Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการเรียนวิชาการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้

เอกสารประกอบการเรียนวิชาการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้

Published by supada khunnarong, 2021-08-28 10:51:41

Description: เอกสารประกอบการเรียนวิชาการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้

Search

Read the Text Version

มีการอ้างอิงจากความคิดทางด้านจิตวิทยาที่มีความ ษย์ได้ลงมือกระทากจิ กรรมใด ๆ และเกิดประสบการณ์ บการณ์มาก ๆ เข้า ก็สง่ ผลทาให้มนุษย์เกดิ การเรียนรู้ กระดับพัฒนากลายเป็นทักษะติดตัว และถ้ามนุษย์ยัง นเรื่องนั้นขึ้นมา เพราะฉะนั้น การเรียนรู้ของมนุษย์ใน ฤตกิ รรมท่มี ีความถาวร

หลกั การของธรรมชาตกิ ารเรียนรู้ • การเรียนรู้ คือ การเปล่ียนแปลงพฤติกรรม ข้ึนมา และส่ิงใหม่ๆ น้ันก็ทาให้ชีวิตเขาห เปลยี่ นแปลงพฤติกรรม • การเรยี นรู้จาตอ้ งมกี ารแกไ้ ข เปน็ เรื่องธรรมช ใครเรียนรู้สิ่งหนึ่งได้ แล้วสามารถทาสิ่งนั้นได พบกับความผดิ พลาดแล้วหาทางแก้ไข และก • การเปล่ยี นแปลงชัว่ คราว ไมน่ ับวา่ เปน็ การเร สิ่งท่ีจะทาให้มนุษย์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม พฤตกิ รรมเพียงชวั่ คราว ก็เรยี กไดว้ ่าไมถ่ ูกจดั

มในลักษณะค่อนข้างถาวร เพราะมนุษย์ได้รับรู้ถึงส่ิงใหม่ๆ หรือส่ิงต่าง ๆ รอบตัวดีข้ึน จึงจะทาให้มนุษย์เกิดการ ชาติมาก การกระทาส่งิ ใดก็แล้วแต่ต้องมีการฝึกฝน ไม่อาจมี ด้เก่งทันที บางคร้ังก็ต้องพบกับความผดิ พลาดบ้าง และเมื่อ การเรยี นรู้ความผดิ พลาดเป็นประสบการณอ์ ย่างหน่งึ รียนรู้ ถ้าอ้างองิ ตามหลักทฤษฎีของธรรมชาตกิ ารเรยี นรู้ คอื มแบบค่อนข้างถาวร เพราะฉะนั้นถ้ามนุษย์เปลี่ยนแปลง ดวา่ เปน็ การเรียนรู้

บคุ คลสาคญั ทางประวตั ศิ • อลั เบิรต์ ไอน์สไตน์ กล่าวว่า “การพัฒนาทางสติปัญญาคว • เฮนรี่ ฟอร์ด กลา่ วว่า “ใครกต็ ามที่หยุดเรยี นรู้ เขาจะกลา ยังมีใจใฝ่เรียนรู้ เขาจะยงั คงเป็นหนุ่มสาวเสมอ” • เอริ ์ล ไนตงิ เกล กลา่ วว่า “เมื่อคณุ หยุดที่จะเรยี นรู้ คณุ ก็เห เดย่ี วและเหี่ยวแหง้ ” • อับราฮัม ลนิ คอร์น กล่าวว่า “สง่ิ ที่ฉนั ได้เรียนรทู้ ้งั หมดมาจ • จอห์น อดัมส์ กล่าววา่ “ฉันจดจอ่ กบั การอา่ นหนังสือ และ จาเป็นต้องอา่ นมากเท่านน้ั ” นอกจากน้ี ยงั มบี คุ คลท่มี ชี ่อื เสียงอกี หลายทา่ นให้ความสา แอนดรู คาร์เนกี นโปเลยี น ฮลิ ล์ วินสตัน เชอร์ชิล บรูซ ล

ศาสตรก์ บั ความสาคญั ของการเรยี นรู้ วรจะเรมิ่ เมอ่ื แรกเกิดและจะหยดุ เมื่อชวี ิตสิน้ สุดเท่านัน้ ” ายเป็นคนแก่ชรา ไมว่ า่ เขาจะมอี ายุ 20 หรอื 80 ปี แต่หากผใู้ ด หมอื นคนท่ตี ายแล้ว เพราะคุณจะเหลอื เพยี งร่างกายอนั โดด จากการอ่านหนงั สอื ” ะอ่านไม่เคยพอ ย่ิงคนเราอา่ นมากเทา่ ไหร่ ก็ย่งิ รูส้ กึ วา่ เรา าคัญกับการเรยี นร้ตู ลอดชวี ิต เชน่ โทมัส เจฟเฟอร์สัน ลี มหาตมะ คานธี เลโอนารโ์ ด ดาวินซี ขงจ๊อื โสกราตีส

เคล็ดลับที่จะทาให้รักการเรยี นรูต้ ล 1. รู้เหตผุ ล และความสาคญั ของการเรยี นรู้ หากผู้เรียนเขา้ ใจถงึ ประโยชน์และความสา การเรียนร้เู ปน็ ไปได้ง่ายขึน้ การเรยี นรู้มีประโยช และสามารถเปลี่ยนแปลงชวี ติ ได้ ดังน้ันเราจึงค 2. คอ่ ยๆ สร้างอปุ นสิ ัย รักการเรยี นรู้ “จงใช้ชีวิตราวกบั ว่าคณุ กาลงั จะตายในว (ม 3. อยู่ในสภาพแวดล้อมและบรรยากาศทเ่ี อ้อื ตอ่ (ที่มา : Learning Hub Thailand, https://www.lifehack.org/287498/3-things-life-long-learners-d

ลอดชีวติ าคญั ของการเรยี นร้แู ลว้ ยอ่ มจะทาให้เกิดแรงจูงใจและทาให้ ชน์มากมาย เช่น ชว่ ยให้พฒั นาตนเอง ทาให้มีความคดิ ใหม่ๆ ควรให้ความสาคัญกบั ส่ิงนี้สูงสุด วันพรุ่งนี้ จงเรียนรู้ราวกบั วา่ คณุ จะมชี วี ติ อยู่เปน็ นริ นั ดร์” มหาตมะ คานธี) อการเรียนรู้ differently-make-them-learn-unremittingly)

ความสาคญั ของการเรยี นรู้ • การเรียนรเู้ ปน็ พื้นฐานของการดารงชวี ิต • มนษุ ยม์ ีการเรียนรูต้ ั้งแตแ่ รกเกดิ จนถงึ ก่อน • ไมม่ ใี ครแกเ่ กินทีจ่ ะเรยี น (No one old t • การเรยี นรจู้ ะชว่ ยในการพฒั นาคณุ ภาพชีว (ทม่ี า : Richard R. Bootsin อา้ งถึงใน มนมนสั สุดสิ้น :

นตาย to learn) วติ ใหด้ ขี นึ้ : วชิ าการจัดการเรียนร้แู ละการจัดการชั้นเรยี น)

เป้าหมายของการออกแบ • เปา้ หมายของการออกแบบการเรยี นร้ทู ี่ดี คือ ความสามารถเดมิ ให้ดขี น้ึ ผ่านประสบการณก์ า ความเปน็ จรงิ ช่วยใหผ้ ้เู รียนไดท้ าในสงิ่ ท่ตี ้องก • การออกแบบการเรียนรู้ คือ การออกแบบประ ผเู้ รยี นเกดิ การพฒั นาความสามารถและนาควา จะทาในชวี ิตจรงิ • ประสบการณ์เรียนรเู้ ปรยี บเสมือนการเดนิ ทาง ผู้เรียนเปน็ อยู่ ณ ปัจจบุ นั และจุดหมายปลาย มือทามากข้นึ (ท่ีมา : จาก หนังสอื Design for How People Learn เขียนโด

บบการเรยี นร้ทู ่ดี ี อ ทาใหผ้ ู้เรียนเกิดความสามารถใหมห่ รือพฒั นา ารเรยี นรทู้ ี่ไดร้ ับและนาความสามารถเหล่านีไ้ ปใช้ในโลก การได้ ะสบการณ์ใหก้ ับผเู้ รียน โดยมีเป้าหมายสงู สุด คือ ทาให้ ามสามารถนัน้ ไปช่วยทาบางส่งิ บางอยา่ งทผ่ี ้เู รียนต้องการ ง (Journeys) โดยมีจุดเร่มิ ตน้ การเดินทาง คือ สง่ิ ท่ี ยทางคอื ความสาเรจ็ ซ่งึ ไมใ่ ชแ่ คร่ มู้ ากข้ึนแตค่ อื การไดล้ ง ดย Julie Dirksen ใน https://blog.goodfactory.co...)

ความสมั พนั ธข์ องการสอนและการเรีย • การสอน (การเรียนการสอน)และกา • การสอน คือ กระบวนการปฏสิ ัมพนั เปล่ียนแปลงพฤตกิ รรมตามจุดประส • การเรยี นรู้ คือ กระบวนการทผ่ี เู้ รียน อันเนอ่ื งมากจากประสบการณ์

ยนรู้ ารเรียนรมู้ คี วามสมั พนั ธก์ ัน นธร์ ะหวา่ งผสู้ อนกบั ผู้เรยี น เกิดการ สงค์ท่ีกาหนดไว้ นเกดิ องค์ความรู้และเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรม

ความหมายของการจดั การเรียนรู้ สถานการณ์อยา่ งหนง่ึ ทีม่ สี ่งิ ตอ่ ไปน้ีเกดิ ข 1. มีความสมั พนั ธ์และปฏสิ ัมพัน ผู้เรยี น ผเู้ รยี นกับสงิ่ แวดล้อมและผ้สู อน 2. ความสัมพันธแ์ ละการมปี ฏิส 3. ผู้เรียนสามารถนาประสบการ (ทีม่ า : สุมน อมรวิวฒั น์)

ข้ึน ไดแ้ ก่ นธเ์ กดิ ขึ้น ระหวา่ งผู้สอนกับผู้เรยี น ผ้เู รยี นกับ นกับสงิ่ แวดลอ้ ม สัมพนั ธ์ กอ่ ใหเ้ กิดการเรยี นรู้และประสบการณใ์ หม่ รณ์ใหมน่ ัน้ ไปใชไ้ ด้

ท่มี า : มนมนสั สดุ ส้นิ : วชิ าการจดั การเรยี นรู้และการจดั การชั้นเรยี น



ท่มี า : มนมนสั สุดส้นิ : วิชาการจัดการเรียนร้แู ละการจดั การช้นั

นเรยี น

กรวยแห่งการเรยี นรู้ ท่มี า : https://sites.google.com/site/chemistryteachingsc58604/h

(The Cone of Learning) home/reiyn-ru-kar-sxn-baeb-active-learning-baeb-tang

ทศั นะการเรยี น

นร้ใู นศตวรรษท่ี 21

วจิ ัยวทิ ยาศาสตร์กับการเรยี นรู้ กรณที ี่ 1 ถ้าเราอ่านงานวจิ ัย เราจะไ กรณีท่ี 2 ถ้าเราทาวิจัย เราจะได้อะไ นกั ศึกษาคดิ วา่ ผลลพั ธ์ที่ได้จากกร เพราะอะไรจงึ คดิ แบบน้ัน

ไดอ้ ะไรจากการอา่ น ไรจากการทาวจิ ัย รณที ่ี 1 และ 2 ตา่ งกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร

แนวทางการสอนแบบวิจยั เป็นฐา การสอนแบบวิจยั เปน็ ฐานมแี นวทาง 4 แนว เนือ้ หาสาระวิชา วัตถปุ ระสงค์ สถานการณ์ แ • แนวที่ 1 ผู้สอนนาผลการวิจยั มาใช้ในการส • แนวที่ 2 ผเู้ รียนศกึ ษางานวิจัยที่เก่ียวขอ้ งก • แนวที่ 3 ผูส้ อนใช้กระบวนการวิจัยในการส • แนวที่ 4 ผูเ้ รียนทาวิจัยในเรื่องท่ีเรยี นรู้ ท่ีมา: ปัญญฎา ประดิษฐบาทกุ า

าน วทาง ซึ่งผูส้ อนสามารถเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกบั และศกั ยภาพของผ้เู รยี น ดงั นี้ สอน กับเรอ่ื งท่เี รียนรู้ สอน

การเรยี นร บทความวิจัย เรอ่ื ง การจดั การเรียนรู้โดยใช้วจิ ัยเป็นฐาน Research-Based Learning ( การเขียนอ้างองิ ท้ายเล่ม : พวงผกา ปวณี บาเพญ็ . (2560). การจัดการ การจดั การเรียนรโู้ ดยใช้วิจยั เปน็ ฐาน (research สาคญั ของบัณฑิตศึกษาเพราะสง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นสร้างองค์ควา รวมถงึ สนบั สนุนแนวคดิ ของการเรยี นการสอนท่ยี ดึ ผเู้ รยี นเป การใช้กระบวนการวิจัยเป็นสว่ นหน่งึ ของกระบวนการเรยี นร กระบวนการคิด ทกั ษะการจัดการ การเผชิญสถานการณ์ แล พฒั นากระบวนการแสวงหาความรู้ทผี่ ู้เรียนจะได้พฒั นาและ ฐานความรตู้ อ่ ไปในอนาคต การเรยี นรู้โดยใช้วิจยั เป็นฐานนี้ ผเู้ รียนไดร้ ับประสบการณต์ รงในการใชก้ ระบวนการวิจยั ซ่งึ ใ คาสาคัญ : การจดั การเรยี นรู้โดยใชว้ จิ ัยเปน็ ฐาน, การสอนแบบเน้นวิจัย

ร้แู บบต่าง ๆ (พวงผกา ปวีณบาเพ็ญ CMU Journal of Education, Vol. 1 No. 2 2017) รเรยี นร้โู ดยใชว้ จิ ัยเป็นฐาน. ศกึ ษาศาสตรส์ าร, 3 (1) : 62-71 บทคดั ยอ่ h-based learning) เปน็ เทคนคิ หนงึ่ ในการสอนเชิงสรา้ งสรรค์ ถือเปน็ หวั ามร้ดู ว้ ยตนเองอย่างแทจ้ รงิ ซง่ึ เป็นสงิ่ สาคัญสาหรบั การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ปน็ ศูนยก์ ลางและสอดคลอ้ งกบั หลักการจัดการศึกษาทมี่ งุ่ เนน้ ให้ความสาคญั กบั รู้ นอกจากนน้ั ยังใหค้ วามสาคญั กบั การเรยี นรจู้ ากประสบการณจ์ ริง ฝกึ ทกั ษะ ละการประยุกตค์ วามรู้มาใช้เพือ่ ปอ้ งกนั และแกป้ ัญหาอีกดว้ ย อกี ทัง้ เปน็ การ ะสรา้ งขน้ึ ในตัว อันจะนาไปสคู่ ณุ ภาพของบณั ฑิตท่พี ร้อมสาหรบั สังคม จะชว่ ยใหผ้ ู้เรียนมเี ครือ่ งมือในการเรียนรตู้ ลอดชีวติ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการให้ ใหผ้ ้เู รยี นเกิดการเรยี นรทู้ ี่ลึกซ้ึงและมีความหมายตอ่ ตนเอง ย, การศกึ ษา

ความหมายของการจัดการเรยี นรแู้ บบใชก้ • อมรวิชช์ นาครทรรพ (2546) ไดใ้ หค้ วามหมายเกย่ี วกับก สอนทีเ่ น้นใหผ้ ู้เรยี นเรียนรู้จากการศกึ ษาค้นควา้ และค้นพ อยา่ งเป็นระบบเป็นเครอ่ื งมือสาคญั • สมหวงั พธิ ยิ านวุ ัฒน์ และทัศนยี ์ บญุ เติม (2547) ไดใ้ หค้ การสอนเนอ้ื หาวชิ า เรือ่ งราวกระบวนการทกั ษะ และอ่ืน ต่าง ๆ ท่ีตอ้ งการสอนน้นั โดยอาศัยพ้ืนฐานกระบวนการ • ทิศนา แขมมณี (2548) ไดใ้ ห้ความหมายเกีย่ วกับการจดั เรียนรู้ กค็ ือ การจัดให้ผูเ้ รยี นและใชก้ ระบวนการทางวทิ ย ในการดาเนนิ การแสวงหาความรใู้ หม่หรือคาตอบทเ่ี ชื่อถอื

การวจิ ัยเป็นฐาน การจัดการเรียนร้แู บบใช้การวิจัยเปน็ ฐาน ไว้วา่ เป็นกระบวนการเรียนการ พบข้อเทจ็ จริงต่าง ๆ ในเรอ่ื งที่ศกึ ษาด้วยตนเอง โดยอาศยั กระบวนการวิจยั ความหมายเกยี่ วกบั การจัดการเรยี นรู้แบบใช้การวจิ ัยเปน็ ฐาน ไว้วา่ เปน็ น ๆ โดยใช้รปู แบบการสอนชนิดทท่ี าให้ผูเ้ รียนเกิดการเรยี นรูเ้ นอื้ หาหรอื ส่ิง รวิจัย ดการเรียนรู้แบบใชก้ ารวิจยั เป็นฐานหรือใชก้ ารวจิ ยั เป็นสว่ นหน่ึงของการ ยาศาสตรห์ รอื กระบวนการสืบสอบในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเรือ่ งที่ศึกษาวิจัย อได้

บทบาทครแู ละผู้เรยี นในการเรียนกา แนวทางการใชก้ ารวจิ ยั ในการเรียนการสอน ครูใช้กระบวนการวิจัยในการเรยี นการสอนครูใช้กระบวนก เรียนการสอน โดยพจิ ารณาตามความเหมาะสมกบั สาระการเรียน บทบาทครู - ครูพิจารณาวตั ถุประสงคแ์ ละสาระทจ่ี ะใหแ้ ก่ผู้เรยี นและวเิ ครา อาจจะใช้กระบวนการวิจัยบางขนั้ ตอนหรือครบทุกข้นั ตอน - ครูออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการวิจยั /ขัน้ ต - ครดู าเนินกิจกรรม โดยใชก้ ระบวนการวิจยั /ขัน้ ตอนการวิจัยท - ครฝู กึ ทกั ษะที่จาเป็นตอ่ การดาเนนิ การวิจยั ใหแ้ ก่ผู้เรยี น(ทักษะ ตัวอยา่ งประชากร การสร้างเครื่องมือ การพสิ ูจน์ ทดสอบการรว ผล และการให้ขอ้ เสนอแนะ) - ครูสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรูท้ ักษะกระบวนการวิจยั ของผเู้ ร - ครแู ละผ้เู รยี นรว่ มกนั อภิปรายเก่ยี วกับกระบวนการวจิ ัยและผล - ครูวัดและประเมนิ ทกั ษะกระบวนการวิจัยควบคู่ไปกบั ผลการเ ที่มา : ประภัสรา โคตะขุน https://sites.google.com/site/prapasara/

ารสอนแบบครูใช้กระบวนการวจิ ยั การวิจยั ซึ่งอาจจะเป็นบางขน้ั ตอนหรือครบทุกข้ันตอนในการจดั การ นการสอนและวยั ของผเู้ รียน าะหว์ ่าสามารถใชข้ นั้ ตอนการวิจยั ขนั้ ตอนใดไดบ้ า้ งในการสอน ซง่ึ ตอนการวิจยั ที่กาหนดเพอื่ การเรยี นรสู้ าระท่ีตอ้ งการตามแผน ท่กี าหนดในการสอน ะการระบุปญั หา ใหค้ านิยาม ต้ังสมมตฐิ าน คัดเลอื กตัวแปรการส่มุ วบรวมขอ้ มลู วิเคราะห์สงั เคราะห์ และสรปุ ผลการวจิ ัยการอภิปราย รียน และพิจารณาวา่ ควรจะเสริมทักษะดา้ นใดใหก้ ับผู้เรียน ลการวจิ ัยทเี่ กิดขึ้น เรยี นรู้สาระตามปกติ /1-14

บทบาทครแู ละผู้เรยี นในการเรียนกา บทบาทผูเ้ รียน - เรยี นรู้ตามข้นั ตอนของกระบวนการวจิ ยั ทีค่ รูกาหนด - ฝึกทกั ษะกระบวนวิจัยท่ีจาเปน็ ตอ่ การดาเนนิ การตา - อภิปรายประเดน็ เกยี่ วกับกระบวนการวจิ ยั ที่ตนเองม - ประเมินตนเองในดา้ นทักษะกระบวนการวิจยั และผ ท่ีมา : ประภัสรา โคตะขุน https://sites.google.com/site/prapasara/

ารสอนแบบครใู ชก้ ระบวนการวจิ ัย ด ามขัน้ ตอนการวิจัยท่คี รกู าหนด มีประสบการณ์ และผลการวจิ ยั ที่เกดิ ข้นึ ผลการวิจยั ทไ่ี ดร้ ับ /1-14

บทบาทครแู ละผ้เู รียนในการเร แนวทางการใชก้ ารวิจัยในการเรยี นการสอน ผเู้ รยี นใช้กระบวนการวิจยั ในการเรยี นการสอนครูให้ผูเ้ รีย ข้นั ตอน) ในการทาวจิ ัยเพอ่ื แสวงหาคาตอบ หรือความรู้ให บทบาทครู - ครูพิจารณาและวเิ คราะหว์ ตั ถุประสงค์และสาระการเร - ครอู อกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ทเ่ี ปดิ โอกาสให้ผู้เรียนท - ครูกระตนุ้ ให้ผู้เรียนเกดิ ความสนในใฝร่ ู้ - ครฝู ึกทกั ษะกระบวนการวจิ ยั ใหแ้ ก่ผเู้ รียน (การระบุปัญ เคร่อื งมือ - ครูและผ้เู รยี นร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับกระบวนการวิจยั - ครวู ดั และประเมนิ ทกั ษะกระบวนการวจิ ยั ควบคไู่ ปกบั ผ ที่มา : ประภัสรา โคตะขนุ https://sites.google.com/site/prapasara/

รียนการสอนแบบผเู้ รียนใชก้ ระบวนการวิจยั ยนทาวิจัยโดยใชก้ ระบวนการวจิ ยั (ครบทุก หมต่ ามความสนใจของตน รียนรู้ว่ามีส่วนใดที่เอื้อใหผ้ เู้ รยี นสามารถทาวิจยั ได้ ทาวจิ ัยได้ ญหาวิจัย วตั ถปุ ระสงค์ ตง้ั สมมติฐานการออกแบบการวจิ ยั สรา้ ง ยและผลการวิจัยที่เกดิ ขนึ้ ผลการเรียนรู้สาระตามปกติ /1-14

บทบาทครูและผู้เรยี นในการเร บทบาทผเู้ รียน - คดิ ประเดน็ วิจยั ทีต่ นสนใจ - ฝึกทักษะกระบวนการวจิ ัยท่ีจาเป็นตอ่ การดาเนิน ตั้งสมมติฐานการออกแบบการวจิ ยั การสรา้ งเคร่อื ง - ปฏิบตั ิการวจิ ัยตามกระบวนการวจิ ยั ทเี่ หมาะสม- ทตี่ นประสบจากการดาเนนิ งาน - อภิปรายประเด็นเกยี่ วกบั กระบวนการวจิ ยั และผ - ประเมินตนเอง ดา้ นทักษะกระบวนการวิจัย ท่ีมา : ประภัสรา โคตะขุน https://sites.google.com/site/prapasara/

รียนการสอนแบบผ้เู รียนใช้กระบวนการวจิ ัย นการ เชน่ การระบปุ ัญหาวิจัยและวตั ถุประสงค์ การ งมอื ฯลฯ บันทกึ ความคดิ และประสบการณ์ รวมทั้งข้อสังเกตตา่ ง ๆ ผลการวิจยั ที่เกดิ ข้นึ /1-14

ตวั อยา่ ง การสอนที่ครูใช้กระบว สาระการเรยี นรู้เรอื่ ง การเจรญิ เตบิ โตของพชื เนือ้ หา การเพาะเมล็ดและการเจริญเติบโตของพชื ทักษะการวิจยั ทคี่ รูใชใ้ นการสอน คอื ทกั ษะการสังเกต บันทกึ ขอ้ มลู เปรียบเทยี บขอ้ มูล และสรปุ ลงความเหน็ ซ การสุ่มตวั อยา่ ง โดยบูรณาการภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ได้แก่ การเขียนคาศัพท เรอ่ื ง การคัดเลือกเมลด็ พันธุ์และการปลกู พืช เปน็ ตน้ กจิ กรรมของครู คือ 1. ครูนาเมล็ดพันธม์ุ าจาก 3 แหล่ง เพื่อให้ผเู้ รยี นเพาะ 2. ครสู มุ่ เมลด็ พันธม์ุ า 100 เมล็ด ให้ผเู้ รยี นสังเกตลกั ษณะของเมลด็ พนั ธ์ทุ ส่ี มุ่ ไ 3. นากระดาษฟางมาหน่ึงแผ่นคานวณหาพ้นื ทีต่ ีตาราง 100 ชอ่ ง และบรู ณาก 4. ใชก้ ระดาษฟางวางทับ พรมน้าให้ชมุ่ ทิ้งไว้ในท่ีมแี สงและอณุ หภมู ิทพ่ี อเหมา 5. สงั เกตการงอก จดบนั ทกึ วาดลักษณะการเจริญเตบิ โต และบันทึกจานวนต การงอก เปรยี บเทียบลักษณะของเมล็ดพนั ธุ์ที่งอก และไมง่ อกว่าเมลด็ พนั ธใ์ุ ดเ ทม่ี า : ปญั ญฎา ประดษิ ฐบาทุกา, 2014

วนการวิจยั ในการเรยี นการสอน ซงึ่ ครสู ามารถบูรณาการคณิตศาสตร์เข้าไปได้ เช่น การเขียนกราฟ การคานวณ ท์ บรู ณาการศลิ ปะ ไดแ้ ก่ การวาดภาพ และบูรณาการเก่ียวกับการเกษตร ได้ การคณิตศาสตรเ์ ขา้ ไป าะ ตน้ กล้าที่ส่มุ มาจากแต่ละแหลง่ วา่ ที่งอกขนึ้ มาเป็นอย่างไร เขยี นกราฟแสดง เปน็ เมล็ดพันธทุ์ ่ีดี มลี กั ษณะอยา่ งไร สุม่ จากแหล่งใด

การเขียนโค

ครงรา่ งวจิ ยั

วิจัยตอ้ งมีองค์ปร • บทคัดยอ่ กติ ตกิ รรมประกาศ สารบญั เอกส • บทท่ี 1 บทนา • บทท่ี 2 การทบทวนเอกสารและงานวจิ ัยท่เี • บทที่ 3 วธิ ีการศึกษา/ดาเนินการวิจัย • บทที่ 4 ผลและการอภิปรายผล • บทท่ี 5 สรปุ และขอ้ เสนอแนะ

ระกอบอะไรบา้ ง สารอ้างองิ ภาคผนวก เกี่ยวข้อง

บทที่ 1 • ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา • คาถามวิจัย • วัตถุประสงคข์ องการวจิ ยั • ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ ับ • ขอบเขตของการวจิ ัย • กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย • นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ

1 บทนา

การเขียนความเป็นมาแล บทนาแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนแรก - เปน็ การบรรยายถงึ นโยบาย เกณฑ์ (นดิ ปัญหาของการเรียนการสอน สว่ นที่สอง - เขยี นบรรยายรายละเอยี ดเช่ือมโยงกบั ส สนับสนนุ เร่อื งที่จะทา/ศกึ ษา หรือให้เห็นถึงผลกระท ส่วนท่ีสาม - เขยี นสรุปให้เห็นความจาเปน็ ที่ต้องดาเ สอนใหม่/นวตั กรรมหรอื อน่ื ๆ เพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ คน้ พบให

ละความสาคัญของปญั หา ดหน่อย) สภาพทั่ว ๆ ไป หรือปญั หาท่ีมีอยทู่ เ่ี ป็น ส่งิ ท่เี ราตอ้ งการจะทา โดยมหี ลักการ ทฤษฎีมา ทบถา้ หากไม่ทาหรอื ไม่ศึกษา เนนิ การตามสว่ นท่ี 2 เพ่ือแก้ไขปัญหา ดว้ ยวิธกี าร หมท่ ี่เป็นไปตามเหตุผลส่วนแรก

คาถามว สุวิมล ว่องวาณิช (2550) ได้กล่าวไว้ว่า คาถา ประโยคคาถาม ซึ่งแสดงให้เห็นสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการค้น Issues) มีความคล้ายคลึงกัน เช่น ผู้สนใจศึกษาประเด็น ผู้เรียนเป็นสาคัญ” ผู้อ่านอาจคาดเดาว่าสิ่งท่ีผู้วิจัยสนใจ ผู้เรียนเป็นสาคัญ หรือการวิเคราะหร์ ูปแบบการจัดการเร หากปรับเป็นคาถามวิจัย จะทาให้เกิดความชัดเจนในปร สอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญควรมีลักษณะเช่นใด ประกอ สง่ ผลให้ผู้เรยี นมีคุณลักษณะทีเ่ ปลยี่ นแปลงไปอยา่ งไร”