Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือบัณฑิตธรรม

หนังสือบัณฑิตธรรม

Description: หนังสือบัณฑิตธรรม

Search

Read the Text Version

หลวงปู่บญุ ฤทธ์ิ “ไอน้ มี่ นั เศษ กินน�ำ้ แข็งน�ำ้ ชาก็เศษมัน” หลวงปู่หล้า “จะไปหาพระอรหันต์ในสกนธ์ร่างกายมันหาไม่เจอไม่เจอะไม่พบ จะมาหาพระอรหันต์ในขันธ์ ๕ มันก็ไม่เจอะไม่เจอไม่พบ จะมาหาพระอรหันต์ในบุคคลมัน ก็ไม่เจอะไม่เจอไม่พบ” หลวงปบู่ ญุ ฤทธ์ิ “หลวงปแู่ หวนว่า ระเบดิ ขันธ์ ๕ เสียก่อน แลว้ ผมก็ว่า ระเบิด ยงั ไงน้อ” หลวงปหู่ ล้า “ระเบดิ ก็คอื ท�ำลายลงสู่อนัตตา รูปัง อนัตตา เวทนา อนัตตา สัญญา อนัตตา สังขารา อนัตตา วิญญาณัง อนัตตา สัพเพ สังขารา อนัตตา สพั เพ ธมั มา อนัตตาติ พระบรมศาสดามชี ีวติ อย่ไู ด้ทรงเทศน์ขันธ์ ๕ มากกวา่ เพอ่ื น” หลวงปบู่ ุญฤทธิ์ “สติแท้ๆ เกิดไวไม่ทันรู้ตัว แปบ๊ เดียวเหมือนไฟฟ้าทีเดียวมนั ก็ ท�ำลายโมหะหมดแล้ว ตัวที่มันเป็นมรรคแท้ๆ มันเกิดไม่ทันรู้ตัว แวบเดียวไม่ถึงวินาที มัน ไม่มีถามตอบอะไร เหมือนมือไปจ้ีไฟแป๊บเดียวมันก็ร้อนเลย ไอ้สติท่ีว่าเดินเหินข้างนอกน้ี เอาไวใ้ ช้ขา้ งนอกเท่านน้ั เอง” หลวงปู่หลา้ “ถา้ ไมม่ ีทกุ ขก์ ็ไม่ต้องปฏิบตั ิออกจากทุกข์ มันมที กุ ข์จงึ ปฏบิ ตั ิออก จากทุกข์ เราหนีทุกข์หรือให้ทุกข์หนีจากเรา เรารู้เท่าทุกข์ทุกข์ก็หนีเอง ถ้าเราไม่รู้เท่าทุกข์ ทุกข์ก็ไม่เหนี เราลืมตามืดก็ออกไปเองไม่ต้องไล่ เว้นไว้แต่ประสาทตาไม่มีหรือในท่ีมืด บางท่านพูดบอกว่าละอันนั้นละอันนี้ ก็ถูกอยู่ เพ่ือแสดงเป็นปุคคลาธิษฐาน เป็นกิริยา อันแทๆ้ เมือ่ ร้เู ทา่ อันไหนมนั ละอันน้นั ” หลวงปู่บุญฤทธิ์ “ถ้าอริยสัจทงั้ ๔ มันไมเ่ กดิ มันไมล่ ะหรอกครับ ก็ได้แตป่ ากวา่ น้ันละ ได้นดิ ๆ หน่อยๆ มนั ไม่สมบูรณ์อะไร ตัดสังโยชนไ์ มข่ าด แหม ได้ฟงั เทศน์ของทา่ น อาจารยน์ ส้ี มใจเลย ไมไ่ ดฟ้ งั เทศนข์ นาดถงึ หวั อกหวั ใจ มันหาคนเทศน์ยาก ต้อง ปีนเขาข้นึ มา” “ผมไม่ได้ฟงั เทศน์จับอกจับใจมานานเนเต็มทแี ล้ว” 49

สวนทิพย์ สวนธรรม



ประวตั ิท่ีมาของท่ีพักสงฆส์ วนทพิ ย์ ปากเกรด็ นนทบุรี ในปี ๒๕๑๕ คุณทิพยา กิตตขิ จร ได้เรม่ิ ท�ำกจิ การรา้ นดอกไม้ประดษิ ฐ์จากผา้ และการ ส่งดอกกลว้ ยไม้สดไปยงั ร้านดอกไม้ทส่ี นามบนิ ดอนเมอื ง ต่อมาในปี ๒๕๑๘ จงึ ซื้อทีด่ นิ จากชาวสวนทเุ รียน อนั เป็นทต่ี ง้ั ปัจจุบนั ของสวนทพิ ย์ และ เปดิ เปน็ สถานทท่ี อ่ งเทยี่ วสำ� หรบั นกั ทอ่ งเทยี่ วตา่ งชาติ ทช่ี อบบรรยากาศธรรมชาตริ มิ แมน่ ำ�้ เจา้ พระยา โดยเป็นรปู แบบชีวิตวิถีไทย ใหช้ าวบ้านในพื้นท่ีมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมการฝมี ือต่างๆ ซึง่ พระคุณเจา้ พระพรหมมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปญั ญานันทภิกขุ) วัดชลประทานรังสฤษด์ิ ไดเ้ มตตามาโปรด สถานทน่ี ี้บ่อยครง้ั ต่อมาเมอื่ มีการสร้างคอนโดทา่ นพระอาจารย์อุทยั ฌานุตตโม ได้แวะมาเย่ยี ม และเมตตากราบอาราธนานมิ นต์พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ €านสโม มาเมตตาพักท่กี ุฏิในสวน ซ่ึง ระยะนี้พระคุณเจ้าหลวงปูสุวัจน์ สุวโจ ก็ได้เมตตามาพักเป็นระยะๆ ระหว่างการเดินทางไป กลับบุรรี ัมย-์ วัดป่าภูรทิ ัตตวนาราม สหรฐั อเมรกิ า เมอ่ื คอนโดสรา้ งไปไดร้ ะยะหนึง่ คณุ ทพิ ยาไดก้ ราบขอเมตตาขอพรองคห์ ลวงปบู่ ุญฤทธิ์ว่า ตึกควรสงู กีช่ ้นั ทา่ นเมตตาให้สูงที่ ๑๖ ช้นั ซงึ่ ไดจ้ ัดเปน็ ท่รี บั รองพอ่ แมค่ รูบาอาจารย์โดยเฉพาะ และองค์หลวงปู่ชอบ €านสโมก็ได้มาพักค้าง ณ ช้ัน ๑๖ และกุฏินี้ก็ถวายเป็นกุฏิของหลวงปู่ บุญฤทธ์ิตลอดมา ท่ีพักสงฆ์สวนทิพย์เป็นสถานท่ีเอกชน ที่ได้มีโอกาสถวายความสะดวกแก่พ่อแม่ครูบา- อาจารย์สายกรรมฐาน ท่ีนิมนต์มาพักและแสดงธรรมโปรดญาติสาธุชน ตามโอกาสอันควร เนื่องด้วยความสะดวกท่ีไม่ไกลนักจากสนามบินดอนเมือง และมีโรงพยาบาลนนทเวช ซ่ึงเป็น กลั ยาณมิตรทีส่ �ำคญั ยง่ิ ท่ีผ่านมาได้มีโอกาสนอบน้อมถวายอุปัฏฐากพระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ €านสโม, หลวงปู่ สวุ จั น์ สุวโจ, หลวงปูจ่ าม มหาปุโ, หลวงปู่ลือ ปุโ, หลวงปูเ่ หรียญ วรลาโภ, หลวงป่จู ันทา ถาวโร, หลวงปู่ทอ่ น าณธโร, หลวงปูจ่ นั ทรโ์ สม กิตตกิ าโม, หลวงปจู่ นั ทรแ์ รม เขมสริ ิ เปน็ ตน้ จนเมอ่ื พระคณุ เจ้าหลวงปบู่ ญุ ฤทธิ์ ปณฑฺ ิโต ได้เจรญิ อายมุ ากแลว้ ถงึ ๘๘ ปี พระอาจารย์ อทุ ัยจงึ แนะนำ� ให้คุณทิพยากราบอาราธนานมิ นตท์ ่านกลบั ประเทศไทยเปน็ การถาวร คุณทิพยาจึงได้ขอโอกาสนิมนต์โทรทางไกลและขอโอกาสอาราธนาทางจดหมาย พร้อม ตั๋วเคร่ืองบินกลับเมืองไทย ๒ ที่น่ัง พร้อมคุณแซม โยมอุปัฏฐาก จากน้ันหลวงปู่บุญฤทธ์ิไป วัดปา่ ภูรทิ ัตตวนาราม สหรัฐอเมรกิ า และกลบั มาจ�ำพรรษาทวี่ ดั มกุฏครี วี ัน เขาใหญ่ ๑ พรรษา และจากนั้นต้ังแต่ท่านอายุ ๘๙ ปี ท่านได้จ�ำพรรษาประจ�ำท่ีพักสงฆ์สวนทิพย์รวมเวลา ๑๕ ปี จนถึง พ.ศ. ๒๕๖๑ สิรริ วมมายุได้ ๑๐๔ ปี ๘ เดือน ๒๔ วัน



พระคณุ เจ้าหลวงป่ชู อบ €านสโม เมตตามาโปรดญาตโิ ยมท่สี วนทพิ ย์ วนั ที่ ๑๒-๑๕ มถิ ุนายน ๒๕๓๕

หลวงปู่ชอบ €านสโม กบั หลวงปูบ่ ุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต (รูปน้ีถา่ ยทส่ี วนทพิ ย)์ หลวงปบู่ ญุ ฤทธิ์ ปณฺฑิโต เมตตามาท่สี วนทพิ ย์ เมษายน ๒๕๓๔















ส๒ิงห๕๒าค๗ม เ สี ย ง ธ ร ร ม จ า ก อ อ ส เ ต ร เ ลี ย Adelaide, South Australia เหตุ-ปัจจัยให้ถงึ พทุ ธ ปุพเพกตปญุ ญตา เปน็ ผู้มบี ุญไดท้ �ำไว้แตก่ ่อน พระพุทธองค์ทรงกล่าวเหตุปัจจัยให้ถึงพุทธประกอบด้วยของเก่า หรือเน่ืองมาแต่เก่า คอื ราคะ โทสะ โมหะ ความก�ำหนดั หรือ โลภ โกรธ หลง มมี ากหรอื นอ้ ย และของใหม่ หรือ ปัจจบุ ัน พละห้า (Five Powers or Energy) ศรัทธา วิรยิ ะ สติ สมาธิ ปญั ญา มีแคไ่ หน ถ้าของเก่ามันมาก ของใหม่ไม่มาก ก็ส�ำเร็จพุทธธรรมล�ำบาก และใช้เวลานาน ถ้าของเก่า มันมาก ของใหม่ก็มีมาก ย่อมส�ำเร็จการศึกษาสิกขา (Learning) ยากล�ำบากแต่รวดเร็ว เรยี กวา่ เดนิ จงกรม จิตใจเดด็ เดยี่ วตลอดคืนจนเทา้ แตก ตาบอด สำ� เรจ็ พร้อมกนั ถ้าของเก่ามีน้อย ของใหม่ก็มีน้อย ส�ำเร็จได้แต่ใช้เวลานาน เรียกว่าภาวนากันทุกวัน หลายสิบปีจนกว่าจะส�ำเร็จ ถ้ากรรมหนัก ของเก่ามีน้อยและของใหม่มีมาก (Present decision effort very strong) ก็สำ� เรจ็ ฉบั พลนั ไมท่ ันจะรตู้ วั ดว้ ยซ้ำ� คอื ฟงั พระพทุ ธพจน์ เพียงไม่ก่ีค�ำ อริยมรรคโลกุตตรธรรมเกิดข้ึนช่ัวขณะจิตแห่งมรรค แว๊บเดียว แสงสว่าง อริยโลกุตตรปัญญาสว่างพรึบทั่ว ท�ำลายมิจฉาทิฏฐิว่า กาย ใจ อายตนะ (ประสาทโง่) (Delusive sense) อุปาทานขันธ์ห้า เป็นต้น ท�ำลายคล่ืนธรรมชาติห้า มีประกอบด้วย อตั ตาทฏิ ฐิ สกั กายทฏิ ฐิ คือ ขันธห์ า้ เปน็ ตน (the 5 frequencies natural with lgnorance 63

that cause the delusive concept “Ego” “self” I & Him Not-I (at the same times) ยดึ ม่นั ขันธห์ ้า ดับ (นิโรธ) ดับพร้อม ภพ หลง (สกั กายทฏิ ฐ)ิ สงั โยชน์ เครื่องผูกท่ี ๑ หัวอวิชชา เขา้ ใจโลก อย่างทอ่ี วิชชาหลงท�ำให้เขา้ ใจ ตั้งแตย่ อดพรหมโลก (อรปู ภพ จติ หลง นาม name, abstraction, consciousness วิญญาณ (Knowing) ยึด นามนมิ ติ ในสมาธิ) รปู ภพ ของ พวกพรหม โยคี ยึดรปู นมิ ติ ภาวนา (ขันธห์ ้าหลงด้วย) ลงไปจนถงึ สุดกน้ นรก อันเป็นทีส่ ดุ แหง่ กามภพ (sensual world) วจิ ิกิจฉา ในพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนิพพาน (สัจธรรม ประการเดยี ว) ไมม่ ี เพราะจติ บรสิ ุทธจ์ิ ากกเิ ลส สังโยชน์เครือ่ งผกู สาม (fetters) ในขัน้ นน้ั ถึงธรรมแท้ที่ไม่ใช่ขันธ์ห้า ไม่ใช่ปรุงแต่ง (conditional) สังขารอวิชชา ไม่ใช่คลื่น (wave) (space-time-nature) แล้วความสงสัย (วิจิกิจฉา) ในพิธีการ (ศีล ที่ยังเป็นประเพณีแต่ ภายนอก แต่อวิชชากเิ ลสยังมอี ยู่ ความเห็นวา่ ขันธ์หา้ เป็นตนยังมอี ยู)่ ไม่มี ไมม่ ีความคดิ วา่ “เรา” “เขา” ที่เปน็ ขนั ธห์ ้ากายใจเป็นตัวตนจรงิ absolute เหมือนตุ๊กตาตง้ั บนโต๊ะ เพราะรู้ ธรรมเปน็ ธรรม สัพเพ ธมั มา อนัตตา แตร่ จู้ ติ แท้ จติ ทพี่ น้ แลว้ จากหลงแบบโลกๆ พ้นทุกข์ ท่ีเป็นความหลง (อริยสัจ ทุกข์ที่หนึ่ง-อุปาทานขันธ์ห้า) บางท่านได้ฟังค�ำพูดส้ันๆ จาก พระอรหันตสาวกก็ส�ำเร็จโสดาบันทันที ยังไม่ทันบวช เช่น พระสารีบุตร ท่านได้ยินคาถา เย ธัมมา ฯลฯ คำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ คือ ธรรมทงั้ หลายเกิดแตเ่ หตุ ทรงแสดงถงึ เหตุและ ความดบั ของเหตุเหลา่ นน้ั เพราะพระสารีบุตรเปน็ ผู้เลศิ ในสติปญั ญา บางท่านเป็นเด็กอายเุ จด็ ขวบ มีหลายองคเ์ มอ่ื เขา้ บวชเณร พอมีดโกนจรดศรี ษะก็เกดิ ภาวนาถงึ โลกตุ ตรธรรมปญั ญา สำ� เรจ็ อรหันตท์ นั ทกี ็มใี นสมยั พทุ ธกาล ผทู้ ย่ี งั ไมท่ นั บวช ฟงั ธรรม เพียงส้ันๆ หรือน้อย ส�ำเร็จอรหันต์ก็มีหลายท่าน คือ พระพุทธบิดา สันตติมหาอ�ำมาตย์ และชัมพุกาชีวก นักบวชคนหนึ่งท่ดี �ำรงชีวิตโดยการไมส่ วมใส่เส้ือผ้า รับประทานอจุ จาระเป็น อาหาร นอนบนพน้ื ดนิ และปลงผมดว้ ยเสีย้ นตาล มาเป็นเวลานานถงึ ๕๕ ปี และพระพาหยิ ะ ผู้ออกเดินทางตามหาพระพุทธองค์ภายในคืนเดียวในระยะ ๑๒๐ โยชน์ มาถึงในเวลาเช้าท่ี พระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์ออกบิณฑบาต ท่านวิ่งตามขอฟังเทศน์ ที่สุดอ้างว่ารอไม่ได้ เพราะอนาคตรู้ไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดข้ึน พระพุทธองค์จึงทรงกล่าวว่า ถ้าอย่างน้ันจงฟังให้ดี เมือ่ เธอเหน็ รูป-รปู น้ันสกั แตเ่ หน็ เขาก็สำ� เรจ็ เปน็ พระอรหันตท์ นั ที แต่ยังคดิ อยากบวช จงึ ลา พระพทุ ธองค์ออกเดนิ ไปเพือ่ หาบริขารบวช ก็พอดี (เหมือนกบั ชีวิตของคนทุกคน ทุกสถานท่ี 64

เวลา ชีวติ สตั ว์ทงั้ หลายกเ็ หมือนกันมี กพ็ อดี (พอดรี ถว่ิงมา-พอดี คนมาขอใหซ้ ้ือล๊อตเตอร์รี่ พอดเี กดิ ปฏิวตั ิ (civil wars) พอดนี ้ำ� ท่วมใหญ่ (China) ภเู ขาไฟระเบดิ (ฟิลปิ ปนิ ส์) เร่อื งของ “ก็พอด”ี or it happens, chances (บังเอญิ ) กค็ อื เรื่องของโลก ชวี ิต การทำ� งาน (function) ของบญุ กรรม กระแสคลนื่ แห่งการคดิ (ผิด ถูก กศุ ล อกุศล) พดู ทำ� แต่ก่อนและในปัจจุบัน ด้วยนั่นเอง มันไมใ่ ชเ่ ฉพาะธรรมชาติของคน สตั ว์ เทวดา พรหม ตนใด ตนเดียว แตม่ นั เปน็ ไปทั่วภพสาม (กามภพ รูปภพ และอรูปภพ) ท่ัวโลก มนุษย์ สัตว์ สัมภเวสี สัตว์นรก แม้เทวโลก พรหมโลก มัน Synchronize คอื เป็นคลื่นประสานเหตุการณท์ ้ังหลาย Space, Times, Persons, Happening, Subjective, Objective, one person and the environment, Actions, Meeting, Seperations, Friendship, enormity คลอ้ งจองกันไปหมด ตดิ ตอ่ กนั ไปหมด ทั่วจักรวาล โลกธาตุ ไม่มีผิดพลาด เป็นไปตามธรรมดาตามธรรม ราวกับว่าเป็น Automatic Universal และ Synchronize กัน แม้วัตถุ (matter) ท้ังหลายด้วย คือ รูป (forms) และ อาการของจิต (นาม name, spiritual, phenomenal) โดยทั่วไป ไม่ว่า Universe, Galaxies จะวงิ่ ขยายตัวออกไป (expanding) หดกลบั เขา้ มาใหม่ เกิดระเบิดใหม่ ทีเ่ รยี ก Bang ! Bang ! สกั กห่ี นก็ตาม (ท่ีทางพระเรียกวา่ กปั สงั สารวัฏ วฏั ฏะ วิวฏั ฏะ) ก็คือว่า พอดีวัวดุ ซึ่งอาจเป็นคู่เวรของเขาแต่เดิม ว่ิงปุเลงๆ มาตามถนนน้ันเองและ ชนพระพาหิยะตายทันที พระภิกษุสงฆ์ผู้ติดตามพระองค์เห็นเหตุการณ์โดยตลอด แต่ไม่รู้ จิตของเขา ได้พากันถามกันว่า เอ๊ะ เขาตายอย่างน้ีหลังจากได้ฟังพระธรรมจะไปไหนหนอ พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า “เขาเป็นผู้ไม่ท�ำให้ตถาคตเหน่ือยเปล่า” คือผู้ฟังพระคาถาส้ันๆ คร้งั เดยี วเป็นพระอรหันต์ (ถา้ เป็นเราคงเดิม ไมเ่ หมอื นพวกทา่ น ฟงั เทศนต์ ้งั แตเ่ ช้ายนั เที่ยงคนื สิบปีไมเ่ อาไหนเลยว่าง้นั เถอะ) น่แี หละ อรยิ มรรค สภาพธรรมจริง ไม่ใช่เพยี ง ปรยิ ตั ิ อยา่ งเดียว เวน้ แตว่ ่าการได้ฟงั พุทธพจน์ขณะน้ันเองเป็นปริยัติธรรม (Intellectual learning) และเท่าน้ันเองก็เกิดขณะ จิตอริยมรรคโลกุตตรจิต ราว Zero Second ไม่นานพอ ส�ำหรับถาม-ตอบ Discussion ฝร่ังเรียกเดาว่า Enlightenment ชาวบ้านที่ฟังพระพุทธองค์เทศน์ทีเดียวส�ำเร็จโสดาบัน มเี ยอะแยะ อนั น้เี ปน็ ปฏบิ ัติ ปฏเิ วธ (ส�ำเร็จผล) 65

สรุปแล้ว การจะถึงพุทธเป็นไปตามสภาพธรรม กรรมท่ดี ี กุศลกรรม อดีตชาติ และ ปัจจุบัน คือ ปุพเพกตปุญญตา ความเป็นผู้มีบุญอันท�ำไว้แล้ว และความไม่เป็นพาลชน ในปัจจุบัน หรือยังไม่ส�ำเร็จ เพราะยังไม่ถึงเวลา กระแสคลื่น frequencies กรรม-วิบาก ช่วงที่จะมายังมาไม่ถึง ยังไม่ปรากฏขึ้นในปัจจุบัน ถ้าถึงเวลา ไม่ว่า อนิจจัง เหตุการณ์ ดี-ร้าย แมป้ ว่ ย ตาย ไมต่ อ้ งถามถึง แมก้ ารพบพระพบธรรม แม้เรอื่ งภาวนาเกดิ ในใจโดย ไม่ได้ท�ำให้เกดิ (ในปจั จุบัน) ก็ตาม ท่ีอาตมาได้บวชเป็นพระปา่ กบั อาจารย์ใหญ่รนุ่ แรกของพระอาจารย์ มน่ั ภรู ิทัตโต คือ ท่านพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน ก็เพราะภาวนาเกิดข้ึนขณะเดินบนถนนที่หน้าจวนข้าหลวง สมัยคุณปกรณ์ อังศุสิงห์ เป็นข้าหลวง และเป็นผู้ท่ีอาตมารับราชการช่วยในราชการท่าน อย่างใกล้ชิดในฐานะเป็นล่ามภาษาฝรั่งเศสของกระทรวงมหาดไทยประจ�ำจังหวัดหนองคาย คอื ใจมนั ว่างพรบึ ไปเลย ไม่ทันร้ตู วั ธรรมดาเคยเดนิ คิดเพลิน แต่ตอนนน้ั ความคิดหายไปหมด ทนั ที จนหยดุ เดนิ ทันที กไ็ มร่ วู้ า่ เปน็ อะไร เพราะสนใจแต่อ่านหนงั สือธรรม สนทนาธรรมกบั พระอาจารย์ แต่ไม่สนใจภาวนา ไม่ชอบ เมื่อยหลัง รู้สึกหมดห่วง เพราะครอบครัวก็ไม่มี โยมพอ่ ก็มพี ี่ดูแล อาตมากเ็ ป็นน้องสดุ ท้อง ภาระไมม่ ี เลยไปปรึกษาอาจารย์วา่ บวชเอาสงบๆ ได้ไหม ท่านว่า ได้ ก็เลยบวช ไปอยวู่ ดั อรุณรงั สี วดั ป่าหนองคาย บังเอิญพอดีวันหน่ึง หลังบวชได้ราวเดือนหน่ึง ท่านพระอาจารย์ว่าภาวนาเสียบ้างซิ แลว้ กบ็ งั เอิญเปน็ คราวใกล้วนั เพญ็ ดวงเดือนแจ่มใส (จันทรสมบูรณ์) กถ็ อื เอาดวงจนั ทรเ์ ปน็ กสิณเพราะง่ายดีตามธรรมชาติ ถ้าท�ำตามแบบวิสุทธิมรรค หาเคร่ืองประกอบยาก (เตียง- วงกสิณ) เรียกว่าบุญเก่าช่วย เกิดขยันท�ำอย่างจริงจังโดยวิธีที่คิดข้ึนเอง คือเพ่งพระจันทร์ ไม่ยอมหลับตาเท่าน้ัน สัญญากับตนเองเด็ดขาดเป็นไรเป็นกัน น้�ำตาไหลก็ไม่ยอมหลับตา เด็ดขาด หลายชั่วโมงเพ่งเอาๆ ท่ีดวงจันทร์ และก็บังเอิญสถานท่ีเหมาะ เป็นป่าน่ากลัว มดื มิด เงียบสงดั กวา้ งใหญ่ ไกลเมืองมาก พระสามองค์ ศิษย์วัดราว ๒ คน เพียง ๔-๕ วัน ก็รู้จักความสงบ สุขใจ อาศัยนิมิตดวงสว่างภายนอก ท่านอาจารย์ท่านก็แนะต่อให้ ราว นาทีเดียวก็ปรากฏดวงกสิณสว่างทั้งในกายในใจพร้อม ท�ำดวงกสิณให้เกิดดับได้ตามต้องการ สบายกว่าเก่ามาก ก็เลยลาออกจากราชการ ไม่สึก ออกเท่ียวธุดงค์ และได้บังเอิญพอดี อาศัยพระและสถานท่ีวัดป่าภาวนาอย่างดีที่ไกลบ้านเมืองมาก ที่อ�ำเภอลุมพุก จังหวัด 66

พระอาจารยก์ ู่ พระอาจารย์ลี ธมฺมทนิ ฺโน ธมมฺ ธโร อุบลราชธานี ไกลร่วม ๑๐๐ กิโลเมตรจากเมือง เป็นหมู่บ้านเล็กมาก บังเอิญได้มีภาวนาดี โดยบงั เอิญ เกิดเองอีก ไดบ้ งั เอญิ พอดีมีคนแนะ พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร ได้ไปอยู่ศึกษากับท่านที่วัดคลองกุ้ง จังหวัด จันทบุรี บังเอิญพอดี (ตอนนั้นเป็นพรรษาท่ีสามของอาตมาต้ังแต่บวชมา คนท่ีเคยภาวนา มาแลว้ ๔๐ ปี ศษิ ย์เจา้ คุณอบุ าลคี ณูปมาจารย์ (ท่านเจา้ คุณเปน็ พระอาจารยข์ องพระอาจารย์ มัน่ ภรู ิทตโฺ ต กว็ ่าได้ เพราะทา่ นเปน็ ผู้นำ� พระอาจารยม์ ั่น สหายเก่าท่ีจงั หวัดอุบลฯ ออกบวช และท่านเจา้ คุณอบุ าลี ก็เป็นพระอาจารย์ภาวนาองคส์ �ำคญั ทีเดียวในกรุงเทพฯ (วัดบรมนวิ าส) ศษิ ย์คนน้นั อายรุ าว ๙๐ ปี เปน็ คนมง่ั มี เป็นสตรี ชอบนิมนตพ์ ระอาจารยใ์ หญไ่ ปเทศน์ โดยตง้ั หวั ข้อธรรมไปพร้อมเสมอ วนั นน้ั ใช้ใหค้ นไปนิมนต์ท่านพระอาจารยล์ ี ธัมมธโร เทศน์ เรอ่ื ง อริยสจั ส่ี แบบปากเปล่า ไมอ่ า่ นคัมภีร์ ก็บงั เอญิ (พอดี) ขณะนน้ั เอง อาตมาเดนิ ผา่ นกุฏิ ท่านพระอาจารย์ลี ซ่ึงสูงมาก ท่านพูดสั่งลงมาว่า “บุญฤทธิ์ ไปเทศน์เรื่องอริยสัจจ์ส่ีนะ” อาตมารู้บ้างเพราะอ่านบ้างพอคร่าวๆ ก็รู้ว่าส้ันมาก ยากที่จะเข้าใจ ค้นดูหนังสือเทศน์ มากมายก็ไม่เห็นมีใครเทศน์เรื่องอริยสัจส่ีโดยสมบูรณ์ มีพระชั้นราชาคณะช้ันสูงท่านเทศน์ ไว้ในหนังสือเล็กๆ ก็สั้นมาก ถ้าเทศน์แบบโวหารวัดป่าก็ไม่รู้ว่าจะไปได้ยังไง ก็เลยอาศัย กสิณภาวนา สมาธิ กดปุ่มเพ่งรวมใจอาศัยแสงสว่างภายในเป็นนิมิตด้วย รวมจิตเพ่งจุด กลางนิมิตด้วยพร้อมกันก็ได้นิมิตภาพค�ำตอบราวกับ computer ซ่ึงสมัยน้ันยังไม่มี (พ.ศ. ๒๔๙๑) เรอ่ื งก็เท่าน้ี 67

ม๒ิถ๕นุ ๓าย๔น วัดรตั นประทปี วหิ าร ใกลพ้ รรษา ๔๕ Smith Street Thebarton South Australia ขอตอบค�ำถามคุณดงั นี้ ๑) เมอ่ื วงเวยี นธรรมดาของโลกมนั หมนุ ลง (พระพทุ ธองคท์ รงเรยี กคราวโลกธาตเุ สอ่ื ม) อะไรๆ มันกเ็ สอื่ มไปด้วยทว่ั โลก ท่วั Solar System ก็ใช่ สว่ นทเ่ี รยี กวา่ สัตวโ์ ลก ทุกชนิด แม้ท่ีเรียกว่ากายทิพย์ ต้ังแต่สุดยอดพรหมลงไปถึงสุดก้นนรกหรือผีสางเทวดาอะไรก็ตาม ก็เป็นผลของ อวิชชา ที่ปกปิดจิตเหมือนภาพบนจอภาพยนตร์ เป็นผลของเครื่อง camera projector เคร่ืองฉายพรอ้ มม้วนภาพยนตรท์ เ่ี คลื่อนไปรวดเร็ว เรื่องโง่ อยากหลง หลง “ตน” เปน็ เหตุของ “กรรม” อนั เนื่องมาแต่ “อยาก” อันเนื่องมาแต่ กาย ใจ อายตนะ (all the 6 senses) + โง่ หลง) (ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ (หลง) + สิง่ มาด้วยกัน คือ รปู เสียง กลิ่น รส การกระทบ (ผสั สะ) (ธรรม + อารมณ์) ซึ่งเน่อื งมาแต่การเกดิ ที่เปน็ ไปเป็นธรรมดา เมื่อเหตุ (ตวั โง)่ มันยงั ไม่ถกู ท�ำลาย เพราะพทุ ธธรรม อรยิ มรรค (โลกุตตรธรรม) (Ultra mundane) ยงั ไม่ได้ทำ� งาน (work) เมื่อเปน็ กรรม ผลของกรรมแล้ว กก็ ่อกรรมกันอยทู่ กุ ขณะจิต (เจตนา) เพราะอวิชชา บังจิตอยู่ที่ใครๆ พากันเรียกว่าโชคชะตา อันนี้เป็นสภาวธรรมทั่วไป Universe ภพ-โลก- การเกดิ -ตาย ไม่ใชเ่ ฉพาะชัว่ เหน็ ๆ กัน คน-สตั ว์ เดย๋ี วน้เี ทา่ น้ัน มันหาท่จี บไมไ่ ด้ ส�ำหรับ สภาพทว่ั ไปเรยี กวา่ Total Nature ตอ่ ให้ Universe แตก (ทเี่ รยี ก Bangs) แลว้ เกดิ ใหมไ่ มห่ ยดุ สัตว์โลกมันก็เกิดได้เสมออยู่ได้เสมอในสภาพต่างๆ ไม่จ�ำเป็นต้องเป็น กายหยาบ matter เสมอไป โดยเหตนุ ้ีเม่อื มีการปรุงทางวตั ถุ continuous evolution of matter ทเ่ี ขา้ ใจกนั วา่ จ�ำเปน็ สำ� หรับกาย (รูป) จึงไม่สามารถทำ� ลายสตั ว์โลกได้ จึงเรียกวา่ สงั สารวฏั ทางพุทธศาสตร์ รมู้ านานกอ่ นวิทยาศาสตรว์ า่ พนื้ โลกจะเปล่ียนแปลง ความขาดแคลนต่างๆ ถงึ ขนาดสตั ว์ คน จะอยู่ไม่ได้ และถูกไฟคือดวงอาทิตย์เผาผลาญชนิดไม่มีควัน (electrical fire) ซ่ึงทาง astrophysics ทุกวนั นที้ ายไวแ้ ล้วราว ๒๐๐๐ ลา้ นปีแต่น้ีไป พระอาทิตย์แกล่ งขยายตัวพองข้นึ เผาผลาญโลกพิภพและดาวบรวิ ารแหลกลาญไป แตส่ ตั วโ์ ลกก็คงมอี ยู่น่ันเอง เพราะสตั วโ์ ลก 68

ท่ีอาศัยนาม (ความคิด) เป็นอารมณ์ คือพวกภาวนาชั้นสูง ถึงข้ันไม่อาศัยรูป (อรูปฌาน) พวกน้ีวิวัฒนาการทางวัตถุ energy ท�ำอะไรไม่ได้ อีกพวกหน่ึงเป็นพวกอาภัสสรพรหม (beings as light) ไม่มกี ายเป็นวัตถุให้ไฟทำ� ลาย สรรพสัตว์ท้งั หลายในคราวไฟอาทติ ยผ์ ลาญ แต่พรหมโลกอาศัยกาย (รปู ) (รปู พรหมปรารถนายึดนมิ ติ รูป ลงไปจนถึงกน้ นรก อยไู่ มไ่ ดเ้ ลย “ผลบุญ” (ยังไม่เคยเห็นใครมีช่ือน้ีสักที) ในอดีตไกลๆ โพ้นท่ียังไม่ทันให้ผลก็ให้ผลในตอนน้ี จึงไปเป็นพวกอาภัสสระ โดยเหตุน้ี เร่ืองดี-ไม่ดี-บุญ-บาป จึงอาศัยเป็นท่ีพึ่งสูงสุดไม่ได้ เพราะไม่เท่ียง และสุดแล้วแต่ขณะ Time ท่ีมันจะให้ผล และทั้งสอง (+, -, บุญ-บาป) เป็นผลของอวิชชา ถ้ายังเจริญอริยมรรค supernature (โลกุตตระ) ขึ้นไม่ได้ ความมืด (อวิชชา) มันก็คงอยู่ยังงั้น จิตมันก็เหมือนคนตาบอดหรือบ้าอยู่ยังงั้น แม้ เทวดา พรหม กเ็ หมือนกัน แมอ้ รปู พรหมก็เถอะ เม่ือยังไม่ได้แสวงหาแสงสว่างท่ที ำ� ลายความมดื ดว้ ยตวั เอง (ไม่ได้สร้างบารมีสิบ) มีทาน ศีล การออกบวช หรือภาวนา รักษาพรหมจรรย์ (ศีล ๘) เปน็ ตน้ ตลอดจน ขันติ วริ ิยะ สจั จอธิษฐาน และ เมตตา อุเบกขา ปัญญาบารมี ใหค้ รบถว้ น เป็นโพธิสัตว์จนท่ีสุดบรรลุแสงสว่างโพธิญาณ เป็นพุทธหรือปรารถนาเพียงเป็นสาวกของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างบารมีมาเพื่อเป็นเช่นนี้ จะได้เกิดเป็นคนทันพุทธกาล ได้อยู่ใน สถานท่ีๆ ควร พบคนบุคคลที่เป็นสัตบุรุษ ได้ฟังค�ำสอนโดยตรงจากพระพุทธองค์หรือจาก สาวกของท่าน มพี ระอรหนั ต์เจ้าทงั้ หลายเป็นต้น กเ็ รียกวา่ กรรมของสตั ว์ เหมือนที่พระพุทธองค์ ทรงมองเห็นนิมิตก่อนท่ีจะทรงสอน คือเห็นสระใหญ่มีดอกบัวมากมายท่ีโผล่บานแล้วก็มี คือ 69

โผล่แล้วเพ่ิงเริ่มบานก็มี มีตูมอยู่ก็มี ที่อยู่ใต้น�้ำเยอะเลยทีเดียว พวกนี้ก็ต้องแล้วแต่สัตว์ ปู ปลา เต่า จะกินหรอื ไม่ อนั นเี้ ป็นสภาวะทั่วไปของสัตวโ์ ลกท่วั ไป ไม่มยี กเวน้ แต่ยอดพรหม เทพ ลงมาถึงคน ผี เดรัจฉาน มาร อสรู สัตว์นรก เขา้ ใจวา่ คณุ ไมใ่ ชบ่ วั ใตน้ ำ�้ แตอ่ ยากสำ� เรจ็ เรว็ มากเกนิ ไปซงึ่ มนั เปน็ การยาก เพราะเปน็ โลกตุ ตรธรรม แมส้ มมตุ พิ ระสงฆ์ในโลกปัจจุบันทั้งหมด เอาเสียวา่ ๕๐๐,๐๐๐ จะรอดไปได้ ถงึ ขนั้ โสดาบันราว ๓๐ ก็ยาก แตท่ กุ อย่างมนั กต็ อ้ งเรมิ่ มาแต่การกระท�ำ จิตใจ สติ ปญั ญา ศรัทธา และโดยเฉพาะความไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ไม่ว่าจะสู้กันนานเท่าใด แม้ข้ามชีวิตก็ได้ หลายชีวิตก็ได้ ถ้าถึงขนาดนี้แล้ว แม้พญามารก็ต้องลงสังเวียนกลับไปนอนในท่ีสุด aller coucher เพราะนอ็ คไมล่ งสกั ที แม้เหลอื เวลานาทเี ดียว วินาทีเดียว ก็ตอ้ งภาวนาในใจให้ได้ ก�ำหนดสติ รู้สักแต่รู้ วางเสียทั้งหมดกังวลทั้งหลายอย่างเด็ดขาดภายในใจ คือวางกังวล ขันธ์ห้ามนั เป็นการยากแน่นอน ก็ตอ้ งคอ่ ยฝึกจติ กนั ไป เม่อื นานพอถงึ เวลา (when the time comes)อรยิ สติรวมอรยิ มรรค (สตปิ ัฏฐาน) ก็ย่อมจะเกิดขึ้นเองเป็นธรรมดา ๒) เรื่องสิง่ แวดล้อม (Environment) ถ้าเราตั้งสติท่ีใจได้ กำ� หนด “รู”้ อยู่เฉยๆ สกั แตว่ า่ ร้อู ยเู่ สมอๆ ไมไ่ ปหลงดว้ ย ก็พอ ภาวนาได้ ทกุ อย่างทต่ี ัวเราน้ี = ธรรม ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ ได้ยนิ ไดฟ้ งั เหน็ คดิ นึก แม้รปู (form) เสยี ง กร็ ทู้ ีใ่ จ ปรากฏ มี meaning ท่ีใจ ไมใ่ ชท่ ข่ี ้างนอก บนฟา้ ไมใ่ ช่ที่ environment อยา่ งท่ฝี รงั่ หรือพวกเรียน ตามตะวันตก “มจิ ฉาทฏิ ฐิ” เข้าใจ เช่ือ แนน่ อน “เห็น” “คดิ ” นอกจากท่ีใจ กาย ใจ ขันธ์ห้า ๑๐๐% impossible สมมุติว่าใจ จิต บริสุทธ์ิ จากโง่ เป็นพุทธจิต อรหันต์จิต มันไม่มี subjective-objective environment หลงบ้าท่ีไหนหลอก แม้พรหมโลก เทวโลก อย่าว่า เพียงคน สรุป นิพพานเท่าน้นั จริง (อมตธรรม) (วสิ งั ขาร) นอกน้นั อวิชชาหลง ทกุ ขพ์ ร้อมท้งั เหตุและธรรมดาสิ่งแก้เหมือนอาทิตย์ท�ำลายความมืด คือโลกุตตร อริยมรรคแปด รวมลง หน่ึงขณะจิต อริยสติ เกิด หลงดับ นิโรธ พระพุทธองค์ทรงกล่าว วิสังขารคะตัง จิตตัง จติ ตถาคตหยัง่ ลงสู่วิสังขารแลว้ จิตแจ้งสัจธรรม 70

ถา่ ยทส่ี วนกหุ ลาบใกลว้ ิกเตอร์ ฮาร์เบอร์ ออสเตรเลีย (Rose Garden near Victor Harbor, Australia)

วัดรัตนประทีปวิหาร อาเดเลด ประเทศออสเตรเลยี 72

วัดรัตนประทีปวิหาร อาเดเลด ประเทศออสเตรเลยี 73

Adelaide, South Australia ๑๒ อาตมาภาพได้รับจดหมายของคุณแล้ว รู้สึกพอใจที่คุณ ยังไม่ทิ้งภาวนา ปัญหาที่ขัดข้องเป็นของธรรม แม้แต่พระป่า มิถนุ ายน อย่างดีภาวนาโดดเด่ียวในป่า เข้าถ้�ำมาเป็นสิบๆ ปี ถ้าไม่ถึงข้ัน ๒๕๓๔ อรหันต์ ก็ยังมีสิ่งติดขัดอยู่เสมอ ทุกวันนี้แม้แต่พระจะถึงขั้น โสดาบัน หมดโลกจะหาสัก ๓๐ ก็แสนยาก ฉะน้ันรู้สึกปัญหา ตดิ ขดั “รตู้ ัว” ดีกวา่ หลงวา่ รู้แล้ว พระพุทธศาสนาเป็นโลกุตตร- ธรรม คือธรรมท่ีไม่ใช่หลง อย่างปุถุชนที่หลงโลก นับแต่ ยอดพรหมลงไปถึงก้นนรก เป็นธรรมถึงความดับโลก หลงเกิด ตาย อตั ตาทฏิ ฐิ อวชิ ชา ทง้ั หมด ปญั หาภาวนาของคุณเป็นปญั หาเบ้อื งแรก เรยี กวา่ พญามารไม่อยากให้ใครพ้นอ�ำนาจ ตน ก็แล้วกัน ผู้ภาวนาใหม่ย่อมพบเสมอ ถ้ายอมแพ้ก็เสร็จ มันมาหลายรูปแบบสมเป็น มารยา แต่ถ้ารู้ทันไม่ยอมเชื่อ ยึดภาวนาในทางที่ถูก คือ สติ “รู้สักแต่รู้” ไม่ยึดถือยึดม่ัน ไม่ยังอภิชฌาวิสมโลภะ (โลภอยากได้ส่ิงไม่ใช่ของตน) โทมนัส ให้เกิดข้ึนในโลกอยู่เสมอ ปัญหาก็จะหมดไป พระพุทธองค์ทรงตรัส สติปัฏฐาน ๔ ยับย้ังพญามาร เพราะตัวสติแท้ อรยิ สตเิ ปน็ อริยมรรค รวมอริยมรรค ๘ โลกตุ ตรธรรม เกิดขึ้นหนงึ่ ขณะจิตทำ� ลาย ภพหลง โลกหลง หลงตน ได้นัน่ เอง รูส้ ภาพธรรมแท้ อรยิ สจั ส่ี พระนิพพาน จุดที่หลุดพน้ แล้วจาก หลงโลก จึงเป็นของยาก เราเพียงพยายามไต่ขึ้นเขาเท่าน้ัน ทุกวันนี้เพียงศรัทธาใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นิพพาน (ละอายเกรงกลัวต่อบาป) หิริโอตตัปปะ ปัญญา พิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ก็พอใช้ได้ และธรรมสี่ข้อน้ีก็เป็นลักษณะของอริยมรรค เหมอื นกัน เมือ่ ถึงข้ันไมเ่ ส่อื มเลย หมายถงึ โสดาบัน 74

Adelaide, South Australia กรกฎาคม จดหมายของคุณ อาตมาได้รับแล้วด้วยความยินดี ๒๕๓๔ โคลงเสรภี าษาองั กฤษแบบทเี่ ขียนส่งไปหรอื ของอาตมา คง จัดเข้าในพวกโคลงแบบ Milarepa อาจารยใ์ หญ่ของธิเบต ซ่ึงอาจเป็นองค์เดียวที่ถึงขั้นพระอนาคามี หรืออรหันต์ ฝา่ ยมหายาน เมื่อหลายร้อยปมี าแล้ว ในหนังสอื ชอื่ “One Thousand Songs of Milarepa” แต่พระพุทธศาสนาเป็นค�ำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้บรรลุโลกุตตรธรรม คือ สัจธรรม อมตะ ไม่ใช่สภาพสตั ว์โลกหลงทกุ ชนดิ นับแต่ยอดพรหมโลกลงไปถงึ กน้ นรกที่เรียก ปถุ ชุ น worldthings โดยเฉพาะคน เปน็ ธรรมที่ส�ำเร็จได้ดว้ ยความลำ� บากและดีงามเปน็ เวลา ยาวนานดว้ ย การทำ� การคิด การทำ� พดู ดี คอื สร้างพระบารมี ๑๐ ถึงข้ันสมบูรณ์ อยา่ งต่ำ� กลาง สูงสุด เป็น ๓๐ ทัศ ถึงกว่า ๓๐๐,๐๐๐ ชาติ จนถึงชาติสุดท้าย หลังจากเป็น พระโพธิสัตว์ครั้งสุดท้ายคือพระเวสสันดร ทรงบังเกิดในกรุงกบิลพัสดุ์ สละสมบัติความสุข ลูก เมีย ออกบวช เป็นพวกฤาษี โยคี โกนผมเอง นุ่งผ้าห่อศพผืนเดียว ท่องเท่ียวศึกษา สมาธิภาวนากบั อาจารย์โยคี ๒ องค์ จนสำ� เร็จอรปู ฌาน เข้าฌานท�ำสมาธิ ทรมานตนอยา่ ง ที่ไม่มีนักบวชคนไหนในโลกยกเว้นพระโพธิสัตว์องค์ก่อนๆ อยู่ถึง ๖ ปี วันหนึ่งๆ มีอาหาร เพียงกอบมือหน่ึงหรือถั่วไม่กี่เม็ด หรือคลานไปอยู่ใต้ท้องแม่โคเม่ือลูกโคดูดนมแล้ว นมเหลือ หยดก็อ้าปากรองรบั ในทสี่ ดุ อดข้าวถงึ ๔๕ วัน พระองคพ์ จิ ารณาแล้วไม่ใช่ทางพน้ ทกุ ข์ จึง ทรงกลบั มาเสวยพระกระยาหารดงั เดมิ จากนนั้ นางสชุ าดาไดป้ รงุ ข้าวมธปุ ายาสอยา่ งดีท่ีพระพุทธเจา้ ทั้งหลายในอดตี อนาคต เท่านน้ั จะได้รับ ประกอบดว้ ยนมกล่ันแบบธรรมชาติ คือนางสชุ าดา สามเี ป็นพราหมณเ์ ศรษฐี มหาศาล นางให้รีดนมววั ๑๐๐ ตัว มาใหว้ วั ๑๐ ตวั กิน แล้วรีดนมจากววั ๑๐ ตัวนี้ไปให้ วัวตัวหนึ่งกิน แล้วเอานมจากวัวตัวสุดท้ายไปปรุงข้าวมธุปายาส ประกอบด้วยน้�ำผึ้งและ 75

ส่วนประกอบดีอย่างอ่ืน มีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทิศ ใส่ถาดทองไปวางไว้เบื้องหน้าพระโพธิสัตว์ เจา้ โคดม โดยเข้าใจวา่ เปน็ เทพารกั ษ์ เพราะรูปโฉมของพระองค์บรบิ ูรณ์ดว้ ยมหาปุรสิ ลกั ษณะ ๓๒ ประการ งดงามย่ิงนัก ด้วยเกิดแต่บารมีของพระองค์ในอดีตชาติ พระองค์ฉันเสร็จแล้ว ได้ไปเสี่ยงทายบารมีท่ีแม่น้�ำเนรัญชรา ปัจจุบันอยู่ใกล้เจดีย์โพธิคยาในชมพูทวีป โดยโยน จานทองลงไป อธิษฐานว่า ถ้าพระองค์จะทรงเจริญธรรมส�ำเร็จ ก็ขอให้จานทองไม่จมน้�ำ แลน่ ลอยทวนน�้ำขึน้ ไป เป็น Symbol ของการสูก้ เิ ลส ตณั หา คน สัตว์ เทวดา พรหม แล้วจงึ จมลง ก็เป็นไปตามนั้น จึงทรงตัดสินพระทัยเด็ดขาดจะน่ังภาวนาไม่ยอมลุกขึ้นแม้ส้ินชีวิต ถ้าไม่ส�ำเร็จ ทรงน่ังแต่ยามเย็นใต้ต้นโพธ์ิจนย่�ำรุ่ง ก�ำหนดสติที่ลมหายใจ พออรุณวัน วสิ าขบูชา ก็บรรลพุ ระสัมมาสมั โพธญิ าณ ทีป่ จั เจกพทุ ธ (Silent Buddha) กบ็ รรลุได้ ตรัสรู้ อริยสัจ ๔ และได้อภิญญาพิเศษสำ� หรับพระพทุ ธเจ้าราว ๖๐ ชนดิ เปน็ เหตใุ หผ้ มู้ บี ญุ ในอดตี ในปัจจุบันทั้งหลายได้พึง่ พามาตงั้ แตน่ ้นั จนถงึ บัดนี้ร่วมกว่า ๒๕๘๐ ปแี ลว้ ในปนี ี้ ๒๕๓๔ ท่ีอาตมาจำ� พรรษาอยทู่ ่ี Adelaide South Australia นี้ และได้พบคณุ และคณุ พอ่ คุณแม่ทบี่ า้ น และไดพ้ บคณุ สุวทิ ย์ คุณอุดมศักดิ์ ท่ี Sydney และไดภ้ าวนาดว้ ยกัน มันจึงไม่ใช่เร่ืองคิดเอาเฉยๆ Philosophy อย่างท่ีพาลชนท้ังหลายเข้าใจกัน แม้แต่สาวก กต็ อ้ งทำ� กุศลกจิ คือผปู้ รารถนาเกิดในสมัยพุทธกาล และได้ฟงั พระพทุ ธ พระธรรม สำ� เรจ็ อริยมรรคผล แต่โสดาบันขึ้นไป มีมิจฉาทิฏฐิ (ความคิดปุถุชน) ส�ำคัญคือ สักกายทิฏฐิ (ไม่ร้จู กั กายใจน้ีถกู ตอ้ งตามสภาพธรรมจรงิ คือสภาพขันธห์ ้า (รูป กาย ลมหายใจ เวทนา feeling สุข ทกุ ข์ ไม่สขุ ไม่ทุกข์ สญั ญา (คอื รคู้ ิด หมายรู้หมายจำ� Motion of existence ของคน ภตู สมั ภเวสี เทวดา พรหม สตั ว์ทกุ ชนิด ชอบแปลกนั วา่ ความจำ� แปลวา่ หมายรู้ จะดีกว่าสงั ขาร (ลมหายใจ คิดนกึ เวทนา สัญญา) วญิ ญาณ รู้ๆ (วิญญาณ) (อาการของจิต) ไม่วา่ จะเป็นจุตวิ ิญญาณ (ตอนเปล่ยี นภพชาติ) หรอื การกระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เกิดรู้เห็นได้ยิน ฯลฯ คิด เกิด ตัณหา ก็ตาม (ทางตา เรียก จักขุวิญญาณ ทางหู เรียก โสตวิญญาณ ทางใจ เรียก มโนวิญญาณ เพราะ อวิชชาเป็นเหตุ เนื่องมาแต่อนันตกาล infinity จิต+อวิชชา+กายใจ (ขนั ธ์ห้า) และมหาภตู ธาตุ element energy ทำ� ใหค้ ิด (every light & second) พร้อมโง่ แต่เข้าใจว่าตัวรู้ดีกวา่ พระพทุ ธเจา้ เกิดสักกายทฏิ ฐิ ความเหน็ ผิด ว่า “เราๆ” ในขนั ธ์หา้ แบบปุถชุ น แต่ยอดพรหมโลกไปจนถึงก้นนรก คือคดิ ว่า “เรา” (ego, 76

self, I, not-I, I & the world, the world is good or is not just for me, I & spirit, gods พระเจ้า Oh ! God helps me) อนั นี้แหละ ตวั ทุกข์แท้ในอริยสัจที่ ๑ (อรยิ สจั ทุกขท์ ี่ พระพทุ ธเจ้าทง้ั หลายเท่าน้นั ทรงคน้ พบด้วยเจรญิ อรยิ มรรค ๘ ส�ำเรจ็ ได้ ความคิดหลงว่าเรา ( I’as delusive, idea , (only idea) ดับ หนึง่ ขณะจติ ปรากฏธรรมเปน็ ธรรม ธรรมเท่านัน้ all อรยิ สจั ๔ พระนพิ พาน กาย ใจ ขนั ธห์ า้ สงั ขารทงั้ หมด เสียงถกู หไู ดย้ นิ เป็นธรรมดา เปน็ ธรรมชาติ (natural) ไมม่ อี ะไรบอกวา่ “เรา” ได้ยินทไ่ี หน ไมม่ อี ะไรว่า “ไดย้ นิ ของเรา” หรือ ใคร ใหเ้ ราได้ยนิ (nothing says “I” hear there) สรุป ถ้าสติภาวนาท�ำให้รู้ “ธรรมเป็นธรรม” เป็นธรรมดาท้ังหมดได้ ก็พอท�ำให้เลิก หลงโลกหลงตนไปมาก หรอื กลา่ วอีกอยา่ งหนึ่ง อริยมรรค (โสดาบนั ฯลฯ โลกุตตรธรรมเกดิ หนึ่งขณะจิต ได้ยิน สักแต่ได้ยิน เท่านั้น เกิดวางกังวลหมด (สติหย่ังลงสู่อมตธรรม) (พุทธพจน์) ดจุ กดป่มุ สวิทซไ์ ฟฟ้า สวา่ งเหน็ แจ้งธรรมทั้งปวง กาย ใจ ขนั ธ์ กำ� เนดิ สัตวโ์ ลก ทัง้ หมด ทุกข์ โลกธาตุ (Galaxies, Universe) เพราะอะไรเป็นเหตุ คอื ขาดสติเป็นเหตุ ไมใ่ ช่ เร่อื ง origin ไม่ใชต่ ้นก�ำเนดิ โลก (เพราะไม่ม)ี เพราะเรือ่ งธรรมชาตไิ ม่สิ้นสุดได้ เป็น infinity สรปุ คอื ปฏิบตั ิ บารมีส�ำเรจ็ ถึงเวลา when the time is proper everything in the world synchronizes to produce chances! เหตุการณ์ทุกอย่าง บังเอิญให้ได้เจริญ อริยมรรคที่เป็นโลกุตตรธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา อริยะ (โลกุตตรธรรม) เกิดข้ึนในหนึ่ง ขณะจิตที่เป็นอริยสติ (สัมมาสติถูกต้อง) เป็นสติปัฏฐาน สักกายทิฏฐิดับ ego concept ความเห็นว่าเป็น “เรา” ในขันธ์ห้า พร้อมอวิชชาอุปาทานยึดมั่นที่สร้างสัตว์โลก เทวดา พรหม ผีนรก อสูร และ สรา้ งความคดิ ความเชื่อ ปุถุชนทกุ ชนดิ (philosopshy, politics, religions) to infinity in the past & future ดบั ปรากฏธรรมเปน็ ธรรมลว้ นๆ จติ บริสทุ ธิ์ จากเคร่ืองผูกสังโยชน์ อย่างน้อยสักกายทิฏฐิ (ยึดถือขันธ์ห้าเป็นตน เป็นคน สัตว์แท้) ดับ พร้อมทกุ ข์แท้ (อรยิ สัจที่ ๑) ดบั ทนั ที สน้ิ วจิ ิกจิ ฉา (ไม่สงสยั ในพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนิพพาน) ไมก่ ลับมาเปน็ ปุถชุ นอกี ต่อไป ไดเ้ ปน็ อริยบุคคล (the nobel one) เกดิ ระหวา่ ง สวรรค์-โลกมนุษย์ ไม่เกิน ๗ คร้ัง ที่จะตกต่�ำเป็นพาลชนไม่มี ที่สุดก็บรรลุอรหันต์ จึงได้ ชือ่ วา่ stream-enter ดุจใบไม้รว่ งลงสสู่ ายแม่นำ�้ ทีป่ ากน�ำ้ ยอ่ มลอยสู่ทะเล (นิพพาน) เปน็ ธรรมดา (ผู้หยั่งลงส่กู ระแสธรรม) มศี ลี ห้าบรสิ ทุ ธิแ์ ม้ทใ่ี จ 77

เห็น ไดย้ ิน รู้ (แตส่ ตเิ กิดไมท่ ัน สักแตเ่ ห็น สักแต่ได้ยิน สกั แตร่ ู้ ไมส่ �ำเร็จ หรือไม่รู้ ทางเอาเสียเลย มันจึงยาก และทั้งตัวสติอริยะ ดับโง่ ดับทุกข์ เป็นโลกุตตรธรรม เกิด หน่ึงขณะจิตเท่านัน้ ไมม่ ซี �้ำ (repeat) ไม่มคี ดิ ไปคิดมา ตดิ ในขันธ์หา้ คอื all เทวดา-คนธรรม ดาๆ หรือพวกอบายภมู ิ คอื ทง้ิ กงั วลขนั ธห์ ้า กาย ใจ อายตนะ (โง)่ ตา หู จมกู ล้ิน กาย ใจ (หลง) การกระทบทางนนั้ ๆ โดย รปู เสยี ง กล่นิ รส ผสั สะ อารมณ์ เกิดไดย้ ิน ไดเ้ หน็ ได้ รสู้ กึ ไดร้ ู้ๆ อยู่เรอ่ื ยๆ พรอ้ มหลง แตใ่ ห้ถูกแท้ คือท้งิ อยากในขันธห์ า้ (คอื all) กามตณั หา ภวตณั หา อยากเปน็ วภิ วตณั หา ไม่อยากเปน็ ในขนั ธห์ า้ คอื all เทวดา-คนธรรมดาๆ หรอื พวกอบายภูมิ ผี เปรต สัตว์นรก ตกอยู่ในกามธรรม (ดา) หรือกามสังโยชน์อยู่แล้ว คน ผู้เห็นโทษมีอยู่เสมอ infinite time in the past-future in all evolution of universe ออกบวช เขา้ ปา่ ภาวนา ญาน สมาธิ ได้โยคะเปน็ โยคี จติ เข้าสูส่ มาธิ สังขารกาม สัญญากาม ดับช่ัวคราว แต่เขาใคร่ปรารถนา ฌาน ถึง ฌานที่หนึ่ง วติ ก วิจารณ์ (นิมิตเกดิ พิจารณา) เกิดปีติสุข (ติด) ถึงฌานที่สอง (คดิ นึกในนิมติ ภาวนาดับ (ตดิ ) ถงึ ฌานท่สี าม ปีติดับ ถึงฌาน ท่ีส่ี สุข ทกุ ข์ ดบั หมด (ติด) เหลอื อุเบกขาพรอ้ มสติ (ติด) เลยขน้ึ ไปเป็นอรูปฌาน (นาม name as นมิ ติ ) เช่น ภาวนาตา่ งๆ “ไม่มีอะไรๆ” (รู้ วิญญาณ รู)้ เปน็ ต้น กต็ ดิ อย่อู ีกเพราะ ไม่ได้เรียนพุทธธรรม ไม่รู้จักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (โดยเฉพาะ) แห่งขันธ์ห้า อายตนะ กาย ใจ ทกุ ชนิด ขาด บารมี (background) ขาดปพุ เพกตปญุ ญตา ความเปน็ ผูม้ บี ญุ อันได้ กระท�ำไว้แล้ว ขาดการกระท�ำถูกต้อง คือคิดเป็นสัมมาทิฏฐิ จึงไปไม่รอด เราอาจเป็น พระพรหม (อำ� นาจฌาน) มาตงั้ ๑,๐๐๐ ครง้ั อายุ ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ปี หรอื กวา่ น้ันมาแล้ว ก็ได้ กลา่ วคอื คน ฤาษี โยคี นักบวช หนกี าม แตไ่ ปอยาก (ใครใ่ น) สมาธฌิ าน หรอื ร้าย กว่านั้นเรียนผิด ท�ำไปท�ำมาต้ังตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า ท้ังกามก็ไม่ทิ้ง สมาธิก็ไม่รู้จัก พระธรรมวนิ ัย พระสตู ร ก็ท้งิ ไปเลย กเิ ลส กรรมทไี่ มด่ ี บาป กย็ งั มอี ยู่มาก ปัจจบุ ัน อนาคต ตดั สิน ถา้ ขณะเดนิ จติ ภาวนา ทง้ิ กามตณั หา (สังโยชน)์ และธรรมตรงขา้ ม (สมาธ)ิ (ฌาน) (ปีติ สขุ ฯลฯ) ได้ด้วย คือละกามราคะ กำ� หนัดในกาม แตก่ ไ็ ม่ไปใคร่ในรูป ราคะ สมาธิ อาศยั รปู นิมิต อรปู ราคะ สมาธิอาศยั นามนมิ ติ (อยากนงั่ ดีทุกทีเลย) (ไม่ไปรกั ใครใ่ นรปู ฌาน อรปู ฌาน) ก็นับวา่ เลศิ แตม่ ันยากมาก (ถงึ ข้นั อรหันต์) 78

ทกุ วนั น้ี สัตว์ คน แย่กันท้งั นน้ั หรือจะวา่ แย่มากด้วยกนั ท้งั นั้น ฆา่ เบียดเบียนกนั ทกุ วันไม่วา่ สตั ว์ คน แตจ่ ะใหไ้ ม่ใช้กรรม จะใหส้ ุขสบายได้ยังไง นอกพุทธ ไมต่ ้องพูดถงึ ใน พวกพทุ ธศาสนิกชนก็เหมือนกนั จะใหย้ ตุ ธิ รรม อ้างการเมือง ลทั ธคิ วามเห็นทุกชนดิ ทางโลก จะช่วยได้ ถ้าไม่โง่หรือกรรมบาปถึงขนาดย่อมเห็นชัด เป็นไปไม่ได้เลย Impossible ช่ัว อนันตกาล แม้ evolution of universe ตลอด infinity (past, present, future) ไมม่ ที าง แต่เร่ืองกรรมของสัตว์เพราะกิเลสมันจึงเป็นยังง้ันแหละ อาตมาถึงพอมองเห็น ก็ยังอดคิดถึง เรื่องโลกไมไ่ ด้ ท้ังๆ รู้วา่ หลง บา้ กรรม ทุกข์ to eternity.… .ถ้ายงั ไม่เป็นดอกบัวโผลจ่ ากน้�ำ เขา้ ใจวา่ ทว่ี า่ มาทั้งหมดเปน็ ค�ำตอบพอแลว้ แต่ถ้าจะใหต้ อบเป็นข้อ ๑-๒-๓ อีกกไ็ ด้ 79

กรกฎาคม คำ� สอนของพระพุทธเจ้า ๒๕๓๔ พระพุทธศาสนาเป็นค�ำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้บรรลุโลกุตตรธรรม คือ สัจธรรม อมตะ คือไม่ใช่สภาพสัตว์โลกที่หลงทุกชนิด นับแต่ยอดพรหมโลกลงไปถึงก้นนรก ที่เรียกว่าปุถุชน เป็นธรรมท่ีส�ำเร็จได้ด้วยความล�ำบากและต้องอาศัยการสร้างความดีงาม เปน็ เวลายาวนานดว้ ย การทำ� การคิด พดู ดี คือสรา้ งพระบารมี ๑๐ ถงึ ขน้ั สมบูรณ์ อย่างต�่ำ กลาง และสูงสุด ๓๐ ทัศ เป็นเวลาถึงกวา่ ๓๐๐,๐๐๐ ชาติ จนถึงชาติสุดท้าย หลังจากเป็น พระโพธิสัตว์คร้ังสุดท้ายคือพระเวสสันดร ทรงบังเกิดในกรุงกบิลพัสดุ์ สละสมบัติ ความสุข ลูก เมีย ออกบวชเปน็ พวกฤาษี โยคี โกนผมเอง นุ่งผ้าหอ่ ศพผืนเดียว ท่องเที่ยวศกึ ษาสมาธิ ภาวนากับอาจารย์โยคี ๒ องค์ (อุทกดาบส และ อาฬารดาบส) จนสำ� เร็จรปู ฌาน เข้าฌาน ท�ำสมาธิ ทรมานตนอย่างที่ไม่มีนักบวชคนไหนในโลกท�ำได้ (ยกเว้นพระโพธิสัตว์องค์ก่อนๆ) อยถู่ ึง ๖ ปี วนั หนง่ึ ๆ มีอาหารเพยี งกอบมอื หน่งึ หรือถ่ัวไมก่ ่เี มด็ หรือคลานไปอยใู่ ต้ท้องแมโ่ ค เม่ือลูกโคดูดนมแล้วนมเหลือหยดก็อ้าปากรองรับ ในที่สุดอดข้าวถึง ๔๕ วัน ก็ยังไม่พบทาง พ้นทุกข์ จึงทรงเลิกบ�ำเพ็ญทุกรกิริยา หันมาฉันอาหารโดยปกติเพราะคิดได้ว่าเหมือน สายพิณควรจะขึงพอดีจึงจะได้เสียงที่ไพเราะ ขณะนั้นพระอินทร์ได้ลงมาดีดพิณถวาย พิณสายหนึ่งขึงไว้ตึงเกินไป พอถูกดีดก็ขาดผึงออกจากกัน จึงพิจารณาเห็นทางสายกลางว่า เปน็ หนทางทจี่ ะน�ำไปสพู่ ระโพธญิ าณได้ ขณะมพี ระชนมายุได้ ๓๕ ปี ในวันที่พระองคต์ รสั รู้ นางสชุ าดาซึง่ มสี ามีเปน็ พราหมณ์ เศรษฐมี หาศาล ไดป้ รงุ ขา้ วมธุปายาสอยา่ งดี คือประกอบด้วยนมกลนั่ แบบธรรมชาติ นางได้ ให้รดี นมววั ๑๐๐ ตัว มาใหว้ ัว ๑๐ ตวั แล้วรดี นมจากวัว ๑๐ ตัวนีไ้ ปให้วัวตวั หนงึ่ กิน แล้วเอา นมจากวัวตัวสุดท้ายไปปรุงข้าวมธุปายาส ประกอบด้วยน้�ำผึ้งและส่วนประกอบดีอย่างอื่น มีกลนิ่ หอมฟ้งุ ไปทั่วทศิ ใสถ่ าดทองคำ� ไปวางไวเ้ บ้ืองหน้าพระโพธสิ ัตวเ์ จ้าโคดม โดยเข้าใจว่า เป็นเทพารักษ์ เพราะรูปโฉมของพระองค์บริบูรณ์ด้วยมหาปุริลักษณ์ ๓๒ ประการ งดงาม ยิง่ นัก เม่อื พระองค์ฉันเสรจ็ แลว้ ทรงได้ไปเสีย่ งทายบารมที แ่ี มน่ �้ำเนรญั ชรา (ปจั จบุ ันอยูใ่ กล้ เจดียโ์ พธิคยา ในชมพูทวีป) โดยโยนถาดทองค�ำลงแม่นำ�้ และอธิษฐานวา่ ถ้าพระองคจ์ ะทรง 80

เจริญธรรมส�ำเร็จ ก็ขอให้ถาดทองค�ำไม่จมน�้ำ ให้แล่นลอยทวนน�้ำข้ึนไป เป็นนมิ ิตหมายของการสู้กเิ ลสตัณหา แลว้ จงึ จมลง ก็เป็นไปตามนัน้ ดังน้ันพระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยเด็ดขาดจะนั่งภาวนาไม่ยอม ลุกข้ึนแมส้ ้ินชวี ติ ถา้ ไม่ส�ำเร็จ ทรงนง่ั แตย่ ามเยน็ ใตต้ ้นโพธ์ิจนยำ�่ ร่งุ ก�ำหนด สติที่ลมหายใจ พอรุ่งอรุณวันวิสาขบูชา ก็บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ยิ่งกว่าท่ีปัจเจกพุทธบรรลุได้ คือตรัสรู้อริยสัจ ๔ และยังได้อภิญญาพิเศษ สำ� หรบั พระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ ราว ๖๐ ชนิด เป็นเหตใุ หผ้ มู้ ีบุญในอดตี ทง้ั หลาย รวมท้ังปัจจุบันได้พ่ึงพามาตั้งแต่นั้นจนถงึ บัดนีร้ ่วมกว่า ๒๕๘๐ ปีมาแลว้ 81

Adelaide, South Australia สงิ หาคม จดหมายของคุณได้รับแล้ว ดูเหมือนไม่เคยเขียน ๒๕๓๔ ตอบจดหมายธรรมยาวยืดอย่างท่ีอาตมาได้ตอบมาเลย เพราะตามธรรมดา ถ้าไม่มผี สู้ นใจปฏบิ ัติธรรมถามมาและ เคยปฏิบัติภาวนากับอาตมาแล้ว อาตมาก็ไม่เขียนอะไร โดยเฉพาะเรื่องประวัติการปฏิบัติภาวนาของอาตมาเอง เช่น กสณิ ทค่ี ุณได้ถามไปเปน็ ตน้ ฉะนน้ั ถ้าคุณ photo-stat ส่งไปใหพ้ รรคพวกทีเ่ มอื งไทยไดก้ ด็ ีท้งั ๒ ฉบับ เข้าใจว่า ทัง้ ๒ คนคงมีงานหนักน่าดู แตท่ ี่สำ� คญั ทสี่ ุด ตามธรรม TRUTH ถ้าจิตมดื ด้วยอวิชชา หรือ ปราศจากพทุ ธธรรม นพิ พาน ประจ�ำใจ ไม่มีแมเ้ พียงสตภิ าวนาพทุ โธแลว้ ตนเอง หมายถงึ จิตท่ีแท้ (ไม่ใช่สัตว์สังขาร) ท่ีอยู่ภายใต้อ�ำนาจอวิชชา ก็ได้สามารถหลุดพ้นจากอวิชชาก็ได้ เปน็ ส่ิงซึ่งสำ� คัญ กไ็ ปไมร่ อด) ยงั โง่ ทกุ ข์ และการคิดช่วยคนอ่ืนให้พ้นทกุ ข์ กเ็ ปน็ มจิ ฉาทฏิ ฐิ เทา่ นน้ั เอง คือเป็นไปไม่ส�ำเร็จดไี ด้ โมหะ คอื หลง เร่ือง “เรา” “เขา” โลก ภพ ทข่ี นั ธห์ ้า คมุ จติ อยเู่ กือบทัว่ ไป ตง้ั แตย่ อดพรหม เทวดา จนสุดสัตวน์ รก ผี เปรต อย่าวา่ แตเ่ พียงคน สุปฏิปันโน คือผู้ท่ีเป็นพุทธสาวกได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์หรือปฏิบัติธรรมตามท่ีสืบต่อมา บรรลุอรยิ มรรค ต้ังแตโ่ สดาบันข้นึ ไปคือ สมั มาทฏิ ฐิ (โลกุตตรธรรม) เกิดในขณะจิตภาวนา เชน่ ได้ยินวางได้ รสู้ กั แต่รู้ว่า วางยึดมนั่ ตัณหาในทงั้ หมด (ขนั ธ์ห้า) ได้ ละมจิ ฉาทิฏฐิ (เห็น ขนั ธ์หา้ กาย ใจ นาม รูป name & form) อายตนะ ตา หู จมกู ล้ิน กาย ใจ และของคูก่ ัน คอื รูป เสยี ง กลน่ิ รส ผสั สะ กระทบ ประสาท ขนั ธ์ คอื รูป เวทนา (สขุ ทุกข์ กลางๆ) ธรรมารมณ์ เป็นตนพร้อมอวิชชาได้ ผู้ได้ยินและ “รู้” พร้อมอริยมรรค สติปัฏฐานแล้ว อวชิ ชา สัญญา (หมายรู้) Notion, perception, memory) สงั ขารหลงอารมณท์ เี่ ปน็ ประจำ� หรือการปรุงทางกาย วาจา ใจ ที่ประกอบด้วยอวิชชา ว่าเป็น “ตน” แท้ (taking ego), (soul), self, I, my, me, he, who, “true” space, time, subjective, objective as Absolute ดับ รแู้ จ้งธรรม ทกุ ขด์ ับ รูแ้ จง้ ความดับทุกข์ในปัจจบุ ันมนี ้อยมาก 82

ขันธ์หา้ อะไรแฝงอยู่ กนั ยายน ๒๕๓๔ ที่ Adelaide, South Australia กาย ใจ หรือ ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ และสงิ่ เก่ยี วข้อง คอื ไดเ้ หน็ รูป ไดย้ ินเสียง ฯลฯ ได้ร้อู ารมณ์ ความคดิ ในสภาพสตั วโ์ ลกธรรมดาๆ คอื ปุถชุ น (ตัง้ แต่ยอดพรหม เทวดา ลงไป จนสุดกน้ นรก) ประกอบดว้ ย อวิชชา เปน็ สมบัตโิ ลก สงั ขารโลก มลี ักษณะเปน็ กลุ่ม อนจิ จงั หรอื กล่มุ คล่นื อนตั ตา รปู กาย ประกอบดว้ ยธาตุตา่ งๆ เรยี กงา่ ยๆ ว่า ธาตุ ๔ (ภตู ธาตุ) เวทนา (ความรสู้ กึ สขุ ทกุ ข์ หรือกลางๆ) สญั ญา (หมายรู้ จำ� ) สังขาร (การปรงุ แตง่ ทาง กาย คำ� พดู ใจ หรอื ความคิดนานาประการ กุศล อกุศล ไมร่ ูจ้ ักหยดุ พรอ้ มทัง้ หลง วญิ ญาณ (consciousness) คอื กระทบตา หู จมูก ลน้ิ กาย ใจ เกดิ รรู้ ูป เสียง กลน่ิ รส อารมณ์ หรอื การท�ำงานของจิตหลง ทเ่ี รียก จตุ ิวญิ ญาณ ตอนตายเกดิ ก็ตาม ขันธ์ห้าท่ีเป็นอยู่พร้อมอวิชชา อุปาทาน (อุปาทานขันธ์) ก็คือกายใจของสัตว์โลก ปุถชุ นทวั่ ไป ไม่ว่า สตั ว์ คน เทวดา พรหม ผี อะไรก็ตาม (ถอื วา่ เป็นตน) เปน็ ทุกขแ์ ท้ คอื อริยสัจทุกข์ในอริยสัจธรรมท่ีหนึ่งในอริยสัจสี่ ต้นเหตุ (สมุทัย) คือ ตัณหา (กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตณั หา) ในการเปน็ ไม่เป็นสภาพเช่นนนั้ เชน่ นี้ แม้ในฌานสมาธิก็ตาม กอ็ ยู่ดว้ ย กนั พร้อมในสภาพธรรมดาปถุ ุชน ขันธ์ห้า กาย ใจ คนมีลักษณะพิเศษ เรียกว่า มนุสสลาภ คือสามารถท�ำบุญก็ได้ ทำ� บาปก็ได้ สรา้ งบญุ บารมี (สิบ) เจรญิ อริยมรรค โลกตุ ตรปญั ญาใหเ้ กิดข้ึน ทำ� ลายอวิชชา ท่ีเป็นเหตุของภพ โลภ หลง ทุกข์ในอริยสัจ (อุปาทานขันธ์) คือทุกข์แท้ก็ได้ แต่เพราะ ธรรมชาติของกายใจนี่มีท้ังสุขและทุกข์นี่เอง พระพุทธองค์จึงทรงกล่าว คนบางคนเท่าน้ัน จึงจะสามารถเจริญธรรมสู่ความหลุดพ้นของจิตจากอวิชชาได้ เพราะติดสุข (สนุก) กันเสีย เกือบหมด อย่างไรก็ดี เหมือนปลาว่ายทวนน�้ำขึ้นภูเขา ยังมีคนที่ตั้งใจว่ายทวนกระแส ตณั หาโลกก็มอี ยู่ ไม่ขาดไปจากโลกท่ีไม่รจู้ ักจบ พระพุทธเจ้าทง้ั หลาย อริยสาวกสุปฏปิ นั โน ทั้งหลาย กค็ อื พวกนี้ และคนธรรมดาๆ ก็ไม่รูว้ ่าตัวคอื อะไร อดีตนานๆ กไ็ มร่ ู้ อนาคตนานๆ ก็ไมร่ ู้ ปัจจุบนั (ได้ยนิ เหน็ คดิ นึก ร)ู้ กไ็ มแ่ จ่มแจง้ พ้นโง่พน้ ทกุ ข์ ฉะนน้ั เราจึงรู้ไม่ได้ว่าเรา 83

อยู่ในจ�ำพวกไหน อะไรแฝงอยู่ในกายใจมนุสสน้ีก็ไม่รู้เหมือนกัน อันนี้เป็นตัวสำ� คัญทางพุทธ เรียก ปุพเพกตปญุ ญตา การเป็นผมู้ บี ญุ อันได้ท�ำไว้กอ่ นแลว้ โสเกรตสิ ว่า inspiration from Gods วิชาจิตวิทยาสมัยใหม่ คือ parapsychology เรียก ESP (ญาณพิเศษหรือนัยน์ตา ที่สาม เชน่ สังหรณแ์ มน่ หรอื เหน็ นิมิตแม่นตรงตอ่ เหตกุ ารณท์ ่ีเกิดขึน้ หรอื จะเกิดขึน้ ) สำ� หรับ ผสู้ ร้างบารมีเพื่อความหลดุ พน้ แห่งจิตจากอวชิ ชามาแลว้ นานแต่อดีต ทางพระท่านเรียก นิสัย เปน็ คนมนี สิ ัย อปุ นสิ ัย การท่ีคนจะพบพุทธหรือสนใจในสัจธรรมพระพุทธศาสนา ต้ังใจปฏิบัติตามค�ำสอน ของพระพุทธองค์ ก็เพราะอันนี้เป็นตัวส�ำคัญประการหน่ึง พระพุทธองค์ทรงแสดงหลักไว้ แปดประการ คอื ดา้ นหน่ึง กเิ ลส โลภะ โทสะ โมหะ เดมิ หรือทีม่ ีอยู่ หนกั หรอื เบามากนอ้ ย อย่างไร อีกด้านหนึ่ง ธรรมปราบกเิ ลส คือพละกำ� ลงั หา้ (ศรทั ธา วริ ิยะ สติ สมาธิ ปัญญา) ที่ เกิดมากับตัว (ต่างกันไปตามบุคคล) (ผลกรรมอดีตปัจจุบัน) มีแค่ไหน อันนี้เป็นเครื่อง ตัดสนิ การเจริญธรรม ส�ำเรจ็ งา่ ยหรอื ยาก นานหรือเรว็ หรือไม่มีทาง เพราะกิเลสแต่ด้ังเดมิ ก็แกก่ ล้าศรัทธาก็ไมม่ ี หรือออ่ นมาก หรอื อดตี มนั แยม่ าก เรียกว่า background ไมไ่ หว เรา ไม่รู้ว่าอะไรแฝงอยู่ในตัวของเราท่ีเน่ืองมาจากอดีต และจะโผล่ข้ึนหรือ ท�ำงาน (WORK) เม่ือใด เพราะบญุ กับบาปนี้กล็ ว้ นทำ� กันมานมนาน to infinity ในอดตี จะให้ผลเมอ่ื ไรก็ไมร่ ู้ แตเ่ หตุการณใ์ นชวี ิตของเราจะเป็นเคร่อื งแสดงหรอื พสิ ูจนใ์ ห้เหน็ ได้ อันนี้พูดเฉพาะบุญบารมี ชนิดร้ายๆ ท่ีท�ำให้เกิดคนชนิด Men of Destiny เช่น เจงกิสขา่ น นโปเลยี นโบนาปารต์ ฮติ เลอร์ เราไม่พดู ถึง เราพดู ถึงแต่ทด่ี เี ป็นบญุ บารมี เช่น พระองคุลีมาลสนั ตติอ�ำมาตย์ (เพยี งได้ยนิ พุทธพจน์ว่า) “กังวลอะไรของเธอในอดีต วางกังวล อะไรของเธอในอนาคต วาง ฯลฯ ในปจั จุบันวาง ก็ส�ำเร็จเป็นพระอรหนั ตท์ นั ที พระพุทธบิดา ก็ไมต่ อ้ งทรงสอนมาก สำ� เร็จอรหันต์ไมท่ ันได้บวช ในสมยั พุทธกาล ผฟู้ งั ธรรมจากพระพุทธองค์ เพียงคร้ังเดียวส�ำเร็จแต่ข้ันโสดาบันข้ึนไปมีมากมาย แม้เด็กอายุเจ็ดขวบขอบวชเป็นสามเณร ในสมัยเริ่มแรกพุทธกาลยังไม่ทรงก�ำหนดให้เด็กอายุ ๑๐ ขวบ ออกบวชเณร พอมีดโกน แตะศรี ษะตอนโกนผมกร็ แู้ จง้ ทุกข์ เมื่อวางเหตทุ ุกข์ (คือความหลงเพลนิ โลก) ส�ำเร็จอรหนั ต์ ทันทกี ม็ ีหลายองค์ ชาวบ้านท่เี จรญิ สตปิ ฏั ฐานท้งั หมู่บา้ น ไมว่ า่ หญงิ ชาย เด็กผู้ใหญ่ กม็ ี 84

โลกุตตรธรรมท่ีเป็นสังขาร คือการเกิดโลกุตตรมรรค โลกุตตรสติปัญญา น้ัน พระพุทธองค์ทรงเรียก สงั ขารพเิ ศษ (ปฏสิ ัมภิทาสตู ร) ทา่ นพระสารีบตุ รวา่ โพธิปักขยิ ธรรม (คือภาวนาธรรม) ท้ังหมด แทงตลอดขณะจิตเดียว เหมือนฟ้าผ่าลงบนกิเลส กิเลสก็ตาย ทันที หรือเปดิ ตาก็เหน็ ทันที ไมใ่ ช่ ก ข ค ไลต่ ามกันมา (intellectual method) คอื ขณะหน่งึ ท่ีสติปัฏฐานตัวจริงเป็นอริยมรรครวมเกิด ผลคลื่นอดีตแฝงอยู่ในปัจจุบัน กาย ใจ (Zero second of a running (force) wave) และอะไรทีเ่ กดิ Zero second ปัจจุบนั เป็น potential พลังดันส่งผลถึงอนาคต เป็นกรรมวิบากแฝงในกาย ใจ ขันธ์ห้า อนาคต ในจุด ปัจจุบันธรรม สังขารปัจจุบัน ถ้ามีสมาธิ อภิญญา มองดูจึงเห็นได้ท้ังอดีต อนาคต อย่าง ยืดยาวของชีวิตสังขารปัจจุบัน เหตุการณ์โลก เช่น วิชาที่หนึ่งท่ีสองของพระพุทธองค์ และ ของพระอรหันต์บางองค์ ปัจจุบนั กาย ใจ (ขันธ์หา้ ) ของแตล่ ะคนแตล่ ะสตั ว์โลกจึงทรงไวซ้ ง่ึ ผลทั้งหมดของอดีต ท้ังหมด (to infinity) และเหตุหรือพลงั ทีจ่ ะท�ำให้เกิดพฤตกิ ารณ์ (Potential ศกั ย์) ในอนาคต ไกลแสนไกลได้ แม้ Matter ของกายก็เก่า คือมีมานานเท่ากับ Nature แล้ว แต่น่ัน ไม่ส�ำคญั เท่าดบั ขนั ธห์ า้ อวิชชา ในปัจจุบัน ทพ่ี ระพุทธองค์ทรงสำ� เร็จในวิชาที่สาม คอื เจรญิ อริยมรรคโลกตุ ตรธรรมส�ำเร็จ ร้แู จ้งอริยสัจสี่ พระนพิ พาน สจั ธรรม อมตธรรม วริ าคะธรรม (ธรรมทไ่ี ม่มคี วามใคร่ก�ำหนดั ในกาม สมาธ)ิ รู้แจ้งจริงมีเพยี งหนง่ึ สองจรงิ ไมม่ ี พระนิพพาน เท่าน้ันจรงิ นอกนัน้ อวิชชา (ทุกข)์ เท่านัน้ เกิดข้ึน อวชิ ชา (ทกุ ข)์ เท่านัน้ ดับไป หรอื อวชิ ชา ปจั จยาสงั ขารา ฯลฯ ภพ ชาติ ชรา มรณะ ทกุ ข์ อวิชชา ดับไม่เหลอื เศษ สังขารดบั ฯลฯ ภพ ฯลฯ ทุกข/์ ดับ สรุปโดยย่อ เพียงจิตกับอวิชชาเหมือนอาทิตย์กับเมฆ อาทิตย์นั่นสว่างตามธรรมชาติ เม่ือเมฆบังก็หม่นหมองมองไม่เห็นฉันใด พระพุทธองค์ทรงกล่าว ธรรมชาติแท้ของจิตไม่ใช่ ทุกข์ ไม่ใช่อริยสัจทุกข์ ไม่ใช่สมุทัยตัณหา ไม่ใช่แม้อริยมรรคนิโรธ ไม่ใช่แม้วิบากธรรม ขนั ธห์ า้ ธรรมบรสิ ทุ ธ์ิ (กาย ใจ พุทธ) ไมใ่ ชอ่ ายตนะหลง คอื (ตา หู จมกู ลิ้น กาย ใจ) พร้อมอวิชชา ธรรมชาติจิตเดิมเป็นของผ่องใส แต่เศร้าหมองเพราะกิเลสที่จรมา ถ้า อริยปัญญาเกิด อวิชชาดับ จิตรู้จักจิตสภาพแท้ตามธรรมชาติของจิตภพหลงไม่มี อริยมรรค 85

เป็นโลกุตตรธรรมแม้เป็นสังขาร คือวิญญาณ (รู้) แม้หนึ่งขณะจิต ถ้าจะเปรียบก็เหมือน อาการคลื่นลูกสุดท้ายหรือใกล้สุดท้ายที่มาถึงฝั่งทรายของมหาสมุทรระงับเพียงแค่นั้น หรือ รัศมี (rays) ของจิตแท้เดิมน่ันเองที่เป็นจติ บริสทุ ธ์ิ ประกอบเข้ากับขันธห์ า้ (กายใจ) และถูก ท�ำให้มกี ำ� ลังกลา้ (ภาวนา) คอื เจรญิ มรรค (develop) รัศมีท่ถี ูกช่วยให้มกี �ำลงั กล้าแล่นผา่ น ขันธ์ห้า ท�ำลายความมืด (อวิชชา) ท่ีบังจิตด้วยบังขันธ์ห้าด้วยให้ปราศจากการไปเสียได้ ปัญญาเห็นธรรมข้ันธรรมดา (จินตามยปัญญา intellectual) เหมือนแสงดาวไกลลิบแล่นสู่ คลองจักษุ ภาวนาถูก(right meditation) หรือสมั มาทิฏฐิ ความเห็นชอบตามทพ่ี ระพทุ ธองค์ ทรงบัญญัติ เหมือนแล่นตรงตามเส้นทางแสงสว่างสู่ดวงดาวก็สว่างข้ึนทุกที เมื่อถึงดาว คือ STAR ดวงอาทิตย์ จบเร่ือง เมือ่ อวชิ ชาดบั แลว้ สภาพแท้ของจติ ก็ปรากฏเปน็ จิตท่ีหลุดพน้ แลว้ เปน็ จติ บรสิ ทุ ธผิ์ อ่ งใส (โลกตุ ตรจติ ) ขนั ธห์ า้ กเ็ ปน็ ธรรมบรสิ ทุ ธ์ิ (พระธาต)ุ (กะโหลกศรี ษะของ พระอรหันตไ์ มเ่ หมอื นของคนธรรมดา ผ้มู ีวิชาโยคเี คาะดูไม่รู้ไปเกิดทีไ่ หน) เป็นโลกธรรมแปด ส�ำหรับพระอรหันต์ คือ สุข ทุกข์ (เวทนา) ได้ลาภเส่ือมลาภ ได้ยศเส่ือมยศ สรรเสริญ นินทา ถกู ตอ้ งจติ บรสิ ุทธ์ิ แล้วจติ พระอรหนั ตจ์ ึงไมห่ ว่ันไหวต่อโลกธรรมทง้ั แปดดังกล่าว 86

Adelaide, South Australia ตุลาคม อาตมาได้อ่านจดหมายของคุณแล้ว ขออนุโมทนา ๒๕๓๔ ในกุศลจิตทานมัยของคุณโยมและยินดีที่ภาวนาสติใช้การ ได้ดีในการต่อสู้กับความยากล�ำบากในการท�ำงานและการ เจริญสติปัฏฐานได้ผลดี แม้ไม่ถึงข้ันบรรลุโลกุตตรธรรม แต่ช่วยจิตใจให้พ้นจากอารมณ์ร้ายได้น้ัน น้อยคนท�ำได้ใน โลก เอาเฉพาะโลกมนุษย์ราว ๕,๐๐๐ ล้านคน ส่วนสัตว์ ภูตาวา สัมภเวสี ผีเร่ร่อน เปรต สัตว์นรก มากกว่านี้ มากนกั ยงั ไมไ่ ดน้ ับส่วนพวกเทวดา พรหม ท่ีเป็นพทุ ธหรือ เคยเจริญสติปัฏฐานเป็นก็น้อยเหมือนกัน โยคะภาวนาท่ี ท�ำให้เป็นพรหม ไม่ใช่เจริญอริยมรรคแปด สติปัฏฐานสี่ พทุ ธธรรม ทเ่ี รียกวา่ โลก ภพ กามภพ รูปภพ อรปู ภพ อริยสจั ทุกข์ (อุปาทานขนั ธ์หา้ ) ถอื เป็น ตนของตน (Not-I, I-the word problems) ก็เพราะจิตมดื ไดย้ ิน-มดื อย่ตู ามเดิม ได้เห็น ไม่เหน็ สภาพธรรม ได้รู้ วางปลงไมต่ ก วางกงั วลท้งั หมด วางขนั ธห์ า้ วางกงั วลขันธ์หา้ ไมไ่ ด้ วางยึดมน่ั (อปุ าทาน) ในนามรูป รปู วัตถุ ความคิด นกึ รู้ (วิญญาณ) ไม่ไดก้ ็เสร็จกนั ตรงนี้ แหละ เรอื่ งของสรรพสตั ว์ จกั รวาล ภพ เกดิ ตามวัฏฏะ โง่ กิเลส ทกุ ขร์ ้ายกาจ หาประโยชน์ มไิ ดพ้ รอ้ มกอ็ ยูท่ ขี่ ณะจิตเดียว “ไดย้ ิน” “ได้เหน็ ” “ร”ู้ “คิด” แตไ่ มม่ ีพทุ ธธรรม สติปัฏฐาน อยู่ด้วยน่ันเอง ท่ีเข้าใจว่า เรา ของเรา ปัญหาโลก ทุกข์ หลง ก็คือขณะจิตท่ีไม่มีสติหน่ึง ขณะจิตส้ันเกือบเท่า ๐ second เท่าน้ัน แต่มันเกิดติดต่อกันเป็น frequencies เร็วกว่า electronic ถ้าเจริญสติถึงข้ันได้ผลเต็มท่ีก็ขณะจิตเดียวเหมือนกัน เหมือนเปิดสวิทซ์ไฟฟ้า ภพหลง โลกหลง ตนหลง หลงตน เทวดา ผี ขา้ วของ จึงดบั สญู ไปได้ เหมือนเรายนื อยู่ใน ห้องหน่ึงนานแล้วแต่เปิดตาไม่ขึ้น พอเปิดตาได้ทันที อ๋อ ยังงี้เอง ถ้าไม่ยังงั้นแย่ตลอดกาล คอื อริยสัจทุกข์ 87

พระพุทธเจ้าล่วงไปแล้วเกือบเท่าเมล็ดทรายก็ยังแย่อยู่ตามเคย ก็ดูทุเรศมาก แม้ใน สมัยกึ่งพุทธกาลเลยไปบ้างเล็กน้อย ในเมอื งไทย หลวงปนู่ ่ัน หลวงปนู่ ่ี ท่าน “ไปได”้ (สคุ ะโต) แต่ผู้ที่จะท�ำตามได้ก็หายาก ท่านเจ้าคุณอุบาลี (วัดบรมนิวาส สมัยรัชกาลท่ี ๖) ผู้ชวน พระอาจารย์มน่ั ภรู ิทตโฺ ต ออกบวช เทศน์เปน็ เยี่ยม บนั ทกึ ชวเลขไวห้ มด พิมพเ์ ปน็ หนงั สือ ใหญก่ วา่ Webster Dictionary ฉบบั สมบรู ณ์ รว่ ม ๒๐ ปี ในตอนใกลๆ้ สดุ ทา้ ยชวี ิต ท่านวา่ เทศนม์ านมนานยงั ไมเ่ ห็นบรรดาศิษย์ ญาตโิ ยม คฤหสั ถ์ ได้ถึงโสดาบันสกั คน แตอ่ ยา่ งไรกด็ ี ญาติโยมศิษย์ท่านมากมายได้แสงสว่างได้ศรัทธาดีพอสมควร เป็นเคร่ืองน�ำชีวิตให้ถูกทาง อยา่ งน้อยไม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไมท่ �ำบาปกรรมหนัก ทำ� บุญไว้มาก เปน็ สัมมาทฏิ ฐิ น่ีเป็นเรอื่ ง สำ� คญั ทส่ี ุด เรอื่ งธรรมดาถ้าจะมองดอู ย่างมปี ัญญา ขนาดธรรมดาๆ กด็ ตู ายกแ็ ล้วกนั วันน้อี าตมา ไปสถานท่ีตากอากาศมีช่ือ Victor Harbor ของ Adelaide ได้พบสุภาพสตรีญ่ีปุ่น ท่ีนั่น โดยบังเอิญ เขามาช่วยโยมผู้หญิงไทยท�ำอาหารถวายเพลก็ได้รู้จักกัน ต่อมาพร้อมกับศิษย์ และสุภาพสตรีไทยไปเยีย่ มบ้านเขา เป็นบ้านใหญ่โตสวยหรูมากแบบฝรงั่ ข้างในประดับดว้ ย ส่งิ ตา่ งๆ ทีง่ ดงามมาก มีรูปสามเี ขาคนออสเตรเลยี ทีต่ ายไปนานแลว้ หญงิ ญปี่ ุ่นคนน้นั ต้องอยู่ คนเดียว ไม่มีคนใช้แบบในไทยมานมนาน อาตมามองดูภาพของคนท่ีตายไปแล้วเหมือนดู ครูธรรมเป็นเครื่องบอกว่าเขาได้อะไรไปบ้างจากทุกส่ิง ตลอดจนคนที่ว่ามีเป็นของตน ไม่ได้ อะไรเลย ไม่มีอะไรเหลือแม้ความจ�ำ มีแต่ผลกรรมดีช่ัวเท่านั้นตามไปได้ พระพุทธองค์ทรง กลา่ วถา้ ปลงตกเพียงแคน่ ้ีได้ก็นบั วา่ บญุ แลว้ โยมดูซิ เผาศพเมืองไทยกันมามากแล้ว งานหรู ท้ังน้ันหาคนปลงไม่มี รวมทั้งพระ มีแต่คนแบก นี่คืออริยสัจที่หนึ่ง ทุกข์ พึงก�ำหนดรู้ แต่ กรรมของสัตวเ์ หลอื กำ� ลงั ในที่สุดน้ีหวังว่าคุณฯ โยมและคณะศรัทธาภาวนาทก่ี รงุ เทพฯ คงสบายดกี นั ทกุ คน เจริญพร พระบุญฤทธ์ิ (ปณฺฑิโต) ป.ล. อาตมาสอนภาวนาแก่สุภาพสตรีญี่ปุ่นที่บ้านนั้นราว ๑๕ นาที แต่แกก็ท�ำได้ผลดีชอบใจ ไม่เคย ภาวนามาเลย แกว่าจะปฏิบัตทิ กุ วัน 88

ตุลาคม ๒๕๓๔ สักกายทิฏฐิ Adelaide, South Australia สงั โยชน์ (เครอ่ื งผูก) ท่ีหน่งึ ในสิบ อันเปน็ ผลของอวชิ ชาสรา้ งสงั ขารโลก คือ ภพสาม กามภพ อรูปภพ หรอื ขันธ์ห้า หลง รูปนาม หลงนี้เป็นเรอื่ งใหญ่ทส่ี ุดทสี่ รา้ งสรรพสัตวท์ ัง้ หมด ท่ีเป็นปุถุชน ตงั้ แต่พวกพรหมทกุ ชนดิ ทย่ี ังไมบ่ รรลุอรยิ มรรคธรรมในอรยิ สจั ส่ี ตลอดเทพ คน สัตว์ สัมภเวสี หรอื ท่ีว่ากายทพิ ย์ ผี เปรต จนสัตว์นรกทงั้ หมด รวมสรรพสตั ว์ท่ีหลงเกดิ ตาย ฆ่ากันไม่รู้จักหยุด ท้ังหมดไม่พ้นอริยสัจทุกข์ คืออุปาทานขันธ์ คืออวิชชาปิดจิต ไม่รู้แจ้ง ขันธ์ห้าเพราะจิตไม่ถึงอริยมรรคโลกุตตรธรรม (Ultra mundane) ยึดว่าเป็นตน ของตน กเ็ วียนว่ายกนั อย่อู ยา่ งน้ัน ไมใ่ ช่เรอื่ งทุกข์อยา่ งพวกนอกพทุ ธเขา้ ใจ เช่น ล�ำบากกาย แก่ เจ็บ ตาย ยากจน ล�ำบากใจ ในปญั หาตน ปญั หาการเมืองโลก พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ในพระปฐมเทศนา (First Sermon) ว่า อริยสัจทุกข์แท้ คอื อุปาทานขนั ธ์ ไมร่ จู้ กั ขนั ธห์ า้ อนตั ตา ยดึ เอาเปน็ เรา-เขา-ตน เท่ยี ง ส่วนเกดิ แก่ เจ็บ ตาย อยากอย่ดู ว้ ย ไม่ไดอ้ ยูด่ ้วย ตอ้ งอยดู่ ว้ ย อยากอะไรไม่ไดส้ มหวัง เปน็ เพียงปลกี ยอ่ ย ถ้า เจรญิ อรยิ มรรคสตปิ ัฏฐานได้ ของพวกนไี้ ม่มอี ำ� นาจเหนือจติ บริสุทธ์จิ ากอวชิ ชาอยา่ งใด อย่าง ท่ีพระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ในตอนท้ายมงคลสูตรว่า ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ กมั ปะติ เป็นต้น ความว่า จิตตถาคตถกู ต้องโลกธรรมแปด (สขุ ทุกข์ ไดล้ าภ เส่อื มลาภ ได้ยศ เส่ือมยศ สรรเสริญ นินทา แล้วไม่หวั่นไหว ผ่องแผ้ว เกษม ดังน้ี กว่าจะถึงความ รู้แจ้งสัจธรรมอันเป็นโลกุตตรธรรม (Ultra mundane) ไม่ใช่ปุถุชนโลกียธรรม (Worlding) อันน้ีเป็นเร่ืองนานแสนนานนับต้ังแต่พระองค์สมัยเป็นฤาษีได้พบพระทีปังกรพุทธเจ้าสัมมา- สัมพุทธเจ้า (Perfect Buddha) (ไมใ่ ช่ Silent Buddha) แล้วอุทศิ กายใหพ้ ระทปี ังกรพุทธ และพระสาวกเดนิ เหยยี บขา้ มเปลอื กตมและตงั้ อธษิ ฐานจติ วา่ โดยอานภุ าพธรรมคอื ทานธรรม ท้ังนี้ขอให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างพระพุทธเจ้าองค์นี้เทอญ พระพุทธเจ้าทีปังกรผู้มีสัมมา- สัมพุทธอภิญญา ทรงรู้ว่าเป็นไปได้ก็รับเชิญทรงเดินเหยียบหลังฤาษีตนน้ันไปและอนุโมทนา (ประเพณีท�ำทานแบบน้ี บางหมู่บ้านในอีสาน ชายไทยหนุ่มพวกศรัทธาวัดป่ายังท�ำกันอยู่ 89

เมอื่ ราว ๓๐ ปมี าน้ี) เมอื่ พระพทุ ธทีปงั กรเสด็จผ่านไปแลว้ สเุ มธดาบส ผเู้ ชยี่ วชาญสมาธญิ าน และอภิญญาข้ันโลกีย์ของพวกฤาษี ก็นั่งเข้าฌานก�ำหนดดู (กดปุ่ม computer ว่างั้นเถอะ) กเ็ ห็นนิมิต ๑๐ ประการ รูว้ า่ ต้องสร้างบารมีสิบใหถ้ งึ ข้ันสมบรู ณ์ (perfect) กจ็ ะสำ� เรจ็ เปน็ พระสมั มาสัมพุทธเจ้าได้ แตน่ ้นั ก็ได้สร้างบารมีสามสิบทัศ มีทาน ศลี เนกขมั มะ (ออกบวช หรือรักษาอโุ บสถศีล (ศลี แปด) เป็นตน้ ตอ้ งทนทุกข์ทนทานให้เปน็ ฝ่ายถกู แกลง้ ทนลำ� บาก กาย ใจ เจรญิ เมตตา ปัญญา อเุ บกขา อยู่รว่ ม ๓,๐๐๐,๐๐๐ ชาติ จงึ ระเบิดอวิชชา ผสู้ รา้ ง วัฏสงสาร สรรพสัตว์ ปุถุชนต้ังแต่ยอดพรหม เทวดา คน สัตว์ ลงไปถึงพวกก้นนรกได้ พระพุทธเจ้าทุกองค์ทรงเจริญอริยมรรคโลกุตตรธรรมได้ส�ำเร็จสมบูรณ์ ทรงรู้แจ้งขันธ์ห้า ดับอวิชชา อุปาทานขันธ์ สักกายทิฏฐิ ได้แล้ว แม้มานะ ความคิดชินเคยว่า “เราๆ” ของ พระอนาคามี (the No-returner) ก็ดับได้แล้ว แม้เศษอวิชชาท้ังหมดคือสังโยชน์สุดท้ายก็ ดับได้ ไม่หลงเพลินสมาธิฌานต่อไป แม้กายยังไม่แตก ก็อาศัยสมาธิเป็นเครื่องพักสังขาร เทา่ น้นั เรียกวา่ สมาบตั ิ ฉะน้ัน เร่ืองรู้พระพุทธศาสนาได้ผลเด็ดขาดดี จริง พ้นทุกข์ทันที จึงไม่ใช่เพียงคิดๆ พดู ๆ อ่าน หรอื แม้ปฏบิ ตั ิแตย่ งั ไมด่ ีพอ แมพ้ ระสาวกไม่วา่ ภิกษุ ภิกษุณี สามเณร ชาวบ้าน ท่ีจะส�ำเร็จอริมรรคธรรมโลกุตตรธรรมในอริยสัจสี่อันเป็นธรรมชาติของธรรมดาท่ัวไป หรือ Total nature หรอื ธรรมชาตกิ ารทำ� งาน (Function) ของจิตท่วั ไป กต็ ้องสรา้ งบารมมี าก่อน หลายชาตเิ หมอื นกัน ในราวๆ ๕ หม่นื ชาติ แต่ไม่ตอ้ งถงึ ขนั้ สูงสุด (เชน่ ทานทที่ ำ� กันอยู่ เฟือ้ ง สลึง ขึ้นไป แต่ไม่ถึงขนาดพระเวสสันดร ท่ีในท่ีสุดทรงเกิดเป็นพระโพธิสัตว์ครั้งสุดท้ายใน ตระกูลศากยวงศ์เมืองกบิลพัสดุ์ (Nepal) ออกบวชบ�ำเพ็ญเพียรล�ำบากอย่างย่ิงในป่าใหญ่ท่ี คนธรรมดาไมส่ ามารถท�ำได้ พระองคไ์ ด้บรรลุสมั มาสัมโพธญิ าณในวันวิสาขบชู า แล้วชว่ ยให้ ญาติ มิตรสหาย แม้ในชาติก่อนมีพระมเหสีพร้อมราชบุตร ธิดา ชาลี กัณหา ที่ร่วมช่วย สร้างบารมีในสมัยพระเวสสันดรพ้นทุกข์ภัย คือ กามภพ แม้รูปภพ อรูปภพ ไปได้ พร้อม เทวดา มนุษย์ พรหม มากมาย แมใ้ นสุดท้ายจวนสุดทกุ วนั นถ้ี งึ พวกเราชาวพุทธปจั จบุ นั เพราะฉะน้ัน มันจึงเป็นเร่ืองยากที่จะรู้จริง พ้นอวิชชา พ้นหลงขันธ์ห้า ว่าเป็นตน I, that, produces Not -I, I, the word, the word is not juts for me ได้ แต่กไ็ ม่พ้นวสิ ยั (Not impossible) เพราะอริยสัจส่ี มืด สว่าง เป็นธรรมดาของธรรมชาติ อวิชชามีวิชา 90

(โลกุตตรวิชา อริยมรรคแปด) ก็มีเป็นธรรมดาเหมือนมหาสมุทร H2O ธาตุน้�ำ เปียกคงท่ี constant นำ�้ คงเป็นธาตนุ �ำ้ กย็ ังมีอยเู่ ช่นน้ัน ที่เหน็ เป็นคลน่ื อาการขึ้นลง (เกดิ ดบั อนจิ จงั ) (รูปนาม) ก็มีอยู่เช่นน้ัน คลื่นที่มาถึงฝั่งบางแห่ง (เทียบพระนิพพาน) มีเพียงเล็กน้อยแต่ก็ มีอยู่เสมอ เพราะธรรมชาตมิ อี ยูเ่ สมอ แมจ้ ติ มืด พน้ มดื ไม่วา่ จกั รวาล (Universe Galaxies) จะเกดิ ดับไมร่ จู้ ักหยดุ เทา่ ใดกต็ าม กม็ ีอยูเ่ สมอ อริยสจั สพี่ ระนิพพานเป็นธรรมยืนพนื้ สภาพ ธรรมดา ดุจคล่ืน-น�้ำ-มหาสมุทร เฉพาะ Energy Matter ที่ทางวิทยาศาสตร์ว่าคงท่ีนั้น พระพทุ ธองค์ว่ามหาภูตธาตไุ มด่ ับสญู แตไ่ ม่สามารถหย่งั ลงสพู่ ระนิพพาน (สจั ธรรม อมตะ วิราคะธรรม วสิ ังขาร (No-condition) No space t– ime perception) ได้ อวิชชาดบั เม่อื ใด วิญญาณนามรูป (ขนั ธ์ห้าโง)่ ก็ดบั เม่อื น้นั ทเี่ หลอื กอ่ นปรนิ พิ พานคอื กาย ใจ พระพทุ ธเจ้า พระอรหันต์ เปน็ เศษกรรม วิบาก กริ ิยาจิต ธรรมโลกุตตรจติ หยั่งลงสู่พระนิพพาน (วิสังขารคะ ตัง จิตตงั ) จติ ตถาคตหยงั่ ลงสู่วสิ งั ขารธรรม the uncondition เป็นธรรมวสิ ทุ ธ์ิ ไมถ่ กู เผาอยู่ ดว้ ยราคะ โทษะ โมหะ อยา่ งปถุ ุชน ดงั ทรงแสดงไวใ้ นอาทิตตสูตร พระธาตุจึงเปน็ อยา่ งที่ เป็นอยู่ ไมม่ ลี กั ษณะและคุณภาพอย่างกระดกู สกปรกด้วยกเิ ลสของปถุ ุชนสัตว์โลก ฉะน้ันที่เราภาวนาท�ำกันถือว่าสร้างบารมีต่อก็แล้วกัน ที่ว่าจะ “รู้” ถึงข้ันพ้นทุกข์ เดด็ ขาดพน้ วัฏสงสารไดน้ นั้ ถึงเวลาแลว้ when the time comes ย่อมเปน็ ไปตามธรรมดา แม้ไม่อยากไมร่ ้ตู ัว เมื่อปจั จัย (condition) ทกุ อยา่ งมันถงึ พร้อม (ready) อนั น้ีเป็นธรรมดา ธรรมดาโลกทางพระท่านเรียกว่า ปุพเพกตปุญญตา การเป็นผู้มีบุญอันท�ำไว้ก่อนแล้ว คือ สร้าง (Background) ไว้แลว้ หรอื สรา้ งภาวนา (develop) ตอ่ ไป เรื่องของหวั อสรพิษ หรือหวั อวชิ ชา คอื สกั กายทฏิ ฐิ น้ีเป็นเรือ่ งใหญ่ทสี่ ุด เพราะสร้าง ภพสร้างโลกไม่สิ้นสุด ทนทุกข์กันอยู่ เปรียบเหมือนคนถูกตรึงพืดไว้ก้นบ่อมืด ท่ีปากบ่อมี รงั ผึ้ง นานๆ ทนี ้ำ� ผง้ึ หยดลงไปถกู ปากคนทกี่ น้ บ่อกเ็ พลินอยู่ ฉะนั้น พระพุทธองคท์ า่ นเทยี บ สุขในกามภพ ดังนัน้ การไดโ้ อกาสเกิดเปน็ คนก็แสนยากทจ่ี ะไดม้ ี capacity และ possibility ทข่ี ึ้นอย่กู ับสถานท่ี เวลา (สมยั ) เกดิ ทใี่ คร ทไ่ี หน เม่อื ไร อย่างพวกเรายังเรยี กว่าบุญเก่าดี ท่ีเกิดสมัยน้ีกับท่านที่ๆ พุทธถึง หลังจากน้ีไปสัก ๑๐๐ ปี ไม่รู้เป็นยังไง คนบุญเก่าไม่พอ no capacity no possibility to learn ท่ีจะศึกษาธรรมได้ ที่เราล�ำบากกันอย่างสาหัส ไม่ว่าจะรู้ตัวไม่รู้ตัวก็เพราะหัวงูนี้เอง คือ โง่ อวิชชา ไม่รู้จักขันธ์ห้า ยึดเป็นตน ของตน 91

ถ้าไม่ต่อสู้มันก็อยู่ยังง้ัน แต่อวิชชานี้มันเป็นจอมโลกทีเดียว หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ท่าน เปรียบว่าเหมือนเราขึ้นสังเวียนมวย เราน่ังมุมหนึ่ง กิเลสน่ังมุมตรงข้าม เราว่า “กูจะเอา มึงละ” ลุกข้ึนมันก็ลุกข้ึนเหมือนกัน เดินเข้าไป มันก็เดินเข้ามา เราว่าพักนั่งท่ีมุมสังเวียน มันก็กลับไปนั่งเหมือนกันอยู่ยังงี้ มันจึงยาก แต่อวิชชาไม่ใช่สัจธรรม คือเกิดดับได้ ส่วน พระนิพพานเป็นสัจธรรม ไมม่ ีสภาพเกดิ ดับ เป็น วริ าคะธรรม (ไม่มีความใคร)่ ธรรมชาติที่ ไม่ใช่ตัณหา เป็นท่ีตั้งของอุเบกขาอันยิ่ง (ไม่ใช่ตัณหา) คืออุเบกขาในสรรพธรรม อริยสัจส่ี พระนพิ พาน มหาภตู ธาตุ สังขาร วิสังขาร ทงั้ หมด (the total Nature) เพราะอวิชชาในกาย ใจ อายตนะ ขนั ธห์ ้าดับ เจรญิ พร พระบญุ ฤทธิ์ ปณฑฺ โิ ต 92

93

๒๔ ตุลาคม ๒๕๓๔ ความรู้ อภญิ ญา สัมมาสมั โพธิญาณ Adelaide, South Australia Methods of learning - วธิ ศี ึกษาหาความรตู้ ามแนวทางตะวนั ตก คอื ทัศนะ หรือ ปรชั ญาตะวันตก สรุปแลว้ มี ๒ วธิ ี คอื โดยการคดิ ถอื Discoursive หรอื Intellectual way หรือโดยเชาวนะ Intuition ซึง่ ในปจั จบุ ันได้เติมแขนง Parapsychology ปรจิตวิทยา หรอื ESP (Extra Sense Perception) หรอื นยั น์ตาที่สามเข้าไวด้ ้วย บางคร้งั ความรูเ้ ป็น imagination คาดคิดเห็นในทางประวัติศาสตร์หมดโลก ความรู้ของมนุษย์มาจากความคิดอาศัยปัญญา มนุษย์ อาศัยเหตุผล ที่เรียกว่า ตรรกวิทยา หรือ logic เช่น ก เท่ากับ ข เท่ากับ ค เพราะฉะนั้น ก เท่ากับ ค เป็นตน้ เปน็ แบบ intellectual เกอื บทั้งสิ้น แตก่ ็มเี ชาวนอ์ ยู่บา้ ง ไม่มากก็นอ้ ย บางครง้ั ก็เป็นเชาวนแ์ บบสงั หรณ์ หรือ VISION คอื ESP ท่ีไม่ผดิ พลาดเกยี่ วกับ เหตุการณ์ที่ก�ำลังจะเกิดหรือจะเกิดขึ้นในอนาคตอันไม่ไกล และการคิดฝัน imagination ของบางคนแล้วกลายเป็นของหมู่คน โดยเฉพาะเทพนิยายของคนสมัยโบราณท่ีเรียกว่า Mythology โดยเฉพาะเทพนิยายของชาวอารยัน Indo-European ในยุโรปสมัยโบราณ ท่ี รวมบรรพบุรุษชาวอินเดียวส่วนใหญ่ปัจจุบันหรือชมพูทวีป เทพนิยายของอียิปต์บาบิโลเนียน อัสสีเรยี น เปอร์เซีย ซึง่ ถือส่งิ ทีม่ คี วามส�ำคัญในธรรมชาติ เชน่ พระอาทิตย์ พระจนั ทร์ ดาว ลม ฟา้ แมน่ ้ำ� ทะเล พายุ ฝน สมมุตเิ ปน็ เทพเจ้าตา่ งๆ (แต่ไมใ่ ชแ่ บบเทวดาในพระพุทธศาสนา) เป็นเทพท่ีคนพวกน้ันถือว่าเป็นพระเจ้า (Gods) ที่มีอ�ำนาจเหนือมนุษย์ทีเดียว เทพนิยาย เหล่านี้มีอิทธิพลอย่างมากมายเหนือความคิดเห็นของชาวอาริยะ ตลอดท่ัวยุโรป อียิปต์ ตะวันตกของเอเชีย คือตั้งแต่เปอร์เซียจรดปลายตุรกีปัจจุบันไปจนสุดเหนือยุโรปตะวันตก สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก เช่น พวกนอร์มานด์หรือไวกิ้งส์พวกหน่ึงท่ีอยู่แถบแคสเปียน อพยพลงผ่านช่องแคบไทเบอร์ปาสต์เข้ามาที่แม่น�้ำสินธุ ที่น่ีเองมีวิธีศึกษาอีกแบบหน่ึง ที่ไม่ เหมือนใครในโลก คือ วิชาโยคี เพราะที่ลุ่มแม่น�้ำสินธุนี้ต้ังแต่เหนือจรดปากแม่น�้ำ มีนคร ใหญ่โตมโหฬารท่ีเจริญไม่แพ้อียิปต์สมัยเดียวกันต้ังอยู่เป็นเวลาหลายพันปี ถ้าจะว่าถึง ผังเมืองหรือถนนในนครและท่อน�้ำโสโครกข้างถนนสองข้างก็พอเทียบนครในสหรัฐฯ และ ดีกว่ากรุงเทพฯ หรือลอนดอน เพราะเป็นถนนใหญ่ ตัดตรงตามบ้านที่ใหญ่โต มีห้องน้�ำ 94

ใหญม่ าก มบี อ่ น�ำ้ ใชอ้ ยใู่ นห้องน�ำ้ เสร็จ ผคู้ นมีเครื่องประดบั กายอย่างดี มตี ราผนกึ เอกสารใช้ มีเครื่องเคลือบท่ีมีลวดลายและมีอักษรใช้ แต่ยังไม่มีใครอ่านออกได้เลยในปัจจุบัน แม้รูปปั้น ท่ีเป็นเคร่ืองเคลือบก็มี ที่แปลกก็คือนครใหญ่โตแบบน้ีขุดค้นหาอาวุธเกือบไม่ได้เลย และท่ี ย่ิงกว่านั้นก็คอื นกั โบราณคดีสมัยปจั จุบันคน้ พบรูปคนหรือฤาษนี ง่ั สมาธแิ บบทีช่ าวอนิ เดยี โยคี นั่งในสมัยก่อนหรือสมัยพระพุทธองค์นั่ง และท่ีพวกนักภาวนาน่ังทั้งในตะวันออก-ตะวันตก ทุกวนั นี้ พ.ศ. ๒๕๓๔ ความรขู้ องพวกฤาษีโยคี ถ้าดูตามคมั ภรี พ์ ระเวทรุ่นหลังๆ ทม่ี ีพรหมศาสตร์ โยคศาสตร์ อยู่ด้วย เป็นความรู้เกิดจากสมาธิญาณ (ญาณแปด) ที่ไม่มีในยุโรป ลักษณะความรู้น้ี เม่ือ พิจารณาดูตามพระสตู รในพระพุทธศาสนากค็ อื รูปฌาน อรปู ฌาน รูป สมาธิ อรปู หรือสมาธิ อาศัยนาม (abstraction) เป็นนิมิต ๔ อภิญญา ๕ ความรู้เห็นที่เกิดขึ้น ฤทธิ์ที่เกิดขึ้น ตัวอย่างแบบทุกวันน้ีเป็นเพียงเล็กน้อยมากที่เรียกว่า เลวิเตชั่น ท่ีทางตะวันตกปัจจุบันนิยม ลองทำ� กนั ทเ่ี รียกทางอนิ เดยี ว่า กายลหุ กายเบา เหาะเหนิ เดนิ อากาศ ระลกึ ชาติไดน้ บั เปน็ พันๆ ชาติ ดังในสมยั พระพุทธกาล โยคคี นหนงึ่ เหาะไดไ้ วมาก ปรารถนาจะเปน็ นกั ทัศนาจร ได้เหาะผ่านพระพุทธองค์ไป พระพุทธองค์ทรงถามว่าจะไปไหนกัน เขาว่าข้าพระองค์จะไป เทยี่ วดโู ลก พระตถาคตทรงกล่าวว่า โลกในศาสนาพระตถาคต คอื ตา หู จมูก ลน้ิ กาย ใจ น่แี หละ ไมใ่ ชไ่ ปตามดทู ่ีไหน ไปแบบนี้ไมม่ ีทางจบดอก พวกอารยันที่มาจากตะวันตก อิหร่าน แลว้ เหมอื นกับพวกชาวป่าบาร์เบเรยี น เขา้ มา ติดต่อกับนครท่ีเจริญมากมายน้ี คงได้เรียนหลายส่ิงหลายอย่างจากพวกนคร Harappa Mohanjadaro นแ้ี หละ ในท่ีสุดนครใหญ่โตมโหฬารขนาดนกี้ เ็ ลยสญู เสยี ไปเลย เหลอื แตซ่ าก ให้นักโบราณคดีค้นพบในสมัยปัจจุบัน แต่วิชาโยคีของพวกนี้ไม่สูญ ชาวอารยันในชมพูทวีป รับต่อมา คมั ภรี พ์ ระเวทที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕ เป็นคมั ภรี ข์ องพวกน้ี ชาวอารยนั ทสี่ บื ตอ่ กนั มา หลายสมัยโดยไมม่ กี ารท�ำลายแก้ไขฉบับเกา่ ท�ำใหน้ กั ศึกษารคู้ วามคดิ เหน็ ความรู้ของพราหมณ์ ในอินเดียแต่สมัยแรกจนปัจจุบันที่แปรเปล่ียนมาโดยล�ำดับ ความคิดท่ีเหมือนความคิดของ ชาวอารยันในยุโรปสมัยโบราณ หรือท่ีซ่ึงเป็นเทพนิยายกรีกโรมัน หรือที่เหลืออยู่เพียงช่ือใน ปัจจุบัน เช่น วันอังคาร พุธ ศุกร์ ท้ังในยุโรป ไทย หรือยุโรปเหนือ เป็นการถือเทพเจ้า ผู้มีอ�ำนาจที่สมมุติมาจากธรรมชาติหรือการกระท�ำของคนน่ันเอง เช่น เทพเจ้าแห่งสงคราม 95

(อังคาร) เข้าใจกันได้ง่ายๆ ทั่วไปแม้แต่เด็ก วันน้ีเป็นส่ิงท่ีมีในคัมภีร์พระเวทเดิม เทพเจ้า แหง่ ลม ฝน พายุ เป็นต้น แตใ่ นคมั ภีร์พระเวทรนุ่ หลังๆ พระพรหมมลี ักษณะเป็นธรรมชาติ ลึกลบั ไม่ใชพ่ ระเจา้ สรา้ งโลกอย่างเหน็ ไดง้ า่ ยๆ หนา้ ทน่ี ต้ี กเป็นของพระอศิ วร พระนารายณ์ หรือพระเจ้าผู้สร้างโลกองค์หนึ่ง ผู้รักษาโลกองค์หนึ่ง ผู้ท�ำลายโลกองค์หนึ่ง ประจ�ำอยู่ ตลอดกาล ไมจ่ บส้นิ หายไปครัง้ หนึ่งกลบั มาเกิดใหม่ (ถา้ เปรียบวทิ ยาศาสตร์ อาสโตรฟ์ ิสกิ ซ์ กค็ ือ Evolution ไม่มีท่ีสดุ ของธรรมชาติ คอื พลงั งาน วตั ถทุ ั้งหมดคงที่) สรุป ถ้าพรหมหลับ โลกเกิด ถ้าพรหมตื่น โลกหายไปช่ัวคราว ความรู้แบบโยคะน้ี มาจากสมาธิของพวกโยคี เพราะอ�ำนาจสมาธิ จิตท�ำให้เกิดอภิญญาญาณ รู้เหตุการณ์ใน อดีตชาติ ชาติในอดีต และเหตุการณ์อนาคตได้พอพอสมควร แต่อย่างไรก็ดีไม่มากมายเท่า พระอรหันต์ผู้มีฤทธ์ิหรือเท่าพระพุทธเจ้า ส�ำหรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่มี ขอบเขต พระพุทธองค์ เคยทรงกล่าวว่า ความรู้ท่ีเราสอนเปรียบเทียบกับที่ยังไม่ได้สอน เท่ากับใบไม้ในหน่ึงก�ำมือกับใบไม้ในป่า ท่านทรงสอนเฉพาะท่ีจ�ำเป็นเพ่ือพ้นทุกข์พ้นอวิชชา เทา่ น้นั วิชาจากสมาธิน้ี นักศึกษาชาวตะวันตกหลังสงครามโลกคร้ังที่สองพยายามทดลอง กันอยู่ และนิยมกันแพร่หลายมาก แต่วิชาปรจิตวิทยาน้ี หรือ Parapsychology น้ันมีการ ศึกษาในมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ บางแห่งในอังกฤษ สหรัฐ และในไทย ก็คงมี มีแต่ตามแบบ ตะวันตก ไม่ใช่จากวิธีโยคีฤาษีอินเดีย หรือคงไม่ใช่แบบสมถวิปัสสนาในพุทธศาสนา แต่ใน อังกฤษหรือแม้ในออสเตรเลียในที่บางแห่ง เหตุการณ์ท่ีเรียกว่า ผี น้ันรุนแรงมากทีเดียว เพราะเป็นวัตถุเคลื่อนไหวให้เห็นต่อหน้าได้ เหตุการณ์พวกนี้จัดเข้าในการต้องค้นคว้าทาง parapsychology หรอื ญาณศาสตร์ พระโพธิสัตว์เจ้าสิทธัตถะราชกุมาร เม่ือทรงออกบวชเข้าป่า ก็ได้ไปหาโยคี ๒ ตน ผู้เรืองเวทศึกษา ฌานสมาธิแปดช้ันข้ึนสูงสุดได้โดยรวดเร็ว แต่ทรงเห็นความบกพร่องหรือ ไม่สมบูรณ์หรือไร้สาระแก่นสารในวิชาเหล่าน้ี จึงได้ทรงปฏิบัติความเพียร รักษาอุโบสถศีล ท�ำสมาธิ และทรมานกายไปพร้อมกัน จนในท่ีสุดเลือกทางสายกลาง ไม่สุดโต่งสองข้าง ตรงข้าม (Extremists) และทรงได้อาหารอย่างดีที่สุดชนิดพระพุทธเจ้าท้ังหลายเท่าน้ัน 96

จะทรงได้รับก่อนท�ำสมาธิภาวนาส�ำเร็จสัมมาสัมโพธิญาณ คือข้าวมธุปายาสของนางสุชาดา ท่ีท�ำได้โดยไม่มีมลภาวะ pollution คือบีบนมจากวัว ๑๐๐ ตัว มาให้วัว ๑๐ ตัว กินเป็น อาหาร แล้วบีบจากวัวสิบตัวน้ีเอาไปให้วัวหน่ึงตัวกิน แล้วนำ� นมกลั่นอย่างวิเศษนี้ไปหุงข้าว มธุปายาส ประกอบด้วยน้�ำผึ้งอย่างดี ท่านว่ากล่ินหอมไปไกลมาก น�ำไปถวายพระองค์ เมื่อทรงฉันเสร็จแล้วน�ำจานทองที่นางใส่ข้าวมธุปายาสถวายทั้งหมดนั้นน�ำไปต้ังใจอธิษฐาน บารมีครั้งสุดท้าย โยนลงไปในแม่น้�ำเนรัญชราใกล้พุทธคยาทุกวันนี้ ถ้าไม่ส�ำเร็จรู้แจ้งธรรม พ้นทุกขพ์ น้ อวิชชาเดด็ ขาด กย็ อมตายกนั ตรงนัน้ ทโี่ คนต้นศรมี หาโพธ์ิ พอรุ่งอรณุ วันวิสาขบูชา ก็ทรงรู้แจ้งอริยสัจส่ี บรรลุสัจธรรม อมตธรรม วิสังขารธรรม วิราคะธรรม นิพพานธรรม ตัณหักขโย นิโรโธ ความส้ินไปแห่งตัณหา เป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาอันสูงสุด คือ อุเบกขาใน ธรรมทง้ั ปวง Total Nature เพราะไม่หลง คอื ทรงรแู้ จง้ Relativity & Absolute อริยสัจส่ี นิพพาน สงั ขารธรรม และวิสังขารธรรม Uncertainty และ Certainty จิตใต้อวิชชา จติ พน้ อวชิ ชา โลกธรรม นพิ พานธรรม มหาภูตธาตุ Energy Matter, Electricity, Electronics, protron, neutron, electron ที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า อวิชชาดับ วิญญาณนามรูป (สตั ว์โลกหลงทุกขด์ ับ) ขนั ธ์หา้ หลงทกุ ขก์ ็ดับ มหาภูตธาตุไมด่ ับสญู แตก่ ็ไมส่ ามารถหยัง่ ลงสู่ นิพพานธาตุได้ (ไมส่ ามารถทำ� ลายจติ บริสุทธไ์ิ ด้) สรุป เร่ืองสรรพวิทยา ความรู้ทางโลกทางธรรม จินตามยปัญญา Intellectual Discoursive, logic Intuition, Imagination Instinct อภญิ ญาโลกีย์ และสมั มาสัมโพธิญาณ ดงั ที่ปรากฏในพระสูตรแห่งพระพุทธศาสนาเพียงเทา่ น้ี พระบุญฤทธิ์ ปณฑฺ โิ ต (จันทรสมบรู ณ์) 97

Adelaide, South Australia ๗ อาตมาได้รับจดหมายของคุณแล้วด้วยความยินดีท่ี คุณมีนิสัยในทางธรรม และขออนุโมทนาในทานการกุศล มกราคม ของคณุ ด้วย ๒๕๓๕ สตใิ นพระพทุ ธศาสนานนั้ หมายถงึ สัมมาสติ ในอริยมรรคแปด ทีเ่ กิดในองค์โลกุตตร- มรรครวมท้งั หมดในหน่งึ ขณะจติ เมอื่ โลกุตตรมรรคหรือสตปิ ฏั ฐาน (ในกาย เวทนา (feeling) จติ ธรรม (กศุ ล อกุศล กลางๆ) ท่เี ปน็ องคโ์ ลกุตตรมรรค in actuality (not in word or ideas or intellectual nor spiritual ซง่ึ ลว้ นเปน็ โลกียะ (worldly) เกิดข้ึนคอื เปน็ ไป (function) นับแต่โสดาบันมรรคข้ึนไปจนถึงอรหัตตมรรค พุทธศาสนาเป็นธรรมแสงสว่างที่ดับความมืด อวิชชาทค่ี วบคุมจิตปุถุชนทั่วไป ตั้งแตย่ อดพรหมโลกลงไปจนสดุ กน้ นรกคอื สัตว์โลกทั่วไปเปน็ สัจธรรม โลกุตตรธรรม คือธรรมที่ท�ำให้พ้นโลกหลง ถ้าเป็นแบบโลกหลงของสัตว์โลก ทกุ ชนดิ แต่ยอดสดุ ถึงต�ำ่ สงู สุดแลว้ มันกห็ ลงอยยู่ งั งน้ั แหละ พน้ ทกุ ขพ์ น้ มดื ไปไมไ่ ดส้ กั ที ฉะนน้ั จึงเปน็ ของยากมากทส่ี ดุ แต่ไม่ impossible พระพทุ ธองค์ทรงกล่าวว่า การ รักษาหรือเจริญสติยากมาก เพราะสติมักหายไปง่ายมากรวดเร็วท่ีสุด เหมือนหยดน้�ำตกลงสู่ กระทะเหล็กท่ีร้อนสุกแดงทั้งกระทะหายไปเลยทันที แต่เม่ือได้ท�ำศรัทธาความเพียรให้เป็น ไปนานพอสมควรก็บรรลุธรรม พ้นโง่อวิชชาที่ท�ำให้เกิดทุกข์ปัญหาเกิดตายและชีวิตที่ เหนือ่ ยเปลา่ คอื บรรลุพระพทุ ธธรรม นวโลกตุ ตรธรรม (อรยิ มรรคโลกตุ ตรธรรม ๔ ระดับ และอริยผล ๔ ตง้ั แตโ่ สดาบนั อรยิ มรรค อรยิ ผล (ego concept) เกี่ยวกับขันธ์ห้า กาย ใจ ชีวิต อันเป็นโมหะธรรมดับส้ินไป (สกิทาคามี-กาม, โทสะเบาบาง) (อนาคามี-ส้ินกาม โทสะ) (อรหันต์-สิ้นกเิ ลส) โมหะธรรมดบั พร้อมทุกข์ (อยา่ งไมเ่ คยเป็นมากอ่ น to infinity) ทันที definitively) จึงสิ้นสงสัยในอริยสัจส่ี พระนิพพาน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ (จิตที่หลุดพ้นสังโยชน์เคร่ืองผูก มีสักกายทิฏฐิ (ego delusion) เป็นต้น ศีล ๕ บริสุทธิ์ เพราะจิตบรสิ ทุ ธิ์จากอวิชชา) รวมเข้ากับพระสจั อมตธรรมพระนิพพาน เป็นนวโลกตุ ตรธรรม 98


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook