ue & ขอบเขตวกิ ฤต อยอมรับ H1 ขึ้นอยูก่ บั รใช้สถิตินน้ั ๆ อสองทาง
ยอมรับ คา่ วกิ ฤต ขอบเขตของการตดั สินใจวา่ จะปฏิเส
บ Ho สธหรอื ยอมรบั
การตัดสนิ ใจยอมรบั การตดั Ho ยอมรบั Ho คอมพวิ เตอร์ ค P > .05
บ Ho หรือปฏิเสธ Ho ดสนิ ใจ o ปฏเิ สธ Ho/ ยอมรบั H1 คา่ วกิ ฤต P ≤ .05
การต้งั สม T-TEST (2-TAILED) H0 : PH = 5.5 H1 : PH 5.5 เขตปฏิเสธ H0 ท่มี า ผศ.ศรณั ยา สุจรติ กุล
มมตฐิ าน เขตยอมรบั วา่ เขตปฏิเสธ H0 H0 เป็นจรงิ =5.5
การตั้งสม • T-TEST (1-TAILED RIGHT) H0 : PH 5.5 H1 : PH > 5.5 ท่มี า ผศ.ศรัณยา สจุ ริตกุล
มมตฐิ าน เขตยอมรบั วา่ เขตปฏิเสธ H0 H0 เป็นจรงิ =5.5
การต้งั สม T-TEST (1-TAILED LEFT) H0 : PH 5.5 H1 : PH < 5.5 เขตปฏิเสธ H0 x of p ท่ีมา ผศ.ศรณั ยา สจุ รติ กลุ
มมตฐิ าน เขตยอมรบั วา่ H0 เป็นจรงิ =5.5 pH
ความผิดพลาด สรปุ ผลจากการทดสอบ ผลการทดสอบถ สรุปผลจากการทดสอบ เกิดความผิดพล ยอมรบั H0 ปฏเิ สธ H0
ดในการทดสอบ ความเป็นจรงิ ของประชากร H0 จริง H0 ไม่จรงิ ถกู ตอ้ ง เกดิ ความผิดพลาดประเภทที่ 2 (β) ลาดประเภทที่ 1 () ผลการทดสอบถกู ตอ้ ง
การเลอื กสถติ ใิ 1. การทดสอบเก่ียวกบั ตัวแปร 1 ตัว 1.1 การทดสอบค่าเฉลย่ี ของตวั แปรเชงิ ปรมิ าณ 1 ต 1.2 การทดสอบค่าสัดส่วนของตวั แปรเชิงกลมุ่ 1 ตัว 2. การทดสอบความสมั พนั ธข์ องตวั แปร 2 ตัว 2.1 ตัวแปรอสิ ระเปน็ ตัวแปรเชงิ กลมุ่ และตวั แปรตา ตัวแปรเชิงกลมุ่ ตัว Nominal/ordinal Inte เพศ คะแนน ก. กรณตี วั แปรอิสระแบง่ เป็น 2 กลมุ่ เช่น เพศแ ข. ตวั แปรเชงิ กลมุ่ แบง่ เปน็ กลุ่มยอ่ ยต้งั แต่ 3 กลมุ่
ในการทดสอบ ตวั ว ามเปน็ ตวั แปรเชิงปรมิ าณ วแปรตาม erval/ratio นความพงึ พอใจ แบ่งเป็น หญงิ และชาย จะใช้สถิตทิ ดสอบ ที หรือ ซี ม และตวั แปรตามเปน็ เชงิ ปรมิ าณ
2. การทดสอบความสัมพัน อาชพี (4 อาชีพ) ปรมิ าณกา อาชพี เป็นเสกลแบง่ กลมุ่ และปริมาณกาแฟเปน็ ต (1 – WAY ANOVA) 2.2 ตัวแปรอิสระและตวั แปรตามเปน็ ตวั แปรเชงิ ปริมาณ อายุ คะแนนความพ ต้องการวดั ความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง 2 ตวั แปรใช้การวเิ ค 2.3 ตวั แปรทั้ง 2 ตวั เปน็ ตวั แปรเชงิ กลุม่ เพศ ลาดับที่ของคว อาชพี สรี ถยนต์ท วดั ความสมั พนั ธข์ องตัวแปรทง้ั 2 ดว้ ยสถติ ิทดสอบเพ
นธข์ องตวั แปร 2 ตวั (ต่อ) าแฟ (คร้ัง/วนั ) ตัวแปรตาม จะใชก้ ารวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว พึงพอใจ คราะห์ความถดถอยอย่างง่าย (SIMPLE REGRESSION) วามชอบ ทชี่ อบ พียร์สัน (PEARSON CHI-SQUAR)
การเลือกสถิติใ 3. การทดสอบความสัมพนั ธข์ องตวั แปรหลายตวั กรณีมีตัวแปรมากกวา่ 2 ตัว การเลอื กสถติ ิจะพจิ ารณ 3.1 ตวั แปรตามเป็นตัวแปรเชงิ ปริมาณ 1 ตัว ตวั แปร เพศ คะแนนความ อาชีพ ใชว้ ธิ วี เิ คราะห์ความแปรปรวนแบบ 2 ทาง (2
ในการทดสอบ ณาจากวตั ถุประสงค์และชนดิ ของขอ้ มูล รอิสระเป็นตัวแปรเชงิ กลมุ่ อยา่ งนอ้ ยสองตวั มพึงพอใจ 2- WAY ANOVA)
การเลือกสถติ ใิ 3.2 ตวั แปรตามเปน็ ตวั แปรเชงิ ปริมาณ 1 ตัวและมีต เชิงปริมาณ 2ตัว หรอื เชิง ปริมาณ + เชงิ กล่มุ 2 ใชเ้ ทคนิคการวิเคราะหค์ วามถดถอยเชิงพหุ (M ตวั แปรอสิ ระ ไดแ้ ก่ เพศ อาชพี (ตวั แปรเชิงก ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่ ความถี่ที่ใช้บรกิ าร เปน็ ตัวแ
ในการทดสอบ ตวั แปรอสิ ระอย่างนอ้ ย 2 ตัว ตัวแปรเชงิ ปริมาณ 1 ตวั MULTIPLE REGRESSION) กลุ่ม) อายุ รายได้ (ตวั แปรเชิงปรมิ าณ) แปรเชิงปริมาณ
การเลือกสถติ ใิ 3.3 ตัวแปรตามเปน็ ตวั แปรเชงิ กล่มุ 1 ตวั ตัวแป เชงิ ปริมาณ และเชงิ กลมุ่ ใช้เทคนคิ การวเิ คราะห์จาแนกประเภท (DISCR
ในการทดสอบ ปรอิสระเปน็ ตวั แปรเชิงปรมิ าณท้งั หมด เชงิ กลุ่ม RIMINANT ANALYSIS)
การเลือกสถิตใิ 3.4 ตัวแปรตามเป็นตัวแปรเชิงปรมิ าณหลายตัว ตวั แป เพศ ค ตวั แปรต้น ได้แก่ เพศ ซึง่ เปน็ ตัวแปรเชิงก ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่ ความพงึ พอใจดา้ นรสชา เทคนคิ ทใี่ ชว้ ิเคราะห์ ได้แก่ MANOVA (MU
ในการทดสอบ ปรอิสระเปน็ ตวั แปรเชงิ กลมุ่ อยา่ งนอ้ ย 1 ตัว ความพึงพอใจด้านรสชาติ ความถท่ี ม่ี าใช้บริการ กลมุ่ าติ ความถี่ทีม่ าใช้บรกิ าร ซึ่งเป็นตัวแปรเชิงปรมิ าณ ULTIVARIATE ANALYSIS OF VARIANCE)
การวเิ คราะห์ข้อมูลด โปรแกรมสาเรจ็ รูปท่ีใช้ในการวจิ ยั ได้แก่ โปรแกรม SPSS FOR WIN (STATISTICAL PA WINDOWS)
ด้วยคอมพวิ เตอร์ ยมีหลายโปรแกรม ทีน่ ยิ มใช้กนั มากในปจั จบุ นั ACKAGE FOR SOCIAL SCIENCES FOR
การเขียนรายงา
านการวจิ ยั
จดุ ประสงคก์ ารเขยี นรายงานการวจิ ยั • การรายงานผลการวิจัย เป็นการรายงานกิจกร วรรณกรรม กรอบแนวคิด สมมุติฐาน การเก็บร ข้อเสนอแนะ (สุชาติ ประสิทธ์ิรฐั สนิ ธ,์ 2542) • รายงานการวิจัย เป็นเอกสารเรื่องราวที่ได้เรียบ เขียนเรยี บเรยี งไว้อยา่ งมีระบบระเบียบแบบแผน • รายงานการวิจัย เป็นเอกสารทางวิชาการที่ผู้ว หน่ึง โดยท่ีมีวัตถุประสงค์เพื่อนาเสนอปัญหาข และขอ้ คน้ พบในการดาเนนิ การวิจัย (กฤติยา วง • รายงานการวิจัย เป็นเอกสารท่ีนาเสนอกิจก เผยแพร่ต่อสาธารณชน ดังน้ันจะต้องมีเทคน รูปแบบรายงานการวจิ ัยและมีความนา่ เชอ่ื ถือ
ยและความหมายของรายงานการวจิ ัย รรมท่ีได้กระทาและผลที่เกิดขึ้นจากกิจกรรม อาทิ ผลการทบทวน รวบรวมข้อมูล การวิเคราะหข์ ้อมูล การสรุปผล อภิปรายผลและ บเรียงขึ้นจากการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล อย่างละเอียดแล้วนามา นตามสากลนยิ ม (บุญธรรม กิจปรดี าบริสุทธิ์, 2540) วิจัยได้เรียบเรียงข้ึนจากการศึกษา ค้นคว้า ในประเด็นใดประเด็น ของการวิจัย กรอบความคิด ในการวิจัย วิธีการดาเนินการวิจัย งศก์ ้อม, 2545) กรรม ประเด็นการวิจัย สรุปผลการวิจัย และข้อเสนอแนะเพื่อ นิคในการเขียนรายงานท่ีถูกต้อง การใช้ภาษาเขียนท่ีสละสลวย (สิน พันธ์ุพินจิ , 2547)
ความสาคญั ของการเขยี นรายงานการวจิ ยั การเขยี นรายงานการวิจัยใด ๆ มีความสาคญั 1. เปน็ เอกสารทางวชิ าการที่ก่อให้เกดิ การขย การดาเนนิ การวิจยั อยา่ งตอ่ เนอื่ ง และหลากห ชแี้ จงใหเ้ กดิ ความชัดเจนมากย่งิ ข้นึ 2. ก่อใหเ้ กดิ การพัฒนาวิชาชพี /ศาสตรใ์ ห้มีม การจดบนั ทกึ ข้อมูลไวใ้ หบ้ คุ คลในวิชาชีพ/ศา สมบรู ณม์ ากยง่ิ ขนึ้
ย ญ ดังนี้ (กฤตยิ า วงศก์ ้อม, 2545) ยายขอบเขตองค์ความรู้ โดยท่ใี นศาสตร์ใด ๆ ที่ถ้ามี หลาย จะทาใหข้ ้อสงสยั ทเี่ กิดขึน้ ได้รบั การอธิบาย มาตรฐานท่สี ูงข้ึน เนอื่ งจากมีการศกึ ษาค้นคว้าแล้วไดม้ ี าสตรร์ ่นุ ตอ่ ไปได้มีการศกึ ษา ค้นคว้าเพม่ิ เตมิ ใหม้ ีความ
การเขียนรายงานให้มีประสิทธภิ าพนน้ั มขี ข้นั ตอนท่ี 1 การเตรียมเนอ้ื หาของรายงาน เนอ้ื หาของการวิจัย ซ่งึ จะตอ้ งครอบคลุมหวั 1. ปญั หาของงานวิจัยที่ศกึ ษา 2. กระบวนการวิจยั การออกแบบการวจิ ัย 3. ผลที่ไดร้ บั
ข้ันตอนดงั น้ี น ในการเขยี นรายงานจะต้องมีเน้อื หาครบถ้วนตาม วขอ้ ตอ่ ไปน้ี การเก็บรวบรวมข้อมลู
การเขยี นรายงานให้มปี ระสทิ ธิภาพนั้น ขัน้ ตอนที่ 2 คอื การกาหนดประเภทของผอู้ กาหนดแนวทางของการใช้ส่อื ได้ และจะทรา จะต้องคานงึ ถงึ สิง่ ตอ่ ไปน้ี 1. การเสนอผลการวิจยั ควรมีขอ้ มูลตา่ ง ๆ อ เลอื กนาไปใชป้ ระโยชน์ 2. ใช้คาทส่ี ามารถเขา้ ใจง่าย
น มีข้นั ตอนดังน้ี อ่าน ในขน้ั ตอนน้ีจะชว่ ยใหผ้ เู้ ขียนรายงาน าบวา่ จะต้องใช้คา และภาษาอยา่ งไร ซง่ึ ผู้วิจัย อย่างครบถ้วน เพอื่ ใหผ้ ้อู ่านไดห้ าขอ้ สรปุ และ
การเขียนรายงานใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพนน้ั ขัน้ ตอนที่ 3 ได้แกก่ ารวางเค้าโครงของรายง 1. ตอบปัญหาของงานวิจยั ไดค้ รบถ้วน 2. ไมอ่ อกนอกเร่ือง และเปน็ ไปตามวตั ถปุ ระ 3. ช่วยทาให้งานเป็นระบบ สอดคล้องและต 4. ช่วยทาให้การเขยี นรายงานเป็นไปไดอ้ ยา่ 5. ทาให้สามารถกาหนดความยาวของงานไ
น มีขน้ั ตอนดงั น้ี งาน ซึง่ การวางโครงเร่อื งนัน้ จะชว่ ยให้ ะสงคข์ องงานวจิ ยั ต่อเน่ือง างรวดเรว็ ข้ึน ได้
การเขยี นรายงานให้มีประสิทธภิ าพ ขั้นตอนของการเตรยี มการนผี้ ูเ้ ขยี นรายงาน 1. ความชดั เจนของงานวจิ ัย 2. การเชือ่ มโยงเขา้ กบั สมมตุ ิฐาน และทฤษฎ
นจะตอ้ งระวังในเรื่อง ฎี ว่าสนบั สนุนกันอยา่ งไร
ผ้เู ขียนรายงานวิจยั ควรคานงึ ถึงสง่ิ ตา่ ง ๆ 1. ความถกู ต้อง ไมม่ ีอคติ บิดเบอื นจากความจริง ผ ใหร้ ายงานถกู ตอ้ ง และน่าเช่ือถอื 2. ความรดั กุม ต้องเขียนใหต้ รงประเดน็ มีคณุ คา่ ไม 3. ความชัดเจน ใชป้ ระโยคงา่ ย ๆ ไวยากรณแ์ ละวร ความหมาย ใชห้ ัวขอ้ ย่อยเพอ่ื ป้องกันสบั สน และมปี 4. ความกลมกลืนและความต่อเนอื่ ง ผูอ้ ่านจะต้องไม ว่าสว่ นทก่ี าลังอา่ นนัน้ เปน็ คนละเรอื่ งกัน เปน็ หน้าท ต่อเนื่องเสมอ ๆ 5. เน้นความสาคัญในสว่ นท่เี ปน็ ประเด็นหรือหวั ใจข และมกี ารอภิปรายเพม่ิ เติม 6. ใชภ้ าษาทงี่ ่ายในการทาความเข้าใจแต่ไมใ่ ชภ่ าษา แสลง ไม่สภุ าพ และคาทีใ่ ช้ซา้ ๆ กันหลาย ๆ ครั้ง
ตอ่ ไปน้ี ผเู้ ขียนจะต้องมคี วามรู้เกีย่ วกบั เรอ่ื งนั้น ๆ เป็นอยา่ งดี เพ่ือทจ่ี ะทา มใ่ ช้คาเปลือง และฟุ่มเฟือย รรคตอนถูกตอ้ ง ระมัดระวงั ในเรือ่ งคายอ่ ไม่ใชค้ าคลุมเครอื ไม่มี ประโยคที่เหมาะสมเมือ่ เริ่มย่อหน้าใหม่ ม่รสู้ ึกสะดุด ในรายงานจะต้องมีความต่อเนือ่ ง ไม่สบั สน และคดิ ทีข่ องผู้วจิ ัยท่ีจะต้องตรวจทานสิ่งตา่ ง ๆ เหล่าน้ันใหเ้ กดิ ความ ของการวจิ ัยเปน็ พิเศษ การเนน้ คอื การนาเสนอข้อมูลโดยละเอียด าพูด ควรจะเป็นภาษาทใี่ ช้ในทางวิชาการ หลีกเลี่ยงการใชค้ า
การนาเสนอขอ้ มูล การนาเสนอขอ้ มูลนั้น ผู้วจิ ยั สามารถแบ่งข้อม 1. ข้อมลู ที่เปน็ ตัวเลข ซง่ึ ผู้วิจยั ควรเสนอเป็น ชัดเจน 2. ขอ้ มลู ท่เี ป็นส่วนบรรยาย ผู้วจิ ยั จะต้องเลือ หรือนาไปไว้ในภาคผนวก การตัดข้อมลู ทง้ิ เป ผูว้ จิ ยั ใส่ทุกอยา่ งลงในรายงาน จะทาให้งานว สาระสาคัญไม่ได้
มูลออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คอื นตาราง มกี ารใช้ช่ือกากับและระบทุ ม่ี าของขอ้ มลู ให้ อกขอ้ มูลที่เป็นสาระ และตดั ข้อมลู ท่ีไม่สาคญั ทง้ิ ไปบ้าง ป็นวิธกี ารสาคญั อย่างหน่ึงในการวจิ ัยเชงิ คุณภาพ หาก วจิ ยั ไมม่ ีคุณภาพและไมม่ ีเอกภาพ ผูอ้ า่ นจะจับ
องคป์ ระกอบของรายงานวจิ ัย 1. ภาคความนา จะกล่าวถงึ ความสาคัญของ ขอบเขตของการศึกษา นิยามศพั ท์ที่ใช้เฉพาะ ละเอียดและรวมทั้งการศกึ ษาคน้ ควา้ ของผอู้ 2. ภาคเน้ือเร่ือง เปน็ ส่วนทกี่ ล่าวถึงขอ้ เทจ็ จร ผลการศกึ ษาคน้ คว้าทง้ั หมด เพอ่ื พิสจู น์ในภา จุดสาคญั ของเนอื้ ความตามลาดบั และตอ่ เน ข้อคดิ สนบั สนุน
งเรื่องท่ีศึกษา จุดประสงค์ ปัญหา หรอื สมมตุ ิฐาน ะทใ่ี ช้ และอธบิ ายถึงวิธีการท่ใี ชใ้ นการศกึ ษาวจิ ัยอยา่ ง อืน่ ท่เี กีย่ วข้องโดยละเอียด รงิ ตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวข้องกับเนือ้ เรอ่ื งโดยตรง เปน็ การเสนอ าคนอ้ี าจจะแบ่งออกเป็นตอน หรือบทเพือ่ ใหผ้ อู้ ่านเห็น นื่อง มีการแบง่ ออกเป็นหวั ขอ้ ใหญ่ และขอ้ ยอ่ ย และ
องคป์ ระกอบของรายงานวจิ ัย 3. ภาคสรปุ เปน็ การสรุปทีน่ กั วิจัยได้วเิ คราะห์ ข้อค การวจิ ยั ท้ังหมด แตต่ ้องทาให้รดั กมุ เพอื่ เป็นการทบ 3.1 บทสรปุ ท่เี ป็นการย่อเนอื้ ความ 3.2 บทสรปุ ท่ีเป็นการวเิ คราะห์ในลักษณะ 3.3 อภปิ รายความเห็นของผวู้ ิจยั 3.4 ขอ้ เสนอแนะ ซ่งึ แบง่ ออกเปน็ ข้อเสน ของผ้ทู สี่ นใจในการดาเนนิ การคนตอ่ ไป
คิดเหน็ ทีไ่ ดจ้ ากการวจิ ยั ผู้วจิ ัยจะตอ้ งเนน้ ให้เห็นถงึ ผลที่ได้จาก บทวนความจาของผ้อู า่ น ในการสรุปนน้ั ควรจะประกอบไปด้วย ะรวบยอด หรือเป็นประเดน็ สาคญั นอแนะในการแก้ไขปัญหาในเรื่องของวจิ ัย และขอ้ เสนอแนะ
องคป์ ระกอบของรายงานวจิ ัย 4. บรรณานุกรม คือ รายชือ่ หนังสอื ท่ใี ช้ในการอา้ ง 5. ภาคผนวก เปน็ ส่วนที่รวมลักษณะของกลุ่มตวั อ ทม่ี า http://pioneer.netserv.chula.ac.th/~ja
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362