Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือบัณฑิตธรรม

หนังสือบัณฑิตธรรม

Description: หนังสือบัณฑิตธรรม

Search

Read the Text Version

(๙ ประการ) อันเป็นตัวพทุ ธธรรม พทุ ธศาสนา เมอ่ื ยงั ไม่ถึงนี่ ถา้ เปน็ พุทธศาสนิกชนทดี่ ี คอื มีศรทั ธาในพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ถอื เป็นที่พงึ่ สรณะแน่นอน รกั ษากาย วาจา ใจ ให้เป็นไปตามค�ำสอนของพระพุทธองค์ มีธรรม ๔ ประการเป็นแนวทาง คือ ศรัทธา (ในพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนพิ พานธรรม) หิรโิ อตตัปปะ (ละอายและเกรงกลัว ต่อบาป) ปัญญา (ทางธรรม คือมองเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ท่ีพระพุทธเจ้าท้ังหลายในอดีต ปัจจุบัน อนาคต เท่าน้ัน เป็นผู้รู้แจ้ง (ค้นพบ) ก็เรียกว่าเปน็ ผู้สรา้ งบารมีสิบ มที าน ศลี เนกขัมมะ ออกจากกาม มีรักษาพรหมจรรย์ คอื ศีลแปด เป็นต้น) ในสมัยก่อนพุทธกาลก็คือออกบวชเป็นฤาษี โยคี มุนี หรือปริพาชก คือ นกั บวชอย่ตู ามป่าดง อยา่ งทพ่ี ระพุทธเจา้ องคน์ ้ไี ดท้ รงพบเมื่อยงั เปน็ พระโพธิสตั ว์ การตรัสรู้แจง้ ธรรมชาติ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ สุปฏิปนั โน) นานๆ จะมสี กั ครั้ง ในระหว่าง Bang Bang Bang of Universe or Evolution of galaxies to infinity หรือ expending & Contracting of Universe to eternity) ขณะทพ่ี วกเราชาวพทุ ธอยูน่ สี้ ้นั เทา่ one split second in the Infinite evolution of Universe of Darkness อวิชชา อยา่ งที่ พวกเราชาวพุทธ (ท่ดี ี) เปน็ อยู่ทกุ วันนี้ นบั ว่าบญุ โข นอกพทุ ธกเ็ รยี กว่ากรรมของสัตว์ แต่ใน บรรดามวลสัตว์โลกท้ังหมด โดยเฉพาะคนในพวกเหล่าน้ีก็อาจได้พบพระพุทธศาสนาใน กาลอนาคตเม่ือคราวหนง่ึ คราวใดกไ็ ด้ เพราะวัฎสงสารไมม่ ที ีส่ ิน้ สุดในหมูส่ ตั ว์โลก พระพุทธเจ้า และพระสาวก (โสดาบันขึ้นไป) เป็นจิตพ้นบอด ไม่ใช่ปุถุชนสัตว์โลก (Worldly Delusive Mind) แลว้ เป็น จิตวิมตุ โต ทห่ี ลดุ พน้ อวิชชาสังโยชน์โดยเฉพาะตัวหัวงูทแ่ี สนร้ายกาจ คอื ไมร่ ู้จักขนั ธ์ห้า อนตั ตา ไมใ่ ช่ “เรา” “ของเรา” ตนแท้จรงิ อย่างใด มีการทำ� งานของจิต ที่ยึด เปน็ ตน (I & not- I, world, gods) อยู่เร่อื ย แต่ผู้ที่จะมีจิตถงึ อรยิ สติอนั สมบูรณ์ (ตลอด ทุกขณะจิตแห่งชีวิต) ก็มีแต่พระอรหันต์เท่าน้ันคือถึงข้ันสมบูรณ์ ๑๐๐% แม้กระน้ัน สติใน สติปัฏฐานสูตร (อันเป็นหนทางเอกอันเดียวท่ีพระพุทธองค์ทรงแสดงและสัญญาว่าถ้าใคร ปฏบิ ัติ (จริงจงั ) ย่อมจะบรรลุอรยิ มรรคผลภายใน ๗ วนั ถึง ๗ ปี) ถ้าเราฝกึ หัดปฏบิ ัตติ าม ธรรมดาผูเ้ ร่ิมฝกึ หัด กจ็ ะให้ผลเป็นความสุขสงบ ป้องกนั อันตรายร้ายกาจ ซง่ึ ก็เกดิ จากกเิ ลส ของเราน่ันเองได้ดีพอสมควร ท�ำให้จิตค่อยๆ แจ่มใสบริสุทธ์ิจากเมฆหมอกกิเลสต่างๆ ได้ มากข้นึ 99

สตินั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ในสติปัฏฐานสูตรว่า สติ สักแต่รู้ สักแต่ระลึก ไม่ ยึดถือมั่น (อุปาทาน) ไม่พึงยังอวิชชาตัณหาอยากได้มายึดถือเป็นของตนในส่ิงที่เป็นไปไม่ได้ ตามธรรมดา ความเป็นจริงในสง่ิ ท่ไี มใ่ ช่ของตน คือ อนจิ จงั อนตั ตา ธรรมทัง้ หลาย กาย ใจ ชีวิต ตั้งแตห่ วั ถึงเท้า สิ่งสมมุติภายนอก โลก ภพ ท้ังหมด อายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และสิง่ คู่ คอื รูป เสยี ง กลิน่ รส สงิ่ ถกู ต้องกายและใจ คอื อารมณ์ธรรม (ideas all phycho function) หรอื ขันธห์ ้า รปู นาม ทง้ั หมด ซงึ่ ล้วนเปน็ ของธรรมดา ธรรมชาติ free natural happenings แมอ้ ริยสจั ส่ีท้ังหมด (คอื สังขาร) และแมส้ จั อมตธรรม (พระนิพพานวิสังขาร ธรรม วิราคะธรรม) ก็ตาม ก็เป็นธรรมตามธรรมดาท่ีไม่มีอวิชชาตัณหาอยู่ด้วย แต่เป็น ธรรมดา ธรรมโลกุตตระทถ่ี อนตน้ ตณั หาจากจิตได้โดยเด็ดขาด เรยี ก ตณั หกั ขโย ถ้าเจริญสติ ปัญญาภาวนาเกิดเพียงปรากฏธรรมเป็นธรรม hearing-hearing, seeing-seeing, knowing-knowing only จิตก็จะพ้นโง่ พ้นโลกียะ ปัญญาก็จะถึงธรรม จิตเปล่ียนจากกลุ้มเป็นพ้นโง่พ้นทุกข์ทันทีภายในไม่ถึงอึดใจ split second สิ้นสงสัยใน ความดบั โง่ดับทกุ ข์ (เพราะมนั ดับไปแล้วเด็ดขาดจรงิ คอื อริยสจั ที่ ๑ ทุกข์ (คือ อปุ าทานขันธ์ ๕ ยดึ ขันธ์ ๕ เปน็ ต้น (delusive Idea only) ดบั เพราะเหตุ คือมิจฉาทฏิ ฐิ สกั กายทฏิ ฐดิ ับ พรอ้ มส้นิ วิจกิ ิจฉา ความสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนิพพาน มีศลี หา้ บรสิ ทุ ธ์ิ จากมิจฉาทิฏฐิ คือแมท้ ่ีจิต ส้ินอธิบาย (no-need) เจรญิ พร พระบญุ ฤทธ์ิ ปณฑฺ โิ ต (Pandito Chandarasomboonrana) 100

เทศนากณั ฑท์ ่ี ๑ ท่อี อสเตรเลีย แสดงธรรมแก่ชาวตะวันตก ไมม่ ีคนไทยเลย กเ็ ทศน์ไปว่า “ท่านท้ังหลายเป็นชาวตะวันตก ชาวตะวันตกสมัยใหม่ไม่สนใจแม้แต่ Christ สนใจ แต่ Science สนใจแตท่ เ่ี ป็นวิทยาศาสตร์จรงิ ๆ คือ Pure science เป็นเร่อื งการคำ� นวณล้วนๆ สตู ร EMC2 ของไอนช์ ไตน์ เรื่องพลงั งาน = วัตถุ เป็นเยี่ยมยอดทางวตั ถุทัว่ จักรวาล เร่อื งการ ค�ำนวณช้ันสูงของ Einstein EMC2 คือพลังงานเท่ากับวัตถุ คูณด้วยความเร็วแสงพลังสอง สูตรของจักรวาลอธิบายทางวัตถุก็ได้มาด้วย mathematics การค�ำนวณต้องอาศัยตัวเลข (number) ตัวเลขมาจาก ๑ (หนงึ่ ) Basic I. ความคดิ I, - what is one (I). all professors in the world don’t know. – I think I am here, I feel I am here that gives the concept number 1. But the conception I, is delusion, because “my” “I” เปน็ ความคิด หลง ในขนั ธ์ ๕ เพราะฉะน้นั คิดวา่ I ในกายใจชีวิตเป็นความหลง เพราะฉะนนั้ เลข ๑ (หนึ่ง) เป็น I ก็คอื Delusion วทิ ยาศาสตร์ทั้งหมด คือ หลง What is time, I am sitting here with consciousness without… I am here = delusion. Concept of time is delusion. สรุปปัญหาใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ ปรัชญา อภิปรัชญา Space time เป็น Delusion NO.1 เช่ือเลข ๑ คดิ วา่ หนง่ึ เราในขันธ์ ๕ อนจิ จงั อนตั ตา เปน็ โมหะ มจิ ฉาทิฏฐิ Delusion NO.2 สญั ญาทั้งหมด อดีต ปัจจบุ นั อนาคต คอื เวลา (Time) มาจากนึกว่าเราอยูน่ ี่ I am here คือหลง 101

ถ่าย ณ ทาอากาศยานนานาชาติคิงส์ฟอร์ดสมิธ กรุงซดิ นีย์ ออสเตรเลยี (ขณะอัญเชิญพระบรมสารรี กิ ธาตไุ ปประดษิ ฐานท่อี อสเตรเลีย พ.ศ. ๒๕๓๘) ในสมัยพทุ ธกาล มีนางพราหมณผี เู้ ช่ียวชาญคัมภรี ์พระเวทย์ (ซึง่ ในพระสูตรว่ามีกวา่ ๖๐ ลทั ธ)ิ นางพราหมณผี นู้ ี้เกง่ ทางโตว้ าที นางจะหกั ก่งิ ไมอ้ ันหนง่ึ ไปปกั บนกองทราย ถา้ ใคร จะมาโตว้ าทกี ใ็ หม้ าถอนกง่ิ ไมอ้ อก เวลาน้ันไมม่ ีใครกล้าสู้ จนวันหน่ึงมีพระอรหันต์มาบิณฑบาต คือนางคนนั้นเอาก่ิงไม้ไปปักใกล้ๆ ท่ีท่านพัก เชา้ นั้นท่านออกบณิ ฑบาตเหน็ เด็กๆ มาหอ้ มลอ้ มทกี่ องทราย ทา่ นเหน็ แลว้ กป็ ดั ก่งิ ไม้นั้นทงิ้ ไป ท่านก็ไปบิณฑบาตแล้วก็กลับวัด นางพราหมณีว่ิงตามไป พระอรหันต์ท่านก็อนุญาตให้ถาม ค�ำถาม นางถามอะไรท่านตอบไดห้ มดทกุ ขอ้ ทา่ นกบ็ อกวา่ ทีนที้ ่านจะขอถามบา้ ง อะไรคอื ๑ (หนึง่ ) นางตอบไม่ได้ ท่านก็เลยบอกวา่ ถ้าอยากจะเรียนอยากจะทราบคำ� ตอบ “ตอ้ งบวช” 102

ON SPACE T.V. SCREEN ON THE LAST BROKEN ENGLISH POETRY Or, Space T.V. Screen in four dimensions Carries on stream of lives that happen, Wandering, bright, transparent heavenly, lovely forms That only divine eyes could see. Even the invisible ones born from Yogi’s mind; And men and women, old young, even many babies Wondering on the mortal laughing, crying way For no purpose not ‘seeing’ clear anything. Each pushed forth on one’s kamma course enigmatically; Includes all sorts of animal-poor species, And horrible ghost, hell-beings that Only Buddha knows their occurings and destinies. Suddenly, with ‘Bangs’ or ‘no Bangs’ universal In rhythmical blows nearly all disappear… Nearly all, but blind minds natural, causes conditions Ignorance-remain. And even all those burned out before, reborn as light-beings in space, Waiting proper chance When suns, earths could reappear With water all around; Then there they will plunge with light-speed into… There eating, absorbing all they could, the sublime tastes, So that material form re-energy again And again, eating, killing, crying, continue. Soon come the loving, laughing, morning, miserable madness… Such continuance of eternal evolution That never end even liberated, enlightened minds, Very few, could come to be, The nature of things. Phra Boonyarith [Pandito] Adelaide, South Australia, Australia 29/5/2536 103

104

105

106

107

108

109

110

111

112

113

กับเด็กน้อยชือ่ Dwaine ลูกชายของ Lindsay และ Elise 114 ท่พี ุทธสมาคม Findon ก่อนไปอย่วู ัดรัตนประทปี

115

116

117

118

119

120

121

122

123

124

125

126

127

128

129

130

131

132

133

134

สำ� นกั สงฆแ์ หง่ แรกทฟ่ี ินดอน ประเทศออสเตรเลยี 135

วปิ ัสสนาสนั้ (ทีเ่ มอื งอาเดเลด ออสเตรเลยี ) ปลายปี ๒๕๔๒ มองดูรอบๆ ฟังไปพร้อม น่ันก็นก นี่ก็กา น่ันก็ปลา ในโถน้�ำบนโต๊ะ ก็ ปลาทอง ถ้าเราพูดกะมันได้ และมันก็พูดกะเราได้ แล้วมันก็จ�ำความเดิมได้ ปลาทองในโถก็คงโวหารว่า “ไม่น่าเป็นยังงี้เลย เมื่อไม่นานมาน่ีเองเราเป็น คนม่ังมีหรูหรา” เพราะท�ำงานหามรุ่งหามค่�ำ นอกน้ันก็งานเล้ียงถึงเท่ียงคืน พร้อมท้ังอบายมุข...บุญบาปไม่รู้จัก...สนใจจะเอาท่าเดียว เร่ืองลวงเชี่ยวชาญ ลูกหลานไม่รู้จักส่ังสอน หอบสมบัติเข้าบ้านท่าเดียวมีสารพัด อยากได้อะไร หามา...พุทโธ ธมั โม สงั โฆ ไมร่ จู้ ักเลย ยังไงงีบนิดเดียวมาเป็นยังง้ี เป็นปลาทองท่องเที่ยวอยู่ในน้�ำเสรีไม่เท่าไร คนจับเอาไปเข้าร้าน ลูกหลานยังไงไม่รู้ พลัดผลูไปเจอเลยซ้ือเอาใส่ไว้ในโถ น้ีแหละ...มองดูรอบตัวก็สมบัติของเราท้ังน้ัน แต่ไม่ใช่ของเรา จะใช้จะชมอะไรก็ ไมไ่ ดม้ ันน่าเจบ็ ใจ...ไปไหนตอ่ ไป...กไ็ ม่ทราบได้ น่าทุเรศจรงิ จบ. 136

137

(พเิ ศษ) สตู รธรรม Dhamma Equation จิตสติเทา่ กบั วิมุตติจติ วมิ ตุ ติธรรม ๒๕๔๒ Adelaide, South Australia ๑. ขึ้นตน้ ด้วย ไดย้ ินสกั แตไ่ ดย้ นิ (ตามสตปิ ัฏฐานสูตร) เหน็ สักแต่ไดเ้ หน็ รูส้ ักแต่ไดร้ ู้ (เมื่อเธอเห็นรูป รูปนั้นสักแต่ได้เห็น) ปริพาชกได้ฟังแล้วส�ำเร็จธรรม รู้แจ้งสัจธรรม พ้น กามภพเด็ดขาด พน้ ทุกขไ์ ป ๒. โดยอนุโลม (by causality) ตามลำ� ดบั ธรรม “เห็น” สกั แตเ่ ห็นเปน็ วิญญาณสติ “ร้”ู สักแต่ “ร”ู้ เปน็ วญิ ญาณสติกำ� หนดวิญญาณสติใหเ้ กิดตอ่ เนอ่ื งเป็นปฏิบตั ธิ รรม เกิด จิตสติ ๓. โดยปฏิโลม จิตสติ อริยสัจเกิดถึงอริยธรรม พระพุทธองค์ทรงกล่าว สติหยั่งลงสู่ อมตธรรม “วิสังขาระคะตัง จิตตัง” จิต (ตถาคต) (ถึงอริยมรรค) หย่ังลงสู่อมตธรรม (พระนพิ พาน) เทียบอวชิ ชาดบั สงั ขารดับ (ปฏิจจสมปุ บาทปฏิโลม) (Line of Causality in Reverse) ๔. ธรรมทท่ี ำ� ใหส้ �ำเรจ็ ได้ คือผลแหง่ บารมี ๑๐ ครบถ้วนดงั พระโพธิสัตวโ์ คดมเจ้า ใน วนั วสิ าขบชู า เจริญอริยมรรคสจั ส�ำเรจ็ ดว้ ยพระองคเ์ อง ทรงบรรลุอรหตั ตผลสมั มาสมั โพธิญาณ จิตพ้นอวิชชาโมหธรรมจิตสติถึงวิมุตติจิตพ้นโลกสมมุติด้วยอ�ำนาจกายใจ ชีวิตโง่ (อวิชชา) หรือผลบารมี ๑๐ อนั ครบถ้วนดว้ ยของสาวกบารมีธรรม ไดฟ้ ังพุทธธรรมเกดิ อรยิ สติ สำ� เรจ็ ธรรม คือดอกบัวเหนือนำ�้ บานแล้ว อริยสงฆ์แตโ่ สดาบันขนึ้ ไป จิตพน้ หลงรแู้ จง้ ธรรม ท�ำลาย อรยิ สัจทกุ ขท์ แ่ี ท้จรงิ อปุ าทาน ขันธ์ ๕ เสียได้ ขันธ์ ๕ หลงดบั หลวงปแู่ หวน สุจณิ โณ ว่า ระเบดิ ขนั ธ์ ๕ เสียกอ่ น กรรมหลง ภพหลง ชาติ ชรา มรณะ หลง ดับไป รู้แจ้งอวิชชาเท่าน้ันเกิดขึ้น อวิชชาเท่าน้ันดับไป ดังพุทธองค์ทรงกล่าว ทุกข์เท่าน้ันเกดิ ข้ึน ทกุ ขเ์ ท่าน้ันดบั ไป (ตื่นนอนเชา้ ฝันเท่านนั้ หายไป) 138

เหตุทใี่ หเ้ ขียนสตู รธรรม เพราะอ่านเร่ือง Das Raum. Ather and Problem der Physik ของ Albert Einstein ถึงข้อความทีว่ า่ Es bersteht ferner die Schwierigkeit, daB unsere Sprache mit Worten operieren muB, die mit jenen ursprunglichen Begriffen unlosbar verknupft sind. Dies sind die Hindernisse, die sich auch in den Weg stellen, wenn wir das Wesen des vorwissenschaftlichen Raumbegriffes darlegen Wollen ใจความสรุปวา่ “เราจ�ำจะต้องพูดด้วยค�ำพูดที่เหมาะสมกับความคิด (concept) โดยแน่ชัด และนี่ก็คือ อุปสรรคที่ขวางหน้าเราอยู่ ท�ำให้ไม่สามารถบรรยายถึงแก่นแท้ของความคิดสมัยก่อน วิทยาศาสตร์ เกยี่ วกับเรอ่ื งเทศะ space (เนือ้ ท่)ี ไดถ้ ูกต้อง” พิจารณาดูแล้ว อะไรคือ “พูด” เอากันให้ถึงสัจธรรมสุดอย่างท่ีพระพุทธเจ้าทรงรู้ ต่อใหต้ ำ� ราชาวโลกหมดโลก ต�ำราพรหมเทวดา กอ็ ธบิ ายถูกต้องจรงิ ไมไ่ ด้ อะไรคือ “ค�ำพูด” อะไรคือ “คิด” อธิบายจนถึงแก่นแท้ พระพุทธเจ้าไม่ต�ำหนิได้ กเ็ หมอื นกัน มืดตือ้ รู้สกึ วา่ “โง”่ (อวชิ ชา) มันใหญ่โตคับฟา้ ทับอกอยู่ นกึ ถึงพระธรรม อาทิตตปรยิ ายสูตร ที่พระสวดเป็นภาษาบาลี เข้าใจหรอื ไมเ่ ข้าใจ (จริง) อกี เรื่องหนึง่ สรปุ แล้ว กายใจของปถุ ุชน และนี่เก่ียวเนือ่ ง ตา หู จมูก ลิน้ กาย ใจ มีผสั สะ การกระทบ (เห็น รู้ ไดย้ ิน) ดว้ ยวิญญาณ (คิดหลง) เกิดพร้อม เกิดวิญญาณหลง จิตหลง เป็นทุกข์แท้ ร้อนเผาด้วยอวิชชาโง่ ราคะ (ใคร่อยาก) โมหะ (โง่หลง) อยู่เป็นประจ�ำเลย ถ้า “เห็นทุกข์” จริงจิตออกห่างจากไฟ (ส่ิงหลง โลกหลงท้ังหมด กายใจขันธ์ห้าหลงทุกข์) ทั้งหมดหลุดพ้นมืดทุกข์ไปเป็นวิมุตติจิต หมดเรอ่ื ง คดิ สมมตุ โิ ลกหลงเพราะโง่ อยากเสยี ที สนิ้ โลกสมมตุ ิ ค�ำพดู การพดู สมมุติโดยโง่ พระท่านวา่ อวิชชาดบั สงั ขาร (สมมุติ) ดบั ภพหลง ทกุ ข์หลง ดบั 139

ครง้ั ท่ี ๒ ๒๕๔๒ ระยะ Distance ระหว่างสตกิ บั สจั ธรรมไม่มี พระพทุ ธองคท์ รงตรสั สติยบั ย้งั มาร สตหิ ย่งั ลงสอู่ มตธรรม (พระนพิ พาน วิมุตติธรรม วิสังขารธรรม) ระยะห่างระหวา่ งจติ สติ (คิด นกึ รพู้ ร้อมสตธิ รรม) กบั สัจธรรมจึงไม่มี เมอ่ื พระพทุ ธองคท์ รงสอนสตปิ ัฏฐานแบบปฏบิ ตั ทิ ันทแี กป่ รพิ าชก (นกั บวช) คนหน่ึงวา่ “เม่ือเรา เห็นรปู รูปน้นั สักแตเ่ ห็น สตธิ รรมขัน้ โลกตุ ตรธรรม โสดา มรรค ผล เกิดขนึ้ ทนั ที จิตเกดิ สติ จติ หลง (โลก) หลงตน คือ สกั กายทิฏฐิ ความหลงกายใจ ชวี ติ ขนั ธ์ ๕ ดบั ไปทันที ภพหลง Existence หลง เปน็ ๆ อย่ๆู แบบโลกอวิชชาดับไปพร้อมกรรม คิด พูด ทำ� โดยหลง พร้อม ตัณหา อวิชชา อปุ าทาน (ในขนั ธ์ ๕) ดบั ไป จติ พ้นโมหะ อวิชชา หลงโลก หลงตน ego self subjective objective ภายใน ภายนอก Space-Time หลงสัญญา โลกหลง (ในขนั ธ์ ๕) ดบั ไปทันท”ี ฉะนน้ั ระยะความใกลไ้ กลระยะจิตกบั สจั ธรรม พระนิพพาน จงึ ไมม่ ีเหมือนระยะห่าง ระหวา่ งคลื่นกะน้�ำไม่มี (คดิ รู้ วิญญาณ สงั ขารเป็นอาการ movement) วญิ ญาณคดิ นกึ รู้ ไดย้ ิน เห็น เปน็ อาการจติ ถา้ จิตนอ่ี ยใู่ ต้อ�ำนาจอวิชชา สังโยชน์ เครื่องผูกจิต ๑๐ ประการ โดยเฉพาะ ๓ ประเภทแรก มีสักกายทฏิ ฐิ วจิ ิกิจฉา สลี ัพพต- ปรามาส เปน็ ตัวส�ำคญั ดับ เพราะวิญญาณสตเิ กิด เหน็ สักแต่เหน็ ร้สู กั แต่รู้ เกดิ สงั ขารพิเศษ อรยิ มรรค โลกตุ ตรธรรมเกดิ จติ สตเิ กดิ พน้ หลง นิพพาน (สรณธรรมที่แทจ้ ริง) คดิ นึก รู้ เหน็ ฯลฯ เปน็ อาการเหมอื นคล่นื กบั นำ�้ ในทะเล ถ้าคลืน่ (คดิ รู้ ได้ยิน) สวา่ ง ระยะระหว่าง คลน่ื กบั น้�ำจึงปรากฏวา่ ไม่มี เมื่ออวิชชา ตัณหา อุปาทานดับ 140

Place of Matter in the TOTAL DHAMMA OR TRUTH S uper MDHATATMEMRA(M(aAbHoAvePHwUoTrlAdRoUfPdAe)lunseiovne)r d“Dishaapmpemaar bthuet itLcoorduldBundodt heantWeroinrdtos”T.he DhammMaatisteNr ecuotnrsaild. ered so, in The Total infinite Evolution of the Total Nature or It is combined with Dark Force Universal Ignorance to produce all kinds of Worlds of ignorance “Names and Forms” in the infinite time, - Both Matter and IaEingnnndlciogrruheactnneidcanelmttotiehmgnaeettthBcEeohnrvu.liedg– rhdptthrheoaend’msumceWiennidtstdhnpoeermoeRdd,eufaFcroleomrPdmaetilinu(mRsteiuhopantoat o)otfinmm“lyIa”etcaeinonriudatllhd“isaTbtimienlefeidan”isistttechoainevtvegotrholeuedttiooHbgnuye.mtBhthauenert oK(eKxfhihtashatneendndaRca)ee)aolarosPrthaBeainoFcdbioryysm-tImgpNnoinoondbreal-ennlitfcTeeoru.fat(nhtThd.heBeiugbfitnrasoastrliscaNo.nocNibneal,epmwrToerhcureatehsnr)sd.isoFfotnhrametusTraroulfefigthhPetainiFngivt(eoUpGgaerdot uaonpuast Matter is unescapable necessity to be used to make form or body especially at earlier act of Enlightenment of… First level the Stream Enter (Sotapanna). So it not the Bad or the Good but the Neutral (Aphayakata). d BSSeuuoptfrfrneeanraiandInnbgadontutchDtoeeoutahnlIdntehftiLnhhoiieatnrepeSPpeourevoffnfobec.laruaibTntuiihogslieanttylrituoLyoefofr(tdtPhhNaeeaBtitjsTuaueodrseetdaainhlmgianTur(thuatthaatshedpeaolneetraxamtp)Due.larhnaiatnlamerPdymrofatochreicfsrseos)maloroefftaimtdthheyee to time PinIaniflnionniotger aDLc tPhogoraaarmardtckinbtnisisiBcentTuesathtdshtheidoeoenhfonanM,riSt’asasatIstoutgttiwar-neMeirorott,rarodbatthhofsneaeccEsu“oeantNs.mhtleiiiigv,neBahtgBhurtaneeuttanhdcF”maidno,ithvemea(cntTp’hotsGhliueseorlSxdoraudAptbtpabhire.srosekcoTcn(elNhwauesaolsilstetbsThdlrioesufMfotthhMtrDahme)tieutd)ReiasdtrlteilroteuvtyhsolydteWloaurofUytaHpissyUoiegnsdfaihenousonwlnfeMAnesaScassnpattsitil.oeHrliinmrtaLo!piftpakopIegotnihnarftieTiegatnmhhsnhseesttt, not only read book but the reader Khamma born miserable!. 141

จติ บรสิ ทุ ธิ์และองค์พระพุทธศาสนา จิตบริสุทธ์ิ เป็นแก่นสังขาร นอกนั้นธาตุขันธ์รวมท้ังอวิชชากิเลส เป็นแต่เปลือกสติ อริยมรรค โลกุตตรสังขารเป็นขวานวิเศษ ถากเปลือกออกจากแก่น จิตบริสุทธ์ิ พ้นอวิชชา กางกั้น กถ็ ึงหยงั่ ลงสูธ่ รรมบรสิ ุทธ์ิ นพิ พานเปน็ สจั ธรรม อมต อกาลิโก ไมม่ ีภพชาติ เวลา สถานที่แบบโลกหลงตนหลงทันที สติหยั่งลงสู่อมตธรรม จิตวิมุตติ วิสังขาร พ้นฉากกั้น ย่อมถึงวมิ ุตติธรรม อมตสัจธรรม พ้นแดนโลกหลง (อวิชชา) มตธรรม วัฏสงสารของปลอม สติอริยมรรคทั้งหมด พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เปรียบรัศมีของบุญแห่ง อมตสัจธรรมวิมุตติธรรม วิสังขารธรรม วิราคธรรม อกาลิโก นิพพาน ไม่ใช่เรื่อง ภพโลก มีเวลา Space-time ในนอกสมมุติแบบโลกหลง ไม่มีเร่ืองต้นปลาย เป็นท่ีพ่ึงได้จริง และ มรี ศั มขี องบญุ คือ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ หรอื สัจธรรม คือส่วนหน่ึงของนวโลกุตตร- ธรรม องคพ์ ุทธศาสนา (มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑) แผ่มาแตด่ วงอาทติ ย์ นิพพาน เมอ่ื ตา เปิดได้เม่ือใดย่อมเห็นรัศมีอาทิตย์ทันที (สติ-นิพพาน) อวิชชามาสู่โลก ท�ำให้เกิดเงาบน พนื้ ดิน เป็นอปุ าทานขันธ์ ๕ กาย ใจ ชีวิตหลง เกดิ ดับดงั คล่นื สังขาร ไม่มีหยดุ ยัง้ ที่นึกหลงว่า เรา เขา เราและโลก กค็ อื อันนแ้ี ล แต่ธรรมชาติ เงาตอ้ งมีรศั มอี ยูด่ ้วยเสมอ เป็นรัศมีมวั หมอง ด้วยอวิชชาขันธ์ ๕ แต่รัศมีก็คงเป็นรัศมีเสมอ ไม่ใช่อวิชชาธาตุขันธ์ ๕ ท่านจึงว่า จิตเดิม บริสทุ ธ์ิ แต่มาหมองเพราะอวิชชา อนจิ จงั 142

143

พระพทุ ธศาสนา คือ ท�ำจติ ให้บริสุทธ์ิ อาศยั พทุ ธสติ รวมอรยิ มรรค คือ “วางกังวล” ปลงสงั ขาร ขนั ธ์ ๕ ถึงวิสงั ขาร ถงึ วิสังขารธรรม พระนิพพานไรข้ ันธ์ ๕ ภาระหนกั จิตบริสุทธ์ิ ธรรมทงั้ หลายกบ็ ริสุทธ์ิ กายวาจาใจ คิดพดู ทำ� นึกรู้ น่งั นอนยืนเดิน ไดย้ ิน ได้ฟัง แก่เจ็บตาย ก็มีแต่โลกุตตรสุข มหาภูตรูป วัตถุธาตุ (matter) ก็บริสุทธิ์กลายเป็น พระธาตุ เม่ือพระพุทธองค์ทรงบรรลุโพธิญาณวันวิสาขบูชา ทันใดที่จิตสว่าง วัตถุธาตุของ พระกายก็เป็นด่ังเจียระไนใสสว่าง กายก็เป็นพุทธกาย พระเนตรเป็นพุทธเนตร พระจักษุ เป็นพุทธจักษุ ธาตุแห่งพระพุทธ เม่ือถวายพระเพลิงแล้วเป็นพระธาตุ (relics) ดั่งรัตนะ ทรงอ�ำนาจมหัศจรรย์ นี่เพราะพระพุทธจิตบริสุทธ์ิจากสังโยชน์ เครื่องผูกจิตท้ัง ๑๐ ประการ เมื่อเจริญ พทุ ธสติ ปลงสงั ขาร วางกังวลขันธห์ า้ ได้ จิตบริสทุ ธ์หิ ลุดพน้ ขนั ธ์ ๕ จึงจะรู้จกั จิตแท้เองวา่ บรสิ ทุ ธิ์ เลกิ หลงสงั ขาร อารมณ์โลกรูส้ งั ขารพเิ ศษ คือ โลกตุ ตรมรรคผลทเี่ ป็นโลกุตตรสจั ธรรม คือ รู้อริยสัจ ๔ นิพพาน สังขาร วิสังขาร เป็นธรรมเหมือนมหาสมุทร คลื่นคงเป็นอาการ (สงั ขาร) ธาตุนำ�้ ธรรมแท้คงทีเ่ ปน็ นจิ เปน็ คนละธรรมชาติกบั อนิจธรรมไปเลย คือ ขณะจิตสติ โลกุตตรธรรม วญิ ญาณสติ เห็นแจง้ ธาตแุ ท้ อมตธรรมเปน็ ของจริง เลิกหลง คล่นื อาการจิต ขันธ์ ๕ เป็นโลกจริง ตนจรงิ ตอ่ ไป พทุ ธจิตสู่พทุ ธธรรม อมตธรรม วิสังขารธรรม เป็นสรณะ ดังพระพทุ ธวจนะทว่ี า่ วสิ งั ขาระคะตัง จติ ตงั 144

145

๒๕๔๒ พทุ ธสติ เม่ือพระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา พระธรรมจักร ท่านทรงแสดงอริยมรรคก่อน แล้วจึงทรงแสดงอริยสัจธรรม ๔ นี่คือที่ส�ำคัญท่ีสุด ถูกต้องตามธรรม (ดา) คือเมื่อรู้จัก หนทางถกู เดนิ หนทางถูกแล้ว จึงจะถึงทถ่ี กู ต้อง การทีส่ รรพสัตว์ เทวดา พราหมณ์ มนษุ ย์ (นอกพุทธไม่สามารถได้รู้หนทางถูกต้องได้...ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้นั้นยกไว้เสีย) แม้พุทธบริษัท ที่ไม่ใช่ผู้บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลแต่โสดาบันขึ้นไป เม่ือไม่ปฏิบัติให้อริยมรรคบังเกิดข้ึน จะโดยได้ฟงั พทุ ธธรรมโดยตรงจากพระพทุ ธองค์ หรอื โดยได้ศกึ ษาพระพุทธวจนะ มีพระสูตร พระปริยัตธิ รรมท้ังหลาย เป็นตน้ แลว้ ลงมือปฏบิ ตั ติ ามหลักศรทั ธาทถี่ ูกตอ้ ง ศลี ภาวนา หรอื ตามธรรม ๔ ประการท่จี ะใหบ้ รรลพุ ทุ ธธรรม คือ ศรทั ธา หิริ โอตตปั ปะ ปญั ญา จนบรรลุผล ก็ไม่พ้นทุกข์เหมือนกัน อย่างดีที่สุดก็เพียงมีโอกาสได้ไปสู่สุคติบ่อยๆ มากกว่า และได้สร้าง บุญบารมี ๑๐ ปัจจัยส�ำคัญท่ีจะให้ถึงการเข้าศึกษาพุทธได้ส�ำเร็จ พุทธสติ มหาสติปัฏฐาน เปน็ ทร่ี วมอริยมรรคในการปฏิบตั ิภาวนา เปน็ เอกายมรรค นอกจากนีไ้ ม่มีหนทาง ตัวอยา่ งเหตกุ ารณท์ ่ีไดเ้ กดิ ขึน้ จรงิ ๆ ในสมยั พทุ ธกาล ในเรอื่ งนี้ก็มี เช่น ๑) มหาอำ� มาตย์คนหน่งึ มีเรอื่ งทุกข์ร้อนมาก วงิ่ ไปวดั เพื่อขอให้พระพุทธองค์ช่วย เมอ่ื เขาไปถึงวัดอันเป็นท่ีประชุมชน พร้อมทั้งพุทธบริษัท มีพระพุทธองค์เป็นองค์ประธาน และ พระพทุ ธองค์กไ็ ดป้ ระกาศลว่ งหน้าแต่เชา้ วันนัน้ วา่ เขาจะไดเ้ ปน็ พระอรหนั ต์ในวันน้นั กอ่ นท่ี เขาจะเปดิ ปากพดู พระพุทธองคท์ รงตรัสเสียกอ่ นวา่ มหาอ�ำมาตยก์ งั วลอะไรของเธอในอดีต วาง...กังวลอะไรของเธอในอนาคต วาง...กังวลอะไรของเธอในปัจจุบัน วาง...เขาได้ส�ำเร็จ อรหันต์ทันที ทราบในทนั ทีว่าพระพทุ ธองคไ์ ด้ทรงประกาศทายไว้แล้ว พทุ ธบรษิ ัทประชาชน ทั้งหลาย ยกเว้นพระอรหันต์ยังไม่เชื่อ เป็นผลร้ายต่อพวกเขา โดยเมตตาธรรม ท่านผู้เป็น พระอรหันต์ผู้พ้นโลก ไม่ใช่ปุถุชนมหาอ�ำมาตย์ต่อไปแล้ว จึงเหาะข้ึนสู่อากาศสูงหลายชั่ว ล�ำตาล ๓ ครั้ง ชนทั้งหลายจึงเช่ือว่า พุทธทำ� นายในตอนเช้าวันน้ันเป็นจริง พระพุทธองค์ ทรงแนะให้ท่านแสดงอดีตชาติว่าได้ท�ำบุญอะไรมา ท่านได้แสดงว่าได้ท�ำบุญไว้มากมาย 146

โดยเฉพาะน�ำชนมาสู่พุทธธรรม และไดม้ อี ภญิ ญารูว้ า่ อายขุ ัยของทา่ นหมดแลว้ จึงไมก่ ลบั มาสู่ พืน้ ดิน นิพพานในอากาศโดยเตโชธาตลุ ุกขนึ้ เอง เมือ่ จิตบริสทุ ธิ์แล้ว ธรรมทง้ั หลาย กายใจ ก็บรสิ ุทธ์ิ แมม้ หาภูตรูป (matter) ดินน้ำ� ลมไฟท่ีประกอบรูปกายกก็ ลายเป็นพระธาตุรว่ งลงมา ดังดอกมะลิ พระพุทธองค์ให้ชนทั้งหลายเอาผ้าปูรับไว้ และพระเจดีย์บรรจุไว้ที่ทางส่ีแพร่ง ลองทดลองทำ� ดซู ิ ในราว ๒๐-๓๐ ปีคงไดผ้ ลไมม่ ากก็น้อย โดยปริยัติก็คือว่า วางกังวล ก็คือวางกังวล (เลิกเกี่ยวข้อง เลิกยึดมั่น) ขันธ์ ๕ (ภาระหนัก)น่ันเอง ลองเจริญสติอันน้ีดูเถอะ น่ีคือสติปัฏฐานด้านปฏิบัติ วางได้ก็เรียบร้อย เทา่ น้ัน จติ พน้ ยดึ ม่ัน ขนั ธ์ ๕ (สงั ขาร) ก็เป็นจติ บรสิ ทุ ธิ์ วิมุตติจติ หลุดพ้นหลงภพโลกของเรา สังขารธรรมทั้งหลายไปได้ กสุ ะลา ธมั มา อกุสะลา ธมั มา อพั ยากะตา ธัมมา สุข ทุกข์ ไมส่ ุข ไม่ทุกข์ อดตี อนาคต ปจั จบุ ัน สญั ญา (โลกอวชิ ชา) ๒) ปริพาชกนักบวชตนหนึ่ง ไปขอฟังเทศน์พระพุทธองค์ที่ข้างถนน ระหว่างที่ พระพุทธองค์และหมู่สงฆ์ออกบิณฑบาตตอนเช้าถึง ๓ ครั้ง อ้างว่ารอไม่ได้ เพราะไม่รู้ อนาคต พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นเธอพึงตั้งใจฟังให้ดี เม่ือเธอเห็นรูป รูปน้ัน สักแต่เห็น เขาส�ำเร็จอนาคาธรรมทันทีไม่กลับมาสู่ภพอีกแล้ว แต่ยังอยากบวช พอเขาถอย ออกมาก็พอดีโคกระทิงคู่เวรเก่า ว่ิงมาทางน้ันชนเขาตายทันที หมู่ภิกษุสงฆ์ซุบซิบถามกันว่า เขาจะไปเกิดทไ่ี หนหนอ พระพุทธองคท์ รงกล่าววา่ “เขาเปน็ ผทู้ ไี่ ม่ท�ำใหต้ ถาคตล�ำบากเปลา่ ” (เหมือนพวกเราทัง้ หลาย) เอ้า ลองท�ำดู ๒๐-๓๐ ปี อาจรูเ้ รือ่ ง ๓) ปฏิบัติทางสั้นท่ีพระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ก็คือ “ภิกษุเองจะพึงวางกังวลในขันธ์ ๕ เสยี ” นคี่ อื หัวใจสติ หวั ใจอรยิ มรรค ถ้าวางกังวลได้ในขันธ์ ๕ จติ พ้นเก่ยี วขอ้ งขนั ธ์ ๕ กพ็ น้ ทิฏฐิท้ังสิ้น เพราะพ้นสังขารท้ังสิ้น ถึงจิตวิสังขาร คือจิตแท้ไม่ใช่สังขาร ไม่มีสังขาร ไม่ใช่ ภพโลกคนเทวดา สัตว์โลกทุกชนิด หรอื ทพี่ ระนกั ปฏบิ ตั ิเรยี ก จติ เปน็ กลาง อมตจติ ทบ่ี รสิ ทุ ธ์ิ แลว้ กห็ ยัง่ ลงสอู่ มตสัจธรรมบริสุทธิ์ พระวิสังขารธรรม คอื นิพพานธรรม อกาลโิ ก ไม่มเี รอื่ ง กาลเวลาของโลกอวชิ ชาหลง เปน็ อมตสัจธรรม ไมใ่ ช่มตธรรม หลงความผดิ วา่ “เรา” ego, self เกิด ตาย จะเกิดจะตาย แม้โสดาบันก็เห็นอมตธรรม พระนิพพานเท่าน้ันจริง ไม่ใช่ 147

มตธรรมโลกหลงเป็นเรา เขา แก่ เจ็บ ตาย เม่อื จิตพ้นโลกหลง เปน็ โลกุตตรจติ โลกตุ ตรสขุ วิมุตติสุข แล้วโลกธรรม ๘ หมดอ�ำนาจ (สุขทุกข์ได้ลาภ เส่ือมลาภ ฯลฯ) อ้าว ลองท�ำดู สกั ๒๐-๓๐ ปี คงไดผ้ ลไมม่ ากก็นอ้ ย ๔) ปฏิบัติทางไมส่ ั้นไมย่ าว วางกงั วล เลกิ เกี่ยวขอ้ งขันธ์ ๕ ไปเลย เม่อื วางกงั วลขันธ์ ๕ ได้ จิตทิ้งสังขาร เข้าถึงวิสังขาร พระนิพพานอย่างท่านพระอาจารย์มั่นว่า รู้จริงทิ้งสังขาร เกิด ดบั (ได้ยิน รู้ ฟงั ) (วิญญาณ) ไมเ่ หลยี วไม่แล ไม่แลไมเ่ หลียว (สักแต่) คราวน้ใี จ (จิต) เป็นใหญ่ (จิตแท้) ไม่หมายพงึ่ สญั ญา (ไม่มีสงั ขารหลง) ไมม่ ีหลงตน หลงภพ หลงโลก รู้พน้ อยู่ต้นจิต ไม่คิดอ่าน ภิกษุณีอรหันต์องค์หนึ่งกล่าวว่า เราถอนตัณหาได้แล้ว จิตต้ังมั่น อยู่ภายใน เมื่อจิตถึงวิสังขารก็เป็นจิตวิสังขาร (จิตพ้นอวิชชาปัจจยา สังขารา) หยั่งลงสู่ ธรรมวิสังขาร นิพพานเหมือนน�้ำใสไหลจากห้วย สู่น้�ำใสในมหาสมุทร อันหาขอบเขตมิได้ ไม่ได้สูญหายไปไหน จะว่าหายโง่หายจากโลกโง่ ภพโง่ก็ได้ ไม่หายไปไหน อยู่ที่อมตมหา- นพิ พานก็ได้ ๕) ปฏบิ ัติระยะยาว อันน้ีก็เร่ิมท่ี “รู้สักแต่รู้” นะแหละ ผู้มีบารมีมาก แจ่มแจ้งนิพพานทันที ผู้มีบารมี ยังไม่มากพอ ก็ต้องฝึกจิตในสติ รู้สักแต่รู้ ได้ยินสักแต่ได้ยิน ฯลฯ จนกว่าจะเกิดเป็น โลกตุ ตรสติธรรม ใหผ้ ลทนั ที สิ้นอยาก ส้นิ ยดึ สิน้ กรรม ภพหลง โลกหลง ตนหลง (ในขนั ธ์ ๕) แคน่ ้กี ็พอ “ร”ู้ เปน็ วิญญาณธรรมดา “รู้สกั แต่รู้” เป็นวิญญาณสติ ทรงไวซ้ ง่ึ พทุ ธธรรมเหนอื โลก วิญญาณสติเจริญขึ้นเร่ือยๆ ก็เป็นจิตสติปรากฏขึ้น (เป็นโลกุตตรจิตถึงโลกุตตรธรรม คือ พทุ ธสติ) เปน็ จติ สมบรู ณ์ ไมม่ ีบกพร่อง ไม่เดอื ดรอ้ นขาดเหลือ (perfect) ย่อมเข้าถงึ ธรรม สมบูรณ์ สัจธรรม อมตนพิ พาน เป็นจติ ธาตุ (จิตเดิมแท)้ ไมใ่ ชส่ งั ขาร โลกภพตนหลง เปน็ จิตวสิ งั ขาร (ถงึ วิสงั ขารสจั ธรรม อมตนิพพาน) หยั่งลงสู่วิสังขารธรรม (วสิ ังขาระคะตงั จติ ตัง) จิตตถาคต (บริสุทธ์ิ) หย่ังลงสู่วิสังขารธรรม (ไม่มีหลงเสียแล้ว) ในตอนนี้ ถ้าวิราคจิต ข้ันโลกตุ ตรจติ เกดิ ถึงโลกตุ ตรธรรม คือ วริ าคธรรม (พระนพิ พาน) ได้ ถา้ เปน็ จติ คลายกำ� หนดั ในกามเกิดขึ้น สังโยชนเ์ ครือ่ งผกู จติ ละไดย้ ากก็ขาดไปเด็ดขาด (ไมใ่ ชช่ ั่วคราว เช่นเขา้ ฌานสมาธ)ิ 148


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook