมโดย

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 13สวนกวา งไดศอกคร่งึ ในสองขา งมีประมาณศอกหนง่ึ ทเี่ ดินจงกรมโดยสว นยาวมปี ระมาณ ๖๐ ศอก มพี ้ืนออ นนุม มที รายโรยไวเรยี บเสมอ กใ็ ชไ ดเหมือนที่เดนิ จงกรมของพระมหนิ ทเถระ. ผูปลกู ฝง ความเลื่อมใสใหชาวเกาะที่เจติยคริ ีวหิ ารกไ็ ดเ ปน เชน นี้ เพราะเหตุนัน้ ทานจึงกลาววา เราไดสรางที่เดินจงกรมไวในอาศรมนน้ั อนั เวน จากโทษ ๕ ประการ. บทวา ปฏคุณสมุเปต คอื ประกอบดว ยสขุ ของสมณะ ๘ ประการชอ่ื วา สุขของสมณะ ๘ ประการน้นั มีดังนคี้ อื ไมม ีการหวงแหนทรัพยสินและขาว แสวงหาแตบ ิณฑบาตท่ีไมม โี ทษ บรโิ ภคแตบ ิณฑบาตทีเ่ ยน็ ไมมกี ารบีบบังคับราษฎร ในเมื่อพวกลูกหลวงทง้ั หลายเทีย่ วบบี บงั คับราษฎรถือเอาทรพั ยม คี าและเหรยี ญกษาปณตะกั่วเปนตน ปราศจากความกาํ หนดั ดวยอาํ นาจความพอใจในเครือ่ งอปุ กรณท ัง้ หลาย ไมม ีความกลัวภยั ในเรอ่ื งถูกโจรปลนไมตองไปคลุกคลีกับพระราชาและราชอํามาตย ไมถ กู กระทบกระท่ังในทิศทง้ั๔. ทา นกลาวอธบิ ายไวว า ผูอยูในอาศรมน้นั สามารถทีจ่ ะประสบสขุ ของสมณะ๘ อยา ง เหลานี้ไดฉนั ใด เราสรางอาศรมนั้นประกอบดวยคณุ ๘ อยา ง ฉนั น้ัน.บทวา อภิ ฺ าพลมาหรึ ความวา ภายหลงั เม่อื เราอยใู นอาศรมนนั้ กระ-ทาํ บริกรรมในกสิณแลว เริม่ วปิ สสนาโดยความเปนของไมเทยี่ งและโดยความเปนทกุ ข เพอื่ ตองการความเกิดขึน้ แหงอภญิ ญาและสมาบตั ิ แลวก็ไดกาํ ลงั แหงวิปส สนาอันทรงเร่ียวแรง. อธบิ ายวา เมอื่ เราอยใู นอาศรมน้นั สามารถนํากําลงันนั้ มาได ฉนั ใด เราไดสรางอาศรมนน้ั กระทําใหเหมาะสมแกกาํ ลังแหง วิปสสนานั้น เพือ่ ประโยชนแกอ ภิญญา. ในคาถานวี้ า วสฏก ปชหึ ตตฺถ นวโทสมุปาคต มีคําทจี่ ะกลา วไปตามลําดับดังตอไปน้ี ไดย ินวาในกาลน้นั เมอ่ื วสิ สุกรรมเทพบตุ รเนรมติ อาศรม ทีป่ ระกอบดวยกระทอม ท่ีเรน และทเ่ี ดนิ จงกรมโดยทางโคง

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 14ดาดาษไปดวยตน ไมผลดิ อกออกผล มนี ํ้ามรี สอรอ ยนา รื่นรมย ปราศจากสตั วรายและนกมเี สียงรองนา สะพรงึ กลวั ตา ง ๆ ควรแกการสงบสงัด จดั หาพะนกัสําหรับพงิ ไวทท่ี ส่ี ุดสองขา งแหง ท่เี ดินจงกรมอันตกแตง แลว ตงั้ แผนหินมีสีดงั ถั่วเขียวมีหนาเสมอไวท ่ีตรงทา มกลางที่เดนิ จงกรม ในภายในบรรณศาลาเนรมิตส่ิงของทกุ อยา งทจ่ี ะเปนไปเพอื่ อปุ การะแกบ รรพชติ อยา งนค้ี ือ ชฎามณ-ฑล (ชฎาทรงกลม) ผา เปลือกไม บรขิ ารของดาบสมีไมส ามงา มเปน ตน ที่ซมุนามหี มอนาํ้ ดมื่ สังขตักนาํ้ ดมื่ ขันตักนํา้ ดื่ม ที่โรงไฟมกี ะทะรองถานและไมฟน เปน ตน ท่ีฝาผนงั แหง บรรณาศาลาเขียนอกั ษรไววา ใคร ๆ มปี ระสงคจ ะบวชจงถอื เอาบริขารเหลานบี้ วชเถดิ แลว ไปสเู ทวโลก สุเมธบณั ฑิตไปสปู าหิมพานตต ามทางแหงซอกเขา มองหาท่ีผาสกุ ควรจะอาศยั อยไู ดข องตน มองเห็นอาศรมนา รนื่ รมย ทว่ี สิ สกุ รรมเทพบตุ รเนรมิตไว อันทา วสกั กะประทานใหท ่ีทางไหลกลับแหง แมนํา้ จงึ ไปทท่ี ายทเี่ ดินจงกรม มิไดเ ห็นรอยเทา จึงคิดวาบรรพชติ แสวงหาภกิ ขาในบานใกล แลว เหนด็ เหนอื่ ยจักมา เขา ไปสบู รรณศาลาแลว น่งั แนแ ท จงึ รออยูหนอยหน่งึ คิดวา บรรพชติ ชกั ชา เหลอื เกนิ เราอยากจะรูนัก จงึ เปดประกฏุ ิในบรรณศาลาเขาไปขางใน ตรวจดูขางโนนและขา งนี้ อา นอกั ษรที่ฝาผนังแผน ใหญแลวคิดวา กปั ปย ะบริขารเหลา นน้ั เปนของเราเราจกั ถือเอาบริขารเหลานนั้ บวช จงึ เปลอ้ื งท้ิงผา สาฎกท้งั คทู ่ตี นนุงและหมแลวไว เพราะเหตุน้ันทานจงึ กลาววา เราเปล้ืองท้ิงผา สาฎกไวในบรรณศาลานนั้ .พระผูมพี ระภาคเจาทรงแสดงวา ดูกอ นสารบี ุตร เราเขา ไปอยา งนแี้ ลว เปล้ืองทิง้ผาสาฎกอันประกอบดวยโทษ ๙ ประการ ไวใ นบรรณศาลานนั้ เพราะฉะน้ันเราเมือ่ จะเปล้ืองทง้ิ ผา สาฎก จงึ เปลอ้ื งทิ้งไปเพราะเหน็ โทษ ๙ ประการ. จรงิอยสู ําหรบั ผูทบี่ วชเปน ดาบส โทษ ๙ ประการยอ มปรากฏในผาสาฎก คือ มคี ามากเปนโทษอันหน่งึ . เกดิ ขึ้นเพราะเก่ียวเน่อื งกบั คนอื่นหนง่ึ เศรา หมองเร็ว

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 15เพราะการใชสอยหนงึ่ เศรา หมองแลวจะตองชักและตอ งยอม การทเ่ี กาไปเพราะการใชส อยเปน โทษอันหนงึ่ . ก็สําหรับผา ที่เกา แลวจะตองทําการชุนหรอืใชผ าดาม การที่จะไดร บั ดว ยการแสวงหาอีกกย็ าก เปน โทษอนั หนงึ่ , ไมเหมาะสมกบั การบวชเปนดาบส เปน โทษอนั หนงึ่ . เปน ของทว่ั ไปแกศ ตั รูเปน โทษอันหน่งึ . เพราะจะตอ งคมุ ครองไวโดยอาการทศ่ี ัตรจู ะถอื เอาไมไ ดเปนเครอื่ งประดับประดาของผใู ชสอยเปน โทษอันหนงึ่ . สาํ หรับผถู อื เทย่ี วไปเปนคนมักมากในส่งิ ทเ่ี ปน ของใชประจาํ ตวั เปนโทษอนั หนึง่ . บทวา วากจีรนวิ าเสสึ ความวา ดกู อ นสารีบตุ ร ครง้ั นัน้ เราเห็นโทษ ๙ ประการเหลานั้นจึงเปลื้องทง้ิ ผาสาฎกนุงผา เปลือกไม คอื ใชผ าเปลอื กไมท่ฉี ีกหญา มงุ กระตา ยใหเปนชิ้นนอยใหญถ ักเขากนั กระทาํ ข้นึ เพ่ือประโยชนจะใชเปนผานุง และผา หม. บทวา ทฺวาทสคุณมปุ าคต คือประกอบดวยอานิสงส ๑๒ ประการก็ในผาเปลือกไมม อี านสิ งส ๑๒ ประการ คอื ราคาถกู ดีสมควร นี้เปนอานสิ งสอนัหนึง่ กอ น สามารถทาํ ดว ยมอื ตนเอง นเี้ ปนอานสิ งสท ่ี ๒ จะเศราหมองชา ๆดวยการใชสอย แมซกั กไ็ มชักชา นีเ้ ปน อานิสงสที่ ๓ แมจ ะเกาไปเพราะการใชสอยกไ็ มตอ งเยบ็ นี้เปนอานสิ งสท ี่ ๔ เมอ่ื แสวงหาใหมกท็ าํ ไดง าย น้ีเปนอานิสงสท ี่ ๕ เหมาะกับการบวชเปนดาบส เปน อานสิ งสท ี่ ๖ ผเู ปน ศัตรูไมใชสอย เปน อานสิ งสท ่ี ๗ เมือ่ ใชสอยอยูก็ไมเ ปน ทตี่ งั้ แหงการประดับประดาเปน อานิสงสท่ี ๘ จะนุง หมกเ็ บา นีเ้ ปนอานิสงสท ่ี ๙ แสดงวา มกั นอ ยในปจจัยคือจวี ร น้เี ปน อานสิ งสท ่ี ๑๐ การเกิดขึ้นแหงเปลอื กไม เปนของชอบธรรมและไมม ีโทษ เปน อานิสงสที่ ๑๑ เมอื่ ผาเปลอื กไมแมจ ะสญู หายไปก็ไมมอี าลัย นเี้ ปน อานิสงสท ่ี ๑๒. บทวา อฏ โทสสมากณิ ฺณ ปชหึ ปณณฺ สาลก ความวา เราละอยา งไร ไดยนิ วา สุเมธบัณฑติ น้ันเปล้ืองผา สาฎกเนื้อดที ั้งคอู อกแลว ถอื เอาผา

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 16เปลือกไมส ีแดงเชน กบั พวงแหง ดอกองั กาบ ซ่งึ คลองอยทู รี่ าวจวี ร แลวนุงหมผา เปลือกไมส ดี ังทองอกี ผนื หนง่ึ บนผา เปลอื กไมน ัน้ กระทาํ หนงั เสือพรอมทั้งเล็บเชน กับสณั ฐานของดอกบนุ นาคพาดเฉวียงบา รวบชฎามณฑลแลว สอดปนปก ผมทําดว ยไมแข็งเขาไปตรึงไวก ับมวย เพ่ือทําใหไมไ หวติง ไดวางคนโทนํา้ มีสีดงั แกว ประพาฬในสาแหรกเชน กบั พวงแกว มกุ ดา ถือเอาหาบโคงในท่ีสามแหง คลอ งคนโทนา้ํ ไวท ี่ปลายหาบ ขอและตะกรา ไมสามงามเปน ตน ไวทป่ี ลายขา งหนงึ่ เอาหาบดาบสบริขารวางบนบา เอามือขวาถอื ไมเทาออกไปจากบรรณศาลาเดนิ จงกรมอยไู ปมาบนทีเ่ ดนิ จงกรม มปี ระมาณ ๖๐ ศอก มองดเู พศของตนแลวคิดวา มโนรถของเราถึงท่ีสุดแลว การบรรพชาของเรางามจรงิ หนอ ขน้ึ ชอื่ วาบรรพชาน้อี นั ทานผูเ ปน ธรี บุรุษท้ังปวง มีพระพทุ ธเจาและพระปจเจกพทุ ธเจา เปน ตน สรรเสริญชมเชยแลว เคร่อื งผูกมดั ของคฤหสั ถเราละแลว เรากําลงั ออกบวช เราออกบวชแลวไดบรรพชาอนั สงู สุด เราจักกระทําสมณธรรม เราจกั ไดสขุ อนั เกดิ แตมรรคผล ดังนแ้ี ลวเกิดความอุตสาหะวางหาบดาบสบริขารลง นั่งลงบนแผนหนิ มีสีดงั ถ่ัวเขียวเหมอื นดงั รปู ปน ทองฉะนัน้ ใหเ วลากลางวันสนิ้ ไป เขา ไปสูบรรณศาลาในเวลาเยน็ นอนบนเสอ่ืท่ถี ักดว ยแขนงไมข างเตยี งหวาย ใหต วั ไดรับอากาศพอสบาย แลว ตืน่ ข้ึนตอนใกลรุง คาํ นงึ ถงึ การมาของตนวา เราเหน็ โทษในฆราวาสแลว สละโภคสมบตั ินบั ไมถว น ยศอนั หาที่สดุ มไิ ด เขา ไปสูปาแสวงหาเนกขัมมะบวช จาํ เดมิ แตน ี้ไปเราจะประพฤตติ วั ดว ยความประมาทหาควรไม เพราะแมลงวัน คอื มิจฉาวิตกยอ มจะกดั กนิ ผูทีล่ ะความสงบสงดั เทยี่ วไป บดั น้ี ควรที่เราจะพอกพนู ความสงบสงดั ดว ยวา เรามองเหน็ การอยคู รองเรือนโดยความเปนของมีแตกังวลจึงออกมา บรรณศาลานา พอใจนี้ พนื้ ทซ่ี งึ่ ลอมรัว้ ไวราบเรยี บแลวมสี ดี ังมะตูมสุกฝาผนังสขี าวมสี ีราวกะเงนิ หลงั คาใบไมมีสีดงั เทานกพิราบ เตยี งหวายมสี ีแหง

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 17เครือ่ งปูลาดอนั งดงาม ที่อยูพ ออยูอาศยั ไดอยา งผาสกุ ความพรอ มมลู แหงเรือนของเรา ปรากฏเหมอื นจะมียิ่งกวา น้ี ดงั น้เี ลอื กเฟน โทษของบรรณศาลาอยู กไ็ ดเหน็ โทษ ๘ ประการ. จริงอยใู นการใชสอยบรรณศาลามโี ทษ ๘ประการ คือ จะตอ งแสวงหาดวยการรวบรวมขึ้นดวยทัพสมั ภาระท่ีมีนํ้าหนักมากกระทาํ เปน โทษขอ หนงึ่ จะตอ งชอ มแซมอยเู ปน นิตย เพราะเมอ่ื หญาใบไมแ ละดนิ เหนยี วรว งหลน ลงมาจะตอ งเอาของเหลา น้นั วางไวทีเ่ ดมิ แลว ๆเลา ๆ เปน โทษขอ ที่ ๒ ธรรมดาเสนาสนะจะตอ งตกแกคนแกกอน เมือ่เขาเขา มาใหเ ราลกุ ขึน้ ในเวลาท่ไี มเ หมาะ ความแนวแนแหงจติ กจ็ ะมีไมไดเพราะฉะน้นั การที่ถกู ปลุกใหล ุกข้ึนจงึ เปน โทษขอที่ ๓ เพราะกําจัดเสียไดซ ึง่หนาวและรอ น กจ็ ะทําใหรางกายบอบบาง (ไมแ ข็งแรง) เปน โทษขอ ท่ี ๔คนเขา ไปสูเรือนอาจทาํ ความช่วั อยา งใดอยางหนึง่ ได เพราะฉะนั้น การที่ปกปด ส่งิ นา ตเิ ตียน เปน โทษขอที่ ๕ การหวงแหนดว ยคิดวาเปน ของเรา เปนโทษขอ ท่ี ๖ ธรรมดาการมเี รอื นแสดงวาตอ งมภี รรยา เปน โทษขอ ที่ ๗ เปนของทัว่ ไปแกตนหมูมาก เพราะเปน สาธารณะแกสัตวมเี ล็น เรือด และตกุ แกเปน ตน เปน โทษขอที่ ๘. บทวา อเิ ม ความวา พระมหาสตั วเ หน็ โทษ๘ ประการเหลานี้ แลว จึงเลกิ ละบรรณศาลา. เพราะเหตุนน้ั ทา นจึงกลาววาเราเลิกละบรรณศาลาท่ีเกล่อื นกลนดว ยโทษ ๘ ประการ. บทวา อปุ าคมึ รุกฺขมูล คุเณ ทสหุปาคต ความวา พระมหา-สตั วก ลา ววา เราหามที่มุงบัง เขาหาโคนตน ไมท ่ปี ระกอบดว ยคณุ ๑๐ ประการในขอ นั้น คณุ ๑๐ ประการมดี งั ตอ ไปนี้ มีความยงุ ยากนอยเปนคุณขอ ที่ ๑ เพราะเพียงแตเ ขา ไปเทา น้ันก็อยูทนี่ ่นั ได เพราะฉะนัน้ จงึ ไมตองดูแลรักษา เปน คณุขอท่ี ๒ ก็ทน่ี ้นั จะหัดกวาดก็ตาม ไมป ดกวาดก็ตาม กใ็ ชสอยไดอยางสบายเหมอื นกนั การที่ไมตองบากบ่ันนัก เปน คณุ ขอ ท่ี ๓ ทน่ี ้นั ปกปดความนินทา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 18ไมได เพราะเมอ่ื คนทาํ ความชัว่ ในที่น้ันยอ มละอาย เพราะฉะนัน้ การปกปดความนินทาไมได เปนคณุ ขอท่ี ๘ โคนไมเ หมือนกบั อยใู นที่กลางแจง ยอมไมย งั รางกายใหอดึ อัด เพราะฉะนน้ั การทรี่ า งกายไมอ ึดอัดจงึ เปนคุณขอ ๕ไมม กี ารตอ งทาํ การหวงแหนไว เปนคุณขอ ที่ ๖ หา มเสียไดซ ึ่งความอาลัยในบา นเรอื น เปน คณุ ขอ ท่ี ๗ ไมม กี ารทีจ่ ะตอ งพูดวา เราจักปด กวาดเชด็ ถูพวกทา นจงออกไป แลวก็ไลไ ปเหมอื นในเรือนที่ทั่วไปแกค นหมมู าก เปนคุณขอที่ ๘ ผอู ยกู ไ็ ดรบั ความเอิบอมิ่ ใจ เปนคณุ ขอท่ี ๙ ไมตอ งอาลยั อาวรณเพราะเสนาสนะคอื โคนตนไมหาไดงายไมวาจะไปท่ีไหน เปนคุณขอ ที่ ๑๐.พระมหาสัตวเ หน็ คุณ ๑๐ อยางเหลา นนั้ จึงกลาววา เราเขาอาศัยโคนตน ไมดงั นี้. พระมหาสตั วก ําหนดเหตุมปี ระมาณเทานี้เหลานน้ั แลว วนั รุงขึน้ กเ็ ขา ไปเพอ่ื ภกิ ษา. คร้งั นน้ั พวกมนุษยใ นบา นทท่ี านไปถงึ ไดถวายภิกษาดว ยความอตุ สาหะใหญ ทานทาํ ภัตกจิ เสรจ็ แลวมายงั อาศรม น่งั ลงแลว คิดวา เราบวชดวยคดิ วา เราจะไมไดอ าหารกห็ าไม ธรรมดาวาอาหารทอี่ รอยนยี้ อ มยังความเมาดวยอํานาจมานะและความเมาในความเปน บุรุษใหเ จรญิ และที่สุดแหง ทุกขอันมอี าหารเปนมูลไมม ี ถากระไรเราพึงเลิกละอาหารทีเ่ กิดจากขาวทีเ่ ขาหวา นและปลูก บรโิ ภคผลไมที่หลน เองดงั น้.ี จาํ เดิมแตนัน้ ทา นกระทําอยา งน้ันพากเพียรพยายามอยูใ นภายในสปั ดาหหนงึ่ ทาํ ใหสมาบตั ิ ๘ และอภิญญา ๕เกิดขนึ้ ไดแ ลว. เพราะเหตุนน้ั ทา นจงึ กลา ววา เราเลกิ ละขาวทหี่ วา นทปี่ ลูกโดยเด็ดขาด มา บริโภคผลไมทีห่ ลน เอง ท่ีสมบูรณด วยคุณเปนอันมาก เราเรมิ่ ตง้ั ความเพียรในการนง่ั การยืน และการเดิน จงกรมท่ีโคนตน ไมนั้น ในภายในสปั ดาหหน่ึง กไ็ ด บรรลอุ ภิญญาพละ ดงั น.ี้

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 19 เมื่อสุเมธดาบสบรรลอุ ภญิ ญาพละอยา งน้แี ลว ใหเวลาลว งไปดวยสขุอันเกิดจากสมาบัติ พระศาสดาทรงพระนามวาท่ปี งกร เสด็จอบุ ตั ขิ ึน้ ในโลกแลว ในการถือปฏิสนธิ การอุบัติขน้ึ การตรัสรูและการประกาศพระธรรม-จกั ร โลกธาตุหมื่นหนง่ึ แมท ้ังสน้ิ หว่ันไหวสน่ั สะเทอื นรองลั่นไปหมด บุรพ-นมิ ิต ๓๒ ประการปรากฏขนึ้ แลว. สุเมธบัณฑิตใหเวลาลวงเลยไปดว ยสุขอนัเกดิ แตส มาบัติ ไมไดย ินเสียงนัน้ เลย ท้ังไมไ ดเ ห็นนิมติ แมเ หลานั้นดว ย.เพราะเหตุนน้ั ทานจึงกลาววา เมอื่ เราบรรลคุ วามสาํ เรจ็ ในศาสนาเปน ผูม ีความ ชํานิชํานาญอยา งน้ี พระชนิ เจาผเู ปนโลกนายกทรง พระนามวาที่ปง กร เสด็จอุบตั ิขึ้นแลว เม่อื พระองค ทรงถือกําเนดิ เสด็จอบุ ัติข้นึ ตรัสรู แสดงพระธรรม เทศนา เราเอิบอ่ิมอยดู ว ยความยินดีในณาน มิไดเห็น นิมติ ท้ัง ๔ เลย. ในกาลนั้นพระทศพลทรงพระนามวา ทีปง กร มีพระขณี าสพส่แี สนหอมลอ มแลว เสด็จจารกิ ไปตามลาํ ดบั เสดจ็ ถงึ นครชอื่ รัมมกะ๑ เสดจ็ ประทบัณ สทุ สั นมหาวิหาร. พวกชาวรมั มกนครไดก ลาววา ไดย ินวาพระพทุ ธเจา ทรงพระนามวาทปี งกร ผูเปน ใหญก วาสนณะ ทรงบรรลอุ ภิสมั โพธอิ ยางยิง่ ทรงประกาศพระธรรมจกั รอันบวร เสด็จจาริกไปโดยลําดับ เสด็จถึงรัมมกนครแลวเสดจ็ ประทับอยทู ส่ี ทุ สั นมหาวหิ าร ตางพากันถอื เภสชั มเี นยใสและเนยขน เปนน้ี และผา เครือ่ งนงุ หม มมี ือถอื ของหอมและดอกไมเ ปนตน พระพทุ ธพระธรรม พระสงฆอยู ณ ทใ่ี ด ก็หล่ังไหลพากันตดิ ตามไป ณ ท่ีนนั้ ๆ เขาไปเฝาพระศาสดาแลวถวายบงั คม บูชาดวยของหอมและดอกไมเ ปนตนแลว นั่งณ ทีค่ วรขางหน่ึง ฟง พระธรรมเทศนาแลว ทลู นิมนตเพอ่ื เสวยในวันรุงข้ึน๑. บางแหงเปน รมั มนคร

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 20พากนั ลุกจากท่นี ่ังแลว หลีกไป. ในวันรุง ขึ้นตา งพากนั ตระเตรยี มมหาทานประดบัประดานคร ตกแตง หนทางทจ่ี ะเสดจ็ มาของพระทศพล ในทมี่ ีนา้ํ เซาะก็เอาดนิ ถมทําพน้ื ทด่ี นิ ใหร าบเสมอ โรยทรายอนั มสี ดี ังแผนเงิน โปรยปรายขา วตอกและดอกไม ปกธงชายและธงแผน ผา พรอมดว ยผา ยอมสีตา ง ๆ ตั้งตนกลวยและหมอ นาํ้ เต็มดว ยดอกไมเ รยี งรายเปนแถว. ในกาลน้ันสุเมธดาบสเหาะจากอาศรมบทของตน มาโดยทางอากาศ เบ้ืองบนของพวกมนษุ ยเ หลา น้นัเหน็ พวกเขารา เรงิ ยินดีกนั คดิ วา มีเหตอุ ะไรกันหนอ จึงลงจากอากาศยืน ณท่ีควรขางหนึง่ ถามพวกเขาวา ทา นผเู จริญ พวกทานพากนั ประดับ ประดาทางน้ีเพอ่ื ใคร ดังน้ี เพราะเหตุนน้ั ทานจึงกลา ววา พวกมนษุ ยม ใี จยนิ ดนี ิมนตพ ระตถาคต ในเขต แดนแหงปจจนั ตประเทศแลว พากนั ชําระสะสางทาง เสดจ็ ดาํ เนนิ มาของพระองค สมัยนัน้ เราออกไปจาก อาศรมของตน สะบดั ผา เปลอื กไมไปมาแลว ทน่ี น้ั ก็ เหาะไปทางอากาศ. เราเห็นชนตางเกดิ ความดใี จ ตางยนิ ดีราเรงิ ตาง ปราโมทย จงึ ลงจากทอ งฟา ไตถามพวกมนุษยท นั ที่วา มหาชนยินดีราเริงปราโมทย เกดิ ความดใี จ พวกเขา ชําระสะสางถนนหนทางเพือ่ ใคร. พวกมนุษยจึงเรยี นวา ขา แตทานสเุ มธผเู จรญิ ทานไมทราบอะไร พระ-ทศพลทปี ง กรทรงบรรลุสมั โพธิญาณแลว ประกาศพระธรรมจักรอนั ประเสรฐิเสดจ็ จาริกมาถึงนครของพวกเราแลว เสดจ็ พาํ นักท่ีสุทัสนมหาวหิ าร พวกเรานิมนตพ ระผูมพี ระภาคเจา พระองคนั้นมา จงึ ตกแตง ทางนี้ ท่ีจะเปนท่เี สดจ็ มาของพระผูมพี ระภาคพทุ ธเจา พระองคนัน้ . สเุ มธดาบสคิดวา แมเพยี งคําประกาศ

