182 C : Controlling (การควบคมุ ติดตามผลการทางาน) ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ มีการควบคุม และติดตามผลการทางานอย่างสม่าเสมอ โดยใช้ข้อมูลจากผลการดาเนินงานในอดีต เป็นฐานในการ เปรียบเทียบ รวมท้ังผู้ประกอบการบางส่วน เร่ิมหนั มาใช้เทคโนโลยีในการบันทึก ประมวลผลข้อมูล และ การตดิ ตามการปฏิบตั งิ านของพนักงาน สว่ นที่ 4 กำรวเิ ครำะห์ SWOT โซอ่ ุปทานการผลติ อาหารกวางเชิงพาณชิ ย์ในประเทศไทย มีผลการวเิ คราะห์ SWOT ดังน้ี 4.1 จดุ แข็ง (Strengths) : S 1. ผมู้ สี ว่ นเก่ียวข้องในโซ่อปุ ทานมคี วามรู้ความชานาญ 2. สตู รอาหารไม่ยุง่ ยากซับซ้อน 3. การลงทุนในอปุ กรณผ์ ลิตอาหารต่า 4. วัตถุดบิ ในการผลิตอาหารหาไดง้ า่ ยในท้องถิ่น 5. ตน้ ทนุ ในการผลติ อาหารตา่ 6. มีการวางแผนการผลติ อาหาร 4.2 จดุ ออ่ น (Weaknesses) : W 1. ปรมิ าณความต้องการอาหารไมส่ งู 2. การปลกู พืชอาหารตอ้ งใช้ที่ดินจานวนมาก 3. การผลิตอาหารพชื สดต้องใชร้ ะยะเวลายาวนาน 4. ตน้ ทุนค่าขนสง่ สูง 5. ขาดแคลนแรงงานในท้องถนิ่ 6. การจาหนา่ ยยงั จากดั ในวงแคบ 7. สตู รอาหารไม่หลากหลาย 8. มปี จั จยั ภายนอกที่ควบคุมไมไ่ ด้มาก 4.3 โอกาส (Opportunities) : O 1. ผู้ประกอบการฟารม์ เพาะเล้ียงกวางเพม่ิ มากขึ้น 2. มกี ารทาสัญญารับซอ้ื ลว่ งหน้า 3. สามารถผลติ ในรูปของกลมุ่ /เครือขา่ ยได้ 4.4 อปุ สรรค (Threats) : T 1. มคี ่แู ขง่ จานวนมาก 2. ยังขาดการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง 3. เศรษฐกิจชะลอตวั ยอดจาหนา่ ยลดลง
183 4. ขาดการใช้เทคโนโลยีสาหรับการบริหารจดั การ 5. ขาดการดาเนินงานในรปู แบบเครอื ขา่ ยระดับภาค ส่วนท่ี 5 กำรวเิ ครำะห์เชิงกลยทุ ธด์ ว้ ย TOWS Matrix การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ดว้ ย TOWS Matrix หลังจากทีม่ กี ารประเมินสภาพแวดลอ้ ม โดยการ วิเคราะหใ์ ห้เหน็ ถึงจุดแข็ง จดุ อ่อน โอกาส และอปุ สรรค แล้วก็จะนาขอ้ มลู ทัง้ หมดมาวิเคราะห์ใน รูปแบบ ความสัมพนั ธแ์ บบแมตรกิ ซ์โดยใชต้ ารางท่ี เรียกว่า TOWS Matrix ซงึ่ ผลของการวิเคราะห์ ความสัมพนั ธใ์ นขอ้ มูลแต่ละคูด่ งั กล่าว ทาให้เกดิ ยุทธศาสตร์หรอื กลยุทธ์ ซึง่ สามารถ แบง่ ออกไดเ้ ป็น 4 ประเภท ดังน้ี 1. กลยุทธเ์ ชิงรุก (SO Strategy) เปน็ การใช้จดุ แข็งบนโอกาสทีม่ ไี ดม้ าจากการนาขอ้ มูลการ ประเมินสภาพแวดลอ้ มทีเ่ ป็นจุดแข็งและโอกาสมาพิจารณารว่ มกนั เพ่ือทจ่ี ะนามา กาหนดเปน็ ยุทธศาสตรห์ รือกลยุทธ์ในเชิงรกุ 2. กลยุทธ์เชิงป้องกัน (ST Strategy) เปน็ การใชจ้ ุดแขง็ ปอ้ งกันอุปสรรค ไดม้ าจากการ นาขอ้ มลู การประเมินสภาพแวดลอ้ มที่เปน็ จุดแขง็ และขอ้ จากัดมาพิจารณาร่วมกนั เพอ่ื ทจี่ ะนามากาหนดเป็นยุทธศาสตรห์ รือกลยุทธ์ในเชิงป้องกัน 3. กลยทุ ธเ์ ชงิ แก้ไข (WO Strategy) เป็นการขจดั จุดออ่ นโดยใชโ้ อกาส ไดม้ าจากการ นาข้อมูลการประเมนิ สภาพแวดล้อมท่ีเป็นจุดอ่อนและโอกาสมาพิจารณาร่วมกัน เพอื่ ท่ีจะนามากาหนดเป็นยทุ ธศาสตรห์ รอื กลยุทธ์ ในเชงิ แก้ไข 4. กลยุทธ์เชิงรับ (WT Strategy) เป็นการขจัดจุดออ่ นป้องกนั อปุ สรรค ได้มาจาก การนาขอ้ มลู การประเมนิ สภาพแวดล้อมที่เป็น จุดอ่อนและข้อจากดั มาพิจารณารว่ มกนั เพื่อที่จะนามากาหนดเป็นยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ในเชงิ รบั 5.1 กำรประเมนิ ปจั จยั ภำยใน และ ภำยนอก 5.1.1 กำรประเมนิ ปัจจัยภำยใน Internal Factor Evaluation (IFE) Matrix มีเกณฑ์ในการประเมิน ดังนี้ 1) ปัจจยั ภายในที่นามาใชใ้ นการประเมนิ คอื ผลจากการวเิ คราะห์ SWOT ในสว่ นของจดุ แข็ง และจดุ ออ่ น 2) ค่าน้าหนัก (Weight) เป็นการกาหนดชว่ งนา้ หนักของแต่ละปัจจยั ระหวา่ ง 0.0 ถึง 1.0 โดย ที่ คา่ นา้ หนกั 0.0 หมายถึง ไมม่ ีความสาคญั ส่วนค่านา้ หนกั 1.0 หมายถึง มีความสาคัญมากที่สุด และ คะแนนนา้ หนักรวมของทกุ ปจั จัยมคี ่าเท่ากบั 1.0 3) การประเมิน (Rating) ใช้เกณฑ์ 1 - 4 โดยที่ 1 คอื จดุ อ่อนหลกั 2 คอื จุดอ่อนรอง 3 คือ จุดแข็งรอง 4 คอื จดุ แข็งหลกั
184 4) คะแนนถว่ งนา้ หนกั (Weighted score) คา่ นา้ หนักของแตล่ ะปัจจยั จะแตกต่างกัน ขน้ึ อยู่กับตัวแปร โดยที่เม่อื ถ่วงน้าหนกั รวม การประเมนิ ปจั จัยภายใน (IFE Matrix) จะอยู่ ระหวา่ ง 1.0 - 4.0 คอื หากคะแนนรวมน้อยกว่า 2.5 แสดงว่าอยูใ่ นตาแหน่งจุดออ่ น และถ้า มากกว่า 2.5 แสดงวา่ อยใู่ นตาแหนง่ ทเ่ี ปน็ จุดแขง็ ตำรำงที่ 14 แสดงการประเมินปัจจยั ภายใน IFE Matrix ปัจจยั ภำยในที่สำคัญ น้ำหนัก กำร คะแนนถว่ ง ประเมิน น้ำหนัก จดุ แข็ง 0.10 1. ผูม้ สี ว่ นเกี่ยวข้องในโซ่อุปทานมีความรู้ความชานาญ 0.05 4 0.40 2. สตู รอาหารไม่ยุง่ ยากซบั ซอ้ น 0.05 3 0.15 3. การลงทุนในอปุ กรณ์ผลิตอาหารต่า 0.10 3 0.15 4. วตั ถดุ ิบในการผลติ อาหารหาได้งา่ ยในท้องถิน่ 0.10 4 0.40 5. ตน้ ทุนในการผลติ อาหารต่า 0.10 4 0.40 6. มกี ารวางแผนการผลิตอาหาร 3 0.30 0.10 จุดออ่ น 0.03 1 0.10 1. ปรมิ าณความตอ้ งการอาหารไมส่ งู 0.05 2 0.06 2. การปลกู พืชอาหารตอ้ งใชท้ ่ีดนิ จานวนมาก 0.08 2 0.10 3. การผลิตอาหารพชื สดต้องใชร้ ะยะเวลายาวนาน 0.05 1 0.08 4. ต้นทนุ ค่าขนส่งสูง 0.08 2 0.10 5. ขาดแคลนแรงงานในทอ้ งถิ่น 0.03 1 0.08 6. การจาหน่ายยังจากดั ในวงแคบ 0.08 2 0.06 7. สตู รอาหารไม่หลากหลาย 1.00 1 0.08 8. มีปัจจยั ภายนอกที่ควบคุมไม่ไดม้ าก 2.46 รวม
185 5.1.2 กำรประเมนิ ปจั จัยภำยนอก External Factor Evaluation (EFE) Matrix มีเกณฑใ์ นการประเมนิ ดังนี้ 1) ปัจจัยภายในท่ีนามาใชใ้ นการประเมิน คอื ผลจากการวเิ คราะห์ SWOT ในส่วนของโอกาส และอปุ สรรค 2) ค่าน้าหนัก (Weight) เป็นการกาหนดช่วงน้าหนักของแต่ละปจั จยั ระหวา่ ง 0.0 ถึง 1.0 โดย ที่ ค่าน้าหนัก 0.0 หมายถงึ ไมม่ คี วามสาคญั ส่วนคา่ นา้ หนัก 1.0 หมายถึง มคี วามสาคัญมากท่สี ุด และ คะแนนน้าหนักรวมของทกุ ปัจจยั มคี ่าเท่ากับ 1.0 3) การประเมิน (Rating) ใช้เกณฑ์ 1 - 4 โดยท่ี 1 คอื อปุ สรรคหลกั 2 คือ อุปสรรครอง 3 คือ โอกาสรอง 4 คือ โอกาสหลกั 4) คะแนนถ่วงนา้ หนัก (Weighted score) คา่ น้าหนกั ของแตล่ ะปัจจัยจะแตกตา่ งกันขน้ึ อยู่ กับตวั แปร โดยท่ีเมื่อถ่วงน้าหนกั รวม การประเมนิ ปจั จัยภายนอก (EFE Matrix) จะอยูร่ ะหวา่ ง 1.0 - 4.0 คอื หากคะแนนรวมนอ้ ยกวา่ 2.5 แสดงว่าอยู่ในตาแหน่งอุปสรรค และถ้ามากกวา่ 2.5 แสดงวา่ อยู่ ในตาแหนง่ ทเ่ี ปน็ โอกาส ตำรำงที่ 15 แสดงการประเมินปจั จยั ภายนอก EFE Matrix ปจั จัยภำยนอกที่สำคัญ นำ้ หนัก กำรประเมนิ คะแนน ถ่วงนำ้ หนกั โอกำส 0.25 4 1.00 1. ผูป้ ระกอบการฟารม์ เพาะเลีย้ งกวางเพมิ่ มากขนึ้ 0.15 4 0.60 2. มกี ารทาสญั ญารับซอื้ ลว่ งหน้า 0.10 3 0.30 3. สามารถผลิตในรูปของกลุม่ /เครือข่ายได้ 0.15 1 0.15 อุปสรรค 0.05 2 0.10 1. มีคู่แข่งจานวนมาก 2. ยังขาดการสนับสนุนจากภาครฐั อย่างจรงิ จัง
3. เศรษฐกจิ ชะลอตวั ยอดจาหนา่ ยลดลง 0.10 2 186 4. ขาดการใช้เทคโนโลยสี าหรับการบริหารจัดการ 0.15 1 5. ขาดการดาเนนิ งานในรูปแบบเครอื ข่ายระดบั ภาค 0.05 2 0.20 1.00 0.15 รวม 0.10 2.60 จากการประเมนิ ปัจจยั ภายใน (IFE Matrix) และปัจจัยภายนอก (EFE Matrix) สามารถทาการ วิเคราะห์ TOWS Matrix โดยมีแนวทางการจัดทากลยทุ ธ์ 4 รูปแบบ ไดด้ ังนี้ ผลการประเมินปัจจัยภายใน (IFE Matrix) ไดค้ ะแนนถ่วงนา้ หนกั = 2.46 อยู่ในส่วน ของ จุดอ่อน (W) ผลการประเมนิ ปจั จัยภายนอก (EFE Matrix) ไดค้ ะแนนถ่วงน้าหนกั = 2.60 อยู่ใน ส่วนของ โอกาส (O) การวเิ คราะห์กลยทุ ธโ์ ดยวิธี TOWS Matrix จงึ อยู่ในช่องกลยุทธ์ WO จุดออ่ นกบั โอกาส คอื กลยุทธ์เชงิ แก้ไข ตำรำงที่ 16 แสดงการวเิ คราะห์โดยใช้ TOWS Matrix จดุ แขง็ ภำยใน (S) จุดอ่อนภำยใน (W) S1. ผูม้ ีสว่ นเกยี่ วขอ้ งในโซ่อปุ ทานมีความรู้ W1. ปริมาณความตอ้ งการอาหารไมส่ งู ความชานาญ W2. การปลูกพชื อาหารตอ้ งใช้ทดี่ ิน S2. สตู รอาหารไม่ยุ่งยากซับซ้อน จานวนมาก S3. การลงทุนในอปุ กรณ์ผลิตอาหารต่า W3. การผลิตอาหารพชื สดต้องใช้ TOWS S4. วัตถดุ ิบในการผลิตอาหารหาได้งา่ ยใน ระยะเวลายาวนาน ทอ้ งถิน่ W4. ตน้ ทุนคา่ ขนสง่ สงู S5. ตน้ ทุนในการผลิตอาหารตา่ W5. ขาดแคลนแรงงานในทอ้ งถ่นิ S6. มีการวางแผนการผลิตอาหาร W6. การจาหน่ายยงั จากัดในวงแคบ โอกำสจำกภำยนอก (O) SO (กลยุทธ์เชิงรกุ ) W7. สตู รอาหารไมห่ ลากหลาย O1. ผูป้ ระกอบการฟาร์มเพาะเล้ยี งกวางเพม่ิ Aggressive Strategy มากขน้ึ W8. มีปัจจัยภายนอกทค่ี วบคมุ ไม่ได้ O2. มีการทาสญั ญารับซือ้ ล่วงหนา้ O3. สามารถผลิตในรูปของกล่มุ /เครอื ขา่ ยได้ มาก WO (กลยทุ ธเ์ ชิงแก้ไข) Turnaround Strategy คำ่ IFE Matrix = 2.46 ค่ำ EFE Matrix = 2.60 อุปสรรค (T) ST WT (กลยุทธเ์ ชิงป้องกนั ) (กลยทุ ธ์เชิงรบั ) T1. มคี ่แู ขง่ จานวนมาก
187 T2. ยงั ขาดการสนับสนนุ จากภาครัฐอย่าง Defensive Strategy Retrenchment Strategy จริงจัง T3. เศรษฐกิจชะลอตวั ยอดจาหนา่ ยลดลง T4. ขาดการใชเ้ ทคโนโลยสี าหรบั การบรหิ าร จัดการ T5. ขาดการดาเนินงานในรูปแบบเครือข่าย ระดบั ภาค สว่ นที่ 6 แนวทำงกำรปรบั ปรงุ หว่ งโซอ่ ุปทำนกำรเพำะเลีย้ งกวำงเชิงพำณิชย์ จากผลการวเิ คราะหเ์ ชิงกลยุทธ์ด้วย TOWS Matrix ของธุรกิจเพาะเล้ียงกวางเชิงพาณชิ ย์ใน ประเทศไทย อยู่ในช่องกลยทุ ธ์ WO จุดออ่ นกบั โอกาส คอื ควรใช้กลยทุ ธเ์ ชิงรบั แก้ไข สามารถอธิบาย รายละเอยี ด ไดด้ งั น้ี 6.1 กลยทุ ธเ์ ชิงรุก (Aggressive Strategy) เป็นการใช้จดุ แข็งบนโอกาสท่มี ี ไดม้ าจากการนา ข้อมูล การประเมนิ สภาพแวดล้อมท่ีเปน็ จุดแขง็ และโอกาส มาพจิ ารณารว่ มกนั เพื่อท่ีจะนามากาหนดเป็นกล ยทุ ธใ์ นเชิงรกุ ซง่ึ ยังไมเ่ หมาะสมกบั ธรุ กจิ ในขณะนี้ 6.2 กลยทุ ธ์เชงิ ป้องกนั (Defensive Strategy) เปน็ การใช้จุดแข็งป้องกันอปุ สรรค ได้มาจากการนา ขอ้ มลู การประเมินสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ปน็ จุดแขง็ และขอ้ จากดั มาพจิ ารณารว่ มกัน เพ่อื ทจ่ี ะนามา กาหนดเป็นกลยทุ ธใ์ นเชงิ ป้องกนั ซึ่งยงั ไมเ่ หมาะสมกบั ธุรกิจในขณะน้ี 6.3 กลยุทธเ์ ชงิ แก้ไข (Turnaround Strategy) เป็นการขจัดจุดอ่อนโดยใชโ้ อกาส ได้มาจากการนา ขอ้ มูลการประเมินสภาพแวดลอ้ ม ท่ีเปน็ จดุ ออ่ นและโอกาสมาพิจารณาร่วมกัน เพอื่ จะนามากาหนด เป็นกลยทุ ธใ์ นเชงิ แกไ้ ข เปน็ กลยุทธ์ทเ่ี หมาะสมกับกจิ การในขณะน้ี โดยทโี่ ซ่อปุ ทานควรใช้กลยุทธ์เชิง แก้ไข เปน็ การขจดั จดุ ออ่ นโดยใช้โอกาส ได้มาจากการนาข้อมูลการประเมนิ สภาพแวดล้อม ที่เปน็ จุดออ่ น และโอกาส มาพจิ ารณารว่ มกัน เพือ่ จะนามากาหนดเปน็ กลยุทธ์ในเชงิ แกไ้ ข ไดแ้ ก่ 1) ปจั จยั ในการพิจารณานามาสรา้ งเปน็ กลยทุ ธ์กำรลดตน้ ทนุ ไดแ้ ก่ W4. ตน้ ทนุ คา่ ขนส่งสงู W5. ขาดแคลนแรงงานในท้องถิ่น W8. มีปัจจัยภายนอกท่ีควบคุมไมไ่ ดม้ าก O1. ผปู้ ระกอบการฟารม์ เพาะเลย้ี งกวางเพมิ่ มากขึ้น O2. มีการทาสัญญารับซ้ือลว่ งหนา้ O3. สามารถผลติ ในรูปของกลมุ่ /เครอื ขา่ ยได้
188 2) ปัจจัยในการพิจารณานามาสรา้ งเป็น กลยุทธก์ ำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรผลิต ไดแ้ ก่ W2. การปลกู พชื อาหารตอ้ งใชท้ ี่ดนิ จานวนมาก W3. การผลิตอาหารพืชสดตอ้ งใช้ระยะเวลายาวนาน W7. สตู รอาหารไม่หลากหลาย W8. มปี จั จัยภายนอกท่ีควบคมุ ไม่ได้มาก O2. มีการทาสญั ญารบั ซ้ือลว่ งหน้า O3. สามารถผลิตในรูปของกลมุ่ /เครอื ขา่ ยได้ 3) ปัจจัยในการพิจารณานามาสรา้ งเป็น กลยทุ ธ์กำรประชำสัมพนั ธแ์ ละสง่ เสรมิ กำรตลำด ไดแ้ ก่ W1. ปริมาณความต้องการอาหารไม่สูง W6. การจาหน่ายยงั จากดั ในวงแคบ O1. ผูป้ ระกอบการฟาร์มเพาะเล้ียงกวางเพิ่มมากข้นึ O3. สามารถผลิตในรูปของกลุ่ม/เครอื ขา่ ยได้ 6.4 กลยุทธเ์ ชิงรบั (Retrenchment Strategy) เป็นการขจดั จุดออ่ นปอ้ งกันอปุ สรรค ไดม้ าจากการ นาข้อมลู การประเมนิ สภาพแวดลอ้ ม ท่ีเปน็ จุดอ่อนและอุปสรรค มาพิจารณารว่ มกัน เพอื่ ท่ีจะนามา กาหนดเปน็ กลยทุ ธ์ในเชิงรับ ซง่ึ ยงั ไมเ่ หมาะสมกับธรุ กิจในขณะน้ี สว่ นท่ี 7 แนวทำงในกำรจัดกำรดำ้ นอำหำรเพำะเล้ยี งกวำงเชิงพำณิชย์ การดาเนินการวิจัยในส่วนนี้ ดาเนินการโดยพิจารณาผลการวิจัยที่วิเคราะห์แล้ว ร่วมกับ ผูเ้ ชย่ี วชาญเพื่อสรุปเปน็ แนวทางในการจัดการด้านอาหารเพาะเลย้ี งกวางเชงิ พาณิชย์ ได้ดงั น้ี 1. ดาเนินการจัดตง้ั กลุม่ ผ้เู พาะเลย้ี งกวางเชงิ พาณชิ ย์ เพ่ือสร้างความเขม้ แข็งทั้งในดา้ นการ เพาะเล้ียงและการจัดการดา้ นอาหาร 2. ทาขอ้ ตกลงดา้ นการผลติ พืชอาหารระหวา่ งผู้ประกอบการกับเกษตรกรในพืน้ ที่ เพ่อื ลด คา่ ใช้จา่ ยในการขนสง่ และมปี รมิ าณอาหารท่เี พียงพอกบั ความต้องการในการเพาะเลีย้ ง 3. จดั ซือ้ อาหารขน้ ในนามกลุม่ ผู้เพาะเลี้ยงกวาง ซึง่ จะทาใหม้ ปี ริมาณการสั่งซ้ือสงู ขนึ้ ส่งผลให้ตน้ ทุนต่อหน่วยต่าลง 4. วิจัยและพฒั นาสตู รอาหาร เครอื่ งมือ เครอื่ งจักร ท่ีเกยี่ วข้องกบั การจดั การดา้ นอาหาร เพาะเล้ยี งกวาง โดยสามารถดาเนินการร่วมกบั หนว่ ยงานภาครฐั สถาบนั การศกึ ษาและ
189 หนว่ ยงานภาคเอกชน เพือ่ ให้เกิดการพฒั นาด้านการจัดการอาหารเพาะเล้ียงกวางอย่าง ครบวงจร 5. ปรับปรุงสภาพดนิ และภูมปิ ระเทศ เพ่ือให้เหมาะสมกับการปลกู พืชอาหารสัตวแ์ ละการ เพาะเลยี้ งกวาง โดยสามารถดาเนินการขอคาแนะนาได้จากหน่วยงานภาครัฐทเี่ กีย่ วขอ้ ง 6. จัดเตรยี มแหลง่ นา้ ให้เพยี งพอตอ่ การปลูกพืชอาหารสตั วแ์ ละการเพาะเล้ยี งกวาง โดยใน แตล่ ะพื้นทม่ี คี วามแตกต่างกนั จงึ ต้องเลือกดาเนนิ การใหเ้ หมาะสมในแต่ละพ้นื ที่ 7. ควรเสนอโครงการเก่ยี วกับการเพาะเลี้ยงกวางเชิงพาณชิ ยเ์ ข้าสหู่ น่วยงานระดบั จังหวัด ระดบั ภาคหรือระดบั ประเทศ เพ่อื ใหเ้ กิดการกาหนดนโยบายและการขบั เคล่อื นอยา่ งเป็น รูปธรรม
190 ผลกำรวิเครำะหข์ อ้ มูลโครงกำรยอ่ ยท่ี 2 กำรพฒั นำเครอ่ื งสบั หญำ้ ทส่ี ำมำรถควบคมุ ขนำดของหญ้ำอำหำรสัตวท์ ่มี ีต้นทุนกำรผลิตตำ่ จากผลการทดสอบเครื่องสับหญ้าการทดลองสับหญ้าทั้ง 3 ประเภท โดยเก็บค่าพลังงาน ไฟฟ้า ความคมของใบมีด และประเมินผลทางเศรฐศาสตรด์ ังตอ่ ไปนี้ รปู ที่ 4.1 วดั ความเรว็ รอบของเครอื่ งสับ รูปที่ 4.2 เตรียมหญ้าสาหรับการทดสอบ รูปท่ี 4.3 ทดสอบสับหญา้ แพงโกลา่ สาหรบั ผลิตอาหารกวาง
191 รปู ที่ 4.4 ตวั อยา่ งผลการสบั หญา้ 4.1.1 ผลกำรทดลองเครอื่ งสับหญำ้ การออกแบบการทดลองเคร่ืองสับหญ้าโดยทาการทดสอบกับวัสดุที่ทางกลุ่มสหกรณ์ฟาร์ม กวางใช้เป็นประจาคือ หญ้าเนเปียร์ใช้สาหรับเป็นอาหารสัตว์และผักตบชวาใช้สาหรับทาปุ๋ยหมัก ชีวภาพ จึงออกแบบทดสอบกับวัสดุ 3 ชนิด คือหญ้าเนเปียร์ ผักตบชวา และหญ้าแพงโกลา่ แหง้ เพื่อ ทดสอบกาลังการผลิตของวัสดุ (กิโลกรัม) เพื่อเปรียบเทียบกับความเร็วของลูกรีดสาหรับป้อนวัสดุ และการทดสอบตรวจวัดค่าแรงดันไฟฟ้าและค่ากระแสไฟฟ้า พบว่าแรงดันไฟฟ้าขณะทางานท่ี 231 โวลต์ (V) ค่ากระแสไฟฟา้ ท่ี 9.33 แอมป์ (A) ดังรูปท่ี 4.5 รูปท่ี 4.5 คา่ แรงดนั ไฟฟา้ และคา่ กระแสไฟฟา้ ขณะเครอื่ งสบั ทางาน จากการทดสอบตรวจวัดค่าพลังงานเคร่อื งสับ พบว่าการเคร่ืองสบั กาลังไฟฟ้า 0.77 กิโลวตั ต์ (kW) และพบว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าในช่วงเวลา 2 นาที เคร่ืองสับใช้พลังงานไป 27.6 วัตต์ชั่วโมง (Wh) ดังรูปท่ี 4.6
192 รูปท่ี 4.6 ค่ากาลังไฟฟ้าท่เี ครื่องสับและค่าพลังงานไฟฟ้าขณะเคร่ืองสับทางาน (ก) คมตัดกอ่ นใชง้ าน (ข) คมตัดของใบมีดหลงั ใชง้ าน รูปท่ี 4.7 ปลายคมตัดของใบตัดก่อนและหลงั การใชง้ าน จากการออกแบบ และสร้างชุดกลไกลบั ใบมีดสาหรับเคร่ืองสับเอนกประสงค์ เมื่อใบตัดจาก ทัง้ 4 ใบ หมดหรือใบตัดใบใดใบหน่ึงหมดอายุการใช้งาน โดยไม่สามารถตัดต้นตน้ หญ้าท่ีมีขนาดใหญ่ ได้ จะถูกนามาตรวจพินิจลักษณะของคมตัดที่เปล่ียนแปลงไปหลัง การใช้งาน โดยตัดเฉพาะบริเวณ ปลายคมตัด และ ถ่ายภาพคมตัดทเ่ี ปลี่ยนแปลงภายหลงั การใชง้ าน และวัดระยะการสูญเสยี คมตัด (T) รูปที่ 4.7(ก) - 4.7(ข) แสดงลักษณะของคมตัดทยี่ ังไมผ่ า่ นการใช้งานและลักษณะของคมตดั หลังการใช้ งานของใบตัดตามลาดับ เมอ่ื เปรียบภาพถา่ ยคมตดั กอ่ นและหลงั ใชง้ านพบว่า ใบตดั เกดิ การสญู เสียคม ตัด ใบตัด ระยะ T เท่ากบั 0.63 มิลลิเมตร จากผลการศึกษาระยะการสูญเสียคมตัดพบว่าใบตัด ที่มี มมุ คมตดั เรมิ่ ตน้ แคบมีความสามารถในการรบั แรงน้อยจึงมรี ะยะการสญู เสยี คมตัดสูงกว่า จากการทดสอบความเร็วของตวั ป้อนวัสดุ สาหรบั หญา้ เนเปียรท์ ่คี วามเร็วรอบท่ี 400 รอบต่อ นาที พบว่าปริมาณการสับหญ้าได้น้อยกว่าความเร็วรอบท่ี 600 รอบต่อนาที แต่ความเร็วรอบของ ใบมีดความเร็วรอบคงท่ี 1,100 รอบต่อนาที ดังตารางที่ 4.1 จากตารางท่ี 4.2 พบว่าวัสดุผักตบชวา สามารถสับได้ดีกว่าการสับหญ้าเนเปียร์ และความเร็วของลูกรีด เน่ืองจากผักชวาลาต้นสั้นและ ประกอบด้วยนา้ มากจงึ ทาการสับได้ปริมาณมาก
193 ตำรำงท่ี 4.1 ผลการทดสอบความเร็วรอบของลกู รดี สาหรบั ปอ้ นวสั ดุ (หญ้าเนเปยี ร)์ เวลาในการทดสอบ ความเรว็ ลกู รดี 400 รอบตอ่ นาที ความเร็วลกู รีด 600 รอบต่อนาที ปริมาณ (กโิ ลกรมั ) ปรมิ าณ (กิโลกรมั ) 1 นาที 3 นาที 4.8 7.2 5 นาที 14.2 19.7 7 นาที 23.6 34.8 9 นาที 34.7 47.5 44.2 66.3 ตำรำงที่ 4.2 ผลการทดสอบความเร็วรอบของลูกรดี สาหรับป้อนวัสดุ (ผักตบชวา) เวลาในการทดสอบ ความเร็วลกู รีด 400 รอบตอ่ นาที ความเรว็ ลูกรีด 600 รอบตอ่ นาที ปริมาณ (กิโลกรัม) ปริมาณ (กิโลกรมั ) 1 นาที 3 นาที 5.6 7.9 5 นาที 16.7 21.3 7 นาที 26.8 36.7 9 นาที 38.4 51.6 48.6 72.3 ผลจากการสับหญ้าแพงโกล่าสาหรับผลติ อาหารกวางพบว่า หญ้าแพงโกล่าแหง้ ท่ีนามาสบั มี ความเหนียวทาใหก้ ารสับไม่ค่อยขาดในครังเดียวจึงมกี ารทาซา้ และทดลองกบั ความเร็วรอบของ เครอ่ื งที่ 400 รอบตอ่ นาทีและความเรว็ รอบ 600 รอบตอ่ นาที ผลการทดลอง ดังตารางท่ี 4.3 ตำรำงท่ี 4.3 ผลการทดสอบความเร็วรอบของลกู รีดสาหรับปอ้ นวสั ดุ (หญา้ แพงโกลา่ แหง้ ) เวลาในการทดสอบ ความเร็วลูกรีด 400 รอบต่อนาที ความเรว็ ลกู รดี 600 รอบตอ่ นาที ปริมาณ (กโิ ลกรมั ) ปริมาณ (กิโลกรมั ) 1 นาที 3 นาที 0.92 1.35 5 นาที 2.78 4.56 7 นาที 4.63 7.82 9 นาที 6.48 10.27 8.34 13.05
194 4.1.2 กำรวเิ ครำะห์ผลดำ้ นตน้ ทุนทำงเศรษฐศำสตร์ การวิเคราะห์ต้นทุนในการออกกแบบสร้างเคร่ืองในเชิงเศรษฐศาสตร์วิศวกรรม สามารถ พิจารณาค่าใช้จ่ายในออกแบบการสร้างและการทางานของเครื่องโดยคานวณได้จากต้นทุนคงท่ี (Fixed Cost) และตน้ ทนุ แปรผัน (Variable Cost) ไดด้ งั น้ี 1) ตน้ ทนุ คงที่ (Fixed Cost) ประกอบดว้ ย 1.1) สมการค่าเส่ือมราคาต่อปี (Phibuly Yaemphuan, 2005) แบบ straight - line method คานวณไดจ้ ากสมการ DP (P S) (4) L ต้นทนุ ทรัพย์สนิ ( P ) = 15,600 บาท อายุการใช้งานของเครื่อง ( L ) 7 ปี และราคาซาก เครือ่ ง ( S ) เมอื่ ครบ 7 ปี เทา่ กับ 750 บาท ดังนั้น ค่าเสอ่ื มราคา = (15,600 - 750)/7 = 3,600 บาทต่อปี 1.2) คา่ ดอกเบย้ี หรอื คา่ เสยี โอกาส (Interest on Investment) ดังสมการตอ่ ไปนี้ ค่าดอกเบี้ย P S i 2 100 ในการคานวณเลือกใช้อัตราดอกเบ้ียของธนาคารพาณิชย์อัตราดอกเบี้ย ( i ) ร้อยละ 7.80 สามารถคานวณไดด้ ังน้ี 15, 600 750 7.80 2 100 = 637.65 บาทต่อปี ดงั นัน้ ตน้ ทนุ คงทต่ี ่อปี (Fixed Coast) = 3,600 + 637.65 = 4,237.65 บาท 2) ตน้ ทนุ แปรผัน (Variable Coast) ประกอบดว้ ยค่าบารุงรักษาและคา่ กระแสไฟฟ้าท่ใี ช้ตัด ไม่คดิ คา่ แรงงาน เนอื่ งจากสรา้ งเครือ่ งเพ่อื ทดแทนการใชเ้ ครอ่ื งสับท่ีใช้ต้นกาลังเปน็ เครื่องยนตแ์ ละ แกป้ ัญหาการสับปรมิ าณมาก ดังน้ี 2.1) ค่าบารุงรักษา (Repair and Maintenance) คิดเฉล่ยี ประมาณวนั ละ 25 บาท ต่อวัน ทางาน 30 วัน ค่าบารงุ รกั ษา เทา่ กับ 20 × 30 = 600 บาทตอ่ เดือน 2.2) ค่ากระแสไฟฟ้าท่ใี ช้สับเลือกความเร็วรอบ 1,100 รอบต่อนาที เครื่องสามารถ สบั หญา้ เนเปียร์ได้ประมาณ 450 กิโลกรัม/ชั่วโมง (kW/h) ใชพ้ ลังงานไฟฟา้ เทา่ กับ 0.7923 กิโลวัตต์ – ชั่วโมง (kWh) ดงั นนั้ พลังงาน
195 ไฟฟ้าที่ใช้สับ ค่าไฟฟ้าเท่ากับ 0.7923 × 4.45 = 3.53 บาท (ค่าไฟฟ้า มทร.ล้านนา พิษณุโลก คิด อัตรา 4.45 บาท/หน่วย) และค่าพลังงานไฟฟา้ 30 วนั วนั ละ 2 ชวั่ โมง ค่าไฟฟ้ารวมทั้ง หมดต่อเดอื น เทา่ กบั 3.53 × 30 × 2 = 211.8 บาท ดังนั้นค่าต้นทุนแปรผันทั้งหมดต่อเดือน เท่ากับ 600 + 211.8 = 811.8 บาท สามารถสับ หญ้าเนเปียร์ได้ทั้งหมดต่อเดือนเท่ากบั 27,000 กิโลกรัม ค่าใช้จ่ายแปรผันต่อปีทง้ั หมดเท่ากับ 811.8 × 12 = 9,741.2 บาทต่อปี 2.3) ต้นทุนดาเนินงานรวมทง้ั หมดต่อปี คือ ต้นทุนคงท่กี บั ต้นทุนแปรผนั เท่ากับ 4,237.65 + 9,741.6 = 13,979.35 บาท 2.4) ต้นทุนต่อหน่วยการผลิต เป็นการวิเคราะห์เพ่ือประกอบการตัดสินใจในการ เลือกกระบวนการผลิต เครอ่ื งทางานวันละ 2 ช่วั โมง ทางาน 1 ปี 365 วนั หรอื 730 ชว่ั โมง เครือ่ งสับ หญ้าได้ 450 กิโลกรัมต่อช่ัวโมง ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยเท่ากับ 13,979.35 / (730 × 450) = 0.35 บาท/กิโลกรัม ดังนั้นตน้ ทนุ การผลิตตอ่ หนว่ ยกิโลกรมั เท่ากบั 0.0426 บาท ดงั นน้ั จากผลการทดลองพบว่าแบ่งการทดสอบเปน็ 3 กรณี 1. การทดสอบสับหญา้ เนเปียร์ พบวา่ ปรมิ าณการสบั น้อยกวา่ 2. การทดสอบสับผักตบชวา เน่ืองจากการสับผักตบชวาการสับง่ายกว่า และผักตบชวามีลา ตน้ ทีส่ น้ั และเปาะมากกว่า ประกอบด้วยปริมาณนา้ มาก ทาใหป้ รมิ าณการสับได้มากวา่ 3. การทดสอบสับหญ้าแพงโกล่าพบว่าหญา้ แห้งมคี วามเหนยี ว ทาให้ใช้เวลามากกว่ากรณีสับ หญา้ เนเปยี ร์และผกั ตบชวา
196 4.2 กระบวนกำรอบแหง้ ลดควำมช้ืนของหญ้ำอำหำรสัตวด์ ้วยคลืน่ ไมโครเวฟร่วมกับระบบลมรอ้ น 4.2.1 ผลกำรออกแบบและสรำ้ งเครือ่ งอบไมโครเวฟรว่ มกับลมรอ้ นแบบสำยพำนลำเลียง เครื่องอบไมโครเวฟร่วมกบั ลมร้อนแบบสายพานลาเลียงอาศัยหลักการถ่ายเทความร้อน และ คลืน่ ไมโครเวฟ ซง่ึ กาหนดขนาดของเครอ่ื งกาเนดิ ความร้อน ความยาวทอ่ และวสั ดตุ า่ งๆ ทเ่ี กี่ยวกบั การ ถ่ายเทความร้อนและทฤษฎี กระบวนพลังงานในรูปความร้อนท่ีจะกาหนดขนาดของความร้อน โดย ต้นแบบเคร่ืองอบแห้งไมโครเวฟร่วมกับลมร้อน ประกอบดว้ ย 2 สว่ น ได้แก่ หอ้ งกาเนดิ ลมร้อน และ ห้องอบแหง้ แสดงเคร่ืองอบแหง้ ไมโครเวฟรว่ มกบั ลมร้อนแบบสายพานลาเลียง ดังรูปที่ 4.8 รูปที่ 4.8 เครอื่ งอบแห้งไมโครเวฟร่วมกบั ลมร้อนแบบสายพานลาเลียง 4.2.2 ผลกำรทดสอบกำรอบแห้งด้วยลมร้อน กำรอบแห้งด้วยไมโครเวฟ และกำรอบแห้งด้วย ไมโครเวฟร่วมกบั ลมร้อน ในงานวิจัยทดสอบอบหญ้าแพงโกล่า (พืชอาหารสัตว์) โดยนามาหั่นเป็นท่อนขนาด 1-2 น้ิว แบง่ การทดลองเป็น 3 กรณี ได้แก่ 1) ทดลองอบแห้งด้วยลมร้อน 2) ทดลองอบแหง้ ดว้ ยไมโครเวฟ 3) ทดลองอบแห้งด้วยไมโครเวฟรว่ มกับลมรอ้ น โดยใชอ้ ุณหภูมิลมร้อนท่ี 60, 70 และ 80 องศาเซยี ลเซียสกาลังไมโครเวฟที่ 300, 400, 500, 600, 700, และ 800 วัตต์ ระยะเวลาในการทดลอง 5, 10, 15, 20, 25 และ 30 นาที สายพานลาเลยี ง ความเร็ว 10 รอบต่อนาที และความเร็วลมร้อนท่ี 0.5 ±0.1 ms-1 ทาการเก็บข้อมูลการเปลี่ยนแปลง น้าหนกั ของหญ้าแพงโกล่าในระหวา่ งการอบแห้งโดยเก็บขอ้ มูลทกุ ๆ 5 นาที จนน้าหนกั ของหญ้าแพง
197 โกล่าเปล่ียนแปลง จานวนการทดลองในแต่ละกรณีแบ่งมีจานวนการทดลองดังน้ี การทดลองด้วย ไมโครเวฟท้ังหมด 36 กรณี ทดลองด้วยลมร้อนทั้งหมด 18 กรณี และการทดลองด้วยไมโครเวฟ ร่วมกับลมร้อนทั้งหมด 108 กรณี จากนั้นนาข้อมูลมาหาค่าความชื้นของหญ้าแพงโกล่า ด้วยค่า ความชืน้ มาตรฐานเปียก (Wet Basis) 1) ผลการทดสอบการอบแหง้ ด้วยลมรอ้ น การอบแห้งด้วยลมร้อน โดยมีเง่ือนไขต่างจากการอบแห้งด้วยคล่ืนไมโครเวฟที่ต้องใช้ กาลงั ไฟฟา้ 800 วัตต์ และเวลาทใี่ ชใ้ นการอบแหง้ ดว้ ยลมรอ้ นทาการทดลองอบแห้ง โดยมเี งือ่ นไขการ ทดลองไดแ้ ก่ - กาลงั ไฟฟา้ ทใ่ี ช้ในการอบแห้งคือ 800 วัตต์ (คงท่)ี - การอบแหง้ ด้วยลมรอ้ นโดยใช้ อณุ หภูมิลมร้อน 60, 70 และ 80 องศาเซลเซียส - ระยะเวลาทใ่ี ช้ในการอบแห้งคอื 5, 10, 15, 20, 25 และ 30 นาที โดยทาการศึกษาท้ังหมด 18 กรณี และวัดประสทิ ธิภาพการอบแหง้ ดว้ ยค่าความชน้ื มาตรฐาน เปียกแสดงผลการทดลอง ดงั นี้ ตำรำงท่ี 4.4 ผลการทดลองอบแห้งด้วยลมรอ้ นขนาด 800 วัตต์ ท่ี 60 องศาเซลเซียส นา้ หนกั (กรมั ) ความชื้นมาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาที) ก่อน หลัง 5 100 90 10 10 100 88 12 15 100 75 25 20 100 75 25 25 100 75 25 30 100 75 25 ตำรำงท่ี 4.5 ผลการทดลองอบแห้งด้วยลมรอ้ นขนาด 800 วตั ต์ ท่ี 70 องศาเซลเซียส นา้ หนัก (กรัม) ความชน้ื มาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาที) กอ่ น หลงั 5 100 89 11 10 100 85 15 15 100 75 25 20 100 75 25 25 100 74 26 30 100 70 30
198 ตำรำงท่ี 4.6 ผลการทดลองอบแหง้ ดว้ ยลมรอ้ นขนาด 800 วตั ต์ ท่ี 80 องศาเซลเซยี ส น้าหนกั (กรัม) ความช้นื มาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาท)ี กอ่ น หลงั 5 100 89 11 10 100 85 15 15 100 80 25 20 100 70 30 25 100 70 30 30 100 65 35 จากผลการอบแห้งพืชอาหารสัตว์ด้วยลมร้อนท่ีอุณหภูมิ 60, 70 และ 80 องศาเซลเซียส ระยะเวลาในการทดลอง 5, 10, 15, 20, 25 และ 30 นาที ทดสอบท้ังหมด 18 กรณี พบว่า ปริมาณ ความชื้นลดลงไปเพียงเล็กน้อย ปริมาณความชื้นท่ีหายไปมากที่สดุ อยู่ท่ีร้อยละ 35 มาตรฐานเปียกที่ อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส แสดงดงั รปู ที่ 4.9 จากผลการทดสอบหากต้องการอบแห้งด้วยลมร้อนจึง จาเป็นต้องใชเ้ วลามากข้ึน Maximum รูปท่ี 4.9 คา่ ความช้นื มาตรฐานเปยี กหลังการอบแหง้ ด้วยลมรอ้ น 2) ผลการทดสอบการอบแหง้ ดว้ ยคลน่ื ไมโครเวฟ การอบแห้งด้วยคล่ืนไมโครเวฟ มีปัจจยั ที่ใช้ในการทดลอง 2 ปจั จัย ได้แก่ ขนาดกาลังไฟฟา้ ท่ี ใชส้ รา้ งคลืน่ ไมโครเวฟ และเวลาทีใ่ ชใ้ นการอบแห้ง
199 - คลื่นไมโครเวฟขนาด 300, 400, 500, 600, 700 และ 800 วตั ต์ - ระยะเวลาทใ่ี ช้ในการอบแห้งคอื 5, 10, 15, 20, 25 และ 30 นาที โดยทาการศึกษาทั้งหมด 36 กรณี และวดั ประสิทธิภาพการอบแหง้ ด้วยค่าความช้ืนมาตรฐาน เปียก ดงั นี้ ตำรำงท่ี 4.7 ผลการทดลองอบแห้งด้วยคลืน่ ไมโครเวฟขนาด 300 วตั ต์ นา้ หนกั (กรมั ) ความชื้นมาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาท)ี ก่อน หลัง 5 100 70 30 10 100 55 45 15 100 30 70 20 100 25 75 25 100 20 80 30 100 20 80 ตำรำงที่ 4.8 ผลการทดลองอบแหง้ ดว้ ยคลื่นไมโครเวฟขนาด 400 วตั ต์ นา้ หนัก (กรมั ) ความชื้นมาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาท)ี ก่อน หลัง 5 100 70 30 10 100 35 65 15 100 30 70 20 100 25 75 25 100 20 80 30 100 18 82 ตำรำงท่ี 4.9 ผลการทดลองอบแห้งดว้ ยคล่ืนไมโครเวฟขนาด 500 วตั ต์ นา้ หนกั (กรัม) ความชนื้ มาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาท)ี ก่อน หลัง 5 100 65 35 10 100 35 65 15 100 30 70 20 100 25 75 25 100 20 80 30 100 18 82
200 ตำรำงที่ 4.10 ผลการทดลองอบแหง้ ด้วยคลน่ื ไมโครเวฟขนาด 600 วตั ต์ นา้ หนัก (กรมั ) ความช้ืนมาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาที) ก่อน หลงั 5 100 50 50 10 100 30 70 15 100 25 75 20 100 23 77 25 100 20 80 30 100 18 82 ตำรำงที่ 4.11 ผลการทดลองอบแหง้ ดว้ ยคลน่ื ไมโครเวฟขนาด 700 วัตต์ น้าหนัก (กรัม) ความชื้นมาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาท)ี กอ่ น หลัง 5 100 45 55 10 100 30 70 15 100 22 78 20 100 20 80 25 100 20 80 30 100 18 82 ตำรำงที่ 4.12 ผลการทดลองอบแห้งดว้ ยคลื่นไมโครเวฟขนาด 800 วัตต์ น้าหนัก (กรัม) ความชน้ื มาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาท)ี กอ่ น หลงั 5 100 35 65 10 100 25 75 15 100 20 80 20 100 18 82 25 100 18 82 30 100 15 85 จากผลการอบแห้งพืชอาหารสัตว์ด้วยคล่ืนไมโครเวฟท่ีกาลังไฟฟ้า 300, 400, 500, 600, 700 และ 800 วัตต์ ระยะเวลาในการทดลอง 5, 10, 15, 20, 25 และ 30 นาที ทดสอบทั้งหมด 36 กรณี พบว่า ระยะเวลาการทดลอง 5 – 15 นาที ปริมาณความชื้นและน้าหนักท่ีหายไปแปรผันตรง ตามเวลา และระยะเวลาการทดลอง 25 – 30 นาที ปริมาณความช้ืนและนา้ หนักมีค่าท่ใี กล้เคียงกันดัง แสดงในรูปท่ี 4.10 กาลงั ไฟฟ้า 600 วตั ต์ ระยะเวลา 10 นาที คา่ ความชนื้ ทห่ี ายไปเร่ิมเข้าสู่สภาวะคง ตัว และปริมาณความชื้นท่ีหายไปมากท่ีสุดอยู่ท่ีร้อยละ 85 มาตรฐานเปียก ที่กาลังไมโครเวฟ 800
201 วัตต์ ระยะเวลา 30 นาที แต่ตัวอย่างพืชอาหารสัตว์ท่ีผ่านการอบเกิดความเสียหาย เนื่องจากคลื่น ไมโครเวฟท่ีมีกาลังสูงน้ีจะไปทาปฏิกิริยากับโมเลกุลของน้าในพืชอาหารสัตว์ ทาให้ไม่สามารถคาย ความร้อนได้ทันเพราะได้รับความร้อนที่สูงตลอดเวลาจึงเกิดการสะสมความร้อนภายในทาให้พืช อาหารสัตว์เกิดความสญู เสียคณุ ภาพสี Linear Steady State 85 Maximum รูปท่ี 4.10 ค่าความชนื้ มาตรฐานเปียกหลงั การอบแหง้ ดว้ ยคลืน่ ไมโครเวฟ 3) ผลการทดสอบการอบแห้งด้วยไมโครเวฟร่วมกบั ลมร้อน การอบแหง้ ดว้ ยไมโครเวฟรว่ มลมร้อน มีเงื่อนการทดลองไดแ้ ก่ - คลื่นไมโครเวฟขนาด 300, 400, 500, 600, 700 และ 800 วัตต์ - การอบแห้งด้วยลมรอ้ นโดยใช้ อณุ หภมู ิลมร้อน 60, 70 และ 80 องศาเซลเซยี ส - ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการอบแห้งคือ 5, 10, 15, 20, 25 และ 30 นาที โดยทาการศึกษาท้ังหมด 108 กรณี และวัดประสิทธิภาพการอบแห้งด้วยค่าความชื้นมาตรฐานเปียก แสดงผลการทดลอง ดงั นี้
