Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาค ข กศน. กรณีทั่วไป

ภาค ข กศน. กรณีทั่วไป

Published by watpleng, 2020-08-02 04:21:19

Description: ภาค ข กศน

Search

Read the Text Version

คมู อื เตรียมสอบบรรจุเขา รับราชการ ตําแหนง ครูผชู วย ตามหลักเกณฑใ หม 146 7.“ด.ญ.สมหญิง ขาดเรียนเปน ประจํา” ควรต้งั คาํ ถามการวจิ ยั วา อยางไร จงึ จะเหมาะสมท่ีสดุ ก. เหตใุ ดทําไม ด.ญ.สมหญงิ ขาดเรยี นจึงเปนประจํา ข. ทางบา น ด.ญ.สมหญิง มีปญหาอะไร จึงตองขาดเรยี น ค. โรงเรียนมีปญหาอะไรทําไม ด.ญ.สมหญงิ ขาดเรียน ง. จะแกปญหาการขาดเรียนของ ด.ญ.สมหญิง อยางไร 8. ขอ ใดไมใช วิธีการกําหนดขนาดกลุมตวั อยาง ก. ใชต ารางสําเร็จรูป ข. ใชเกณฑรอยละ ค. ใชก ารคาดคะเน ง. ใชส ตู รคาํ นวณ 9. การวจิ ยั ในชัน้ เรยี น ตรงกับความหมายขอใด ก. เปนการวจิ ยั การศึกษาท่ีอยูท้ังในและนอกชั้นเรียน ข. เปนการวิจัยเฉพาะการเรยี นการสอนที่อยูในช้นั เรียน ค. เปน การวิจัยของครทู ีจ่ ดั การเรยี นการสอนท้งั ในและนอกชั้นเรียน ง. เปน การวจิ ยั ของสถานศึกษาทีจ่ ัดการเรยี นการสอน 10. ขอใดไมใ ช วัตถุประสงคหลักของผลที่ไดจ ากการวจิ ยั ในชั้นเรยี น คือขอ ใด ก. ปรบั ปรงุ พฤติกรรมนกั เรยี น ข. เพิ่มความสัมพนั ธและการสอ่ื สารระหวางครแู ละนักเรยี น ค. ปรับปรงุ การปฏิบัตจิ ากความรเู ก่ยี วกบั การเรยี นการสอนท่คี นพบ ง. ครไู ดค วามดีความชอบเล่ือนขนั้ เงนิ เดือน 11. วธิ ีดําเนนิ งานวจิ ัยในชัน้ เรยี น ควรเรมิ่ จากขอใดเปนอนั ดบั แรก ก. ระบปุ ญ หาที่เกดิ ในช้ันเรยี นทไ่ี ดจากการสงั เกตและการเก็บขอมลู ดว ยวธิ ีตาง ๆ ข. เลือกปญ หาที่ตอ งการศึกษาและแกไข ค. ตง้ั สมมติฐานถงึ สาเหตุของปญหา ง. คน หาสาเหตุของปญหาตามสมมตฐิ านทตี่ ง้ั ไว 12. Classroom Action Research คือขอ ใด ก. การวจิ ัยปฏบิ ัติการทงั้ ในและนอกช้ันเรยี น ข. การวจิ ัยปฏิบตั ิการนอกชนั้ เรียน ค. การวิจยั ปฏิบตั ิการในชัน้ เรยี น ง. การวิจยั ปฏบิ ัตกิ าร เตรยี มสอบครผู ชู วย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานาํ ทาง

คูม ือเตรยี มสอบบรรจเุ ขา รับราชการ ตําแหนงครผู ชู ว ย ตามหลักเกณฑใหม 147 13. การวิจัยในชน้ั เรียน เปนการวจิ ยั ในรูปแบบใด ก. การวิจัยเพ่ือพฒั นาเคร่ืองมือ ข. การวจิ ัยเชิงปฏิบตั ิการ ค. การวิจยั เพ่ือสรางทฤษฎี ง. การวิจยั เชงิ ปรมิ าณ 14. “การพัฒนาพฤตกิ รรมการอา นของนักเรยี นช้ัน ป.4” ขอใดคือตัวแปรตาม ก. พฤติกรรมการอา น ข. วธิ ีการพัฒนา ค. ระดบั ชนั้ ง. เพศ 15. “นักเรยี นท่ไี มแปรงฟน มโี อกาสเปน โรคฟนผุ มากกวา นักเรยี นทีแ่ ปรงฟน ” ขอความนี้ อยใู นสวนใด ของงานวจิ ัย ก. ท่มี าและความสําคัญของปญหา ข. กรอบทางทฤษฎี ค. วตั ถุประสงค ง. สมมติฐานทางวจิ ัย 16. ขอใดไมใชช นิดของ “ตัวแปร” (Variables) ก. ตวั แปรวจิ ัย ข. ตวั แปรตน ค. ตัวแปรตาม ง. ตวั แปรสอดแทรก 17. ขอใดไมใ ชชนิดของ “ประชากร/กลมุ ตัวอยา ง” ก. คน ข. ส่ิงกอสรา ง ค. เพศ ง. สัตว 18. “ความแตกตางระหวางขอ มูลท่ีมีคาสงู สดุ กับขอมูลที่มีคาตา่ํ สุดของขอมูลชดุ หนึ่งๆ เปน การวดั ขอมูล อยา งหยาบๆ” คือความหมายของส่งิ ใด ในการวิจัย ก. มธั ยฐาน ข. พสิ ยั ค. ฐานนยิ ม ง. สหสมั พนั ธ เตรยี มสอบครผู ชู ว ย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานาํ ทาง

คูม อื เตรียมสอบบรรจุเขา รบั ราชการ ตําแหนง ครูผชู ว ย ตามหลักเกณฑใ หม 148 19. คา Standard deviation = S.D. “รากท่ีสองของคาเฉลย่ี ของกาํ ลงั สอง ของคาเบ่ยี งเบนของขอมูล แตละตัว จากคาเฉล่ยี ของขอมูลชุดน้นั ” คือความหมายของสิ่งใด ในการวิจยั ก. คาเบีย่ งเบนมาตรฐาน ข. คา เบยี่ งเบนเฉลยี่ ค. คา วาเหรียญซ ง. คาเบยี่ งเบนควอไทล 20. จงเรยี งลําดบั การเขียนรายวจิ ยั ก. บทนํา > วิธดี ําเนินการวจิ ยั > ผลการวเิ คราะหขอ มลู > เอกสารและรายงานวจิ ยั ทเี่ กี่ยวขอ ง > สรุป อภปิ รายผล และขอ เสนอแนะ ข. บทนาํ > วิธีดําเนินการวจิ ยั > เอกสารและรายงานวิจยั ท่ีเก่ยี วของ > ผลการวิเคราะหข อมูล > สรปุ อภิปรายผล และขอ เสนอแนะ ค. บทนํา > เอกสารและรายงานวจิ ัยทเ่ี ก่ยี วของ > วิธดี าํ เนินการวจิ ัย > ผลการวเิ คราะหข อ มลู > สรปุ อภิปรายผล และขอเสนอแนะ ง. บทนาํ > เอกสารและรายงานวจิ ัยที่เกีย่ วของ > วิธีดาํ เนินการวจิ ยั > สรุป อภปิ รายผล และ ขอ เสนอแนะ >ผลการวเิ คราะหข อมลู 21. ความเปนมาและความสําคญั ของปญหา อยูในบทใด ของรายงานการวจิ ยั ก. บทท่ี 2 เอกสารและรายงานวิจัยท่ีเกี่ยวขอ ง ข. บทที่ 4 ผลการวิเคราะหขอมูล ค. บทท่ี 3 วธิ ีดาํ เนินการวิจยั ง. บทที่ 1 บทนาํ 22. เอกสารและรายงานวิจัยท่ีเก่ยี วขอ ง อยูในบทใด ของรายงานการวิจยั ก. บทที่ 2 เอกสารและรายงานวจิ ัยท่เี กย่ี วขอ ง ข. บทที่ 4 ผลการวิเคราะหขอมูล ค. บทที่ 3 วิธีดําเนนิ การวจิ ัย ง. บทที่ 1 บทนาํ 23. ประชากรและกลุมตวั อยาง อยูในบทใด ของรายงานการวิจัย ก. บทที่ 2 เอกสารและรายงานวิจัยทเ่ี ก่ยี วขอ ง ข. บทท่ี 4 ผลการวิเคราะหขอมูล ค. บทที่ 3 วิธดี ําเนินการวจิ ยั ง. บทที่ 1 บทนํา เตรียมสอบครผู ูชว ย By ทีมฮักแพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานําทาง

คมู อื เตรยี มสอบบรรจเุ ขา รบั ราชการ ตาํ แหนงครผู ชู วย ตามหลกั เกณฑใหม 149 24. ผลการวิเคราะหขอ มูล อยใู นบทใด ของรายงานการวจิ ัย ก. บทท่ี 2 เอกสารและรายงานวิจัยท่ีเก่ียวขอ ง ข. บทที่ 4 ผลการวิเคราะหขอมูล ค. บทที่ 3 วิธีดาํ เนนิ การวจิ ยั ง. บทที่ 5 สรปุ อภปิ รายผล และขอเสนอแนะ 25. คา อาํ นาจจาํ แนก ของแบบวัดควรมคี าเทาใด ก. .05 –1.00 ข. .05-.80 ค. .20 –1.00 ง. .20-.80 26. ขอใดไมใ ชเ ครือ่ งมอื ในการวิจยั ก. โปรแกรม SPSS ข. นวัตกรรม ค. แผนการจัดการเรียนรู ง. แบบสอบถาม 27. กระบวนการวิจัย ตามแนวคดิ ของ Kemmis and McTaggart ตรงกับขอ ใด ก. PDCA ข. PAOR ค. CIPP ง. PBBS 28. ใดคือวงจรคุณภาพของ Demming ก. PDCA ข. PAOR ค. CIPP ง. PBBS 29. ลาํ ดบั ขนั้ ของวงจรคุณภาพของ Demming ตรงกับขอใด ก. PBBS = Plan วางแผน > Best ปฎบิ ตั ติ ามแผน > Do ตรวจสอบ > Act ปรบั ปรงุ แกไข ข. PAOR = Plan วางแผน > Action ปฎบิ ัติตามแผน > Or ตรวจสอบ > Nation ปรบั ปรงุ แกไข ค. CIPP = CIPP ตรวจสอบ > Inter ปฎบิ ัติตามแผน > Plan ตรวจสอบ > Plan ปรบั ปรงุ แกไ ข ง. PDCA = Plan วางแผน > Do ปฎบิ ตั ติ ามแผน > Check ตรวจสอบ > Act ปรับปรงุ แกไข เตรียมสอบครผู ชู วย By ทมี ฮักแพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานําทาง

คูมือเตรยี มสอบบรรจเุ ขา รับราชการ ตาํ แหนงครผู ชู ว ย ตามหลักเกณฑใหม 150 30. ผทู าํ วิจยั ในชั้นเรียน คือใคร ก. ผบู ริหารสถานศึกษา ข. คณะกรรมการสถานศึกษา ค. บุคลากรทางการศึกษา ง. ครู เฉลยแนวขอ สอบการวิจัยทางศกึ ษา ขอ ขอ ขอ 1 ข 11 ก 21 ง 2 ค 12 ค 22 ก 3 ค 13 ข 23 ค 4 ข 14 ก 24 ข 5 ง 15 ง 25 ค 6 ก 16 ก 26 ก 7 ง 17 ค 27 ข 8 ค 18 ข 28 ก 9 ข 19 ก 29 ง 10 ง 20 ค 30 ง เตรยี มสอบครผู ูชว ย By ทีมฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานําทาง

คูม ือเตรียมสอบบรรจุเขา รับราชการ ตําแหนงครูผชู ว ย ตามหลักเกณฑใหม 151 การออกแบบและการดําเนินการเก่ยี วกบั งานประกนั คุณภาพการศกึ ษา มาตรฐานการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มาตรฐานการศกึ ษานอกระบบ ระดับการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน มาตรฐานท่ี 1 คณุ ภาพผเู รียนการศกึ ษานอกระบบ ระดบั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน 1.1 ผูเรียนการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนท่ีดีสอดคลองกบั หลักสตู รสถานศกึ ษา 1.2 ผูเรยี นการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐานมคี ุณธรรม จริยธรรม คานิยม และคุณลักษณะทด่ี ี ตามทส่ี ถานศกึ ษากาํ หนด 1.3 ผูเรียนการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐานมคี วามสามารถในการคดิ วิเคราะห คดิ อยางมวี จิ ารณญาณ และแลกเปลยี่ นความคิดเห็นรวมกับผอู ื่น 1.4 ผเู รยี นการศึกษาขน้ั พน้ื ฐานมีความสามารถในการสรางสรรคงาน ช้ินงาน หรอื นวัตกรรม 1.5 ผเู รียนการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานมีความสามารถในการใชเทคโนโลยีดจิ ิทัล 1.6 ผูเ รียนการศึกษาขน้ั พืน้ ฐานมีสขุ ภาวะทางกาย และสุนทรยี ภาพ 1.7 ผเู รยี นการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานมีความสามารถในการอา น การเขียน 1.8 ผูเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานนาํ ความรู ทักษะพ้ืนฐานท่ีไดรับไปใชหรอื ประยกุ ตใช มาตรฐานที่ 2 คณุ ภาพการจดั การศกึ ษานอกระบบ ระดับการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานทเี่ นน ผเู รียน เปนสําคญั 2.1 การพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษาท่ีสอดคลองกับบรบิ ท และความตองการของผูเรียน ชมุ ชน ทองถน่ิ 2.2 การใชส่ือที่เออื้ ตอ การเรยี นรู 2.3 ครมู ีความรู ความสามารถในการจัดการเรยี นรูทเ่ี นนผเู รยี นเปนสําคัญ 2.4 การวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนรขู องผูเรียนอยา งเปนระบบ มาตรฐานที่ 3 คุณภาพการบรหิ ารจัดการของสถานศกึ ษา 3.1 การบริหารจัดการของสถานศึกษาที่เนน การมสี ว นรว ม 3.2 ระบบการประกันคณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศึกษา 3.3 การพฒั นาครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 3.4 การใชเ ทคโนโลยดี จิ ทิ ัลเพื่อสนบั สนุนการบรหิ ารจดั การ 3.5 การกาํ กบั นิเทศ ติดตาม ประเมินผลการดําเนนิ งานของสถานศึกษา 3.6 การปฏบิ ตั ิหนาทีข่ องคณะกรรมการสถานศึกษาทเี่ ปน ไปตามบทบาทท่กี ําหนด 3.7 การสง เสรมิ สนบั สนุนภาคีเครือขายใหม สี วนรว มในการจดั การศกึ ษา เตรยี มสอบครูผูช วย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานาํ ทาง

คมู อื เตรยี มสอบบรรจเุ ขา รบั ราชการ ตาํ แหนง ครูผูชว ย ตามหลักเกณฑใ หม 152 3.8 การสง เสรมิ สนบั สนนุ การสรา งสังคมแหงการเรียนรู 3.9 การวจิ ัยเพ่อื การบริหารจัดการสถานศึกษา มาตรฐานการศกึ ษาตอ เนื่อง มาตรฐานท่ี 1 คุณภาพผเู รยี นการศึกษาตอเนื่อง 1.1 ผูเรียนการศกึ ษาตอเน่อื งมีความรู ความสามารถ และหรอื ทักษะ และหรอื คณุ ธรรม เปนไปตามเกณฑการจบหลักสูตร 1.2 ผูจบหลกั สตู รการศึกษาตอเนื่องสามารถนําความรูที่ไดไ ปใช หรอื ประยุกตใ ชบนคา ฐานนิยมรว มของสงั คม 1.3 ผจู บหลักสตู รการศกึ ษาตอเนอ่ื งที่นําความรไู ปใชจนเห็นเปน ประจกั ษห รือตัวอยางที่ดี มาตรฐานที่ 2 คณุ ภาพการจดั การเรยี นรกู ารศึกษาตอเนื่อง 2.1 หลกั สตู รการศกึ ษาตอเนื่องมีคุณภาพ 2.2 วทิ ยากรการศึกษาตอเนื่อง มีความรู ความสามารถ หรือประสบการณต รงตามหลกั สูตร การศกึ ษาตอเนือ่ ง 2.3 สอ่ื ท่ีเอื้อตอการเรียนรู 2.4 การวดั ผลและการประเมินผลผเู รยี นการศกึ ษาตอ เน่ือง 2.5 การจัดกระบวนการเรียนรกู ารศกึ ษาตอเน่อื งทม่ี ีคณุ ภาพ มาตรฐานที่ 3 คุณภาพการบรหิ ารจดั การของสถานศกึ ษา 3.1 การบริหารจดั การของสถานศึกษาทีเ่ นน การมสี ว นรว ม 3.2 ระบบการประกันคุณภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษา 3.3 การพฒั นาครู และบุคลากรทางการศกึ ษา 3.4 การใชเ ทคโนโลยดี ิจทิ ลั เพื่อสนบั สนนุ การบรหิ ารจดั การ 3.5 การกํากับ นเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมนิ ผลการดาํ เนนิ งานของสถานศึกษา 3.6 การปฏิบตั หิ นา ที่ของคณะกรรมการสถานศกึ ษาที่เปน ไปตามบทบาทที่กําหนด 3.7 การสง เสรมิ สนับสนนุ ภาคีเครือขายใหม ีสวนรวมในการจัดการศึกษา 3.8 การสงเสรมิ สนับสนุนการสรางสังคมแหงการเรยี นรู 3.9 การวิจยั เพื่อการบรหิ ารจัดการสถานศึกษา มาตรฐานการศกึ ษาตามอธั ยาศัย มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผรู ับบรกิ ารการศกึ ษาตามอธั ยาศัย 1.1 ผูรับบรกิ ารมีความรู หรอื ทกั ษะ หรอื ประสบการณ สอดคลองกบั วตั ถุประสงคของ โครงการ หรือกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย มาตรฐานที่ 2 คุณภาพการจดั การศกึ ษาตามอธั ยาศัย 2.1 การกําหนดโครงการ หรือกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย เตรยี มสอบครผู ชู ว ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานําทาง

คมู ือเตรียมสอบบรรจุเขารบั ราชการ ตําแหนง ครผู ชู วย ตามหลกั เกณฑใ หม 153 2.2 ผจู ัดกจิ กรรมมีความรู ความสามารถในการจดั กิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย 2.3 สื่อ หรือนวัตกรรม และสภาพแวดลอ มทีเ่ อ้ือตอการจัดการศกึ ษาตามอธั ยาศยั 2.4 ผูร บั บริการมคี วามพึงพอใจตอ การจดั การศึกษาตามอธั ยาศยั มาตรฐานท่ี 3 คณุ ภาพการบรหิ ารจัดการของสถานศกึ ษา 3.1 การบรหิ ารจดั การของสถานศึกษาทีเ่ นนการมีสว นรว ม 3.2 ระบบการประกันคุณภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษา 3.3 การพฒั นาครู และบคุ ลากรทางการศึกษา 3.4 การใชเทคโนโลยีดิจทิ ัลเพื่อสนบั สนนุ การบริหารจดั การ 3.5 การกํากบั นิเทศ ติดตาม ประเมินผลการดําเนนิ งานของสถานศกึ ษา 3.6 การปฏบิ ตั ิหนา ทข่ี องคณะกรรมการสถานศกึ ษาทเ่ี ปนไปตามบทบาทท่กี ําหนด 3.7 การสง เสรมิ สนบั สนุนภาคีเครอื ขา ยใหม ีสวนรวมในการจัดการศึกษา 3.8 การสงเสรมิ สนบั สนนุ การสรา งสังคมแหงการเรยี นรู 3.9 การวจิ ยั เพอื่ การบริหารจัดการสถานศึกษา เตรียมสอบครผู ูชว ย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานาํ ทาง

คูม อื เตรยี มสอบบรรจุเขา รับราชการ ตาํ แหนง ครูผูชว ย ตามหลักเกณฑใหม 154 เตรียมสอบครผู ูชว ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานาํ ทาง

คูม อื เตรยี มสอบบรรจุเขา รับราชการ ตาํ แหนง ครูผูชว ย ตามหลักเกณฑใหม 155 เตรียมสอบครผู ูชว ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานาํ ทาง

คูม อื เตรยี มสอบบรรจุเขา รับราชการ ตาํ แหนง ครูผูชว ย ตามหลักเกณฑใหม 156 เตรียมสอบครผู ูชว ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานาํ ทาง

คูม อื เตรยี มสอบบรรจุเขา รับราชการ ตาํ แหนง ครูผูชว ย ตามหลักเกณฑใหม 157 เตรียมสอบครผู ูชว ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานาํ ทาง

คูม อื เตรยี มสอบบรรจุเขา รับราชการ ตาํ แหนง ครูผูชว ย ตามหลักเกณฑใหม 158 เตรียมสอบครผู ูชว ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานาํ ทาง

คูม อื เตรยี มสอบบรรจุเขา รับราชการ ตาํ แหนง ครูผูชว ย ตามหลักเกณฑใหม 159 เตรียมสอบครผู ูชว ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานาํ ทาง

คูม อื เตรยี มสอบบรรจุเขา รับราชการ ตาํ แหนง ครูผูชว ย ตามหลักเกณฑใหม 160 เตรียมสอบครผู ูชว ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานาํ ทาง

คูม อื เตรยี มสอบบรรจุเขา รับราชการ ตาํ แหนง ครูผูชว ย ตามหลักเกณฑใหม 161 เตรียมสอบครผู ูชว ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานาํ ทาง

คู่มอื เตรียมสอบบรรจุเขา้ รับราชการ ตาแหนง่ ครผู ชู้ ว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 162 สว่ นท่ี 2 กฎหมายทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั การปฏบิ ัติงาน ที่บงั คบั ใช้ในปจั จุบัน 1. รัฐธรรมนญู และกฎหมายทเี่ ก่ยี วข้องกับการจัดการเรียนการสอน 2. พรบ.การศกึ ษาภาคบงั คับ พ.ศ.2545 3. พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และทแ่ี ก้ไขเพม่ิ เตมิ 4. พรบ.ระเบยี บข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา 5. พรบ.ระเบยี บบริหารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ 6. พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 7. พรบ.การพฒั นาเด็กปฐมวยั พ.ศ. 2562 8. พรบ.กศน. พ.ศ.2551 9. ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของขา้ ราชการ เตรียมสอบครูผชู้ ว่ ย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คมู่ อื เตรียมสอบบรรจุเข้ารบั ราชการ ตาแหน่งครผู ้ชู ่วย ภาค ข ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 163 รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2560 ตราไว้ ณ วนั ท่ี 6 เมษายน พุทธศักราช 2560 เป็นปที ่ี 2 ในรชั กาลปจั จบุ นั ประกาศ วันที่ 6 เมษายน พุทธศกั ราช 2560 ผู้รบั สนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา (นายกรัฐมนตรี) มีผลบังคับใชว้ ันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา มี 16 หมวด กบั 1 บทเฉพาะกาล จานวนท้ังส้นิ 279 มาตรา หมวดท่ี 1 บทท่วั ไป หมวดที่ 2 พระมหากษัตรยิ ์ หมวดที่ 3 สิทธิและเสรภี าพของปวงชนชาวไทย หมวดท่ี 4 หน้าทีข่ องปวงชนชาวกไทย หมวดท่ี 5 หน้าที่ของรัฐ หมวดที่ 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ ..2540 หมวดท่ี 7 รฐั สภา หมวดท่ี 8 คณะรัฐมนตรี หมวดท่ี 9 การขดั กันแหง่ ผลประโยชน์ หมวดท่ี 10 ศาล หมวดที่ 11 ศาลรัฐธรรมนูญ หมวดท่ี 12 องคก์ รอิสระ หมวดที่ 13 องคก์ รอัยการ หมวดท่ี 14 การปกครองส่วนท้องถิน่ หมวดท่ี 15 การแก้ไขเพม่ิ เติมรัฐธรรมนญู หมวดที่ 16 การปฏริ ูปประเทศ บทเฉพาะกาลทเฉพาะกาล เตรยี มสอบครผู ชู้ ว่ ย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คมู่ อื เตรยี มสอบบรรจุเขา้ รบั ราชการ ตาแหนง่ ครูผชู้ ่วย ภาค ข ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 164 หมวด 1 บททว่ั ไป มาตรา 1 ประเทศไทยเปน็ ราชอาณาจกั รอันหนึง่ อนั เดยี ว จะแบง่ แยกมิได้ มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข มาตรา 3 อานาจอธปิ ไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผทู้ รงเปน็ ประมุขทรงใชอ้ านาจน้ันทาง รัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัตแิ ห่งรฐั ธรรมนูญ รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอสิ ระ และหน่วยงานของรฐั ต้องปฏิบัติหน้าท่ี ให้เปน็ ไปตามรฐั ธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนติ ิธรรม เพอ่ื ประโยชนส์ ่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม มาตรา 4 ศักด์ศิ รีความเปน็ มนุษย์ สทิ ธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล ย่อมได้รับความคมุ้ ครอง ปวงชนชาวไทยย่อมไดร้ ับความค้มุ ครองตามรฐั ธรรมนญู เสมอกัน มาตรา 5 รัฐธรรมนูญเปน็ กฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบญั ญัตใิ ดของกฎหมาย กฎ หรอื ข้อบงั คบั หรือการ กระทาใด ขดั หรือแยง้ ต่อรฐั ธรรมนูญ บทบญั ญัติหรือการกระทาน้ันเป็นอันใช้บังคบั มิได้ เมอ่ื ไม่มีบทบัญญตั ิ แหง่ รฐั ธรรมนญู น้ีบังคับแกก่ รณใี ด ให้กระทาการนัน้ หรอื วนิ ิจฉยั กรณนี ั้น ไปตามประเพณีการปกครองประเทศ ไทยในระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข หมวด 2 พระมหากษัตริย์ มาตรา 6 องค์พระมหากษตั รยิ ท์ รงดารงอยใู่ นฐานะอันเป็นท่เี คารพสักการะ ผใู้ ดจะละเมิดมไิ ด้ ผใู้ ดจะ กล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษตั รยิ ใ์ นทางใด ๆ มไิ ด้ มาตรา 7 พระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ พทุ ธมามกะ และทรงเป็นอคั รศาสนปู ถัมภก มาตรา 8 พระมหากษตั ริยท์ รงดารงตาแหน่งจอมทพั ไทย มาตรา 9 พระมหากษตั รยิ ์ทรงไวซ้ ่งึ พระราชอานาจทจ่ี ะสถาปนาและถอดถอน ฐานนั ดรศกั ดแิ์ ละพระราชทาน และเรียกคืนเครื่องราชอิสรยิ าภรณ์ มาตรา 10 พระมหากษัตริย์ทรงเลอื กและทรงแต่งต้ังผ้ทู รงคณุ วุฒิเป็นประธานองคมนตรีคนหนึ่งและ องคมนตรีอน่ื อกี ไมเ่ กินสิบแปดคนประกอบเป็นคณะองคมนตรี คณะองคมนตรีมหี นา้ ทถ่ี วายความเห็นต่อพระมหากษตั ริย์ในพระราชกรณียกิจ ทัง้ ปวงท่ีพระมหากษัตริยท์ รง ปรกึ ษา และมหี น้าท่ีอน่ื ตามท่ีบญั ญตั ไิ ว้ในรฐั ธรรมนูญ มาตรา 11 การเลอื กและแต่งตง้ั องคมนตรหี รอื การให้องคมนตรพี ้นจากตาแหน่ง ใหเ้ ป็นไปตามพระราช อัธยาศยั ให้ประธานรัฐสภาเปน็ ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธาน องคมนตรีหรอื ให้ประธาน องคมนตรีพ้นจากตาแหน่ง ให้ประธานองคมนตรเี ป็นผลู้ งนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตง้ั องคมนตรอี ื่น หรอื ใหอ้ งคมนตรีอ่ืน พน้ จากตาแหนง่ เตรยี มสอบครูผ้ชู ่วย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มือเตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตาแหน่งครผู ชู้ ว่ ย ภาค ข ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 165 มาตรา 16 ในเมอื่ พระมหากษัตรยิ จ์ ะไมป่ ระทับอยใู่ นราชอาณาจักร หรอื จะทรงบริหารพระราชภาระไม่ไดด้ ้วย เหตุใดกต็ าม จะไดท้ รงแตง่ ต้ังผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ และใหป้ ระธานรฐั สภาเป็นผลู้ งนาม รับสนองพระบรมราชโองการ หมวด 3 สิทธิและเสรภี าพของปวงชนชาวไทย มาตรา 25 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย นอกจากที่บัญญัติคุ้มครองไว้เป็นการเฉพาะ ในรัฐธรรมนูญ แล้ว การใดที่มิได้ห้ามหรือจากัดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือในกฎหมายอื่น บุคคลย่อมมีสิทธิ และเสรีภาพท่ีจะทา การน้ันได้และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ตราบเท่าท่ีการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เช่นว่านั้นไม่ กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความม่ันคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชน และไมล่ ะเมดิ สิทธหิ รอื เสรภี าพของบุคคลอื่น สิทธิหรือเสรีภาพใดที่รัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามท่ีกฎหมายบัญญัติ หรือให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการท่ี กฎหมายบัญญตั ิ แมย้ งั ไมม่ กี ารตรากฎหมายน้ันข้นึ ใชบ้ ังคับ บุคคลหรือชมุ ชนยอ่ มสามารถ ใช้สทิ ธิหรือเสรภี าพ นั้นได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ บุคคลซ่ึงถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพท่ีได้รับความคุ้มครองตาม รัฐธรรมนูญ สามารถยกบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญเพื่อใช้สิทธิทางศาลหรือยกข้ึนเป็นข้อต่อสู้คดีในศาลได้ บุคคลซ่ึงได้รับความเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธหิ รอื เสรีภาพหรือจากการกระทาความผิดอาญา ของบุคคล อน่ื ยอ่ มมสี ทิ ธทิ ่จี ะไดร้ บั การเยียวยาหรือช่วยเหลอื จากรฐั ตามทีก่ ฎหมายบัญญัติ มาตรา 27 บคุ คลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความค้มุ ครองตามกฎหมายเทา่ เทยี มกนั ชายและหญิงมีสิทธเิ ท่าเทยี มกนั การเลือกปฏบิ ัติโดยไมเ่ ปน็ ธรรมต่อบุคคล ไม่วา่ ด้วยเหตุความ แตกต่างในเรอื่ งถิน่ กาเนดิ เชอ้ื ชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสขุ ภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชอื่ ทางศาสนา การศกึ ษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมอื งอันไมข่ ดั ตอ่ บทบญั ญตั ิแห่งรัฐธรรมนูญ หรือเหตุอ่ืนใด จะกระทามิได้ มาตรการทร่ี ัฐกาหนดขนึ้ เพ่อื ขจัดอุปสรรคหรือ สง่ เสรมิ ให้บคุ คลสามารถใชส้ ิทธหิ รอื เสรีภาพ ได้เชน่ เดียวกับบุคคลอืน่ หรือเพื่อคุ้มครองหรอื อานวยความ สะดวกใหแ้ ก่เด็ก สตรี ผสู้ ูงอายุ คนพิการ หรือผูด้ อ้ ยโอกาส ย่อมไม่ถือวา่ เปน็ การเลือกปฏิบัตโิ ดยไม่เป็นธรรม ตามวรรคสาม บคุ คลผูเ้ ป็นทหาร ตารวจ ข้าราชการ เจา้ หนา้ ทอี่ ื่นของรฐั และพนักงานหรอื ลูกจ้างขององค์กร ของรัฐย่อมมสี ทิ ธิและเสรีภาพเช่นเดยี วกับบคุ คลทั่วไป เวน้ แต่ท่ีจากัดไวใ้ นกฎหมายเฉพาะในส่วนที่ เก่ยี วกับ การเมือง สมรรถภาพ วินัย หรอื จรยิ ธรรม มาตรา 33 บคุ คลย่อมมีเสรภี าพในเคหสถาน การเข้าไปในเคหสถานโดยปราศจากความยินยอมของผู้ ครอบครอง หรอื การค้นเคหสถาน หรอื ท่ีรโหฐานจะกระทามิได้ เวน้ แตม่ ีคาสั่งหรือหมายของศาลหรือมเี หตุ อยา่ งอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ มาตรา 34 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และ การส่ือความหมายโดยวิธีอื่น การจากัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอานาจ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราข้ึนเฉพาะเพื่อรักษาความม่ันคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของ เตรยี มสอบครูผู้ชว่ ย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คมู่ ือเตรยี มสอบบรรจุเข้ารบั ราชการ ตาแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 166 บุคคลอ่ืน เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพ่ือป้องกันสุขภาพของ ประชาชน เสรีภาพทางวิชาการย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่การใช้เสรีภาพน้ันต้องไม่ขัดต่อหน้าที่ของ ปวงชนชาวไทยหรือศลี ธรรมอันดีของประชาชน และตอ้ งเคารพและไมป่ ดิ กั้นความเหน็ ตา่ งของบุคคลอน่ื มาตรา 39 การเนรเทศบุคคลสัญชาติไทยออกนอกราชอาณาจักร หรือห้ามมิให้ผู้มีสัญชาติไทย เข้ามาใน ราชอาณาจักร จะกระทามิได้ การถอนสัญชาตขิ องบุคคลซึ่งมสี ัญชาติไทยโดยการเกดิ จะกระทามไิ ด้ มาตรา 40 บุคคลยอ่ มมีเสรีภาพในการประกอบอาชพี การจากดั เสรภี าพตามวรรคหนึ่งจะกระทามไิ ด้ เวน้ แต่ โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ท่ีตราขึ้นเพื่อรักษาความม่ันคงหรือเศรษฐกิจของประเทศ การ แข่งขันอย่างเป็นธรรม การป้องกัน หรือขจัดการกีดกันหรือการผูกขาด การคุ้มครองผู้บริโภค การจัดระเบียบ การประกอบอาชีพเพียงเท่าท่ีจาเป็น หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น การตรากฎหมายเพื่อจัดระเบียบ การประกอบอาชีพตามวรรคสอง ต้องไม่มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ หรือก้าวก่ายการจัดการศึกษาของ สถาบันการศกึ ษา มาตรา 41 บคุ คลและชมุ ชนยอ่ มมีสทิ ธิ (1) ได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานของรัฐ ตามที่ กฎหมายบัญญตั ิ (2) เสนอเรอื่ งราวร้องทกุ ขต์ อ่ หนว่ ยงานของรฐั และไดร้ บั แจ้งผลการพิจารณาโดยรวดเรว็ (3) ฟ้องหน่วยงานของรัฐให้รับผิดเน่ืองจากการกระทาหรือการละเว้นการกระทาของข้าราชการ พนักงาน หรือลกู จ้างของหน่วยงานของรัฐ มาตรา 42 บคุ คลยอ่ มมีเสรีภาพในการรวมกนั เป็นสมาคม สหกรณ์ สหภาพ องค์กร ชุมชน หรอื หมู่คณะอื่น การจากัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ที่ตราขึ้น เพ่ือคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ เพ่ือรักษาความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพ่ือการ ป้องกันหรอื ขจัดการกดี กันหรือการผกู ขาด มาตรา 44 บคุ คลยอ่ มมเี สรภี าพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจากัดเสรภี าพตามวรรคหน่งึ จะกระทามิได้ เวน้ แตโ่ ดยอาศัยอานาจตามบทบัญญตั ิแห่งกฎหมาย ทีต่ ราขน้ึ เพ่ือรักษาความมัน่ คงของรฐั ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยหรือศลี ธรรมอันดี ของประชาชน หรอื เพื่อคุ้มครองสิทธิหรือ เสรภี าพของบุคคลอ่ืน มาตรา 47 บุคคลยอ่ มมีสิทธิได้รับบรกิ ารสาธารณสขุ ของรัฐ บุคคลผยู้ ากไร้ย่อมมีสิทธิไดร้ ับบรกิ าร สาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียคา่ ใช้จา่ ยตามท่กี ฎหมายบัญญตั ิ บคุ คลย่อมมสี ิทธไิ ด้รบั การป้องกันและขจัด โรคตดิ ตอ่ อันตรายจากรฐั โดยไม่เสียคา่ ใชจ้ ่าย มาตรา 48 สิทธิของมารดาในชว่ งระหวา่ งก่อนและหลังการคลอดบตุ รยอ่ มได้รับความคุ้มครอง และช่วยเหลอื ตามที่กฎหมายบัญญัติ บุคคลซ่ึงมีอายุเกินหกสิบปีและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ และบุคคลผู้ยากไร้ ย่อมมสี ทิ ธิ ไดร้ ับความช่วยเหลือทเี่ หมาะสมจากรัฐตามที่กฎหมายบญั ญัติ มาตรา 49 บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ ผู้ใดทราบว่ามีการกระทาตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุด เตรียมสอบครูผชู้ ว่ ย By ทีมฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

ค่มู อื เตรยี มสอบบรรจุเขา้ รบั ราชการ ตาแหน่งครูผู้ชว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 167 เพ่ือร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทาดังกล่าวได้ ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคาสั่งไม่รับ ดาเนินการตามท่ีร้องขอ หรือไม่ดาเนินการภายในสิบห้าวัน นับแต่วันท่ีได้รับคาร้องขอ ผู้ร้องขอจะย่ืนคาร้อง โดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ การดาเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดาเนินคดีอาญาต่อผู้กระทาการ ตามวรรคหนึ่ง หมวด 4 หน้าท่ีของปวงชนชาวไทย มาตรา 50 บุคคลมหี นา้ ท่ี ดังต่อไปนี้ (1) พิทกั ษร์ ักษาไวซ้ ่งึ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข (2) ปอ้ งกันประเทศ พทิ ักษ์รักษาเกียรติภมู ิ ผลประโยชนข์ องชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดนิ รวมท้งั ให้ความรว่ มมือในการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั (3) ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครดั (4) เข้ารบั การศึกษาอบรมในการศกึ ษาภาคบงั คับ (5) รบั ราชการทหารตามท่ีกฎหมายบัญญัติ (6) เคารพและไมล่ ะเมิดสิทธแิ ละเสรภี าพของบุคคลอ่นื และไมก่ ระทาการใดทีอ่ าจก่อให้เกิด ความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคม (7) ไปใชส้ ทิ ธเิ ลือกต้ังหรือลงประชามติอย่างอสิ ระโดยคานึงถึงประโยชนส์ ่วนรวมของประเทศ เป็นสาคัญ (8) รว่ มมือและสนับสนนุ การอนุรกั ษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลาย ทางชวี ภาพ รวมทง้ั มรดกทางวัฒนธรรม (9) เสียภาษีอากรตามทกี่ ฎหมายบญั ญัติ (10) ไม่รว่ มมือหรอื สนบั สนนุ การทจุ ริตและประพฤติมชิ อบทกุ รปู แบบ หมวดที่ 5 หน้าท่ขี องรัฐ มาตรา 54 รัฐตอ้ งดาเนินการใหเ้ ด็กทุกคนไดร้ ับการศกึ ษาเปน็ เวลาสบิ สองปี ตัง้ แต่ ก่อนวยั เรยี นจนจบ การศกึ ษาภาคบงั คบั อย่างมีคณุ ภาพโดยไม่เกบ็ คา่ ใช้จ่าย รฐั ตอ้ งดาเนินการให้เดก็ เลก็ ได้รับการดแู ลและพฒั นากอ่ นเข้ารบั การศกึ ษาตามวรรคหนง่ึ เพ่ือพฒั นา ร่างกาย จติ ใจ วนิ ยั อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญาใหส้ มกับวยั โดยส่งเสรมิ และสนับสนุน ให้องค์กรปกครอง สว่ นท้องถิน่ และภาคเอกชนเขา้ มีส่วนร่วมในการดาเนนิ การดว้ ย รฐั ต้องดาเนินการให้ประชาชนได้รบั การศึกษาตามความต้องการในระบบต่างๆ รวมท้ังสง่ เสรมิ เตรียมสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คมู่ ือเตรยี มสอบบรรจุเขา้ รับราชการ ตาแหน่งครผู ชู้ ่วย ภาค ข ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 168 ใหม้ กี ารเรียนรู้ตลอดชีวติ และจัดให้มีการร่วมมือกันระหวา่ งรฐั องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน และภาคเอกชน ในการจดั การศึกษาทุกระดบั โดยรัฐมหี น้าทดี่ าเนินการ กากบั สง่ เสรมิ และสนับสนุนให้การจัดการศึกษา ดงั กล่าวมีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ทงั้ น้ี ตามกฎหมายวา่ ด้วยการศึกษาแหง่ ชาติซึ่งอย่างน้อย ตอ้ งมี บทบญั ญัตเิ กี่ยวกบั การจดั ทาแผนการศึกษาแหง่ ชาติ และการดาเนนิ การและตรวจสอบการดาเนินการ ให้ เป็นไปตามแผนการศึกษาแหง่ ชาติดว้ ย การศกึ ษาท้งั ปวงตอ้ งมงุ่ พัฒนาผเู้ รียนให้เปน็ คนดี มวี นิ ยั ภูมใิ จในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ ตามความ ถนดั ของตน และมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ ครอบครวั ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ ในการดาเนนิ การใหเ้ ด็กเลก็ ได้รับการดูแลและพฒั นาตามวรรคสอง หรอื ให้ประชาชนไดร้ ับ การศึกษาตามวรรคสาม รฐั ตอ้ งดาเนนิ การให้ ผู้ขาดแคลนทนุ ทรพั ย์ไดร้ บั การสนับสนนุ ค่าใชจ้ ่ายในการศึกษา ตามความถนดั ของตน ใหจ้ ัดตงั้ กองทุนเพื่อใชใ้ นการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรพั ย์ เพอื่ ลดความเหลอ่ื มลา้ ในการศึกษา และเพื่อ เสรมิ สร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู โดยใหร้ ฐั จดั สรรงบประมาณให้แก่กองทนุ หรอื ใช้ มาตรการหรือกลไกทางภาษีรวมท้ังการให้ผ้บู ริจาคทรัพย์สินเขา้ กองทุนได้รบั ประโยชน์ในการลดหย่อน ภาษดี ว้ ย ทงั้ นี้ ตามที่กฎหมายบญั ญัติ ซง่ึ กฎหมายดงั กล่าวอยา่ งน้อยต้องกาหนดให้การบริหารจดั การกองทนุ เป็นอิสระและกาหนดให้มีการใช้จา่ ยเงินกองทุนเพือ่ บรรลุวัตถปุ ระสงค์ดังกล่าว มาตรา 55 รฐั ตอ้ งดาเนินการใหป้ ระชาชนไดร้ บั บริการสาธารณสขุ ทีม่ ปี ระสิทธิภาพอยา่ งทัว่ ถึง เสรมิ สรา้ งให้ ประชาชนมคี วามรู้พ้นื ฐานเก่ียวกบั การส่งเสริมสขุ ภาพและการปอ้ งกนั โรค และส่งเสรมิ และสนบั สนนุ ให้มกี าร พฒั นาภมู ิปญั ญาด้านแพทยแ์ ผนไทยใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด บริการสาธารณสขุ ตามวรรคหนงึ่ ตอ้ งครอบคลุมการสง่ เสริมสุขภาพ การควบคมุ และป้องกันโรค การรกั ษาพยาบาล และการฟ้ืนฟสู ขุ ภาพด้วย รฐั ตอ้ งพฒั นาการบริการสาธารณสขุ ใหม้ คี ุณภาพและมีมาตรฐาน สูงข้นึ อย่างต่อเน่ือง มาตรา 56 รัฐต้องจดั หรอื ดาเนนิ การให้มสี าธารณูปโภคข้ันพื้นฐานที่จาเปน็ ต่อการดารงชีวติ ของประชาชน อย่างทัว่ ถึงตามหลักการพฒั นาอย่างยงั่ ยืน โครงสร้างหรือโครงขา่ ยข้ันพื้นฐานของกจิ การสาธารณูปโภค ขน้ั พน้ื ฐานของรัฐอันจาเปน็ ต่อ การดารงชีวิตของประชาชนหรอื เพ่ือความมน่ั คงของรฐั รฐั จะกระทาด้วย ประการใดให้ตกเป็นกรรมสิทธ์ิ ของเอกชนหรือทาให้รัฐเปน็ เจ้าของน้อยกว่าร้อยละห้าสบิ เอ็ดมิได้ การจัด หรือดาเนนิ การให้มีสาธารณปู โภคตามวรรคหน่งึ หรอื วรรคสอง รฐั ตอ้ งดูแลมใิ หม้ ีการเรียกเกบ็ คา่ บรกิ ารจน เป็นภาระแกป่ ระชาชนเกินสมควร การนาสาธารณปู โภคของรัฐไปให้เอกชนดาเนินการทางธรุ กจิ ไมว่ ่าด้วย ประการใด ๆ รฐั ต้องไดร้ บั ประโยชนต์ อบแทนอยา่ งเป็นธรรม โดยคานึงถึงการลงทนุ ของรัฐ ประโยชนท์ ร่ี ัฐและ เอกชนจะไดร้ บั และค่าบริการท่ีจะเรยี กเกบ็ จากประชาชนประกอบกัน เตรยี มสอบครผู ูช้ ว่ ย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มอื เตรยี มสอบบรรจุเข้ารบั ราชการ ตาแหนง่ ครูผู้ชว่ ย ภาค ข ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 169 หมวดที่ 6 แนวนโยบายแหง่ รฐั มาตรา 65 รัฐพึงจัดใหม้ ียุทธศาสตร์ชาติเปน็ เป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมภิบาล เพือ่ ใช้เป็นกรอบในการจัดทาแผนตา่ ง ๆ ให้สอดคล้องและบรู ณาการกนั เพ่ือให้เกิดเป็น พลงั ผลกั ดันรว่ มกนั ไปสเู่ ป้าหมายดงั กลา่ ว การจัดทา การกาหนดเปา้ หมาย ระยะเวลาท่ีจะบรรลเุ ปา้ หมาย และสาระท่ีพึงมใี น ยทุ ธศาสตร์ชาติ ให้เป็นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารทกี่ ฎหมายบัญญัติ ทัง้ น้ี กฎหมายดงั กล่าวตอ้ งมีบทบญั ญัติ เก่ียวกบั การมสี ว่ นรว่ มและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนอยา่ งทวั่ ถึงดว้ ย ยุทธศาสตรช์ าติ เม่อื ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ใหใ้ ชบ้ ังคับได้ มาตรา 67 รฐั พึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพทุ ธศาสนาและศาสนาอ่นื ในการอปุ ถมั ภ์และคุ้มครอง พระพุทธศาสนาอนั เป็นศาสนาทีป่ ระชาชนชาวไทยส่วนใหญน่ ับถอื มาช้านาน รฐั พึงส่งเสรมิ และสนบั สนนุ การศึกษาและการเผยแผห่ ลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท เพ่ือให้เกิดการพฒั นาจิตใจและปญั ญา และตอ้ งมีมาตรการและกลไกในการปอ้ งกันมิใหม้ ีการบ่อนทาลาย พระพุทธศาสนาไมว่ ่าในรูปแบบใด และพงึ สง่ เสรมิ ให้พุทธศาสนิกชนมีสว่ นรว่ มในการดาเนินมาตรการ หรือกลไกดังกล่าวด้วย มาตรา 69 รฐั พงึ จัดให้มแี ละสง่ เสริมการวจิ ัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศลิ ปวทิ ยาการแขนง ตา่ ง ๆ ใหเ้ กดิ ความรู้ การพฒั นา และนวัตกรรม เพ่อื ความเข้มแข็งของสังคม และเสริมสร้างความสามารถของ คนในชาติ หมวดที่ 7 รฐั สภา มาตรา 79 รัฐสภาประกอบด้วยสภาผแู้ ทนราษฎรและวุฒิสภา รัฐสภาจะประชมุ ร่วมกันหรอื แยกกัน ยอ่ มเปน็ ไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ บคุ คลจะเป็นสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรและสมาชกิ วุฒิสภาใน ขณะเดยี วกนั มิได้ มาตรา 80 ประธานสภาผูแ้ ทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒสิ ภาเปน็ รองประธาน รัฐสภาในกรณี ทไี่ ม่มีประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานสภาผ้แู ทนราษฎรไม่อยหู่ รือไมส่ ามารถ ปฏิบตั หิ นา้ ท่ีประธาน รฐั สภาได้ ใหป้ ระธานวุฒสิ ภาทาหนา้ ท่ีประธานรัฐสภาแทน ในระหว่างทีป่ ระธานวฒุ สิ ภาต้องทาหนา้ ท่ีประธาน รัฐสภาตามวรรคสอง แตไ่ มม่ ีประธานวุฒสิ ภา และเปน็ กรณที เ่ี กดิ ขน้ึ ในระหว่างไม่มีสภาผแู้ ทนราษฎร ให้รอง ประธานวฒุ สิ ภาทาหนา้ ท่ปี ระธานรฐั สภา ถ้าไม่มีรองประธานวฒุ สิ ภา ให้สมาชิกวุฒสิ ภาซง่ึ มีอายุมากทีส่ ุดใน ขณะน้นั ทาหน้าทป่ี ระธานรฐั สภา และใหด้ าเนินการเลือกประธานวุฒสิ ภาโดยเร็ว ประธานรัฐสภามีหน้าทีแ่ ละ อานาจตามรฐั ธรรมนูญ และดาเนินกจิ การของรัฐสภา ในกรณี ประชมุ ร่วมกันใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบังคบั ประธาน รฐั สภาและผทู้ าหนา้ ทแ่ี ทนประธานรัฐสภาต้องวางตนเปน็ กลางในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ี รองประธานรฐั สภามหี นา้ ที่ และอานาจตามรฐั ธรรมนญู และตามทปี่ ระธานรฐั สภามอบหมาย เตรยี มสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

ค่มู ือเตรียมสอบบรรจุเขา้ รับราชการ ตาแหนง่ ครผู ้ชู ่วย ภาค ข ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 170 มาตรา 81 รา่ งพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญและรา่ งพระราชบญั ญัติ จะตราข้นึ เปน็ กฎหมายได้ก็แต่ โดยคาแนะนาและยินยอมของรัฐสภา ภายใตบ้ ังคบั มาตรา 145 รา่ งพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู และร่างพระราชบัญญตั ิ ที่ไดร้ บั ความเห็นชอบของรฐั สภาแลว้ ให้ นายกรฐั มนตรนี าข้ึนทูลเกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายเพ่ือพระมหากษตั ริย์ ทรงลงพระปรมาภิไธย และเมอ่ื ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บงั คบั เป็นกฎหมายได้ มาตรา 83 สภาผูแ้ ทนราษฎรประกอบดว้ ยสมาชิกจานวนหา้ ร้อยคน ดังนี้ (1) สมาชิกซ่ึงมาจากการเลือกตั้งแบบแบง่ เขตเลือกตัง้ จานวนสามรอ้ ยห้าสบิ คน (2) สมาชกิ ซึ่งมาจากบัญชีรายชอ่ื ของพรรคการเมืองจานวนหน่ึงร้อยห้าสิบคน ในกรณีท่ีตาแหนง่ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรว่างลงไม่ว่าดว้ ยเหตใุ ด และยงั ไม่มีการเลือกตง้ั หรือประกาศชอ่ื สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรขน้ึ แทนตาแหน่งท่ีวา่ ง ใหส้ ภาผู้แทนราษฎรประกอบดว้ ยสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร เท่าทีม่ ีอยู่ ในกรณีมีเหตใุ ดๆ ท่ีทาให้สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรแบบบัญชีรายชอ่ื มีจานวนไมถ่ งึ หนึง่ ร้อยห้าสิบคน ให้สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบบญั ชีรายชอ่ื ประกอบดว้ ยสมาชิกเทา่ ที่มอี ยู่ มาตรา 95 บคุ คลผู้มคี ุณสมบัติดังตอ่ ไปน้ี เป็นผ้มู ีสิทธเิ ลอื กตงั้ (1) มีสญั ชาติไทย แตบ่ ุคคลผู้มสี ัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาตติ อ้ งไดส้ ัญชาตไิ ทยมาแล้ว ไม่นอ้ ย กว่าหา้ ปี (2) มอี ายุไมต่ ่ากวา่ สบิ แปดปีในวนั เลอื กต้ัง (3) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกต้ังมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับถึงวันเลือกต้ัง ผมู้ สี ิทธเิ ลือกตัง้ ซึ่งอยนู่ อกเขตเลือกตง้ั ทต่ี นมชี ่ืออยู่ในทะเบยี นบ้าน หรอื มชี ื่ออยู่ในทะเบยี นบา้ น ในเขตเลือกตั้ง เป็นเวลาน้อยกว่าเก้าสบิ วันนบั ถงึ วนั เลอื กตั้ง หรือมีถ่นิ ที่อยนู่ อกราชอาณาจักร จะขอลงทะเบยี น เพื่อออกเสียง ลงคะแนนเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง ณ สถานที่ และตามวันเวลา วิธีการ และเงื่อนไข ท่ีบัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ ผู้มีสิทธิเลือกต้ังซ่ึงไม่ไป ใช้สิทธิเลือกตั้งโดยมิได้แจ้งเหตุอันสมควรตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อาจถกู จากดั สทิ ธบิ างประการตามที่กฎหมายบญั ญัติ มาตรา 96 บุคคลผมู้ ีลกั ษณะดงั ตอ่ ไปนีใ้ นวันเลือกตั้ง เป็นบุคคลตอ้ งหา้ มมิใหใ้ ช้สทิ ธิเลือกตั้ง (1) เป็นภิกษุ สามเณร นกั พรต หรอื นกั บวช (2) อยู่ในระหวา่ งถกู เพิกถอนสิทธิเลือกตง้ั ไม่ว่าคดนี ้ันจะถึงทีส่ ุดแล้วหรือไม่ (3) ต้องคมุ ขงั อยโู่ ดยหมายของศาลหรอื โดยคาส่งั ท่ีชอบดว้ ยกฎหมาย (4) วิกลจรติ หรือจติ ฟน่ั เฟอื นไม่สมประกอบ เตรยี มสอบครูผู้ช่วย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มอื เตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตาแหนง่ ครผู ้ชู ว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 171 มาตรา 97 บุคคลผูม้ คี ุณสมบัตดิ งั ต่อไปนี้ เปน็ ผู้มสี ิทธสิ มคั รรับเลือกต้ังเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร (1) มสี ัญชาติไทยโดยการเกิด (2) มีอายุไม่ตา่ กว่าย่ีสิบหา้ ปีนับถงึ วันเลือกต้ัง (3) เปน็ สมาชกิ พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนง่ึ แต่เพียงพรรคการเมอื งเดยี วเปน็ เวลา ติดต่อกนั ไม่ น้อยกวา่ เกา้ สิบวนั นบั ถึงวันเลือกต้งั เว้นแตใ่ นกรณที มี่ ีการเลอื กตงั้ ทวั่ ไปเพราะเหตุยุบสภา ระยะเวลา เก้าสบิ วันดงั กล่าวใหล้ ดลงเหลือสามสบิ วัน (4) ผู้สมคั รรับเลอื กต้ังแบบแบ่งเขตเลอื กต้ัง ต้องมลี ักษณะอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงดังต่อไปน้ีดว้ ย (ก) มีช่ืออยูใ่ นทะเบยี นบ้านในจงั หวดั ทีส่ มัครรบั เลอื กตง้ั มาแลว้ เปน็ เวลาตดิ ตอ่ กนั ไมน่ ้อย กวา่ ห้าปีนับถึงวนั สมัครรับเลือกต้ัง (ข) เป็นบุคคลซึ่งเกิดในจังหวัดท่ีสมัครรบั เลอื กตงั้ (ค) เคยศึกษาในสถานศกึ ษาท่ีต้งั อยู่ในจงั หวัดทีส่ มคั รรับเลือกตัง้ เปน็ เวลาตดิ ต่อกนั ไม่น้อย กว่าหา้ ปีการศึกษา (ง) เคยรับราชการหรอื ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีในหนว่ ยงานของรัฐ หรอื เคยมชี ่ืออยู่ในทะเบยี นบ้าน ใน จังหวัดท่ีสมัครรบั เลอื กตง้ั แล้วแตก่ รณี เปน็ เวลาติดตอ่ กันไม่นอ้ ยกว่าหา้ ปี มาตรา 98 บุคคลผมู้ ลี ักษณะดงั ตอ่ ไปนี้ เปน็ บคุ คลตอ้ งหา้ มมใิ ห้ใชส้ ิทธสิ มัครรบั เลอื กตง้ั เปน็ สมาชิกสภาผ้แู ทน ราษฎร (1) ตดิ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ (2) เปน็ บุคคลล้มละลายหรือเคยเปน็ บคุ คลลม้ ละลายทุจริต (3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหนุ้ ในกจิ การหนังสือพิมพ์หรือส่อื มวลชนใด ๆ (4) เปน็ บุคคลผมู้ ีลกั ษณะตอ้ งห้ามมใิ ห้ใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ตามมาตรา 96 (1) (2) หรอื (4) (5) อยูร่ ะหว่างถูกระงับการใช้สทิ ธิสมคั รรับเลอื กต้ังเปน็ การชัว่ คราวหรือถกู เพิกถอนสิทธิสมัคร รบั เลอื กตงั้ (6) ตอ้ งคาพิพากษาใหจ้ าคุกและถูกคมุ ขังอยโู่ ดยหมายของศาล (7) เคยไดร้ บั โทษจาคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปนี ับถงึ วนั เลือกต้งั เวน้ แต่ในความผิด อนั ได้ กระทาโดยประมาทหรอื ความผดิ ลหโุ ทษ (8) เคยถูกสง่ั ให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวสิ าหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าท่ี หรือถอื วา่ กระทาการทจุ รติ หรือประพฤติมชิ อบในวงราชการ (9) เคยต้องคาพิพากษาหรือคาสัง่ ของศาลอนั ถึงทีส่ ดุ ให้ทรัพยส์ ินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะรา่ รวย ผดิ ปกติ หรือเคยตอ้ งคาพิพากษาอันถึงท่สี ดุ ใหล้ งโทษจาคุกเพราะกระทาความผิดตามกฎหมาย ว่าดว้ ยการ ป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ (10) เคยตอ้ งคาพิพากษาอันถึงทีส่ ุดว่ากระทาความผดิ ต่อตาแหน่งหน้าที่ราชการ หรอื ต่อตาแหน่ง หนา้ ทใี่ นการยุติธรรม หรือกระทาความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผดิ ของพนักงาน ในองค์การหรอื เตรยี มสอบครูผูช้ ่วย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มอื เตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตาแหน่งครผู ู้ช่วย ภาค ข ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 172 หน่วยงานของรัฐ หรอื ความผดิ เกย่ี วกับทรัพย์ที่กระทาโดยทุจรติ ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตาม กฎหมายวา่ ด้วยการกยู้ ืมเงนิ ที่เปน็ การฉ้อโกงประชาชน กฎหมายวา่ ด้วยยาเสพติดในความผดิ ฐานเป็นผู้ผลติ นาเขา้ สง่ ออก หรือผคู้ ้า กฎหมายว่าดว้ ยการพนันในความผิดฐานเปน็ เจา้ มอื หรือเจ้าสานัก กฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงินใน ความผิดฐานฟอกเงนิ (11) เคยตอ้ งคาพิพากษาอันถึงทสี่ ุดวา่ กระทาการอนั เป็นการทุจรติ ในการเลือกตง้ั (12) เป็นขา้ ราชการซึง่ มตี าแหน่งหรือเงนิ เดือนประจานอกจากขา้ ราชการการเมือง (13) เปน็ สมาชิกสภาท้องถนิ่ หรอื ผูบ้ ริหารท้องถิ่น (14) เปน็ สมาชิกวุฒิสภาหรอื เคยเปน็ สมาชิกวุฒิสภาและสมาชกิ ภาพสิน้ สุดลงยงั ไม่เกินสองปี (15) เปน็ พนกั งานหรือลูกจ้างของหนว่ ยราชการ หน่วยงานของรฐั หรือรัฐวิสาหกิจ หรอื เป็น เจา้ หนา้ ท่อี น่ื ของรฐั (16) เปน็ ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนูญ หรอื ผู้ดารงตาแหนง่ ในองค์กรอิสระ (17) อย่ใู นระหว่างตอ้ งห้ามมใิ หด้ ารงตาแหน่งทางการเมอื ง (18) เคยพน้ จากตาแหน่งเพราะเหตตุ ามมาตรา 144 หรอื มาตรา 235 วรรคสาม มาตรา 99 อายขุ องสภาผู้แทนราษฎรมีกาหนดคราวละส่ปี นี บั แตว่ นั เลือกต้ัง ในระหว่างอายุของสภา ผแู้ ทนราษฎร จะมีการควบรวมพรรคการเมืองท่ีมีสมาชิกเป็นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรมิได้ มาตรา 100 สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรเริม่ ต้ังแตว่ นั เลือกตง้ั มาตรา 102 เมื่ออายุของสภาผู้แทนราษฎรสน้ิ สดุ ลง พระมหากษัตรยิ จ์ ะได้ทรงตรา พระราชกฤษฎีกาใหม้ ี การเลือกตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรใหม่ เป็นการเลอื กต้ังทั่วไปภายในส่สี บิ หา้ วนั นับแตว่ ันทีส่ ภา ผแู้ ทนราษฎรสิ้นอายุ การเลือกตัง้ ตามวรรคหน่ึง ตอ้ งเป็นวันเดยี วกันทั่วราชอาณาจักรตามทคี่ ณะกรรมการ การเลือกตง้ั ประกาศกาหนดในราชกิจจานเุ บกษา มาตรา 103 พระมหากษัตรยิ ์ทรงไวซ้ ึง่ พระราชอานาจทีจ่ ะยบุ สภาผ้แู ทนราษฎรเพื่อให้มี การเลอื กตัง้ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรใหมเ่ ป็นการเลอื กตง้ั ทัว่ ไป การยบุ สภาผ้แู ทนราษฎรให้กระทาโดยพระราช กฤษฎกี า และให้กระทาไดเ้ พียงครัง้ เดยี ว ในเหตกุ ารณ์เดียวกนั ภายในห้าวนั นบั แตว่ ันทพ่ี ระราชกฤษฎกี าตามวรรคหน่ึงใช้บงั คบั ให้คณะกรรมการการเลอื กตั้ง ประกาศกาหนดวนั เลือกตงั้ ทั่วไปในราชกจิ จานเุ บกษา ซ่งึ ต้องไมน่ อ้ ยกว่าสี่สบิ หา้ วันแตไ่ ม่เกินหกสบิ วัน นบั แต่ วันทีพ่ ระราชกฤษฎีกาดังกล่าวใชบ้ งั คับ วันเลอื กต้งั นั้นต้องกาหนดเปน็ วนั เดียวกันทั่วราชอาณาจักร มาตรา 107 วฒุ ิสภาประกอบด้วยสมาชกิ จานวนสองร้อยคน ซึง่ มาจากการเลอื กกันเอง ของบุคคลซึ่งมี ความรู้ ความเชยี่ วชาญ ประสบการณ์ อาชพี ลักษณะ หรือประโยชน์รว่ มกัน หรือทางาน หรอื เคยทางานดา้ น เตรียมสอบครผู ชู้ ว่ ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มือเตรียมสอบบรรจุเข้ารับราชการ ตาแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย ภาค ข ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 173 ตา่ ง ๆ ท่หี ลากหลายของสังคม โดยในการแบง่ กล่มุ ต้องแบ่งในลกั ษณะท่ีทาใหป้ ระชาชน ซึ่งมสี ทิ ธิสมคั รรบั เลอื กทุกคนสามารถอยใู่ นกลุ่มใดกลมุ่ หนึ่งได้ มาตรา 108 สมาชิกวุฒิสภาต้องมีคณุ สมบัติและไมม่ ลี ักษณะต้องห้าม ดังตอ่ ไปน้ี ก. คุณสมบตั ิ (1) มีสญั ชาติไทยโดยการเกิด (2) มีอายไุ ม่ต่ากว่าสส่ี ิบปีในวันสมัครรับเลอื ก (3) มคี วามรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทางานในด้านที่สมคั รไม่น้อยกวา่ สิบปี หรือเป็นผู้ มลี ักษณะตามหลกั เกณฑ์และเงอ่ื นไขท่บี ัญญตั ไิ ว้ในพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สมาชกิ วุฒิสภา (4) เกิด มชี ือ่ อยู่ในทะเบียนบ้าน ทางาน หรอื มีความเกี่ยวพันกับพ้นื ที่ท่สี มัครตามหลกั เกณฑ์ และ เงอ่ื นไขที่บญั ญัติไวใ้ นพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการได้มาซึง่ สมาชกิ วุฒสิ ภา มาตรา 109 อายุของวุฒสิ ภามีกาหนดคราวละหา้ ปีนับแต่วนั ประกาศผลการเลือก สมาชิกภาพของสมาชกิ วฒุ สิ ภาเริม่ ต้ังแต่วนั ท่คี ณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศผลการเลือก เมื่ออายขุ องวฒุ สิ ภาสิ้นสดุ ลง ใหส้ มาชิก วุฒิสภาอย่ใู นตาแหนง่ เพื่อปฏิบัตหิ น้าท่ตี อ่ ไปจนกวา่ จะมี สมาชิกวฒุ สิ ภาขึน้ ใหม่ มาตรา 130 ให้มีพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู ดังต่อไปนี้ (1) พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการเลอื กตั้งสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร (2) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วยการไดม้ าซ่ึงสมาชกิ วุฒิสภา (3) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยคณะกรรมการการเลอื กตั้ง (4) พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมือง (5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วยผู้ตรวจการแผน่ ดนิ (6) พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต (7) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วยการตรวจเงนิ แผน่ ดิน (8) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยวิธีพจิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู (9) พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยวิธพี จิ ารณาคดอี าญาของผดู้ ารงตาแหนง่ ทางการเมือง (10) พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยคณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาติ หมวดท่ี 8 คณะรัฐมนตรี  มาตรา 158 พระมหากษัตริย์ทรงแต่งต้ังนายกรฐั มนตรีและรัฐมนตรอี ่ืนอกี ไมเ่ กินสามสบิ หา้ คน ประกอบ เปน็ คณะรัฐมนตรี มหี น้าทีบ่ ริหารราชการแผ่นดินตามหลัก ความรับผิดชอบร่วมกนั นายกรฐั มนตรตี อ้ งแต่งตั้งจากบคุ คลซึง่ สภาผูแ้ ทนราษฎรใหค้ วามเห็นชอบตาม มาตรา 159 ให้ประธานสภา ผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรฐั มนตรี เตรียมสอบครูผู้ชว่ ย By ทมี ฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

ค่มู ือเตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตาแหน่งครูผชู้ ่วย ภาค ข ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 174 นายกรัฐมนตรจี ะดารงตาแหนง่ รวมกนั แลว้ เกินแปดปีมิได้ ทัง้ น้ี ไมว่ า่ จะเปน็ การดารงตาแหน่งติดต่อกัน หรือไม่แต่มใิ ห้นับรวมระยะเวลาในระหวา่ งท่ีอย่ปู ฏบิ ตั ิหน้าท่ตี อ่ ไปหลังพ้นจากตาแหนง่ มาตรา 160 รัฐมนตรีต้อง (1) มสี ญั ชาติไทยโดยการเกิด (2) มีอายไุ มต่ า่ กว่าสามสิบห้าปี (3) สาเรจ็ การศึกษาไม่ต่ากว่าปรญิ ญาตรหี รอื เทียบเทา่ (4) มีความซอื่ สัตยส์ จุ ริตเปน็ ท่ีประจกั ษ์ (5) ไม่มีพฤติกรรมอันเปน็ การฝ่าฝืนหรือไมป่ ฏิบตั ติ ามมาตรฐานทางจริยธรรมอยา่ งร้ายแรง (6) ไม่มลี ักษณะตอ้ งหา้ มตามมาตรา 98 (7) ไม่เป็นผตู้ อ้ งคาพพิ ากษาให้จาคุก แม้คดนี ัน้ จะยังไม่ถึงท่ีสุดหรือมีการรอการลงโทษ เวน้ แตใ่ น ความผดิ อันได้กระทาโดยประมาท ความผิดลหโุ ทษ หรอื ความผิดฐานหมิ่นประมาท (8) ไมเ่ ป็นผ้เู คยพน้ จากตาแหน่งเพราะเหตุกระทาการอนั เป็นการตอ้ งห้าม ตามมาตรา 186 หรือ มาตรา 187 มาแลว้ ยงั ไม่ถงึ สองปีนบั ถึงวันแต่งต้งั มาตรา 162 คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ตอ้ งแถลงนโยบายต่อรัฐสภาซงึ่ ต้องสอดคล้องกับ หนา้ ที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรฐั และยุทธศาสตรช์ าติ และต้องชี้แจง แหล่งท่ีมาของรายไดท้ จ่ี ะนามาใช้จา่ ย ในการดาเนินนโยบาย โดยไม่มกี ารลงมติความไว้วางใจ ท้ังน้ี ภายในสบิ ห้าวนั นบั แตว่ นั เข้ารบั หนา้ ที่ กอ่ นแถลงนโยบายตอ่ รัฐสภาตามวรรคหนง่ึ หากมีกรณีที่สาคญั และจาเปน็ เร่งดว่ น ซึ่งหากปล่อยให้เน่ินชา้ ไปจะ กระทบตอ่ ประโยชน์สาคญั ของแผ่นดนิ คณะรฐั มนตรีทเี่ ข้ารับหน้าที่ จะดาเนนิ การไปพลางก่อนเพียงเท่าท่ี จาเป็นก็ได้ มาตรา 180 พระมหากษตั รยิ ์ทรงแต่งตงั้ ข้าราชการฝา่ ยทหารและฝ่ายพลเรือน ตาแหน่งปลัดกระทรวง อธิบดี และเทยี บเทา่ และทรงให้พน้ จากตาแหนง่ เว้นแต่กรณที ่ีพ้นจากตาแหนง่ เพราะความตาย เกษยี ณอายุ หรอื พน้ จากราชการเพราะถกู ลงโทษ มาตรา 183 เงนิ ประจาตาแหน่งและประโยชนต์ อบแทนอยา่ งอน่ื ขององคมนตรี ประธานและรองประธาน สภาผแู้ ทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผนู้ าฝา่ ยคา้ นในสภาผ้แู ทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร และสมาชิกวฒุ สิ ภา ให้กาหนดโดยพระราชกฤษฎกี า บาเหน็จบานาญหรอื ประโยชน์ตอบแทนอย่าง อ่นื ขององคมนตรีซง่ึ พ้นจากตาแหนง่ ใหก้ าหนดโดยพระราชกฤษฎีกา เตรียมสอบครูผู้ชว่ ย By ทีมฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มือเตรียมสอบบรรจุเข้ารบั ราชการ ตาแหน่งครผู ูช้ ว่ ย ภาค ข ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 175 หมวดที่ 9 การขัดกันแหง่ ผลประโยชน์ มาตรา 184 สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวฒุ ิสภาต้อง (1) ไมด่ ารงตาแหนง่ หรือหน้าท่ใี ดในหนว่ ยราชการ หน่วยงานของรฐั หรือรัฐวสิ าหกิจ หรอื ตาแหนง่ สมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ หรือผ้บู รหิ ารทอ้ งถิน่ (2) ไม่รับหรอื แทรกแซงหรอื ก้าวกา่ ยการเขา้ รบั สัมปทานจากรฐั หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรอื รัฐวิสาหกิจ หรือเข้าเป็นคสู่ ัญญากบั รัฐ หนว่ ยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรอื รัฐวสิ าหกิจอันมีลักษณะ เป็น การผูกขาดตดั ตอน หรือเปน็ หุ้นส่วนหรือผูถ้ อื ห้นุ ในหา้ งห้นุ ส่วนหรือบริษทั ทร่ี บั สมั ปทานหรือเขา้ เปน็ คสู่ ญั ญา ในลกั ษณะดังกลา่ ว ทงั้ น้ี ไมว่ ่าโดยทางตรงหรอื ทางอ้อม (3) ไมร่ ับเงนิ หรือประโยชนใ์ ดๆ จากหนว่ ยราชการ หน่วยงานของรฐั หรอื รฐั วิสาหกจิ เป็นพิเศษ นอกเหนือไปจากทห่ี นว่ ยราชการ หน่วยงานของรฐั หรอื รัฐวสิ าหกจิ ปฏบิ ัตติ ่อบคุ คลอ่นื ๆ ในธุรกจิ การงาน ปกติ (4) ไม่กระทาการใด ๆ ไมว่ า่ โดยทางตรงหรือทางอ้อม อนั เปน็ การขัดขวางหรือแทรกแซง การใช้สิทธิ หรือเสรภี าพของหนังสือพิมพ์หรือส่อื มวลชนโดยมชิ อบ มาตรานม้ี ิใหใ้ ช้บงั คบั ในกรณที ี่สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรหรอื สมาชิกวุฒิสภารับเบย้ี หวดั บาเหน็จ บานาญ เงนิ ปีพระบรมวงศานวุ งศ์ หรือเงินอน่ื ใดในลักษณะ เดยี วกนั และมใิ ห้ใช้บังคบั ในกรณีท่สี มาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรหรอื สมาชกิ วุฒิสภารับหรือดารงตาแหน่ง กรรมาธกิ ารของรัฐสภา สภาผ้แู ทนราษฎร หมวดที่ 10 ศาล มาตรา 188 การพจิ ารณาพพิ ากษาอรรถคดีเป็นอานาจของศาล ซึ่งต้องดาเนินการใหเ้ ป็นไป ตามกฎหมาย และในพระปรมาภไิ ธยพระมหากษตั ริย์ ผพู้ ิพากษาและตุลาการยอ่ มมีอสิ ระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดตี ามรฐั ธรรมนญู และกฎหมาย ใหเ้ ปน็ ไป โดยรวดเรว็ เปน็ ธรรม และปราศจากอคติทั้งปวง มาตรา 194 ศาลยตุ ิธรรมมีอานาจพิจารณาพพิ ากษาคดที ง้ั ปวง เวน้ แต่คดีทีร่ ัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย บญั ญตั ิใหอ้ ยู่ในอานาจของศาลอ่ืน การจดั ตงั้ วธิ พี จิ ารณาคดี และการดาเนินงานของศาลยตุ ธิ รรมใหเ้ ป็นไป ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการนั้น มาตรา 197 ศาลปกครองมีอานาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดปี กครองอันเนือ่ งมาจากการใชอ้ านาจ ทางปกครอง ตามกฎหมายหรือเนอ่ื งมาจากการดาเนินกิจการทางปกครอง ทง้ั นี้ ตามท่ีกฎหมายบัญญตั ิ ใหม้ ศี าลปกครอง สงู สดุ และศาลปกครองชัน้ ต้น เตรยี มสอบครูผชู้ ่วย By ทีมฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

ค่มู ือเตรยี มสอบบรรจเุ ข้ารับราชการ ตาแหนง่ ครูผู้ชว่ ย ภาค ข ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 176 อานาจศาลปกครองตามวรรคหนง่ึ ไมร่ วมถึงการวนิ จิ ฉัยช้ขี าดขององคก์ รอิสระซ่งึ เป็นการใช้อานาจ โดยตรง ตามรฐั ธรรมนญู ขององค์กรอิสระน้ัน ๆ การจัดตัง้ วธิ พี ิจารณาคดี และการดาเนินงานของศาลปกครองให้ เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการน้ัน มาตรา 199 ศาลทหารมีอานาจพิจารณาพพิ ากษาคดอี าญาที่ผกู้ ระทาความผิดเป็นบุคคล ซึ่งอยู่ในอานาจ ศาลทหารและคดอี ื่น ท้งั นี้ ตามทีก่ ฎหมายบัญญตั ิ การจัดต้ัง วธิ พี จิ ารณาคดี และการดาเนินงานของศาลทหาร ตลอดจนการแตง่ ตง้ั และการให้ตุลาการ ศาลทหารพ้นจากตาแหน่ง ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบญั ญัติ หมวดที่ 11 ศาลรฐั ธรรมนญู มาตรา 200 ศาลรัฐธรรมนูญประกอบดว้ ยตุลาการศาลรฐั ธรรมนูญจานวนเก้าคน ซ่งึ พระมหากษตั ริย์ทรง แต่งตัง้ จากบุคคล (1) ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซง่ึ ดารงตาแหนง่ ไมต่ า่ กวา่ ผพู้ ิพากษาหวั หนา้ คณะในศาลฎกี ามาแล้ว ไมน่ อ้ ยกว่าสามปี ซ่งึ ได้รับคัดเลือกโดยท่ปี ระชมุ ใหญ่ศาลฎีกา จานวนสามคน (2) ตลุ าการในศาลปกครองสูงสดุ ซง่ึ ดารงตาแหนง่ ไมต่ า่ กวา่ ตลุ าการศาลปกครองสูงสุดมาแล้ว ไมน่ ้อยกว่าห้าปี ซงึ่ ได้รบั คดั เลือกโดยทป่ี ระชุมใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสูงสุด จานวนสองคน (3) ผทู้ รงคุณวุฒสิ าขานติ ิศาสตร์ซึ่งไดร้ ับการสรรหาจากผู้ดารงตาแหน่งหรือเคยดารงตาแหน่ง ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ ปี และยังมีผลงานทางวชิ าการ เป็นทีป่ ระจกั ษ์ จานวนหนงึ่ คน (4) ผทู้ รงคณุ วฒุ สิ าขารัฐศาสตรห์ รือรัฐประศาสนศาสตร์ซ่ึงไดร้ ับการสรรหาจากผดู้ ารง ตาแหนง่ หรอื เคยดารงตาแหน่งศาสตราจารยข์ องมหาวทิ ยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไม่นอ้ ยกว่าห้าปี และยังมี ผลงานทางวชิ าการเปน็ ทป่ี ระจกั ษ์ จานวนหนึ่งคน (5) ผทู้ รงคุณวฒุ ซิ ึ่งได้รบั การสรรหาจากผู้รับหรือเคยรบั ราชการในตาแหน่งไมต่ า่ กวา่ อธิบดี หรอื หัวหน้าส่วนราชการท่ีเทยี บเท่า หรอื ตาแหน่งไมต่ ่ากว่ารองอัยการสงู สุดมาแล้วไม่น้อยกวา่ ห้าปี จานวนสองคน ในกรณีไม่อาจเลอื กผูพ้ ิพากษาหวั หนา้ คณะในศาลฎีกาตาม (1) ทปี่ ระชุมใหญศ่ าลฎีกาจะเลอื กบุคคล จากผ้ซู งึ่ เคยดารงตาแหน่งไม่ตา่ กว่าผู้พิพากษาในศาลฎีกามาแล้วไม่น้อยกวา่ สามปีก็ได้ การนบั ระยะเวลาตามวรรคหน่ึง ให้นบั ถงึ วนั ที่ได้รบั การคัดเลอื กหรอื วันสมคั รเขา้ รับการสรรหาแล้วแต่กรณี ในกรณจี าเป็นอนั ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คณะกรรมการสรรหาจะประกาศลดระยะเวลา ตามวรรคหนง่ึ หรือวรรคสองลงกไ็ ด้ แตจ่ ะลดลงเหลือน้อยกว่า สองปีมิได้ เตรียมสอบครผู ู้ช่วย By ทมี ฮักแพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มอื เตรียมสอบบรรจุเขา้ รับราชการ ตาแหน่งครูผชู้ ่วย ภาค ข ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 177 หมวดที่ 12 องค์กรอิสระ มาตรา 222 คณะกรรมการการเลือกตั้งประกอบดว้ ยกรรมการจานวนเจด็ คนซง่ึ พระมหากษตั รยิ ์ ทรง แต่งตั้งตามคาแนะนาของวุฒิสภาจากบุคคลดงั ตอ่ ไปนี้ (1) ผมู้ ีความรู้ความเชีย่ วชาญในสาขาวิชาการต่างๆ ท่จี ะยงั ประโยชนแ์ กก่ ารบรหิ ารและจัดการ การเลือกต้งั ให้เปน็ ไปโดยสุจริตและเทย่ี งธรรม และมีความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ เปน็ ทป่ี ระจักษ์ ซ่ึงไดร้ บั การสรรหา จากคณะกรรมการสรรหา จานวนหา้ คน (2) ผ้มู คี วามรู้ ความเชยี่ วชาญ และประสบการณด์ า้ นกฎหมาย มคี วามซื่อสัตยส์ จุ ริตเป็นท่ีประจกั ษ์ และเคยดารงตาแหน่งไมต่ ่ากวา่ อธิบดีผู้พิพากษา หรือตาแหน่งไมต่ ่ากว่าอธบิ ดีอัยการมาแลว้ เป็นเวลา ไมน่ อ้ ย กว่าหา้ ปี ซ่งึ ได้รบั การคัดเลือกจากทีป่ ระชุมใหญศ่ าลฎีกา จานวนสองคน ผซู้ ึ่งจะได้รับการสรรหาเป็น กรรมการการเลอื กตงั้ ตาม (1) ต้องมีคุณสมบตั ติ ามมาตรา 232 (2) (3) (4) (5) (6) หรือ (7) หรือเป็น ผู้ทางานหรอื เคยทางานในภาคประชาสังคมมาแล้วเป็นเวลา ไมน่ อ้ ยกว่าย่สี บิ ปี ทง้ั น้ี ตามที่คณะกรรมการสรร หาประกาศกาหนด มาตรา 223 กรรมการการเลือกตัง้ มีวาระการดารงตาแหน่งเจด็ ปีนับแตว่ นั ท่ีพระมหากษัตริย์ ทรงแต่งต้ัง และให้ดารงตาแหน่งได้เพยี งวาระเดยี ว มาตรา 228 ผ้ตู รวจการแผน่ ดนิ มจี านวนสามคนซง่ึ พระมหากษัตรยิ ์ทรงแตง่ ตง้ั ตามคาแนะนา ของวุฒสิ ภา จากผซู้ ึ่งได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา ผูซ้ ึ่งได้รบั การสรรหาต้องเปน็ ผู้มีความซ่อื สตั ย์สุจรติ เปน็ ที่ ประจักษ์ และมีความรู้ ความเช่ยี วชาญ และประสบการณ์เกยี่ วกบั การบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ไม่ต่ากวา่ อธบิ ดี หรือหวั หน้าสว่ นราชการท่ีเทียบเท่า หรอื หวั หนา้ หน่วยงานของรฐั ท่เี ทียบได้ไมต่ ่ากวา่ กรมตามท่ีคณะกรรมการ สรรหาประกาศกาหนดโดยต้องดารงตาแหนง่ ดงั กล่าวเปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกว่าห้าปจี านวนสองคน และเปน็ ผมู้ ี ประสบการณ์ในการดาเนินกจิ การ อันเป็นสาธารณะมาแล้วไมน่ อ้ ยกว่าย่ีสบิ ปี จานวนหน่งึ คน มาตรา 229 ผู้ตรวจการแผ่นดินมีวาระการดารงตาแหน่งเจ็ดปีนับแต่วนั ทีพ่ ระมหากษัตรยิ ์ ทรงแตง่ ตงั้ และ ให้ดารงตาแหนง่ ไดเ้ พียงวาระเดยี ว มาตรา 232 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติประกอบด้วยกรรมการจานวนเก้าคน ซง่ึ พระมหากษตั ริยท์ รงแต่งต้ังตามคาแนะนาของวุฒสิ ภาจากผู้ซึง่ ได้รบั การสรรหา โดยคณะกรรมการสรรหา ผซู้ ่งึ ได้รับการสรรหาต้องเปน็ ผมู้ ีความซอ่ื สัตยส์ ุจริตเปน็ ทปี่ ระจักษ์ มีความรู้ ความเช่ยี วชาญ และประสบการณ์ ดา้ นกฎหมาย บัญชี เศรษฐศาสตร์ การบรหิ ารราชการแผ่นดิน หรอื การอ่ืนใดอนั เป็น ประโยชน์ต่อการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ และต้องมคี ุณสมบตั ิอย่างหนึง่ อย่างใด ดงั ต่อไปน้ดี ว้ ย เตรยี มสอบครผู ูช้ ่วย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คูม่ อื เตรยี มสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตาแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 178 (1) รับราชการหรอื เคยรบั ราชการในตาแหนง่ ไม่ต่ากว่าอธิบดผี ู้พพิ ากษา อธิบดศี าลปกครองชน้ั ตน้ ตลุ าการพระธรรมนูญหวั หน้าศาลทหารกลาง หรืออธบิ ดีอัยการมาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่าหา้ ปี (2) รับราชการหรอื เคยรบั ราชการในตาแหน่งไม่ต่ากว่าอธบิ ดหี รอื หวั หน้าส่วนราชการทเี่ ทียบเท่า มาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ หา้ ปี (3) เปน็ หรอื เคยเป็นผู้ดารงตาแหน่งผูบ้ ริหารสงู สุดของรฐั วสิ าหกิจ หรือหน่วยงานอนื่ ของรัฐ ทไ่ี ม่เปน็ สว่ นราชการหรอื รัฐวิสาหกจิ มาแล้วไมน่ ้อยกว่าหา้ ปี (4) ดารงตาแหน่งหรือเคยดารงตาแหนง่ ศาสตราจารยข์ องมหาวทิ ยาลยั ในประเทศไทยมาแลว้ ไม่นอ้ ย กวา่ หา้ ปี และยังมผี ลงานทางวิชาการเป็นทีป่ ระจักษ์ (5) เปน็ หรอื เคยเปน็ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ที่มีกฎหมายรบั รองการประกอบวชิ าชพี โดยประกอบวชิ าชพี อยา่ งสม่าเสมอและตอ่ เนอ่ื งมาเป็นเวลาไม่น้อยกวา่ ยี่สบิ ปนี ับถึงวันทไี่ ด้รับการเสนอช่ือ และไดร้ บั การรับรอง การประกอบวิชาชพี จากองค์กรวิชาชพี น้ัน (6) เปน็ ผมู้ คี วามรคู้ วามชานาญและประสบการณ์ทางด้านการบรหิ าร การเงนิ การคลงั การบัญชี หรือ การบริหารกจิ การวิสาหกิจในระดับไม่ต่ากว่าผบู้ รหิ ารระดบั สงู ของบริษัทมหาชนจากดั มาแลว้ ไมน่ ้อยกว่าสบิ ปี (7) เคยเปน็ ผู้ดารงตาแหนง่ ตาม (1) (2) (3) (4) หรือ (6) รวมกันไมน่ อ้ ยกวา่ สิบปี การนบั ระยะเวลา ตามวรรคสอง ให้นับถึงวันทีไ่ ดร้ ับการเสนอชอื่ หรือวนั สมัครเข้ารับการสรรหา แล้วแต่กรณี มาตรา 233 กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาตมิ ีวาระการดารงตาแหน่งเจ็ดปี นับแตว่ นั ท่ี พระมหากษัตริย์ทรงแต่งต้งั และใหด้ ารงตาแหนง่ ได้เพยี งวาระเดียว ในระหวา่ งที่กรรมการปอ้ งกนั และ ปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติพ้นจากตาแหน่งก่อนวาระ และยังไม่มกี ารแตง่ ต้งั กรรมการแทนตาแหนง่ ที่วา่ ง ให้กรรมการเท่าที่เหลืออยู่ปฏิบตั หิ นา้ ทตี่ ่อไปได้ เว้นแต่จะมีกรรมการเหลืออยู่ไม่ถงึ หา้ คน มาตรา 238 คณะกรรมการตรวจเงนิ แผ่นดนิ ประกอบดว้ ยกรรมการจานวนเจ็ดคน ซง่ึ พระมหากษตั ริย์ทรง แตง่ ต้งั ตามคาแนะนาของวุฒิสภา จากผ้ซู ่ึงได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา มาตรา 239 กรรมการตรวจเงินแผ่นดินมีวาระการดารงตาแหน่งเจด็ ปีนบั แตว่ ันที่พระมหากษัตริยท์ รงแต่งตั้ง และให้ดารงตาแหนง่ ไดเ้ พยี งวาระเดยี ว มาตรา 246 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหง่ ชาติประกอบดว้ ยกรรมการจานวนเจด็ คน ซง่ึ พระมหากษตั รยิ ์ ทรงแตง่ ต้งั ตามคาแนะนาของวุฒิสภาจากผ้ซู ึ่งไดร้ ับการสรรหา กรรมการสิทธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาติมวี าระการ ดารงตาแหนง่ เจด็ ปีนับแต่วนั ทพี่ ระมหากษัตรยิ ์ ทรงแต่งตงั้ และใหด้ ารงตาแหน่งได้เพียงวาระเดียว เตรยี มสอบครผู ู้ชว่ ย By ทีมฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

ค่มู ือเตรยี มสอบบรรจุเข้ารบั ราชการ ตาแหน่งครูผชู้ ว่ ย ภาค ข ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 179 หมวดท่ี 13 องคก์ รอัยการ มาตรา 248 องค์กรอัยการมีหนา้ ทแี่ ละอานาจตามที่บญั ญัติไวใ้ นรฐั ธรรมนูญและกฎหมาย พนกั งานอัยการมี อิสระในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบตั หิ น้าทีใ่ ห้เปน็ ไปโดยรวดเร็ว เที่ยงธรรม และปราศจากอคตทิ ั้งปวง และไมใ่ หถ้ ือวา่ เป็นคาส่งั ทางปกครอง หมวดที่ 14 การปกครองสว่ นท้องถิ่น  มาตรา 249 ภายใต้บงั คบั มาตรา 1 ใหม้ ีการจัดการปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ตามหลักแห่ง การปกครองตนเองตาม เจตนารมณ์ของประชาชนในทอ้ งถิ่น ทง้ั นี้ ตามวธิ ีการและรปู แบบองคก์ ร ปกครองสว่ นท้องถ่นิ ทก่ี ฎหมาย บญั ญตั ิ การจดั ตั้งองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นในรปู แบบใดใหค้ านึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถนิ่ และ ความสามารถในการปกครองตนเองในด้านรายได้ จานวนและความหนาแนน่ ของประชากร และพน้ื ที่ ที่ต้อง รบั ผดิ ชอบ ประกอบกนั มาตรา 250 องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ มหี นา้ ทีแ่ ละอานาจดแู ลและจัดทาบริการสาธารณะ และกิจกรรม สาธารณะเพ่ือประโยชน์ของประชาชนในท้องถ่นิ ตามหลักการพฒั นาอยา่ งยง่ั ยืน รวมทง้ั ส่งเสรมิ และสนับสนนุ การจดั การศกึ ษาให้แกป่ ระชาชนในท้องถนิ่ ทงั้ นี้ ตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ มาตรา 252 สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ ตอ้ งมาจากการเลือกต้ัง ผู้บรหิ ารท้องถ่ินให้มาจากการเลอื กตงั้ หรือมาจาก ความเห็นชอบของสภาท้องถ่ินหรอื ในกรณี องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินรูปแบบพิเศษ จะให้มาโดยวธิ ีอ่นื ก็ได้ แต่ต้องคานงึ ถึงการมสี ่วนร่วม ของประชาชนด้วย ท้ังน้ี ตามท่ีกฎหมายบญั ญัติ คณุ สมบัติของผมู้ ีสทิ ธิเลือกตงั้ และผู้มีสทิ ธิสมคั รรับเลือกต้งั และหลักเกณฑ์และวิธกี ารเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถ่นิ และผบู้ รหิ ารท้องถ่ิน ให้ เป็นไปตามท่ีกฎหมายบัญญัติ ซง่ึ ต้องคานึงถึงเจตนารมณ์ ในการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ ตามแนวทาง ทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นรัฐธรรมนูญด้วย หมวดท่ี 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 255 การแกไ้ ขเพ่ิมเติมรฐั ธรรมนูญที่เปน็ การเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อนั มี พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข หรอื เปลยี่ นแปลงรปู แบบของรัฐ จะกระทามิได้ มาตรา 256 ภายใตบ้ งั คบั มาตรา 255 การแก้ไขเพ่ิมเติมรฐั ธรรมนญู ใหก้ ระทาได้ ตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี าร เตรยี มสอบครผู ชู้ ว่ ย By ทมี ฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คูม่ อื เตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตาแหน่งครูผู้ช่วย ภาค ข ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 180 หมวดที่ 16 การปฏิรูปประเทศ มาตรา 257 การปฏริ ปู ประเทศตามหมวดนต้ี อ้ งดาเนินการเพือ่ บรรลเุ ป้าหมาย ดังต่อไปนี้ (1) ประเทศชาติมคี วามสงบเรยี บรอ้ ย มีความสามัคคีปรองดอง มีการพฒั นาอยา่ งยั่งยืน ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมคี วามสมดุลระหว่างการพฒั นาดา้ นวัตถุกบั การพัฒนา ด้านจติ ใจ (2) สังคมมีความสงบสขุ เป็นธรรม และมีโอกาสอนั ทัดเทียมกันเพื่อขจัดความเหลื่อมล้า (3) ประชาชนมคี วามสุข มคี ุณภาพชีวติ ทีด่ ี และมีสว่ นรว่ มในการพฒั นาประเทศและการปกครอง ในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข มาตรา 258 ใหด้ าเนินการปฏิรปู ประเทศ อย่างน้อยในดา้ นตา่ ง ๆ ให้เกิดผล ดงั ตอ่ ไปน้ี ก. ดา้ นการเมอื ง (1) ใหป้ ระชาชนมีความรู้ความเขา้ ใจที่ถกู ต้องเกยี่ วกับการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อันมี พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ มสี ่วนร่วมในการดาเนินกิจกรรมทางการเมืองรวมตลอดทง้ั การตรวจสอบ การใชอ้ านาจรัฐ รูจ้ กั ยอมรับในความเหน็ ทางการเมืองโดยสุจรติ ท่แี ตกตา่ งกนั และใหป้ ระชาชนใชส้ ทิ ธิเลือกตัง้ และออกเสยี งประชามตโิ ดยอิสระปราศจากการครอบงาไม่ว่าดว้ ยทางใด (2) ใหก้ ารดาเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองเป็นไปโดยเปดิ เผยและตรวจสอบได้ เพ่อื ให้พรรคการเมือง พฒั นาเป็นสถาบนั ทางการเมืองของประชาชนซ่งึ มีอุดมการณท์ างการเมืองรว่ มกนั มีกระบวนการ ใหส้ มาชกิ พรรคการเมอื งมสี ว่ นรว่ มและมคี วามรับผิดชอบอย่างแทจ้ ริงในการดาเนนิ กิจกรรมทางการเมือง และการคัดเลอื ก ผ้มู ีความรูค้ วามสามารถ ซื่อสตั ย์สุจรติ และมคี ุณธรรมจริยธรรม เขา้ มาเป็นผ้ดู ารงตาแหน่งทางการเมอื งท่ีชดั เจน และเป็นรปู ธรรม (3) มีกลไกท่กี าหนดความรบั ผดิ ชอบของพรรคการเมืองในการประกาศโฆษณานโยบาย ที่มิได้ วิเคราะห์ผลกระทบ ความคุ้มค่า และความเสย่ี งอยา่ งรอบด้าน (4) มีกลไกทีก่ าหนดให้ผูด้ ารงตาแหนง่ ทางการเมืองต้องปฏิบตั ิหนา้ ที่ด้วยความซื่อสตั ยส์ ุจรติ และ รบั ผดิ ชอบต่อประชาชนในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทีข่ องตน (5) มีกลไกแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดยสนั ตวิ ิธีภายใต้การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ ข. ด้านการบรหิ ารราชการแผน่ ดิน (1) ให้มีการนาเทคโนโลยที ี่เหมาะสมมาประยุกต์ใชใ้ นการบริหารราชการแผน่ ดิน และการจดั ทา บริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ในการบรหิ ารราชการแผ่นดิน และเพ่ืออานวยความสะดวก ใหแ้ ก่ประชาชน (2) ใหม้ ีการบูรณาการฐานข้อมลู ของหนว่ ยงานของรฐั ทุกหนว่ ยงานเขา้ ด้วยกัน เพ่ือใหเ้ ป็น ระบบ ขอ้ มูลเพอ่ื การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ และการบริการประชาชน (3) ใหม้ ีการปรบั ปรุงและพฒั นาโครงสรา้ งและระบบการบรหิ ารงานของรฐั และแผนกาลังคน ภาครัฐ ให้ทันต่อการเปลย่ี นแปลงและความท้าทายใหมๆ่ โดยต้องดาเนินการใหเ้ หมาะสมกับภารกิจของ หน่วยงาน ของรฐั แต่ละหนว่ ยงานท่ีแตกต่างกัน เตรียมสอบครผู ูช้ ว่ ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มอื เตรียมสอบบรรจุเขา้ รับราชการ ตาแหน่งครูผ้ชู ่วย ภาค ข ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 181 (4) ใหม้ ีการปรับปรงุ และพฒั นาการบริหารงานบุคคลภาครัฐเพอ่ื จูงใจให้ผมู้ ีความรู้ ความสามารถ อยา่ งแทจ้ ริงเข้ามาทางานในหน่วยงานของรฐั และสามารถเจริญก้าวหน้าไดต้ ามความสามารถ และผลสมั ฤทธิ์ ของงานของแตล่ ะบุคคล มีความซือ่ สัตย์สจุ รติ กลา้ ตัดสินใจและกระทาในสิง่ ท่ีถูกต้อง โดยคดิ ถงึ ประโยชน์ ส่วนรวมมากกว่าประโยชนส์ ่วนตวั มคี วามคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละคดิ ค้นนวตั กรรมใหม่ๆ เพื่อให้การปฏบิ ัตริ าชการ และการบรหิ ารราชการแผน่ ดินเป็นไปอย่างมีประสิทธภิ าพ และมมี าตรการ คุ้มครองปอ้ งกันบคุ ลากรภาครฐั จากการใช้อานาจโดยไม่เป็นธรรมของผบู้ งั คับบัญชา (5) ให้มีการปรับปรงุ ระบบการจดั ซ้อื จัดจ้างภาครฐั ให้มคี วามคล่องตวั เปดิ เผย ตรวจสอบได้ และมี กลไกในการป้องกนั การทุจริตทกุ ขั้นตอน ค. ดา้ นกฎหมาย (1) มีกลไกให้ดาเนินการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบยี บ หรือข้อบังคบั ต่าง ๆ ที่ใช้บังคบั อยูก่ ่อนวนั ประกาศใชร้ ัฐธรรมนูญนใี้ หส้ อดคล้องกบั หลักการตามมาตรา 77 และพฒั นาใหส้ อดคล้อง กับหลักสากล โดย ให้มกี ารใช้ระบบอนุญาตและระบบการดาเนินการโดยคณะกรรมการเพียงเท่าทจ่ี าเปน็ เพอื่ ให้การทางานเกิด ความคล่องตวั โดยมผี รู้ ับผดิ ชอบท่ีชัดเจน และไมส่ รา้ งภาระแกป่ ระชาชน เกินความจาเปน็ เพิ่มความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศ และป้องกันการทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบ (2) ปฏิรูประบบการเรียนการสอนและ การศกึ ษาอบรมวชิ ากฎหมายเพ่อื พฒั นาผปู้ ระกอบ วชิ าชพี กฎหมายใหเ้ ป็นผมู้ คี วามรอบรู้ มีนิตทิ ศั นะ และยึด ม่นั ในคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมของนักกฎหมาย (3) พัฒนาระบบฐานข้อมูลกฎหมายของรัฐโดยใชเ้ ทคโนโลยตี ่าง ๆ เพื่อใหป้ ระชาชน เข้าถึงขอ้ มูล กฎหมายไดส้ ะดวก และสามารถเข้าใจเน้ือหาสาระของกฎหมายได้งา่ ย (4) จดั ใหม้ ีกลไกชว่ ยเหลอื ประชาชนในการจดั ทาและเสนอรา่ งกฎหมาย ง. ด้านกระบวนการยุตธิ รรม (1) ใหม้ ีการกาหนดระยะเวลาดาเนินงานในทุกข้ันตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน เพือ่ ให้ ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไมล่ า่ ชา้ และมีกลไกช่วยเหลอื ประชาชนผขู้ าดแคลนทุนทรัพย์ ให้เข้าถึง กระบวนการยุติธรรมได้ รวมตลอดท้งั การสรา้ งกลไกเพ่ือให้มีการบงั คับการตามกฎหมาย อยา่ งเคร่งครดั เพื่อลด ความเหล่อื มล้าและความไมเ่ ป็นธรรมในสังคม (2) ปรับปรงุ ระบบการสอบสวนคดอี าญาให้มีการตรวจสอบและถ่วงดลุ ระหวา่ งพนักงานสอบสวน กบั พนักงานอัยการอยา่ งเหมาะสม กาหนดระยะเวลาในการปฏิบตั ิหนา้ ทีข่ องเจา้ หนา้ ที่ทเ่ี ก่ียวขอ้ งทุกฝา่ ย ให้ชัดเจนเพือ่ มิใหค้ ดีขาดอายุความ และสร้างความเชือ่ มั่นในการปฏบิ ัตหิ น้าท่ขี องพนักงานสอบสวน และ พนักงานอยั การในการสอบสวนคดอี าญา รวมทั้งกาหนดให้การสอบสวนต้องใช้ประโยชน์จากนติ วิ ทิ ยาศาสตร์ และจดั ใหม้ บี ริการทางดา้ นนิติวิทยาศาสตร์มากกว่าหน่ึงหนว่ ยงานท่ีมอี ิสระจากกัน เพ่ือใหป้ ระชาชนได้รบั บรกิ ารในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอยา่ งมีทางเลือก (3) เสรมิ สรา้ งและพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรขององคก์ รต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วข้องในกระบวนการยุติธรรม ให้มุ่งอานวยความยตุ ธิ รรมแก่ประชาชนโดยสะดวกและรวดเร็ว เตรียมสอบครผู ้ชู ่วย By ทีมฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

ค่มู ือเตรยี มสอบบรรจุเขา้ รบั ราชการ ตาแหน่งครูผู้ชว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 182 (4) ดาเนนิ การบงั คบั ใชก้ ฎหมายอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ โดยแกไ้ ขปรบั ปรุงกฎหมายเกี่ยวกับ หนา้ ที่ อานาจ และภารกจิ ของตารวจให้เหมาะสม และแก้ไขปรบั ปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ของข้าราชการตารวจให้เกดิ ประสิทธภิ าพ มีหลักประกันวา่ ขา้ ราชการตารวจจะได้รบั คา่ ตอบแทนที่เหมาะสม ไดร้ บั ความเป็นธรรมในการแตง่ ตง้ั และโยกย้าย และการพิจารณาบาเหน็จความชอบตามระบบคุณธรรม ทชี่ ัดเจน ซงึ่ ในการพิจารณาแตง่ ตั้งและโยกย้ายตอ้ งคานงึ ถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกนั เพือ่ ใหข้ ้าราชการตารวจสามารถปฏิบัตหิ นา้ ท่ไี ด้อย่างมีอสิ ระ ไม่ตกอยู่ใตอ้ าณัติของบุคคลใด มีประสทิ ธิภาพ และภาคภมู ิใจในการปฏิบตั หิ นา้ ทขี่ องตน จ. ดา้ นการศึกษา (1) ให้สามารถเรม่ิ ดาเนนิ การให้เดก็ เล็กได้รบั การดูแลและพฒั นากอ่ นเข้ารับการศกึ ษา ตามมาตรา 54 วรรคสอง เพ่ือใหเ้ ด็กเล็กไดร้ บั การพัฒนารา่ งกาย จติ ใจ วนิ ัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกบั วยั โดย ไม่เกบ็ ค่าใชจ้ ่าย (2) ใหด้ าเนนิ การตรากฎหมายเพื่อจัดตั้งกองทุนตามมาตรา 54 วรรคหก ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในหนึ่งปี นบั แต่วันประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู น้ี (3) ให้มีกลไกและระบบการผลิต คดั กรองและพัฒนาผู้ประกอบวชิ าชีพครแู ละอาจารย์ ใหไ้ ด้ผู้มี จติ วญิ ญาณของความเป็นครู มคี วามรคู้ วามสามารถอยา่ งแท้จรงิ ไดร้ บั ค่าตอบแทนท่เี หมาะสมกับ ความสามารถและประสทิ ธภิ าพในการสอน รวมทัง้ มกี ลไกสรา้ งระบบคณุ ธรรมในการบรหิ ารงานบุคคลของ ผู้ประกอบวิชาชพี ครู (4) ปรบั ปรุงการจดั การเรยี นการสอนทุกระดับเพ่ือให้ผ้เู รียนสามารถเรียนได้ตามความถนัด และ ปรบั ปรุงโครงสร้างของหน่วยงานทเี่ กี่ยวข้องเพ่อื บรรลเุ ป้าหมายดังกลา่ ว โดยสอดคล้องกันท้ังในระดบั ชาติ และระดับพ้นื ที่ ฉ. ด้านเศรษฐกิจ (1) ขจดั อุปสรรคและเสรมิ สร้างความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศเพื่อให้ประเทศชาติ และ ประชาชนไดร้ บั ประโยชน์จากการเขา้ ร่วมกลุม่ เศรษฐกิจตา่ งๆ อย่างย่ังยนื โดยมีภูมิคุ้มกันทดี่ ี (2) สร้างกลไกเพอ่ื ส่งเสริมและสนบั สนุนการนาความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี ท่ีทันสมัยมาใชใ้ น การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ (3) ปรับปรุงระบบภาษีอากรใหม้ ีความเป็นธรรม ลดความเหลอ่ื มลา้ เพ่ิมพูนรายได้ของรัฐ ด้านตา่ ง ๆ อย่างมปี ระสิทธิภาพ และปรับปรงุ ระบบการจดั ทาและการใชจ้ า่ ยงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ และ สมั ฤทธิผล (4) สรา้ งกลไกเพ่อื ส่งเสริมสหกรณแ์ ละผ้ปู ระกอบการแตล่ ะขนาดใหม้ ีความสามารถ ในการแขง่ ขนั อยา่ งเหมาะสม และสง่ เสริมการประกอบวิสาหกิจเพื่อสงั คมและวิสาหกิจท่ีเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดลอ้ ม รวมทัง้ สร้างกลไกเพม่ิ โอกาสในการทางานและการประกอบอาชพี ของประชาชน เตรยี มสอบครผู ู้ชว่ ย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คมู่ อื เตรยี มสอบบรรจุเข้ารับราชการ ตาแหนง่ ครผู ้ชู ่วย ภาค ข ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 183 ช. ดา้ นอนื่ ๆ (1) ให้มีระบบบริหารจดั การทรัพยากรน้าที่มีประสิทธภิ าพ เปน็ ธรรมและยั่งยนื โดยคานึงถงึ ความ ตอ้ งการใช้น้าในทุกมิติ รวมท้ังความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดลอ้ มและสภาพภูมอิ ากาศ ประกอบกนั (2) จัดใหม้ ีการกระจายการถือครองท่ดี นิ อยา่ งเป็นธรรม รวมท้ังการตรวจสอบกรรมสิทธ์ิ และการถือ ครองท่ีดินทั้งประเทศเพื่อแกไ้ ขปญั หากรรมสิทธแิ์ ละสิทธิ ครอบครองทดี่ นิ อยา่ งเป็นระบบ (3) จดั ให้มรี ะบบจดั การและกาจดั ขยะมลู ฝอยทมี่ ีประสทิ ธิภาพ เปน็ มิตรต่อส่ิงแวดล้อม และสามารถ นาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ด้านอน่ื ๆ ได้ (4) ปรบั ระบบหลักประกนั สขุ ภาพใหป้ ระชาชนไดร้ ับสิทธแิ ละประโยชน์จากการบรหิ ารจัดการ และ การเข้าถึงบริการทีม่ ีคุณภาพและสะดวกทดั เทียมกัน (5) ใหม้ รี ะบบการแพทยป์ ฐมภูมิทม่ี ีแพทยเ์ วชศาสตรค์ รอบครวั ดแู ลประชาชนในสัดสว่ น ทเ่ี หมาะสม มาตรา 259 ภายใต้บังคับมาตรา 260 และมาตรา 261 การปฏิรปู ประเทศตามหมวดน้ี ให้เป็นไปตามกฎหมาย ว่าดว้ ยแผนและขัน้ ตอนการดาเนนิ การปฏริ ูปประเทศซ่ึงอย่างนอ้ ยต้องมีวิธกี าร จัดทาแผน การมสี ่วนรว่ มของ ประชาชนและหน่วยงานทเ่ี กี่ยวข้อง ขั้นตอนในการดาเนนิ การปฏริ ปู ประเทศ การวัดผลการดาเนนิ การ และ ระยะเวลาดาเนนิ การปฏิรูปประเทศทุกดา้ น ซ่ึงตอ้ งกาหนดใหเ้ รม่ิ ดาเนนิ การปฏิรูป ในแต่ละดา้ นภายในหน่งึ ปี นบั แตว่ นั ประกาศใชร้ ัฐธรรมนญู น้ีรวมตลอดท้ังผลสมั ฤทธิท์ ่ีคาดหวังว่าจะบรรลุ ในระยะเวลาห้าปี บทเฉพาะกาล มาตรา 262 ให้คณะองคมนตรซี ง่ึ ดารงตาแหนง่ อยู่ในวนั ก่อนวนั ประกาศใช้รฐั ธรรมนูญนี้ เปน็ คณะองคมนตรี ตามบทบัญญัติแหง่ รฐั ธรรมนูญนี้ มาตรา 263 ในระหว่างท่ียังไม่มีสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญน้ี ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ ตั้งข้ึนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับช่ัวคราว) พุทธศักราช 2557 ยังคงทาหน้าท่ีรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาต่อไป และให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งดารงตาแหน่งอยู่ในวันก่อนวัน ประกาศใช้รฐั ธรรมนญู นี้ ทาหน้าที่เปน็ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร เตรยี มสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คมู่ อื เตรยี มสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตาแหนง่ ครผู ูช้ ่วย ภาค ข ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 184 บททอ่ งจารัฐธรรมนญู ปี 2560 6 เมษา ปี 60 เกิดรฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหม่ ฉบับท่ี 20 ควรจาข้นึ ใจ ทา่ นประยุทธ์ได้ รับสนองพระบรมฯ 16 หมวด 279 มาตรา องคมนตรีตั้งมา 18 สขุ สม รฐั มนตรี อืน่ ไมเ่ กนิ 35 ตราตม เพิ่มนายกฯ อกี 1 ภริ มณ์ ทีน่ ง่ั สส. มี 500 มาดตู ่อ 350 สานกอ่ จากการเลือกตัง้ แบบบัญชี 150 ไม่ชงิ ชัง รวมครบคลังเท่ากบั 500 พอดี สว. มีทั้งหมด จบ 200 เลือกคอ่ ยๆเลอื กกันเองเป็นมิ่งศรี จาใหแ้ มน่ วฒุ สิ ภาถ้อยวจี ต้องเปรมปรีรวมกนั ได้ 700 ท่ีรฐั สภา มาตรา 54 ครไู ทยน้ีควรรู้ รฐั ช่วยชู เรอื่ งการศกึ ษา เด็ก ทุกคน ควรได้รบั การพฒั นา เป็นเวลา 12 ปี ดีจังเลย เตรยี มสอบครูผู้ชว่ ย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

ค่มู ือเตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตาแหน่งครผู ้ชู ่วย ภาค ข ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 185 ข้อสอบรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2560 1.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย 2560 เป็นรัฐธรรมนญู ฉบับทเ่ี ท่าใด ก. 17 ข. 18 ค. 19 ง. 20 2.รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย 2560 มผี ลบังคบั ต้ังแตว่ ันทเ่ี ทา่ ใดเปน็ ตน้ ไป ก. 4 เมษายน พ.ศ. 2560 ข. 5 เมษายน พ.ศ. 2560 ค. 6 เมษายน พ.ศ. 2560 ง. 7 เมษายน พ.ศ. 2560 3.ในรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย 2560 มที ้งั หมด ก. 15 หมวด 279 มาตรา ข. 16 หมวด 289 มาตรา ค. 16 หมวด 279 มาตรา ง. 15 หมวด 289 มาตรา 4.ตามรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย 2560 ระบุวา่ อานาจอธิปไตยเป็นของใคร ก. พระมหากษตั รยิ ์ ข. รฐั สภา ค. ปวงชนชาวไทย ง. ศาลรฐั ธรรมนูญ 5.พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงใชอ้ านาจผ่านทางใดบา้ ง ก. รัฐสภา ข. คณะรฐั มนตรี ค. ศาล ง. ถูกทกุ ข้อ 6.ใหม้ ีประธานองคมนตรี 1 คน และองคมนตรีอ่นื อีกไม่เกินกค่ี น ก. 18 คน ข. ไมเ่ กนิ 18 คน ค. 20 คน ง. ไม่เกิน 20 คน 7.บคุ คลใดเป็นผู้รบั สนองพระบรมราชโองการแตง่ ตง้ั ประธานองคมนตรี ก. ประธานรฐั สภา ข. พระมหากษัตรยิ ์ ค. ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ง. นายกรัฐมนตรี 8.บุคคลใดเปน็ ผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการแตง่ ตง้ั องคมนตรี ก. ประธานรัฐสภา ข. ประธานศาลรฐั ธรรมนูญ ค. ประธานสภาผู้แทนราษฎร ง. ประธานองคมนตรี 9.ชายและหญิงมสี ิทธแิ ละเสรภี าพตามรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รข้อใดถูกต้อง ก. ชายมสี ิทธแิ ละเสรีภาพมากหญิง ข. หญงิ มีสทิ ธแิ ละเสรภี าพมากชาย ค. ชายและหญิงมีสทิ ธิและเสรภี าพมากกว่าคนพกิ าร ง. ชายและหญิงมีสทิ ธิเทา่ เทียมกนั เตรียมสอบครผู ชู้ ่วย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มอื เตรยี มสอบบรรจุเข้ารบั ราชการ ตาแหนง่ ครผู ู้ช่วย ภาค ข ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 186 10.รัฐต้องดาเนนิ การให้เด็กทุกคนไดร้ ับการศกึ ษาเป็นเวลากปี่ ี ก. 10 ปี ข. 12 ปี ค. 15 ปี ง. 18 ปี 11.รัฐต้องดาเนนิ การให้เด็กทกุ คนไดร้ บั การศกึ ษาเปน็ เวลาสบิ สองปี ตั้งแตก่ อ่ นวัยเรียนจนจบการศึกษา ภาคบงั คับอย่างมีคณุ ภาพโดยไม่เกบ็ คา่ ใช้จ่าย ระบไุ วใ้ นมาตราใด ก. มาตรา 45 ข.มาตรา 54 ค. มาตรา 56 ง. มาตรา 65 12. บุคคลซึ่งมีอายุต้ังแต่กปี่ ีเปน็ ตน้ ไปและไม่มีรายไดเ้ พยี งพอแก่การยังชีพ และบคุ คลผ้ยู ากไรย้ ่อมมีสิทธิ ไดร้ บั ความชว่ ยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐ ก. 60 ปี ข. 70 ปี ค. 75 ปขี ึ้นไป ง. 55 ปี 13.หน้าท่ีของปวงชนชาวไทยมาตรา 50 บุคคลมีหน้าท่ี ระบมุ ีกี่ข้อ ก. 8 ข้อ ข. 9 ข้อ ค. 10 ข้อ ง. 11ข้อ 14.รัฐต้องดาเนนิ การให้เดก็ เลก็ ไดร้ บั การดแู ลและพัฒนากอ่ นเขา้ รบั การศกึ ษาตามวรรคหนงึ่ ใครมีส่วนร่วม ในการจดั การศึกษา ก.องค์กรบริหารสง่ จังหวดั ข.องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ และภาคเอกชน ค.ชุมชน ง.ถูกทุกข้อ 15.ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแหง่ ชาติซ่ึงอยา่ งนอ้ ยตอ้ งมบี ทบญั ญัติเก่ียวกับเรอื่ งใด ก.การจัดทาแผนพัฒนาการศึกษาแหง่ ชาติ ข.การจดั ทาแผนการศึกษาแห่งชาติ ค.การจดั ทาแผนพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คมแห่งชาติ ง.การจัดทาแผนงบประมาณประจาปีของการศกึ ษา 16.การศึกษาทั้งปวงต้องมุ่งพัฒนาผ้เู รียน ข้อใดไม่ถกู ตอ้ ง ก.เป็นคนดี ข.มีวินยั ค.สามารถเช่ียวชาญได้ตามความถนดั ของตน ง.ตลอดจนการศึกษาตอ่ เตรยี มสอบครผู ชู้ ่วย By ทีมฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มือเตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตาแหน่งครผู ูช้ ว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 187 17.ใหจ้ ัดต้งั กองทุนเพ่อื ใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทนุ ทรัพย์ มีวตั ถุประสงคเ์ พื่ออะไร ก.เพอื่ ลดความเหล่ือมล้าในการศกึ ษา ข.เพ่อื เสริมสรา้ งและพัฒนาคุณภาพและประสทิ ธภิ าพครู ค.เพ่ือเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพนักเรียน ง.ถกู ขอ้ ก กบั ข 18.มาตรา 79 รัฐสภาประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้อง ก.บคุ คลจะเปน็ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาในขณะเดียวกันด้วยก็ได้ ข.บคุ คลจะเปน็ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรและสมาชิกวฒุ สิ ภาในขณะเดียวกนั ก็ยอ่ มได้ ค.บคุ คลจะเป็นสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรและสมาชิกวุฒสิ ภาในขณะเดียวกนั มิได้ ง.บุคคลจะเปน็ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาในขณะเดยี วกนั ไมไ่ ด้ 19.มาตรา 80 ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ ง ก.ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประธานรฐั สภา ประธานวฒุ ิสภาเปน็ ประธานรฐั สภา ข.ประธานสภาผแู้ ทนราษฎรเปน็ ประธานรฐั สภา ประธานวฒุ ิสภาเป็นประธานรฐั สภา ค.ประธานสภาผแู้ ทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา ประธานวุฒสิ ภาเป็นรองประธานรัฐสภา ง.ถกู ทกุ ขอ้ 20.มาตรา 83 สภาผแู้ ทนราษฎรประกอบด้วยสมาชกิ จานวนกค่ี น ก. 450 คน ข. 500 คน ค. 550 คน ง. 600 คน 21.ผูแ้ ทนราษฎรสมาชิกซงึ่ มาจากการเลอื กตัง้ แบบแบง่ เขตเลือกตัง้ มจี านวนเท่าใด ก. 250 คน ข. 350 คน ค. 450 คน ง. 550 คน 22.ผ้แู ทนราษฎร สมาชิกซึ่งมาจากบญั ชีรายช่อื ของพรรคการเมืองจานวนเท่าใด ก. 150 คน ข. 250 คน ค. 350 คน ง. 450 คน 23.ข้อใดกล่าวถูกต้อง มาตรา 95 บุคคลผู้มคี ุณสมบัติดังต่อไปน้ี เป็นผูม้ สี ิทธิเลือกต้ัง ก.มสี ญั ชาติไทยแตบ่ ุคคลผู้มีสญั ชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ตอ้ งไดส้ ญั ชาติไทยมาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่าห้าปี ข.มีอายุไม่ตา่ กว่าสิบแปดปใี นวันเลือกตั้ง ค.มชี ื่ออยู่ในทะเบียนบา้ นในเขตเลอื กต้ังมาแล้วเปน็ เวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวนั นับถงึ วนั เลอื กตง้ั ง. ถกู ทกุ ขอ้ เตรียมสอบครผู ชู้ ว่ ย By ทมี ฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คูม่ อื เตรียมสอบบรรจุเข้ารับราชการ ตาแหนง่ ครูผ้ชู ่วย ภาค ข ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 188 24.มาตรา 96 บคุ คลผู้มีลกั ษณะดังต่อไปนใี้ นวนั เลือกต้ัง เปน็ บคุ คลตอ้ งหา้ มมิใหใ้ ชส้ ิทธเิ ลือกต้งั ก.เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรอื นักบวช ข.อยู่ในระหว่างถกู เพกิ ถอนสิทธเิ ลือกตัง้ ไม่ว่าคดนี น้ั จะถึงที่สดุ แล้วหรอื ไม่ ค.ต้องคุมขงั อยโู่ ดยหมายของศาลหรอื โดยคาสง่ั ที่ชอบด้วยกฎหมาย ง.ถูกทุกข้อ 25.ข้อใดเป็นคุณสมบัติของผทู้ ีจ่ ะสมคั รรับเลือกตั้งเป็นสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร ก. มีสัญชาติไทยโดยกาเนิด ข. อายุไม่ตา่ กว่า 25 ปีบริบรู ณใ์ นวันเลือกต้ัง ค. เป็นสมาชิกพรรคการเมือง 2 พรรค ง. เปน็ สมาชิกพรรคไมน่ ้อยกว่า 60 วนั 26.ข้อใดเปน็ ทีม่ าของสมาชิกวุฒิสภาท่ถี กู ต้อง ก. มาจากการเลือกต้ัง ข. มาจากการสรรหา ค. มาจากการเลือกตั้ง และ มาจากการสรรหา ง. ซึง่ มาจากการเลือกกันเอง 27.ตามรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย 2560 ใหม้ สี มาชกิ วุฒสิ ภากี่คน ก. 150 คน ข. 160 คน ค. 180 คน ง. 200 คน 28.สมาชิกวุฒสิ ภาตอ้ งมคี ุณสมบัตแิ ละไมม่ ลี ักษณะต้องห้าม ก.มสี ัญชาตไิ ทยโดยการเกิด ข.มีอายุไม่ตา่ กวา่ ส่สี ิบปใี นวนั สมคั รรบั เลือก ค.มคี วามรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทางานในดา้ นทส่ี มัครไมน่ ้อยกว่าสิบปี ง.ถกู ทุกขอ้ 29.สมาชิกวุฒสิ ภามีวาระในการดารงตาแหนง่ คราวละกี่ปี ก. 4 ปี ข. 4 ปีไมเ่ กนิ 2 วาระ ค. 5 ปนี ับแตว่ นั ประกาศผลการเลอื ก ง. 6 ปี วาระเดียว 30.พระมหากษัตริยท์ รงแตง่ ต้ังนายกรฐั มนตรแี ละรัฐมนตรีอื่นอีกจานวนเทา่ ไหรเ่ ป็นคณะรฐั มนตรี ก.ไมเ่ กนิ 35 คนประกอบเปน็ คณะรัฐมนตรี ข.ไมเ่ กิน 36 คนประกอบเปน็ คณะรัฐมนตรี ค.ไม่เกนิ 37 คนประกอบเปน็ คณะรัฐมนตรี ง.ไม่เกิน 38 คนประกอบเป็นคณะรัฐมนตรี เตรียมสอบครูผ้ชู ่วย By ทีมฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มอื เตรียมสอบบรรจุเขา้ รบั ราชการ ตาแหนง่ ครูผชู้ ่วย ภาค ข ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 189 เฉลยขอ้ สอบรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2560 ข้อ ขอ้ ขอ้ 1 ง 11 ข 21 ข 2 ข 12 ก 22 ก 3 ค 13 ค 23 ง 4 ค 14 ข 24 ง 5 ง 15 ข 25 ข 6 ข 16 ง 26 ง 7 ก 17 ง 27 ง 8 ง 18 ค 28 ง 9 ง 19 ค 29 ค 10 ข 20 ข 30 ก เตรียมสอบครูผชู้ ว่ ย By ทีมฮักแพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

ค่มู ือเตรียมสอบบรรจุเขา้ รับราชการ ตาแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 190 พระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาภาคบังคบั พ.ศ. 2545 ให้ไว้ ณ วนั ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2545 เปน็ ปีที่ 57 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศวา่ พระราชบญั ญัตนิ ม้ี บี ทบัญญัติบางประการเกยี่ วกับการจากดั สิทธฺ ิและเสรีภาพของบคุ คล ซ่ึงมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 และมาตรา 50 ของรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย บญั ญตั ิให้ กระทาโดยอาศัยอานาจตามบทบัญญตั แิ หง่ กฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตรา พระราชบญั ญัติข้ึนไว้โดยคาแนะนาและคายินยอม ของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชบญั ญตั นิ ้ี เรียกว่า “กพระราชบัญญตั ิการศึกษาภาคบังคบั พ.ศ.2545” มาตรา 2 พระราชบญั ญตั ินี้ให้ใชบ้ งั คบั ต้ังแต่ วนั ถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เปน็ ต้นไป มาตรา 3 ให้ยกเลกิ พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ...22554203 มาตรา 4 ในพระราชบัญญตั ิน้ี คานยิ าม “การศึกษาภาคบังคับ” คอื การศกึ ษาช้ันปีที่ หน่ึง ถึงช้ันปีท่เี ก้า ของการศึกษาขน้ั พื้นฐานตามกฎหมายวา่ ดว้ ย การศึกษาแห่งชาติ “สถานศึกษา” คือ สถานทศี่ ึกษาทีจ่ ัดการศึกษาภาคบงั คับ “ผ้ปู กครอง” คือ บดิ ามารดา หรอื บดิ า หรือมารดา ซึ่งเป็นผู้ใชอ้ านาจปกครอง “เด็ก” คอื เด็กที่มอี ายุย่างเข้าปีทีเ่ จ็ดจนถึงอายยุ า่ งเขา้ ปีท่ีสิบหกเว้นแตเ่ ด็กที่สอบได้ชัน้ ปที เี่ กา้ ของการศึกษา ภาคบังคบั แล้ว “คณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน” คอื คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานตามกฎหมายวา่ ด้วยการศึกษา แหง่ ชาติ “คณะกรรมการเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา” คือ คณะกรรมการเขตพื้นทีการศึกษาตามกฎหมายว่าดว้ ยกาศึกษา แห่งชาติ “องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ” คอื องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินทม่ี ีสถานศึกษาอยู่ในสงั กัด “พนักงานเจ้าหน้าที่” คอื ผู้ซงึ่ รัฐมนตรีแต่งต้ังให้ปฏบิ ัติการตาพระราชบัญญตั ินี้ “รฐั มนตรี” คอื รัฐมนตรผี ูร้ ักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี เตรยี มสอบครูผชู้ ่วย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คูม่ อื เตรียมสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตาแหน่งครผู ู้ชว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 191 มาตรา 5 ให้คณะกรรมการเขตพ้ืนที่การศกึ ษาหรือองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ ประกาศรายละเอียดเกีย่ วกับ การสง่ เด็กเขา้ เรยี นในสถานศึกษา ให้ปดิ ประกาศไว้ ณ สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา รวมทง้ั ต้องแจง้ เป็น หนงั สอื ให้ผปู้ กครองเด็กทราบเปน็ เวลาไม่นอ้ ยกวา่ หน่ึงปี มาตรา 6 ใหผ้ ้ปู กครองสง่ เดก็ เข้าเรียนในสถานศึกษา มาตรา 7 ให้พนักงานหรือเจา้ หน้าที่มีอานาจเข้าไปในสถานทใ่ี ด ๆ ในระหว่างเวลาพระอาทติ ย์ข้ึนและพระ อาทิตยต์ กหรอื ในเวลาทาการของสถานที่นน้ั เพ่ือตรวจสอบการเข้าเรยี นของเด็ก มาตรา 8 ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี พนักงานเจา้ หน้าทตี่ ้องแสดงบัตรประจาตัวแกบ่ ุคคลซ่ึงเกี่ยวขอ้ ง บัตรประจาตวั พนักงานเจ้าหน้าท่ใี ห้เปน็ ไปตามแบบทรี่ ัฐมนตรีประกาศกาหนด มาตรา 9 ในการปฏบิ ัตหิ น้าที่ของพนกั งานเจ้าหนา้ ที่ใหผ้ ู้ซึ่งเกี่ยวขอ้ งอานวยความสะดวกตามสมควร มาตรา 10 ในการปฏิบตั หิ นา้ ทต่ี ามพระราชบัญญัตนิ ้ี ใหพ้ นกั งานเจา้ หน้าท่ีเปน็ พนักงานตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 11 ผ้ใู ดซงึ่ มิใช่ผ้ปู กครอง มเี ด็กซ่ึงไม่ได้เข้าเรยี นในสถานศึกษาอาศัยอยดู่ ้วย ต้องแจ้งสานกั งานเขต พ้นื ทก่ี ารศกึ ษา ภายในหนึ่งเดือนนบั ต้ังแต่วันที่เดก็ มาอาศยั อยู่ มาตรา 12 ใหก้ ระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการเขตพื้นที่การศกึ ษา องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน และ สถานศกึ ษา จัดการศึกษาพิเศษใหก้ บั เด็กทีม่ ีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สตปิ ญั ญาอารมณ์ สงั คม สื่อสาร และการเรียนรู้ หรือมีรา่ งกายพิการ ทุพลภาพ เพ่ือเปน็ โอกาสและความเสมอภาคในการไดร้ ับการศกึ ษาภาค บังคับ มาตรา 13 ผู้ปกครองทไี่ มป่ ฏิบตั ิตาม ม.6 ต้องระวางโทษปรบั ไมเ่ กนิ หน่งึ พันบาท มาตรา 14 ผู้ใดไม่อานวยความสะดวกแกพ่ นักงานเจา้ หน้าท่ีตาม ม.9 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท มาตรา 15 ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควร กระทาดว้ ยประการใดๆอันเป็นเหตใุ ห้เด็กไม่ไดเ้ ขา้ เรยี นใน สถานศึกษาตามพระราชบัญญตั ินตี้ อ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กินหนงึ่ หมน่ื บาท มาตรา 16 ผ้ใู ดไม่กระทาตาม ม. 11 หรือแจง้ ข้อมูลอันเป็นเท็จตอ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กนิ หนึ่งหมน่ื บาท มาตรา 17 ในระหว่างท่ียงั ไม่มีคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน ใหค้ ณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ทาหน้าทแ่ี ทนคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน เตรียมสอบครผู ูช้ ่วย By ทีมฮกั แพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คมู่ ือเตรียมสอบบรรจเุ ข้ารับราชการ ตาแหน่งครูผู้ชว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 192 มาตรา 18 ในระหว่างท่ียังไม่มีคณะกรรมการเขตพื้นท่กี ารศึกษา ให้คณะกรรมการการประถมศึกษา กรงุ เทพมหานคร คณะกรรมการการประถมศกึ ษาอาเภอหรือคณะกรรมการการประถมศึกษาก่ิงอาเภอ แล้วแตก่ รณี ทาหนา้ ทแี่ ทนคณะกรรมการเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา มาตรา 19 ใหบ้ รรดากฎกระทรวง ประกาศ ระเบยี บ ข้อบังคบั และคาสั่งที่ออกตามพระราชบญั ญตั ิ ประถมศกึ ษา พ.ศ. 2523 ซง่ึ บังคับใชใ้ นวนั ท่ีพระราชบัญญัตนิ ีป้ ระกาศในพระราชกจิ จานุเบกษา ยังคงบังคับใช้ ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดแย้งกบั บทบัญญตั ใิ นพระราชบญั ญัตนิ ี้ มาตรา 20 ให้รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ ารรกั ษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอานาจแต่งต้งั พนักงานเจ้าหน้าที่ กับมีอานาจประกาศเพ่ือปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบัญญัติน้ี ผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ พันตารวจโท ทกั ษิณ ชินวตั ร นายกรฐั มนตรี หมายเหตุ เหตุผลในการประกาศให้พระราชบญั ญัตฉิ บบั น้ี คือโดยที่กฎหมายว่าดว้ ยการศกึ ษาแห่งชาตไิ ด้กา หนดใหบ้ ดิ า มารดา หรอื ผูป้ กครองมหี น้าทจ่ี ัดใหบ้ ตุ รหรือบุคคลซง่ึ อยใู่ นความดูแลไดร้ บั การศกึ ษาภาคบังคบั จานวนเก้าปี โดยใหเ้ ดก็ ซึ่งมีอายยุ ่างเขา้ ปที ่เี จด็ เข้าเรียนในสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานจนอายยุ ่างเข้าปที สี่ ิบหก เวน้ แตจ่ ะสอบได้ชั้นปีทีเ่ ก้าของการศกึ ษาภาคบงั คบั จึงสมควรปรับปรุงกฎหมายวา่ ด้วยการประถมศึกษา เพอ่ื ใหเ้ หมาะสมและสอดคล้องกบั กฎหมายดังกลา่ ว จึงจาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญัตนิ ี้ เตรยี มสอบครูผ้ชู ว่ ย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คมู่ ือเตรียมสอบบรรจุเขา้ รับราชการ ตาแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 193 แนวขอ้ สอบพระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 1. ใครเป็นผ้รู ับสนองพระบรมราชโองการ พรบ.การศกึ ษาภาคบังคบั 2545 ก. นายกรัฐมนตรี ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ค. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ง. เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน 2. พรบ.การศึกษาภาคบังคบั 2545 มี กี่มาตรา ก. 19 มาตรา ข. 20 มาตรา ค. 21 มาตรา ง. 22 มาตรา 3. ใหต้ ราพระราชบัญญตั ิข้นึ ไว้โดยคาแนะนาและยนิ ยอมของใคร ก. รัฐสภา ข. สภาผู้แทนราษฎร ค. สภานิติบญั ญตั ิแหง่ ชาติ ง. วฒุ ิสภา 4. “การศกึ ษาภาคบงั คับ” คือ ก. การศึกษาอนุบาลช้นั ปีที่ หน่ึง ถงึ ช้ันปที ่ี เกา้ ของการศึกษาขน้ั พื้นฐานตามกฎหมายวา่ ดว้ ย การศกึ ษาแห่งชาติ ข. การศึกษาประถมศกึ ษาชัน้ ปที ี่ หน่ึง ถึงชนั้ ปที ่ี เกา้ ของการศึกษาขน้ั พืน้ ฐานตามกฎหมายว่าด้วย การศึกษาแหง่ ชาติ ค. การศกึ ษาปฐมวยั ชัน้ ปที ี่ หน่งึ ถงึ ชน้ั ปที ่ี เกา้ ของการศึกษาข้นั พ้นื ฐานตามกฎหมายวา่ ด้วย การศกึ ษาแห่งชาติ ง. การศึกษาชั้นปีท่ี หนึง่ ถึงชั้นปที ่ี เก้า ของการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายวา่ ด้วยการศึกษา แหง่ ชาติ 5. พรบ.การศึกษาภาคบงั คับ 2545 ให้ยกเลกิ พรบ.ใด ก. พระราชบญั ญัติปฐมวัยศึกษา ข. พระราชบญั ญัติประถมศึกษา ค. พระราชบัญญัติมัธยมศึกษา ง. พระราชบญั ญัติอุดมศึกษา เตรยี มสอบครูผ้ชู ่วย By ทมี ฮกั แพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มอื เตรียมสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตาแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย ภาค ข ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 194 6. “สถานศึกษา” คอื ก. โรงเรยี น ข. สถานทศี่ กึ ษาที่จัดการศึกษาในระบบ ค. สถานทีศ่ ึกษาทจี่ ัดการศึกษาภาคบงั คบั ง. สถานทศ่ี ึกษาทีจ่ ดั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน 7. ข้อใดเป็น “ผปู้ กครอง” ก. พอ่ แม่ ข. บดิ ามารดา ค. นา้ สาว น้าชาย ง. ตา ยาย 8. ขอ้ ใดคอื ความหมายของว่า “เดก็ ” ตามพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาภาคบงั คบั พ.ศ. 2545 ก. เดก็ ซง่ึ มีอายุย่างเข้าปที ่ีหกจนถงึ อายยุ า่ งเขา้ ปีทส่ี ิบหกเว้นแต่เดก็ ทส่ี อบไดช้ ั้นปีทเ่ี ก้าของการศึกษา ภาคบงั คับแล้ว ข. เดก็ ซง่ึ มีอายยุ ่างเข้าปีท่หี กจนถึงอายยุ ่างเข้าปีทส่ี ิบหกเว้นแตเ่ ด็กทีส่ อบไดช้ ั้นปีท่สี ิบของการศึกษา ภาคบงั คบั แล้ว ค. เดก็ ซ่งึ มีอายยุ า่ งเข้าปีทเี่ จ็ดจนถึงอายุยา่ งเขา้ ปีทส่ี ิบหกเว้นแต่เด็กทส่ี อบไดช้ ้ันปที ่ีเกา้ ของการศึกษา ภาคบงั คบั แล้ว ง. เด็กซ่ึงมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดจนถงึ อายยุ า่ งเขา้ ปีท่ีสิบหกเว้นแต่เด็กที่สอบได้ชน้ั ปที ี่สิบของการศึกษา ภาคบงั คับ 9. ใหพ้ นกั งานหรือเจ้าหนา้ ท่ีมอี านาจเขา้ ไปในสถานทใ่ี ดๆ ตามข้อใด ก. 8.30-16.30 ข. เวลาใดกไ็ ด้ ค. ระหวา่ งเวลาพระอาทิตย์ตกและ พระอาทิตย์ขนึ้ ง. ระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทติ ย์ตก 10. ผใู้ ดซึ่งมใิ ช่ผู้ปกครอง มเี ดก็ ซ่ึงไมไ่ ด้เข้าเรียนในสถานศกึ ษาอาศยั อยดู่ ว้ ย ต้องแจง้ ใคร ก. สถานศกึ ษา ข. ผ้อู านวยการสถานศึกษา ค. สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษา ง. ผูอ้ านวยการสานักงานเขตพื้นที่การศกึ ษา เตรยี มสอบครผู ู้ช่วย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง

คู่มอื เตรยี มสอบบรรจุเขา้ รบั ราชการ ตาแหนง่ ครูผ้ชู ่วย ภาค ข ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 195 11. มีเด็กซง่ึ ไม่ได้เข้าเรียนในสถานศึกษาอาศัยอยู่ด้วย อยู่ตอ้ งแจง้ ตามข้อใด ก. ภายใน 15 วนั นับต้ังแต่วันที่เดก็ มาอาศัย ข. ภายใน 20 วนั นบั ตั้งแต่วนั ทีเ่ ดก็ มาอาศยั ค. ภายใน 1 เดอื น นับตง้ั แตว่ ันที่เดก็ มาอาศยั ง. ภายใน 3 เดอื น นับตงั้ แตว่ ันท่เี ดก็ มาอาศยั 12. ผ้ปู กครองไม่สง่ เดก็ เข้าเรียนในสถานศึกษา จะโดนโทษ ตามข้อใด ก. ตอ้ งระวางโทษปรับไม่นอ้ ยกว่า 1,000 บาท ข. ต้องระวางโทษปรบั ไมม่ ากกว่า 1,000 บาท ค. ต้องระวางโทษปรบั 1,000 บาท ง. ตอ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กนิ 1,000 บาท 13. ผใู้ ดไม่อานวยความสะดวกแกพ่ นักงานเจ้าหนา้ ทีต่ าม ม.9 จะโดนโทษ ตามข้อใด ก. ต้องระวางโทษปรับไมน่ อ้ ยกว่า 1,000 บาท ข. ตอ้ งระวางโทษปรบั ไมม่ ากกวา่ 1,000 บาท ค. ตอ้ งระวางโทษปรับ 1,000 บาท ง. ตอ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กนิ 1,000 บาท 14. ผ้ใู ดไม่กระทาตาม ม. 11 หรอื แจง้ ขอ้ มลู อนั เปน็ เท็จ จะโดนโทษ ตามข้อใด ก. ตอ้ งระวางโทษปรับไม่นอ้ ยกว่า 10,000 บาท ข. ต้องระวางโทษปรับไม่มากกว่า 10,000 บาท ค. ตอ้ งระวางโทษปรับ 10,000 บาท ง. ต้องระวางโทษปรบั ไมเ่ กิน 10,000 บาท 15. เด็กชายใจนาพา เกิดวนั ท่ี 16 พฤษภาคม พ.ศ.2556 จะตอ้ งเขา้ เรียนการศึกษาภาคบังคบั ปีการศึกษาใด ก. ปีการศกึ ษา 2561 ข. ปีการศกึ ษา 2562 ค. ปีการศึกษา 2563 ง. ปีการศกึ ษา 2564 เตรียมสอบครูผชู้ ่วย By ทีมฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนาพา ศรัทธานาทาง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook