Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ๑๕ ครูภูมิปัญญาไทย ผู้อารักษ์พรรณพืช

๑๕ ครูภูมิปัญญาไทย ผู้อารักษ์พรรณพืช

Description: ๑๕ ครูภูมิปัญญาไทย ผู้อารักษ์พรรณพืช

Search

Read the Text Version

๑๕ครู ครไู พบูลย์ พันธเ์ มอื ง ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ภูมิปัญญาไทย 250 ป ี พ.ศ.๒๕๐๙ มกี ารประกาศรบั สมคั รผจู้ บ แค ่ ม.๖ หรอื ม.ศ. ๓ บรรจุเป็นครูในโรงเรยี น ที่ห่างไกลและกันดาร จึงลองไปสมัครสอบก็ สอบได้ ถูกส่งไปสอนท่ีโรงเรียนบ้านนอกนา กิ่งอ�าเภอเกาะคอเขา โดยใช้วุฒิ ม.๖ ก่อนจะ ขอปรับวุฒิเป็นวาดเขียนโท ได้ย้ายข้ึนฝั่งสอน ที่โรงเรียนวัดควรนิยม อ�าเภอตะกั่วป่า ต่อมา ก็สอบได้วาดเขยี นเอก แลว้ มสี ิทธิไปสอบเรยี น ตอ่ ปรญิ ญาตรที ่ี มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมิตร กรุงเทพมหานคร เรียนจบ ปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ ๒ จากน้ันชีวิต กเ็ ปลีย่ นแปลงมาเรื่อย ๆ ปี พ.ศ.๒๕๑๒ ได้แต่งงานกบั นางสาวพไิ ร สุขเจริญ (พนั ธเ์ มอื ง) มลี ูกชาย-หญงิ ๓ คน คือ ๑) นางโศภษิ ฐ ์ เกตโุ สพสิ ๒) นายกติ ตพิ งศ ์ พนั ธ์ เมอื ง ๓) นางสาวจอมขวญั พันธ์เมือง ระหว่างท่ียังรับราชการครู ได้เขียน เข้าไปคัดลงตีพิมพ์ในเล่ม มีค่าตอบแทนให้กับ ต้นฉบับนิยายภาพหรือการ์ตูนให้กับส�านัก ผเู้ ขยี นดว้ ย พิมพ์ในกรุงเทพฯโดยใช้นามปากกาว่า “บูลย์ น่ันคือ ประสบการณ์ก่อนจะมาเป็นนัก ตะก่ัวป่า” ท�าให้สามารถหาเงินได้หลายทาง เขียนในปัจจุบนั กระท่ังหลังจบปริญญาตรีในปี พ.ศ.๒๕๒๐ ปี พ.ศ.๒๕๒๕ ครูสังกัดองค์การบริหาร ส�านักงานส่วนการศึกษาจังหวัดพังงา ขอตัว ส่วนจังหวัดถูกโอนกลับเข้าสังกัดส�านักงาน ไปช่วยราชการ ท�าหน้าที่เป็นหัวหน้ากอง คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ผม บรรณาธิการ จัดท�าหนังสือวารสารพังงา ตี เห็นว่างานของผมบนส�านักงานการประถม พิมพ์ออกแจกจ่ายให้กับหน่วยราชการต่างๆ ศึกษาจังหวัดพังงา ไม่เป็นเรื่องเป็นราว การ ในจังหวัด เป็นรายเดือน โดยเป็นผู้พิจารณา นั่งอยู่กับหนังสือโต้ตอบเข้า-ออก มันไม่ใช่ตัว น�าเรื่องจากบุคคลตา่ ง ๆ ในจงั หวัด ท่เี ขยี นสง่ ตนของผม

ครไู พบูลย์ พันธเ์ มือง ๑๕ครู ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ภูมปิ ัญญาไทย 251 งำนของผม คือ กำรคิด ใช้สมองบวกจินตนำกำร ตอนผมยังอยู่ท่ีบ้ำนพักครู โรงเรียนวัดควรนิยม นอกเวลำสอน ผมเขียนต้นฉบับนิยำยกำร์ตูนส่งส�ำนักพิมพ์ ได้เดอื นละ ๑ เร่ือง ตอนปดิ เทอมได้ ๔ - ๕ เรือ่ ง มเี งินซ้อื รถจักรยำนยนต์ดว้ ย เงนิ สด มเี งนิ ต่อไฟฟำ้ เข้ำบำ้ น งานของผม คือ การคิด ใช้สมองบวก จนิ ตนาการ ตอนผมยงั อยทู่ บี่ า้ นพกั ครโู รงเรยี น วัดควรนิยม นอกเวลาสอน ผมเขียนต้นฉบับ นิยายการ์ตูนส่งส�านักพิมพ์ได้เดือนละ ๑ เรื่อง ตอนปิดเทอมได้ ๔-๕ เรื่อง มีเงินซื้อรถ จกั รยานยนตด์ ว้ ยเงนิ สด มเี งนิ ตอ่ ไฟฟา้ เขา้ บา้ น แตอ่ ยสู่ า� นกั งานในจงั หวดั ทง้ั วนั เสารแ์ ละ วันอาทติ ย ์ มีแตง่ านของเจา้ นาย จึงขอย้าย หนีจากจังหวัดพังงามาลงท่ี อ�าเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ซ่ึงเป็นบ้านของ ภรรยา ช่วงหลังปี พ.ศ.๒๕๓๐ ระบบเก่าท่ีให้ ครูอาวุโส รับราชการมานานเป็นครูใหญ่ถูก ยกเลิก เปิดโอกาสให้ครูรุ่นลูกสอบเลื่อนเป็น ครใู หญ ่ ผมไมอ่ ยากถกู ครใู หญเ่ ดก็ ๆ กดขม่ จงึ ลองสมคั รเปน็ ครใู หญบ่ า้ ง สอบผา่ นขอ้ เขยี นแต่ ไมผ่ ่านสอบสมั ภาษณ ์ กรรมการมองวา่ บุคลกิ ของผมไมเ่ หมาะทจ่ี ะเปน็ ครใู หญ ่ เนอื่ งจากเดนิ ขากะเผลก ผมจึงมองหาทางเดนิ ใหม่

๑๕ครู ครไู พบลู ย์ พนั ธ์เมอื ง ด้านภาษาและวรรณกรรม ภูมปิ ัญญาไทย 252 ประจวบกับช่วงนั้น มีผลงานหนังสือรวมเรื่องสั้นและนิยาย ท่ี ผ่านการตีพิมพ์รวมเล่มจากส�านักพิมพ์ต่างๆ ออกมา ๖ – ๗ เล่ม วางจา� หนา่ ยในทอ้ งตลาด สว่ นงานสอนเดก็ ไดส้ อนใหเ้ ดก็ ในชนั้ เรยี น เขยี นกลอนและเรื่องสัน้ เดก็ ๆ ได้รบั รางวัลระดบั จังหวัด และระดบั ประเทศหลายคน ได้รับติดต่อกันมาทุกๆ ปี มีผู้แนะน�าให้ผมส่งผล งานไปใหส้ า� นักงาน ก.ค.พจิ ารณา เพอ่ื ขอตา� แหนง่ อาจารย์ ๓ รออยู่ ๒ ปีกับ ๑ เดือน ก็ได้รับการอนุมัติให้ด�ารงต�าแหน่ง อาจารย์ ๓ ระดบั ๘ คนแรกของอา� เภอและเปน็ คนที ่ ๕ ของจังหวดั ชุมพร แต่อีก ๑ ปีต่อมา ผมก็สมัครเข้าโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต เกษยี ณราชการกอ่ นกา� หนด หรอื ทเี่ รยี กกนั อกี ชอ่ื หนง่ึ วา่ เออรล์ รี่ ไี ทร์ เพอื่ ไปทา� งานนกั เขยี นทผี่ มรกั โดยไมม่ ใี ครมาคอยสกดั กน้ั นคี่ อื ทีม่ าท้งั หมดของผมก่อนจะมามีวันนี้ หลังจากพอจะมีช่ือเสียงแล้ว ได้ส่งเร่ืองสั้นให้กับนิตยสารและ หนังสือพิมพ์ต่าง ๆ มากมาย เช่น ฟ้าเมืองไทย ฟ้าเมืองทอง แก้ว เริงสาร ขวัญเรือน ทวี พี ลู สกลุ ไทย มตชิ น กรุงเทพธรุ กิจ เนชน่ั สดุ สัปดาห์ สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ มติชนสุดสัปดาห์ วิทยาจารย์ แม่ บา้ นทันสมยั ฯลฯ เพื่อไปท�ำง นนักเขียนที่ผ ผลงานหนังสือเด็ก ท่ีเขียนและได้รับตีพิมพ์ในขณะท่ียังรับ ราชการ บางเลม่ พมิ พถ์ งึ ๓ ครง้ั เชน่ ไมเ้ ทา้ สชี มพ ู เกาะลอย หมบู่ า้ น ประหลาด และเทพเจ้าเขาแมว วรรณกรรมเยาวชนแนวอนุรักษ์ ไมม่ ีใครม คอยสกัดก้ัน นีค่ธรรมชาต ิบางเรอื่ งใชน้ ามปากกา “กายฟ้า ประกาศิต” ท้งั หมดของผมก่อนจะมำม

ครไู พบลู ย์ พันธเ์ มอื ง ๑๕ครู ด้านภาษาและวรรณกรรม ภูมปิ ญั ญาไทย 253 ผมรักโดย ครบู อกวา่ ตอนนั้นดังมาก เคยไปถ่ายทอดความรู้ในการ คอื ทม่ี ำ เขียนเร่ืองส้ัน หรือนิยายเยาวชน มีนักเขียนอื่นร่วมด้วย ๒๐ มวี นั นี้ คน ผมเสนอใหจ้ ดั ทา� เปน็ นิยายการต์ ูน ดว้ ย ๑ เรอ่ื ง กับเร่อื ง สน้ั ๑ เรอ่ื งใหก้ บั โครงการพฒั นาสอ่ื สารสขุ ภาพดา้ นสอ่ื สง่ิ พมิ พ ์ ตอ่ ไปน ้ี ผลจากการเขยี นเรอ่ื งสน้ั “โจรปลน้ หมอ” และการต์ นู ทา� ใหท้ างคณะครศุ าสตร ์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั คดั เลอื กให้ เป็น ๑ ใน ๓ คน ทจี่ ะต้องไปพดู บรรยายในงานวจิ ัยแห่งชาติ โรงแรมโซฟีเทล กรุงเทพมหานคร และได้รับการคัดเลือกให้ ไปพดู บนั ทึกเทปโทรทศั นไ์ ปออกรายการโทรทัศน ์ ASTV ต่อมาถูกเชิญไปร่วมรายการกับบุคลส�าคัญ ๆ อีกหลาย ท่าน โดยรับผ่านทางอีเมล์ ส่วนท่ีเป็นกระดาษได้ทิ้งไปหมด แล้ว เพราะไมค่ ดิ ว่าจะต้องนา� มาใช้อกี

๑๕ครู ครไู พบลู ย์ พนั ธ์เมอื ง ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ภูมิปญั ญาไทย 254 ข้ันตอนและวธิ ีในการเขยี นเรอ่ื งสัน้ นิยาย และการต์ นู ไพบูลย์ พนั ธเ์ มอื ง ใช้หลกั เกณฑ์เดยี วกันหมดในดา้ น กลวธิ ี การเดนิ เรอ่ื งหรอื การคลคี่ ลายไปหาจดุ จบ การน�าเสนอ และเทคนิคการถ่ายทอด แต่ และการเสรมิ รสชาตขิ องเร่ือง ยกเว้นเร่ืองความยาว เพราะถ้าเป็นนิยาย ไม่ลอกจากต�าราเล่มใด แต่ยอมรับว่า เร่ืองท่ีเราจะเสนอต่อผู้ ศึกษามาจากหนังสือ อา่ นเนือ้ หาจะมมี าก ซงึ่ ต�าราการเขียนหลาย อาจคลมุ เนอ้ื หางานวจิ ยั เล่มและหลายที่ ซ่ึงยก ท้ังหมด ส่วนเร่ืองส้ัน มาไมไ่ ด้หมดเพราะอา่ น และการ์ตูนจะเจาะเอา ในคอลัมน์แบบผ่าน ๆ มาเฉพาะบางส่วน บาง แตก่ ็จดจ�าเอามาใช้ ประเดน็ ทเ่ี ปน็ ปญั หา ท่ี คนทั่วไปควรจะรู้ ใช้วิธี การศึกษารวบรวมและ หาขอ้ มลู วา่ “เราจะเขียนเรื่อง อะไร?” วิเคราะห์ เนื้อหาท่จี ะน�ามาเขียน การวางโครงเรื่อง เพ่ือชักน�าเนื้อหาจาก งานวิจัยไปสู่ความรู้และความน่าสนใจ ซ่ึง ประกอบด้วยก�าหนดตัวละคร ก�าหนดฉาก ก�าหนดสถานการณ์ สร้างความขัดแย้ง ในเรอ่ื ง การสอดแทรกเนอ้ื หาและสาระ ใสม่ มุ มองหาแกน่ หรอื Theme ของเรอื่ ง

ครไู พบูลย์ พันธ์เมือง ๑๕ครู ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ภูมิปัญญาไทย 255 ทงั้ หมดท้งั สิ้น กอ็ ยู่ที่ระดับหรือเป้าหมายด้วยว่า เราจะเขียนใหค้ นกลุ่มไหนอ่าน ปรกต ิ การ เขียนใหช้ าวบ้านทัว่ ๆ ไปท่ีมคี วามรู้ไม่มาก เช่น นวนิยาย หรอื เรือ่ งส้นั ในนติ ยสารบางกอก มอง ว่าเขียนง่ายกว่าการเขียนเรื่องส้ันหรือนวนิยายให้ ช่อการะเกด เนชั่น สยามรัฐ มติชน หรือ “วรรณกรรมพานแวน่ ฟ้า” ท่ีมีการประกวดกันอยทู่ ุก ๆ ปี และยง่ิ ถา้ เขยี นใหบ้ คุ คลระดบั ดอกเตอรอ์ า่ น โดยเฉพาะใหท้ า่ นดอกเตอรท์ อ่ี า่ นเพอ่ื การตดั สนิ “รางวลั วรรณกรรมซไี รทอ์ ะวอรด์ ” “เซเวน่ บคุ๊ อวอรด์ ” “นายอนิ ทรอ์ ะวอรด์ ” ฯลฯ นน่ั ยง่ิ สดุ ยอดของความยากทเี ดียว สา� หรบั การต์ นู ของครไู พบลู ย ์ พนั ธเ์ มอื ง มขี อ้ แตก ตา่ งไปจากเรอื่ งสนั้ และวรรณกรรมเยาวชนเลก็ นอ้ ย ตวั เร่ือง นอกจากต้องมีสารหรือสาระที่จะต้องวิเคราะห์ ก่อนน�ามาเขียนแล้ว การ์ตูนก็จะต้องประกอบด้วย โครงเรือ่ ง ตวั ละคร ฉาก มุมมอง ความขดั แยง้ การ ดา� เนนิ เรอื่ งและการคลค่ี ลายของเรอ่ื ง และ ขอ้ คดิ หรอื การทิ้งท้ายของเรอ่ื ง ซงึ่ จะเปน็ หลกั การเดยี วกบั เร่ืองสน้ั วรรณกรรม เยาวชน และนยิ ายแลว้ การต์ นู มวี ธิ นี า� เสนอทแี่ ตกตา่ ง จากเรอื่ งสน้ั และวรรณกรรมเยาวชนหรอื นยิ าย โดยยดึ หลกั คา� พดู ตอ้ งสน้ั แตไ่ ดใ้ จความ ขอ้ ความทบี่ รรยายใช้ เทา่ ทีจ่ า� เป็น

๑๕ครู ครไู พบลู ย์ พันธเ์ มือง ด้านภาษาและวรรณกรรม ภูมปิ ญั ญาไทย 256 ภำพต้องสื่ออำรมณ์ ควำมรู้สึก หรือดึงสำยตำให้คนอ่ำนให้อยำก อำ่ น อยำกตดิ ตำม ภำพจงึ ตอ้ งสวย สมจริงตำมสมควร ควรเป็นภำพ ระบำยสี ดีกว่ำภำพขำวด�ำ หรือ ลำยเส้น เพรำะท�ำให้ภำพสวยงำม น่ำสนใจกว่ำ สอ่ื ไดต้ รงกว่ำ “ภาพตอ้ งส่อื อารมณ์ ความรู้สกึ หรือดงึ สายตาให้คนอ่านให้อยากอ่าน อยากติดตาม สว่ นในมมุ มองเรอ่ื งของกรอบของภาพ จะ ภาพจึงต้องสวยสมจริงตามสมควร ควรเป็น ใช้กรอบหรือไม่ แล้วแต่ความเหมาะสมของผู้ ภาพระบายสี ดีกว่าภาพขาวด�า หรือลายเส้น เขียนแต่ละคน ในความคิดส่วนตัวของผู้เขียน เพราะท�าให้ภาพสวยงามน่าสนใจกว่า ส่ือได้ ไม่ชอบการเขยี นกรอบ เพราะกรอบทา� ให้ภาพ ตรงกว่า การจะใช้ภาพแบบสมจริงหรือภาพ ดูอึดอัด แต่จะใช้ค�าพูดหรือค�าบรรยายไปจัด ตลกขึ้นอยู่กับเนื้อหาของเร่ือง และวิธีการเล่า แทนกรอบ และอีกอย่างหนึ่ง กรอบในความ เร่ือง ภาพจึงต้องใช้แบบสมจริง เช่น ภาพ หมายคือ การบังคบั วา่ จะต้องทา� ต้องเป็นเช่น อบุ ัตเิ หตุ เพ่ือให้รู้สึกสะเทอื นใจ” น้นั จงึ ไม่เหมาะกับคา� ว่า “ศลิ ปะ”

ครูไพบลู ย์ พันธ์เมือง ๑๕ครู ด้านภาษาและวรรณกรรม ภมู ปิ ัญญาไทย ครูไม่นิยมบุคลิกของตัวการ์ตูน แบบญี่ปุ่น หรือฝร่ัง แต่อยากใช้ 257 เอกลักษณ์เฉพาะตน แบบไทย ๆ แบบ เชย ๆ หรือบ้านนอก บ้านนามากกว่า ช่วงที่ส�ำนักพิมพ์ประพันธ์สำส์นพิมพ์ ตัวอักษร ถ้าใช้ตัวพิมพ์ จะอา่ นง่ายกวา่ รวมเร่ืองสั้น “ลำยข้ำงโลง” ของครูส่ง เขยี นดว้ ยลายมอื โดยเฉพาะในเรอ่ื งราว ประกวดรำงวัลซีไรท์อะวอร์ด (ไม่เข้ำ เกย่ี วกบั สขุ ภาพ เนอ้ื หาของเรอื่ งไมค่ วร รอบ) แต่ส�ำนักพิมพ์ประพันธ์สำส์นได้ ยาวเกินกวา่ ๔ - ๕ หน้ากระดาษพิมพ์ ลงประวัติครูไว้ในเว็บไซต์ ประมาณปี พ.ศ. ของสำ� นกั พมิ พ์ และครกู ช็ อบ ๒ ๕ ๔ ๐ ค รู เ ร่ิ ม เ ป ิ ด เข้ำไปเขียนและตอบกระทู้ โลกอินเทอร์เน็ต คือ ตำ่ ง ๆ ในเวบ็ บอรด์ ประพนั ธ์ เข้าไปท่องเน็ตและไป สำส์น ท�ำให้มีคนสมัครเป็น โพสต์ข้อความในกระทู้ ศษิ ยก์ ำรเขยี นกบั ครมู ำกมำย ต่างๆ เช่นท่ีเว็บไซต์ praphansarn.com ชว่ ง ท่ีส�านักพิมพ์ประพันธ์ สาส์นพิมพ์รวมเร่ืองส้ัน “ลายข้างโลง” ของครูสง่ ประกวดรางวลั ซีไรทอ์ ะวอร์ด (ไมเ่ ข้ารอบ) แต่ ส�านักพิมพ์ประพันธ์สาส์นได้ลงประวัติครูไว้ในเว็บไซต์ของส�านักพิมพ์ และครกู ช็ อบเขา้ ไปเขยี นและตอบกระทตู้ า่ งๆ ในเวบ็ บอรด์ ประพนั ธส์ าสน์ ทา� ให้มีคนสมัครเปน็ ศิษย์การเขียนกับครมู ากมาย ปัจจุบันมีผู้ถามความรู้มาทางอีเมล์ ในเว็บไซต์ panmuang.com และบล็อกแก็ง pantamuang.com บ้าง มีบางคนเข้าไปคุยกับครูใน บอร์ดของเว็บไซต์ นักศึกษาบางคนขอความรู้และเร่ืองที่ครูเขียนไปท�า วทิ ยานิพนธ์ ผลงานทสี่ ร้างชื่อ ครูไพบลู ย์ พนั ธเ์ มอื ง ครภู ูมิปัญญาไทย ภาษาและวรรณกรรม

๑๕ครู ครูไพบูลย์ พนั ธ์เมือง ด้านภาษาและวรรณกรรม ภูมปิ ญั ญาไทย 258 ขณะเรยี นจบแค ่ ม.๓ เมือ่ ป ี พ.ศ. ๒๕๒๗ ส�านักพิมพ์บางหลวง กรุงเทพมหานคร เขยี นเรือ่ งส้นั “เขาเร่มิ ต้นท่ีน่”ี สง่ นติ ยสารฟ้า นา� นวนยิ าย เรอ่ื ง ไมเ้ ทา้ สีชมพู จติ รกรเร ่ และ เมืองไทย ของอาจนิ ต์ ปญั จพรรค ์ เทพเจ้าเขาแมว ไปตีพิมพ์เป็นพ็อกเกตบุค ปี ๒๕๓๐ เรอ่ื งสัน้ “หมอดู” ประกวดใน จา� หน่ายทว่ั ประเทศ น.ส.พ.เดลนิ วิ ส์ ไดร้ ับรางวลั ชมเชย หนังสืออ่านเพ่ิมเติมเร่ือง คิดไม่ถึง ผ่าน ปี ๒๕๓๑ เร่ืองสั้น “อบายมุข” และ การคัดเลือกจากสมาคมวิทยาศาสตร์แห่ง “บา้ นเชา่ ” เขา้ รอบการประกวดทฟี่ า้ เมอื งทอง ประเทศไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ เขียนสารคดีเชิงข่าว มอบใหส้ �านกั พมิ พต์ น้ อ้อ จดั พิมพจ์ �าหน่ายเข้า เร่อื ง การเกดิ พายุไตฝ้ ่นุ “เกย์” ลงตพี มิ พใ์ น สรู่ ะบบห้องสมดุ ของโรงเรียนท่วั ประเทศ หนังสอื พมิ พ์เดลนิ วิ ส์ ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ เร่ืองส้ัน “เถาวัลย์ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นต้นมา ไดเ้ ขียน บนต้นมะม่วง” ได้รับ“รางวัลช่อการะเกด” เรื่องส้ัน สารคดี และนวนิยายลงตีพิมพ์ใน จากนิตยสารช่อการะเกดของ บรรณาธิการ นติ ยสารต่าง ๆ เชน่ ฟ้าเมืองไทย ฟา้ เมอื งทอง นายสชุ าต ิ สวัสดิศ์ ร ี สกุลไทย แม่บ้านทันสมัย แก้ว เริงสาร ขวัญ ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ - ๒๕๔๕ ส�านักพิมพ์ เรือน กุลสตรี วิทยาจารย์ มติชนสุดสัปดาห์ ประพันธ์สาส์น กรุงเทพมหานคร จัดพิมพ์ เนช่ันรายสัปดาห์ กรุงเทพธุรกิจ(จุดประกาย พอ็ กเกตบกุ รวมเรอ่ื งสน้ั ชดุ ลายขา้ งโลง นยิ าย วรรณกรรม) สยามรัฐสปั ดาห์วจิ ารณ์ ฯลฯ เรอ่ื งเกาะลอย หมบู่ า้ นประหลาด และรวมเรอ่ื ง สนั้ ชุด ในวงล้อม จัดจ�าหนา่ ยท่ัวประเทศ

ครูไพบูลย์ พันธ์เมือง ๑๕ครู ด้านภาษาและวรรณกรรม ภูมปิ ัญญาไทย 259 ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ เรื่องสั้น “ฝุ่น” สะท้อนปัญหาการท่ีหญิง ไทยมีค่านิยมแต่งงานกับคนต่างชาติเพราะคิดว่าแต่งแล้วมีฐานะ ดี ร�่ารวย ท�าให้ได้รับการดูถูกและเหยียดหยาม เสียภาพลักษณ์ ของประเทศ เข้ารอบการประกวดในหนังสอื พมิ พ์สยามรฐั สปั ดาห์ วิจารณ์ รอบที่ ๓ เป็น ๑ ใน ๖ คน ปเี ดียวกนั เรอ่ื งสน้ั “มองจากทสี่ ูง” ท่ชี ีใ้ หเ้ หน็ ปัญหาของผู้ มอี า� นาจในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๖ หรอื ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และ เดอื นตลุ าคม ๒๕๑๙ ทผ่ี มู้ อี า� นาจมองประชาชนผไู้ รอ้ าวธุ เปน็ เหมือนมดปลวก จะฆ่าให้ตายก็ไม่ต้องเกรงกลัวบาป ท�าให้ ประชนถูกฆ่าตายเป็นจ�านวนมาก โดยการยิงจากยอดตึก และเฮลคิ อปเตอร์ ไดร้ ับรางวัลชมเชย เรอื่ งสั้นรัฐสภา ปี พ.ศ.๒๕๔๕ ได้รับโล่จากคณะกรรมการ วัฒนธรรมแห่งชาติ ให้เป็นศิลปินดีเด่น จังหวัด ชุมพร สาขาวรรณศิลป์ ด้านนักเขียนนวนิยาย สารคด ี และเรือ่ งส้ัน

๑๕ครู ครไู พบูลย์ พนั ธเ์ มือง ด้านภาษาและวรรณกรรม ภมู ปิ ัญญาไทย 260 ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้รบั รางวัลชมเชย บท อยากฝากถงึ อนชุ นคนรนุ่ หลงั ใหส้ นใจอา่ น กวกี ารเมอื ง “พานแวน่ ฟา้ ” จากรฐั สภา เรอ่ื ง หนังสือประเภทวรรณกรรม คือ เร่ืองสั้นและ “ปล่อยผีไปทีเถิด” กลอนหรือกวีการเรื่องนี้ นวนิยายท่ีสะท้อนปัญหาสังคมและสภาพของ สะท้อนปัญหาการที่นักการเมืองซื้อเสียง บ้านเมืองบ้าง จะได้กระตุ้นให้เกิดความคิดใน ประชานิยมขายเสียง คนดีๆ ไม่มีโอกาสมา การแกป้ ญั หาตา่ งๆ ของบา้ นเมอื งรว่ มกนั ไมใ่ ช่ บริหารประเทศ ส่วนคนช่ัวเข้ามามีอ�านาจ ต่างคนตา่ งท�า ต่างคนตา่ งอยู่ ไมร่ ับผิดชอบต่อ ครองเมือง ปญั หาท่เี กิดข้ึนในบา้ นเมือง ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ รวมเรอื่ งสน้ั “ในวงลอ้ ม” และอยากให้ลบค�ากล่าวที่มีผู้ท�าการวิจัย ไดร้ บั รางวลั เซเวน่ บคุ๊ อวอรด์ เรอื่ งนม้ี แี นวคดิ การอ่านหนังสือของคนในประเทศไว้ว่า “คน เรื่องการท�าชนบทให้เป็นเมือง มีตึกแถว และ ไทยอ่านหนังสือปีละสิบห้าบรรทัด” ให้เป็น บ้านจัดสรรเข้ามาขับไล่เรือกสวน นาไร่ท�าให้ “อา่ นวนั ละสบิ หา้ บรรทดั ” แทน และสง่ิ ทกี่ า� ลงั เกดิ ปัญหามลพษิ อากาศ น้�าเน่าเสีย สขุ ภาพ ประจักษ์ชัด อันจะก่อให้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ จิตของคนเมืองและปัญหารถติด การจราจร ของประเทศไทยต่อไปในวนั ขา้ งหน้า คอื ตดิ ขดั ฯลฯ “ตอนนี้นักเรียนช้ันประถมมากกว่าร้อย ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ครไู ดจ้ ดั พมิ พผ์ ลงานของ ละ ๕๐ ของประเทศไทย อ่านหนงั สือไม่คลอ่ ง ตัวเอง เป็นสารคดีย้อนรอยอดีต เรื่อง “คน เขยี นส่ือความแบบจนิ ตนาการไม่เปน็ แต่กลับ เขยี นลายขา้ งโลง” ป ี พ.ศ. ๒๕๕๒ นิตยสาร เก่งในด้านการใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ มือถือ แรงบุญแรงกรรม (ผี ๔๘) น�านวนิยายแนว และพวกเกมสต์ า่ งๆ ผา่ นอนิ เทอรเ์ นต็ ” ครบู อก ธรรมะเรอ่ื ง “เธอมาเพื่อช่วยพ่อ” ไปตีพมิ พ์ซ�้า และลงในนิตยสารผ ี ๔๘ เป็นตอน ๆ ทอ่ี ยปู่ จั จบุ นั ๙๗/๕ หมทู่ ่ี ๓ ตา� บลทะเลทรพั ย์ และป ี พ.ศ.๒๕๕๔ ไดร้ บั การยกยอ่ งเชดิ ชู อา� เภอปะทวิ จงั หวดั ชมุ พร ๘๖๑๖๐ เกยี รต ิ จากสา� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา เปน็ ครภู มู ปิ ญั ญาไทย รนุ่ ที่ ๗ สาขาภาษาและ วรรณกรรม ดา้ นเรือ่ งสั้นและกวีนพิ นธ์

ครไู พบลู ย์ พนั ธ์เมือง ๑๕ครู ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ภูมปิ ัญญาไทย 261 นกั สภู้ ธู ร พิกำร จำกเมอื งคอนสูน่ ักภำษำวรรณกรรม ด้วยชวี ิตท่ีลำ� เค็ญ มปี ัญหำโรคภัยพิกำรทำงกำย หลังคอ่ ม ขำ กะเผลก อำศัยผ้ำเหลืองเติบโตและเรียนรู้ในวัด เห็นภำพวำดรูป เหมอื น รูปสนี �ำ้ สนใจฝกึ หดั วำดรูปทุกครงั้ ทวี่ ่ำงจนมีค�ำแนะนำ� ให้ สอบวำดเขียน ผำ่ นหลกั สตู รหลัก ทัง้ ลำยเครือเถำ ลำยไทย หุ่นน่ิง ภำพร่ำง วำดเสน้ และวิชำคร ู เขำ้ รับรำชกำรครเู ม่ือลำสิกขำ เขยี น ต้นฉบับกำร์ตูน/นิยำยภำพ ส่งส�ำนักพิมพ์ ใช้ชีวิตฝึกเขียน เมื่อ เข้ำโครงกำรเออรล์ ร่ี ไี ทร์ ผลงำนเปน็ ท่ียอมรับ ใช้หลกั น�ำเสนอ คำ� พูดทอ้ งถน่ิ แตไ่ ดใ้ จควำม และขอ้ ควำมบรรยำยใชเ้ ทำ่ ท่ีจ�ำเปน็ ครู ไพบลู ย์ พันธ์เมือง ครูภูมิปัญญำไทย รุ่นท่ี ๗

๑๕ครู ครูไพบลู ย์ พันธเ์ มือง ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ภูมิปัญญาไทย 262

ครูมารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ด้านอตุ สาหกรรม และหัตถกรรม ภูมิปญั ญาไทย 263 ครูมารศรี วนาโชติ ครูภูมปิ ัญญาไทย ด้านอตุ สาหกรรม และหตั ถกรรม

๑๕ครู ครูมารศรี วนาโชติ ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ภูมิปัญญาไทย 264 ผา้ ทอกะเหร่ียง ผลผลิตของอ�าเภอแม่สะเรียงขึ้นช่ือนัก ชาวชนเผ่ากะเหรี่ยงหลายชนเผ่า เชี่ยวชาญช�านาญ การทอถัก “เทยี นแทง่ พรา่ งตา ผา้ ทอกะเหรย่ี ง เสนาะเสยี งสาละวนิ งามถิ่นธรรมชาติ พระธาตุสีจ่ อม กลว้ ยไมห้ อมเอ้อื งแซะ” ค�ำขวญั ประจำ� อ�ำเภอแม่สะเรยี ง จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน

ครูมารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ภูมปิ ัญญาไทย 265 ผ้าทอกะเหร่ียงเป็นหน่ึงในจุดเด่น บ่งบอกถึงความส�าคัญในวิถีชีวิตของคน แม่สะเรียงทสี่ ว่ นใหญเ่ ปน็ ชนเผ่าหลากหลาย เผ่า ท�ามาหากินกันตามพื้นราบเชิงเขา อันเป็นภูมิประเทศส่วนใหญ่ของจังหวัด แมฮ่ ่องสอน คอื เทอื กเขามากกว่าพ้นื ราบ ตวั อำ� เภอแมส่ ะเรยี ง อนั เปน็ จดุ ศนู ยก์ ลำง ของควำมเจริญท่ีบรรดำชนเผ่ำส่วนหน่ึงมำตั้ง ถ่ินฐำนผสมกลมกลืนกับชำวพื้นรำบก็ตั้งอยู่ใน พ้นื รำบเชงิ เขำเชน่ กัน ไปเยือนแม่สะเรียงเห็นจะต้องไปทำง รถยนต์เท่ำน้ันกระมัง ไม่ว่ำจะเริ่มนับหน่ึงที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอนหรือนับหนึ่งจำกจังหวัด เชียงใหม่ หรืออีกวิธีหน่ึงท่ีน่ำจะพอไปได้ คือ เฮลคิ อ็ ปเตอร์ แต่ใครจะยอมให้ใช้ค็อปเตอรก์ ันเล่ำนะ แน่นอนคณะของเรำเดินทำงไปพบครู มำรศรีตำมที่นดั หมำยโดยทำงรถยนต์ นับหน่ึง จำกจงั หวดั เชยี งใหม่ ใชเ้ วลำเดนิ ทำงนำนพอสม ควรรวมๆ กส็ ำมชว่ั โมงแหละ แต่โชคดี...บ้ำนครูอยู่แม่สะเรียง จังหวัด แมฮ่ อ่ งสอน ไกลแสนไกล ไปถงึ บำ้ นครคู อ่ นขำ้ ง สะดวกกวำ่ ทอี่ นื่ ๆ คอื ไมห่ ลงทำงเยอะจนเสยี เวลำ วนั เดนิ ทำงจำกเชยี งใหม่ เชำ้ ไปถงึ บำ้ นครู ได้เจอะเจอหนำ้ แนะน�ำตวั กเ็ กินเท่ยี งเล็กนอ้ ย จงึ ขออนญุ ำตครไู ปหำขำ้ วเทยี่ งซะกอ่ นแลว้ กไ็ ด้ ก๋วยเต๋ยี วต้มยำ� ฝีมอื คนแม่สะเรียง ทีอ่ ยไู่ มห่ ่ำง บ้ำนครูมำรศรี ไมต่ อ้ งไปไกลใหเ้ สยี เวลำ

๑๕ครู คครรมู ูคำาพรนัศธร์ ีอวอ่ นนาอโุทชัยติ ด้านอตุ สาหดก้ารนรแมพแลทะยห์แัตผถนกไรทรยม ภมู ิปญั ญาไทย 266 ครูมำรศรี วนำโชติ ครูภูมิปัญญำด้ำน อุตสำหกรรมและหัตถกรรม ด้ำนผ้ำทอ เป็น ผำ้ ทอเอกลกั ษณฝ์ มี อื ชนเผำ่ ชำวกะเหรย่ี งหลำก หลำยเผ่ำท่ีน�ำสู่กำรขำยออกจำกชุมชน ด้วยมี ครมู ำรศรเี ปน็ แกนน�ำก่อให้เกดิ รำยไดเ้ สรมิ เขำ้ สู่ชมุ ชน พูดถงึ ผำ้ ทอกะเหร่ยี ง ผลผลติ ของอำ� เภอ แม่สะเรียงขึ้นช่ือนัก มีผู้อำวุโสชำวชนเผ่ำ กะเหรย่ี งหลำยชนเผำ่ เชยี่ วชำญชำ� นำญกำรทอ ถกั วนั นมี้ ที ำ่ นหนงึ่ ทไี่ ดร้ บั กำรเชดิ ชยู กยอ่ งเปน็ ถึงครูภูมิปัญญำไทย ด้ำน ถักทอผ้ำกะเหร่ียงแล้ว ยังเป็นก�ำลังส�ำคัญในกำร ผลักดันให้เกิดกำรสร้ำง ผ้าทอกะเหรยี่ งคอื ผา้ ฝา้ ย ท่ีเป็นผลผลติ มาจากตน้ ผลผลิตผ้ำทอที่มีคุณภำพ ฝา้ ยทคี่ นุ้ ตากนั เปน็ สว่ นใหญก่ ช็ ดุ ชาวกะเหรยี่ งหลาก มำตรฐำนก่อให้เกิดงำน หลายชนเผ่าที่มีรูปแบบสีสันต่างกันไป ชุดผู้หญิงก็ เพมิ่ รำยไดใ้ หก้ บั ชนเผำ่ ใน แบบหน่งึ ชุดผู้ชายก็แบบหนง่ึ พืน้ ที่อำ� เภอแม่สะเรียง อ ย ำ ก ใ ห ้ พ อ เ ห็ น ภ ำ พ อย่ำงหยำบๆ ผ้ำทอกะเหร่ียง คือ ผ้ำฝ้ำย ที่เป็นผลผลิตมำ จำกต้นฝ้ำยที่คุ้นตำกันเป็น ส่วนใหญ่ก็ชุดชำวกะเหรี่ยง หลำกหลำยชนเผ่ำท่ีมีรูปแบบ สีสันต่ำงกันไป ชุดผู้หญิงก็ แบบหนงึ่ ชดุ ผู้ชำยกแ็ บบหน่งึ

ครมู ารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ภูมปิ ญั ญาไทย 267 พฒั นำกำรทเี่ กดิ ขนึ้ จำกภมู ปิ ญั ญำไทยแลว้ ผ้ำทอกะเหร่ียงทุกผืน ทุกช้ิน ท่ีลวดลำย ก่อเกิดกำรพัฒนำเพื่อยึดเป็นอำชีพหลักและ สวยสดงดงำมลว้ นย้อมด้วยสีธรรมชำตทิ ้งั สิ้น หรืออำชพี เสรมิ ได้ สรำ้ งชุมชนใหย้ ดึ เป็นอำชพี ครูมำรศรี วนำโชติ คอื คนทกี่ ำ� ลังจะเอ่ย ดว้ ยกำรทอถกั ได้ เปน็ ผ้ำพนั คอ ผำ้ คลมุ ไหล่ ผำ้ ถงึ และกำ� ลงั แวะเวยี นไปพดู คยุ กบั ทำ่ นทอี่ ำ� เภอ ปูโต๊ะ ผ้ำปูที่นอน แล้วแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ แมส่ ะเรยี ง นแ่ี หละ เพรำะทำ่ นคอื ครภู มู ปิ ญั ญำ ใช้สอย เช่น ผ้ำรองแก้ว พวงกุญแจ กระทั่ง ไทยที่ได้รับกำรประกำศยกย่องโดยส�ำนักงำน กระเป๋ำหลำกรูปแบบต่ำงๆ เลขำธิกำรสภำกำรศึกษำ(สกศ.) กระทรวง ศกึ ษำธกิ ำร ในฐำนะผเู้ ชย่ี วชำญทง้ั ดำ้ นกำรทอ ด้ำนลวดลำยแต่ละชนเผ่ำ รอบรู้เชี่ยวชำญไป จนถึงด้ำนอุตสำหกรรมและหัตถกรรม ทอผ้ำ กะเหรยี่ ง แลว้ ยงั เชย่ี วชำญกำรตลำดเปน็ พเิ ศษ ครูมำรศรี เกิดเมื่อวันที่ ๕ พฤษภำคม ๒๔๘๗ ที่ อำ� เภอแมส่ ะเรยี ง จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน อำยุตอนนี้ก็น่ำอยู่ตรง ๗๓ เป็นคนเชื้อสำย ปกำเกอะญอ (สกอ) นอกจำกเชี่ยวชำญด้ำน ทอถักผ้ำกะเหรย่ี งแลว้ ยงั เป็นผ้ทู รี่ วบรวมและ อนรุ ักษ์ลวดลำยผ้ำกะเหรีย่ งไว้ไม่ให้สูญหำย เปน็ ผทู้ ไี่ ดค้ ดิ คน้ ประยกุ ตล์ วดลำยกำรทอ ผ้ำโดยกำรน�ำลวดลำยผ้ำดั้งเดิมมำผสมผสำน และนำ� ผำ้ ทอมำดดั แปลงเปน็ ผลติ ภณั ฑร์ ปู แบบ ใหม่ให้ตรงตำมควำมต้องกำรของตลำด เช่น กระเปำ๋ เสอ้ื คลมุ เสอื้ กก๊ั ทใ่ี สจ่ ดหมำย กลอ่ งใส่ กระดำษทชิ ชู ผำ้ คลมุ เตยี ง ชดุ รองจำน เปน็ ตน้

๑๕ครู ครูมารศรี วนาโชติ ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ภมู ปิ ัญญาไทย รวมทั้งยังได้ศึกษำค้นคว้ำวิธีกำรย้อมสี 268 ด้ำยด้วยเปลือกไม้ ใบไม้ และวิธีป้องกันไม่ให้ สีย้อมตก จนเป็นที่ประจกั ษ์ และยอมรับอย่ำง แพร่หลำยท้ังในชุมชนจนถึงต่ำงประเทศแล้ว รวมทั้งได้ถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ให้แก่นักเรียน นกั ศกึ ษำ กลมุ่ ผทู้ ส่ี นใจ ทงั้ ในระดบั ชมุ ชน ทอ้ ง ถ่นิ ระดับชำติ และระดับนำนำชำติอกี ด้วย ครูมำรศรี น�ำควำมรู้ด้ำน กำรทอผ้ำท่ี ตนเองศกึ ษำ เรียนรู้ คน้ พบ ฝึกฝนทดลองและ ปฏิบัติจนประสบควำมส�ำเร็จ จนเช่ียวชำญ รอบรู้ ผ้ำทอทุกชนเผ่ำ แล้วไปเผยแพร่ สอน ถ่ำยทอดให้แก่ผู้อื่นได้เรียนรู้น�ำไปปฏิบัติ สำมำรถใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื ผลติ เพอื่ ใชใ้ นครวั เรอื น และยึดเป็นอำชีพเลี้ยงชีวิตได้จนประสบควำม สำ� เรจ็ เป็นประโยชน์โดยรวมแกส่ ังคม แมส่ ะเรยี ง เปน็ เมอื งเลก็ ๆ ยา่ นบา้ นครแู มม้ ไิ ดอ้ ยตู่ รง ใจกลางความเจริญย่านค้าขาย แต่บ้านครูก็ไม่ห่าง กลางเมืองสะเรยี งนัก ไปถึงบ้ำนครูมำรศรี วนำโชติ ท่ีอ�ำเภอ แม่สะเรียง แม้มิได้อยู่ตรงใจกลำงควำมเจริญ ย่ำนค้ำขำย แต่บ้ำนครูก็ไม่ห่ำงกลำงเมืองสะ เรียงนัก แม่สะเรียง เมืองเล็กๆ ย่ำนบ้ำนครู เป็นท�ำเลศูนย์กลำงชุมชนท่ีบ่งบอกว่ำ เป็นผู้ ท่ีต้ังถ่ินฐำนมำแต่ช่วงกำรก่อร่ำงสร้ำงเมือง แม่สะเรยี งทีเดียว

ครูมารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ด้านอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ภูมปิ ญั ญาไทย 269 การทอผ้าที่ตนเองศึกษา เรียนรู้ ค้นพบ ฝึกฝนทดลองและปฏิบัติจนประสบ ความสำาเร็จ จนเชี่ยวชาญ รอบรู้ ผ้าทอทุกชนเผ่า แล้วไปเผยแพร่ สอน ถ่ายทอดใหแ้ ก่ผู้อนื่ ไดเ้ รยี นรนู้ ำาไปปฏบิ ตั ิ สามารถใชเ้ ปน็ เคร่ืองมือผลิตเพอ่ื ใช้ ในครวั เรอื นและยดึ เปน็ อาชพี เลยี้ งชวี ติ ไดจ้ นประสบความสาำ เรจ็ เปน็ ประโยชน์ โดยรวมแกส่ ังคม อยำ่ งท่เี กร่ินข้ำงตน้ คณะไปถึงบ้ำนครูเลยเท่ยี งไปเลก็ น้อย จำกท่ีนับหน่ึงล้อหมุนจำกตัวจังหวัดเชียงใหม่โดยรถ ยนตร์ ำวๆ เกำ้ โมงเชำ้ บ้ำนครอู ยู่ในอำณำบริเวณร้ัวทล่ี อ้ ม รอบเป็นสัดส่วน มีอำคำรที่สร้ำงด้วยไม้สองสำมหลัง ใต้ร่ม เงำแมกไมร้ ม่ คลม้ึ ใครไดเ้ ขำ้ ไปเยอื นจะสมั ผสั ไดถ้ งึ ควำมเยน็ กำยเย็นใจ ท่ำมกลำงควำมเงียบสงบประหนึง่ ไรผ้ คู้ น อีกด้ำนหน่ึงติดกับบริเวณวัดช่ือ วัดชัยลำภ เพียงเห็น หลงั คำอำรำมยง่ิ ออกรสู้ กึ สงบเยอื กเยน็ เขำ้ ไปอกี แตจ่ ำกกำร สงั เกตรอบนอกบำ้ นครู บง่ บอกถงึ สญั ชำตญำณ จติ วญิ ญำณ แห่งศูนย์เรยี นรู้อะไรสกั อย่ำงในควำมรูส้ ึกของคนไม่รู้พ้นื เพ

๑๕ครู ครูมารศรี วนาโชติ ด้านอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม ภมู ปิ ัญญาไทย 270 ลกู หญงิ ทกุ บา้ นตอ้ งทาำ ผา้ เปน็ ตอ้ งเรยี นรู้ เดก็ ผหู้ ญงิ ทกุ คนตอ้ ง ทอผ้าได้ ขั้นตอนต้องย้อมก่อนถึงจะทอ ฝ้ายสมัยก่อนมีพ้ืนท่ี ปลกู กนั แทบทกุ บา้ น แตป่ จั จบุ นั ซอ้ื มาจากแมฮ่ อ่ งสอน พอโตขนึ้ มา เรายดึ การทอผา้ เปน็ หลกั แลว้ กต็ อ้ งเรยี นรู้ เราตอ้ งทาำ ไดห้ มด ครูเชิญเข้ำบ้ำนที่ ครใู ชเ้ ปน็ ทงั้ ทพ่ี กั อำศยั และ เป็นออฟฟิศไปด้วย แต่สัก ครู่ครูบอกไปอีกหลังดีกว่ำ เป็นที่โชว์ผ้ำทอหลำกชนิด คุยกนั ไปไดบ้ รรยำกำศ แน่นอนท่สี ุด ต้อง ขอใหค้ รเู ลำ่ ประวัติย่อๆ “พ่อช่ือนายดวง พร แม่ชื่อนางบวั ลอย วนา เรยี กหำเจำ้ ของบำ้ น “ครคู รบั บา้ นครมู าร โชติ แต่งงานกับ นายยง ศรใี ชม่ ยั้ ครบั ” อยชู่ วั่ ครู่ หญงิ รำ่ งผอมบำงสงู วยั ยุทธ พวงทอง มีบุตรชาย ๓ คน เรียนจบช้ัน ก็เดินออกมำด้วยรอยยิ้มอย่ำงมิตรไมตรี ไม่มี ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ เปน็ คนเรม่ิ กอ่ ตงั้ กลมุ่ ทอผา้ อำกำรตระหนกหรอื กงั วลสำ� หรบั คนแปลกหนำ้ สตรแี บบ๊ ตสิ ต์ ภาคแมส่ ะเรยี ง ในปี ๒๕๑๓ โดย เพรำะครูต้อนรับทุกคนท่ีไปเยือนท่ีส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มที่รับฝากขายสินค้าจากชาวบ้านทุก แล้วมำด้วยจุดประสงค์ดีงำมท้ังสิ้น ที่ส�ำคัญ หมู่บ้าน เพื่อสร้างรายไดใ้ หแ้ กช่ าวบา้ น นับถอื คณะที่ไปพบครูครำนี้ก็ประสำนครูทุกระยะ ศาสนาคริสต์มาตั้งแต่ก�าเนิด”ครูให้ประวัติ ก่อนไปยืนอออยู่หน้ำร้ัวบ้ำน เรียกขำนครูไม่กี่ อยำ่ งย่อจริงๆ นำทีกโ็ ทรแจง้ ครู ถำมทำงไปยงั บ้ำนครูอยูแ่ ล้ว

ครมู ารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ด้านอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ภมู ปิ ัญญาไทย ครูมำรศรี ที่ขอเรียกตัว เองว่ำ “ปา้ ” กลำ่ วว่ำ ท�ำชุด 271 ได้หลำยเผ่ำ ท�ำมำต้ังแต่เด็ก ย่ำยำยท�ำมำก็เห็น แม่ท�ำก็ แม่สอนการทอผ้าตั้งแต่ช่วง เหน็ และชว่ ยบำ้ ง แมส่ อนดว้ ย ประถม ยังไม่รู้ภาษีภาษาก็ ลกู หญงิ ทกุ บำ้ นตอ้ งทำ� ผำ้ เปน็ ทอใยกล้วยใยปอก่อน ทำา ต้องเรียนรู้ เด็กผู้หญิงทุกคน ไปเรอื่ ยๆ ชัน้ ประถม ๓ ทอ ตอ้ งทอผำ้ ได้ ขน้ั ตอนตอ้ งยอ้ ม ผ้าใสไ่ ด้แล้ว กะเหร่ียงถา้ ทอ ก่อนถึงจะทอ ฝ้ำยสมัยก่อนมี ผา้ ไมไ่ ด้ เขาไมแ่ ตง่ งานด้วย พ้ืนทป่ี ลกู กนั แทบทกุ บ้ำน แต่ สมยั ก่อนเปน็ ยังงี้ ปจั จบุ นั ซอ้ื มำจำกแมฮ่ อ่ งสอน พอโตขนึ้ มำ เรำยดึ กำรทอผำ้ เป็นหลกั แลว้ ก็ตอ้ งเรยี นรู้ เรำต้องท�ำได้ หมด ย่ิงตอนเริ่มที่มีแนวคิดว่ำต้องคอยแนะคอย บอกคนอนื่ กต็ อ้ งรทู้ กุ อยำ่ งแลว้ เพรำะเรำตอ้ งเปน็ วทิ ยำกรด้วย “ปา้ เกดิ ทีน่ ี่ นี่คือบ้านเกิดคณุ พอ่ พ่อรบั จ้าง ท�าป่าไม้สมัยฝร่ังมาท�าป่าไม้ในประเทศไทย พ่อ มาจากสาละวิน พม่า คุณแม่เป็นชาวไทยอยู่ดอย เป็นคนเผ่ากะเหรี่ยงแต่สัญชาติไทย พ่อมาท�าป่า ไมแ้ ละขนึ้ ไปเทยี่ วบนดอย ตอนคณุ พอ่ ตาย ปา้ อายุ แค่ ๓ - ๔ เดอื น แมม่ ลี กู ๒ คน แมไ่ มม่ อี าชพี อะไร ทอผา้ กอ็ ยทู่ บ่ี รเิ วณนี้ โตขน้ึ มากเ็ รยี นแคจ่ บประถม ๔ เท่าน้นั แม่สอนการทอผา้ ตงั้ แต่ช่วงประถม ยงั ไมร่ ภู้ าษภี าษากท็ อใยกลว้ ยใยปอกอ่ น ทา� ไปเรอื่ ยๆ ชนั้ ประถม ๓ ทอผา้ ใสไ่ ดแ้ ลว้ กะเหรย่ี งถา้ ทอผา้ ไม่ ได้ เขาไมแ่ ต่งงานด้วย สมยั กอ่ นเป็นยังง”้ี

๑๕ครู ครมู ารศรี วนาโชติ ดา้ นอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม ภมู ิปญั ญาไทย 272 ครูพูดให้ฟังต่อไปว่ำ จนมีฝร่ังมิชชันนำรี มำท�ำงำนในประเทศ ก็เลยได้ท�ำงำนกับฝร่ัง มำตลอดจนแต่งงำน แต่งงำนเสร็จแล้วแค่ไม่ ก่ปี ี สำมกี ็ตำย สำมีเป็น ข้ำรำชกำรครู ตอนนั้น ครูบอกอำยุ ๒๖ ก็กลับ มำอยูบ่ ำ้ นก็คิดว่ำจะกลับ มำท�ำผ้ำดีกว่ำ มำตั้งแต่ ปี ๒๕๑๓ มีมิชชันนำรี “ ก ่ อ น ท่ี จ ะ จ ้ า ง เหน็ ทอผ้ำอยขู่ ำ้ งทำง เจำ้ ป้าให้เป็นวิทยากร หน้ำท่ีข้ำรำชกำรเขำก็มำ อ ง ค ์ ก า ร ยู นิ เ ซ ฟ เตือนเหมือนกัน มิชชัน ป ้ า ต ้ อ ง เ รี ย น ข อ ง นำรีเลยถำมว่ำ อยำกจะ กะเหรี่ยงโป ของ ต้ังกลุ่มไหม ก็เลยตัง้ กลุ่ม ละว้า ต้องเรียนให้ได้ ให้ ไม่ก่ีปีเรำก็ได้ Order ลาย รูปแบบ ของปา้ จำกเมอื งนอกจำกบรรดำภรรยำมชิ ชนั นำรี เรำ ส่วนใหญ่จะเป็นสีด�า เราพยายามท�าตามให้ คดิ วำ่ เรำไมท่ ำ� แบบธรุ กจิ แตเ่ รำทำ� แบบพนั ธกจิ ตลาดต้องการ ดัดแปลงไปเรื่อยๆท้ังกระเป๋า หลกั คอื ทอใชเ้ อง แตว่ ำ่ มตี ำ� รวจภธู รสำยใจไทย ใส่ Notebook กระเป๋าคาดเอว เม่ือก่อนน้ี ทหำรกรมแผนท่ีเหน็ เขำกเ็ ลยสัง่ ซอื้ เรยี นเก่ง หมบู่ า้ นดอยคา� ปลกู ฝา้ ยอยู่ เราซอื้ เขาปลกู ตาม แต่ไม่มีตังค์ ตอนแรกฝรั่งให้ทุน แล้วตอนหลัง ทงุ่ นาตามไรไ่ มใ่ ชเ่ ปน็ ผนื ใหญ่ เราไมม่ ที ดี่ นิ ปลกู ดิ้นรนเอำเอง รู้ภำษำกะเหร่ยี ง ภำษำไทยและ แม่สะเรียง มันไม่มีที่ ที่มันแคบมันไม่มีท่ีปลูก ภำษำอังกฤษนดิ หนอ่ ย ฝา้ ยเลย”

ครมู ารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ดา้ นอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม ภมู ิปญั ญาไทย 273 เคยเดนิ จากแมส่ ะเรียงไปเชยี งใหม่ ๖ วนั ตอนนน้ั อายุประมาณ ๑๒ คอื ต้องไปเป็นคณะ กลุม่ มชิ ชนั นารีเขาไม่รเู้ ร่อื งลายหรอก เผา่ ใคร กต็ อ้ งเผ่ามนั เคยไดไ้ ปเปน็ วทิ ยากรทอผ้า ประเทศเนปาล วั น นี้ อ ำ ยุ ค รู ๗ ๓ แล้ว แต่สังเกตจำกกำรเดิน คล่องแคล่ว กำรพูดคุยน้�ำ เสยี งหนกั แนน่ และไมม่ สี ะดดุ ควำมจำ� เหน็ ทจี ะยงั แมน่ เปะ๊ ครูเล่ำมำถึงตรงนี้ หยุดย้ิมนิดหน่ึงด้วย ยังกะอำยุ ๔๐ กว่ำ ครูเล่ำต่อเน่ืองเหมือนหุ่น ควำมภูมิใจ บอกว่ำมีโอกำสได้ไปเป็นวิทยำกร ยนตย์ งั ไม่หมดลำนว่ำ ทป่ี ระเทศเนปำล ปแี รก เรำมรี ำ้ นอยทู่ เ่ี ชยี งใหม่ ตอนท่ีเรำตั้งกลุ่ม ปี ๑๓ เคยเดินจำก ฝร่ังซ้ือของเรำหลำยประเทศ แต่ทำงบริษัทที่ แม่สะเรียงไปเชียงใหม่ ๖ วัน ตอนนั้นอำยุ เนปำลเขำตดิ ตอ่ มำทำงจงั หวดั วำ่ เอำกะเหรยี่ ง ประมำณ ๑๒ คอื ต้องไปเปน็ คณะ กลมุ่ มชิ ชัน คนหนง่ึ ม้งคนหนึ่ง นำรีเขำไม่รู้เรื่องลำยหรอก แต่เขำบอกว่ำเผ่ำ “ไปสอนประมาณ ๑ เดอื น บา้ นเขามีนา ใครกต็ อ้ งเผำ่ มนั ตอ้ งไปสอนทอ่ี น่ื กต็ อ้ งเอำของ แตไ่ มม่ ขี า้ ว เขากนิ ขนมปงั มนั บด เนอื้ บด อาสา เขำมำ ไปโชวข์ องพวกน้ี ตอ้ งบอกใหไ้ ดข้ องเขำ ทา� ขนม รบั ทา� อาหาร ฝรง่ั ๓ คนทม่ี าเรยี นถาม เรำไมไ่ ดผ้ ลติ แตม่ ำฝำกขำย ของใครของมนั เผำ่ เขาวา่ จากบา้ นเธอมากวี่ นั เขาบอกวา่ มา ๖ วนั สะกอ สะกอกบั โป มาเรียนในกาฐมาณฑุ สอน ๑๕ คนตอ่ ครูหนึง่ คน และก็พูดภาษาเขากันไม่ค่อยได้ มีภรรยา ท่านฑูตมาช่วยแค่ ๒ วนั

๑๕ครู ครูมารศรี วนาโชติ ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม ภูมิปญั ญาไทย 274 ส่วนใหญ่คุยกันไม่รู้เร่ือง เขาทอได้แต่ไม่ เหมือนเรา ทอธรรมดาได้ เขาทอผ้าเป็นแต่แบบ ธรรมดา ป้าก็เลยต้องไปสอน ป้าสอนให้เขาท�า โมบายแบบใหม่ ๆ จากสิ่งใกลต้ วั เช่น บ้าน ต้นไม้ สอนลายในโมบาย เสอื้ ผา้ ของเราทเี่ อาไปจากไทย ตอนกลบั ให้เสือ้ ผ้าลกู ศษิ ยไ์ ปหมดก็สงสารเขา ลายจก คอื เราดขู ้างบน แต่ เราตอ้ งใช้ ข้างล่างมันยากมาก พวกเนปาลผู้หญิง บอกไม่ไหว ทำาไงให้มันเห็นข้างล่างได้ แตข่ องเรามนั เสยี บขา้ งนอกคอ่ ยๆ ทเิ บต เราไมใ่ ช่แบบน้ัน เราต้องจกข้างนอกแต่ เหน็ ข้างใน ปา้ ไปตผิ า้ บาตคิ เขาวา่ มนั ขาดไปเสน้ หนงึ่ อนั นจี้ ะให้เหมือนใจป้า มนั ยังไม่เหมือน เด๋ียวจะใหด้ ู ผา้ คลมุ เตยี งเปะ๊ เลย เรารบั ผดิ ชอบของเรากร็ บั ผดิ ชอบของเขา วธิ เี ลย้ี งดา้ ยเอาแบบของกะเหรยี่ ง ปา้ จะต้องวางก่อนจะไปถามผู้ชายว่าท�าได้ไหม เอา ของข้ึนเคร่ืองบินไปไมไ่ ด้ เอาแบบเคร่ืองทอจากท่ี นไ่ี ป เขาต้องการที่เลย้ี งด้ายของกะเหรย่ี ง เพราะ ไมส่ กปรก ลายจก คือ เราดูข้างบน แต่ เราต้องใช้ข้าง ล่างมนั ยากมาก พวกเนปาลผ้หู ญงิ บอกไมไ่ หว ท�า ไงให้มันเห็นข้างล่างได้ แต่ของเรามันเสียบข้าง นอกคอ่ ยๆ ทเิ บต เราไมใ่ ชแ่ บบนนั้ เราตอ้ งจกขา้ ง นอกแตเ่ ห็นข้างใน”

ครมู ารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ด้านอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ภมู ิปัญญาไทย 275 ครูบอกเท่าท่ีสังเกต ไม่เคยเห็นลายจกมาขายที่บ้าน เรา เราไปสอนแค่เสาร์อาทิตย์ เขาพาเราเที่ยว อาทิตย์ ท่ี เนปาลมีโรงงานใหญ่ผสมผ้าย้อมฝ้าย เขาให้เราไปสอนแค่ ลายจก เขากง็ งกับลายท่ที �าไป เขายอ้ มเครื่องแตเ่ ขาว่าเปน็ ธรรมชาติ เขาทา� แบบโรงงานอตุ สาหกรรมไปแลว้ โรงงานที่ บอกยอ้ มสีธรรมชาติไม่นา่ ใช่ เขาตอ้ งใชส้ เี คมีด้วยแน่นอน ครูลุกเดินไปหยิบผ้ามาช้ีให้ดูย�้าว่า ป้าย้อมเป็นทุกสี เมื่อก่อนย้อมได้แค่ ๒ สีจากดอกไม้ในป่า มีต้นยอป่าแล้ว ต้องไปขุดเอารากต้นใหญ่ๆมันจะออกเป็นสีเหลืองทองและ ตน้ คราม ยอปา่ มี ๒ ชนดิ แบบนีค้ ือพอ่ แม่เราสอนมา ไม่ใช่ ทางโรงงานสอน แต่เราต้องเว้นตอนที่เราส่งออก เราจะไม่ ยอ้ มไมส้ กั เพราะมนั ระคายเคอื ง เราจะใชต้ น้ ปยุ๋ แทน เฉพาะ สธี รรมชาติ เปน็ ไปไมไ่ ดต้ ้องใช้สอี นื่ มาผสม ตอนนี้เขาใช้ สี เคมหี มด แล้วอนั นี้ซ้อื มาจากเยอรมนั สมี ่วงใช้ลูกหว้า

๑๕ครู ครูมารศรี วนาโชติ ด้านอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ภูมิปญั ญาไทย 276 เวลาไปสอนทอผา้ ยอ้ มผา้ ทไ่ี หน กจ็ ะยาำ้ ปลกู ตน้ ไม้ ปลูกป่า ใช้ต้นไม้ก็ไปให้เขาปลูกต้นไม้ชดเชย ไป อบรมทั่วประเทศไทยก็พูดตลอด เราก็สอนเหมือน กัน ใหร้ จู้ กั รกั ทรพั ยากรธรรมชาติ “ตอนน้ีป้าไม่ท�าแล้ว ป้าสอนอย่างเดียว แต่ทุกครั้งป้าบอกเขาว่า ถ้าใช้ธรรมชาติแล้ว ต้องปลูกป่า ป้ารู้จักประโยชน์ของป่าไม้ ถ้า ไม่มีป่าก็อยู่ไม่ได้ พูดถึงป่า ป้าคิดถึงโครงการ อพ.สธ. ยงั ไมม่ โี อกาสไปดขู องจรงิ ของพระองค์ ท่าน มีองค์กรส่งเนื้อหามาให้อ่านบ่อย ได้รู้ ถึงพระทัยท่ีทรงรักป่า รักต้นไม้ รักน้�าท่ีเป็น ทรพั ยากรธรรมชาติ เคยอ่านพระราชด�ารัส ทรงแนะให้ โรงเรียนทา� สวนพฤกษศาสตร์ ไม่ต้องบังคบั ให้ อย่างแม่บ้านทอผ้า คนเรามันจน ถ้าผัว เด็กปลูก แต่หาวิธีให้เด็กมีความรู้ความผูกพัน รับจ้างได้แค่น้ี เราก็อยู่บ้าน พอมีที่ดิน ท่ีนาก็ กับทรัพยากรธรรมชาติ เช่น วาดใบไม้ ต้นไม้ ให้ปลูกต้นไม้ ท่ีเราจะใช้ย้อมผ้าให้ปลูกเข้าไป วาดสัตว์ เป็นต้น แล้วยังจ�าได้ว่า มีพระราช เยอะๆ อยา่ ปลูกแต่ขา้ วกบั ถั่ว เมอื่ ปลูกอาหาร ดา� รสั ไวป้ ระมาณวา่ ปา่ ไม้ ตน้ ไม้ กอ่ ใหเ้ กดิ การ ก็ต้องปลูกไม้ของท่ีเราจะใช้ด้วย เขาก็ฟัง คน สรา้ งอาชพี ได้ เวลาไปสอนทอผา้ ยอ้ มผา้ ทไี่ หน กะเหรยี่ งเขาฟงั เรารักป่าอยู่แล้ว เราอยกู่ ับปา่ ก็จะย้�าปลูกต้นไม้ปลูกป่า ใช้ต้นไม้ก็ไปให้เขา อยูแ่ ล้ว” ครูยกตวั อย่ำง ปลูกต้นไม้ชดเชย ไปอบรมท่ัวประเทศไทย อยากไปเรียนรู้การทอผ้าของชาติต่างๆ ก็พูดตลอด เราก็สอนเหมือนกัน ให้รู้จักรัก แต่ไม่ไดไ้ ปเพราะไมม่ ีองค์กรไหนให้งบไป ได้ ทรพั ยากรธรรมชาติ แคไ่ ปโชวผ์ ลงาน วนั นยี้ งั มอี อเดอรจ์ ากมชิ ชนั นารีท่วั ประเทศ

ครูมารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ด้านอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ภมู ิปญั ญาไทย 277 ครูบอกอีกว่ำ ก็บอกคนที่ทอผ้ำให้ปลูก สนใจบำ้ ง กไ็ มเ่ ปน็ ไร สอนเปน็ อำชพี ใหเ้ ขำดว้ ย ผักปลูกต้นไม้ ประหยัดหน่อยไม่ว่ำ ทำงเจ้ำ ก็บอกอำจำรย์ว่ำ ต้ังแต่สำมีตำยก็ทอผ้ำขำย หนำ้ ที่ให้ ๓๐๐ ให้ ๓,๐๐๐ ไม่ใชอ่ ยำ่ งนีไ้ ดม้ ำ กลำงวนั ท�ำงำนกบั ฝร่งั กลำงคนื ก็มำทอผ้ำ แลว้ คนไม่ยอมท�ำงำน ไมย่ อมทอผ้ำ เขำบอก “ป้าอยากไปเรียนรู้การทอผ้าของชาติ พอกนิ แล้ว นิสัยเสยี ไปหมด ไมช่ อบเลยแบบน้ี ต่าง ๆ แต่ไม่ได้ไปเพราะไม่มีองค์กรไหนให้งบ เอำเงินนน้ั นะเอำไวใ้ ช้ ทอผ้ำเก็บไว้ซิ เวลำเจบ็ ไป กไ็ ปโชวผ์ ลงานแลว้ แลกเปลยี่ นกนั ตลอด ไป ไขไ้ ดป้ ว่ ยกไ็ มเ่ สยี มผี กั มตี น้ ไมใ้ หค้ วำมรม่ รน่ื ชน่ื อบรมดว้ ยกันตลอด อบรมการตลาด วิสาหกิจ ใจใหค้ วำมรม่ เย็น อำกำศดดี ้วย ชมุ ชน ครมู ำรศรกี ลำ่ วดว้ ยวำ่ มนี กั ศกึ ษำมำเรยี น เ ม่ื อ ไ ม ่ น า น ม า นี้ ภู มิ ป ั ญ ญ า ด ้ า น รเู้ ยอะ อำจำรยเ์ ขำพำมำเรยี นเปน็ กลมุ่ คณะ มำ อุตสาหกรรม เป็นศูนย์รวมของผ้าทอของชาว ทำ� รำยงำนวทิ ยำนพิ นธ์ ตนเองกม็ คี วำมรแู้ คน่ ี้ ก็ บ้าน ตอนก่อนปลูกกระต๊อบบอกกับเพื่อน ๆ ไมร่ ูว้ ่ำทำ� ไมเขำถึงยกย่อง ตง้ั แต่สำมตี ำย กจ็ ับ ใครมีผา้ อะไรก็มาแขวนขาย ก็มคี นมาส่ังแล้วก็ งำนนี้ ไปเป็นวิทยำกรโรงเรียนหลำยโรงเรียน แจกจา่ ยใหเ้ พอ่ื นทา� ปกตเิ รามี ออเดอรจ์ ากมชิ ก็คงจะมีคนที่รับบ้ำงไม่รับบ้ำง แล้วก็มีคนที่ ชันนารีท่ัวประเทศ”

๑๕ครู ครมู ารศรี วนาโชติ ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ภูมปิ ญั ญาไทย ปัจจุบันน้ีทำาด้วยใจรัก เราก็ต้องช่วยกันเอา 278 ของมารวมกัน หาตลาดแล้วก็ขาย ขายแล้ว มาใหเ้ จา้ ของ คอื เราสญั ญากนั วา่ กาำ ไรจะตอ้ ง ตกอยกู่ บั ผผู้ ลติ ใหม้ ากทสี่ ดุ ทจ่ี ะใหไ้ ด้ ทอผา้ ไม่มคี ำาวา่ รวย มีแตพ่ ออยพู่ อกนิ แต่ตอนน้ีไม่มีแล้ว เพรำะเขำไม่ได้ เข้ำมำประเทศไทย ส่วนด้ำนจักสำนต้อง ให้ผู้ชำยท�ำ เพรำะเขำถือผู้หญิงห้ำมท�ำ จักสำนพวกน้ีเป็นงำนผู้ชำย ตอนน้ีมีเส้ือ ประจ�ำชนเผ่ำกะเหรี่ยง สะกอ โป ละว้ำ ไทยใหญ่ พนื้ เมอื ง หมบู่ ้ำนคบั พวง เขำทอ ผำ้ ขำวม้ำ เปน็ ผำ้ ขำวมำ้ ดี โดนน้ำ� ไม่แข็ง ครูมำรศรีบอกด้วยว่ำ ลำยผ้ำใน ปัจจุบันไม่ได้มีเปล่ียนแปลงยังคงรักษำ แบบด้ังเดิม รำยได้เฉล่ียตกต่อเดือนไม่ถึง แสน แต่ว่ำท�ำแบบนี้แบบพันธกิจ ไม่ใช่เรียนบัญชี สมัย ก่อนแม่บ้ำนเรำไม่ได้เรียนหนังสือแต่เรำไม่ได้ลงทุน ไม่มี อะไรเลย รำยไดจ้ ะไมม่ ีอะไร ทน่ี กี่ ค็ อื ณ ปจั จบุ นั นที้ ำ� ดว้ ยใจรกั เรำกต็ อ้ งชว่ ย กนั เอำของมำรวมกนั หำตลำดแลว้ กข็ ำย ขำยแลว้ มำ ใหเ้ จำ้ ของ คอื เรำสญั ญำกนั วำ่ กำ� ไรจะตอ้ งตกอยกู่ บั ผู้ ผลติ ใหม้ ำกทส่ี ดุ ทจ่ี ะใหไ้ ด้ ทอผำ้ ไมม่ คี ำ� วำ่ รวย มแี ต่ พออย่พู อกิน แต่เรำเกบ็ คนฝำกขำย รอ้ ยละ ๓ บำท คอื เงนิ ทเี่ กบ็ มำใหเ้ ดก็ ในกลมุ่ เปน็ คำ่ เดนิ ทำงไปอบรม

ครูมารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม ภมู ิปญั ญาไทย 279 แลว้ บอกอกี วำ่ จะเลอื กทเ่ี ขำทำ� ดจี รงิ ดว้ ย ใจไม่กี่คน เลือกผลงำนมำวำงขำย เพรำะส่วน ใหญ่ท�ำผ้ำโหลขอให้ได้ขำยเร็วๆ หมู่บ้ำนละไม่ กคี่ น บำ้ นเรำก็ทำ� เรำกม็ ำทำ� กลอ่ งท�ำห่อ มที ่ีน่ี ทเ่ี ดยี วทที่ ำ� Packaging อยำ่ งผำ้ คลมุ เตยี ง บำ้ น หนองผกั หนำมทำ� อยทู่ อี่ ำ� เภอนแี้ หละไปไมไ่ กล แค่ ๖ – ๗ ถงึ ๘ กม. ตอนนี้ครูจะไปไกล ๆไมไ่ ด้ เป็นภูมแิ พ้ แต่ ถำ้ มำอบรมตอ้ งเปน็ องคก์ รยงั มมี ำอยำ่ งตอ่ เนอ่ื ง อยำ่ งเชน่ พวก NGO เอำชำวบำ้ นมำอบรม หรอื ครจู ำกมหำวทิ ยำลยั องคก์ รทำงศำสนำ ท่ีสุดแห่งชีวิต ครั้งหน่ึง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ นี าถ ในรชั กาลที่ ๙ เสดจ็ ฯมาถงึ ที่ ปา้ อยู่ ประทบั นานมาก ตรสั วา่ สวย สวยมาก ทรงเหมาทง้ั หมดเลย “คร้งั หนงึ่ สมเด็จพระนางเจา้ ฯพระบรมราชินนี าถ ในรชั กาลท่ี ๙ เสด็จฯ ศิลปาชีพแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าท่ีก็มาเอาผ้าที่น่ีไปแต่ง เสด็จฯมาถึงท่ีป้าอยู่ นานมาก ตรัสว่า สวย สวยมาก ท่านชมสี ธรรมชาติ ท่านเหมาท้งั หมดเลย” “ปา้ เขา้ เฝา้ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯพระบรมราชนิ นี าถ ประจา� ทกุ ปี ถา้ เอาผา้ ไป ไดร้ างวลั ทกุ ปี ไดง้ บเขา้ มาตง้ั ศนู ยศ์ ลิ ปาชพี ทนี่ ี่ ๒ ปี แลว้ ก็ย้ายไปที่นู้น ป้าก็ไปช่วยอีก ๓ ปี สมเด็จพระนางเจ้าฯทรงตรัสว่า “ให้รกั ปา่ ถา้ มีป่ากม็ นี �า้ มไี ม้เอาไวย้ อ้ มผ้า” แล้วพระองคท์ า่ นก็ตรสั ถามวา่ มากโ่ี มง ปา้ กก็ ราบทลู บอกมาตี ๕ “ ครมู ำรศรี เลำ่ ดว้ ยควำม ต่นื เตน้ และสดุ ปลืม้ ในพระมหำกรณุ ำธคิ ณุ ฯ ชีวิตนไ้ี ม่เคยลืมวนั นั้น

๑๕ครู ครูมารศรี วนาโชติ ด้านอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม ภูมิปญั ญาไทย 280 รักท่ีสุดคือ ในหลวง หว่ งทีส่ ุด คอื สมเด็จพระเทพฯ ไดน้ อ้ มนำาแนวพระราชดาำ ริ ของพระองค์ท่านมาใช้ คือ ความพอเพยี ง แบง่ ปันกัน มอี ะไรก็ชว่ ยเหลือกนั มี อะไรกค็ ยุ กัน จะได้ไม่เขา้ ใจกนั ผิด รกั การช่วยเหลอื ซึง่ กันและกนั ถำมครวู ำ่ ถำ้ มคี นทอ่ี ยำกเรยี นไมม่ ตี งั ค์ ครบู อกถำ้ ไมข่ เ้ี กยี จ เรียน ถำ้ มเี วลำก็มำเรียนได้ ใช้เวลำ ๑๕ วนั กส็ ำมำรถทอได้ แล้ว แต่เครื่องมือก็เตรียมมำเอง ท่ีน่ีเป็นแหล่งขำย ไม่ใช่ แหล่งสอน อันน้ีก็แปรรูปผ้ำ กม็ ีแผนกดัดแปลง ท่นี เ่ี ขำ ก็ทำ� อยทู่ บี่ ้ำนเขำ แต่ก็มำอบรม ทนี่ ส่ี ว่ นใหญจ่ ะเป็น เจ้ำหน้ำที่ ส่วน กศน. ฝ่ำยจัดหำงำน เขำมีงบพำ ชำวบ้ำนมำดู มำอบรม คนทจี่ ะมำฝำกขำยตรงน้ี ตอ้ งยอ้ มเกง่ ยอ้ ม ใหถ้ กู อย่ำงลำยกะเหร่ียงโปกด็ ัดแปลงจำกเจำ้ ลำยเชิงผ้ำถุงมำเป็นผ้ำคลุมไหล่ สมัยก่อนจะ ท�ำเป็นชุดผ้ำคลุมเตียง ตอนน้ีท�ำไม่ไหว เวลำ ซักต้องใช้เคร่ืองซัก ผ้ำถุงกะเหรี่ยงไม่เหมือน ผำ้ ถงุ พืน้ บำ้ น ผ้ำถุงกะเหร่ยี งจะทอ ๓ คร้ังมำ ต่อกัน มันท�ำให้ช้ำมำก ต่อเป็นทำงขวำงเป็น ท่อน ๆ ไป

ครมู ารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ดา้ นอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ภมู ปิ ัญญาไทย เม่อื ถำมควำมรู้สึก ครมู ำรศรเี ปิด ควำมรู้สึกท่ีมีต่อในหลวง รัชกำลที่ 281 ๙ สมเด็จพระบรมรำชินีนำถ สมเด็จ พระเจำ้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระเทพรตั น รำชสดุ ำฯสยำมบรมรำชกมุ ำรี “รักที่สุดคือ ในหลวง ห่วงที่สุด คือ สมเด็จพระเทพฯ ได้น้อมน�าแนว พระราชดา� รขิ องพระองคท์ า่ นมาใช้ คอื ความพอเพยี ง แบง่ ปนั กนั มอี ะไรกช็ ว่ ย เหลอื กนั มอี ะไรกค็ ยุ กนั จะไดไ้ มเ่ ขา้ ใจ กนั ผิด รกั การช่วยเหลอื ซ่งึ กนั และกัน ภมู ใิ จและดใี จทสี่ ดุ ทม่ี อี งคพ์ ระมหากษตั รยิ ์ ปา้ รกั ทกุ พระองคแ์ ละทกุ สมยั ถงึ ปา้ จะไม่ได้เห็น ป้าภูมิใจและดีใจท่ีสมเด็จพระเทพฯท่านทรงทำาทุกอย่างตามรอย พระบาทของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ปา้ คดิ วา่ ตอนน้ีบอกตรง ๆ ว่า เกิดมาในประเทศไทย ภมู ิใจและดีใจท่สี ุดท่ี มอี งคพ์ ระมหากษตั รยิ ์ ปา้ รกั ทกุ พระองคแ์ ละทกุ สมยั ถงึ ปา้ จะไมไ่ ดเ้ หน็ ปา้ ภมู ใิ จ และดีใจที่สมเด็จพระเทพฯท่านทรงท�าทุกอย่างตามรอยพระบาทของในหลวง รัชกาลที่ ๙ สมเดจ็ พระเทพฯ พระองค์ท่านบอกกบั ป้าวา่ ดที ส่ี ดุ ดีทุกอย่าง ชน เผ่าเราต้องอย่กู บั ตน้ ไม้ น�า้ ดนิ ในป่า หาของกินจากปา่ เราจะไม่ไดซ้ ้ือกินกนั เทา่ ไหร่ถงึ เราจะมอี าชีพ

๑๕ครู ครมู ารศรี วนาโชติ ด้านอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม ภูมิปญั ญาไทย บางคนเป็นข้าราชการเขาก็ยังไปหาอาหารในป่า ก็ 282 ต้องดแู ลรักษาปา่ รักป่าเขา้ ใจป่า ในหลวง รชั กาลท่ี ๑๐ พระองค์ท่านทรงเดินตามรอยพระบาทขององค์ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๙ ปา้ รกั ทส่ี ดุ เลยทกุ พระองค์ อยา่ งไรกต็ าม บางคนเปน็ ขา้ ราชการเขากย็ งั ไปหาอาหาร ในปา่ ก็ต้องดแู ลรักษาปา่ รักป่าเข้าใจป่า ในหลวง รชั กาลท่ี ๑๐ พระองคท์ า่ นทรงเดนิ ตามรอยพระบาทขององคพ์ ระบาท สมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว รัชกาลท่ี ๙ ปา้ รักท่สี ุดเลยทกุ พระองค์ ปา้ เคยไดร้ บั พระราชทานผา้ หม่ พระราชทาน ปา้ ดใี จและภมู ใิ จ มากทส่ี มเด็จพระเจ้าอยู่หวั ร. ๑๐ เดินตามรอยพระบาทของ ร.๙ ถงึ ปา้ จะอยไู่ กล แตป่ ้ากร็ กั มาก” ตอนน้ี ครมู ำรศรีพำเดนิ ดูผำ้ ชนิดต่ำงๆของแตล่ ะชนเผ่ำ ผำ้ เกำ่ ชดุ ชนเผำ่ โบรำณทชี่ น้ั บนของอำคำรอธบิ ำยพอใหร้ ทู้ ม่ี ำ และใหร้ วู้ ำ่ เปน็ ชดุ ชนเผำ่ ใด แลว้ บอกวำ่ มคี นสบื สำนกำรทอผำ้ ต่อ คอื คนอำยุ ๔๐ - ๕๐ ปมี คี นทำ� เยอะ เขำจะท�ำดหี รอื ไม่ อนั น้นั ตอ้ งวดั กนั แต่ร้ำนน้ี ลูกสะใภ้จะสืบสำนต่อ ส่วนลูกแท้ ๆ เป็น ผู้ชำยหมด เขำเป็นครู มีด้วยกัน ๓ คน อยู่เชียงใหม่หน่ึง คน อยู่ท่ีน่ีเป็นที่ปรึกษำ อบจ.จังหวัดแม่ฮ่องสอน คนที่สอง เป็น ผอ.โรงเรียน คนที่ ๓ เป็นรองหัวหน้ำเขตศึกษำจังหวัด เชียงใหม่ ส่วนหลำนเรียนแพทย์ เรียนเภสัช และเป็นครูไป แลว้ ๑ คน อย่ทู ก่ี ำญจนบุรี

ครูมารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ด้านอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ภูมปิ ัญญาไทย ส่วนคนละแวกบ้ำน เขำก็รู้สึกดี รักกัน เรำรักกัน ช่วยเหลือกัน มีท่ีเขำฝำกขำย ที่น่ีจะมีแผนกย้อมฝ้ำยขำย 283 รับจ้ำงเย็บ มีแผนก Package สินค้ำต้องมีหลำกหลำยมี ทกุ อย่ำง ท่ีเขำฝำกขำยก็มหี ลำยแบบ เชน่ เส้อื ประจ�ำเผำ่ เป็นต้น ใครท่ีถ้าจะไปเยยี่ มเยยี นครมู ารศรี เอาว่า ตง้ั ตน้ มา จากเชยี งใหม่ มีรถประจ�าทางวิ่งประมาณ ๔ ชวั่ โมง ลาจากกันด้วยรอยย้ิม กลางลมหนาวทีพ่ ัดผ่านขุนเขาดอยสงู ผ่าน ลงท่ีราบ ท่ามกลางความมืดที่โอบคลุมกับเรื่องราวความประทับใจ ในยามที่ได้ไปเฮือน และ เสียงฝากความขอบคุณของครูมาถึงชาว สภาการศึกษา พดู คยุ กบั ครมู ำแบบเพลดิ เพลนิ ไดค้ วำมรู้ ไดร้ อยยม้ิ ดว้ ยเมตตำมติ รไมตรี ยง่ิ ดผู ลผลติ ผำ้ ทอทีม่ ีมำกมำย หลำยหลำกชนเผ่ำยงิ่ เพลนิ ใช้ เวลำไปพอสมควรทีเดียว เห็นจะท้ิงท้ำยด้วย เกยี รตคิ ณุ ของครมู ำรศรี วนำโชติ ไดร้ บั กำรคดั เลอื กใหเ้ ปน็ แมด่ เี ดน่ ประจำ� จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน รำงวัลชมเชย กำรประกวดผ้ำทอ ประเภทท่ี ๓ “เคหะสิ่งทอ” รำงวลั ชนะเลศิ ประเภทผ้ำฝ้ำย ทอมือ ในงำนประกวดผลงำนศูนย์ศิลปำชีพ จังหวัดแม่ฮ่องสอนในพระบรมรำชินูปถัมภ์ใน ปี พ.ศ.๒๕๓๙

๑๕ครู ครูมารศรี วนาโชติ ด้านอตุ สาหกรรมและหัตถกรรม ภมู ปิ ัญญาไทย 284 ได้รับกำรคัดเลือกให้เป็นแม่ดีเด่นด้ำน จำกกำรที่พยำยำมรวบรวมและอนุรักษ์ ช่วยเหลือสังคม โรงเรียนแม่สะเรียง บริพัตร ลวดลำยผ้ำกะเหรี่ยงไม่ให้สูญหำย ครูมำรศรี ศึกษำ แม่ดเี ด่นประจำ� จังหวดั แม่ฮอ่ งสอน แม่ ได้คิดค้น ประยุกต์ ทดลอง จนได้องค์ควำมรู้ ดีเด่นคริตสจักรบ้ำนโป่ง ผู้น�ำอำชีพก้ำวหน้ำ ในกำรน�ำลวดลำยผ้ำด้ังเดิมของกะเหร่ียงมำ ระดับจังหวัด จำกกระทรวงมหำดไทย ผู้ทรง ทอเปน็ รปู แบบใหมต่ ำมควำมตอ้ งกำรของทอ้ ง ภูมิปัญญำ จำกศูนย์บริกำรกำรศึกษำนอก ตลำด โรงเรียน อ�ำเภอแม่สะเรียง และครูภูมิปัญญำ ไม่ว่ำจะเป็นผ้ำคลุมเตียง ผ้ำปูโต๊ะ ผ้ำ ไทย ด้ำนอุตสำหกรรมและหัตถกรรม(กำรทอ คลุมทีวี ผ้ำคลุมโทรศัพท์ ชุดรองแก้ว ชุดรอง ผ้ำ) จำกส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำ จำน สำมำรถพัฒนำต่อยอดมำเป็นผลิตภัณฑ์ แห่งชำติ รปู แบบใหม่ เชน่ กระเปำ๋ เสอื้ คลมุ เสือ้ ก๊กั ที่ ครูมำรศรี วนำโชติ เปน็ กรรมกำรบริหำร ใสจ่ ดหมำย กลอ่ งใสก่ ระดำษทชิ ชู และ กำรนำ� ศูนย์ศิลปำชีพ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (สำขำ เปลอื กไม้ ใบไม้ มำยอ้ มสดี ำ้ ย และวธิ ปี อ้ งกนั ไม่ แมส่ ะเรยี ง) เปน็ ผรู้ เิ รมิ่ จดั ตง้ั ศนู ยศ์ ลิ ปำชพี ของ ให้สยี อ้ มตก จงั หวดั ขน้ึ ซงึ่ ทำ� ใหก้ ลมุ่ สตรใี นหมบู่ ำ้ นมรี ำยได้ ลว้ นเปน็ มรดกทางปญั ญาที่ ครพู ยายาม ตลอดปี และยึดกำรทอผำ้ เป็นอำชพี ช่วยเหลือ รักษาสืบสานอย่างรู้คุณค่า ขณะท่ีเราจะ ครอบครวั สัญญาว่า จะกลับมาเยือนอีกสักครั้ง ถ้ามี สนใจเรื่องกำรทอผ้ำ จึงได้เรียนรู้เรื่อง โอกาส กไ็ มร่ อู้ กี เหมอื นกนั วา่ จะอกี นานเทา่ ไร กำรทอผ้ำอย่ำงจริงจังจำกมำรดำ ซ่ึงเป็นผู้ที่มี ฝีมือดีในกำรทอผ้ำ จำกกำรท่ีได้คลุกคลีและ ที่อยู่ปัจจุบัน : ๒๑๕ หมู่ ๑๒ ต.บ้านกาด ฝึกปฏิบัติมำต้ังแต่เด็กจึงได้สะสมควำมรู้และ อ.แม่สะเรยี ง จ.แมฮ่ อ่ งสอน ๕๘๑๑๐ ประสบกำรณใ์ นเรือ่ งกำรทอผ้ำเปน็ อยำ่ งดี นอกจำกพื้นฐำนกำรทอผำ้ ที่ได้รับผู้เฒ่ำผู้ แก่ในหมูบ่ ้ำนแลว้ ครมู ำรศรียังไดพ้ ัฒนำควำม รู้มำโดยตลอด โดยเข้ำอบรมเพื่อหำควำมรู้ เพ่ิมเติมจำกหน่วยงำนต่ำงๆ เช่น กำรย้อมสี ธรรมชำติ กำรออกแบบลวดลำยผ้ำ กำรให้สี กำรวำงขนำดผำ้ เทคนคิ กำรทอ และกำรจดั หำ

ครูมารศรี วนาโชติ ๑๕ครู ดา้ นอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ภมู ปิ ญั ญาไทย 285 ผถู้ กั ทอมรดกผา้ ชนเผา่ ดว้ ยหวั ใจ วัฒนธรรมชนเผ่ากะเหร่ียง เป็นลูกผู้หญิงต้องทำาผ้าเป็น ทอผ้า เปน็ ส่งผลให้ ครูมารศรี วนาโชติ ครูภมู ปิ ัญญาไทย รุน่ ที่ ๒ ศกึ ษา เรยี นรู้ ฝึกหัดทอ ลองปฏบิ ัตจิ นประสบผลสาำ เรจ็ ประยุกตล์ วดลาย และรปู แบบใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาด จนเชยี่ วชาญผา้ ทอทุกชนเผา่ ออกเผยแพร่ สอน ถา่ ยทอด เพื่ออนรุ ักษแ์ ละสบื ทอด มรดกภมู ิปัญญาของแผ่นดนิ

๑๕ครู ครูมารศรี วนาโชติ ด้านอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม ภูมิปัญญาไทย 286

ครูเลก็ กดุ วงค์แก้ว ๑๕ครู ด้านเกษตรกรรม ภูมิปญั ญาไทย 287 ครูเลก็ กดุ วงค์แกว้ ครูภูมิปญั ญาไทย ดา้ นเกษตรกรรม

๑๕ครู ครูเลก็ กุดวงคแ์ ก้ว ดา้ นเกษตรกรรม ภูมิปัญญาไทย 288

ครูเล็ก กดุ วงคแ์ ก้ว ๑๕ครู ดา้ นเกษตรกรรม ภมู ิปญั ญาไทย 289 à·Í× ¡à¢ÒÀ¾Ù Ò¹ ผูเ้ ห็นคณุ ค่าปา่ เทอื กเขาภพู านคือแหลง่ ดอกเบย้ี ชมุ ชน “...เครอื ขา่ ยอนิ แปง กบั การพฒั นาอยา่ งยัง่ ยนื ภมู ิปัญญาทค่ี วรสังเคราะห์ ส่กู ารอยูด่ ีกินด.ี .” “..ถ้าผมเกิดใหม่ก็ไม่ให้ลูกไปเรียนหนังสือหรอก มันไม่ได้ความรู้ มัน เสยี ดายคน...” วา่ กันวา่ บรรทัดขา้ งต้น คอื หลกั ปรัชญาการด�าเนนิ ชวี ติ ของชาวตา� บล กุดบาก แล้วขยายไปอย่างกว้างขวางท่ีเกิดขึ้นด้วยการจุดประกายอย่างเป็น รปู ธรรม รปู ธรรมของครูเลก็ กดุ วงค์แก้ว และชาวบา้ นบา้ นบัว เม่ือประมาณ ปี ๒๕๓๐ ด้วยวถิ ีอาชีพเกษตรกรรมของชาวบ้านท่ลี ้วนเปน็ ชาวกะเลงิ หลกั การท่ีชุมชนน้ี ยึดเป็นหลักด�าเนินชีวิตเป็นไปตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอ เพียงอันเน่ืองมาจากพระราชด�าริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทพี่ ระราชทานเปน็ รากฐานไวต้ ง้ั แตป่ ๒ี ๕๑๗ มาแลว้

๑๕ครู ครูเลก็ กุดวงคแ์ ก้ว ดา้ นเกษตรกรรม ภมู ปิ ญั ญาไทย 290 แต่ในเคร่ืองหมายค�าพูด บรรทัดต่อมานั้น เป็นหน่ึงในค�าพูด ของ ครเู ล็ก กดุ วงค์แกว้ ครภู ูมิปัญญาไทยวิถเี กษตร แห่งเทอื กเขา ภูพาน คณะเราดนั้ ดน้ ไปเยอื นครเู ลก็ ในนาม ของ สา� นกั งานเลขาธกิ าร สภาการศกึ ษาดว้ ยเพราะคร ู คอื บคุ คลผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นเกษตรกรรม แห่งเทือกเขาภูพาน เป็นที่ยอมรับในความเป็นเอตทัคคะหรือ ปราชญ์ชาวบ้านของคนในท้องถ่ินพื้นท่ีจังหวัดสกลนคร แล้ว ขยายไปยังจังหวัดใกล้เคียงและจังหวัดอ่ืนๆอย่างกว้างขวาง ต้ังต้นที่ตัวจังหวัดแล้วเดินทางต่อไปยังชุมชนบ้านบัวอันสงบ เงยี บ บ้านครูเล็กท่แี ซกแซม เป็นส่วนหนึง่ ของกลุ่มกอ้ นบ้านบวั ใน ตา� บลกุดบาก อ�าเภอกดุ บาก นนั่ เอง ฟงั ชอ่ื บา้ นนามเมอื งแลว้ แนน่ อนวา่ บา้ นนอกหรอื ชนบทจา๋ เลย หละ จากตัวจงั หวดั สกลนครไปอ�าเภอกุดบาก ราวๆ ๗๐ กม.แตใ่ ช้ เวลาเดินทางนานพอสมควรเพราะพ้ืนที่ส่วนหน่ึงเป็นภูเขา หลาย ช่วงทางไมอ่ าจใชค้ วามเร็วไดด้ ังใจ บ้านครูอยู่ในชุมชนขนาดใหญ่นับร้อยหลังคาเรือนที่ค่อนข้าง สงบ ท่ีช่ือบ้านบัว พ้ืนท่ีของแต่ละครอบครัว ร่มรื่น ด้วยแต่ละ หลังคาเรือนมกั ปลูกต้นไมใ้ หญ่ในบ้านทัง้ ไมผ้ ลและไมร้ ่มเงา พน้ื ที่ อีกส่วนหน่ึงมักเป็นสวนพืชผักหรือผักสวนครัว บ้านแต่ละหลังมี ร้วั แสดงสัดสว่ นชดั เจนแตไ่ มไ่ ดม้ สี ภาพบง่ ชถ้ี ึงการปดิ ก้นั เป็นรั้ว แบบหลวมๆบอกเขตแดนเทา่ นน้ั เอง บา้ นครูก็เช่นกนั รมิ รว้ั หน้าบ้านเปน็ ตน้ ไมใ้ หญ่ เช่น ลนิ้ จ่ี มะมว่ ง ใหท้ ง้ั ผล ใหท้ ัง้ ร่มเงา ด้านหลังเปน็ สวนทเี่ ป็นทงั้ แปลง กลา้ ผลผลติ เชน่ กลา้ หวาย เปน็ อาชีพทล่ี ูกหลานทา� ด้วยผล พวงมาจากการซึมซับที่ผ่านครูเป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ และไม้อ่ืนๆที่ท้ังเป็นอาหาร สมุนไพร แบ่งปัน แล้วก็เพื่อ ขยายพันธ์ุ

ครูเลก็ กดุ วงคแ์ กว้ ๑๕ครู ด้านเกษตรกรรม ภมู ปิ ญั ญาไทย 291 ครูเลก็ ค่อนสูงวัย น่งั ขดั สมาธิรอผ้ไู ปเยอื นอยูบ่ นแคร่ ไม้ไผใ่ ต้ตน้ ลน้ิ จ่ใี นบรเิ วณบ้าน กล้วยนา้� วา้ กับกลว้ ยไข ่ อวด หวงี ามอวบผลเหลืองแข่งกนั ในถาด รอคนมาปลิดกิน วาง ไว้คู่กับขวดน�้า รอยย้ิมเปี่ยมด้วยเมตตาปรากฏบนใบหน้า หลงั แนะนา� ตัวใหค้ รูคลายใจวา่ เป็นใครมาจากไหนแลว้ น�้า เสียงบ่งบอกถึงการต้อนรับผู้ไปเยือนเหมือนคนสนิทท่ีคุ้น เคย ออกภาษาถนิ่ ส�าเนียงทางกะเลิงอีสานมากขนึ้ ยิ่งเรมิ่ ดงั ข้นึ ดว้ ยความยนิ ด ี พดู คยุ กบั ครตู อ่ สกั พกั ครพู ยายามออกภาษาไทยกลาง มากที่สุด หลังจากจับทางได้ว่าผู้ไปเยือนฟังแล้วมักจะให้ แปลความตามมาบ่อยครั้ง ซ่ึงครูออกตัวบอกว่า ตอนนี้ไม่ ค่อยสบายเป็นเส้นเลอื ดตีบในสมองมาสองปแี ลว้ ถามครูว่า เป็นครูภูมิปัญญาไทยรุ่นที่หน่ึงยังไม่ ได้เปลีย่ นนามสกลุ นะครบั “บ่หรอก”ครูว่าแล้วก็บอกท่ีผ่านมาเดินทางท่ัวประเทศ แต่มี จังหวดั ท่ยี งั ไมไ่ ด้ไป คือ สามจังหวดั ชายแดนใต้ นอกนนั้ ไปหมด กอ่ น ขยับเลา่ ประวตั ชิ วี ิตหลังจากทค่ี ณะไปถงึ แนะน�าตวั เป็นที่เรียบรอ้ ย “ตอนนไ้ี ปไมไ่ หวแลว้ ผมกไ็ มร่ วู้ า่ ภมู ปิ ระเทศและอากาศของทาง ภาคใตก้ ับอสี านเหมือนกนั ไหม” “กดุ แกว้ ” สบื เชอ้ื สายชาวกะเลงิ บรรพบรุ ษุ คนกลมุ่ นอ้ ยเผา่ พนั ธห์ุ นงึ่ ที่ อพยพย้ายถ่ินมาจากฝั่งลาว นานกว่า ร้อยปี

๑๕ครู ครูเลก็ กดุ วงคแ์ ก้ว ดา้ นเกษตรกรรม ภูมิปัญญาไทย 292 ครเู ลา่ วา่ ครเู องสบื เชอื้ สายชาวกะเลงิ มาจากบรรพบรุ ษุ มาเปน็ คนกลมุ่ นอ้ ยเผา่ พนั ธห์ุ นง่ึ ทอ่ี พยพยา้ ยถน่ิ มาจากฝง่ั ลาวนานกวา่ รอ้ ย ปีแล้ว เกิดเมอ่ื วนั ที ่ ๑๗ กันยายน ๒๔๘๘ ท่ีบ้านบัว ต�าบลกุดบาก อา� เภอกดุ บาก จังหวัดสกลนคร นบั อายวุ นั นปี้ ระมาณ ๗๒ ( ปลาย ปี ๒๕๖๐ ) ยงั มีสหี น้าอมิ่ เอิบ แววตาสดใส เหน็ จะดว้ ยจิตใจดีงาม เปี่ยมไปดว้ ยเมตตา แตร่ า่ งกายไมค่ ่อยแข็งแรงนัก วยั เดก็ ไดบ้ วชเปน็ สามเณรตง้ั แตอ่ าย ุ ๑๑ – ๒๐ ป ี ศกึ ษาธรรมะ จนสอบได้นักธรรมตรี เมื่อลาสิกขาแล้ว ได้ออกมาประกอบอาชีพ เกษตรกรรมตามครอบครัว สังเกตเห็นว่าความเจริญท�าให้เกิดการ เปล่ียนแปลงในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ก็เริ่ม เสือ่ มโทรมลงไปอยา่ งรวดเร็ว พืชและสตั วห์ ลายชนดิ เริม่ หายาก ดูเหมือนจะสูญพันธุ์ไปจากเทือกเขาภูพาน คุณค่าวัฒนธรรม ดั้งเดิมถูกรกุ รานจนเกอื บจะสญู หายไปจากชมุ ชน ห้วงเวลาน้ัน ครูเล็กเริ่มฉุกคิดถึงทรัพยากรธรรมชาติ ก�าลังถูกท�าลายไปโดยไม่รู้ตัว ด้วยการเกิดของคนท่ีเพิ่มข้ึน อย่างรวดเร็วแล้วต้องมาเพ่ิมพ้ืนท่ีที่อยู่อาศัย ท�ามาหากิน อันจ�าเป็นต้องถากถางท�าลายป่า เพื่อท�าเป็นที่อยู่อาศัย ที่ท�ากนิ ด้วยอาชีพเกษตรกรรม ครบู อกวา่ ลองนกึ ยอ้ นถงึ ประสบการณท์ า� อาชพี เกษตรครง้ั ทช่ี ว่ ยปยู่ า่ ตายายพอ่ แม ่ เมอ่ื มาทา� จรงิ จงั ด้วยตัวเองโดยพยายามใช้ความรู้ที่ได้จากการท�า มาก่อน รวมไปถึงความรู้หลักธรรมของสมเด็จ พระสมั มาสัมพทุ ธเจ้า จากการท่ีได้ศกึ ษาบวช เรียนมาปรับใช้แลว้

ครเู ล็ก กดุ วงคแ์ กว้ ๑๕ครู ดา้ นเกษตรกรรม ภมู ิปญั ญาไทย 293 ครูยังคิดถึงการให้ความส�าคัญในการ รกั ษาทรพั ยากรธรรมชาต ิ ป่าไม ้ แหล่งน�้า โดย พยายามหาแนวทางใหค้ นในชมุ ชนไดต้ ระหนกั รถู้ งึ คณุ คา่ ของธรรมชาต ิ นา้� ปา่ ผนื ดนิ อนั เปน็ ที่ รวมแหง่ ดนิ นา�้ ลม ไฟ อนั เปน็ ทร่ี วมของปจั จยั จ�าเป็นต่อการด�ารงชีวิต คือ ปัจจัยส่ี อาหาร ยารักษาโรค ทอี่ ยูอ่ าศยั แลว้ ก็เคร่ืองน่งุ ห่ม ที่ ต้องช่วยกันอนุรักษ์สืบสานเพื่อให้เกิดการอยู่ รว่ มกนั คนกบั ปา่ พง่ึ พากนั อยา่ งยง่ั ยนื มใิ ชเ่ พยี ง ใช้ให้หมดสิ้นไปฝ่ายเดียว น่ันเท่ากับเป็นการ ท�าลายตัวเองที่จะมีผลถึงลูกหลานเหลนโหลน ภายหนา้ แน่นอน ครูมองออกไปข้างนอกจะจุดหมาย ณ แห่งใด หรือหัวใจคิดไกลไปถึงใครมิอาจรู้ได้ ในห้วงวินาทีน้ัน รอจนกระท่ังได้ฟังสิ่งท่ีครูจะ บอกเล่าขยายความถึงความรักและเห็นคุณค่า ของทรัพยากรธรรมชาติ ทีว่ ่านน้ั “รากฐานการสร้างความเข้าใจท่ีจะให้ ผูค้ นส�านึก รัก หวงแหน ต้องเร่มิ ให้มกี ารรวม กลมุ่ มานงั่ คยุ แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ ลองนกึ ยอ้ นศกึ ษาประวตั ศิ าสตรค์ วามเปน็ มาของกลมุ่ ชน ศกึ ษาแนวทางทใี่ ห้อยรู่ ่วมกันอยา่ งสุขสงบ มีศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิตความ เป็นอยู่แต่ดั้งเดิมที่ดีงาม ของชุมชนเพ่ือให้ทุก คนเกิดความตระหนักถงึ รากเหง้าความเป็นมา ของตนเอง”

๑๕ครู ครูเลก็ กดุ วงคแ์ กว้ ดา้ นเกษตรกรรม ภมู ปิ ญั ญาไทย ครบู อกว่า แล้วตอ้ งไม่ลมื ค่อย ๆ ซมึ ซบั สู่คนร่นุ หลงั อยา่ งตอ่ เนือ่ งดว้ ย 294 “เม่ือคนส่วนใหญ่เห็นพ้องในแนวทางให้ความร่วมมือ จึงได้ ริเริ่มให้มีการจัดตั้งศูนย์อินแปงเพ่ือจัดท�ากิจกรรมฟื้นฟูป่าไม้ ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติ ก็เร่ิมจากพืชผักไม้ผลของชาวบ้านแต่ละครอบครัวที่ ปลูกไว้บริโภคน่ันแหละแล้วค่อยสร้างความเข้าใจถึงต้นไม้ ป่าไม้พื้นที่อื่น พน้ื ทที่ ย่ี งั ไมไ่ ดถ้ กู ใชส้ อยประโยชนโ์ ดยคนใดคนหนง่ึ แตป่ า่ ไมถ้ กู โคน่ ถกู ถาง ไปกร็ วมกนั มาปลกู ปา่ เพม่ิ ใหมข่ นึ้ มาและปลกู จติ สา� นกึ คนไปพรอ้ มๆ กนั ให้ รสู้ กึ เช่นเดียวกับปลูกในบา้ นตัวเองเพ่ือประโยชน์ของชาวชุมชน” ถงึ ตรงน ี้ ครบู อกเลยวา่ นอ้ มนา� เอาหลกั ปรชั ญาของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ท่ีทรงแนะมาตลอด ถงึ ความส�าคัญของต้นไม้ ของป่าไม้ ของแหล่งนา้� ของดิน คอื การปลูก ป่าที่คนในชุมชนจะได้พึ่งพาป่าและป่าเองก็หวังให้คนเก้ือกูล แบบเอื้อ ประโยชน์กนั และกัน คือ การปลูกป่า ๓ อย่าง ประโยชน ์ ๔ อย่าง แลว้ ยงั บอกวา่ หวั ใจสา� คญั คอื การปลกู จติ สา� นกึ คนในชมุ ชนใหเ้ หน็ ความสา� คญั ตามแนวพระราชดา� รปิ ลกู ปา่ ในใจคน เวลาผา่ นมาถงึ วนั น ้ี คน กุดบากเหน็ ความส�าคัญของปา่ แหลง่ น�้าอย่างถ่องแท้

ครเู ลก็ กุดวงคแ์ ก้ว ๑๕ครู ดา้ นเกษตรกรรม ภมู ิปญั ญาไทย 295 เม่ือคนส่วนใหญ่เห็นพ้องในแนวทางให้ความร่วมมือ จึงได้ริเร่ิม ให้มีการจัดตั้งศูนย์อินแปงเพื่อจัดท�ากิจกรรมฟื้นฟูป่าไม้ ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติ ก็เร่ิมจากพืชผักไม้ผลของชาวบ้านแต่ละ ครอบครวั ทปี่ ลกู ไวบ้ รโิ ภคนน่ั แหละแลว้ คอ่ ยสรา้ งความเขา้ ใจถงึ ตน้ ไม้ จากการตระหนกั รู้ความสา� คญั ของปา่ แลว้ ก็มาถึงปจั จัยส�าคญั ทีต่ อ้ งเกอ้ื กลู ป่าและชีวติ ทุกชวี ติ คอื น�้า สง่ ผลใหม้ กี ารจดั ตั้งกลุม่ อนรุ ักษ์ฟ้นื ฟแู หล่งนา้� รองรบั ปา่ นา� ไปสู่การสร้างคลองสง่ น้�า กลุ่มออมทรัพย ์ กลมุ่ เด็กฮักถนิ่ กลุม่ หมอพน้ื บ้าน และศูนย์ประสานงาน เพอ่ื การแลกเปล่ียนเรยี นรู้ในชุมชนและนอกชมุ ชน ปัจจุบัน ศูนย์อินแปงเป็นสถานที่ศึกษาดูงานของเยาวชนและผู้ท่ีสนใจโดย ทวั่ ไปมาอย่างยาวนานจากจดุ เกดิ เมื่อป ี ๒๕๓๐ ยงั อยยู่ ง้ั ยนื ยงดว้ ยหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งฯปลกู ทุกอยา่ งทกี่ นิ ได้ กินทกุ อย่างท่ปี ลกู สรุปเริม่ ตน้ อย่างยน่ ยอ่ วิถีชวี ิตครูเลก็ กุดวงคแ์ กว้ ก่อนจะฟงั เลา่ แบบยาวๆ ครวู า่ คนในชมุ ชนนอี้ ยคู่ อ่ นขา้ งมคี วามรกั ความสามคั คกี นั และกย็ งั คงสบื สาน อาชพี หลกั ของบรรพชน คือ การท�าเกษตรกรรม ในส่วนตวั ครกู ็ท�าตามแบบอยา่ ง ของพ่อแม่ แต่เพม่ิ คตเิ ตือนใจวา่ พชื ผักทปี่ ลกู หรอื ที่ไปหาในป่าในเขา เป็นอาหาร เพ่ือปากท้อง ปลกู แลว้ ต้องกนิ ดว้ ย แลว้ กก็ นิ ทง้ั หมดท่ีปลูก และ พยายามจะไป เสาะแสวงหาความรปู้ ระสบการณจ์ ากทอ่ี นื่ เพอ่ื เอามาปรบั ปรงุ ในพน้ื ทตี่ วั เอง โดย ใช้หลักธรรมะทไี่ ด้ร�า่ เรียนมาเอามาเป็นเคร่ืองมอื เปน็ แสงส่องทาง แล้วท่ีสุดได้น้อมน�าเอาแนวพระราชด�ารัสของในหลวง รัชกาลท่ี ๙ มาเป็น แรงบันดาลใจ ปรับประยุกต์กับความรู้ประสบการณ์ที่ไปศึกษาดูงานยังศูนย์ เรยี นรู้วธิ ีการหลักใหมๆ่ ตา่ งๆ เมื่อนา� มาประยกุ ต์จนสา� เรจ็ ผลก็แบ่งปนั ใครมาขอ ความรู้ ไม่เคยหวง

๑๕ครู ครูเลก็ กุดวงค์แก้ว ด้านเกษตรกรรม ภูมิปญั ญาไทย 296 ครูเองได้น�าความรู้ด้านเกษตรกรรม (วิถี เกษตร) ท่ีตนเองศกึ ษา ค้นคว้า ค้นพบ ทดลอง จนประสบความสา� เรจ็ ในครอบครวั คอื สามารถท่ี จะดา� รงชวี ติ อยไู่ ดอ้ ยา่ งไมอ่ ดอยากขาดแคลน พอ อยู่พอกิน ไมเ่ ดอื ดร้อน มีความสขุ เมื่อมีโอกาสก็ แบง่ ปนั คนอน่ื เผยแพร่ สอน ถ่ายทอดใหแ้ กผ่ ู้อ่นื ไดเ้ รียนรู้น�าไปปฏบิ ตั ิจนประสบความส�าเร็จ เปน็ ประโยชน์โดยรวมแก่สังคม ความมีจิตเมตตา เอ้ือเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปัน ความใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษาอันน�าไปสู่ความเช่ียวชาญด้านอาชีพเกษตรท้ังการ ปลูกป่า รักษาน�้า พัฒนาดินและแบ่งปันถ่ายทอดสู่คนอ่ืน โดยไมห่ วงั ผลประโยชนจ์ งึ นา� ครไู ปสกู่ ารไดร้ บั การยกยอ่ งจาก ส�านักงานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ ทีช่ ว่ งนนั้ ขนึ้ ตรง กับ สา� นักนายกรฐั มนตร ี ใหเ้ ป็น ครภู ูมิปัญญาไทย รุน่ ที่ ๑ ดา้ นเกษตรกรรม (วถิ ีเกษตร) ประจา� ปพี ุทธศกั ราช ๒๕๔๔ ครูเล็ก กุดวงค์แก้ว เป็นครูภูมิปัญญาหรือปราชญ์ชาว บา้ นของจังหวัดสกลนคร จงั หวัดแห่งประวตั ศิ าสตรใ์ นหลาก หลายด้าน ท้ังเป็นพื้นท่ีท่ีกลุ่มมีความเห็นแตกต่างทางการ ปกครองใชเ้ ปน็ ฐานทต่ี งั้ เปน็ พน้ื ทตี่ ง้ั โครงการอนั เนอื่ งมาจาก พระราชด�าริ และเป็นท่ีต้ังของโบราณสถานส�าคัญมากมาย หลายแห่ง

ครูเล็ก กดุ วงค์แกว้ ๑๕ครู ดา้ นเกษตรกรรม ภูมิปัญญาไทย 297 ครูก็ไม่เอาหลักสูตรลงสู่ท้องถิ่น หลักสูตรทอ้ งถน่ิ คือ พชื ในชุมชน ของตัวเอง และก็สัตว์ของท้อง ถ่ิน มันเป็นอาหารประจ�าบ้าน ไม่ จ�าเป็นต้องคิดเรื่องเงิน ไม่เห็น คณุ คา่ ของทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ภูมิปญั ญา ถามครวู า่ ทนี่ ตี่ รงแหลง่ เรยี นรขู้ องครู มพี น้ื ที่ เกษตรท่เี กดิ ผลส�าเรจ็ มีองคค์ วามร้ปู ระสบการณ์ จากครูที่พร้อมให้กับผู้มาศึกษา เช่น กศน.หรือ โรงเรยี นพานักเรยี นมาเรียนร้กู ับครูบา้ งไหม “มาบอ่ ย มาทกุ สาขาอาชพี มาบอ่ ยมาก ทที่ า� อยู่คือเรื่องพืช ให้ความส�าคัญกับเร่ืองพืช ท่ีเป็น อาหาร สตั วท์ เี่ ปน็ อาหารอยา่ งปลา อนั นสี้ า� คญั ให้ เขาเห็นคุณค่าเร่ืองการรักท้องถิน่ คอื เร่อื งสา� คญั แต่ครูก็ไม่เอาหลักสูตรลงสู่ท้องถิ่น หลักสูตรท้อง ถ่ิน คือ พืชในชุมชนของตัวเอง และก็สัตว์ของ ท้องถิ่น มันเป็นอาหารประจ�าบ้านไม่จ�าเป็นต้อง คิดเร่อื งเงิน เร่ืองเงินเป็นเร่ืองรอง เร่ืองอาหารเป็นเรื่อง ใหญ ่ เราใหค้ วามสา� คญั กบั เรอื่ งกนิ กนิ พชื ทมี่ อี ยใู่ น ทอ้ งถน่ิ กนิ สตั วท์ มี่ อี ยใู่ นทอ้ งถน่ิ แลว้ ชาวบา้ นกจ็ ะ ไม่จนและไม่เป็นหน ้ี อนั น้ีส�าคัญ หลักศาสนาบอก วา่ (อินา ทานงั ทุกขัง โลเก การเป็นหนี้เปน็ ทกุ ข์ ในโลก) การเรยี นพระธรรมไมใ่ ชต่ อ้ งไปปฎบิ ตั อิ ยทู่ ี่ วดั ปฏบิ ตั ิอยทู่ ่บี ้าน ครอบครัว วัดเปน็ การศกึ ษา ไปศึกษาหาความรู้

๑๕ครู ครเู ล็ก กุดวงคแ์ ก้ว ด้านเกษตรกรรม ภูมปิ ัญญาไทย 298 ผมถงึ บอกวา่ ระบบการศกึ ษาไทย บอกตรงๆระบบการศกึ ษานไี้ ปเรยี นจบปรญิ ญา แลว้ รสู้ กึ ตาบอดขา้ งหนง่ึ อันน้คี อื ความจรงิ ไม่เห็นคุณค่าของทรพั ยากรธรรมชาติและภมู ปิ ญั ญา นน้ั คอื ปญั หาใหญข่ องระบบการศกึ ษาไทย ความจรงิ แลว้ ผมวา่ เมอื งไทยเปน็ เมอื งทสี่ มบรู ณม์ าก พระเจ้าอยู่หัวทรงบอกว่า คนไม่เอาน้ันคือปัญหา อากาศดี ดินดี เมื่อก่อนพืชดีหลายพันชนิด ภูมปิ ญั ญาหลากหลายชนดิ นนั้ คือ ปญั หาของการศกึ ษาไทย” ดอกเบี้ยของป่าภูพาน คอื อาหาร ผลละหมากรากไม้ ทอ่ี ยู่บนป่า เทอื กภพู านมันมาก ผลไมท้ ่ีอยบู่ นต้นมากมาย ตน้ ไม้หนง่ึ ตน้ มี เมลด็ หลายร้อยเมลด็ เอาเมล็ดมาเพาะ ไมไ่ ด้ซื้อสกั บาท เทือก เขาภูพานเป็นต้นทุนอย่างยิ่งใหญ่ ครูเล็กพูดให้ฟังต่อไปเหมือนจะเดาทางผู้ไปเยือนที่ต้องถามว่า ถ้าไม่มี ตังค์แล้วจะเอาพันธพ์ุ ชื ทไี่ หนบา้ งปลูกผัก พันธ์ุปลา พันธสุ์ ัตวม์ าเลีย้ ง ก็ปลกู พชื เลี้ยงสัตวพ์ ืน้ ถนิ่ น่ีหละ กบ็ อกเขาอย่บู ่อยๆ วา่ บา้ นเรามตี ้นทุนอย ู่ ทุนมัน หลาย(มาก)กว่าเงนิ พืชอาหารคิดเป็นเงินมากมาย ดอกเบย้ี ของปา่ ภูพาน คอื อาหาร ผลละหมากรากไม้ ท่ีอยู่บนป่าเทอื กภพู านมันมาก ผลไม้ทีอ่ ย่บู นตน้ มากมาย ต้นไมห้ นง่ึ ต้นมีเมลด็ หลายรอ้ ยเมล็ด เอาเมล็ดมาเพาะ ไม่ไดซ้ อื้ สัก บาท เทอื กเขาภพู านเป็นตน้ ทุนอย่างย่งิ ใหญ ่ เป็นดอกเบ้ยี ดอกเบีย้ มากกวา่ ธนาคาร ถา้ คดิ

ครูเลก็ กดุ วงค์แก้ว ๑๕ครู ด้านเกษตรกรรม ภูมิปัญญาไทย 299 กระดานดิน คือ ดินบ่อแม่นกระดานด�า ปากกา คือ จอบเสียม หมกึ เขยี น คอื น้า� ฝนและน�้าบอ่ ตัว อกั ษร คอื เมลด็ พนั ธอ์ุ าหาร ลงมอื ทา� จรงิ ๆ ตา่ ง กไ็ ม่เปน็ หนี้ ไมม่ ีค�าวา่ เปน็ หนี้ ครคู ิดได้ไง “ผมสอนลกู บอกวา่ กระดานดนิ คอื ดนิ บอ่ แมน่ กระดานดา� แลว้ ปากกา คือ จอบเสียม หมึกเขียน คอื นา้� ฝนและน้า� บอ่ ตัวอักษร คอื เมลด็ พนั ธอ์ุ าหาร ลงมอื ทา� จรงิ ๆตา่ งกไ็ มเ่ ปน็ หน ี้ ไมม่ คี า� วา่ เปน็ หน”้ี ครู ยงั นงั่ อยบู่ นแคไ่ มไ้ ผใ่ นทา่ เดมิ ขณะทผ่ี ไู้ ปเยอื นเปลย่ี นทา่ แลว้ หลายทา่ ครูเล่าย้อนอดีตอีกทีว่า บวชเณรต้ังแต่เด็กตอนอายุ ๑๒ หลังจบ ป. ๔ ทวี่ ดั แถวบา้ นจนอาย ุ ๒๑ ปีครบบวชพระ กบ็ วชพระ ๑ พรรษาจงึ ไดส้ ึกออกมา ครเู ลก็ บอกวา่ ชวี ติ มนั หลายเรอ่ื งหลายอยา่ ง ตง้ั แตเ่ ปน็ ลกู กา� พรา้ ไม่มีพ่อแลว้ อยู่กบั แม่เลยออกจากโรงเรยี น แตย่ ังมาชว่ ยทา� นาอย ู่ จน มคี นชวนไปบวช กเ็ ลยไปอยูว่ ัดหลายปี ตอนนัน้ พ่อแม่ท�านา ยคุ กอ่ น รกั แพงแบง่ ปนั (รกั แพงคอื รกั เพอ่ื น) คอื ยคุ ของการแบง่ ปนั รกั สามคั คี รักแพงแบง่ ปัน ตอนนั้นยังไมร่ จู้ กั ค�าวา่ ต้นทนุ จนสึกแลว้ มาทา� นาตามเดิมหลาย ปี เก็บออมเงินไว้มาซ้อื ท่นี าเพ่มิ กท็ �าตามวถิ ีรักแพงแบ่งปันนนั่ แหละ แล้วปัจจุบันนี้ มันกลายเป็นแก่งแย่งและแข่งขัน มันเลยบอกมาเลย ไมร่ ้คู ุณค่าทรพั ยากรและภูมิปัญญาของพื้นบ้าน นีค่ อื ปัญหา