202 ตำรำงที่ 4.13 ผลการทดลองอบแห้งด้วยคลื่นไมโครเวฟขนาด 300 วัตต์ ท่ี 60 องศาเซลเซยี ส น้าหนัก (กรมั ) ความชื้นมาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาท)ี กอ่ น หลัง 5 100 72 28 10 100 45 55 15 100 30 70 20 100 25 75 25 100 20 80 30 100 17 83 ตำรำงที่ 4.14 ผลการทดลองอบแห้งด้วยคลน่ื ไมโครเวฟขนาด 300 วตั ต์ ท่ี 70 องศาเซลเซยี ส น้าหนกั (กรัม) ความชน้ื มาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาที) กอ่ น หลัง 5 100 70 30 10 100 45 55 15 100 30 70 20 100 25 75 25 100 12 88 30 100 10 90 ตำรำงท่ี 4.15 ผลการทดลองอบแหง้ ด้วยคลน่ื ไมโครเวฟขนาด 300 วตั ต์ ที่ 80 องศาเซลเซียส นา้ หนกั (กรัม) ความชื้นมาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาที) ก่อน หลัง 5 100 65 35 10 100 40 60 15 100 30 70 20 100 20 75 25 100 10 90 30 100 10 90
203 ตำรำงที่ 4.16 ผลการทดลองอบแห้งดว้ ยคลืน่ ไมโครเวฟขนาด 400 วตั ต์ ท่ี 60 องศาเซลเซียส นา้ หนัก (กรัม) ความชนื้ มาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาท)ี ก่อน หลัง 5 100 65 35 10 100 40 60 15 100 30 70 20 100 20 75 25 100 10 90 30 100 10 90 ตำรำงท่ี 4.17 ผลการทดลองอบแห้งดว้ ยคล่ืนไมโครเวฟขนาด 400 วตั ต์ ท่ี 70 องศาเซลเซียส นา้ หนกั (กรัม) ความชื้นมาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาที) กอ่ น หลัง 5 100 60 40 10 100 35 65 15 100 20 80 20 100 10 90 25 100 10 90 30 100 8 92 ตำรำงที่ 4.18 ผลการทดลองอบแหง้ ดว้ ยคลื่นไมโครเวฟขนาด 400 วัตต์ ที่ 80 องศาเซลเซียส นา้ หนัก (กรมั ) ความชื้นมาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาท)ี กอ่ น หลัง 5 100 55 45 10 100 30 70 15 100 12 88 20 100 10 90 25 100 10 90 30 100 8 92
204 ตำรำงที่ 4.19 ผลการทดลองอบแห้งดว้ ยคลน่ื ไมโครเวฟขนาด 500 วัตต์ ท่ี 60 องศาเซลเซยี ส นา้ หนกั (กรมั ) ความชื้นมาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาท)ี ก่อน หลงั 5 100 50 50 10 100 25 75 15 100 12 88 20 100 10 90 25 100 10 90 30 100 10 90 ตำรำงท่ี 4.20 ผลการทดลองอบแหง้ ด้วยคลน่ื ไมโครเวฟขนาด 500 วตั ต์ ท่ี 70 องศาเซลเซยี ส นา้ หนัก (กรมั ) ความช้นื มาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาที) ก่อน หลัง 5 100 50 50 10 100 25 75 15 100 10 90 20 100 10 90 25 100 10 90 30 100 8 92 ตำรำงที่ 4.21 ผลการทดลองอบแห้งด้วยคลื่นไมโครเวฟขนาด 500 วตั ต์ ที่ 80 องศาเซลเซยี ส น้าหนกั (กรัม) ความช้นื มาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาท)ี ก่อน หลัง 5 100 50 50 10 100 30 70 15 100 10 90 20 100 8 92 25 100 7 93 30 100 6 94
205 ตำรำงที่ 4.22 ผลการทดลองอบแหง้ ด้วยคลื่นไมโครเวฟขนาด 600 วัตต์ ท่ี 60 องศาเซลเซยี ส น้าหนกั (กรัม) ความช้ืนมาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาที) ก่อน หลงั 5 100 45 55 10 100 17 83 15 100 10 90 20 100 10 90 25 100 8 92 30 100 8 92 ตำรำงท่ี 4.23 ผลการทดลองอบแห้งด้วยคลน่ื ไมโครเวฟขนาด 600 วัตต์ ท่ี 70 องศาเซลเซียส น้าหนกั (กรัม) ความช้ืนมาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาที) ก่อน หลัง 5 100 40 60 10 100 17 83 15 100 7 93 20 100 5 95 25 100 5 95 30 100 5 95 ตำรำงที่ 4.24 ผลการทดลองอบแหง้ ดว้ ยคลนื่ ไมโครเวฟขนาด 600 วัตต์ ท่ี 80 องศาเซลเซียส น้าหนกั (กรมั ) ความชื้นมาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาท)ี ก่อน หลงั 5 100 40 60 10 100 16 84 15 100 5 95 20 100 5 95 25 100 5 95 30 100 5 95
206 ตำรำงที่ 4.25 ผลการทดลองอบแห้งดว้ ยคล่นื ไมโครเวฟขนาด 700 วัตต์ ที่ 60 องศาเซลเซยี ส น้าหนกั (กรัม) ความช้ืนมาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาที) กอ่ น หลงั 5 100 40 60 10 100 17 83 15 100 10 90 20 100 10 90 25 100 8 92 30 100 8 92 ตำรำงท่ี 4.26 ผลการทดลองอบแห้งด้วยคลนื่ ไมโครเวฟขนาด 700 วัตต์ ท่ี 70 องศาเซลเซยี ส น้าหนัก (กรัม) ความช้ืนมาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาท)ี กอ่ น หลัง 5 100 40 60 10 100 17 83 15 100 7 93 20 100 5 95 25 100 5 95 30 100 5 95 ตำรำงที่ 4.27 ผลการทดลองอบแห้งดว้ ยคลน่ื ไมโครเวฟขนาด 700 วัตต์ ท่ี 80 องศาเซลเซียส นา้ หนัก (กรัม) ความชื้นมาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาที) กอ่ น หลัง 5 100 40 60 10 100 16 84 15 100 5 95 20 100 5 95 25 100 5 95 30 100 5 95
207 ตำรำงที่ 4.28 ผลการทดลองอบแหง้ ดว้ ยคล่นื ไมโครเวฟขนาด 800 วัตต์ ที่ 60 องศาเซลเซยี ส นา้ หนกั (กรมั ) ความชืน้ มาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาท)ี ก่อน หลงั 5 100 40 60 10 100 12 88 15 100 5 95 20 100 5 95 25 100 5 95 30 100 5 95 ตำรำงท่ี 4.29 ผลการทดลองอบแหง้ ด้วยคลน่ื ไมโครเวฟขนาด 800 วัตต์ ที่ 70 องศาเซลเซยี ส นา้ หนัก (กรัม) ความช้ืนมาตรฐานเปยี ก (%) เวลา (นาท)ี กอ่ น หลงั 5 100 40 60 10 100 10 90 15 100 5 95 20 100 5 95 25 100 5 95 30 100 5 95 ตำรำงท่ี 4.30 ผลการทดลองอบแห้งด้วยคล่นื ไมโครเวฟขนาด 800 วตั ต์ ท่ี 80 องศาเซลเซยี ส น้าหนัก (กรมั ) ความชื้นมาตรฐานเปียก (%) เวลา (นาท)ี ก่อน หลัง 5 100 40 60 10 100 10 90 15 100 5 95 20 100 5 95 25 100 5 95 30 100 5 95 จากผลการอบแห้งพืชอาหารสัตว์ด้วยคล่นื ไมโครเวฟทก่ี าลงั ไฟฟา้ 300, 400, 500, 600, 700 และ 800 วัตต์ และลมร้อนท่ีอุณหภูมิ 60, 70 และ 80 องศาเซลเซียส ท้ังหมด 108 กรณี พบว่า สภาวะที่เหมาะสมสาหรับการอบหญ้าแพงโกล่า คือ กาลังไฟฟ้า 800 วัตต์ อุณหภูมิ 60 องศา เซลเซียส ระยะเวลา 10 นาที แสดงดังรูปท่ี 4.11 ความเร็วลมร้อนมีค่าเฉล่ีย 0.5 ±0.1 ms-1 มีอัตรา การสิ้นเปลืองพลังงานเพียง 2.13998 MJ/kg ซ่ึงปริมาณความชื้นที่หายไปมากที่สุดร้อยละ 88 มาตรฐานเปยี ก
208 Maximum 88 รปู ที่ 4.11 คา่ ความช้นื มาตรฐานเปยี กของการอบแห้งดว้ ยไมโครเวฟร่วมกับลมรอ้ น ผลการเปรียบเทียบการอบแห้งพืชอาหารสัตว์ด้วยการอบแห้งด้วยลมร้อน การอบแห้งด้วย ไมโครเวฟ และการอบแห้งด้วยไมโครเวฟร่วมกับลมร้อน เมื่อพิจารณาความเหมาะสมของของ กาลังไฟฟ้าของไมโครเวฟ อุณหภูมิลมร้อนและระยะเวลาการอบแห้ง พบว่า กาลังไฟฟ้า 300 วัตต์ อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 25 นาที, กาลังไฟฟ้า 400 วัตต์ อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 15 นาที กาลังไฟฟ้า 500 วัตต์ อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 15 นาที และ กาลังไฟฟ้า 800 วัตต์ อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 10 นาที สามารถลดความชื้นได้รอ้ ยละ 88 มาตรฐานเปียก ดังแสดงในตารางที่ 4.31 ซึ่งสภาวะท่ีเหมาะสมของการอบแห้งหญ้าแพงโกลา่ คือ กาลังไฟฟ้าเท่ากับ 800 วตั ต์ อุณหภมู ิลมรอ้ นเท่ากับ 60 องศาเซยี ลเซียส ระยะเวลาการอบแห้งด้วย สายพานลาเลยี ง 12 นาที ซ่งึ มีอัตราการส้ินเปลอื งพลงั งานเพยี ง 2.13998 MJ/kg ตำรำงท่ี 4.31 ผลการเปรยี บเทียบค่าทเ่ี หมาะสมในการอบแห้งพืชอาหารสตั ว์ อณุ หภูมิ กำลงั ไฟฟ้ำ เวลำ ควำมชื้น อตั รำกำรส้ินเปลือง (°C) (W) (m) มำตรฐำนเปียก พลังงำน (%) (MJ/kg) 60 500 15 88 3.1968 800 10 2.1399 70 300 25 88 3.3192 80 400 15 88 3.1968
209 ดงั น้ันการประยุกต์ใช้เคร่ืองอบแห้งด้วยไมโครเวฟร่วมกับลมร้อนแบบสายพานลาเลียง ซึ่งใช้ ต้นแบบเครือ่ งอบแห้งไมโครเวฟร่วมกับลมร้อน และใช้พืชอาหารสัตว์เปน็ กรณศี ึกษา แบง่ การทดลอง ออกเป็น 3 กรณี ได้แก่ การอบแห้งด้วยลมร้อน การอบแห้งด้วยไมโครเวฟ และการอบแห้งด้วย ไมโครเวฟร่วมกับลมร้อน ผลการทดสอบ พบว่า การอบแห้งด้วยไมโครเวฟ เม่ือมีการใช้กาลังไฟที่ สูงข้ึนทาให้เกิดความร้อนสะสมในตัวอย่างพืชอาหารสัตว์จึงทาให้เกิดความเสียหายและมีรอยไหม้ และการอบแห้งด้วยลมร้อน การอบแห้งด้วยระยะเวลาท่ีกาหนดปรมิ าณความช้ืนของพืชอาหารสัตว์ ลดลงไดเ้ พียงเล็กน้อยเทา่ นั้นซ่ึงทาให้อายุการเก็บรักษาสั้นลง ดังนน้ั การประยุกต์ใช้การอบแห้งด้วย ไมโครเวฟรว่ มกับลมรอ้ นสาหรับพืชอาหารสัตวจ์ ึงสามารถลดความชน้ื ไดเ้ หมาะสมท่สี ดุ โดยมีสภาวะที่ เหมาะสมสาหรบั การอบแหง้ คอื กาลงั ไฟฟ้า 800 วัตต์ อณุ หภูมลิ มร้อน 60 องศาเซลเซยี ส ระยะเวลา สายพานลาเลียง 12 นาที ซ่งึ สามารถลดความช้นื ได้รอ้ ยละ 88 มาตรฐานเปียก (ค่าทเ่ี หมาะสมสาหรับ พืชอาหารสัตว์แห้ง) และมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานเพียง 2.13998 MJ/kg จึงสามารถสรุปได้การ ประยกุ ต์ใช้การอบแห้งดว้ ยไมโครเวฟรว่ มกบั ลมรอ้ นเป็นวธิ ีการท่ีมีประสิทธภิ าพสามารถลดระยะเวลา ในการอบแหง้ ได้ และเหมาะสมกบั กลมุ่ เกษตรกร สหกรณ์ และวิสาหกจิ ชมุ ชน 4.2.3 ผลกำรทดสอบคุณภำพพืชอำหำรสัตว์หลังกระบวนกำรอบแห้งด้วยไมโครเวฟร่วมกับลม ร้อน ผลการทดสอบคุณภาพพืชอาหารสัตว์ณ ด้วยวิธี Association of Official Analytical Chemists (AOAC) เป็นวิธีมาตรฐานสาหรบัการวิเคราะห์ตัวอย่างเป็นอาหาร ยา เคร่ืองสาอาง เคมีภณัฑท์ ่ีใชท้ างการเกษตร ซ่ีงทาการวเิ คราะหท์ ดสอบค่าดงั นี้ ความชืน้ (%) ด้วยวิธี AOAC Official Method of Analysis, 21st ed., 2019, method 930.15 โปรตีน (%) ด้ ว ย วิ ธี In house method on AOAC Official Method of Analysis, 21st ed., 2019, method 2001.11 ADF (%) ด้วยวธิ ี AOAC Official Method 973.18, 2016 ซ่งึ ได้ผลการทดสอบ ดงั ตารางที่ 4.32 ตำรำงท่ี 4.32 ผลการตรวจวเิ คราะห์ทดสอบการอบแหง้ ดว้ ยไมโครเวฟรว่ มกับลมรอ้ น กำรทดสอบ ครัง้ ที่ 1 คร้ังที่ 2 ครง้ั ท่ี 3 ครัง้ ที่ 4 ครัง้ ที่ 5 คำ่ เฉลีย่ ค่ำ มำตรฐำน ความช้ืน (%) 5.36 5.35 6.71 6.73 7.23 6.27 <15% โปรตีน (%) 13.27 13.28 13.79 13.92 14.05 13.66 >13% ADF (%) 40.29 41.16 40.53 41.39 39.13 40.50 >35%
210 จากผลการทดสอบ พบว่า หญ้าแพงโกล่าที่ผ่านกระบวนการอบด้วยวิธีการอบแห้งด้วยลม ร้อนร่วมกับไมโครเวฟมีร้อยละค่าความชื้นอยู่ในมาตรฐานหญ้าแพงโกล่าแห้ง (ความช้ืนน้อยกว่า 15%) ซ่ึงมีค่าเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 6.27 มีค่าร้อยละของโปรตีนอยู่ในมาตรฐานหญ้าแพงโกล่าแห้ง (โปรตีนมากกว่า 13%) ซึ่งมีคา่ เฉลี่ยเทา่ กบั รอ้ ยละ 13.66 และ มคี ่าร้อยละของ ADF อยใู่ นมาตรฐาน หญ้าแพงโกล่าแห้ง (ADF มากกว่า 35%) ซ่งึ มคี ่าเฉลยี่ เทา่ กับร้อยละ 40.50 4.3 กระบวนกำรผลติ หญ้ำเพ่ืออำหำรสตั วโ์ ดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยพี ลำสมำเพ่อื ยกระดบั คุณภำพ และควำมปลอดภัย เครอ่ื งสร้างพลาสมาสาหรบั ฆ่าเชื้อในอาหารเลี้ยงกวาง ทางคณะดาเนนิ การไดแ้ บ่งการศึกษา ออกเป็น 2 สว่ น ประกอบด้วย การทดสอบด้านไฟฟ้า และการทดสอบความสามารถของพลาสมาต่อ การฆา่ เช้ือโรคทางจุลชีววทิ ยา ดังน้ี 4.3.1 กำรศกึ ษำทำงดำ้ นไฟฟ้ำ ในการศกึ ษาขอ้ มูลทางดา้ นไฟฟา้ ทางคณะได้แบ่งลาดับขน้ั การศกึ ษา ได้เป็น 1) การทดสอบความสามารถของเครือ่ งทางไฟฟา้ คณะผดู้ าเนินงานได้ทาการทดสอบเครื่องต้นแบบ เพ่อื ใหท้ ราบคุณลักษณะองคป์ ระกอบ ไฟฟา้ ในการสรา้ งพลาสมาของตวั เครอ่ื ง เพื่อนาไปกาหนดค่าสาหรับการทดสอบ รปู ที่ 4.12 การทดสอบดว้ ยมัลตเิ ตอร์ผ่านโพรบลดทอน 1,000:1
211 รปู ที่ 4.13 การทดสอบแรงดนั ไฟฟา้ ดา้ นออกคา่ ยอดด้วย Oscilloscope ผ่านโพรบลดทอน 1,000:1 รปู ที่ 4.14 การทดสอบความถี่สญั ญาณไฟฟ้าด้านออกด้วย Oscilloscope ผ่านโพรบลดทอน 1000:1
212 ในการทดสอบข้อมูลทางไฟฟ้าทางคณะได้มีการปรับเพ่ิมแรงดันป้อนขาเข้าชุดสร้างพลาสมาทีละ 10 V เพ่ือสงั เกตการณเ์ กิดพลาสมาพบว่าระดับแรงดันไฟฟ้าท่ีสามารถสงั เกตเหน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจนจากเสยี ง กล่ินโอโซน และแสงพลาสมาที่บริเวณแผ่นระนาบ(สาหรับท่ีได้ออกแบบไว้ที่ขนาด 5x10 cm) เริ่มที่ แรงดันป้อนเข้าประมาณ 100 V จึงได้กาหนดแนวทางเบื้องต้นในการทดสอบโดยการเร่ิมท่ีระดับ แรงดัน 100 V จนถึงระดับแรงดันสูงสุด ณ. ห้องปฏิบัติการ ประมาณ 250 V เพื่อให้สอดคล้องกับ จุดหมายปลายทางท่ีจะนาเครื่องไปใช้ทีแ่ รงดันไฟฟ้าของการไฟฟ้าปกติ ผลที่ได้ตามรูปท่ี 4.12 แสดงให้เหน็ ถึงความสัมพันธ์ของแรงดนั ไฟฟ้าด้านเข้าในช่วง 100-250 V พบว่าเม่ือทาการลดทอนด้วยโพรบ 1000:1 แรงดันถูกตรวจวัดค่าได้ด้วยมัลติมิเตอร์ในรูปแบบ Root Mean Square หรือ RMS จะได้แรงดันสงู ดา้ นออกอยใู่ นช่วง 1,743 – 5,273 Vrms ผลท่ีไดต้ ามรูปที่ 4.13 แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของแรงดันไฟฟ้าด้านเข้าในช่วง 100-250 V พบว่าเมื่อทาการลดทอนด้วยโพรบ 1000:1 แรงดันถูกตรวจวัดค่าได้ด้วย Oscilloscope ในรูปแบบค่า ยอดหรือค่าสูงสุดใน 1 คาบเวลาของลูกคล่ืน จะได้แรงดันไฟสูงด้านออกอยู่ในช่วง 11,300 – 29,700 Vpeak ผลทีไ่ ด้ตามรูปท่ี 4.14 เป็นการแสดงค่าการตรวจวัดความถ่สี ญั ญาณไฟฟ้า ณ. เวลาทตี่ รวจวัด แรงดันทท่ี าให้เกดิ พลาสมา โดยมคี ่าอยใู่ นชว่ ง 5,257 – 5,315 Hz ในการทดลองนี้จะจาเปน็ ต้องอาศัยการสุ่มตรวจวัดค่าหลายค่าเพื่อใช้ค่าเฉลี่ยโดยประมาณการ เน่ืองจากการสร้างพลาสมาของเครื่องเป็นการอาศัยการสร้างแรงดันไฟสูงในเชิง Oscillation ของ อปุ กรณ์ L-C ภายในวงจร ทาให้มอี งค์ประกอบพารามิเตอร์ทเี่ กี่ยวข้องสามารถเปล่ยี นแปลงคอ่ นข้างมาก และยงั มีผลตอ่ การรูปร่างสัญญาณทอี่ าจไม่เปน็ ลกู คลนื่ สัญญาณ Sine Wave 2) การทดสอบความสามารถของเครื่องทางดา้ นพลาสมา คณะผู้ดาเนินงานได้ทาการทดสอบเครื่องตน้ แบบ เพ่ือให้ทราบคุณลกั ษณะองค์ประกอบพลาสมา ทสี่ รา้ งจากเคร่ือง เพื่อนาไปประเมนิ ความเปน็ ไปได้ในความเป็นคณุ ลักษณะทเ่ี รียกว่า พลาสมาเย็น หรือ Cold Plasma ทที่ างวิชาการนามาประยกุ ต์ใช้ทางอุตสาหกรรมโภชนาการต่างๆ ซึ่งไม่ควรสงู เกนิ กวา่ 40C จากรูปที่ 4.15 แสดงใหเ้ ห็นผลการตรวจวัดค่าอุณหภมู ิของบริเวณการเกดิ พลาสมา จากการ ป้อนค่าแรงดันไฟฟ้าทีละ 20 V ตั้งแต่ 100-240 V พบว่าค่าอยู่ในช่วง 31.2 – 40.4C โดยค่า อุณหภูมิ 40.4C ถูกตรวจวัดค่าเฉล่ียได้ท่ีแรงดันป้อน 240 V มีค่าสูงเกิน 40C ที่ได้กาหนดไว้ เล็กน้อยทางคณะดาเนินงานจึงเห็นว่าเคร่ืองสร้างพลาสมาต้นแบบที่สร้างขึ้นสาหรับท่ีแรงดันไฟฟ้า ของระบบการไฟฟ้าสามารถนามาใช้ได้โดยไม่มีผลต่อคุณลักษณะทางกายภาพและอาจกระทบต่อ สารอาหารทม่ี อี ยู่ ดังนั้นจึงสรปุ ไดว้ ่าการทดลองหาคณุ ลกั ษณะทางไฟฟ้าของเครอื่ งสร้างพลาสมาที่ได้ สามารถ นามาประยกุ ตใ์ ช้กับระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟส (ในช่วง 0-220 V 10% ได้ และสามารถสรา้ งพลาสมา ในรูปแบบ Cold Plasma ได้
213 (ก) VInput เท่ากบั 100 โวลท์ (ข) VInput เท่ากบั 120 โวลท์ (ค) VInput เทา่ กบั 140 โวลท์ (ง) VInput เทา่ กับ 160 โวลท์ (จ) VInput เท่ากบั 180 โวลท์ (ฉ) VInput เทา่ กับ 200 โวลท์ (ช) VInput เท่ากับ 220 โวลท์ (ซ) VInput เท่ากับ 240 โวลท์ รูปที่ 4.15 ผลการตรวจวัดแรงดันไฟฟ้าและความถี่ของสญั ญาณท่ีบริเวณแผน่ อิเล็กโทรดระนาบ
214 4.3.2 กำรทดสอบควำมสำมำรถของพลำสมำที่มตี ่อกำรกำจัดเช้ือโรค E. coli และ Salmonella ทางคณะได้ดาเนินการนาเคร่ืองท่ีสร้างขึ้นทาการทดสอบกับเชื้อ 2 ตัวท่ีสามารถพบได้ใน อาหารสาหรับเลี้ยงสัตว์ เพื่อศึกษาผลของพลาสมาให้ผลอย่างไร โดยแบ่งการศึกษาออกเป็น ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัว ประกอบด้วย เวลา ระดับแรงดันท่ีสร้างพลาสมา และระยะห่าง ระหว่างพลาสมากบั เชือ้ โรค 1) การทดสอบหาความสามารถของเครือ่ งสาหรบั การทดสอบกับเช้อื E. Coli คณะดาเนินการได้แบ่งระยะเวลาในการให้พลาสมาออกเป็น 1, 2, 3, 4, 5 นาที ท่ีแรงดัน ป้อน 150, 175, 200, 220 และ 240 ผลที่ได้แสดงตามรูปที่ 4.16 - 4.20 ตามลาดับ และตารางท่ี 4.33 รปู ที่ 4.16 ผลการลดลงของเชือ้ E. Coli ต่อการให้พลาสมาเป็นเวลา 1 นาที
215 รูปที่ 4.17 ผลการลดลงของเชือ้ E. Coli ตอ่ การใหพ้ ลาสมาเปน็ เวลา 2 นาที รปู ที่ 4.18 ผลการลดลงของเช้อื E. Coli ตอ่ การให้พลาสมาเปน็ เวลา 3 นาที
216 รูปที่ 4.19 ผลการลดลงของเชือ้ E. Coli ตอ่ การใหพ้ ลาสมาเปน็ เวลา 4 นาที รปู ที่ 4.20 ผลการลดลงของเช้อื E. Coli ตอ่ การให้พลาสมาเปน็ เวลา 5 นาที
217 ตำรำงท่ี 4.33 คา่ เฉลี่ยการลดลงของเชอ้ื E. Coli. จากการทดสอบทเ่ี วลา 1-5 นาที ระยะเวลาการ การลดลงของเชอื้ (%) ให้พลาสมา ระยะหา่ ง (cm) ค่าเฉลยี่ หมายเหตุ (นาท)ี 1 23 ค่าท่มี ากที่สดุ อยู่ท่ี แรงดัน 250 V 1 20.29 -2.19 7.53 8.55 ระยะ 1 cm (31.39%) คา่ ท่ีมากท่ีสุดอยู่ท่ี แรงดัน 150 V 2 31.91 13.83 12.22 19.32 ระยะ 1 cm (52.65%) ค่าทม่ี ากที่สดุ อยู่ที่ แรงดนั 225 V 3 17.96 14.30 13.42 15.23 ระยะ 1 cm (26.82%) ค่าท่มี ากที่สดุ อยู่ท่ี แรงดนั 225 V 4 23.85 11.76 12.03 15.88 ระยะ 1 cm (36.60%) ค่าทม่ี ากทีส่ ดุ อยู่ท่ี แรงดนั 200 V 5 25.42 16.57 11.05 17.68 ระยะ 1 cm (37.96%) ค่าสงู สดุ 31.91 16.57 13.42 - ทีร่ ะยะหา่ ง 1 cm มคี ่าลดลงของเช้ือ โรค E. Coli สูงสุด ค่าเฉลยี่ 23.87 10.85 11.25 ทีร่ ะยะห่าง 1 cm มคี ่าเฉลี่ยลดลงของ เช้อื โรค E. Coli สูงสุด หมำยเหตุ ข้อมลู บางชุดยังมคี า่ ผิดพลาดอันอาจเกิดจากสิ่งปนเปอ้ื นในระหว่างการทดลองและเก็บผลซงึ่ ทาให้คา่ ทไี่ ด้มีคา่ เปน็ ลบ จากผลการทดสอบการให้พลาสมาสาหรับเช้ือ E. Coli พบว่าการตอบสนองของพลาสมาต่อ การลดลงมคี ่าไม่แน่นอนเน่ืองจากมีโอกาสเกิดการปนเปื้อนหรือเกดิ ความผิดพลาดไดง้ ่ายในการทดสอบ ทางจุลชีววิทยาซ่ึงคณะผู้ดาเนินการได้ให้ความสาคัญอย่างสูงสุดแล้วน้ัน หากพิจารณาในภาพรวมของ ตารางท่ี 4.33 พบวา่ ท่รี ะยะห่าง (Gap Distance) 1 cm มแี นวโน้มใหค้ ่าเฉลย่ี ที่ดีทีส่ ดุ ในระดบั แรงดัน ปอ้ นเข้าทีม่ ีสมรรถนะทดี่ ีพบว่าค่าสูงสุดเกิดซ้าที่ 250 V แต่ท้ังน้ีอาจต้องมีการทดสอบซ้าเพ่ิมเติมเนอ่ื งจาก ผลของอุณหภูมิอาจสูงเกินกว่า 40 C (อาจต้องปรับมาทดสอบซ้าเพิ่มที่ประมาณ 240 V) สาหรับ ระยะเวลาในการใหพ้ ลาสมาทีม่ ีผลเฉลีย่ ดที ี่สดุ อยูท่ ่ี 2 นาที
218 2) การทดสอบหาความสามารถของเครื่องสาหรบั การทดสอบกบั เชือ้ Salmonella คณะดาเนินการได้แบ่งระยะเวลาในการให้พลาสมาออกเป็น 1, 2, 3, 4, 5 นาที ท่ีแรงดัน ป้อน 150, 175, 200, 220 และ 240 ผลที่ได้แสดงตามรูปท่ี 4.21 - 4.25 ตามลาดับ และตารางท่ี 4.34 รูปท่ี 4.21 ผลการลดลงของเชอื้ Salmonella ตอ่ การใหพ้ ลาสมาเปน็ เวลา 1 นาที
219 รูปท่ี 4.22 ผลการลดลงของเชือ้ Salmonella ต่อการใหพ้ ลาสมาเปน็ เวลา 2 นาที รปู ที่ 4.23 ผลการลดลงของเช้ือ Salmonella ตอ่ การให้พลาสมาเปน็ เวลา 3 นาที
220 รูปท่ี 4.24 ผลการลดลงของเชือ้ Salmonella ต่อการใหพ้ ลาสมาเปน็ เวลา 4 นาที รปู ที่ 4.25 ผลการลดลงของเช้ือ Salmonella ตอ่ การให้พลาสมาเปน็ เวลา 5 นาที
221 ตำรำงที่ 4.34 คา่ เฉลย่ี การลดลงของเชอ้ื Salmonella .จากการทดสอบท่ีเวลา 1-5 นาที ระยะเวลาการ การลดลงของเชอ้ื (%) ใหพ้ ลาสมา ระยะหา่ ง (cm) ค่าเฉลย่ี หมายเหตุ (นาที) 1 23 คา่ ที่มากทสี่ ุดอยู่ท่ี แรงดัน 150 V 1 5.05 9.97 1.51 5.51 ระยะ 2 cm (18.59%) คา่ ทม่ี ากท่ีสดุ อยู่ท่ี แรงดนั 150 V 2 26.29 14.59 1.00 13.96 ระยะ 1 cm (43.28%) คา่ ท่มี ากทีส่ ดุ อยู่ที่ แรงดนั 150 V 3 26.32 7.45 6.79 13.52 ระยะ 1 cm (34.18%) ค่าทม่ี ากทีส่ ดุ อยู่ท่ี แรงดัน 175 V 4 23.37 20.12 10.96 18.15 ระยะ 2 cm (39.91%) คา่ ทีม่ ากทีส่ ดุ อยู่ท่ี แรงดัน 200V 5 17.15 18.95 6.03 14.04 ระยะ 2 cm (32.59%) คา่ สูงสุด 26.32 20.12 10.96 - ท่ีระยะหา่ ง 1 cm มีคา่ ลดลงของเชอื้ โรค Salmonella สงู สุด ค่าเฉล่ีย 19.64 14.22 5.26 ทรี่ ะยะหา่ ง 1 cm มีคา่ เฉลยี่ ลดลงของ เชื้อโรค Salmonella สงู สุด หมำยเหตุ ข้อมลู บางชุดยังมคี ่าผดิ พลาดอนั อาจเกิดจากส่ิงปนเป้ือนในระหวา่ งการทดลองและเก็บผลซ่ึงทาให้คา่ ท่ีได้มคี ่าเปน็ ลบ จากผลการทดสอบการให้พลาสมาสาหรับเช้ือ Salmonella พบวา่ การตอบสนองของพลาสมา ตอ่ การลดลงมีค่าไม่แน่นอนเนอื่ งจากมีโอกาสเกิดการปนเปอื้ นหรือเกิดความผิดพลาดได้ง่ายในการทดสอบ ทางจุลชีววิทยาซึ่งคณะผู้ดาเนินการได้ให้ความสาคัญอย่างสูงสุดแล้วนั้น หากพิจารณาในภาพรวมของ ตารางท่ี 4.34 พบว่าที่ระยะห่าง (Gap Distance) 1 cm มีแนวโน้มให้ค่าเฉล่ียท่ีดีที่สุด ในระดับแรงดัน ป้อนเข้าที่มีสมรรถนะทด่ี ีพบว่าค่าสูงสดุ เกิดซ้าที่ 150 V สาหรับระยะเวลาในการให้พลาสมาท่ีมีผลเฉล่ีย ดีท่สี ุดอยทู่ ่ี 4 นาที จากผลการทดลองนี้สามารถสรุปได้ว่าผลการพลาสมามีอิทธิพลต่อการลดลงของเชื้อโรคท้ัง E. Coli และ Salmonella ในลักษณะเวลา ระดบั พลาสมาทใี่ ห้ และระยะหา่ งของพลาสมากบั ตัวเชื้อ โรค ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ัยทไี่ ดม้ กี ารศึกษา
222 ผลกำรวิเครำะหข์ ้อมลู โครงกำรยอ่ ยท่ี 3 กระบวนกำรผลิตเคร่ืองอัดเม็ดอำหำรกวำง ชุดสับย่อย ยอ่ ยหญา้ ใหม้ ีขนาดเลก็ 3-4 มม. ชุดผสม ผสมอาหารกบั หญา้ ที่ผ่านการยอ่ ย ตน้ กาลัง มอเตอร์ ac เปน็ ตน้ กาลงั ชุดอัดเมด็ อัดให้เป็นเม็ดขนาด Ø 3มม ยาว 10-20 มม ภำพที่ 19 ตน้ แบบเคร่ืองอัดเมด็ อาหารกวาง
223 ส่วนประกอบเครอ่ื งอดั เมด็ อำหำรกวำง 1. ชดุ สบั ยอ่ ย ยอ่ ยหญา้ ให้มีขนาดเล็ก 3-4 มม. ภำพที่ 20 ชดุ สับหญา้
224 ภำพที่ 21 ลกั ษณะของหญ้าแหง้ ทผ่ี ่านการบดสับ
225 2. ชดุ ผสม ผสมอาหารกบั หญา้ ทีผ่ ่านการยอ่ ย ภำพท่ี 22 ชุดผสมอาหารข้น
226 3. ชุดอัดเม็ดอำหำร อดั ใหเ้ ป็นเมด็ ขนาด Ø 3มม ยาว 10-20 มม ภำพที่ 23 ขนาดของเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางของเม็ดอาหาร ภำพที่ 24 ลกั ษณะของอาหารท่ีผา่ นการเคร่ืองอัดเม็ด
227 สมรรถนะของเคร่อื งอดั เมด็ อำหำรกวำง กาลงั การผลติ อาหารอัดเมด็ 20 กก. ตอ่ ช่ัวโมง
228 ผลกำรศึกษำอัตรำส่วนที่เหมำะสมของอำหำรกวำงผสมเสร็จ (TMR) ต่ออัตรำกำรเจริญเติบโต ของกวำงสำยพนั ธ์รุ ซู ่ำ การศึกษาอัตราส่วนท่ีเหมาะสมของหญ้าต่ออาหารข้น เพอื่ ผลิตเปน็ อาหารผสมเสร็จ (Total Mixed Ration: TMR) ที่เหมาะสมต่อการเพ่ิมอัตราการเจริญเติบโตของกวาง มีผลดีต่อคุณภาพเน้ือ และคุณภาพซากของกวาง โดยเน้นทาการศึกษาวิจัยในพื้นท่ีอาเภอวงั ทอง จังหวดั พิษณุโลก ร่วมกับ ผู้ประกอบการเพ่ือให้เกดิ การใชป้ ระโยชนส์ ูงสดุ โดยมแี นวคิดดังตอ่ ไปนี้ 1. การเตรียมวัตถุดบิ อาหารสัตว์ประเภทอาหารหยาบด้วยการตัดหรือสับพืชใหส้ ัตวก์ ินจะทา ให้เพิ่มปริมาณที่กินได้ ลดความสูญเสียจากการเลอื กกินอาหาร แต่ความน่ากินอาจน้อยลงเนื่องจาก ความชื้นสูญเสียไปเร็ว ความยาวของชน้ิ พืช ควรอยู่ระหวา่ ง 1–2 นิ้ว ถ้าเลก็ กวา่ นไี้ ม่มีผลแตกต่างกัน แต่ส่งผลให้เปลืองแรงงานมากขนึ้ การตัดหรือสับนี้อาจทาได้ท้ังพืชสดหรือพืชแห้ง ถ้าเปน็ พชื แหง้ อาจ มปี ัญหาเรื่องฝุ่น ในบางครัง้ อาจรดน้าหรือผสมไขมันหรอื ราดดว้ ยกากน้าตาล เป็นการเพ่ิมความน่ากิน และเพิม่ คุณค่าทางอาหารได้ 2. อาหารผสมเสร็จ (Total mixed ration; TMR) คืออาหารผสมสาเร็จรูปที่ผลิตข้ึนมาจาก การนาอาหารหยาบ และอาหารข้นมาผสมกันในอตั ราสว่ นท่เี หมาะสม โดยคานวณสดั ส่วนของอาหาร ท้ัง 2 ชนิด จากวัตถุแห้งให้ได้ตามความต้องการของสัตว์ แล้วนาไปเล้ียงสัตว์แทนการเลี้ยงแบบเดิม ซ่ึงจะใช้วธิ ีการแยกการให้อาหารหยาบและอาหารข้น เช่น ในโคนม ผู้เลย้ี งจะให้อาหารหยาบ ตลอด ทัง้ วนั แบบใหก้ ินเตม็ ท่ี และใหอ้ าหารขน้ เสริมวันละ 1-2 คร้ัง/วัน ขณะรีดนม เป็นตน้ การให้กวางกิน อาหารแบบอาหารผสมเสรจ็ (TMR) นเี้ ป็นการรวมทง้ั อาหารหยาบ อาหารขน้ และอาหารเสรมิ แรธ่ าตุ และวิตามินเข้าด้วยกัน โดยคานวณให้มีโภชนะต่างๆ เพียงพอตามความต้องการของสัตว์ วิธีการให้ อาหารแบบนจ้ี ะเปน็ วธิ ีทง่ี า่ ยต่อการจดั การ ประหยัดเวลาและแรงงาน 3. หญา้ พืชอาหารสัตวท์ เ่ี หมาะสมต่อความตอ้ งการของกวางมากที่สุด คอื หญ้ารูซ่ี หรอื หญ้า คองโก เป็นหญ้าประเภทข้ามปี สูงประมาณ 90 เซนติเมตร ลักษณะใบน่ิมมีสีเขียวใบตอง มีขนที่ใบ กาบใบและลาต้น มีแฉก 4-5 แฉก ปลูกด้วยหน่อหรือเมล็ด แต่นิยมปลูกด้วยเมล็ด ไม่ชอบน้าขัง ทนทานต่อการเหยียบย่าได้ดี นิยมตัดสดให้กิน มีโปรตีน 10-11 % สามารถปลูกได้ดีในพ้ืนที่ราบสูง ของจงั หวัดพษิ ณโุ ลก (กรมปศสุ ตั ว์, 2556) อยา่ งไรก็ตามหลักการคานวณพืชอาหารสาหรับกวางพบว่า หากลูกกวางอายุต่ากว่า 6 เดือน จะมีความต้องการพืชอาหาร 1.1 กก. วัตถุแห้ง/ตัว/วัน ในขณะท่ี กวางเพศผู้อายุ 18 เดือน ต้องการพืชอาหาร 1.5 กก. วัตถุแห้ง/ตัว/วัน ส่วนกวางเพศผู้เต็มวัย ต้องการพืชอาหารถึง 1.7 กก. วัตถุแห้ง/ตัว/วัน อย่างไรก็ตามพบว่าในกวางเพศเมียจะมีความ ต้องการพืชอาหารน้อยกว่าในกวางเพศผู้ โดยกวางเพศเมียเต็มวัย ต้องการพืชอาหาร 1.0 กก. วัตถุ แหง้ /ตัว/วนั สว่ นแม่กวางเลี้ยงลูกออ่ น ต้องการพืชอาหารเพมิ่ ขน้ึ จากปกติเป็น 1.4 กก. วตั ถแุ ห้ง/ตวั / วนั แต่ในการทดลองคร้ังน้ีได้ใช้หญ้าพืชอาหารสัตว์ท่ีฟาร์มมีอย่แู ล้ว คือ หญ้าแพงโกล่าแห้ง เพ่ือให้ ผู้ประกอบการสามารถนาผลวิจยั ไปใช้ประโยชน์ได้
229 วิธีดำเนนิ กำรวิจัย การศึกษาอัตราการเจริญเติบโตและลักษณะทางกายภาพของกวางท่ีใช้อาหารผสมเสร็จ (TMR) เปรียบเทียบกับการใช้อาหารข้นลกู โคร่วมกบั หญ้าแพงโกล่าแห้ง ของกวางสายพันธ์ุรูซ่าเพศผู้ อายุ 4 ปี น้าหนักเรม่ิ ต้นเฉลี่ย 70.5กิโลกรมั ใช้ระยะเวลาในการทดลอง 30 วัน วางแผนการทดลอง เพอื่ เปรียบเทียบการเจรญิ เติบโตและการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของกวาง 2 กลมุ่ ทดลองคือ กลุ่มท่ี ได้รับอาหารข้นลูกโคท่ีระดับโปรตีนร้อยละ 16 จานวน 4 ตัว และกลุ่มที่ได้รับอาหารผสมเสร็จท่ีมี สัดส่วนของหญา้ แพงโกลา่ แห้งตอ่ อาหารขน้ เท่ากับ 30:70 จานวน 4 ตัว การให้อาหาร ให้อาหารวันละ 2 ครั้ง คือ เวลา 07.00 น. และเวลา 16.00 น. โดยกวางทุก ตวั จะไดร้ ับปริมาณอาหารร้อยละ 0.3 ตอ่ น้าหนักตัวต่อวนั บันทึกการเปลย่ี นแปลงของนา้ หนกั ตวั ในช่วงการเจริญเตบิ โต และบันทึกอตั ราการตาย การวิเคราะห์ทางเคมี วิเคราะห์ส่วนประกอบทางเคมีของอาหารที่ใช้ โดยวิธีประมาณ (Proximate analysis) AOAC (1984) วิธีการวิเคราะห์หาแคลเซียม ใช้วิธีการตกตะกอนในรูปของ ออกซาเลต วิธวี ิเคราะห์ฟอสฟอรัส โดยวธิ ี spectrophotometer ตำรำงท่ี 3 สูตรอาหารผสมเสรจ็ (TMR) สาหรบั กวางระยะรนุ่ -ขุน วตั ถุดิบ ปริมำณ (กก.) ขา้ วโพดบด 20 กากถว่ั 44% 8 ใบกระถิน 10 มันเสน้ บด 13 ราละเอียด 18 หญ้าแพงโกล่าแหง้ บด 30 ยเู รีย 1 โมลาส 3 รวมทงั้ สิ้น 100.00 CP (%) 16.00 ผลการศึกษาครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาการเล้ียงกวางในจังหวัดพิษณุโลกโดยใช้ อาหารผสมเสร็จ (TMR) เปรียบเทยี บกับการใช้อาหารข้นลูกโครว่ มกบั หญา้ แพงโกลา่ แห้ง การทดลอง นใ้ี ช้กวางทดลองเพศผู้สายพันธ์ุรูซ่าจานวน 8 ตัว อายุเฉลี่ย 4 ปี นา้ หนักเร่ิมต้นเฉลีย่ 70.5 กิโลกรัม ใช้ระยะเวลาในการทดลอง 30 วัน วางแผนการทดลองเพ่ือเปรียบเทียบการเจริญเติบโตและการ เปล่ียนแปลงทางกายภาพของกวาง 2 กลุ่มทดลอง คือ กลุม่ ที่ได้รับอาหารขน้ ลูกโคท่ีระดบั โปรตีนรอ้ ย ละ 16 จานวน 4 ตัว และกลุ่มท่ีไดร้ ับอาหารผสมเสร็จท่มี ีสดั ส่วนของหญา้ แพงโกล่าแหง้ ต่ออาหารข้น เท่ากับ 30:70 จานวน 4 ตัว โดยกวางทุกตัวจะได้รบั ปริมาณอาหารรอ้ ยละ 0.3 ต่อน้าหนักตวั ต่อวัน ผลการทดลองพบว่า กวางกลมุ่ ทไ่ี ด้รบั อาหารผสมเสรจ็ มีน้าหนักสดุ ท้ายเฉลย่ี 80.2 กิโลกรมั (p<0.05)
230 และกลุ่มที่ไดร้ ับอาหารข้นลูกโคมีน้าหนกั สุดท้ายเฉลี่ย 71.4 กิโลกรัม ลักษณะทางกายภาพของกวาง โดยการให้คะแนนร่างกายกวางพบว่า ก่อนการทดลองกวางมีคะแนนร่างกายเฉลี่ยเท่ากบั 2.5 ท้งั สอง กลุ่ม หลังการทดลองกวางกลุ่มที่ได้รับอาหารข้นลูกโคและกลุ่มท่ีได้รับอาหารผสมเสร็จมีคะแนน ร่างกายเฉลีย่ 3.5 การศึกษาอัตราการเจริญเติบโตและลักษณะ ทางกายภาพของกวางท่ี ใช้อาหารผสมเสร็จ (TMR) เปรียบเทยี บกับการใช้อาหารข้นลูกโครว่ มกบั หญ้าแพงโกล่าแห้ง ของกวางสายพันธร์ุ ูซ่าเพศผู้ อายุ 4 ปี น้าหนกั เริ่มต้นเฉลี่ย 70.5กิโลกรมั ใช้ระยะเวลาในการทดลอง 30 วัน ไดผ้ ลการวิจยั ดังนี้ อัตรำกำรเจรญิ เติบโตของกวำงสำยพันธุ์รูซำ่ กวางสายพันธุ์รูซ่าเพศผู้ที่ท่ีน้าหนักเริ่มต้นเฉลี่ยเท่ากับ 70.5 กิโลกรัม เม่ือได้รับ อาหารทีแ่ ตกตา่ งกันจะพบว่า กวางในกลุ่มทดลองที่ใช้อาหารผสมเสรจ็ TMR มีนา้ หนักที่เพิ่มขึ้นเฉล่ีย สูงกว่ากวางที่ได้รับอาหารขน้ ลูกโค สง่ ผลใหอ้ ัตราการเจรญิ เตบิ โตของกวางที่ได้รบั อาหารผสมเสร็จสูง กวา่ ดงั แสดงในตารางท่ี 1 ตำรำงท่ี 4 อัตราการเจรญิ เติบโตของกวางสายพันธรุ์ ูซ่าเพศผู้ นา้ หนกั เรมิ่ ตน้ (กก.) อำหำร อำหำร P-value น้าหนักสดุ ทา้ ย (กก.) TMR ขน้ ลูกโค - น้าหนักท่เี พิ่ม (กก./ตัว) 70.5 70.5 0.032 ADG (กก./ตัว/วนั ) 80.2 71.4 0.025 9.7 0.9 0.045 0.32 0.03 กำรให้คะแนนร่ำงกำยกวำง ลักษณะทางกายภาพของกวางโดยการให้คะแนนร่างกายกวางพบว่า ก่อนการ ทดลองกวางมีคะแนนร่างกายเฉลี่ยเท่ากับ 2.5 ทั้งสองกลุ่ม หลังการทดลองกวางกลุ่มที่ได้รับอาหาร ขน้ ลกู โคและกลมุ่ ที่ได้รับอาหารผสมเสรจ็ มีคะแนนรา่ งกายเฉลีย่ 3.5
231 ภำพท่ี 25 กวางทดลองหมายเลข 701 กอ่ นการทดลอง ภำพที่ 26 กวางทดลองหมายเลข 702 กอ่ นการทดลอง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376