Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 4.หลักสูตร-ศรีสุขวิทยา-61-วิทย์-ปรับใหม่แล้ว

4.หลักสูตร-ศรีสุขวิทยา-61-วิทย์-ปรับใหม่แล้ว

Published by Bio, 2021-06-09 12:40:42

Description: 4.หลักสูตร-ศรีสุขวิทยา-61-วิทย์-ปรับใหม่แล้ว

Search

Read the Text Version

189 คาอธบิ ายรายวิชาเพ่ิมเติม รายวชิ า ว20203 การสร้างเวบ็ เพจ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1-3 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต ศึกษาความหมายของเว็บเพจ เว็บไซต์ และโครงสร้างเว็บไซต์ ความรู้เบ้ืองต้นก่อนการสร้างเว็บ เพจ อาทิ การใช้สี การจัดองค์ประกอบ การสรา้ งความน่าสนใจใหก้ ับเว็บเพจ การเป็นเว็บมาสเตอร์ และ จรรยาบรรณของผูส้ รา้ งเว็บไซต์ ปฏิบัติการสรา้ งเว็บเพจด้วยภาษา HTML และโปรแกรมสาเร็จรูปโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง และ ใช้โปรแกรมอื่นในการช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับเว็บเพจ นาเว็บเพจที่สร้างข้ึนสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพ่ือเผยแพรแ่ กค่ นทว่ั ไป ดแู ลและปรบั ปรงุ เวบ็ ไซต์ เพื่อให้มคี วามรู้ ความเข้าใจ มจี ิตสานกึ ท่ีดีและเหน็ คุณค่าของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มีความ รบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองและสงั คมส่วนรวม มีคณุ ธรรม จริยธรรม มคี วามคิดริเร่มิ สร้างสรรค์ ผลการเรียนรู้ 1. บอกความหมายของเว็บเพจ เวบ็ ไซตแ์ ละอปุ กรณ์ทเ่ี กี่ยวข้องได้ 2. สงั เคราะหโ์ ครงสรา้ งของเว็บไซตแ์ ละออกแบบได้ 3. บอกหลกั การ ขอ้ กาหนดเกี่ยวกบั การออกแบบและจัดทาเวบ็ ไซต์ 4. บอกคุณค่าและความสาคัญของจริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสรา้ งงานได้ 5. บอกโครงสร้างภาษาคอมพิวเตอร์ระดับต่าสาหรบั การเขียนเวบ็ 6. บอกวธิ กี ารเขยี นเว็บเพจด้วยภาษา HTML 7. บอกวธิ ใี ช้โปรแกรมคอมพวิ เตอรส์ รา้ งงานเว็บเพจ และเว็บไซตไ์ ด้ 8. บอกวิธใี ชเ้ ทคโนโลยใี นการทางาน การผลิต การออกแบบ การแก้ปัญหา การสร้างงาน การ สรา้ งอาชพี สุจริตอย่างมีความเข้าใจมีการวางแผนเชิงกลยทุ ธ์ และมคี วามคิดสร้างสรรค์ 9. บอกกระบวนการอัพโหลดเวบ็ และวิธีใชโ้ ปรแกรมนาเสนอเวบ็ ไซต์ได้ 10. บอกวิธีการใชค้ อมพิวเตอร์ชว่ ยสร้างงานจากจินตนาการหรืองานทท่ี าในชวี ติ ประจาวนั อย่าง มีจติ สานึกและมีความรบั ผดิ ชอบ รวมทั้งหมด 10 ผลการเรยี นรู้

190 โครงสร้างรายวชิ าเพม่ิ เติม รายวิชา ว20203 การสรา้ งเว็บเพจ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1-3 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต หนว่ ย ชื่อหน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั ที่ การเรียนรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน 1 รู้จกั กบั เวบ็ ไซต์ 1. บอกความหมายของเวบ็ ความหมายของเวบ็ เพจ 2 10 เพจ เว็บไซต์และอุปกรณ์ท่ี เวบ็ ไซต์ เก่ียวข้องได้ 2 การจดั การ 2. สังเคราะหโ์ ครงสรา้ งของ โครงสรา้ งเว็บไซต์ การ 2 10 เว็บไซต์ เวบ็ ไซตแ์ ละออกแบบได้ ออกแบบเว็บไซต์ การใช้สี 3. บอกหลักการ ขอ้ กาหนด การจดั องค์ประกอบ การ เกี่ยวกับการออกแบบและ สร้างความนา่ สนใจใหก้ ับเวบ็ จัดทาเว็บไซต์ เพจ 3 การบรหิ ารดแู ล 4. บอกคุณคา่ และ การเป็นเวบ็ มาสเตอร์ 4 10 เวบ็ ไซต์ ความสาคัญของจรยิ ธรรมใน จรรยาบรรณของผสู้ ร้าง การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ เวบ็ ไซต์ ในการสร้างงานได้ 4 ภาษา 5. บอกโครงสรา้ งภาษา ภาษาคอมพิวเตอร์ การเขยี น 4 10 15 30 คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอรร์ ะดบั ตา่ สาหรับ เวบ็ เพจดว้ ยภาษา HTML การเขยี นเว็บ การใช้โปรแกรมสาเร็จรปู 6. บอกวธิ กี ารเขียนเว็บเพจ สรา้ งเวบ็ เพจและเวบ็ ไซต์ ดว้ ยภาษา HTML กระบวนการอพั โหลดเว็บ 7. บอกวธิ ใี ช้โปรแกรมสรา้ ง การนาเสนอเวบ็ ไซต์ งานเว็บเพจ และเวบ็ ไซตไ์ ด้ 9. บอกกระบวนการอพั โหลดเว็บ และนาเสนอ เว็บไซตไ์ ด้ 5 การออกแบบ 8. บอกวิธีใชเ้ ทคโนโลยใี น การใช้เทคโนโลยใี นการ เวบ็ ไซต์ การทางาน การผลติ การ ออกแบบแกป้ ญั หา การ ออกแบบ การแก้ปญั หา การ วางแผนเชิงกลยทุ ธ์ และมี สรา้ งงาน การสรา้ งอาชพี ความคิดสรา้ งวรรค์ ในการ สจุ รติ อยา่ งมีความเขา้ ใจมี สรา้ งงานอยา่ งสุจริต

191 หนว่ ย ช่อื หน่วย ผลการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั ท่ี การเรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน การวางแผนเชงิ กลยุทธ์ และ 6 การสรา้ ง 15 30 เว็บไซต์ มีความคดิ สรา้ งสรรค์ 40 100 10. บอกวิธกี ารใช้ การใช้คอมพิวเตอรส์ รา้ งงาน คอมพวิ เตอร์ช่วยสรา้ งงาน จากจนิ ตนาการ การใช้ จากจนิ ตนาการหรืองานที่ทา คอมพิวเตอ์สร้างสรรค์ชนิ้ งาน ในชีวติ ประจาวันอยา่ งมี เพ่อื ตอบสนองความต้องการ จิตสานึกและมีความ ที่จาเปน็ ในการดาเนินชีวิต รบั ผดิ ชอบ อย่างมีจิตสานึกและความ รับผดิ ชอบ รวม

192 คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม รายวชิ า ว20204 การสรา้ งหนังสืออิเลก็ ทรอนิกส์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1-3 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษาเก่ียวกับระบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ความหมาย ประเภท ข้อดีและข้อเสียของ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้กับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โปรแกรมต่างๆ ท่ีใช้ในการสร้าง หนงั สอื อิเลก็ ทรอนิกส์ และการนาเสนอหนงั สืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ ปฏิบัติการใช้โปรแกรมสาเร็จรูปในการออกแบบและสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น Flip Album, Desktop Author และอื่นๆ เพ่ือสร้างหน้ากระดาษ เพิ่มข้อความ แทรกรูปภาพ แทรกไฟล์ Multi Media เพ่ิมและปรับเปล่ียนเนื้อหา สร้างการเช่ือมโยง ใช้เทคนิคและการตกแต่งท่ีช่วยให้หนังสือ หนังสืออิเล็กทรอนกิ ส์มีความสวยงาม นา่ สนใจ ตลอดจนการนาเสนอผลงาน เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพื้นฐานในการใช้งานโปรแกรมสร้างหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ โดยต้ังอยู่บนความเหมาะสมและถูกต้องตามหลักของกฎหมาย คุณธรรม และจริยธรรม อยา่ งมจี ิตสานกึ และความรบั ผิดชอบ ผลการเรยี นรู้ 1. บอกความหมาย ประเภท ข้อดแี ละข้อเสยี ของหนงั สืออิเล็กทรอนิกส์ได้ 2. บอกคุณสมบตั ขิ องเครือ่ งคอมพิวเตอร์และโปรแกรมทีใ่ ช้ในการออกแบบสร้างหนังสือ อิเล็กทรอนกิ ส์ได้ 3. สามารถเปิดโปรแกรมและอธิบายสว่ นประกอบต่างๆ ของหนา้ ต่างโปรแกรมสร้างหนังสือ อิเล็กทรอนกิ ส์ได้ 4. มีความรู้ความเขา้ ใจและสามารถใช้คาสัง่ ต่างๆ ในโปรแกรมสรา้ งหนงั สืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ได้ 5. สามารถสรา้ งหนงั สืออิเล็กทรอนิกส์และนาเสนอได้อย่างเหมาะสม รวมท้ังหมด 5 ผลการเรียนรู้

193 โครงสรา้ งรายวิชาเพิม่ เติม รายวชิ า ว20204 การสร้างหนังสอื อเิ ล็กทรอนิกส์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1-3 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต หน่วย ชือ่ หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั ท่ี การเรียนรู้ (ช่ัวโมง) คะแนน 1 ทาความรู้จกั กับ 1. บอกความหมาย ความหมายของหนงั สือ 10 20 หนงั สือ ประเภท ข้อดีและขอ้ เสีย อเิ ล็กทรอนิกส์ ข้อดีและข้อเสียของ อิเล็กทรอนิกส์ ของหนงั สืออิเล็กทรอนกิ ส์ หนังสืออเิ ล็กทรอนิกส์ ระบบ ได้ คอมพิวเตอร์ท่ใี ช้กับหนงั สือ 2. บอกคุณสมบัติของ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เคร่ืองคอมพิวเตอรแ์ ละ โปรแกรมท่ใี ชใ้ นการ ออกแบบสร้างหนังสือ อเิ ล็กทรอนิกส์ได้ 2 โปรแกรมการ 3. สามารถเปดิ โปรแกรม การใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูปในการ 15 40 สร้างหนังสอื และอธบิ ายส่วนประกอบ สร้างหนงั สอื อิเล็กทรอนิกส์ อิเล็กทรอนกิ ส์ ต่างๆ ของหนา้ ต่าง หนา้ ต่างการทางาน การใชค้ าสงั่ โปรแกรมสร้างหนงั สอื ต่างๆ ในการสร้างหนังสอื อิเลก็ ทรอนิกส์ได้ อเิ ล็กทรอนิกส์ สรา้ งหน้ากระดาษ 4. มีความรูค้ วามเขา้ ใจ เพ่ิมข้อความ แทรกรูปภาพ แทรก และสามารถใชค้ าส่งั ตา่ งๆ ไฟล์ Multi Media เพมิ่ และ ในโปรแกรมสร้างหนังสือ ปรับเปลีย่ นเนอ้ื หา สร้างการ อิเลก็ ทรอนิกส์ได้ เชอื่ มโยง ใช้เทคนคิ และการตกแตง่ ท่ีช่วยใหห้ นงั สอื หนังสือ อิเลก็ ทรอนกิ ส์มีความสวยงาม นา่ สนใจ 3 สร้างสรรค์ 5. สามารถสร้างหนงั สอื การใช้งานโปรแกรมสรา้ งหนังสอื 15 40 ชนิ้ งาน อเิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ ละ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ กฎหมาย E-book นาเสนอได้อย่างเหมาะสม คอมพิวเตอร์ คณุ ธรรม และ จรยิ ธรรมของการสรา้ งชิ้นงานจาก คอมพิวเตอร์ รวม 40 100

194 คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเตมิ รายวิชา ว20205 โปรแกรมออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1-3 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกิต ศึกษาประวัติความเป็นมาของสื่อสิ่งพิมพ์ ประเภทของส่ือส่ิงพิมพ์ หลักการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ วิเคราะห์บทบาทความสาคัญของโปรแกรมสาเร็จรูปที่ใช้ในการออกแบบสื่อส่ิงพิมพ์ เช่น Microsoft Publisher, Adobe InDesign, PageMaker ส่วนประกอบของโปรแกรม รู้จักเมนูคาสั่งต่างๆ ท่ีเหมาะกับ งานพมิ พ์ วิธกี ารใชง้ านโปรแกรม ปฏบิ ัตกิ ารใช้โปรแกรมออกแบบสอื่ สง่ิ พมิ พ์ การจัดการหน้าเอกสาร การจัดการขอ้ ความ การสร้าง ข้อความแบบพิเศษ การแทรกวัตถุอื่นหรือรูปภาพ โดยใช้กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ การคิด วิเคราะห์ และการฝึกปฏิบัติการสร้างชิ้นงานส่ือส่ิงพิมพ์ เช่น นามบัตร, โบว์ชัวร์, การ์ดอวยพร, ป้าย ประกาศ, ใบปลิว, กระดาษหัวจดหมาย และอน่ื ๆ เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพ้ืนฐานในการใช้งานโปรแกรมออกแบบสร้างและ พฒั นาสื่อสงิ่ พมิ พ์ โดยตงั้ อยบู่ นความเหมาะสมและถูกต้องตามหลกั ของกฎหมาย คณุ ธรรม และจรยิ ธรรม ผลการเรยี นรู้ 1. บอกประวัติความเป็นมาของส่อื สง่ิ พมิ พ์ ประเภทของส่ือสง่ิ พิมพ์ และหลกั การออกแบบสื่อ สิง่ พมิ พไ์ ด้ 2. วิเคราะหบ์ ทบาทความสาคัญของโปรแกรมสาเร็จรปู ท่ีใชใ้ นการออกแบบสอ่ื สิง่ พมิ พไ์ ด้ 3. เรยี กใชง้ านโปรแกรมและอธบิ ายสว่ นประกอบตา่ งๆ ของหน้าต่างโปรแกรมได้ 4. สรา้ ง เปิด แก้ไข บนั ทึก และจดั เก็บไฟล์ตามข้ันตอนได้อยา่ งถูกต้อง 5. ปฏบิ ตั กิ ารใชโ้ ปรแกรมออกแบบสร้างสือ่ สงิ่ พมิ พป์ ระเภทต่างๆ ได้อยา่ งเหมาะสม 6. นาเสนอสอ่ื ส่งิ พิมพ์ได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ รวมทั้งหมด 6 ผลการเรยี นรู้

195 โครงสรา้ งรายวชิ าเพ่ิมเติม รายวชิ า ว20205 โปรแกรมออกแบบส่ือสิ่งพิมพ์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1-3 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต หนว่ ย ชอื่ หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั ท่ี การเรียนรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน 1 รู้จักกับส่ือ 1. บอกประวตั ิความเป็นมา ความเปน็ มาของสื่อส่งิ พิมพ์ 5 10 ส่งิ พมิ พ์ ของส่ือสงิ่ พิมพ์ ประเภท ประเภทของสอ่ื สิ่งพมิ พ์ หลกั การ ของส่ือสง่ิ พิมพ์ และ ออกแบบสื่อสงิ่ พมิ พป์ ระเภทต่างๆ หลักการออกแบบสือ่ สิง่ พิมพ์ได้ 2 ความสาคัญของ 2. วเิ คราะหบ์ ทบาท ความสาคัญของโปรแกรม 5 10 โปรแกรมท่ีใช้ ความสาคัญของโปรแกรม สาเรจ็ รูปที่ใชใ้ นการสร้างสื่อ ออกแบบสอ่ื สาเร็จรปู ทใี่ ช้ในการ ส่ิงพิมพ์ ส่งิ พิมพ์ ออกแบบสื่อสิง่ พิมพ์ได้ 3 โปรแกรม 3. เรยี กใชง้ านโปรแกรม โปรแกรมสาเร็จรปู ที่ใช้ในการ 10 30 สาเรจ็ รูปท่ีใช้ และอธบิ ายสว่ นประกอบ ออกแบบสื่อสง่ิ พิมพ์ เชน่ สรา้ งสือ่ สง่ิ พิมพ์ ต่างๆ ของหน้าตา่ ง Microsoft Publisher, Adobe InDesign, PageMaker โปรแกรมได้ 4. สร้าง เปดิ แกไ้ ข บนั ทกึ ส่วนประกอบของโปรแกรม รู้จัก และจดั เกบ็ ไฟล์ตามขนั้ ตอน เมนูคาสั่งตา่ งๆ ทเ่ี หมาะกบั งาน ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง พิมพ์ วธิ ีการใชง้ านโปรแกรม 4 การสร้างสือ่ 5. ปฏิบตั ิการใชโ้ ปรแกรม การใช้โปรแกรมออกแบบสื่อ 15 40 ส่ิงพิมพ์ ออกแบบสรา้ งสื่อส่ิงพิมพ์ ส่ิงพิมพ์ การจัดการหน้าเอกสาร 10 100 ประเภทต่างๆ ไดอ้ ย่าง การจดั การข้อความ การสร้าง เหมาะสม ขอ้ ความแบบพิเศษ การแทรกวตั ถุ อืน่ หรอื รปู ภาพ การปฏบิ ตั ิการสรา้ งชนิ้ งานส่ือ สง่ิ พิมพ์ เช่น นามบตั ร, โบวช์ วั ร์, การ์ดอวยพร, ปา้ ยประกาศ, ใบปลวิ , กระดาษหัวจดหมาย และ อื่นๆ 5 จรรยาบรรณของ 6. นาเสนอสื่อส่งิ พิมพ์ได้ การสร้างสรรคช์ ิ้นงานสอื่ สิ่งพิมพ์ 5 สอื่ อยา่ งสรา้ งสรรค์ กฎหมายคอมพิวเตอร์ หลัก คุณธรรม จริยธรรมในการสร้างส่อื ส่ิงพมิ พ์ รวม 40

196

197 คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเตมิ รายวิชา ว20206 โปรแกรมตารางงาน ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1-3 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หน่วยกติ ศึกษาหลักการของตารางงาน การคานวณบนตารางงาน รูปแบบของงานท่ีอยู่บนตารางงาน การ ป้อนข้อมูล การแก้ไขข้อมูล การเก็บข้อมูลลงแฟ้มข้อมูล การเรียกข้อมูลจากแฟ้มข้อมูลมาดาเนินงาน การ จดั รปู แบบชิ้นงาน การพมิ พ์ การสรา้ งกราฟ ฟงั กช์ นั การคานวณอยา่ งง่าย ปฏิบัติการสร้างงานบนตารางงาน ป้อนข้อมูล แก้ไขข้อมูล เก็บข้อมูลลงแฟ้มข้อมูล เรียกข้อมูล จากแฟ้มขอ้ มลู มาดาเนินการ จัดรูปแบบชน้ิ งาน สรา้ งกราฟ ใชฟ้ งั กช์ ันการคานวณอย่างงา่ ย เพ่ือแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการโดยผ่านการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกใช้ เทคโนโลยอี ย่างมีคณุ ธรรม จริยธรรม ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ ายหลักการพืน้ ฐานของตารางงานได้ 2. บอกสว่ นประกอบของโปรแกรมและเคร่ืองมือของโปรแกรมได้ 3. กาหนดรปู แบบ ปอ้ นข้อมูล แกไ้ ขขอ้ มลู การเก็บลงแฟ้มขอ้ มูล ตลอดจนสามารถเรียกใช้ แฟ้มขอ้ มลู ได้ 4. สรา้ งกราฟรปู แบบตา่ งๆ ได้ 5. คานวณบนตารางการงานและใช้ฟงั กช์ น่ั การคานวณอย่างงา่ ยได้ รวมท้ังหมด 5 ผลการเรียนรู้

198 โครงสรา้ งรายวิชาเพิ่มเติม รายวชิ า ว20206 โปรแกรมตารางงาน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1-3 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต หน่วย ช่อื หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก ที่ การเรยี นรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน 1 เรมิ่ ตน้ ใชง้ าน 1.อธบิ ายหลกั การพน้ื ฐาน ประโยชนข์ องโปรแกรมตารางการ 5 15 Excel ของตารางงานได้ 2.บอก ทางาน หนา้ ต่างการทางานของ สว่ นประกอบของ โปรแกรม โปรแกรมและเครื่องมือ ของโปรแกรมได้ 2 การจัดการข้อมูล 3. กาหนดรปู แบบ ปอ้ น รูปแบบของงานท่ีอยบู่ นตารางงาน 5 15 ข้อมลู แก้ไขข้อมูล การ การป้อนขอ้ มลู การแก้ไขขอ้ มูล เกบ็ ลงแฟ้มข้อมูล การเกบ็ ขอ้ มูลลงแฟ้มข้อมูล การ ตลอดจนสามารถเรยี กใช้ เรยี กขอ้ มูลจากแฟม้ ข้อมูลมา แฟ้มข้อมูลได้ ดาเนินงาน การจัดรูปแบบชน้ิ งาน การพิมพ์ ฟังกช์ นั การคานวณอยา่ ง งา่ ย 3 กราฟ 4. สร้างกราฟรปู แบบ การสร้างกราฟ การออกแบบ 15 35 ตา่ งๆ ได้ กราฟใหเ้ หมาะกับการนาเสนองาน 4 ฟงั ก์ชน่ั 5. คานวณบนตารางการ การคานวณบนตารางงาน ฟงั ก์ชั่น 15 35 งานและใช้ฟังก์ช่ันการ การคานวณอยา่ งง่าย คานวณอยา่ งงา่ ยได้ รวม 40 100

199 คาอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ รายวชิ า ว20207 โปรแกรมออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1-3 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษาคุณลักษณะและความสามารถของโปรแกรมการออกแบบและการสร้างงาน 3 มิติ การ พัฒนาและการประยุกต์ใช้งานการสร้างผลิตภัณฑ์ เช่น Pro Desktop, SketchUp ส่วนประกอบของ โปรแกรม เคร่ืองมือ คาส่งั และการใช้งานโปรแกรม ปฏิบัติการใช้โปรแกรมในการออกแบบโครงร่างช้ินงาน การทารูปทรง 3 มิติ การออกแบบ ทางด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม การออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ถ่ายทอดความคิดเป็นภาพฉายและ แบบจาลอง เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจ มีคุณธรรมและลักษณะนิสยั ในการทางาน มีความมานะอดทน ภูมิใจ ในงานทท่ี ามคี วามรับผดิ ชอบที่ดีตอ่ ตนเองและสงั คม และมีเจตคติที่ดีตอ่ การประกอบอาชพี ผลการเรียนรู้ 1. บอกคุณลักษณะและความสามารถของโปรแกรมออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ 2. บอกสว่ นประกอบของโปรแกรมออกแบบผลติ ภณั ฑ์ได้ 3. สามารถใชเ้ ครือ่ งมือและคาสั่งตา่ งๆ ของโปรแกรมออกแบบผลิตภณั ฑไ์ ด้ 4. สามารถสร้างช้ินงานตามแบบที่กาหนดและออกแบบด้วยตนเองได้ 5. มีความอดทน ความรบั ผิดชอบ และภาคภูมิใจในผลงานของตนเอง รวมท้ังหมด 5 ผลการเรยี นรู้

200 โครงสร้างรายวิชาเพ่มิ เติม รายวชิ า ว20207 โปรแกรมออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1-3 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกิต หนว่ ย ชือ่ หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั ท่ี การเรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน 1 การออกแบบ 1. บอกคุณลักษณะ คุณลกั ษณะและความสามารถของ 5 20 ผลติ ภัณฑ์ และความสามารถของ โปรแกรมการออกแบบ โปรแกรม โปรแกรมออกแบบ การสร้างงาน 3 มติ ิ การพัฒนาและ ผลิตภณั ฑไ์ ด้ การประยุกตใ์ ชง้ านโปรแกรมการ สรา้ งผลติ ภัณฑ์ 2 การใชง้ าน 2. บอกสว่ นประกอบ การใช้โปรแกรม Pro Desktop, 15 40 โปรแกรม ของโปรแกรมออกแบบ Sketchup สว่ นประกอบของ ออกแบบ ผลิตภณั ฑ์ได้ โปรแกรม เครอื่ งมือ คาสง่ั และการใช้ ผลติ ภณั ฑ์ 3. สามารถใชเ้ คร่อื งมือ งานโปรแกรม และคาสง่ั ตา่ งๆ ของ โปรแกรมออกแบบ ผลิตภณั ฑไ์ ด้ 3 สร้างสรรค์ 4. สามารถสร้าง การออกแบบโครงรา่ งชน้ิ งาน 20 40 ชิน้ งาน ชนิ้ งานตามแบบท่ี การทารูปทรง 3 มิติ การออกแบบ กาหนดและออกแบบ ทางด้านวศิ วกรรม สถาปัตยกรรม ด้วยตนเองได้ การออกแบบผลิตภณั ฑต์ ่างๆ การ 5. มีความอดทน ความ ถ่ายทอดความคิดเป็นภาพฉาย รับผิดชอบ และ แบบจาลอง ภาคภูมใิ จในผลงาน ของตนเอง รวม 40 100

201 คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเตมิ รายวชิ า ว20208 โปรแกรมภาษาโลโก ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1-3 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษาหลักการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ หลักการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาโลโก การใช้ตัว แปร การคานวณ ตัวดาเนนิ การ การเขยี นโปรแกรมโครงสร้างแบบทางานซ้า แบบมีเงื่อนไข โปรแกรมยอ่ ย และฟังก์ช่ัน เขียนโปรแกรมประยุกต์ ปฏิบัติการ วิเคราะห์โจทย์ปัญหา ออกแบบโปรแกรม และเขียน โปรแกรมดว้ ยคาส่งั ภาษาคอมพิวเตอร์ ปฏบิ ตั ิการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาโลโก โดยใช้ตัวแปร การคานวณ ตัวดาเนินการ การเขียน โปรแกรมโครงสร้างแบบทางานซ้า แบบมีเง่ือนไข โปรแกรมย่อย และฟงั ก์ช่นั เพื่อให้มคี วามรู้ ความเขา้ ใจและทักษะในการวเิ คราะห์โจทย์ปญั หา สามารถออกแบบโปรแกรม และเขียนโปรแกรมอย่างง่ายได้ ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายหลกั การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ได้ 2. บอกประวัติความเป็นมา และสว่ นประกอบของโปรแกรม MSWlogo ได้ 3. เขียนโปรแกรมภาษาโลโกดว้ ยคาสัง่ พ้นื ฐาน ตวั แปร ตวั ดาเนินการ และการคานวณได้ 4. เขียนโปรแกรมโครงสร้างแบบทางานซา้ แบบมีเงื่อนไข โปรแกรมย่อย และฟงั ก์ชัน่ ได้ รวมทั้งหมด 4 ผลการเรียนรู้

202 โครงสรา้ งรายวิชาเพมิ่ เติม รายวชิ า ว20208 โปรแกรมภาษาโลโก ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1-3 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต หนว่ ย ช่ือหน่วย ผลการเรยี นรู้ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั ที่ การเรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน 1 หลกั การทางาน 1. อธบิ ายหลักการทางาน หลักการทางานของ 10 20 ของ ของระบบคอมพิวเตอร์ได้ คอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอร์ 2 ภาษาโลโก้ 2. บอกประวตั ิความเป็นมา ระดับของภาษาคอมพิวเตอร์ 15 40 และสว่ นประกอบของ ความเป็นมาของภาษาโลโก้ โปรแกรม MSWlogo ได้ สว่ นประกอบหน้าต่างการ ทางานของโปรแกรม MSWlogo 3 การเขียน 3. เขยี นโปรแกรมภาษาโล การใชค้ าสงั่ พน้ื ฐาน การใชง้ าน 15 40 โปรแกรมดว้ ย โกดว้ ยคาสง่ั พื้นฐาน ตัว ตวั แปร ตวั ดาเนินการ การ ภาษาโลโก้ แปร ตัวดาเนินการ และ ทางานแบบคาสัง่ วนซ้า คาสงั่ การคานวณได้ เงอ่ื นไขแบบมตี ัวเลือก การ 4. เขยี นโปรแกรม สร้างชน้ิ งานดว้ ยโปรแกรม โครงสรา้ งแบบทางานซา้ ภาษาโลโก แบบมเี ง่ือนไข โปรแกรม ย่อย และฟังกช์ ัน่ ได้ รวม 40 100

203 คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม รายวิชา ว20209 โปรแกรมตกแตง่ ภาพ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1-3 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษาโปรแกรมสาหรับการตกแต่งภาพกราฟิก เช่น Adobe Photoshop, Illustrator หรืออื่นๆ ประโยชน์และความสามารถของโปรแกรม การเรียกใช้โปรแกรม ส่วนประกอบของโปรแกรม ลักษณะของ แผ่นโปร่งใส วิธีการบันทึกผลงาน การเปิดงานข้ึนมาแก้ไขเพิ่มเติม หน้าท่ีและการใช้งานเคร่ืองมือของ โปรแกรม ปฏิบัติการเรียกใช้โปรแกรมในการตกแต่งภาพกราฟิก บันทึกผลงาน เปิดผลงานขึ้นมาแก้ไข ใช้ งานเคร่ืองมือและคาส่งั เพ่อื สร้าง แก้ไข และปรับแตง่ ภาพดว้ ยเทคนคิ วิธีการต่างๆ เพื่อให้มีทักษะเบ้ืองต้นเกี่ยวกับการสร้างและตกแต่งภาพ ตลอดจนสร้างแนวคิดเกี่ยวกับงาน กราฟิกและการนาเสนอในรูปแบบต่างๆ เห็นคุณค่าและมีเจตคติท่ีดีต่อการทางาน มีความมุ่งม่ันในการ ทางาน ใฝเ่ รียนรู้ มีวินัยในตนเอง มีความซ่อื สัตย์สุจริต และตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรม จรยิ ธรรม ผลการเรียนรู้ 1. เข้าใจหลักการพนื้ ฐานเกี่ยวกบั กราฟิก 2. บอกสว่ นประกอบและเคร่ืองมือของโปรแกรมได้ 3. ปฏิบัติการใช้โปรแกรมดา้ นกราฟิกสรา้ งชิ้นงานได้ตรงตามความต้องการ 4. นาเสนองานในรูปแบบทีเ่ หมาะสม ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ของงานได้อย่างสร้างสรรค์ และมี จติ สานกึ และความรบั ผดิ ชอบ รวมท้ังหมด 4 ผลการเรยี นรู้

204 โครงสรา้ งรายวชิ าเพิ่มเติม รายวิชา ว20209 โปรแกรมตกแต่งภาพ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1-3 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต หน่วย ชอ่ื หน่วย ผลการเรยี นรู้ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั ที่ การเรียนรู้ (ช่วั โมง) คะแนน 1 หลักการสรา้ ง 1. เขา้ ใจหลกั การ ความหมาย หลักการ วธิ ีการ 10 25 งานกราฟิก พืน้ ฐานเกีย่ วกบั กราฟิก ออกแบบกราฟิก ซอฟต์แวร์ด้าน กราฟิก อธิบายโปรแกรม สาหรบั งานกราฟิก ระบบคอมพิวเตอร์ สาหรบั งานคอมพวิ เตอรก์ ราฟิก การใช้งานซอฟต์แวร์ดา้ นกราฟิก 2 หลักการใช้ 2. บอกสว่ นประกอบ บอกความสามารถของโปรแกรม 10 25 โปรแกรม และเครื่องมือของ Adobe Photoshop โปรแกรมได้ ใชเ้ ครือ่ งมือและอปุ กรณต์ ่างๆ คาสั่งทส่ี าคญั ในการออกแบบ สร้างสรรค์งานกราฟิกให้มี จินตนาการ 3 การออกแบบ 3. ปฏิบตั กิ ารใช้ ศึกษาหลักการออกแบบเทคนิคการ 20 50 กราฟิก โปรแกรมดา้ นกราฟิก ใชโ้ ปรแกรมการออกแบบ สร้างชิน้ งานไดต้ รงตาม คอมพวิ เตอร์กราฟกิ สรา้ งผลงาน ความต้องการ จากโปแกรม Adobe Photoshop 4. นาเสนองานใน รปู แบบทเี่ หมาะสม ตรง ตามวัตถุประสงค์ของ งานได้อย่างสร้างสรรค์ และมีจติ สานึกและความ รบั ผิดชอบ รวม 40 100

205 คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเตมิ รายวิชา ว20210 การสรา้ งภาพเคล่อื นไหว ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1-3 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต ศกึ ษาความรพู้ ้ืนฐานเก่ียวกบั กราฟิกแอนิเมช่ัน ความเป็นมาของโปรแกรมที่ใชอ้ อกแบบสร้าง ภาพเคล่ือนไหว เชน่ Flash, Swish Max, Maya หรืออ่ืนๆ ความตอ้ งการของระบบ การตดิ ตง้ั โปรแกรม สว่ นประกอบของโปรแกรม แถบคาสงั่ แถบเครื่องมือ การใช้อุปกรณใ์ นการวาดภาพ การทางานกับสี เครื่องมอื ตกแต่งภาพ การจดั การกบั วตั ถุ การใช้ข้อความ การสรา้ งภาพเคลอ่ื นไหว และการใสเ่ สยี ง ฝึกปฏิบตั กิ ารตดิ ตั้งโปรแกรมสรา้ งภาพเคลือ่ นไหว การใช้เครอ่ื งมือและคาส่งั ในโปรแกรมเพ่ือวาด ภาพ การทางานกบั สี ใชเ้ ครื่องมอื วาดและตกแต่งภาพ การจัดการกบั วตั ถุ การจัดการขอ้ ความ การสร้างภาพเคลื่อนไหว และการใสเ่ สยี ง เพือ่ ให้มคี วามรู้ ความเข้าใจ มีทกั ษะเบื้องต้นเก่ยี วกบั การสร้างภาพเคล่ือนไหว เหน็ คุณค่าและมี เจตคตทิ ด่ี ีต่อการทางานเก่ียวกบั คอมพิวเตอรก์ ราฟิกและแอนเิ มชั่น มีความมุ่งมั่นในการทางาน ใฝ่เรยี นรู้ มวี นิ ยั ในตนเอง ตัดสนิ ใจเลอื กใช้เทคโนโลยีอยา่ งมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ผลการเรยี นรู้ 1. เขา้ ใจหลกั การพื้นฐานเกีย่ วกับกราฟิกแอนเิ มชนั่ 2. บอกความเป็นมา ความต้องการของระบบ และการติดต้ังโปรแกรมได้ 3. บอกสว่ นประกอบและเคร่ืองมือของโปรแกรมได้ 4. ปฏิบัตกิ ารใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู สร้างช้นิ งานแอนเิ มชัน่ ได้ตรงตามความต้องการ 5. นาเสนองานในรปู แบบที่เหมาะสม ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ของงานได้อย่างสรา้ งสรรค์ และมี จติ สานกึ และความรับผดิ ชอบ รวมท้ังหมด 5 ผลการเรียนรู้

206 โครงสร้างรายวิชาเพิม่ เติม รายวชิ า ว20210 การสร้างภาพเคล่ือนไหว ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1-3 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หน่วยกติ หน่วย ช่อื หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั ท่ี การเรียนรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน 1 การสร้างกราฟิก 1. เขา้ ใจหลักการ ความหมาย หลกั การ วิธกี ารออกแบบ 5 10 แอนเิ มชนั่ พื้นฐานเก่ียวกบั กราฟิกแอนิเมชัน่ ซอฟต์แวร์ด้านกราฟิก กราฟิกแอนิเมชัน่ แอนิเมชน่ั อธบิ ายโปรแกรมสาหรบั งาน กราฟิก ระบบคอมพวิ เตอร์สาหรับงาน คอมพวิ เตอร์กราฟิกแอนเิ มชั่น 2 ความเป็นมาของ 2. บอกความเปน็ มา ความเปน็ มาของโปรแกรมท่ีใช้ออกแบบ 5 10 โปรแกรมกราฟิก ความตอ้ งการของ สรา้ งภาพเคลอ่ื นไหว เช่น Flash, Swish แอนเิ มช่นั ระบบ และการตดิ ตัง้ Max, Maya หรืออน่ื ๆ ความตอ้ งการของ โปรแกรมได้ ระบบ การติดตั้งโปรแกรม 3 การใชง้ าน 3. บอกสว่ นประกอบ สว่ นประกอบของโปรแกรม แถบคาส่งั 10 30 โปรแกรมกราฟกิ และเครื่องมือของ แถบเครื่องมือ การใช้อปุ กรณ์ในการวาด แอนเิ มชั่น โปรแกรมได้ ภาพ การทางานกับสี เคร่ืองมือตกแตง่ ภาพ การจดั การกับวัตถุ การใชข้ อ้ ความ การสร้างภาพเคล่ือนไหว และการใส่เสยี ง 4 การสรา้ งสรรค์ 4. ปฏิบัติการใช้ ทกั ษะเบื้องตน้ เกีย่ วกบั การสร้างการ 15 40 ชิน้ งานกราฟิก โปรแกรมสาเรจ็ รปู สรา้ งภาพเคล่อื นไหว การออกแบบ แอนิเมชน่ั สร้างช้ินงานแอนิ กราฟิกแอนิเมชน่ั เมชัน่ ได้ตรงตาม ความตอ้ งการ 5 คณุ ธรรม 5. นาเสนองานใน การเหน็ คณุ คา่ และมเี จตคตทิ ี่ดตี อ่ การ 5 10 จริยธรรมในการ รูปแบบทเี่ หมาะสม ทางานเกยี่ วกับคอมพวิ เตอร์กราฟกิ และ สร้างช้ินงาน ตรงตามวตั ถุประสงค์ แอนิเมช่นั ความมงุ่ มนั่ ในการทางาน กราฟิกแอนิ ของงานได้อย่าง ใฝเ่ รียนรู้ มีวนิ ยั ในตนเอง ตัดสินใจ เมชัน่ สร้างสรรค์ และมี เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอย่างมคี ุณธรรม จติ สานกึ และความ จริยธรรม รับผดิ ชอบ รวม 40 100

207 คาอธบิ ายรายวชิ า ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

208 คาอธิบายรายวิชาพ้ืนฐาน รายวิชา ว31101 วิทยาศาสตร์กายภาพ (ฟิสิกส)์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกิต ศึกษาหลักการพนื้ ฐานของแรงและการเคล่อื นทีใ่ นเรื่องระยะทาง การกระจัด อตั ราเร็ว ความเรว็ ความเรง การเคลอ่ื นท่ีแนวตรง การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล การเคลอื่ นที่แบบวงกลมและการเคลือ่ นที่ แบบสนั่ แรงท่ีกระทาต่อวตั ถุในสนามโน้มถ่วง และการเคลื่อนท่ขี องวตั ถุในสนามโน้มถ่วง แรงทกี่ ระทาต่อ อนุภาค ท่มี ีประจุไฟฟ้าในสนามไฟฟา้ และสนามแมเ่ หล็ก รวมท้ังแรงนวิ เคลียรในนวิ เคลียส และการใช้ ประโยชนจากแรงและการเคล่อื นทแ่ี บบตา่ ง ๆ ศกึ ษาหลักการพน้ื ฐานของพลังงานในเร่ือง องค์ประกอบ ของคล่ืน สมบตั ิของคล่ืน เสียงและการไดย้ นิ ความเข้มเสียง การเกดิ เสยี งสะท้อนกลับ บตี ดอปเพลอร์ และการสน่ั พอ้ งของเสยี ง มลพษิ ทางเสียง การมองเห็นสีของวัตถุ การผสมสารสแี ละการนาไปใชป้ ระโยชน์ ในชีวติ ประจาวัน สเปกตรัมคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า การสอ่ื สารโดยอาศยั คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า หลักการทางาน ของอปุ กรณบ์ างชนดิ ท่ีอาศยั คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า กัมมนั ตภาพรงั สี รงั สใี นชวี ิตประจาวัน ปฏิกิริยานิวเคลียร พลงั งานนิวเคลียร และการใช้ประโยชน์ในทางสรา้ งสรรค์ ผลกระทบต่อสิง่ มชี ีวิตและส่ิงแวดล้อม ใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศในการนาเสนอ และแบ่งปนั ข้อมลู อย่างปลอดภยั มีจริยธรรม และวิเคราะห์การ เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยสี ารสนเทศที่มีผลต่อการดาเนนิ ชวี ิต อาชีพ สงั คม และวัฒนธรรม ประยกุ ต์ใช้ ความรูแ้ ละทักษะจากศาสตร์ต่างๆ รวมทั้งทรัพยากรในการทาโครงงานเพอ่ื แก้ปัญหาหรือพฒั นางาน โดยใช้การสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ ทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 การสืบคน้ ข้อมูลและการอภปิ ราย เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสอื่ สารสิ่งท่ีเรียนรู้ มคี วามสามารถในการ ตดั สินใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวนั มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และ คา่ นยิ มท่ีเหมาะสม รหสั ตวั ชี้วดั ว 2.2 ม.5/1, ม.5/2, ม.5/3, ม.5/4, ม.5/5, ม.5/6, ม.5/7, ม.5/8, ม.5/9, ม.5/10 ว 2.3 ม.5/1, ม.5/2, ม.5/3, ม.5/4, ม.5/5, ม.5/6, ม.5/7, ม.5/8, ม.5/9, ม.5/10, ม.5/11, ม.5/12 รวมทั้งหมด 22 ตัวชี้วัด

209 โครงสร้างรายวชิ าพ้นื ฐาน รายวิชา ว31101 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ (ฟสิ ิกส์) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จานวน 1.0 หน่วยกติ หนว่ ย ช่ือหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั ที่ การเรียนรู้ เรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด (ชั่วโมง) คะแนน 1 เวกเตอรแ์ รงและ ว 2.2 ม.5/2, แรงสามารถทาให้มวลเปลี่ยนสภาพการเคล่ือนท่ี 8 20 กฎการเคล่ือนท่ี ม.5/3, เป็นปริมาณปริมาณเวกเตอร ใช้หนว่ ยของใน ม.5/4 ระบบเอสไอเป็นนวิ ตนั (N) ซง่ึ มวล(Mass) เป็น ปริมาณทบี่ อกให้ทราบค่าความเฉอ่ื ย(Inertia)อัน เป็นสมบัติของมวลท่ตี า้ นการเปล่ียนสภาพการ เคล่ือนที่ของมวล ทง้ั นแ้ี รงใช้อธิบายกฎการ เคล่อื นท่ีของนวิ ตัน 3 ข้อ ซงึ่ กฎการเคลื่อนท่นี ี้ เป็นผลมาจากค้นพบกฎแรงดึงดดู ระหว่างมวล ของนวิ ตันอนั กลา่ วถึงวตั ถทุ ั้งหลายในเอกภพจะ ออกแรงดงึ ดูดซง่ึ กนั และกัน อันส่งผลให้ เฮนรี คาเวนดชิ (Henry Cavendish) สามารถคิดวิธวี ัด แรงดงึ ดดู ระหว่างมวลคา่ น้อยๆไดและสามารถหา ค่า G ได้ 2 การเคลือ่ นท่ี ว 2.2 ม.5/1, การบอกตาแหนง่ ของวัตถุใน 1 มิติ ต้องเทยี บกบั 8 24 ภายใต้แรงโน้ม ม.5/5, จดุ จดุ หนึ่งในแนวการเคล่ือนที่ เรยี กว่าจุดอ้างองิ ถ่วง ม.5/6 เมอ่ื วตั ถุมกี ารเคลือ่ นท่ี ตาแหน่งของวัตถนุ นั้ จะ เปลยี่ นไป การเปล่ยี นตาแหน่งของวตั ถุเรยี กวา่ การกระจดั (displacement) เปน็ ประมาณ เวกเตอร์ สว่ นความยาวตามเส้นทางท่วี ตั ถุ เคลื่อนที่ เรยี กวา่ ระยะทาง (distance) เป็น ปรมิ าณสเกลาร์ ระยะทางทีว่ ัตถุเคล่ือนท่ไี ด้ใน หนง่ึ หน่วยเวลา จะหมายถงึ อตั ราเร็วเฉลีย่ (Average speed) การกระจดั ตอ่ หน่ึงหน่วยเวลา จะหมายถึง ความเร็วเฉลีย่ (Average velocity) ความเร็วทีเ่ ปลยี่ นไปในหน่ึงหนว่ ยเวลา จะ หมายถงึ ความเรง่ (acceleration) เม่ือวตั ถทุ ี่ เคลือ่ นที่ใน 1 มิติ เมื่อเวลาผา่ นไปความเร็วและ ความเร่งของวตั ถุอาจเปลี่ยนไป ปริมาณเหล่าน้มี ี ความสมั พันธก์ ับเวลาท่ใี ช้ในการเคล่ือนที่ เชน่ กราฟความเร็วกบั เวลา โดยความชนั ของกราฟ ความเรว็ กับเวลา คอื ความเรง่ และพน้ื ท่ีใต้

210 หนว่ ย ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั ท่ี การเรยี นรู้ เรียนรู้/ตวั ช้วี ดั (ชั่วโมง) คะแนน กราฟความเรว็ กับเวลาเป็นระยะทางในแนวตรงท่ี วัตถเุ คล่อื นที่ได้ การตกแบบเสรีการตกแบบเสรี เปน็ การเคล่ือนทีข่ องวตั ถุภายใต้แรงโนม้ ถว่ งของ โลกเพยี งแรงเดียว โดยไม่คิดแรงต้านหรอื แรง เสยี ดานของอากาศ ความเรง่ ในการเคล่ือนทีข่ อง วัตถุตกแบบเสรี เรียกวา่ ความเร่งเนือ่ งจากแรง โนม้ ถ่วงของโลก 3 ปรากฏการณ์แบบ ว 2.3 ม.5/3, คลื่นเป็นปรากฏการณการเคลอื่ นทร่ี ปู แบบ 8 24 คลืน่ และคล่นื ม.5/4, หน่งึ คลื่นท่ีอาศยั ตัวกลางในการเคลื่อนที่ เรียกว่า เสียง ม.5/5, คลื่นกล คล่ืนทไี่ มอาศยั ตวั กลางในการเคลือ่ นท่ี ม.5/6, เรียกว่า คลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้า ลักษณะของคลนื่ มี ม.5/7, 2 แบบ คือ คลน่ื ตามยาวและคล่ืนตามขวาง ม.5/8 องค์ประกอบของคล่ืนตามยาวจะมสี ่วนอดั สวน ขยายส่วนองค์ประกอบของคลน่ื ตามขวาง จะมี สันคล่นื ทองคลืน่ แอมพลจิ ดู ความยาวคลื่น คาบ ความถ่ี และอัตราเร็วคลื่น เสียงเปน็ คล่ืนกล และคลน่ื ตามยาวทเ่ี กดิ ข้นึ จากแหลงกาเนิดเสียง นั้น จะประกอบไปด้วยเสียงท่ีมีความถี่มากมาย ผสมกนั ความถี่ตา่ สุดของเสยี งท่อี อกจากแหลง กาเนิดเสียงเรียกว่าความถมี่ ูลฐาน สวนความถี่ อ่นื ๆ ท่เี กิดข้ึนพรอมกันน้ัน จะเป็นความถ่ีทเี่ ป็น จานวนเทาของความถ่ีมูลฐานซง่ึ เราเรียกว่า ความถี่ฮารม์ อนิก แหลงกาเนิดเสียงชนิดเดียวกนั ขณะทส่ี ั่นอยูน้นั ถึงแมว้ ่าจะให้เสียงซง่ึ มีทั้ง ความถ่มี ลู ฐานและความถ่ฮี ารมอนิก แตสาหรบั แหลงกาเนดิ เสยี งท่ีแตกต่างกัน จานวนฮารมอนิก และความเข้มเสียงของมนั จะแตกตาง กนั ส่งผลใหค้ ล่นื เสยี งแตกตางกนั ดงั น้นั การศกึ ษาลักษณะคล่นื เสยี งท่ีแตกต่างเรยี กว่า คณุ ภาพเสยี ง ซึง่ จะแตกต่างกันไปตามประเภท ของแหลงกาเนิดเสยี ง 4 แรงแม่เหล็กไฟฟ้า ว 2.2 ม.5/7, เมื่อให้กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นขดลวดจะเกดิ 10 20 พลงั งานไฟฟา้ ม.5/8, สภาพแม่เหล็กรอบๆ ขดลวด ถา้ นาแท่งเหล็กใส่ คลื่นแม่เหล็ก ม.5/9, ไว้ในขดลวดจะทาให้แท่งเหลก็ น้นั มสี ภาพเปน็ ไฟฟ้าและแสง ว 2.3 ม.5/9, แมเ่ หลก็ แมเ่ หล็กไฟฟ้าเป็นสว่ นหน่งึ ของมอเตอร์

211 หน่วย ช่ือหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั ท่ี การเรียนรู้ เรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั (ชัว่ โมง) คะแนน 5 พลังงานของแรง ม.5/10, ไฟฟา้ ท่เี ปน็ อุปกรณส์ ร้างพลงั งานกล และเป็น นิวเคลียร์ ม.5/11, สว่ นประกอบในไดนาโมซึ่งเป็นอุปกรณ์สรา้ ง ม.5/12 พลงั งานไฟฟ้า แสงเป็นคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ เป็นคล่ืนชนิด หนง่ึ ทเี่ คลื่อนทโี่ ดยไมอาศัยตวั กลาง คลื่นแมเ่ หล็ก ไฟฟ้ามสี มบัติพืน้ ฐาน การสะท้อน การหักเห การ แทรกสอด การเลย้ี วเบน คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า ประกอบด้วยสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า ซงึ่ มี ความสมั พนั ธ์กันและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทศิ ของสนามท้งั สองตง้ั ฉากกนั และต้ังฉากกบั ทิศการ เคลอ่ื นท่ี ว 2.2 ม.5/10 ปฏิกริ ยิ านิวเคลียร์คอื กระบวนการที่นวิ เคลียส 6 12 ว 2.3 ม.5/1, เปล่ียนแปลงองคป์ ระกอบหรือระดับพลงั งาน ใน ม.5/2 ทกุ สมการปฏกิ ิริยานิวเคลยี ร์ ผลรวมของเลข อะตอมท้ังก่อนและหลงั เกดิ ปฏกิ ิริยาจะต้องเทา่ กน ซ่ึงแสดงว่าประจไุ ฟฟา้ รวมมคี ่าคงตัว และ ผลรวมของเลขมวลก่อนและหลงั เกิดปฏกิ ริ ิยา จะต้องเท่ากันด้วย แสดงว่าจานวนนิวคลีออน รวมก่อนและหลงั เกดิ ปฏิกิริยาจะต้องคงตัว รวม 40 100

212 คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน รายวชิ า ว31102 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ (เคมี) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ชวั่ โมง จานวน 1.0 หน่วยกติ ศึกษาธาตุและสารประกอบ โครงสรา้ งอะตอม แบบจาลองอะตอม อนภุ าคมลู ฐานของอะตอม สัญลักษณน์ ิวเคลยี รข์ องธาตุ ไอโซโทป ตารางธาตุและสมบัตขิ องธาตุตามตารางธาตุ พันธะเคมี สารละลายอิเล็กโทรไลต์และสารละลายนอนอิเล็กโทรไลต์ กรดเบส มอนอเมอร์ พอลิเมอร์ สารประกอบ อินทรยี ์ สมบัติความเปน็ กรดเบสของสารประกอบอินทรีย์ การละลายของสาร ปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมการเคมี ปจั จัยที่มผี ลต่ออตั ราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี ปฏกิ ิริยารีดอกซ์ สมบตั ิของสารกมั มันตรงั สี ครึ่งชวี ติ ของสาร กมั มันตรงั สี โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การอธบิ าย การอภปิ รายและสรปุ เพื่อใหเ้ กิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสารถในการตดั สินใจ ส่ือสารสงิ่ ที่เรียนรู้นาความรู้ ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ เหน็ คุณคา่ ของวิทยาศาสตร์ มีจรยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นยิ มที่ เหมาะสม รหัสตวั ช้ีวดั ว 2.1 ม.5/1, ม.5/2, ม.5/3, ม.5/4, ม.5/5, ม.5/6, ม.5/7, ม.5/8, ม.5/9, ม.5/10 , ม.5/11, ม.5/12 , ม.5/13, ม.5/14, ม.5/15, ม.5/16, ม.5/17, ม.5/18, ม.5/19, ม.5/20, ม.5/21, ม.5/22, ม.5/23, ม.5/24, ม.5/25 รวมทั้งหมด 25 ตัวชี้วัด

213 โครงสร้างรายวชิ าพน้ื ฐาน รายวิชา ว31102 วิทยาศาสตร์กายภาพ (เคมี) ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หน่วยกติ หนว่ ย ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั ท่ี การเรียนรู้ เรียนรู/้ ตวั ชีว้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน 1 ธาตแุ ละสารประกอบ ว 2.1 ม.5/1, • ธาตใุ นกลมุ่ โลหะ จะนาไฟฟ้าไดด้ ี และมี 10 25 ม.5/2, แนวโนม้ ใหอ้ เิ ล็กตรอน สว่ นธาตุในกลุม่ อโลหะ ม.5/3, จะไมน่ าไฟฟ้า และมแี นวโน้มรับอเิ ลก็ ตรอน ม.5/4, โดยธาตเุ รพรีเซนเททีฟในหมู่ IA – IIA และ ม.5/5, ธาตุแทรนซชิ ันทุกธาตุ จดั ปน็ ธาตุในกลุ่มโลหะ ม.5/6, ส่วนธาตุเรพรีเซนเททฟี ในหมู่ IIIA – VIIA มที ง้ั ม.5/7 ธาตใุ นกลุม่ โลหะและอโลหะ ส่วนธาตุเรพรีเซน เททฟี ในหมู่ VIIIA จัดเปน็ ธาตุอโลหะทง้ั หมด • ธาตเุ รพรีเซนเททฟี และธาตแุ ทรน ซิชัน นามาใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวันได้ หลากหลาย ซ่งึ ธาตบุ างชนิดมสี มบตั ิท่เี ป็น อันตราย จงึ ต้องคานงึ ถงึ การปอ้ งกันอันตราย เพื่อความปลอดภยั ในการใช้ประโยชน์ 2 พันธะเคมี ว 2.1 ม.5/8, • พันธะโคเวเลนต์ เป็นการยดึ เหนี่ยว 8 25 ม.5/9, ระหวา่ งอะตอมด้วยการใชเ้ วเลนซ์อิเล็กตรอน ม.5/10, รว่ มกัน เกดิ เปน็ โมเลกลุ โดยการใช้เวเลนซ์ ม.5/11, อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คเู่ รยี กว่าพนั ธะเด่ยี ว ม.5/12, เขยี นแทนดว้ ยเส้นพันธะ 1 เส้น ในโครงสรา้ ง ม.5/13, โมเลกุล สว่ นการใชเ้ วเลนซอ์ เิ ล็กตรอนร่วมกัน ม.5/14 2 คู่ และ 3 คู่ เรียกว่า พนั ธะคแู่ ละพนั ธะสาม เขยี นแทนด้วยเส้นพนั ธะ 2 เส้น และ 3 เสน้ ตามลาดับ • สารท่ีมีพันธะภายในโมเลกลุ เป็นพันธะ โคเวเลนต์ท้ีงหมดเรยี กว่า สารโคเวเลนต์ โดยสารโคเวเลนต์ท่ปี ระกอบด้วย 2 อะตอม ของธาตุชนดิ เดียวกันเป็นสารไม่มขี ัว้ ส่วนสาร โคเวเลนต์ ที่ประกอบดว้ ย 2 อะตอมของธาตุ ตา่ งชนิดกนั เป็นสารมีขว้ั สาหรับสารโคเวเลนต์ ท่ีประกอบด้วยอะตอมมากกวา่ 2 อะตอม อาจเปน็ สารมีขั้วหรอื ไมม่ ขี ้ัวอาจเปน็ สารมีขวั้

214 หน่วย ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก ท่ี การเรียนรู้ เรียนรู/้ ตวั ชว้ี ดั (ชว่ั โมง) คะแนน หรอื ไมม่ ขี ัว้ ขน้ึ อย่กู ับรูปรา่ งของโมเลกุล ซึง่ สภาพขัว้ ของสารโคเวเลนตส์ ่งผลต่อแรงดึงดูด ระหวา่ งโมเลกลุ ทท่ี าใหจ้ ุดหลอมเหลวและจุด เดือดของสารโคเวเลนตแ์ ตกต่างกัน นอกจากน้ี สารบางชนิดมีจดุ เดอื ดสงู กวา่ ปกติ เน่ืองจากมี แรงดึงดดู ระหวา่ งโมเลกุลสงู ทีเ่ รยี กว่า พันธะ ไฮโดรเจน ซ่งึ สารเหล่าน้มี ีพันธะ N-H O-H หรือ F-H ภายในโครงสร้างโมเลกลุ • สารประกอบไอออนกิ สว่ นใหญ่เกิดจากการ รวมตัวกนั ของไอออนบวกของธาตโุ ลหะและ ไอออนลบของธาตอุ โลหะ ในบางกรณีไอออน อาจประกอบด้วยกลุ่มของอะตอม โดยเม่อื ไอออนรวมตวั กันเกิดสารประกอบไอออนิกจะมี สดั สว่ นการรวมตวั เพ่อื ทาให้ประจขุ อง สารประกอบเป็นกลางทางไฟฟา้ โดยไอออน บวกและไอออนลบจะจดั เรยี งตวั สลับ ต่อเน่อื งกนั ไปใน 3 มติ ิ เกดิ เปน็ ผลึกของสาร ซึง่ สตู รเคมขี องสารประกอบไอออนกิ ประกอบด้วยสัญลกั ษณธ์ าตุท่ีเปน็ ไอออนบวก ตามดว้ ยสัญลกั ษณข์ องธาตทุ เ่ี ป็นไอออนลบ โดยมีตวั เลขทีแ่ สดงจานวนไอออนแต่ละชนิด เป็นอัตราส่วนอย่างต่า • สารละลายนา้ ไดเ้ มื่อองค์ประกอบของสาร สามารถเกดิ แรงดงึ ดดู กับโมเลกุลของนา้ ได้ โดย การละลายของสารในนา้ เกดิ ได้ 2 ลักษณะ คือ การละลายแบบแตกตวั และการละลายแบบไม่ แตกตวั การละลายแบบแตกตวั เกดิ ข้นึ กับ สารประกอบไอออนิก และสารโคเวเลนตบ์ าง ชนดิ ทมี่ ีสมบัตเิ ป็นกรดหรอื เบส โดยเม่อื สาร เกดิ การละลายแบบแตกตวั จะไดไ้ อออนท่ี สามารถเคลอื่ นท่ีได้ ทาให้ได้ ทาใหไ้ ดส้ ารละลายท่ีนาไฟฟ้า ซ่ึงเรียกว่า สารละลายอเิ ล็กโทรไลต์ การละลายแบบไม่ แตกตวั เกดิ ข้ึนกับสารโคเวเลนตท์ ม่ี ีขว้ั สงู สามารถดึงดดู กบั โมเลกลุ ของน้าไดด้ ี โดยเม่ือ เกดิ การละลายโมเลกุลของสารจะไมแ่ ตกตัวเปน็ ไอออน และสารละลายทไี่ ดจ้ ะไม่นาไฟฟ้าซ่งึ

215 หน่วย ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั ที่ การเรยี นรู้ เรียนร้/ู ตัวช้วี ัด (ชั่วโมง) คะแนน เรยี กว่า สารละลายนอนอิเล็กโทรไลต์ • สารประกอบอนิ ทรยี เ์ ป็นสารประกอบของ คาร์บอนส่วนใหญ่พบในส่ิงมีชีวิต มโี ครงสร้าง หลากหลายและแบ่งได้หลายประเภท เนอ่ื งจากธาตคุ ารบ์ อนสามารถ สามารถเกิด พันธะกบั คาร์บอนดว้ ยกันเองและธาตุอ่ืนๆ นอกจากนีพ้ นั ธะระหว่างคารบ์ อนยังมีหลาย รปู แบบ ไดแ้ ก่ พนั ธะเดี่ยว พันธะคู่ และ พนั ธะสาม • สารประกอบอนิ ทรยี ์ทม่ี เี ฉพาะธาตุ คาร์บอนและไฮโดรเจนเป็นองคป์ ระกอบ เรียกว่าสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน โดย สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนอิ่มตัวมีพันธะ ระหวา่ งคาร์บอนเป็นพันธะเดี่ยวทกุ พนั ธะใน โครงสร้าง สว่ นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่ อมิ่ ตัวมีพันธะระหวา่ งคาร์บอนเป็นพันธะค่หู รอื พนั ธะสามอย่างน้อย 1 พนั ธะในโครงสร้าง 3 พอลิเมอร์ ว 2.1 ม.5/15, • สารท่พี บในชีวิตประจาวันมที ัง้ โมเลกลุ 8 25 ม.5/16, ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ พอลเิ มอรเ์ ป็นสารทมี่ ี ม.5/17, โมเลกุลขนาดใหญ่ท่ีเกิดจากมอนอเมอรห์ ลาย ม.5/18, โมเลกลุ เชื่อมตอ่ กันด้วยพันธะเคมี ทาใหส้ มบตั ิ ม.5/19 ทางกายภาพของพอลิเมอรแ์ ตกต่างจากมอนอ เมอรท์ ่ีเป็นสารตั้งต้น • สารประกอบอนิ ทรีย์ท่ีมีหมู่ -COOH สามารถแสดงสมบัตคิ วามเปน็ กรดส่วน สารประกอบอินทรยี ท์ ม่ี ีหมู่ -NH2 สามารถ แสดงสมบัตคิ วามเป็นเบส • การละลายของสารพิจารณาไดจ้ ากความมี ขัว้ ของตัวละลายและตวั ทาละลายโดยสาร สามารถละลายไดใ้ นตวั ทาละลายที่มีขั้ว ใกลเ้ คยี งกนั โดยสารมขี ัว้ ละลายในตัวทา ละลายท่ีมขี ้วั สว่ นสารท่ไี ม่มีขั้วละลายในตัวทา

216 หนว่ ย ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั ที่ การเรยี นรู้ เรยี นร้/ู ตวั ชีว้ ัด (ชว่ั โมง) คะแนน ละลายไม่มขี ัว้ และสารมีขัว้ ไมล่ ะลายในตัวทา ละลายท่ีไมม่ ีขวั้ • โครงสรา้ งของพอลเิ มอร์อาจเป็นแบบเส้น แบบก่ิง หรอื แบบรา่ งแห โดยพอลเิ มอรแ์ บบ เสน้ และแบบก่งิ มีสมบตั เิ ทอร์มอพลาสติก สว่ นพอลิเมอรแ์ บบร่างแห มสี มบัตเิ ทอร์มอเซต จึงมีการใช้ประโยชนไ์ ดแ้ ตกตา่ งกัน • การใช้ผลิตภัณฑพ์ อลเิ มอรใ์ นปรมิ าณมาก ก่อใหเ้ กิดปัญหาที่สง่ ผลกระทบต่อส่ิงมีชวี ิตและ สิ่งแวดล้อมดงั นั้นจึงควรตระหนักในการลด ปรมิ าณการใช้ การใชซ้ ้า และการนากลับมาใช้ ใหม่ • ปฏิกริ ิยาเคมที าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ สาร โดยปฏิกริ ิยาเคมีอาจให้พลงั งานความร้อน พลงั งานแสง หรือพลงั งานไฟฟ้า ท่สี ามารถ นาไปใช้ประโยชน์ในดา้ นต่างๆ ได้ 4 ปฏิกริ ิยาเคมี ว 2.1 ม.5/20, • ปฏิกิรยิ าเคมีแสดงไดด้ ้วยสมการเคมี ซ่ึงมี 10 25 ม.5/21, สตู รเคมขี องสารตัง้ ต้นอยู่ทางด้านซา้ ยของลูกศร ม.5/22, และสตู รเคมขี องผลติ ภัณฑอ์ ยู่ทางด้านขวา โดย ม.5/23, จานวนอะตอมรวมของแตล่ ะธาตุทางดา้ นซา้ ย ม.5/24, และขวาเท่ากนั นอกจากนี้สมการเคมียังอาจ ม.5/25 แสดงปัจจัยอ่นื เช่น สถานะ พลังงานที่ เก่ยี วขอ้ ง ตวั เร่งปฏกิ ิริยาเคมีทใ่ี ช้ • อตั ราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมขี ้นึ อยกู่ บั ความ เข้มขน้ อุณหภูมิ พน้ื ทผ่ี ิว หรือตัวเร่งปฏิกิรยิ า • ความรเู้ ก่ียวกับปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการ เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมีสามารถนาไปใช้ประโยชนใ์ น ชวี ิตประจาวันและในอุตสาหกรรม • ปฏิกิริยาบางประเภทเกิดการถา่ ยโอน อเิ ล็กตรอนของสารในปฏกิ ิริยาเคมี ซ่ึงเรยี กวา่ ปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ • สารทสี่ ามารถแผร่ งั สไี ด้เรียกว่า สาร กมั มนั ตรังสี ซึ่งมนี วิ เคลยี สทีส่ ลายตวั อยา่ ง ตอ่ เน่อื ง ระยะเวลาที่สารกัมมันตรังสสี ลายตัว จนเหลือคร่ึงหนึง่ ของปริมาณเดมิ เรียกว่า ครึ่ง ชีวิต โดยสารกัมมันตรังสแี ต่ละชนดิ มีครึง่ ชวี ติ แตกตา่ งกนั

หน่วย ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั 217 ที่ การเรยี นรู้ เรยี นร/ู้ ตัวช้วี ัด เวลา นา้ หนัก รวม (ชวั่ โมง) คะแนน 40 100

218 คาอธบิ ายรายวชิ าพื้นฐาน รายวชิ า ว31103 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกิต ศึกษาความสมั พนั ธ์ของสภาพทางภูมิศาสตร์บนโลกกับความหลากหลายของไบโอม ชนิดของไบ โอม การเปล่ียนแปลงแทนที่ของระบบนิเวศ องค์ประกอบในระบบนเิ วศทีม่ ีผลต่อการเปลยี่ นแปลงขนาด ของประชากร การเปลย่ี นแปลงของทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ปัญหา ทเี่ กิดกับทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สาเหตุของปัญหาสง่ิ แวดลอ้ ม การวางแผนจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติ แนวทางในการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ โครงสรา้ งและสมบตั ิของเย่ือหุ้มเซลล์ การลาเลยี งสารแบบต่าง ๆ การรกั ษาดุลยภาพของนา้ การรักษาดลุ ยภาพของกรด-เบส การรักษาดลุ ย ภาพของอุณหภูมิ กลไกในการตอ่ ต้านหรอื ทาลาย ส่งิ แปลกปลอมท้ังแบบไม่จาเพาะและแบบจาเพาะ โรคหรืออาการที่เกดิ จากความผิดปกตขิ องระบบภมู คิ ุ้มกัน ภาวะภมู คิ มุ้ กนั บกพร่องทม่ี ีสาเหตุมาจากเช้ือ HIV ชนดิ ของสารอาหารที่พืชสังเคราะห์ การใชป้ ระโยชน์จากสารต่างๆ ท่ีพชื บางชนิดสรา้ งขึ้น ปจั จัย ภายนอกท่ีมีผลตอ่ การเจริญเตบิ โตของพชื สารควบคุมการเจรญิ เติบโตของพชื การตอบสนองของพืชต่อ สง่ิ เร้า ยีน การสังเคราะห์โปรตนี ลกั ษณะทางพันธุกรรม หลักการถ่ายทอดลักษณะท่ีถูกควบคุมดว้ ยยนี ท่ีอยบู่ นโครโมโซมเพศและมลั ตเิ ปลิ แอลลีล มิวเทชนั เทคโนโลยที างดีเอน็ เอ ผลของเทคโนโลยที างดเี อน็ เอที่มตี ่อมนุษย์และสิง่ แวดลอ้ ม หลากหลายของสิง่ มีชวี ติ กระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ วิวฒั นาการ ของสิ่งมีชวี ิต โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหาความรกู้ ารสืบค้นข้อมูล การอภิปราย การอธิบาย การสงั เกต ออกแบบการทดลอง การทดลอง การยกตวั อยา่ ง การทดสอบ การเขียนแผนผัง การเปรยี บเทยี บ การนาเสนอ การวเิ คราะห์ สงั เคราะหแ์ ละสรปุ เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ความคดิ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารส่ิงที่เรียนรู้และนา ความรไู้ ปใชใ้ นชวี ิตของตนเอง ดแู ลรักษาส่งิ มีชวี ิตอืน่ เผา้ ระวังและพัฒนา สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มจี ิต วทิ ยาศาสตรจ์ รยิ ธรรม คุณธรรม และค่านยิ ม รหสั ตัวชี้วัด ว 1.1 ม.4/1, ม.4/2, ม.4/3, ม.4/4 ว 1.2 ม.4/1, ม.4/2, ม.4/3, ม.4/4, ม.4/5, ม.4/6, ม.4/7, ม.4/8, ม.4/9, ม.4/10, ม.4/11, ม.4/12 ว 1.3 ม.4/1, ม.4/2, ม.4/3, ม.4/4, ม.4/5, ม.4/6 รวมทั้งหมด 22 ตัวชี้วดั

219 โครงสร้างรายวิชาพื้นฐาน รายวิชา ว31103 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกิต หนว่ ย ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั (ชว่ั โมง) คะแนน ท่ี การเรยี นรู้ เรียนร้/ู ตวั ชว้ี ดั 25 1 ระบบนิเวศ ว 1.1 ม.4/1, ระบบนเิ วศมที ั้งบนบกและในนา้ หากระบบ 10 ม.4/2, นเิ วศเสยี สมดลุ ย่อมกระทบต่อสิ่งมชี วี ิตท่ี ม.4/3, อาศยั อยใู่ นระบบนิเวศนั้น มนษุ ย์มีสว่ นทาให้ ม.4/4 ทรพั ยากรธรรมชาติมปี รมิ าณลดลงหรอื กอ่ ใหเ้ กิดมลพษิ ดงั นนั้ การใช้ ทรพั ยากรธรรมชาติควรคานึงถึงการใช้เพ่อื ให้ เกดิ ประโยชน์อย่างย่ังยืน 2 การรักษาดุลยภาพ ว 1.2 ม.4/1, เซลล์เป็นองค์ประกอบพ้ืนฐานของส่งิ มชี วี ติ 10 25 4 10 ของเซลล์ ม.4/2, การศึกษาเซลลต์ ้องใชก้ ล้องจุลทรรศน์ซ่งึ มี 6 15 ม.4/3, หลายประเภท การรกั ษาดลุ ยภาพในร่างกาย ม.4/4 จาเป็นต้องอาศยั การทางานประสานรว่ มกนั ต้ังแตร่ ะดบั เซลล์จนถึงระบบอวัยวะ 3 ระบบภูมคิ ุ้มกนั ว 1.2 ม.4/5, ในรา่ งกายคนมรี ะบบภมู ิค้มุ กันซง่ึ ม.4/6, ประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ซ่ึงเชื่อมต่อกนั ด้วย ม.4/7 ระบบนา้ เหลือง เม่ือระบบภูมคิ มุ้ กันเกิด ความผิดปกติ มีผลทาให้ร่างกายเสยี ดุลย ภาพ ซ่งึ ทาใหเ้ กิดโรคภัยไขเ้ จ็บต่าง ๆ ได้ 4 การดารงชวี ติ ของพชื ว 1.2 ม.4/8, พชื มโี ครงสรา้ งทใ่ี ชใ้ นดารงชวี ิต การสร้าง ม.4/9, อาหารของพชื เกิดข้ึนในคลอโรพลาสต์ มีดอก ม.4/10, เป็นอวัยวะในการสรา้ งเซลลส์ ืบพันธุ์ ม.4/11, นกั วทิ ยาศาสตรส์ ามารถสรา้ งสารเคมี ม.4/12 สงั เคราะห์ต่าง ๆ ท่ีมีสมบัติเหมือนสาร ควบคมุ การเจริญเติบโตของพืชเพ่ือประโยชน์ ทางการเกษตร 5 การถา่ ยทอดลักษณะ ว 1.3 ม.4/1, หน่วยพนั ธกุ รรมของสง่ิ มีชีวิตคือยีน ซง่ึ เปน็ 10 25 ทางพันธกุ รรม ม.4/2, ม.4/3, ส่วนหน่งึ ของ DNA ความร้ทู างพนั ธศุ าสตร์ ม.4/4, ม.4/5, สามาถพฒั นาไปสู่เทคโนโลยีทางDNA ม.4/6 ซากดึกดาบรรพแ์ ละการเปรียบเทยี บลาดับ เบสบน DNA ทาให้ทราบสายวิวฒั นาการ

หน่วย ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั 220 ท่ี การเรยี นรู้ เรยี นรู/้ ตัวชีว้ ดั เวลา นา้ หนกั ของมนุษย์ (ช่ัวโมง) คะแนน รวม 40 100

221 คาอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐาน รายวิชา ว31104 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกิต ศึกษากาเนิดและการเปล่ียนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพหลงั เกิดบกิ แบงใน ช่วงเวลาตา่ ง ๆ ตามวิวฒั นาการของเอกภพ โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของกาแลก็ ซีทางช้างเผอื ก กระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ การเปลี่ยนแปลงความดัน อุณหภูมิ ขนาด กระบวนการเกิดระบบสรุ ยิ ะ การ แบ่งเขตบรวิ ารของดวงอาทติ ย์ การสารวจอวกาศ โดยใชก้ ล้องโทรทรรศนใ์ นช่วงความยาวคลนื่ ตา่ ง ๆ ดาวเทยี มยานอวกาศสถานีอวกาศ โครงสรา้ งของดวงอาทติ ย์ การเกดิ ลมสุริยะ การแบ่งชั้นและสมบตั ิของ โครงสร้างโลก กระบวนการเกิดภูเขาไฟระเบดิ แผน่ ดินไหว สนึ ามิ การเคลือ่ นท่ีของอากาศ การ หมุนเวยี นของอากาศและน้าผิวหน้าในมหาสมทุ รที่มีตอ่ ลักษณะภูมิอากาศ ลมฟ้าอากาศ สง่ิ มีชวี ติ การ เปลย่ี นแปลงภูมิอากาศของโลกทส่ี ง่ ผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงภูมอิ ากาศโลก โดยใชก้ ารสบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ ทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 การสบื คน้ ข้อมูลและการอภปิ ราย เพ่อื ให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถส่ือสารสิง่ ทีเ่ รียนรู้ มีความสามารถในการ ตัดสนิ ใจ การแก้ปัญหา การนาความรู้ไปใช้ในชวี ิตประจาวนั มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และ คา่ นิยมทเ่ี หมาะสม รหวั ตวั ชี้วัด ว 3.1 ม.6/1, ม.6/2, ม.6/3, ม.6/4, ม.6/5, ม.6/6, ม.6/7, ม.6/8, ม.6/9, ม.6/10 ว 3.2 ม.6/1, ม.6/2, ม.6/3, ม.6/4, ม.6/5, ม.6/6, ม.6/7, ม.6/8, ม.6/9, ม.6/10, ม.6/11, ม.6/12, ม.6/13, ม.6/14 รวมท้ังหมด 24 ตัวชวี้ ดั

222 โครงสร้างรายวิชาพื้นฐาน รายวชิ า ว31104 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 จานวน 1.0 หนว่ ยกิต เวลา 40 ช่ัวโมง หนว่ ย ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั ท่ี การเรยี นรู้ เรียนรู้/ตัวช้ีวดั (ช่ัวโมง) คะแนน 1 กาเนดิ และ ว 3.1 ม.6/1, ทฤษฎกี าเนิดเอกภพทฤษฎหี นงึ่ เรยี กวา่ 8 20 ววิ ฒั นาการของเอก ม.6/2 “บกิ แบง (BigBang) ” เปน็ ที่ยอมรับเพราะมี ภพ ปรากฏการณห์ ลายอยา่ งทสี่ อดคลอ้ ง ซ่งึ ก่อน การเกิดบิกแบง เอกภพเปน็ พลังงานลว้ นๆ ภายใตอ้ ณุ หภมู ิทีส่ งู ยิง่ นับเป็นจดุ ทพี่ ลังงานเร่ิม เปลี่ยนเปน็ สสารครง้ั แรก เปน็ จุดเรมิ่ ต้นของเวลา และเอกภพทาให้พลังงานส่วนหน่ึงเปล่ียนเปน็ เน้ือสาร มีวิวัฒนาการต่อเน่ืองจนเกิดเป็น กาแล็กซี เนบวิ ลา ดาวฤกษ์ ระบบสุรยิ ะ โลก ดวง จนั ทร์ มนุษย์ และสิ่งมชี วี ิตตา่ งๆ ปัจจุบนั เอกภพ ประกอบด้วยกาแล็กซจี านวนเป็นแสนล้านแหง่ ระหวา่ งกาแล็กซเี ปน็ อวกาศขนาดใหญ่ มีรศั มีไม่ นอ้ ยกว่า 15,000 ล้านปแี สง และมีอายุประมาณ 15,000 ล้านปแี สง ภายในกาแลก็ ซีแต่ละแห่ง ประกอบดว้ ยดาวฤกษ์ เนบิวลา และที่วา่ ง ซึง่ ขณะเกิดบิกแบง มีเน้ือสารเกิดข้นึ ในรปู ของ อนภุ าคพืน้ ฐานชื่อ ควาร์ก (Quark) อิเล็กตรอน (Electron) นวิ ทรโิ น (Neutrino) และโฟตอน (Photon) ซ่ึงเป็นพลงั งาน เมื่อเกิดอนุภาคก็จะ เกิดปฏิอนภุ าค (Anti-particle) ทมี่ ปี ระจุไฟฟ้า ตรงกันข้าม ยกเว้นนวิ ทริโนและแอนตินวิ ทรโิ น ไมม่ ีประจไุ ฟฟ้า ปฏอิ นภุ าคพบอนุภาค จะได้ พลังงานและมีอนภุ าคเหลอื อยู่ เปน็ ผลให้อนภุ าค กอ่ กาเนิดเป็นสสารของเอกภพในปัจจุบนั โดย นานหลงั บิกแบง นวิ เคลยี สของไฮโดรเจนและ ฮีเลียมดงึ อิเลก็ ตรอนเข้ามาอยู่ในวงโคจร เกดิ เปน็ อะตอมไฮโดรเจนและฮเี ลียมตามลาดับ และเกดิ มกี าแลก็ ซีตา่ งๆ เกิดหลกั บกิ แบงอยา่ งน้อย 1,000 ล้านปี ภายในกาแล็กซีมีธาตุไฮโดรเจน และฮีเลียมเป็นสารเบอื้ งตน้ ซึ่งกอ่ กาเนิดเป็นดาว ฤกษ์ร่นุ แรกๆ ส่วนธาตุตา่ งๆที่มมี วลมากกวา่

223 หนว่ ย ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั ที่ การเรียนรู้ เรยี นร้/ู ตวั ช้ีวัด (ชวั่ โมง) คะแนน 2 กาแลก็ ซีและระบบ ฮเี ลียมเกิดจากดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ โดยในอวกาศ สรุ ิยะ มีการค้นพบการแผ่รงั สีซง่ึ เป็นส่งิ หลงเหลือจาก 3 ดาวฤกษ์ เอกภพยุคแรกเริม่ การตรวจวัดการแผร่ ังสพี นื้ หลงั ของจักรวาลอย่างแม่นยามคี วามสาคัญมาก ในการศึกษาจักรวาลวทิ ยา ในความเชอื่ วา่ ไมโครเวฟพื้นหลงั เป็นหลกั ฐานสาหรบั การ สนบั สนุนทฤษฎีบิกแบง ว 3.1 ม.6/3, กาแล็กซีถือกาเนิดมาจากกลุม่ แกส๊ ขนาดใหญ่ 10 25 ม.6/8, ทเ่ี รยี กวา่ เนบวิ ลา เกิดข้นึ หลงั จากบกิ แบง ม.6/9 กาแลก็ ซีจงึ มีองคป์ ระกอบเป็นกลมุ่ แก๊สทยี่ ังไม่จับ ตวั กัน ประกอบดว้ ยแก๊ส ฝนุ่ ดาวฤกษแ์ ละดาว เคราะห์หลายแสนลา้ นดวง โลกอยูใ่ นกาแล็กซี “ทางช้างเผือก” (The Milky Way Galaxy) ว 3.1 ม.6/4, ดาวฤกษ์ คือวัตถุทอ้ งฟ้าท่ีเป็นกอ้ นพลาสมาสว่าง 16 35 ม.6/5, ขนาดใหญ่ที่คงอยไู่ ดด้ ว้ ยแรงโนม้ ถ่วง ดาวฤกษ์ท่ี ม.6/6, โดดเดน่ ทสี่ ดุ บนทรงกลมทอ้ งฟ้าจะถูกจดั เข้า ม.6/7 ดว้ ยกันเป็นกลุ่มดาว และดาวฤกษ์ทส่ี วา่ งทส่ี ุดจะ ได้รับการตั้งชื่อโดยเฉพาะ นักดาราศาสตร์จัดทา บัญชีรายชือ่ ดาวฤกษ์เพ่ือใช้เป็นมาตรฐานในการ ต้งั ชื่อดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์เปลง่ แสงจากปฏิกริ ยิ า เทอร์โมนิวเคลยี รฟ์ ิวชน่ั ทแ่ี กนของดาว แลว้ จงึ แผ่ รงั สีออกไปสู่อวกาศ ธาตเุ คมเี กอื บท้ังหมดซ่ึง เกิดข้นึ โดยธรรมชาติกาเนดิ มาจากดาวฤกษ์ การ สังเคราะห์นวิ เคลยี สของดาวฤกษร์ ะหว่างที่ดาว ยงั มชี ีวติ อยู่ หรือซเู ปอรโ์ นวาหลงั จากทด่ี าวฤกษ์ เกิดการระเบดิ หลังสิ้นอายขุ ัยนกั ดาราศาสตร์ สามารถระบุขนาดของมวล อายุ ส่วนประกอบ ทางเคมี และคุณสมบัติของดาวฤกษ์อกี หลาย ประการไดจ้ ากการสงั เกตสเปกตรัม ความสว่าง และการเคล่ือนท่ีในอวกาศ มวลรวมของดาวฤกษ์ เปน็ ตัวกาหนดหลกั ในลาดบั วิวัฒนาการและ จดุ สนิ้ สุดของดาว สว่ นคุณสมบตั ิอ่นื ของดาวฤกษ์ เชน่ เส้นผ่านศนู ย์กลาง การหมนุ การเคล่ือนที่ และอุณหภมู ิ ถกู กาหนดจากประวตั ิวิวฒั นาการ ของดาว แผนภาพคูล่ าดับระหวา่ งอณุ หภูมิกับ

224 หนว่ ย ช่ือหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั ที่ การเรียนรู้ เรยี นรู/้ ตัวช้วี ัด (ชว่ั โมง) คะแนน 4 เทคโนโลยอี วกาศ ความสว่างของดาวฤกษ์จากไดอะแกรมของแฮร์ ทสชปรุง-รสั เซลล์ (H-R ไดอะแกรม) ชว่ ยทาให้ สามารถระบุอายุและรปู แบบววิ ัฒนาการของดาว ฤกษ์ ว 3.1 ม.6/10 เทคโนโลยอี วกาศ เปน็ ระเบียบวธิ กี ารนาความรู้ 6 20 เครื่องมอื และวธิ ีการต่างๆ ทางวทิ ยาศาสตร์มา ปรับใชก้ บั การศึกษาทางดา้ นดาราศาสตร์ และ อวกาศ ท้ังนามาประยกุ ต์ใชใ้ หส้ อดคล้องกับ ทรพั ยากรธรรมชาติและการดารงชวี ิตของมนุษย์ ซง่ึ การสารวจสิ่งตา่ งๆท่ีอยู่บนโลกและนอกโลก อาศยั เทคโนโลยีอวกาศทพ่ี ัฒนาไปมากได้มาซง่ึ ความร้ใู หมท่ ั้งดา้ นการสื่อสาร การสารวจ ทรพั ยากรของโลก ดา้ นอุตุนยิ มวทิ ยา ทั้งนกี้ าร เดนิ ทางสอู่ วกาศอาศยั ปจั จยั ที่สาคญั คือ แรงโนม้ ถว่ งของโลก แรงกิรยิ า และ แรงปฏิกิรยิ าทาให้ ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยอี วกาศนาไปสู่การ สารวจดวงดาว อวกาศ เอกภพ และวัตถุท้องฟ้า ต่างๆ รวม 40 100

225 คาอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐาน รหัสวิชา ว31105 วิทยาการคานวณ 1 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต ศกึ ษาหลกั การของแนวคิดเชิงคานวณ การแยกสว่ นประกอบและการย่อยปญั หา การหารูปแบบ การคิดเชิงนามธรรม ตัวอย่างและประโยชน์ของแนวคิดเชิงคานวณเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ประยุกต์ใช้แนวคิดเชิงคานวณในการออกแบบข้ันตอนวธิ ีสาหรับแก้ปญั หา การแกป้ ัญหาด้วยคอมพิวเตอร์ การระบุข้อมูลเข้า ข้อมูลออก และเง่ือนไขของปัญหา การออกแบบขั้นตอนวิธี การทาซ้า การจัดเรียงและ ค้นหาข้อมูล ตัวอย่างการออกแบบข้ันตอนวิธีเพื่อแก้ปัญหาด้วยคอมพิวเตอร์ การศึกษาตัวอย่างโครงงาน ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ การกาหนดปัญหา ศึกษา วางแผน ดาเนินงาน สรุปผลและเผยแพร่ ในการ พัฒนาโครงงานทม่ี ีการบูรณาการรว่ มกบั วิชาอน่ื และเชื่อมโยงกับชีวติ จริง โดยใช้ทักษะการปฏิบัติ ทักษะการคิดเชิงคานวณ ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทกั ษะการสังเคราะห์ ทักษะการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ ทกั ษะการโปรแกรม ทกั ษะการสื่อสารและการร่วมมอื เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจการคิดเชิงคานวณ การแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารใน การแก้ปัญหาในชีวิตจริง ทางานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ต่อตนเองหรือสังคม ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสือ่ สารอย่างปลอดภัย รูเ้ ทา่ ทัน มีความรับผดิ ชอบ และมจี ริยธรรม รหสั ตวั ชี้วัด ว 4.2 ม.4/1 รวมท้ังหมด 1 ตวั ชวี้ ดั

226 โครงสร้างรายวิชาพ้นื ฐาน รหัสวิชา ว31105 วทิ ยาการคานวณ 1 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ หนว่ ย ชื่อหน่วย มาตรฐาน สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั (ชวั่ โมง) คะแนน ที่ การเรยี นรู้ การเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั 1 แนวคดิ เชงิ คานวณ ว 4.2 ม.4/1 แนวคิดเชงิ คานวณ เป็น 6 15 ความสามารถในการแกไ้ ขปญั หา โดยม่งุ เน้นการคดิ เชิงตรรกะ หรือ เป็นการแก้ไขปัญหาอย่างเปน็ ลาดบั ข้นั ตอน และมีวิธกี าร แกป้ ญั หาอยา่ งมรี ะบบ ประกอบด้วย การแยก สว่ นประกอบและการย่อยปัญหา การหารปู แบบ การคิดเชิง นามธรรม และการออกแบบ ข้นั ตอนวิธีการแก้ปัญหา 2 การแกป้ ัญหาและ ว 4.2 ม.4/1 การออกแบบข้ันตอนวธิ ใี นการ 8 20 ข้ันตอนวิธี แก้ปัญหาจาเปน็ ต้องระบขุ ั้นตอน การทางานรวมถงึ เงื่อนไขต่างๆ ท่ี ชดั เจน เช่น ขอ้ มลู เขา้ ข้อมลู ออก ขอบเขตของข้อมลู ที่ต้องการ 3 การพฒั นาโครงงาน ว 4.2 ม.4/1 การพฒั นาโครงงานทางด้าน 26 65 เทคโนโลยี เปน็ การนาแนวคิดเชิง คานวณมาแก้ปัญหาตา่ ง ๆ อยา่ ง เปน็ ระบบ เพื่อให้โครงงานสาเร็จ ลลุ ่วงตามเปา้ หมาย รวม 40 100

227 คาอธิบายรายวชิ าพ้นื ฐาน รหสั วิชา ว31106 การออกแบบและเทคโนโลยี 1 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 20 ช่ัวโมง จานวน 0.5 หน่วยกิต ศึกษา วิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยี การเปล่ียนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยีท่ี เกดิ ข้ึน และความสัมพันธข์ องเทคโนโลยีกับศาสตรอ์ ื่น ออกแบบสร้างหรือพัฒนาผลงานสาหรบั แก้ปญั หาท่ี คานึงถึงผลกระทบต่อสงั คมในประเดน็ ทเี่ กีย่ วข้องกับสขุ ภาพและการบริการ โดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบและนาเสนอผลงาน ใช้ทักษะการปฏิบัติ การคิดเชิงระบบ การคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การสื่อสาร และการ ทางานรว่ มกับผอู้ ่ืน เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับเทคโนโลยี เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไกล ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมปลอดภัย คานึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม เศรษฐกจิ และสง่ิ แวดล้อม รวมท้งั คานึงถงึ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา รหัสตัวช้ีวดั ว 4.1 ม.41, ม.4/2, ม.4/3, ม.4/4, ม.4/5 รวมท้ังหมด 5 ตัวชวี้ ัด

228 โครงสร้างรายวิชาพื้นฐาน รหัสวชิ า ว31106 การออกแบบและเทคโนโลยี 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 20 ช่ัวโมง จานวน 0.5 หน่วยกิต หนว่ ย ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั ท่ี การเรียนรู้ เรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั (ชัว่ โมง) คะแนน 1 ระบบทางเทคโนโลยที ่ี ว 4.1 ม.4/1, ระบบทางเทคโนโลยหี นง่ึ ๆ อาจ 2 5 ซับซอ้ น ม.4/2 ประกอบไปด้วยระบบยอ่ ยหลาย ระบบ (subsystems) ที่ทางาน สมั พันธ์กันอยู่ เพื่อใหเ้ ทคโนโลยีนั้น สามารถทางานได้บรรลวุ ัตถุประสงค์ และหากระบบย่อยใดทางาน ผิดพลาดจะสง่ ผลต่อการทางานของ ระบบอน่ื ดว้ ย 2 การเปลยี่ นแปลง ว 4.1 ม.4/1, ปญั หาความต้องการของมนุษย์ 2 5 เทคโนโลยี ม.4/2 เป็นสาเหตุท่ีทาให้มีการพัฒนา เทคโนโลยี และเทคโนโลยีมกี าร เปลยี่ นแปลงตลอดเวลา สาเหตุมา จากหลายปัจจัย เชน่ ความรแู้ ละ ความกา้ วหน้าของศาสตร์ต่างๆ สภาพเศรษฐกจิ สงั คม วัฒนธรรม ส่งิ แวดลอ้ ม 3 ผลกระทบของ ว 4.1 ม.4/1, ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยสี ง่ 2 5 เทคโนโลยี ม.4/2 ผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ ตอ่ มนษุ ย์ สงั คม เศรษฐกจิ จงึ ต้อง รจู้ ักวิธกี ารคิดอย่างมีเหตุผลและ รอบคอบ 4 วัสดุและเครอื่ งมอื ว 4.1 ม.4/5 วสั ดุและเครอ่ื งมอื ในปัจจบุ ันมี 25 พน้ื ฐาน หลายประเภทตอ้ งเลือกใช้ให้ เหมาะสมกบั การสร้างหรือพัฒนา ชิ้นงาน ต้องศึกษาข้อปฏบิ ตั ิและข้อ ควรระวัง และตรวจสอบให้อยใู่ น สภาพพร้อมใช้งาน 5 กลไก ไฟฟ้า และ กลไก ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์ 2 5 อิเลก็ ทรอนิกส์ เปน็ องค์ประกอบสาคัญของสิ่งของ เคร่อื งใช้รอบตัวที่ช่วยอานวยความ สะดวกและเพิม่ ประสิทธภิ าพการ ทางานในชวี ติ ประจาวัน

229 หนว่ ย ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก ท่ี การเรยี นรู้ เรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน 6 กระบวนการออกแบบ ว 4.1 ม.4/2, การแกป้ ัญหาหรอื พัฒนางานตาม 6 65 เชงิ วศิ วกรรม ม.4/3, กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ม.4/4, ช่วยใหส้ ามารถปฏิบัติงานอยา่ งเป็น ม.4/5 ขน้ั ตอน ซ่ึงช่วยลดข้อผิดพลาดและ ลดทรพั ยากรทใ่ี ชใ้ นการทางาน 7 กรณศี ึกษาการ ว 4.1 ม.4/2, การแก้ปัญหาหรอื พัฒนางานต่างๆ 4 10 แก้ปัญหาตาม ม.4/3, มขี ั้นตอนการทางานคล้ายกนั กระบวนการออกแบบ ม.4/4, เริม่ ตน้ จาก การระบุปญั หา สืบคน้ เชงิ วิศวกรรม ม.4/5 และรวบรวมขอ้ มูล ออกแบบ วางแผนแกป้ ัญหา ออกแบบและ สร้างสรรค์ชิ้นงาน ทดสอบ ประเมนิ และปรับปรงุ แกไ้ ข นาไปสู่ การเผยแพร่ น่นั คือ กระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรมนนั่ เอง รวม 20 100

230 คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน รหสั วิชา ว32107 วทิ ยาการคานวณ 2 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต ศึกษาการนาความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล และเทคโนโลยีสารสนเทศในการ แก้ปัญหา การเพิ่มมูลค่าให้บริการหรือผลิตภัณฑ์ การรวบรวม วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล การ เลอื กใช้แหล่งขอ้ มูล และคุณค่าของขอ้ มูล โดยใช้ทักษะการปฏิบัติ ทักษะการคิดเชิงคานวณ ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการสังเคราะห์ ทักษะการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ ทักษะการคิดอย่างสรา้ งสรรค์ ทกั ษะการโปรแกรม ทักษะการส่อื สารและการร่วมมือ เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจการคิดเชิงคานวณ การแก้ปัญหาอย่างเป็นข้ันตอนและเป็นระบบ สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารใน การแก้ปัญหาในชีวิตจริง ทางานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์เพ่ือประโยชน์ต่อตนเองหรือสังคม ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารอยา่ งปลอดภยั รเู้ ท่าทัน มคี วามรบั ผิดชอบ และมีจริยธรรม รหสั ตวั ช้ีวดั ว 4.2 ม.5/1 รวมท้ังหมด 1 ตัวชี้วดั

231 โครงสร้างรายวิชาพื้นฐาน รหสั วชิ า ว32107 วทิ ยาการคานวณ 2 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หน่วยกติ หน่วย ชอ่ื หน่วย มาตรฐาน สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก (ชั่วโมง) คะแนน ที่ การเรยี นรู้ การเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ัด 1 วิทยาการคานวณกบั ว 4.2 ม.5/1 การนาความรูด้ า้ นวทิ ยาการ 6 15 การแกป้ ัญหา คอมพิวเตอร์ ส่ือดจิ ทิ ัล และ เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ แก้ปัญหากบั ชีวิตจริงจะชว่ ย ยกระดบั คุณภาพชีวิตใหด้ ีขน้ึ ส่งผล ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงวิถชี วี ติ สังคม มกี ารทาธุรกรรมออนไลน์ การเขา้ ถงึ ตดิ ต่อสือ่ สาร นาเสนอ ขอ้ มูลขา่ วสารผา่ นสื่อตา่ ง ๆ 2 การเพ่ิมมูลคา่ ว 4.2 ม.5/1 การสรา้ งมลู ค่าเพ่ิมดว้ ยนวัตกรรม 8 20 ผลิตภัณฑ์ การนาความรดู้ ้านวิทยาการ คานวณและเทคโนโลยีสารสนเทศ ทท่ี นั สมัยมาใช้ในการพัฒนาสินคา้ และผลติ ภัณฑ์จะทาให้สนิ ค้าและ ผลิตภัณฑม์ มี ูลคา่ เพมิ่ สูงข้ึนได้ 3 ข้อมลู และ ว 4.2 ม.5/1 การเลอื กใชแ้ หลง่ ข้อมูลตา่ งๆ 18 45 แหล่งข้อมลู อย่างเหมาะสม เช่น data.go.th, wolfram alpha, OECD.org, ตลาดหลกั ทรัพย์, world economic forum รวมถงึ การ พิจารณาคณุ คา่ ของข้อมลู จะช่วยให้ สามารถเลือกใชข้ ้อมูลได้ตรงตาม วัตถปุ ระสงค์

232 หนว่ ย ชือ่ หน่วย มาตรฐาน สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั ที่ การเรยี นรู้ การเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั (ชั่วโมง) คะแนน 4 กรณศี ึกษาและวธิ ี ว 4.2 ม.5/1 การแก้ปัญหาต่างๆ ตามขน้ั ตอน 8 20 แกป้ ญั หา วธิ กี ารแก้ปัญหามรี ปู แบบคล้ายกัน 40 100 เช่น การหารูปแบบบรรจภุ ณั ฑท์ ่ี ดงึ ดดู ความสนใจ การกาหนด ตาแหน่งป้ายรถเมลเ์ พื่อลดเวลา เดนิ ทางและแกป้ ัญหาการจราจร และการออกแบบรายการอาหาร 7 วนั สาหรับผปู้ ่วยเบาหวาน รวม

233 คาอธิบายรายวิชาพนื้ ฐาน รหัสวิชา ว32108 การออกแบบและเทคโนโลยี 2 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 20 ชั่วโมง จานวน 0.5 หน่วยกิต ศกึ ษาการทาโครงงาน กระบวนการออกแบบ โดยประยุกต์ใช้ความรูแ้ ละทกั ษะจากศาสตรต์ ่างๆ รวมทั้งทรัพยากรในการทาโครงงานเพอ่ื แกป้ ัญหาหรอื พฒั นางาน โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบและนาเสนอผลงาน ใช้ทักษะการปฏิบัติ การคิดเชิงระบบ การคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การส่ือสาร และการ ทางานร่วมกับผู้อน่ื เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับเทคโนโลยี เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไกล ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมปลอดภัย คานึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม รวมทง้ั คานงึ ถงึ ทรัพยส์ นิ ทางปัญญา รหัสตัวช้ีวดั ว 4.1 ม.5/1 รวมท้ังหมด 1 ตัวช้ีวัด

234 โครงสรา้ งรายวิชาพนื้ ฐาน รหสั วิชา ว32108 การออกแบบและเทคโนโลยี 2 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 20 ช่ัวโมง จานวน 0.5 หนว่ ยกติ หนว่ ย ชือ่ หน่วย มาตรฐาน สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั (ชั่วโมง) คะแนน ท่ี การเรียนรู้ การเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั 1 การทาโครงงาน ว 4.1 ม.5/1 การทาโครงงาน เปน็ การ 6 30 ประยุกตใ์ ช้ความร้แู ละทกั ษะจาก ศาสตร์ตา่ ง ๆ รวมท้ังทรัพยากร ใน การสรา้ งหรือพฒั นาชนิ้ งานหรือ วธิ ีการ เพ่อื แกป้ ัญหาหรืออานวย ความสะดวกในการทา 2 โครงงานการ ว 4.1 ม.5/1 การทาโครงงานการออกแบบและ 14 70 ออกแบบและ เทคโนโลยสี ามารถดาเนินการได้ เทคโนโลยี โดยเริ่มจากการสารวจสถานการณ์ ปญั หาทีส่ นใจ เพื่อกาหนดหวั ข้อ โครงงาน แลว้ รวบรวมขอ้ มูลและ แนวคิดที่เกี่ยวข้องกบั ปญั หา ออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหา วางแผนและดาเนินการแก้ปัญหา ทดสอบ ประเมนิ ผล ปรับปรงุ แก้ไข วิธีการแกป้ ญั หาหรอื ช้นิ งาน และ นาเสนอวธิ กี ารแก้ปัญหา รวม 20 100

235 คาอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐาน รหัสวชิ า ว33109 วทิ ยาการคานวณ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 20 ช่ัวโมง จานวน 0.5 หน่วยกติ ศึกษา วิเคราะห์การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนาเสนอและแบ่งปนั ข้อมูล การนาเสนอและ แบ่งปันขอ้ มูลอย่างปลอดภัย จริยธรรมในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจาวัน การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีมีผลกระทบต่อ การดาเนินชีวิต อาชีพ สังคม และวฒั นธรรม โดยใช้ทักษะการปฏิบัติ ทักษะการคิดเชิงคานวณ ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการสังเคราะห์ ทักษะการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ ทกั ษะการโปรแกรม ทกั ษะการสื่อสารและการร่วมมือ เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจการคิดเชิงคานวณ การแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารใน การแก้ปัญหาในชีวิตจริง ทางานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์เพ่ือประโยชน์ต่อตนเองหรือสังคม ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารอย่างปลอดภยั รู้เท่าทัน มีความรบั ผดิ ชอบ และมจี รยิ ธรรม รหสั ตัวช้ีวัด ว 4.2 ม.6/1 รวมทั้งหมด 1 ตัวช้ีวัด

236 โครงสรา้ งรายวชิ าพื้นฐาน รหสั วิชา ว33109 วิทยาการคานวณ 3 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 20 ชั่วโมง จานวน 0.5 หนว่ ยกิต หนว่ ย ชือ่ หน่วย มาตรฐาน สาระสาคญั เวลา น้าหนกั (ช่ัวโมง) คะแนน ที่ การเรยี นรู้ การเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด 1 การนาเสนอและ ว 4.2 ม.6/1 การนาเสนอและแบ่งปนั ขอ้ มูล เชน่ 4 20 แบ่งปนั ข้อมูล การเขียนบลอ็ ก อัปโหลดวิดโี อ ภาพ อินโฟกราฟิก จะต้องทาภายใต้ เงอ่ื นไข กฎกติกาท่ีระบไุ ว้ โดยไม่ขัด ต่อกฎหมายคอมพิวเตอร์ ต้อง ระมัดระวังผลกระทบทีต่ ามมาเม่อื มี การแบง่ ปนั ขอ้ มูลหรือเผยแพรข่ อ้ มลู ไม่สรา้ งความเดอื ดร้อนต่อตนเองและ ผู้อืน่ 2 จรยิ ธรรมในการใช้ ว 4.2 ม.6/1 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งมี 4 20 เทคโนโลยีสารสนเทศ จรยิ ธรรม คอื ตอ้ งคานึงถึง ความ เปน็ ส่วนตวั ความถกู ตอ้ ง ความเป็น เจ้าของ และการเข้าถึงข้อมลู 3 การเปลี่ยนแปลง ว 4.2 ม.6/1 การเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี 4 20 เทคโนโลยีสารสนเทศ สารสนเทศเปน็ ไปอยา่ งรวดเร็ว มี เทคโนโลยีท่ีเกดิ ใหม่มากมาย เชน่ ระบบอัจฉรยิ ะ ระบบ ปัญญาประดิษฐ์ โครงข่ายประสาท เทียมหรือสมองกล เปน็ การ เปลยี่ นแปลงหรือพัฒนาเพ่ือสร้าง นวัตกรรมหรอื เทคโนโลยีด้านต่างๆ ท่ีเกยี่ วข้องกบั ชวี ติ ประจาวัน 4 อาชพี เกีย่ วกบั ว 4.2 ม.6/1 การเปล่ยี นแปลงและความก้าวหน้า 4 20 เทคโนโลยีสารสนเทศ ทางเทคโนโลยีในปจั จบุ นั ทาใหเ้ กิด อาชพี ทีเ่ กี่ยวข้องกบั เทคโนโลยี สารสนเทศมากมาย หนว่ ย ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก (ชัว่ โมง) คะแนน ท่ี การเรียนรู้ การเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ดั 5 ผลกระทบของ ว 4.2 ม.6/1 การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศจน 4 20 เทคโนโลยี สามารถนามาใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ ง สารสนเทศ มากมาย ทาให้เกิดการเปลยี่ นแปลง

และส่งผลกระทบทั้งทางบวกและ 237 ทางลบตอ่ ด้านเศรษฐกิจ สังคม 20 100 วฒั นธรรม และส่งิ แวดลอ้ ม รวม

238 คาอธิบายรายวชิ าพืน้ ฐาน รายวิชา ว31111 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ศึกษาความสมั พันธข์ องสภาพทางภูมิศาสตรบ์ นโลกกับความหลากหลายของไบโอม ชนิดของไบ โอม การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของระบบนิเวศ องค์ประกอบในระบบนเิ วศทีม่ ีผลต่อการเปลยี่ นแปลงขนาด ของประชากร การเปลย่ี นแปลงของทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ปัญหา ท่เี กิดกับทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม สาเหตขุ องปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม การวางแผนจดั การ ทรพั ยากรธรรมชาติ แนวทางในการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ โครงสร้างและสมบัตขิ องเย่ือหุ้มเซลล์ การลาเลียงสารแบบต่าง ๆ การรกั ษาดุลยภาพของน้า การรกั ษาดลุ ยภาพของกรด-เบส การรักษาดลุ ย ภาพของอุณหภูมิ กลไกในการตอ่ ตา้ นหรือทาลาย สง่ิ แปลกปลอมทั้งแบบไมจ่ าเพาะและแบบจาเพาะ โรคหรืออาการทีเ่ กดิ จากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกนั ภาวะภมู ิคมุ้ กันบกพร่องท่มี สี าเหตุมาจากเชื้อ HIV ชนิดของสารอาหารท่ีพืชสงั เคราะห์ การใชป้ ระโยชน์จากสารต่างๆ ที่พืชบางชนดิ สรา้ งขนึ้ ปัจจัย ภายนอกท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช สารควบคมุ การเจริญเตบิ โตของพืช การตอบสนองของพชื ต่อ สิ่งเร้า ยีน การสังเคราะห์โปรตนี ลักษณะทางพันธกุ รรม หลักการถา่ ยทอดลักษณะท่ีถูกควบคุมด้วยยีน ทอ่ี ยบู่ นโครโมโซมเพศและมลั ติเปลิ แอลลลี มิวเทชัน เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ ผลของเทคโนโลยีทางดีเอ็น เอที่มตี ่อมนุษย์และส่ิงแวดล้อม หลากหลายของสงิ่ มชี ีวติ กระบวนการคดั เลอื กโดยธรรมชาติ วิวัฒนาการ ของสงิ่ มีชวี ิต โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความร้กู ารสบื ค้นข้อมูล การอภิปราย การอธบิ าย การสงั เกต ออกแบบการทดลอง การทดลอง การยกตวั อย่าง การทดสอบ การเขยี นแผนผัง การเปรยี บเทยี บ การนาเสนอ การวเิ คราะห์ สังเคราะหแ์ ละสรปุ เพอ่ื ใหเ้ กิดความรูค้ วามคิด ความเขา้ ใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ สือ่ สารสงิ่ ท่ีเรียนรู้และนา ความร้ไู ปใชใ้ นชวี ติ ของตนเอง ดแู ลรกั ษาสิง่ มชี ีวิตอืน่ เผา้ ระวังและพัฒนา ส่ิงแวดล้อมอย่างยัง่ ยืน มจี ิต วทิ ยาศาสตรจ์ ริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ ม รหสั ตัวช้ีวดั ว 1.1 ม.4/1, ม.4/2, ม.4/3, ม.4/4 ว 1.2 ม.4/1, ม.4/2, ม.4/3, ม.4/4, ม.4/5, ม.4/6, ม.4/7, ม.4/8, ม.4/9, ม.4/10, ม.4/11, ม.4/12 ว 1.3 ม.4/1, ม.4/2, ม.4/3, ม.4/4, ม.4/5, ม.4/6 รวมทั้งหมด 22 ตวั ชว้ี ัด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook