Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือบัณฑิตธรรม

หนังสือบัณฑิตธรรม

Description: หนังสือบัณฑิตธรรม

Search

Read the Text Version

399

วิวัฒนาการของคน เชื่อกันว่าบริเวณท่ีมนุษย์เริ่มรู้จักดัดแปลงผลไม้ป่ามาปลูกเป็นผลไม้บ้าน คือมนุษย์ เร่ิมรู้จักการเพาะปลูกนั้นคือบริเวณท่ีเป็นประเทศไทยเป็นแห่งแรกในโลก ราวหม่ืนกว่าปี มาแล้ว ยุคหินใหม่เร่ิมต้น (ก่อนประวัติศาสตร์อียิปต์) รู้จักเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ผลไม้ป่า มาเป็นผลไม้บ้าน สัตว์ป่าน�ำมาเลี้ยงเป็นสัตว์บ้าน เริ่มรู้จักเพาะปลูกท�ำกินแทนหากินในป่า เชื่อวา่ บรเิ วณสวุ รรณภูมิ เฉพาะอยา่ งยงิ่ ตรงบริเวณประเทศไทยนเี่ ปน็ แห่งแรกๆ สรปุ โดยเร่ิม คือเริม่ ยคุ มนษุ ยจ์ ากพวกเร่ร่อนมาอยเู่ ป็นหมู่เป็นเมือง ดินแถวกรุงเทพฯ เปน็ ดินต�่ำ ภาคอีสานก็อยูใ่ ต้ทะเลมากอ่ น ในถ�ำ้ สูงๆ ของภาคอสี าน กม็ ที รายมเี ปลือกหอยใหเ้ หน็ อยู่ อยา่ งทจ่ี งั หวดั นา่ นก็เคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อนเชน่ กนั สมยั นำ�้ ทะเลลดตำ่� เชอ่ื วา่ พสิ จู นก์ นั วา่ คนเคยเดนิ ไดน้ ะ จากเมอื งไทยเดนิ ไดถ้ งึ อนิ โดนเี ซยี ถึงออสเตรเลีย ท่ีออสเตรเลียเดิมไม่มีคนมา จนพวกอะบอริจ้ิน (Aborigines) มันไปเอเชีย สว่ นอเมริกากอ่ นโน้นกไ็ มม่ ผี คู้ น (ยุคหินเก่า) มารว่ มเม่อื ๔๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว มมี องโกลรุ่นตา ๒ ชั้น (เอเชีย ลาตินอเมริกัน) ยุคน้�ำทะเลต่�ำ ทางข้ัวโลกเหนือนี่เดินทางจากไซบีเรียไป อลาสก้าได้ สมัยน้ันคนในอเมริกาก่อนฝร่ังไปอพยพไป คนพ้ืนเมืองเดิมเป็นมองโกลรุ่นเก่า ทั้งน้ัน ปัจจุบันมีมองโกลผสมเม็กซิโกดูเหมือนคนไทย เหมือนคนฟิลิปปินส์บอร์เนียวมาเดิน ปนกับคนไทยก็ดเู หมือนๆ กนั คนโบราณใน South East Asia ออกไปทางนวิ กินี ออกมหาสมุทรอินเดียแลว้ บางพวก ก็ออกจากไต้หวันไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก ฉะนั้นคนสมัยโบราณจากเอเชียอาคเนย์อพยพ ไปมาก ไปอยใู่ นทั่วๆ แถวนี้ คนมันรปู ร่างคลา้ ยๆ กนั อยา่ งในแปซิฟิกพอรู้จกั ทำ� เรือไดก้ ไ็ ป ท่ัวทกุ เกาะจนถึงนิวซแี ลนด์ คนพน้ื เมืองนีไ้ ปอยู่ก่อนฝร่งั ก่อนอังกฤษจะมาพบ เมตตาเลา่ ในตอนหลังฉนั ภัตตาหารเพล ประมาณ ๑๑.๔๕ น. 400

คนโบราณพวกน้ีแรกๆ อยู่ริมทะเล ทางตะวันออกของจีนและใต้ของจีนแถบลุ่มน้�ำ แยงซเี กียง ๑. ถน่ิ ก�ำเนิดมองโกลเดมิ แทอ้ ยทู่ ะเลสาบโกบี ๒. ถนิ่ กำ� เนดิ พวกผิวขาวอยู่ทะเลสาบแคสเบ้ียนที่หนาวมาก ๓. ถ่ินก�ำเนดิ ผวิ ดำ� อยอู่ ฟั ริกา มองโกลนีแ่ บง่ เปน็ ๒ พวก ๒ รุ่น คอื มองโกลรุ่นเกา่ ตา ๒ ช้นั กบั มองโกลรุ่นใหม่ จีน ญ่ปี นุ่ ตาช้ันเดยี ว มนษุ ยเ์ กา่ แก่ของเอเชียมาจากพวกที่ ๑ (ตา ๒ ชนั้ ) อินโดนเี ซียเรยี ก พวกยะวา พวกที่ ๒ กพ็ วกใชไ้ ฟเป็นประเทศแรก คอื จีน เรยี กมนษุ ย์ปักก่ิง (ราว ๑๐๐,๐๐๐ ปี มาแล้ว) มนุษย์นีร่ จู้ กั ใช้ไฟ ทย่ี งั ไมร่ ู้แนค่ อื ก่อนมนษุ ยโ์ บราณทีฝ่ รง่ั เรียกอินโดนีเซียท่รี ูปรา่ งแบบคนไทย ฟิลิปปนิ ส์ ทีอ่ พยพจากจีนไปอนิ โดนเี ซียคอื พวกยคุ บ้านเชยี งเมื่อ ๗,๐๐๐ ปนี ่ี นกั ส�ำรวจฝรัง่ ยังไมม่ นั่ ใจ ว่าเร่ิมต้นยุคโลหะคร้ังแรก ยุคบ้านเชียงวัฒนธรรมสูงมาก เคร่ืองใช้ลวดลายตามถ้วยชาม การพมิ พ์ลายผา้ มีการวิวัฒนาการคล้ายแท่นพมิ พแ์ ล้วใชไ้ ม้กลง้ิ พมิ พล์ าย ของเหล่าน้มี มี ากมาย แล้วอยู่ๆ วัฒนธรรมน้มี ันกล็ บหายไป มนั ถกู กลนื ไป มนษุ ย์ทีแรกทม่ี าอยกู่ อ่ นขอม มอญ ทีแรกเรยี กพวกลวั ะ พระนางจามเทวที มี่ เี รอื่ งรบ กับพวกลัวะ ทลี่ ำ� พูนกไ็ ม่รแู้ น่ว่ามาจากไหนกันแน่ วัฒนธรรมตอนนนั้ มันถูกกลืนไป สรปุ คนพ้ืนเมอื งเดมิ คอื พวกเงาะ พวกลัวะ อยู่มาจนถงึ อย่างนอ้ ยจนถึงสมัยพระนาง จามเทวี ท่ีรบชนะพวกลัวะ พวกลัวะมีความรู้ทางไสยศาสตร์ เวลารบกับนางจามเทวีก็ใช้ วิชาไสยศาสตร์ (นางจามเทวีนี่เป็นมอญไปจากลพบุรี) พวกมอญนี่มีอิทธิพลไม่ใช่เล่น เป็น ชาติเก่าแก่ มีวัฒนธรรมสูง อาณาเขตตอนใต้ของพม่าทั้งหมด ฝั่งตะวันออกของไทยจนถึง แมน่ ำ้� โขง อาณาจกั รทวารวดนี ี่วัฒนธรรมสูงมาก น่าจะไดอ้ ิทธิพลจากอินเดยี เพราะตวั อักษร ก็จากอินเดีย 401

สรุป เฉพาะแผ่นดินไทยโบราณสมัยหม่ืนปี คนเงาะ คนลัวะ มอญ ขอม ไทยเล็ก ไทยใหญ่ อพยพมาจากจีนเข้ามาทางพม่า คนไทยเล็กนี่สมัยมองโกลครองจีนก็อพยพลงมา แล้วมาปนกับชนพ้ืนเมืองเดิม ฉอ้ ปาอ๋องรบแพจ้ นี ยุคตน้ ประเทศจนี คือแผน่ ดนิ ฮ่ัน มอี �ำนาจมาก คู่แขง่ กับแผน่ ดนิ ฮอ้ พอฉ้อแตกก็อพยพมาเป็นไทยใหญ่อยู่ชานสเตท แคว้นชาน (ฉาน) แล้วออกมาเป็นพม่า เชื้อสายธิเบต มันก็ยังรบกันอยู่จนทุกวันนี้ คือไทยใหญ่กับพม่าน่ียังรบกันอยู่ พวกไทยใหญ่ เข้ามาอยู่ก่อน ส่วนไทยน้อยมาจากแยงซีเกียงมาแม่น้�ำโขง แม่น�้ำเจ้าพระยา (สมัยมองโกล ยกทพั ตีประเทศจีน มันห่างกันเยอะเหลอื เกิน) จนี นี่เปน็ ชาตเิ ก่าแก่ เกิดก่อนอเมรกิ าหลายพนั ปี สรุป สมยั ทวารวดี มศี ีลธรรมวฒั นธรรมรุ่งโรจนท์ ี่สุด มาถึงสมัยสุโขทัย พุทธศาสนาของไทยส่วนใหญ่รับมาจากมอญ พวกมอญเริ่มเป็น พทุ ธสมยั พระเจา้ อโศกมหาราช (พ.ศ. ๓๐๐) โดยพระอรหันต์ ๒ องค์ท่านมาตั้งพระศาสนา เรยี กดินแดนไทยวา่ สยาม ตลอดอาณาจกั รเหนือสุดใต้ เปน็ พุทธมาต้ัง ๒,๒๐๐ ปแี ลว้ สว่ น ทางมลายู อินโดนีเซยี เปน็ พุทธมหายานทง้ั นนั้ มาเปลีย่ นเปน็ อิสลามกอ่ นสมยั พระร่วงไมน่ าน เทา่ น้นั สมัยทวารวดเี ป็นสมยั อินโดนีเซีย ศรวี ชิ ยั (มหายาน) เจรญิ สงู สดุ ใชภ้ าษาสันสกฤต คนจะไปอนิ เดียต้องมาเรียนภาษาสนั สกฤตทอี่ ินโดนีเซยี ศรวี ชิ ยั ให้เก่งแลว้ จงึ จะไปอนิ เดยี ทอี่ นิ เดยี สมยั พระเจา้ กานชิ กะ (เชอื้ สายเอเชยี กลาง) ยดึ อนิ เดยี จากเหนอื จรดใตไ้ ดห้ มด เมืองหลวงคือกรงุ คาบลู อัฟกานิสถาน สนบั สนนุ มหายาน มศี ูนยก์ ลางอยู่ในถำ้� เมอื งบามยิ ัน ในอัฟกานสิ ถาน มีพระภาวนาอยใู่ นถ้�ำต้ังกวา่ ๖๐๐ ปี ทีป่ ากถำ�้ มีพระพทุ ธรูปหินขนาดใหญ่ มากๆ ราว ๒๐-๓๐ เมตร ท่ีเคยเลา่ แลว้ ว่าตอนจกั รพรรดเิ จงกสี ขา่ นยกทัพจะไปยึดรัสเซยี ก็มา พักทัพที่นี่ ท่ีหน้าถ�้ำนี้ก็เกิดลูกชายมาตาย ก็โกรธแค้นหาว่าเป็นเพราะอำ� นาจพระพุทธรูปน้ี ก็เลยให้ตัดพระพักตร์พระพุทธรูป สรุปว่า หลักใหญ่พระพุทธศาสนาเผยแผ่จากถ�้ำน้ี ข้าม 402

เอเชียกลางเข้าไปในก�ำแพงเมืองจีน ดินแดนส่วนนี้เป็นทะเลทราย ส่วนใหญ่มีโอเอซีส (Oasis) เกิดอยู่เป็นแห่งๆ มีบ้านเมืองเล็กๆ ไปเร่ือยๆ หลวงปู่ไปเห็นมาแล้ว เส้นทาง พระถงั ซัมจง๋ั ทางสายมาร์โคโปโลจนถึงยอดเขาเทียนจนั ทร์ (สวรรค์ของจีน) บรเิ วณยอดเขา เทียนจันทร์มีทะเลสาบ แวดล้อมด้วยภูเขาน�้ำแข็งคลุมตลอดปี เป็นทะเลสาบที่งดงามมาก ที่สดุ อย่บู นยอดเขา มีกษัตริย์จีนเพียงองค์เดียวท่ีเคยเดินทางมาที่นี่ หนทางกันดารมาก ห่างไกลมาก ไมใ่ ชไ่ ปมาไดง้ า่ ยๆ พระถังซัมจ๋งั ใช้เวลาเป็นปีเดนิ ทางตามโอเอซสี นี่ จนเกดิ มีการแตง่ นยิ ายไซอ๋ิว ภายหลัง พระจีนอยากเรยี นพทุ ธ ตอ้ งมาเรยี นสันสกฤตทศี่ รวี ิชัย (อินโด) แลว้ จึงไปอินเดยี ไปทางเรอื กม็ ี มีพระมหายานหลายชาติเช้ือ รวมท้ังพระชาวเปอร์เซียไปท�ำถ�้ำอยู่กลางทะเลทราย มากกว่า ๔,๐๐๐ (สีพ่ นั ) แหง่ ถ�้ำเหล่านสี้ วยงามมาก จากฝมี อื คนเอเชยี กลาง คนจีน คน เปอร์เซยี มีพระพทุ ธรปู ทง่ี ดงามอยรู่ าว ๑,๖๐๐ ปี หรอื กว่าน้ัน (หาดูในเมืองจีนก็ไม่มี) มพี ระมาอย่ภู าวนาในถ้ำ� นร้ี าว ๖๐๐-๗๐๐ หรืออาจถงึ ๙๐๐ ปี พอเกิดยุ่งมีสงครามใน เอเชยี กลาง พระท่านก็ชว่ ยกันปิดถ้ำ� แลว้ ท่านก็หายกนั ไปเลย ถ้ามองขา้ งนอกก็เหมอื นภูเขา ธรรมดา คนก็ไม่รู้ (แบบที่เขาฆ่าพระในมหาวิทยาลัยเมืองนาลันทา แล้วท�ำภูเขาทับไว้ไม่มี ใครรู้) ถ้�ำเหลา่ นีแ้ ตล่ ะถำ้� มีขนาดใหญ่โตมาก แต่ไมม่ แี สงสวา่ ง ตามผนงั ถำ้� มพี ระพุทธรูปนง่ั พระไสยาสน์องค์มหึมาและรูปสลักมากมาย พระอรหันต์แบบจีนก็มี เป็นแหล่งวัฒนธรรม ทางภาพแกะสลักและภาพวาดทีย่ ิง่ ใหญข่ องจนี คอื “ถ้ำ� ตนุ ฮวง” จนลว่ งเลยมาหลังสงครามโลกครั้งท่ี ๑ มพี ระจนี ไปพบว่าภเู ขาเหล่าน้ีไมใ่ ช่ภเู ขาธรรมดา แต่มีถ�้ำด้วยก็ลองไปแกะๆ ออก มีฝร่ังนักโบราณคดีมาช่วยสำ� รวจด้วย บางพวกก็มาขนของ ในถ้ำ� ไปก็เยอะ 403

คนไทยมีน้อยท่ีจะได้ไปถ้�ำน้ี หลวงปู่ดูหนังสือภาษาอังกฤษท่ีออสเตรเลียก็เห็นรูปถ้�ำ เหล่านก้ี ็เลยไดร้ ู้เรอื่ งขึ้นมา พอมาไทย เถ้าแกเ่ มง้ แซเ่ งา้ จงึ จดั เป็น Tour คณะใหญ่พาไป ให้ไดช้ มจริงๆ การไปถ�้ำตุนฮวงน่ีล�ำบากมาก ต้องเปลี่ยนเคร่ืองบินหลายหน ไปรถไฟ ไปรถบัส เปลี่ยนไกดถ์ งึ ๔ คน ท่ที ะเลทรายโกบีนีต้ ามถนนสำ� คญั เขามีอนุสาวรียร์ ูปพระถงั ซัมจ๋ังกบั พวกไว้ครบถ้วน บริเวณน้ีพวกฝรั่งยังมากันไม่มาก เพราะกันดารมาล�ำบาก ต้องอดทนมาก ในการเดินทาง เหน็ มีแต่พวกญป่ี ุ่นมากันเปน็ สว่ นใหญ่ ตอ้ งใชล้ ่ามจีน จนี กม็ หี ลายถ่นิ หลาย ภาษา ต้องเปล่ียนล่ามตามท้องถิ่นถึง ๔ คน แล้วท่ีน่ันไม่มีภาษาอังกฤษ ป้ายอะไรก็เป็น จนี หมด น่คี อื ชาตนิ ิยมแบบจีน แบบญ่ปี ุ่น เขาถอื ภาษาของเขามาก ไมเ่ หมอื นคนไทย บ้านเรา อะไรๆ ก็ภาษาฝรงั่ แมแ้ ตช่ อ่ื ร้านคา้ อีกหนอ่ ยจะหาภาษาไทยไม่มี 404

หลวงปู่เมตตาเล่าเมอื่ ๒๗ เมษายน ๒๕๔๔ พระพทุ ธศาสนานมี่ าประดษิ ฐานในศรลี งั กา ๒,๑๐๐ ปมี าแลว้ คอื สมยั ตน้ พทุ ธปรนิ พิ พาน มาพร้อมลกู ชายพระเจา้ อโศกมหาราช ในระหว่าง ๒๐๐ ปแี รก ก็ยังมพี ระอรหันต์อยู่ ตอ่ มา ก็มีการรบใหญใ่ นลังกา (ถึงทุกวันน้กี ย็ ังมอี ยู่เร่อื ย) พวกสงิ หล พวกผวิ ด�ำเขา้ ยดึ ได้ทงั้ เมือง - เมอื งอนุราธปุระ วา่ งไป ๑๐ ปี - ชาวพทุ ธในลังกาน่ี ๖๕% แล้วเขาอยมู่ า ๒,๑๐๐ ปีแลว้ “เราจะสู้เขาไดห้ รือ” - พรหมลิขิตของโลก เพราะความสามารถบุญของพระลังกา ท่ีพระลังกาท่านท่อง พระไตรปิฎกไว้ได้หมด - สังคายนาคร้ังที่ ๓ เมื่อคร้งั พระเจา้ อโศกมหาราชในอนิ เดยี มาคร้ังสังคายนาคร้ังท่ี ๔ นั้น กก็ ลัวพระพทุ ธศาสนาจะสูญ แล้วต่อไปขา้ งหน้าก็มีการจารึกลงใบลาน ต่อมาคนก็เรียน แต่ใบลาน ขอ้ วัตรปฏิบตั ิเสื่อมไป - ส่วนทางพมา่ นี่ คนพมา่ ทวั่ ไปมีศรัทธาดกี วา่ คนไทย - บางทีไทยจะสู้พม่าไม่ได้ล่ะม้ัง การน่ังภาวนาเขาก็ยังเยอะ ผู้หญิงพม่ารู้บาลี อาจารย์หญงิ สอนภาวนาเก่งๆ มีฌานรอู้ นาคต อย่างคณุ พรพิมลไปเรยี นกับแม่ชพี มา่ เขาว่า “ต่อไปขา้ งหน้า จะได้อาจารยด์ กี ว่าตัวแมช่ ีอีก” - พวกฝรงั่ ชอบเรยี นส�ำนักสียาดอ - ไทยนเ่ี ราได้มาจากมอญ ตอนหลังอทิ ธพิ ลลงั กา อย่างคตสิ วดมนตเ์ ชา้ สวดมนต์เย็น สวดมนต์ทำ� บญุ บ้าน ก็มา จากลังกา การบวชน่ีก็เชื่อว่าบุญ คือเอาบุญทางพม่า ทางลังกาน่ีถือว่าถ้าบวชแล้วสึกไม่ดี วัฒนธรรมไทยมนั พิเศษ ใช้ Common sense การบวชของคนไทย แต่ก่อนน่อี ายุครบ ๒๐ ปี ต้องบวช รากฐานวัฒนธรรม 405

- ผู้หญิงนีพ่ อมีลกู ชายจะดีใจ จะได้เกาะชายผ้าเหลอื ง - ไมม่ ีที่ไหนในโลกหรอก Common sense - ดู Fact ในประวัติศาสตร์ ไม่มีประเทศใดในโลกท่ีรัฐบาลของพระเจ้าอยู่หัวให้ ขา้ ราชการบวช ๓ เดือนแถมอีก ๑ เดือน แลว้ บวชฟรี แถมให้เงนิ เดอื นปกตอิ ีก เม่อื สงครามโลกครั้งที่ ๒ ถ้าไม่มีระเบิดปรมาณู ๒ ลูกนนั่ เหตกุ ารณป์ ระเทศไทยจะ เป็นอย่างไร กองทัพอังกฤษจะจ่ออยู่แล้ว ก็พอดีสงครามยุติ ทางรอดของเมืองไทยตอนน้ัน เหลอื ประตูรอดประตเู ดียว - ขา่ ว BBC ออกกอ่ น สงครามโลก II สงครามใหญ่โอโตมิคบอมมย์ ุติใน ๑ วัน พอ ๐๘.๐๐ น. ขา่ วไทยก็ออก ข้าราชการไทยหยุดบวชมา ๕ ปี ก็ได้มีประกาศอนุญาตให้ข้าราชการลาบวชได้ ได้ หยุดงานกัน ๔ เดือน แถมได้เงินเดือนฟรี น่ีคือบุญญาภินิหาร อย่างน้อยทานบารมีท�ำให้ อยู่มาได้ นี่แหละบุญเก่าถ้าใช้แต่วิชามารจะเกิดเร่ือง มันไม่ใช้วิชาเทพ ไม่มีศีลธรรมอะไร สกั อย่าง การเผยแผค่ รสิ ตน์ ี่ ก็มมี าตงั้ แต่สมัยพระนารายณ์มหาราช จนบดั น้ี สว่ นทางพทุ ธ สมเด็จพระสังฆราช (สมยั ดำ� รงตำ� แหนง่ สมเด็จพระญาณสงั วร) สง่ พระไปเผยแผพ่ ระพทุ ธ- ศาสนาในต่างแดน ภายใน ๑๕ ปี พวกผิวขาวเป็นพุทธมากกว่า ๓ ลา้ น - สมยั หนึ่งเรียนตามของลังกา ใชค้ ิดๆ เอา - มันหยดุ การปฏบิ ัตมิ า ๖๐๐ ปี คือสนใจแตป่ รยิ ัติ คิดวา่ หมดบญุ วาสนาพระนพิ พาน พ้นสมยั ความเป็นอยขู่ องพระเสื่อม แตต่ ัวหนังสอื ไมเ่ สอื่ ม - มาถึงยุคทา่ นพระอาจารย์มัน่ พระอาจารย์ขาว เหมอื นเทียนมาสอ่ ง รัชกาลท่ี ๔ สมัยยังทรงผนวช ท่านเริ่มตั้งธรรมยุตให้เข้มแข็ง เร่ิมพื้นฐานศีล วินัย คณะของท่านก็เรม่ิ เขม้ แขง็ ท่านเปน็ leader เปน็ หวั หนา้ ก็เป็นกลุ่มคนดมี าก ศิษย์ของท่านดูเหมือนองค์หนึ่งไปอุบลฯ (นี่หลวงปู่หลุยเมตตาเล่าให้อาตมาฟัง) องค์ ท่ี ๒ ท่ี ๓ (หรอื รุน่ ท่ี ๓) น่ากลวั จะเป็นทา่ นพระอาจารย์หลวงปูเ่ สาร์ บพุ พสกิ ขาท่านเครง่ ครัดมาก ตอ่ มาองค์หลวงปูม่ ัน่ ท่านมีลกู ศษิ ย์อย่างชั้นเยีย่ มยอดในราว ๕๐ องค์ 406

ภาษา ภาษาสันสกฤต ภาษาคัมภีร์พระเวทย์มี ๕ คัมภีร์ ลักษณะพิเศษใช้ท่องจ�ำ มีก่อน พุทธศาสนาตงั้ ๒,๐๐๐ ปี แม้จะเกิดมคี วามเห็นขน้ึ ใหม่ ของเก่าก็จะคงไว้ ไมท่ ้ิง นกั ศกึ ษา ฝร่ังถึงชอบศึกษาปรัชญาอินเดีย เพราะมีความเป็นมาเป็นไป มีล�ำดับเร่ืองราว ท�ำให้รู้ถึง ความเปลี่ยนแปลง อย่างได้รู้ถึงศาสนาพราหมณ์แต่เดิมมาอย่างไร ความเช่ือในคัมภีร์ พระเวทย์มีส่วนคล้ายกับเทพนิยายในยุโรปมาก พวกอารยันมาเปลี่ยนไปบ้างก็แต่ชื่อเท่านั้น เช่น พระพฤหัสทางยุโรปเรียกจูปิเตอร์ (Jupiter) น้นั เปน็ พรหมเปน็ พวกสมาธิฌาน พระเจา้ ผู้สรา้ งโลก รักษาโลก ทำ� ลายโลก มาจากพรหมเปน็ พระเจา้ ผ้สู ร้างโลก รักษาโลก ทำ� ลายโลก พระพรหมนี่ตื่นขึ้นทีหนึ่งอะไรๆ ก็หายหมด แม้พระเจ้าก็หาย พอพระพรหมหลับ ก็เกดิ มีพระเจา้ ปรากฏข้ึนจากพระพรหม องคน์ ีส้ รา้ งโลก องคน์ รี้ ักษา องค์น้ที ำ� ลาย เวียนไป อย่อู ย่างน้ี ตกมาถึงคัมภีรพ์ ระเวทยท์ ี่ ๕ เป็นไสยศาสตร์เสียมาก พระเจ้าในคมั ภรี พ์ ระเวทย์ เดมิ ก็เหมอื นเทพนยิ ายในยุโรป เช่นถือวา่ ลมเป็นเทพเจ้า พระอาทติ ย์ เป็นสรุ ิยเทพอพอลโล (Apollo) พระอังคาร เทพเจา้ แห่งสงคราม (Mars) พระศกุ ร์ สวยงามความอดุ มสมบูรณ์ (Venus) ความรัก พระพฤหัส ครู ฤาษี หมอ ความรู้ (Jupiter) นกั ปกครอง etc. แต่ Jupiter พระพฤหัสของกรกี โรมนั เยอรมัน นเ่ี ป็นพระเจ้าผ้สู ร้างโลก พระเจา้ แหง่ สายฟา้ ของทางอนิ เดยี ก็เปน็ พรหมสรา้ งโลก ทนี ีภ้ าษาบาลกี ็เป็นแขนงหนึง่ ของสนั สกฤตที่คนพืน้ เมืองใชพ้ ดู กัน เชน่ ภาษาองั กฤษ คนพื้นเมอื งก็ใช้ (Common English) ไม่ใชภ้ าษาเชคสเปยี ร์ ทคี่ นอังกฤษท่วั ไปฟังไม่รู้เรอ่ื ง พระพทุ ธเจา้ ทรงใช้บาลี เพราะคนส่วนใหญ่ฟังเขา้ ใจ ฟังรูเ้ ร่อื ง 407

แต่ภาษาแท้ๆ ของพระพุทธศาสนาน้ัน พระพุทธเจ้าทรงน�ำมาใช้ตามความหมาย ทแ่ี ทจ้ ริง ตอ้ งเปน็ ไปตามพระดำ� ริของพระพทุ ธเจ้า การตีความตอ้ งเปน็ ตามพทุ ธบญั ญัติ จะ แก้ตามใจชอบไม่ได้ ถ้าแปลความตามใจตัวเองก็เป็นการกล่าวตู่พระพุทธเจ้า ตรงนี้เป็น บาปหนัก ทา่ นทรงหา้ มมใิ หพ้ ระเรียนพระพุทธศาสนาเปน็ ภาษาสันสกฤต สมัยพระเจา้ กานชิ กะสนับสนุนมหายานขึน้ ครง้ั แรก พระถงั ซมั จั๋งไปเอาคัมภีรส์ ันสกฤต ของมหายานไป ไม่ใช่ของภาษาบาลี แตพ่ ระถงั ซมั จงั๋ เปน็ มหาปราชญ์ของจีน พดู ภาษาธรรม ภาษาสันสกฤตยากมาก แต่ท่านก็แปลออกเป็นจีนได้มากมาย ท่านเก่งมาก วัดของ พระถงั ซัมจงั๋ ทีย่ ังมเี หลอื อยชู่ อ่ื วา่ วดั ม้าขาว ตวั อยา่ งเรือ่ งภาษา คำ� ว่า สงฆ์ ในทางธรรม มีความหมายถึง ผ้ทู เ่ี จรญิ อริยมรรค (มรรค ๘ ส�ำเร็จถึงข้นั พระโสดาบนั ) - คืออริยมรรคพน้ โลก - ความเห็นผดิ เชน่ สกั กายทิฏฐิ เหน็ ผดิ กายใจ นึกว่าตน วจิ ิกิจฉา สงสัยไตรสรณาคมน์ ไมม่ ี - แจ่มแจ้ง ความพน้ ทกุ ข์พรอ้ มนี้ท่านเรียกวา่ อริยสงฆ์ (พระสงฆ์) ที่เราสวดมนตว์ า่ สุปฏปิ นั โน - ศาสนาตวั ส�ำคัญแท้ คอื มรรค ๔ (โสดาปตั ติมรรค สกิทาคามิมรรค อานาคามิมรรค อรหัตตมรรค) ผล ๔ (โสดาปตั ติผล สกิทาคามผิ ล อนาคามิผล อรหตั ตผล) พระนิพพาน ๑ ที่เรียกว่า นวโลกุตรธรรม น่ีคือตัวพระพุทธศาสนาตัวท�ำลายกิเลสเด็ดขาด ไม่ใช่เพียงแค่ เรียนเอา คดิ เอา แล้วกถ็ อื เปน็ พุทธบริษทั 408

พระสงฆ์ถ้าทางพระวินัยหมายเอาภิกษุธรรมดา ถ้าสงฆ์ครบ ๔ องค์ สงฆ์สมบูรณ์ สามารถท�ำสังฆกรรมได้ เพราะฉะน้ันความหมายพุทธศาสนาต้องมีในพระไตรปิฎกหรือใน พระธรรมวินัยเท่าน้ัน นี่เรียกว่า “พระบัญญัติ” เป็นภาษาบาลี คือต้องแปลตรงตาม พระพุทธเจา้ แสดง ไมม่ กี ารมาตคี วามหมายเอาเอง ฉะนนั้ ตวั อย่าง อย่างสงั ฆกรรมต้องเปน็ ไปตามคำ� สอนของพระพุทธเจา้ คืออย่างทา่ น ที่ถวายให้แก่พระสงฆ์ครบ ๔ รูปข้ึนไป จะนิมนต์มาโดยรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม มีลักษณะ พเิ ศษคือเปน็ บุญมหาศาล ทา่ นแสดงไว้ในอานิสงส์ทาน คือ อานิสงส์ ใหท้ านแกส่ ตั ว์เดรัจฉาน อานิสงส์ ให้ทานแกค่ นทุจริต อานสิ งส์ ให้ทานคนมีศีลธรรม อานสิ งส์ ใหท้ านแกพ่ ระสงฆ์ธรรมดา อานิสงส์ ให้ทานแกพ่ ระอรยิ เจ้า นบั แต่ข้ันพระโสดาบนั ขึ้นไป จนถงึ ข้ันถวายทานแด่ พระพทุ ธเจา้ เอง สมมุตวิ ่าท่านเหลา่ น้ันก็ ๕ ด้วย ๑๐๐ เทา่ ขึน้ ไป แต่อานสิ งส์ทานทสี่ งู กว่า ถวายทานแก่พระพุทธเจ้าคือ สังฆทาน และทานท่ีถวายที่อยู่ท่ีพักแก่พระสงฆ์ท่ีมาจากที่ ต่างๆ มาจากหนทางไกลและที่ พิเศษก็คือรักษาพระภิกษุป่วยไข้ อานิสงส์มากกว่าถวาย ภัตตาหารแกอ่ งค์พระพุทธเจา้ ฉะนั้น คำ� ว่าสงฆจ์ ะแปลแคค่ ำ� วา่ หมไู่ ม่ได้ ศัพท์อนื่ ก็เหมอื นกัน จะแปลแบบตวั ตัว แบบ (litteral) ไมไ่ ด้ ความหมายนน้ั ต้องเปน็ ความหมายที่มาจากพระหฤทัยพระพุทธเจ้า เป็นบริสุทธ์ิไม่ใช่ความหมายของปุถุชน ต่อให้ พรหมก็ยังมขี นั ธ์ ๕หลง ยงั ไปไหนไมร่ อด ยงั หมายรวมอย่ใู นปถุ ชุ นทง้ั นน้ั เพราะสักกายทิฏฐิ มิจฉาทิฏฐิ กายใจมดื เปน็ หวั อวิชชา ถือขนั ธ์ ๕ กาย ใจเป็นเรา เปน็ เขา ว่าคงที่ ความหลง ให้ท�ำการลงมอื ท�ำกไ็ ปจากตัวนี้ ไมว่ า่ จะดี จะหลงดหี ลงชว่ั ก็ทีน่ ่แี หละ เพราะฉะนน้ั ผลของ จิตมืดมันก็ใหผ้ ลอยเู่ รือ่ ยกเ็ วียนว่ายตายเกิดอยู่เรอ่ื ย 409

อรยิ สัจ ทุกข์ที่ ๑ สรปุ แล้วอยู่ในอปุ าทานขนั ธ์ ๕ คอื ตวั ทุกข์แท้ ทพี่ ระพทุ ธเจ้าทรงแสดงในพระธรรมจักกัปปวตั ตนสูตร คิด พดู ท�ำ หลงๆ โงๆ่ มนั ก็เปน็ ทกุ ข์ อริยสจั ทุกข์ นอกจากองค์พระพุทธเจ้าผู้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้วไม่มีใครสามารถท�ำได้ ทรง ชำ� ระความมืดดว้ ยอ�ำนาจอรยิ มรรคเป็นแสงสวา่ ง อยา่ งผู้มศี ีล ๕ บรสิ ทุ ธิ์ เป็นอนิยตบุคคล จะพน้ ทุกขใ์ นเวลาไม่ชา้ คอื ไม่เกิน ๗ ชาติ เกิดอยู่ระหว่างเทวดากับมนุษย์ แต่ถ้าขยันปฏิบัติภาวนาก็เป็นเอกพีชี คือเหลือเกิดอีกเพียง ชาติเดียว (เอก ๑ พชี ี = พืช) มาสมัยนี้เกิดมาแปลค�ำว่าสงฆ์ แปลว่า หมู่ หมู่หนอน หมู่อะไรงั้นซี ถ้าแปลแบบน้ี เอาอะไรใหห้ นอนกนิ กเ็ ป็นสงฆ์เทา่ นัน้ แหละ นต่ี ้องระวงั มาก ทางพระท่านเรียกว่า “กล่าวตู่” พระพุทธองค์นี้เป็นบาปหนักมาก ท�ำไมบาปมากก็เพราะท�ำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด เป็น เรือ่ งทเี่ สียหายมาก 410

ศาสนาพราหมณ์ มีพราหมณ์มาถามปัญหาพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงถามพราหมณ์กลับไปว่า ตัว พราหมณ์เองรู้ไหมว่าศาสนาของตนมีต้นก�ำเนิดมาอย่างไร พราหมณ์นั้นก็ตอบไม่แน่ชัด พระพทุ ธองคจ์ งึ ทรงแสดงไว้ใหแ้ ก่พวกพราหมณ์ว่า เรื่องเดมิ มาแต่ฤาษี ๑๐ ตน (ทา่ นแสดง ช่ือฤาษีท้ัง ๑๐ ไว้ด้วย) ฤาษี ๑๐ ตนน้ีคือต้นก�ำเนิดศาสนาพราหมณ์ ฤาษีนี้เคร่งครัดมาก อยู่ในป่าลึกภาวนาอยา่ งอกุ ฤษฏ์ ล้วนเปน็ โยคีเจริญฌาน สมาธิ มีฤทธ์มิ ีอภิญญาชัน้ สงู สว่ น ศลี นนั้ อยา่ งนอ้ ยกศ็ ีล ๘ อโุ บสถศีล วิชาท่ฤี าษีเหล่านม้ี งุ่ ตรงต่อความรู้โดยวิธีรกั ษาศลี ภาวนา เกิดสมาธิ เกิดรู้ เกิดอภิญญาต่างๆ เร่ิมต้นแห่งเดียวในโลก ที่แถวบริเวณต้นแม่น�้ำสินธุ บริเวณเมอื งโมเฮนโจดาโร (Mohenjo Daro) คือวฒั นธรรมสนิ ธุ (Indus Civilization) เมอื ง ฮารัปปา (Harappa) แควน้ ปัญจาบ เมอื งเหล่านีร้ ่งุ เรอื งมากกวา่ ๓,๐๐๐ ปีกอ่ นครสิ ตกาล เรอื่ ยลงไปถงึ อ่าวเปอร์เซีย แม้พระอาจารย์ของพระโพธิสัตว์โคดม ก่อนเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นฤาษี โยคใี หญ่ ส�ำเรจ็ ฌาน ๘ องค์หนึ่ง ส�ำเร็จฌาน ๗ องคห์ นึง่ แมจ้ ะมคี วามร้บู รรลุฌานขนั้ สงู สดุ แตต่ วั ปัญญาพน้ โลกไมม่ ี (คือไมม่ โี ลกุตตรปญั ญา) ไมส่ ามารถทำ� สติสมั โพชฌงคใ์ หเ้ กดิ ขนึ้ ได้ ไมร่ แู้ จ้งสภาพกาย ใจ ขนั ธ์ ๕ ตามสภาพธรรมทแ่ี ทจ้ รงิ แต่ยงั มียึด ตวั เรา ตวั เขา เป็นการหลง Space, time, movement สารพดั (เป็นหัว ของอวิชชา) พวกฤาษโี ยคีผมู้ อี ภญิ ญาสงู จึงยังไปไม่รอด ไมบ่ รรลธุ รรมสงู สุดได้ เพราะง้นั ซี แมจ้ ะ มสี มาธิขั้นสงู แตไ่ ม่ถึงโลกุตรธรรม แมอ้ งคส์ มเด็จพระพุทธเจา้ เมอื่ ทรงบรรลฌุ าน ความรู้ สูงสุดอย่างอาจารย์ของท่านแล้วก็ยังต้องทรงภาวนาต่ออีกถึง ๖ ปี ท่านต้องเจริญอริยมรรค ตอ่ จนในวนั วิสาขะ จงึ ทรงรูแ้ จ้งอริยสัจ ๔ ทรงบรรลุสมั มาสมั โพธิญาณ พูดถึงศาสนาพราหมณ์ในสมัยของพระพุทธเจ้า ศาสนาพราหมณ์ก็เส่ือมลงไปมาก ตอ้ งยอ้ นดูประวตั ิศาสตร์ของคน คือพวกอินโดอารยันทส่ี บื เชอื้ สายมาจากอารยนั หรอื อนิ โด- 411

ยูโรเปียน (Indo-European) ซ่ึงเดิมน่าจะอยู่ทางตอนกลางของเอเชียอยู่รอบๆ ทะเลสาบ แคสเปยี น (Caspian Sea) กม็ กี ารอพยพไปตามทตี่ า่ งๆ ๑. ไปทางตะวันตก คอื อนิ โด-ยูโรเปยี น ๒. ไปทางตะวันออก-ทางใต้ ไปอฟั กานสิ ถาน แลว้ เข้าไปเปอรเ์ ซยี หรือ Iranian ๓. ผา่ นภเู ขาสงู เขา้ ไปในอินเดีย คือ อินโดอารยนั (Indo Arayans) พวกอินโดอารยันมีผวิ ขาว รปู ร่างสงู ใหญ่ แข็งแรง จมูกโดง่ ร่างกายสวยงาม เป็นนกั รบ ก็มารบกับพวกดราวเิ ดยี น (Dravidians) ซ่งึ เป็นคนพน้ื เมืองเดิมในชมพทู วปี ผวิ ด�ำ เชือ่ ภูตผี ปศี าจและเรียนวชิ าโยคสี มาธิ วชิ าฤาษจี ากพวกนครโมเฮน็ โจดาโร ท่แี มน่ �ำ้ สินธุ ต่อมาศาสนาพราหมณ์ท่ีสืบมาจากพวกฤาษีก็เส่ือม พวกพราหมณ์ท่ีท่องพระเวทย์ ก็เคยเป็นวรรณะสูงสุด ตอ่ มาพราหมณก์ ็เปน็ กษตั ริยก์ ม็ ี เป็นพอ่ คา้ เปน็ เศรษฐี แมเ้ ปน็ คนใช้ คนยากล�ำบาก ก็ยังเป็นวรรณะพราหมณ์ แล้วจะอ้างว่าเป็นพราหมณ์ผู้รักษาพระเวทย์ แม้จะถือว่า วรรณะแยกมาจากส่วนของร่างกายพระพรหม คือพราหมณ์จากปาก (ท่อง พระเวทย)์ กษตั ริย์แขน มอื พวกแพศย์ (ไวศยะ) = ขา ส่วนพวกศูทร = เท้า ถ้าตา่ งวรรณะ มาแต่งงานกัน ลูกต้องเป็นจัณฑาล ต่อมาพวกชนชั้นสูง พวกกษัตริย์ไม่พอใจพวกพราหมณ์ ก็เส่ือมลงศาสนาพราหมณ์ แล้วก็เกิดมีศาสนาลัทธิชิน (มหาวีระ) เกิดพระพุทธศาสนา (๕๔๓ ปีกอ่ นคริสตกาล) (พระพุทธศาสนาเกิดก่อนมหาวรี ะ) พูดถึงเมืองโมเฮนโจดาโรดังท่ีเล่าแล้ว ขุดพบซากเมืองท่ีรุ่งเรือง พบรูปคนนั่งสมาธิ นา่ จะเปน็ ยุคพร้อมอียปิ ต์ เมือ่ ประมาณกวา่ ๔,๐๐๐ ปมี าแลว้ มีภาษาช้นั สงู มตี ราประทบั แผนผังเมืองอย่างฉลาด การระบายน้�ำ ห้องอาบน�้ำใหญ่มาก มีบ่อน้�ำพร้อมภายใน มีแต่ รปู ปั้นคนน่ังขัดสมาธภิ าวนา รูปฤาษี และสำ� คญั สุด เมืองนีไ้ ม่ปรากฏมอี าวธุ เลย ทีนี้ชาวเมืองน้ีก็วิวัฒนาการแล้วก็เสื่อมไป ถูกกลืนหายไป เกิดเป็นพันธุ์ผสมอินเดีย มีนักบวช นักคิดค้นปรัชญาก่อนพุทธกาลเกือบ ๒,๐๐๐ ปี เรียกได้ว่า ศาสตร์อะไรในโลก ปรัชญา ศาสนาอะไรทส่ี ูงสุด ไมม่ ีที่อินเดยี จะไม่มี เป็นแดนนกั ปราชญ์ อย่างกรงุ บาบิโลน น่ีเชอ่ื กันว่างดงามและเจรญิ มาก น่าจะพร้อมๆ กับอียิปต์ (ยุคหิน ใหม)่ อสั ซเี รยี น นครโมเฮนโจดาโร น่าจะใกล้เคียงกัน ทนี เี้ ปอร์เซียเจริญจากเมอื งเล็ก ทจ่ี รงิ 412

เปน็ เมืองขน้ึ ของกรุงบาบิโลน แต่พอมอี �ำนาจข้นึ ก็ตีบาบิโลนแตก (พวกอสั ซีเรียนกบั บาบิโลน กถ็ ูกกลืนหายไปหมดแลว้ ) พวกเปอร์เซียนน่ผี ิวขาวเปน็ ฝรั่งผิวขาวจากทะเลแคสเปียน ก็เกิดเป็นมหาอาณาจักรเปอร์เซีย ก็ก�ำเนิดของเสื้อกางเกง ก็ยุคสมัยนี้อาณาเขต ส่วนหนึ่งของกรีกจนจรดอินเดีย ตั้งแต่ตะวันตกจนแม่น�้ำสินธุในปากีสถาน ก่อนพุทธกาล ราวประมาณ ๒๐๐ ปี ก่อนจ๋ินซีฮอ่ งเต้ของจนี ทีน้ีมาถึงอียิปต์ มีอะไรคล้ายๆ กับไทยหลายอย่าง อย่างเครื่องปั้นดินเผา แม้แต่ ลวดลายการเขยี นลายแบบเดยี วกนั เลย แต่ปรากฏว่าหมอ้ ดินเผาลายบา้ นเชยี งของไทยเก่าแก่ กวา่ ของอยี ิปตห์ ลายพนั ปี นา่ จะประมาณ ๗,๐๐๐ ปีมาแลว้ ตอนน้ันเป็นสมัยยุคโลหะ (บรอนซ์) เครื่องส�ำริดทองเหลืองบ้านเชียง ปัจจุบันอยู่ จังหวดั อดุ รธานี ชาวบา้ นเชยี งท�ำผา้ ได้ พมิ พร์ ูปบนผา้ ได้ ค�ำว่าชมพูทวีป ก่อนนั้นหมายถึงเกิดโลกใหม่ข้ึนมาแล้ว เกิดมีแผ่นดินน้อยกว่าผืนน้�ำ กเ็ รียก แผน่ ดินใหญ่วา่ ชมพูทวปี (มันธยมธรณ)ี การเปรียบเทียบของภาษาสนั สกฤตกับอารยัน สนั สกฤต ภาษาอารยนั - มาตะ Mother มาเตอร์ - มนษุ ย ์ Man แมน - ปิตุ Father ฟาเตอร์ ฝรง่ั ก็สนใจเรียนภาษาบาลี เฉพาะอยา่ งย่งิ ภาษาเยอรมนั มไี วยากรณใ์ กลก้ ับภาษาบาลี เกือบๆ จะคลา้ ยกนั ในภาษาเยอรมันน้ัน เพศ ภาษาเยอรมนั มี ๓ เพศ ค�ำประกอบทีใ่ ช้คุณศัพท์ กิรยิ าวเิ ศษ ตัวสะกด ตอ้ งเปลี่ยนตามเพศ เหมือนในภาษาบาลที ง้ั cases อกี ๓ cases พวกโรมันแม้จะยิ่งใหญ่ก็ต้องมาเรียนความเจริญจากกรีก ต้นความรู้ทุกแขนงวิชามา จากกรีกต้ังแต่ศิลปวัฒนธรรมพวกโรมันเก่งสามารถทางการทหาร การปกครอง กฎหมาย งานโยธา การก่อสร้างเป็นต้น แต่ประชาธิปไตยมาจากกรีก แม้พระนางคลีโอพัตราเองมา ครองอยี ิปต์ แต่พระนางก็มาจากราชวงศป์ โตเลมขี องกรีกเร่ิมตน้ โดยปโตเลมี แมท่ ัพกรีกของ 413

414

พระเจ้าอเล็กซานเดอรม์ หาราช การจารึกต�ำรบั ต�ำราอะไร เร่มิ สมยั วงศป์ โตเลมี (Ptolemy) พวกนี้เป็นนักต�ำรา นักเก็บบันทึก ส่วนทางอินเดีย พระเจ้าอโศกมหาราชก็แผ่ศาสนาพุทธ ไปทกุ ทศิ ทกุ ทาง แผไ่ ปจนถึงอยี ิปต์เหมือนกัน แต่ตอนนัน้ ภายหลงั ก็มคี ริสเตยี นขึ้นมา พระพุทธเจ้าทรงระบุเร่ืองระบบของวัดไว้อย่างละเอียด พระพุทธศาสนามีระเบียบ แบบแผนในพระไตรปิฎกชดั เจน เกา่ แกก่ ว่าคริสเตียน ๕๔๓ ปี พูดถงึ คาทอลิก ระบบวัด (Church) กไ็ ดอ้ ิทธิพลการจดั ระบบวัดจากพระพทุ ธศาสนา สมยั พระเยซูสมยั น้นั ไม่มี Church (โบสถ์ วหิ าร) ไม่มีทไี่ หนนะ พูดถึงตัวหนังสือ ตัวท่ีใช้เขียน ไม่พูดถึงภาษาพูด พวกฟินิเซียน ที่ใช้ a, b, c, d (Alphabet) มีต้นก�ำเนิดมาจากฟินิเซียน พวกตัวหนังสือแบบต้นก�ำเนิดเดิมก็มีอียิปต์ จีน ของญ่ปี นุ่ เองกน็ ำ� ไปจากจีน พวกฟินิเซียนนี้มีอาณาจักรเดิมอยู่แถวๆ จอร์แดน (Jordan) เป็นชนช้ันพ่อค้า แถว ฝ่ังเหนือแอฟรกิ า ภาษาบาลี แต่ก่อนเขาใชต้ ัวขอม เพิง่ เปลย่ี นเปน็ แบบไทยสมัยรัตนโกสนิ ทร์ “ตวั ขอม เป็นอกั ษรสวยนะ” สมยั พระร่วง ไทยกเ็ ร่มิ ใช้สมัยพระร่วงจัดดัดแปลงใหเ้ ขยี นงา่ ยๆ เข้า ลกั ษณะพเิ ศษของหนงั สือไทยทเ่ี ข้าเครอ่ื งพมิ พไ์ ด้ นบั เปน็ เครอื่ งแรกๆ ของไทย สะดวก ในการทำ� พมิ พด์ ีด เคร่อื งพมิ พ์ของจนี พมิ พด์ ีดไม่ได้ เดิมค�ำว่า “ฝร่ัง” มาจากค�ำว่าฝร่ังเศส (France) คือฝรั่งเศส มีมาแต่สมัยอยุธยา สมัยสมเด็จพระนารายณ์เราก็เรียกฟร้ัง ฟร๊องซ์ ฟร้านซ์ ก็เลยเพ้ียนเป็นฝรั่ง พวกจีนเรียก ฝรัง่ ว่า พวกอง่ั ม้อ = ไอ้ผมแดง ไทยชา่ งรวมชา่ งผสมกเ็ ลยรวมเรียก ฝรั่งอ้งั ม้อ ค�ำว่า “แขก” “แขกมา” ก็ที่เล่าแล้วคือ สมัยโบราณไทยค้าขายกับแขกเปอร์เซีย อิหรา่ น อาหรับ อินเดีย ก็มแี ต่พวกแขกไปมาหาสู่ แขกก็มาหามาตดิ ต่อคา้ ขาย กเ็ กิดค�ำว่า “แขกมา” จนทุกวนั น้ี แขกนีม่ าก่อนจีน ชาวจนี มารงุ่ เรืองในไทยสมยั ร.๕ 415

บทสรุป ๑. คนแรกท่ีให้ความคดิ วา่ พระเจา้ มอี งคเ์ ดียว คนแรกท่ใี หก้ �ำเนดิ ความคิดว่าพระเจา้ มีองคเ์ ดียว คอื พระเจ้าฟาโรหอ์ าเมนโฮแตนที่ ๔ ของอียิปต์ (พงศาวดารอียิปต์ เก็บไว้ในหอสมุดใหญ่เมืองอเล็กซานเดรีย Alexandria) พระเจ้าฟาโรห์อาเมนโฮแตนที่ ๔ (Amenhotep IV) ได้ปฏิรูปศาสนาอียิปต์ใหม่ ให้มาถือ เทพเจ้าองค์เดียว คือเทพเจ้าเอตัน (ATON) พระองค์เองก็เปลี่ยนพระนามเป็นอิคเนตัน (IKHANATON) เป็นนักเทวนิยมองค์แรกของโลก (ค.ศ. ๑๓๐๐ กว่าปี ก่อนคริสตกาล) พระรปู อยูพ่ พิ ธิ ภัณฑ์ทเ่ี บอรล์ นิ Berlin ในปัจจบุ ัน ต่อมาอียิปต์ถูกรุกรานจากพวกฮิทไทต์ (Hittites) พวกนี้เป็นนักรบอยู่เอเชียไมเนอร์ รุกเข้ามาซีเรีย ปาเลสไตน์ ถึงสมัยพระเจ้าฟาโรรามซีสท่ี ๒ (Rameses II) สมัยนี้หลัง สงคราม ท�ำสัญญายุติสงครามแล้วก็สงบมานานยาว ก็มีการสร้างวิหารวัดใหญ่โตท่ีนคร อาบซู ิมเบล (Abu Simbel) มเหสขี องพระองคค์ อื เนเฟอตีติ (Nefertiti) (ค.ศ. ๑๒๙๒) มีวิหาร สำ� คัญ The great Temple ๒. ต้นก�ำเนิดศาสนายวิ โมเสส คือพระเจ้าองค์เดยี ว สญั ญาของพระเจ้าสัญลกั ษณโ์ มเสส ขอให้ปล่อยยิวเปน็ อสิ ระ ใหแ้ ผ่นดินอยู่ (promise land) รบชนะถงึ จอร์แดน Bible ของยวิ ๓. ต้นกำ� เนิดศาสนาครสิ ต์ เดมิ ออรธ์ อดอ็ กซข์ องโรมนั ตะวนั ออกไบซนั ไทน์ - คาทอลกิ - โปรแตสแตนท์ - อสิ ลาม บทตอ่ ท้าย = ความรตู้ ัง้ แต่ ๑๐ ขวบจนถึง ๘๕ ปใี นปัจจุบัน (หลวงป่เู มตตาเลา่ ใหค้ ุณดรรชนี อังศุสงิ ห์ จดต่อให้อกี ) ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๒ 416

การเผยแพรอ่ ิสลามจากกรงุ เมกกะ ดว้ ยมา้ อาหรับและดาบจากเมกกะถึงก�ำแพงเมือง จนี ผา่ นเอเชียกลาง คือตั้งแตอ่ ิหรา่ น อฟั กานิสถาน ทะเลทรายโกบี ทางทีพ่ ระถงั ซมั จั๋งเคย ใชเ้ ดินทางผา่ นจนี ถงึ อนิ เดยี สมัยแผน่ ดนิ ถังของจนี ๔. มหาอาณาจักรแรกของโลก คอื เปอรเ์ ซียท่แี ผไ่ ปถงึ กรีก ๕. เรือ่ งพระเจา้ อเล็กซานเดอร์ แห่งมาซิโดเนีย (กรกี เหนอื ) สร้างมหาอาณาจักรยึดกรีก (ประชาธิปไตย) ยึดอียิปต์ มิดเดิลอีสต์ คือแดนพวกยิว แถบจอร์แดนท้ังหมด และอิรัก คือ บาบิโลเนีย อัสสิเรีย เข้าไปยึดเปอร์เซีย อิหร่าน ชมพูทวีป คือ ปากีสถานถึงบริเวณลุ่มแม่น�้ำสินธุ และต้องการแผ่ขยายเข้าไปครองบริเวณ แม่นำ�้ คงคาแต่ไมส่ �ำเรจ็ จงึ ต้องยกทัพกลับกรงุ บาบิโลน พระองค์ปลดปลอ่ ยหัวเมืองกรีกต่างๆ บนเอเชียไมเนอร์ให้เป็นอิสระ พ้นจากการปกครองของเปอร์เซีย หลังจากได้รบชนะกองทัพ เปอร์เซียอย่างเด็ดขาด พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ต้องการให้รวบอาณาจักรต่างๆ เข้าด้วยกัน ใหส้ มัครสมานสามคั คี กจ็ ัดให้มีการสมรสกับเจ้าหญงิ และหญงิ สาวเปอร์เซียอีกดว้ ย ๓๒๓ ปกี ่อนคริสตกาล พระเจา้ อเลก็ ซานเดอร์สน้ิ พระชนม์ เพราะพษิ ไขแ้ ละบาดเจบ็ ในการสงคราม พระชนม์ยังน้อยเพียง ๓๓ พรรษา ไปสน้ิ พระชนมท์ ี่เตอรกี แมท่ พั นายกอง แยกย้ายตั้งตนเป็นใหญ่ เชน่ แอนทโี กนสั (Antigonus) ครองเปอรเ์ ซยี ปโตเลมี เป็นนกั รบรุ่น แรกที่ขยายเขตมาถึงกรงุ บาบิโลน ชว่ ยท�ำลายอาณาจักรเปอรเ์ ซยี พ.ศ. ๑๐๑ (พวกราชวงศ์) ปโตเลมี (Ptolemy) ครอบครองอียิปต์ เมนนั เดอร์ (พระเจ้ามสิ ินทะ) แมท่ พั กรกี ในอินเดีย กค็ รองดนิ แดนบางสว่ นในอนิ เดยี เปน็ ฝรงั่ กรีกชาตแิ รกท่มี าเป็นพทุ ธ พุทธมหายานในอินเดยี มีการสร้างพระพุทธรูปข้นึ เปน็ คร้งั แรก สว่ นทางยุโรป พวกโรมนั ก็กลับขยายอ�ำนาจมาทางทะเลเมดิเตอรเ์ รเนยี นเข้าครองกรีก สรุปจกั รวรรดกิ รกี (เฮเลนนสิ ตคิ ) ก็อยูภ่ ายใต้อ�ำนาจของโรมนั เกอื บทง้ั หมด ๖. เรอ่ื งถำ�้ ตนุ ฮวงบนเสน้ ทางสายไหม หรือถนนมาร์โคโปโล ๗. พ.ศ. ๓๐๐ พระเจา้ อโศกมหาราช เปน็ ใหญ่หลังจากพระเจา้ อเล็กซานเดอรถ์ อยทัพ ไป ราชวงศค์ ปุ ตะ ครองอินเดียเกือบทงั้ หมด 417

ความเป็นมาของธงชาติไทย ธงสีแดง ในสมัยโบราณ คนไทยใช้ธงเป็นเครื่องหมายกองทหารเม่ือไปท�ำ ศึกสงครามท้ังน้ีเพ่ือเป็นเคร่ืองหมายให้มองเห็นแต่ไกลว่าหมู่พวกของตน อยู่ที่ใด และเพื่อการเรียกชุมนุมหรือการเดินทางไปด้วยกันเป็นหมู่หมวด ครั้นต่อมาคนไทยเดินเรือไปค้าขายกับต่างประเทศก็คงมีความจ�ำเป็น ตอ้ งใชธ้ งประจ�ำเรอื เพื่อแสดงสญั ชาติ เทา่ ทปี่ รากฏเปน็ หลกั ฐานวา่ ไทยใช้ ธงสีอะไรเป็นธงชาติก็เมื่อราชทูตไทยไปประเทศลังกา เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๒๙๖ ในรัชสมัยพระเจ้าบรมโกศ สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายได้ ระบุในหนังสือจดหมายเหตุทูตไทยไปลังกาทวีปว่า ใช้ธงพื้นสีแดง และ ธงสีแดงน้ีก็ได้ใช้มาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) แหง่ กรุงรตั นโกสนิ ทร์ ท่านผู้หญิงศรีนาถ สุรยิ ะ ผู้เรยี บเรียง ลส.ชบ. คา่ ยวฒั นาวิทยาลยั 418

ธงช้างสขี าวอยู่ในวงจกั รสีขาวบนพื้นสีแดง รัฐบาลไทยสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ต้อง ทำ� การค้าขายเพื่อหาผลประโยชนม์ าบ�ำรงุ บ้านเมือง ในสมัยน้ันมีเรอื ของ ราชการ ๒ ล�ำ ตดิ ต่อคา้ ขายกับเมืองตา่ งๆ สดุ แลว้ แต่จะต้องการสนิ คา้ จากเมืองใด ส�ำหรับเมืองสิงคโปร์นั้น เจ้าพนักงานชาวอังกฤษเป็น ผู้ควบคมุ การคา้ อยู่ เมือ่ ใดที่เรอื ของราชการไทยไปถงึ กไ็ ด้รับการตอ้ นรบั และให้ความสะดวกเป็นอย่างดี ต่อมาเจ้าหน้าท่ีชาวอังกฤษทราบว่า เรือของพ่อค้าไทยตลอดจนเรือของชาวชวามลายูต่างก็ชักธงสีแดง เหมอื นกัน ดงั นนั้ จึงกราบบงั คมทูลมาว่า ขอให้ทรงใช้เครือ่ งหมายธงให้ แตกต่างไปจะได้ทราบแน่วา่ เปน็ เรอื ของราชการ ในระหว่างนั้นได้มีช้างเผือก ๓ เชือก มาสู่พระบรมโพธิสมภาร ซ่งึ นับว่าเป็นเคร่ืองแสดงถงึ พระบารมีตามประเพณีโบราณ ดังน้ันจึงทรง ใชร้ ปู ชา้ งเผอื กในวงจกั รสขี าวตดิ ลงกลางธงสแี ดงเปน็ เครอื่ งหมายธงราชการ สว่ นเรือพ่อคา้ ไทยกค็ งใช้ธงพ้ืนสีแดงตามเดมิ 419

ธงช้างเผอื กบนพน้ื สีแดง ตอนต้นรชั กาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยูห่ ัว (รชั กาลที่ ๔) ชาวยุโรปและชาวอเมริกันเข้ามาค้าขายกับประเทศไทย มากย่ิงกว่ารัชกาล ใดๆ ทแี่ ล้วมา ทง้ั น้ีเพราะพระองค์ ได้ทรงยินยอมแก้ไขสนธสิ ัญญาการคา้ ใหม่ ท�ำให้มีชาวต่างประเทศมาต้ังบ้านเรือน ต้ังสถานกงสุลและบริษัทการค้าใน กรงุ เทพฯ อย่างคับคั่ง แต่ละแหง่ กช็ ักธงชาติเพ่อื แสดงสัญชาติของตน เมื่อ เป็นดงั นี้ สถานที่ราชการของไทยก็จำ� เปน็ จะตอ้ งใช้ธงชาติ พระบาทสมเด็จ- พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงแก้ไขเปลี่ยนแปลงธงเรือราชการ โดยเอา วงจกั รสขี าวออก เพราะสมยั น้ันวงจักรหมายถงึ พระเจา้ แผ่นดนิ ทรงเหลือแต่ ช้างเผือกไว้บนพื้นสีแดงใช้เป็นธงชาติในโอกาสต่างๆ และได้ใช้ธงช้างเผือก ตลอดรชั กาลที่ ๕ จนถงึ รชั กาลท่ี ๖ 420

๒ ส่วนธงริ้วสแี ดงสลับขาว พ.ศ. ๒๔๕๙ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ ัว (รัชกาลที่ ๖) ทรงเปล่ียนธงรูปช้างเผือกบนพื้นสีแดง เป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ริ้วสีขาว สลับกับพื้นสีแดง ลักษณะเหมือนธงไตรรงค์ปัจจุบัน ต่างกันที่ร้ิวตรงกลาง เป็นสีแดง ส่วนธงไตรรงค์เป็นสนี ำ้� เงิน ขนาดกวา้ ง ๓ สว่ น ยาว ๑ ๑/๒ สว่ น แถบขาว ๒ แถบ กวา้ ง ๑/๖ ของทางกว้าง ทาบบนความยาวของธงให้หา่ งจากขอบลา่ งและขอบบน ๑/๖ ๑/๖ ของความกว้าง ๑/๖ ของความกวา้ ง ๑/๓ ของความกวา้ ง ๓ ส่วน 421

ธงไตรรงค์ พ.ศ. ๒๔๖๐ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง เปลย่ี นแปลงธงสีแดงขาวเปน็ ธงไตรรงค์ โดยเติมสีน�้ำเงนิ ลงตรงกลางธง แทนรว้ิ ใหญส่ ีแดง เมื่อกองทหารอาสาของไทยไปร่วมสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ กบั ฝา่ ยสัมพนั ธมิตรทที่ วปี ยโุ รป พ.ศ. ๒๔๖๑ นั้น ธงไตรรงคข์ องไทยได้ ไปโบกสะบัดปรากฏแต่สายตาชาวโลกเป็นคร้ังแรก ต้ังแต่เดินทางจาก ประเทศไทยจนถึงสมรภูมิ 422

ความหมายของธงไตรรงค์ ความหมายที่ถูกต้องท่ีสุดของธงไตรรงค์ ปรากฏอยู่ในพระราชนิพนธ์ของพระบาท- สมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัวดงั ตอ่ ไปนี้ ๑๖...“ขอร่�ำรำ� พรรณบรรยาย ความคดิ เคร่ืองหมาย แหง่ สีท้ังสามงามถนัด ขาวคอื บริสทุ ธศ์ิ รีสวสั ด์ิ หมายพระไตรรัตน์ และธรรมะคุ้มจติ ไทย แดงคอื โลหิตเราไซร้ ซึ่งยอมสละได ้ เพ่ือรักษาชาตศิ าสนา น�้ำเงินคอื สีโสภา อันจอมประชา ธ โปรดเป็นของสว่ นองค์ จดั ร้วิ เข้าเป็นไตรรงค์ จึงเป็นสีธง ทร่ี กั แหง่ เราชาวไทย ทหารอวตารนำ� ไป ยงยุทธ์วชิ ยั วชิ ติ ก็ชูเกียรตสิ ยาม”

·Õè»ÃÖ¡ÉÒฝ่ÒºÃÃพªÔµ สมเด็จพระวันรตั (จนุ ท์ พรฺ หมฺ คุตฺโต) วัดบวรนิเวศวหิ าร กรงุ เทพมหานคร พระอาจารย์ทวิ า อาภากโร สถานปฏบิ ตั ธิ รรมเสรมิ รังษี นครราชสีมา พระเทพสีลาภรณ์ (สมยั สขุ สมทิ ฺโธ) วดั ป่าพทุ ธรงั ษี ออสเตรเลีย พระอาจารยเ์ ด่น นนฺทโิ ก วดั ภรู ทิ ัตตปฏิปทาราม ปทมุ ธานี พระอาจารย์บญุ ช่วย ปญฺ วนโฺ ต วดั ภรู ิทัตตปฏปิ ทาราม ปทุมธานี พระศากยวงศ์วิสทุ ธิ์ (อนลิ มาน ธมฺมสากิโย) วดั บวรนเิ วศวหิ าร กรงุ เทพมหานคร พระครูวศิ ษิ ฐธ์ รรมวงศ์ (ภลั ลภ อภิปาโล) วดั ปา่ เชิงเลน กรงุ เทพมหานคร พระญาณดลิ ก (ปญั ญา สทฺธายุตโฺ ต) วัดมกุฏคีรีวัน นครราชสีมา พระอาจารย์ถาวร อนตุ ตฺ โร ทีพ่ ักสงฆ์ กม.๒๗ กรงุ เทพมหานคร พระอาจารยว์ รชัย ทมวโร วดั บวรนเิ วศวิหาร กรุงเทพมหานคร พระอาจารยว์ ินย์ สิรวิ ฑฺฒโน วัดระฆังโฆสติ าราม กรุงเทพมหานคร ท่ปี รกึ ษาฝา่ ยคฤหสั ถ์ คุณดรรชนี องั ศสุ ิงห์ คณุ จงจิตต์ วนาดรวรพศิ าล พลอากาศเอกยทุ ธพงศ์ กติ ติขจร แมช่ ีพรพิมล จนั ทร์ดี คุณสมเกียรติ พิมลดานนท์ คณุ ทพิ ยา กิตติขจร คณุ เบญจวรรณ ตาทฤศโธรยั ห์ คุณจิตรา วรี ะขจรชัย ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จนั ทรางศุ คณุ แวววลัย วัฒนา คณุ คมสัน สักกะพลางกรู รองศาสตราจารย์ สุเชาวน์ พลอยชุม คณุ อารยี ์ มกรานนท์ และทมี งานปนั้ ฝัน คณุ อมรา จนั ทรสมบรู ณ ์ Azzam Boksmati คุณเม้ง แซ่เลา้ ขอขอบพระคณุ โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ สภากาชาดไทย วัดบวรนเิ วศวหิ าร กรงุ เทพมหานคร โรงพยาบาลจกั ษุ รตั นิน วดั ป่าภรู ทิ ตั ตปฏปิ ทาราม ปทุมธานี โรงพยาบาลนนทเวช นนทบุรี วัดสงั ฆทาน นนทบรุ ี บรษิ ทั ศิลป์สยามบรรจุภณั ฑ์และการพิมพ์ จำ� กัด คณะศษิ ยานุศษิ ย์ ในหลวงปู่บุญฤทธ์ิ ปณฺฑโิ ต บรรณาธกิ าร ทพิ ยา กติ ตขิ จร ผู้ชว่ ยบรรณาธกิ าร วิเศษ ศรเี ชษฐา ออกแบบตราสญั ลักษณ์ ณัฐพงค์ ปยิ มาภรณ์ ภาพปก สุวิทย์ ต่างสมบตั ิ ออกแบบปก เอนก เอ้อื -การุณวงศ์ กองบรรณาธกิ าร สพุ รรษา เบญจเทพานนั ท์, ร.ท.จวน ศุภไพบลู ย์, ขนั ทอง แก้วชฟู อง, อำ� นวย ทบั สวัสดิ,์ เกศินี แซ่เฮง้ , ไพศาล ช่วยออ่ น, ลัดดา สืบนาวนิ , วนั เพญ็ ปะกนิ ะโม, เอมมกิ า โนต๊ สภุ า, ศิราภรณ์ พลวงศ์ษา ภาพถา่ ย กิรติกลุ ตัง้ วราศริ ,ิ สรุ พงษ์ วงศ์ไมน่ ้อย, Philip Thornton แปลภาษา อนงค์ เลิศรกั สกุล, กชนิภา ชนิ บัญชร ด�ำเนินการจดั พมิ พ์โดย สาละพมิ พการ ๙/๖๐๙ ซอยกระทมุ่ ล้ม ๖ ถนนพุทธมณฑลสาย ๔ ต�ำบลกระทุ่มลม้ อ�ำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ๗๓๒๒๐ โทรศัพท์ ๐๒-๔๒๙-๒๔๕๒, ๐๘๙-๘๒๙๘๒๒๒, ๐๖๑-๒๓๒๕๙๒๘, ๐๙๘-๘๗๖๖๑๙๖ อเี มล : [email protected]




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook