คานา เอกสารประกอบการสอน รายวิชา การใช้โปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจ หน่วยกิต 3(2-2-5) รหสั วิชา 36023002 เปน็ รายวิชาในหลักสตู รบริหารธุรกจิ บัณฑิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ผู้เขียน ได้เรียบเรียงข้อมูลจากแหล่งค้นคว้าท่ีหลากหลายตามคาอธิบายรายวิชาในหลักสูตรฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2559 และได้มีการนาไปใช้สอนต้ังแต่ปีการศึกษา 2562 เป็นต้นมา หลังจากน้ันได้มีการปรับปรุงเนื้อหา รายวิชาใหม่ในหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อธุรกิจ เป็นหลักสูตรฉบับ ปรับปรุง พ.ศ. 2564 และถูกนาไปใช้สอนอีกคร้ังในภาคการศึกษาท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โดย วัตถุประสงค์ของรายวิชา คือ เพ่ือให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจและทักษะในเรื่องการประยุกต์ใช้ โปรแกรมในงานธุรกิจ ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับการประยุกต์ใช้โปรแกรมในงานธุรกิจ พื้นฐาน ระบบปฏิบัติการวินโดว์ เรียนรู้ทักษะการใช้โปรแกรมประยุกต์เพ่ืองานทางธุรกิจ งานธุรการ และฝึก ปฏิบัติทักษะพิมพ์งานเอกสาร สามารถใช้โปรแกรมสาเร็จรูปในการประยุกต์ใช้ในงานธุรกิจได้ เช่น การจัดการงานเอกสารในสานักงาน การจัดทารายงาน การคานวณ สรุปข้อมูลสาหรับผู้บริหาร การนัดหมายการประชุม การนาเสนอข้อมูลทางธุรกิจ การจัดการระบบฐานข้อมูล สาหรับเอกสาร ประกอบการสอนฉบบั น้ีจดั ทาขึน้ เพือ่ เป็นเอกสารหลักท่ีผเู้ รียนจาเปน็ ต้องศึกษาและเพ่ือให้การจัดการ เรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นักศึกษายังสามารถค้นคว้าเอกสารเพ่ิมเติมจากเอกสารท่ี ผ้เู ขียนนาเสนอไวใ้ นบรรณานกุ รม สาหรับแผนบริหารการสอนประจาวิชาได้เขียนข้ึนจากคาอธิบายรายวิชาในหลักสูตร โดยแบ่ง เน้อื หาไว้ จานวน 10 บท โดยวธิ ีการสอนมที ้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ประกอบด้วยการบรรยาย อภิปราย การยกตัวอย่างกรณีศึกษา ถามตอบ กาหนดให้มีการค้นคว้าเพิ่มเติม การสอบกลางภาค การสอบปลายภาค การสาธิตของผู้สอน การลงมือปฏิบัติจริง การทารายงานค้นคว้า การทดสอบเก็บ คะแนน การสอบกลางภาค และการสอบปลายภาค ผู้เขยี นหวังเป็นอย่างยง่ิ วา่ เอกสารประกอบการสอนเล่มนจี้ ะเป็นประโยชน์ตอ่ ผู้เรียนและผูส้ นใจ หากมขี ้อมูลท่ีผดิ พลาดประการใดต้องขออภยั ไว้ ณ ทนี่ ้ี นริ ตุ ต์ จรเจริญ มิถนุ ายน 2564
สารบญั หนา้ (1) คานา (3) สารบญั (7) สารบัญตาราง (8) สารบัญภาพ (19) แผนบรหิ ารการสอนประจาวิชา 1 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 1 3 บทที่ 1 ความรู้เบอื้ งตน้ เกี่ยวกับโปรแกรมประยุกตท์ างธรุ กิจ 3 7 แนวคดิ เกีย่ วกบั โปรแกรมประยกุ ต์ทางธุรกิจ 10 ความหมายและความสาคัญของธุรกิจ 13 ปัจจัยที่สาคญั และรปู แบบของการประกอบธรุ กิจ 16 หนา้ ทีท่ างธุรกจิ และวฏั จักรของธุรกิจ 20 ปัจจยั หลกั การขับเคลื่อนธรุ กิจสูเ่ ศรษฐกจิ ดิจทิ ัล 21 สรปุ ท้ายบท 22 คาถามท้ายบท 23 เอกสารอา้ งอิง 25 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 2 25 บทท่ี 2 เทคโนโลยีสารสนเทศกับการประกอบธรุ กิจ 26 ความหมายและความสาคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 30 สว่ นประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ 33 เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั การพัฒนาประเทศ 35 กลยุทธ์ธุรกิจเพอ่ื สร้างความไดเ้ ปรยี บทางการแขง่ ขันในยุคดจิ ิทัล 40 ตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการประกอบธรุ กจิ 41 สรุปท้ายบท 42 คาถามท้ายบท 43 เอกสารอ้างอิง 45 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 3 45 บทที่ 3 เทคโนโลยดี า้ นซอฟต์แวร์สาหรับการประกอบธรุ กิจ 46 ความหมายของเทคโนโลยีด้านซอฟตแ์ วร์ 48 องค์ประกอบของเทคโนโลยีด้านซอฟตแ์ วร์ 54 ซอฟต์แวร์ระบบปฏบิ ตั ิการและหลักการทางาน 64 ซอฟตแ์ วร์ประยุกตส์ าหรับการประกอบธุรกิจ สรุปทา้ ยบท
(4) สารบัญ (ต่อ) หนา้ คาถามท้ายบท 65 เอกสารอา้ งองิ 66 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 4 67 บทที่ 4 แนวคดิ และเทคโนโลยโี ปรแกรมประยกุ ต์ทางธรุ กจิ 69 แนวคดิ และเทคโนโลยีโปรแกรมประยกุ ตก์ ับงานบญั ชแี ละการเงนิ 69 แนวคิดและเทคโนโลยโี ปรแกรมประยุกตก์ บั งานการตลาด 77 แนวคดิ และเทคโนโลยีโปรแกรมประยุกต์กบั งานการผลิตและการดาเนินงาน 82 แนวคิดและเทคโนโลยโี ปรแกรมประยกุ ตก์ บั งานการจัดการทรัพยากรมนุษย์ 87 แนวคดิ และเทคโนโลยีโปรแกรมประยกุ ตร์ ะบบบรหิ ารจัดการทรพั ยากรภายในองค์การ 89 สรุปท้ายบท 95 คาถามท้ายบท 96 เอกสารอ้างองิ 97 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 5 99 บทท่ี 5 โปรแกรมประยกุ ต์ทั่วไปทางธุรกิจ 101 ความหมายและลักษณะของโปรแกรมประยกุ ต์ทว่ั ไปทางธุรกจิ 101 โปรแกรมประยกุ ตด์ า้ นการจดั การงานเอกสาร 103 โปรแกรมประยกุ ต์ดา้ นการคานวณ 105 โปรแกรมประยุกตด์ า้ นการนาเสนอข้อมลู 107 โปรแกรมประยกุ ต์ด้านฐานขอ้ มูล 109 การประยุกต์ใช้โปรแกรมให้เหมาะสมกับธุรกิจในยุคดจิ ทิ ลั 112 สรปุ ท้ายบท 116 คาถามท้ายบท 117 เอกสารอ้างองิ 118 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 6 119 บทที่ 6 การใชโ้ ปรแกรมประยุกตก์ ารจัดการงานเอกสาร 120 ความสาคญั ของการใชโ้ ปรแกรมประยุกตก์ ารจัดการงานเอกสาร 121 การใชโ้ ปรแกรมประยกุ ต์เพ่มิ ประสิทธิภาพการจดั การงานเอกสาร 122 โปรแกรมประยุกต์การจัดการงานเอกสารบนเครอื ข่าย 144 โปรแกรมประยกุ ตบ์ นเครือขา่ ยเพ่ือเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการจดั การงานเอกสาร 152 ตัวอยา่ งการประยุกต์ใช้โปรแกรมไมโครซอฟตเ์ วริ ์ดจัดการงานเอกสาร 154 สรุปท้ายบท 158 คาถามท้ายบท 159 เอกสารอ้างองิ 160
(5) หนา้ 161 สารบญั (ต่อ) 163 163 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 7 184 บทที่ 7 หนงั สือราชการไทยกบั การพมิ พด์ ้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 186 190 หนังสอื ราชการไทย 193 หลักการพืน้ ฐานการพิมพห์ นงั สอื ราชการไทยด้วยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ 198 การพมิ พห์ นังสอื ภายนอก 199 การพมิ พห์ นังสอื ภายใน 200 ตัวอยา่ งการใชโ้ ปรแกรมประยกุ ตล์ บิ ร้า ออฟฟศิ เทมเพลต 201 สรุปท้ายบท 203 คาถามท้ายบท 203 เอกสารอา้ งอิง 215 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทท่ี 8 224 บทท่ี 8 การใช้โปรแกรมประยกุ ต์เพอื่ การวเิ คราะห์ข้อมลู 230 ลกั ษณะทว่ั ไปของโปรแกรมประยุกต์เพ่อื การวิเคราะหข์ อ้ มลู 233 การจัดการขอ้ มูลในแผ่นงานและสมุดงาน 236 การจดั การขอ้ มูลด้วยกราฟและแผนภมู ิเพื่อสรปุ ข้อมลู สาหรับผู้บรหิ าร 237 การสรุปข้อมูลดว้ ยไพวอท เทเบิ้ล และไพวอท ชารต์ 240 ตวั อย่างการใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์ เอก็ เซลในงานธรุ กิจ 241 สรปุ ทา้ ยบท 243 คาถามท้ายบท 243 เอกสารอ้างอิง 244 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทท่ี 9 267 บทท่ี 9 การใชโ้ ปรแกรมประยกุ ต์เพื่อการนาเสนอขอ้ มลู 274 ลักษณะทัว่ ไปของโปรแกรมประยุกต์เพ่อื การนาเสนอขอ้ มูล 278 การใช้งานโปรแกรมประยุกต์ไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ 279 เทคนคิ การสร้างสื่อนาเสนอดว้ ยโปรแกรมไมโครซอฟต์ พาวเวอรพ์ อยท์ 280 ตวั อย่างการใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์ พาวเวอรพ์ อยท์ในงานธรุ กิจ สรุปทา้ ยบท คาถามท้ายบท เอกสารอ้างอิง
(6) หนา้ 281 สารบัญ (ตอ่ ) 283 283 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทท่ี 10 287 บทที่ 10 การใชโ้ ปรแกรมประยุกต์เพ่ือการจดั การฐานข้อมลู 297 306 ลกั ษณะทั่วไปของโปรแกรมประยกุ ตเ์ พือ่ การจัดการฐานขอ้ มลู 309 พืน้ ฐานการออกแบบและพฒั นาระบบฐานขอ้ มูล 320 การใชง้ านเคร่อื งมอื พ้ืนฐานโปรแกรมไมโครซอฟต์แอคเซส 321 ตัวอยา่ งการใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์ แอคเซสในงานธุรกิจ 322 ตวั อย่างโปรแกรมประยุกตก์ ารจัดการฐานขอ้ มูลบนเครือข่าย 323 สรุปท้ายบท 331 คาถามท้ายบท 333 เอกสารอา้ งอิง 335 บรรณานุกรม ภาคผนวก กรณีศกึ ษา การใชโ้ ปรแกรมประยุกตท์ างธรุ กจิ คาศพั ทเ์ ฉพาะ
(7) สารบัญตาราง ตารางท่ี 3.1 ตัวอยา่ งซอฟต์แวร์ประยุกต์พื้นฐาน หนา้ ตารางที่ 3.2 แสดงคุณสมบัติพ้ืนฐานของคอมพวิ เตอร์ในการตดิ ตง้ั โปรแกรมประยกุ ต์ 54 ตารางที่ 4.1 ข้อแตกต่างระหว่างการทาบญั ชีด้วยสมดุ (Manual) กบั การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ 59 ตารางท่ี 4.2 ตัวอยา่ งการใช้งานอินทราเนต็ ทางการตลาดของธรุ กจิ ต่าง ๆ 73 ตารางท่ี 4.3 ขอ้ ดแี ละขอ้ จากัดของระบบออี าร์พแี บบชนดิ ตดิ ต้ังท่ีองคก์ าร 80 ตารางที่ 4.4 ขอ้ ดีและข้อจากดั ของระบบออี ารพ์ ีแบบชนิดบนคลาวด์ 91 ตารางท่ี 5.1 ลกั ษณะโปรแกรมและตัวอยา่ งโปรแกรม 92 ตารางที่ 6.1 แสดงตวั อยา่ งการคานวณในตาราง 102 ตารางท่ี 7.1 แสดงหน่วยงานราชการและตัวยอ่ 111 ตารางที่ 7.2 แสดงรายช่อื จังหวัดและตวั ยอ่ 180 ตารางที่ 7.3 แสดงรายชอื่ หนว่ ยงานและตัวเลข 181 ตารางที่ 8.1 ชดุ ข้อมลู ของการป้อนขอ้ มูลแบบรวดเร็วด้วยการเติมคาอัตโนมัติ 182 ตารางท่ี 8.2 ลาดับความสาคญั ตวั ดาเนนิ การทางคณิตศาสตร์ 217 ตารางท่ี 8.3 แสดงความหมายของตัวดาเนนิ การเปรียบเทียบ 220 ตารางท่ี 8.4 แสดงความหมายของตวั ดาเนนิ การสาหรบั การอา้ งองิ 220 ตารางท่ี 8.5 ฟงั ก์ชันกลุ่มแบ่งตามลักษณะงาน 221 ตารางท่ี 8.6 แสงฟงั กช์ ่ัน ความหมาย และรูปแบบตัวอยา่ ง 222 ตารางที่ 10.1 พจนานกุ รมข้อมูล (Data Dictionary) 222 ตารางท่ี 10.2 การกาหนดรปู แบบในการแสดงผลข้อมูล 296 ตารางที่ 10.3 การกาหนดรปู แบบการปอ้ นข้อมูล (Input Mask) 304 304
(8)
สารบัญภาพ หนา้ 14 ภาพท่ี 1.1 หนา้ ที่ของธรุ กจิ 15 ภาพท่ี 1.2 วงจรของธรุ กิจ 16 ภาพท่ี 1.3 ขอ้ แตกต่างระหวา่ งการทาธุรกจิ ท่วั ไปกับพาณิชย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 17 ภาพที่ 1.4 อาลบี าบาดอทคอม 18 ภาพที่ 1.5 อเมซอนดอทคอม 27 ภาพท่ี 2.1 คอมพวิ เตอรส์ ว่ นบุคคล และคอมพิวเตอรเ์ คลื่อนที่ 28 ภาพท่ี 2.2 ประเภทของซอฟต์แวร์ 29 ภาพท่ี 2.3 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งเทคโนโลยีสารสนเทศ การบรหิ าร และองค์กร 30 ภาพที่ 2.4 ระบบพร้อมเพย์ 31 ภาพท่ี 2.5 ตัวอยา่ งหน้า Facebook 31 ภาพท่ี 2.6 หน้าเวบ็ ไซต์ Thai MOOC (http://thaimooc.org) 32 ภาพที่ 2.7 ตวั อยา่ ง 3G 4G 32 ภาพที่ 2.8 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกบั การแพทย์ 33 ภาพที่ 2.9 ภาพถ่ายดาวเทยี มของเว็บกรมท่ดี นิ 34 ภาพท่ี 2.10 ระดบั กลยุทธ์ 36 ภาพท่ี 2.11 Page Facebook ผู้กองเบนซ์-Capt.Benz 37 ภาพท่ี 2.12 Page Facebook Pro Chain-Saharath 37 ภาพที่ 2.13 Page Facebook Coach Siriluck Tansiri 38 ภาพที่ 2.14 ตัวอยา่ งแอปพลเิ คชนั ธุรกจิ startups 46 ภาพท่ี 3.1 ประเภทของซอฟต์แวร์ 47 ภาพที่ 3.2 การทางานแบบ cross platform application 48 ภาพที่ 3.3 ตัวอยา่ งซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ต์ ภาพที่ 3.4 ระบบปฏิบตั ิการ Windows XP, Windows Vista, Windows 7, Windows 8, 51 54 Windows 10 Windows 11, OS X (Mountain Lion) และ ubuntu linux 55 ภาพท่ี 3.5 ขอ้ ตกลงสญั ญาอนญุ าตใชซ้ อฟต์แวร์ 56 ภาพที่ 3.6 โปรแกรมประยกุ ตด์ ้านการพมิ พ์และการจดั การเอกสาร 57 ภาพที่ 3.7 โปรแกรมประยกุ ต์ดา้ นการคานวณ 57 ภาพท่ี 3.8 โปรแกรมประยุกตด์ า้ นการนาเสนอข้อมลู 59 ภาพที่ 3.9 โปรแกรมประยุกตด์ า้ นการจัดการฐานขอ้ มลู 59 ภาพท่ี 3.10 ตัวอย่างโปรแกรมสารองท่ีนงั่ ผ้โู ดยสาร ภาพที่ 3.11 ตัวอยา่ งโปรแกรมประยุกต์ในธรุ กิจโรงแรมหรอื อพาร์ทเมน้ ท์ 1
(10) หนา้ 60 สารบญั ภาพ (ตอ่ ) 60 60 ภาพท่ี 3.12 ตัวอยา่ งโปรแกรมประยุกต์ในธุรกจิ โรงแรมหรืออพารท์ เม้นท์ 2 62 ภาพท่ี 3.13 ตัวอย่างโปรแกรมประยุกต์ในธุรกิจโรงแรมหรอื อพารท์ เม้นท์ 3 72 ภาพที่ 3.14 ตัวอยา่ งโปรแกรมเช่าหนงั สือ ระบบยืม คนื หนังสือ 75 ภาพท่ี 3.15 ตวั อย่างโปรแกรม Computer Aided Design, CAD 76 ภาพท่ี 4.1 ตัวอย่างโปรแกรมสาเร็จรปู ทางการบญั ชีบนคลาวด์ 78 ภาพท่ี 4.2 ตวั อยา่ งโปรแกรมสาเรจ็ รปู ทางการเงินในรูปแบบออนไลน์ 79 ภาพที่ 4.3 ตัวอยา่ งระบบสารสนเทศทางการเงินของสหกรณ์กลมุ่ เกษตรกร 81 ภาพท่ี 4.4 ตวั อยา่ งโปรแกรมระบบขาย ณ จดุ ขายแบบออนไลน์ 82 ภาพที่ 4.5 แสดงหนว่ ยขายอัตโนมตั ิ 86 ภาพที่ 4.6 แสดงเวบ็ ไซด์ E-commerce 86 ภาพที่ 4.7 กระบวนการผลติ และบรกิ าร 86 ภาพที่ 4.8 แสดงโปรแกรมประยุกต์ CAD Thai 88 ภาพที่ 4.9 แสดงโปรแกรมประยุกต์ SolidCAM 91 ภาพที่ 4.10 หุน่ ยนตใ์ นอตุ สาหกรรมการผลิตรถยนต์ 104 ภาพท่ี 4.11 โปรแกรมบริหารงานบุคคล 106 ภาพท่ี 4.12 ภาพรวมของระบบออี ารพ์ ี 108 ภาพที่ 5.1 โปรแกรมสาเรจ็ รปู Microsoft Word 110 ภาพท่ี 5.2 โปรแกรมสาเร็จรปู Microsoft Excel 115 ภาพท่ี 5.3 โปรแกรมสาเรจ็ รปู Microsoft PowerPoint 122 ภาพท่ี 5.4 โปรแกรมสาเรจ็ รปู Microsoft Access 123 ภาพที่ 5.5 ตวั อย่างโปรแกรมประยกุ ตห์ รือแอปพลเิ คชัน 124 ภาพที่ 6.1 ตวั อย่างเอกสารหนังสือราชการภายนอก 125 ภาพที่ 6.2 ขั้นตอนการใส่ฟงั ก์ชัน่ สตู รการคานวณ 126 ภาพท่ี 6.3 ขั้นตอนการใสฟ่ ังก์ชัน่ สูตรการคานวณ 127 ภาพที่ 6.4 ขั้นตอนการใสท่ ีค่ ่ันหนังสือ 128 ภาพที่ 6.5 ข้นั ตอนการสร้างสารบญั เนือ้ หา 129 ภาพที่ 6.6 ข้นั ตอนการสรา้ งคาบรรยายรปู ภาพ 130 ภาพที่ 6.7 ขน้ั ตอนการสร้างสารบัญรูปภาพและสารบัญตาราง 130 ภาพที่ 6.8 ข้นั ตอนการแทรกเชิงอรรถ 131 ภาพท่ี 6.9 ขน้ั ตอนการแทรกอ้างองิ ทา้ ยเรื่อง 132 ภาพที่ 6.10 ข้ันตอนการแทรกรายการอ้างอิงทม่ี ีข้อมูลในบรรณานุกรม ภาพที่ 6.11 ขน้ั ตอนการสร้างรายการอา้ งองิ ใหม่ (ไมม่ ีขอ้ มลู บรรณานุกรม) ภาพที่ 6.12 ข้นั ตอนการแทรกบรรณานุกรม
(11) หนา้ 134 สารบัญภาพ (ตอ่ ) 135 135 ภาพท่ี 6.13 ขน้ั ตอนการกาหนดการแสดง Markup 136 ภาพท่ี 6.14 ขั้นตอนการแทรกและจัดการขอ้ คดิ เหน็ 137 ภาพท่ี 6.15 ขั้นตอนการแก้ไขข้อคิดเห็น 137 ภาพที่ 6.16 ขน้ั ตอนการตอบกลับข้อคิดเหน็ 138 ภาพที่ 6.17 ขัน้ ตอนการตดิ ตามการเปลี่ยนแปลงแกไ้ ขเอกสาร 138 ภาพท่ี 6.18 ขน้ั ตอนการยอมรับหรือปฏิเสธรายการทถ่ี กู แกไ้ ข 139 ภาพท่ี 6.19 ขั้นตอนการยอมรับรายการแก้ไขทง้ั หมด 140 ภาพท่ี 6.20 ข้ันตอนการปฏิเสธรายการแกไ้ ขทง้ั หมด 140 ภาพท่ี 6.21 ขั้นตอนการเปรยี บเทียบเอกสาร 141 ภาพที่ 6.22 ขน้ั ตอนการผสานเอกสาร 141 ภาพที่ 6.23 ข้ันตอนการปอ้ งกนั เอกสาร 142 ภาพท่ี 6.24 ขน้ั ตอนการป้องกนั เอกสาร ไมส่ ามารถแก้ไขได้เลย 143 ภาพที่ 6.25 ขน้ั ตอนการเขา้ รหัสผา่ นการเปิดเอกสาร 144 ภาพที่ 6.26 ขน้ั ตอนการ Mark as Final เอกสาร 145 ภาพท่ี 6.27 ขน้ั ตอนการแสดงคณุ สมบัตริ ายละเอียดเอกสาร 147 ภาพท่ี 6.28 สญั ลกั ษณ์ Google doc ใน Google Drive 147 ภาพท่ี 6.29 โปรแกรม Google doc ใน Google Drive 147 ภาพที่ 6.30 การสรา้ งเอกสารใหม่ในโปรแกรม Google doc ใน Google Drive 149 ภาพที่ 6.31 การสร้างจากเอกสารเปล่าๆ (blank) 150 ภาพที่ 6.32 โปรแกรม Google doc ใน Google Drive 150 ภาพท่ี 6.33 ระบบสานกั งานอิเลก็ ทรอนิกส์ 151 ภาพที่ 6.34 ขัน้ ตอนการเข้าสู่ Google Calendar 151 ภาพท่ี 6.35 หนา้ จอปฏิทิน Google Calendar 151 ภาพที่ 6.36 ข้นั ตอนการสรา้ งรายการนัดหมาย 152 ภาพที่ 6.37 ขั้นตอนการตงั้ คา่ การใช้งานปฏทิ ินร่วมกัน 153 ภาพท่ี 6.38 ข้ันตอนการแชร์ปฏิทิน 153 ภาพท่ี 6.39 ขั้นตอนการเพิม่ บคุ คลในปฏิทนิ 154 ภาพท่ี 6.40 โปรแกรม PDFCandy 155 ภาพที่ 6.41 เมนู Convert from PDF, Convert to PDF และ Other tools 155 ภาพที่ 6.42 โปรแกรม ThaiDocs 156 ภาพท่ี 6.43 ตัวอยา่ งการพมิ พ์นามบัตร ภาพที่ 6.44 ตวั อยา่ งการพมิ พแ์ ผ่นพบั ธุรกิจร้านอาหาร ภาพท่ี 6.45 ตัวอย่างการพมิ พเ์ มนูอาหาร
(12) สารบญั ภาพ (ตอ่ ) ภาพท่ี 6.46 ตวั อยา่ งการพิมพ์จดหมายเวียน หนา้ ภาพท่ี 7.1 ตวั อยา่ งหนงั สือราชการภายนอก 156 ภาพท่ี 7.2 ตวั อย่างหนงั สอื ราชการภายใน 165 ภาพที่ 7.3 ตัวอย่างหนงั สอื ประทบั ตรา 166 ภาพที่ 7.4 ตัวอยา่ งหนงั สือคาส่งั 167 ภาพที่ 7.5 ตวั อยา่ งหนังสอื ระเบยี บ 168 ภาพที่ 7.6 ตวั อยา่ งหนงั สอื ขอ้ บงั คับ 169 ภาพท่ี 7.7 ตวั อยา่ งหนังสอื ประกาศ 170 ภาพที่ 7.8 ตัวอย่างหนังสอื แถลงการณ์ 171 ภาพที่ 7.9 ตวั อย่างหนงั สือขา่ ว 172 ภาพที่ 7.10 ตวั อยา่ งหนังสอื รบั รอง 173 ภาพที่ 7.11 ตัวอยา่ งรายงานการประชมุ หนา้ 1 174 ภาพท่ี 7.12 ตวั อยา่ งรายงานการประชมุ หน้า 2 175 ภาพท่ี 7.13 ตวั อย่างหนังสือมอบอานาจ 176 ภาพที่ 7.14 รปู แบบการพิมพ์หนังสอื ราชการภายนอก 177 ภาพที่ 7.15 รูปแบบการพมิ พห์ นังสอื ราชการภายใน 189 ภาพที่ 7.16 การสร้างชั้นความลับ ชัน้ ความเร็วในเมนู RTG Template 192 ภาพที่ 7.17 การทาสาเนาพร้อมตราประทบั ในเมนู RTG Template 194 ภาพท่ี 7.18 การจัดตาแหน่ง คาลงทา้ ย ในเมนู RTG Template 195 ภาพที่ 7.19 การแทรกตอ่ หน้าเอกสารไวท้ ้ายหนา้ กอ่ นข้ึนหนา้ ใหม่ ในเมนู RTG Template 195 ภาพท่ี 7.20 การดาวนโ์ หลดโปรแกรมลิบรา้ ออฟฟิศ 196 ภาพที่ 8.1 หน้าต่างโปรแกรมไมโครซอฟต์เอ็กเซล 197 ภาพที่ 8.2 แสดงมุมมองปกติ 204 ภาพท่ี 8.3 แสดงมุมมองเค้าโครงเหมือนพมิ พ์ 205 ภาพที่ 8.4 แสดงมมุ มองแบง่ หนา้ 205 ภาพท่ี 8.5 แสดงการบนั ทกึ ข้อมูล 206 ภาพที่ 8.6 แสดงการบนั ทึกขอ้ มูลแบบบนั ทกึ เปน็ 206 ภาพที่ 8.7 แสดงการตงั้ คา่ การบนั ทกึ ข้อมลู F12 แบบถาวร 207 ภาพที่ 8.8 แสดงการเลือกหัวแถวทต่ี ้องการแทรก 207 ภาพที่ 8.9 แสดงการเลือกปมุ่ แทรกเพือ่ แทรกแถว 208 ภาพที่ 8.10 แสดงแถวที่ไดท้ าการแทรกสาเร็จแล้ว 208 ภาพที่ 8.11 แสดงการเลอื กหัวคอลมั น์ทีต่ อ้ งการแทรก 209 ภาพที่ 8.12 แสดงการเลอื กปุ่มแทรกเพอื่ แทรกคอลัมน์ 209 210
(13) สารบัญภาพ (ตอ่ ) หนา้ ภาพท่ี 8.13 แสดงคอลัมนท์ ่ีไดท้ าการแทรกสาเรจ็ แลว้ 210 ภาพท่ี 8.14 เลอื กหวั แถวท่ตี ้องการลบ 211 ภาพที่ 8.15 แสดงการเลอื กคาส่งั ลบแถวในแผ่นงาน 211 ภาพที่ 8.16 แสดงการคลิกเมาส์เลือกคอลัมน์ทตี่ ้องการลบ 211 ภาพท่ี 8.17 แสดงการเลอื กคาสงั่ ลบคอลมั น์ในแผ่นงาน 212 ภาพท่ี 8.18 แสดงปรับขนาดคอลัมนห์ รอื แถวโดยการลากเส้นกรดิ 212 ภาพท่ี 8.19 แสดงการคลกิ เมาสท์ ห่ี วั คอลัมน์หรอื แถวทต่ี ้องการปรับขนาด 213 ภาพท่ี 8.20 แสดงการคลกิ ปุ่มรปู แบบในแท็บหน้าแรกและปรบั ความกว้างของคอลัมน์พอดีอตั โนมตั /ิ 213 ปรบั ความสูงของแถวพอดีอัตโนมตั ิ ภาพที่ 8.21 แสดงคอลัมน์หรอื แถวทเ่ี ลือกจะมีขนาดกว้างหรือสงู พอดีกับข้อความ 214 ภาพที่ 8.22 แสดงการคลิกเมาส์เลือกคาส่งั ความกว้างคอลมั น/์ ความสงู ของแถว 214 ภาพที่ 8.23 แสดงการระบตุ ัวเลขความกว้างคอลัมน/์ ความสงู แถว 215 ภาพที่ 8.24 แสดงคอลมั นห์ รอื แถวทีส่ าเรจ็ 215 ภาพที่ 8.25 เครอ่ื งมือกลมุ่ แบบอักษรและการจดั ตาแหน่ง 216 ภาพท่ี 8.26 แสดงเลอื กเซลทต่ี ้องการจัดรูปแบบ 216 ภาพท่ี 8.27 แสดงรูปแบบสไตลข์ องเซล 217 ภาพท่ี 8.28 แสดงการใชง้ าน AutoFill 218 ภาพท่ี 8.29 แสดงการเลือกคาส่งั เพิ่มเตมิ และหนา้ ต่างตัวเลอื กเอก็ เซล 218 ภาพท่ี 8.30 แสดงหนา้ ตา่ งรายการแบบกาหนดเอง 219 ภาพท่ี 8.31 แสดงการนาเข้ารายการจากเซลล์ 219 ภาพที่ 8.32 แสดงการพิมพ์สตู รการคานวณดว้ ยตนเอง 221 ภาพท่ี 8.33 ตวั อยา่ งแผนภมู ิวงกลม 224 ภาพท่ี 8.34 ตวั อย่างแผนภมู ิแท่ง 225 ภาพที่ 8.35 ตวั อย่างกราฟเส้น 225 ภาพท่ี 8.36 การจดั การข้อมูลด้วยกราฟ 226 ภาพที่ 8.37 แสดงการสร้างตารางข้อมลู ที่ตอ้ งการทาเป็นกราฟ 226 ภาพที่ 8.38 แสดงการเลอื กเมนูคอลมั น์ 227 ภาพที่ 8.39 แสดงการเลือกกราฟที่ตอ้ งการ 227 ภาพท่ี 8.40 แสดงกราฟท่เี ลือก 227 ภาพท่ี 8.41 แสดงการใสช่ ่ือใหก้ ราฟ 228 ภาพที่ 8.42 แสดงการตกแตง่ แกน 228 ภาพท่ี 8.43 แสดงการใส่คาอธบิ าย 228 ภาพท่ี 8.44 แสดงการใส่ป้ายช่อื ขอ้ มูล 229
(14) สารบญั ภาพ (ตอ่ ) หนา้ ภาพท่ี 8.45 แสดงการเพม่ิ ตารางข้อมลู 229 ภาพท่ี 8.46 การเลือกข้อมูล 230 ภาพที่ 8.47 การกาหนดข้อมูลทต่ี อ้ งการวิเคราะหแ์ ละตาแหน่งท่ตี อ้ งการวางรายงานวิเคราะห์ 230 ภาพที่ 8.48 หนา้ ตา่ งการกาหนดไพวอท เทเบ้ลิ 231 ภาพท่ี 8.49 หนา้ ต่างการกาหนดเขตขอ้ มลู ทตี่ อ้ งการนามาแสดงผล 231 ภาพท่ี 8.50 การสรา้ งไพวอท ชาร์ต 232 ภาพท่ี 8.51 หน้าตา่ งแทรกแผนภูมิ 232 ภาพที่ 8.52 ผลลพั ธ์การแทรกไพวอท ชารต์ 233 ภาพที่ 8.53 ตวั อยา่ งการพิมพ์ใบเสร็จรบั เงิน 233 ภาพท่ี 8.54 ตวั อยา่ งการทาบัญชีรายรับรายจา่ ย 234 ภาพท่ี 8.55 ตวั อย่างการจัดการสนิ ค้าคงคลงั 234 ภาพที่ 8.56 ตัวอย่างการบนั ทกึ ขายสนิ คา้ แบบออนไลน์ 234 ภาพที่ 9.1 โปรแกรมไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ 245 ภาพท่ี 9.2 ส่วนประกอบของหนา้ ตา่ งโปรแกรมไมโครซอฟต์ พาวเวอรพ์ อยท์ 245 ภาพท่ี 9.3 มมุ องปกติ 246 ภาพท่ี 9.4 มมุ มองแบบเรยี งลาดบั 246 ภาพท่ี 9.5 มมุ มองสาหรับการอา่ น 247 ภาพที่ 9.6 มมุ มองสาหรับการนาเสนอ 247 ภาพท่ี 9.7 ขัน้ ตอนการสรา้ งงานนาเสนอเปลา่ 248 ภาพท่ี 9.8 ขนั้ ตอนการสรา้ งงานนาเสนอเปลา่ 248 ภาพที่ 9.9 การเลือกชดุ สี ชุดโทนสี 249 ภาพที่ 9.10 การเลอื กชุดตวั อกั ษร 249 ภาพที่ 9.11 การเพม่ิ สไลด์อย่างรวดเร็ว 3 วธิ ี 250 ภาพท่ี 9.12 ขนั้ ตอนการเพ่ิมสว่ นและต้งั ช่ือสว่ น 251 ภาพที่ 9.13 ผลการแบง่ สว่ นงานนาเสนอ 251 ภาพท่ี 9.14 การแทรกอลั บัม้ รูป 252 ภาพท่ี 9.15 การนารูปภาพมาสร้างเป็นอลั บ้มั 252 ภาพที่ 9.16 การเลือกรูปภาพทตี่ อ้ งการ 253 ภาพท่ี 9.17 การปรับต้ังค่าอัลบม้ั รปู 253 ภาพที่ 9.18 การกาหนดเค้าโครงอลั บั้ม 254 ภาพท่ี 9.19 การเพิ่มสไลด์ 255 ภาพที่ 9.20 การเลอื กรูปแบบสไลด์ 255 ภาพท่ี 9.21 รูปแบบเคา้ โครงช่ือเร่ืองและเน้ือหา 256
(15) สารบญั ภาพ (ตอ่ ) ภาพท่ี 9.22 การแทรกไฟลว์ ดิ ีโอลงบนสไลด์ หนา้ ภาพท่ี 9.23 เลอื กไฟลว์ ดิ โี อที่ตอ้ งการ 256 ภาพที่ 9.24 ไฟลว์ ิดโี อแทรกลงสไลด์ 256 ภาพที่ 9.25 การปรบั แตง่ วิดีโอด้วย Adjust และการปรับแตง่ วิดโี อด้วย Video Styles 257 ภาพท่ี 9.26 การตั้งคา่ ภาพตัวอย่างคลปิ วิดโี อ 257 ภาพท่ี 9.27 เลอื กช่วงเวลาของภาพวดิ โี อท่ีตอ้ งการ 258 ภาพที่ 9.28 ภาพชว่ งเวลาท่เี ลือกไวเ้ ป็นภาพตวั อย่างของคลปิ วิดีโอ 258 ภาพท่ี 9.29 ภาพชว่ งเวลาท่ีเลือกไวเ้ ป็นภาพตัวอย่างของคลิปวิดีโอ 259 ภาพท่ี 9.30 ลกั ษณะการเปลี่ยนภาพนงิ่ 259 ภาพที่ 9.31 การเลอื กรปู แบบของภาพเคล่ือนไหว 260 ภาพท่ี 9.32 การเปล่ยี นลกั ษณะพิเศษของการเปลี่ยนภาพเคลือ่ นไหว 261 ภาพท่ี 9.33 การนาเสนอภาพน่ิงสไลดป์ จั จบุ นั 261 ภาพท่ี 9.34 มุมมองแบบเตม็ จอ 262 ภาพที่ 9.35 มุมมองสาหรับผู้บรรยาย 262 ภาพท่ี 9.36 ขัน้ ตอนการนาเสนองานออนไลน์ 263 ภาพท่ี 9.37 คดั ลอกล้งิ กแ์ ละสง่ ลิง้ กไ์ ปให้กบั ผู้เข้าอบรม 264 ภาพที่ 9.38 Address bar หน้าเวบ็ บราวเซอร์ 264 ภาพที่ 9.39 หน้าเวบ็ การนาเสนอโดยผ่านเว็บบราวเซอร์ 264 ภาพที่ 9.40 ต้องการหยดุ การนาเสนอออนไลน์ 265 ภาพที่ 9.41 การเปิดเอกสารทตี่ ้องการพิมพ์ 265 ภาพท่ี 9.42 เลอื กรปู แบบการพมิ พ์เอกสารในลักษณะตา่ ง ๆ 266 ภาพท่ี 9.43 แสดงตัวอย่างการวางโครงเรอ่ื ง 266 ภาพที่ 9.44 ลาดบั การวางโครงเรื่อง 267 ภาพที่ 9.45 ตวั อยา่ งการลาดับความสาคญั โครงเรอื่ ง 268 ภาพท่ี 9.46 ตวั อยา่ งการลาดบั วางโครงเร่ือง 268 ภาพที่ 9.47 ตวั อย่างการนับบรรทดั ในการนาเสนอ 268 ภาพที่ 9.48 เทคนิคการเน้น Main idea ของแต่ละรายการ 269 ภาพท่ี 9.49 การเตรยี มเนอ้ื หาเพ่อื การนาเสนอกับเนื้อหาต้นฉบบั 270 ภาพท่ี 9.50 แสดงกรอบขนาดพนื้ ทีส่ าหรบั เนื้อหาที่สาคญั 270 ภาพท่ี 9.51 ตัวอยา่ งสไลดท์ ม่ี ีเนอื้ หาสาระมากเกินไปกบั ตวั อยา่ งทส่ี รุปเป็นหัวข้อง่ายตอ่ นาเสนอ 270 ภาพที่ 9.52 การใชข้ อ้ ความภาษาองั กฤษพมิ พใ์ หญ่และพมิ พเ์ ล็ก 271 ภาพท่ี 9.53 การใชแ้ ถบสแี บง่ บรรทัดเพ่อื ให้สไลดอ์ า่ นไดง้ า่ ยข้นึ 271 ภาพท่ี 9.54 การปรับสพี ื้นหลงั ความเข้ม สว่าง และใสก่ รอบให้กบั ขอ้ ความ 272 272
(16) สารบญั ภาพ (ตอ่ ) หนา้ ภาพท่ี 9.55 ตัวอยา่ งการแทรกแผนภมู ทิ ด่ี ีและไม่เหมาะสม 273 ภาพที่ 9.56 ตัวอยา่ งการสรา้ งแผนผงั องค์การ 274 ภาพท่ี 9.57 ตวั อยา่ งการสร้างโปสเตอรป์ ระชาสมั พันธธ์ รุ กจิ ร้านอาหาร 274 ภาพที่ 9.58 ตวั อยา่ งการสร้างโปสเตอร์ประชาสัมพนั ธธ์ ุรกิจร้านอาหาร 275 ภาพที่ 9.59 เวบ็ ไซต์ Canva For Education 275 ภาพที่ 9.60 วธิ ีการสมัครใช้งาน Canva For Education 276 ภาพที่ 9.61 การใช้งานเบ้ืองต้น โปรแกรม Power BI ขัน้ พ้นื ฐาน 276 ภาพท่ี 10.1 แนวคดิ ของการใช้ฐานขอ้ มูล 285 ภาพท่ี 10.2 ระบบการจัดการฐานข้อมูลหรือดบี ีเอ็มเอส 286 ภาพที่ 10.3 ความสามารถของระบบการจัดการฐานขอ้ มลู 287 ภาพท่ี 10.4 โครงสรา้ งของฐานข้อมลู 288 ภาพที่ 10.5 ตวั อยา่ การกาหนดเอนทิตี้ 293 ภาพท่ี 10.6 ตวั อย่างการกาหนดแอททริบิวต์ 293 ภาพที่ 10.7 ตัวอย่างการพิจารณาความสมั พนั ธ์ 294 ภาพท่ี 10.8 แบบจาลองแผนภาพ ERD 295 ภาพที่ 10.9 แสดงการเปดิ หนา้ ต่างโปรแกรม Access 2013 ในลกั ษณะการเปิดแบบออฟไลน์ 297 ภาพที่ 10.10 แสดงการเปิดหนา้ ต่างโปรแกรม Access 2013 ในลกั ษณะการเปิดแบบออนไลน์ 298 ภาพท่ี 10.11 แสดงพน้ื ที่การทางานหลักในหน้าต่างฐานข้อมูล 298 ภาพที่ 10.12 แสดงการสรา้ งตารางจากมุมมองออกแบบ 299 ภาพที่ 10.13 แสดงส่วนประกอบต่าง ๆ ในมมุ มอง Table Design 299 ภาพที่ 10.14 แสดงการสร้างตารางในมมุ มอง Table Design 300 ภาพท่ี 10.15 แสดงการการกาหนดคีย์หลักในมุมมอง Table Design 300 ภาพท่ี 10.16 แสดงการกาหนดคยี ์รว่ มในมุมมอง Table Design 301 ภาพที่ 10.17 แสดงการบันทึกตาราง 301 ภาพท่ี 10.18 แสดงการเปดิ ตาราง 302 ภาพที่ 10.19 แสดงการเปลย่ี นชื่อตาราง 302 ภาพที่ 10.20 แสดงการคดั ลอกและวางตาราง 303 ภาพท่ี 10.21 แสดงการลบตาราง 303 ภาพท่ี 10.22 แสดงการเลือกตารางทต่ี ้องการเชอ่ื มความสัมพันธ์ 305 ภาพท่ี 10.23 แสดงการเชื่อมความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตาราง 306 ภาพที่ 10.24 ตวั อย่างการออกแบบระบบบริหารงานบุคคล 307 ภาพที่ 10.25 ตวั อย่างการเพมิ่ ข้อมูลในตารางระบบบรหิ ารงานบคุ คล 307 ภาพท่ี 10.26 ตัวอยา่ งการแยกปุ่มเพิม่ ข้อมลู กับบันทึกขอ้ มูลระบบบริหารงานบคุ คล 308
(17) หนา้ 308 สารบัญภาพ (ตอ่ ) 309 310 ภาพท่ี 10.27 ตัวอยา่ งการเพมิ่ ข้อมลู ในระบบบรหิ ารงานบคุ คล 311 ภาพท่ี 10.28 ชอ่ งยูทุบ HR Developer 311 ภาพท่ี 10.29 ฐานขอ้ มูล Knack 312 ภาพที่ 10.30 ฐานขอ้ มูล Improvado 313 ภาพท่ี 10.31 ฐานข้อมูล Microsoft SQL Server 313 ภาพท่ี 10.32 ฐานข้อมูล MySQL 314 ภาพที่ 10.33 ฐานขอ้ มลู Amazon RDS 315 ภาพท่ี 10.34 ฐานขอ้ มูล Oracle RDBMS 315 ภาพที่ 10.35 ฐานข้อมลู SQL Developer 316 ภาพที่ 10.36 ฐานข้อมูล IBM Informix 317 ภาพที่ 10.37 ฐานข้อมูล Altibase 317 ภาพที่ 10.38 ฐานขอ้ มูล EMS SQL Manager ภาพที่ 10.39 ฐานขอ้ มูล IBM Db2 ภาพท่ี 10.40 ฐานข้อมลู Teradata
แผนบริหารการสอนประจาวิชา รายวิชา การใช้โปรแกรมประยกุ ต์ทางธรุ กจิ รหัสวิชา 36023002 หน่วยกิต-ช่ัวโมง 3(2-2-5) เวลาเรียน 60 ชว่ั โมง/ภาคเรียน คาอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏบิ ตั ิเก่ียวกับการประยุกตใ์ ช้โปรแกรมในงานธรุ กจิ พืน้ ฐานระบบปฏิบัติการวินโดว์ เรียนรู้ทักษะการใช้โปรแกรมประยุกต์เพ่ืองานทางธุรกิจ งานธุรการ และฝึกปฏิบัติทักษะพิมพ์งาน เอกสาร สามารถใช้โปรแกรมสาเร็จรูปในการประยุกต์ใช้ในงานธุรกิจได้ เช่น การจัดการงานเอกสาร ในสานักงาน การจัดทารายงาน การคานวณ สรปุ ข้อมลู สาหรบั ผบู้ รหิ าร การนดั หมายการประชุม การ นาเสนอข้อมลู ทางธุรกิจ การจัดการระบบฐานขอ้ มูล Study and practice about the application of software in business applications; windows-based operating system; skills of applications to business administration and practice skills to print the document; enable use the application software business such as document management in the office; reporting management; calculating; conclusion for administers; arranging a meeting; presentation of business data and database - system management. วัตถุประสงค์ทั่วไป 1. เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในหน้าท่ีของงานธุรกิจ ด้านการบัญชี การเงิน การตลาด การผลิต และการจัดการทรัพยากรมนษุ ย์ 2. เพ่ือให้มีทกั ษะการใช้โปรแกรมประยุกต์สาหรับงานธุรกิจ ในด้านการจัดการงานเอกสาร ในสานักงาน การจัดทารายงาน การคานวณ สรุปข้อมูลสาหรับผู้บริหาร การนัดหมาย การประชมุ การนาเสนอข้อมลู ทางธรุ กิจ การจดั การระบบฐานข้อมูล 3. เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจ และประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ที่เหมาะสมกับ งานธุรกิจ
(20) เน้ือหา บทท่ี 1 ความรู้เบ้ืองต้นเก่ยี วกบั โปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจ จานวน 4 ช่วั โมง แนวคิดเกยี่ วกบั โปรแกรมประยุกตท์ างธรุ กิจ ความหมายและความสาคัญของธุรกจิ ปัจจัยทส่ี าคัญและรูปแบบของการประกอบธุรกิจ หน้าท่ีทางธรุ กิจและวัฏจักรของธุรกจิ ปจั จัยหลักการขับเคล่ือนธุรกจิ สูเ่ ศรษฐกจิ ดิจทิ ลั บทที่ 2 เทคโนโลยีสารสนเทศกับการประกอบธรุ กจิ จานวน 4 ชว่ั โมง ความหมายและความสาคญั ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศกับการพฒั นาประเทศ กลยทุ ธธ์ ุรกจิ เพื่อสรา้ งความไดเ้ ปรียบทางการแข่งขันในยคุ ดจิ ิทลั ตวั อยา่ งการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยใี นการประกอบธุรกจิ บทที่ 3 เทคโนโลยดี ้านซอฟตแ์ วรส์ าหรับการประกอบธุรกิจ จานวน 4 ชว่ั โมง ความหมายของเทคโนโลยีดา้ นซอฟต์แวร์ องคป์ ระกอบของเทคโนโลยีดา้ นซอฟตแ์ วร์ ซอฟตแ์ วรร์ ะบบปฏิบัติการและหลกั การทางาน ซอฟต์แวร์ประยุกต์สาหรับการประกอบธุรกิจ บทที่ 4 แนวคิดและเทคโนโลยโี ปรแกรมประยุกต์ทางธรุ กจิ จานวน 4 ชว่ั โมง แนวคดิ และเทคโนโลยีโปรแกรมประยุกตก์ บั งานบญั ชแี ละการเงนิ แนวคิดและเทคโนโลยีโปรแกรมประยุกต์กบั งานการตลาด แนวคิดและเทคโนโลยโี ปรแกรมประยุกต์กับงานการผลิตและการดาเนนิ งาน แนวคดิ และเทคโนโลยีโปรแกรมประยกุ ตก์ ับงานการจัดการทรพั ยากรมนษุ ย์ แนวคดิ และเทคโนโลยีโปรแกรมประยุกตร์ ะบบบรหิ ารจัดการทรัพยากรภายในองคก์ าร บทท่ี 5 โปรแกรมประยุกตท์ ั่วไปทางธรุ กจิ จานวน 4 ชวั่ โมง ความหมายและลกั ษณะของโปรแกรมประยกุ ต์ท่ัวไปทางธรุ กจิ โปรแกรมประยกุ ต์ด้านการจดั การงานเอกสาร โปรแกรมประยกุ ต์ดา้ นการคานวณ โปรแกรมประยกุ ตด์ า้ นการนาเสนอข้อมูล โปรแกรมประยกุ ตด์ า้ นฐานขอ้ มูล การประยุกตใ์ ช้โปรแกรมให้เหมาะสมกบั ธรุ กิจในยุคดิจทิ ัล
(21) เนอื้ หา บทที่ 6 การใชโ้ ปรแกรมประยกุ ต์การจัดการงานเอกสาร จานวน 8 ชว่ั โมง ความสาคัญของการใชโ้ ปรแกรมประยุกต์การจดั การงานเอกสาร การใชโ้ ปรแกรมประยุกตเ์ พิม่ ประสทิ ธิภาพการจัดการงานเอกสาร โปรแกรมประยกุ ตก์ ารจัดการงานเอกสารบนเครือข่าย โปรแกรมประยกุ ตบ์ นเว็บเพ่ือเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการจัดการงานเอกสาร ตัวอยา่ งการประยกุ ตใ์ ช้โปรแกรมไมโครซอฟต์เวริ ์ดจดั การงานเอกสาร บทที่ 7 หนังสอื ราชการไทยกบั การพมิ พด์ ้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จานวน 8 ชัว่ โมง หนังสอื ราชการไทย หลกั การพืน้ ฐานการพมิ พ์หนงั สือราชการไทยดว้ ยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การพิมพ์หนงั สอื ภายนอก การพิมพ์หนงั สือภายใน ตวั อย่างการใชโ้ ปรแกรมประยุกตล์ บิ รา้ ออฟฟศิ เทมเพลต บทท่ี 8 การใชโ้ ปรแกรมประยกุ ต์เพอื่ การวเิ คราะหข์ อ้ มูล จานวน 8 ชว่ั โมง ลกั ษณะท่ัวไปของโปรแกรมประยกุ ต์เพอื่ การวิเคราะหข์ ้อมูล การจดั การข้อมลู ในแผน่ งานและสมดุ งาน การจดั การข้อมูลด้วยกราฟและแผนภูมิเพ่ือสรุปข้อมูลสาหรบั ผบู้ รหิ าร การสรุปขอ้ มูลดว้ ยไพวอท เทเบล้ิ และไพวอท ชารต์ ตวั อย่างการใชโ้ ปรแกรมไมโครซอฟต์ เอก็ เซลในงานธรุ กจิ บทที่ 9 การใช้โปรแกรมประยกุ ตเ์ พ่อื การนาเสนอขอ้ มูล จานวน 8 ชัว่ โมง ลกั ษณะทัว่ ไปของโปรแกรมประยุกต์เพ่ือการนาเสนอขอ้ มลู การใชง้ านโปรแกรมประยกุ ต์ไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ เทคนคิ การสรา้ งสื่อนาเสนอดว้ ยโปรแกรมไมโครซอฟต์ พาวเวอรพ์ อยท์ ตัวอย่างการใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์ พาวเวอรพ์ อยทใ์ นงานธรุ กจิ บทที่ 10 การใชโ้ ปรแกรมประยกุ ต์เพอ่ื การจดั การฐานขอ้ มลู จานวน 8 ช่ัวโมง ลักษณะทั่วไปของโปรแกรมประยกุ ต์เพอ่ื การจดั การฐานขอ้ มูล พ้นื ฐานการออกแบบและพัฒนาระบบฐานขอ้ มลู การใชง้ านเครือ่ งมอื พนื้ ฐานโปรแกรมไมโครซอฟตแ์ อคเซส ตวั อย่างการใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์ แอคเซสในงานธุรกจิ ตวั อยา่ งโปรแกรมประยกุ ตก์ ารจัดการฐานขอ้ มูลบนเครือข่าย วิธสี อนและกิจกรรม 1. วิธสี อนแบบบรรยาย 2. วิธีสอนแบบอภปิ ราย 3. วธิ สี อนแบบปฏิบตั ิ 4. วธิ ีสอนแบบกรณศี ึกษาตวั อย่าง
(22) ส่อื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน รายวิชา การใชโ้ ปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจ 2. สื่อนาเสนอโปรแกรมสาเร็จรปู Microsoft PowerPoint 3. โปรแกรมสาเร็จรปู Microsoft Word 4. โปรแกรมสาเรจ็ รูป Microsoft Excel 5. โปรแกรมสาเร็จรูป Microsoft PowerPoint 6. โปรแกรมสาเรจ็ รปู Microsoft Access 7. โปรแกรมประยกุ ตร์ ะบบบรหิ ารจดั การทรพั ยากรองค์การ (ERP) 8. โปรแกรมประยุกต์ Libre Office Template 9. แอปพลเิ คชนั Poll Everywhere, mentimeter 10. กรณศี ึกษาพรอ้ มภาพตวั อยา่ งการประกอบธรุ กจิ 11. ตวั อยา่ งไฟล์งาน 12. คาถามทา้ ยบท 13. แบบฝกึ ปฏบิ ัติ 14. แบบทดสอบภาคปฏิบัติ 15. บทเรียนออนไลน์ www.elearningbynirut.com/moodle/ การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. การวดั ผล : 1.1 คะแนนระหวา่ งภาค 70% 30% 1.1.2 การทดสอบภาคปฏบิ ตั ิ 20% 1.1.3 การทดสอบกลางภาค ภาคทฤษฎี 20% 1.1.4 คาถามท้ายบท 10% 1.1.5 รายงานกลุ่มการคน้ คว้า 10% 1.1.6 กจิ กรรมอภปิ รายกล่มุ ในห้องเรยี น 10% 1.2 สอบปลายภาค 2. การประเมินผล : ความหมายของผลการเรียน คา่ ระดับคะแนน ค่าร้อยละ ดเี ยย่ี ม 4.0 80-100 ระดบั คะแนน ดีมาก 3.5 75-79 A ดี 3.0 70-74 B+ ดีพอใช้ 2.5 65-69 B พอใช้ 2.0 60-64 C+ อ่อน 1.5 55-59 C อ่อนมาก 1.0 50-54 D+ ตก 0.0 0-49 D F
แผนบรหิ ารการสอนประจาบทท่ี 1 ความรเู้ บ้ืองต้นเก่ยี วกบั โปรแกรมประยกุ ต์ทางธรุ กจิ หวั ข้อเน้ือหา 1. แนวคิดเกีย่ วกับโปรแกรมประยุกต์ทางธรุ กิจ 2. ความหมายและความสาคญั ของธุรกิจ 3. ปัจจยั ทสี่ าคัญและรปู แบบของการประกอบธรุ กิจ 4. หน้าทที่ างธุรกจิ และวัฏจักรของธรุ กิจ 5. ปัจจยั หลกั การขบั เคล่ือนธรุ กิจสู่เศรษฐกจิ ดิจทิ ัล วตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 1. อธิบายแนวคิดเกยี่ วกบั โปรแกรมประยุกตท์ างธุรกจิ ได้ 2. อธิบายความหมายและความสาคัญของธุรกจิ ได้ 3. สามารถวิเคราะห์ความสาคญั ของปัจจัยทส่ี าคญั ของการประกอบธรุ กิจได้ 4. สามารถจาแนกหน้าที่ทางธรุ กจิ และวัฏจักรของธุรกจิ ได้ 5. อธิบายปจั จัยหลักการขบั เคลอ่ื นธุรกจิ ส่เู ศรษฐกิจดิจทิ ลั ได้ 6. สามารถอภิปรายแนวคิดโปรแกรมประยกุ ตเ์ กย่ี วกบั การประกอบธุรกจิ ได้ วธิ สี อนและกจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. วิธสี อน 1.1 วิธีสอนแบบบรรยาย 1.2 วธิ ีสอนโดยใช้การอภปิ รายกลุ่มย่อย 2. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 2.1 ผู้สอนต้ังคาถาม “การประกอบธุรกิจต้องมีความรู้เร่ืองใดบ้าง” โดยอิงจากเหตุการณ์ ในปัจจุบัน โดยผู้เรียนตอบคาถามในลักษณะแลกเปล่ียนความคิดเห็น และร่วมกันสรุปจากคาตอบ ของผู้เรยี นกอ่ นจะเข้าสู่บทเรียน 2.2 ผู้สอนบรรยายเรอื่ งต่อไปน้ี 2.2.1 แนวคิดเกยี่ วกับโปรแกรมประยกุ ตท์ างธุรกิจ 2.2.2 ความหมายและความสาคญั ของธุรกิจ 2.2.3 ปัจจัยทีส่ าคัญและรปู แบบของการประกอบธรุ กจิ 2.2.4 หน้าท่ีทางธุรกจิ และวัฏจักรของธรุ กิจ 2.2.5 ปัจจยั หลกั การขบั เคลอ่ื นธรุ กิจสเู่ ศรษฐกจิ ดิจิทลั
2 2.3 แบ่งกลุ่มผู้เรียนค้นคว้าข้อมูลและนาเสนอด้วยการอภิปรายเป็นรายกลุ่มย่อย โดย แบ่งกลุ่มออกจานวน 5 กลุ่ม ตามหัวข้อบทเรียน โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนถามข้อสงสัย และผู้สอนต้ัง คาถามให้ผู้เรยี นตอบ 2.4 ผู้เรียนอภปิ รายขอ้ มูลตามหวั ข้อบทเรียนทไ่ี ดร้ บั มอบหมายหนา้ ชนั้ เรยี น 2.5 ผู้เรียนทุกคนศึกษาเน้ือหาที่เรียนพร้อมเปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนความรู้กับเพ่ือนใน กลมุ่ และตอบคาถามท้ายบท ส่อื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า การใช้โปรแกรมประยกุ ตท์ างธุรกจิ 2. โปรแกรมสาเร็จรูป Power Point ประกอบการสอน 2.1 แนวคิดเกย่ี วกับโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกจิ 2.2 ความหมายและความสาคัญของธรุ กิจ 2.3 ปจั จัยทส่ี าคัญและรูปแบบของการประกอบธุรกิจ 2.4 หนา้ ท่ีทางธรุ กิจและวฏั จกั รของธุรกิจ 2.5 ปจั จัยหลกั การขบั เคลื่อนธรุ กิจสเู่ ศรษฐกจิ ดจิ ทิ ลั 3. โปรแกรม Search Engine เพอื่ สบื คน้ ข้อมลู 4. บทเรยี นออนไลน์ www.elearningbynirut.com/moodle/ การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. สงั เกตจากพฤติกรรมการเรียน 2. สงั เกตการสนทนาและการอภิปราย 3. สงั เกตการสืบค้นข้อมูลอภปิ รายกล่มุ 4. สังเกตการจาแนกข้อมูล 5. ตรวจผลงานการตอบคาถามท้ายบท
3 บทที่ 1 ความรู้เบอื้ งต้นเก่ียวกบั โปรแกรมประยกุ ตท์ างธรุ กิจ ปจั จบุ นั มีธุรกิจเกิดขึ้นใหม่เป็นจานวนมาก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาด ใหญ่ ผทู้ จ่ี ะประกอบธรุ กจิ ให้ประสบความสาเร็จต้องมีความเข้าใจในธุรกิจนั้น เข้าใจในบทบาทหน้าท่ี ต่าง ๆ ในธุรกิจอย่างถ่องแท้ ประกอบธุรกิจไปเพื่อส่ิงใด บางคนไม่มีความรู้แต่สามารถประสบ ความสาเร็จได้ แต่บางคนต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจนกว่าธุรกิจ จะประสบ ความสาเร็จ ความท้าทายของธุรกิจในยุคประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) การประกอบธุรกิจต่าง ๆ ผู้ประกอบการต้องต่ืนตัว ประเทศไทยมีการส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุนธุรกิจ ธุรกิจ ประเภทต่าง ๆ เร่ิมให้ความสนใจกับการใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจมากขึ้น พัฒนาโปรแกรม ประยุกต์ต่าง ๆ ขึ้นให้เหมาะสมกับธุรกิจตนเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านการบัญชี การเงิน การตลาด การผลิตการดาเนินงาน และทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นหน้าที่องค์การทางธุรกิจที่ผู้ ประกอบธุรกิจต้องให้ความสาคัญ การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นมา จึงเป็นเร่ืองท้าทายท่ีผู้ประกอบการธุรกิจจะต้องหาวิธีการที่จะทาอย่างไรให้ธุรกิจตนเองนั้นเติบโตไป พร้อมกับความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยให้ความสาคัญกับการนาเทคโนโลยีประยุกต์ใช้กับ ธุรกิจในการเพิ่มช่องทางการแสวงหาผลกาไรมากข้ึน สู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลขานรับกับนโยบาย ประเทศไทย 4.0 ในบทนี้จะอธิบายถึง แนวคิดเก่ียวกับโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจ ความหมายและความสาคัญ ของธุรกิจ ปัจจัยท่ีสาคัญและรูปแบบของการประกอบธุรกิจ หน้าที่ทางธุรกิจและวัฏจักรของธุรกิจ และ ปัจจยั หลกั การขับเคล่ือนธุรกิจสู่เศรษฐกจิ ดิจิทลั โดยมีรายละเอียดดังต่อไปน้ี แนวคิดเกีย่ วกบั โปรแกรมประยกุ ต์ทางธุรกิจ โปรแกรมประยุกต์ถูกนามาใช้งานในการประกอบธุรกิจเป็นจานวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการ ประยุกต์กับงานด้านการบัญชี การเงิน การตลาด การผลิตการดาเนินงาน และทรัพยากรมนุษย์ โปรแกรมประยุกต์มีลักษณะท่ีสาคัญตามลักษณะงาน จึงเป็นเร่ืองสาคัญท่ีต้องคานึงถึงการนาไป ประยุกต์กับงานในลักษณะต่าง ๆ โปรแกรมประยุกต์สามารถช่วยเพ่ิมคุณค่ากระบวนการทางธุรกิจ การขยายตวั ของธุรกิจในอนาคต ดังน้ัน โปรแกรมประยุกต์จึงเป็นส่วนสาคัญที่ส่งผลถึงความก้าวหน้า ในกระบวนการทางธรุ กจิ ใหม้ คี วามทนั สมัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของการ ดาเนินธรุ กจิ ภายใตย้ คุ โลกาภวิ ัตน์ (globalization) ธนพล ศรีธญั พงศ์ (2560) อธิบายถงึ เรื่อง การมองโลกาภิวตั น์ยุคใหมผ่ า่ นแนวคิดดิจิทัล โกลบอลไลเซชัน (digital globalization) และ แพลตฟอร์มธุรกจิ (platform business) ซ่ึงคาว่าโลกาภิวัตน์ ถูกนิยาม ดว้ ยปริมาณขอ้ มลู และสารสนเทศที่มคี วามเปล่ียนแปลงเป็นจานวนมากด้วยความรวดเร็ว ซ่ึงแตกต่าง จากอดีตทเี่ นน้ เร่ืองของปรมิ าณการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทาง เศรษฐกจิ เทคโนโลยี และสงั คมทเี่ กดิ ขนึ้ ปจั จุบันโลกเผชญิ กบั โลกาภิวัตน์ในรูปแบบท่ีเปลี่ยนแปลงไป
4 จากเดิม มนุษย์ทุกมุมโลกถูกเช่ือมโยงเข้าหากันผ่านตัวกลางอย่างอินเทอร์เน็ตและสื่อออนไลน์หรือ ดิจทิ ัลแพลตฟอร์ม (digital platform) หลงั จากนั้นจึงมีการนิยามศัพท์ที่เรียกว่า ดิจิทัล โกลบอลไลเซชัน เป็นการนิยามถึงโลกยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเม่ือเทียบกับทศวรรษท่ีผ่านมา หลังวิกฤตเศรษฐกิจเมอื่ ปี 2008 การค้าโลก และการหมนุ เวียนเงนิ ลงทุนระหว่างประเทศลดลงและยัง ไมส่ ามารถฟืน้ กลับ แต่ปริมาณการหมุนเวียนของข้อมูล สารสนเทศ และธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศมี จานวนเพม่ิ ขน้ึ มนุษย์ท่ัวทุกมุมโลกแลกเปล่ียนสื่อสารกันผ่านโลกออนไลน์ ดิจิทัล โกลบอลไลเซชัน จึงมี นัยสาคัญต่อการเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกจิ และการประกอบธุรกิจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมากขึ้นทุกวัน กระแสดิจิทัล โกลบอลไลเซชัน สร้างโอกาสให้แก่ท้ังผู้ประกอบการทางธุรกิจและผู้บริโภคอย่างที่ไม่เคย เป็นมาก่อน ดิจิทัลแพลตฟอร์มจึงช่วยลดต้นทุนในการติดต่อและทาธุรกรรมข้ามประเทศและทาให้เกิด โอกาสทางเศรษฐกิจและธุรกิจใหม่ในลักษณะต่าง ๆ เป็นจานวนมาก การหมุนเวียนของข้อมูล สารสนเทศ และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลมีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทาธุรกรรมออนไลน์ หรือ แม้แต่ข้อมูลท่ีมีอยู่แล้วบนอินเทอร์เน็ต ธุรกิจสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งการวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม ผ้บู ริโภค การออกแบบสนิ คา้ และบรกิ ารให้ตรงตามความต้องการหรือเสาะแสวงหาตลาดใหม่ พร้อมกันนี้ ในโลกยุคดิจิทัล โกลบอลไลเซชัน อินเทอร์เน็ตกลายเป็นศูนย์รวมของมนุษย์จากทั่วทุกมุมโลก ย่อม ก่อให้เกดิ มูลคา่ ทางเศรษฐกจิ อยา่ งต่อเนื่อง ธุรกจิ ทีส่ ามารถจับแนวโน้มดิจิทัล โกลบอลไลเซชัน ได้ดี จะมี รปู แบบของลกั ษณะทางธรุ กจิ ทีเ่ รยี กว่า แพลตฟอร์ม (platform) ซ่ึงจะเห็นได้จากการเติบโตของบริษัทที่ พลิกโฉมอตุ สาหกรรมและสร้างมลู ค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ผู้เขียนจะยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจน เช่น เฟซบุ๊ก (facebook) กูเกิล (google) แอปเปิ้ล (apple) และ อาลบี าบา (alibaba) เป็นตน้ ทีม่ กี ารเติบโตของรายไดท้ ุกปี ธุรกิจเหล่าน้ีล้วนมีที่มาจาก การสร้างแพลตฟอร์ม เพื่อให้คนกลุ่มหน่ึงเข้าหาและติดต่อสื่อสารคนอีกกลุ่มหน่ึงได้ดีข้ึน อีกหนึ่ง ตัวอย่างท่ีเห็นชัด ธุรกิจอีเบย์ (eBay) ท่ีผู้ขายชาวไทยต้องการจะขายสินค้า สามารถนาไปเสนอขาย บนเว็บไซต์ได้อย่างไมย่ ุ่งยาก โดยทีล่ กู ค้าทม่ี าซื้อสินค้าอาจเปน็ ชาวต่างชาติ และชาระเงินผ่านเพย์พาล (PayPal) และนกั อ่านชาวไทยทตี่ ้องการซ้ือนิยายเลม่ ล่าสุดทีเ่ พงิ่ วางแผงจากผู้เขียนชาวญี่ปุน สามารถ ซื้อหนังสือเล่มนั้นในรูปแบบอีบุ๊ก (e-book) ผ่านบริการของอเมซอน (amazon) กิจกรรมทาง เศรษฐกิจเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นโดยผ่านตัวกลาง คือ ออนไลน์ แพลตฟอร์ม (online platform) จะเห็น ได้ว่า ดิจิทัลเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตมีพลังในการขับเคล่ือนและเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดาเนิน ธรุ กิจ รวมไปถึงสื่อออนไลน์ทงั้ ยทู ุบ (youtube) และ เฟซบุ๊ก (facebook) ที่สร้างอาชีพใหม่และสร้าง รายได้รูปแบบใหม่ เช่น นักพากย์เกมและผู้ท่ีทารายการผ่านช่องทางยูทุบของตัวเอง กาลังเป็นช่อง ทางการสรา้ งมลู ค่าและรายไดผ้ ่านแพลตฟอร์มใหมน่ ี้ เปน็ ต้น ดังน้ัน เศรษฐกิจและธุรกิจที่จะประสบความสาเร็จและมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในยุค ดิจิทัล โกลบอลไลเซชัน ล้วนต้องเกิดจากการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อดึงผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการเข้า มาไว้ในระบบนิเวศเดียวกันแล้วร่วมกันสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแบบทวีคูณ อีกตัวอย่าง เช่น ใน ระดับประเทศ เกาหลีใต้ได้สร้างแพลตฟอร์มการส่งออกวัฒนธรรม (korean wave) ทั้งเพลง ละคร อาหาร ออกสสู่ ังคมโลกได้อย่างงดงามและสรา้ งมูลคา่ ทางเศรษฐกิจได้อยา่ งมากมาย เดิมรูปแบบธุรกิจ ส่วนใหญจ่ ะมแี นวคิดแบบเปน็ ทอ่ (pipeline) คือ ผลิต จาหนา่ ย แล้วบริโภคส่งเป็นเส้นตรง แต่ในโลก
5 ปัจจุบัน บริษัทท่ีเป็นผู้ชนะในอุตสาหกรรมที่แท้จริงจะต้องเป็นผู้สร้างแพลตฟอร์ม และมอง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งผ้เู ลน่ ในระบบท่ไี มใ่ ช่เส้นตรงทางเดยี วเสมอไป สาหรับประเด็นสาคัญ 3 ประการ ที่ทาให้แนวคิดแพลตฟอร์มธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็วกว่าในยุคดิจิทัล มีรายละเอียด ดังน้ี 1. ความสัมพันธ์ ระหว่างผู้ผลิต บริษัท ผู้บริโภคท่ีมีการติดต่อกันซับซ้อนมากข้ึนผ่าน แพลตฟอรม์ (platform) 2. กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะถูกเปล่ียนรูปแบบจากบริษัทเป็นผู้สร้างมูลค่าเพ่ิมเพียงผู้เดียวมา เปน็ สร้างมลู คา่ เพิม่ ร่วมกัน 3. เปาู ประสงค์การสร้างมูลค่าสูงสุด เปล่ียนจากการสร้างความพอใจสูงสุดแก่ผู้บริโภคมาเป็น ความพอใจสูงสุดของทุกคนในระบบ จึงไม่น่าแปลกใจว่าสตาร์ทอัพ (startup) ที่ประสบความสาเร็จ อย่างสูงในปัจจุบัน ทุกบริษัทล้วนคานึงถึงการใช้ประโยชน์จากแนวคิดดิจิทัล โกลบอลไลเซชัน และมี รูปแบบแพลตฟอร์มของตวั เองที่เด่นชดั หากหันมามองดูธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างประเทศไทย คือ บริษัท แกร็บ (Grab) ที่พลิก โฉมการให้บริการและได้รับความนิยมในเวลาอันรวดเร็ว รูปแบบทางธุรกิจของแกร็บอยู่บน แพลตฟอร์มของการแบ่งปันสินทรัพย์ (asset sharing) โดยผู้ให้บริการใช้รถของตัวเองในการให้บริการ บ ริ ษั ท มี ก า ร ใ ช้ เ ท ค โ น โ ล ยี ใ น ก า ร ท า ใ ห้ ผู้ ใ ห้ บ ริ ก า ร แ ล ะ ผู้ ใ ช้ บ ริ ก า ร พ บ กั น ไ ด้ ส ะ ด ว ก ย่ิ ง ข้ึ น (collaborative ecosystem) และมีเคร่ืองมือท่ีช่วยให้ผู้บริโภคเลือกบริการที่ตรงกับความต้องการ ของตนมากขึ้น ช่วยให้ผู้บริโภคเลือกบริการที่ตรงกับความต้องการของตนมากขึ้น นอกเหนือจาก บริษัท แกร็บ แล้ว ยังมีวงใน (wongnai) ซึ่งเป็นเพจเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ท่ีช่วยให้ผู้บริโภครีวิว ร้านอาหารและทราบถึงคะแนนรีวิวโดยสมาชิกอ่ืน เปน็ ต้น ในโลกดิจิทัลที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจและธุรกิจท่ีอยู่กับท่ี คือ เศรษฐกิจ และธุรกจิ ท่ีพรอ้ มถอยหลังตลอดเวลา รูปแบบการมองเศรษฐกจิ และธรุ กิจในปัจจบุ นั อาจไม่ใช่ยุค ปลา ใหญ่กินปลาเล็ก อีกต่อไป แต่จะเป็นยุคปลาเร็วกินปลาช้า ปลาตัวเล็กน้ันสามารถเติบโตอย่างก้าว กระโดดและอยู่รอดได้หากเปล่ียนแปลงได้ เร็วตามทันโลกยุคใหม่ ดังนั้น เม่ือตระหนักถึงความ เปล่ียนแปลงของแนวคิดโลกาภิวัตน์และรูปแบบธุรกิจที่เปล่ียนไปแล้ว ก็คงหาคาตอบได้ไม่ยากว่า เศรษฐกิจและธุรกจิ ของผู้ประกอบการอยากจะเป็นปลาประเภทใดในคลื่นมหาสมุทรโลกที่เต็มไปด้วย การเปล่ียนแปลง จากวิวัฒนาการของโลกาภิวัตน์ ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ไม่ว่าจะ เป็นการเปล่ยี นแปลงทางเศรษฐกิจ วฒั นธรรม และเทคโนโลยี ซึง่ มรี ายละเอยี ดดังนี้ 1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ (economic changes) คือ มีการเพิ่มจานวนธุรกิจการค้า เป็นจานวนมากทั้งในประเทศ ระหว่างประเทศ มีการพัฒนาระบบการเงิน และมีการว่าจ้างแรงงาน เพ่มิ ขน้ึ 2. การเปล่ียนแปลงทางวัฒนธรรม (cultural changes) คือ วัฒนธรรมทั่วทุกมุมโลกถูก เชือ่ มโยงหากนั ผา่ นระบบส่ือสารไร้พรมแดน เกดิ การเคลอ่ื นย้ายแรงงาน การเดนิ ทางระหวา่ งประเทศ 3. การเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยี (technology changes) คือ การพัฒนาแพลตฟอร์มต่าง ๆ มี ตน้ ทนุ ต่าลง การสื่อสารและสง่ ข้อมูลขา่ วสารระหว่างกันทาไดร้ วดเร็วและประหยดั
6 จากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากกระแสโลกาภิวัตน์ หากพิจารณาแล้วมีต้นเหตุมาจาก การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดเจน มนุษย์ท่ัวทุกมุมโลกหันมาใช้ เทคโนโลยมี ีอตั ราที่เพ่ิมมากข้ึน ต้ังแต่บคุ คลธรรมดาไปจนถงึ กลุม่ ผูป้ ระกอบการธรุ กจิ ผู้ประกอบการธุรกิจ จึงพยายามนาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารองค์การ ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการธุรกิจในด้านการบัญชี การเงิน การตลาด การผลิต การดาเนินงาน และการบริหาร ทรัพยากรมนุษย์ ด้วยเหตุน้ี ตลาดด้านโปรแกรมประยุกต์จึงเกิดโปรแกรมใหม่ ๆ ข้ึนเป็นจานวนมาก เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสในการเลือกและประยุกต์เทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไปบริหารองค์การ โปรแกรมประยุกต์จึงถูกเป็นตัวเลือกหนง่ึ ในการนามาชว่ ยประกอบธุรกิจในยุคปจั จบุ นั โปรแกรมประยุกต์เป็นส่วนหน่ึงของการประกอบธุรกิจ ถูกพัฒนาข้ึนตามความต้องการของ ผ้ใู ช้งาน ตามความสามารถใช้งานได้ท่ัวไป มีท้ังแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซ่ึงถูกออกแบบมาให้สามารถใช้ งานได้หลากหลายแพลตฟอร์ม ธุรกิจต่างนาเทคโนโลยีเข้าไปประยุกต์ใช้กับการทางาน อ ย่ า ง เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จึงเป็นหน่ึงทางเลือกสาคัญต่อการถูกเลือกนาไปใช้งานและถือว่าเป็น เครื่องมือที่ทางานได้สะดวกที่สุดในสานักงาน แต่อย่างท่ีกล่าวเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปอุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ย่อมพัฒนาตามไปด้วยตามยุคสมัย จึงได้เห็นอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ ท่ีทางานแทนเครื่อง คอมพิวเตอร์ได้ เช่น สมาร์ทโฟน (smartphone) และแท็บเลต (tablet) เป็นต้น จนกล่าวได้ว่า อปุ กรณเ์ หล่านจี้ ะดาเนินการได้และก่อประโยชน์มากน้อยเพียงใด จึงขึ้นอยู่กับโปรแกรมท่ีจะถูกเขียน เข้าไป โปรแกรมจึงเป็นส่วนสาคัญของระบบคอมพิวเตอร์ หากขาดโปรแกรมอุปกรณ์จะไม่สามารถ ทางานได้ โปรแกรมจึงเป็นส่ิงที่จาเป็นและสาคัญมาก และเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทาให้ระบบ สารสนเทศเปน็ ไปได้ตามทต่ี อ้ งการ โปรแกรมประยกุ ตถ์ กู แบ่งออกเป็น โปรแกรมประยกุ ต์ท่ัวไป และโปรแกรมประยุกต์เฉพาะด้าน ซึ่งท้ังสองประเภทถูกพัฒนาข้ึนเพ่ือตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทางธุรกิจ ขึ้นอยู่กับประเภท และลกั ษณะงานทจี่ ะนาไปประยกุ ต์ใช้ทแ่ี ตกตา่ งกนั มบี ทบาททแี่ ตกต่างกันด้วยเชน่ กัน เม่ือกล่าวถึงบทบาทของโปรแกรมประยุกต์ที่มีต่อการประกอบธุรกิจ ซึ่งโปรแกรมประยุกต์ถือ วา่ เป็นเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ท่ีมีบทบาทต่อการประกอบธุรกิจมาก พบว่า โปรแกรมประยุกต์มีบทบาท ต่อการจัดการงานประจาวัน (routine work) ที่เกิดขึ้นเป็นประจาทุกวัน เป็นการนาโปรแกรม ประยุกต์ใช้กับงานประจาวันเกิดเป็นระบบอัตโนมัติ ซึ่งในบทบาทน้ีเป็นการพัฒนาโปรแกรมข้ึนมา ประยกุ ต์ใช้เฉพาะดา้ น โปรแกรมในบทบาทนจ้ี ะมีราคาค่อนข้างสูง นอกจากนี้แล้ว โปรแกรมประยุกต์ ยังมีบทบาทช่วยสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งขัน โปรแกรมประยุกต์จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเฉพาะด้าน เช่นกัน และบทบาทประการสุดท้าย ช่วยให้เกิดการทางานร่วมกันบนพื้นฐานของระบบเครือข่าย สาหรับโปรแกรมประยุกต์น้ีจะถูกพัฒนาออกมาให้มีความสามารถสูง ใช้งานง่าย ราคาไม่แพง และท่ี สาคัญหาซ้ือได้ง่าย จากบทบาทส่งผลให้โปรแกรมประยุกต์เกิดประโยชน์ต่าง ๆ ในธุรกิจ โดยมี รายละเอียดดังนี้ (รจุ ิจนั ทร์ วชิ วิ านิเวศน,์ 2560, หน้า 16) 1. โปรแกรมประยุกต์ส่งผลให้เกิดเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ บุคลากรในองค์การเกิดการ เรียนรู้ในการใชง้ านโปรแกรมประยุกตเ์ พื่อการปฏิบัตงิ าน 2. โปรแกรมประยุกต์ช่วยสร้างความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน การจัดการ และการตัดสินใจ ตลอดจนการปรบั เปลย่ี นกระบวนการทางานได้อยา่ งเหมาะสมกบั สถานการณ์
7 3. โปรแกรมประยุกต์ช่วยสร้างและธารงรักษาความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจอย่าง ต่อเนอ่ื ง 4. โปรแกรมประยุกตช์ ่วยเพ่ิมรายไดก้ บั องคก์ าร 5. โปรแกรมประยกุ ตส์ ง่ ผลให้ลดค่าใช้จ่ายเก่ยี วกบั แรงงานและลดการใช้ทรัพยากรทีซ่ ้าซ้อน 6. โปรแกรมประยกุ ตเ์ พ่มิ คุณภาพของสินค้าและบริการเพ่ือให้ได้มาตรฐานทีก่ าหนด 7. โปรแกรมประยกุ ตส์ ร้างความแตกตา่ งระหวา่ งองค์การ จากประโยชน์ของโปรแกรมประยุกต์ พบว่า ช่วยสร้างมูลค่ามหาศาลต่อการประกอบธุรกิจ ใน ยุคแห่งการเจริญเติบโตที่พึงพาเทคโนโลยี ผู้ใช้งานโปรแกรมประยุกต์สามารถเลือกใช้งานได้ตาม ลักษณะและเปูาหมายของธุรกิจ ซึ่งมีท้ังราคาที่แตกต่างกันตามความสามารถ สามารถจ้าง โปรแกรมเมอร์มาพัฒนาโปรแกรมประยุกต์เฉพาะด้าน หรือจะใช้วิธีการซ้ือเข้ามาใช้งาน ข้ึนอยู่กับ สภาพของธุรกจิ ด้วยเชน่ กัน โปรแกรมประยุกต์ยังมีข้อจากัดอีกหลายส่วนที่ผู้ประกอบการธุรกิจพึงทา ความเขา้ ใจดว้ ยว่า โปรแกรมประยุกต์อาจต้องใช้ระยะเวลาในการออกแบบและพัฒนานาน เพื่อให้ได้ โปรแกรมประยุกต์ท่ีตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง โปรแกรมประยุกต์จะต้องใช้ทีมงานพัฒนาท่ีมี ความเช่ียวชาญเฉพาะและยังต้องใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการดูแลซ่อมบารุงตามมา มีความเสี่ยง ของระบบต่อความผิดพลาดสูงเนื่องจากในระหว่างการพัฒนาระบบหากไม่ได้นาไปทดสอบอย่าง จริงจัง อาจจะทาให้คุณสมบัติบางอย่างของโปรแกรมและประสิทธิภาพโดยรวมไม่ดีพอ จึงทาให้เกิด ปัญหาขึ้นมาได้ คุณสมบัติบางอย่างอาจจะใช้ไม่ได้เลย ซ่ึงเป็นคุณสมบัติท่ีเกินความจาเป็นและไม่มี ความต้องการใช้งานใด ๆ โปรแกรมจะขาดคุณสมบัติบางอย่าง หากต้องการเปล่ียนแปลงอาจต้อง จ่ายเงินในราคาที่แพงข้ึน แต่ในบางโปรแกรมก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีความยืดหยุ่นและอาจ ไมเ่ หมาะสมกับงานในปจั จุบนั ที่จาเป็นตอ้ งปรับเปล่ยี นหรอื แก้ไขระบบอยบู่ ่อย ๆ โปรแกรมประยุกต์มีประโยชน์และข้อจากัดที่หลากหลายด้านต่อธุรกิจที่นามาประยุกต์ใช้งาน ท้ังน้ี ผู้ประกอบการจักต้องเรียนรู้และทาความเข้าใจการประกอบธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างความ เข้าใจในความหมายและลักษณะท่ีสาคัญของธุรกิจ และปัจจัยต่าง ๆ ท่ีส่งผลถึงการนาโปรแกรม ประยุกต์เขา้ มาใช้งานในธุรกจิ ความหมายและความสาคญั ของธุรกิจ ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวันของ คนเรามากขึ้นจนกลายเปน็ สว่ นหนงึ่ ในการดาเนนิ ชีวติ ของคนเกือบทุกระดับ ซ่ึงบทบาทและประโยชน์ ของเทคโนโลยีสารสนเทศจะทาให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ความสะดวกสบายมากข้ึนจากสิ่งอานวยความ สะดวก เกิดความเท่าเทียมกัน เกิดการกระจายโอกาส อาทิเช่น การเรียนการสอนทางไกลผ่าน ดาวเทียม เกดิ สอ่ื การเรียนการสอนแบบการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ประหยัดค่าใช้จ่ายและ เวลา มีความสะดวกสบายในการติดต่อหรือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร สามารถเพ่ิมช่องทางเลือกใน การรับรู้ข่าวสารของประชาชนให้มากข้ึน ลดแรงงานคนในการทางานต่าง ๆ เช่น ควบคุมการผลิต และช่วยในการคานวณ เป็นแหล่งความบันเทิงสนุกสนานในสังคม และรวมไปถึงส่งผลต่อการ ประกอบธุรกิจในปัจจุบันด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากจะประกอบธุรกิจในปัจจุบัน จึงจาเป็นต้องมีความ
8 เข้าใจในความหมายของคาว่า ธุรกิจ อย่างถ่องแท้เสียก่อน จึงจะสามารถนาไปประยุกต์กับการ ประกอบธรุ กิจในลกั ษณะแบบสมัยใหม่ ธุรกิจ ตรงกับคาในภาษาอังกฤษว่า บิซิเนส (business) ซ่ึงมาจากคาว่า บีซี่ (busy) ท่ีแปลว่า ยุ่ง วุ่น มีงานมาก มีธุระยุ่ง ดังน้ัน ธุรกิจจึงเป็นเรื่องท่ีจะต้องคิด ต้องแก้ปัญหา และต้องพัฒนาอยู่ ตลอดเวลา ความจริงคาว่า ธุรกิจ น้ีเป็นคากลาง ๆ ไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องของเอกชนหรือของ รัฐบาล และกิจกรรมต่าง ๆ ที่กระทากันโดยทั่ว ๆ ไปน้ันถือว่าเป็นธุรกิจ เพียงแต่เวลาที่พูดถึงธุรกิจ มักจะรับรู้ว่าเป็นเร่ืองของเอกชน เป็นเรื่องของการมุ่งหวังกาไร เพราะฉะนั้นความหมายท่ีรับรู้กัน ณ วนั น้ี คอื วา่ ธรุ กิจเปน็ เร่ืองของกิจการท่ีเขา้ มารบั ความเสี่ยง กิจจา บานชื่น และกณิกนันต์ บานชื่น (2559, หน้า 87) อธิบายว่า ธุรกิจ หมายถึง กระบวนการของกิจการทางเศรษฐกิจที่สัมพันธ์เป็นระบบและอย่างต่อเนื่องในด้านการผลิต การซ้ือ ขายแลกเปล่ียนเก่ียวกับสินค้าและบริการ โดยมจี ดุ มุง่ หมายท่จี ะไดก้ าไรหรือผลตอบแทนจากกิจกรรมน้ัน ธนวุฒิ พิมพ์กิ (2556, หน้า 1) อธิบายว่า ธุรกิจ หมายถึง กิจกรรมท่ีดาเนินการโดยบุคคลหรือ องค์การเพื่อก่อให้เกิดรายได้ โดยมุ่งหวังกาไร ธุรกิจเป็นการผลิตสินค้าเพ่ือจาหน่าย การซ้ือสินค้ามา เพอ่ื จาหนา่ ยตอ่ หรือเปน็ การใหบ้ ริการก็ได้ ประจวบ เพิ่มสุวรรณ (2558, หน้า 2) อธิบายว่า ธุรกิจ หมายถึง อาชีพท่ีเก่ียวกับการค้าขาย จะเปน็ การผลติ สินค้าหรอื บริการ มีการซ้ือขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการท่ีถูกทาข้ึนจะถูกนามาซื้อ ขายแลกเปลี่ยน ซ่ึงมีผลประโยชน์ตอบแทน คือ จะได้กาไรหรือขาดทุนเป็นผลตอบแทนจากการ กระทากจิ กรรมนนั้ จากความหมายสรปุ ไดว้ ่า ธุรกิจ หมายถึง กิจกรรมตา่ ง ๆ ที่กอ่ ให้เกิดสินคา้ หรอื บริการเปน็ ผลจากการ ผลิต เกิดการแลกเปลี่ยนกันเพื่อประโยชน์ท่ีหวังไว้เป็นกาไร จนสินค้าหรือบริการน้ันถึงมือผู้บริโภคด้วย กระบวนการกิจกรรมของธุรกิจการผลิต การซื้อ ขาย การจาแนกแจกจ่ายสินค้า การขนส่ง การธนาคาร การประกันภยั และอ่ืน ๆ เป็นตน้ ดังนั้น ธุรกิจจะเก่ียวข้องกับเรื่องการผลิต การบริการ การจาหน่าย และ กาไร กล่าวได้ว่า การประกอบธุรกิจ คือ การผลิตสินค้าและบริการ และการนาสินค้าและบริการนั้นมา จาหน่ายให้แก่ผู้บริโภค ฉะน้ัน ถ้าการผลิตสินค้าหรือบริการน้ัน ๆ ได้ถูกนามาใช้บริโภคเอง ไม่ได้นาไปขาย หรือจาหน่ายจึงเรียกว่า การอุปโภคบริโภค (consumption) ของตนเอง แต่ถ้าการผลิตสินค้าและบริการได้ ถูกนาไปขายหรือจาหนา่ ยตอ่ ไปจงึ เรียกว่า การค้า (commences) การประกอบธุรกิจ (business activities) สรุปได้ว่า ธรุ กจิ เป็นกระบวนการดาเนนิ กิจกรรมทางดา้ นการผลิต การจาหนา่ ย และการให้บริการ ปัจจุบันธุรกิจมีอิทธิพลอย่างมากต่อชีวิตประจาวันและมีความจาเป็นต่อเศรษฐกิจ ทั้งน้ีเนื่องจาก มนุษย์มีความต้องการเป็นพ้ืนฐาน และเพ่ือขวนขวายให้ได้มาซ่ึงส่ิงต่าง ๆ สาหรับมาบาบัดความต้องการ ของตนเองและครอบครัว จึงก่อให้เกิดกิจกรรม (activities) ประเภทต่าง ๆ ท่ีถือว่าเป็นธุรกิจข้ึน ธุรกิจจึง เกิดขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือจะบาบัดหรือสนองความต้องการของมนุษย์ ธุรกิจเป็นพลังผลักดันที่ ครอบคลุมไปท่ัวสังคมของมนุษย์ เป็นท่ีก่อให้เกิดการว่าจ้างแรงงาน เป็นแหล่งท่ีใช้ทรัพยากรมากท่ีสุด เป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดรายได้และภาษีอากร ซึ่งแต่ละปัจจัยดังกล่าวน้ีมีอิทธิพลท่ีจะก่อให้เกิดมูลค่าทาง เศรษฐกิจและสังคม ความสาเร็จของธุรกิจขึ้นอยู่กับความสามารถและความชานาญของมนุษย์ตลอดจน สุขภาพและความคิดอ่าน เพราะพลังมนุษย์เป็นส่ิงสาคัญในการประกอบการ อย่างไรก็ตามธุรกิจต่าง ๆ
9 นั้นมิได้ต้ังข้ึนแต่เพียงเพ่ือแสวงหากาไรเท่านั้น หากยังได้ทาประโยชน์ให้กับสังคมโดยการจัดให้มีสินค้า และบรกิ ารสนองตอบความต้องการของสงั คมดว้ ย (มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง, 2561) หลังจากท่ีได้ทราบความหมายของธุรกิจไปแล้ว สิ่งที่ต้องศึกษาเพิ่ม คือ ผู้เรียนต้องมีความเข้าใจ กับลักษณะที่สาคัญของธุรกิจ ธุรกิจมีบทบาทต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก ก่อให้เกิดการ นาทรัพยากรมาใช้ให้เปิดประโยชน์ ช่วยให้ผู้บริโภคมีสินค้าหรือบริการมาบาบัดความต้องการ พัฒนา ความเป็นอยูข่ องตนเอง ธุรกิจจะช่วยขจัดปัญหาการว่างงาน กระจายรายได้สู่ประชาชน ทาให้เกิดรายได้ หมุนเวียนในประเทศ ทาใหป้ ระเทศมีรายได้มาในรูปแบบภาษีอากร ที่สาคัญแล้วเม่ือมีรายได้ประเทศเข้า มา ประเทศชาติก็นารายได้ส่วนนี้มาพัฒนาประเทศต่อไป ธุรกิจเป็นหัวใจสาคัญของสังคม สังคมจะ เจริญก้าวหน้า มคี วามเป็นอยูท่ ่ีดี เป็นท่ียอมรับของชาวต่างประเทศ ก็ต้องอาศัยความเจริญของธุรกิจ ซึ่ง ไดส้ รปุ ความสาคญั ของธุรกิจไว้ โดยมรี ายละเอียดดังน้ี (ประจวบ เพ่มิ สวุ รรณ, 2558, หนา้ 4-5) 1. ผลติ สินค้าและบริการเพ่ือที่จะใหป้ ระชาชนโดยทว่ั ไปไดใ้ ช้ใหเ้ กิดประโยชน์ 2. หน่วยงานธุรกิจนั้นช่วยให้ประชาชนมีงานทาและมีรายได้ในการจับจ่ายใช้สอย ในการซ้ือสินค้า และบริการมาใช้ ทาใหเ้ กดิ การกินดีอยู่ดี 3. ทาให้เศรษฐกิจของประเทศชาติดีข้ึน มีรายได้เข้าประเทศในการจัดจาหน่ายสินค้าและบริการ ออกตา่ งประเทศ 4. สินค้าและบริการที่ธุรกิจผลิตข้ึนนั้นต้องมีมาตรฐาน และมีคุณภาพที่ดีไม่เป็นอันตรายต่อ ประชาชนหรอื ผู้ใช้ 5. ในการปฏิบัติกิจกรรมทางธุรกิจภายในระบบธุรกิจ ก่อให้เกิดพันธมิตรนานาประการ ทั้งภายใน และภายนอกท้องถิ่นทีธ่ ุรกิจตง้ั อยู่ ทาใหม้ กี ารเก้ือกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกันในลักษณะการเป็นพันธมิตร 6. การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีซง่ึ กนั และกนั จากผลติ ภัณฑท์ ี่แลกเปลย่ี นกันใช้ กล่าวโดยสรุปว่า ธุรกิจมีความสาคัญและมีประโยชน์ คือ ธุรกิจจะผลิตสินค้าและบริการเพื่อสนอง ความต้องการของมนุษย์ในสังคม เพราะความต้องการของมนุษย์แตกต่างกัน ไม่มีท่ีสิ้นสุด และสร้างความ พึงพอใจ ธุรกิจยังช่วยให้กระจายสินค้าและบริการจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภค เป็นแหล่งตลาดแรงงาน การ ดาเนินธุรกิจจึงทาให้คนมีงานทา มีรายได้ ส่งผลถึงการมีรายได้ให้แก่รัฐบาลโดยการเสียภาษีตามท่ี กฎหมายกาหนด ธุรกิจจึงช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศท่ีเกิดจากการส่งสินค้าออกไปจาหน่ายยัง ต่างประเทศ เกิดรายได้เขา้ สู่ประเทศ เป็นการพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง
10 ปจั จัยท่สี าคัญและรูปแบบของการประกอบธรุ กจิ การดาเนินธุรกิจต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันจึงจะเกิดเป็นกิจกรรมในการประกอบ ธุรกิจ ปัจจัยท่ีจะกล่าวถึงต่อไปน้ีจะขาดปัจจัยใดปัจจัยหน่ึงไม่ได้ ซึ่งโดยท่ัวไปแล้วจะเป็นปัจจัยพื้นฐานใน การประกอบธุรกิจ ประกอบด้วย 6 ปัจจัย หรือเรียกว่า 6 M’s คือ คน (man) เงิน (money) วัสดุหรือ วัตถุดิบ (material) วิธีปฏิบัติงาน (method) เครื่องจักร อุปกรณ์ (machine) และการจัดการ (management) โดยมรี ายละเอียดดังนี้ (กจิ จา บานชน่ื และกณิกนนั ต์ บานชืน่ , 2559, หนา้ 89-90) 1. คน ถือว่าเป็นปัจจัยที่สาคัญที่สุด เพราะการประกอบธุรกิจจะเกิดข้ึนได้ต้องอาศัยความคิด ของคน มีคนเป็นผู้ดาเนินการหรือเปน็ ผจู้ ัดการ จึงจะทาใหเ้ กดิ กจิ กรรมทางธุรกิจท่ีหลากหลายรูปแบบ โดยวงจรการประกอบธุรกิจจะพบเจอผู้คนท่ีมาจากระดับต่าง ๆ มีท้ังผู้บริหารระดับสูง ระดับกลาง ระดับล่าง หรือแม้แต่กลุ่มคนระดับเดียวกันท่ีทางานร่วมกัน จึงจะทาให้ประสบความสาเร็จในการ ประกอบธรุ กจิ 2. เงิน ปจั จยั ทีส่ าคัญอีกหนง่ึ ปัจจัยหากไม่มีหรือมีจานวนไม่เพียงพอท้ังในยามปกติและฉุกเฉิน อาจส่งผลต่อระบบกระบวนการในการประกอบธุรกิจหยุดชะงักลงได้ การลงทุนในแต่ละธุรกิจย่อมมี ความแตกตา่ งกนั ออกไปตามประเภทธุรกิจ กล่าวได้ว่า ธุรกิจขนาดใหญ่กับขนาดเล็กหรือแม้แต่ขนาด ยอ่ ม ย่อมใช้เงนิ ทุนสูงต่าต่างกัน ดังน้ัน การวางแผนท่ีดีในการใช้เงินทุน การจัดการหาเงินทุน จึงเป็น กจิ กรรมทส่ี าคัญท่กี อ่ ให้เกิดผลตอบแทนสูงสดุ คุ้มกับเงินที่นามาลงทุน 3. วัสดุหรือวัตถุดิบ ในการผลิตสินค้าต้องอาศัยวัตถุดิบในการผลิตค่อนข้างมาก ผู้บริหารจึง ต้องรู้จักบริหารวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพ เพ่ือให้เกิดต้นทุนด้านวัตถุดิบต่าสุด ซึ่งจะส่งให้ธุรกิจมีผล กาไรสูงสุดตามมา 4. วิธีปฏิบัติงาน เป็นวิธีการปฏิบัติงานในแต่ละข้ันตอนของการดาเนินธุรกิจ ซึ่งต้องมีการ วางแผนและควบคุม เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ เกิดความคล่องตัวสอดคล้องกับ สภาพแวดลอ้ มท้งั ภายในและภายนอกกิจการ 5. เคร่ืองจักร อุปกรณ์ นับว่าเป็นปัจจัยท่ีสาคัญที่ทาให้ได้กาไรหรือขาดทุนมากท่ีสุดของธุรกิจ มักเกดิ จากเครอื่ งจักรและอปุ กรณ์การทางานเป็นส่วนใหญ่ 6. การจัดการ เป็นเร่ืองสาคัญที่สุดเพราะถ้าการบริหารไม่ดีแล้ว ธุรกิจน้ันก็ไม่สามารถท่ีจะอยู่ ได้ กิจการหรอื ธุรกิจต้องลม้ เลกิ ไปในที่สดุ กลา่ วโดยสรุปว่า จากปัจจยั ที่สาคญั ของการประกอบธุรกิจ ได้กล่าวไว้ 6 ปัจจัย ซึ่งแต่ละปัจจัย ถือว่าเป็นปัจจัยที่สาคัญท้ังสิ้น หากขาดปัจจัยใดไปธุรกิจอาจจะไม่ประสบความสาเร็จ การประกอบ ธุรกิจในยุคปัจจุบันท่ีเทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว อยู่ในยุคของข้อมูลข่าวสารท่ีเกิดการ แลกเปล่ียนกันอย่างง่ายและรวดเร็ว ปัจจัยการประกอบธุรกิจยุคใหม่จึงเพิ่มเป็น 8 ปัจจัย ได้แก่ คน (man) เงิน (money) วัสดุสิ่งของ (material) การจัดการ (management) ตลาด (market) เครื่องจักร (machine) วิธีการทางาน (method) และเวลา (minute) เพื่อให้เหมาะสมกับยุคดิจิทัล การใช้ ปจั จยั ดังกลา่ วอาจตอ้ งอาศยั ปจั จัยอน่ื ๆ ในด้านข้อมูลข่าวสาร (information) มาช่วยในการตัดสินใจ ในการประกอบธุรกิจ เม่ือผลิตออกเป็นสินค้าหรือบริการแล้ว กิจกรรมท่ีจะตามมา คือ การจัด จาหนา่ ย (distributions) ซง่ึ เป็นการดาเนนิ กิจกรรมเก่ียวกับการกระจายและจาหน่ายสินค้าทั้งสินค้า
11 หรือบริการประกอบกับกระบวนการท่ีให้บริการ (service) ที่สนองความพึงพอใจต่อลูกค้า และส่ิงท่ี ผู้ประกอบการธรุ กิจจะไดร้ บั หรอื คาดหวังน่ัน คือ กาไร (profit) ผลตอบแทนท่ีผู้ประกอบการธุรกิจจะ ได้รับจากการดาเนินงาน โดยเกิดจากผลต่างระหว่างรายได้ของธุรกิจและต้นทุนในการดาเนินงาน ดังนั้น กาไรจึงเป็นสิ่งจูงใจในการดาเนินธุรกิจอย่างไรก็ตามผู้ดาเนินธุรกิจต้องรับความเสี่ยง จากการ ดาเนินงานด้วยเช่นกัน แต่นอกเหนือจากกาไรแล้ว ยังมีสิ่งอื่นอีกที่ธุรกิจจะต้องคานึงถึงนั้นคือความ รับผิดชอบตอ่ ผบู้ รโิ ภค ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม ความรบั ผดิ ชอบต่อลูกจ้างพนักงาน ฯลฯ เปน็ ตน้ ผู้ประกอบธุรกิจเกือบทุกประเภทมีจุดมุ่งหมายท่ีสาคัญอย่างเดียวกัน คือ ต้องการกาไร แต่ ธรุ กิจไม่ควรมงุ่ กาไรสูงสดุ เพราะธุรกิจควรมีหนา้ ท่ีในการรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมด้วย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจ บางอย่างท่ีต้ังข้ึนมาโดยไม่มุ่งหวังผลกาไร เช่น กิจการไฟฟูา ประปา การเดินรถประจาทาง โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา เป็นต้น บรรดาผู้ประกอบธุรกิจมีจุดมุ่งหมายที่สาคัญพอจะแยกได้ 2 ประการ คือ มุ่งหวงั กาไร (profit earning) และไมไ่ ดม้ ุ่งหวังกาไร (social prestige) ในการดาเนินธุรกิจนั้น ผลต่างระหว่างรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมด คือ กาไรหรือขาดทุนของ ธุรกิจ นอกจากจุดมุ่งหมายของการประกอบธุรกิจข้างต้นแล้ว ยังมีวัตถุประสงค์ท่ีสาคัญของการ ประกอบธุรกิจ ประกอบด้วย เพื่อความม่ันคงของกิจการ เพื่อความเจริญเติบโตของธุรกิจ เพื่อ ผลประโยชน์หรือกาไร และเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม จากวัตถุประสงค์ดังกล่าวจัดว่าเป็น วตั ถปุ ระสงค์ของธรุ กิจเอกชน แตย่ งั มกี ารประกอบธรุ กิจบางประเภทที่ไม่ได้หวังผลกาไร ได้แก่ กิจการ ประเภทสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น การดาเนินกิจการของการไฟฟูา การประปา หรื อ การสื่อสารแห่งประเทศไทย เป็นต้น กิจการดังกล่าวดาเนินการโดยรัฐบาล ซึ่งวัตถุประสงค์เพื่อให้ ประชาชนกินดอี ย่ดู ี มคี วามสะดวกสบาย (กิจจา บานชน่ื และกณกิ นันต์ บานชน่ื , 2559, หนา้ 88-89) จากจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของการประกอบธุรกิจ จึงก่อให้เกิดความหลากหลายของ ธรุ กิจมรี ปู แบบท่ีแตกตา่ งกนั ออกไป ผู้ประกอบการธุรกิจอาจเลือกประกอบธุรกิจตามปัจจัยที่ตนเองมี อยู่สูง หรือประกอบธุรกิจตามวัตถุประสงค์และเปูาหมายท่ีตั้งไว้ ซึ่งรูปแบบการประกอบธุรกิจ มี ลักษณะดงั ต่อไปน้ี กิจจา บานช่ืน และกณิกนันต์ บานชื่น (2559, หน้า 90-93) ได้อธิบายถึงรูปแบบของธุรกิจไว้ว่า ธุรกิจมี 8 รูปแบบ ได้แก่ ธุรกิจเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วน บริษัท กิจการร่วมค้า กองทุนธุรกิจ โฮลดิง้ คอมพานี สหกรณ์ และรัฐวสิ าหกิจ ประจวบ เพม่ิ สวุ รรณ (2558, หนา้ 5-10) ได้อธบิ ายถึงรูปแบบของธุรกิจไว้ว่า ธุรกิจอาจแบ่งได้ หลายรูปแบบแตกต่างกัน ได้แก่ การแบ่งประเภทของธุรกิจตามลักษณะการดาเนินงาน ตามลักษณะ ความเปน็ เจ้าของ และตามลกั ษณะของกิจกรรมท่ีกระทา กล่าวโดยสรุปว่า รูปแบบของธุรกิจจะแบ่งประเภทของธุรกิจตามลักษณะการดาเนินงาน ตาม ลักษณะความเป็นเจา้ ของและตามลักษณะของกจิ กรรมท่ีกระทา โดยมรี ายละเอยี ดดังนี้ 1. แบ่งตามประเภทของธุรกิจตามลักษณะการดาเนินงาน ได้แก่ การพาณิชย์ และการ อุตสาหกรรม 2. แบ่งตามประเภทของธุรกิจตามลักษณะความเป็นเจ้าของ ได้แก่ กิจการเจ้าของคนเดียว หา้ งหุ้นส่วน บริษัทจากดั รัฐวิสาหกิจ สหกรณ์ กองทนุ ธุรกิจ กจิ การร่วมคา้ และโฮลด้ิงคอมพานี
12 3. แบ่งตามประเภทของธุรกิจตามลักษณะของกิจกรรมที่กระทา ได้แก่ ธุรกิจการเกษตร เหมืองแร่ อุตสาหกรรม ก่อสรา้ ง การพาณชิ ย์ การเงนิ การใหบ้ รกิ าร และธรุ กิจอ่นื ๆ การประกอบธุรกิจทาให้เกิดกระบวนการในการแปลงสภาพวัตถุดิบ แปลงทรัพยากรให้เป็น ผลผลติ สดุ ท้ายกลายเป็นสินคา้ หรอื บรกิ ารตามความต้องการของผูบ้ ริโภค ก่อให้เกิดกิจกรรมการผลิต การจาหน่าย การบริการ และกาไร สิ่งเหล่าน้ีล้วนเกิดข้ึนจากบุคคลท้ังนั้น บุคคลเป็นองค์ประกอบ หนง่ึ ทีเ่ ข้ามาทาให้กิจกรรมต่าง ๆ เคลื่อนไหว บคุ คลเหลา่ นนั้ ประกอบดว้ ย (เตรยี มสอบออนไลน์, 2561) 1. ผ้ปู ระกอบการ (entrepreneur) คอื ผทู้ ี่ยอมทมุ่ เทเวลา ความพยายาม และเงินทุน เพ่ือเร่ิม และดาเนินธุรกิจ โดยมุ่งหวังผลกาไรท่ีเกิดจากธุรกิจ เป็นผลประโยชน์ตอบแทนความเสี่ยงในการ ลงทุนทาธุรกิจ ซ่ึงบางครั้งธุรกิจนอกจากจะไม่มีกาไรเป็นค่าตอบแทนความเส่ียงแล้ว ยังอาจประสบ กับภาวะขาดทนุ ดว้ ยกไ็ ด้ ผลตอบแทนความเสยี่ ง (risk) จากการลงทุนทาธุรกิจประเภทต่าง ๆ น้ัน จะ เป็นไปตามหลักการท่ีว่า ถ้ามีระดับความเส่ียงต่าผลตอบแทนก็มักต่า ถ้ามีระดับความเส่ียงสูง ผลตอบแทนก็มกั จะสูง (high risk high returns) 2. ผู้ให้สินเชื่อ (creditors) คือ ผู้ที่ให้เงินแก่ผู้ประกอบการกู้ยืมไปลงทุน โดยต้องการ ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยและการส่งคืนเงินต้นจากกิจการ ซ่ึงผู้ให้สินเชื่ออาจจะเป็นบุคคลหรือ สถาบันการเงินก็ได้ 3. พนกั งานภายในองค์การธรุ กจิ (employees) คือ พนกั งานทุกระดบั นับต้ังแต่พนักงานระดับ ปฏิบัติการ (คนงาน) หัวหน้างาน ผู้จัดการ จนกระท่ังถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัท (Chief Executive Officer: CEO) ซึ่งเป็นผู้ที่มีอานาจและมีบทบาทมากในการส่ังการทุก ๆ อย่างภายใน องค์การธรุ กจิ มหี น้าทรี่ บั ผดิ ชอบการกาหนดนโยบายและการวางแผนกลยทุ ธภ์ ายในบริษทั 4. ลูกค้า (customers) คือ บุคคลท่ัวไปท่ีให้การสนับสนุนกิจการโดยการซื้อสินค้าและบริการ กิจการทุกกิจการจะอยู่ไม่ได้เลยหากไม่มีลูกค้า ดังน้ัน ลูกค้าจึงเปรียบเหมือนหัวใจที่สาคัญท่ีสุดของ กิจการ บางคร้ังถึงขนาดมีการกล่าวกันว่า ลูกค้าเปรียบเหมือนพระราชา (customers is the king) หมายความวา่ เวลากิจการจะทาอะไรตอ้ งยึดความพอใจของลกู คา้ เปน็ หลัก บุคคลเหล่าน้ีเข้ามาเก่ียวข้องโดยตรงกับธุรกิจ (key participants) จะเห็นได้ว่าคนที่ต้องยอม ทุ่มเทเวลา ความพยายาม และเงินทุน เพื่อเริ่มและดาเนินธุรกิจนั้น คือ ผู้ประกอบการ ตัวผู้ประกอบการต้องมีความเข้าใจในหลักการประกอบธุรกิจอย่างแท้จริง พนักงานก็ถือว่าเป็นกาลัง สาคัญที่จะนาพาธุรกิจไปสู่เปูาหมายได้ หากผู้ประกอบการไม่ได้รับความร่วมมือจากพนักงานด้วยกัน อาจก่อให้ธุรกิจเกิดความเสียหายจนเป็นที่มาของการขาดทุน และในส่วนบุคคลภายนอกที่เข้ามา เก่ียวข้องคือผู้ให้สินเชื่อ และลูกค้า ทั้งสองกลุ่มน้ีเป็นบุคคลภายนอกที่เป็นผู้นาเงินมาให้ธุรกิจใน ลักษณะต่างกัน คือ ผู้ให้สินเชื่อย่ืนเงินกู้ให้จะหวังดอกเบ้ียจากเรา ส่วนลูกค้าจะไม่ได้หวังดอกเบี้ยแต่ เป็นการหวังความพงึ พอใจน่นั เอง
13 หน้าท่ีทางธุรกจิ และวฏั จักรของธุรกิจ โดยทัว่ ไปแลว้ การประกอบธุรกิจหน้าทภี่ ายในธรุ กิจ เพ่ือใหท้ รพั ยากรทางานประสานกันอย่างมี ประสิทธิภาพ ทุกหน้าที่จะสัมพันธ์ต้องมีการทากิจกรรมท่ีประสานกัน เพ่ือให้การปฏิบัติงานภายใน ธุรกิจมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งไปสู่เปูาหมายเดียวกัน ซึ่งหน้าที่ต่าง ๆ เหล่าน้ันแบ่งหน้าที่ต่าง ๆ ออกเป็น 5 หนา้ ท่ี โดยมีรายละเอยี ดดงั นี้ (กจิ จา บานชืน่ และกณิกนนั ต์ บานชน่ื , 2559, หนา้ 87) 1. หน้าท่ีเกี่ยวกับการผลิตและการดาเนินงาน (production and operations function) เป็นกจิ กรรมซงึ่ เก่ียวข้องกับการผลิตสินค้าและบริการ โดยผ่านกระบวนการแปรสภาพ (conversion process) จากปัจจัยนาเข้าเพื่อให้ออกมาเป็นปัจจัยนาออก เพื่อให้มีความสม่าเสมอในการผลิตสินค้า ใหส้ อดคล้องกบั การออกแบบทางวศิ วกรรม โดยก่อให้เกิดผลเสียต่าสุดและเกิดผลผลิตสูงสุดตลอดจน มคี วามรวดเรว็ ตอ่ การปรับเข้าหาความต้องการซ้อื ของลกู คา้ ได้ 2. หน้าที่เก่ียวกับการตลาด (marketing function) การตลาดเป็นกระบวนการวางแผนและ การบริหารแนวความคิดเก่ยี วกับการตั้งราคา การส่งเสรมิ การตลาด การจัดจาหนา่ ยสนิ คา้ บริการหรือ ความคิดเพื่อสร้างให้เกิดการแลกเปล่ียน เพ่ือตอบสนองความพึงพอใจของบุคคลและบรรลุเปูาหมาย ขององคก์ าร 3. หน้าที่เก่ียวกับการเงิน (financial function) การเงินเป็นการใช้กลยุทธ์ทางการเงิน เพื่อ ความอยู่รอด ความเจริญเติบโต และความคล่องตัวทางด้านการเงิน เพื่อให้เกิดกาไรสูงสุดและความ ม่ังคั่งสูงสุด หรือเป็นงานที่เก่ียวข้องกับการจัดหาเงินทุน และการใช้เงินทุนด้วยวิธีการท่ีทาให้เกิด มูลค่าของธรุ กจิ สงู 4. หน้าท่ีเกี่ยวกับการบัญชี (accounting function) การบัญชีเป็นข้ันตอนของระบบการ รวบรวม การวิเคราะห์และการรายงานหรือสรุปข้อมูลทางการเงิน หรือเป็นการออกแบบระบบการ บนั ทึกรายการ การจัดทารายงานทางการเงิน โดยใชข้ อ้ มลู ท่บี นั ทึกไวแ้ ละแปลความหมายของรายการน้ัน 5. หน้าที่เก่ียวกับบุคคลากร (personal function) หรือการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (human resources management) เป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจเพื่อให้บรรลุ วัตถุประสงคข์ ององคก์ ารและเปูาหมายเฉพาะบุคคล หน้าที่ทางธุรกิจตามท่ีได้กล่าวไว้ข้างต้น นอกจากน้ีแล้วยังมีหน้าท่ีของธุรกิจอื่น ๆ อีก ได้แก่ การผลิตสินค้า การให้บริการ การจาแนกแจกจ่ายสินค้า การจัดซ้ือ การเก็บรักษา การจัดจาหน่าย การจัดการทางการเงนิ การจดั ทาบญั ชี และการทาการโฆษณาสินค้า กล่าวโดยสรุปวา่ นอกเหนือจากหนา้ ท่ีดังกลา่ วข้างต้นแลว้ ทตี่ ้องทางานประสานกันและสัมพันธ์ เพื่อให้ธุรกิจไปสู่เปูาหมายยังมีหน้าที่อื่น ๆ อีกท่ีเกิดขึ้นตามสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่มีการพัฒนา ทางด้านเทคโนโลยี เช่น หน้าที่ระบบสารสนเทศ (information system) หรือระบบสารสนเทศของ กิจการ (management information system) เป็นระบบของกระบวนการข้อมูลท่ีออกแบบเพื่อรวบรวม เก็บรักษา แยกแยะ และนากลับมาใช้เพ่ือสนับสนุนการวางแผน การตัดสินใจ การประสานงาน และ การควบคมุ เปน็ ต้น
14 อยา่ งไรก็ตามก็ยังต้องอาศยั หลกั ขององค์การและการจัดการแบบด้ังเดิมที่เรียกว่า องค์การและ การจัดการ (organization and management) คาว่า องค์การ (organization) เป็นระบบการ จัดการที่ออกแบบและดาเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง หรือหมายถึง บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึน้ ไป ทางานร่วมกนั และประสานงานกนั เพอ่ื ให้ผลลพั ธ์ของกลมุ่ ประสบความสาเร็จ ส่วนคาว่า การจัดการ (management) เป็นกระบวนการเพ่ือให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์การ โดยใช้การวางแผน (planning) การจัดองค์การ (organization) การชักนา (leading) และการ ควบคุม (controlling) ทรัพยากรมนุษย์ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ การเงิน ทรัพยากรข้อมูลของ องค์การไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและประสิทธิผล จากหน้าที่ดังกล่าวข้างต้น จึงสรุปได้ว่า การประกอบ ธุรกิจนั้นมีหน้าท่ีสาคัญอยู่ 5 ประการ คือ การบัญชี การเงิน การตลาด ทรัพยากรมนุษย์ การผลิต และการดาเนนิ งาน ซ่งึ มีความสอดคลอ้ งกับระบบสารสนเทศทางธุรกิจ แสดงดงั ภาพที่ 1.1 การบัญชี การเงิน การตลาด หนา้ ท่ี ของธรุ กจิ การผลิตและ ทรัพยากร การ มนษุ ย์ ดาเนนิ งาน ภาพท่ี 1.1 หนา้ ที่ของธรุ กิจ ทีม่ า (กจิ จา บานช่ืน และกณิกนันต์ บานชื่น, 2559, หน้า 87; โอภาส เอย่ี มสิรวิ งศ,์ 2560, หน้า 246) เม่ือผู้ประกอบการธุรกิจได้ดาเนินกิจกรรมตามหน้าท่ีของธุรกิจที่ต้องเผชิญไปสักระยะจะพบ กับเหตุการณ์ต่าง ๆ หรอื ผลกระทบทงั้ ดแี ละไมด่ ี หมุนเวียนกนั ไปคลา้ ยกับเป็นวงจรหรือวฏั จักร ดังน้ัน วงจรของธุรกิจ จึงถูกเรียกว่า วัฏจักรของธุรกิจ (business cycle) เป็นสิ่งท่ีเกิดข้ึนซ้า ๆ ในธุรกิจ อย่างไรก็ตามในบางตาราอาจเรียกช่ือน้ีต่างกัน แต่มีลาดับข้ันตอน 4 ขั้น โดยมีรายละเอียดดังน้ี (บลอ็ กเชน-รวี วิ , 2561) 1. ช่วงฟื้นตัว (recovery stage) ถ้าเป็นธุรกิจใหม่จะเรียกว่า ช่วงเริ่มต้น ถ้าเป็นธุรกิจท่ี พยายามเอาตัวรอดจากช่วงตกต่า เรียกว่า ช่วงฟื้นฟู เป็นขั้นท่ีธุรกิจเริ่มฟ้ืนตัวและเข้าสู่ข้ัน เจริญร่งุ เรอื งอีกครง้ั หนึง่
15 2. ชว่ งเตบิ โต (expansion stage) เป็นชว่ งทเี่ ตบิ โตอย่างรวดเร็ว ถ้าหากว่ารอดจากช่วงแรกท่ี เป็นช่วงเริ่มต้นหรือฟ้ืนฟูจากตกต่ามาได้ เป็นข้ันตอนที่นักลงทุนนิยมลงทุนมากท่ีสุด เพราะเป็นข้ันที่ ธุรกจิ กาลงั ขยายตวั อยา่ งรวดเร็ว 3. ชว่ งอ่ิมตัว (peak stage) เปน็ ช่วงท่ีอยูเ่ ฉย ๆ ก็มรี ายได้ ไมต่ อ้ งดน้ิ รนกวา่ 2 ช่วงแรก 4. ช่วงตกต่า (recession stage) ช่วงท่ีขายไม่ได้แล้ว อาจเพราะมีส่ิงทดแทนหรือสิ่งที่พัฒนา ดีกว่า เป็นข้ันท่ีธุรกิจจาเป็นต้องลดการผลิตและลดการลงทุน เนื่องจากสินค้าขายไม่ออกและมีราคา ต่าจนผผู้ ลติ ขาดทุน ซง่ึ บรษิ ทั มหี นา้ ท่ีทีจ่ ะต้องหาทางปรับปรุงเพอ่ื เอาตัวรอดจากช่วงน้ี การดาเนินการทางธุรกิจในยุคปัจจุบัน ควรมุ่งเน้นในเร่ืองการทากาไรเท่าท่ีสามารถทาได้ (feasible profit) เพราะสภาพเศรษฐกจิ ทีต่ กต่าและถดถอยในยุคปัจจุบันนั้น การประคองตัวให้ธุรกิจ อยู่รอดก็ถือว่าประสบความสาเร็จแล้ว ตัวอย่างประเทศท่ีพัฒนาเศรษฐกิจสู่ความเป็นประเทศ อตุ สาหกรรมใหม่ (Newly Industrial Countries) เรยี กประเทศเหล่านี้ว่า 4 เสือเศรษฐกิจของเอเชีย หมายถึง 4 ประเทศท่ีพัฒนาเศรษฐกิจสู่ความเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่ เกาหลีใต้ (South Korea) ไต้หวัน (Taiwan) ฮ่องกง (Hong Kong) และสิงคโปร์ (Singapore) จากข้อมูลข้างต้นวงจร ของธุรกจิ แสดงดังภาพที่ 1.2 ภาพท่ี 1.2 วงจรของธรุ กิจ ทมี่ า (บล็อกเชน-รีวิว, 2561)
16 ปัจจยั หลักการขบั เคลื่อนธุรกิจส่เู ศรษฐกจิ ดิจทิ ัล การประกอบธรุ กิจแบบดง้ั เดมิ ถกู เปลย่ี นมาอยู่ในรูปแบบสมัยใหม่มากขึ้น เป็นเพราะเทคโนโลยี ทีเ่ ปลย่ี นผา่ นจากเดิมมาสู่ยุคดิจิทัล จึงเกิดข้อแตกต่างระหว่างการทาธุรกิจแบบท่ัวไปกับแบบพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ข้ึน กล่าวคือ การทาธุรกิจแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลความคุ้มค่าในการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ ยังช่วยตอบสนองการแข่งขันทางธุรกิจใน ระยะเวลาอันสั้น มีช่องทางการติดต่อส่ือสารกับลูกค้าท่ีสะดวกและรวดเร็ว เป็นการบริการตลอด 24 ช่ัวโมง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมสินค้าคงคลัง การซื้อขาย และการรับชาระเงิน เป็นต้น นอกจากน้ียัง ช่วยในเรื่องปฏิสัมพันธ์ในการตอบโต้ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาสินค้า การเปรียบเทียบสินค้าและราคา การติดต่อสอ่ื สารกบั บคุ คลอนื่ โดยปราศจากการครอบงาของผู้ขาย อีกอย่างพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ยัง ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านสถานประกอบการ แต่ยังมีคุณสมบัติเป็นตลาดเสมือนจริง (virtual market) เพ่ือสร้างแรงดึงดูดใจแก่ลูกค้าให้มาใช้บริการ ระบบช่วยเก็บพฤติกรรมของ ผ้บู ริโภค ซ่ึงจะเห็นได้วา่ ผู้บริโภคมีการใชเ้ คร่อื งโทรศพั ท์เคล่ือนท่ีที่เรียกว่า โมบายคอมเมิร์ซ (mobile commerce) หรือเอ็ม คอมเมิร์ซ (M-commerce) ทาให้เกิดเป็นระบบเครือข่ายโครงข่ายเศรษฐกิจ (network commerce) ท่ีมีขนาดใหญ่และไร้พรมแดน เพ่ิมความสะดวกสบายในการทาธุรกรรมต่าง ๆ ไดอ้ ย่างทั่วถงึ ประการสดุ ทา้ ยพาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนิกส์ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีให้กับผู้ประกอบการ มากยง่ิ ขน้ึ สามารถแสดงให้เห็นขอ้ แตกตา่ งระหว่างการทาธุรกิจทั่วไปกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แสดงดัง ภาพท่ี 1.3 ภาพท่ี 1.3 ขอ้ แตกต่างระหวา่ งการทาธุรกจิ ทั่วไปกบั พาณิชย์อิเลก็ ทรอนิกส์ ท่มี า (Finance-Rumour.com, 2563) จะเห็นได้ว่าปัจจัยหลัก ๆ ท่ีทาให้กระบวนการประกอบธุรกิจแบบทั่วไปกลายเป็นระบบ พาณชิ ยอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ ประการแรก คือ ปัจจัยทางดา้ นเทคโนโลยี (technology factors) ส่วนปัจจัย อ่นื ๆ ทจ่ี ะชว่ ยขับเคลือ่ นการประกอบธรุ กิจไปส่รู ะบบเศรษฐกิจดจิ ิทลั ได้ ประกอบดว้ ย ปัจจัยทางด้าน เทคโนโลยี ปัจจัยทางการเมือง (political factors) ปัจจัยทางสังคม (social factors) และปัจจัยทาง เศรษฐกิจ (economic factors) โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี (โอภาส เอ่ียมสริ ิวงศ,์ 2556, หนา้ 37-38)
17 1. ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี ปัจจัยทางด้านน้ีจะเก่ียวข้องกับโครงสร้างพ้ืนฐานและ สถาปัตยกรรม การพฒั นาเพอ่ื การเข้าถึงเทคโนโลยใี หม่ ๆ 2. ปัจจัยทางการเมือง เป็นปัจจัยท่ีเก่ียวข้องกับบทบาทรัฐบาล ภาครัฐให้การสนับสนุนด้าน การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ การออกกฎหมายเพ่ือบังคับใช้กับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกรรมต่าง ๆ ลายเซ็นดิจิทัล นโยบายสาธารณะที่ภาครัฐสนับสนุนการเจริญเติบโตของการทาธุรกรรมทาง อเิ ล็กทรอนิกส์ เช่นการจัดเกบ็ ภาษีการค้าอิเลก็ ทรอนกิ ส์ เพอื่ นามาเป็นรายได้ของแผ่นดิน 3. ปจั จยั ทางสงั คม เกยี่ วขอ้ งกบั ระดับการศึกษา และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ การฝึกอบรมท่ีก่อให้เกิดศักยภาพประชากร มีความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้แก่ ทักษะแรงงาน จานวนผู้ใช้ออนไลน์ อัตราการซ้ือเครื่องคอมพิวเตอร์ ระดับความสามารถในด้านไอที วัฒนธรรมท่ีมี ตอ่ เทคโนโลยใี นแต่ละประเทศ 4. ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เกี่ยวข้องกับความม่ังคั่งและสภาพเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึง องค์ประกอบในเร่ืองการเติบโตของเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) รายได้เฉล่ีย ประเทศ ตน้ ทนุ ทางเทคโนโลยี อัตราคา่ ใช้จา่ ยในการเขา้ ถงึ ระบบสอ่ื สาร ความก้าวหน้าด้านโครงสร้าง พื้นฐานดา้ นการพาณิชย์ภาคธนาคาร ระบบการชาระเงนิ และแบบจาลองธุรกิจนวตั กรรม สิ่งที่ผู้ประกอบการธุรกิจจาเป็นต้องเรียนรู้ให้มากข้ึนนอกจากธุรกิจแล้ว เทคโนโลยีเป็นส่วน หนึ่งท่ีทาให้ธุรกิจในปัจจุบันประสบความสาเร็จ บล็อกวัน (2561) ได้ยกตัวอย่างของอาลีบาบา (Alibaba) ของแจ็คหม่า (Jack Ma) คนส่วนใหญ่น่าจะนึกถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นหลัก เพราะเป็น ธุรกิจแรก ๆ ท่ีทาใหอ้ าลบี าบาเตบิ โตข้ึนมาจนทุกวันนี้ และตลอดระยะเวลากว่า 19 ปี ของการเติบโต ของบริษัท อาลีบาบาได้แตกธุรกิจออกไปมากมาย ทั้งท่ีเป็นบริษัทลูกและท่ีอาลีบาบาไปลงทุนถือหุ้น ใหญ่ ซึ่งอาลีบาบาแบ่งธุรกิจหลักออกเป็น 4 กลุ่ม คือ ธุรกิจคอมเมิร์ซ ธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง สื่อ บันเทิง และเทคโนโลยีนวัตกรรมอื่น ๆ เป็นต้น สาหรับตัวอย่างเว็บไซต์ธุรกิจของอาลีบาบา แสดงดัง ภาพท่ี 1.4 ภาพท่ี 1.4 เวบ็ ไซต์อาลีบาบาดอทคอม ทม่ี า (อาลบี าบาดอทคอม, 2562)
18 นอกจากน้ันแล้ว ยงั มธี ุรกิจอเมซอนดอทคอม เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อต้ังอเมซอน ยักษ์ใหญ่ค้าปลีก ออนไลน์ชาวอเมริกัน ผงาดข้ึนเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก หลายคนคุ้นเคยกับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ของอเมซอนดอทคอมซ่ึง เป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์ใหญ่ท่ีสุดในโลก เร่ิมต้นจากการขายหนังสือ ออนไลนเ์ พยี งธรุ กิจเดียว ในปี 1994 ซึง่ ประสบความสาเรจ็ อยา่ งลน้ หลาม นับเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจ ดอทคอม สิ่งที่เกิดข้ึน คือ ร้านขายหนังสือช่ือดังในสหรัฐอเมริกาท้ังหลายได้รับผลกระทบกับธุรกิจ ออนไลน์กันจนหลายค่ายต้องปิดตัวลงและอีกหลายค่ายต้องปรับตัวนาร้านค้าไปขายในโลกออนไลน์ บางรายยกระดับมาให้บริการแบบอี-บุ๊ก (E-book) ผลสาเร็จของอเมซอนได้ขยายผลิตภัณฑ์ขาย ออนไลน์ จนถึงปัจจุบันเว็บไซต์ของอเมซอนมีสินค้าจาหน่ายแทบทุกประเภทที่ต้องการ นอกจากนี้ อเมซอนยังเป็นผู้เปิดตลาดลาโพงอัจฉริยะในไลน์ผลิตภัณฑ์เอคโค่ (Echo) ซึ่งได้พัฒนา ผ้ชู ว่ ยเลขาส่วนตัวภายใตช้ ่อื อเลก็ ซา่ (Alexa) ออกมารับใชเ้ จ้าของผลิตภัณฑ์ จนบริษัทเทคโนโลยีต้อง รับพัฒนาผลิตภัณฑ์ตาม ไม่ว่าจะเป็นค่ายกูเกิ้ล แอปเปิ้ล และอีกหลายค่าย ขณะเดียวกันหลาย ๆ ผลิตภณั ฑไ์ ดน้ าอเล็กซา่ ไปพฒั นาใสใ่ นผลิตภณั ฑ์ของตนเอง จุดเด่นของอเมซอนเป็นการใช้ออมนิแชนแนล (omni channel) คือ การใช้กลยุทธ์สื่อสารกับ ลูกค้าทกุ ชอ่ งทางทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางค้าปลีกด้ังเดิมหรือเป็นร้านค้าปลีก ทั่วไป แบบว่าไร้รอยต่อเจอกันได้ทุกรูปแบบ จึงได้เห็นอเมซอนเปิด อเมซอนโก (Amazon Go) ร้านค้าแบบร้านสะดวกซื้ออัจฉริยะที่ไม่ต้องมีแคชเชียร์ ลูกค้าเพียงแค่หยิบสินค้าออกจากร้าน แล้ว ปลอ่ ยเป็นหน้าทีข่ องเทคโนโลยีจะจับตาดูว่าซื้อสินค้าอะไร ราคาเท่าไร และเก็บเงินผ่านบัญชีของคุณ ที่เปิดไว้กับร้านค้าซ่ึงนับว่าสะดวกมาก สาหรับตัวอย่างเว็บไซต์ธุรกิจอเมซอน (ไทยรัฐ ออนไลน์, 2561) แสดงดังภาพที่ 1.5 ภาพท่ี 1.5 เวบ็ ไซต์อเมซอนดอทคอม ที่มา (อเมซอนดอทคอม, 2562)
19 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับงานธุรกิจ ในระบบงานในองค์กรและงานด้านบริหารในโลกยุค ใหม่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ทาให้การค้าและการดาเนินธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง องค์กรต่าง ๆ เร่ิมพยายามเปลี่ยนแปลงให้ก้าวทันสู่ยุคของการค้ารูปแบบใหม่ โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพื่อ เพ่ิมชอ่ งทางการค้าขายการตลาดและการบริการไปสู่กลุ่มลูกค้าท้ังเก่าและใหม่ เป็นการสร้างความพึง พอใจแก่ลูกค้า จึงเกิดธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-คอมเมิร์ซ (E-Commerce) จัดเป็น ทางเลอื กหนงึ่ ท่ีช่วยให้องค์กรได้เปรียบคู่แข่งขัน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การดาเนินธุรกิจซ้ือ ขายโดยใช้ส่ืออิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนหน่ึงของอี-บีซิเนส (E-Business) หมายถึง การทากิจกรรมทุก ๆ อย่างทุกขั้นตอนผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึงมีขอบเขตที่กว้างกว่าอีคอมเมิร์ซท่ี เป็นการดาเนินธุรกิจโดนอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคมเป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ สามารถติดตอ่ สอ่ื สารกบั ลกู ค้า คน้ หาข้อมูลหรือทางานรว่ มกนั ได้ นอกจากระบบพาณชิ ยอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ทีน่ ามาชว่ ยในการประกอบธุรกิจแลว้ ยังมเี ทคโนโลยีอ่ืน ๆ อกี ท่ีผปู้ ระกอบการธุรกิจจาเป็นต้องนาไปใช้งาน จาพวกโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ ไม่ ว่าจะเป็นโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจในด้านการบัญชีการเงิน ด้านการตลาด ด้านการบริหาร ทรัพยากรมนุษย์ และด้านการผลิตการดาเนินงาน เป็นต้น โปรแกรมประยุกต์อาจเป็นโปรแกรม ประยุกต์เฉพาะด้าน หรือโปรแกรมประยุกต์ท่ีใช้งานทั่วไป แต่องค์กรสามารถนามาช่วยในการ ปฏบิ ตั งิ านได้ เพอื่ ลดภาระข้ันตอนบางประการ เพ่อื ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้แต่กระทั่งการรับส่งข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันก็ตาม ยังต้องอาศัย เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ตัวอย่างเช่น การแลกเปล่ียนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (electronic data interchange) จึงได้มแี นวคิดท่ีจะทาใหค้ อมพวิ เตอร์ช่วยการค้าทั้งสองฝุายแลกเปลี่ยนเอกสารกันทาง อิเล็กทรอนิกส์ได้โดยตรง คือ คอมพิวเตอร์ของฝุายหนึ่งจัดส่งเอกสารต่าง ๆ ท่ีเคยต้องพิมพ์ลงไปใน เอกสารนั้นไปให้คอมพิวเตอร์ของอีกฝุายหน่ึงในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผ่านระบบเครือข่าย หรอื เน็ตเวริ ์กแบบที่จดั สรา้ งขน้ึ โดยเฉพาะ หรือสง่ ผา่ นสายโทรศัพท์ซง่ึ ช่วยเพมิ่ ความเร็วในการทางานได้มาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามอาจจะพบปัญหาบ้างในการนาเทคโนโลยีมาช่วยในการประกอบธุรกิจ สิ่งท่ีต้อง คานงึ ถงึ ก็คือความปลอดภัยน่ันเอง ปลอดภัยในข้อมูลสารสนเทศของธุรกิจ อาจต้องศึกษาเร่ืองของการนา โปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจเข้ามาใช้งานให้เหมาะสมกับหน้าที่องค์การธุรกิจ และการนาเทคโนโลยีท่ี เก่ยี วข้องเข้าช่วยในการประกอบธรุ กิจเพ่ิมเติม ซึง่ มีรายละเอียดในบทถัดไป
20 สรปุ ท้ายบท โปรแกรมประยุกต์ถูกนามาใช้งานในการประกอบธุรกิจกับงานด้านการบัญชี การเงิน การตลาด การผลิตการดาเนินงาน และทรัพยากรมนุษย์ โปรแกรมประยุกต์มีลักษณะที่สาคัญตาม ลักษณะงาน จึงเป็นเร่ืองสาคัญที่ต้องคานึงถึงตอนการนาไปประยุกต์กับงานในลักษณะต่าง ๆ โปรแกรมประยกุ ตส์ ามารถชว่ ยเพิ่มคณุ ค่ากระบวนการทางธรุ กิจ การขยายตัวของธรุ กจิ ในอนาคต ธรุ กิจ คอื กิจกรรมตา่ ง ๆ ทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ การผลิตสนิ ค้าและบริการโดยมีการซ้ือขายแลกเปลี่ยนกัน และมวี ัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ตอ้ งการประโยชนห์ รือ กาไรจากการกระทากิจกรรมน้นั กระบวนการของธุรกิจ ท่ีประกอบไปด้วยการผลิตสินค้า หรือการให้บริการตามความต้องการของผู้บริโภค รวมท้ังการ จาหน่ายสินค้า ก่อให้เกิดกิจกรรมที่ถือว่าเป็นธุรกิจขึ้น ก่อให้เกิดการว้าจ้างแรงงาน เกิดรายได้ ภาษี ส่งผลต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ธุรกิจ มิได้มุ่งหวังเพียงแต่เฉพาะกาไรเท่านั้น แต่ยังทา ประโยชน์ให้กับสังคมได้อีกด้วยหรือที่เรียกว่า มีความรับผิดชอบต่อสังคม ธุรกิจจึงมีความสาคัญต่อ ระบบเศรษฐกิจและสังคม เกิดการนาทรัพยากรของประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ทาให้ ผู้บริโภคมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ยังช่วยในเร่ืองของการว่าจ้างแรงงาน กระจายรายได้สู่ประชาชน เพ่ิมพูนรายได้ให้กับประเทศในรูปแบบภาษีอากร ประชาชนมีโอกาสเลือกสินค้าหรือบริการท่ีสนอง ความพึงพอใจสูงสุด และทส่ี าคัญประเทศสามารถนาภาษอี ากรทจ่ี ดั เก็บไปพฒั นาประเทศต่อไปได้ ทั้งนี้ปัจจัยการผลิตนั้นก็ประกอบด้วย คน เงิน วัตถุดิบ วิธีปฏิบัติงาน เครื่องจักร และการ จัดการ แตใ่ นปัจจบุ นั จะพบวา่ ยงั ต้องอาศยั ปจั จัยดา้ นข้อมูลข่าวสารมาช่วยในการตัดสินใจอีกทางหน่ึง ด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วการประกอบธุรกิจน้ันมีจุดหมายหลัก ๆ 2 ประการ คือ มุ่งหวังกาไร และ ไม่ได้ ม่งุ หวงั กาไร ในการใชโ้ ปรแกรมประยุกต์ทางธรุ กิจ สว่ นใหญแ่ ลว้ นาไปประยกุ ต์กับหน้าท่ีองค์การธุรกิจ ซ่ึงประกอบด้วย หน้าท่ีเก่ียวกับการผลิต การตลาด การเงิน การบัญชี และบุคลากร เรียนรู้วงจรของ ธุรกจิ ทเ่ี รยี กวา่ เป็นวัฏจักร ได้แก่ ช่วงฟื้นตัว ช่วงเติบโต ช่วงอิ่มตัว และช่วงตกต่า บุคคลที่เกี่ยวข้องน้ี ต้องรับมือกับสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นอย่างทันท่วงทีและพร้อมปรับปรุงพัฒนาอยู่เสมอ ซ่ึงก็อาจอาศัย เทคโนโลยเี ขา้ มาชว่ ยในการประกอบธุรกิจ เลือกนาโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจมาใช้ให้เหมาะสมกับ หนา้ ทง่ี านในด้านตา่ ง ๆ โดยหน้าท่ีแตล่ ะหนา้ ทน่ี น้ั สามารถนาโปรแกรมประยกุ ต์มาใช้งานให้เหมาะสม เพอ่ื ให้งานในธุรกจิ ดาเนินไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ
21 คาถามทา้ ยบท กจิ กรรมดา้ นทฤษฎี 1. จงอธิบายแนวคดิ เกย่ี วกับการใชโ้ ปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจ 2. จงอธบิ ายความหมายและความสาคญั ของธุรกิจ 3. จงวิเคราะห์วา่ ปัจจัยท่ีสาคัญของการประกอบธุรกจิ ปจั จัยใดมคี วามสาคัญมากท่ีสดุ เพราะเหตุใด 4. จงอธบิ ายจุดมุ่งหมายของการประกอบธุรกจิ มีอะไรบ้าง 5. รปู แบบของธุรกิจท่แี บ่งตามลักษณะกิจกรรมที่กระทา ได้แก่ รปู แบบธรุ กิจในแบบใดบ้าง 6. จงอธบิ ายวา่ รูปแบบการประกอบธรุ กจิ แต่ละรูปแบบแตกต่างกนั ในเร่ืองใดบา้ ง 7. จงจาแนกหน้าทแี่ ละความรับผดิ ชอบขององค์การธรุ กิจใหเ้ หน็ อย่างชดั เจนพรอ้ มกบั อธบิ ายแตล่ ะหนา้ ที่ 8. วฏั จกั รของธุรกิจในแตล่ ะช่วงมคี วามแตกต่างกนั อย่างไร 9. จงอธิบายว่ามปี ัจจยั หลักใดที่สง่ ผลต่อการขบั เคล่อื นธุรกิจส่เู ศรษฐกจิ ดจิ ทิ ลั 10. ถ้าผู้เรียนเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ ผู้เรียนจะประกอบธุรกิจอะไร และมีแนวคิดนาโปรแกรม ประยุกตไ์ ปใช้งานทางธุรกจิ ของตนเองอย่างไร กจิ กรรมด้านปฏบิ ตั ิ 1. แบ่งกลุ่มจานวน 5 กลุ่ม เพ่ืออภิปรายแนวคิดการนาโปรแกรมประยุกต์มาช่วยในการประกอบ ธรุ กจิ ใหป้ ระสบความสาเรจ็ ไดอ้ ยา่ งไร โดยสบื ค้นข้อมลู ผปู้ ระกอบการธรุ กิจ ท่ีมีการนาเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้จนประสบความสาเร็จและมีชื่อเสียง จานวน 1 ธุรกิจ นาเสนอข้อมูลหน้าช้ันเรียนโดย เลอื กใช้สอื่ นาเสนออเิ ล็กทรอนิกส์ต่อไปนี้ไม่ซ้าประเภทกนั 1.1 Keynote – PowerPoint Alternative 1.2 SlideDog 1.3 Slideshark 1.4 Prezi For Business 1.5 Slidesnack
22 เอกสารอา้ งอิง กิจจา บานชนื่ และกณิกนนั ต์ บานช่นื . (2559). หลักการจดั การ. กรงุ เทพฯ: ซเี อ็ดยูเคชั่น. ฉัตยาพร เสมอใจ. (2552). การจัดการธุรกิจขนาดยอ่ ม. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยเู คชั่น. ธนพล ศรธี ญั พงศ์. (2560). มองโลกาภวิ ัตน์ยุคใหม่ผ่านแนวคิด digital globalization และ platform business. คน้ เม่ือ กมุ ภาพนั ธ์ 10, 2562, จาก https://www.prachachat.net/columns/news-40127. ธนวฒุ ิ พิมพก์ .ิ (2556). การเป็นผูป้ ระกอบการทางธุรกิจ. กรุงเทพฯ: โอเดยี นสโตร.์ บลอ็ กวนั . (2561). เปดิ อาณาจกั ร Alibaba มีอะไรอยู่ในมือ Jack Ma บา้ ง. ค้นเม่ือ มกราคม 13, 2562, จาก https://www.blognone.com/node/102636. บลอ็ กเชน-รีววิ . (2561). วัฏจักรของธรุ กิจคอื อะไร. คน้ เม่ือ มกราคม 13, 2562, จาก https://blockchain-review.co.th/blockchain-review/business-cycle/. ประจวบ เพ่มิ สุวรรณ. (2558). ความรู้เบอ้ื งตน้ ทางธรุ กิจ. ปทมุ ธาน.ี มหาวิทยาลยั กรงุ เทพ. มหาวิทยาลัยรามคาแหง (2561). ลักษณะทว่ั ไปและความสาคญั ของธุรกจิ . คน้ เม่ือ มกราคม 13, 2562, จาก http://www.rubook.com/sheet/gm103.html. รุจจิ นั ทร์ วชิ ิวานิเวศน์. (2560). สารสนเทศทางธรุ กิจ. กรุงเทพฯ: ซเี อด็ ยูเคช่นั . หนงั สือพมิ พ์ไทยรฐั ออนไลน์. (2561). อเมซอนดอทคอม. ค้นเม่ือ กมุ ภาพนั ธ์ 10, 2562, จาก https://www.thairath.co.th/content/1224455. อเมซอนดอทคอม. (2562). อเมซอนดอทคอม. คน้ เม่ือ กมุ ภาพนั ธ์ 10, 2562, จาก https://www.amazon.com/. อาลีบาบาดอทคอม. (2562). อาลีบาบาดอทคอม. ค้นเมือ่ กมุ ภาพนั ธ์ 10, 2562, จาก https://thai.alibaba.com/. โอภาส เอ่ียมสริ ิวงศ.์ (2556). พาณชิ ยอ์ เิ ล็กทรอนกิ ส์. กรงุ เทพฯ: ซเี อ็ดยูเคชั่น. ________. (2560). ระบบสารสนเทศเพ่อื การจดั การ. กรงุ เทพฯ: ซเี อ็ดยูเคชั่น. Finance-Rumour.com. (2563). E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) คอื อะไร แตกตา่ งกับธุรกจิ ทั่วไปอยา่ งไร. ค้นเมอื่ มกราคม 5, 2563, จาก https://www.finance-rumour.com/investment/e- commerce-vs-normal-business/.
แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 2 เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั การประกอบธรุ กจิ หัวขอ้ เน้อื หา 1. ความหมายและความสาคญั ของเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ส่วนประกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. เทคโนโลยสี ารสนเทศกับการพฒั นาประเทศ 4. กลยทุ ธ์ธุรกิจเพอ่ื สร้างความไดเ้ ปรยี บทางการแขง่ ขนั ในยคุ ดิจิทัล 5. ตัวอย่างการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีในการประกอบธรุ กิจ วตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 1. อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 2. อธิบายสว่ นประกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 3. อภปิ รายถึงคณุ คา่ ของเทคโนโลยีสารสนเทศเกยี่ วข้องกับการพฒั นาประเทศได้ 4. วิเคราะห์กลยทุ ธ์ธุรกจิ เพือ่ สร้างความไดเ้ ปรียบทางการแข่งขนั ในยุคดจิ ทิ ัลได้ 5. ยกตวั อย่างและเปรยี บเทยี บการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยใี นการประกอบธรุ กิจได้ วิธีสอนและกิจกรรมการเรียนการสอน 1. วธิ สี อน 1.1 วิธสี อนแบบบรรยาย 1.2 วธิ ีสอนโดยใชก้ รณีตัวอยา่ ง 1.3 วิธีสอนแบบอภิปรายรายกลมุ่ ย่อย 2. กจิ กรรมการเรียนการสอน 2.1 ผสู้ อนสอบถามข้อมูลผู้เรียนก่อนเร่ิมบรรยายว่า ถ้าสมมติให้ผู้เรียนเป็นผู้ประกอบการ ธุรกจิ อยากจะประกอบธุรกจิ อะไร และจะประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศมาช่วยงานในเร่ืองใด โดย ให้ผู้เรยี นตอบเปน็ รายบคุ คล เพื่อให้เพอ่ื นใหห้ ้องชว่ ยกนั อภิปรายถงึ ข้อดี ขอ้ เสีย 2.2 ผู้สอนบรรยายเรื่องตอ่ ไปน้ี 2.2.1 ความหมายและความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.2.2 ส่วนประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.2.3 เทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาประเทศ 2.2.4 กลยทุ ธ์ธรุ กิจเพอ่ื สร้างความได้เปรยี บทางการแขง่ ขนั ในยุคดจิ ิทัล 2.2.5 ตวั อยา่ งการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยใี นการประกอบธรุ กิจ
24 2.3 ผู้สอนยกตัวอย่างกรณีศึกษาธุรกิจที่นาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้งานพร้อมท้ังให้ นักศึกษาช่วยกันวิเคราะห์สาเหตุการนาเหล่าน้ันมาใช้ก่อให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันได้ อยา่ งไร 2.4 แบ่งกลุ่มผู้เรียนยกตัวอย่างกรณีศึกษาการประกอบธุรกิจ นาเทคโนโลยีสารสนเทศมา ใช้งานพร้อมทั้งให้นักศึกษาช่วยกันวิเคราะห์สาเหตุการนาเหล่าน้ันมาใช้ ก่อให้เกิดความได้เปรียบ ทางการแข่งขนั ได้อยา่ งไร 2.5 ผูเ้ รียนศกึ ษาเน้อื หาที่เรยี นพร้อมเปิดโอกาสใหแ้ ลกเปลี่ยนความรู้กับเพ่ือนในกลุ่ม และ ตอบคาถามท้ายบท 2.6 ผูเ้ รยี นฝึกปฏบิ ัตกิ ารใช้โปรแกรมประยุกตท์ ี่ให้บรกิ ารบนเครอื ขา่ ย สอ่ื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า การใชโ้ ปรแกรมประยุกต์ทางธรุ กจิ 2. โปรแกรมสาเร็จรปู Power Point ประกอบการสอน 2.1 ความหมายและความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.2 สว่ นประกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 2.3 เทคโนโลยีสารสนเทศกับการพฒั นาประเทศ 2.4 กลยทุ ธธ์ รุ กจิ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขนั ในยคุ ดจิ ทิ ลั 2.5 ตวั อยา่ งการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีในการประกอบธุรกิจ 3. โปรแกรม Search Engine เพอื่ สบื คน้ ข้อมูล 4. บทเรียนออนไลน์ www.elearningbynirut.com/moodle/ การวัดผลและประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมการอภิปรายรายกลุม่ 2. สงั เกตพฤติกรรมการทางานร่วมกัน 3. ตรวจผลงานการวิเคราะห์กรณีศึกษา 4. ตรวจผลงานการฝึกปฏิบัติการใช้โปรแกรมบนเวบ็ 5. ตรวจผลงานการตอบคาถามท้ายบท
25 บทท่ี 2 เทคโนโลยีสารสนเทศกบั การประกอบธรุ กจิ จากบทเรียนที่ผ่านมาทาให้ทราบความรู้เบื้องต้นเก่ียวกับโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจไปบ้าง แล้ว ซึ่งผู้เขียนได้เกริ่นในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการประกอบธุรกิจไว้ว่า การ ประกอบธุรกิจในยุคที่เรียกว่าไทยแลนด์ 4.0 จะอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการบริหาร จัดการ เพื่อทาให้ธุรกิจได้เปรียบในการแข่งขัน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมีหลากหลายวิธีการ อาจจะเลือกใช้แบบระบบออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หรือจะเลือกนาโปรแกรมประยุกต์ทาง ธุรกิจมาใช้ให้เหมาะสมกับหน้าท่ีงานในด้านต่าง ๆ เพ่ือให้งานในธุรกิจดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ โลกยุคการสื่อสารไร้พรมแดนในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทมากมายใน ชวี ติ ประจาวนั เชน่ การโอนเงินผา่ นแอปพลเิ คชนั การจองตั๋วภาพยนตร์หรือต๋ัวเครื่องบินผ่านสมาร์ทโฟน หรือจับจ่ายสินค้าบนอินเทอร์เน็ต ระบบสานักงานที่นาเอาคอมพิวเตอร์มาใช้จัดการเอกสาร การ เชื่อมโยงข้อมูลถึงกัน แม้กระท่ังการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพ่ือการตัดสินใจก็ดาเนินงานง่ายได้ ทนั ที นอกจากการเรยี นรูถ้ งึ ระบบธุรกิจแล้วยังตอ้ งทาความเข้าใจในส่วนท่ีเป็นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการส่อื สาร เพ่อื เปน็ พ้นื ฐานในการนาไปประยกุ ต์ใช้งานให้เหมาะสมกับธุรกจิ โดยในบทน้ีจะอธิบายถึง ความหมายและความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศส่วนประกอบ ของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาประเทศ กลยุทธ์ธุรกิจเพื่อสร้างความ ไดเ้ ปรียบทางการแข่งขันในยุคดิจิทลั และตวั อยา่ งการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยีในการประกอบธุรกิจ โดย มรี ายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปน้ี ความหมายและความสาคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ การนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการประกอบธุรกิจในยุคนี้เป็นส่ิงท่ีหลีกเล่ียงไม่ได้ แต่การ นาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ก็ควรจะมีการเลือกให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดคุ้มค่ากับการ ลงทุน คาว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ไอที มักนามาใช้อย่างกว้างขวาง เกือบทุก วงการลว้ นเห็นความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศกนั แทบท้งั ส้ินหรือโลกแห่งยคุ ไอที โอภาส เอ่ียมสิริวงศ์ (2560, หน้า 23) อธิบายว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีที่ ประกอบดว้ ยฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการส่ือสารโทรคมนาคม โดยเป็นเครื่องมือสาคัญที่มีต่อระบบ สารสนเทศทางธรุ กจิ มฑุปายาส ทองมาก (2559, หน้า 16) อธิบายว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง ฮาร์ดแวร์ หรือซอฟต์แวร์ท่ีองค์กรต้องการนาไปใช้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ซ่ึงเป็นเทคโนโลยีท่ีช่วย อานวยความสะดวกในการสร้างและบารุงรักษาระบบสารสนเทศ เป็นการนาความรู้ทางด้าน วิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพ่ือสร้างหรือจัดการกับสารสนเทศอย่างรวดเร็วและเป็นระบบโดยอาศัย เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ
26 วศิน เพ่ิมทรัพย์ (2561, หน้า 170) อธิบายว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การประยุกต์ เอาความร้ทู างด้านวิทยาศาสตร์มาจดั การสารสนเทศทตี่ ้องการ โดยอาศัยเครื่องมือทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีด้านเครือข่ายโทรคมนาคมและการสื่อสาร ตลอดจน อาศัยความรู้ในกระบวนการดาเนินงานสารสนเทศในขั้นตอนต่าง ๆ ต้ังแต่การแสวงหา การวิเคราะห์ การจัดเก็บ รวมถึงการจัดการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนสารสนเทศด้วย เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพความ ถกู ต้อง ความแม่นยา และความรวดเร็วทันตอ่ การนามาใชป้ ระโยชน์ สุพรรษา ยวงทอง (2557, หน้า 218) อธิบายว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การนาเอา ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาพัฒนาเป็นองค์ความรู้ใหม่เพ่ือนามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ ซ่ึง เทคโนโลยีท่ีนามาใชจ้ ดั การสารสนเทศตา่ ง ๆ เหลา่ นี้ อาจเก่ียวข้องกับเทคโนโลยีทางดา้ นคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีทางการส่ือสารและโทรคมนาคม โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์ (2561, หน้า 15) อธิบายว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ (information technology) หมายถึง เทคโนโลยีที่นามาใช้เพ่ือการผลิต การจัดการ การจัดเก็บ การส่ือสาร และ การเผยแพร่ข้อมูล นอกจากนี้ยังเก่ียวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงเข้ากับระบบสื่อสาร ความเร็วสูงเพ่ือนาส่งทั้งข้อมูล เสียง และวิดีโอ ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ทวี ีดิจทิ ลั และเครือ่ งใชไ้ ฟฟูาตา่ ง ๆ กล่าวโดยสรุปได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ เกิดจากคาว่า เทคโนโลยี และคาว่า สารสนเทศ รวมเข้าไว้ด้วยกัน เป็นการผสมผสานประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีมาช่วยเรื่องการผลิต การจัดการ การ จัดเก็บ การสื่อสาร และการเผยแพร่ข้อมูล ซึ่งจะช่วยอานวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการธุรกิจให้ บรรลุวัตถุประสงค์ โดยในการแสวงหา การวิเคราะห์และการจัดเก็บข้อมูล จาเป็นต้องอาศัย เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยเพ่ือให้เกิดความรวดเร็วและแม่นยา ในทานองเดียวกัน เทคโนโลยีทางด้านเครือข่ายการส่ือสารและโทรคมนาคมสามารถช่วยให้การเผยแพร่และแลกเปลี่ยน สารสนเทศทาได้ทว่ั ถงึ มากย่ิงข้ึน ซึ่งถ้าแบ่งองค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ จะมีส่วนประกอบ ที่สาคัญ 2 ส่วน คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (computer technology) และ เทคโนโลยีการสื่อสาร (communications technology) สว่ นประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนประกอบที่สาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ มีส่วนประกอบท่ีสาคัญอยู่ 2 ส่วน คือ เทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยกี ารสือ่ สาร โดยมรี ายละเอียดดังน้ี (โอภาส เอยี่ มสริ วิ งศ,์ 2561, หนา้ 15) เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ หมายถึง เทคโนโลยที ี่ก่อใหเ้ กิดเครอื่ งจักรชนดิ หนงึ่ ท่ีมีความสามารถใน การคานวณและประมวลผลได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเราเรียกว่า คอมพิวเตอร์ (computer) ซึ่ง ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมใช้งานอย่างกว้างขวาง ธุรกิจสามารถใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือช่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น การนามาใช้เพื่อ แก้ไขปัญหาด้านการจัดการ เพ่ิมความเร็วและความถูกต้องในการทางาน และช่วยปรับปรุง ประสิทธิภาพดา้ นการผลิต เปน็ ตน้
27 เทคโนโลยีการสื่อสาร หมายถึง เทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้องกับการส่ือสารระยะไกลผ่านระบบ โทรคมนาคม เช่น ระบบโทรศัพท์ วิทยุ และการแพร่ภาพทางทีวี/เคเบ้ิลทีวี ส่ิงสาคัญของการสื่อสาร คือ ทาใหค้ อมพวิ เตอร์แต่ละเครอื่ งสามารถสื่อสารระหว่างกันได้ จนก่อให้เกิดการสื่อสารออนไลน์ของ ผู้คนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และปรากฏคาว่า ออนไลน์ (online) ซ่ึงหมายถึง การนาคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์มาเช่ือมต่อผ่านเครือข่ายเพ่ือเข้าถึงข่าวสารและบริการต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ แลกเปลีย่ นข่าวสารและใช้ทรพั ยากรรว่ มกันบนเครอื ข่าย กล่าวโดยสรุปว่า เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการส่ือสาร เป็นโครงสร้างพ้ืนฐาน ในการสร้างระบบสารสนเทศ ซ่ึงสามารถแยกย่อยออกเป็น 4 ส่วน คือ เทคโนโลยีด้านฮาร์ดแวร์ ด้านซอฟต์แวร์ ด้านการจัดการข้อมูล และด้านเครือข่ายโทรคมนาคม ระบบสารสนเทศจึงได้รับ ผลกระทบจากเทคโนโลยีสารสนเทศ ยิ่งเทคโนโลยีสารสนเทศถูกพัฒนามากขึ้นเท่าใด ระบบ สารสนเทศก็จะมีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่สนับสนุนดียิ่งขึ้น หรือระบบสารสนเทศต้อง ถูกปรับเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ระบบจัดการฐานข้อมูล และเครือข่ายให้สอดคล้องกับ เทคโนโลยีใหม่มากข้ึน โดยแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังน้ี (มฑุปายาส ทองมาก, 2559, หน้า 16) 1. เทคโนโลยีด้านฮาร์ดแวร์ (hardware) หมายถึง การนาระบบสารสนเทศเข้ามาใช้งานในองค์ ธุรกิจ องค์ประกอบที่สาคัญอย่างหน่ึง คือ ฮาร์ดแวร์ ซึ่งหมายถึง ส่วนเครื่องหรืออุปกรณ์ใด ๆ ท่ีเรา สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ในเชิงกายภาพ สามารถจาแนกออกเป็น อุปกรณ์นาเข้า อุปกรณ์ประมวลผล อุปกรณ์แสดงผล อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์ส่ือสาร เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของระบบ คอมพวิ เตอร์ (โอภาส เอ่ียมสิรวิ งศ์, 2561, หน้า 32) สาหรบั เทคโนโลยดี า้ นฮารด์ แวร์ แสดงดงั ภาพที่ 2.1 ภาพท่ี 2.1 คอมพวิ เตอรส์ ว่ นบคุ คล และคอมพิวเตอรเ์ คลือ่ นที่ ที่มา (มฑปุ ายาส ทองมาก, 2559, หนา้ 70) 2. เทคโนโลยีด้านซอฟต์แวร์ (software) หมายถึง กลุ่มของชุดคาส่ังที่เขียนข้ึนเพื่อให้ คอมพิวเตอร์ทางานได้ตามความต้องการ การทคี่ อมพิวเตอร์ทางานได้อย่างอัตโนมัติท่ีมนุษย์ไม่ต้องเข้าไป เกี่ยวข้องในการประมวลผลน้ัน ส่วนหน่ึงเป็นผลจากการทางานของซอฟต์แวร์น่ันเอง และผู้ท่ีเขียน ชุดคาส่ังน้ีข้ึนมา เรียกว่า นักเขียนโปรแกรม (programmer) หรือนักพัฒนาโปรแกรม (developer) ซ่ึง ในปัจจุบันมีการสร้างซอฟต์แวร์ขึ้นมานับได้มากมาย แต่เพ่ือความเข้าใจตาราส่วนใหญ่แล้วจะแบ่ง ออกเป็น 2 ประเภท คือ ซอฟต์แวร์ระบบ กับ ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (วศิน เพิ่มทรัพย์, 2561, หน้า 78) สาหรับประเภทของซอฟตแ์ วร์ แสดงดังภาพที่ 2.2
28 ซอฟตแ์ วร์ (software) ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ (system software) (application software) ภาพที่ 2.2 ประเภทของซอฟตแ์ วร์ ท่มี า (วศิน เพ่มิ ทรัพย,์ 2561, หนา้ 78) 3. เทคโนโลยีด้านการจัดการขอ้ มลู หมายถงึ การนาเทคโนโลยีมาจัดการข้อมูล ซ่ึงอาจเรียกว่า ระบบจัดการฐานข้อมูลที่ต้องใช้ในการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ดูแลการเข้าถึง การค้นคืน การ เพ่มิ การลบ และการแก้ไขข้อมูลในฐานข้อมูล ซ่ึงแบ่งประเภทออกเป็น 4 ประเภท คือ ระบบจัดการ ฐานข้อมลู เชิงลาดบั ชั้น ระบบจัดการฐานข้อมูลแบบข่ายงาน ระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ และ ระบบจดั การฐานข้อมูลเชิงวัตถุ เทคโนโลยีด้านการจัดการข้อมูลในยุคปัจจุบันมีความหลากหลาย ถูก พัฒนาเพื่อเก็บข้อมูลในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป รองรับการเก็บข้อมูลปริมาณมาก และมี เคร่อื งมอื ทสี่ นับสนนุ การใช้ประโยชน์จากข้อมูลปริมาณมากเหล่าน้ัน เช่น การใช้บริการหน่วยเก็บบน คลาวด์ (cloud) คลังข้อมูล (data warehouse) ตลาดข้อมูล (data mart) และข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) เป็นตน้ (มฑุปายาส ทองมาก, 2559, หน้า 130-134) 4. เทคโนโลยดี า้ นเครือขา่ ยโทรคมนาคม หมายถึง การตดิ ต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ท่ีอย่ตู า่ งทีก่ นั เครอื ข่ายจึงเปน็ องคป์ ระกอบที่สาคญั สาหรับการนาระบบสารสนเทศมาใช้ เครือข่ายคือ การเช่ือมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เข้าด้วยกัน ผ่านอุปกรณ์สื่อสาร (communications device) และตัวกลางสือ่ สัญญาณ (transmission media) ตามโพรโตคอลเครือข่าย (network protocol) ซ่ึง เป็นเกณฑ์วิธีในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เพื่ออานวยความสะดวกในการสื่อสาร โดยโทรคมนาคม (telecommunication) คือ การส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่าย (มฑุปายาส ทองมาก, 2559, หนา้ 140) กล่าวโดยสรุปว่า เทคโนโลยีดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ถือว่าเป็นโครงสร้างพ้ืนฐานที่ก่อให้เกิด เปน็ ระบบสารสนเทศในองคก์ รธุรกจิ แตส่ งิ่ สาคญั แล้วเมอื่ ผปู้ ระกอบการจักนาเทคโนโลยีเข้าไปช่วยใน การประกอบธุรกิจต้องคานึงถึงการบริหารงาน การวางแผนงาน การจัดการ การตัดสินใจ ผู้บริหาร ต้องมีพนื้ ฐานองค์ความรู้ดา้ นการบริหารธุรกิจ กาหนดกลยุทธ์เพอื่ จดั การความท้าทายที่เกิดข้ึนในยุคที่ ต้องพ่ึงพาเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้บริหารต้องจัดสรรทรัพยากร เช่น คน เงิน เวลา กาหนดวิธีการ แก้ไขปญั หา โดยอาศัยสารสนเทศใหม่ ความรู้ใหม่ และเครื่องมือสนับสนุน ระบบสารสนเทศจึงได้รับ ผลกระทบจากมิติด้านการบริหาร และในส่วนของมิติด้านองค์กรจะประกอบด้วย กลยุทธ์องค์กร คน โครงสรา้ ง กระบวนการทางธรุ กจิ วัฒนธรรมการเมือง และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ท่ีแตกต่างกัน ฉะนั้น องค์กรจึงต้องเรียนรู้การนาระบบสารสนเทศเข้ามาใช้งาน อาจกล่าวโดยรวมถึงความสัมพันธ์ของ เทคโนโลยสี ารสนเทศ ระบบสารสนเทศ องค์กร และการบริหาร แสดงดงั ภาพที่ 2.3
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374