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 21วา พระพทุ ธเจา กห็ าไดย ากในโลก จะปวยกลาวไปไยถงึ การอุบตั ขิ นึ้ แหง พระ-พุทธเจา แมเ ราก็ควรจะรวมกับมนุษยเหลานนั้ ตกแตง ทางเพ่ือพระทศพลดวย.ทานจึงกลาวกะพวกมนษุ ยเหลา นนั้ วา ทานผเู จริญ ถา พวกทา นตกแตงทางนเ้ี พื่อพระพทุ ธเจา ขอจงใหโอกาสสวนหน่งึ แกเ ราบา ง แมเรากจ็ ักตกแตงทางเพื่อพระทศพลพรอ มกับพวกทาน พวกเขากร็ ับปากวา ดีแลว ตางรูวา สุเมธ-ดาบสมฤี ทธ์ิ จึงกาํ หนดท่วี างซ่งึ มนี าํ้ เซาะใหก ลา ววา ทานจงแตงทน่ี ีเ้ ถิด แลวมอบใหไ ป สุเมธดาบสยดึ เอาปติซง่ึ มีพระพุทธเจาเปน อารมณคดิ วา เราสามารถจะตกแตง ที่วางนี้ดว ยฤทธิ์ได แตเมื่อเราตกแตงเชน น้ี ใจก็จะไมยนิ ดนี ัก วนันเี้ ราควรจะกระทําการรับใชด วยกาย ดังน้ีแลว ขนดินมาเทลงในทว่ี างนนั้ .เมอ่ื ท่วี างแหงนนั้ ยังตกแตงไมเสรจ็ เลย พระทศพลทปี ง กร มีพระขีณาสพผูไดอภิญญา ๖ มีอานุภาพมาก ส่แี สนรูปหอมลอม เม่อื เหลา เทวดาบูชาอยูดวยของหอมและดอกไมทพิ ย เมื่อสังคีตบรรเลงอยู เมื่อเหลามนุษยบ ชู าอยดู วยของหอมและดอกไม เสดจ็ เยื้องกรายบนพ้นื มโนสลิ า ดวยพระพทุ ธลลี าอนั หาทส่ี ดุ มิได ประดุจราชสหี  เสด็จดําเนนิ นาสูทางท่ตี กแตงประดับประดาแลว นนั้ .สเุ มธดาบสลืมตาท้งั สองข้ึนมองดูพระวรกายของพระทศพลผูเสด็จดําเนนิ มาตามทางทตี่ กแตงแลว ซ่ึงถึงความเลศิ ดว ยพระรูปโฉม ประดบั ดวยพระมหาปรุ สิ -ลกั ษณะ ๓๒ ประการ สวยงามดวยพระอนุพยญั ชนะ (ลกั ษณะสว นประกอบ)๘๐ ประการ แวดวงดว ยแสงสวางมีประมาณวาหน่ึง เปลง พระพทุ ธรศั มีหนาทึบมสี ี ๖ ประการออกนาดปู ระหน่งึ สายฟา หลายหลาก ในพน้ื ทอ งฟา มสี ีดจุ แกวมณี ฉายแสงแปลบปลาบอยูไปมาและเปน คู ๆ กัน จึงคดิ วา วนั นเ้ี ราควรกระทําการบริจาคชวี ิตแดพ ระทศพล เพราะฉะน้ัน ขอพระผูม พี ระภาคเจา อยาไดท รงเหยียบเปอ กตม แตจ งทรงยํ่าหลังของเรา เสด็จพรอมกบั พระขณี าสพส่แี สนเหมอื นทรงเหยยี บสะพานแกวมณีเถดิ ขอนน้ั จกั เปน ไปเพอ่ื ประโยชนเ พอื่

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 22ความสุขแกเราตลอดกาลนาน ดังนแ้ี ลว แกผมออก ลาดหนังเสือ ชฎาและผาเปลอื กไมว างลงบนเปอกตม ซ่งึ มีสีดํา อนบนหลงั เปอ กตมเหมือนสะพานแผนแกว มณี เพราะเหตุนั้น ทานจงึ กลาววา พวกมนุษยเหลานน้ั ถกู เราถามแลวยืนยนั วา พระพุทธเจา ผยู อดเยย่ี มเปนพระชินะเปน พระโลกนายก ทรงพระนานวา ทปี ง กร เสดจ็ อบุ ตั ขิ ้นึ แลว ในโลก พวกเขาแลวถางถนนหนทางเพ่อื พระองค ปต ิเกิดขึน้ แลว แกเราทันใดเพราะไดฟ งคําวา พทุ โธ เราเม่อื กลา ว อยูวา พุทโธ พทุ โธ กไ็ ดเสวยโสมนัสแลว เรายนื อยใู นท่นี ั้นยนิ ดี มใี จเกดิ ความสงั เวชจึงคิดวา เราจกั ปลูกพืชไวใ นที่นั้น ขณะอยา ไดลวงเลยเราไปเสียเปลา ขา พวกทานจะแผวถางหนทางเพือ่ พระพทุ ธเจา ก็จง ใหท ่วี างแหงหนึง่ แกเ รา แมเรากจ็ กั แผว ถาง ถนนหน ทางทน่ี นั้ พวกเขาไดใหท ่ีวา งแกเ ราเพ่อื จะแผวถางทาง. เวลาน้นั เรากําลงั คดิ อยูวา พทุ โธ พุทโธ แผว ถางทาง เมอื่ ทีว่ างของเราทําไมเสรจ็ พระมหามนุ ี ทีปงกรผเู ปนพระชนิ เจา พรอมกับพระขณี าสพสแ่ี สน ไดอ ภิพญา ๖ ผคู งท่ีปราศจากมลทนิ เสด็จดาํ เนินมา ทางนน้ั การตอ นรับตาง ๆ ก็มขี นึ้ กลองมากมาย บรรเลงข้นึ เหลา คนและเทวดาลว นรา เริง ตางทาํ เสยี งสาธุการลั่นไปทั่ว เหลาเทวดาเห็นพวกมนุษยและ แมเหลามนุษยก เ็ หน็ เทวดา แมท ั้งสองพวกน้ันตาง

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 23 ประคองอัญชลีเดินตามพระตถาคตไป เหลา เทวดาท่ี เหาะมาทางอากาศก็โรยปรายดอกมณฑารพ ดอกบวั หลวง ดอกปาริฉัตรอนั เปน ทพิ ยไปทวั่ ทกุ ทศิ เหลาคน ท่อี ยูบ นพน้ื ดนิ ตางกช็ ดู อกจาํ ปา ดอก (สัลลชะ) ดอก กระทมุ ดอกกากะทงิ ดอกบุนนาค ดอกการะเกดไปทว่ั ทุกทิศ เราแกผ มออก เปลอื้ งผา เปลือกไมแ ละหนงั เสือ ในท่นี ้นั ลาดลงบนเปอกตมนอนควํา่ หนา พระ พุทธเจา พรอ มดวยศิษยจ งทรงเหยยี บเราเสดจ็ ไป อยา ไดเหยยี บบนเปอ กตมเลย ขอ น้นั จักเปน ไปเพ่ือ ประโยชนแ กเ รา ดงั นี้. สุเมธดาบสนัน้ นอนบนหลงั เปอกตมนั้นแล ลมื ตาทงั้ สองเห็นพระ-พทุ ธสิรขิ องพระทศพลทปี งกรจงึ คดิ วา ถาเราพงึ ตองการ กพ็ งึ เผากิเลสทั้งปวงหมดแลวเปน พระสงฆนวกะเขาไปสรู ัมมกนครได แตเราไมมีกจิ ดวยการเผากิเลสดว ยเพศทใ่ี ครไมรจู ักแลว บรรลุนิพพาน ถา กระไรเราพึงเปนดังพระทศพลทีปงกรบรรลุพระอภสิ ัมโพธิญาณอยา งสงู ยิง่ แลวขึน้ สูธรรมนาวา ใหมหาชนขา มสงสารสาครไดแ ลวปรินิพพานภายหลัง ขอ นสี้ มควรแกเรา ดังน้แี ลว ตอจากนัน้ ประมวลธรรม ๘ ประการกระทําความปรารถนาอยา งย่งิ ใหญเพอ่ื ความเปนพระพทุ ธเจา แลวนอนลง. เพราะเหตนุ ัน้ ทานจงึ กลาววา เมอ่ื เรานอนบนแผน ดนิ ไดมคี วามคดิ อยา งนวี้ า วนั นีเ้ ราเมือ่ ปรารถนาอยูก พ็ งึ เผากเิ ลสของเราได จะมี ประโยชน อะไรแกเราเลา ดวยการทําใหแจง ธรรมในท่ี น้ดี ว ยเพศท่ใี คร ๆ ไมร ูจกั เราบรรลุพระสัพพญั ุต-

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 24 ญาณจกั เปนพระพุทธเจา ในโลกพรอ มทั้งเทวโลก จะ มีประโยชนอะไรแกเราดวยลกู ผชู าย ผูมรี ูปรางแข็ง แรงนข้ี ามฝงไปคนเดยี ว เราบรรลุพระสพั พญั ตุ ญาณ แลวจกั ใหมนษุ ยพรอมท้งั เทวดาขามฝง ดวยการกระ- ทําอันย่ิงใหญของเรา ดว ยลูกผชู ายผูมีรปู รา งแข็งแรง น้ี เราบรรลพุ ระสพั พัญุตญาณแลว จะใหเหลาชน มากมายขามฝง เราตัดกระแสน้าํ คือสงสาร ทาํ ลาย ภพท้งั สามแลว ขน้ึ สธู รรมนาวา จกั ใหมนุษยพรอ ม ทง้ั เทวดาขามฝง ดังน.้ี ก็เมื่อบคุ คลปรารถนาความเปน พระพทุ ธเจา อยู ความปรารถนาท่ยี ่งิใหญจ ะสาํ เรจ็ ไดเพราะประมวลมาซึ่งธรรม ๘ ประการ คือความเปนมนษุ ย ๑ความถึงพรอมดว ยเพศ ๑ เหตุ ๑ การเห็นพระศาสดา ๑ การบรรพชา ๑ การสมบูรณด วยคุณ ๑ การกระทาํ ยิง่ ใหญ ๑ ความพอใจ ๑. จรงิ อยู เมื่อบุคคลดํารงอยใู นภาวะแหง ความเปน มนุษยน่ันแหละปรารถนาความเปน พระพทุ ธเจา ความปรารถนายอ มสําเรจ็ ความปรารถนาของนาค ครุฑหรือเทวดาหาสําเร็จไม แมใ นภาวะแหง ความเปนมนษุ ยเม่ือเขาดํารงอยูในเพศบุรุษเทานัน้ ความปรารถนาจงึ จะสาํ เรจ็ ความปรารถนาของหญงิหรอื บณั เฑาะกก ระเทยและอภุ โตพยญั ชนก กห็ าสาํ เรจ็ ไม แมสาํ หรับบรุ ษุ ความปรารถนาของผูสมบรู ณด วยเหตุที่จะบรรลุอรหัต แมใ นอตั ภาพน้นั เทาน้นั จึงจะสาํ เรจ็ ได นอกน้ีหาสาํ เรจ็ ไม แมส าํ หรบั ผทู สี่ มบูรณด ว ยเหตถุ า เม่ือปรารถนาในสํานักของพระพุทธเจา เทานน้ั ความปรารถนาจึงจะสาํ เร็จ เมอื่ พระพทุ ธ.เจา ปรินิพพานแลว เม่อื ปรารถนาในทีใ่ กลเ จดยี หรือที่โคนตนโพธิ์ ก็หาสําเร็จไม แมเมือ่ ปรารถนาในสํานักของพระพุทธเจา ความปรารถนาของผทู ี่

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 25ดาํ รงอยูในเพศบรรพชติ เทานนั้ จงึ จะสําเรจ็ ผูที่ดาํ รงอยใู นเพศคฤหสั ถหาสําเรจ็ไม แมผ เู ปน บรรพชิต ความปรารถนาของผูทีไ่ ดอภิญญา ๕ และสมาบัติ ๘เทานั้นจงึ จะสําเร็จ ผทู ่ีเวน จากคุณสมบตั นิ ี้ นอกน้หี าสําเร็จไม แมผ ูท่ีสมบูรณดว ยคุณแลวกต็ าม ความปรารถนาของผูที่ไดก ระทําการบริจาคชวี ติ ของตนแดพระพุทธเจา ซึ่งเปน ผูสมบรู ณดว ยการกระทําอนั ย่งิ ใหญน ี้เทาน้นั จงึ จะสําเร็จของตนนอกน้ีหาสาํ เร็จไม แมผูทจี่ ะสมบรู ณด วยการกระทําอันยง่ิ ใหญแ ลวยงัจะตอ งมีฉันทะอนั ใหญห ลวง อุตสาหะ ความพยายามและการแสวงหาอันใหญเพื่อประโยชนแ กธ รรมท่ีกระทาํ ใหเ ปน พระพุทธเจาอกี ความปรารถนาจงึ จะสําเรจ็ คนอื่นนอกจากนห้ี าสาํ เรจ็ ไม. ในขอทฉี่ ันทะจะตองยง่ิ ใหญน ้นั มีขออปุ มาดงั ตอ ไปน้ี. กถ็ า จะพงึ เปนไปอยา งนีว้ า ผใู ดสามารถทจี่ ะใชก ําลังแขนของตนขา มหวงแหงจกั รวาลทง้ั สิ้นท่ีเปนน้าํ ผนื เดยี วกนั หมดแลว ถงึ ฝงได ผนู ัน้ ยอ มบรรลคุ วามเปน พระพทุ ธเจาได หรือวา ผใู ดเดินดวยเทาสามารถที่จะเหยียบย่าํ หวงแหง จกั รวาลท้งั สิน้ ที่ปกคลมุ ดว ยกอไผแลวถงึ ฝงได ผนู ั้นยอมบรรลุความเปนพระพทุ ธเจา ได หรอืวา ผูใดปก ดาบท้ังหลายลงแลวเอาเทา เหยยี บหวงแหงจักรวาลท้งั สิน้ ซึง่ เต็มไปดว ยฝกดาบสามารถทจ่ี ะถงึ ฝง ได ผนู ้ันยอมบรรลคุ วามเปนพระพุทธเจาไดหรอื วาผูใ ดเอาเทายํ่าหวงแหง จกั รวาลท้งั สิ้น ซงึ่ เต็มไปดว ยถานมีเปลวเพลงิลกุ โชติชวงสามารถทจ่ี ะถงึ ฝง ได ผูนั้นยอ มไดบ รรลุความเปนพระพทุ ธเจา ได.ผูใดไมส ําคญั เหตุเหลานั้นแมเ หตุหนึง่ วาเปน ของท่คี นทาํ ไดยาก คดิ แตวา เราจกัขา มหรือไปถือเอาซง่ึ ฝง ขา งหนง่ึ จนได ดงั น้ี เขาผูน ัน้ จดั วาเปนผปู ระกอบดว ยฉนั ทะอุตสาหะความพยายามและการแสวงหาอันใหญ ความปรารถนาของเขายอ มสาํ เร็จ คนนอกนีห้ าสําเร็จไม. ก็สุเมธดาบสแมจะประมวลธรรมทงั้ ๘ประการเหลานั้นไดแ ลว ยังการทําความปรารถนาอยางยิ่งใหญ เพ่ือความเปน

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 26พระพุทธเจาแลว นอนลง. ฝา ยพระผมู พี ระภาคเจา ทรงพระนามวาทปี งกรเสดจ็มาประทับยืนทเี่ บื้องศรี ษะของสเุ มธดาบส ทรงลมื พระเนตรทง้ั สองอนั สมบูรณดวยประสาทมีวรรณะ ๕ ชนิด ประหนงึ่ วา เปด อยูซึ่งสหี บัญชรแกว มณี ทอดพระเนตรเห็นสุเมธดาบสนอนบนหลังเปอกตมทรงดําริวา ดาบสน้กี ระทาํ ความปรารถนาอยางยง่ิ ใหญเพ่อื ความเปนพระพุทธเจาความปรารถนาของเขาจกั สาํ เรจ็หรอื ไมห นอ ทรงสงพระอนาคตังสญาณใครครวญอยู ทรงทราบวา ลวงส่อี สง-ไขยยิง่ ดวยแสนกปั นับแตนี้ เขาจักไดเ ปนพระพทุ ธเจานามวาโคดม ยงั ประทับยนื อยูน ั่นแหละทรงพยากรณแ ลวดวยตรสั วา พวกทานจงดาบสผูม ตี บะสงู นี้ ซง่ึนอนอยูบ นหลังเปอ กตม. ภกิ ษุทั้งหลายกราบทูลวา เหน็ แลวพระเจาขา จงึ ตรสั วาดาบสนก้ี ระทําความปรารถนายิ่งใหญ เพ่ือความเปน พระพุทธเจา นอนแลวความปรารถนาของเขาจกั สาํ เรจ็ ในทสี่ ุดแหง สอี่ สงไขยย่งิ ดวยแสนกปั นบั แตน้ีเขาจกั ไดเ ปน พระพทุ ธเจา นามวาโคดม ก็ในอตั ภาพนัน้ ของเขา นครนามวากบิลพัสดุจักเปน ทีอ่ ยูอาศัย พระเทวีทรงพระนามวา มายาเปนพระมารดา พระ-ราชาทรงพระนามวาสทุ โธทนะเปน พระราชบดิ า พระเถระชือ่ อุปติสสะเปนอัครสาวก พระเถระชือ่ โกลิตะเปน อัครสาวกทสี่ อง พทุ ธอุปฐากชือ่ อานนท พระเถรีนามวาเขมาเปนอคั รสาวกิ า พระเถรีนามวา อุบลวรรณาเปนอคั รสาวิกาท่ีสองเขามีญาณแกก ลาแลว ออกมหาภิเนษกรมณ ตง้ั ความเพยี รอยา งใหญ รับขา วปายาสทโ่ี คนตน ไทร เสวยทฝ่ี ง เเมน ํา้ เนรญั ชรา ข้นึ สูโ พธิมณฑลจักตรสั รทู ี่โคนตนอสั สัตถพฤกษ ดงั นี้ เพราะเหตุนน้ั ทา นจึงกลาววา พระพุทธเจา ทรงพระนามวา ทีปงกร ผูท รงรูแ จง ซ่งึ โลก ผูทรงรับเครือ่ งบชู า ประทับยืน ณ เบอื้ งศรี ษะ ไดตรสั คาํ น้ีกะเราวา พวกทา นจงดูดาบสผเู ปนชฏิลผมู ี ตบะสูงน้ี เขาจกั ไดเปนพระพุทธเจา ในโลกในกปั ทีน่ ับ

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 27 ไมถ ว นแตกปั นี้ เขาเปน ตถาคตจะออกจากนครชื่อ กบิลพสั ดุ อันนาร่ืนรมย ต้ังความเพียร กระทาํ ทุกร- กิรยิ า นัง่ ท่ีโคนตนอชปาลนโี้ ครธประคองขา วปายาส ไปยังแมน า้ํ เนรญั ชราในทน่ี ้นั พระชินเจา พระองคน ้ัน ทรงถอื ขาวปายาสไปทีฝ่ ง แมนา้ํ เนรัญชรา เสดจ็ ถงึ โคน ตนโพธิโ์ ดยทางทเี่ ขาแตงไวด แี ลว ลําดบั นนั้ พระสัม- พุทธเจาผูท รงมพี ระยศใหญม มิ ีใครยิ่งกวากระทาํ ประ- ทกั ษณิ โพธมิ ณฑลแลว จักตรัสรทู ่โี คนตน โพธิ พระ- มารดาผูเ ปนชนนีของเขาจักมีนามวา มายา พระบดิ าจกั มนี ามวา สทุ โธทนะ เขาจกั มนี ามวา โคดม พระโกลติ ะ และอุปติสสะจักเปนอัครสาวก ผหู าอาสวะมิไดป ราศ จากราคะแกว มจี ติ อนั สงบตัง้ มั่น. อปุ ฐากนามวา อานนทจ กั เปนอปุ ฐากพระชนิ เจานัน้ . นางเขมาและ นางอบุ ลวรรณาจกั เปน อคั รสาวกิ า ผูห าอาสวะมไิ ด ปราศราคะแลว มจี ิตสงบต้ังมนั่ . ตนไมท ่ีตรสั รูของ พระผมู พี ระภาคเจาน้ัน จักเรยี กกนั วา อัสสัตถพฤกษ ดังน.้ี สุเมธดาบสไดบงั เกิดโสมนสั วา นยั วาความปรารถนาของเราจกั สําเรจ็ดังนี้ มหาชนไดฟงพระดาํ รสั ของพระทศพลทีปงกรแลว ตางไดพากันรา เริงยินดีวา นยั วาสุเมธดาบสเปน พืชแหงพระพทุ ธเจา เปนหนอแหง พระพทุ ธเจาและพวกเขาเหลานน้ั ก็ไดมคี วามคิดอยา งน้วี า ธรรมดาวาบรุ ษุ เม่ือจะขามแมนาํ้ ไมสามารถขา มโดยทา โดยตรงได ยอ มขา มโดยทา ขา งใตฉนั ใด แมพวกเราก็ฉนั น้ันเหมอื นกนั เมือ่ ไมไดม รรคและผลในศาสนาของพระทศพลทีปงกร ในกาลใดในอนาคตทา นจักเปนพระพทุ ธเจา ในกาลน้ันพวกเราพงึ สามารถกระทํา

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 28ใหแจง ซง่ึ มรรคและผลในท่ตี อ หนาของทา นดงั น้ี ตา งพากันต้งั ความปรารถนาไว.แมพระทศพลทีปงกรทรงสรรเสริญพระโพธสิ ตั ว ทรงบชู าดว ยดอกไม ๘ กาํ มือทรงกระทาํ ประทักษิณแลวเสด็จหลกี ไป แมพระขีณาสพนับไดส ี่แสนตา งกพ็ ากันบชู าพระโพธิสตั ว ดว ยของหอมและพวงดอกไม กระทาํ ประทกั ษณิ แลวหลกี ไป พระโพธิสัตวลกุ ขนึ้ จากท่นี อนในเวลาท่ีคนทงั้ ปวงหลกี ไปแลว คิดวาเราจักตรวจตราดูบารมีท้ังหลาย ดังน้ี จึงนัง่ ขัดสมาธิบนทสี่ ุดของกองดอกไมเมื่อพระโพธิสตั วนั่งแลวอยา งน้ี เทวดาในหม่ืนจกั รวาลทง้ั สน้ิ ไดใหส าธกุ ารกลา ววา ขาแดพ ระผเู ปนเจาสุเมธดาบสในเวลาทพี่ ระโพธิสัตวเ กา กอ นทัง้ หลายน่ังขัดสมาธิดวยคดิ วา เราจักตรวจตราบารมีทั้งหลาย ชือ่ วา บุรพนมิ ติ เหลาใดจะปรากฏ บุรพนมิ ติ เหลานั้นแมทงั้ หมดปรากฏแจม แจง แลว ในวันน้ี ทา นจักเปนพระพุทธเจาโดยไมตองสงสัย พวกเรากร็ ขู อนัน้ นมิ ติ เหลา นี้ปรากฏแกผ ใู ด ผนู ัน้ จะเปนพระพทุ ธเจา โดยสวนเดยี ว ทานจงประคองความเพียรของตนใหม ่นั ดังน้ี กลา วสรรเสรญิ พระโพธิสัตว ดวยคําสรรเสริญนานาประการ.เพราะเหตุนั้นทานจึงกลา ววา คนและเทวาดาไดฟ ง คําน้ี ของพระพทุ ธเจา ผหู า ผเู สมอมไิ ด ผูท รงแสวงหาคุณใหญ ตา งยินดีวา ดาบส นีเ้ ปน พชื และเปน หนอ พระพุทธเจา เสยี งโหรอ งดัง ลั่นไป มนษุ ยพรอมเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ตางปรบมอื หัวเราะรา ตางประคองอญั ชลนี มัสการ ถา พวกเรา จักพลาดศาสนาของพระโลกนาถ กจ็ ักอยเู ฉพาะหนา ทา นผูน้ีในกาลไกลในอนาคต มนุษยเ มอ่ื จะขา มฝง พลาดทาทีต่ ั้งอยูเฉพาะหนากจ็ ะถือเอาทาขางใตข ามแม- น้ําใหญต อ ไปไดฉนั ใด พวกเราแมท ้ังหมดก็ฉนั น้ัน

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 29เหมอื นกนั ถาพนพระชินเจานี้ไปกจ็ ักอยูเฉพาะหนาทานผนู ้ีในกาลไกลในอนาคต พระพุทธเจา ทรงพระนามวา ทีปงกร ผทู รงรูแจง โลก ผทู รงรับเคร่อื งบชู าทรงกาํ หนดกรรมของเราไวแลว จึงทรงยกพระบาทเบอ้ื งขวาเสดจ็ ไป พระสาวกผเู ปนพระชนิ บตุ รเหลาใดไดมอี ยใู นท่ีนนั้ เหลา นั้นท้งั หมดไดทําประทักษิณเรา. คน นาค คนธรรพ ตางก็กราบไหวแ ลว หลกี ไปเมือ่ พระโลกนายกพรอ มดวยพระสงฆลวงทศั นวสิ ยัของเราแลว มจี ิตยินดีและรา เรงิ เราจงึ ลุกขึ้นจากอาสนะในบดั น้นั ครั้งนั้นเราสบายใจดว ยความสุขบนั เทงิ ใจดว ยความปราโมทย ทวมทนดว ยปติ นงั่ ขดัสมาธอิ ยู ที่นัน้ เรานง่ั ขัดสมาธแิ ลวคดิ ไดอยางนว้ี า เราเปน ผชู ํานาญในฌาน ถึงความเต็มเปย มในอภญิ ญาแลวในโลกตง้ั พันฤๅษีทเี่ สมอกบั เราไมมี เราไมม ีใครเสมอในฤทธธิ รรม จึงไดความสขุ เชน นี้ ในการนัง่ ขัดสมาธขิ องเราเทวดาและมนุษยผ อู าศยั อยูในหม่ืนจักร-วาลตา งเปลงเสียงบรรลอื ลัน่ วา ทานจักเปน พระพทุ ธเจาแนนอน นิมติ ใดจะปรากฏในการน่ังขัดสมาธิของพระโพธสิ ัตวในกาลกอนนมิ ิตเหลานั้น ก็ปรากฏแลวในวันน้ี. ความหนาวกเ็ หอื ดหาย ความรอ นกร็ ะงบัเหลานี้ก็ปรากฏในวันนี้ ทานจกั เปน พระพทุ ธเจาแนน อน โลกธาตุหมน่ื หนงึ่ ก็ปราศจากเสยี ง ไมมีความยุงเหยงิ เหลา น้กี ็ปรากฏในวนั น้ี ทานจกั เปน

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 30พระพทุ ธเจา แนนอน พายใุ หญก ไ็ มพ ดั แมนาํ้ ลําคลองกไ็ มไหล เหลา น้ีปรากฏในวนั น้ี ทา นจกั เปน พระพทุ ธเจา แนน อน ดอกไมท ั้งหลายที่เกิดบนบกและเกิดในนา้ํ ทั้งหมดตางกบ็ านในทนั ใด ดอกไมเ หลาน้นัทัง้ หมดก็ผลติ ผลในวันนี้ รตั นะทั้งหลายทต่ี ัง้ อยใู นอากาศและตั้งอยบู นพน้ื ดนิ ตา งก็สองแสงในทนั ใดรัตนะแมเหลา นั้น ก็สองแสงในวันน้ี ทา นจักเปน พระ-พทุ ธเจา แนน อน ดนตรที ้งั ของมนษุ ยและเปน ทพิ ยต า งบรรเลงขนึ้ ในทนั ใด แมท ้งั สองอยางน้นั ก็ขับขานข้นึในวันน้ี ทานจักเปน พระพทุ ธเจาแนน อน ทองฟา มีดอกไมสวยงาม ก็ตกลงเปน ฝนในทนั ใด แมเ หลาน้ันกป็ รากฏในวันนี้ ทานจักเปนพระพทุ ธเจาแนน อนมหาสมทุ รก็มวนตวั ลง โลกธาตหุ มน่ื หน่ึงกห็ วัน่ ไหวแมท้งั สองอยางนัน้ ก็ดงั ลัน่ ไปในวันนี้ ทา นจักเปนพระพทุ ธเจาแนนอน พระอาทติ ยกป็ ราศจากเมฆ-หมอก ดาวท้งั ปวงกม็ องเห็นได แมเหลานี้ ก็ปรากฏในวนั น้ี ทานจกั เปน พระพทุ ธเจาแนน อน นํ้าพงุประทขุ ึ้นจากแผน ดนิ โดยท่ฝี นมิไดตกเลย วนั นน้ี ้าํ ก็พุงประทุขน้ึ ในทนั ใดนนั้ ทานจักเปน พระพทุ ธเจาแนน อน หมูดาวก็สวางไสว ดาวฤกษก็สวางไสวในทองฟา พระจันทรป ระกอบดว ยวิสาขฤกษ ทา นจักเปนพระพุทธเจา แนน อน สัตวท่อี าศัยอยูในโพรง

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 31อาศัยอยใู นซอกเขา ตา งถืออกมาจากทีอ่ ยขู องตนวนั นแี้ มส ัตวเ หลานีก้ ท็ ง้ิ ทอี่ ยอู าศยั ทา นจกั เปนพระ-พุทธเจา แนน อน ความไมยินดีไมม แี กสตั วท ัง้ หลายเขาตางถือสันโดษ วนั นีส้ ตั วแ มเหลา น้ันทงั้ หมดก็ถอืสนั โดษ ทานจกั เปนพระพุทธเจา แนน อน คราวน้นัโรคท้ังหลายก็สงบระงบั และความหิวกพ็ นิ าศไป วันนี้กป็ รากฏ ทานจกั เปนพระพทุ ธเจา แนนอน คราวนัน้ราคะกเ็ บาบาง โทสะโมหะก็พินาศ กเิ ลสเหลา น้นัท้ังปวงกป็ ราศจากไป ทานจกั เปนพระพทุ ธเจาแนนอนคราวน้นั ภยั กไ็ มมี แมว ันนขี้ อนนั้ ก็ปรากฏ พวกเรารูไดดว ยนิมิตนน้ั ทานจักเปน พระพุทธเจา แนน อนธุลีไมฟ งุ ขึ้นเบ้อื งบน แมว ันนขี้ อ น้นั ก็ปรากฏ พวกเรารูไ ดดวยนิมติ นัน้ ทานจกั เปนพระพุทธเจา แนนอน กลนิ่ ท่ีไมพ งึ ปรารถนาก็ถอยหา งไป มีแตกลนิ่ทพิ ยฟงุ ไปท่ัว วนั น้แี มก ล่นิ ก็ฟงุ อยู ทา นจักเปนพระพุทธเจาแนน อน เหลา เทวดาท้งั สิ้นเวน อรูป-พรหมก็ปรากฏ วันน้เี ทวดาแมเหลา นั้นทงั่ หมดก็มองเหน็ ได ทานจกั เปนพระพุทธเจาแนนอน ขึน้ ชื่อวานรกมีเพียงใด ทง้ั หมดนน้ั ก็เหน็ ไดในทันใด แมวนั นี้ก็ปรากฏทั้งหมด ทา นจักเปนพระพทุ ธเจา แนน อนคราวนน้ั ฝาผนัง บานประตู แผนหนิ ไมเปนเครื่องกีดขวางได แมส งิ่ เหลานั้นวันน้กี ก็ ลายเปน ท่ีวา งหมดทา นจักเปน พระพทุ ธเจาแนนอน การจุติ การอบุ ตั ิ

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 32 ไมม ใี นขณะนัน้ วนั นนี้ มิ ิตเหลานั้น กป็ รากฏ ทาน จักเปน พระพทุ ธเจาแนน อน ทานจงประคองความ เพียรใหมัน่ อยา ไดล อยกลับ จงกาวหนา ไป แมพวก เราก็รูขอ น้นั ทานจักเปนพระพทุ ธเจา แนนอน ดังนี้. พระโพธสิ ัตวไ ดฟ งพระดาํ รสั ของพระทศพลทปี ง กรและถอ ยคําของเทวดาในหมื่นจกั รวาล เกิดความอุตสาหะโดยประมาณยงิ่ ขนึ้ จงึ คดิ วา ธรรมดาพระพทุ ธเจา ทัง้ หลายมีพระดาํ รสั ไมว า งเปลา ถอยคาํ ของพระพุทธเจาทง้ั หลายไมมเี ปน อยา งอนื่ เหมือนอยา งวา กอนดินทข่ี วา งไปในอากาศจะตองตก สตั วท่ีเกิดแลว จะตองตาย เมือ่ อรณุ ข้ึนพระอาทิตยก็ตอ งข้นึ ราชสหี ท อี่ อกจากถ้ําที่อาศยั จะตองบันลอื สหี นาท หญิงทคี่ รรภแกจะตองปลดเปล้ืองภาระ [คลอด]เปนของแนนอน จะตองมเี ปนแนแ ทฉนั ใด ธรรมดาพระดํารสั ของพระพุทธ-เจาทงั้ หลาย ยอมเปน ของแนน อนไมวางเปลา ฉนั นัน้ เราจักเปน พระพทุ ธเจาแน ดังนี้ เพราะเหตุนั้นทา นจงึ กลา ววา เราฟง พระดาํ รสั ของพระพุทธเจา และของ เทวดาในหม่ืนจักรวาลท้งั สองฝา ยแลว มีความราเรงิ ยนิ ดเี กิดปราโมทย จงึ คิดข้นึ อยางนีใ้ นคราวนน้ั วา พระพุทธเจาท้ังหลายผูเ ปนพระชินเจา ไมม พี ระดาํ รสั เปนสอง มีพระดาํ รัสไมวางเปลา พระพทุ ธเจา ทงั้ หลาย ไมมีพระดํารัสไมจริง เราจะเปนพระพทุ ธเจา แนน อน กอ นดินทีข่ วางไปในทองฟายอ มตกบนพน้ื ดนิ แนน อน ฉนั ใด พระดํารสั ของพระพทุ ธเจา ผปู ระเสริฐก็ฉันนั้น เหมอื นกัน ยอมแนนอนและเทยี่ งตรงแมฉนั ใด พระ

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 33 ดาํ รสั ของพระพทุ ธเจาผปู ระเสริฐ ก็ฉันน้นั เหมือนกัน ยอ มแนนอนและเทีย่ งตรง เมื่อถงึ เวลาราตรสี ิน้ พระ- อาทติ ยก็ข้นึ แนนอนฉนั ใด พระดํารสั ของพระพทุ ธเจา ผูประเสริฐก็ฉนั น้ันเหมอื นกัน ยอ มแนนอนและเท่ียง ตรง ราชสหี ท่ีลกุ ขึ้นจากที่นอนจะตอ งบนั ลอื สีหนาท แนน อนฉันใด พระดาํ รสั ของพระพทุ ธเจา ผปู ระเสรฐิ ก็ฉนั นนั้ เหมือนกัน ยอมแนนอนและเท่ยี งตรง สัตว ผูมีครรภจ ะตอ งเปลอื้ งภาระ [หญิงมคี รรภจะตอ ง ตลอด] ฉนั ใด พระดาํ รัสของพระพทุ ธเจาผูป ระเสริฐ ก็ฉนั นน้ั เหมือนกัน ยอ มแนนอนและเทยี่ งตรง ดงั น.้ี สุเมธดาบสน้ัน กระทําการตกลงใจอยา งนว้ี า เราจกั เปน พระพุทธเจาแนนอน เพื่อทจี่ ะใครครวญถึงธรรมที่กระทาํ ใหเปนพระพุทธเจา เมอ่ื ตรวจตราดธู รรมธาตุทัง้ สน้ิ โดยลําดบั วา ธรรมท่ีกระทาํ ใหเปน พระพุทธเจา มอี ยู ณ ท่ีไหนหนอ เบอื้ งสงู หรือเบอ้ื งตํา่ ในทิศใหญหรอื ทิศนอย ดงั นี้ ไดเ ห็น ทานบารมขี อ ที่ ๑ ทพ่ี ระโพธิสตั วแ ตเกากอ นท้ังหลายถอื ปฏิบตั เิ ปน ประจาํ จงึ กลาวสอนตนอยางนว้ี า ดกู อนสุเมธบัณฑิต จําเดิมแตนไ้ี ปทานพึงบําเพ็ญทานบารมีขอแรกใหเ ต็ม เหมือนอยา งวา หมอนาํ้ ท่คี วาํ่ แลว ยอ มคายน้าํ ออกไมเหลือไมน าํกลบั เขาไปอกี ฉนั ใด แมทา นเม่ือไมเ หลยี วแลทรัพย ยศ บตุ ร ภรยิ าหรืออวัยวะใหญนอ ย ใหส่งิ ทเ่ี ขาตองการอยากไดท ง้ั หมดแกผูขอที่มาถงึ กระทาํ มิใหมีสวนเหลอื อยูจกั ไดนงั ทโ่ี คนตนโพธิ์เปนพระพทุ ธเจาไดดังน้ี ทา นไดอธษิ ฐานทานบารมีขอแรกทาํ ใหมน่ั แลว เพราะฉะนัน้ ทา นจงึ กลา ววา เอาเถอะเราจะเลอื กเฟนธรรม ทีก่ ระทาํ ใหเ ปน พระพุทธเจา ทางโนน และทางน้ีทัง้ เบอื้ งสูงและเบอื้ ง

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 34 ตํ่า ตลอดสิบทิศ ตราบเทา ถงึ ธรรมธาตุน้ี คร้งั นน่ั เมื่อเราเลอื กเฟน อยจู งึ ไดเ หน็ ทานบารมีทีเ่ ปน ทางใหญ เปนขอแรก ท่ที า นผูแสวงหาคณุ ใหญแตเกากอน ประพฤตสิ ืบกนั มาแลว ทา นจงยึดทานบารมีขอ ที่ ๑ นที้ าํ ใหม น่ั กอ น จงถงึ ความเปน ทานบารมี หากทา น ปรารถนาจะบรรลโุ พธิญาณ หมอท่เี ตม็ น้าํ ใครผใู ดผ-ู หนงึ่ คว่าํ ลงกจ็ ะคายนาํ้ ออกจนไมเ หลอื ไมยอมรักษา ไว แมฉันใด ทา นเหน็ ยาจกไมวาจะตํ่าทราม สงู สง และปานกลาง จงใหทานอยา ใหเหลือไว เหมอื น หมอนา้ํ ที่เขาควํ่าลงฉนั น้นั เถดิ ดงั น.้ี ลาํ ดับนั้น เมอ่ื เขาใครค รวญอยยู ่ิง ๆ ขึ้นดว ยคิดวา ธรรมทีก่ ระทําใหเ ปนพระพุทธเจา ไมพ ึงมเี พียงเทานเ้ี ลย เขาไดเห็นศีลบารมีขอที่ ๒ ไดมคี วามคดิ วา ดูกอ นสเุ มธบณั ฑิต นับจาํ เดมิ แตนี้ไปทา นพึงบาํ เพ็ญศีลบารมีใหเต็มเปยม เหมือนอยางวา ธรรมดาวาเน้อื จามรีไมเ หลียวแลแมชวี ิต รักษาหางของตนอยา งเดียว ฉนั ใด จาํ เดมิ แตน ้ีแมทา นก็ไมเ หลยี วแลแมชีวติ รักษาศลี อยา งเดยี ว จกั เปน พระพทุ ธเจา ไดดังน้ี เขาไดอ ธิษฐานศีลบารมีขอ ทส่ี องทําใหมนั่ แลว . เพราะฉะน้นั ทานจึงกลา ววา ความจรงิ พทุ ธธรรมเหลา น้ี จกั หามเี พยี งเทาน้ีไม เราจกั เลอื กเฟนธรรมแมอ ยา งอน่ื ท่ีเปนเคร่อื งบมโพธ-ิ ญาณ คร้ังนน้ั เราเม่อื เลือกเฟนอยู กไ็ ดเ ห็นศลี บารมีขอ ๒ ทีท่ านผแู สวงหาคุณใหญแ ตเ กา กอนถอื ปฏบิ ตั เิ ปน ประจาํ ทานจงยดึ ถอื ศีลบารมีขอท่ี ๒ น้ี กระทาํ ใหม่นั กอน จงถึงความเปนศีลบารมี หากทานปรารถนาจะ



























พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 48ผล ครง้ั แรก [ปฐมโพธกิ าล] พระพุทธเจาใหส ตั วตรัสรูไดห นงึ่ รอ ยโกฏิ ในการไดบ รรลมุ รรคผลครงั้ ทสี่ อง[มชั ฌิมโพธกิ าล] พระนาถะใหส ตั วต รัสรูไดแสนโกฏิและการไดบรรลมุ รรคผลครงั้ ที่สาม [ปจ ฉมิ โพธิกาล]ไดมีแตสัตวเ กาสบั พนั โกฏิ ในเมื่อพระพทุ ธเจา ไดทรงแสดงพระธรรมในเทวพภิ พ การประชมุ ของพระ -ศาสดาทปี ง กรไดม ีสามคร้งั การประชมุ ครงั้ แรกมีชนแสนโกฏิ อกี คร้งั เมอื่ พระชนิ เจา ประทบั อยูวิเวกท่ียอดเขานารทะ พระขีณาสพผูป ราศจากมลทินรอยโกฏิประชุมกัน ในกาลใดพระมหาวีระประทบั อยูบ นเขาในเมืองสทุ ัสนะ ในกาลน้ันพระมหามุนที รงหอ มลอมไปดวยพระขณี าสพเกา สิบพนั โกฏิ เราในสมัยน้นั เปนชฏิลผมู ตี บะกลา เหาะไปในท่ีกลางหาวได ไดส าํ เร็จในอภญิ ญา ๕ การตรัสรูธรรมไดม ีแตชนนับไดเ ปนสิบพันยี่สบิ พนั การตรสั รูของคนเพยี งหน่งึ คน สองคน ไมจาํ เปน ตองนบั . ในกาลน้นั ศาสนาของพระผูมีพระภาคเจาทรงพระนามวา ทีปง กร แผไ ปกวางขวางชนรกู ันมากมาย ม่ังคง่ั แพรหลาย บรสิ ุทธผิ ดุ ผอ งพระผูไดอ ภญิ ญา ๖ มีฤทธมิ์ ากนบั ไดส ี่แสนหอมลอ มพระทปี ง กรผูทรงรแู จง โลกในกาลทุกเมื่อ ในสมัยนั้นใคร ๆ ก็ตามจะละภพมนษุ ยไ ป [ตาย] เขาเหลาน้นัมิไดบรรลุอรหตั ยังเปนเสขบคุ คลจะตอ งถกู เขาตาํ หนิตเิ ตยี น พระพทุ ธศาสนากบ็ านเบกิ ดวยพระอรหันตผู

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 49คงที่ งามสงาอยใู นโลกพรอมท้ังเทวโลกดวยพระขีณาสพผปู ราศจากมลทิน นครชื่อรมั มวดี กษตั ริยทรงพระนามสุเมธ เปนพระชนก พระชนนีทรงพระนามวาสเุ มธา ของพระศาสดาทปี ง กร พระองคทรงครองเรอื นอยูห มนื่ ป มปี ราสาทอยางดที ี่สดุ อยูสามหลัง ช่อื รมั มะ สุรมั มะและสุภะ มเี หลานารีแตง ตวั สวยงามนับไดสามแสน มพี ระจอมนารีพระ-นามวา ยโสธรา มพี ระโอรสพระนามวา อสภุ ขันธะพระองคทรงเห็นนมิ ิต ๔ อยา ง เสด็จออกบวชดวยยานคอื ชา ง พระชนิ เจา ทรงต้งั ความเพยี รอยูไมหยอนกวา หมน่ื ป พระมุนที รงบาํ เพญ็ เพยี รทางใจไดตรัสรแู ลว พระมหาวีระทรงประกาศพระธรรมจกั รท่ปี า นันทวัน อันหนาแนน ไปดวยสริ ิ ไดทรงกระทาํการย่ํายีเดียรถียทีโ่ คนตนซกึ อนั นารน่ื รมย มพี ระอคั ร-สาวกคอื พระสมุ งั คละและพระตสิ สะ พระศาสดาทีปง กรมพี ระอุปฐากนามวา สาคระ มีพระอัครสาวกิ าคือ พระนางนันทาและพระนางสนุ นั ทา ตน ไมต รัสรูของพระผูม ีพระภาคเจา พระองคน ั้น เรียกกนั วาตนปป ผลิ พระมหามนุ ที ีป่ งกรมพี ระวรกายสูงได ๘๐ ศอกพญาไมสาละมดี อกบานสะพรง่ั เปน ตน ไมป ระจาํ ทรปีดงู าม พระผแู สวงหาพระคุณใหญน ัน้ มพี ระชนมายุไดแสนป พระองคท รงพระชนมอยูเ ทานัน้ ทรงใหเ หลาชนเปน อนั มากขา มถึงฝง [นิพพาน] พระ-

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 50 องคพ รอ มท้ังพระสาวก ใหพ ระสทั ธธรรมสวางไสว แลว ใหม หาชนขามถึงฝง รงุ โรจนอยรู าวกะกองอคั คี ปรินพิ พานแลว . พระฤทธิ์ พระยศและจักรรตั นะท่ี พระบาทท้ังสอง ทุกอยางกอ็ ันตรธานไปหมด สงั ขาร ทง้ั หลายเปนของวา งเปลา ดังน้ี และหลังจากพระ- ทปี งกร กม็ พี ระนายกทรงพระนามวา โกณฑญั ญะ ทรงมีพระเดชหาท่ีสุดมิได ทรงมีพระยศนับไมได มี พระคณุ หาประมาณมิได ยากท่ใี ครจะตอกรได. ก็ในกาลตอ จากพระผูม ีพระภาคเจา ทปี ง กร ลว งมาไดห นง่ึ อสงไขยพระศาสดาทรงพระนามวา โกณฑญั ญะ เสด็จอบุ ตั ขิ ้ึนแลว แมก ารประชมุสาวกของพระองคกไ็ ดมสี ามครัง้ ในการประชุมครง้ั แรกมีสาวกแสนโกฏิ ในครั้งท่ีสองมีพันโกฏิ ในครง้ั ทีส่ ามมเี กา สิบโกฏิ ในกาลนั้น พระโพธสิ ัตวเ ปนพระเจา จักรพรรดทิ รงพระนามวา วชิ ิตาวี ไดถวายมหาทานแดพระภกิ ษุสงฆ มีพระพทุ ธเจาเปน ประมขุ นบั ไดแสนโกฏิ พระศาสดาทรงพยากรณพ ระโพธิสัตววาจักไดเปน พระพุทธเจา แลว ทรงแสดงธรรม เขาฟง ธรรมกถาของพระศาสดาแลวสละราชสมบัติออกบวช เขาเรียนพระไตรปฎก ทาํ สมบัติ ๘ และอภิญญา ๕ ใหเกิดขึ้นแลว มฌี านไมเ สื่อมไปเกิดในพรหมโลก. ก็สาํ หรบั พระโกณฑัญญพุทธเจา พระนครนามวา รัมมวดี กษตั รยิ พระนามวา อานันทะ เปน พระราชบิดา พระเทวพี ระนามวา สชุ าดา เปนพระราชมารดา พระภตั ทะและพระสุภัททะเปนพระอคั รสาวก พระพทุ ธอุป-ฐากนามวา อนรุ ุทธะ พระตสิ สาเถรแี ละพระอุปติสสาเถรี เปนพระอัครสาวิกาตนไมท ่ตี รัสรูช่ือ สาลกลั ยาณี [ตนขานาง] พระวรกายสูงได ๘๘ ศอกประมาณพระชนมายุไดแ สนป.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook