เห็นสักแต่เหน็ กระทบใจรูส้ กั แต่รู้ อนั นี้เปน็ วญิ ญาณสติ วญิ ญาณพร้อมพทุ ธธรรม พ้นโลก พทุ ธแปลวา่ พ้นโลก ได้ยนิ สติพรอ้ ม เห็นสติพร้อม แรงจริงๆ ดบั โลกหลง หรอื วา่ ไดย้ นิ สกั แต่รู้ สกั แตร่ ู้เป็นวิญญาณสติ บรกิ รรมวิญญาณสติ วิญญาณสตเิ ร่อื ย ไม่ต้องไปถามไปตอบ เกดิ จิต สติขึ้น มันแน่นอน จิตสติคือจิตถึงพุทธธรรมพ้นโลกได้เลย อือ อย่างนั้นสิ เป็นจิตสติ เกิด เม่อื จิตพทุ โธ จิตธมั โม จิตสงั โฆ ไปสายโน้นเลย พทุ โธ ธัมโม สงั โฆ นพิ พาน โลกตุ ตรธรรม นี้เปน็ พทุ ธภาวนา เอา ทนี ้วี า่ ทางนั้นมันยาก ไม่เอาละภาวนา กเ็ อานึกถึงพุทธคณุ ธรรมคณุ สังฆคณุ นพิ พานคณุ ประจ�ำจติ พอนกึ ถึง พทุ โธ ธัมโม สงั โฆ ไม่ต้องมาพูดมาถามอธบิ าย พทุ ธคอื ของจริง ก็เกิดปีติสุขขึ้นในจิตใจแล้ว ด้วยบริกรรมค�ำพูดเท่านั้นน่ะ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นพิ พาน นกึ ถึงจิตเกดิ ปตี ิสขุ ตามตำ� รา พทุ ธนติ ิ ธรรมนติ ิ สงั ฆนิติ กม็ ีหลกั อยูส่ องประการนี้ เพราะว่าเมื่อจติ อยกู่ บั พุทโธ ธมั โม สังโฆ สบาย มปี ีติจิต มีปีตสิ ขุ นีเ้ ป็นจติ กศุ ล มันจะไปทางตำ่� ทางหยาบช่ัวชา้ ไม่ไดเ้ ดด็ ขาด ในตอนนั้นนะในขณะจิต ภาวนาอยู่อย่างน้ี ถึงแม้จะเป็นไข้ดับจิต มันก็ไปดีเพราะจิตมันเป็นกุศล นึกถึงพุทโธหรือ บรกิ รรมพทุ โธ ธมั โม สงั โฆ ไม่ต้องอธิบาย มนั สบาย เปน็ กุศล จติ ไมม่ ตี กต�่ำ ไมม่ ที ่ีจะเปน็ อกศุ ลได้มอี ยู่สองอยา่ ง ทีน้ีเม่ือออกจากภาวนาไปแล้ว ไม่แน่ละ มันไปท�ำโน่นท�ำน่ีก็เลือนลืม ลืมสติ ลืม ภาวนา มันมีมาก ยังพอมีอยู่ ชาวบ้านไม่ชาวบ้านก็เถอะ แต่ว่าถ้าเม่ือรู้หลักอย่างน้ีแล้ว เหมือนกับวัวเน่ีย มันผูกไว้กับหลัก มีเชือกยาวเท่าไรก็ตาม มันก็มีผลในท่ีสุดมันก็มีหลัก เดินไปไกลๆ มันก็ถูกกระตุ้นในหลัก วันหน่ึงถึงจะได้ผิดพลาดบ้าง มันก็มีความรู้ มันมี ประจ�ำตัว เปน็ เครือ่ งเตือนสติ จะได้ร้อู ะไรควรทำ� ไม่ควรท�ำ คอื หริ โิ อตตัปปะ รูว้ ่าวนั หนึ่งมา นง่ั ภาวนา ๑๕ นาที คร่งึ ช่วั โมง ชั่วโมง มนั กก็ ลบั มาหาหลักเดิม คอื กุศล บญุ สขุ ไม่เสยี ที ที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย ได้พบพระพุทธศาสนา และมีปัญญารู้คุณค่าของพระพุทธศาสนา เอวงั กม็ ีดว้ ยประการฉะนี้ ถอดเทปโดย: อาจารย์เรณู เดอื นดาว 249
เสียงจากปากเกรด็ เกย่ี วกบั ครบู าอาจารย์ผใู้ หญ่ คร้ังหนึ่งหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ท่านเมตตาไปโปรดท่ีออสเตรเลีย ก็ไปพักท่ีวัด พุทธรังษี ถนนสแตนมอร์ เมืองซิดนีย์ มีผู้คนมากราบจ�ำนวนมาก วันหน่ึงหลังฉันจังหัน ก่อนท่านจะไปท่ีห้องพระ มีสามเณรหรือแม่ชีฝรั่งมากราบ พอท่านฉันเสร็จก็มีพระนั่งกันอยู่ ท่านชูแขนขวาออกมา ถามว่า “นี่มันอะไร” ก็ไม่มีใครตอบ ก็เห็นเป็นแขน ทีน้ีส�ำหรับ องคห์ ลวงปนู่ ่ี เม่ือเหน็ ครูบาอาจารยผ์ ูใ้ หญๆ่ ทา่ นพูดอะไรแลว้ กจ็ ะจ�ำไปพิจารณาเวลาภาวนา หลวงปู่น�ำไปพิจารณาทอี่ าเดเลด (Adelaide) หลายปี ไปอยู่ตัง้ แต่ พ.ศ. ๒๕๒๓-๒๕๒๔ (ค.ศ. ๑๙๘๐-๑๙๘๑) ที่พุทธสมาคมฟินดอน (Findon) ที่ว่าต้องอยู่องค์เดียวมีลูกศิษย์จ้าง ฝรั่งมาดแู ลกอ็ ยู่ ๔ ปีมเี วลาของตวั เองมาก ภาวนาได้ดี คือจากคร้ังน้ันก็ไม่ได้ติดต่อกับองค์หลวงปู่เทสก์อีกเลย จนท่านชราภาพมากแล้ว ก่อนทา่ นสน้ิ หลวงปไู่ ด้มโี อกาสไปกราบเยยี่ มท่านที่วัดหินหมากเปง้ พอเขา้ ไป ตอนน่นั ท่าน น่ังเกา้ อ้ีเข็น กข็ อโอกาสไปตอบคำ� ถามทา่ น กก็ ราบเรียนวา่ “ท่านอาจารย์ เมอื่ หลายปีมาแล้ว ร่วม ๒๐ ปี ท่ีท่านอาจารยเ์ มตตาไปวัดไทยที่ซดิ นีย์ ออสเตรเลีย ทา่ นอาจารยช์ ูแขนออกมาแลว้ ถามว่า นอี่ ะไรกนั ” กระผมพอจะตอบไดแ้ ล้ว กระผมรแู้ ลว้ ครบั ” หลวงปเู่ ทสก์ว่า “รู้ว่าไง” หลวงป่จู งึ ตอบวา่ “นพิ พาน” ท่านไม่ว่าอยา่ งไร ไมโ่ ดนดคุ รงั้ นี้ ไมโ่ ดนดุ ทา่ นปรารภขึน้ ทันทีว่า “อะไร อะไรก็ไมเ่ ท่ียง” หลวงปตู่ อบวา่ “ไม่เทย่ี งท่ไี หน ก็เทย่ี งทนี่ ่ัน” ทา่ นกไ็ มว่ ่าอะไรอีก จากนนั้ ไมน่ านท่านก็ส้ิน 250
เมือ่ จติ บรสิ ุทธ์ิมนั บรสิ ุทธิห์ มด เป็นธรรมบรสิ ทุ ธ์ิ เหมือนพทุ ธจกั ษุ พุทธโสต พทุ ธกาย พุทธมโน พุทธจิต พุทธกาย พุทธกายเป็นพระธาตุ เผาแล้วเป็นพระบรมสารรีริกธาตุ ขนาดไม่เผา พูดถึงธาตุ ๔ ธาตุ (matter) เป็นทิพย์และเทวดา พรหมเป็นโลกุตตรธรรม พน้ โลกธรรม เขาเรยี กพทุ ธกาย เม่ือยงั มีชีวติ อยกู่ เ็ ป็นพระธาตุ ใครท�ำดีด้วย ถวายทานด้วย ผลบุญก็มหาศาล ถ้าถวายทานกับพระธรรมดา หรือให้ทานก็คนธรรมดาก็ได้บุญระดับหนึ่ง ถ้าถวายทานแก่พระอรหันต์ แก่พระพุทธเจ้า บุญกุศลจะมากขนาดไหน แต่ตรงข้ามถ้า ท�ำไม่ดเี ช่นเทวทตั นย่ี ง่ิ แยใ่ หญ่เลย อย่างเรื่องพระเทวทัตถวายศีรษะ เร่ืองเดิมพระเทวทัตก็เป็นพระญาติสนิทเป็นลูกพี่ ลูกน้องกับพระพุทธเจ้า แต่ว่าท่านมีของเก่ากันมา คือท่านมีพยาบาทอาฆาตพยายาม ปองร้ายพระพุทธองค์เร่ือยมา ก็วันหนึ่งมีโอกาสก็กลิ้งหินลงมาหมายจะให้ทับพระพุทธองค์ แต่หนิ กล้งิ ไปทางอ่นื มีเพียงเศษหนิ เล็กๆ มาถูกพระบาท ท�ำใหพ้ ระพุทธเจา้ ทรงห้อพระโลหิต เป็นกรรมหนกั อนันตรยิ กรรม ทนี พ้ี อสำ� นกึ ผิดไดก้ ็ใหเ้ ขาหามมาถงึ ประตูทางเข้าเชตวันผคู้ น กโ็ จษกัน พระพทุ ธองค์ตรสั วา่ “เทวทัตไม่ได้เฝา้ อาตมาหรอก” จนแคร่หามพระเทวทัตมาถึง พระคันธกุฎีที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ภายใน พอถึงตีนบันไดคันธกุฎีพอเท้าพ้นแคร่หาม เหยียบเท้าลงบนแผ่นดิน พระธรณีก็แยกสูบพระเทวทัตลงไป แต่เน่ืองจากท่านมีสติ ต้ังจิต แน่วแน่ส�ำนึกผิดอย่างแท้จริง ท่านก็ร้องตะโกน “ขอถวายศีรษะเป็นพุทธบูชา” น่ีเป็นบุญ บริสุทธิ์มีอานิสงส์แรงกล้า ท่านก็ต้องไปใช้บาปอนันตริยกรรมเป็นแสนชาตินานหนักหนา แต่สุดท้ายบุญจากขอถวายศีรษะคร้ังนั้น ท่านก็จะได้ส�ำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าเงียบ) ในกาลข้างหน้าก็ยังดีกว่าคนอีกหลายร้อยหลายล้านล้านคนท่ีอีก กีอ่ สงไขยล้านปกี ็ยังเวียนวา่ ยตายอยู่ในกองทกุ ขอ์ ยา่ งนน้ั ละ นี่อย่างผู้ท่ีเขาสร้างบารมีสาวกก็เกิดทันสมัยพระพุทธเจ้าหรือสมัยต่อมา เราก็สหชาติ พวกท่ีเป็นบัวเหนือน้�ำเป็นพุทธสาวกของพระสมณโคดมเจ้า ถ้าเป็นสหชาติก็ต้องส�ำเร็วใน พุทธศาสนานีแ้ มจ้ ะเปน็ สหชาติพว่ ง ยกเว้นพวกรอพระศรอี ารยิ เมตไตรย อย่างหลวงปู่ม่ัน ภูริทตฺโต ท่านสอน “รู้จริงทิ้งสังขาร” คือตัวสติ ได้ยินสักแต่ได้ยิน ไม่ไดไ้ ปยดึ ถืออะไร ได้ยินกเ็ กดิ ๆ ดับๆ แลว้ ทท่ี ่านวา่ อยากดี ไม่รู้จักหยุด “ดไี ม่ดี นีเ้ ปน็ ผิด ของจิตนัก” อธบิ ายว่า ใจอยทู่ ใี่ จ รอู้ ยกู่ ับรู้ ไมม่ ีอารมณ์โลภหลง 251
252
253
พุทธสติ นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธสั สะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสมั พุทธสั สะ พุทธงั สะระณัง คจั ฉามิ ธัมมัง สะระณงั คจั ฉามิ สงั ฆงั สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ พทุ ธงั สะระณัง คจั ฉามิ ทุตยิ มั ปิ ธัมมงั สะระณงั คัจฉามิ ทตุ ิยัมปิ สังฆงั สะระณงั คัจฉามิ ตะติยัมปิ พทุ ธัง สะระณัง คจั ฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมงั สะระณงั คจั ฉามิ ตะติยมั ปิ สงั ฆงั สะระณงั คจั ฉามิ ติสะระณะคะมะนงั นิฏฐิตัง (อามะ ภันเต) ปาณาติปาตา เวระมณี สกิ ขาปะทัง สะมาทยิ ามิ อะทนิ นาทานา เวระมณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ กาเมสุมิจฉาจารา เวระมณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ มสุ าวาทา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทยิ ามิ สรุ าเมระยะมัชชะปะมาทฏั ฐานา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทยิ ามิ วันนี้เป็นโอกาสอันดีท่ีอาตมาได้มีเวลาพบญาติโยมท้ังหลายในที่นี้อีกครั้งหน่ึง ก็ได้ มีโอกาสชักชวนพวกหมู่เราให้นึกถึงพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ทีเ่ ป็นท่พี งึ่ นอกจากนนั้ เราไมม่ ที พ่ี ง่ึ แน่นอนเพยี งแต่ไตรสรณคมน์ กเ็ พยี งพอแลว้ ให้ต้งั ใจจริงๆ ถา้ มีความตง้ั ใจจรงิ ๆ ถา้ มคี วามเห็นชดั แจ้งแลว้ นอกจากพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนพิ พานเป็นสจั ธรรม 254
ไม่มีท่ีพ่ึงใดแน่นอนแล้ว ก็แปลว่าใช้ได้ส�ำหรับการขึ้นต้นการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา พดู กนั ง่ายๆ ก็วา่ มีศรัทธาพอสมควรและถูกตอ้ งในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนิพพาน ทนี ีค้ ำ� สอนของพระพุทธองค์กม็ ากหลายเหลือเกิน กจ็ ะจบั เอาแตข่ ้อท่ีสำ� คญั เท่าน้ัน ประการ ส�ำคัญท่ีสุดคือ ความไม่ประมาท ความประมาทคือทางแห่งความตาย ตายจากจิตคุณงาม ความดี ตายจากความช�ำระจิตให้บริสุทธิ์จากอวิชชากิเลส ซึ่งเป็นเหตุที่ต้องเวียนว่ายอยู่ ในวัฏสงสาร อันมีช่ือว่า นั้นเป็นเร่ืองยากมาก เพราะว่าการท่ีจะพ้นจากอวิชชาธาตุท่ีเป็น พลงั มหาศาล เราก็ไดย้ ินได้ฟังมาแล้วจากปฏิจจสมปุ บาท อวชิ ชาปัจจยา สงั ขารา สังขารา- ปัจจยา วญิ ญาณัง (cuiticious) ความเห็นแบบฝรงั่ (Blind Universal) น้นั สรา้ งโลกจกั รวาล ขนึ้ มาหมดน้ี อวิชชาสร้างสังขาร สังขารสร้างวิญญาณ วิญญาณสรา้ งกามรปู นใี้ ห้ใหญม่ หาศาล ทีนี้จะท�ำลายไอ้ตัวนี้ลงไปมันต้องการพลังท่ีเหนือกว่าน้ันมาก ก็ยิ่งเป็นการยากมาก ทีเดียว ฉะน้ันพทุ ธธรรมไมไ่ ดม้ าถงึ ด้วยการคดิ ๆ เอาเท่าน้ัน เพราะเป็นธรรมเหนอื โลก เพียง แต่เข้าใจใหถ้ กู ต้องวา่ พทุ ธศาสนาเป็นธรรมเหนือโลก เด๋ยี วนี้ไมค่ ่อยเขา้ ใจกนั แลว้ ทงั้ ๆ ที่ หลักสูตรกม็ ีอยหู่ มดแล้ว เป็นโลกตุ ตรธรรม มรรคสัจธรรม หมายถงึ มรรค ๔ ผล ๔ นพิ พาน ซึ่งเป็นเร่ืองการปฏิบัติได้ทั้งนั้น แต่ก็กว่าจะมาถึงอันน้ีได้ต้องอาศัยเหตุกว่าจะมาถึงสัจธรรม ตัวอย่างเช่นพระโคตมพุทธเจ้า ที่แรกเมื่ออสงไขยเศษล้านปีว่าง้ันเถอะก็เป็นคนธรรมดาเป็น ฤาษีชีไพรมีฤทธิ์ เหาะเหินเดินอากาศได้ ครั้งหน่ึงเหาะผ่านป่า เห็นเขามาประชุมกันอยู่ก็ ลงไปถามเขาว่าท�ำอะไรกันอยู่ ก็เราเตรียมการรับพระพุทธเจ้ามีการท�ำบุญด้วยกันฤาษีน่ะ ไม่มีสมบัติอะไรน่ีมีญาณสมาบัติ แต่สมบัติเงินทองไม่มี อาหารอาเหินอะไรก็ไม่มีกับเขาจะ เอาร่างกายไปท�ำทานก็ไม่ไดท้ นี ้ี พอพระทปี งั กรและพระพทุ ธสาวกเสดจ็ มาถงึ แลว้ ทา่ นดาบสนต่ี อนนนั้ ยงั ไมเ่ ปน็ โพธสิ ตั ว์ เป็นคนธรรมดา ก็สังเกตท่ีไหนเป็นเปลือกตมก็ไปนอนคว่�ำแล้วอาราธนาพระทีปังกรสาวกให้ เหยียบย่�ำต่างสะพาน พร้อมกันนั้นตั้งจิตแน่วแน่อธิษฐานต้ังใจ ก็อธิษฐานว่าด้วยอ�ำนาจผล การท่ีเราเอาร่างกายถวายเป็นทานให้พระทีปังกรเหยียบนี้ ในที่สุดขอให้ได้เป็นพระพุทธเจ้า สัมมาสัมพุทธะ อย่างพระพุทธเจ้าองค์น้ี เรียกว่าท่านปรารถนาใหญ่โตเหลือเกินน่ีแล้ว พระทีปังกรท่านก็มีอภิญญาของพระพุทธเจ้าซิ ก็รู้สึกว่าฤาษีน่ีปรารถนาใหญ่โตมากแล้วมัน 255
จะส�ำเร็จได้หรือไม่ ท่านก็มีอภิญญาหย่ังรู้ด้วยว่าอาจส�ำเร็จได้ในอนาคตกาลอันนาน เชิญให้ รับนิมนต์ ถ้ามันเป็นไปไม่ได้พระพุทธเจ้าท้ังหลายไม่รับนิมนต์หรอก ท่านก็เหยียบหลังไป พร้อมท้ังสาวก พอเสร็จแล้วฤาษีน้ันเป็นผู้เชี่ยวชาญฌานสมาธิ เช่ียวชาญแปดก็แล้วกัน นั่งสมาธิเพ่งจิตใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์นี้เป็นง้ันไม่ต้องซื้อต้องหาแล้วไม่มีไวรัสด้วยก็เกิด เปน็ ภาพขึ้นมา นิมิตสิบประการค�ำตอบมใี นนนั้ อตั โนมัตนิ คี่ ือบารมี ๑๐ ขึ้นตน้ ดว้ ยทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะ สจั จะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ปญั ญา แต่ตวั สำ� คญั ท่ีสุดในบารมีนคี่ อื อธิษฐานบารมี ความเริ่มต้ังใจเป็นคร้ังแรก ปรารถนาจะพ้นโลก พ้นทุกข์ พ้นเวียนว่าย ตายเกิด อนั น้ีมเี ฉพาะในพุทธศาสนา พระผู้เปน็ เจา้ ท้ังหลายไมว่ า่ ในอดีตปจั จุบนั ในอนาคต จะเกดิ ข้นึ ไดก้ ็เพราะอันน้ี อธิษฐานบารมีไดช้ อ่ื เปน็ จุดเริ่มต้น บารมี ๑๐ มันก็เน่อื งมาจากขนึ้ ตน้ อนั น้ลี ะ่ บารมี ท้งั หลายไมว่ ่าทาน ศีล เกดิ ล้วนสุดปรารถนากค็ อื พระนพิ พาน คือพน้ จากปัญหาชวี ติ เกิดๆ ตายๆ เป็นทุกข์เป็นยากพ้นจากความโง่อันน้ี ถึงสาวกก็เหมือนกัน ก็ขึ้นต้นด้วยอธิษฐาน บารมีทั้งน้ันอย่างพระโคดมพุทธเจ้าจะว่าที่ไม่ได้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า เพราะเห็นว่า มันยากมากเพราะบารมี ๓๐ ทศั อยา่ งเล็ก อยา่ งกลาง อย่างใหญ่นี่ พระโพธสิ ัตว์ เป็นตน้ พระโคดมเจ้าจะปฏิบัติไม่ต�่ำกว่าสามแสนชาติ นึกดูมากมหันต์เพราะแต่ละบารมีน้ีต้อง เอาชีวิตเข้าแลกเพ่ือสัจธรรม พวกที่เห็นว่ามันเป็นการยากมากอย่างนั้นก็เลยปรารถนาเป็น เรือพ่วง คือว่าสร้างคุณงามความดีเหมือนกันปรารถนาพ้นทุกข์เหมือนกัน อธิษฐานบารมี ปฏิบัติบารมีสิบเหมือนกัน แต่ว่าไม่แข็งแรงขนาดพระโพธิสัตว์แล้วก็ไม่เนิ่นนานเท่านั้น เรียกว่าราวๆ หกหม่ืนชาติ และด้วยบารมีอันนี้ปรารถนานิพพานเหมือนกัน แต่ว่าขอเป็น เรอื พว่ งมันงา่ ยกว่า ว่างั้นเถอะ อือ อันนี้ต้องบารมี ๑๐ เหมือนกัน อันนี้คือเหตุปัจจัยท่ีจะถึงพุทธธรรม หรือพูดกัน ง่ายๆ เหตปุ ัจจยั ทีจ่ ะท�ำใหเ้ กิดเป็นบวั เหนอื น้ำ� น่เี ปน็ คำ� ตอบว่าใครจะถงึ พุทธได้หรือถึงพุทธ ไม่ได้ สิ่งท้ังหลายในโลกมาแต่เหตุมันไม่เกิดขึ้นลอยๆ หรอก เหตุปัจจัยท่ีถึงพุทธธรรมก็คือ เร่ืองต้ังใจจะพ้นทุกข์ คือตั้งใจปรารถนาพระนิพพาน ก็ที่เราท�ำบุญน่ะ บุญ บาป กุสะลา 256
ธมั มา อกสุ ะลา ธัมมา อพั ยากะตา ธมั มา ที่พระท่านเทศนใ์ นงานศพเป็นอภิธรรม อนั น้นั เป็นของธรรมดาเหมือนคลื่นในทะเล แต่ว่าบารมีนี่มีเฉพาะในพุทธศาสนา เหมือนกับว่า คนพายเรือไป เรือก็มีแผนท่ีก็มี เข็มทิศก็มี แล้วรู้ว่าจะไปท่ีไหนมันคืออะไร คือแจ่มแจ้งใน การกระท�ำทุกขณะหรือทุกวัน เพราะท�ำอันนี้เพื่ออะไร ส่ิงน้ันคืออะไร แจ่มแจ้งปรารถนา พ้นทุกข์ท่ีเกิดจากความโง่ เวียนว่ายตายเกิด เรียกว่า มีจุดมุ่งหมาย แน่นอน ปรารถนา แน่นอน รู้ความหมายของส่ิงท่ีจะถึงแน่นอน คือพ้นโง่ พ้นทุกข์ มีเฉพาะในพุทธศาสนา เทา่ นนั้ พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ข้ึนต้นด้วยอธิษฐานบารมีเหมือนกับพระโคตมเจ้า น่ีแหละใน สมัยเป็นดาบส เมื่อพระพุทธองค์บรรลุโพธิญาณในวันวิสาขบูชานั้นท่านไม่ได้พูดอะไรมาก หรอก ท่านพูดว่าหมดกิจ หมดกจิ พรหมจรรยเ์ ปน็ Holy Work วา่ งน้ั เถอะ หรือหมด Home Work แล้ว ไม่มีหน้าท่ีท่ีจะต้องท�ำอย่างน้ีอีกแล้ว แม้แต่ภาวนาได้ภาวนาไปเรียบร้อยแล้ว เจริญอริยมรรคไปหมดแล้ว หมดเร่ืองชาติน้ีเป็นชาติสุดท้าย เท่านั้นน่ะแล้วท่านก็น่ังเงียบ เพราะว่าท่านตรัสรู้อริยสัจ ๔ นิพพาน หรือว่าบรรลุอริยสัจธรรมหลังสองวิชาต้น ที่ท่าน บรรลุด้วยวิชา ๓ วิชาท่ีวิชาท่ี ๑ มองเห็นอดีตไม่มีที่สิ้นสุด วิชาที่ ๒ มองเห็นอนาคตไม่มี ที่สิ้นสุด แม้แต่ชื่อพระพุทธเจ้าในอดีต อนาคตแต่นี่ยังเป็นวิชาโลก อภิญญาก็เรียก พวก ฤาษีชีไพรบางองคก์ ็มีแตไ่ มม่ ากเท่าพระโพธิสัตว์ วิชาท่ี ๓ เปน็ คำ� ส�ำคญั เป็นอภญิ ญาพน้ โลก จิตเจรญิ อรยิ มรรคขึ้นได้ ถงึ เจริญถึงสมาธปิ ัญญาขน้ั พน้ โลก มหาสตเิ ป็นโลกตุ ตรสติ พ้นโลก ถึงเจริญสติปัฏฐานส�ำเร็จ จึงแจ่มแจ้งอริยสัจ ๔ นิพพาน อันนี้เป็นเรื่องส�ำคัญ อันนี้ใคร ไปถามทไี่ หนไม่วา่ เมืองไทยเมอื งนอก ฝรง่ั ฝรง่ั พระพุทธศาสนาคืออะไร อริยสัจ ๔ รู้ เออ่ รแู้ ลว้ เปน็ ไง จติ ใจไม่ได้เป็นอยา่ งนนั้ มันก็ไมไ่ ดค้ วามสักอยา่ ง ออ้ื ไม่ได้ความสักอย่าง ศรทั ธา ก็ไมม่ ี ศลี กแ็ ย่ กเิ ลสก็เต็มจิต ไม่ไดเ้ ป็นเพราะอย่างนัน้ ขนาดพระพุทธเจา้ ท่านทรงแสดงไว้ อย่างชัดแจ้งแล้วข้ึนต้นนะธรรมจักรท่านแสดงมัชฌิมาปฏิปทาเสียก่อน ต้องถือว่ามรรค ๘ อริยสจั มรรค สตปิ ัฏฐานมหาสติ แล้วจึงแสดงอรยิ สจั ๔ มนั ใสแจ๋วอย่แู ล้วน่ี เหมือนกบั ท่นี ง่ั อยู่ในห้องนี้ทุกคน เพราะอะไร ก็เพราะรู้จักถนนถูกต้อง แล้วก็ไม่รู้แค่นึกเอา ลงทุนเดินมา ตามถนนถูกตอ้ ง มันจงึ มานง่ั อยูท่ ีน่ ี่ อันนี้มนั แจว๋ ท่สี ุดแลว้ นี่ 257
ส�ำคัญแต่ว่าจะรู้พุทธศาสนามันต้องปฏิบัติยังไง ปฏิบัติหนทางถูกต้อง เดินตามถนน ถกู ต้องไหม ข้นึ ตน้ ดว้ ยศรัทธา รักษาศีลภาวนาทำ� หรือยงั ก็ไม่ได้ทำ� อะไรสักอยา่ ง ก็ว่ารูพ้ ุทธ รู้อะไร ตัวเดียวก็ไม่รู้ ขนาดพุทโธตัวเดียวก็ไม่รู้แล้วละ ไปรู้ตามตัวหนังสือว่า แต่มันไม่ได้ เข้าถึงจิตใจ ท่ีเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า การจะมาถึงพุทธน่ีถ้าพูดกันย่อๆ มันต้องอาศัยเหตุที่ มีบารมเี ปน็ ตน้ ทุน เป็นแบ็คกราวน์ เป็นความดเี ชน่ ไมม่ ีพื้นฐานมนั กแ็ ย่ ไมว่ ่าอะไรทัง้ น้นั เหมือนอย่างว่าเราปรารถนารถเบนซ์อย่างน้ีเราก็ต้องท�ำงานเป็นเวลานานเก็บไว้ทีละ เหรียญสองเหรียญ มันเต็มกระป๋องเมื่อไหร่มันก็ไปซ้ือได้ ถ้ามันไม่ได้เพียงแต่นึกเฉยๆ งานการอะไรก็ไม่ได้ท�ำ หารายได้อะไรก็ไม่มีเก็บ ก็ไม่เก็บแล้วมันจะไปท�ำอะไรได้มันก็เป็น ของธรรมดาท่ีสุด เพราะเรื่องว่าการท่ีจะมาสู่พุทธธรรมน่ีมันต้องอาศัยผลอาศัยการกระท�ำ (Action) ไม่ใช่มานั่งคิดเอาๆ มันเป็น Moral Action, Spiritual Action คอื การขจัดกิเลส ความโง่ออกจากตจิตทีละน้อยๆ ท่านไม่ได้บอกตามตรงว่าบอกว่าบารมีสิบ แต่เน้ือหามัน เป็นยังไง พอเร่ิมต้นทานบารมีนี่ ก็ขจัดความตระหนี่ออกไป มันมีด้วยกันท้ังน้ันแหละ หือ ศีลบารมีก็ขจัดจิตให้พ้นจากความมืดอีกหลายอย่าง เช่นขจัดกิเลสหยาบมากออกไป เฉพาะ อย่างยิง่ ผิดศีล ๕ ผิดศีลอน่ื ๆ อกี ภาวนาบารมเี ชน่ สตภิ าวนาน่ขี จดั กิเลสอยา่ งละเอียดออกไป จากจติ ใจใหห้ มดจงึ เปน็ การปฏิบตั ิพทุ ธศาสนาท่ีท่านสรปุ ไวใ้ นวันมาฆบูชา สพพฺ ปาปสสฺ อกรณํ การไม่ทำ� บาปท้งั หลาย ทำ� บุญให้ถงึ พร้อม ท�ำจิตใหบ้ ริสุทธิ์ เป็นหัวใจพระพทุ ธศาสนา การไม่ท�ำบาปทั้งหลาย ท�ำใหบ้ ุญถึงพรอ้ ม มันก็สร้างบารมีสบิ เหมือนกนั อันเดยี วกัน นั่นแหละ อื้อ การท�ำจิตบริสุทธ์ิข้ันสูง ท�ำจิตให้แจ่มแจ้งอริยสัจ ๔ นิพพาน อันนี้เป็นกิจ ของการเจริญอริยสัจสติ เป็นท่ีรวมอริยมรรค น่ันเป็นการยากในโลก ต้องลงมือท�ำจริงๆ ปรารถนาจริงๆ ปรารถนาสัจธรรมทจี่ ะใหพ้ น้ ปัญหาชีวติ พ้นทกุ ขย์ ากจรงิ ๆ อยา่ งพระพทุ ธ- โคตมะสมัยเป็นดาบสนั่นแหละ หรืออริยสาวก ทีนี้เมื่อพระพุทธเจ้าพระโพธิสัตว์เจ้า บ�ำเพ็ญบารมีมีสามสิบทิศ เป็นเวลาตั้งสามแสนชาติ มาถึงชาติสุดท้าย ปุพเพกตปุญญตา ความเป็นผู้ท�ำบุญอันไว้ก่อนแล้ว มันเป็นของส�ำคัญมากที่จะมาสู่พุทธศาสนา มันเป็นเร่ือง การกระท�ำดเี ด่นจริงๆ นน่ั ก็บงั เกดิ ขน้ึ อย่างทเ่ี รารู้กนั จริงๆ แหละ 258
ในเนปาลที่น้ีก็สาวกบารมีเขาก็มาเกิด เพราะว่าเขาท�ำพร้อมแล้ว เรียกว่าเป็นชาติ สุดท้าย นางวิสาขา อนาถบิณฑกิ ะ พระเจ้าพิมพิสาร อีกเยอะแยะ หมออาชีวก เด็กหญงิ ผู้ใหญ่เยอะแยะ เป็นเด็กเป็นพันเป็นหม่ืนเป็นแสนก็ได้เขา ก็เพราะว่าไอ้ตัวกรรมที่ในที่น้ี พูดถึงตัวกรรมดี มีจุดมุ่งหมายบารมีน่ี มันเป็นตัวก�ำหนดการเกิดมันเลือกไม่ได้หรอก แล้ว ไม่ได้เด็ดขาด รับประกันผิดบุคคลผิดสถานที่ ผิดเวลาน่ะ มันเป็นคนละเรื่องไปแล้ว นั่นมัน มาจากเหตุทุกสง่ิ ทั้งนั้นในโลก มนั ไม่มาลอยๆ หรอก เหตทุ ่จี ะพูดถงึ น่ะ หมายถงึ พุทธธรรม บารมี บารมีที่ท�ำไว้ มันเหตุเป็นอย่างไร มากน้อยเป็นตัวก�ำหนด อย่างเราเด๋ียวนี้บารมีมัน ก�ำหนดไว้ มาเกิดกบั คนคนน้ัน สถานท่ีนนั้ เวลานน้ั ออกมาแล้วได้พบเหตุการณอ์ ย่างนน้ั ได้ พบกับเหตุการณ์ดีๆ หรือว่าได้พบครูบาอาจารย์ หรือไม่ไปตกเรือบินตายเสียก่อนอย่างง้ันสิ นี่ก็จ�ำกัดมาก เพราะว่าการเกิดมันเลือกเกิดไม่ได้เป็นไปตามเหตุมันเป็นตัวบังคับ เป็น อตั โนมัตทิ ห่ี ลกี เล่ยี งไมไ่ ด้ เหตุกรรมดกี รรมช่ัวในท่นี ้ี เอาเฉพาะบารมแี ละการเกิดมาสามารถ ได้พบพระพุทธศาสนา สามารถปฏิบัติธรรมได้ผลมากน้อยแค่ไหน จะเป็นชาวพุทธท่ีดีได้ อย่างไร มันอยู่ตรงน้ี เพราะฉะนั้นน่ะในสมัยโลกมันเปล่ียนอย่างสมัยน้ีน่ะ มันเลยก่ึง พระพุทธกาลไปแล้ว แต่เรายังเคราะห์ดี บารมีเป็นตัวก�ำหนด เกิดไม่สายเกินไปถึง ๒๕๔๖ ไปแล้วส่ิงท่ีดีก็ยังมีเหลืออยู่บ้าง ถ้าเราเกิดสามพันปีก่อนก็ไม่ได้เจอ เกิดสามพันปีหลังน้ีก็ ไม่ไดเ้ จอ นตี่ วั เหตบุ ารมนี ั่นเป็นตัวก�ำหนดให้เราเกิดกบั คนๆ นน้ั สถานท่ีนั้น สมยั น้จี ึงมานั่ง อยูท่ ่ีนเี่ ปน็ บัวเหนอื นำ�้ เหตุปจั จัยท่จี ะได้ศกึ ษาพทุ ธธรรม ถ้ากลา่ วด้วยหลักบาลมี ันกเ็ ป็นเหตผุ ลทมี่ อี ยู่ประจำ� โลก การที่จะพูดถึงพุทธธรรมนี่มันขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย ๒ ประการ คือเกิดมานั่นมันมีอะไร ติดตัวมา มีกิเลสติดตัวมาแค่ไหน แล้วมีบุญบารมีติดตัวมาแค่ไหน ในส่วนท่ีเป็นอุปสรรคต่อ การจะแจ่มแจ้งในธรรมะ คือกเิ ลส โลภะ โทสะ โมหะ ราคะ โทสะ โมหะมนั มมี าน้อย เรา ท�ำเครือ่ งแกไ้ ขพละหา้ อินทรยี ์หา้ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญามนั มีมาแคไ่ หน เพราะ แต่ละสตั วไ์ มว่ ่าเปน็ โพธสิ ัตว์ หรอื วา่ จะเป็นสาวกบารมี พระโพธิสัตว์อืน่ ๆ อกี กไ็ ด้ ข้อปรารภ ไม่มียกเว้น ตั้งแต่ยอดพรหมโลกถึงก้นนรก เรียกกันง่ายๆ ก็ว่าสายธรรมชาติ อันนี้ไม่มีใน ต�ำราละ อาตมามาว่าให้ฟังสายปิดมืดว่างั้นเถอะ เหมือนอย่างแสงพระอาทิตย์แล่นผ่าน 259
ก้อนเมฆ แต่มันมืด งานสายธรรมชาตินี้มันเป็นมาตาม (Habbit) ความชินเคยของการพูด การกระท�ำ เคยแบบไหนมาก ชินเคยแบบกุศลหรือแบบอกุศล มันก็มาตามความชินเคย จะรู้ได้ยังไง ก็ดูในพระไตรปิฎกก็รู้นี่ พระพุทธเจ้าติพระภิกษุองค์น้ี ขี้เกียจ ไม่ใช่ในชาติน้ี หรอก ชาติก่อนก็ขี้เกียจ ชาติน้ันๆ คร้ังหน่ึงเธอเกิดมาในฝูงนั้น ช่ือนั้น ท�ำอย่างน้ันๆ เคย ข้ีเกียจ ถ้าท่านชมพระภิกษุองค์หน่ึงขยัน เออเธอน่ีก็ขยันไม่ใช่เพียงชาตินี้ ชาติก่อนก็ขยัน ครั้งหนึ่งเคยเป็นภิกษุน้ัน ท�ำอย่างน้ันๆ ได้ผล แสดงว่าสัตว์ทั้งหลายน่ี ท่ีอาตมาเรียกว่า สายธรรมชาติ นับกันไม่ไหวหรอก เหมือนกับรัศมีพระอาทิตย์ แสงอาทิตย์จะไปนับยังไง สัตว์แต่ละโลกท้ังหมดก็คือเหมือนกับรัศมีพระอาทิตย์แล่นผ่าน จิตบวกอวิชชา เงาหลง เงา ขนาดน่ีละ มันไปไม่รอด อันนี้ล่ะ ถ้ามีเมฆมาพัดมีลมมาพัดเมฆพบกับแสงสว่าง มันก็เห็น ไดแ้ จว๋ เพราะฉะน้ันที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่าสติหย่ังลงสู่อมตธรรม ได้ยินสักแต่ได้ยิน เกิดจริงๆ แล้วหย่ังลงสู่พระนิพพานเป็นโลกุตตรสติ โลกุตตรปัญญา เกิดขณะจิตเท่าน้ันท่ี มหาสติโลกุตตรสติ สตปิ ัฏฐาน เกดิ ขึน้ เหน็ สกั แตเ่ ห็น ไดย้ นิ สักแต่ได้ยิน รสู้ ักแตร่ ู้ ส�ำหรบั ผู้ท่ีบารมีพร้อมมูลแล้ว เช่นมหาอ�ำมาตย์นี่ฆ่าคนมาก็เยอะ ปราบกบฏเสร็จแล้ว ได้รับ อนุญาตให้อยูบ่ า้ น กไ็ ม่ทำ� งานท�ำการ ๗ วนั ๗ คนื ฉลองใหญ่ เคร่อื งดนตรีเตน้ ร�ำสารพดั สุราปลาปิ้งสารพัด ในวันน้ันพระพุทธองค์อยู่ในวัดประกาศขึ้นเองโดยไม่มีใครนิมนต์ วันนี้ อ�ำมาตย์น่ีจะได้เป็นพระอรหันต์ ก็ไม่มีใครเชื่อซิ พอว่าวันน้ันพอสายๆ หน่อยมันก็เกิด เอ็กซิเดนท์ เหมือนอย่างท่ีเกิดกันทั่วโลกนี่แหละ คือกรรมใครกรรมมัน คนที่แกรักที่สุด ล้มตายต่อหน้า เลยช็อคเสียอกเสียใจร้องห่มร้องไห้ว่ิงไปวัด จะไปขอให้พระพุทธองค์ช่วย เข้าไปถึงกราบสามหน ยังไม่ทันเปิดปากพระพุทธองค์ก็ทรงตรัสเสียก่อนว่า อ�ำมาตย์กังวล อะไรของเธอในอดีต วาง กังวลอะไรของเธอในอนาคต วาง กังวลอะไรของเธอในปัจจุบัน วาง ไปเลย อรยิ มรรค ตงั้ แต่โสดา สกิทาคา อนาคา อรหนั ต์เรียบรอ้ ย จิตบรสิ ุทธ์มิ นั กเ็ ปน็ ซเู ปอร์คอมพวิ เตอรซ์ ิ ซูเปอรอ์ นิ เทอร์เนต็ ร้หู มดวา่ พระพุทธเจ้าว่าอะไรตอนเชา้ คนกไ็ มเ่ ชอ่ื มันจะไปนรก เมตตาสงสารเหาะข้ึนสู่อากาศ ๓ ครั้ง คนท้ังหลายชอบเชื่อฤทธิ์กัน เออ จริงแฮะ ว่าง้ัน พร้อมกันน้ันตอนนี้ท่านก็มีตอนน้ีเป็นอรหันต์แล้ว ไม่ใช่อ�ำมาตย์ เป็น 260
อริยบุคคล โลกุตตรจิต จิตพ้นโลกแล้วไม่ใช่ปุถุชน เรียกว่าพระอรหันต์ก็แล้วกัน ก็รู้แจ้งว่า หมดเทอมชีวิตเสียแล้ว หมดอายุก็ไม่ได้ลงมาลอยอยู่ในอากาศ พระพุทธเจ้าก็ว่า เอ้า เธอ เลา่ ใหพ้ วกน้ฟี ังว่าแตก่ อ่ นนีเ้ ธอทำ� อะไรไว้ โอ แต่ก่อนนท้ี ำ� บุญไว้มากมาย พาคนมาส่ธู รรมะ นีก่ ็มากมาย เสร็จแล้วเตโชธาตกุ ็เกดิ ขึน้ เอง เปน็ ฌาปนกจิ อัตโนมตั ิ เมื่อจิตบริสุทธ์ิแล้วธรรมทั้งหลายก็บริสุทธิ์หมด ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ ก็เป็น พทุ ธะ คดิ นกึ รู้ ได้ยิน หนาวร้อนก็ไมห่ ลง เปน็ พทุ ธะหมด เหมอื นอยา่ งพระพทุ ธองค์ใน วันวิสาขบูชา พอจิตสว่างด้วยพระโพธิญาณ แสงสว่างพ้นโลก เป็นพุทธะทันที หัวต้อง เรียกว่าพระเศยี ร พุทธเศยี ร โสต พทุ ธโสต จักษุ พุทธจกั ษุ กาย พุทธกาย มโน พุทธมโน ซิ ธาตดุ นิ นำ�้ ลม ไฟ กไ็ ม่เปน็ ธาตอุ ย่างมนุษยธ์ รรมดาอย่างเขา เป็นพระธาตุ เมือ่ ฌาปนกิจ แล้วกเ็ ป็นของเลก็ ๆ นอ้ ยๆ งดงามเหมอื นกับเพชร เหมอื นกบั พลอย เหมอื นกับเมล็ดข้าวสาร ร่วงลงมาอย่างนี้ พระพุทธเจ้าก็ให้คนเข้ารวบรวมเอาผ้าปูรองรับ แล้วสร้างเจดีย์ทับไว้ทาง ส่แี พรง่ น้ัน น่เี ป็นตัวอยา่ งของการเจริญอรยิ มรรค ปรากฏผลเปน็ ความสำ� เร็จธรรม โลกุตตร- ธรรม วางกังวล วางเสียทั้งหมด แม้จะดูว่ายากนะ ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ไปดูที่ท่านแสดงไว้ ส�ำหรับคนที่มีบารมีไม่มากนักต้องเอายาวๆ นิดหน่อย แสดงแก่ภิกษุ ภิกษุเธอพึงวางกังวล ขันธ์ ๕ เสีย เอ้ออันน้ีพอเห็นแนวม่ังนะ เราเป็นนักภาวนาก็หัดเอาซิ น่ีเป็นสติเป็นหัวใจ สตปิ ัฏฐาน วางกังวลขนั ธ์ ๕ มนั ก็จบเรอ่ื งโลกนะ่ ซิ มันจะไปอยู่ได้ยังไงเล่า เรื่องโลก เรื่องหลง ปัญหาภพ ปัญหาโลก ปัญหาเรา ปัญหาเขา ที่ไหนมันจะไปมีได้ สัมมาทิฏฐิ มิจฉาทิฏฐิ มันก็หมดเขตแล้ว เหมือนอย่างหลวงปู่ม่ันว่า รู้จริงท้ังสังขาร เกิดๆ ดับๆ ไม่เหลียวไม่แล ไม่แลไม่เหลยี วไปเลย เออ้ คราวน้ีจิตเป็นใหญไ่ มห่ มายพ่ึงสญั ญา ท่านว่างน้ั สิ สญั ญามันกอ็ ยู่ ในขันธ์ ๕ น่ันแหละ ไม่ไปเก่ียวข้องด้วยก็หมดเลย เหมือนมองไปในทะเลเห็นคลื่นเห็นน�้ำ ไม่ไปหลงคลื่นหรอก อือ คลื่นของจริงมันเป็นน้�ำ ได้ยิน ได้ยินสติพร้อมได้ยิน นิพพานน่ี พระพุทธเจ้าถึงตรัส นี่สติได้ยินแต่เพียงได้ยิน หยั่งลงสู่อมตธรรม น่ีท่านท่ีเจริญมรรคสติ ขึ้นได้ก็เพราะว่าเหตุเขามีบารมีเขาพร้อมเรียกว่า ดอกบัวบานเหนือน้�ำ ปั๊บเดียวไปเลย พูด กันทีเดียวรูเ้ รือ่ ง 261
อือ ทีน้ีพูดถึงสายธรรมจักรที่ว่านั่นน่ะ ที่จะมาปฏิบัติถึงพุทธธรรม สายเดิมโลภะ โทสะ โมหะ พวกแฮบบทิ ในอดตี ชาตนิ ้ัน ไปเกดิ มนั เปน็ แบบไหน ทีน้แี ส่วนทด่ี ี กศุ ลธรรม พละ ๕ อนิ ทรีย์ ๕ ศรัทธา ๕ ศรัทธาสติ วิริยะสติ สตปิ ญั ญาน่แี ค่ไหน สมมตุ ิว่าไอก้ ิเลสมนั กแ็ รง แลว้ ก็ไอ้ส่วนทีก่ เิ ลส พละห้านกี้ ็แรง ท่านแสดงวา่ มนั ส�ำเรจ็ ยาก ส�ำเร็จเร็ว เชน่ “เดิน” พระอรหันต์บางองค์ส�ำเร็จด้วยการเดินจงกรม เอากันจนเท้าแตก ส�ำเร็จยาก ส�ำเร็จเร็ว การโลภะ โทสะ สายเดมิ มมี ามนั มาก แลว้ กข็ ดี ท่ีจะแกไ้ ขกำ� ลงั ๕ พละ ๕ อินทรีย์ ๕ ศรทั ธา วริ ยิ ะ สติ ปัญญา มนั อ่อนกส็ ำ� เร็จยาก สำ� เร็จงา่ ย เปน็ ตัวอยา่ งทจี่ ะมาถึงพุทธธรรม เริม่ ด้วย เหตุท่ีมีบารมี การท�ำบุญสุนทาน ขจัดกิเลสทีละน้อย โดยมุ่งหวังท่ีจะพ้น ท�ำจิตให้พ้นจาก มืด ท�ำจิตให้บริสุทธ์ิ ในที่สุดหวัง พระนิพพาน แล้วก็การกระท�ำท้ังให้คนที่กุศล อกุศล มันสืบเน่ืองกันมาแค่ไหน เพราะตอนเกิดมาถึงตัวน้ีก็เข้าข้ัน มันส�ำเร็จเหมือนมันตีตราจูง มาแล้ว ในส่วนที่เป็นวัตถุ มันก�ำหนดโครงสร้างของร่างกายทุกอณูไว้หมดเลย ร่างกายจะ เปน็ ยงั ไง จะสูงต่�ำด�ำขาว จะเป็นคนขโี้ รคหรือไม่ขโ้ี รค มนั เรียบร้อยแล้ว รวมท้ังระบบสมอง ระบบประสาทดว้ ยซิ ทีนี้ในส่วนท่ีเป็นนามธรรมก็อย่างว่า สายท่ีมาเนี่ยมันเป็นอย่างไร ถ้าเป็นสายท่ีมามัน ไมด่ ี มันกเ็ ป็นสนั ดาน เกิดพร้อมด้วยสันดาน สันดานในภาษาไทยเขาเรยี กวา่ ของแขง็ แก้ไข ยาก ฉะนั้น ส่วนที่ดีเป็นกุศลส่วนใหญ่ท่ีท�ำมา เรียกว่าเหตุเก่าท่ีท�ำไว้ดีมาก มันก็เกิด พร้อมด้วยอุปนิสัย เหมือนชาวพุทธเลือกเกิดในท้อง มีอุปนิสัยในพุทธศาสนา มันมีมาต้ังแต่ นน้ั แลว้ ไอข้ ้างนอกน้ีมนั ประกอบกนั ทหี ลงั พระพุทธเจ้าก�ำหนดมนุษย์ไว้ ๔ ชนิด มนุสสเดรัจฉาโน มนุสสเปโต มนุสสเทโว มนุสสมนุสโส อนั นเี้ ปน็ ผลของการเกิด ทจี่ ะเกิดเป็นชนดิ ไหน ไอ้ที่ไมด่ ีมันกเ็ ปน็ มนุสสเดรจั ฉาโน มนสุ สเปโตมันไมต่ อ้ งไปคดิ หรอก มองดกู ็เยอะไปนี่ ออื ธรรมะไม่ใชอ่ ยูใ่ นตวั หนังสือ แตอ่ ยทู่ ี่ ของจริง มันมีอยู่ทั่วไปมนุสสมนุสโส อันน้ีพอแก้ไขได้ เรียกว่าห้าสิบห้าสิบ ฟิฟต้ีฟิฟต้ี หา้ สบิ ด�ำ หา้ สิบขาว อันนข้ี ึน้ อยูก่ บั ปัจจัย (Concious) อเสวนา จ พาลานํ ปณฑฺ ติ านญจฺ เสวนา เป็นส�ำคัญ ทีนี้ได้คบค้าสมาคมหรือได้พบใคร ถ้าได้พบใครดี คบค้าสมาคมกันดี เป็นบณั ฑิตก็ดีไป ถ้าไปเจอไมด่ หี รือคบค้ากับคนที่ไมด่ ี กแ็ ยไ่ ป 262
ทีนี้การท่ีจะเสียจะสาย มันก็อันน้ีแหละ อือ เหมือนเรามาน่ังเรียนพุทธอยู่นี่ก็เพราะ อะไร กเ็ พราะมีคนเขาไปพบพระพุทธเจา้ เอาวันธรรม ทีเ่ รียกวา่ ปญั จวคั คยี ์ก็แลว้ กัน อือเขา แจ่มแจ้งธรรมแล้ว คนน้ันก็พบคนน้ี คนน้ีก็พบคนนั้น ก็สืบต่อกันมาได้พบพระสงฆ์องค์เจ้า จนถึงปจั จุบนั น้ีซิ สว่ นไอท้ ่ีไม่ดนี ะ ไมต่ ้องไปพูดหรอกมันเต็มโลกไปหมด ทนี เี้ ราก็ตอ้ งลองดบู ารมขี องเราบา้ งซิ มันแค่ไหน เอ้า พากันดลู มหายใจไปเทา่ นน้ั แหละ อือ (เงียบ) ดูลมหายใจมนั แลน่ ข้นึ แล่นลงไปเฉยๆ ไม่ตอ้ งไปคดิ อะไรหรอก (เงียบ) ลมหายใจ ในคอในอก ในท้องมันขยับเขยื้อนไปยังไง เดินลงเดินขึ้น ก็รู้ทันในปัจจุบัน (เงียบ) รู้ รู้ มนั แลน่ ลงไปก็รู้ รู้ รู้ รู้ รู้ ก�ำหนดคำ� วา่ “รู้” ไป ร้เู ปน็ วญิ ญาณซิ เกิดเดีย๋ วน้ี ดบั เดย๋ี วนี้ ไวทส่ี ุด ออื มนั กไ็ ดย้ นิ ไดย้ นิ มนั ไวท่สี ดุ ปัจจบุ ันเกิดปัจจุบันดับ อดีตยงั สูญไปแลว้ อนาคต ยงั ไม่มา คดิ ดูวา่ โลกภพ เราเขามันอยูต่ รงนี้แหละ ไดย้ ิน คิด นกึ รู้ นอกจากนีม้ ันจะมีได้ไงหือ มันสั้นนิดเดียว สังขาร ภพโลกที่สมมุติเป็นเรา เป็นเขา ขันธ์ ๕ อะไรก็ตามมันเกิดดับไป เดีย๋ วทุกขณะ จะเอาอะไร มันเอาอะไรไม่ไดส้ ักอย่างธรรมชาตยิ งั ไง (เงยี บ) ลมหายใจมันได้ หลบไปกก็ ำ� หนดรู้ รู้ รู้ รู้ ไว้มนั ทนั มนั ไวมาก 263
วิญญาณังปัจจะยา นามะรูปัง วิญญาณโง่ท�ำให้เกิดนามรูปโง่ นามรูปโง่ท�ำให้เกิด วิญญาณโง่ นี่มันไวท่ีสุด เป็นตัวแก่นแท้ของวัฏสงสาร วิญญาณมืดท�ำให้เกิดนามรูปมืด นามรูปท�ำให้เกิดวิญญาณ หมุนต้ิวเหมือนกับอิเล็กตรอนมันวิ่งรอบนิวเคลียสนั่นแหละ นิวเคลียสเปน็ พลงั ดึงดูด อวชิ ชากใ็ ช่ นเ่ี ป็นแกน่ แทข้ องวฏั สงสาร การเดนิ ทางของการท�ำงาน ของจิตอวิชชา (เงียบ) ทีนี้ดูลมไป เห็นเห็นสติแค่เห็นๆ เห็นทะลุท้องไปเร่ือย เป็นพุทธสติ สติพน้ โลก วิญญาณพ้น วญิ ญาณเป็นวญิ ญาณพ้นโลก ดูวิญญาณพ้นโลกไปเรอื่ ยๆ มนั กเ็ ปน็ จติ สติ จติ พ้นโลกถงึ ธรรมพ้นโลก มันกเ็ ป็นจิตตื่นแลว้ จติ พทุ โธ จติ ธัมโม จติ สงั โฆ จติ นิพพาน นพิ ฺพานํ ปรมํ สขุ ํ ไปซิ ได้ยนิ สักแคไ่ ด้ยนิ ร้สู กั แคร่ นู้ ่ีเป็นวญิ ญาณสติ เกิดแคว่ ิญญาณมดื วิญญาณอวชิ ชา เปน็ วญิ ญาณมหากศุ ล เป็นวิญญาณพน้ โลก วญิ ญาณสติ ได้ยนิ สกั แคไ่ ด้ยนิ จบ นั่นก็นามรูป หลงมันก็ไม่มีวิญญาณ สติเกิด นามรูปหลงมันก็ไม่มี นามรูปหลงไม่มีมัน เกิดวิญญาณหลงขึน้ ไดอ้ กี แลว้ ท�ำลายวัฏสงสารเสียแลว้ บารมีท่ีทำ� มาได้ผลแล้ว เออนีเ่ รยี ก บารมีเพียบพร้อมแล้ว แจ่มแจ้ง ความพ้นทุกข์ท่ีเกิดจากโลก เกิดจากอวิชชา อัตตาทิฏฐิ สักกายทิฏฐิ ความหลงยึดขนั ธ์ ๕ เป็นเราเปน็ เขา พร้อมท้ังทุกข์เปน็ อันมากทม่ี ันเกิดขึน้ เป็น อรยิ สัจจทุกข์ ไมใ่ ช่ทกุ ข์อย่างชาวบา้ น เกิดเสยี เงินเสียทอง การบา้ นการเมือง ปัจจยาอนั นน้ั ไมใ่ ชส่ กั กายทฏิ ฐิ เพราะจติ มดื ไมร่ ้จู กั อนจิ จัง ทกุ ขัง อนตั ตา ในขันธ์ ๕ แลว้ ก็ไปนึกเป็นเราๆ เปน็ ตนเปน็ เขา เป็นศูนยก์ ลางจกั รวาล ศนู ยก์ ลางกรรมทง้ั หลายอยอู่ ยา่ งนซี้ ิ อ้ือ เป็นอภสิ ังขาร กสุ ะลา ธัมมา อกสุ ะลา ธัมมา อพั ยากะตา ธัมมา ไปกนั ไม่รอด เสรจ็ ไมง่ ั้นนะ (เงียบ) ใหด้ ลู มไปเหน็ ลมแล่นไป ร้ๆู อนั น้ีแหละเปน็ วญิ ญาณสตเิ กดิ ขน้ึ แล้ว เมอ่ื จิตสติเปน็ จติ พทุ โธ ให้แจม่ แจ้งธรรมเปน็ ธรรมอะไร มันกห็ ายหลง หลงยงั ไงทุกทิศ มนั ไม่ต้องการคำ� พูด ค�ำถาม คำ� ตอบแลว้ มันเยน็ ลงสบายแลว้ จะไปถามตอบอะไรหอื ก็เปน็ อย่างเปน็ โรคป่วยเรื้อรงั มานาน อย่างมีหมอดีมารักษาหายสบายกายสบายใจ จะมานั่งถามคนไข้ว่าหายแล้วหรือเปล่า หาย พอแล้วก็ไม่ต้องไปว่าแล้ว มันไม่จ�ำเป็น อย่างพุทธธรรมเป็นสัจธรรมสงสัยไม่วิจิกิจฉา คือ แจ่มแจ้ง สติขั้นอริยะท่ี ๑ โสดาบัน ความเห็นว่าตัวเราของเราในขันธ์ ๕ ดับทุกข์ผลิตมา พร้อมกับความเห็นทุกข์อันน้ี ซึ่งเป็นทุกข์มหาศาล เป็นอุปาทานขันธ์ ๕ วัฏสงสาร ทุกข์ที่ แท้จรงิ ทตี่ รัสรู้ด้วยพระโพธญิ าณเท่านนั้ ไม่ใชช่ าวบ้านไปคิด อันน้แี จม่ แจ้ง อันนี้ดับพร้อมกบั 264
ความเห็นวา่ เราๆ เขาๆ กับไปพรอ้ มกนั เลย ตรัสรอู้ รยิ สัจที่ ๓ นโิ รธอริยสัจจะ ที่พระพทุ ธองค์ ทรงกล่าว ความดับทุกข์ที่แท้จริง อริยสัจท่ี ๑ พร้อมทั้งเหตุโดยส้ินเชิงในปัจจุบัน เป็น พทุ ธปญั ญา อนั น้ีซิ น่พี ุทธปญั ญาหรือไม่ พทุ ธปัญญามนั อยตู่ รงนี้ ไมใ่ ชม่ านงั่ คดิ เอา มันเปน็ ผลของการกระท�ำท่ีถูกต้อง ก�ำหนดจิตถูกต้อง โดยเฉพาะสรุปผลของต้นทุน ลงทุนสร้าง ขึน้ มา อีกท้ังพระสาวกหกหมน่ื ชาติ มนั มาถงึ จดุ จบ อือ แล้วเราก็ไม่รู้ไมไ่ ด้ แล้วเราระลึกชาติ ไม่ได้นี่ สมมุติว่าญาติโยมท่ีอยู่นี่บ�ำเพ็ญมาแล้วห้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า เดี๋ยวนี้มันอาจจะ เปน็ คร้งั สุดทา้ ยกไ็ ดน้ ่ี รู้แนวถูกต้องแล้วเป็นใช้ได้ นอกจากบารมี สติปัฏฐาน อริยมรรค ไม่มีทางเด็ดขาด ที่จะมาสู่พุทธรรมได้ มันเป็นการยากซิ เช่น เปรียบเหมือนว่ายน�้ำทวนน้�ำของกระแสกิเลส กระแสตณั หาอุปาทาน มนั ยากแตม่ นั ไม่อิมพอสสิเบลิ เพราะธรรมชาตขิ องธรรมชาติกระทำ� เป็นกรรม อริยสัจ ๔ นพิ พาน เหมือนโลกคร่งึ หน่ึงสวา่ ง คร่งึ หลังมืด มนั มีอยู่อยา่ งนเี้ นีย่ มนั มีกลางคนื มันกม็ กี ลางวัน โลกมันก็เป็นโลก อาทติ ย์ก็เปน็ อาทิตย์ ออ้ื มันก็มีคนทำ� ไดใ้ ชไ่ หม ธรรม แม้จะไม่มากก็ตามธรรมมนั เปน็ เร่อื งยาก จึงเปน็ เรอื่ งธรรมดา ของดไี ม่มมี าก นอ้ ยนดิ เอ้าพูดกันง่ายๆ คือคนที่จะมาสนใจในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มานั่งภาวนาอย่างน้ี มกี ่คี นละ่ เทยี บกบั มนษุ ยห์ กพันล้าน เทยี บกับสิง่ ทเี่ ป็นสัตวเ์ ดรจั ฉาน ผเี ปรต กายทพิ ย์ โอ๊ะ มันเทียบกนั ไมไ่ หวหรอก เหมอื นคลน่ื ในมหาสมุทรทั่วโลก จะไปนับยังไง จติ มืด ขันธ์ ๕ มดื เกิดๆ ตายๆ กันอย่นู นั่ หยัง่ ลงสอู่ มตธรรม ออื ไดย้ นิ สตพิ รอ้ มนิพพาน ว่าง้ันเถอะ มอื แตะ คล่ืนจะเย็นเปียก ไม่ไปหลงคล่ืนแล้วตาดีมองเห็นคลื่นเห็นน้�ำพร้อมกัน ได้ยินสติพร้อม นิพพาน แจ่มแจ้ง อมตธรรม เป็นสัจธรรม พระนิพพานเป็นที่พึ่งได้ นอกนั้นไม่ใช่ หรือ อย่างทพ่ี ระพุทธองค์ทรงแสดงไวอ้ นุปัสสนา ๒ อนวุ ิปสั สนา ๒ วปิ ัสสนาท่ี ๑ ภิกษุพงึ พจิ ารณาขันธ์ ๕ เปน็ ของเท็จ เก๊ เออ รปู เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณเป็นของเท็จ เป็นของกุเป็นของเก๊ เหมือนกับเงินเก๊กบั ทองเก๊ ญาติมติ รเกก๊ เ็ หมอื นกนั ขันธ์ ๕ กเ็ ก๊ 265
อนุปสั สนาท่ี ๒ ภกิ ษุพึงพิจารณานพิ พานธรรมนัน่ อนั มหศั จรรย์จริง เมอื่ ๒ อยา่ งน้ี อภิปัสสนาญาณ ๒ อย่างนี้แจ่มแจ้ง ไม่ช้าจะแจ่มแจ้งธรรมสมบูรณ์ อันนี้ไม่ใช่เพียงแต่ว่า หลักต�ำราเทา่ นัน้ ของจริงกม็ ใี นปจั จุบนั มีลุงคนหน่ึงเขาเป็นข้าราชการอยู่หนองคาย บวชอยู่กับหลวงปู่ขาว สึกออกมาแล้วก็ ภาวนาเองคนเดียว มีครอบครัวเป็นข้าราชการ ได้ตั้งใจภาวนาติดต่อธรรมะกันอยู่หลายปี ตอนหลงั ไปอย่อู อสเตรเลยี หลายปไี ม่ได้ขา่ ว เขยี นจดหมายมาถามถึงเมอื งไทย เขายอกเดย๋ี วนี้ ผมเหน็ อะไรเปน็ ของเกไ๊ ปหมดแลว้ เขาวา่ งน้ั นะ เออ ตงั้ แตน่ น้ั กเ็ ลยไมต่ ดิ ตอ่ กนั ไปเลย จบเรอ่ื ง พดู ละซเิ น่ยี ของจรงิ แหมม่ อีกคนเปน็ ลกู ศิษยก์ ภ็ าวนา ๒-๓ ปี เพิง่ จะมาเจอกัน เขาบอกไมม่ ีอะไรตายไป นอกจากอีโก้ (Ego) วา่ ง้นั แหม นี่ก็ส�ำคญั ไม่ใชเ่ ลน่ ไมม่ อี ะไรตายนอกจากความหลงผดิ ว่า เป็นเราเปน็ เขามันตายไปแล้ว วา่ ภาษาไทยนเี่ ถอะ เนยี่ อำ� นาจบารมีของเขา ถึงเขาเปน็ ฝรัง่ มังคา่ มันกเ็ ป็นไปแลว้ ย่ิงอีกคนหนึ่งย่ิงแล้วใหญ่เป็นบาทหลวง เป็นครูบาทหลวงด้วย ผู้ที่จะเป็นบาทหลวง ต้องไปเรียนกับเขาอยู่ซิดนีย์ เขาก็มาเรียนภาวนาท�ำตัวเหมือนลูกศิษย์ ห้าปีเจอหน้ากันทีไร จะไปภาวนา ดีไม่ดีเที่ยงคืนนี่กลางป่าช้าฝรั่งใหญ่เบ้อเร่อ เป็นเน้ือที่เป็นร้อยสองร้อยเอเคอร์ อยู่ริมทะเล เที่ยงคืนไม่มีมนุษย์มนา อ้ือ ท�ำห้าปีเจอหน้ากันทีไร อาตมาสอนไม่ได้สอนใน หอ้ งพระ สอนในหอ้ งนอนแล้ว ไมเ่ คยไปสอนเขาถอื พทุ ธถืออะไร เขาก็แตง่ ตัวเปน็ บาทหลวง ถอื กางเขนอยู่ พวกคริสต์เมอื งนอกเขาไมเ่ หมอื นคริสต์เมอื งไทย ถอื เคร่งเจอพระกไ็ มไ่ ด้ เขา สมาคมได้อย่างดี ไม่มีการถืออายถือซ่อนเร้นอะไร ถือเป็นของธรรมดา เราไปสติแกนี่แหละ เราไมไ่ ด้ไปบอกให้เป็นพุทธ นีไ่ หวพ้ ระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ เราก็ไม่ได้บอก แต่โดยมาก เขานั่งนานกว่าเรา ทีน้ีน่ังคร้ังสุดท้ายในห้องนอนเขานั่งนานเหลือเกิน ตัวอาจารย์ต้องไป นอนสูบยาดู เมอ่ื ไหร่จะออกสกั ทหี นอวา่ ง้นั พอออกมาแกกราบสามหนเลย บอกวา่ นีค่ ือการ เอาจติ ออกจากขันธ์ ๕ ใช่ไหม แหมพอไดย้ ินค�ำถามนเ้ี ลยไม่รู้จะวา่ ไง นึกถึงพทุ ธในเมอื งไทย 266
พระในเมอื งไทยเราสามแสนหา้ หมื่น อือ จะมาถึงจุดน้ีมันยากเหลือเกนิ คราวหลงั มากลบั มา เมืองไทยไปนมัสการสมเด็จพระสังฆราช เล่าให้ฟังได้ยินเสียงองค์ข้างหลังพูดว่า “จบ หลักสูตรแล้ว” นั่นแหละบารมีเขาพร้อมน่ะ เป็นอย่างนั้นมันไม่น่า เพราะเมืองฝร่ังนี่โยมไป อยู่จริงๆ จึงจะรู้เฉพาะอย่างยิ่งมันจะไปเรียนหนังสืออยู่ในห้องเรียน อยู่ในห้องดูหนังสือน่ะ คบค้าสมาคม เพราะว่าอาตมาไปในฐานะอาจารย์สอน Meditation นี้ ฝร่ังนี่ขึ้นช่ือว่า Meditation เขาโดดใสเ่ ลย รู้ไมร่ ู้ พทุ ธไม่พทุ ธไม่รู้ Meditation เป็นเอา มันเป็นแฟช่ันใหม่ ของเขา แล้วก็ไปๆ มาๆ ก็ได้ผลเป็นจ�ำนวนมากทีเดียว ถอยหลังไป ๒๐ ปีหลังจากนี่ ดู เรยี กวา่ ในแมก็ กาซนี เยอรมนั ชาวพุทธมแี ค่ไมก่ ่หี มน่ื ในตะวนั ตกหรอก เปน็ ตงั้ เกือบ ๔ ลา้ น ๕ ล้านในปัจจุบัน แล้วเขาถือ Meditation เป็นส�ำคัญ เรียกว่าเขาถือเป็นตัวพุทธศาสนา ไปเลย นี่บารมีถึงมันก็เป็นไปได้ ไม่ได้เกิดในนอกแดนพุทธ เมืองฝรั่งมันต่างกว่าเรามาก คนละโลกพดู กันไม่รเู้ รื่องหรอก แตอ่ ย่นู านๆ ไม่ใช่ดูหนงั สอื เฉยๆ สมาคมก็เหมอื นกับคนเปน็ คนในครอบครัวของเขา สังคมง่ายๆ มันพูดกันไม่รู้เร่ืองหรอกแต่เขาสามารถเรียนได้ พบคน พบหนงั สือกม็ าบวชในเมอื งไทยเรา กเ็ หน็ อยนู่ ่ีบารมีเขาพร้อม ส่วนเราในเมืองไทยเราเป็นอย่างไงก็รู้แล้ว ไม่ต้องพูดหรอก แต่เคราะห์ดีเด๋ียวนี้ยังมี คนดียังมีอยู่ พระสงฆ์องค์เจ้าที่ปฏิบัติดีก็ยังมี ญาติโยมที่สนใจการปฏิบัติภาวนาเจริญ สติปัฏฐานก็ยังมี ต่อไปไม่รูแ้ ลว้ ละ่ ออื น่ีแหละโยม ด้วยอ�ำนาจบารมีท่ีท�ำไว้ เป็นเคร่ืองหมายก�ำหนดการเกิด ถูกต้อง เหมาะเจาะกับบุคคล สถานท่ี เวลา สมยั เป็นบญุ ลาภ มหาบุญลาภทห่ี าได้ยากในโลก ไมใ่ ช่ มนุษย์โลก เป็นมหัศจรรย์เพราะแสงสว่างเหนือโลกมืด พุทธศาสนานี่ไม่รู้สักก่ีร้อยล้าน พันล้านปี มันจะเกิดขึ้นสักแวบหนึ่ง หือ อย่างพุทธกาลน่ีห้าพัน ไปเทียบกับพันล้านๆ ปี ในอดตี พันลา้ นๆ ปีท่ใี นอนาคตวา่ งัน้ ละกวา่ จะถงึ .... 267
268
๔ มถิ ุนายน ๒๕๕๕ วันวิสาขบชู า ที่พกั สงฆส์ วนทิพย์ อ�ำเภอปากเกรด็ จังหวดั นนทบุรี วาระน้ี คอื วาระสำ� คญั ชาวโลกพากนั ฉลองพทุ ธชยนั ตี การชนะ ไม่มีการชนะอะไร ยิ่งกว่าของพระพุทธเจ้าชนะกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ ไดโ้ ดยสิ้นเชิง เรากไ็ ดม้ ีโอกาสไดเ้ กดิ เปน็ คน อาศยั ปพุ เพกะตะปญุ ญะตา บญุ ทเี่ ราได้ท�ำไว้แล้วน้ันแหละท�ำไว้หลายชาติ ท�ำให้ เราได้เกิด ได้พบพทุ ธศาสนา ไดป้ ฏบิ ตั ิพุทธธรรม ซง่ึ เป็นการยาก พุทธ คือ จริงน่ันเอง ท�ำได้จริง ท�ำดีได้จริง เป็นพุทธ แม้ในจ�ำนวนเล็กน้อยก็ตาม ขอ้ ส�ำคญั จรงิ จรงิ คอื พทุ ธ ท�ำไดจ้ ริง ท�ำแล้วจรงิ สัจธรรม คอื พทุ ธศาสนา มพี ระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนิพพาน อยา่ งอาตมาไดม้ ีชวี ิตมา รว่ มกับโยม ก็อาศยั พึ่งพระบารมีของพระพุทธองค์ ก่อนทีจ่ ะ ร้จู กั สรา้ งบารมี ก่อนทจี่ ะออกป่า บำ� เพญ็ ตบะ ในครั้งแรก มันกม็ แี ตค่ วามกลัว เพราะการ ออกไปอยู่คนเดียวในป่า ในป่าใหญ่ ไม่มีใครเป็นเพื่อน มันไม่ใช่ของง่าย มันเสี่ยงกับความ ตาย เม่ือเวลาจะออกทีแรก ก็นกึ กลัวอย่างน้ันน่ะเหมือนกัน แตอ่ าศัยพทุ ธบารมชี ่วย ไดเ้ หน็ นิมิตของพระพุทธองค์ ด้วยลืมตานี่ละ่ เห็นทา่ นทรงพระดำ� เนินเดนิ เข้ามาหา พรอ้ มทง้ั บาตร ใบใหญ่ ฝาบาตรเปดิ แล้วกม็ นี มิ ิตตอบวา่ ตัวทง้ั ตัว โดดลงไปในบาตร พร้อมกับนึกในใจว่า 269
เอาไปทง้ั หมด ถวายไปหมด นกึ แลว้ กโ็ ลง่ ใจ ไมม่ อี ะไรตอ้ งหว่ งแลว้ เราไดท้ ำ� บญุ ดที ่ีสดุ เอาชวี ติ เข้าแลกกับสัจธรรม ไม่มีอะไรวิเศษกว่าน้ี อาศัยหลักธรรมที่เป็นบารมี สัจธรรม ถึงได้อยู่ ปฏบิ ัติธรรมมาไดจ้ นอายรุ ้อยนงึ แล้วเดยี๋ วน้ี ได้มาเจอกับโยมอกี ต้ังหลายครง้ั หลายหน เปน็ บุญ เม่ือเวลาเกิดเดอื ดเน้อื รอ้ นใจ หรือเกิดความสงสัยอะไร กม็ เี คร่ืองตัดสนิ คือ บารมีธรรม ทเี่ ราได้ทำ� ไว้ ท่ีปฏิบตั ิตามสญั ญา คือ อยปู่ ่าใหค้ รบกำ� หนดหนึง่ พรรษา ถ้าอย่คู รบหนึง่ พรรษา แล้ว ขอให้การปฏิบัติธรรมจงได้ผล หรือปราศจากอันตรายในชีวิต เป็นท่ีไม่ต้องสงสัย ใน พทุ ธานภุ าพ ธมั มานภุ าพ สงั ฆานภุ าพ อานภุ าพสจั ธรรม พระนิพพาน ชีวิตมีท่ีพ่ึงแน่นอน ถงึ แม้จะตาย ก็ไมน่ กึ ว่าตาย เพราะเราได้ท�ำบญุ ไว้แลว้ เรยี บร้อย ใครเอาไปไมไ่ ด้ ฉะน้นั ในวาระวสิ าขบชู าเชน่ นี้ โยมทกุ คนท�ำใหเ้ ป็นแก่นสาร ให้เป็นหลักท่ีพ่ึง ก็จะ เปน็ การดี คอื มีหลักทพ่ี ึง่ ไม่ตอ้ งสงสัย เราไดท้ ำ� สง่ิ ทด่ี วี ิเศษไว้แลว้ สัจธรรมสำ� คญั ยิ่งกว่าชวี ติ มีแตค่ วามเจรญิ สขุ ได้ประโยชน์ส่วนตัว ประโยชนส์ ่วนญาตพิ ่ีนอ้ ง มิตรสหาย อทุ ิศสว่ นบุญ มบี ญุ พอที่จะอทุ ศิ สว่ นบุญไดม้ าก ให้สรรพสตั ว์ทัว่ โลกได้ ขอใหโ้ ยมทกุ คนเจรญิ ในสจั ธรรมพทุ ธศาสนาทกุ ๆ คน ยงิ่ ๆ ข้ึนไปเทอญ อ�ำนาจสัจธรรม บารมี น้ีได้ท�ำถึงสองหน หนแรก การออกป่าครั้งแรก ต้ังใจจะ จำ� พรรษาให้ครบพรรษาอยูใ่ นปา่ ทำ� ใหไ้ ด้ ให้เป็นบารมี อกี คร้งั หน่ึง อยจู่ ำ� พรรษากบั หลวงปู่ ชอบ ได้ครบพรรษาแลว้ ทา่ นกจ็ ะไปตามทางของทา่ น เรากไ็ มไ่ ป ทา่ นกลา่ ววา่ “เอานพิ พาน เสยี ทน่ี เ่ี ถอะ” เอ้อ..มนั ก็เลยไดก้ �ำลงั ใจ ท�ำอะไรมนั ต้องมีกำ� ลงั ใจไว้ มนั จึงจะอยูไ่ ด้ มกี �ำลงั ใจ ไม่มีสงสัย ในสัจธรรม พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ นพิ พาน เท่านน้ั พอแล้ว ดว้ ยโอกาสอนั น้ี ขอใหโ้ ยมจงชนะกิเลส มคี วามสขุ ทุกๆ คน เทอญ. เทวดาช่วยที เรียบร้อย. 270
๑๘ คนมาวนั น้ี บางคนก็มาใหม่ บางคนก็มากันมากแลว้ ก็จะร้วู า่ วดั ทถี่ กู แลว้ เป็นท่ีแสวงหาความสขุ เหมือนกบั คนปว่ ยทางรา่ งกายไป ตลุ าคม โรงพยาบาล คนที่ประสบปัญหาตัดสินใจกต็ อ้ งมาวัด กวา่ จะมวี ดั เชน่ นี้ ๒๕๕๕ เป็นของล�ำบากมิใช่เล็กน้อย ต้องอาศัยคนหลายรุ่นร่วมมือกันจะให้มี สถานทป่ี ฏิบัตศิ าสนา เฉพาะอย่างยิง่ พุทธศาสนา หวั ใจ ทา่ นกลา่ วไว้ “การไม่ทำ� บาปดว้ ยประการท้งั ปวง การท�ำบุญให้ถึงพรอ้ ม การท�ำจิตให้บรสิ ทุ ธ”ิ์ การท�ำจติ ใหบ้ รสิ ุทธิ์น้ีเราเรยี กกันว่าภาวนา ถงึ มาวดั เขาประหยดั ประโยชนแ์ ทๆ้ มนั ตอ้ งมกี ารภาวนาน่ะ การท�ำจิตให้บรสิ ทุ ธิ์ จึงจะเปน็ การสมควรถกู ตอ้ ง พุทธศาสนาคือจริง พุทธ คือ จริง ก็ต้องใช้เวลานาน เหมือนอย่างคนท่ีมาวันนี้ มาใหม่ๆ มันก็ยังล�ำบาก ถ้าเคยปฏิบัติมาบ้างแล้ว มันก็พอทัน อาศัยอธิษฐานบารมีเป็น เคร่อื งช่วย อธิษฐานกค็ ือรู้วา่ เราท�ำอะไรกันอยู่ มดี ีอย่างไร แลว้ ปรารถนาผลของการทำ� น้ี ถ้า เราท�ำได้ จะเปน็ อย่างไร ท�ำอยา่ งรูจ้ ดุ ม่งุ หมาย จึงจะถูกตอ้ ง ท่เี ขาใช้กันท่ัวๆ ไป พทุ ธคุณ ธรรมคุณ สงั ฆคุณ นิพพานคุณ นึกถงึ แต่พทุ โธ ธมั โม สงั โฆ นพิ พาน ถือวา่ ไดบ้ ุญกพ็ อละ่ บุญคอื ความสุข การภาวนาที่ถกู ตอ้ ง คือ จริง ตงั้ ใจจรงิ ภาวนาเป็นเร่อื งจรงิ “พุทโธ ธัมโม สังโฆ นพิ พานงั ปรมงั สขุ ัง” ไม่มีอะไร กน็ ่งั เพยี รเอาทใ่ี จ “พุทโธ ธมั โม สังโฆ นิพพานัง ปรมงั สขุ ัง” ได้บุญ ไดบ้ ุญ บญุ คอื ความสุข ก็พอไปไดส้ �ำหรับเบ้ืองต้น คอื ปฏบิ ตั ิปจั จุบนั แหง่ ความ เปน็ จรงิ เด๋ยี วน้ี จะนกึ “พทุ โธ ธัมโม สงั โฆ นพิ พานงั ปรมัง สุขงั ” กันเด๋ยี วนี้กันทุกคนแล้ว ได้บุญแล้ว ได้ความสุข เราก็ต้ังใจท�ำให้ได้ เม่ือเราท�ำได้ เราก็ยินดี นึกให้มันจริงอย่างน้ี ปัจจุบนั น้ี เราท�ำดไี ดแ้ ล้ว มีความสขุ กใ็ ช้ดีอนั นเี้ ป็นเครือ่ งน�ำหน้า เปน็ ทนุ ส�ำหรับท�ำต่อๆ ไป พอมนั ทำ� ไดแ้ ลว้ ก็เปน็ ต้นทุน เปน็ บญุ บารมี ถา้ อยากได้ ทำ� ต่อไปอกี ให้มนั ไดบ้ ญุ ต่อไปเรอื่ ยๆ ให้เรานึกว่าบุญคือความสขุ กแ็ ลว้ กนั ทำ� ใหไ้ ดใ้ นปจั จบุ นั ทำ� ไดแ้ ลว้ คอื ความดที ่ีเราทำ� ได้ เป็น สมบัติ ผลของดีทง้ั หมด ท่านเรียก “นพิ พาน” เป็นสจั ธรรมแตป่ ระการเดียว 271
ถึงว่าเราไม่ได้มาวัด อยู่บ้าน วันพุธ หรือวันศุกร์ หรือวันอาทิตย์ วันหน่ึงวันใดก็ได้ เราภาวนาเราก็ได้บุญ เราตั้งใจท�ำให้ได้ในปัจจุบัน ภาวนา นึกจะท�ำ ก็ท�ำให้ได้ ท�ำ... ต้องการท�ำครึง่ ชว่ั โมง หรอื ช่วั โมงหนึ่ง ก็ท�ำใหไ้ ด้ แมน้ ้อยนดิ ๑๕ นาที กท็ ำ� ให้ได้ กเ็ รียกวา่ ไดบ้ ุญแลว้ ไม่เสียทที ่ีไดเ้ กิดมาพบพระพุทธศาสนา เรื่องสังขาร ความไม่เที่ยงของโลก สังขาร วิสังขาร มันเป็นเร่ืองยาวยืด ไม่รู้จักจบ ภาวนาไปเทา่ ไร มันกย็ ังยากอยู่นะ่ อาศยั ความเพยี รท�ำตอ่ เนื่องกนั จงึ พอทำ� ได้ เพราะมศี รัทธา อยา่ งเราน่ี จะว่าภาวนามาตั้งแตเ่ มื่อไร ตั้งแตเ่ ป็นเด็กเล็กๆ อายุหกเจด็ ขวบ เพราะ โยมมารดาเปน็ ผสู้ นใจธรรมะ ปฏบิ ตั เิ ลย มหี นังสอื ดูตู้หนงั สือพระ เราก็ชอบไปค้นดู กห็ ดั ภาวนาเอาคนเดียว จึงเข้าใจเหมอื นกับคนทั้งหลายว่า สังขาร คอื ของไมเ่ ที่ยงประจำ� โลก ตอนที่เราเปลี่ยนทอี่ ยู่ มาอย่กู ับท่านอาจารย์ลี ธมมฺ ธโร ผตู้ ัง้ วัดอโศการาม สมุทรปราการ อยู่มาวันหน่ึง เดนิ ผา่ นกฏุ ทิ า่ นอาจารยต์ อนเยน็ ๆ มโี ยมคนหนง่ึ นงั่ พบั เพยี บ ทา่ นกน็ ั่งรับฟงั อยู่ บนกุฏ.ิ ..กุฏิชน้ั สงู เราเดนิ ผ่านไป ท่านอาจารยส์ ่ังเราว่า บุญฤทธ์ิ ไปเทศน์อรยิ สจั ส่ี ภายใน สามวัน ลูกศิษย์เจ้าคุณอุบาลีฯ อาจารย์ของอาจารย์ม่ัน เป็นคนส่งคนมาตั้งหัวข้อให้เสร็จ เรียบรอ้ ย อริยสจั สี่ ภายในสามวนั เทศนอ์ รยิ สจั สี่ แมแ้ ตพ่ ระอายมุ ากๆ อาจารยท์ ง้ั หลาย ก็ไม่มีใครไดเ้ ทศน์เชน่ กนั เพราะ เป็นปฐมเทศนา เป็นการแสดงธรรมคร้ังแรกของพระพุทธเจ้า แต่ทีน้ีเราภาวนาอย่างอื่นมา มากแล้ว เฉพาะอย่างยิ่ง ไดฝ้ กึ หัดกสณิ แสงสว่าง เพง่ แสงสว่างเป็นกสิณ จนพอทำ� ได้ หรือ เปน็ ทุนเดมิ ตัง้ ใจเพ่งกสิณ เปน็ ทุนเดมิ เจรญิ ภาวนา อาศยั ความบงั เอญิ แลว้ พอจบกบั คำ� เรอื่ งเกดิ เรอื่ งวา่ คอื เหมอื นกบั ธรรมะนล่ี ะ่ คอื ลอยเรอื อยใู่ นทะเล จมอยู่ คอ่ นตวั มองดผู วิ นำ้� เปน็ คลนื่ กเ็ ห็นแต่คลน่ื ไมเ่ หน็ นำ�้ มองดูแตค่ ล่ืนขน้ึ ๆ ลงๆ อาศยั ตอนนี้ ภาวนาธาตุน�้ำ เม่ือน�้ำมาพอแล้ว จึงบังเอิญโดดลงไปในน�้ำเลย ในทันใดน้ัน ตัวก็ละลาย ไปหมดเป็นธาตุน�้ำ มแี ต่เปยี ก เยน็ ของจริง ไม่เป็นคลนื่ เกิดๆ ดับๆ มีธาตุ เปยี ก เย็น ธาตุ เปน็ ธาตุ ก็เลยเห็นน�ำ้ ในทะเลทัง้ หมดเปน็ นำ�้ ธาตุนำ�้ เย็น เปยี ก ไมม่ เี กิด ไมม่ ีดบั พร้อมกับ ร้ขู ึน้ วา่ ธรรมชาติ ของจรงิ ไมเ่ กดิ ไม่ตาย นพิ พานัง ปรมัง สุขัง พระนิพพานเป็นของไมเ่ กิด 272
ไม่ตาย เป็นของจริงประการเดียว ก็เลยเอาอันนี้มาเทศน์ เป็นที่พอใจผู้ฟัง เม่ือมาเทศน์ให้ ทา่ นอาจารยล์ ฟี งั ท่านกไ็ มไ่ ดว้ า่ อะไร ทนี ้ีกม็ แี ตห่ ลกั ใจทม่ี น่ั คงแลว้ สจั ธรรม พระนพิ พานเปน็ ของจรงิ ประการเดียว เป็นหลักภาวนา ไม่ต้องลอยไปลอยมา มีหลักแน่นอน พระนิพพาน เทา่ นน้ั จรงิ เอาพระนพิ พานเป็นอารมณ์ภาวนา ของจรงิ คลนื่ กค็ อื สงั ขาร ขึ้นๆ ลงๆ เกิดๆ ดับๆ ของจริง พระนิพพาน ไม่มเี กดิ ไมม่ ีดบั เป็น อมตธรรม สัจธรรมจริงประการเดียว เปน็ ท่พี งึ่ ได้ คือรา่ งกายทงั้ หมดก็เปน็ ธาตนุ ำ้� เปยี ก เยน็ ประการเดียว เป็นของจริงประการเดียว เป็นที่พ่ึงได้พระนิพพาน ก็มีหลักภาวนาท่ีม่ันคง ภาวนาเพื่ออะไร เป็นยังไง ก็มีหลักในใจท่ีมั่นคง เพียงต้องอาศัยภาวนามามาก ได้ของเก่า เปน็ ทุน ไดข้ องใหมม่ าเพ่มิ เตมิ จึงไดเ้ กิดความรใู้ หมข่ ้นึ เรากเ็ หมือนกัน ถา้ จะหัดภาวนา ไม่ใชม่ าวันน้วี ันเดยี ว ท�ำทุกวัน ทุกวัน ไม่มีอะไร ก็นกึ ถงึ “พุทโธ ธัมโม สงั โฆ นิพพานัง ปรมัง สุขงั ” ทอ่ งเอาอยา่ งนก้ี ล็ ว้ นเป็นบญุ ท้ังนั้น เปน็ ความสุข ถ้าท�ำได้คือภาวนาได้ ปัจจุบัน ก็เป็นการดี ก็เอาเป็นหลักอธิษฐาน สร้างบารมี ความเพยี ร ท�ำใหไ้ ดเ้ ดีย๋ วน้ี นกึ ถึง “พุทโธ ธมั โม สงั โฆ นิพพานัง ปรมัง สุขัง” สุขอยา่ ง เยยี่ มยอด ท�ำให้ได้เดี๋ยวนี้ ถา้ รวู้ ่าทำ� ได้แล้ว รู้ว่าเป็นปตี ิเกิดข้นึ แลว้ ไดค้ วามสุข ภาวนาเป็นแลว้ ก็อาศัยแบบนีล้ ่ะ ทำ� ไดท้ กุ วัน มหี ลักภาวนา ไมต่ ้องโลเลไปถามคนน้นั ถามคนน้ี ใครจะประเสริฐกว่าพระพทุ ธเจา้ เป็นไปไมไ่ ด้ หลักพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นหลักภาวนา เราใช้เหตุการภาวนา จิตจึงจะรวมอยู่ได้ เป็นพุทโธ เมอื่ นกึ นิมิตภาวนาวา่ พทุ โธเกดิ แลว้ จติ เปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี ว เปน็ หลกั ภาวนา พทุ โธ พทุ โธ พทุ โธ จติ จงึ รวมเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วไมเ่ ปลย่ี นแปลงไปไดง้ า่ ยๆ จติ นงิ่ เปน็ หลกั ของการ ภาวนา เราก็ดีใจท่ีมีหลักภาวนาแล้ว ไม่ต้องไปสงสัยโน่นสงสัยน่ี ท่ีจะน่ิงม่ังไม่น่ิงมั่ง ก็ช่าง เราเอาหลกั ท่ีแน่นอนก็แลว้ กัน พุทโธทา่ เดยี ว ไมน่ ิ่ง...ก็ทอ่ งไปใหม้ นั เกดิ น่ิง ไมย่ อมเลิกงา่ ยๆ เรียกว่าท�ำความเพียร ตั้งใจท�ำความเพียรอยู่ จึงสร้างบารมี สร้างบารมีอยู่เรียกว่าท�ำบุญ สร้างวาสนา เอาแค่นี้ก็พอแล้ว. 273
๒๐ คือท่ีจะมาภาวนา ไม่ใช่นึกอย่างอื่น แล้วก็น่ังให้ได้จริงๆ รู้ว่า ความจริง บญุ คอื ความสุข ท�ำไดแ้ ลว้ ก็เกดิ ความสขุ ท�ำได้แลว้ ก็แสดงวา่ ตลุ าคม เรามปี ัญญา รู้วา่ อะไรดี อะไรไมด่ ี มีความสุข ให้รูว้ ่าเรากเ็ ป็นคนจริง ๒๕๕๕ เหมอื นกัน รกั ษาสจั จะคำ� พดู ความคดิ คดิ วา่ จะตอ้ งทำ� ใหไ้ ด้ ทำ� ใหไ้ ด้ เรามีหลักในการภาวนา และต้ังใจอยู่กับพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนพิ พาน มสี จั ธรรม ภายในคนื เดียว เราได้ รจู้ กั ปัญญาบารมี การทีร่ วู้ ่าพทุ ธศาสนานเี้ ปน็ บุญ เปน็ ประโยชนจ์ รงิ ๆ เพราะสร้างให้เป็นความสุข เพราะใจเป็นความสุขเรียกว่าบุญ ที่น้ี ก็รู้แล้วว่าเรามีอะไรที่จะต้องท�ำ ไม่เป็นคนโลเล คือ มีสติอยู่ทุก ลมหายใจเขา้ ออก เปน็ ทางพน้ ทกุ ขใ์ นทส่ี ดุ นเ้ี รยี กวา่ ปัญญาบารมี แต่ จะตอ้ งทำ� ให้ได้ ภาวนาใหไ้ ดต้ ามที่นกึ ไวด้ ้วย ได้สรา้ งบารมี วิรยิ ะบารมี บารมีคือความเพยี รได้ส�ำเรจ็ อีกแหละ สองอย่างน้ีก็สำ� คญั มาก เรายังไม่มีวิธีภาวนามาก เราก็ยึดเอาไตรสรณคมน์เป็นชีวิตที่พ่ึงไว้ ไม่มีผิด นึกถึง พทุ ธคณุ ธรรมคณุ สงั ฆคณุ นิพพานคุณ ไตรสรณคมน์เท่าน้ัน เป็นทพ่ี ่งึ ได้ เหมือนในปัจจุบันนี้ ถึงเวลาจะง่วง เราเอาศีรษะเข้ามุ้งไป นึกว่าจะน่ังภาวนาให้ได้ คร่ึงชั่วโมงก็น่ังให้มันได้ นึกว่าจะนั่ง ๑ ช่ัวโมงก็นั่งให้ได้ นึกว่าจะภาวนาช่ัวโมงคร่ึงหรือ ๒ ชว่ั โมง ก็นง่ั ให้ได้ น่ีเราเปน็ คนจรงิ มีปัญญา ได้ปฏิบตั ิบารมีในพุทธศาสนา พทุ ธศาสนา กเ็ ปน็ บารมี เพียงการท่ีเรามาน่ังอยู่น่ี...เพียงแค่นี้ ก็เป็นบารมีมากแล้ว ท่ีได้เกิดเป็นคน พระพทุ ธเจ้าท่านว่า การทีจ่ ะไดเ้ กิดเป็นคนน้ี ตอ้ งอาศัยบุญบารมอี ย่างมาก เหมอื นอยา่ งวา่ เราได้สร้างบารมีสามของพระโพธิสัตว์ ปัญญาบารมี วิริยะบารมี สัจจะบารมี จิตตะบารมี คอื รู้ ปฏบิ ัตใิ ห้เปน็ ความชินเคย มันจะรู้ว่าเป็นหนา้ ทีท่ ีเ่ ราจะตอ้ งท�ำเปน็ กิจ คือการภาวนา ต้องทำ� ทุกวนั ๆ ไมใ่ ชว่ ันเดียวสองวันหยดุ ท�ำไดแ้ คน่ กี้ ็พอแล้วล่ะ ได้บุญ...จนไม่รู้จะไปเกบ็ ไว้ ท่ีไหน นอกจากเกบ็ ไว้ในใจของเรา มคี วามสุขท่นี นั่ ...ทใ่ี จ อนั นส้ี ำ� คญั มากซ่ี เรามานง่ั กนั อยนู่ ี่ 274
กเ็ พอื่ ความสขุ ทใี่ จ ทใ่ี จนแ่ี หละ นน้ั กส็ ำ� คญั มาก คนเราหาความสุขที่ใจไม่ได้ แล้วจะไปหา ที่ไหน คนมั่งมีท�ำงานใหญ่โตฆ่าตัวตายมีเยอะไป ใจมันไม่สุข เรารู้จักท�ำใจใหส้ ขุ ได้ เทา่ นี้ หนง่ึ เปน็ คน และสอง รจู้ กั พทุ ธศาสนา ทำ� จติ ให้เปน็ สุขได้ นกึ จะสรา้ งบารมใี นพทุ ธศาสนา ปญั ญาบารมี วริ ยิ ะบารมี จิตตะบารมี สติบารมี เอาแค่ในสวนทิพย์ คนท่รี จู้ กั สรา้ งสามบารมี จริงๆ มปี ัญญารู้จักผลของบารมี ก็มีนอ้ ยทุกที เทา่ น้ีกเ็ ข้าใจแลว้ ถ้ายังไม่พอใจ กน็ ่ังภาวนา ต่อไป ส�ำหรบั อาตมา ไดม้ านั่งกบั โยม คอื เช่ือบารมีในพทุ ธศาสนา ก็เปน็ สุข เปน็ สขุ เหมือน กัน อย่างน้อย ไมน่ ง่ั หลับกใ็ ชไ้ ด้ กด็ แี ลว้ ได้สรา้ งวิรยิ ะบารมี ความเพยี รสำ� เรจ็ ไดแ้ ล้ว เราก็ ตงั้ ใจว่าจะท�ำตอ่ ๆ ไป ภาวนาไมม่ หี ยดุ หัดทำ� อยา่ งนี้แหละ มคี วามสขุ ตอ้ งอาศยั ท�ำมากๆ ภาวนาถึงจะไดผ้ ลดี หลวงป่หู ัดภาวนามากน็ านเนเต็มที ทแี รกกก็ สณิ ... หัดภาวนากสิณ หัดทำ� เอาคนเดียว ไมม่ ีอาจารย์ ดตู �ำราบา้ เลก็ ๆ น้อยๆ เพราะโยมมารดาเปน็ นักภาวนา มีตู้หนังสอื ธรรมะเลก็ ๆ อยตู่ หู้ นึ่ง ธรรมดาไมม่ ใี ครดใู ครอา่ น เราก็เอามาดอู า่ น ฝกึ หดั เอาตามต�ำรา พึงได้ท�ำบอ่ ยๆ มีประโยควา่ กลางทะเล เห็นคลื่นเห็นน�ำ้ ทแี รกกว็ า่ คลน่ื ไมใ่ ชน่ ำ�้ นำ�้ ไมใ่ ชค่ ลนื่ กว็ า่ อยา่ งน้ี อยเู่ รอ่ื ยไป เอาดวงกสณิ ภาวนากสิณ เอามาใช้พิสูจน์ ภาวนาน้�ำ วันหนึง่ กเ็ หน็ ตัวเองเดนิ ไป ท่ที ะเล...ชายทะเล แล้วโดดลงไปในน้ำ� รา่ งกายกลายเป็นน้ำ� ไปทันที เปน็ ธาตนุ �้ำ เปียก เย็น ไมม่ ีขึ้นลง เปยี ก เยน็ คงที่ จงึ ได้ภาวนาใหมซ่ ่ึงดกี วา่ เก่า ปฏิบตั ิเหน็ ตัวเปน็ ธาตุน�้ำไปหมด แล้ว มนั ก็ไมเ่ จ็บป่วยอะไร ไม่มีเกดิ ดับอะไร ไม่มเี กิดมตี าย อมตธรรม ได้เจออมตธรรมแลว้ อาศัยฝกึ ปฏบิ ัตทิ ำ� บ่อยๆ มันกม็ ีโอกาสด้านภาวนา ใหมๆ่ เปน็ ทำ� ภาวนาธรรมดา ให้ เป็นกิจจะภาวนา ถือว่าเป็นหน้าที่ต้องท�ำด้วยตนเอง ไม่มีใครมาบังคับ เป็นกิจจะท่ีต้องท�ำ ทกุ วนั แล้วไดบ้ ญุ ได้ความสขุ ไดส้ รา้ งบารมมี ากมาย ได้ใชเ้ วลาวันหนึง่ ๆ ให้เป็นประโยชน์ อย่างยิ่ง ไม่มีอะไรดีย่ิงกว่าน้ี การฝึกจิตในขณะคือภาวนาล้วนๆ จนหลุดพ้นจากทุกข์ ไม่มี อะไรดกี ว่าน้ี. 275
๒๑ คนเราเวลาตายแล้ว จะได้กลับมาเกิดน่ีนั้นมันน้อยเหลือเกิน เปน็ คน เปรยี บเทยี บเทา่ กับขี้ผงในเลบ็ กับพน้ื แผ่นดนิ ทัง้ โลก การท่จี ะ ตลุ าคม ได้กลบั มาเกดิ เป็นคนนนี้ ้นั มนั เทา่ กบั ขผี้ งในเลบ็ หรอื จะเกดิ เปน็ ผเี ปรต ๒๕๕๕ เปน็ สตั วน์ รก นอนอยูใ่ ต้ดนิ บนฟา้ ใต้ฟา้ เท่ากบั แผ่นดนิ ท้ัง...ทง้ั โลก ใหเ้ ราคดิ ใหด้ ๆี วนั หนงึ่ เราคดิ เรอื่ งอะไรบา้ ง มปี ระโยชนห์ รอื เปล่า ถา้ เราไดค้ ิดถึง เป็น สจั ธรรม ได้ความบรสิ ุทธิ์ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ นิพพานงั ปรมัง สขุ ัง ก็แปลวา่ ใช้ได้ ถ้าออกจากนั้นแล้วก็ใช้ไม่ได้ วันหน่ึงเอามากไม่ได้ ก็เอาเท่าที่เราต้องการ สมมติว่า กลบั ไปน่ี เราจะนอน เรากต็ ัง้ ใจว่าเราจะภาวนา นอนภาวนากต็ าม น่ังภาวนาก็ตาม นกึ จะ นัง่ จะนอนภาวนา ระลึกถึง พุทโธ ธมั โม สงั โฆ ในเวลา ๑๕ นาที แล้วกน็ ั่งให้ได้ ทำ� ไดแ้ ลว้ ก็เลิก เราได้ท�ำปัญญาบารมี วิริยะบารมี ปัญญาบารมีก็คือรู้ว่าควรจะใช้เวลาให้เป็น ประโยชนท์ ่ีสุดคือคนจะทำ� ไดแ้ ล้วคืออะไร แลว้ ท�ำให้ได้ตามทตี่ ้งั ใจไว้ เปน็ บารมีอีกอย่างหน่งึ ทสี่ ำ� คัญมาก เราทำ� อย่างนไ้ี ด้ทุกวัน ทุกวนั ทกุ วัน กเ็ รยี กได้ว่าเปน็ ผไู้ ม่ประมาทอย่บู า้ ง นึกถึงค�ำเตอื นของพระพุทธเจา้ เมือ่ เราตายไปแลว้ โอกาสทจ่ี ะมานัง่ พูดอย่างมนุษยม์ ี ปัญญา มนั จะไมม่ ี หรอื มนี ้อยมาก เพราะท่านบอกไว้แล้ว ที่จะไดก้ ลับมาเกิดเปน็ คนนั้นถึงว่า นับเท่ากับขี้ผงในเล็บมือ ท่ีมันจะเกิดในท่ีอ่ืน ไม่ใช่มนุษย์ เป็นสัตว์เดรัจฉาน เต็มโลก ใน อากาศ ในแผ่นดิน ใต้แผ่นดิน ท้องฟ้า เมื่อเรานึกได้อย่างนี้ เราก็จงตื่นตัวตื่นใจ มีสติ รีบนึกถงึ พุทโธ ธัมโม สังโฆ อยา่ งน้อยทีเ่ ราตัง้ ใจไว้วันน้ี ๑๕ นาที ๔๐ นาที คร่งึ ชว่ั โมง ท�ำไดถ้ ึงช่วั โมงกย็ ง่ิ ดี ข้อสำ� คัญทำ� ให้ได้จริงๆ เมอ่ื เราทำ� ไดแ้ ลว้ เรยี กวา่ เราทำ� สำ� เรจ็ ไปขอ้ หนง่ึ ไม่ประมาท โอกาสท่ีจะได้เกิดมาเป็นคนได้พบพุทธศาสนา ได้ท�ำความเพียรให้สำ� เร็จจริงๆ มีสติปัญญา รู้อะไรมีประโยชน์ ไมม่ ปี ระโยชน์ สำ� คญั อยา่ งไร ทำ� ไดว้ นั ละ ๑๕ นาทกี เ็ อาละ่ กเ็ รียกว่าเราไดส้ รา้ งบารมีสำ� หรบั ตัวเอง ท�ำบญุ บญุ คือความสุข เป็นผู้ไมป่ ระมาท 276
ในการท่ีได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่มันหา ไดย้ ากอยา่ งทวี่ า่ ท่านว่าเหมือนกับขี้เล็บ ตาย แล้วจะได้มีโอกาสมาเกิดเป็นคนน่ี มานั่งพูด อย่างนี้ มันน้อยเหลือเกิน เหมือนกับข้ีผงใน เลบ็ เมื่อเทียบกบั แผ่นดินท้ังโลก จติ แบบอนุโลม๑ มันน่ากลัว ยงิ่ คดิ ถึงวฏั สงสาร มันยิ่งยาวยืดไป ยิง่ กวา่ น้ีนับไมถ่ ้วน ไม่รมู้ นั จะเวยี นว่ายตายเกดิ สกั กอี่ สงไขยลา้ นปี เพราะอายุของสตั วน์ รก มัน กเ็ ตม็ หมดน้ี มนั กส็ ัน้ นดิ เดยี วทพ่ี ูดน่ี อย่านกึ ว่า พูดเล่นนะ ถา้ เหน็ วา่ สำ� คัญมาก ส�ำคญั ยิง่ กว่า มัวแข่งกันเงินเงินทอง จะสร้างปัญญาบารมี รอู้ ะไรควร ไมค่ วร มปี ระโยชน์ ไมม่ ปี ระโยชน์ วริ ยิ ะบารมี ทำ� ให้ได้จริงๆ สจั จะบารมี ทำ� มากๆ ถึงรู้จักว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องท�ำทุกวัน กิจจะ- บารมี. ๑ จติ แบบอนุโลม หรือ จติ แบบมนษุ ยโ์ ลก.. ฟงั ไมข่ ดั 277
๒๘ .....ความสุข..... ไม่ใช่ฟังเฉยๆ ได้คิดนึกถึง พุทธคุณ ธรรมคณุ สงั ฆคณุ ภาวนา พทุ โธ ธมั โม สงั โฆ ตุลาคม ๒๕๕๕ ในเมืองไทยเรา หรือว่าในท้ังโลก จะหาท่ีไหนเหมือนที่ สวนทิพย์ ปากเกร็ด นไี่ มม่ ี จริงๆ นะ่ ได้ฟงั สวดมนตพ์ ิเศษหาดู หาฟังไมไ่ ด้ ทุกวนั จะหาได้ที่ไหนล่ะ คนในสวนทิพย์ ปากเกร็ด พอถึงตกกลางคืนเดินไปเดินมาก็ได้ยินเสียงบทสวดมนต์ น่าฟัง นา่ คดิ ไดบ้ ญุ ดว้ ย อยา่ งนอ้ ยเป็นคนมีบุญ มีวาสนา .....ควรจะ พอใจแล้ว เชื่อว่าผลที่เป็นบุญท่ีท�ำมาแล้ว เวลาป่วย เวลาตาย ก็มีหลักใจคิด ไม่เกรงกลัวอะไร มีหลักธรรม และยังได้อาศัย พงึ่ พทุ ธคุณ ธรรมคุณ สงั ฆคณุ ในใจ อาตมาก็ไม่รู้จักอีกสักก่ีวันจะได้อยู่ร่วมท�ำบุญด้วย แต่ก็มีความพอใจแล้วที่ได้อยู่ร่วม ท�ำบุญดว้ ยกนั ทุกวัน ทุกวนั โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ตกกลางคนื ถึงจะมีเทศน์ ก็มีสวดมนตไ์ ดฟ้ ัง เป็นเคร่ืองปลุกใจในกุศล ได้บุญ หาได้ยาก การจะเกดิ เปน็ คนกห็ าไดย้ าก อยา่ งทบ่ี อกแลว้ พระพทุ ธองคท์ รงแสดงไว้เทศน์ไว้ คนตายแล้ว ถงึ จะไดก้ ลับมีโอกาสมาเกิดเปน็ คน เพียงแค.่ .. เพียงแค.่ ..เพียงแคเ่ กิดเปน็ คนซ่งึ เปน็ ของหาได้ยาก มันกเ็ ป็นบญุ ทม่ี ากมายแลว้ มนั หาไดย้ าก นอกนัน้ เป็นหม่นื ๆ เปน็ ผี เปน็ เปรต เป็นสตั ว์ เปน็ มด เปน็ หนอน เดินอยู่บนถนน ทอ้ งไร่ ท้องนา ให้คนเหยียบ สัตว์เหยียบ รถบด การไม่รู้จักบุญของตนเป็นการประมาทอย่าง ใหญ่หลวง อันน้ีเรียกว่าเราเป็นผู้มีบุญ ยังไม่ประมาท ท�ำบุญต่อไป จึงเรียกว่าเป็นการนึกถึง ประโยชนใ์ นศลี ดว้ ย ใหเ้ ลอื่ นลอยไปใน..... แลว้ โยมกข็ ยนั มากนั รสู้ กึ ตนเปน็ ยงั ไงบา้ ง เอ้อ! ดี ดี เพียงเท่ามีคนที่ท�ำได้ดี เท่านี้ก็หายากเต็มทีแล้วล่ะ ใครจะมาถามว่า “วันหน่ึงแกท�ำอะไร ท�ำอะไร” “ท�ำบุญสิ” ไม่ใช่เป็นคนท่ีเปล่าประโยชน์ บุญ คือ ความดี ความสขุ 278
เกิดเป็นคนในโลกนี้ โอกาสท่ีจะคิดถึงเพียง “อนัตตา” มันก็มีน้อยเต็มทีแล้ว ในโลก นอกจากประเทศพุทธ จะได้ยินค�ำว่า “อนัตตา” มันก็ยาก มันเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่ก็ เพราะอย่างน้ีแหละ เพราะไมร่ จู้ กั คำ� วา่ “อนตั ตา” ไอด้ ๆี ชว่ั ๆ มนั กม็ กี นั บา้ งท่ัวๆ ไป แต่ “อนัตตา” น้อยคนได้รู้จักจริงๆ มันเป็นหัวของอวิชชา เป็นต้นเหตุของการเวียนว่ายตายเกิด คือความสิ้นสดุ เวยี นวา่ ยตายเกดิ สำ� คัญทสี่ ดุ เป็นอยา่ งมาก นอกจากว่า รู้จักภาวนา พุทธ นอกจาก เห็นธรรม รู้ธรรม ได้ส�ำเร็จผลก็ไม่มีทาง เหน็ ธรรมเป็นธรรม ความเห็นเปน็ ตัวเป็นตนในขันธ์ห้า มนั จงึ จะดับสญู ไปได้ เหน็ เกดิ แก่ เจบ็ ตาย เหน็ กนั อยบู่ า้ งแลว้ ไมใ่ ชเ่ หรอ มนั กเ็ ห็นธรรมดาแลว้ ท�ำแล้ว ก็พอถม เหมือนคราวท่ี รูป โลก บุคคล เวียนว่ายตายเกดิ อยา่ งนอ้ ย เป็นคน เกดิ ความตาย มนั กม็ ที ุกขห์ นอ่ ยนึง อยา่ งเชน่ ทกุ วันน้ี. 279
๓๐ คราวน้ีนับว่าเป็นวาระส�ำคัญที่เราได้มาประชุมพร้อมๆ เพรียงกัน เกิดจากเหตุหลายอย่าง ทั้งการท่ีอาศัยบุญทั้งหลาย ตุลาคม ทเ่ี ราท�ำมา เป็น ปพุ เพกะตะปญุ ญะตา หน่งึ คอื เวลาท่ีได้เกิด ๒๕๕๕ ได้เป็นมนุษย์ได้พบพุทธศาสนา ได้ปฏิบัติธรรม เหมือนอย่าง วนั ออกพรรษา กลบั มาเกิดในท่ีสมควรกับบคุ คลผคู้ นสมควร (กลางวนั ) ท่ีเรามานั่งกันอยู่พร้อมเพรียงอย่างน้ี ไม่ใช่ของเล่น เราควรจะถามเอาข้อเท็จจริงมา พิจารณาให้เกิดก�ำลังใจ ข้อส�ำคัญท่ีสุดที่เราไม่ต้องลืมทุกวันๆ เราต้องรู้สึกตัวเสมอว่า นี้เรา ต้องการอะไรกัน ให้รู้ว่าเราต้องการอะไรกันแน่ เมอื่ เราจะท�ำอะไร โดยเฉพาะการภาวนา สมมติว่าเราจะก้มหัวลอดมุ้งนอน ก็มีสติรู้ว่าเราจะท�ำอะไรเดี๋ยวนี้ เราต้องการบุญหรือ ตอ้ งการบาป เรามีโอกาสอันดีอย่างดี มากๆ ในบัดน้ี เรอ่ื งนี้ส�ำคญั มาก เมอ่ื ยามมีสติอยู่ร้ตู วั ว่าเราต้องการอะไรแน่ ไม่ลืมตัว มันก็เป็นบารมี เป็นบารมีส�ำคัญอย่างหนึ่งแล้ว เพราะ ไม่เผลอโอกาสใหบ้ ญุ วาสนารอดมอื ไปได้ ใหร้ ะลกึ ถงึ ตน้ เหตทุ ี่ท�ำให้เปน็ อย่างน้ี นกึ ถงึ เหตุผลหลายอยา่ งท่เี ราไดท้ �ำ จนเป็นเหตุ ใหเ้ รามานงั่ อยนู่ ่วี ันน้ี ได้พบกันงา่ ยๆ กเ็ พราะบุญ บุญ เราไดท้ �ำบุญไวม้ าก บญุ คอื ความสขุ ตอ้ งอาศยั การกระทำ� ใหเ้ กดิ ขน้ึ โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ในพทุ ธศาสนา เตอื นดว้ ยเหตดุ ว้ ยผล เราอาศยั เหตทุ ่ดี ี แต่ยังตอ้ งเจอกนั บ่อยๆ เหตสุ �ำคัญก็คอื วา่ เรา รู้ว่าเราต้องการอะไรเดยี๋ วนจี้ รงิ ๆ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งเลน่ เราตอ้ งการบญุ ตอ้ งการความสขุ และตั้งใจ จะท�ำให้ได้ นี่คือสิ่งที่ต้องระลึกถึง เป็นปัญญาบารมีแล้ว พอท�ำได้อย่างน้ีอันน้ีแล้ว มันก็ ไม่มีก้าว มนั กไ็ มล่ มื บญุ ญาบารมี เชน่ เราสรา้ งอยนู่ ่ี สรา้ งสติ เหน็ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ แมจ้ ะนงั่ อยขู่ า้ งนอกกต็ าม กเ็ ปน็ บญุ แลว้ ได้บุญแล้ว นจี้ ะเอามากนอ้ ยแค่ไหน นึกถึง พทุ โธ ธัมโม สังโฆ นิพพานัง ปรมงั สุขงั นึกได้มากนอ้ ยแคไ่ หน เรากก็ ำ� หนดจติ ให้รชู้ ดั ในบดั น้ีวา่ เราต้องการอะไรกันแน่ ต้องการบุญนะ ก็เอาบุญสิ ต้ังใจฟัง ต้ังใจนึกถึงท่ีพึ่งไตรสรณคมน์ จริงๆ เชือ่ ว่าเป็นบญุ อันน้ีกเ็ ป็นปัญญาแลว้ ถา้ ทำ� ได้ เปน็ ปญั ญาบารมแี ลว้ รจู้ กั ของดี ของไมด่ ี รจู้ กั บญุ ทำ� บุญจรงิ ๆ อันน้ีเปน็ เหตใุ หเ้ ราได้มานัง่ อยู่น่ี ซ่ึงเปน็ กรรมอันดี เป็นการสร้างบารมี ปัญญาบารมี พยายามท�ำให้ได้ วิริยะบารมี นึกถึง ไม่วาง ปล่อย รู้ว่าเป็นหน้าที่ท่ีต้องท�ำ เป็นกจิ เปน็ กจิ จะลกั ษณะ ไม่ใช่ท�ำเล่น 280
การกระท�ำทั้งหลายมันก็ต้องมีเหตุทั้งน้ันแหละ ส�ำหรับอาตมา มันก็เหมือนกันเนี่ย เหตุต้นต้ังแต่เป็นเด็กกอ็ าศัยบุญของบดิ ามารดา เปน็ ผ้มู นี สิ ัยในทางพุทธศาสนา มีตู้หนังสือ ธรรมะเล็กๆ ขนาดเราอายุห้าหกขวบ ก็ได้ไปเปิดดูข้อธรรมะลึกซ้ึง เช่น โสฬสปัญหา ซึ่ง แม้แตน่ กั ธรรมเอกเดยี๋ วนกี้ ย็ งั ไมค่ อ่ ยรเู้ ลย พอไดอ้ า่ น ไดพ้ จิ ารณา ไดบ้ ญุ ตอ่ มา ได้พบของจรงิ ท่สี �ำคญั กวา่ นน้ั คอื ตัวคน สถานท่ี ดจี ริงๆ คอื ได้มาบวช ได้มา บวชในพุทธศาสนา ก็ได้อาศัยความบังเอิญนิดเดียวเท่านั้น ทีแรกก็เหมือนคนท้ังหลาย ศรัทธาพอมีอยู่บ้าง แต่ครั้นคราวหน่ึงเป็นมาฆบูชา พระป่าทั้งหลายในวัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ ได้มาประชุมพร้อมเพรียงกัน ในวิหารใหญ่หนา ศิษย์สามส่ีร้อยองค์ เราก็ได้ไป ประชุมกับเขา อาจารย์ใหญ่ๆ มีมากมาย ก็ได้ยินเสียงนิมนต์ นิมนต์องค์น้ันเทศน์ องค์น้ี เทศน์ แต่ก็ไม่มีใคร ยังไม่มีใครเทศน์ ได้ยินเสียงนิมนต์หลวงปู่ชอบเทศน์ หลวงปู่ชอบ €านสโม เฉย ไม่มีค�ำตอบ ตกเวลากลางคืน ท่านก็ไปจ�ำวัดอยู่ในอุโบสถเก่าๆ ได้ทราบว่า ตอนเชา้ ก่อนจะกลบั ไดพ้ ูดกบั พระหนุ่มๆ พระป่า กเ็ ปน็ พระป่าท้งั น้นั แหละ จีวรด�ำ “ถา้ ใคร ไม่กลัวตาย มากับเรา” ท่านกล่าวอย่างนั้น แล้วท่านก็ไปตามทางของท่าน เราก็สืบสาวได้ ความว่า ท่านไปพกั ท่วี ัดหว้ ยนำ้� รนิ เชยี งใหม่ กเ็ ตรยี มตวั จะตามไปทว่ี ดั ปา่ หว้ ยนำ้� รนิ ทา่ นไป เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย แล้วท่านก็ไปตามทางของทา่ น ไปวดั โคกมน วดั บา้ นยางกะเหรย่ี ง เรากเ็ ตรยี มตวั อยู่ท่ีห้วยนำ้� ริน ญาติโยมเขาก็ช่วยกันหาจ้างคนมาแบกของ เพราะเรามันแบก ไม่ไหวล่ะ ช่วยกันจ้างคนแบกของตามทา่ นอาจารยต์ อ่ นเี่ ปน็ ยคุ แรกทไี่ ดเ้ ขา้ ปา่ ใหญ่ ทา่ นวา่ ปฏบิ ตั กิ รรมฐานวปิ สั สนาจรงิ ๆ ไดเ้ ขา้ ปา่ ใหญจ่ รงิ ๆ บ้านโคกมนต้ังอยู่ปากทางเข้าป่าใหญ่..... วัดบ้านโคกมนตั้งอยู่ปากทางป่าใหญ่ น้ีก็เป็นเหตุอันหน่ึงท่ีได้มาพบกันวนั นี้ เปน็ เหตสุ ำ� คญั ทง้ั นน้ั เพราะมนั เนอ่ื งมาจากการกระทำ� สำ� คัญหลายอยา่ งหลายประการตดิ ต่อกันมาเรอ่ื ย จงึ ไดเ้ ปน็ อยา่ งนี้ แตก่ อ่ นนั้น เรายังไมบ่ วช ก็อาศัยได้คบค้าสมาคมกับญาตโิ ยมทฝ่ี กึ หดั ภาวนา ลูกศษิ ย์ ท่านอาจารยก์ ู่ อาจารย์กู่ ธมมฺ ทนิ โฺ น ซงึ่ เปน็ ลูกศิษยพ์ ระอาจารย์มน่ั แต่ก่อนมันก็ไมม่ อี ะไร มันเกิดสงคราม ข้าวของแพง รัฐบาลอนุญาตให้ภรรยาข้าราชการออกร้านค้าขายได้ คนใน สมเด็จฯ ก็เปิดร้านค้าข้างถนน เป็นร้านกระต๊อบเล็กๆ เวลาเรารับราชการที่ศาลากลาง ตอนเย็นเดินกลับบ้านคนเดียวก็เลยแวะคุยกันบ้าง เราก็ค่อยมีความรู้ในพุทธศาสนาข้ึนบ้าง 281
วันหนึ่ง เราก็กล่าวข้ึนว่า “เราไม่เห็นมีคนดีในทางพุทธเลย” คุณนายละเมียดก็กล่าวว่า “ดิฉันมีอาจารย์เก่ง” ด้วยค�ำอันน้ีล่ะ ค�ำเพียงค�ำเดียวน่ี มีพระดี ท�ำให้เราน่ังอยู่นี่เด๋ียวน้ี เพราะเราก็ขอให้ไป ขอใหน้ �ำพากันไปดูพระเก่ง พระดี พอไดไ้ ปฟังเทศนค์ ร้ังแรก กไ็ ด้รู้เหน็ วา่ พระเกง่ พระดี เปน็ อยา่ งน้ีเอง ก็เลยเวลาว่างๆเม่ือไร กไ็ ปเยย่ี มเยยี นสักที คยุ เรื่องโลก บา้ ง เร่อื งธรรมบ้าง กไ็ ดค้ วามรูไ้ ดบ้ ญุ มากขนึ้ ทกุ วัน น่เี ป็นเหตสุ ำ� คัญมากที่ให้มาพบกันวนั น้ี ไดห้ ัดภาวนาเอาบ้าง มีวันหน่ึง กลับจากท�ำงาน จะเข้าประตูจวนข้าหลวงซ่ึงเป็นผู้อุปถัมภ์เรา มีพระคุณ เป็นมากอยา่ งมาก จนไดม้ ีจิตวา่ งเกิดข้ึนปั๊บ อยากจะคดิ อะไร กค็ ดิ ไมไ่ ด้ มันโล่ง วา่ งไปหมด เหมือนเอามือไปควานเอาว่าง แต่ก่อนนี้ ชอบคดิ มาก เฉพาะอยา่ งยง่ิ เดนิ ตามถนนไปงาน ทำ� งานกนั ก็คิดเรื่องมากมายทางโลกทางธรรม ทุกครั้ง คิด คิดมากทีน้ี มันไม่ยอมคิดเลย อันนี้สำ� คัญมาก กเ็ อาความจรงิ ในเรอื่ งนไี้ ปเรยี นใหท้ า่ นอาจารยท์ ราบวา่ “จะบวชไดม้ ยั้ ” ท่าน ก็ว่า “ลองดูซ”ี ก็ท�ำงานเก็บเงนิ เพ่อื การบวช เพราะอาตมาบวชตวั เอง ไมม่ พี น่ี อ้ ง แมแ้ ตพ่ อ่ แม่ เลยสกั คนเดยี ว บวชดว้ ยตนเองแท้ๆ การภาวนากเ็ หมือนกัน ก็ใฝ่หาเอาคนเดยี ว ทีแรกก็ทอ่ งกสณิ กสณิ แสงสวา่ ง กด็ ูจาก หนังสือ ถ้าเอาตามต�ำรามันก็ยากอีกล่ะ แต่ต้องต้ังวงกสิณให้ครบถ้วน ให้เรียบเสมอเป็น หน้ากลอง เราก็ไมม่ ีรูจ้ ักใครทจี่ ะชว่ ยได้ ก็ทดลองทำ� เอาคนเดยี ว มันก็บญุ ช่วยอกี แหละ กท็ ีแรก ทเ่ี ข้าไปพกั หาทีไ่ หนไม่ได้ เปน็ กุฏิเล็กๆ ฉาบหลังคา มีเล็กๆ เปิดช่องใหเ้ หน็ แสงพระจนั ทร์ พอดี เราก็นึกว่าน้ีเป็นเครื่องหมายกสิณท่ีเทวดาประทานไว้ให้เรา ก็หัดทำ� เอาคนเดยี วเปน็ เวลาหลายวนั จนวงกสณิ เกดิ แลว้ เกดิ แสงสวา่ งตามท่ีต้องการ จะใหเ้ กดิ เมื่อไรกไ็ ด้ จะให้ดับ เมื่อไรกไ็ ด้ เรยี กว่าภาวนากสิณเปน็ แลว้ อนั นแ้ี สวงหาเอาคนเดียวนะ ไมไ่ ด้มีใครมาสอน ก็ใน ทีส่ ุดไปเรียนให้ทา่ นอาจารย์ทราบ ...กส็ อนแนะ...ให้ดูทะลลุ �ำคอลงไป ก็ท�ำตามทท่ี ่านวา่ เอา สว่างลงเข้าไปที่ล�ำคอ แม้แต่จะคุยจะพูด มันก็สว่างอยู่อย่างน้ัน เรียกว่าได้กสิณภาวนาอีก อย่างหน่ึงแล้ว แล้วตั้งใจ...ให้ดูเส้นผม อาศัยกสิณแสงสว่างดูเส้นผม พอนึกจะดูก็เห็น แสงสวา่ งในเสน้ ผม จงึ ร้วู า่ พระพุทธเจา้ ท่านรูอ้ ะไรในร่างกายได้หมด ดว้ ยอำ� นาจแสงสวา่ งที่ ทา่ นทำ� ขน้ึ ไดเ้ องอยา่ งนเ้ี อง เรยี กวา่ เรามหี ลกั ภาวนาแลว้ อาศยั เปน็ ...แทนการภาวนาพทุ ธคณุ ธรรมคุณ สังฆคุณ กสณิ ทำ� บ่อยๆ ทำ� ทุกวัน 282
กไ็ ดม้ โี อกาสรจู้ กั กบั มหาเสง็ ป.๙ ตอนเปน็ ขา้ ราชการ ทางราชการสง่ ทา่ นออกไปเทศน์ ใหข้ า้ ราชการฟงั ทจี่ งั หวดั หนองคาย กอ็ าศยั ทา่ นนแ่ี หละ ยา้ ยมาพกั วดั พระศรมี หาธาตุ ชัว่ คราว เพ่ือเดินทางต่อมายังวัดบรมนิวาส ก็ได้พบอาศัยเจ้าคุณอริยะในที่วิหาร เจ้าคุณธรรมเจดีย์ แลว้ ย้ายลงมาโคราช แลว้ ย้ายลงมาเชยี งใหม่ ปฏบิ ตั ิธรรมเร่ือยไป คราวหน่ึง เรานึกว่า ตายแล้ว ต่ืนมาไหน ก็ช่างมัน นงั่ อยทู่ ว่ี ดั นกึ อยา่ งนน้ั กห็ ลบั ไปเลย พอตน่ื ขนึ้ นำ้� กอ็ ยนู่ นั้ แตฝ่ นั ว่าหิวนำ�้ มาก แต่ก็หลบั ต่นื ไมไ่ ด้ ดื่มน้ำ� ไมไ่ ด้ จึงนกึ ไดว้ า่ ไอท้ นี่ กึ วา่ ตายแลว้ ไปไหนกช็ า่ งมนั ไมจ่ รงิ เสยี แลว้ ละ่ ถา้ จะตอ้ งตน่ื แลว้ หวิ อดอาหาร อดนำ�้ อยเู่ รอื่ ยๆ อยา่ งน้ี มนั ก็แย่ กไ็ ดค้ วามรสู้ ำ� คญั อยา่ งหนง่ึ เหมอื นกนั เพราะตามที่ไดเ้ ลา่ เรยี นมาภายหลัง พระพุทธองคท์ า่ นทรงกล่าว คนทีต่ ายแลว้ กลับ มาเกดิ เปน็ คนอกี มีนอ้ ยมาก เหมือนขผี้ งในเลบ็ มอื เทียบกบั ดนิ แผน่ ดนิ ทงั้ โลก ทงั้ เหนอื นำ้� ใตน้ �้ำ ทุกวนั เกดิ เปน็ สตั วต์ วั เล็กๆ ใหค้ นสตั วเ์ ขาเดนิ เหยยี บ ใหร้ ถแลน่ เหยยี บทกุ วนั ๆ เปน็ สงิ่ ที่ น่ากลัวเป็นอย่างย่งิ ตอนท่ไี ดย้ า้ ยไปอยูว่ ัดสุปฏั เชียงใหม่ ท่านเจ้าคณะจงั หวดั กย็ ังภาวนาเรอื่ ยมา เจ้าคุณ เป็นเจ้าคณะจังหวัด ต้องออกตรวจกิจการของพระทั่วจังหวัด วันหน่ึง ท่านออกไปลุมพุก อุบล เราก็ไปดว้ ย ความส�ำคัญมันอยู่ตรงน้ี ได้เปล่ยี นภาวนาเป็นสตปิ ฏั ฐาน กาย เวทนา จติ ธรรม อนั นก้ี ็เลอื กเอาเองเหมอื นกนั ไม่ได้มใี ครแนะนำ� อาศัยต�ำรา ทีแรก นึกจะสร้างเจดีย์ ก็นึกว่ามีประโยชน์อะไร เจดีย์ตึก เจดีย์ไม้ เจดีย์ซีเมนต์ ถงึ เวลามนั กเ็ กา่ ครำ�่ ครา่ ไป พงั ไป สปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมไมไ่ ด้ กเ็ ลยเปลย่ี นมาฝกึ หดั สตปิ ฏั ฐาน กำ� หนด ไมไ่ ดเ้ รยี นกบั ใคร เรยี นเอาคนเดยี วเองเหมอื นกนั นึกเอาง่ายๆ ว่า เวลาเดิน ยกขาข้ึนจาก แผ่นดิน ก็ให้รู้ เอาขาลงไปถูกแผ่นดิน ก็ให้รู้ เอาเพียงแค่นี้ มันก็ยากอยู่เพราะสตเิ ปน็ ของ รกั ษาไดย้ าก ใชว้ ชิ ากดั ลน้ิ กดั ฟนั ชว่ ยใหม้ ีสติทุกก้าวเท้า ก็เพียงนึกจะเอาบุญเฉยๆ ไม่ได้จะ เอาส�ำเรจ็ อะไร ทุกก้าวเท้าไดบ้ ญุ เอาล่ะ แล้วทา่ นเจา้ คุณกก็ ลบั ไปวดั สปุ ฏั เรากก็ ลับด้วยกนั 283
ทนี ี้ ได้ปฏิบัติกรรมฐานวิปัสสนาจริงๆ ในป่าใหญ่ รมิ วัดป่าอยู่โคกมน ท่ีหลวงปชู่ อบ ไปสร้างไว้ตรงท่ีต้ังวัดป่าบ้านโคกมนเดี๋ยวน้ี ไปจากวัดเจดีย์หลวงกะให้ถึงบ้านโคกมนพอดี ต้งั จิตอธษิ ฐานทนั ที มันจะไดห้ นกี ลบั ไม่ได้ ถา้ ขืนมาก่อนนนั้ มนั อาจจะกลับเสยี ก็ได้ เพราะ ทนอาหารยางกะเหรี่ยงไม่ไหว เพราะมันร้ายกาจมาก มันเปลี่ยนจากอาหารบ้านไม้เป็น บา้ นปา่ กฏุ กิ เ็ ลก็ นดิ เดยี ว อาหารก็แยม่ าก ท่านอาจารย์ชอบทา่ นกก็ ลับไปอยู่ทีอ่ ืน่ ไปองคเ์ ดยี ว ของทา่ น เราอธิษฐาน ไปไมไ่ ด้ ท่านกเ็ ลยจากไป กอ่ นจะจากไป ทา่ นก็บอกวา่ “เอานพิ พาน เสียทีน่นี ะ” นีเ่ ปน็ คำ� ใหพ้ รอยา่ งวเิ ศษ แลว้ ทา่ นกไ็ ป เราก็หันหลังเดนิ กลับ ตอนนี้ส�ำคญั มาก ซึ่งเป็นเหตุให้เรามานั่งอยู่นี้ คือตอนเราจะกลับนั่นเอง หันหลังจะกลับตัว ก็ได้เห็น พระพทุ ธเจา้ เปน็ เนอ้ื เปน็ หนงั อยา่ งนี้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ ทอง เดินมาสวนทางไว้ ขวางทางไว้ ถอื บาตร อย่างดีใบใหญอ่ ยใู่ นมอื เรากน็ กึ ข้ึนทันใด ไมล่ มื เนื้อลมื ตัวน่ี “เอาไปเถอะ” นกึ รนู้ ึกในใจ โดด ลงไปในบาตรของพระพุทธเจ้า ท่านก็รับเอาไว้ท้ังตัว เป็นอันว่าอธิษฐานบารมีได้ท�ำแล้ว แตต่ อ้ งทำ� ให้ได้ ตอ้ งอยใู่ ห้ได้ กเ็ ลยต้องอยู่ ก็เลยต้องมาน่ังอยู่นี่อยา่ งน้ี ก็เลยอย่คู รบพรรษา จรงิ ๆ ซ่งึ กไ็ มร่ ูเ้ หมือนกันวา่ ท�ำไมอยู่ได้ เพราะมนั แสนจะอยูย่ าก ตอนใหมๆ่ ผ้คู นก็ไม่มี มแี ต่ บ้านยาง เป็นกระต๊อบเล็กๆ กระต๊อบหญ้า...หญ้าคา อาศัยบุญช่วยก็รอดมาได้พรรษาหน่ึง จึงได้มานงั่ อยู่นี่ ตอนอยู่ ไม่กลัว มันชนิ ทุกวันๆ ตอนทีหลงั มานึกถงึ ความหลัง จงึ กลวั เราอยู่ มาไดย้ งั ไง แสนจะยากล�ำบาก พอออกพรรษาแลว้ ทา่ นอาจารย์ชอบกก็ ลับมา กม็ ายนื อยทู่ ีเ่ ก่า ยนื อยูท่ ่ีทา่ นเคยถาม และเคยบอกว่า เอานิพพานเสียที่นี้นะ เราตอนน้ีมีหลักภาวนาแล้ว ไว้ใจได้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กสิณ สติปัฏฐาน เรียกว่าพอไปไหน ไปคนเดียวได้ ก็เลยไดไ้ ปจำ� พรรษา อยู่ท่ีถำ�้ พระสบายพรรษานงึ พอดี หลวงปชู่ อบกลบั ไปบา้ นเกดิ ของท่านแล้วพาพระท่ีบ้านของ ท่านหลายองคม์ าเท่ยี วจ�ำพรรษาวดั .... จ�ำพรรษาดว้ ยท่ีถำ้� พระสบาย ออกจากนนั้ แลว้ ทา่ นอาจารยล์ ไี ปเปดิ วดั ไปสรา้ งวดั เพ่ือฉลอง งานฉลองก่ึงพุทธกาล เราก็เลยลงมาช่วยด้วย ก็เลยย้ายสถานที่พักมาท่ีวัดอโศการาม ก็เป็นงานใหญ่ อยู่กันต้ัง สองสามอาทติ ย์ เม่ือสนิ้ งานสองพนั ห้ารอ้ ย ทา่ นอาจารยล์ ีมอบปจั จยั ให้ ใหอ้ อกไปจำ� พรรษา ภูกระดึง ก็เลยไปอยู่ภูกระดึงคนเดียว ให้โยมเขาตัดต้นไม้มาเรียงๆ กับพ้ืนหญ้าพื้นดิน อยู่ 284
ใตเ้ พิงหินเทา่ น้นั ละ่ ไม่มกี ุฏิอะไร แต่อยู่ใตเ้ พงิ หิน กพ็ อใช้ได้ ข้างๆ กเ็ ป็นเขา เขาน้อย พอ เรียกได้ว่าเป็นกุฏิจำ� พรรษาได้ กเ็ ลยจ�ำพรรษาท่ภี ูกระดึงอกี หนงึ่ พรรษา นีเ้ รื่องมันมาก เพราะมันตั้งหลายพรรษา พอออกจากน้ัน เราก็มาอยู่วัดคลองกุ้ง จันทบุรี อยู่ที่นี่มีเหตุการณ์ส�ำคัญอย่างหน่ึง วันหน่ึงเดินผ่านกุฏิท่านอาจารย์ลี ซ่ึงเป็นกุฏิสูงไม้ มีโยมคนหนึ่งก�ำลังน่ังสนทนากับ ทา่ นอาจารยอ์ ยู่ ทา่ นอาจารยล์ ี ไดย้ นิ เสยี งท่านตะโกนลงมาว่า บญุ ฤทธิ์ ไปเทศน์ ไปเทศน์ อริยสัจส่ีภายในสามวัน เพราะมีคนเขาต้องการฟัง คนต้องการนั้นกภ็ าวนามาสสี่ บิ กวา่ ปแี ลว้ เปน็ ลกู ศษิ ยพ์ ระอาจารยส์ ำ� คญั อรยิ สจั ส่ี เรากร็ เู้ พยี งตำ� รานดิ ๆ หนอ่ ยๆ พระอาจารยท์ งั้ หลาย เจา้ คณุ ทงั้ หลาย ท่าน กไ็ มไ่ ดเ้ ทศน์อริยสัจส่ี ทีนีม้ ารดาของขา้ หลวงจงั หวัดจนั ทบุรีเขาคอยอยู่ เราก็จ�ำเป็นต้องไป บางน้ันช่ือว่าบางกะจะ ในจันทบุรี ขึ้นเทศน์แบบต�ำราไปก่อน ว่าตรงเน้ือหาส�ำคัญ อาศัยบุญภาวนาช่วย...คร่ึงหนึ่ง สัจจะ...สัจจะบารมี ภาวนา ตั้งใจคิด ท�ำให้ได้เด๋ยี วน้ี ก็ตงั้ ใจเพง่ อยนู่ ัน่ เอาเป็นทรี่ ิมทะเล อาศยั กสิณนำ้� ก็เหน็ นมิ ติ เป็นคนเดนิ ลงไปในทะเล แลว้ โดดลง แลว้ นกึ วา่ คลน่ื ไมใ่ ชน่ ำ�้ นำ้� ไมใ่ ชค่ ลนื่ กย็ งั ไมเ่ ชอื่ ตอ่ มา กระโดด ลงไปในนำ้� ตวั กลายเปน็ นำ�้ ไปหมด เปยี ก เยน็ คงที่ ไมม่ เี กดิ ดบั อมตธรรมแลว้ กไ็ ดก้ สณิ ชว่ ย สติปัฏฐานช่วย สจั จะกิรยิ าชว่ ย หลายอยา่ งอย่างน้ีละ่ เพราะฉะน้นั ต้องท�ำให้มาก ทุกวัน ทกุ วัน จึงจะมโี อกาสไดเ้ จอวธิ ภี าวนาดีๆ บ้าง เป็นการดีท่ีเราได้ปัญญาถกู ต้อง เจรญิ ปญั ญา บารมไี ด้ถูกต้อง ได้สจั จะบารมี พระนิพพานเปน็ สัจจะประการเดียว จึงได้มาน่ังอยนู่ ี้ ท่ีเขาสร้างพระเจดีย์หิน แม้แต่หินอ่อนก็ตาม เม่ือเวลาล่วงไป ก็สึกหรือถูกร้ือค้น หกั พังไปหมด เราเลือกการปฏบิ ัตธิ รรมเปน็ ของไมเ่ กิดไมต่ าย อมตธรรม ดีกวา่ ถกู ตอ้ งแลว้ เพราะถา้ เปน็ อมตธรรม เปน็ สจั ธรรม สามารถรวมกนั ไวท้ ่คี ำ� เดยี ว “สติ” “สติ นพิ พาน” อมตธรรม เป็นพทุ ธธรรม ในโอกาสน้ี ขอใหโ้ ยมทุกคนโชคดี อายุ วณฺโณ สขุ ํ พลํ โชคดที ุกคน 285
286
๓๐ ...พบนิพพานจะพ้นทุกข์ จงเห็นความส�ำคัญของจิต อะไรมันมาลง ทจี่ ติ นล่ี ่ะ จติ สติ จติ นพิ พาน ต้ังจติ ไว้ท่ีสตเิ รอ่ื ยไป ตุลาคม ๒๕๕๕ ได้ยิน สักแตไ่ ด้ยนิ นิพพาน วนั ออกพรรษา รู้ สักแตร่ ู้ นพิ พาน (เยน็ ) อันนเ้ี ปน็ สติ เรากด็ ูทีต่ ัวสติ รู้ สักแต่รู้ ไมไ่ ปยดึ มัน่ ถือม่ัน ถึงนิพพาน นิพพานัง ปรมัง สุขัง ไม่มีทุกข์ เป็นบทภาวนา หม่ันท�ำเข้า ท�ำได้ส�ำเร็จก็รู้ เกิด กำ� ลังใจ เราทำ� ไดแ้ ลว้ วริ ิยะบารมี ทำ� ความเพยี รสำ� เรจ็ นพิ พานภาวนาแลว้ สติ นพิ พาน พระนพิ พานังเราก็ไมเ่ ดือดร้อนอะไร เรยี กว่า นิพพานงั ปรมงั สขุ งั รปู กระทบ ตา หู จมกู ล้นิ กาย ใจ ถา้ มีสตดิ แี ล้ว มสี ตภิ าวนา มันกไ็ มเ่ ดอื ดร้อน สติ นิพพาน นี้เราเรยี กวา่ เราสรา้ งบารมีได้ต้ังหลายอยา่ ง ปญั ญาบารมี รู้วา่ อันน้ีดี เราทำ� ได้ ความสขุ เปน็ บุญ แล้วท�ำใหไ้ ด้ เรียกวา่ วริ ยิ ะบารมี บารมีคอื ความเพยี ร สจั จะบารมี ท�ำได้ จริงๆ ตามปากทว่ี ่าไว้ วา่ เราจะน่ัง ๑๕ นาที หรือคร่งึ ชวั่ โมง หรือ ๔๐ นาที หรอื ช่ัวโมงนึง ๓ ชัว่ โมง กเ็ ลิกได้ คอื กำ� หนดไว้ แล้วท�ำให้ได้ เปน็ สัจจะบารมี เรยี กว่าไดบ้ ญุ หลาย ก็ก�ำหนด จิตไว้กับบุญน่ีแหละ สติ เย็นใจ เรียกว่าเราไม่ปล่อยให้วันหน่ึงผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ได้ท�ำประโยชน์ได้เต็มที่แล้ว ก็ควจะพออกพอใจ นึกถึงว่าเป็นบุญของเราแล้วท่ีได้มีชีวิตอยู่ จนถึงป่านน้ี แล้วก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ฝึกหัดสติ ภาวนา ท�ำบุญ ให้เกิดข้ึนเป็นความสุขเป็น หลายชาติ .....มีสติ...สติสมั โพชฌงค์ องค์แห่งความตรัสรู้ ทำ� ใหเ้ กดิ ขน้ึ วันละครั้งก็ยงั ดี ไดบ้ ญุ หลาย ท�ำจติ ใหพ้ น้ จากกิเลส พ้นจากทุกข์ พน้ จากเวยี นว่ายตายเกดิ นี่คอื หลกั ของการภาวนา เมื่อเรากลับไปแล้ว ก่อนจะเข้านอน ตั้งจิตถามดูว่า เราต้องการอะไรกันเด๋ียวน้ี ต้องการภาวนาให้ได้ ต้องการความสุข แล้วก็ท�ำให้ได้ ส�ำเร็จสัจจะบารมี เพียงแค่น้ีก็พอ ไม่ไดม้ ากก็เอาน้อย ๑๕ นาทกี เ็ อาซี เอาใหไ้ ดก้ ็แล้วกัน สำ� คญั ตรงนลี้ ่ะ เอาใหไ้ ด้ มนั จะน่ัง ๑๕ นาทเี ดย๋ี วนี้ กน็ ่ังใหไ้ ด้ จึงจะสำ� เรจ็ สัจจะบารมี วริ ิยะบารมี ปญั ญาบารมี วจิ กิ ิจฉาบารมี เราตอ้ งการอะไรกนั แน่ สำ� คญั ตรงน้ี รู้แก่ใจเราคนเดยี ว ต้องการความสุข ตอ้ งการนงั่ ใหไ้ ด้ 287
๑๕ นาที กท็ �ำใหม้ นั ได้ เท่าน้กี พ็ อ ข้อสำ� คญั ใหร้ ู้วา่ เราต้องการอะไรกันแน่ เดี๋ยวน้ี ไมใ่ ช่พรุ่งน้ี มะรนื นี้ เดี๋ยวนี้ แล้วทำ� ใหไ้ ด้เด๋ยี วน้ี จบลงดว้ ย “นิพพานงั ปรมัง สุขงั ” .....เอ้า พักได.้ ..... จติ สติ นพิ พาน เอ้า! นั่งใหไ้ ด้ ๑๕ นาที เอ้า! จะนง่ั ใหถ้ ึง ๑๕ นาทีหรือเปลา่ ถาม เอาดูตัวเอง แล้วตั้งใจท�ำให้มันได้ แล้วก็เลิกได้ เร่ืองฝึกสติ นิพพาน แล้วก็แผ่เมตตาไป ท่ัวโลก ให้พ่ีน้องร่วมวัฏสงสารให้ได้รับส่วนบุญที่เราท�ำ อยู่เป็นสุขเป็นสุขเถิด โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง บิดามารดา ผู้มีพระคุณ รู้ว่าเป็นผู้มีความกตัญญู ผู้มีความกตัญญูเป็นผู้เจริญ พระพุทธเจ้าว่าอย่างงั้น เราภาวนาทุกวัน แผ่เมตตาทุกวัน ส่วนบุญที่เราได้ท�ำแล้ว ทาน ศีล ภาวนา ก่อนจะเลิกภาวนา แผ่เมตตาทุกวัน เราก็ได้บุญมากทุกวัน อุทิศส่วนกุศลให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ ทุกวัน ทุกวัน เพียงเท่านี้ ก็เรียกว่าเราได้ความเจริญ ท�ำความเจริญให้เกิดข้ึน ตามที่ท่านว่า ผู้มีความ กตัญญูเป็นผู้เจริญ แม้แต่สัตว์เล็กน้อยในบริเวณสวนทิพย์ ปากเกร็ด นนทบุรี ก็แผ่เมตตา ให้หมด และพวกสัมภเวสี...มา...มองไม่เห็นตัวก็ตาม มีทั่วไปในบริเวณสวนทิพย์ ปากเกร็ด นนทบุรี ก่อนจะเลิก แบ่งสว่ นบญุ ให้หมด ใหม้ ีแต่ความสขุ ความเจริญ พ้นจากวฏั สงสาร เทอญ เอานอ้ ยๆ เรากต็ ้องท�ำได้ ๑๕ นาที ๓๐ นาที โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง แผเ่ มตตาใหน้ าคราช เทพเจา้ แห่งงูประจ�ำ ๔ ทศิ ขอใหอ้ ยูเ่ ปน็ สุข เป็นสขุ อยา่ เบยี ดเบียนซึ่งกันและกนั ไดพ้ น้ จากวัฏสงสารโดยเรว็ เทอญ 288
พรหมวิหาร ๔ ทอี่ ยขู่ องพรหม เมตตา หวงั ให้อยู่เป็นสขุ กรุณา หวงั ให้พน้ ทุกข์ มุทติ า ยินดใี นความสขุ ทีเ่ ขาได้รบั อุเบกขา ตั้งใจให้เปน็ กลางให้ได้ ต้องท�ำใหไ้ ด้ ทุกวนั พรหมวหิ าร ๔ ไดบ้ ญุ มาก ไม่มาก ก็เอาวันละ ๑๕ นาที ท�ำให้ได้ ไม่ส�ำคัญที่ท�ำมากท�ำน้อย ได้ท�ำได้จริงๆ มสี ัจธรรม เอา้ เลิกได้. อายุ วณฺโณ สุขํ พล.ํ 289
๑๘ ..... อวชิ ชาปจั จะยา สงั ขารา สงั ขาราปจั จะยา วิญญาณัง พฤศจิกายน วญิ ญาณะปัจจะยา นามรูปงั ๒๕๕๕ นามรปู ะปัจจะยา สฬายตนงั ..... ตา หู จมูก ลนิ้ กาย ใจ ปจั จะยา ผัสโส การกระทบบุคคล เม่ือกระทบมันเกิดส�ำคัญ เกิดความรู้สึก ตอนน้ีล่ะท่ีมันยุ่งกัน เกิดอยาก เกิดตรงนเ้ี อง สองอยา่ งนเ้ี ป็นต้นเหตขุ องตณั หา ทำ� ใหเ้ ป็นทกุ ข์ แลว้ ทา่ นก็แสดง อวชิ ชาดับ สงั ขารดับ วญิ ญาณดบั นามรูปดบั ตา หู จมูก ลน้ิ กาย ใจ ตวั ส�ำคัญ ตวั ทุกข์ดับ ตวั อยาก เป็นเหตุทุกข์ ดบั แล้วค�ำว่า “สังขาร” มันใหญ่โตมโหฬารเหลือเกิน มองไปดูในท้องฟ้า เห็นดาวเต็ม มันก็สังขารทั้งน้ันล่ะ มองดูในตัว ในหัวก็สังขาร ในปากก็สังขาร ในท้อง ในไส้ ก็สังขาร กระทบเดอื ดร้อน กก็ ระทบอยเู่ ร่อื ยๆ เป็นตัวมหาเหตุ มหาทุกข์ มันใหญโ่ ตกวา้ งขวางเหลอื เกิน จะหนีกันยงั ไงพน้ น่ะ เรานี่เป็นคนมีบุญหนักหนา ได้ผ่านชีวิตในสัจธรรม หลังจากเวียนว่ายตายเกิดใน กองสังขารมาเรอ่ื ยๆ เกือบจะนับไมถ่ ้วน ได้มาเกดิ เป็นคน ได้ผา่ นเหตุการณ์ชวี ิตมามากมาย ข้อสำ� คัญ ไดผ้ า่ นพุทโธ ธัมโม สังโฆ นิพพานัง ปรมัง สขุ ัง ไดม้ ีโอกาสได้ยินชื่อคน๑ ธรรมะ ส�ำคัญ จงึ ไดม้ าน่ังอยนู่ ่ี ไดเ้ รยี นธรรมะมาเยอะแยะ เม่ือไปคิดดูซี้ “สังขาร” ใหญ่โตมโหฬารน่ะ อยากรู้ธรรม๒ อย่างกว้างขวาง ก็มองดู ดวงดาวกลางคืน อยากรู้ในระยะส้ัน ดูในกายตั้งแต่ปลายผมลงไป ตัวแมง ตัวหนอนเล็กๆ มองไมเ่ หน็ ดว้ ยตามากมายเหลือเกิน เป็นทุกข์ด้วยนัน่ ๑ ช่อื คน... ฟังไม่ชดั ๒ อยากรู้ธรรม... ฟังไมช่ ัด 290
น่ีไมร่ ้เู ราได้ผา่ นสังขารมายังไง ถึงได้มาน่งั อย่นู ไ่ี ด้ หาหนทางออกอย่างท่พี ระพทุ ธเจา้ ทา่ นทรงแสดงงานศพ “อวชิ ชา ปจั จะยา สังขารา” นเี่ ปน็ หลักจรงิ แน่นอน สรรพสัตวท์ ้งั สิ้น ท้ังปวง นอกจากที่มองด้วยตาเห็น ชนิดที่มองด้วยตาไม่เห็น เทวดา พรหม ก็ไม่รู้มีก่ีล้าน กโ่ี กฏิ ก็ยังไปไหนไม่พน้ อย่างน้ี ไม่พ้นสงั ขารอยา่ งนี่ ครน้ั อยากเหน็ เทวดา เหน็ พรหม ว่ากนั จรงิ ๆ แล้ว เทวดา พรหม ก็ยงั ไม่มโี อกาสดี เท่าเราเด๋ียวน้ี ไม่มีพระข้ึนไปเทศน์ให้ฟัง และธรรมะที่ส�ำคัญเป็นแก่นสาร พระก็ไม่ค่อย เทศน์แสดงเสียด้วย ลองคดิ ดสู ิวา่ สงั ขารน่มี นั กวา้ งขวางแค่ไหน ไปเบอื้ งบน เทวดา พรหม ยงั ไม่พ้นสังขารเลย อรปู พรหม พรหมมี ๘ ชนั้ อรูปพรหม วา่ เป็นกุศลดว้ ย ใหญ่ เปน็ ช้นั สงู ท่ีสุดด้วย สมมติว่าสามารถขึ้นไปที่น่ันได้เหมือนอย่างพระพุทธเจ้า ก็จะไปรู้ได้ว่า อันน้ีเป็น พรหมชั้นสูง ยังเป็นสังขารอยู่ มันไม่เท่ียง ไม่เที่ยง อายุกว่าโกฏิล้านปี มันก็มีจุดจบ วัน.. วันสดุ ทา้ ยมาถึง เรารูบ้ นพนื้ โลก ตามถนนหนทาง สนามหญ้า ตน้ ไม้ สัตว์ต่างๆ ตัวเลก็ ๆ ที่เราเดิน เหยียบไปเหยียบมา ก็สังขารท้งั น้ัน ยังจมเดอื ดร้อนอยูท่ ้ังนน้ั เรื่องของสงั ขารน่ี ถา้ ไมใ่ ช่เร่อื ง ของพระพทุ ธเจา้ แล้วไม่สามารถท่ีจะตรัสรู้ได้ ณ ตอนน้ี เอาเฉพาะตอนทพ่ี อจะจบั หลกั ได้ พทุ โธ หลักพทุ โธไว้ก็แลว้ เปน็ พอ เป็น หลักศรัทธาในพระพุทธองค์ ผู้มีพระพุทธคุณหาท่ีเปรียบมิได้ ต้องเสียสละชีวิตด้วยความ ลำ� บากมากมาย เพอ่ื จะหาทางออกจากสังขาร จนดบั สงั ขารได้ เพอื่ ท่ีจะมาชว่ ยเรานลี่ ะ่ ตอนนี้ เรารู้คร่าวๆ “สงั ขาร” แปลวา่ อะไร ใหญโ่ ตมโหฬารแคไ่ หน จติ คอื จิตทม่ี ีหลกั มปี ญั ญา เปน็ จิตที่ ...พอสร้างหนทางออกจากสังขาร จนระงบั สงั ขาร ตรงตามทท่ี ่านแสดงไว้ ในอภิธรรม “อวิชชฺ ายเตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนโิ รโธ” อวิชชาดบั สังขารดบั รเู้ พยี ง เทา่ นลี้ ่ะ นก่ี ม็ าถึงอันนก้ี ็ วธิ ีแก้ มันกเ็ อายดึ พุทโธ ธมั โม สังโฆ ให้เข้าใจไว้ ไมต่ ้องไปงง หนึ่ง วันน้ีเราได้รู้เรื่องสังขารใหญ่โตมโหฬารแค่ไหน รู้ได้ด้วยพระปัญญาบารมีของ พระพุทธเจ้า พระเดชพระคุณของพระพุทธเจ้าเหลือท่ีจะประมาณนับได้ เราขึ้นต้น หาทางออกจากสังขารด้วยหลกั อนั น้ที ม่ี ันรู้แนน่ อน พทุ โธ หลกั พทุ โธ สจั จะเปน็ พุทโธ พุทโธ 291
ธัมโม สังโฆ นิพพานัง ปรมัง สุขัง ใจคอมันก็ค่อยสบายหน่อย ถ้าไม่รู้เร่ืองรู้ราวแล้ว ไป ทางเหนือไปทางใต้ ซึ่งถ้าเรานี่ไม่ได้ศึกษาปฏิบัติทดลองในบทอภิธรรม “อวิชชา ปัจจะยา สงั ขารา” เราก็จะไมร่ ูไ้ ด้ แล้วก็ค่อยมีหวัง สังขารใหญ่โตมโหฬารก็จริง แต่มีหวังระงับได้ มีพระพุทธเจ้านับ ล้านๆ องค์ส�ำเร็จไปได้แล้ว เราก็มหี วงั เดนิ ตามทาง ออกจากสงั ขาร ออกจากทกุ ข์ได้ เปน็ อนั ว่ารแู้ ล้วมนั เปน็ ยงั ไง เรื่องของเรื่อง สังขาร ทุกข์ เมื่อมันทุกข์กนั ทุกคนอย่างนี้ มันก็ต้องหาหลกั ให้เปน็ ทเ่ี ขา้ ใจกันได้ แล้วการปฏบิ ัติเพ่ือพน้ สังขาร ก็พอปฏิบตั ิได้ ทาน ศีล ภาวนา ทาน ศลี เรากพ็ อรอู้ ยู่บ้างแล้ว เพราะเรา...เรา พูดกนั งา่ ยๆ เราเป็นคนไทย อยู่ในท่ี แดดรม่ ท่ีเปน็ พุทธ เป็นคนมีบญุ เกิดเป็นคนไทยเป็นคนมีบุญ มีบุญอย่างมาก ได้ยินค�ำสอน ส�ำคัญท่ีพระพุทธองค์ทรงค้นคว้าปฏิบัติมาไม่รู้จะกี่โกฏิปี ล�ำบาก ได้มาทรงแสดงโปรดสัตว์ ให้พ้นสังขาร พ้นทุกข์ อย่าเสียโอกาสอันนี้! เหมือนอย่างเราท�ำทุกวันน้ีถูกแล้ว อย่างน้อย ในสวนทพิ ย์ ปากเกรด็ มกี ารทำ� บญุ ทำ� ทานไมร่ ู้จักหยุด ไดย้ ินเสยี งสวดมนต์ทกุ วนั ก็เปน็ บุญ อีกวนั หน่งึ แล้ว และยงั มีท่ที ำ� บญุ ทำ� ทาน ซึ่งหาได้ยากในโลก ...อยากรจู้ กั ว่า “สังขาร” มันเปน็ ยังไง กอ็ ยา่ งท่วี า่ แล้ว ไม่ตอ้ งส�ำรวจ...ไปหาตำ� รา...๓ ซึ่งมันยาก เอาตามองดูก็ได้ แหงนหน้ามองเบ้ืองบน เห็นดาว เต็มท้องฟ้า มองดูตามถนน เห็นมด เห็นหนอน เดนิ ไปเดนิ มาใหค้ นเหยยี บ .....ไมร่ ูจ้ ักหนทางออกจากสังขาร เริ่มต้นเราก็รู้เร่ืองพวกนี้ เร่ิมต้นก็พุทโธ จากน้ันก็ ธัมโม สังโฆ นิพพานัง ก็มาเอง แยกกันไม่ได้ ไมม่ ีการแยกกนั เมื่อเราปฏบิ ตั พิ ุทโธได้ ก็ปฏบิ ตั ิ ธัมโม สงั โฆ นพิ พานัง ปรมงั สุขัง ได้ ได้บุญ ได้กันทุกวัน ย่อสังขาร ...ที่มัน...ให้ถึง๔ จนถึงเวลาที่มันจะดับ ถึงตอนท่ี ท่านว่า “อวิชชาดับ สังขารดับ ทุกข์ดับ แจ่มแจ้งพระนิพพาน” หรือย่อลงมาหน่อยนึงก็ได้ สติ นิพพาน อันน้ีก็เป็นบุญแล้ว เป็นนึกข้อธรรมะส�ำคัญกว้างขวาง...ต้ังแต่ก้นนรกไปถึง ๓ ไมต่ ้องสำ� รวจ...ไปหาต�ำรา... ฟงั ไมช่ ัด ๔ ...ท่มี ัน...ใหถ้ งึ ... ฟังไม่ชัด 292
ยอดพรหมโลก อนั นี้ ก็มโี อกาสไดร้ ะลึกถงึ ธรรมะ เป็นบุญ นกึ ถึง “อวิชชา ปจั จะยา สงั ขารา สังขารา ปัจจะยา วิญญาณงั วญิ ญาณัง ปัจจะยา นามรปู ัง” เทา่ นี้ กไ็ ดบ้ ญุ แล้ว ทุกๆ คืนก่อนจะเข้าพักผ่อนนอนหลับ เอาหัวพาดมุ้ง ตั้งสัจจะอธิษฐาน จะนึกถึง “อวิชชา ปัจจะยา สังขารา” จะสวดธรรมท่องแต่ข้อนี้ จะนึกถึง “พุทโธ ธัมโม สังโฆ นิพพานัง ปรมัง สุขัง” เป็นเวลา ๑ ชั่วโมง แล้วจึงจะนอน นี่แหละ ขออธิษฐานด้วยการ สร้างบารมี หากท�ำอธิษฐานให้ได้กเ็ ป็นการสรา้ งบารมี นคี้ อื พทุ ธศาสนา ด้วยการสรา้ งบารมี พน้ อ�ำนาจสงั ขารด้วยการสร้างบารมี นกึ แลว้ ท�ำใหไ้ ด้ ถ้ามันขี้เกียจเป็นนิสัยเสียแล้ว มันก็ยาก มันก็...มันจะง่วงนอนอยู่เรื่อยไป มันคอย จะหลับอยู่น่ันล่ะ ต้องเอาสัจจะอธิษฐานมาช่วย เราต้ังใจจะภาวนา ๑ ชั่วโมงก็ท�ำให้ได้ ไม่ไดก้ เ็ อา ๔๕ นาที ๔๕ นาที กย็ ังไม่ได้อกี ครงึ่ ชว่ั โมง ลองดู ตั้งใจเบกิ ตาเบิกใจ ท่องพุทโธ ครึ่งช่ัวโมง นึกในใจ ท�ำให้ได้ จึงจะได้บุญ นึกถึงสังขารเป็นของน่ากลัวเท่าไหร่ วัฏสงสาร เวียนว่ายตายเกิด ต้ังแต่ยอดพรหมโลกถึงก้นนรก เราต้องหนีให้ได้ ปราบให้พ้น เอาชนะ สังขาร ก็ไม่ไหวอีกล่ะ ทีนี้เอา ๑๕ นาที ต้องท�ำให้ได้ ถ้าท�ำได้ก็เกิดก�ำลังใจ ภาวนาได้ คืนหน่ึงแลว้ ทำ� ส�ำเร็จแลว้ ความเพียร ศรัทธา อธษิ ฐานสรา้ งศรัทธา ปญั ญา ความเพียร ได้ส�ำเร็จต้ังหลายอย่าง แล้วก็ท�ำเอาเฉพาะตน ไม่ได้มาก เอา ๑๕ นาที แล้วท�ำให้มันได้ จรงิ ๆ นะ ทำ� ได้ทกุ คนื กเ็ ปน็ บุญมหาศาลนะ่ คืนนี้ เราฟังเทศน์ใหญ่โตเท่ากับสังขารโลก ใหญ่โตตั้งแต่ยอดพรหมโลก ลึกลงไป จนถึงกน้ นรกก็เรียกวา่ พอสมควรแลว้ ขอใหญ้ าติโยมทกุ คนหาทางออกจากสงั ขาร มนั ทกุ ข์มันยาก ดว้ ยกันทกุ คนเถอ๊ ะ. 293
๓๑ .....ไดท้ �ำความดไี วห้ ลายอย่าง ซึง่ เปน็ ของหาได้ยาก เช่นเรอื่ งตาย.. ตายจากมนุษย์ได้กลับมาเกิดเป็นคน มันก็แสนยากแล้ว ตามค�ำสอนของ ธันวาคม พระพุทธองค์ว่า คนท่ีตายจากมนุษย์จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์น่ี มัน ๒๕๕๕ มีน้อยมาก เปรียบเหมือนขี้ผงในเล็บกับแผ่นดินทั้งแผ่นดิน น่ีเราก็ได้ (กลางคนื ) มีชีวติ รอดมา...สกั ปีหน่งึ แลว้ อยา่ งดี ไมไ่ ดท้ ำ� บาปทำ� อะไรมาก ทำ� บุญมา กห็ ลาย เรียกวา่ เปน็ ผูไ้ มป่ ระมาท ดีแลว้ เพราะการท่ีจะได้เปน็ อยา่ งเรานี่ มันเป็นการแสนยาก มีแต่คนเกิดในพุทธศาสนาเท่านั้นจะได้ยินค�ำสอน ซ่ึงพระพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้นเป็นผู้รู้ การไม่ท�ำบาปท้ังหลาย การ ท�ำบุญให้ถึงพร้อม การท�ำจติ ใหบ้ ริสุทธ์ิ มีเฉพาะในพทุ ธศาสนา พทุ ธศาสนา คือ ความจริง ความสุข ความดี ไม่ใช่รอู้ ะไรมามาก แต่ไดท้ ำ� ความดีไว้ จรงิ ๆ ไดส้ �ำเร็จ ทำ� ได้ทุกวัน เหมอื นอยู่ทุกวนั มันจะเข้ามุง้ นอนแลว้ นึกถงึ คุณความดีท่ีเราจะ ต้องท�ำ แล้วต้ังสัจจะบารมี ท�ำให้แน่ ท�ำให้ได้จริง ข้อน้ีส�ำคัญที่สุด ไม่ใช่ว่ารู้มาก อาจจะ ไมม่ าก แตท่ �ำไดจ้ รงิ นสี่ �ำคญั จริง ดี สุข มาก อย่างวันน้ีหรือทุกวัน เวลาเข้านอน นึกถึงความดีที่เราจะต้องท�ำ หรอื ทำ� ..ท�ำมาแล้ว ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา มแี คไ่ หน วันน้ีเราจะทำ� อกี ทำ� ใหไ้ ด้ ตั้งใจจะ ท�ำคร่ึงชั่วโมง ไม่ถงึ แม้ไมส่ �ำเร็จ อยา่ งนอ้ ยเอา ๑๕ นาทีก็ยงั ดี ใหน้ ั่งภาวนาหรือนง่ั สวดมนต์ ๑๕ นาที เอาให้สำ� เรจ็ วนั หนง่ึ ๆ กอ่ นจะนอน เมือ่ เราเวลาท�ำ๑ ความจริง ความดี ความสขุ เราเป็นพุทธ๒..ชาวพุทธท่ียืนได้แล้ว เม่ือเราท�ำได้ เราก็มีก�ำลังใจ แสดงว่าเราเป็นผู้มี ความสามารถ และก็ไดท้ �ำความดีไดส้ ำ� เร็จ เปน็ บุญ เป็นความสุข ไม่เสียเวลาไดเ้ กิดมาเปน็ ชาวพุทธ ได้พบพุทธศาสนา เพราะถ้าเราท�ำได้จริงทุกวันๆ เราก็มีความมั่นใจ รู้สึกว่าเรา เปน็ ผ้ทู ีม่ หี ลักธรรมอย่ใู นตัว เราเป็นคนดี ไม่ใชค่ นชวั่ ส่วนเร่ืองการภาวนาน้ัน เราตอ้ งอาศัย วาสนาท่เี ราไดส้ ร้างมาและกำ� ลังสร้างอย่บู ดั นี้ ตอ้ งอาศัยบญุ วาสนาอยมู่ ากเหมอื นกนั เพราะ มนั อาศยั ความบงั เอญิ ความบงั เอิญของชีวิต ๑ ทำ� ... ฟังไม่ชดั ๒ เราเปน็ พทุ ธ... ฟังไมช่ ดั 294
เหมือนอย่างเราที่มานั่งกันอยู่น่ีทุกคน เพราะได้พบความบังเอิญของชีวิต ซึ่งบังเอิญ ไดย้ าก ท่ีบงั เอิญได้มาไดพ้ บกัน หรือรจู้ กั กัน ท�ำบุญรว่ มกัน สิง่ บังเอิญที่ดเู ลก็ น้อยนตี่ ัวสำ� คัญ เพราะมนั เปน็ ของได้โดยยาก วัฏสงสารมันยาวยดื ในระหวา่ งเวยี นว่ายตายเกดิ นี่ จะมีวาสนา ไดพ้ บกันสกั กหี่ น ก็ไม่รู้ แลว้ มนษุ ยก์ ม็ คี วามส�ำคัญมากทเี ดียว เพราะมันไม่ใช่บุญ เป็นบาป แลว้ มนั กพ็ ากนั เสียหายมากมาย ถา้ เปน็ บญุ มนั ก็ตรงกันข้าม ได้ความสขุ มากมาย อาจจะ ถึงพน้ เวยี นว่ายตายเกิดก็ได้ เหมือนอย่างชีวิตของเราน้ี มันก็พบบุญหลายอย่างเหมือนกัน แต่ถึงดูไม่น่าเชื่อ คือ ความบังเอญิ ไมเ่ คยนกึ ถงึ ตวั เองพบความบังเอญิ ดอี ย่างนี้ แตก่ อ่ นน้ีกอ็ ยมู่ าอยา่ งทีเ่ ขาอยู่กนั น่ะ ในสมยั นนั้ สงครามโลก โอกาสท�ำบุญสนุ ทานมนั กน็ ้อยมาก ในสงครามโลก ท่ีทำ� การทง้ั หลาย กระทรวง ทบวงการ ก็ปิด การที่จะได้มาอยู่พร้อมร่วม การท�ำบุญร่วมกัน มีการบุญฉลอง มนั ก็น้อย แตอ่ าตมาพบความบงั เอญิ สน้ั ๆ นดิ เดียวเท่านน้ั ถงึ ทำ� ใหม้ านงั่ อยู่นี่ ใหน้ ่าคิด คอื ว่า สงครามเกิดขึ้น ความยากจนเกิดข้ึน ทางรัฐบาลอนุญาตให้ข้าราชการเปิดร้านค้าได้เอง ก็พอดี ภรรยาของข้าราชการด้วยกันที่ข้าราชการ คิดเปิดร้านขายของ..ของแห้งอยู่ข้างถนน ในตอนนั้นเรารับราชการอยู่จังหวัดหนองคาย ตอนเย็นเดินกลับจากท�ำงาน เราก็ผ่านร้า นขายของของภรรยาคลังจังหวัด เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรายังเป็นเด็กข้าราชการผู้น้อย แต่เขา ศกึ ษาธรรมะมาก ลูกศษิ ย์พระภาวนาผู้ใหญส่ ายท่านอาจารยม์ ั่น เราก็ไปคุยกับเขาเร่ืองธรรมะ ในระหว่างที่คุยกันน้ัน เขาพูดข้ึนค�ำเดียว ท�ำให้ชีวิต เปล่ียนแปลง ค�ำน้ันคือวา่ “คนดี” เขาว่า“อาจารย์ฉันเป็นคนดี” เท่านน้ั นะ่ กส็ นใจ เพราะ ตามความเห็นของเรา ไม่มีพระที่ดี ก็เลยไปหาเขาบ่อยๆ สนทนากนั บอ่ ยๆ ดว้ ยค�ำพูดเพียง เท่าน้ีก็ได้คุยกันทุก.. เรียกว่าทุกเย็น เวลาเดินกลับบ้านไปคุยสนทนาธรรม ก็ได้ความรู้ เพิ่มเติม ขอให้เขาพาไปรู้จักพระท่ดี ี แล้วทา่ นกด็ จี รงิ ๆ กท็ �ำให้ไดค้ บหากนั บอ่ ยๆ ไปหาท่าน ท้ังกลางวันท้ังกลางคืนบ่อยๆ ก็มีความรู้ทางธรรมะเพิ่มข้ึน อันน้ีส�ำคัญมาก เพราะความดี มันหาได้ยาก จึงเริ่มเจอคนดีๆ ต่อๆ เร่ือยมาจนถึงกระท่ังทุกวันนี้ อาศัยการคบหา ได้พูด ไดค้ ุย ไดพ้ ดู สงิ่ เหลา่ นมี้ ันเกิดขนึ้ ในระหว่างการเวยี นวา่ ยตายเกิด ถงึ จะยาวไม่รู้จักสน้ิ สดุ ได้พบกัน เป็นคร้ังเปน็ คราว เหมือนอย่างวันนพ้ี วกเราไดพ้ บกันอีกครงั้ หนึ่ง ได้ท�ำบุญร่วมกนั อกี ครง้ั หนงึ่ ในระหวา่ งการเดินทางอนั ยืดยาว เวยี นวา่ ยตายเกดิ อยู่ พอนกึ ข้นึ มาผลพออกพอใจ อย่างน้อย 295
เร่ืองหน่ึงได้เกิดเป็นคนไทย หาได้ยาก อยู่ทุกคนท่ีจะมีบุญได้พบพระพุทธศาสนา ได้ศึกษา ปฏิบัติในพุทธศาสนานั้นหาได้ยากมาก ส่วนใหญ่แล้วก็มีแต่ในเมืองไทย ก็นึกในใจ ปรารถนา ถา้ ยงั เวยี นวา่ ยตายเกิดอยู่ ขอให้ได้เกิดเปน็ คนไทย ไดพ้ บพุทธศาสนา ได้ปฏิบัติพุทธศาสนา นึกเอาเองอยู่อย่างน้ีจึงจะเรียกว่าถูก ตั้งปรารถนาในใจจะท�ำบุญ สุนทานต่อไป ด้วยอ�ำนาจอันนี้ ในที่สุด ขอให้ได้เกิดชาติใด ก็เกิดเมืองพุทธ ได้ปฏิบัติ พทุ ธศาสนาเทอญ .....อันนก้ี ็รูแ้ ลว้ ได้บุญ ได้ความจริง ไดบ้ ญุ ได้ความสุข ไดค้ วามสขุ ในพุทธศาสนาแล้ว เมื่อมานึกดูชีวิตของเราท่ีล่วงมาแล้วปีหน่ึงนี้ มีบุญพอสมควร...ก็ย่อมพออกพอใจแล้ว ชีวิต๓ ไม่ไดเ้ สยี เวลาเปลา่ เม่อื เราได้ท�ำบุญตอ่ ไป กน็ ึกในใจปรารถนาด้วยอ�ำนาจบุญทเ่ี ราท�ำ ขอให้ได้สามสอ่ี ยา่ งน้ี จริง คือพทุ ธ ดี คือพุทธ สุข คือพุทธ วาสนา คอื พุทธ บุญท่ีเราท�ำแลว้ เราตั้งจิตคิดในใจ ด้วยอ�ำนาจบญุ ท่ที �ำ ขอใหไ้ ดอ้ ยา่ งนั้นอย่างน้ีทีเ่ ปน็ บุญเถดิ อนั นีเ้ รยี กว่าถกู ตอ้ ง เพราะฉะนน้ั วันนี้เราท�ำบุญแล้วรักษาศีลต่อ มันก็เป็นอย่างน้ันเถอะ นึกในใจหวังปรารถนาด้วยอาศัย สจั จะความจรงิ อ�ำนาจ อาศยั ปฏิบตั คิ วามจรงิ คือ ปฏบิ ัตบิ ญุ ขอใหไ้ ดเ้ ป็นคนดีไปเร่ือยๆ เรานึกถึงปีนี้เราได้ท�ำอะไรบ้าง แล้วข้างหน้าปรารถนาอะไร ก็ดูให้มันแน่ ชีวิตก็มี ความหมาย เหมือนดูข้างหน้ารู้ข้างทางรู้ อดีต ปัจจุบัน อนาคต มันรู้ชัดแจ่มแจ้งอยู่ในใจ ไม่มลี ังเลสงสัย ร้จู กั ภาวนา อย่างนอ้ ยทอ่ ง พทุ โธ ธมั โม สังโฆ นพิ พานงั ปรมงั สุขงั ทกุ วัน ทุกวัน เท่านี้ก็ใช้ได้ มีบุญติดตัวไปแล้ว ใครเขาจะถามภาวนาอะไร ภาวนาถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ นิพพานคุณ มันก็ไม่มีผิด พระพุทธเจ้าองค์ไหนมาก็ต้องรับรอง ถูกต้องถงึ ไตรสรณคมน์ ภาวนากร็ จู้ ักการนกึ พุทโธ ธมั โม สังโฆ นิพพานงั ปรมงั สขุ งั นีเ่ ปน็ การภาวนาท่ีถูกต้องแลว้ ไมต่ ้องรู้อะไรมาก รแู้ คน่ ้ี ท�ำใหม้ ันได้ เรยี กวา่ ภาวนาศรทั ธา ใน พทุ ธคณุ ธรรมคุณ สงั ฆคณุ น้อมนำ� มาถอื เป็นไตรสรณคมน์ เอา้ เอาละ่ ขอใหเ้ ปน็ สขุ เจรญิ ทกุ ทา่ น มแี ตค่ วามสขุ ความเจรญิ ไปเนน่ิ นาน.....จงทกุ ประการเทอญ. ๓ ชีวติ ... ฟงั ไมช่ ดั 296
๑ ...ธรรมท้ังหลายมาจากเหตุ ที่มันเป็นอย่างนั้น มันต้องมีเหตุ หมายความว่า เราไดน้ งั่ อยูอ่ ยา่ งน้ี สบาย มนั ก็ตอ้ งมีเหตุ ต้องเข้าใจ มกราคม ทที่ ่านผู้รู้บอกไว้ คือ พระพุทธเจา้ เหตนุ ้ันคอื ทนุ บญุ กุศล เป็นเหตุ ๒๕๕๖ ให้ได้เกิดมาเป็นคน มนุษย์ก็คือผลบุญ เหตุอันนี้ไม่ได้..ไม่ใช่ ของได้งา่ ยๆ นอ้ ยคนนกั หนาทีไ่ ด้พบ พดู ถึงวัฏสงสารเวยี นวา่ ยตายเกดิ เราเจอกันอีก..นานเน น้ีเราได้เกิดเป็นคนไทย พบพระพุทธศาสนา เพยี งแคน่ ก้ี ็บญุ มากแลว้ เรายงั ไม่ประมาท ท�ำบุญตอ่ เพมิ่ เติม ไดค้ ุณงาม ความดใี นชวี ติ เพมิ่ เติม นับวา่ เปน็ โชคดีอยา่ งพิเศษ เมื่อรู้ได้อย่างน้ี เรา เปน็ ผ้ไู ม่ประมาท ทำ� ความดีตอ่ ไป ท�ำบญุ มนั กไ็ มม่ อี ะไรดกี ว่านแี้ ล้ว ความจรงิ ความดี ความสขุ บญุ ซึ่งเรามเี คร่อื งพร้อมท่จี ะท�ำได้ ไดเ้ ดินทาง ไดต้ าม หัวใจพุทธศาสนา สพฺพปาปสฺส อกรณํ อันน่ีส�ำคัญมาก การได้ท�ำบุญทั้งหลายไม่ว่าอะไร กสุ ลสสฺ ูปสมปฺ ทา ทำ� บุญใหถ้ งึ พร้อม แมว้ า่ เลก็ นอ้ ย ทกุ วนั อย่างท่เี ราได้นัง่ กนั อยอู่ ย่างน้ี ท�ำรกั ษาศีล ท�ำบญุ ภาวนา นกึ ถึง พทุ โธ ธมั โม สังโฆ ไว้ ก็เป็นบญุ อยู่แลว้ กิเลสเคร่ืองกันไม่ให้ท�ำบุญมันก็มีอยู่มาก เราก็พอรู้ตัวไว้ โดยเฉพาะอย่างย่ิง ความ เกียจคร้านในการท�ำคุณงามความดี เหมือนอย่างทุกวัน ถึงเวลาเย็นมากแล้ว เราก็เข้ามุ้ง นอน นกึ ว่าจะได้นัง่ ปฏิบัติธรรม ก็กลายเป็นนอนเสยี ถ้าเรานกึ ถึงความเพยี ร วา่ เรามที เี่ รา ตอ้ งทำ� ใหเ้ กิดประโยชน์กบั ตวั เอง เรากต็ ั้งใจท่จี ะท�ำความดปี ระจำ� วนั นงั่ ภาวนาเลย นึกวา่ เราจะน่ังภาวนาเด๋ียวนี้ล่ะ เอาสักเท่าไรดี นึกท�ำมากๆ ต้ังแต่ช่ัวโมงนึง ไม่ไหว ก็เอา ครึ่งชั่วโมง ลดลงมา ลดลงมา เอาเพียง ๑๕ นาทีก็เอาล่ะ ท�ำให้ได้ก็เรียกว่ามีบุญ เป็น คนจริง มีบญุ วาสนา ถงึ ท�ำได้เฉพาะวนั นี้ มันก็ไดช้ นะประจ�ำวนั น้ี ได้สร้างบารมีเฉพาะวนั นี้ สำ� เรจ็ ไปได้ ได้ช่ือว่าเป็นผู้ไมป่ ระมาทแลว้ ก็ฝึกทบทวนความคิดประจ�ำวัน คือตรวจตราดูว่า วันนี้เราได้ท�ำอะไรท่ีเป็นบุญบ้าง ท�ำที่เป็นสัจธรรมบ้าง ตรวจตราดูมันก็มี ก็รู้สึกพอใจ มีก�ำลังใจ ว่าเราได้ท�ำบุญแล้ววันน้ี ไม่ได้อย่เู ปล่า เปน็ ผูไ้ ม่ประมาท ทำ� ได้ทุกวนั ๆ กด็ ี ท�ำไดจ้ นถึงวันตาย ก็เรียกวา่ เปน็ ผู้ 297
ไม่ประมาท สบายใจ ต้ังสติไว้ นึกถึงบุญวาสนาพร้อม น่ีล่ะ เม่ือเราท�ำบุญ เราก็นึกถึง วาสนา น่ีแหละมนั เรียกว่า บุญวาสนา ทนี ๑ี้ จะภาวนาเลย ได้หรอื ไม่ได้ มนั ขึ้นอยู่กับวาสนา เร่ืองท�ำบุญ เราต้ังจิตปรารถนาจะท�ำให้ได้ส�ำเร็จ เป็นตัวสร้างวาสนา ต่อจากนั้น ได้เกิดเป็นมนุษย์ก็ได้มีโอกาสท่ีจะท�ำดี มนุษย์มีโอกาสได้ท�ำบุญวาสนาได้ ได้บุญตามต้ังใจ หากปรารถนาก็ภาวนาได้ตามตง้ั ใจ นึกวา่ พอใจมากทว่ี ันหนึง่ ไดท้ ำ� บุญ ตายแลว้ ไมเ่ สียเวลา เปลา่ มีคณุ งามความดีตดิ ตวั อย่างนอ้ ยรจู้ กั ธรรม พทุ โธ ธมั โม สังโฆ นิพพานงั ปรมงั สุขงั เวลานอน ก็เอาหัวลอดมุ้ง ก็คิดว่าเราจะสร้างวาสนาให้ได้ จะน่ังภาวนานานเท่าน้ัน เท่าน้ี ต้ังใจคิดไว้ แลว้ ทำ� ใหไ้ ด้ เปน็ การสรา้ งบารมี ความเพยี ร ทำ� อยทู่ กุ วันๆ กย็ ิ่งดี อันนีล้ ะ่ เปน็ เหตุให้ภาวนาได้สำ� เรจ็ เพียงได้นึกถึง พทุ โธ ธัมโม สงั โฆ นิพพานัง ปรมัง สขุ ัง ทุกวนั แค่น้กี เ็ ป็นบุญ การ สร้างวาสนา แลว้ การภาวนานั้นก.็ .มนั กด็ ยู งิ่ งา่ ยขึ้น ภาวนาพทุ โธ นส่ี �ำคัญมาก ต้ังใจใหอ้ ยู่ ในพุทโธให้ได้ ถึงรู้...ถึงแม้ว่าก�ำลังนั่งอยู่ มันจะมีกิเลสความมืดมัวมาคอยเป็นอุปสรรคอยู่ กต็ าม ใจเรา ขอใหน้ กึ ถึง พุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นใช้ได้ เรากม็ บี ุญ..บุญเปน็ สมบตั ิ ตอ้ งการจะท�ำความดอี ะไร กม็ สี มบัติ คือบญุ การภาวนา เป็นบุญ เป็นสมบัติ เม่ือมี...สมบัติแล้วเราจะท�ำบุญอะไรก็ได้ นึกจะแผ่เมตตา แค่นี้ก็ท�ำได้ สมมติวา่ เรานกึ ว่าเราไมไ่ ดท้ �ำบุญอะไรเลยในวันนี้ นกึ ถึงว่า เราได้นึกถงึ พุทโธ ธมั โม สังโฆ แลว้ กร็ ู้สกึ มีก�ำลังใจ ภาวนาได้ เรยี กว่า เปน็ ผไู้ ม่ประมาท วนั น้สี ำ� เรจ็ ไปได้ขนั้ หน่ึง แล้วก็ ท�ำใหไ้ ด้ทุกวัน เรารู้ว่า ความไมป่ ระมาททีเ่ ราร้คู อื อะไร แลว้ เราต้องท�ำความไมป่ ระมาท กไ็ ม่เสียทที ่ี เกิดมาได้พบพระพุทธศาสนา เป็นผู้ไม่ประมาท ว่าส�ำคัญอย่างไร ก็ให้พึงระลึกรู้ว่า ค�ำว่า “พทุ โธ” ในการภาวนาสำ� คญั มาก มนั จะมอี ุปสรรคเรอ่ื งอะไรก็ตาม เราตงั้ ใจให้มน่ั ในคำ� ว่า “พทุ โธ” ไม่ยอมเปลี่ยน เท่านี้ก็แกไ้ ขได้ ๑ ทนี ี้... ฟังไมช่ ัด 298
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428