Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพัฒนาสูตรและกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ในระบบโซ่อุปทานของการผลิตกวางเชิงพาณิชย์และผลกระทบ (เอกรัฐ ชะอุ่มเอียด, 2562)

การพัฒนาสูตรและกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ในระบบโซ่อุปทานของการผลิตกวางเชิงพาณิชย์และผลกระทบ (เอกรัฐ ชะอุ่มเอียด, 2562)

Published by RMUTL Knowledge Book Store, 2021-11-01 04:50:47

Description: การทำฟาร์มกวางกวางรูซ่าเชิงพาณิชย์ มีความเสี่ยงในการลงทุนทำฟาร์มอยู่ในระดับต่ำ และมีผลตอบแทนคุ้มค่าในการลงทุน สามารถให้ผลผลิตได้หลายอย่าง ตั้งแต่ฟาร์มเลี้ยง และต่อยอดไปสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ได้แก่ รีสอร์ต ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายสินค้าที่ระลึก

ดังนั้น เมื่อต้องการการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หรือหาวิธีการลดต้นทุนในการผลิตต่อหน่วยลงให้ได้มากสุด เพื่อเพิ่มผลกำไรของฟาร์มให้มากยิ่งขึ้น นักวิจัยจึงดำเนินการในการพัฒนาสูตรและกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ในระบบโซ่อุปทานของการผลิตกวางเชิงพาณิชย์และผลกระทบ โดยมีภักดีฟาร์มร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เขตพื้นที่พิษณุโลก โดยมีวิธีการดำเนินการดังนี้

ศึกษาถึงโซ่อุปทานของอาหารและกระบวนการผลิตอาหารอาหารกวางเชิงพาณิชย์
พัฒนาสูตรและกระบวนการผลิตอาหารกวาง (ทั้งหญ้าแห้ง และอาหารกวางผสมเสร็จ (Total Mixed Ration: TMR)
พัฒนาโปรแกรมและเครื่องให้อาหารกวางอัตโนมัติ
พัฒนาสื่อการเรียนรู้สำหรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีกระบวนการผลิตอาหารกวางเชิงพาณิชย์แล้ว
ศึกษาผลกระทบของธุรกิจการผลิตกวางเชิงพาณิชย์ต่อผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

Keywords: โซ่อุปทาน, กวาง, อาหารกวาง, การผลิตกวางเชิงพาณิชย์, supply chain, deer, deer feedstuff, commercial deer farming, การผลิตอาหารแห้ง, กระบวนการทางด้านวิศวกรรม, commercial deer farming business, produce dried feedstuff, engineering process, กวางรูซ่า, เครื่องอัดเม็ดอาหารสัตว์, หญ้าแพงโกล่า, อาหารผสมเสร็จ, Ruza deer, pelleting machine, Digitaria eriantha, total mixed ration (TMR), การพัฒนาระบบ, การจัดการงานฟาร์ม, การประชาสัมพันธ์, System Development, Farm Management, Public Relations, สื่อการเรียนรู้, แอนิเมชัน 3 มิติ, Instructional, Media 3D Animation, ธุรกิจการผลิตกวางเชิงพาณิชย์, ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย, Commercial Deer Farming, Stakeholder

Search

Read the Text Version

132 รูปท่ี 3.13 เครอื่ งมือวัดความร้อนแบบกล้องอินฟาเรดถ่ายภาพความรอ้ น 2) เครอ่ื งมอื และอปุ กรณท์ างจลุ ชวี วิทยา - จานเพาะเชอ้ื ใช้ในการเพาะเชือ้ โรคท้ัง 2 ชนดิ รูปท่ี 3.14 จานเพาะเช้อื - แผน่ สไลด์แก้ว ใช้ในการปา้ ยเชอ้ื โรคทง้ั 2 ชนดิ ในระหว่างการทดสอบกับพลาสมา

133 รูปที่ 3.15 แผน่ สไลด์ - หลอดแกว้ ทดลองแบบมีฝาปิด ใชใ้ นบรรจแุ ผน่ สไลด์ทมี่ กี ารป้ายเช้อื โรคทง้ั 2 ชนดิ เพื่อเป็นการป้องกันการปนเป้อื น กอ่ นนามาทดสอบกับพลาสมา รูปท่ี 3.16 หลอดแกว้ ทดลองแบบมีฝาปิด

134 กำรดำเนินงำนโครงกำรยอ่ ยท่ี 3 กจิ กรรมที่ 1 กระบวนกำรผลิตเคร่อื งอัดเม็ดอำหำรกวำงผสมเสร็จ (TMR) แผนการทดลอง แบ่งออกเป็น 2 สว่ น คือ 1. กระบวนการผลิตเคร่ืองอดั เม็ดอาหารกวางผสมเสรจ็ (TMR) ภำพท่ี 18 กระบวนการผลิตเครื่องอดั เม็ดอาหารกวางผสมเสรจ็ (TMR) จากภาพที่ 1 เร่ิมต้นจากการศกึ ษาข้อมูลเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องเพื่อเปน็ แนวทางใน การออกแบบสร้างเครื่อง เพื่อให้ได้แบบเครื่องตามต้องการ ดาเนินการสร้างเคร่ืองตามแบบทไี่ ด้เขียน ไว้ เครอ่ื งทไ่ี ดต้ ามแบบตอ้ งผ่านการทดสอบการทางาน หากมีการแกไ้ ขจนกว่าเครื่องสามารถทางาน ไดด้ ี หากผ่าน จะไดเ้ คร่อื งทดสอบ เพื่อทาการทดลองต่อไป 2. การหาสมรรถนะของเครอ่ื งอัดเม็ดอาหารกวางผสมเสรจ็ (TMR) - นาวัตถุดิบมาตัวอย่าง 10 กก. เพ่ือมาทดสอบ เข้าเครื่องทดสอบ เพื่อหากาลังผลิต ตรวจ สภาพทางกายภาพของเม็ดอาหารสุ่มมาตัวอย่าง 1 กก. หาปริมาณวัตถุดิบตกท่ีค้างอยู่ในระบบ ทดสอบซ้า 10 คร้ัง และนาข้อมูลทไ่ี ดม้ าวิเคราะห์ทางสถติ ิ t test เพอ่ื แปรผลข้อมลู

135 กิจกรรมท่ี 2 กำรศึกษำอัตรำส่วนที่เหมำะสมของอำหำรกวำงผสมเสร็จ (TMR) ต่ออัตรำกำร เจริญเตบิ โตของกวำงสำยพนั ธรุ์ ซู ำ่ แผนกำรทดลอง วางแผนการทดลองแบบ Completely Randomized Design; CRD จานวน 4 ทรที เมนต์ ทรีทเมนต์ละ 1 ซ้าๆละ 2 ตวั รวมท้งั สิ้น 8 หน่วยทดลอง โดยแบ่งอาหารทดลอง เปน็ 4 สตู ร ดังนี้ T1 = อาหารควบคุม T2 = อาหารผสมเสรจ็ ในอัตราส่วน หญ้าตอ่ อาหารข้น เท่ากบั 60:40 T3 = อาหารผสมเสร็จในอตั ราสว่ น หญ้าตอ่ อาหารข้น เท่ากบั 70:30 T4 = อาหารผสมเสร็จในอตั ราสว่ น หญ้าต่ออาหารข้น เท่ากับ 80:20 สัตว์ทดลอง กวางพันธร์ุ ซู ่าเพศผู้ น้าหนักเฉลี่ย 30 กโิ ลกรมั จานวน 8 ตวั กำรให้อำหำร แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ตามช่วงอายุของกวาง ให้อาหารวันละ 2 คร้ัง คือ เวลา 07.00 น. และเวลา 16.00 น. โดยให้อาหารระยะขนุ ที่ระดบั โปรตีนร้อยละ 16 ข้ันตอนกำรทดลอง -สุ่มกวางลงหน่วยแต่ละหนว่ ยทดลอง กวางแต่ละตัวได้รับอาหารแบบกนิ เต็มท่ี (ad libitum)และมีน้าสะอาดให้กินตลอดเวลา อาหารทกุ สตู รปรับให้มีโภชนาการเท่ากันหรอื ใกล้เคียงกัน บนั ทึกการเปล่ียนแปลงของน้าหนักตัวในช่วงการเจริญเติบโต ช่ังน้าหนักกวางทุกสัปดาห์ (ทาการช่ัง เปน็ รายตัว) บนั ทกึ อัตราการตาย อตั ราการเพม่ิ นา้ หนกั (กรมั /ตัว/วัน) = น้าหนกั ตวั สดุ ทา้ ย – นา้ หนกั ตวั เริม่ ต้น (Average Daily Gain: ADG) จานวนวนั ที่ทดลอง ปริมาณอาหารท่ีกิน (กรมั /ตวั /วนั ) = ปรมิ าณอาหารท่กี ิน (Daily Feed Intake: DFI) จานวนวันทที่ ดลอง x จานวนตวั อตั ราการเปลี่ยนอาหารเป็นนา้ หนกั = ปริมาณอาหารท่กี ิน (Feed Conversion Ratio: FCR) นา้ หนกั ตัวทเี่ พิม่ ข้นึ ต้นทุนการผลติ ต่อการเพิม่ น้าหนักตัว = ราคาอาหาร (Feed cost per kilo gain) นา้ หนักตวั ท่ีเพมิ่ อตั ราการตาย (%) = จานวนกวางทต่ี าย x 100

136 (Mortality rate) จานวนกวางเร่มิ ต้น ดชั นีประสิทธิภาพการผลิต = อัตราการเลย้ี งรอด (%) x นา้ หนักตัว (กก.) x 100 (Productive index) อายุ (วนั ) x อัตราการเปลย่ี นอาหารเปน็ นา้ หนัก กำรวเิ ครำะหท์ ำงเคมี วิเคราะห์ส่วนประกอบทางเคมีของอาหารท่ีใช้ โดยวิธีประมาณ (Proximate analysis) AOAC (1984) วิธีการวิเคราะห์หาแคลเซียม ใช้วิธีการตกตะกอนในรูปของออกซาเลต วิธี วิเคราะหฟ์ อสฟอรสั โดยวิธี spectrophotometer วิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมขี องเนื้อกวาง กิจกรรมที่ 3 กำรศึกษำชนิดของพันธ์ุหญ้ำพืชอำหำรสัตว์และปุ๋ยที่เหมำะสมต่อกำรผลิตเป็น อำหำรกวำง กิจกรรมยอ่ ยท่ี 3.1 การศึกษาชนิดของปุ๋ยตอ่ การเจริญเติบโตของหญ้าแพงโกล่าสาหรับเลยี้ ง กวาง - แผนการทดลอง วางแผนการทดลองแบบ Randomized Completely Block Design; RCBD จานวน 6 ทรที เมนต์ 4 บลอ็ ค รวมท้ังสน้ิ 24 หนว่ ยทดลอง โดยแบ่งแปลงหญา้ ดงั นี้ T1 = หญ้าแพงโกลา่ + ไมใ่ ส่ป๋ยุ T2 = หญ้าแพงโกลา่ + ปุ๋ยยูเรีย T3 = หญา้ แพงโกล่า + ปุ๋ยจากกากบ่อแก๊สชวี ภาพ T4 = หญ้าแพงโกลา่ + ปยุ๋ จากมลู สกุ รปล่อยแปลง T5 = หญา้ แพงโกลา่ + ปยุ๋ จากมูลโค T6 = หญ้าแพงโกล่า + ป๋ยุ จากมูลกวาง - ทาการปลกู หญ้าในแปลงทดลองขนาด 1 x 2 เมตร และทาการเก็บเก่ียวผลผลติ ในช่วงอายุ ของหญ้า คือ ตัดท่ีอายุ 45 วัน เพือ่ นามาวเิ คราะห์องค์ประกอบทางเคมีโดยวิธี proximate analysis และคานวณตน้ ทุนการผลิตและผลผลติ ตอ่ ไร่

137 กำรดำเนินงำนโครงกำรยอ่ ยท่ี 4 1. รปู แบบกำรวจิ ยั การวิจยั เชงิ ทดลอง เปน็ การวิจัยทีเ่ นน้ กระบวนการค้นหาความเปน็ จริง เพ่อื ต้องการทราบวา่ การให้อาหารกวางดว้ ยเครอ่ื งให้อาหารกวางทมี่ กี ารควบคมุ การสั่งจา่ ยน้ันสามารถช่วยลดต้นทนุ ในการดาเนนิ งานได้ (ด้านแรงงาน เวลา ตน้ ทนุ ) 2. พื้นทวี่ จิ ยั /องค์กร ภกั ดฟี ารม์ ตาบลวงั นกแอน่ อาเภอวังทอง จงั หวดั พษิ ณุโลก มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา พษิ ณโุ ลก 3. ประชำกรและกลมุ่ ตัวอยำ่ ง กวางในคอกท่ีจัดให้มกี ารติดตง้ั เคร่ืองให้อาหารกวางอตั โนมตั ิ จานวน 10 – 15 ตวั 4. เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในกำรวิจัย 4.1 เคร่ืองให้อาหารกวาง 4.2 โปรแกรมควบคมุ การให้อาหารอัตโนมัติ 5. วิธีกำรเก็บรวบรวมขอ้ มลู ลงพ้ืนท่ี สอบถาม สัมภาษณ์ รูปแบบการให้อาหาร รวมทั้งช่วงเวลาท่ีให้อาหาร ปริมาณ อาหารท่ีให้แต่ละคร้ัง พ้นื ท่ีภายในนอก พร้อมทั้งสังเกตพฤติกรรมการกินอาหารของกวาง เพ่ือนามา ออกแบบเครื่องให้อาหารได้อย่างเหมาะสมอันจะนาไปสูก่ ารใชง้ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ

138

139

140 6. กำรวิเครำะห์ข้อมูล หลงั จากทไี่ ด้ศึกษาทฤษฏีทเี่ กย่ี วข้อง รวบรวมขอ้ มูลจากเอกสารและตาราเกยี่ วกับหลัการ ทางานของเคร่ืองให้อาหารกวางเพอื่ นามาใช้เป็นข้อมลู การออกแบบให้สมบูรณ์ทสี่ ดุ ไดด้ าเนนิ การมี ลาดบั ขน้ั ตอนดงั น้ี 6.1 กาหนดความต้องการ เพอ่ื ออกแบบและสรา้ งใหต้ รงกบั ความตอ้ งการของการทางาน 6.2 กาหนดหลักการทางาน ออกแบบระบบการทางานโดยศึกษาลกั ษณะการทางานของ เครอ่ื งผสมอาหาร และสายพานลาเลียงอาหาร

141 6.3 กาหนดรปู รา่ ง เพ่ือกาหนดขนาดของอปุ กรณ์แตล่ ะชิ้นไม่เป็นอันตรายต่อกวาง วัสดุท่ี เลอื กใช้เหมาะสมแกก่ ารใช้งาน 6.4 กาหนดรายละเอียด สาหรบั การสร้างหรอื ผลิต โดยแบง่ ออกเป็น 3 ส่วน ดังน้ี

142 1. ถงั ผสมอาหาร 2. ระบบสายพานลาเลยี ง 3. เครื่องช่งั นา้ หนักกวาง 4. โปรแกรมควบคมุ การส่ังจ่าย

143

144 กำรดำเนนิ งำนโครงกำรยอ่ ยท่ี 5 การวิจัยในครั้งน้ีเป็นการวิจัยเชิงก่ึงทดลอง (Quasi-experimental research design) แบบ Quasi-Equivalent Control Group Design เพ่ือพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เรื่องการเล้ียงกวางเชิง พาณิชย์ในรูปแบบการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ ในรูปแบบ 3 ภาษา (ไทย อังกฤษ จีน) โดยได้รับผลการ ประเมินความพึงพอใจจากผู้รับการถา่ ยทอดอย่างนอ้ ยอยใู่ นระดบั ดี และศกึ ษาเปรียบเทยี บผลสัมฤทธ์ิ การรับรขู้ องผู้รับการถา่ ยทอดองค์ความรูก้ ลุ่มทดลองและกล่มุ ควบคมุ โดยวธิ ีการสอนแบบบรรยายกับ วิธีการสอนโดยใช้สอ่ื การ์ตนู แอนเิ มชนั เป็นหลกั มวี ธิ ีการดาเนนิ การวิจัยดงั นี้ 3.1 แบบแผนการวจิ ยั 3.2 ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง 3.3 เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการวิจยั 3.4 วิธีพัฒนาเครอื่ งมือวิจยั 3.5 วิธีการดาเนนิ การวิจัย 3.6 การวเิ คราะห์ข้อมูล 3.1 แบบแผนกำรวจิ ัย การวิจัยคร้ังน้ีเป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) เพ่ือเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบ Pretest Posttest Control Group Design มุงเนนการทดลองกับกลุมตัวอยางที่เกิดจากการสุมจากกลุมประชากร จานวน 2 กลุมดวยกัน ไดแก กลุ่มทดลอง (ER) และกลุมควบคุม (CR) โดยใหกลุมตัวอยางที่มี คุณลกั ษณะเหมือนกนั ไดมโี อกาสไดเขา รวมทงั้ 2 กลุมอยางเทาเทยี มกนั กอนเริ่มกระบวนการทดลอง ท้ัง 2 กลมุ จะถกู วัดหรอื สังเกตกอน (O1) หลงั จากน้ัน จึงเรมิ่ กระบวนการทดลอง โดยที่กลุ่มทดลองจะ ถูกกระทา (X) ในขณะที่กลุ่มควบคมุ ไมไดถูกกระทาใด ๆ หลังจากเสร็จส้ินกระบวนการทดลองแลว จงึ ใหทั้ง 2 กลุมถกู วัดอีกคร้งั หน่ึง (O2) แลวนาผลการทดลองไปเปรียบเทียบกัน (มนต์ชัย เทียนทอง, 2548, น.148) Experimental group O1 X O2 Control group O1 - O2 สญั ลกั ษณ์ท่ีใช้ในรูปแบบการทดลองเพ่อื สอ่ื ความหมาย คอื E หมายถงึ กลุ่มทดลอง (Experimental group) C หมายถึง กลมุ่ ควบคุม (Control group) X หมายถึง การทดลองหรอื การกระทา (Treatment) O1 หมายถงึ การสงั เกตหรือการวัดผลก่อนการทดลอง (Pre-Observation) O2 หมายถงึ การสังเกตหรอื การวัดผลหลงั การทดลอง (Post-Observation)

145 3.2 ประชำกรและกล่มุ ตวั อย่ำง ในการวจิ ัยครัง้ น้ี ผู้วจิ ยั ไดก้ าหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่างทใ่ี ช้ในการวจิ ยั ไว้ดงั นี้ กลุ่มท่ี 1 กลุ่มทดลองที่เรียนโดยใช้สื่อการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ จานวน 25 คน และกลุ่มที่ 2 กลุ่มควบคุมที่เรียนโดยใช้วิธีการสอนแบบบรรยาย จานวน 25 คน ของเกษตรกรในชุมชน ต.วังนก แอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก และผทู้ ี่สนใจเร่ืองการเลีย้ งกวางเชิงพาณิชย์ จานวน 50 คน โดยใช้วธิ ีสุ่ม ตัวอย่างแบบอาศัยความน่าจะเป็น โดยใช้เทคนิคการสุ่มอย่างง่าย (Sample Random Sampling) ออกมาเป็น 2 กลุ่ม ๆละ 25 คน เป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ซึ่งใช้วิธีการจับสลาก (Random Number Table) จนไดก้ ลุ่มตวั อย่างประชากรครบตามตอ้ งการ (รัชนีกูล ภญิ โญภานุวัฒน์ , 2556) 3.3 เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นกำรวจิ ยั ในการวิจัยเร่ืองการพัฒนาส่ือการเรียนรู้รูปแบบการ์ตูน แอนิเมชัน 3 มิติ สาหรับการเล้ียง กวางเชิงพาณิชย์ กรณีศึกษาภักดีฟาร์ม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ผู้วิจัยได้กาหนดเครื่องมือท่ีใช้ในการ วจิ ัยให้เป็นไปตามวัตถปุ ระสงค์ โดยมรี ายละเอยี ดดงั นี้ 3.3.1 ส่อื การต์ ูนแอนิเมชนั 3 มติ ิ เร่ืองการเลีย้ งกวางเชิงพาณชิ ย์ 3.3.2 แบบประเมินคณุ ภาพส่อื การต์ นู แอนเิ มชนั 3 มติ ิ โดยผู้เชี่ยวชาญ 3.3.3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการรับรู้ของกลุ่มทดลองท่ีเรียนโดยใช้สื่อการ์ตูน แอนเิ มชัน 3 มติ ิ และกลุ่มควบคมุ ท่ีเรยี นโดยใช้วธิ กี ารสอนแบบบรรยาย 3.3.4 แบบประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างท่ีมีต่อส่ือการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เรื่อง การเลีย้ งกวางเชงิ พาณิชย์ 3.4 วิธีพฒั นำเครอื่ งมือวิจัย ผวู้ จิ ยั ได้วเิ คราะห์เครอื่ งมอื วิจัยจากหวั ข้อที่ 3.3 ซง่ึ ประกอบไปด้วย เคร่ืองมือ 4 อยา่ ง ดังนั้น ผู้วิจัยจึงแบ่งข้ันตอนสาหรับพัฒนาเครื่องมือออกเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นตอนการเก็บรวบรวม ขอ้ มูลเร่ืองการเลี้ยงกวางเชิงพาณชิ ย์ 2) ขั้นตอนการออกแบบและพัฒนาสอื่ 3) ข้นั ตอนการออกแบบ และจดั ทาแบบประเมนิ ดงั น้ี 3.4.1 ขั้นตอนที่ 1 การเก็บรวบรวมขอ้ มูลเรอ่ื งการเล้ียงกวางเชงิ พาณชิ ย์ - กาหนดแนวทางและขอบเขตของเน้ือหา ผู้วิจัยดาเนินการโดยจัดเวทีประชุมร่วมกัน ระหว่างนักวิจัย ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ประกอบการ จานวน 2 คร้ัง เพ่ือหาอัตลักษณ์และจุดเด่นของ เร่อื งราวภายในภกั ดฟี ารม์ ท่ผี ้ปู ระกอบการต้องการนาเสนอ - รวบรวมข้อมูลตามขอบเขตของเนื้อหา ผ้วู จิ ยั ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลทง้ั ด้านปฐม ภมู ิและทตุ ยิ ภูมิ โดยด้านปฐมภมู ิเกบ็ รวบรวมข้อมูลด้วยวธิ ีการสัมภาษณเ์ ชิงลึกจากผ้ปู ระกอบการภักดี ฟาร์ม ผู้ดูแลและเล้ียงกวาง ผู้ทรงคุณวุฒิร่วมกับการลงภาคสนาม เพื่อทาการสารวจและเก็บข้อมูล พื้นฐานประกอบเนือ้ หาในการเขยี นบทการต์ ูนแอนเิ มชัน 3มิติ ในประเด็นที่ตอ้ งการศกึ ษาวิจัย ดังนี้ ประเด็นที่ 1 ประวัติความเปน็ มาในการประกอบธุรกจิ ฟารม์ เลย้ี งกวาง ประเดน็ ที่ 2 รูปแบบในการทาฟาร์มกวางและการจัดการงานฟารม์

146 ประเด็นที่ 3 ปัญหาและอุปสรรคใ์ นการประกอบธรุ กิจฟารม์ เล้ยี งกวาง ประเด็นท่ี 4 ผลผลติ ท่ไี ดจ้ ากกวาง ส่วนด้านทุติยภูมิ ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการศึกษาค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล จากตารา เอกสารวชิ าการบทความ และงานวิจยั ทเี่ กีย่ วข้องท้งั ในประเทศและตา่ งประเทศ - นาข้อมูลท่ีได้มาสงั เคราะหอ์ งค์ความรู้ จดั หมวดหมอู่ งคค์ วามรู้ เร่อื งการเลยี้ งกวางเชิง พาณชิ ย์ และนาข้อมูลทีไ่ ด้เรยี บเรยี งเปน็ เคา้ โครงเรอ่ื ง เพอื่ พฒั นาสูก่ ารเขียนบทการต์ ูนแอนเิ มชัน - ศึกษาค้นคว้าหนงั สือ ตารา เอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง เรอื่ งการออกแบบตัวละคร และฉากในการ์ตูน 3 มิติ เร่อื งการเล้ียงกวางเชงิ พาณชิ ย์ 3.4.2 ขัน้ ตอนที่ 2 ออกแบบและพัฒนาสอ่ื ผู้วจิ ัยได้ดาเนินการโดยใชห้ ลักการผลติ สอื่ 3P คือ 1) ขั้นก่อนการผลิต (Pre-Production) 2) ข้ันการผลิต (Production) และ 3) ข้ันหลังการผลิต (Post-Production) โดยผวู้ ิจัยจะอธบิ ายเปน็ ขั้นตอนดังน้ี - ข้นั กอ่ นการผลติ (Pre-Production) (1) รวบรวมข้อมูลท่ีได้จากการศึกษาค้นคว้า เพ่ือนามาสร้างสรรค์งานในรูปแบบ การ์ตนู แอนเิ มชนั 3 มติ ิ (2) เขียนโครงร่างบทการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มติ ิ เร่อื งการเลยี้ งกวางเชิงพาณชิ ย์ (3) นาเนื้อหาและโครงรา่ งบทการ์ตูนท่ีทาการเรียบเรยี งแล้วเสนอต่อผู้ประกอบการ ภกั ดีฟาร์ม เพื่อตรวจสอบความถกู ต้อง และความสอดคล้องของเน้ือหากับโครง ร่างบทการ์ตูน หลังจากนั้นนาเน้ือหาไปปรับปรุงแก้ไขตามของเสนอแนะของ ผู้ประกอบการภกั ดีฟารม์ (4) นาเน้ือหาและโครงรา่ งบทการต์ นู ที่มีการปรับแก้ไขแล้ว มาแปลเปน็ ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน จากนั้นให้ผู้เช่ียวชาญดา้ นภาษาตรวจสอบความถกู ตอ้ งของเน้ือหา และนามาแกไ้ ขปรบั ปรงุ ตามขอ้ เสนอแนะ (5) อดั เสียงบรรยายของตัวละครตามบทสคริปทีก่ าหนดไว้ (6) ออกแบบตัวละครและฉาก (ภาพประกอบท่ี 1) ตามลักษณะของตัวละครที่ กาหนดไว้ โดยกาหนดสัดส่วน 1:3 และ 1:4 พร้อมท้ังเลือกใช้สีท่ีดูสบายตา เพ่ือใหเ้ หมาะสมกับบรบิ ทเนือ้ หาและกลุ่มเป้าหมาย

147 Character Design ภำพประกอบที่ 1 ออกแบบตวั ละครและฉากการ์ตูนแอนเิ มชัน 3 มติ ิ เรือ่ งการเลยี้ งกวางเชงิ พาณิชย์ (7) นาตัวละครและฉากท่ีออกแบบเสร็จแล้ว ไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ตรวจสอบ หลังจากนั้นนาไปปรับปรุงแกไ้ ขตามขอ้ เสนอแนะ (8) จัดทาบทภาพ (Story board) เพ่ือเขียนกรอบแสดงเร่ืองราว ระยะเวลาการ แสดง และมุมมองของภาพ โดยแสดงใหเ้ ห็นเป็นลาดับขน้ั ตอนตามเสียงบรรยาย ของตวั ละครทกี่ าหนดไว้ (ภาพประกอบท่ี 2)

148 ภำพประกอบท่ี 2 บทภาพการต์ นู แอนิเมชนั 3 มติ ิ เรือ่ งการเลี้ยงกวางเชิงพาณชิ ย์ (9) เมื่อจัดทาบทภาพเสร็จแล้ว นาไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบตรวจสอบ ความถูกตอ้ ง และความสอดคล้องของเนื้อหา บทบรรยาย และบทภาพ จากน้ัน นาไปปรับปรุงแกไ้ ขตามขอ้ เสนอแนะ - ขนั้ การผลิต (Production) (1) บันทึกเสียงตามบทบรรยายที่ได้ออกแบบไว้ โดยใช้โปรแกรม Quicktime Player แล้วนาไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคตรวจสอบ และดาเนินการแก้ไข เสียงให้มีคุณภาพสมบูรณ์มากที่สุด เพ่ือนาเสียงท่ีได้ไปใช้ในการตัดต่อการ์ตูน แอนเิ มชัน 3 มติ ิ เร่ืองการเลีย้ งกวางเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะอย่ใู นข้ันตอนหลังการผลิต (Post-Production) (2) ขึน้ รปู โมเดลตัวละคร และเพ้นท์ Texture โมเดล 3 มิติ โดยใชโ้ ปรแกรม Zbrush 4r6 (ภาพประกอบที่ 3)

149 ภำพประกอบที่ 3 การขึ้นรูปโมเดลด้วยโปรแกรม Zbrush 4r6 ภาพประกอบ (3) นาเข้าโมเดลตัวละคร 3 มิติ ในโปรแกรม Autodesk Maya เพื่อทาการ Blend Shape เป็นการสร้างอารมณ์ให้กับตัวละคร 3 มิติ จากน้ันทาการ Set Driven Key และ Rigging ให้กับตัวละคร 3 มิติ โดยการใสก่ ระดูก และสร้างการควบคุม ให้กับตัวละคร เพื่อให้สาหรับทาการเคลื่อนไหวหน้าตาของตัวละครได้สะดวก ยงิ่ ขนึ้ (ภาพประกอบท่ี 4) ภำพประกอบท่ี 4 การทา Blend Shape ดว้ ยโปรแกรม Autodesk Maya

150 (4) ทาการเคล่ือนไหว โดยนาตัวละคร 3 มิติ และฉากเข้ามาไว้ในไฟล์งานเดียวกัน จากนั้นดาเนินการเคล่อื นไหวตามบทภาพท่ีได้ออกแบบไว้ เพื่อให้ตัวละครมชี ีวิต และเล่าเรือ่ งตามบท (ภาพประกอบที่ 5) ภำพประกอบท่ี 5 การทาการเคล่ือนไหว ด้วยโปรแกรม Autodesk Maya (5) จัดแสงเงาและมุมกล้องตามบทภาพ เพ่ือเพ่ิมอรรถรสในการดูของผู้ชมขณะชม การต์ ูนแอนิเมชัน 3 มิติ เรือ่ งการเลยี้ งกวางเชงิ พาณิชย์ (ภาพประกอบที่ 6) ภำพประกอบที่ 6 จดั แสงเงาและมมุ กลอ้ ง ดว้ ยโปรแกรม Autodesk Maya

151 (6) การประมวลผลภาพ (Rendering) เปน็ การประมวลผลของภาพแตล่ ะภาพตามที่ ได้ออกแบบไว้ เพอ่ื ความสะดวกในการตัดต่อและแก้ไข (ภาพประกอบท่ี 7) ภำพประกอบท่ี 7 ประมวลผลภาพ ด้วยโปรแกรม Autodesk Maya - ขัน้ หลังการผลิต (Post-Production) (1) ลาดับภาพและเสียงบรรยายใหต้ รงกนั โดยอา้ งอิงเวลาของแตล่ ะเหตุการณต์ ามที่ ได้ระบุไว้ในบทภาพ เพื่อให้การ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติเรื่องการเล้ียงกวางเชิง พาณิชย์ มลี าดบั เนอ้ื เรือ่ งตามที่ไดก้ าหนดไว้ (2) ตัดต่อภาพ เสียงบรรยาย และเสียงประกอบลงในโปรแกรม Adobe Premier Pro เพื่อให้การ์ตูน 3 มิติ มีความสนุกสนาน เป็นกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชม (ภาพประกอบท่ี 8)

152 ภำพประกอบท่ี 8 ตัดต่อ ลาดับภาพและเสียง ด้วยโปรแกรม Adobe Premier Pro (3) ใส่ตัวหนังสือบทบรรยายในรูปแบบภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เพื่อให้ผู้ชมได้มี การฝึกทกั ษะภาษาตา่ งประเทศเพิ่มมากขึ้น (4) แปลงไฟลก์ ารต์ นู แอนิเมชัน 3 มิติ เปน็ วีดีโอ 3.4.3 ขน้ั ตอนท่ี 3 การออกแบบและจัดทาแบบประเมนิ - แบบประเมินคุณภาพสื่อการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เรื่องการเลี้ยงกวางเชิงพาณิชย์ สาหรับ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดผลและประเมินผล จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลการสร้างแบบประเมิน ผู้วิจัยใช้แบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ เพื่อหาคุณภาพของ การต์ ูนแอนเิ มชัน 3 มิติ เรอ่ื งการเลย้ี งกวางเชิงพาณิชย์ โดยแบ่งการประเมินคุณภาพออกเป็น 3 ดา้ น คอื ด้านเนื้อหาและการดาเนินเรอ่ื ง ด้านการออกแบบตัวละคร ฉาก และเสยี งประกอบ ตลอดจนดา้ น คุณคา่ และประโยชน์ท่ีได้รบั เป็นข้อคาถามปลายปดิ จานวน 18 ข้อ พร้อมท้งั ขอ้ เสนอแนะ - แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการรับรู้ จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลการสร้าง แบบประเมิน ผู้วิจยั ใช้แบบประเมินท่ีเป็นข้อคาถามปลายปิด แบบเลือกตอบได้เพียง 1 คาตอบ จาก ตวั เลือกทั้งหมด 4 ตัวเลอื ก เพ่อื วดั ระดบั การรับรู้ของกลุม่ ตัวอย่าง ว่ามีการรับรู้ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ ของสอื่ มากนอ้ ยเพยี งใด - แบบประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างท่ีมีตอ่ สื่อการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เร่ือง การเลย้ี ง กวางเชิงพาณชิ ย์ จากการศกึ ษาและรวบรวมข้อมูลการสร้างแบบประเมนิ ผวู้ ิจยั ใช้แบบประเมินแบบ มาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ เพื่อวัดระดับความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างว่ามี

153 ความพงึ พอใจตอ่ สอื่ การ์ตนู แอนเิ มชัน 3 มติ ิ เร่ืองการเลยี้ งกวางเชงิ พาณชิ ย์ อยูใ่ นระดบั ใด โดยเป็นข้อ คาถามปลายปดิ จานวน 10 ขอ้ พร้อมท้งั ขอ้ เสนอแนะ - ผู้วิจัยนาแบบสอบถามทั้งหมดไปให้ผู้เช่ียวชาญด้านแบบสอบถามทั้ง 5 ท่าน ประเมินหาค่าความสอดคล้องของเนื้อหากับข้อคาถามตามวัตถุประสงค์ท่ีต้ังไว้ (IOC: Item Objective Conguence Index) จากนั้นดาเนินการปรับปรุงแบบประเมนิ โดยคัดเลือกข้อคาถามที่มี คา่ IOC ต้ังแต่ 0.5 ขน้ึ ไป - จากการประเมินค่าความเชอ่ื มั่นของแบบประเมนิ มีผลการประเมนิ ดังนี้ (1) แบบประเมนิ คุณภาพสือ่ การต์ ูนแอนิเมชัน 3 มิติ เรื่องการเลย้ี งกวางเชงิ พาณิชย์ มี คา่ ความเชอื่ ม่นั (IOC) เท่ากับ 0.98 (2) แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการรบั รู้ มีค่าความเช่อื มน่ั (IOC) เทา่ กับ 0.99 (3) แบบประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างท่ีมีต่อสื่อการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เร่ืองการเล้ยี งกวางเชงิ พาณิชย์ มคี ่าความเช่ือม่ัน (IOC) เทา่ กบั 0.96 - ผู้วิจัยนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการรับรู้ ไปทดสอบกับกลุ่มท่ีไม่ใช่กลุ่ม ตัวอย่าง แต่มีลักษณะเหมือนกลุ่มตัวอย่างใช้เกณฑ์ค่าความยากง่ายระหว่าง 0.20 - 0.80 และค่า อานาจจาแนก ต้ังแต่ 0.20 ข้ึนไป (ภัทรา นิคมานนท์, 2543: 153-170) และค่าความเชื่อม่ันของ แบบทดสอบ โดยใช้สูตรของคูเดอร์- ริชารด์ สนั (บุญชม ศรสี ะอาด, 2545) (1) ไดค้ ่าความยากง่ายระหว่าง 0.57 - 0.85 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.68 เป็นขอ้ สอบค่อนขา้ ง ง่าย ใช้ได้ (2) ได้ค่าจาแนก ตั้งแต่ 0.14 - 0.57 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.30 จาแนกได้เป็นข้อสอบที่ดี พอสมควร (3) ได้คา่ ความเชือ่ ม่นั ของแบบทดสอบเท่ากับ 0.64 คา่ ความเช่ือมน่ั ระดบั ปานกลาง - นาแบบสอบถามทั้งหมดที่ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญมาแก้ไขปรับปรุงให้ ถูกตอ้ ง 3.5 วิธีกำรดำเนนิ กำรวิจัย ผ้วู ิจัยไดแ้ บ่งวธิ ีดาเนินการวจิ ัยออกเป็น 5 กจิ กรรม ดังน้ี กจิ กรรมท1ี่ การเก็บรวบรวมข้อมูลสาหรับการพัฒนาสื่อการ์ตูนแอนเิ มชัน 3 มิติ ใน รูปแบบ 3 ภาษา เร่อื งการเลย้ี งกวางเชงิ พาณิชย์ กิจกรรมที่2 การพัฒนาสื่อการต์ นู แอนเิ มชนั 3 มติ ิ เร่อื งการเลยี้ งกวางเชงิ พาณิชย์ และหา ประสทิ ธภิ าพของเคร่ืองมือ - นาขอ้ มลู เรื่องการเลี้ยงกวางเชิงพาณชิ ย์ มาจัดหมวดหมู่องคค์ วามรู้ - ออกแบบและทาตน้ แบบสือ่ องคค์ วามรู้ เร่ืองการเลยี้ งกวางเชงิ พาณชิ ย์ - นาส่ือการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เร่ืองการเลี้ยงกวางเชิงพาณิชย์ ที่สร้างขึ้นไปให้ ผูเ้ ชยี่ วชาญตรวจสอบคุณภาพของสื่อวา่ ถูกต้องและเหมาะสม ในด้านเน้ือหาและการดาเนนิ เร่อื ง ดา้ น การออกแบบตัวละคร ฉาก และเสียงประกอบ ตลอดจนด้านคุณค่าและประโยชน์ที่ได้รับ โดยมี

154 ผเู้ ชี่ยวชาญประเมนิ คุณภาพด้านเนื้อหา จานวน 3 ทา่ น ด้านการออกแบบสือ่ วดี ิทศั น์ จานวน 4 ท่าน และด้านการใช้ภาษา จานวน 3 ทา่ น รวมผู้เชี่ยวชาญประเมินคุณภาพการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เรื่องการเลีย้ งกวางเชิงพาณชิ ย์ ทงั้ หมด 10 ทา่ น - นาสื่อการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เร่ืองการเลี้ยงกวางเชิงพาณิชย์ มาปรับปรุงแก้ไข ตามข้อเสนอแนะของผเู้ ชีย่ วชาญทั้ง 3 ด้าน กจิ กรรมท่3ี การทดลองใช้สื่อการ์ตนู แอนิเมชัน 3 มิติ เรื่องการเล้ียงกวางเชงิ พาณิชย์ กับ กลุ่มทดลองที่ไม่ใช่กล่มุ ตัวอย่าง จานวน 14 คน ซ่ึงเป็นบุคคลท่ีสนใจเรื่องของการเล้ียงกวาง เพ่ือหา ประสิทธิภาพของส่ือการเรียนรู้ โดยใช้สูตรการคานวณหาประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) และ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) ได้ผลการหาประสิทธิภาพของรายกลุ่ม โดยใช้เกณฑ์ 70/70 มีค่า เทา่ กบั 75.71/76.42 แสดงว่าสอ่ื การเรยี นรูใ้ นรูปแบบการต์ ูนแอนิเมชนั 3 มติ ิ เร่อื งการเล้ียงกวางเชิง พาณชิ ย์สามารถนาไปทดลองกบั กล่มุ ตวั อยา่ งจรงิ ได้ กิจกรรมที่4 การเปรียบเทียบผลสมั ฤทธท์ิ างการรบั ร้ขู องกลุ่มตัวอย่าง เรื่องการเลย้ี งกวาง เชิงพาณิชย์ โดยวิธีการสอนแบบใช้ส่ือการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ กับวิธีการสอนแบบบรรยาย จากน้ัน ดาเนินการทดสอบผลสัมฤทธ์ิของกลุ่มตัวอย่าง ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการรับรู้เน้นด้าน ความรู้ทั้งก่อนเรียนและหลังเรียน ดว้ ยวิธีการสอนแบบใช้สื่อการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ กับวิธีการสอน แบบบรรยาย แลว้ นาผลสมั ฤทธิ์ท่ไี ด้ไปวเิ คราะหท์ างสถิติ t- test independent ของทัง้ สองกลมุ่ เพื่อ ทดสอบสมมุติฐานและสรปุ ผลการวิจยั ต่อไป กิจกรรมท่ี 5 การวัดระดับความพึงพอใจของกลุ่มตวั อย่างที่มีต่อสื่อการ์ตนู แอนิเมชัน 3 มติ ิ ในรูปแบบ 3 ภาษา (ไทย องั กฤษ จีน) เร่ืองการเลย้ี งกวางเชิงพาณิชย์ โดยใช้แบบประเมนิ ความ พึงพอใจท่ีได้จัดทาขึ้นให้กับกลุ่มตัวอย่างตอบแบบประเมิน เพื่อวิเคราะห์ผลทางสถิติและสรุป ผลการวิจยั ตอ่ ไป 3.6 กำรวิเครำะหข์ อ้ มูล การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเพ่ือหาคา่ สถติ ิ โดยประมวลผลด้วยโปรแกรมสาเรจ็ รูปทางสถติ ิ ดังน้ี 3.6.1 สถิตทิ ี่ใช้ในการหาคณุ ภาพของเคร่อื งมอื 1) แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการรับรู้ 1.1) การหาความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา (Content Validity) ของแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธ์ิทางการรับรู้ โดยการพิจารณาความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (ล้วน สายยศ และองั คณา สายยศ, 2543: 249) เมอ่ื IOC แทน ดชั นีความสอดคล้องมีคา่ อยรู่ ะหว่าง -1 ถึง +1

155 R แทน ผลรวมของการพจิ ารณาของผู้เชย่ี วชาญ N แทน จานวนผู้เชยี่ วชาญ 1.2) การหาค่าความยากง่าย (Difficulty) ของแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการรับรู้ ใชส้ ตู รดงั นี้ (ภัทรา นิคมานนท์, 2543: 153-170) เมื่อ P แทน คา่ ความยากของข้อสอบแตล่ ะขอ้ NU แทน จานวนของคนตอบถูกในกลมุ่ ที่ได้คะแนนสงู NL แทน จานวนของคนตอบถูกในกลมุ่ ท่ไี ด้คะแนนต่า TU แทน จานวนคนทั้งหมดในกลุม่ ทไ่ี ด้คะแนนสูง TL แทน จานวนคนทง้ั หมดในกลุ่มที่ได้คะแนนต่า 1.2) การหาค่าอานาจจาแนก (Discrimination) ของแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ ทางการรับรู้ ใช้สูตรดังน้ี (ภทั รา นคิ มานนท์, 2543: 153-170) เมื่อ D แทน อานาจจาแนกของข้อสอบแตล่ ะขอ้ PU แทน สดั ส่วนของคนตอบถูกในกลุ่มสูง PL แทน สดั ส่วนของคนตอบถกู ในกลุ่มต่า 1.3) การหาค่าความเชื่อม่ัน (Reliability) ของแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการรบั รู้ โดยใช้สตู ร KR – 20 (Kuder – Richardson) (บุญชม ศรีสะอาด, 2545) เมอื่ r tt แทน คา่ ความเช่ือมั่นของแบบทดสอบ k แทน จานวนข้อของแบบทดสอบ p แทน สัดสว่ นของผู้ท่ีตอบถกู ในแต่ละขอ้ q แทน สดั ส่วนของผู้ท่ีตอบผดิ ในแตล่ ะขอ้ S 2 แทน ความแปรปรวนของคะแนนท้ังหมด

156 1.4) การหาประสิทธิภาพของสื่อการสอนโดยใช้เกณฑ์ E1/E2 โดยใช้สูตร (บุญ ชม ศรสี ะอาด, 2545) กิจกรรม เมอ่ื E1 คอื ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ ∑X คอื คะแนนจากการทาแบบฝกึ หัดและหรอื การประกอบ การเรยี นระหว่างเรียน A คอื คะแนนเตม็ ของแบบฝกึ หัดและหรือกจิ กรรมการเรียน N คือ จานวนผเู้ รยี น เรยี นและ เม่อื E2 คือ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ หลงั เรยี น ∑X คือ คะแนนรวมของผ้เู รยี นจากการทาแบบทดสอบหลงั หรอื การประกอบกิจกรรมหลงั เรยี น B คอื คะแนนเต็มของการสอบหลังเรียนและหรือกิจกรรม N คอื จานวนผู้เรียน

157 3.6.2 สถิติท่ใี ชใ้ นการทดสอบสมมุติฐาน 1) ค่าเฉลย่ี (Mean) เมอ่ื X แทน คา่ เฉลยี่ ของคะแนน Σ X แทน ผลรวมของคะแนนทง้ั หมด N แทน จานวนกลุม่ ตัวอย่างทง้ั หมด 2) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) S.D. = เมื่อ S.D. แทน ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน X แทน คะแนนหรือจดุ ก่ึงกลางของคะแนน แทน คา่ เฉลี่ยของคะแนน N แทน จานวนกลมุ่ ตัวอย่างทั้งหมด 1) ค่า t-test แบบ Independent Samples โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สาเรจ็ รปู SPSสมมติฐาน สูตรคานวณ ขน้ั แรก หาวา่ กล่มุ ตวั อย่างทั้งสองกลมุ่ มีความแปรปรวนของคะแนน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นแตกต่างกนั หรอื ไม่ ดว้ ยสูตร F-test มสี มมติฐาน ดงั น้ี ดว้ ยสตู ร ข้นั ท่สี อง พจิ ารณาค่า F-test ถ้า F-test ท่ีคานวณได้ไมม่ ีนยั สาคญั ทางสถิติ น่นั คอื ยอมรับ Ho แสดงว่าความแปรปรวนของทง้ั สองกลมุ่ เท่ากัน ใช้สูตร 1 (Pooled Variance) ถ้า

158 F-test ที่คานวณไดม้ นี ัยสาคัญทางสถิตนิ ั่นคือ ปฏิเสธ Ho ยอมรับ H1 แสดงวา่ ความแปรปรวนของท้ัง สองกลมุ่ ไมเ่ ท่ากัน ใชส้ ูตร 2 (Separate Variance) ขั้นทีส่ าม เลอื กใชส้ ตู รคานวณค่า t-test

159 กำรดำเนินงำนโครงกำรยอ่ ยที่ 6 การวิจัยน้ีเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เพ่ือศึกษาผลกระทบของธุรกิจการผลิตกวางเชิงพาณิชย์ ต่อผู้มี ส่วนได้ส่วนเสีย และผลกระทบและคุณค่าจากการใช้องค์ความรู้ในส่วนของการพัฒนาสูตร และกระบวนการผลิตอาหารกวางท่ีมีต่อผู้ประกอบการ รวมไปถึงศึกษาพฤติกรรมการท่องเท่ียวและ ความพึงพอใจของนักท่องเท่ียวต่อผู้ประกอบการผลิตกวางเชิงพาณิชย์ เพื่อหาแนวทางการพัฒนา แหล่งทอ่ งเทย่ี วใหม้ คี วามเปน็ เอกลกั ษณแ์ ละยง่ั ยนื ผูว้ จิ ัยได้ดาเนนิ การตามลาดับ ดงั น้ี 3.1 ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 3.2 เครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการวิจัย 3.3 วิธกี ารดาเนินการวิจยั 3.4 การวิเคราะห์ข้อมูล 3.1 ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง ประชากรในงานวจิ ัย ได้แก่ ผปู้ ระกอบการผลติ กวางเชิงพาณิชย์ ภักดีฟารม์ ตาบลวังนกแอ่น อาเภอวังทอง จังหวัดพิษณโุ ลก ชาวบ้านและกลมุ่ ผ้นู าชุมชนบา้ นซาตะเคยี น หมู่ที่ 9 ตาบลวังนกแอ่น อาเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเท่ียว ณ ภักดีฟาร์ม ตาบลวังนกแอ่น อาเภอวังทอง จงั หวดั พิษณโุ ลก การศึกษาวิจยั นี้ แบ่งกลมุ่ ตัวอยา่ งออกเปน็ 4 กลุ่ม คือ 3.1.1 ผู้ประกอบการภักดีฟาร์ม ตาบลวังนกแอ่น อาเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก จานวน 1 คน 3.1.2 ชาวบ้าน บ้านซาตะเคียน หมู่ที่ 9 ตาบลวังนกแอ่น อาเภอวังทอง จังหวัด พิษณุโลก จานวน 50 คน สุม่ ตวั อย่างแบบจาเพาะเจาะจง 3.1.3 ผู้นาชุมชน บ้านซาตะเคียน หมู่ที่ 9 ตาบลวังนกแอ่น อาเภอวังทอง จังหวัด พษิ ณุโลก จานวน จานวน 4 คน 3.1.4 กลุ่มเกษตรกร และผู้สนใจการถ่ายทอดองค์ความรู้จากการพัฒนาสูตรและ กระบวนการผลติ อาหารกวาง จานวน 50 คน 3.1.5 นกั ทอ่ งเทีย่ ว ที่เดนิ ทางมาเท่ยี ว ณ ภกั ดีฟารม์ ตาบลวังนกแอ่น อาเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ระหว่างเดือนธันวาคมปี 2561 – ธันวาคม 2562 สุ่มตัวอย่างแบบจาเพาะเจาะจง จานวน 97 คน 3.2 เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการวิจยั

160 เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยและการเก็บข้อมูล ผู้วิจัยสร้างข้ึนจากการศึกษาและทบทวน วรรณกรรม พรอ้ มท้ังให้ผู้เชยี่ วชาญตรวจสอบคุณภาพเครื่องมืองานวิจัย ดงั นี้ 3.2.1 แบบสอบถาม (Questionnaire) สาหรับสอบถามนักท่องเที่ยว แยกออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนท่ี 1 ข้อมลู ทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 พฤติกรรมการท่องเทย่ี ว ส่วนท่ี 3 ความ พึงพอใจของนักท่องเที่ยวต่อสถานที่ท่องเที่ยวและส่วนท่ี 4 แนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเท่ียว เป็นแหล่งเรียนรู้ ซึ่งแบบสอบถามส่วนที่ 1,2 และ 4 เป็นคาถามปลายปิด (Closed-end Questions) ส่วนแบบสอบถามส่วนท่ี 3 เป็นคาถามประเภทระดับ (Scaled-Response Questions) มีข้อคาถาม รวม 15 ข้อ โดยนาไปเก็บข้อมูลจากการสอบถามนักท่องเที่ยวท่ีเดินทางมาเท่ียว ณ ภักดีฟาร์ม ตาบล วังนกแอ่น อาเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก จานวน 97 คน ในช่วงเดือนธันวาคมพ.ศ.2561 ถึงเดือน ธนั วาคม 2562 3.2.2 แบบสัมภาษณ์ (Interview Form) จานวน 2 แบบ ประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์คร้ังท่ี 1 เรื่อง ผลกระทบของธุรกิจการผลิตกวางเชิงพาณิชย์ต่อ ผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กรณีศึกษา ภักดีฟาร์ม อาเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก โดย นาไปเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ชาวบ้าน บ้านซาตะเคียน หมู่ท่ี 9 ตาบลวังนกแอ่น อาเภอวังทอง จังหวดั พษิ ณุโลก จานวน 50 ครัวเรอื น โดยแบบสมั ภาษณ์แบง่ ออกเปน็ 4 ส่วน ดงั น้ี ส่วนที่ 1 ขอ้ มลู ท่วั ไปของผตู้ อบแบบสัมภาษณ์ สว่ นท่ี 2 ขอ้ คาถามผลกระทบของธุรกิจการผลติ กวางเชิงพาณิชยต์ อ่ ผู้มสี ่วน ได้ สว่ นเสีย ส่วนที่ 3 ข้อคาถามความเครียดวิตกกังวลจากธุรกิจการผลิตกวางเชิง พาณชิ ย์ สว่ นที่ 4 ขอ้ คาถามการมสี ่วนร่วมกบั ธรุ กจิ การผลิตกวางเชงิ พาณชิ ย์ 2) แบบสมั ภาษณ์ครัง้ ท่ี 2 เร่ือง ผลกระทบและคุณคา่ ของการใชอ้ งค์ความรจู้ ากการ พัฒนาสูตรและกระบวนการผลิตอาหารกวาง กรณีศึกษา ภกั ดีฟาร์ม อาเภอวังทอง จงั หวัดพษิ ณุโลก โดยนาไปเกบ็ ขอ้ มูลจากการสมั ภาษณ์ผูป้ ระกอบการภักดีฟารม์ เกษตรกร และผู้สนใจจานวน 50 คน โดยแบบสมั ภาษณ์ แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดงั น้ี สว่ นที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปของผตู้ อบแบบสัมภาษณ์ ส่วนท่ี 2 ขอ้ คาถามการนาผลงานวิจยั ไปใชป้ ระโยชนต์ ่อชุมชน ส่วนที่ 3 ข้อคาถามนาผลงานวจิ ยั ไปใชป้ ระโยชน์เชิงพาณิชย์ ส่วนท่ี 4 ความพงึ พอใจต่อการจัดกิจกรรมการถา่ ยทอดเทคโนโลยี

161 3.2.3 การสนทนากลมุ่ (Focus Group Discussion) กับผ้ปู ระกอบการภักดฟี าร์ม ผนู้ าชมุ ชน และชาวบ้านท่ีสนใจเข้ามามีส่วนร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจการผลิตกวางเชิงพาณิชย์ในการ พฒั นาการท่องเทีย่ ว จานวน 15 คน และได้กาหนดประเด็นทตี่ ้องการศึกษาวจิ ยั ดังน้ี ประเดน็ ท่ี 1 สภาพชุมชนในอดตี ท่ผี า่ นมาและปจั จบุ ัน ประเด็นท่ี 2 การรบั รูข้ องชุมชนจากการมีฟาร์มกวางในพนื้ ที่ ประเดน็ ท่ี 3 แนวทางการพัฒนาฟารม์ กวางในพืน้ ทใ่ี หเ้ ป็นแหลง่ เรยี นรู้ 3.3 วิธีการดาเนินการวจิ ัย กิจกรรมที่1 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู เบ้อื งตน้ และสารวจพ้นื ท่ี - ศึกษาค้นควา้ หนังสือ ตารา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเรื่อง ผลกระทบของ ธุรกิจการผลิตกวางเชิงพาณิชย์ต่อผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กรณีศึกษา ภักดีฟาร์ม อาเภอวงั ทอง จงั หวัดพิษณโุ ลก - ลงพ้นื ท่ีหาขอ้ มลู ประกอบการทางานวิจัย ทภ่ี ักดีฟารม์ ตาบลวังนกแอน่ อาเภอวัง ทอง จังหวดั พิษณุโลก และชุมชนตาบลวงั นกแอน่ อาเภอวงั ทอง จังหวัดพิษณุโลก กจิ กรรมท่ี 2 การออกแบบเครอื่ งมอื ในการและตรวจสอบความถูกต้อง - จัดหมวดหมู่องค์ความรู้ เร่ือง ผลกระทบของธุรกิจการผลิตกวางเชิงพาณิชย์ต่อ ผปู้ ระกอบการ และผ้มู ีสว่ นได้สว่ นเสยี - สร้างแบบสอบถามผลกระทบของธุรกิจการผลิตกวางเชิงพาณิชย์ต่อ ผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย โดยนาแบบสอบถามท่ีสร้างข้ึนเสนอผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา และผู้เชีย่ วชาญด้านเน้ือหา ตรวจสอบความเท่ียงตรงตามเน้ือหา และความสอดคล้องกับจุดประสงค์ พร้อมนามาพัฒนาและปรบั ปรุงแก้ไข - หาค่าความเทยี่ งตรงของแบบสอบถาม โดยใช้ค่าดัชนคี วามสอดคล้องระหวา่ งข้อ คาถามกับวัตถุประสงค์ (IOC) ตั้งแต่ 0.5 ขน้ึ ไป เปน็ ข้อคาถามที่ใชไ้ ด้ ส่วนขอ้ คาถามท่ีมีค่าต่ากว่า 0.5 เปน็ ข้อคาถามทตี่ อ้ งปรับปรุงหรือตดั ออก กิจกรรมท่ี 3 เกบ็ ข้อมูลแบบสอบถามจากกล่มุ ตวั อยา่ ง คณะวิจัยชี้แจงให้กลุ่มตัวอย่าง เข้าใจวัตถุประสงค์ของการทาวิจัย และเก็บข้อมูล ดังนี้ 1) เก็บข้อมูลแบบสอบถามจากนักท่องเท่ียว ที่มาท่องเท่ียว ณ ภักดีฟาร์ม ต้ังแต่ เดือนธันวาคม 2561-ธันวาคม 2562 จานวน 97 คน เพื่อสารวจพฤติกรรมการท่องเที่ยวและแนว ทางการพฒั นาแหลง่ ทอ่ งเที่ยว

162 2) เก็บขอ้ มลู แบบสัมภาษณ์คร้ังที่ 1 กบั กลุม่ ตัวอยา่ ง คือ กลุม่ ชาวบ้าน ตาบลวังนก แอ่น อาเภอวังทอง จงั หวดั พษิ ณุโลก จานวน 50 คน เพื่อศึกษาผลกระทบของธุรกจิ การผลิตกวางเชิง พาณิชย์ต่อผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กรณีศึกษา ภักดีฟาร์ม อาเภอวังทอง จังหวัด พษิ ณุโลก 3) เก็บข้อมูลจากการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) กับผู้ประกอบการ ภักดฟี ารม์ ผู้นาชุมชน และชาวบ้านท่ีสนใจเข้ามามีส่วนร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจการผลติ กวางเชิง พาณิชยใ์ นการพฒั นาการทอ่ งเทย่ี ว จานวน 15 คน เพอ่ื หาแนวทางในการพัฒนาภกั ดีฟารม์ เปน็ แหลง่ เรยี นรู้ 4) เก็บข้อมูลแบบสัมภาษณ์ครัง้ ท่ี 2 กับกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ประกอบการภักดีฟาร์ม เกษตรกร และผู้สนใจจานวน 50 คน เพ่ือศึกษาผลกระทบและคุณค่าของการใช้องค์ความรู้จากการ พฒั นาสูตรและกระบวนการผลิตอาหารกวาง กรณศี ึกษา ภกั ดฟี าร์ม อาเภอวงั ทอง จังหวดั พิษณโุ ลก กิจกรรมที่ 4 การวิเคราะห์ขอ้ มลู การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์และการสนทนากลุ่ม นาข้อมูลมาจัด ระเบยี บและทาการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ดังน้ี  แบบสอบถาม (Questionnaire) ใชว้ ธิ กี ารวเิ คราะหข์ ้อมูลสถิติอยา่ งง่าย  แบบสัมภาษณ์ (Interview Form) ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลแบบอุปนัย (Analytic Induction)  การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) ใช้การวเิ คราะห์ขอ้ มูล โดยวิเคราะห์ เนอ้ื หา (Content Analysis) กิจกรรมท่ี 5 จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพ่ือสร้างแนวทางการจัดการผลกระทบร่วมกับ ชมุ ชนและผู้ประกอบการ กิจกรรมที่ 6 สรุปผลและทารายงานการวจิ ัย 3.4 การวิเคราะหข์ ้อมลู ผู้วิจัยได้ทาการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลท่ีได้มาจากแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และการสนทนากลุ่มนาขอ้ มูลมาจัดระเบยี บ และทาการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ดังน้ี 1) แบบสอบถาม (Questionnaire) ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ และ คา่ เฉล่ีย สาหรบั พรรณนาขอ้ มูลท่ัวไปของผตู้ อบแบบสอบถาม พฤติกรรมการทอ่ งเท่ียว และแนวทาง การพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวเป็นแหล่งเรียนรู้ ในส่วนของความพึงพอใจของนักท่องเท่ียวต่อแหล่ง

163 ทอ่ งเทีย่ ววิเคราะหข์ ้อมลู โดยใช้ค่าร้อยละ คา่ เฉล่ียและสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน กาหนดเกณฑก์ ารให้ คะแนนตามหลักลิเคิทสเกล (Likert Scale) และนาหลักเกณฑ์การให้คะแนนมาแบ่งออกเป็น 5 ช่วง สาหรับการแปรผล 2) แบบสัมภาษณ์ (Interview Form) ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลแบบอุปนัย (Analytic Induction) โดยนาข้อมูลมาเรียบเรียงและจาแนกอย่างเป็นระบบ หลังจากนั้นนามา ตีความหมายเชื่อมโยงความสมั พันธ์ และสร้างข้อสรุปจากขอ้ มูลตา่ งๆ ที่รวบรวมได้ 3) การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล โดย วิเคราะหเ์ นื้อหา (Content Analysis) ตามประเดน็ และหัวขอ้ ท่ตี อ้ งการศกึ ษาวจิ ัย

164 บทท่ี 4 ผลกำรวิเครำะหข์ อ้ มูล ผลกำรวิเครำะหข์ ้อมูลโครงกำรยอ่ ยท่ี 1 การวิจัยคร้ังนี้ ใช้การวิจยั เชงิ พรรณนา มุ่งเน้นศึกษาเกี่ยวกับโซ่อุปทานการผลิตอาหารกวาง เชิงพาณิชย์ในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษารูปแบบ ปัญหาอุปสรรค แนวปฏิบัติที่ดีในการ จัดการดา้ นโลจิสติกส์ของผ้มู ีส่วนได้เสียในโซอ่ ุปทาน ตงั้ แต่ต้นน้า ถึง ปลายน้า ไดแ้ ก่ เกษตรกรผู้ปลูก พชื สด ผูผ้ ลิตอาหาร ผู้จาหน่ายอาหาร และผ้ปู ระกอบการฟาร์มเพาะเลยี้ งกวาง รวมทัง้ สารวจอุปสงค์ อุปทาน และประเมินความม่ันคงด้านอาหารเพ่ือการเพาะเลี้ยงกวางเชิงพาณิชย์ในประเทศไทย นา ข้อมูลท้ังหมดมาสรุปเพื่อให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้มีส่วนได้เสียและผู้เกี่ยวข้อง สาหรับใช้ในการพัฒนา ปรับปรุงการจัดการในห่วงโซ่อุปทานอาหารกวาง สาหรับธุรกิจการผลิตกวางเชงิ พาณิชย์ในประเทศ ไทย มผี ลการวิจัย ดังน้ี สว่ นท่ี 1 ข้อมูลอปุ สงค์และอุปทำนและกำรประเมินควำมม่ันคงด้ำนอำหำรเพำะเลย้ี งกวำง เชิงพำณิชย์ การวิจยั น้ี ดาเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมลู จากแหล่งขอ้ มูลปฐมภมู ิ โดยการสัมภาษณ์เกษตรกร ผู้ปลูกพืชอาหารสตั ว์ และผู้ประกอบการเพาะเล้ียงกวางเชงิ พาณิชย์ และแหล่งข้อมูลทุติยภูมิ โดยการ รวบรวมขอ้ มลู จาก ข้อมลู เผยแพรข่ องสานกั พฒั นาอาหารสตั ว์ และ ศนู ย์เทคโนโลยีสารสนเทศและ การส่ือสาร กรมปศุสตั ว์ มผี ลการวจิ ัย ดังน้ี 1.1 อุปสงคด์ ้ำนอำหำรเพำะเล้ียงกวำงเชิงพำณิชย์ ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งขอ้ มูลทตุ ยิ ภมู ิ โดยการรวบรวมข้อมลู จากเอกสารและ ข้อมลู เผยแพร่ ของสานักพฒั นาอาหารสัตว์และศูนยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร กรมปศุสัตว์ มผี ลการวิจยั ดังน้ี กรมปศสุ ตั ว์ มีหน่วยงานปฏิบัติงานในภมู ภิ าคแบ่งออกเป็น 9 เขต ในแต่ละเขตจะรับผิดชอบ พื้นทจ่ี ังหวัดต่างๆ ดังนี้

165 ตำรำงท่ี 2 พนื้ ท่ี 77 จงั หวัดในความรับผดิ ชอบของกรมปศสุ ัตว์ จาแนกตามเขต เขต พน้ื ที่จังหวดั ทีร่ บั ผดิ ชอบ 1 กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรอี ยธุ ยา อา่ งทอง ลพบรุ ี สิงห์บรุ ี ชยั นาท สระบุรี 2 สมุทรปราการ ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว 3 นครราชสีมา บรุ ีรมั ย์ ศรีสะเกษ สรุ นิ ทร์ อุบลราชธานี ยโสธร ชัยภมู ิ อานาจเจรญิ 4 รอ้ ยเอ็ด หนองบัวลาภู ขอนแกน่ อดุ รธานี เลย หนองคาย มหาสารคาม กาฬสินธ์ุ นครพนม มกุ ดาหาร สกลนคร บึงกาฬ 5 เชียงใหม่ ลาพูน ลาปาง แพร่ นา่ น พะเยา เชยี งราย แม่ฮ่องสอน 6 อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ อุทยั ธานี กาแพงเพชร ตาก พิษณโุ ลก พจิ ิตร เพชรบรู ณ์ สโุ ขทยั 7 ราชบรุ ี กาญจนบรุ ี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบรุ ี ประจวบคีรขี ันธ์ สพุ รรณบรุ ี 8 นครศรีธรรมราช กระบี่ พงั งา ภูเก็ต สุราษฎรธ์ านี ระนอง ชมุ พร ตรัง พัทลงุ 9 สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ท่มี า : ศนู ย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร กรมปศสุ ตั ว์ (2563) ตำรำงที่ 3 สถิตจิ านวนกวางที่เพาะเลี้ยง ปี 2563 จาแนกตามเขตของกรมปศสุ ัตว์ เขต จานวนกวาง (ตัว) 1 201 2 514 3 206 4 224 5 234 6 352 7 1,207 8 765 9 124 รวม 3,827 ทม่ี า : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมปศุสัตว์ (2563) จากการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้การสัมภาษณ์ผู้ประกอบการเพาะเล้ียงกวางเชิงพาณิชย์ พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ให้อาหารประเภทหญ้าสด ซ่ึงปลูกใช้เองในพ้ืนที่ฟาร์มและจัดซ้ือจาก เกษตรกรผู้ปลูกหญ้าในพืน้ ที่ ได้แก่ หญ้ารซู ่ี หญ้าขน หญา้ เนเปยี ร์ เป็นตน้ และหญ้าทต่ี ้องดาเนินการ จัดซื้อเพ่อื ใชใ้ นฤดแู ล้ง จานวน 4-6 เดือน คือ หญา้ แพงโกล่า โดยจดั ซือ้ เป็นหญา้ แหง้ อัดกอ้ น จะให้ใน

166 ปริมาณร้อยละ 10 ของน้าหนักตัวกวาง โดยกวางเพศผู้จะน้าหนักตัวประมาณ 80-120 กิโลกรมั และ กวางเพศเมียน้าหนักตัวประมาณ 50-70 กิโลกรัม คานวณค่าเฉล่ียปริมาณหญ้าแพงโกล่าแห้งท่ีใช้ เล้ียงกวางต่อตัวต่อ ปี ประมาณ 1,440 กิโลกรมั โดยประมาณอปุ สงค์หญ้าแพงโกลา่ แหง้ จาแนกตาม เขตของกรมปศุสตั ว์ ได้ดงั น้ี ตำรำงที่ 4 อุปสงคห์ ญ้าแพงโกล่าแห้งตอ่ ปี จาแนกตามเขตของกรมปศุสัตว์ เขต จานวนกวาง (ตัว) อปุ สงค์ต่อป*ี (ตนั ) 1 201 289 2 514 740 3 206 297 4 224 323 5 234 337 6 352 507 7 1,207 1,738 8 765 1,102 9 124 179 รวม 3,827 5,511 ที่มา : ศนู ยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมปศสุ ตั ว์ และจากการคานวณ (2563) * ตัวเลขจากการคานวณ อุปสงค์หญ้าแพงโกล่าแหง้ 1.44 ตันต่อตัวต่อปี

167 ภำพที่ 12 นาหญ้าแพงโกล่า ทม่ี า : จากการสารวจ ภำพท่ี 13 หญ้าแพงโกลา่ แหง้ ที่มา : จากการสารวจ

168 1.2 อุปทำนด้ำนอำหำรเพำะเลยี้ งกวำงเชิงพำณชิ ย์ ดาเนินการเกบ็ รวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ โดยการสัมภาษณ์เกษตรกรผปู้ ลูกพืช อาหารสัตว์ และแหล่งข้อมูลทุติยภูมิ โดยการรวบรวมข้อมูลจากเอกสารเผยแพร่ของสานักพัฒนา อาหารสตั ว์และศนู ย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร กรมปศสุ ัตว์ มีผลการวจิ ยั ดังน้ี สานักพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์ เป็นหน่วยงานภาครัฐท่ีมีหน้าท่ีรับผิดชอบโดยตรง เกย่ี วกบั การพัฒนาด้านอาหารเพาะเลีย้ งสัตว์ โดยมีวสิ ัยทศั น์ คือ มุ่งพฒั นาความมัน่ คงดา้ นอาหารสตั ว์ และมีพันธกิจ ไดแ้ ก่ 1. ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และพัฒนาวิชาการด้านคุณค่าทางโภชนะของอาหารสัตว์ วัตถุดิบอาหารสัตว์ ความต้องการโภชนะอาหารสัตว์ วิธีการจัดการ การนาวัสดุ เหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้เล้ียงสัตว์และอื่นๆท่เี กยี่ วขอ้ งกบั อาหารสตั ว์ 2. ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัยและพัฒนาวิชาการพืชนอาหารสัตว์ การอนุรักษ์ การปรบั ปรุงพันธุ์ การจัดการ การผลติ การใช้ประโยชน์ การถนอม การเกบ็ รักษา และวิทยาการเมลด็ พันธ์ุ 3. ทดสอบ สาธติ และถา่ ยทอดเทคโนโลยีด้านอาหารสตั ว์ 4. ผลิตและขยายพนั ธุ์พชื อาหารสตั ว์พนั ธส์ุ ู่เกษตรกร 5. ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอาชีพการผลิตเสบียงสัตว์ การผลิตเมล็ดพันธ์ุพืช อาหารสัตว์ และการผลิตอาหารสัตว์ รวมท้ังผลิตเสบียงสัตว์ เพ่ือช่วยเหลือ เกษตรกรที่ประสบภยั ธรรมชาติ 6. กาหนดมาตรฐาน ตรวจสอบ และรับรองคณุ ภาพเสบยี งสัตว์ และรับรองคณุ ภาพ เสบยี งสัตว์และเมลด็ พันธ์ุพชื อาหารสัตว์ 7. ให้คาปรึกษาและแนะนาด้านอาหารสัตว์ และวิเคราะห์ตรวจสอบคุณภาพอาหาร สัตว์ ดนิ น้า ปุ๋ย แก่ เกษตรกร 8. ปฏิบัติงานรว่ มกบั หรือสนับสนุนการปฏิบตั ิงานของหน่วยงานอื่นที่เกีย่ วข้องหรือ ไดร้ บั มอบหมาย ดาเนนิ งานพัฒนาความม่งั คงด้านอาหารสัตวท์ ั่วทั้งประเทศ ผ่านหน่วยงานในสังกัด คือ ศูนย์วจิ ยั และ พัฒนาอาหารสัตว์ จานวน 32 แห่ง ดังนี้ เขต 1 1.ศูนยว์ จิ ยั และพฒั นาอาหารสตั ว์ ชยั นาท เขต 2 2.ศูนยว์ ิจยั และพัฒนาอาหารสตั ว์ สระแก้ว เขต 3 3.ศนู ยว์ ิจัยและพฒั นาอาหารสัตว์ นครราชสมี า 4.ศนู ย์วจิ ยั และพฒั นาอาหารสัตว์ บรุ รี มั ย์ 5.ศูนย์วจิ ยั และพฒั นาอาหารสัตว์ ยโสธร 6.ศนู ย์วิจัยและพัฒนาอาหารสตั วอ์ านาจเจริญ เขต 4 7.ศูนย์วจิ ยั และพัฒนาอาหารสัตว์เคี้ยวเออ้ื ง (ขอนแก่น) 8.ศนู ยว์ ิจยั และพัฒนาอาหารสัตว์ มหาสารคาม

169 9.ศูนยว์ จิ ยั และพฒั นาอาหารสตั ว์ กาฬสนิ ธุ์ 10.ศนู ยว์ ิจยั และพฒั นาอาหารสัตว์ อดุ รธานี 11.ศูนย์วจิ ยั และพัฒนาอาหารสตั ว์ เลย 12.ศูนยว์ ิจยั และพฒั นาอาหารสตั ว์ นครพนม 13.ศูนย์วิจัยและพฒั นาอาหารสัตว์ หนองคาย 14.ศูนย์วิจยั และพฒั นาอาหารสัตว์ สกลนคร 15.ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาอาหารสัตว์ รอ้ ยเอ็ด เขต 5 16.ศนู ยว์ จิ ยั และพัฒนาอาหารสตั ว์ ลาปาง 17.ศูนยว์ จิ ัยและพัฒนาอาหารสัตว์ แพร่ 18.ศนู ย์วิจยั และพัฒนาอาหารสตั วเ์ ชยี งราย เขต 6 19.ศนู ย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ เพชรบรู ณ์ 20.ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ สโุ ขทัย 21.ศนู ย์วจิ ัยและพัฒนาอาหารสตั ว์ พจิ ิตร เขต 7 22.ศูนยว์ จิ ยั และพฒั นาอาหารสตั ว์ เพชรบุรี 23.ศูนย์วิจยั และพฒั นาอาหารสัตว์ สพุ รรณบุรี 24.ศนู ยว์ จิ ัยและพฒั นาอาหารสัตว์ ประจวบครี ขี ันธ์ 25.ศูนย์วจิ ยั และพฒั นาอาหารสตั ว์ กาญจนบุรี เขต 8 26.ศนู ย์วิจยั และพฒั นาอาหารสัตว์ สุราษฎร์ธานี 27.ศูนยว์ ิจยั และพฒั นาอาหารสตั ว์ ชุมพร 28.ศูนยว์ จิ ัยและพัฒนาอาหารสัตว์ ตรัง 29.ศูนย์วิจยั และพัฒนาอาหารสัตว์ พัทลุง 30.ศูนยว์ ิจยั และพฒั นาอาหารสตั ว์ นครศรธี รรมราช เขต 9 31.ศูนยว์ จิ ยั และพัฒนาอาหารสตั ว์ นราธวิ าส 32.ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ สตูล โครงการท่สี าคญั เก่ียวกับการผลิตพืชอาหารสตั ว์ ได้แก่ กจิ กรรมการพัฒนาเปน็ ศนู ยก์ ลางการ ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชอาหารสัตว์เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน (Seed Hub Center) ดาเนินการตาม ยุทธศาสตร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการพัฒนาศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์พืช และ พฒั นาคุณภาพสนิ ค้าใหไ้ ด้มาตรฐานตลอดจนเพม่ิ ขีดความสามารถในการผลิต

170 ภำพที่ 14 การรบั ซ้อื เมลด็ พันธห์ุ ญ้าจากเกษตรกร ทม่ี า : สานักพฒั นาอาหารสตั ว์ (2563) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่สาหรับปลูกพืชอาหารสัตว์ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 มี เป้าหมายดาเนินการลดพน้ื ท่ที านาไม่เหมาะสม และ เหมาะสมน้อย ใน 51 จงั หวดั เป้าหมายรวมท่ัว ประเทศ 44,000 ไร่ จาแนกเป็น ภาคกลาง 2,300 ไร่ ภาคตะวันออก 1,400 ไร่ ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ 31,300 ไร่ ภาคเหนือ 8,300 ไร่ และภาคใต้ 700 ไร่ ซึ่งจะทาให้มีพ้ืนท่ีปลูก พืชอาหารสัตว์เพิ่มมากข้ึน ส่งผลให้ปริมาณพืชอาหารสัตว์มีเพียงพอต่อการเล้ียงสัตว์ตลอดท้ังปี นอกจากโครงการดังกล่าวแล้ว ยังมีโครงการพัฒนาอาชีพผลิตเสบียงสัตว์ เพ่ือเป็นอาหารสารอง สาหรับแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรผู้เล้ียงสัตว์ ท่ปี ระสบภัยธรรมชาติ โดยในปี 2562 มีเป้าหมายพัฒนา เกษตรกรผลติ ทอ่ นพันธพุ์ ชื อาหารสัตว์ 700 ราย จานวน 1,400 ตนั และเกษตรกรผลติ พืชอาหารสตั ว์ 1,300 ราย จานวน 33,150 ตัน และมีแผนผลิตเสบียงสัตว์ชนิดต่าง ๆ ของศูนยฯ์ ท่ัวประเทศ จานวน รวม 8,280 ตัน ดังน้ี

171 ตำรำงท่ี 5 จานวนเสบยี งอาหารสตั ว์ตามแผนการผลิตของสานกั พัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์ ในปีงบประมาณ 2562 จาแนกตามชนิดของอาหาร ชนดิ ของอาหาร จานวน (ตัน) หญา้ แห้ง 5,220 หญา้ แหง้ GAP 249 ถวั่ แหง้ 52 หญา้ หมัก 1,387 หญ้าสด 1,272 อาหาร TMR 100 รวม 8,280 ทม่ี า : สานักพัฒนาอาหารสัตว์ (2563) ตามแผนพฒั นาอาชพี ผลิตพนั ธ์ุพืชอาหารสตั ว์ ปงี บประมาณ 2563 กาหนดเป้าหมายพัฒนา อาชพี เกษตรกรผลิตพันธพุ์ ืชอาหารสัตวจ์ าหน่าย 2,000 ราย พ้ืนทเ่ี พาะปลกู 17,345 ไร่ ปรมิ าณ ผลผลติ 34,560 ตัน จากการวิจยั พบวา่ พชื อาหารสัตว์ที่ผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกวางเชิงพาณิชย์ นิยมนามาใช้ ในการเพาะเล้ียงกวางมากทสี่ ดุ คอื หญ้าแพงโกลา่ แหง้ เนอื่ งจากหญ้าชนดิ อน่ื เช่น หญ้ารูซี่ หญา้ ขน หรอื หญ้าเนเปยี ร์ ผู้ประกอบการสว่ นใหญป่ ลูกเองในฟาร์มเพาะเลย้ี ง และใชเ้ ล้ียงกวางโดยให้ใน ลักษณะหญา้ สด สว่ นหญ้าแพงโกล่าแหง้ จะจัดซอ้ื มาในช่วงฤดูแลง้ เพอ่ื ทดแทนหญา้ สดท่ขี าดแคลน ดังน้ัน ผวู้ จิ ยั จึงรวบรวมข้อมลู เก่ยี วกับ อุปทานหญ้าแพงโกลา่ แห้งในประเทศไทย ผลการวิจัย มดี ังนี้ ตำรำงที่ 6 ปรมิ าณผลผลิตหญา้ แพงโกลา่ แหง้ ในปี 2562 จาแนกตามรายจังหวดั จงั หวดั เกษตรกร (ราย) พื้นทป่ี ลกู (ไร)่ ปริมาณหญา้ แหง้ * (ตนั ) ลาปาง 96 685 3,425 แพร่ 1 8 40 พิจติ ร 5 60 300 ขอนแกน่ 6 88 440 รอ้ ยเอ็ด 5 14 70 สกลนคร 2 11 55

172 จงั หวัด เกษตรกร (ราย) พืน้ ท่ีปลกู (ไร)่ ปรมิ าณหญา้ แหง้ * (ตัน) กาฬสินธุ์ 11 49 245 หนองคาย 21 106 530 มหาสารคาม 3 371 1,855 ชยั นาท 82 1,132 5,660 สงิ หบ์ ุรี 31 598 2,990 สพุ รรณบรุ ี 25 785 3,925 อยธุ ยา 1 70 350 นครปฐม 2 70 350 สระบรุ ี 4 360 1,800 เพชรบรุ ี 5 198 990 ประจวบครี ขี นั ธ์ 1 150 750 รวม 301 4,755 23,775 ทีม่ า : สานกั พฒั นาอาหารสตั วแ์ ละจากการคานวณ (2563) * ตวั เลขจากการคานวณ ปรมิ าณผลผลติ หญา้ แห้ง 5 ตนั ตอ่ ไรต่ อ่ ปี 1.3 ควำมม่นั คงด้ำนอำหำรเพำะเล้ียงกวำงเชงิ พำณชิ ย์ จากขอ้ มูลในส่วนของอุปสงค์ อุปทาน และผลการสารวจความพอเพียงดา้ นอาหารเพาะเล้ียง กวางของผปู้ ระกอบการ พบวา่ ปรมิ าณอาหารประเภทพืชสด ไดแ้ ก่ หญ้า กลว้ ย ฝกั ฉาฉา และพชื อื่นๆ มคี วามพอเพยี งในชว่ งฤดฝู น-ฤดหู นาว เป็นระยะเวลา 6-8 เดือน ซ่งึ ผูป้ ระกอบการจะปลูกพืชสด ดงั กลา่ วในพน้ื ที่ฟาร์มเพาะเลี้ยงเอง และจดั ซอ้ื จากเกษตรกรในพ้นื ที่ ส่วนในชว่ งฤดแู ล้ง ระยะเวลา ประมาณ 4-6 เดือน ผปู้ ระกอบการ จะจดั ซือ้ หญา้ แหง้ ไดแ้ ก่ หญ้าแพงโกลา่ แห้งอัดก้อน จากศนู ย์วจิ ยั และพฒั นาอาหารสตั ว์ และเกษตรกรผูป้ ลูกหญา้ แพงโกล่าจาหน่าย ภายในจงั หวดั หรือจงั หวัดใกล้เคียง ซ่ึงปริมาณหญา้ มคี วามพอเพียงตอ่ ความตอ้ งการ โดยข้อมลู ปี 2563 พบว่า อปุ สงค์หญ้าแพงโกลา่ แหง้ สาหรบั การเลี้ยงกวาง มีจานวนรวม 5,511 ตนั และอปุ ทานหญ้าแพงโกลา่ แห้งของเกษตรกรผู้ปลกู หญา้ แพงโกล่าจาหนา่ ย มจี านวนรวม 23,775 ตนั จงึ ประเมนิ ไดว้ ่า ปรมิ าณอาหารมีความเพียงพอตอ่ การเพาะเล้ียงกวางเชิงพาณชิ ย์

173 ส่วนที่ 2 ขอ้ มูลกำรจัดกำรด้ำนอำหำรเพำะเลยี้ งกวำงเชิงพำณิชย์ การวิจัยน้ี ดาเนินการวิเคราะห์ข้อมูลจาแนกตามประเภทของข้อมูลเป็น 2 ประเภท คือ ข้อมูลเชิงปริมาณ ทาการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ได้แก่ ค่าร้อยละและค่าเฉลี่ย และข้อมูลเชิง คุณภาพ ทาการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เน้ือหา ได้แก่ ข้อมูลการจัดการด้านอาหาร คือ วิธีการให้อาหารและแหล่งจาหน่ายอาหาร ข้อมูลปัญหาอุปสรรค คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นจาก สภาพแวดลอ้ มภายในองค์กรและอุปสรรคที่เกิดจากสภาพแวดลอ้ มภายนอกองค์กร และขอ้ มลู วิธีการ แก้ไข คอื วธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาและวิธีการแกไ้ ขอปุ สรรค สามารถสรปุ ผลการวจิ ยั ไดด้ ังนี้ จากการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ผปู้ ระกอบการในเขตภาคเหนือ จานวน 5 ราย พบวา่ ตำรำงท่ี 7 จานวนและค่ารอ้ ยละของผู้ประกอบการในเขตภาคเหนอื จาแนกตามขอ้ มลู ดา้ นการ เพาะเลย้ี งกวาง ขอ้ มูลด้ำนกำรเพำะเล้ยี งกวำง จำนวน (คน) คำ่ รอ้ ยละ ประสบกำรณใ์ นกำรเพำะเลยี้ งกวำง 5 100.0 นอ้ ยกวา่ 5 ปี 1 20.0 5-10 ปี 1 20.0 11-15 ปี 1 20.0 16-20 ปี - มากกว่า 20 ปี 2 - 40.0 องคค์ วำมรู้ในกำรเพำะเล้ยี ง 5 มากทส่ี ุด - 100.0 มาก 4 - ปานกลาง 1 นอ้ ย - 80.0 นอ้ ยทีส่ ุด - 20.0 ชนิดของกวำง 12 - พนั ธ์รุ ซู ่า 5 - พนั ธ์ุซิกก้า 2 พันธ์ุฟอลโล่ 1 100.0 พันธก์ุ วางม้า 1 41.7 พนั ธุ์ดาวอินเดยี 3 16.7 8.3 จำนวนกวำง 5 8.3 นอ้ ยกว่า 50 ตัว 3 25.0 50-100 ตวั 1 101-150 ตัว 1 100.0 60.0 20.0 20.0

174 มากกวา่ 150 ตวั -- ผลการวิจัยข้อมูลด้านการเพาะเลี้ยงกวาง พบว่า ผู้ประกอบการมีพ้ืนท่ีเพาะเลี้ยงกวาง โดยประมาณ คิดเปน็ คา่ เฉลย่ี 32 ไร่ (70 ไร่, 40 ไร่, 20 ไร่, 20 ไร่ และ 10 ไร่) ซ่ึงมคี วามสอดคล้อง ไปในทศิ ทางเดียวกับจานวนกวางท่เี พาะเลยี้ ง โดยสว่ นใหญ่จานวนกวางท่ีเพาะเลี้ยง อยู่ระหวา่ ง 1-50 ตัว คิดเป็นร้อยละ 60.0 ชนิดของกวางท่ีเพาะเลี้ยง คือ พันธุ์รูซ่า คิดเป็นร้อยละ 41.7 โดย ผู้ประกอบการมีประสบการณ์ในการเพาะเล้ียงกวาง มากกว่า 20 ปี คิดเป็นร้อยละ 40.0 และองค์ ความรู้ในการเพาะเลี้ยงจากการประเมินตนเองของผู้ประกอบการ อยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 80.0 ตำรำงท่ี 8 จานวนพ้ืนทเ่ี พาะเล้ียง จานวนกวางทเ่ี พาะเล้ียง และคา่ เฉลีย่ จานวนตอ่ พืน้ ทีเ่ พาะเลี้ยง ผูป้ ระกอบกำร พ้นื ทีเ่ พำะเลีย้ ง (ไร)่ จำนวนกวำง (ตัว) คำ่ เฉลย่ี (ตัวต่อไร)่ รายที่ 1 70 110 1.6 รายที่ 2 40 90 2.3 รายท่ี 3 20 20 1.0 รายที่ 4 20 19 0.95 รายที่ 5 10 15 1.5 ผลการวิจัย พบว่า พื้นท่ีเพาะเล้ียงมีความสัมพันธ์กับจานวนกวางท่ีเพาะเลี้ยง แปรผันไปใน ทิศทางเดียวกัน นั่นคือ พื้นท่ีเพาะเล้ียงมาก ก็จะมีจานวนกวางที่เพาะเลี้ยงมากตามไปด้วย แต่เมื่อ คานวณจานวนกวางเฉลีย่ ต่อพ้นื ที่ จะอยู่ในอัตราท่ไี มเ่ ทา่ กัน ตำรำงที่ 9 จานวนและคา่ ร้อยละของผปู้ ระกอบการ จาแนกตามขอ้ มูลการจดั การดา้ นอาหาร เพาะเลี้ยงกวาง ข้อมูลกำรจดั กำรดำ้ นอำหำรเพำะเล้ียงกวำง จำนวน (คน) ค่ำรอ้ ยละ ประเภทอำหำรหลักในกำรเพำะเลยี้ ง 10 100.0 หญา้ รูซ่ี 2 20.0 หญา้ แพงโกล่า 3 30.0 ผลไม้ 1 10.0 พืชอน่ื 1 10.0 อาหารขน้ 3 30.0 ประเภทอำหำรเสริมในกำรเพำะเล้ียง 7 100.0 หญ้ารซู ี่ 1 14.3

ข้อมูลกำรจดั กำรดำ้ นอำหำรเพำะเลี้ยงกวำง จำนวน (คน) 175 ผลไม้ 4 พืชอ่นื 1 ค่ำรอ้ ยละ อาหารข้น 1 57.1 14.3 14.3 ผลการวิจัยข้อมูลการจัดการด้านอาหารเพาะเล้ียงกวาง พบว่า ผู้ประกอบการมีพ้ืนที่ในการ ปลูกพืชอาหารสัตว์เฉลี่ย 15.6 ไร่ (20 ไร่, 30 ไร่, 10 ไร่, 15 ไร่ และ 3 ไร่) และต้นทุนด้านอาหาร เฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 26 ของต้นทุนในการเพาะเลี้ยงทั้งหมด และส่วนใหญ่ผู้ประกอบการใช้อาหาร หลักประเภท หญา้ แพงโกลา่ และอาหารข้น(อาหารสาเรจ็ รูปสาหรบั เลย้ี งโค) คิดเปน็ ร้อยละ 30.0 โดย ต้องซ้ือหญ้าแพงโกลาและอาหารข้น(อาหารสาเร็จรูปสาหรับเล้ียงโค) จากแหล่งจาหน่ายภายนอก ทงั้ หมด ซ่ึงผูป้ ระกอบการไมส่ ามารถผลิตเองไดเ้ ลย การให้อาหารเสริมในการเพาะเล้ียงกวาง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ใช้อาหารเสริมประเภท ผลไม้ เช่น กล้วย และผลไม้ในท้องถ่ินตามฤดูกาล คิดเป็นร้อยละ 57.1 ส่วนที่เหลือใช้อาหารเสริม ประเภทพืชอื่น เช่น ใบกระถิน และฝักฉาฉา ซ่ึงผู้ประกอบการสามารถปลูกพืชอาหารเสริมได้เองใน พน้ื ที่เฉลยี่ คิดเป็นรอ้ ยละ 40 ของปรมิ าณอาหารเสริมทัง้ หมด แต่ไม่เพียงพอตลอดทั้งปี ทาให้ต้องซ้ือ เพิ่มเติมจากแหล่งจาหน่ายภายนอกเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 60 ของปริมาณอาหารเสริมท้ังหมด และมี ผู้ประกอบการบางรายให้อาหารข้น(อาหารสาเร็จรูปสาหรบั เลีย้ งโค) เป็นอาหารเสริมเฉล่ียคดิ เป็นร้อย ละ 10 ของปริมาณอาหารเสริมทั้งหมด ส่วนผู้ประกอบการท่ีใหห้ ญ้ารูซี่เป็นอาหารเสรมิ สามารถปลูก ได้ในพื้นที่ แต่ไมเ่ พยี งพอตลอดทง้ั ปี ซงึ่ เม่ือหญ้าหมดลง ผู้ประกอบการจะไม่จัดซ้ือจากแหลง่ ภายนอก โดยใช้อาหารประเภทอื่นทดแทน ปริมาณหญ้ารูซี่ที่ให้เป็นอาหารเสริมเฉล่ียคิดเป็นร้อยละ 10 ของ ปริมาณอาหารเสริมทัง้ หมด ตำรำงท่ี 10 จานวนพ้ืนทีป่ ลกู พืชอาหารสัตว์ คา่ ร้อยละของพืน้ ที่เพาะเลย้ี ง และค่าเฉลย่ี ต่อจานวน กวางท่ีเพาะเลยี้ ง ผปู้ ระกอบการ พื้นทปี่ ลกู พชื อาหาร พืน้ ที่เพาะเล้ยี ง จานวนกวาง คา่ ร้อยละ คา่ เฉลี่ยตอ่ สัตว์ (ไร่) (ไร)่ (ตัว) ของพน้ื ที่ จานวนกวาง เพาะเลย้ี ง (ไร่ต่อตัว) รายท่ี 1 20 70 110 28.6 0.18 รายท่ี 2 30 40 90 75.0 0.33 รายที่ 3 10 20 20 50.0 0.50 รายท่ี 4 15 20 19 75.0 0.79 รายที่ 5 3 10 15 30.0 0.20 ผลการวิจัย พบว่า ค่าร้อยละพ้ืนที่ในการปลูกพืชอาหารสัตว์สาหรับเพาะเลี้ยงกวาง ไม่มี ความสัมพนั ธก์ บั พ้นื ทเี่ พาะเลี้ยง นัน่ คือ พืน้ ทีก่ ารเพาะเลย้ี ง จะมากหรือนอ้ ย ไม่แปรผันโดยตรงกับค่า

176 ร้อยละพน้ื ที่การปลกู พืชอาหารสตั ว์ และค่าเฉล่ยี พื้นทใี่ นการปลูกพืชอาหารสตั ว์ ไม่มีความสัมพันธก์ ับ จานวนกวางที่เพาะเล้ียง นั่นคือ จานวนกวางที่เพาะเล้ียง จะมากหรือน้อย ไม่แปรผันโดยตรงกับ ค่าเฉล่ียพ้นื ที่การปลูกพืชอาหารสตั วต์ อ่ จานวนกวาง ดงั ข้อมูลตาราง 5 ซึ่งอาจเกดิ การทผ่ี ปู้ ระกอบการ ไม่ได้มุ่งเนน้ การผลิตอาหารสัตวใ์ ชเ้ อง เพราะสามารถจัดซ้ืออาหารได้จากแหลง่ จาหน่ายภายนอก ผลการวิจัย พบวา่ ผู้ประกอบการมีวิธกี ำรให้อำหำรท่คี ลา้ ยคลึงกัน โดยจะให้อาหารประเภท พชื เช่น หญา้ แพงโกลา่ หญา้ รูซี่ กล้วย และใบกระถนิ โดยจดั กองไวบ้ นพน้ื ดินหรือในตะแกรงยกสูง บริเวณคอกเลย้ี ง เพื่อใหก้ วางสามารถแทะเลม็ ไดต้ ลอดทง้ั วนั สว่ นอาหารข้นและฝักฉาฉา จะใสใ่ น ภาชนะวางเฉพาะเวลาใหอ้ าหารเพียงวันละ 1 มื้อเท่านั้น เวลาการให้อาหารจะแบ่งเปน็ 2 ชว่ งเวลา คอื เวลาเช้า ตง้ั แต่ 7.00-9.00 น. และ เวลาเย็น ตั้งแต่ 16.00-18.00 น. ปรมิ าณอาหารท่ีกวางกนิ ต่อ วนั จะอย่ปู ระมาณร้อยละ 10 ของน้าหนกั ตัว นอกจากการใหอ้ าหารแล้ว ตอ้ งจดั หานา้ ดม่ื ไวใ้ หใ้ น คอกเล้ียง สว่ นใหญ่ผปู้ ระกอบการ จะทาบอ่ ซีเมนต์หรือถังขนาดใหญ่ ความสูงไม่เกนิ 50 เซนตเิ มตร บรรจนุ ้าไว้คอกละ 1-2 แห่ง โดยกวางจะมาก้มกนิ นา้ ท่เี ตรยี มไว้ ซง่ึ กวางเป็นสตั วท์ ่ีไมต่ ้องการนา้ มาก นัก แต่ตอ้ งดูแลไมใ่ ห้ขาดน้า แหลง่ จำหนำ่ ยอำหำร เนอื่ งจากผปู้ ระกอบการไม่สามารถผลติ อาหารหลัก ได้แก่ หญ้าแพงโก ล่าและอาหารข้น(อาหารสาเร็จรูปสาหรับเลี้ยงโค) ใช้เองได้ ทาให้ต้องจัดซ้ือจากแหล่งจาหน่าย ภายนอก ซ่ึงจากการวิจัย พบว่า แหล่งจาหน่ายหญ้าแพงโกล่าที่ผู้ประกอบการจัดซ้ือ จาแนกเป็น 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งจาหน่ายที่เป็นของภาครัฐ ได้แก่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ในจังหวัดหรือ จงั หวัดใกล้เคียง ที่ดาเนนิ การปลูกและจาหน่ายหญ้าแพงโกล่าแห้งอัดก้อน เช่น ศูนย์วจิ ัยและพัฒนา อาหารสัตว์สุโขทยั และศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ชัยนาท เป็นต้น และแหลง่ จาหน่ายที่เป็นของ ภาคเอกชน ไดแ้ ก่ กลุม่ ปลูกหญ้าเล้ียงสตั ว์จังหวัดสโุ ขทัย กล่มุ ปลูกหญ้าแพงโกลา่ ตาบลหางน้าสาคร อาเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท และเกษตรกรรายย่อยในจังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น ส่วนอาหารข้น (อาหารสาเร็จรูปสาหรับเลยี้ งโค) ผู้ประกอบการจดั ซือ้ จากร้านค้าจาหน่ายอาหารสตั ว์ในพน้ื ท่ี จากการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลผูป้ ระกอบการในเขตภาคกลาง จานวน 10 ราย พบว่า ผลการวจิ ัย ข้อมูลปัจจัยสว่ นบุคคล พบว่า ผู้ประกอบการจานวน 10 ราย จาแนกเป็นเพศชาย 8 ราย คิดเปน็ รอ้ ย ละ 80.0 และเพศหญิง 2 ราย คิดเป็นร้อยละ 20.0 มีอายุ คิดเป็นค่าเฉลี่ย 55.8 ปี (52 ปี, 67 ปี, 56 ปี, 51 ปี, 55 ปี, 55 ปี, 53 ปี, 49 ปี, 58 ปี และ 62 ปี) ผลการวิจัยข้อมูลกำรประกอบกำร พบว่า ผู้ประกอบการทุกราย (ร้อยละ 100.0) มีรูปแบบการประกอบธุรกิจแบบเจ้าของคนเดียว ( Sold Proprietorship) ดาเนนิ การในแบบธรุ กจิ ครอบครัว โครงสร้างองค์กรจดั แบง่ ตามหน้าที่ (Functional Organization Structure) มีความซ้าซ้อนในแต่ละตาแหน่งงาน โดยดาเนินการบริหารงานร่วมกัน ระหวา่ งสมาชกิ ในครอบครัว แหล่งเงินทุนที่ใช้ในการประกอบการ มาจาก 2 แหล่ง ได้แก่ เงินทนุ ของ ตนเองและครอบครัว ค่าเฉล่ียคิดเป็นร้อยละ 60.0 และ เงินกู้จากแหล่งทุนภายนอก ร้อยละ 40.0 และจานวนการจ้างแรงงาน คิดเปน็ ค่าเฉลย่ี 4.1 คน (12 คน, 1 คน, 4 คน, 2 คน, 3 คน, 2 คน, 1 คน , 0 คน, 10 คน และ 6 คน) ซ่งึ แปรผันไปในทศิ ทางเดยี วกันกับจานวนกวางทเี่ พาะเลย้ี ง

177 ตำรำงที่ 11 จานวนและค่าร้อยละของกวางทเี่ พาะเลย้ี งในเขตภาคกลาง จาแนกตามชนดิ ของกวาง ขอ้ มลู ดา้ นชนดิ กวางท่ีเพาะเลย้ี ง จานวน (ตัว) คา่ รอ้ ยละ พนั ธุ์รซู ่า 926 62.1 พันธซ์ุ ิก้า 3 0.2 พนั ธฟุ์ อลโล่ 42 2.8 พันธก์ุ วางมา้ 100 6.7 พนั ธ์ุกวางแดง 4 0.3 พันธ์ุดาวอินเดยี 55 3.7 พันธ์เุ น้ือทราย 11 0.7 พันธ์ุลูกผสมกวางมา้ -รูซา่ 120 8.0 พนั ธล์ุ ูกผสมรซู ่า-ดาวอินเดยี 11 0.7 พันธุ์ลูกผสมเนือ้ ทราย-ดาวอนิ เดยี 220 14.8 รวม 1,492 100.0 ผลการวิจัย พบวา่ ชนิดของกวางทเี่ พาะเล้ียงมากท่สี ุดในเขตภาคกลาง คือ พันธุ์รซู ่า จานวน 926 ตัว คิดเป็นร้อยละ 62.1 รองลงมา คือ พันธ์ุลูกผสมเน้ือทราย-ดาวอินเดีย จานวน 220 ตัว คิด เปน็ รอ้ ยละ 14.8 และพันธ์ุทเ่ี ลี้ยงนอ้ ยทีส่ ดุ คอื พันธซ์ุ กิ ้า จานวน 3 ตัว คิดเปน็ ร้อยละ 0.2 ตำรำงที่ 12 ค่าเฉลีย่ และค่ารอ้ ยละสัดสว่ นของประเภทอาหารทีใ่ ช้เพาะเลย้ี งกวาง ข้อมูล สัดส่วนของประเภทอาหารท่ีใชเ้ พาะเลย้ี งกวาง (ร้อยละ) รวม ผู้ประกอบการ พชื สด พชื ตากแห้ง อาหาร อาหารผลิต 100.0 รายท่ี 1 100.0 รายที่ 2 สาเร็จรูป เอง 100.0 รายที่ 3 100.0 รายที่ 4 60.0 20.0 10.0 10.0 100.0 รายที่ 5 100.0 รายท่ี 6 80.0 20.0 - - 100.0 รายที่ 7 85.0 - 15.0 - 100.0 - - - 90.0 - 10.0 - 70.0 15.0 15.0 - 70.0 - 10.0 20.0

178 รายท่ี 8 60.0 20.0 20.0 - 100.0 รายท่ี 9 รายท่ี 10 70.0 20.0 - 10.0 100.0 ค่าเฉล่ีย 80.0 10.0 10.0 - 100.0 76.5 10.5 9.0 4.0 100.0 ผลการวิจัยพบว่า ผู้ประกอบการทุกราย (ร้อยละ 100.0) ใช้อาหารหลักในการเพาะเลี้ยง กวางประเภท พืชสด ได้แก่ หญ้าเนเปียร์ หญ้าขน และหญ้าแพงโกล่า คิดเป็นค่าเฉลี่ย ร้อยละ 76.5 รองลงมา คอื พืชตากแห้ง ได้แก่ ฟางข้าว ขา้ วโพด หญ้าแห้ง หญ้าหมัก คิดเปน็ ค่าเฉลี่ย รอ้ ยละ 10.5 และอาหารสาเร็จรปู ได้แก่ อาหารขน้ (อาหารสาเร็จรูปสาหรับเลีย้ งโคนม) คิดเปน็ ค่าเฉล่ีย ร้อยละ 9.0 ตามลาดบั ตำรำงท่ี 13 จานวนและคา่ ร้อยละของผู้ประกอบการที่ใช้อาหารเพาะเลยี้ งกวาง จาแนกตามประเภท อาหารเพาะเล้ียงกวาง (ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ ) ขอ้ มลู ประเภทอาหาร จานวนผู้ประกอบการ (ราย) คา่ ร้อยละ พชื สด 7 35.0 หญา้ เนเปยี ร์ 7 35.0 หญา้ ขน 4 20.0 หญา้ แพงโกล่า 2 10.0 อ่ืนๆ เช่น กล้วย ใบกระถิน 20 100.0 รวม 1 10.0 2 20.0 พชื ตำกแหง้ 1 10.0 หญา้ แหง้ 2 20.0 ฟางข้าว 4 40.0 หญา้ หมกั 10 100.0 ข้าวโพด ไมใ่ ช้พชื ตากแหง้ 7 70.0 3 30.0 รวม 10 100.0 อำหำรสำเร็จรปู 2 20.0 อาหารขน้ (โคนม) 1 10.0 ไม่ใชอ้ าหารสาเรจ็ รปู รวม อำหำรผลิตเอง หญ้าหมัก เปลอื กขา้ วโพด

179 ไม่ผลิตอาหารเอง 7 70.0 รวม 10 100.0 การให้อาหารเสริมในการเพาะเล้ียงกวาง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ใช้อาหารเสริมประเภท ยอดไม้ ใบไม้ เช่น ใบกระถิน ฝักฉาฉา และผลไม้ เช่น กล้วย ผลไม้ในท้องถิ่นตามฤดูกาล ซึ่ง ผู้ประกอบการสามารถปลูกพืชอาหารเสริมได้เองในพื้นที่ แต่ไม่เพียงพอตลอดท้ังปี ทาให้ต้องจัดหา เพิ่มเตมิ จากแหลง่ ภายนอ ผ้ปู ระกอบการมีวิธีกำรใหอ้ ำหำรที่คล้ายคลึงกนั โดยจะให้อาหารประเภทพืชสด และพชื ตาก แห้ง เช่น หญ้าเนเปียร์ หญ้าขน หญ้าแพงโกล่า ใบกระถนิ หญ้าหมัก และฟางข้าว โดยจัดกองไว้บน พ้ืนดินหรอื ในตะแกรงยกสูงบรเิ วณคอกเล้ียง เพ่ือใหก้ วางสามารถแทะเล็มได้ตลอดทั้งวัน ส่วนอาหาร ข้น กล้วย ข้าวโพด และฝักฉาฉา จะใส่ในภาชนะวางเฉพาะเวลาให้อาหารเพียงวันละ 1 ม้ือเท่านั้น ปริมาณอาหารทกี่ วางกินต่อวัน จะอยู่ประมาณร้อยละ 10 ของน้าหนักตัว และต้องจดั หาน้าด่ืมไว้ให้ ในคอกเลี้ยง ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการ จะสร้างบ่อซีเมนต์หรือใช้ถังขนาดใหญ่ ความสูงไม่เกิน 50 เซนตเิ มตร บรรจนุ า้ ไวค้ อกๆละ 1-2 แหง่ โดยกวางจะมากม้ กินน้าท่เี ตรยี มไว้ ภำพที่ 15 สถานทีเ่ พาะเล้ยี งกวางและการให้อาหาร ท่ีมา : จากการสารวจ

180 ภำพท่ี 16 สถานทีแ่ ละการให้น้าดื่มสาหรบั กวาง ท่มี า : จากการสารวจ สว่ นท่ี 3 ขอ้ มูลปัญหำอุปสรรคในกำรจัดกำรด้ำนอำหำรเพำะเล้ยี งกวำงเชิงพำณิชย์ ผลการวิจัย ข้อมูลปัญหาอุปสรรคในการจัดการด้านอาหารเพาะเลี้ยงกวาง จาแนกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ปัญหำท่ีเกิดข้ึนจำกสภำพแวดล้อมภำยในองค์กร พบว่า ผู้ประกอบการ มีปัญหา ไดแ้ ก่ 1)พืน้ ทีก่ ารปลูกพืชอาหารสัตวไ์ ม่เพยี งพอต่อการเพาะเล้ียง 2)สภาพดินไม่เหมาะสมตอ่ การปลูก พืชอาหารสัตว์ 3)การขาดแคลนน้าในหน้าแล้ง ทาให้ไม่สามารถปลูกพืชอาหารสัตว์ได้ 4)สภาพภูมิ ประเทศไม่เหมาะสมกับการเพาะเล้ียงกวาง ทาให้กวางกินอาหารได้นอ้ ยและเกิดการเจ็บป่วย 5)ทาเล ท่ีต้ังฟาร์มอยู่ไกลจากแหล่งจาหน่ายอาหาร ทาให้ค่าขนส่งสูง 6)การขาดองค์ความรู้ท่ีถูกต้องในการ จดั การด้านอาหารเพาะเล้ยี งกวาง 7)การขาดสูตรอาหารทีเ่ หมาะสมในการเพาะเลี้ยงกวาง 8)การขาด เงินทุนในการผลติ อาหารสาเรจ็ รปู ใช้เอง และ9)การขาดเครื่องมอื เคร่อื งจกั รในการจดั การดา้ นอาหาร อปุ สรรคทเี่ กิดจำกสภำพแวดล้อมภำยนอกองค์กร พบว่า ผู้ประกอบการ มีอุปสรรค ได้แก่ 1)ขาดหนว่ ยงานภายนอกท่ีเข้ามาสง่ เสริมและสนบั สนุนการจดั การดา้ นอาหารเพาะเล้ียงกวาง 2)ราคา ค่าอาหารในท้องตลาดสูง 3)ขาดการรวมกลุ่มผู้เลี้ยงในภูมิภาค ทาให้ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง กนั และ4)ไม่มนี โยบายและการขับเคลอื่ นการส่งเสรมิ การเพาะเลีย้ งกวางเชงิ พาณิชยข์ องภาครัฐอยา่ ง จริงจัง ผลการวิจัย ข้อมูลวิธีกำรแก้ไขปัญหำอุปสรรค พบว่า ผู้ประกอบการใช้วิธีการลดต้นทุนใน การจดั การด้านอาหาร ได้แก่ 1)ทาการปรับปรุงสภาพดนิ ให้เหมาะสมกบั การปลูกพืชอาหารสัตว์ 2)ขุด แหล่งกักเก็บน้าในพ้ืนที่เพาะเล้ียง 3)การซ้ืออาหารในปรมิ าณมาก เพ่ือลดต้นทุนค่าขนส่งและต้นทุน

181 ต่อหน่วย 4)จัดซื้ออาหารในท้องถ่ินซึ่งมีราคาไม่สูงนัก มีทดแทนอาหารที่มีราคาสูง และ5)ศึกษาหา ความรใู้ นการจดั การด้านอาหารเพาะเลย้ี งกวางเพ่มิ เติม ผลการวิจัย การจัดการปัญหาของผู้ประกอบการ สามารถสรุปผลตามกระบวนการจัดการ PODC พบวา่ P : Planning (การวางแผน) ผู้ประกอบการส่วนใหญม่ ีการวางแผนการจัดหาอาหารเป็นราย ปี เพ่ือให้เพียงพอต่อการเพาะเลี้ยงกวางตลอดท้ังปี โดยวางแผนการปลูกพืชอาหาร เช่น หญ้า ข้าวโพด กล้วย โดยเฉพาะผู้ประกอบการท่ีมีพ้ืนที่สาหรับการปลูกหญ้า จะวางแผนการปลูกโดยแบ่ง พนื้ ทเ่ี ปน็ แปลงๆ และทยอยให้กวางเข้าไปกินหญ้าตามแปลงต่างๆ ที่กาหนดไว้ หมนุ เวียนกนั ไป และ วางแผนจัดซื้อหญ้าเพ่ิมเติมในช่วงหน้าแล้ง โดยใน 1 ปี จะจัดซื้อเพียง 1-2 คร้ัง ส่วนอาหารข้น จะ จัดซื้อจากร้านจาหนา่ ยอาหารสัตว์ ที่ใกล้ทีส่ ดุ ส่วนใหญอ่ ยู่ในเขตอาเภอหรอื จังหวัดทฟี่ ารม์ ตง้ั อยู่ โดย วางแผนจดั ซือ้ 1 คร้ัง ให้ได้อาหารสาหรับเพาะเลี้ยงประมาณ 3-4 เดือน เพ่ือลดต้นทุนค่าขนสง่ และ ลดต้นทนุ จากระดับราคาสินค้าที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการมีการวางแผนด้านการจัดหาเงนิ ทนุ สาหรับการ ซื้ออุปกรณ์ เคร่ืองจักร และที่ดินเพ่ิมเติมสาหรับการขยายพื้นที่เพาะเลี้ยงและพ้ืนท่ีปลูกพืชอาหาร โดยเป็นแผนระยะปานกลาง คือ แผน 3-5 ปี O : Organizing (การจัดองค์กร) เน่ืองจากการเพาะเล้ียงกวางในภาคกลาง ยังเป็นธุรกิจ ขนาดเล็ก ซ่ึงผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะดาเนินธุรกิจในรูปแบบเจ้าของคนเดียว และเป็นธุรกิจใน ครอบครัว ดังนั้น การจัดองค์กร จึงจัดตามความสามารถของสมาชิกในครอบครัว มีการแบ่งหน้าท่ี ความรบั ผิดชอบในงานดา้ นต่างๆ แต่ยังไม่มีการจัดเป็นโครงสรา้ งแผนกงานที่ชัดเจน ทาให้สมาชิกบาง คนรับงานในหลายหน้าที่ ซึ่งลักษณะการจัดองค์กรเช่นน้ี ก็จะมขี ้อดีในแง่ของสายการบังคับบัญชาที่ สั้น ทาให้เกิดความคล่องตัวในการดาเนินงาน ในส่วนของการจ้างแรงงาน ส่วนใหญ่จะจ้างแรงงาน ปฏิบัติงานในฟาร์มเพาะเลี้ยง ซ่ึงจะจัดคนเข้าทางานตามความรู้ความสามารถที่ปฏิบัติงานได้ โดย พนกั งานใหมจ่ ะไดร้ ับการสอนงานจากพนักงานเดมิ ซึ่งมีประสบการณ์ในการทางานมาก่อน การจดั หา แรงงานมักจะจัดหาจากคนในท้องถิ่น ทาให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนในเร่ืองท่ีพักอาศัยของ พนักงานได้ D : Directing (การอานวยการหรือการชนี้ า) ผู้ประกอบการ มีการติดต่อประสานงานภายใน องค์กรอย่างใกล้ชิด ทาให้ผู้บริหารทุกคนรับทราบข้อมูลท่ีถูกต้องตรงกัน มีการปรึกษาหารือ และมี ส่วนร่วมในการตดั สินใจดาเนินงาน ส่งผลให้องค์กรมีความเข้มแข็ง ในด้านการติดต่อประสานงานกับ องค์กรหรือหน่วยงานภายนอก ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ มีเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานทั้ง ภาครัฐและเอกชน มีพันธมิตรทางการค้า เช่น ผู้จาหน่ายปัจจัยการผลิต ผู้จาหน่ายสินค้า ผู้นาเข้า- สง่ ออกสินค้า เป็นต้น ซึง่ ถือเปน็ ปัจจัยสาคญั แหง่ ความสาเร็จในการประกอบการ