86 มกี ารแต่งกายถูกต้องตามกฎระเบียบ เป็นแบบอย่างทดี่ ีแก่ศิษย์ทั้งกาย วาจา และใจระมัดระวังคำพูด ของตนเอง ปรับตัวและรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน 3) ความรอบรู้โดยนักศึกษามีความรอบรู้ใน วิชาชีพครู ในรายวิชาเอกและมีความกระตือรือร้น ในการเรยี นมีความเอ้ือเฟื้อช่วยเหลือผู้อ่ืน ค้นคว้า หาความรู้อยู่เสมอ 4) เทคนิคการสอนดีและมีความหลากหลาย และ 5) ความสามารถถ่ายทอดข้อมูล ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมนำความรู้และประสบการณ์จากการร่วมกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ สู่บุคคล อนื่ ๆ ทรี่ ูจ้ กั ได้ และ 6) มจี ิตอาสา มหี ัวใจของการบริการอยู่ตลอดเวลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (2523) มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับ คุณลักษณะ ครูท่ีมจี ิตวิญญาณความเปน็ ครูไว้ ดงั น้ี ภาพประกอบที่ 2.27 คุณสมบตั ิของครตู ามแนวคิดจติ วิญญาณความเปน็ ครู 1. มีคุณธรรม จริยธรรม ต้องหม่ันขยันและอุตสาหะพากเพียร ซื่อสัตย์ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และ เสียสละ หนกั แน่น อดกลน้ั และอดทน 2. ประพฤตติ นเป็นแบบอย่างที่ดีตอ้ งรกั ษาวินยั สำรวม ระวงั ความประพฤติปฏบิ ตั ิตนอยใู่ นระเบียบ แบบแผนที่ดงี าม 3. รักและศรทั ธาในวชิ าชพี รักษาเกยี รติภูมิของตน 4. ความผกู พันกบั ศษิ ย์ ต้องเมตตาหวงั ดี ต้องวางใจเป็นกลาง ไมป่ ล่อยไปตาม อำนาจอคติ 5. ใฝห่ าความรู้อยเู่ สมอ ต้องอบรมปญั ญาให้เพิ่มพนู สมบูรณ์ขน้ึ ท้ังด้าน วิทยาการ และความ ฉลาดรอบรู้ในเหตแุ ละผล มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 87 ภาพประกอบที่ 2.28 คณุ สมบัตขิ องครูตามแนวคดิ จติ วิญญาณความเป็นครู พระเทพวิสทุ ธเิ มธี (พุทธทาสภิกขุ) (2527) ไดก้ ล่าวถึง ครูท่มี ีจติ วญิ ญาณความเปน็ ครูวา่ 1. เปน็ ผู้เปดิ ประตูวญิ ญาณ (ความไม่ร้)ู เป็นผูม้ คี วามรู้ อบรมสั่งสอนศิษย์ สร้างศิษยใ์ ห้เปน็ คนดี 2. มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม มเี มตตา มคี วามอดทน 3. เปน็ ผู้นำทีด่ ีทางสังคม 4. เป็นปชู นยี บคุ คล 5. ปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหน้าท่ี สิทธิโดยสมบูรณ์ โกสินทร์ รังสยาพันธ์ (2530) ได้กล่าวถึง คุณลักษณะครูที่มีจิตวิญญาณ ความเป็นครู ดงั น้ี 1. มคี วามรดู้ ี สามารถถา่ ยทอดความรู้ความดขี องตนไปยังผอู้ ่นื อยา่ งได้ผล 2. มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม 3. มคี วามสามารถในการปฏิบตั ติ ามบทบาทหน้าท่ี 4. มีความผูกพันกบั ศษิ ย์ พระเทพเวที (ป.อ. ปยตุ ฺโต) (2531, หนา้ 64) ได้กลา่ วถงึ คุณลักษณะครูท่มี จี ติ วญิ ญาณความ เป็นครวู ่า 1. สอนดว้ ยความรู้จริง ทำไดจ้ ริงจึงสอนเขา ครูทดี่ ีตอ้ งเปน็ ผู้ทมี่ ีความร้ใู นเร่อื งทตี่ นสอนอยา่ ง ลึกซ้ึงสามารถวิเคราะห์วิจารณ์ และสามารถแสดงอรรถาธิบายในเร่ืองต่าง ๆ อย่างน่าเชื่อถือและตรง กบั ความจริง 2. สอนอย่างมเี หตผุ ล ให้เขาพจิ ารณาเข้าใจแจ้งด้วยปัญญาของเขาครจู ะสอน พูดหรอื อาจทำ สิ่งใดต้องประกอบด้วยหลักการและเหตุผล ไม่พูดแบบไร้สาระ เพ้อเจ้อ หรือสอนสิ่งที่ไม่ตรงกับความ จริง ใหส้ อดคล้องกับความเปน็ ไปของสังคม 3. สอนให้ได้ผลจริง สำเร็จตามความมุ่งหมายของเรื่องท่ีสอนน้ัน ๆ เช่น ให้เข้าใจได้จริงเห็นจริง ทำไดจ้ ริงและนำไปปฏบิ ัติได้ผลจริง ๆ เปน็ ต้น โดยผูเ้ รียนสามารถนำ หลกั หรือคำสอนไปปฏบิ ัติได้จริง อยา่ งได้ผลและเป็นประโยชน์ 4. มเี จตคติท่ดี ตี ่อวชิ าชีพครู
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 88 5. มีมนุษยสัมพนั ธ์ท่ีดกี ับลูกศษิ ย์ ผ้ปู กครอง ชมุ ชน 6. มีจิตวิทยาในการสอน 7. สร้างความสัมพนั ธ์อันดีและรว่ มมือกบั ชุมชนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี 8. เป็นแบบอย่างทด่ี ี วางตนใหเ้ หมาะสม บคุ ลกิ ภาพทีด่ ี 9. ใฝ่รแู้ ละหมั่นศึกษาหาความรอู้ ยเู่ สมอ 10. มีความรกั และศรัทธาในวชิ าชพี ครู 11. เปน็ กัลยาณมิตรตอ่ เพ่ือนร่วมงาน ลกู ศษิ ย์ ผู้ปกครองและชมุ ชน 12. ฝา่ ฟนั อปุ สรรคและเผชิญปัญหาต่าง ๆ 13. งานโดยไมห่ วงั สง่ิ ตอบแทนหรือเรียกรบั ผลประโยชน์ 23. แนวทางการพฒั นาจติ วญิ ญาณความเป็นครู ภาพประกอบที่ 2.29 แนวทางการพฒั นาจิตวิญญาณความเป็นครู นกั วิชาการไดเ้ สนอแนวทางทเี่ กี่ยวข้องกับการพฒั นาจิตวญิ ญาณความเปน็ ครู ดงั นี้ ธวัชชัย เพ็งพินิจ (2558 : 1) กล่าวถึง วิธีปฏิบัตสิ ู่ความถึงพรอ้ มแห่งจิตวิญญาณท่ีช่วยในการ เสริมสร้างความ ดีอนั เจริญงอกงามใหม้ ขี ้นึ ทัง้ ต่อบคุ คลและสังคมอยา่ งยั่งยนื ประกอบด้วย 1. มคี วามเจริญและสมดุลทง้ั ด้าน IQ และ EQ 1.1 I.Q. ย่อมาจาก Intelligence Quotient หมายถึงความ เฉลียวฉลาดทางสติปัญญา ส่วน E.Q. ย่อมาจาก Emotional Quotient หรือ Emotional Intelligence หมายถึง ความฉลาด ทางอารมณ์) ซึ่ง IQ น่ันเกิดจากการศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ พินิจพิจารณาสร้างความรู้ให้มีข้ึนใน ตวั เอง 1.2 E.Q น่ันเกิดจากการฝึกฝนและพัฒนาภายในตัวตนของบุคคล ซึ่งคนท่ีมี IQ สูงหรือมี อจั ฉริภาพเพยี งอย่างเดียวนั้นอาจไม่ประสบความสำเร็จในชีวติ ได้เพราะภาวะสงั คมท่เี ป็นพิษทำให้ 18 จติ ใจคนแปรเปลย่ี นไป สมอง เฉอื่ ยชา ไม่รจู้ กั จดั ระบบให้กบั ตัวเอง ท้ังน้ีคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต EQ มักจะนำ IQ ดังน้ันในความเป็นครูท้ังสองนี้ต้อง สมดลุ กนั มฉิ ะน้ันจะเปน็ ไปไดย้ ากทจ่ี ะพฒั นาผอู้ นื่ ได้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 89 2. ยึดหลักศาสนธรรม การพัฒนาจิตวิญญาณความเป็นครูจำเป็นอย่างยิ่งต่อการนำเอาหลัก แนวคิดและความเชอ่ื ของศาสนาพุทธมาประยุกต์ในการฝึกปฏิบัติตนให้เป็นครทู ี่มีจิตวิญาณความเป็นครู โดยหลกั คำสอนหรอื หลกั ธรรมในพุทธศาสนาท่เี กย่ี วกบั การพฒั นาจติ วญิ ญาณความเป็นครู มดี ังน้ี 2.1. ปิโย น่ารัก คือ การทำตัวเป็นที่รักต่อศิษย์และบุคคลท่ัวไป การที่ครูจะเป็นที่รักแก่ ศิษยไ์ ด้ กค็ วรตงั้ ตนอยู่ในพรหมวิหาร 4 คือ 2.1.1 มีเมตตา ปรารถนาดีต่อศิษย์ หาทางให้ศิษย์เป็นสุขและเจริญก้าวหน้าท้ัง ทางดา้ นวิชาการและการดำเนนิ ชีวติ คอยระวังมใิ หศ้ ิษยต์ กอยใู่ นความประมาท 2.1.2 มีกรุณา สงสาร เอน็ ดูศษิ ย์ อยากชว่ ยเหลือให้พน้ จากความทุกข์ ความไม่รู้ 2.1.3 มีมุทิตา คือ ช่ืนชมยินดีเมื่อศิษย์ได้ดี และยกย่องเชิดชูให้ปรากฏเป็นการให้ กำลังใจและช่วยใหเ้ กดิ ความภมู ิใจในตนเอง 2.1.4 มอี เุ บกขา คือ วางตัวเปน็ กลางจิตใจท่ตี ง้ั อยู่ในความยตุ ธิ รรม ไม่ลำเอียง ไมม่ ีอคติ 2.2 พละ 5 ประการ ไดแ้ ก่ 2.2.1 ศรทั ธาพละ คอื มคี วามเช่ือในทางท่ีชอบ เชน่ เชอื่ วา่ ทำดไี ด้ดี ทำช่วั ไดช้ ว่ั 2.2.2 วิริยะพละ คือ ความเพียรในทางที่ชอบ คือ เพียรเลิกละความช่ัว เพียรระวัง ความช่วั ไมใ่ หเ้ กดิ ในสนั ดาน 2.2.3 สติพละ หมายถึง ความระลึกได้ มีความรู้สึกตัวในการกระทำ การพูด การคิด ใหร้ อบคอบ 2.2.4 สมาธิพละ หมายถึง ความมีใจจดจ่อแน่วแน่ม่ันคงในส่ิงท่ีเป็นบุญกุศล พลังสมาธิ นี้จะเปน็ กำลงั ตอ่ ต้าน ความฟุ้งซ่านมใิ หเ้ กดิ ข้นึ ในใจ 2.2.5 ปัญญาพละ หมายถึง ความรอบรู้ คือรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรควรทำอะไรควร เว้น อะไรเป็นประโยชน์ และอะไรไรป้ ระโยชน์ 2.3 ภาวนโิ ย การเป็นผทู้ ไ่ี ดร้ ับการยกย่องว่าเปน็ ผมู้ ีความประพฤติดงี ามควรแก่การเคารพ 2.4 วัตตา คือ เป็นผู้มีมานะในการตักเตือนสั่งสอนเพื่อให้ศิษย์มีความรู้ความสามารถและ เป็นคนดี คือ ใช้ความรู้ ความสามารถไปในทางสุจริตเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นได้ ลักษณะการสอน ในแงข่ องพทุ ธศาสนามี 5 ประการ คอื 2.4.1 สันทัสสนา คือ สอนให้เข้าใจชัดเจน เห็นจริงอย่างที่ต้องการ ซ่ึงจะต้องดำเนิน ไปตามลำดับข้ันดังนี้ คือ สอนจากสิ่งท่ีรู้แล้ว ไปหาส่ิงท่ียงั ไม่รู้ สอนจากสิ่งท่ีงา่ ยไปหาส่ิงยาก สอนจาก ส่ิงทเ่ี ปน็ รปู ธรรมไปหาสิง่ ที่เป็นนามธรรม 2.4.2 สมาทปนา มีการกระตุ้นเร่งเร้าเพ่ือให้เกิดความกระตือรืนร้นที่จะประพฤติ ปฏิบัตติ ามทค่ี รูสอน 2.4.3 สมุตเตชนา สร้างกำลังใจ เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดความเช่ือมั่นในตนเอง กล้าคิด กล้าพดู กล้าทำ ไมค่ รนั่ ครา้ ม ต่อความยากลำบากหรืออปุ สรรคใดๆ 2.4.4 สัมปหังสนา สร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้เรียน คือมีเทคนิคในการสอนที่จะ ทำให้การเรียนการสอนน่าสนใจ 2.5 วจนัก ขโม เป็นผู้มีความอดทนต่อถ้อยคำโดยมีเจตนาดีเป็นที่ต้ังการอดทนต่อกริยา วาจาอนั ก้าวร้าวรุนแรงของ ผู้อื่นได้น้ัน เปน็ สญั ลักษณ์ของความเข้มแขง็ 2.6 คัม ภรี ัญจกถัง กตั ตา สามารถขยายขอ้ ความที่ยากให้ง่ายแกก่ ารเขา้ ใจได้ การตีความ ในวิชาการนั้น ๆ ให้ละเอียดลึกซึ้งง่ายแก่การเข้าใจเพราะวิชาการต่าง ๆ ท่ีครูนำมาสอนน้ันล้วนเป็น
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 90 เรื่องท่ีผู้เรียนไม่เคยเรียนมาก่อน ครูจะต้องมีวิธีที่จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจเรื่องยาก ๆ ได้ โดยง่าย โดย วธิ ีการ ดังน้ี คือ 2.6.1 แสดงจุดเด่น หัวข้อสำคัญๆ หรือโครงสร้างของวิชาน้ัน เพื่อให้ ผู้เรียนเกิด ความคดิ รวบยอด ก่อนท่ีจะอธิบาย ในรายละเอียดตอ่ ไป 2.6.2 แสดงเหตุผลในวิชานั้น เช่น อธิบายจากเหตุไปสู่ผล อธิบายจากผลไปสู่สาเหตุ ยกตวั อยา่ งประกอบหรอื เปรยี บเทียบกบั เนอื้ หาของวิชาอนื่ ๆ ทีใ่ กลเ้ คียง 2.6.3 แสดงเนื้อหาที่เป็นแก่นหรือสาระสำคัญของวิชาน้ัน ๆ ตลอดจนช้ีให้เห็นคุณค่า ในเชิงปฏบิ ตั ิเพราะผ้เู รยี นจะเรียนรู้ได้ดียง่ิ ขึ้นถา้ ส่ิงนน้ั เป็นสงิ่ ใกล้ตัวสามารถนำมาปฏิบตั ิได้ 2.7 โน จัฏฐาเน นิโยชเย คือ การรู้จักและแนะนำศิษย์ไปในทางถูกที่ควร หมายถึง ไม่นำศิษย์ ไปในทางท่ีเส่ือมเสีย หรือชักชวนไปสู่อบายมุข เช่น ด่ืมเหล้า สูบบุหรี่ เล่นการพนัน เท่ียวสถาน เรงิ รมย์ต่าง ๆ วิธีการแนะนำศิษยไ์ ปในทางทถี่ ูกที่ควรน้นั มีอยู่ 3 ประการ คอื 2.7.1 คิดหาวิธี ใช้วิธีขู่กำหราบเป็นวิธีเตือนให้ศิษย์รู้สึกตัวและละความชั่ว กล่าวคือ เม่ือเหน็ ศษิ ย์ประพฤติไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร 2.7.2 นคั คหวิธี ใช้วิธียกย่องชมเชย เปน็ การกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดนิสัยที่ดีและปอ้ งกัน ไม่ใหเ้ กิดนสิ ยั ท่ไี ม่ดี เม่ือใดท่ีเหน็ ศษิ ย์ทำความดคี รูจะต้องยกยอ่ งชมเชย 2.7.3 ทิฎฐานคติวิธี ใช้วิธีกระทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ครูต้องการให้ศิษย์ประพฤติ ปฏิบัติอย่างไร ครูก็ต้องปฏิบัติตน เช่นน้ันให้ศิษย์ได้เห็นเป็นตัวอย่าง พุทธทาสภิกขุ ได้แสดงทัศนะ เกี่ยวกับจิตวิญาณความเป็นครูไว้ในการบรรยาย ณ สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี วนั ที่ 4-9 กันยายน 2527 (สำนกั งานคณะกรรมการการประถมศึกษาแหง่ ชาติ, 2529 : 109-124) ครดู ี คอื ผู้นำทางวัตถุ หมายถึง การเป็นผูน้ ำใน 4 ประการ ดงั นี้ 1. เป็นผู้นำในการแสวงหาอย่างถูกต้อง ยึดหลักการแสวงหาอย่างสัตบุรุษไม่ก่อให้เกิดทุกข์ ทั้งแกต่ นเองและ ผอู้ ืน่ ไมก่ ระทบกระทัง่ ใหผ้ ู้อนื่ เดือดร้อน 2. เป็นผู้นำในการเสวยผลอย่างถูกต้อง หมายถึง ไม่ผูกขาดเอาผลท่ีได้รับจากการแสวงหามา เป็นของตนแต่ ผู้เดยี ว แตจ่ ะต้องเผือ่ แผ่ไปใหแ้ ก่ผ้อู ืน่ โดยรอบดา้ น 3. เปน็ ผนู้ ำในการเป็นอยู่อย่างถูกต้อง คือ ดำเนินชวี ติ โดยปฏิบัติตามอริยมรรค อนั มีองค์แปด ซ่ึงเม่ือปฏิบัติ จนถึงท่ีสุดแล้วจะเกิดปัญญาเห็นธรรมชาติ ตามสภาพท่ีเป็นจริง คือ ความไม่มีตัวตน ทุกส่ิงเป็นเพียง ผลการปรุงแต่งของธาตุต่าง ๆ ตามธรรมชาติ และจะต้องเกิด-ดับไปตามสภาพจึงไม่ ควรยดึ ม่นั ถอื ม่ันว่าเปน็ ตัวเราของเรา อันจะกอ่ ใหเ้ กดิ ความเห็นแก่ตวั และเบียดเบียนซึ่งกันและกนั 4. เป็นผู้นำในการใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น เคารพตนเองและผู้อ่ืน เช่ือม่ันในสิ่งท่ีทำมองเห็นคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เช่ือ ว่ามนุษย์ทุก คนล้วนมีศักยภาพท่ี สามารถพัฒนาได้ รวมท้ังมีสำนกึ ดีต่อสังคม มุ่งม่ันในการทำความดีในทุกขณะ มองโลกในแง่ดี ศรทั ธา ในพุทธพจนท์ ี่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชัว่ ได้ชัว่ ” ใช้ชวี ติ อยทู่ ่ัวจักรวาล มีคำกล่าวว่า มนุษย์เป็นสตั ว์ชนดิ เดียว ที่อยู่ทั่วจักรวาล ท้ังน้ีเพราะ มนุษย์มีอดีต มี ปัจจุบัน และมีอนาคต ดังน้ัน ครูจะต้องเช่ือมโยงท้ัง 3 มิติน้ีเข้าด้วยกัน โดยนำเอาอดีตมาเรียงร้อยประสานเข้ากับปัจจุบันแล้วมองภาพอนาคต (Scenario) ท่ีพึงปรารถนาให้เห็น โดยมีสมมติฐานว่า อนาคตที่ดีมาจากการวางรากฐานของปัจจุบันท่ีพัฒนามา จากประสบการณ์ของอดีตคร่ึงหนึ่งของชีวิตอุทิศเพื่อสังคม คนเราไม่ได้เกิดมาด้วยตัวคนเดียวโดด ๆ แตช่ ีวิต คือ ผลรวมของความ มุ่งม่ันจากสิง่ รอบตัว เพราะฉะนั้นชีวติ แต่ละชีวิตต่างติดหน้ีสงั คมอยู่คร่ึง ชวี ติ การกระทำท่ียุติธรรมท้ังต่อตนเองและบคุ คลอ่ืน คือ การแบ่งผลประโยชน์ครึง่ หนง่ึ ของชีวิตคืนให้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 91 สังคม เปิดกระบวนทัศน์ (Paradigm) ของตัวเองให้พ้น กรอบของความเห็นแก่ตัว ความยึดมั่นถือม่ัน และการไขว่คว้าเพื่อสนองตัณหาเฉพาะในช่วงชีวิตของตัวเองต้องระลึกอยู่เสมอว่า มนุษย์ชาตินั้น มีระยะเวลาท่ียาวไกลมากนัก เราในฐานะ “ผู้มาเยือน” จะหลงเหลืออะไรไว้บ้าง น่ันจะเป็นคำ “ขอบคุณ” หรอื “ประณาม” ครู คือ ผู้สร้างค่านิยมกระแสสังคม การกระทำใด ๆ จะต้องใส่ใจและรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่ เพื่อสนองตอบต่อมายาคติของตนเองเท่านั้น ทั้งน้ีเพราะบทบาทของครูน้ันมีอิทธิพลต่อการกำหนด ค่านยิ ม ทัศนคติ และกระแสสงั คมอยา่ งหลีกเล่ยี งไม่ได้ ดังนน้ั ตัวอยา่ งทด่ี ีย่อมมคี วามสำคัญเสมอ 24. บคุ คลทเี่ ป็นแบบอยา่ งของการมจี ิตวิญญาณความเปน็ ครู ปัจจุบันอาชีพ “ครู” ดูเหมือนว่าจะเป็นอาชีพสุดท้ายท่ีคนรุ่นใหม่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยากจะเป็น ทั้งนี้เน่ืองจากภาพรวมของอาชีพนี้ท่ีถูกมองว่าเป็นงานหนัก รายได้น้อย ไม่ได้มีหน้าตาหรือถูกยอมรับ จากสังคม แต่ในขณะเดียวกันเราไม่อาจปฏิเสธว่า “คุณภาพของครู เป็นตัวกำหนดคุณภาพทาง การศึกษา” ในหลายประเทศจึงให้ความสำคัญกับอาชีพครูเป็นอย่างมาก อย่างประเทศสิงคโปร์ได้มี การออกกฎหมายให้ผู้มีสทิ ธิส์ มคั รเปน็ ครูต้องมาจากหวั กระทลิ ำดับตน้ ๆ ของชัน้ เรยี นในมหาวิทยาลัย เทา่ นั้น ด้วยความสำคัญดังกล่าว การยกย่อง เชิดชู ครูสอนดี เป็นการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน ให้มีประสิทธิภาพ แตค่ วามเปน็ “คร”ู ไมไ่ ด้ถกู กำหนดไว้เฉพาะผู้ท่ีทำงานในสถาบันศึกษาเพียงเท่าน้ัน “ความ เป็นครู” เกิดข้ึนได้กับคนทุกสาขาอาชีพท่ีทุ่มเทเสียสละในการทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและ เยาวชนทั้งในและนอกระบบที่ถึงแม้กระแสโลกาภิวัฒน์จะไหลบ่าอย่างรุนแรงแค่ไหน “จิตวิญญาณ ของความเป็นครู” ท่ีมีคุณค่ามากกว่าการยืนถือชอล์กหน้ากระดานดำ ก็ไม่เคยถูกกระแสธารแห่ง ความเปลยี่ นแปลงพัดพาไปจนหมดสน้ิ หรือเลอื นหายไปจากสังคมไทย นายวีระ มนตรีวงษ์ อาจารย์ วัย 58 ปี สอนวิชาดนตรี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนคลองใหญ่ วิทยาคม จังหวดั ตราด สังกัดสำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 17 ซงึ่ เป็น 1 ใน 9 ครูดีเด่น ประจำปี 2563 จากสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา สด ๆ ร้อน ๆ ให้มุมมองว่า “ครูยุคก่อนจะ แตกต่างจากครูยุคใหม่ตรงที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครูค่อนข้างสูงจะไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ของตัวเอง จะมุ่งเน้นเอาใจใส่การพัฒนานักเรียนเป็นสำคัญ มองนักเรียนเหมือนลูกเหมือนหลาน เพราะเชื่อวา่ หากคุณครรู ักลกู ศิษยเ์ หมือนเปน็ ลูกเป็นหลานของตวั เอง จติ ใตส้ ำนึกของเราจะถูก ภาพประกอบท่ี 2.30 บคุ คลทเ่ี ป็นแบบอย่างของการมจี ติ วิญญาณความเปน็ ครู
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 92 สั่งออกมาให้กระทำต่อลูกศิษย์ด้วยความรักและความเมตตา เม่ือเขาไม่มาโรงเรียนก็จะรู้สึก เป็นห่วง ถ้าคุณครูให้ความรู้สึกเสมือนเป็นพ่อแม่ของลูกศิษย์ เราจะมีแต่ความปรารถนาดีต่อเขา ผมคดิ และทำแบบนี้มาตลอด 30 กวา่ ปี นับต้ังแต่ได้บรรจุเข้ารับราชการครู เมื่อเราแสดงออกถงึ ความ รกั และความปรารถนาดตี อ่ เขาด้วยความบรสิ ุทธ์ิใจ เด็ก ๆ จะรับรูไ้ ด้และให้ความรกั กลบั มา ดังนั้น แม้ยุคสมัยและโลกจะเปล่ียนไปขนาดไหน ผมก็ยังเชื่อว่าความรักท่ีบริสุทธิ์ท่ีเรามีให้ เด็กๆด้วยความจริงใจน้ี จะทำให้เราเข้าถึงเด็ก เด็กๆจะไว้ใจ กล้าท่ีจะเปิดใจพูด และปรึกษาเราใน ทุกๆเรอ่ื ง...” “...คนที่เป็นครูจะต้องกล้าที่จะปรับ เปลี่ยนตัวเอง เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ให้มากขึ้น ทั้งน้ี คงไม่ใช่ แค่เก่งดิจิทัล แต่ต้องมีคุณธรรม จริยธรรมท่ีจะสอดแทรกให้กับเด็กๆด้วย ท่ีสำคัญคุณครูต้องเป็น แบบอย่างท่ีดีให้กับเด็ก แม้โลกยุคสมัยจะเปล่ียนไปขนาดไหนก็ตาม หากคุณครูมีความรักและความ ปรารถนาดี หมั่นค้นหา องค์ความรู้อยู่เป็นปัจจุบัน และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกศิษย์ในทุก ๆ เร่ือง ผมม่ันใจว่าช่องว่างความแตกตา่ งระหวา่ งวัย หรอื ระหว่างคุณครูกบั ลูกศิษยจ์ ะไมเ่ ปน็ ปัญหาต่อการทำ หน้าทเ่ี รือจ้าง ของเราอยา่ งแนน่ อน” คุณครูดีเด่นประจำปี 2563 ของคุรสุ ภา กล่าวท้งิ ท้าย ภาพประกอบที่ 2.31 บุคคลท่ีเปน็ แบบอยา่ งของการมจี ติ วญิ ญาณความเป็นครู ขณะที่ รศ.ดร.ดารณี อุทัยรัตนกิจ รองประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา อดีตอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า “จากประสบการณ์เป็นครูมา 49 ปี ต้ังแต่ครูยุคเก่าจนถึงยุคปัจจุบัน ก็เห็นความเปล่ียนแปลงตลอดเวลา แต่ส่ิงหนึ่งที่มีความสำคัญ และไม่เปล่ียนแปลงก็คือ คำว่า จิตวิญญาณความเป็นครูซ่ึงเป็นสิ่งท่ีไม่ล้าสมัย ครูต้องมีความเช่ือม่ันว่า เดก็ นักเรยี นทกุ คนมีศักยภาพอยใู่ นตัว พัฒนาได้เพราะฉะนัน้ เราต้องเคารพในความเป็นตัวตนของเด็ก เสมอให้เกียรติเด็ก เด็กก็จะให้เกียรติเราและครูต้องมีความสัมพันธ์ท่ีดีกับเด็ก เหมือนดังท่ี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ตรัสว่า “ให้ครูรัก เด็กและเด็กรักคร”ู เพราะฉะน้ันถา้ เรามีจิตวิญญาณความเป็นครู เรามีความรัก ความปรารถนาดแี ละ มีความเชอ่ื มน่ั ว่า นกั เรียนทกุ คน มีศักยภาพอยูใ่ นตวั ท่พี ร้อมจะพฒั นาได้”
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 93 ภาพประกอบท่ี 2.32 บุคคลท่ีเปน็ แบบอย่างของการมีจิตวิญญาณความเปน็ ครู วรัทยา จันทรัตน์ หรือ “ครูเจ๊ียบ” ของเด็กเร่รอนและเด็กด้อยโอกาสจากชุมชนริมทางรถไฟ ในเขตเทศบาลเมอื งนครราชสีมา ที่ทำงานเปน็ ครอู าสาดูแลเด็กเรร่ ่อนมานานกว่า 7 ปี บอกเล่าถึงงาน ที่ทำว่าเปรียบเสมือนการเพาะปลูกต้นไม้หลากสายพันธุ์ ท่ีต้องหม่ันเติมความรู้เป็นปุ๋ย รดน้ำด้วยความรัก และยังต้องช่วยประคบั ประคองให้ตน้ ไม้แตล่ ะต้นเตบิ โตขน้ึ อยา่ งแขง็ แรง “อยากให้เด็กกลุ่มน้ีได้มีโอกาส ได้เรียนหนังสือ ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ในสังคม ไมต่ ้องใช้ชีวิตเร่ร่อน เป็นขอทาน เก็บของเก่าขายเพราะการศึกษา คือ พ้ืนฐานของชีวิต ถา้ มี พ้ืนฐานดี ก็จะเป็นผลทำให้สิ่งอื่น ๆ ในชีวิตดีข้ึน เด็กเร่ร่อนก็เป็นคนที่มีความสำคัญของสังคม ถ้าเขา ได้รับการพัฒนา มีคนหยิบย่ืนส่ิงดี ๆ ให้ เขาก็จะมีโอกาสพัฒนาเป็นคนที่ดีเป็นคนท่ีมีค่าของสังคมได้” โดยกิจกรรมหลักที่ทำงานกับเด็กกลุ่มนี้ก็คือ เร่ืองของการให้การศึกษาด้วยการให้ความรู้ข้ันพื้นฐาน เพื่อให้เด็กสามารถอ่านออกเขียนได้ คนที่มีความพร้อมในการเรียนก็ส่งต่อให้เข้าเรียน แต่ส่ิงสำคัญก็ คือเนน้ การสอนทักษะชีวิตให้เขาสามารถใชช้ ีวิตเร่ร่อนได้อย่างมคี ณุ ภาพ มกี ารปรบั พฤตกิ รรมเด็กผ่าน การจัดกจิ กรรมเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต เช่น การมีชีวิตอยู่ในสงั คม การดูแลสุขภาพร่างกายตนเอง มีจิต สาธารณะ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด สร้างภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ให้เกิดข้ึนในตัวของเด็ก ซึ่งจะทำให้เด็ก เรร่ ่อนเหลา่ นี้ไมก่ ลายเป็นปัญหาและภาระกับสังคม
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 94 ภาพประกอบท่ี 2.33 บุคคลที่เป็นแบบอย่างของการมจี ติ วญิ ญาณความเปน็ ครู ด.ต.สมศกั ด์ิ บุญรตั น์ หรือ “พ่อครู” ครูตำรวจข้างถนนของเด็กเร่ร่อนในพื้นทีก่ ว่า 50 ชมุ ชน ของกรุงเทพมหานคร ที่ถึงแม้ว่าอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จะดูเหมือนว่าไม่สามารถเข้ากันได้กับ พฤติกรรมของเด็กกลุ่มน้ี แต่เมื่อถอดเครื่องแบบสีกากีแล้วเดินเข้าหาหัวใจท่ีเปี่ยมไปด้วยความรัก ความอบอุน่ และความเมตตา ช่องว่างระหว่างปญั หากด็ เู หมอื นวา่ จะแคบลง “ทุกคนจะมองเด็กกลุ่มน้ีว่าไม่น่าไว้วางใจ ไม่ให้โอกาสเด็ก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าปัญหาของเด็ก เร่รอ่ นเกิดมาเพราะอะไร ไม่มองย้อนกลับไปดูท่ีต้นเหตุว่ามาจากปัญหาครอบครวั ชุมชน ส่ิงแวดล้อม จริงแล้วเด็กทุกคนมีพ้ืนฐานจิตใจท่ีดี แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กมาจากการกระทำและส่ังสมของ ผู้ใหญ”่ ทำให้ทุกวันนี้การทำงานของครูตำรวจขา้ งถนน จึงมุ่งเนน้ ไปที่การทำงานร่วมกับชุมชนตา่ ง ๆ เพ่ือป้องกันไม่ให้เด็กออกมาเร่ร่อน โดยเข้าไปสกัดก้ันท่ีชุมชนและครอบครัว โดยทำให้เด็ก ๆ ได้รับรู้ ว่า หากออกไปเร่ร่อนสร้างความเดือดร้อนให้สังคมอนาคตก็คือ ตายหรือติดคุกด้วยการให้ความรู้ โดยเน้นไปที่การสอนให้เป็นคนดี สอนให้เด็กได้รู้จักคิด รู้จักผิดชอบช่ัวดี ให้รู้จักคุณค่าของตัวเอง ใหค้ วามรกั และความอบอ่นุ เพ่ือให้เขาปรบั ตัวเปน็ คนดี ใหส้ งั คมยอมรบั “ทุกวันนี้ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นตำรวจเลย เพราะงานของตำรวจเป็นงานที่ทำตามคำสั่งของ ผบู้ ังคับบญั ชา แตง่ านของครูจิตอาสาเป็นงานที่ต้องดแู ลเดก็ แต่ละคนอย่างละเอยี ดลึกซงึ้ เป็นงานท่ที ้า ทายเพราะต้องทำความเข้าใจเด็กแต่ละคน ทำคนที่ไมด่ ีให้เป็นคนดกี ลับสู่สังคมและทำให้เดก็ เหล่าน้ไี ด้ ร้จู ักว่าส่ิงไหนผิด ส่ิงไหนถูก เพราะเราไม่รู้ว่าเด็กกลุ่มน้ีจะไปก่อปัญหาให้กับสังคมเมื่อไร แทนท่ีจะไป ไล่จับโจร เรามาหาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดดีกว่า เพราะเม่ือคุณภาพชีวิตคนดี สังคมก็จะดี” “จรงิ ๆ แล้วเด็กเหล่าน้ีต่างหากทเ่ี ปน็ ครูของเรา เพราะเขาเอาชวี ิตของเขามาสอนเรา เป็นประสบการณ์ให้เราเอาไปถ่ายทอดสอนคนอื่น ๆ นำไปปรับปรุงแก้ไขชีวิตของเด็กคนอื่น ๆ ในชุมชน ต่อเน่ืองกันไปเร่ือย ๆ เด็กทุกคนจึงเป็นครูของเราท่ีดีที่สุด” พ่อครูตำรวจกล่าวเหล่าน้ีเป็น ทัศนะเพียงบางส่วนจากครูผู้ท่ีได้รับการเสนอช่ือเข้ารับทุนในโครงการ “ครูสอนดี” ของ “สสค.” ท่ี ลว้ นทุ่มเทอุทศิ ตนเพอ่ื เด็กและเยาวชนที่สะท้อนใหเ้ ห็นจิตวิญญาณของความเป็นครทู ี่ไม่เคยเลือนหาย
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 95 และจะถูกจุดประกายให้ส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้งเม่ือสังคมตระหนัก เห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับ “ครู” ท่ไี ม่จำเป็นต้องเปน็ “ครอู าชีพ” แต่มีความเป็น “ครู” อยู่ในหวั ใจอย่างแทจ้ รงิ 25. ผลสัมฤทธิข์ องจติ วญิ ญาณความเปน็ ครมู ืออาชพี ภาพประกอบท่ี 2.34 ผลสมั ฤทธ์ิของจิตวญิ ญาณความเปน็ ครูมืออาชีพ จิตวิญญาณความเป็นครูจะเกิดผลต่อตัวครูที่ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ อุทิศตนเพ่ือการ เรียนการสอน หรือเพ่ือการบริหาร เน้นที่ประโยชน์ของส่วนรวมและผลท่ีจะเกิดข้ึนกับลูกศิษย์สังคม และผลสัมฤทธิ์จิตวิญญาณ ความเป็นครูจะเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานจริง ๆ ไม่ได้เกิดข้ึนการมอบหมาย หรอื การมอบอานาจแต่อย่างใด ดงั น้นั ผลสมั ฤทธ์ิจะเกิดต่อครูดงั นี้ 1. ชว่ ยพฒั นาหรือยกระดับความคดิ และทักษะท่จี ำเป็นในการเรยี นการสอน 2. มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม ศลี ธรรม ความรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ที่และงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย 3. มีความยืดหยุน่ และเข้าใจในความเปลี่ยนแปลงของสงั คม 4. มองนักเรยี นว่ามศี กั ดศ์ิ รีความเป็นมนุษย์และมศี ักยภาพ 5. มคี วามสุขและมีความภาคภมู ใิ จในอาชพี ครู 6. ไดร้ ับการยอมรบั และความศรทั ธาจากสงั คมและลูกศิษย์ กล่าวโดยสรุปว่า การพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ืองให้มีความรู้โดยเฉพาะทักษะการใช้เทคโนโลยี และทักษะในการสอนประพฤตเิ ป็นแบบอย่างทดี่ เี อาใจใส่ และหวังดตี อ่ ศษิ ย์ปรารถนาให้ศิษยท์ กุ คนได้ มีการงานทดี่ ีทำและเป็นคนดีของสังคม การปฏิบัติงานของครูลักษณะดังกล่าวเรียกได้ว่า การปฏิบัติด้วย “จิตวิญญาณความเป็นครู” การปฏิบัติหน้าที่ ของครูด้วยความวิริยะ มุ่งมั่นและทุ่มเทด้วยจิตและ วิญญาณ อุทิศตนเพ่ือการสอน และมีการพัฒนาสื่อการสอนตลอด ก็จะทำให้เกิดความตระหนักและ มุง่ ม่ันทุ่มเทในการทำงาน พยายามรักษาศักดิ์ศรีแห่งตนและวิชาชีพ และที่สำคัญ คือ ความศรทั ธาใน วิชาชีพครมู ่งุ ม่นั พฒั นาตนเอง ฉะน้ัน จิตวิญญาณความเป็นครูจึงเปน็ คุณลกั ษณะสำคัญของครมู ืออาชพี ครูจะต้องมีการพัฒนาตนเอง และครูจะประสบผลดีต้องเกิดจากการพัฒนานั้น คือ “ใจ” หรือ “จิตสำนึก” มีใจรักต่ออาชีพครูและใจต้องพร้อม ย่อมประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ครูที่ ได้รับการพัฒนา จะมีมากน้อยเพียงใด ส่วนหน่ึงก็ขึ้นกับต้นสังกัดจะให้โอกาสครูเหล่าน้ีได้มีโอกาส พัฒนาตนเองด้านการศึกษาหรือไม่ อย่างไร สังคมกำลังต้องการครูท่ีมีสำนึกในความเป็นครูเสียสละ อดทน อุทศิ ตนในการสอนหรือการบริหารก็นับวา่ เปน็ “ครทู ี่มีจติ วิญญาณความเป็นครู” ปฏบิ ัตหิ น้าท่ี
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 96 และพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ืองระมัดระวังการประพฤติ 14 ปฏิบัติให้อยู่ในหลักศีลธรรมและจรรยาบรรณ วชิ าชพี ซึ่งลกั ษณะ ดังกล่าว จะนำไปสูก่ ารเป็น “ครูมืออาชพี ” ควร มีลักษณะ 3 ประการ ดังน้ี 1) แสวงหาความรู้พัฒนาตนเองตลอดเวลา เน้นเจตนาท่ีจะให้ผู้ร่วมงานประสบ ความสำเร็จ ดว้ ยกัน 2) ความปรารถนาดีเป็นความคิดทอ่ี ยูเ่ หนือระดับเหตุผลและตรรกะ เปน็ ความคดิ ทม่ี าจากจิต วิญญาณหรอื จติ ใตส้ ำนึก 3) สร้างความเช่ือมั่นในตนเอง มุ่งมั่นในการทำงานและศรัทธาในผลสำเร็จที่เกิดจากการ ปฏิบัติงาน หากครูปฏิบัติงานด้วยจิตใจท่ีมุ่งม่ัน และประพฤติตนตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ โดยที่ ครจู ะต้อง ดำเนนิ การเรียนการสอนโดยการยดึ จรรยาบรรณต่อวชิ าชพี ตอ่ ผู้เรยี น และตอ่ ตนเอง 26. บทสรปุ การพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ืองให้มีความรู้ โดยเฉพาะทักษะการใช้เทคโนโลยีและทักษะใน การสอน ประพฤตเิ ป็นแบบอย่างทด่ี ีเอาใจใส่ และหวังดีต่อศิษย์ ปรารถนาให้ศษิ ยท์ ุกคนไดม้ ีการงานท่ี ดีทำและเป็นคนดีของสังคม การปฏิบัติงานของครู ลักษณะดังกล่าวเรียกได้ว่าการปฏิบัติด้วย “จิตวิญญาณความเป็นครู” การปฏิบัติหน้าที่ของครูด้วยความวิริยะ มุ่งม่ันและทุ่มเทด้วยจิตและ วิญญาณ อุทิศตนเพื่อการสอน และมีการพัฒนาสื่อ การสอนตลอด ก็จะทำให้เกิดความตระหนักและ มงุ่ มั่นทุ่มเทในการท างาน พยายามรักษา ศักด์ิศรีแห่งตนและวิชาชพี และท่ีสำคญั คือ ความศรัทธาใน วชิ าชีพครมู ุ่งมนั่ พฒั นาตนเอง ครูจะต้องมีการพัฒนาตนเอง และครูจะประสบความสำเร็จต่อหน้าที่การงานที่ปฏิบัติอยู่ จะต้องเกิดจากการพัฒนา “ใจ” หรือ “จิตสำนึก” มีใจรักต่ออาชีพครูและใจต้องพร้อมท่ี จะเสียสละ เพ่ือสังคม จึงจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ครูที่ได้รับการพัฒนานั้น จะมีมากน้อยเพียงใด ในแต่ละปี ส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับต้นสังกัด จะทำให้โอกาสของครูเหล่านี้ได้มีโอกาส พัฒนาตนเอง ด้านการศึกษา หรือไม่อย่างไร สังคมกำลังต้องการครูที่มีสำนึกในความเป็นครู เป็นผู้เสียสละ อดทน อุทิศตนในการสอนหรือการบริหาร ก็นับว่าเป็น “ครูท่ีมีจิตวิญญาณ ความเป็นครู” ปฏิบัติหน้าท่ีและ พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องระมัดระวังการประพฤติปฏิบัติให้อยู่ ในหลักศีลธรรมและจรรยาบรรณ วิชาชีพ ซึ่งลักษณะดังกล่าวจะนำไปสู่การเป็น “ครูมือ อาชีพ” ควรมีลักษณะ 3 ประการ 1) แสวงหา ความรู้ พัฒนาตนเองตลอดเวลา เน้นเจตนาที่จะ ให้ผู้ร่วมงานประสบความสำเร็จด้วยกัน 2) ความ ปรารถนาดี เป็นความคิดที่อยู่เหนือระดับ เหตุผลและตรรกะ เป็นความคิดท่ีมาจากจิตวิญญาณหรือ จติ ใต้สำนึก และ3) สรา้ งความเช่ือม่ันในตนเอง มุ่งมั่นในการทำงาน และศรัทธาในผลสำเร็จที่เกิดจาก การปฏิบัตงิ าน คำถามทบทวน 1. ลกั ษณะของครทู ี่มีจติ วิญญาณของความเป็นครูทดี่ ี ควรมีลักษณะอยา่ งไร 2. ครทู ี่ดตี ามหลกั จติ วญิ ญาณของความเป็นครู มอี ะไรบ้าง 3. ครทู ่มี จี ติ วญิ ญาณของความเปน็ ครูต้อง มีอะไรบา้ ง 4. ผู้ทีม่ จี ิตวิญญาณความเปน็ ครูต้องมคี วามกระตอื รือรน้ อย่เู สมอ เพราะอะไร 5. ความคิดแงบ่ วก ช่วยในด้านใดในการพัฒนาจิตวิญญาณความเปน็ ครู
97 เอกสารอ้างอิง กระมล ทองธรรมชาติ. (2529 : 80) ประเภทของจริยธรรม. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://jariyathamcomputer.blogspot.com. สบื คน้ ข้อมูลเม่ือวนั ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ความหมายของคณุ ธรรม. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://ethics.nso.go.th สบื ค้นข้อมูล เม่อื วันที่ 6 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. จติ วิญญาณตามแนวศาสนา [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://sites.google.com สืบคน้ ข้อมลู เมอื่ วันที่ 6 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ต้นแบบจิตวิญญาณเป็นครู [ออนไลน์] สืบคน้ จาก : http://www.qlf.or.th สบื คน้ ขอ้ มูลเม่อื วนั ที่ 6 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. ธวัชชยั เพ็งพนิ ิจ. (2558 : 1). ความหมาย ของคณุ ธรรม ศีลธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ และ ธรรมาภบิ าล. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.charuaypontorranin.com สืบคน้ ข้อมูลเมอ่ื วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. พระเทพเวที (ป.อ. ปยุตฺโต) (2531 : 64) ธวัชชยั เพง็ พินจิ (2558 : 1) ต้นแบบจิตวิญญาณเป็นครู. [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.qlf.or.th สืบค้นขอ้ มูลเมื่อวนั ท่ี 6 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยตุ ฺโต) (2531 : 3) พระเทพเวที (ประยทุ ธ์ ปยุตโฺ ต) (2531 : 3) องค์ประกอบของจรยิ ธรรม. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://www.baanjomyut.com สบื คน้ ข้อมูลเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ยนต์ ชุ่มจิต. (2553 : 138-139) จิตวิญญาณตามแนวศาสนา. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://sites.google.com สบื คน้ ข้อมูลเมอื่ วนั ท่ี 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ราชบัณฑิตยสถาน, 2546. ทฤษฎขี องจรยิ ธรรม [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://sites.google.com สืบคน้ ขอ้ มูลเมือ่ วันท่ี 6 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564. สมเดช สีแสง. (2538 : 230). ความสำคญั ของคณุ ธรรม 4 ประการ. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงได้ จาก : http://www.kamsonbkk.com สืบค้นข้อมูลเม่ือวนั ท่ี 6 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. Abraham H. Maslow, “A Theory of Henman Motivation” Psychological Review vol. 50. 1943. pp.340-396. อ้างในพรรณี ช. เจนจิต 2538 : 463) [ออนไลน์] สบื คน้ จาก : “คณุ ธรรม” “จรยิ ธรรม” และการดารงอยู่กบั สงคมประชาธปิ ไตย มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงบทที่ 3 การเป็นแบบอย่างท่ีดใี นฐานะผู้ประกอบวิชาชพี ครู ครูมีบทบาทอันสำคัญยิ่งในการพัฒนาเด็กให้เกิดความเจริญงอกงามทั้งด้านสติปัญญาร่างกาย สังคม อารมณ์ ตลอดจนอบรมส่ังสอนเด็กให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรมอันดีงาม คุณธรรมเป็นสิ่งท่ีดีงามที่มี ความสำคัญอย่างย่ิงสำหรับการดำเนินชีวิตท่ีมีคุณภาพ จึงมีความจำเป็นท่ีจะต้องเสริมสร้างและปลูกฝังให้เกิด ข้ึนมากับเยาวชน ครู มีลักษณะอย่างไรเด็กก็จะมีลักษณะเป็นอย่างน้ัน เพื่อให้ครูสามารถปฏิบัติตนได้อย่าง เหมาะสม ครูจึงต้องมีจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพภารกิจของครูประการหนึ่ง คือ การเป็นแบบอย่างที่ดี ให้แก่ศิษย์เก่ียวกับความมีวินัย การครองตนให้อยู่ในระเบียบแบบแผน เพื่อความก้าวหน้าในการพัฒนาตน พฒั นางาน พัฒนาสงั คมและประเทศชาติ และเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์การปฏิบัติงานตามมาตรฐานการปฏิบัติ ตนทางวิชาชีพครูตามพระราชบัญญัติสภาครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มาตรา 49 ว่าด้วย การ ประเมินมาตรฐานการปฏิบัติตนของครูเก่ียวกับจรรยาบรรณวิชาชีพ และการกำหนดระดับคุณภาพของ มาตรฐานในการประกอบวิชาชีพให้เป็นไปตามข้อบังคับของครุสภา ทั้งน้ี ต้องจัดให้มีการประเมินระดับ คุณภาพของผู้รับใบอนุญาตอย่างตอ่ เน่ืองเพ่ือดำรงไว้ซ่ึงความรู้ ความสามารถ และความชำนาญการตามระดับ คณุ ภาพของมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการทคี่ ุรสุ ภากำหนด 1. ความหมายของการเป็นแบบอยา่ งทีด่ ี ความหมายการเป็นแบบอยา่ งท่ดี ี การเป็นแบบอย่างที่ดี คือ การแสดงออก การประพฤติและปฏิบัติในด้านบุคลิกภาพท่ัวไป การแต่งกาย กริ ยิ า วาจา และจรยิ ธรรมทเี่ หมาะสม อยา่ งสมำ่ เสมอทีท่ ำใหผ้ ู้อื่นเลือ่ มใสศรทั ธาและถือเป็นแบบอย่าง 2. ความหมายและลกั ษณะของครทู ่ดี ี 2.1 ความหมายคุณลักษณะของครูทดี่ ี คุณลักษณะของครูท่ีดีคุณลักษณะที่ดีของครู หมายถงึ เคร่ืองหมายหรือส่ิงท่ีชี้ให้เห็นความดีหรือ ลักษณะที่ดีของครูและเป็นลักษณะที่ต้องการของสังคม ลักษณะครูท่ีดีควรมีความรักและความเมตตาต่อศิษย์ มคี วามเสียสละหมั่นเพยี รศึกษา ปรับปรุงวิธกี ารสอน เพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ตอ้ งมีความเข้าใจและเอาใจใส่ ตัวศิษย์ทุกคนเป็นกาลังใจและช่วยสร้างแรงบัลดาลใจให้กับศิษย์เพื่อให้เขาเป็นคนใฝ่เรียนรู้ เป็นแบบอย่างท่ีดี มจี รรยาบรรณในวชิ าชพี ครู มจี ติ วญิ ญาณของความเปน็ ครู สามารถถ่ายทอดความรู้ไดเ้ ป็นอย่างดี มีวธิ ีการสอน ที่หลากหลายมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความยุติธรรม ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รวมถึงยอมรับและเข้าใจ ความแตกต่างของเด็กแตล่ ะคนลักษณะครูศิษย์มีความเสียสละ ลักษณะครูท่ีดีควรมีความรักและความเมตตาต่อศิษย์มีความเสียสละ หม่ันเพียรศึกษา ปรับปรุง วิธี การสอนเพ่ือพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ต้องมีความเข้าใจและเอาใจใส่ตัวศิษย์ทุกคนเป็นกำลังใจและช่วยสร้าง แรงบัลดาลใจให้กับศิษย์เพ่ือให้เขาเป็นคนใฝ่เรียนรู้ เป็นแบบอย่างที่ดีมีจรรยาบรรณในวิชาชพี ครมู ีจิตวิญญาณ ของความเป็นครู สามารถถ่ายทอดความรู้ได้เป็นอย่างดี มีวิธีการสอนท่ีหลากหลาย มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความยุตธิ รรมยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผอู้ น่ื รวมถึงยอมรบั และเข้าใจความแตกตา่ งของเด็กแต่ละคนด้วย สังคมคาดหวังว่า ครู คือ แบบอย่างท่ีดีของศิษย์เป็นผู้สร้างสมาชิกใหม่ของสังคมให้เป็นทรัพยากร มนุษย์ทีม่ ีคุณภาพต่อสังคม ธรรมชาติของอาชีพครูเปน็ อาชีพท่ีต้องเก่ียวขอ้ งสมั ผัสกับบุคคลอ่ืนอยู่เสมอ ฉะน้ัน ผู้ดำเนนิ อาชีพครูจึงต้องเป็นผูใ้ ฝร่ ู้ ใฝเ่ รยี น และพฒั นาตนเองอย่างต่อเน่อื ง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 99 2.2 ลักษณะของครูที่ดี ลักษณะครูท่ดี ีตามคำสอนในพุทธศาสนา หลักคำสอนหรือหลักธรรมในพุทธศาสนาท่ีเกี่ยวกับความเป็นครูประกอบด้วย หลักธรรม 7 ประการ คอื 1. ปิโย น่ารัก คือ การทำตัวเป็นที่รักต่อศิษย์และบุคคลท่ัวไป การที่ครูจะเป็นท่ีรักแก่ศิษย์ได้ก็ควร ต้งั ตนอยใู่ นพรหมวหิ าร 4 คอื 1.1 มีเมตตา ปรารถนาดีต่อศิษย์หาทางให้ศิษย์เป็นสุขและเจรญิ ก้าวหน้าทั้งทางด้านวิชาการ และการดำเนินชีวิต คอยระวังมใิ ห้ศิษยต์ กอยูใ่ นความประมาท 1.2 มกี รุณา สงสาร เอ็นดศู ษิ ย์ อยากชว่ ยเหลอื ให้พ้นจากความทกุ ข์ ความไม่รู้ 1.3 มีมุทิตา คือ ช่ืนชมยินดีเมื่อศิษย์ได้ดี และยกย่องเชิดชูให้ปรากฏเป็นการให้กำลังใจและ ชว่ ยให้เกิดความภมู ใิ จในตนเอง 1.4 มอี ุเบกขา คือ วางตวั เป็นกลาง จติ ใจทตี่ ง้ั อยใู่ นความยตุ ธิ รรม ไมล่ ำเอียง ไมม่ ีอคติ 2. ครู หมายถึง การเป็นบุคคลที่มีความหนักแน่นม่ันคง ทั้งในด้านของจิตใจที่หนักแน่นมั่นคงที่ จะดำรงตนอยู่ใน ความดีไม่หว่ันไหวไปตามอำนาจของกิเลสตัณหา และความหนักแน่นในด้านของความรอบรู้ ธรรม ทีจ่ ะชว่ ยให้ครู มีคุณสมบตั ิ ดงั กล่าว คอื พละ 5 ประการ ไดแ้ ก่ 2.1 ศรทั ธาพละ คอื มีความเชอ่ื ในทางที่ชอบ เชน่ เช่ือว่าทำดไี ดด้ ี ทำช่วั ได้ชั่ว 2.2 วิรยิ ะพละ คอื ความเพียรในทางที่ชอบ คือ เพียรเลิกละความชัว่ เพียรระวังความช่ัวไมใ่ ห้ เกดิ ในสนั ดาน 2.3 สตพิ ละ หมายถึง ความระลกึ ได้ มีความรสู้ ึกตัวในการกระทำ การพูด การคิดให้รอบคอบ 2.4 สมาธิพละ หมายถึง ความมีใจจดจ่อแน่วแน่ม่นั คงในส่ิงที่เป็นบุญกศุ ล พลังสมาธิน้ีจะเป็น กำลงั ต่อตา้ น ความฟุ้งซา่ นมิให้เกิดขนึ้ ในใจ 2.5 ปัญญาพละ หมายถึง ความรอบรู้ คือรู้วา่ อะไรดี อะไรชว่ั อะไรควรทำอะไรควรเว้น อะไร เปน็ ประโยชน์ และอะไรไรป้ ระโยชน์ 3. ภาวนิโย การเปน็ ผู้ท่ีไดร้ ับการยกยอ่ งวา่ เป็นผู้มีความประพฤตดิ งี ามควรแกก่ ารเคารพ 4. วัตตา คือ เป็นผู้มีมานะในการตักเตือนส่ังสอน เพื่อให้ศิษย์มีความรู้ความสามารถ และเป็น คนดี คือใช้ความรู้ ความสามารถไปในทางสุจริต เป็นประโยชน์ ต่อตนเองและผู้อ่ืนได้ ลักษณะการสอนในแง่ ของพุทธศาสนามี 4 ประการ คือ 4.1 สันทัสสนา คือ สอนให้เข้าใจชัดเจน เห็นจริงอย่างท่ีต้องการซ่ึงจะต้องดำเนินไป ตามลำดับข้ัน ดังน้ี คือ สอนจากส่ิงที่รู้แล้ว ไปหาสิ่งท่ียังไม่รู้ สอนจากสิ่งที่ง่ายไปหาส่ิงยาก สอนจากสิ่งท่ีเป็น รูปธรรมไปหาสิ่งที่เป็นนามธรรม 4.2 สมาทปนา มีการกระตุ้นเรง่ เร้าเพ่อื ใหเ้ กดิ ความกระตือรอื รน้ ทจ่ี ะประพฤติปฏบิ ัติตามที่ครสู อน 4.3 สมุตเตชนา สร้างกำลังใจ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ ไมค่ ร่นั คร้าม ตอ่ ความยากลำบากหรอื อปุ สรรคใด ๆ 4.4 สัมปหังสนา สร้างความเพลิดเพลินให้แก่ผู้เรียน คือ มีเทคนิคในการสอนที่จะทำให้ การเรยี นการสอนน่าสนใจ 5. วจนักขโม เป็นผู้มีความอดทนต่อถ้อยคำโดยมีเจตนาดีเป็นท่ีตั้งการอดทนต่อกริยา วาจาอัน กา้ วรา้ วรุนแรงของผ้อู ่ืนไดน้ ้ัน เปน็ สญั ลกั ษณข์ องความเขม้ แขง็
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 100 6. คัมภีรัญจกถัง กัตตา สามารถขยายข้อความที่ยากให้ง่ายแก่การเข้าใจได้ การตีความในวิชาการ น้ัน ๆ ให้ละเอียดลึกซึ้งง่ายแก่การเข้าใจ เพราะวิชาการต่าง ๆ ท่ีครูนำมาสอนน้ันล้วนเป็นเรื่องที่ผู้เรียนไม่เคย เรียนมากอ่ น ครูจะต้องมีวธิ ีท่จี ะทำให้ผู้เรยี นเข้าใจเรอื่ งยาก ๆ ได้โดยง่าย โดยวธิ ีการดงั น้ี คือ 6.1 แสดงจุดเด่น หัวข้อสำคัญ ๆ หรือโครงสร้างของวิชาน้ัน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความคิดรวบยอด ก่อนท่จี ะอธบิ ายในรายละเอียดต่อไป 6.2 แสดงเหตุผลในวิชานั้น เช่น อธิบายจากเหตุไปสู่ผล อธิบายจากผลไปสู่สาเหตุ ยกตัวอย่าง ประกอบหรือเปรียบเทยี บกบั เนื้อหาของวิชาอนื่ ๆ ท่ใี กลเ้ คียง 6.3 แสดงเนื้อหาที่เป็นแก่นหรือสาระสำคัญของวิชานั้น ๆ ตลอดจนช้ีให้เห็นคุณค่าในเชิงปฏิบัติ เพราะผ้เู รยี น จะเรยี นรไู้ ดด้ ยี ิ่งข้ึนถ้าสง่ิ นน้ั เป็นสง่ิ ใกล้ตัวสามารถนำมาปฏิบตั ิได้ 7. โนจัฏฐาเน นิโยชเย คือ การรู้จักและแนะนำศิษย์ไปในทางถูกท่ีควร หมายถึง ไม่นำศิษย์ไป ในทางที่เสื่อมเสีย หรือชักชวนไปสู่อบายมุข เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เล่นการพนัน เท่ียวสถานเริงรมย์ต่าง ๆ วธิ ีการแนะนำศิษยไ์ ปในทางที่ถกู ท่คี วรนนั้ มีอยู่ 3 ประการ คอื 7.1 คดิ หาวิธี ใช้วิธีขูก่ ำหราบ เป็นวิธเี ตือนให้ศษิ ย์รูส้ ึกตัวและละความชั่ว กล่าวคอื เมอื่ เห็นศิษย์ ประพฤตไิ ปในทางทไ่ี ม่ถูกไม่ควร 7.2 นัคคหวิธี ใช้วิธียกย่องชมเชย เป็นการกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดนิสัยท่ีดีและป้องกันไม่ให้เกิด นสิ ยั ทไ่ี ม่ดี เมื่อใดท่เี ห็นศษิ ย์ทำความดีครูจะต้องยกยอ่ งชมเชย 7.3 ทิฎฐานคติวิธี ใช้วิธีกระทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ครูต้องการให้ศิษย์ประพฤติปฏิบัติอย่างไร ครกู ็ตอ้ งปฏิบตั ิตนเช่นนน้ั ใหศ้ ษิ ย์ได้เห็นเป็นตวั อย่าง ลกั ษณะครทู ี่ดี 10 ประการ 1. ความมีระเบียบวินัย หมายถึง ความประพฤติ ทั้งทางกายและวาจาและใจท่ีแสดงถึงความเคารพ ในกฎหมาย ระเบียบประเพณีของสังคม และความประพฤติที่สอดคล้องกับอุดมคติหรือความหวังของตนเอง โดยใหย้ ดึ ส่วนรวมสำคัญกวา่ สว่ นตวั 2. ความซ่ือสตั ย์สุจรติ และความยุติธรรม หมายถึง การประพฤติที่ไม่ทำใหผ้ ูอ้ น่ื เดือดรอ้ น ไมเ่ อาเปรียบ หรอื คดโกงผอู้ ื่นหรอื สว่ นรวมใหย้ ึดถือหลักเหตผุ ล ระเบยี บแบบแผน และกฎหมายของสงั คมเปน็ เกณฑ์ 3. ความขยัน ประหยัด และยึดม่ันในสัมมาอาชีพ หมายถึง ความประพฤติทไี่ ม่ทำใหเ้ สียเวลาชีวิตและ ปฏิบัตกิ ิจอันควรกระทำใหเ้ กิดประโยชน์แก่ตนและสังคม 4. ความสำนึกในหน้าท่ีและการงานต่าง ๆ รวมไปถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ หมายถึง ความประพฤตทิ ี่ไมเ่ อารดั เอาเปรยี บสังคมและไม่ก่อความเสยี หายให้เกดิ ขนึ้ แกส่ ังคม 5. ความเป็นผู้มีความริเริ่ม วิจารณ์และตัดสินอย่างมีเหตุผล หมายถึง ความประพฤตใิ นลักษณะสรา้ งสรรค์ และปรบั ปรุงมีเหตุมผี ลในการทำหนา้ ทีก่ ารงาน 6. ความกระตือรือร้นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีความรักและเทิดทูน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หมายถึง ความประพฤติท่สี นบั สนุนและใหค้ วามร่วมมอื ในการอยรู่ ่วมกันโดยยึดผลประโยชน์ ของสงั คมให้มากทส่ี ดุ 7. ความเป็นผู้มีพลานามัยท่ีสมบูรณ์ท้ังทางร่างกายและจิตใจ หมายถึง ความม่ันคงและจิตใจ รู้จัก บำรงุ รกั ษากายและจิตใจให้สมบรู ณ์ มอี ารมณแ์ จ่มใสมีธรรมะอยู่ในจิตใจอยา่ งมั่นคง 8. ความสามารถในการพ่ึงพาตนเองและมีอุดมคติเป็นท่ีพ่ึง ไม่ไว้วานหรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น โดยไม่จำเป็น
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 101 9. ความภาคภูมิและการรู้จักทำนุบำรุงศิลปะ วัฒนธรรม และทรัพยากรของชาติ หมายถึง ความ ประพฤติท่ีแสดงออกซึ่งศิลปะและวัฒนธรรมแบบไทย ๆ มีความรักและหวงแหนวัฒนธรรมของตนเองและ ทรัพยากรของชาติ 10. ความเสียสละและเมตตาอารี กตัญญูกตเวที กล้าหาญและความสามัคคีกัน หมายถึง ความประพฤติ ทแี่ สดงออกถึงความแบ่งปนั เก้อื กลู ผ้อู ่ืนในเร่อื งของเวลากำลังกายและกำลังทรัพย์ คุณลักษณะ 10 ประการนี้ เป็นท้ังแนวทางและเป้าหมายในการจัดการศึกษาและอบรมสั่งสอนนักเรียน ของสถานศึกษาทุกระดับและเจ้าหน้าท่ีในสถานศึกษาต้องถือปฏิบัติด้วยเช่นกัน ผู้บริหารคือผู้ท่ีเป็นหัวหน้า สถานศึกษา ครู อาจารย์ ผู้อำนวยการ และรวมไปถึงผู้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วย หรือรองของตำแหน่งผู้บริหาร ทุกระดับเป็นผู้มีความสำคัญต่อการจัดการและพัฒนา จริยศึกษาในสถานศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะผู้บริหาร การศึกษาเป็นท้ังผู้นำและเป็นผู้วางแผนการต่าง ๆ ในการจัดการเรียนการสอนให้นักเรยี นทั้งหลายได้รู้จักและ เข้าใจในหลักจริยธรรม ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาในระดับใด ดังน้ันผู้บริหารจึงมีคุณธรรมและจริยธรรมตามที่ กำหนดไวส้ ำหรบั อบรมส่ังสอนนกั เรียนนักศกึ ษาครบทุกข้อ ลกั ษณะครทู ่ีดตี ามพระราชดำรสั ลักษณะของครูท่ีดีตามแนวพระราชดำรสั ศักรินทร์ สุวรรณโรจน์ (อ้างถึงในพิมพ์พรรณเทพ สุเมธานนท์, นวลละออง แสงสุข และนชุ นาถ สนุ ทรพันธ์ุ, 2547 : 56-61) กล่าวว่า การศึกษาแนวพระราชดำริที่เกี่ยวกับครู สามารถศึกษาได้ทางหนึ่ง คอื ศึกษาจากพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสที่พระราชทานไว้ในโอกาสต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาท่ผี า่ นมา จนสามาสามารถสรุปเป็นคุณลกั ษณะของครูได้ ดังตอ่ ไปน้ี 1. ครตู อ้ งเน้นทีค่ ณุ ธรรม พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวได้พระราชทานพระบรมราโชวาทไว้หลายครง้ั เกี่ยวกับลักษณะของความ เป็นครูท่ีทรงเน้นว่าครูจะต้องมีคุณธรรม เช่น พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษา วทิ ยาลยั วิชาการศกึ ษาในปี พ.ศ. 2502 “… ข้าพเจ้าเช่ือว่านิสิตนักศึกษาซ่ึงสำเร็จการศึกษาไปในคราวนี้ควรจะได้มีคุณธรรมศีลธรรมและ วัฒนธรรมเป็นทุนอยู่บ้างแล้ว แต่ในฐานะที่ต้องออกไปทำหน้าที่ครูของผู้อื่นท่านจำเป็นจะต้องสร้างสมธรรมะ ต่าง ๆ ให้เพิ่มพูนมากย่ิงขึ้นและรู้จักวางตัวให้สมกับเป็นผู้มีหน้าท่ีสั่งสอนและอบรมเยาวชนควรจะต้ังใจปฏิบัติ หนา้ ที่อย่างเต็มความสามารถและช่วยกันขจัดปัญหาเยาวชนให้หมดสิ้นไปโดยเร็วและสง่ เสรมิ ให้เยาวชนไดเ้ ป็น คนท่มี สี ัมมาอาชีพและความประพฤติดีเพื่อเปน็ กำลงั ในการที่จะสรา้ งประเทศชาตติ ่อไป…” หรือพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตนักศกึ ษาวิทยาลัยวิชาการศกึ ษาในวันที่ 15 ธันวาคม 2503 ไดท้ รงเน้นคุณลักษณะในการอบรมเดก็ ในด้านศลี ธรรมเปน็ สำคญั ด้วยดังท่ีวา่ “… ผู้เป็นครูอาจารย์นั้นใช่แต่ว่ามีความรู้ในทางวิชาการและในทางการสอนเท่าน้ันก็หาไม่จะต้องรู้จัก อบรมเด็กท้ังในด้านศีลธรรมจรรยาและวัฒ นธรรมรวมท้ังให้มีสำนึกรับผิดชอบในหน้ าท่ีและในฐานะเป็น พลเมืองที่ดีของชาติต่อไปข้างหน้าการให้ความรู้หรือท่ีเรียกว่า การสอนนั้นต่างกับการอบรมการสอน คือ การ ให้ความรู้แก่ผู้เรียนส่วนการอบรมเป็นการฝึกจิตใจของผู้เรียนให้ซึมซาบจนติดเป็นนิสัยขอให้ทำนทั้งหลาย จงอย่าสอน แตอ่ ย่างเดยี วให้อบรมความรูด้ ังกลา่ วมาแลว้ ด้วย ... ” นอกจากน้ัน ในพระบรมราโชวาทอีกหลายครั้งพระองค์ก็ได้เน้นให้ครูยึดมั่นอยู่ในคุณธรรมและ ศีลธรรมเสมอ ดังพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษาวิทยาลัยวิชาการศึกษา เม่ือวันท่ี 13 ธันวาคม 2505 ทวี่ า่ “… การศึกษาเป็นเร่ืองใหญ่และสำคัญย่ิงของมนุษย์คนเราเม่ือเกิดมาก็ได้รับการส่ังสอนจากบิดา มารดาอนั เป็นความรู้เบื้องต้นเมื่อเจริญเติบโตข้ึนก็เป็นหน้าท่ีของครูและอาจารย์ส่ังสอนให้ได้รับความรู้สูงและ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 102 อบรมจิตใจให้ถึงพร้อมด้วยคุณธรรมเพ่ือจะได้เป็นพลเมืองดีของชาติสืบไปงานของครูจึงเป็นงาน ที่สำคัญยิ่ง ทา่ นท้ังหลายซึ่งจะออกไปทำหน้าที่ครจู ะต้องยึดม่ันอยู่ในหลักศีลธรรมและพยายามถา่ ยทอดวิชาความรู้แก่เด็ก ให้ดีท่ีสุดท่ีจะทำได้นอกจากน้ีจงวางตนให้สมกับที่เป็นครูให้นักเรียนมีความเคารพนับถือและเป็นที่เลื่อมใส ไวว้ างใจของผูป้ กครองนกั เรียนดว้ ย …” จากพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสท่ียกมาจะเห็นว่าในเรื่องความเป็นครูน้ันพระองค์ทรงเน้น ในเร่ืองของครูดีซ่ึง ได้แก่ ความมีคุณธรรมขยันหมั่นเพียรเสียสละอดทนและอดกลั้นรวมทั้งรักษาวินัยและ สำรวมระวังความประพฤตใิ ห้อย่ใู นระเบียบแบบแผนท่ดี ีงามเปน็ ประการสำคัญ 2. ครตู อ้ งประพฤติตัวใหเ้ ป็นท่รี กั เคารพรองนักเรยี น คุณลักษณะของครูที่สำคัญอีกประการหนึ่งตามแนวพระราชดำริ คือ ครูต้องทำตัวให้เป็นที่รักและ เคารพของนักเรียนรวมทั้งประพฤติตนเป็นแบบอย่าง ท้ังพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่ครูโรงเรียน วังไกลกงั วลในโอกาสทเ่ี ข้ารบั พระราชทานรางวัลเมอื่ วันท่ี 7 มิถุนายน 2521 ว่า “…สำหรับครูน้ัน จะต้องทำตัวให้เป็นท่ีรัก เป็นที่เคารพ เป็นที่เช่ือใจของนักเรียน… คือ ข้อแรกต้อง ฝึกฝนตนเองให้แตกฉานและแม่นยำขชำนาญท้ังในวิชาความรู้และวิธีสอนเพ่ือสามารถสอนวิชาทั้งปวงได้ โดยถูกต้อง กระจ่างชดั และครบถว้ นสมบูรณ์อีกข้อหนึ่ง ต้องทำตัวให้ดี คือ ต้องมีและแสดงความเมตตากรุณา ความซ่ือสัตย์ สุจริต ความสุภาพ ความเข้มแข็ง และอดทนให้ปรากฎชัดเจน จนเคยข้ึนเป็นปกติวิสักเด็ก ๆ จะ ได้เห็นได้เข้าใจค่าของความรู้ในความดีและในตัวครูอย่างซาบซึ้ง และยึดถือเอาเป็นแบบอย่าง ภารกิจของครู คอื การให้การศกึ ษากจ็ ะได้บรรลุตามที่มงุ่ หวงั …” จากท่ีได้นำเสนอมาน้ัน สะท้อนถึงแนวพระราชดำริเก่ียวกับครูท่ีจะต้องประพฤติตัวให้ดี เป็นที่รักท่ี เคารพสำหรบั นกั เรยี น นอกจากนั้นครจู ะต้องประพฤติให้เปน็ แบบอย่างท่ีดีให้ศษิ ย์ได้เห็นเป็นแบบอยา่ งด้วย 3. ครูตอ้ งอดทนเสียสละและมคี วามเมตตา เนื่องจากสนาพสังคมปัจจุบันทำให้เกิดปัญหามากขึ้น รวมท้ังในส่วนของเด็กด้วย ทำให้ครูทำงานได้ ยากขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเล็งเห็นว่างานของครูเป็นงานที่ยาก และต้องใช้ความอดทน เสียสละมากและจะต้องให้ความเมตตาแก่ศิษย์ ดังพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานแก่คณะครูอาวุโส เมือ่ วนั ท่ี 1 มกราคม 2513 ที่วา่ \"งานของครูน้ันเป็นงานที่ยาก และตอ้ งใช้ความอดทนเสียสละมาก ยิ่งในปัจจุบันยิง่ ยากข้นึ ทุกทีเพราะ เกิดมีความคิดใหม่อยู่เสมอ เชน่ วา่ เด็กต้องมคี วามคิดริเริ่มมากข้ึน แต่ความคิดริเร่ิมซ่ึงเป็นส่ิงที่ดนี ้ันโดยมากไป แปลไปเป็นว่าต้องมีความคิดท่ีจะล้าง ครูความคิดอันน้ีเป็นความคิดที่รู้สึกว่า จะไม่ค่อยดีนัก แต่เราก็ต้องรับ วา่ มีเพื่อแก้ ปัญหานีม้ ิใช่ว่าครูจะทำตัวไมด่ ีเพ่ือให้สอดคลอ้ งกับการยุแหย่ตรงข้ามครูต้องเสียสละยงิ่ ต้องทำงาน หนักและทำด้วยความเฉลียวฉลาดขึ้นปัญหาเรื่องการกระด้างกระเดื่องของฝ่ายลูกศิษย์ต่อครูน้ัน มีทางแก้ อย่างเดียว คือ ความโอบอ้อมอารีและความอดทนของครูจะไปด่าว่าเด็กเป็นผู้ร้ายเป็นคนไม่ดีก็ไม่สมควร นักความจริงผู้ใหญ่ และโดยเฉพาะครูก็มีหน้าที่ที่จะให้ความเมตตา และเมื่อศิษย์ทำอะไรไม่ดีก็ต้องอดทนและ ส่ังสอนแม้จะถูกด่า ตัวทำเช่นนี้ในที่สุดผู้ท่ีเป็นลูกศิษย์ก็จะเห็นความดี และความดีนี้จะเป็นส่ิงท่ีช่วยบ้านเมือง ให้รอดพ้นอันตรายไปได้ถ้า หากว่าครูเห็นเด็กกระด้างกระเดื่องมากแล้วเกิดทำไม่ดีน้อยใจแล้วไม่ทำหน้าที่ครู ละท้ิงหน้าที่ครูขาดความเมตตาหรือเกิดความท้อใจอย่างหนักอนาคตของชาติจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีผู้ให้ความรู้ แก่เด็กซง่ึ จะเปน็ ผใู้ หญ่ในอนาคตโดยเฉพาะในกลุ่มครทู ี่เรียกว่าเปน็ ครสู อนเด็ก ๆ การสอนของครมู ีความสำคัญ ยิ่งกวา่ ในกลมุ่ ครทู ่อี ยใู่ นข้นั มหาวทิ ยาลัยดว้ ยซำ้ .... \"
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 103 4. ครไู มค่ วรมงุ่ ยศศักดคิ์ วามร่ำรวยและผลตอบแทนทางวตั ถุ สิ่งหน่ึงท่ีมักจะพูดกันมากในสังคมปัจจุบัน คือ การแสวงหายศศักด์ิความร่ำรวย และผลตอบแทน ที่เป็นวัตถุ แต่สำหรับผู้ที่เป็นครูนั้นผลตอบแทนมิใช่อยู่ท่ียศศักด์ิความร่ำรวย และสิ่งท่ีเป็นวัตถุท้ังหลาย หากเป็นผลตอบแทนทางจติ ใจ ดังพระราชดำรัสพระราชทานแก่ครูอาวโุ สในโอกาสท่ีเข้าเฝา้ ฯ รบั พระราชทาน เคร่ืองหมายเชดิ ชูเกียรติ ณ ศาลาดสุ ดิ าลัยเมอื่ วนั ท่ี 9 ตุลาคม 2516 ที่ว่า งานครูเป็นงานพิเศษผิดแปลกกว่างานอ่ืน ๆ กล่าวในแง่หน่ึงที่สำคัญก็คือว่า ครูจะหวังผลตอบแทน เป็นยศศักด์ิความร่ำรวย หรือประโยชน์ทางวัตถุเป็นที่ต้ังไม่ ได้ผลได้ส่วนสำคัญเป็นผลทางใจ ซ่ึงผู้เป็นครูแท้ ก็พึงใจและภูมิอยู่แล้ว ดูเหมือน จะภูมิใจยิ่งกว่าข้าวของเงินทองและยศศักดิ์เสียอีก ถึงแม้ผู้ใดก็ตามเมื่อมอง ลึกซึ้งแล้ว ก็ย่อมเห็นว่าเป็นความจริงอย่างนั้น เพราะความม่ังมีและความยิ่งใหญ่ไม่อาจบันดาล หรือซื้อหา ความผูกพันทางใจอันแท้จริงจากผู้ใดได้ แต่ความเป็นครูน้ันผูกพันใจคนไว้ได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องซื้อหาหรือ ใช้อำนาจราชศักด์ิข่มขู่ เอาขึ้นช่ือว่า ครูกับศิษย์แล้ว ท่ีจะลืมกันได้นั้นยากนัก ผู้ท่ีไม่รู้จัก ไม่เอ้ือเฟ้ือครู ดู เหมือนมีแต่คนที่กำลังลืมตัวมัวเมาในลาภยศอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่เท่าน้ัน ฉะนั้นครูจึงไม่มีเหตุอันใดที่จะต้อง แสวงหาความพอใจในประโยชน์ทางวัตถุให้มากจนเกินจำเป็น เพราะหากกันมาหาประโยชน์กับทางวัตถุกันมาก จนเกินไป ก็จะทำหนา้ ที่ครูเหมอื นเป็นครไู มเ่ ตม็ ท่ี และพระองคไ์ ด้ทรงเน้นในพระบรมราโชวาท อกี หลายครง้ั กลา่ ว คอื “…ทุกคนทำงานย่อมต้องหวังประโยชน์เช่นเงินทองยศศักด์ิอำนาจ ความร่ำรวยเป็นส่ิงตอบแทนสำหรับ ครทู รี่ กั การเปน็ ครูท่ีแท้จริงมีโอกาสท่ีจะไดร้ ับประโยชน์ท่ลี ้ำคา่ ยิ่งกว่าน้นั แตเ่ ป็นประโยชนท์ ี่เป็นไปในทางจิตใจ ยงิ่ กวา่ ทางวัตถุ กลา่ วคือ ครูตามแบบฉบับมกั จะมไิ ด้เป็นผู้ที่บริบรู ณ์ด้วยทรัพย์ดว้ ยยศศกั ด์อิ ำนาจ และอทิ ธพิ ล นักหาก แต่บรบิ ูรณ์ดว้ ยสมบัติทางคณุ ธรรมเช่นความซอื่ สัตย์สุจรติ ความเมตตาปราณีความเสียสละซึ่งเป็นเหตุ ทำให้สามารถผูกพันจิตใจผู้เป็นศิษย์ให้รักใคร่ไว้ใจ และเคารพเชื่อฟังได้แน่นแฟ้น และสามารถที่จะส่ังสอน ถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งจิตใจ และมารยาทที่ดีให้แก่ศิษย์ได้พร้อมมูลทำให้ศิษย์มีความฉลาดรอบรู้มีความอ่อน นอ้ มซ่ึงมิใชน่ อบน้อมเพียง แต่กบั ผู้ใหญ่หากรวมถึงนอบน้อมนับถือในกันและกนั อันทำให้เขา้ ใจกนั และเอื้อเฟื้อ สนับสนุนกนั เพื่อใหง้ านสว่ นรวมดำเนนิ ไปได้สะดวกทั้งรู้จักสร้างสรรคส์ ังคมท่ีดีต่อไปได้ดังน้ันถ้าพิจารณากันให้ ลึกซึ่งจะเห็นว่าประโยชน์ดังกล่าวแล้วเป็นประโยชน์ท่ีแน่นอนย่ังยืน และทำให้เกิดความสุขสบายได้สูงกว่า ทรัพย์ยศและอำนาจต่าง ๆ หรืออิทธิพลใด ๆ ท้ังหมด แต่เดี๋ยวนี้ความนิยมห่วงใยในสมบัติของครูดูจะเรียวลง อาจทำให้ผู้เปน็ ครูไม่ได้รับความสขุ ความอ่มิ ใจในการเป็นครเู ตม็ ภาคภูมิใจอาจทำให้ครูไม่สามารถสอนศษิ ย์ให้มี คุณสมบตั ิ ดีพร้อมต้งั แต่ก่อนซึง่ ท่ีสดุ ยอ่ มทำให้สังคมเสื่อมลงยุ่งยาก คลอนแคลและไปไมร่ อด…” (พระบรมราโชวาทในโอกาสท่ีคณะครูอาวุโสเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐานวันที่ 4 พฤศจิกายน 2518) 5. ครตู อ้ งยึดมนั่ ในคณุ ความดี แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เก่ียวกับครูประการสำคัญอีกประการหน่ึง คือ ทรงถือว่าครจู ะต้องยึดม่ันในคุณความดดี ังปรากฏในพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส ต่อไปน้ี \"…ความเป็นครูน้ันประกอบขึ้นด้วยส่ิงท่ีมีคุณค่าสูงหลายอย่างอย่างหน่ึง ได้แก่ ปัญญาคือความรู้ที่ดี ประกอบด้วยหลักวิชาอันถูกต้องที่แน่นแฟ้น กระจ่างแจ้งในใจ รวมทั้งความฉลาดที่จะพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ตลอดจนกิจที่จะทำตัวที่จะพูดทุกอย่างได้โดยถูกต้อง ด้วยเหตุผลอย่างหนึ่ง ได้แก่ ความดี คือ ความสุจริต ความเมตตากรุณาเห็นใจและปรารถนาดีต่อผู้อื่นโดยเสมอหน้าอีกอย่างหนึ่ง ได้แก่ ความสามารถที่จะเผยแผ่ และถ่ายทอดความรู้ความดีของตนเองไปยังผู้อ่ืนอย่างได้ผล ความเป็นครูมีอยู่แล้วย่อมฉายออกให้ผู้อื่นได้รับ ประโยชน์ด้วยกล่าวคือ ความแจ่มแจ้งแน่ชัดในใจย่อมส่องแสงความรู้ออกมาให้เข้าใจตามได้โดยง่ายและ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 104 ความหวังดีโดยบริสุทธ์ิใจย่อมน้อมนำให้เกิดศรัทธาแจ่มใสมีใจพร้อมท่ีจะรับความรู้ความดีด้วยความชื่นบาน ท้ังพร้อมจะร่วมงานด้วยโดยเต็มใจและมั่นใจโดยนัยน้ีผู้ท่ีได้รับแสงสว่างแห่งความเป็นครูชุบย้อมกายใจแล้ว จึงเป็นผู้ใฝ่หาความรู้ใฝ่หาความดีทั้งต้ังใจและเต็มใจท่าจะช่วยเหลือสนับสนุนผู้อ่ืนโดยบริสุทธิ์จะประกอบ กิจการใดก็จะทำให้กิจการนั้นดำเนินไปโดยสะดวกราบร่ืนและสำเร็จประโยชน์ท่ีมุ่งหมายได้โดยสมบูรณ์ผู้ที่มี ความเป็นครูสมบูรณ์ในตัวนอกจากจะมีความดีด้วยตนเองแล้วจึงยังจะช่วยให้ทุก คนมีโอกาสเข้ามาสัมพันธ์ เก่ียวขอ้ งบรรลุถึงความดคี วามเจริญไปดว้ ย ... ” (พระราชดำรัส พระราชทานแกค่ รูอาวโุ ส ณ ศาลาดสุ ิดาลัยเมื่อวันที่ 29 ตลุ าคม 2552) “…งานครูน้ัน ว่าถึงฐานะ ตำแหน่ง ตลอดจนรายได้ ดูออกจะไม่ทัดเทียมงานอื่นหลาย ๆ อย่าง แต่ถ้า ว่าถึงผลอันแพร่หลายยั่งยืนแล้ว จะต้องถือว่าอยู่เหนือกว่างานด้านอ่ืนทั้งหมด ทั้งน้ีเพราะครูเป็นผู้ให้ความรู้ ความดีและความสามารถนานาประการแก่ศิษย์ เป็นสมบัติอันประเสริฐติดตัวศิษย์ไปสำหรับท่ีจะนำไป สรา้ งสรรคป์ ระโยชน์ต่าง ๆ ทั้งแก่ตวั เอง และแก่ส่วนรวมและครูแต่ละคนนัน้ ต่างได้แผ่ความเมตตาส่ังสอนศิษย์ นับจำนวนพันจำนวนหม่ืน ทำใหเ้ ขาเหลา่ นั้นสามารถประกอบการงานอาชีพตา่ ง ๆ ไดท้ กุ ระดับทุกสาขาใหเ้ ป็น ประโยชน์ต่อแผ่นดิน จึงพูดไดเ้ ต็มปากว่าครูมผี ลงานสร้างสรรค์อยา่ งสงู พร้อมท้ังมีเมตตากรุณาต่อคนทั้งหลาย อย่างกว้างขวางไม่มีประมาณเปน็ เหตุให้คนไทยเคารพยกยอ่ งครอู ย่างยิ่ง ถือเป็นบพุ การีทีแ่ ท้จริงเปน็ ท่ีสองรอง แค่บดิ ามารดา เทา่ นน้ั ท่านทงั้ หลายมีโชคดีได้มาเป็นครู และไดป้ ฏิบัติหน้าท่ีสำเร็จสมบูรณ์ดแี ล้วทุกอย่างเช่นน้ี น่าจะมีความภาคภูมิใจทั้งมีความยินดีพอใจที่จะปฏิบัติบำเพ็ญคุณธรรมความดีของครูให้เพียบพร้อมยิ่งข้ึน เพื่อรักษาความบริสุทธ์ิศักดิ์สิทธ์ิของความเป็นครูไว้ให้เป็นแบบฉบับแก่คนรุ่นหลังสำหรับประพฤติปฏิบัติ ต่อตามกันข้ึนไปตลอดกาลนาน…” (พระบรมราโชวาท พระราชทานแกค่ รูอาวุโส ณ ศาลาดสุ ิดาลัยเมือ่ วนั ที่ 30 ตลุ าคม 2524) 6. พระผทู้ รงเป็นครขู องแผ่นดนิ อันท่ีจริงคุณลักษณะของครูตามพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทท่ีพระราชทานไว้น้ัน ทรงมีอยู่ ครบถ้วนในพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่อำนวยประโยชน์เกื้อกูลแก่ประชาชนชาวไทยอย่างประมาณ มิได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความเป็นครูต่อพสกนิกรชาวไทย ท้ังในด้านทรงช่วยเหลือสนับสนุนการศึกษา ทรงพระเมตตาพระราชทานคำสง่ั สอนอบรม ตลอดจนทรงปฏิบตั พิ ระองคม์ ั่นอย่ใู นคณุ ธรรมเปน็ แบบอย่างอนั ดี งามย่ิงกว่าน้ัน พระองค์ทรงมีน้ำพระทัยที่จะช่วยเหลือราษฎรอย่างไม่ทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหน่ือยทรงทุ่มเท พระสติปัญญากำลังพระวรกายพระราชทานความรู้ให้แก่ราษฎร ได้แก้ปัญหาการดำรงชีวิตและให้สามารถ พึ่งตนเองได้แม้ในยามเกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจพระองค์ได้ทรงช้ีแนะให้คนไทยให้เลือกวิถีทางและ แนวปฏิบัติตนเพ่ือความเจริญของตนเองและเพื่อความเจริญม่ันคงของประเทศชาติ พระองค์ได้ทรงแสดงให้ เห็นประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพความเป็นครูท่ีประเสริฐทรงเป็นแบบอย่างของครูท่ีแท้จริงด้วยจิตวิญญาณ เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรท่ัวท้ังผืนแผ่นดินไทยสมควรแก่การยกย่องเทิดทูนพระองค์ว่า “ทรงเป็นครูของ แผ่นดนิ ” และสมควรท่ีครแู ละทุก ๆ คนยดึ ถือเปน็ แบบอยา่ งของความเป็นครูท่ีแทจ้ รงิ ลกั ษณะครทู ีด่ ตี ามเกณฑม์ าตรฐานของครุ ุสภา คณะกรรมการส่งเสริมวิชาชีพครูได้กำหนดว่า บุคคลที่ประกอบวิชาชีพครูควรมีความรักความเมตตา และความปรารถนาดี มีความเสียสละและอุทิศตนและเวลาเพ่ือส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้เจริญเติบโต และ มีพฒั นาการในทกุ ด้านท้ังควรมลี ักษณะอย่างน้อย 4 ประการ คอื 1. รอบรู้ คือ จะต้องมีความรู้เก่ียวกับสภาพเศรษฐกิจ และสังคมรวมท้ังความเปล่ียนแปลงและ พัฒนาการที่เกิดขึ้นในสังคมของตนและของโลกมีความรอบรู้ในวิชาชีพของตน เช่น ปรัชญาการศึกษาประวัติ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 105 การศึกษาหลกั การศกึ ษานโยบายการศึกษาแผน และโครงการพัฒนาการศึกษาและจะต้องมีความรู้อย่างเชี่ยวชาญ ในเร่ืองหลักสูตรวธิ สี อน และวธิ ีประเมินผลการศึกษาในวชิ าชีพหรอื กจิ การทีต่ นรับผดิ ชอบ 2. สอนดี คือ จะต้องทำการสอนอย่างมีประสิทธิภาพมีการพัฒนาการสอนให้สอดคล้องกับความสามารถ และความสนใจของนักเรียน อีกทั้งสามารถให้บริการแนะแนวในด้านการเรียนการครองตนและการรักษา สุขภาพอนามัยจัดทำ และใช้สื่อการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพรวมท้ังสามารถปรับการเรียนการสอน ให้เหมาะสมกับสถานการณข์ องบ้านเมือง 3. มีคุณธรรมจรรยาบรรณ คือ มีศรัทธาในวิชาชีพครู ตั้งใจใช้ความรู้ความสามารถทางวิชาชีพเพ่ือให้ บริการแก่นักเรียน และสังคมมีความซือ่ สัตย์ต่อหลักการของอาชีพครูมีความรับผิดชอบในด้านการศึกษาต่อสังคม ชุมชนและนักเรียน มีความรักความเมตตา และความปรารถนาดีต่อนักเรียนอุทิศตนและเวลาเพ่ือส่งเสริมให้ นกั เรยี นทกุ คนไดร้ บั ความเจรญิ เติบโตและพฒั นาการในทุกด้าน 4. มุ่งม่ันพัฒนา คือ รู้จักสำรวจและปรับปรุงตนเองสนใจใฝ่รู้และศึกษาหาความรู้ต่าง ๆ รู้จักเพิ่มพูน วิทยะฐานะของตนคิดค้นและทดลองใช้วิธีการใหม่ ๆ ท่ีเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนและเป็นประโยชน์ ต่อชมุ ชนด้วย รายละเอียดเก่ียวกับคุณลักษณะพฤติกรรมหลักและพฤติกรรมบ่งชี้ตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู ชุมชนดว้ ยซึ่งแบง่ ออกเปน็ 3 หมวด มดี งั ต่อไปน้ี หมวดท่ี 1 รอบรู้ สอนดี ประกอบดว้ ย คณุ ลักษณะ พฤตกิ รรมหลัก และพฤติกรรมบง่ ช้ี ดังต่อไปน้ี 1. ดา้ นความรู้และความสามารถในวชิ าชีพครู ได้แก่ 1) รแู้ ผนการศกึ ษาแห่งชาติ : นโยบายการศกึ ษาที่ตนรบั ผิดชอบ, รจู้ ุดม่งุ หมายของการศึกษา 2) รหู้ ลักสตู ร คอื - รู้หลักการรู้จดุ มงุ่ หมายและโครงสร้างของหลกั สูตร - รู้แผนพฒั นาและนโยบายหลักของท้องถน่ิ หรือจังหวัดทีป่ ฏิบัติ - สามารถปรบั หลกั สูตรการเรยี นการสอนให้สอดคล้องกบั นโยบายการพฒั นาสภาพแวดล้อมของท้องถ่นิ - เขา้ ใจหลกั สูตรและสามารถเชอื่ มโยงหลักสตู รกบั การสอนในระดบั ตา่ ง ๆ ได้ 3) รเู้ นอ้ื หาวิชาทีส่ อน คือ - มีความแมน่ ยำและละเอียดลึกซึ้งในเนอ้ื หาวชิ าและปรบั ปรงุ ให้ทันสมัยอยูเ่ สมอ - ผา่ นการศกึ ษาหรือผ่านการอบรมในวิชาท่ีสอน - จดั ทำเอกสารประกอบการสอนและคู่มือในวิชาทต่ี นรับผดิ ชอบ 4) ทำการสอนอยา่ งมปี ระสิทธภ์ิ าพ คอื - เตรยี มการสอนล่วงหนา้ อยา่ งเป็นระบบครบทุกขน้ั ตอน - วางแผนและจดั สภาพแวดลอ้ มของหอ้ งเรียนได้เหมาะกับการเรียนรูข้ องผู้เรียน - นำหลักจิตวทิ ยามาใช้ในการเรียนการสอนสอดคลอ้ งกับพฒั นาการของผเู้ รยี น - ใช้ภาษาไทยสื่อความหมายได้อย่างถูกต้องทั้งการพูดการเขียนการถ่ายทอดความรู้การใช้คำถาม การออกความคดิ เหน็ และการอภปิ ราย 5) รหู้ ลักการวัดและประเมินผล คอื - มีความรู้เก่ียวกับลักษณะแบบทดสอบตามหลักการวัดผลประเมินผลและสามารถออกข้อสอบ และปรับปรุงแบบทดสอบรวมทง้ั นามาใช้ได้ จรงิ เหมาะสมกบั ระดบั ชั้นของผเู้ รียน - ใชก้ ารวัดและประเมนิ ผลหลาย ๆ วิธใี ห้เหมาะสมกบั สภาพการเรยี นรู้ - ดำเนนิ การวดั ผลและประเมนิ ผลได้ถกู ต้องมีคณุ ภาพ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 106 - นำผลการวัดและประเมินผลมาปรับปรงุ การเรยี นการสอน 6) สอนซอ่ มเสรมิ คือ - วเิ คราะหว์ ินจิ ฉัยปญั หาและความตอ้ งการจำเปน็ ของผูเ้ รยี น - สามารถใชว้ ธิ ีสอนซ่อมเสรมิ เพื่อพฒั นาการเรียนรูข้ องผเู้ รยี น 7) การพัฒนาการสอน คอื - ใชร้ ะบบข้อมูลเกยี่ วกบั การเรียนการสอนใหเ้ ป็นประโยชน์ - วจิ ัยการเรียนการสอนและหรือนาผลการวิจยั มาใช้ปรบั ปรุงวิธีการสอนแก้ปัญหาการเรยี นการสอน - เผยแพร่เทคนคิ วิธกี ารสอนใหม่ ๆ ตลอดจนผลงานทางวชิ าการให้แก่เพ่อื นครูตามสมควร 2. ด้านสนบั สนนุ การเรียนการสอน 1) บริการเชิงแนะแนว - สังเกตและรู้จกั นักเรียนเปน็ รายบุคคล - บนั ทกึ ระเบยี นประวัตนิ ักเรียนจัดกิจกรรมเพอ่ื สรา้ งประสบการณใ์ นการแกป้ ัญหา - ใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาใหน้ ักเรียนให้ความสนใจดูแลและช่วยเหลือ ดา้ นสุขภาพอนามัยและความปลอดภยั ของนักเรียน 2) บริการด้านกจิ การนกั เรียน - เปน็ อาจารย์ทีป่ รึกษากิจกรรมชมรมของนักเรียนและกจิ กรรมพิเศษ - จดั กจิ กรรมเพื่อสร้างคุณลักษณะประชาธปิ ไตย - จัดกิจกรรมเพ่อื สรา้ งเสริมจริยธรรม - จัดกจิ กรรมเพ่ือสร้างเสริมความคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ 3) บริการด้านส่อื การเรียนการสอน - ดแู ลบำรุงรักษาอุปกรณแ์ ละสอ่ื การเรยี นการสอนให้อยู่ในลกั ษณะใชก้ ารได้ - จดั มมุ หอ้ งสมุดหรอื มมุ เสริมประสบการณ์ - จดั สอ่ื ท่สี ง่ เสริมความถนัด ศลิ ปะ ดนตรี กฬี า แกผ่ ู้เรียน 4) งานธรุ การ - ทำเอกสารประจำชั้นไดด้ ีและเปน็ ปจั จบุ นั - จัดเกบ็ ระเบียนสะสมนักเรยี นเอกสารเปน็ หมวดหมูแ่ ละเป็นระบบ - มีเอกสารหลักฐานการติดต่อระหวา่ งครกู ับผปู้ กครอง 3. ด้านรอบรูส้ ถานการณ์บ้านเมอื งและความเปลย่ี นแปลงท่สี ำคัญ 1) ตดิ ตามความเคล่อื นไหวและสถานการณ์ของบ้านเมืองในปจั จุบัน 2) จับประเด็นปญั หาและความเปลยี่ นแปลงทีส่ ำคัญของสงั คมได้ หมวดท่ี 2 มีคุณธรรม จรรยาบรรณ ประกอบด้วย คุณลักษณะ พฤติกรรมหลักและพฤติกรรมบ่งชี้ ดังต่อไปน้ี 1. มีความเมตตากรุณา - มีความเอื้อเฟ้ือเผอื่ แผ่ช่วยเหลือเพ่ือนร่วมงานและสังคมไม่น่ิงดูดายและเต็มใจชว่ ยเหลือตามกำลัง ความสามารถ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 107 - มีความสนใจและห่วงใยในการเรียนและความประพฤติของผู้เรียนแนะน้าเอาใจใส่ช่วยเหลือเด็ก และเพื่อนรว่ มงานให้ได้รับความสุขและพ้นทุกข์เป็นกันเองกับผเู้ รียนเพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้สึกเปิดเผยไว้วางใจ และเป็นท่พี ่งึ ของผเู้ รยี นได้ 2. มคี วามยตุ ิธรรม - มคี วามเป็นธรรมต่อนกั เรียนเอาใจใสแ่ ละปฏิบัติตอ่ ผ้เู รยี นและเพ่ือนร่วมงานทุกคนอย่างเสมอภาค และไม่ล้าเอียงตัดสินปัญหาของผู้เรียนดว้ ยความเป็นธรรมมคี วามเปน็ กลางยินดีชว่ ยเหลือผู้เรียนผรู้ ่วมงานและ ผ้บู รหิ ารโดยไมเ่ ลือกที่รักมักทชี่ ัง 3. มีความรบั ผิดชอบ - มุ่งม่ันในผลงานมีวิธีการที่จะปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์วางแผนการใช้เวลาอย่าเหมาะสม และปฏบิ ัติงานไดท้ นั เวลาใช้เวลาอยา่ งคมุ้ ค่าและมีประสิทธิภาพ 4. มีวนิ ยั - มีวินัยในตนเองควบคุมตนเองให้ปฏิบัติตนอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรมมีวิธีทำงานท่ีเป็น แบบอย่างที่ดแี กบ่ ุคคลอนื่ ได้ - ปฏบิ ัตติ ามกฎและระเบยี บของหนว่ ยงานและสถานศึกษา 5. มคี วามขยนั - มีความต้ังใจกระตือรือร้นและปฏิบัติงานเต็มความสามารถอย่างสม่ำเสมอไม่ท้อถอยต่ออุปสรรค ในการทำงาน - มีความพยายามทีจ่ ะสอนเด็กให้บรรลุจดุ มุง่ หมาย 6. มคี วามอดทน - อดทนเม่ือเกิดอปุ สรรคปฏบิ ัตงิ านเตม็ ทไ่ี ม่ทิ้งขว้างกลางคนั - มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ไม่โกรธง่ายและสามารถควบคุมอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม อดทนอดกล้นั ตอ่ คำวิพากษว์ จิ ารณ์ 7. มคี วามประหยดั - รูจ้ ักประหยดั อดออมช่วยรักษาและใช้ของส่วนรวมอย่างประหยัดไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินฐานะของ ตนรู้จักเก็บออมทรัพย์เพอื่ ความมั่นคงของฐานะ - ใช้ของคุ้มค่าชว่ ยรักษาและใชข้ องสว่ นรวมอย่างประหยดั 8. มีความรกั และศรัทธาในอาชีพครู - เห็นความสำคัญของอาชีพครูสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรวิชาชีครูเข้าร่วมกิจกรรมทาง วิชาชีพครูร่วมมือ และส่งเสริมให้มกี ารพฒั นามาตรฐานวิชาชีพครู - รักษาชื่อเสียงวิชาชีพครูต้ังใจปฏิบัติหน้าท่ีให้เกิดผลดีและเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ รักษาความสามัคคีและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหน้าที่การงานปกป้องและสร้างความเข้าใจอันดีต่อสังคม เก่ียวกบั วิชาชีพครู 9. มีความเป็นประชาธปิ ไตยในการปฏบิ ตั งิ านและการดำรงชวี ิต - โต้แยง้ ของผอู้ น่ื เปิดโอกาสใหผ้ ้อู นื่ แสดงความคดิ เหน็ - มีเหตุผลยอมรับและปฏิบัติตามความคิดเห็นท่ีมีเหตุผลโดยคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักใช้ หลกั การและเหตผุ ลในการตัดสนิ ใจและแก้ปญั หา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 108 หมวดท่ี 3 ม่งุ ม่ันพัฒนา ประกอบด้วย คุณลักษณะ พฤตกิ รรมหลักและพฤติกรรมบ่งช้ดี งั ตอ่ ไปน้ี 1. การพฒั นาตนเอง 1). รจู้ กั สำรวจและปรบั ปรงุ ตนเองอย่เู สมอ - รับฟังคำวพิ ากษ์วิจารณ์และนำมาปรับปรุงตนเอง - ประเมินผลและปรับปรงุ การทำงานของตนเองตลอดเวลา - ยอมรับความเปลีย่ นแปลงและปรับตัวเข้ากบั สง่ิ แวดล้อมอย่างมีเหตุผลทางคณุ ธรรม 2) สนใจใฝร่ ู้ - ศึกษาหาความรู้ดว้ ยตนเองจากแหล่งความรตู้ า่ ง ๆ - เข้าร่วมประชมุ สัมมนาเพอื่ แลกเปลี่ยนความรู้และความคิด - สนใจตติ ตามเหตกุ ารณ์ปัจจุบันและตดิ ตามความเคล่ือนไหวทางการศึกษา 3) เพ่มิ พนู วิทยฐานะ - สนใจกระตือรือร้นในการที่จะเข้ารับราชการอบรมเพื่อเพ่ิมพูนความรู้ที่จะนำมาใช้ประโยชน์ ในการเรียนการสอน 4) คดิ คน้ ควา้ วทิ ยาการใหม่ ๆ - คดิ เทคนคิ วิธกี ารสอนหรอื ประดิษฐ์ผลงานแปลกใหม่มาใชใ้ นการเรยี นการสอน - นำผลที่ได้จากการทดลองมาปรับปรุงใช้พัฒนางานและเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียน การสอน 3. ลักษณะครทู ีด่ ีจากผลการวจิ ัย กรมการฝึกหัดครกู ระทรวงศึกษาธิการไดท้ ำการวิจัยเรือ่ งของครูท่ีดีโดยการสอบถามจากบุคคลหลายฝ่าย คือ นักเรียน ครู ผู้บริหารการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิศึกษานิเทศก์และผู้ปกครอง ใช้เวลาในการวิจัย พ.ศ. 2518 พ.ศ. 2520 ซ่ึงเป็นคร้ังแรกในประเทศไทย ที่ทำการวิจัยเร่ืองลักษณะของครูที่ดีท่ีได้กระทำในวงกว้างผลจาก การวิจัยลกั ษณะของครทู ดี่ ีสรุปผลไดด้ ังน้ี (กรมการฝกึ หดั ครู 2520 : หน้า 363-371) 1. ด้านคุณธรรมและความประพฤติ ได้แก่ ความเที่ยงธรรมความซื่อสัตย์สุจริตการตรงต่อเวลาร่าเริง แจ่มใสรู้จักเสียสละวาจาสุภาพเรียบร้อยเป็นกันเองกับเด็กและเข้ากับเด็กใต้เป็นตัวอย่างในการประพฤติดีมี มนุษยสัมพันธ์แต่งกายเรียบร้อยมีบุคลิกลักษณะที่ดีมีวาจาสุภาพอ่อนโยนเว้นจากอบายมุขต่าง ๆ ไม่ทำตัว เสเพลมีระเบียบวินัยอารมณ์ม่ันคงมีความปรานีรู้จักปกครองแบบประชาธิปไตยเป็นคนมีเหตุผลรู้จักสิทธิและ หน้าที่ 2. ด้านความยึดมั่นในสัญชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อันเป็นหลักสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรบั บุคคล ท่ีทำหน้าท่เี ป็นครูที่ให้การศึกษาแก่อนุชนของชาติให้มีความรักและห่วงแหนในส่ิงท่ีเป็นองค์ประกอบ สำคัญของความเป็นไทย 3. ความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน รู้จักเตรียมการสอนเพ่ือให้การสอนและการเรียนของนักเรียน บรรลุเป้าหมายท่ีต้องการเอาใจใส่การสอนอบรมความประพฤติ และปลกู ฝัง่ คำนยิ มดีงามให้แกน่ ักเรยี นมีความ ขยนั ขันแขง็ มคี วามกระตือรือร้นในการทำงาน มีความศรทั ธาต่ออาชีพครอู ทุ ิศตัวเพ่ือราชการ มสี ุขภาพทางกาย และจิตใจทดี่ รี ู้จกั ตดิ ตอ่ กบั ผู้ปกครอง และพยายามเข้าใจเดก็ 4. ความสามารถในการใชภ้ าษาส่อื สารรู้จักหลักการพูดการอภปิ รายบทเรียนแจ่มชัดร้จู กั ใชภ้ าษาถูกต้อง 5. เอาใจใส่ค้นคว้าความรู้อยู่เสมอรู้และตามความเคลื่อนไหวทางการศึกษาอยู่เสมอโดยเฉพาะ แผนการศกึ ษาแห่งชาติและหลกั สูตรรู้จักปรับวิธีการสอนแบบใหม่และเหมาะสมอยู่ตลอดเวลาการเป็นครูสอน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 109 ให้คนเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์คือความรู้คู่คุณธรรมมิใช่เป็นส่ิงที่ทำได้ง่ายการเป็นครูที่ดีต้องอาศัยความอดทน เสียสละมเี มตตาซ่งึ เปน็ คุณสมบัติเพียงส่วนหนึ่งของความเป็นครูที่ดคี ุณลักษณะของครูทดี่ ีมีหลายประการซง่ึ จะ ใหน้ ำมากล่าวถงึ ลักษณะของครูทดี่ ีตามคำสอนในพุทธศาสนา จากการศึกษาวิจัยเก่ียวกับลักษณะครูดีในประเทศไทยของนักการศึกษาหลายท่านดิเรกพรสีมาและคณะ (2542) พบวา่ ครทู ีด่ คี วรมลี กั ษณะที่จำเป็น 3 ดา้ น ดงั นี้ 1. ด้านคุณลักษณะ 1.1 ตอ้ งมคี วามรักและศรัทธาในวิชาชีพครูและพร้อมท่จี ะพัฒนาวิชาชีพของตนอยเู่ สมอ 1.2 ประพฤติตนเป็นแบบอย่างแก่ผู้เรียนทั้งด้านศีลธรรมวัฒนธรรมกิจนิสัยสุขนิสัยและอุปนิสัยมี ความเปน็ ประชาธิปไตย 1.3 มีความเมตตาแก่ศษิ ย์และเหน็ คุณคา่ ของศษิ ย์ 1.4 มีสุขภาพสมบรู ณ์ 1.5 มคี วามคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรค์ทางวิชาการสามารถใช้กระบวนการคิดวเิ คราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ 1.6 มีบทบาทในการพฒั นาชุมชนสามารถเป็นผ้นู ำชุมชนได้ 1.7 ใชเ้ ทคโนโลยีท่ที ันสมัยภาษาและการวิจยั เพือ่ เปน็ เคร่อื งมือในการพฒั นาตนเอง 1.8 สามารถพัฒนาตนเอง ให้เป็นครูแบบใหม่ในระบบสากลได้ คือ การรู้ในวิทยาการด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น มีความหลากหลายเพ่ือตอบสนองผู้เรียนเป็นหลักสามารถพัฒนาผู้เรียนได้ อย่างเตม็ ศักยภาพและสร้างสรรค์ข้อมูลสะทอ้ นกลบั สู่ผเู้ รียนไดอ้ ย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นครทู ่ีเข้าหาผูเ้ รียนและ ชุมชนได้มากขน้ึ 2. ดา้ นความรู้ของครู 2.1 ครูต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ในวิชาที่สอนอยา่ งแท้จริงสามารถเช่ือมโยงทฤษฎีในศาสตรค์ วามรู้มาสู่ การปฏบิ ตั ไิ ด้ทง้ั การปฏิบตั ิในระดบั สากลและในระดบั ท้องถิน่ 2.2 มคี วามรูด้ า้ นการวิจยั วิทยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละภาษาเพ่อื เปน็ เครื่องมือในการแสวงหาความรู้ 2.3 มคี วามรู้เรอื่ งเทคนคิ การสอนจิตวิทยาการวดั ผลและประเมนิ ผลและสามารถประยุกตใ์ ช้ในการ จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน 2.4 รู้ข้อมูลข่าวสารรอบตัวและเร่ืองราวในท้องถ่ินเพ่ือแลกเปลี่ยนความรู้และฝึกผู้เรียนคิดวิเคราะห์ วจิ ารณไ์ ด้ 3. ด้านการถ่ายทอดของครู 3.1 สามารถประยุกต์ใช้เทคนิคการสอนต่าง ๆ เพ่ือจัดบรรยากาศการเรยี นรูท้ ีน่ า่ สนใจทำใหผ้ ู้เรียนเข้าใจ เน้อื หาวิชาทีเ่ รียนสามารถเชือ่ มโยงความรู้น้นั สู่การนำไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั และการเรยี นร้ตู ่อไปได้ 3.2 สามารถอบรมนสิ ัยให้ผู้เรียนมศี ลี ธรรมวัฒนธรรมกจิ นิสยั สุขนสิ ยั และอุปนิสยั รวมท้ังรกั ในความ เป็นประชาธปิ ไตยเพอ่ื เป็นบรรทดั ฐานในการใชช้ วี ิตอย่รู ว่ มกับผอู้ ื่นในสงั คมได้อย่างมีความสุข 3.3 สามารถพัฒนาให้ผู้เรียนใฝ่รู้ก้าวทันเทคโนโลยีตลอดจนสามารถใช้ภาษาสื่อสารกันได้เพื่อให้ ผูเ้ รยี นได้พัฒนาตนเองอยู่เสมอและสามารถใช้เคร่ืองมือต่าง ๆ ในการแสวงหาความรู้และเรียนร้ไู ดด้ ้วยตนเอง 3.4 สามารถพัฒนาให้ผู้เรยี นมองกว้างคิดไกลและมีวจิ ารณญาณท่ีจะวเิ คราะห์และเลอื กใชข้ ่าวสาร ข้อมูลให้เกิดประโยชนต์ ่อตนเองได้ 3.5 พัฒนาผู้เรียนเรียนรู้เร่ืองราวต่าง ๆ ของชุมชนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาชุมชน และแก้ปญั หาตา่ ง ๆ ในชุมขนได้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 110 สรุปได้ว่าครูดีจะต้องมีคุณลักษณะท่ีดีท้ังใจ คือ มีความศรัทธาในวิชาชีพครู มีจิตใจเมตตา มีศีลธรรม และกายท่ีดี คือ มีสุขภาพสมบูรณ์ พัฒนาตัวเองให้ทันต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สามารถนำมา ประยกุ ต์ใช้ในการเรียนการสอนในปัจจุบัน พร้อมทงั้ พัฒนานักเรียนให้รู้และใช้เคร่ืองมือต่าง ๆ ในการแสวงหา ความรู้ให้ตัวเองได้ครูต้องเข้าใจชุมชนและเข้าหาชุมชนมากขึ้น และสามารถให้นักเรียนนำความรู้ท่ีได้มา ประยุกต์ใช้พฒั นาและแก้ปัญหาของชมุ ชนได้ 4. คณุ สมบตั ขิ องแบบอย่างท่ดี ี คณุ สมบตั ิของแบบอยา่ งท่ีดี 1. เป็นผู้ท่ียึดม่ันในคุณธรรมจริยธรรม ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพุทธศาสนา มีคุณธรรมจริยธรรม ทง้ั ต่อตนเองและผู้อน่ื ประพฤติปฏิบัตติ นอยู่ในศลี ธรรมอันดีเป็นทีเ่ ชื่อถอื ศรัทธาของผู้อื่น มงุ่ ประโยชน์สว่ นรวม มากกว่าประโยชนส์ ว่ นตน 2. เป็นผูท้ ่มี ีความซือ่ สัตยส์ ุจริตต่อตนเองและผู้อน่ื ได้ประพฤติปฏบิ ัตติ นให้มีความซอื่ สัตย์ทั้งตอ่ ตนเอง และผู้อ่ืน ปฏิบัติตนเป็นผู้ท่ีรักษาวาจาพูดในสิ่งที่ดีท่ีเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่ บนพ้ืนฐานของความสุจริตมิเคยรับอานิจสินจ้างหรือสินบน ปฏิบัติต่อผู้บังคับบัญชาใต้บังคับบัญชา เพ่ือน รว่ มงานและผอู้ ่ืนด้วยความจรงิ ใจ ส่งเสรมิ สนับสนุนและใหก้ ำลงั ใจบคุ ลากรทกุ คนดว้ ยความจรงิ ใจ 3. เอื้อเฟ้ือเผ่ือแผ่ต่อผู้อื่นเสมอ ได้ให้ความเอื้อเฟ้ือเผ่ือแผ่ต่อผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา เพ่ือน ร่วมงาน และผู้อื่นอยู่เสมอ มีน้ำใจและช่วยเหลือผู้อ่ืนเมื่อได้รับความเดือดร้อนหรือเม่ือร้องขอโดยไม่คำนึงถึง ผลท่ีจะได้รบั ให้ความช่วยเหลือทุกคนด้วยความจริงใจไม่หวังสงิ่ ตอบแทนแต่อย่างใด มีความสุขทางใจในฐานะ เป็นผู้ให้ ตลอดจนเป็นท่ีปรกึ ษาแก่ผู้ปกครองและเปน็ วทิ ยากรใหค้ วามรู้แกท่ ุก ๆ คน 4. มีความเมตตากรุณาต่อผู้อ่ืนและผู้ที่ด้อยกว่า มีความรักเมตตาต่อผู้อ่ืนและผู้ที่ด้อยกว่าอยู่เสมอ มีความจริงใจในการแสดงออกด้วยการช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่กำลังความสามารถจะช่วยเหลือได้ ทั้งในด้านกำลัง กายและกำลังทรัพย์ของตน จนเปน็ ท่ยี อมรบั ของบุคลากรและเพอ่ื นรว่ มงานในโรงเรยี นและบคุ คลอืน่ 5. การสร้างขวัญ กำลังใจต่อเพื่อนร่วมงานให้กำลังใจต่อเพื่อนร่วมงานด้วยการร่วมคิด ร่วมทำและ ร่วมช่ืนชมความสำเร็จด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การให้ความช่วยเหลือในการทำงาน ร่วมทำงานในทุกกิจกรรมจนแล้ว เสร็จ ช้ีแนะและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความเต็มใจ ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสต่าง ๆ สนับสนุนให้บุคลากร ทุกคนมีความมั่นคงและเจริญก้าวหนา้ ในวิชาชีพ 6. ยึดการพ่งึ ตนเองมคี วามขยนั หมัน่ เพียร อดทนอดกล้นั 7. มีความรบั ผิดชอบประหยดั และออมยดึ หลกั ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 8. การรกั ษาระเบยี บวนิ ัยและเคารพกฎหมาย การปฏบิ ัตติ ามคุณธรรมของศาสนาในการดำเนนิ ชีวิต 9. มคี วามจงรักภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ซ่งึ สอดคล้องกบั การปฏบิ ตั หิ น้าทผี่ ้บู รหิ าร 10. มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อหน้าที่ อุทิศเวลาให้ทางราชการอย่างเต็มท่ี ตรงต่อเวลา บรกิ ารผอู้ ่ืนด้วยมติ ร ไมตรี ซง่ึ ถือเป็นบทบาทสำคัญของผูเ้ ป็นหัวหนา้ 11. ปฏิบัติตนเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ีแก่ครู นักเรยี นและชมุ ชน 12. ได้รับความไว้วางใจ จากผู้บังคับบัญชา คณะครู นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนและชุมชน ท้ังยงั ปฏบิ ัตติ นทางด้านการครองเรอื นเปน็ หัวหน้าครอบครัวที่ดี 13. ประพฤตติ นอยู่ในหลักฆราวาสธรรมเปน็ แบบอย่างในการดำรงชีวิต 14. เป็นผู้ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบ แนวปฏิบัติของโรงเรียน ปฏิบัติตนตามกฎหมายของบ้านเมือง โดยไม่ละเมิดหรือกระทำในสิ่งท่ีผิดหรือขัดต่อกฎหมาย ปฏิบัติตนตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นองค์ประมขุ รวมทงั้ รักษาขนบธรรมเนียมประเพณอี ันดงี ามของสงั คมตามหนา้ ที่พลเมอื งทีด่ ีของชาติ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 111 15. เป็นผู้เสนอแนวทางปฏิบัติร่วมกนั ในโรงเรียนและปฏิบัตติ ามแนวปฏบิ ัตนิ ั้นอย่างเคร่งครดั สามารถ เป็นแบบอย่างทดี่ ที ้ังในดา้ นความประพฤติ การมาทำงาน และการแตง่ กาย 16. เปน็ ผู้ประพฤติปฏบิ ัตติ นใหต้ รงต่อเวลา ไม่เคยมาสายและไมเ่ คยกลับก่อนเวลาท่ีกำหนด 17. มคี วามต้ังใจทีจ่ ะทำงานในหนา้ ที่ให้ได้รับความสำเร็จด้วยตนเอง 5. ความหมายและความสำคัญของวิชาชพี ครู 5.1 ความหมายของวิชาชพี ครู ครู อาชีพครู วิชาชีพครู งานที่มีเกยี รตแิ ละเป็นงานท่ีสร้างคนให้กับสังคม ครู คือ บคุ คลที่มีหน้าท่หี รือ มีอาชีพในการสอนนักเรียน เก่ียวกับวิชาความรู้ หลักการคิดการอ่าน รวมถึงการปฏิบัติและแนวทางในการ ทำงาน โดยวิธีในการสอนจะแตกต่างกันออกไปโดยคำนึงถึงพ้ืนฐานความรู้ ความสามารถและเป้าหมายของ นกั เรียนแต่ละคน ปัจจุบันบคุ คลท่ีจะทำอาชพี น้ีจะต้องได้ใบประกอบวชิ าชพี ครดู ว้ ยคล้ายๆกับหมอ คำว่า “ครู” มีความหมายลึกซ้ึงกว้างขวางมากนัก แต่ถ้าดูจากรากศัพท์ ภาษาบาลีว่า “ครุ” หรือ ภาษาสันสกฤตว่า “คุร”ุ นัน้ มคี วามหมายวา่ “ผู้ส่ังสอนศิษย์ หรอื ผู้ควรได้รบั การเคารพ” ไดม้ ีผ้ใู หค้ วามหมาย ของคำว่า “คร”ู ไวห้ ลายประการ เชน่ “คร”ู คือ ผู้ทำหน้าท่ีสอนและให้ความรู้แก่ศิษย์ เพ่ือใหศ้ ิษย์เกิดความรู้ ความก้าวหนา้ ในสาขาวชิ านนั้ ๆ ยนต์ ชมุ่ จิต (2541: 29) ไดอ้ ธบิ ายคำวา่ “ครู” ดงั นี้ 1. ครู เป็นผูน้ ำทางศิษย์ไปสูค่ ณุ ธรรมชน้ั สงู 2. ครู คือ ผู้อบรมสั่งสอนถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ศษิ ย์ เปน็ ผู้มคี วามหนักแน่น ควรแกก่ ารเคารพของ ลกู ศษิ ย์ 3. ครู คือ ผู้ประกอบอาชีพอย่างหนึ่งท่ีทำหน้าท่ีสอน มักใช้กับผู้สอนในระดับต่ำ กว่าวิทยาลัยและ มหาวทิ ยาลยั หรือสถาบนั อดุ มศึกษา นอกจากนี้ คำว่า “ครู” ยงั มีความหมายอน่ื ๆ ได้อกี เชน่ 1. “ครู คือ ปูชนียบุคคล” หมายถึง ครูที่เสียสละ เอาใจใส่เพ่ือความเจริญของศิษย์ ซึ่งเป็นบุคคลท่ี ควรเคารพเทดิ ทูน 2. “ครู คอื แมพ่ ิมพ์ของชาต”ิ หมายถึง การเปน็ แบบอย่างทด่ี ขี องลกู ศษิ ย์ทจี่ ะ ปฏบิ ตั ติ วั ตามอยา่ งครู 3. “ครู คือ ผู้แจวเรือจ้าง” หมายถึง อาชีพครูเป็นอาชีพที่ไม่ก่อให้เกิดความ ร่ำรวย ครูต้องมีความพอใจ ในความเปน็ อย่อู ยา่ งสงบเรยี บรอ้ ยอยา่ หว่ันไหวต่อลาภยศความ สะดวกสบาย โดยสรุปอาจกล่าวได้วา่ วชิ าชพี ครู คือ ผู้ท่ีทำหน้าที่สอนให้ศิษย์เกิดความรู้ และมีคุณธรรม จรยิ ธรรมที่ดี นำประโยชนใ์ ห้แก่สังคมไดใ้ นอนาคต 5.2 ความสำคญั ของวชิ าชีพครู ทุกอาชีพย่อมมีความสำคัญต่อบุคคลและสังคมด้วยกันทั้งน้ัน เป็นการยากท่ีจะบ่งบอกว่าอาชีพใด สำคัญกว่าอาชีพใด แต่ในที่นี้เราจะพิจารณาเฉพาะอาชีพครูว่ามีความสำคัญต่อสังคมและประเทศชาติเพียงใด จึงขออัญเชญิ พระราโชวาทของสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากวทิ ยาลัยครู ณ อาคารใหม่สวนอัมพร วันพุธท่ี 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 ความตอนหนึ่ง ว่า “.....อาชีพครูถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะครูมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ ให้เจริญมั่นคง และ ก่อนที่จะพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญได้นั้น จะต้องพัฒนาคน ซึ่งได้แก่ เยาวชนของชาติเสียก่อน เพ่ือให้เยาวชน เตบิ โตเป็นผูใ้ หญท่ ่ีมคี ณุ คา่ สมบูรณ์ทกุ ด้านจึงสามารถ ช่วยกนั สร้างความเจริญใหแ้ ก่ชาตติ ่อไปได้......” จากพระ ราโชวาทของสมเด็จพระเทพฯ ตามท่ีได้อัญเชิญมากล่าวไว้ข้างต้น เป็นเคร่ืองยืนยันให้เห็นถึงความสำคัญของ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 112 ครทู ี่มีตอ่ ความเจริญของบุคคล และชาตบิ ้านเมืองเปน็ อย่างย่งิ ชาติบ้านเมอื งจะเจริญได้เพราะประชาชนในชาติ ได้รบั การศกึ ษาท่ดี แี ละมีครทู ีม่ คี ุณภาพ แต่ในปัจจุบันสังคมไทยกำลังประสบกับปัญหาวิกฤติในหลาย ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเร่ืองการศึกษา การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และด้านคุณธรรมจริยธรรมของประชาชนในประเทศ และแม้แต่บุคลากรทางการ ศกึ ษา ผู้ประกอบวิชาชีพครู ก็ปรากฎเป็นขา่ วเสมอ มีพฤติกรรมท่ีขาดจรยิ ธรรมและประพฤติตนไม่เป็นไปตาม กรอบของจรรยาบรรณแห่งวิชาชพี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบวิชาชีพครซู ึ่งควรเป็นบุคคลท่เี ป็นแบบอย่างที่ ดตี ่อข้าราชการครูในฐานะท่ีเป็นผู้ให้การศกึ ษาท่ีต้องประพฤตปิ ฏิบัตติ นเป็นแบบอย่างท่ีดี ได้ดำเนนิ การพัฒนา เด็กและเยาวชนให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของการศึกษา และตามความคาดหวงั ของสังคมซึ่งจะส่งผลดีต่อการ พัฒนางานการศึกษาทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับครูและนักเรียนอย่างเป็นรูปธรรม แต่กลับต้องตกเป็นข่าวอ้ือฉาวอยู่ เนือง ๆ ในเรื่องของการท่ีมีพฤติกรรมท่ีไม่พ่ึงประสงค์ท้ังด้านความประพฤติส่วนตัวการปฏิบัติงานทำให้ ผู้ปกครอง ชุมชน นักเรียนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่พึงพอใจก่อให้เกิดการต่อต้านเดินขบวนขับไล่หรือประท้วง ดังที่ปรากฎอยู่เนือง ๆ และนอกจากน้ี มีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวนมากถูกดำเนินการ ทางวินัยทั้งที่โดยจงใจหรือเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ซ่ึงก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ลักษณะความผิด ทถ่ี ูกดำเนินการทางวินัย ได้แก่ ความผิดเก่ียวกับความสัมพันธ์ ฉันทช์ ู้สาว การลว่ งละเมิดทางเพศ การเสพสุรา การพนนั และประพฤติตนไมเ่ หมาะสม ยาเสพติด และการกระทำความผิดอาญา การปลอมแปลงเอกสาร การ เรียกหรอื รับเงนิ หรือการใหส้ ินบน การกระทำ 3 อนั ไดช้ อ่ื วา่ ประพฤติชวั่ การทจุ ริตต่อตำแหนง่ หนา้ ท่รี าชการ การไม่ปฏิบัติตามระเบยี บแบบแผน ธรรมเนียมของทางราชการการละทิ้งหน้าท่ีราชการ และความผิดเกีย่ วกับ การปกครอง การบงั คับบัญชา ทำให้สังคมขาดความเชื่อมน่ั ต่อระบบการศึกษา ทั้งน้หี มายรวมถึงการขาดความ เชื่อม่นั ตอ่ คุณภาพ ด้านวชิ าาการ และระดบั คณุ ธรรม จริยธรรมของครูรวมท้งั ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษาอีกดว้ ย 5.3. ลกั ษณะของหนา้ ท่แี ละความรับผิดชอบของครู หนา้ ทค่ี วามรับผดิ ชอบของครมู ี 2 ลักษณะดงั น้ี 1) หน้าที่และความรับผิดชอบของครูในเชิงระเบียนปฏิบัติหรือกฎหมายกำหนด หน้าท่ีความ รบั ผิดชอบของครูในเชิงระเบียนปฏิบัติอาจพิจารณาได้จากระเบียนปฏิบัติทางราชการต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นและ ได้ประกาศใช้โดยหน่วยงานของราชการของรัฐ เช่น ระเบียนคุรุสภา ว่าด้วย จรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539 ประกาศจรรยาบรรณครูของสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ หรือระเบียนครุ สุ ภา ว่าดว้ ย วินัยและ การรกั ษาวนิ ยั ตา่ ง ๆ หน้าท่ีและความรับผิดชอบของครูในเชิงระเบียนปฏิบัติต่อบุคคลต่าง ๆ ท่ีผู้ประกอบวิชาชีพครู ต้องสัมพันธ์ด้วยน้ัน อาจแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ หน้าที่ความรับผิดชอบของครูต่อศิษย์ ต่อสถาบันวิชาชีพครูอัน ได้แก่ เพ่ือนครูและสถานศึกษา และหน้าที่ความรับผิดชอบของครูต่อสังคมอันได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียนและ ชมุ ชน หน้าท่คี วามรับผดิ ชอบของครูในเชิงระเบียนปฏิบตั ิหรอื กฎหมายกำหนดมดี งั น้ี 1.1 หน้าท่ีและความรับผิดชอบของครูต่อศิษยเ์ ป็นหน้าที่ความรับผิดชอบทส่ี ำคัญเป็นอันดับแรก อาจสรุปหนา้ ที่ของครตู ่อศษิ ยไ์ ด้ ดังน้ี 1.1.1 ตัง้ ใจสงั่ สอนศิษยแ์ ละปฏิบัติหนา้ ทีใ่ หเ้ กดิ ผลดดี ้วยความเอาใจใส่ 1.1.2 อทุ ิศเวลาของตนใหแ้ ก่ศิษย์ จะละทิง้ หรือทอดทง้ิ หนา้ ทีก่ ารงานมไิ ด้ 1.1.3 ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทาง วิชาการของตนไปใช้ในทางทจุ รติ หรือเปน็ ภัยต่อศิษย์ 1.1.4 สภุ าพเรียบร้อย ประพฤตติ นเป็นแบบอย่างทดี่ ีแกศ่ ิษย์ 1.1.5 รกั ษาความลบั ของศษิ ย์
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 113 1.1.6 ครูต้องรักและเมตตาศิษย์โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริมให้กำลังใจใน การศึกษาเลา่ เรียนแก่ศิษย์โดยเสมอหนา้ 1.1.7 ครูต้องอบรม ส่ังสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะและนิสัยที่ถูกต้องดีงามให้เกิดแก่ ศษิ ย์อยา่ งเตม็ ความสามารถด้วยความบริสุทธใิ์ จ 1.1.8 ครตู ้องประพฤติ ปฏิบตั ิเปน็ แบบอย่างท่ีดีแก่ศิษย์ทั้งทางการ วาจาและจิตใจ 1.1.9 ครตู ้องไมก่ ระทำตนเป็นปฏิปักษต์ ่อความเจริญทางกาย สติปญั ญา จิตใจ อารมณ์และ สงั คมของศิษย์ 1.1.10 ครูต้องไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ในการปฏิบัติหน้าที่ ตามปกติและไมใ่ ชใ้ ห้ศษิ ย์กระทำการใด ๆ อันเปน็ การหาประโยชน์ให้แกต่ นโดยมชิ อบ 1.2 หน้าที่และความรับผิดชอบของครูต่อสถาบันวิชาชีพครูอันได้แก่ ตนเองเพ่ือนครูและ สถานศึกษา ในการประกอบวิชาชีพครู โดยทั่วไปจะเป็นการทำงานเป็นทีมในสถานศึกษาที่จัดต้ังข้ึน ฉะน้ัน หน้าที่และความรับผิดชอบของครูจะต้องมีต่อตนเอง และเพื่อนร่วมงานทั้งในระดับผู้บังคับบัญชาและ บุคลากรอืน่ ๆ ในสถานศึกษาซึ่งอาจจะแยกแยะได้ดงั น้ี 1.2.1 ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลครูด้วยกันในทางสร้างสรรค์ เช่น การแนะนำแหล่งวิทยาการให้กัน แลกเปลี่ยนประสบการณท์ างวชิ าชีพซ่ึงกนั และกนั 1.2.2 รักษาความสามัคคีระหว่างครู และช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหน้าที่การงานไม่แบ่ง พรรคแบ่งพวกคิดทำลายกลั่นแกล้งซึ่งกันและกัน เต็มใจช่วยเหลือเมื่อเพ่ือนครูขอความช่วยเหลือ เช่น เป็น วิทยากรให้แกก่ ัน ช่วยงานเวรหรอื งานพิเศษซึง่ กนั และกนั 1.2.3 ไม่แอบอ้างหรือนำผลงานทางวชิ าการของเพ่ือนครูมาเป็นของตนทง้ั ยังต้องชว่ ยเหลือให้ เพ่ือนครอู ่ืน ๆ ได้สรา้ งสรรค์งานวิชาการอย่างเตม็ ความสามารถด้วย 1.2.4 ประพฤติตนด้วยความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตนและให้เกียรติซึ่งกันและกันไม่ว่าจะ สังกดั หน่วยงานใด 1.2.5 ปฏิบัติตามระเบียบ และแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา ปฏบิ ัติตามคำส่ังของ ผบู้ ังคบั บัญชาซึ่งสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย และระเบยี บแบบแผนของสถานศึกษา 1.2.6 รักษาช่ือเสียงของตนไม่ให้ข้ึนช่ือว่าประพฤติชั่ว ไม่กระทำการใด ๆ อันอาจทำให้เสื่อมเสีย เกียรติศักดิ์และชือ่ เสียงของครู 1.2.7 ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสตั ยส์ ุจริตและปฏิบตั ิหน้าท่ีด้วยความเที่ยงธรรม ไมแ่ สวงหา ประโยชน์สำหรับตนเองหรือผอู้ นื่ โดยมชิ อบ 1.2.8 ครูย่อมพัฒนาตนเองท้ังในด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนา ทางวิชาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยเู่ สมอ 1.2.9 ครูยอ่ มรักและศรทั ธาในวชิ าชพี ครูและเปน็ สมาชกิ ที่ดขี ององคก์ รวิชาชีพ 1.3 หนา้ ท่แี ละความรับผดิ ชอบของครูต่อสงั คม อันไดแ้ ก่ ผ้ปู กครองนกั เรยี นและชมุ ชน หน้าที่ความรับผิดชอบของครนู ั้นย่อมอยู่ที่ศิษย์เป็นเปา้ หมายสำคญั แตก่ ารสรา้ งเสรมิ ศิษยน์ ั้น ยงั มปี ัจจยั ทีเ่ ก่ียวอย่างอ่นื ด้วย คือ ผ้ปู กครองนักเรยี นและชุมชน ครจู ึงต้องมีหน้าท่แี ละรบั ผิดชอบต่อสถาบันทั้ง สองน้นั ดว้ ยซง่ึ อาจแยกแยะ ได้ดงั น้ี 1.3.1 ครูต้องเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วย ความบรสิ ทุ ธ์ใิ จ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 114 1.3.2 ครูตอ้ งยดึ มัน่ ในศาสนาที่ตนนับถอื และไม่ดูหม่นิ ศาสนาอนื่ 1.3.3 ครูต้องให้ความร่วมมือกับผู้ปกครองในการอบรมสั่งสอนศิษย์อย่างใกล้ชิดตลอดจนการ ร่วมแก้ปัญหาของศิษย์ทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านการศึกษาเล่าเรียน ความประพฤติ สุภาพพลานามัย ปัญหาทางจิตใจ ฯลฯ 1.3.4 ครูต้องให้คำปรึกษาหารือและแนะนำผู้ปกครองในการอบรมเลี้ยงดูเด็กในปกครอง อยา่ งใกลช้ ดิ ตลอดจนแนะแนวการศึกษาต่อและการเลือกอาชีพของศษิ ย์ 1.3.5 ครูตอ้ งรายงานข้อมูลต่าง ๆ ของศิษย์ให้ผูป้ กครองทราบสม่ำเสมอและถูกต้องไม่บิดเบือน 1.3.6 ครพู งึ ใหค้ วามชว่ ยเหลือเก้ือกูลผู้ปกครองและชุมชนในทางสร้างสรรค์ตามความเหมาะสม 1.3.7 ครพู ึงประพฤติเป็นผนู้ ำในการอนรุ ักษส์ ภาพแวดล้อม และศลิ ปวัฒนธรรมของชมุ ชน 1.3.8 ครูพึงร่วมพฒั นาชมุ ชนทกุ ๆ ดา้ น ชว่ ยให้ขอ้ มูลข่าวสารและความรใู้ หม่ ๆ ในการดำเนนิ ชีวิต แก่สมาชิกทุกคนในชุมชน 2) หน้าทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบของครูในเชิงจารตี และแบบธรรมเนยี ม หน้าท่ีและความรับผิดชอบของครูในเชิงจารีตและแบบธรรมเนียมนี้ เป็นหน้าท่ีท่ีสังคม คาดหวังให้ครูปฏิบัติเป็นสำนึกที่สืบทอดกันมาในสังคมไทย ดังจะศึกษาได้จากความเป็นครูสถิตในหทัยราช ซ่ึงเปน็ ผลงานการศึกษาค้นคว้าของ เรอื งวิทย์ ลิมปนาท (2538 : 23-38) ในบทที่ว่าด้วย แนวพระราชดำริดา้ น การศึกษาและความเป็นครู ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวภูมิพลอดุลนเดช จะเห็นได้ว่าพระบรมราโชวาท ในวาระและในโอกาสต่าง ๆ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสถึงบทบาทหน้าท่ีของครูในเชิงจารีต และแบบธรรมเนียมสอดแทรกไว้ดว้ ยเสมอ ๆ นอกจากพจิ ารณาจากพระบรมราโชวาทต่าง ๆ แลว้ อาจพิจารณาหนา้ ท่แี ละความรบั ผดิ ชอบ ของครูในเชิงจารีตและแบบธรรมเนียมได้จากคำสอนในหมวดธรรม เรื่อง การอนุเคราะห์ศิษย์ 5 ประการ ซง่ึ วงการครไู ทยยดึ เป็นแบบปฏิบัตสิ ืบตอ่ กันมาชา้ นาน ดังน้ี 2.1 แนะนำสั่งสอนดี ครูย่อมมีหน้าที่ในการแบะนะสั่งสอนวิทยาการต่าง ๆ โดยต้อง รับผิดชอบด้วยการสั่งสอนดี ได้แก่ สอนให้ชัดเจนไม่คลุมเครือ สอนได้ชัดเจนหรือให้เป็นรูปธรรม สอนให้เกิด ความกระตือรือร้น ที่จะเล่าเรียนโดยมีกำลังใจและม่ันใจท่ีจะเรียนและสอนให้สนุกให้ศิษย์เรียนได้อย่างไม่เบ่ือ หน่ายหรือสรุปส้ัน ๆวา่ ชใ่ี ห้ชัดชวนปฏิบัติลงมอื กระตอื รือร้น แจ่มใสสนกุ 2.2 ให้การศึกษาเล่าเรียนดี ครูต้องเป็นผู้จัดสถานการณ์ เพื่อให้ศิษย์ได้ศึกษาเล่าเรียนได้ดี ได้แก่ การจัดสภาพแวดล้อมท่ีส่งเสริมการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมเพ่ือเสริมสร้างประสบการณ์ด้านต่าง ๆ ใหศ้ ษิ ย์ ตลอดจนการใชส้ ่อื การเรยี นการสอนท่ีช่วยใหศ้ ิษย์ศึกษาเลา่ เรียนได้ดี 2.3 บอกศิลปะให้ส้ินเชิงไม่ปิดบังอำพราง ครูต้องรับผิดชอบในศิลปะวิทยาการท่ีตนสอน ตอ้ งสอนในส่งิ ท่ถี กู ต้อง มีความบริสทุ ธใิ์ จในการอบรมสง่ั สอนไม่บดิ เบอื นวิชาการ 2.4 ยกย่องให้ปรากฎในหมู่เพ่อื น ครูต้องช่วยเร้าหรือเสริมกำลังใจใหแ้ ก่ศิษย์ในการศึกษาเลา่ เรยี น ศิษย์แต่ละคนย่อมมีความสามารถและความถนัดในบางด้าน ครูต้องช่วยส่งเสริมความสามารถพิเศษนั้นให้โดด เดน่ ย่งิ ขนึ้ ครตู อ้ งไมท่ ำลายความภาคภมู ใิ จในตนเองของศษิ ย์ 2.5 ป้องกันภัยในทิศท้ังหลาย ครูมีหน้าที่ป้องกันศิษย์โดยการแนะนำสั่งสอนให้รู้จักคุณและ โทษทางส่ิงต่าง ๆ ในชีวิตป้องกันศิษย์ไม่ให้ตกไปในทางอุบายทุกอย่าง ซ่ึงอาจทำได้ท้ังการประพฤติตนเป็น แบบอยา่ งไมช่ ักจูงไปในทางเส่อื ม คอยดู และให้หา่ งไกลจากภัยทัง้ หลาย
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 115 หน้าท่ีและความรบั ผิดชอบของครู หน้าที่และความรับผิดชอบทีพ่ ึงประสงคข์ องครู อาจวิเคราะห์หน้าที่ของครูจากระเบียนปฏิบัติราชการ การศึกษาสัมมนา และการวิจัยเก่ียวกับหน้าที่ และความรับผิดชอบของครูตามลักษณะงานครู หน้าที่ความรับผิดชอบของครุจากงานวิจัยต่าง ๆ ดังเช่น เฉลียว บุรีภักดี และคณะ (2520 : 235-240) วิจัยเรื่องลักษณะของครูที่ดีและสรุปได้ว่า ครูท่ีดีจะต้องมีหน้าที่ และความรบั ผดิ ชอบ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. หม่นั อบรมเดก็ อยเู่ สมอ 2. ต้งั ใจสอน รักการสอน 3. จดั การปกครองใหเ้ ปน็ ท่เี รียบร้อย 4. เตรยี มการสอนและทำการบันทกึ การสอน 5. หมั่นวัดผลและตดิ ตามผลการเรียน 6. รับผิดชอบในหนา้ ทท่ี ไ่ี ด้รับมอบหมาย 7. ช่วยให้คะแนะนำแก่เด็กด้วยความเตม็ ใจ 8. สอนใหเ้ ดก็ เป็นประชาธิปไตย 9. ทำบญั ชรี ายชือ่ และสมุดประจำช้ัน 10. ดแู ลบำรงุ รกั ษาห้องเรยี นและอาคารสถานท่ี 11. เกีย่ วกับการสอน การอบรม การวัดผล 12. เกยี่ วกับธรกุ ารและระเบยี นวนิ ยั 13. ค้นควา้ เพมิ่ เติมและหาความรใู้ หม่ ๆ มาสอน 14. สอนให้เด็กเปน็ คนดี 15. หมน่ั หาความรูแ้ ละวิธกี ารหาความรู้ 16. เปน็ ตวั อย่างแกเ่ ดก็ 17. จดั การแนะแนวทีด่ แี กเ่ ด็ก 18. ชว่ ยงานสารบรรณและธุรการโรงเรยี น 19. เอาใจใสเ่ ด็ก 20. บรกิ ารโรงเรยี น 21. เปน็ ครปู ระจำช้ัน 22. ทำระเบียนและสมุดรายงานนักเรียน 23. มมี นษุ ยส์ มั พันธ์ทด่ี ี 24. รว่ มกิจกรรมชมุ ชน 25. สอนใหเ้ ขา้ ใจแจ่มแจ้ง 26. เอวใจใสแ่ ละพยายามเขา้ ใจปญั หาและความต้องการของเด็ก 27. ชว่ ยประชาสมั พันธก์ จิ การของโรงเรยี นได้ดี หน้าท่ีและความรับผดิ ชอบที่พงึ ประสงค์ของครู หน้าท่ีและความรับผิดชอบของครู ดังกล่าวแล้วทั้งหมดน้ันเป็นไปเพ่ือประโยชน์ของศิษย์ของตัวผู้ประกอบ วิชาชีพครูและสังคมซึ่ง ได้แก่ หน่วยงานทางการศึกษาท่ีครูสังกัดตลอดจนประเทศชาติ ครูที่รับผิดชอบต่อ หน้าท่ีครู งานครูและมีความมุ่งม่ันที่จะปฏิบัติภารกิจให้บรรลุวัตถุประสงค์ย่อมเป็นครูที่มีความเป็นครูโดยแท้จริง เพื่อให้การปฏบิ ัติหน้าท่ีครูเปน็ ไปอย่างมีคุณภาพสมกับเป็นวชิ าชพี ช้ันสูงที่สังคมประสงค์ คุรสุ ภาซ่ึงเป็นองค์กร
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 116 ท่ีมีกฎหมายรองรับไดก้ ำหนดเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู 11 ข้อ เรียกวา่ เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครขู องครุ สุ ภา พ.ศ. 2537 และได้ประสานงานกับสำนักงานข้าราชการครู (ก.ค) ให้ใช้เกณฑ์น้ีในการนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม งานบุคคล โดยใช้เป็นมาตรฐานในการคัดเลือกข้าราชการครูเพ่ือบรรจุและแต่งต้ังให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในปจั จบุ ันกระทรวงศกึ ษาธิการใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานวชิ าชพี ครูของกระทรวง 6. เกณฑ์มาตรฐานวชิ าชพี ครูของครุ ุสภา พ.ศ. 2537 มาตรฐานที่ 1 ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครูอยู่เสมอ หมายถึง การศึกษา ค้นคว้าเพื่อพัฒนาตนเอง การเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ และการเข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการท่ีองค์กรหรือ หนว่ ยงานหรือสมาคมจดั ข้นึ เช่น การประชุม การอบรม การสัมมนา และการประชมุ ปฏบิ ัตกิ าร มาตรฐานท่ี 2 ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ โดย คำนึงถึงผลที่จะเกิดกับผู้เรยี น หมายถึง การเลือก แนวทางปฏิบัติอย่างชาญฉลาด ด้วยความรัก และความหวังดีต่อผู้เรียน ดังนั้น ในการเลือกกิจกรรมการเรียน การสอนและกจิ กรรมอนื่ ๆ ครูต้องคำนงึ ถึงประโยชน์ ทีจ่ ะเกิดแก่ผู้เรยี นเป็นหลัก มาตรฐานที่ 3 มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ หมายถึง การใช้ความพยายามอย่างเต็ม ความสามารถของครูที่จะใหผ้ ูเ้ รยี นให้มากท่ีสดุ ตามความถนัด ความสนใจ ความต้องการ โดยวิเคราะห์ วินิจฉัย ปัญหาความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียนปรับเปล่ียนวิธีการสอนที่จะให้ได้ผลดีกว่าเดิม รวมท้ังการส่งเสริม พฒั นาการ ด้านต่าง ๆ ตามศักยภาพของผูเ้ รยี นแต่ละคนอย่างเป็นระบบ มาตรฐานที่ 4 พัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏิบัติได้เกิดผลจริง หมายถึง การเลือกใช้ปรับปรงุ หรือ สร้างแผนการสอนบันทึกการสอน หรือเตรียมการสอนใน ลักษณะอื่น ๆ ท่ีสามารถนำไปใช้จัดกิจกรรมการ เรยี นการสอนให้ผู้เรยี นบรรลุประสงคข์ องการเรียนรู้ มาตรฐานท่ี 5 พัฒนาส่ือการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ หมายถึง การประดิษฐ์ คิดค้น ผลิต เลือกใช้ปรับปรุง เครื่องมืออุปกรณ์ เอกสารส่ิงพิมพ์ เทคนิควิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์ ของการเรยี นรู้ มาตรฐานท่ี 6 จัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเน้นผลถาวรที่เกิดแก่ผู้เรียน หมายถึง การจัดการ เรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนประสบผลสำเร็จในการแสวงหาความรู้ตามสภาพความแตกต่างของบุคคล ด้วยการปฏิบัติจริง และสรุปความรู้ท้ังหลายได้ด้วยตนเอง ก่อให้เกิดค่านิยมและนิสัยในการปฏิบัติจนเป็น บุคลกิ ภาพตดิ ต่อผู้เรียนตลอดไป มาตรฐานที่ 7 รายงานผลการพัฒนาคุณภาพของผ้เู รียนไดอ้ ยา่ งมีระบบ หมายถึง การรายงานผลการ พัฒนาผู้เรียนที่เกิดจากการปฏิบัติการเรียนการสอนได้ครอบคลุมสาเหตุปัจจัย และการดำเนินงานท่ีเก่ียวข้อง โดยครนู ำเสนอรายงานการปฏิบตั ิในรายละเอยี ด ดังน้ี 1. ปัญหาความต้องการของผเู้ รียนท่ีต้องการไดร้ บั การพัฒนาและเป้าหมายของการพัฒนาผเู้ รยี น 2. เทคนิค วิธีการหรือนวัตกรรมการเรียนการสอนที่นำมาใช้เพ่ือการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนและ ขน้ั ตอนวธิ ีการใชเ้ ทคนคิ วธิ ีการหรอื นวตั กรรมนัน้ ๆ 3. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนตามวิธกี ารกำหนด ทเี่ กดิ กับผ้เู รยี น 4. ขอเสนอแนะแนวทางใหม่ ๆ ในการปรบั ปรงุ และพฒั นาผ้เู รียนให้ได้ผลดียงิ่ ขน้ึ มาตาฐานที่ 8 ปฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ีแกผ่ ้เู รียน หมายถึง การแสดงออก การประพฤติและปฏิบัติ ในด้านบุคลิกภาพท่ัวไปการแต่งกาย กริ ิยา วาจา และจริยธรรมทเ่ี หมาะสมกับความเป็นครูอย่างสม่ำเสมอที่ทำ ใหผ้ เู้ รยี นเล่ือมใสศรัทธาและถอื เป็นแบบอยา่ ง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 117 มาตรฐานท่ี 9 ร่วมมือกับผู้อ่ืนในสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์ หมายถึง การตระหนักถึงความสำคัญ รับฟังความคิดเห็น ยอมรับความรู้ความสามารถ ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ของเพื่อนร่วมงาน ด้วยความเต็มใจ เพือ่ ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายของสถานศกึ ษาและร่วมรบั ผลท่เี กดิ ข้ึนจากการกระทำนนั้ มาตรฐานท่ี 10 ร่วมมือกับผอู้ ื่นอยา่ งสรา้ งสรรค์ในชุมชน หมายถึง การตระหนักใน ความสำคัญรับฟัง ความคิดเห็น ยอมรับในความรู้ความสามารถของบุคคลอื่นใน ชุมชน และร่วมมือปฏิบัติงาน เพื่อพัฒนางาน ของสถานศึกษาให้ชมุ ชนและสถานศึกษามกี ารยอมรับซง่ึ กนั และกนั และปฏบิ ัตงิ านรว่ มกันดว้ ยความเต็มใจ มาตรฐานที่ 11 แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสาร ในการพัฒนา หมายถึง การค้นหา สังเกต จดจำ และ รวบรวมข้อมูลข่าวสารตามสถานการณ์ของสังคมทุกด้าน โดยเฉพาะ สารสนเทศเก่ียวกับวิชาชีพครู สามารถ วิเคราะห์ วิจารณ์อยา่ งมเี หตผุ ล และใช้ข้อมูลประกอบการแก้ปัญหาพฒั นาตนเอง พัฒนางาน และพัฒนาสงั คม ได้อย่างเหมาะสม โดยสรุปอาจกล่าวได้ว่า วัฒนธรรมไทยน้ันสังคมจะยกย่องครูให้อยู่ในฐานะท่ีสูงอยู่แล้วเพราะสังคมไทย เคารพว่าผู้เป็นครูย่อมเป็นผู้มีวิชาแกร่งกล้าสามารถสอบผู้อื่นได้ ทั้งต้องเป็นผู้มีจิตใจเอื้ออารีมีเมตตาและ ปรารถนาดตี ่อผู้อ่ืน จึงยอมถ่ายทอดวิชาความรูต้ ่าง ๆ ให้ ฉะนั้นในเชิงจารีตและแบบธรรมเนียมไทย ครูต้องมี หน้าที่ความรับผิดชอบต่อศิษย์ โดยส่ังสอนให้ศิษย์มีความรู้ เข้าใจส่ิงท่ีเรียน ให้สามารถนำวิชาที่เรียนไปใช้ ประโยชน์ในชีวิตได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ความรบั ผิดชอบตอ่ วิชาของครูด้วย คอื ต้องมีความรู้จริง รู้สึกซ้ึงแจ่ม แจ้งจนสามารถสอนให้ศิษย์เข้าใจตามได้โดยง่าย ประการสุดท้ายครูต้องมีหน้าท่ีและรับผิดชอบต่องานและ ผรู้ ่วมงาน สามารถทำงานร่วมกบั ผู้อน่ื ได้ดี ทง้ั ยงั ช่วยใหผ้ รู้ ว่ มงานทำงานอยา่ งสมบรู ณ์ดว้ ยน่ันเอง 7. การเป็นแบบอยา่ งทีด่ ีของผปู้ ระกอบวิชาชีพครู ครูต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างท่ีดีแก่ศิษย์ท้ังทางกาย วาจา และจิตใจ การประพฤติปฏิบัติตน เป็นแบบอย่างท่ีดี คือ การแสดงออกอย่างสม่ำเสมอของครูท่ีศิษย์สามารถสังเกตรับรู้ได้เองและเป็นการแสดง ท่ีเป็นไปตามมาตรฐานแห่งพฤติกรรมระดับสูงตามค่านิยม คุณธรรมและวัฒนธรรมอันดีงาม เช่น ระมัดระวัง ในการกระทำและการพูดของตนเองอยู่เสมอไมโ่ กธรง่ายหรือแสดงอารมณ์ฉนุ เฉียวต่อหน้าศิษย์มองโลกในแง่ดี ฯลฯ การเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ประกอบวชิ าชพี ครูมี 5 ดา้ น ดงั นี้ 1. ตระหนักว่าพฤติกรรมการแสดงออกของครูมีผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมของศิษย์อยู่เสมอ ตัวอยา่ ง เชน่ - ระมัดระวังในการกระทำและการพดู ของตนเองอยู่เสมอ - ไม่โกธรงา่ ยหรือแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวต่อหน้าศษิ ย์ - มองโลกในแง่ดี 2. พดู จาสุภาพและสร้างสรรค์โดยคำนึงถึงผลท่ีจะเกดิ ขึ้นกับศิษยแ์ ละสงั คม ตัวอย่าง เช่น - ไมพ่ ดู หยาบหรอื ก้าวร้าว - ไมน่ ินทาหรือพูดจาส่อเสยี ด - พดู ชมเชยใหกำลังใจศษิ ย์ด้วยความจริงใจ 3. กระทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีสอดคล้องกับคำสอนของตน และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ตัวอยา่ งเช่น - ปฏิบัติตนให้มสี ขุ ภาพ และบุคลกิ ภาพท่ีดอี ยู่เสมอ - แต่งกายสะอาดสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ - แสดงกริยามารยาทสุภาพเรยี บร้อยอยู่เสมอ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 118 - ตรงต่อเวลา - แสดงออกซ่ึงนิสัยในการประหยัดซ่อื สัตย์ อดทน สามคั คี มวี ินยั 4. กระทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ให้คำแนะนำและแก้ไขข้อบกพร่องในลักษณะ สร้างสรรค์ ตลอดจนสอดแทรกในกระบวนการเรยี นการสอน ตัวอย่างเชน่ - การให้คำแนะนำ - การเชิญชวนให้ปฏบิ ตั ิ - การแก้ไขขอ้ บกพร่อง - การสอดแทรกในกระบวนการเรียนการสอน 5. กระทำตนเป็นแบบอย่างท่ีดีจนผู้เรียนเกิดศรัทธาและปฏิบัติตนตามแบบอย่างท่ีเลือกสรรแล้ว เปน็ ปกตินสิ ยั ตัวอย่างเชน่ - เปิดโอกาสให้ผู้เรยี นแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับพฤติกรรมของครใู นสถานศกึ ษา - เปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รียนตัดสนิ ใจเลอื กพฤตกิ รรมของตนเอง - เสริมแรงทางบวกแกผ่ ูเ้ รยี น - เผยแพร่วิธกี ารท่ีถูกต้องในการสร้างคณุ ธรรม สรุปการเป็นแบบอยา่ งท่ีดขี องผู้ประกอบวิชาชีพครู คือ ในฐานะที่ครูเป็นแม่แบบของชาติหรอื เป็น ต้นแบบในพฤติกรรมท้ังปวง การประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างท่ีดีแก่ศิษย์ ครูควรมีศีลธรรม มีความเมตตากรุณา เอ้ืออาทรต่อความเป็นอยู่ของศิษย์ คอยช่วยเหลือเม่ือศิษย์มีปัญหา มีความอดทนและเสียสละ ดังน้ัน จึงมี ความสำคัญยิ่งที่ครูควรประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ศิษย์ เพราะครูเป็นแบบอย่างเช่นไรเด็กก็จะประพฤติตน ตามเช่นนัน้ 8. บทสรุป ครูมีบทบาทอันสำคัญย่ิงในการพัฒนาเด็กให้เกิดความเจริญงอกงามท้ังด้านสติปัญญาร่างกาย สังคม อารมณ์ ตลอดจนอบรมสั่งสอนเด็กให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรมอันดีงาม คุณธรรมเป็นส่ิงท่ีดีงามที่มี ความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการดำเนินชีวิตท่ีมีคุณภาพ ดังน้ันครูจึงต้องมีจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพ ภารกิจของครูประการหนึ่ง คือ การเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ศิษย์เก่ียวกับความมีวินัย การครองตนให้อยู่ใน ระเบียบแบบแผน เพ่ือความก้าวหน้าในการพัฒนาตน พัฒนางาน พัฒนาสังคมและประเทศชาติ และการเป็น แบบอย่างท่ีดี คือ การแสดงออก การประพฤติและปฏิบัติในด้านบุคลิกภาพท่ัวไป การแต่งกาย กิริยา วาจา และจริยธรรมที่เหมาะสม อย่างสม่ำเสมอท่ีทำให้ผู้อื่นเล่ือมใสศรัทธาและถือเป็นแบบอย่าง และเน่ืองจาก วิชาชีพครูมีความสำคัญย่ิงในการพัฒนาเด็ก ดังนั้น สังคมจึงคาดหวังว่า ครู คือ แบบอย่างท่ีดีของศิษย์เป็น ผู้สร้างสมาชิกใหม่ของสังคมให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพต่อสังคม ธรรมชาติของอาชีพครูเป็นอาชีพที่ ต้องเก่ียวข้องสัมผัสกับบุคคลอื่นอยู่เสมอ ฉะนั้นผู้ดำเนินอาชีพครูจึงต้องเป็นผู้ใฝ่รู้ ใฝ่เรียนและพัฒนาตนเอง อยา่ งต่อเนือ่ ง คำถามทบทวน 1. การเปน็ แบบอยา่ งทีด่ ีหมายถึงอะไร 2. การเปน็ แบบอยา่ งทดี่ มี ีความสำคญั อย่างไร 3. วิชาชีพครหู มายถงึ อะไร
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 119 4. วิชาชีพครูมคี วามสำคญั อย่างไร 5. คณุ ลกั ษณะครทู ่ีดเี ปน็ อย่างไร 6. การเป็นแบบอยา่ งที่ดีมีความสำคัญตอ่ ผู้ประกอบวชิ าชีพครูอยา่ งไร 7. แนวปฏิบตั ิการเป็นแบบอยา่ งท่ดี ีของวชิ าชีพครูเป็นอย่างไร เอกสารอ้างอิง เกศรา บุญสุข. (2560). การประพฤตเิ ป็นแบบอยา่ งทีด่ ีต่อผ้เู รียน. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : www.sites.google.com, สบื คน้ ขอ้ มูลเมื่อวนั ท่ี 6 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ครเู ชยี งราย. (2561). การประพฤตผิ ดิ จรรยาบรรณวิชาชีพครู. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : www.kruchiangrai.net, สืบคน้ ขอ้ มลู เมื่อวันที่ 6 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ครูบ้านนอกดอทคอม. (2551). จรรยาบรรณในวชิ าชีพครู. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : www.kroobannok.com, สืบคน้ ขอ้ มลู เมื่อวันท่ี 6 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. จรนิ ทร์ งามแมน้ . (2562). คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชพี ครู. จากหนังสอื คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู. สบื ค้นขอ้ มลู เม่อื วนั ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ผกาทพิ ย์ ทรัพย์วริ ยิ ะกุล. (2560). การปฏบิ ัติตนตามจรรณยาบรรณวชิ าชีพครู. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.edu-journal.ru.ac.th, สืบค้นข้อมูลเมอื่ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. พจน์ พจนพาณชิ ย์กลุ (2562). คุณธรรมของครู. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : www.educ105.wordpress.com, สบื คน้ ข้อมูลเม่อื วนั ที่ 6 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. วราภรณ์ ศรีวิโรจน์. (ม.ป.ป.). ลักษณะครูท่ดี .ี [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : www.edu.pbru.ac.th, สืบค้นขอ้ มลู เม่อื วันท่ี 6 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. สำนักงานเลขาคุรสุ ภา. (2541). จรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : www.uic.ac.th, สบื ค้นข้อมูลเมอื่ วันท่ี 6 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. Jeerawut Kokyai. (2558). หน้าทแี่ ละความรับผดิ ชอบของวิชาชีพครู. [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ได้ จาก : https://sites.google.com/, สืบค้นข้อมูลเม่ือวนั ที่ 6 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. Orathai education. (ม.ป.ป.). ลกั ษณะของครูท่ีดี. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://sites.google.com/, สบื ค้นขอ้ มูลเมอ่ื วันที่ 6 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. Posted By Plook Teacher. (2560). ลักษณะของครูทด่ี ีเปน็ ทร่ี ักของนกั เรียน. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.trueplookpanya.com, สืบคน้ ขอ้ มูลเมื่อวนั ท่ี 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. THE BEST TEACHER. (2558). การประพฤติตนเป็นแบบอย่างท่ดี ี. [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://thebestteacheranc.blogspot.com, สืบคน้ ข้อมูลเม่อื วนั ที่ 6 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564.
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงบทท่ี 4 การดำรงตนใหเ้ ปน็ ทีเ่ คารพศรัทธาของผเู้ รยี นและสมาชกิ ในชมุ ชน อาชีพครู คือ อาชีพท่ีใครหลาย ๆ คนรู้และเข้าใจกันว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการอบรม ส่ังสอนศิษย์ในด้านการศึกษารวมถึงการอบรมบ่มนิสัยด้วยและด้วยความที่ครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงจะต้องมีจรรยาบรรณ และจิตวิญญาณของครูอย่างแท้จริง อาชีพครูจึงมีความสำคัญในการท่ีจะพัฒนาสังคมและการสร้างอนาคตของ ชาติด้วย อาชีพนี้จึงอาชีพท่ปี ระชาชนเคารพและศรัทธาในความเป็นครอู ยู่แล้ว แตไ่ ม่ใช่คนที่ทำอาชีพเป็นครู ผู้ท่ีมี อาชีพครูจะได้รับความเคารพและศรัทธาในฐานะความเป็นครูแต่ไม่ใช่ผู้ที่เป็นครู เนื่องจากปัจจุบันข่าวสารต่าง ๆ ของครูมักจะไม่ดี ผู้คนส่วนใหญ่จึงมักต้ังคำถามกันว่าเป็นครูได้อย่างไรก่อใหเ้ กิดความเส่ือมเสียในองค์กรวิชาชีพครู อย่างมาก ผู้คนหมดความเคารพในการเคารพศรัทธา ผู้ที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูจึงจะต้องรู้จักดำรงตนให้ดี เพ่ือที่จะทำให้คนเคารพศรัทธาในตัวครูได้ไม่ใช่แค่อาชีพครู คำว่า ศรัทธาท่ีเราได้ยินได้คุ้นกันมาต้ังแต่เล็กจนม่ันใจ ว่าเราเข้าใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วเราเข้าใจผิดกันเป็นส่วนมาก คำว่า ศรัทธาในพระพุทธศาสนา (นิเวศ วังศรี : 2546, ประเมิน นณวา 2546) (วันท่ี 16 มกราคม 2546) จะแปลว่า ความเช่ือโดยปราศจากความสงสัย เช่น ในการ ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าการที่ใครจะเช่ือจนหมดสงสัยก็แสดงว่าไม่ใช่ความเชื่อตาม ๆ กันมา แต่เป็นความ เชื่อท่ไี ดเ้ จาะลกึ จนกระท่ังเขา้ ใจเหตุผลน้ันแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่จะมศี รัทธา คือ ความเช่ือเพราะหมดสงสยั ในการ ตรสั รขู้ องพระสมั มาสมั พทุ ธเจ้าน้ัน จะต้องประกอบเหตุ 2 ประการ คอื 1. ได้คน้ ควา้ เจาะลึกในเร่อื งราวประวตั กิ ารสรา้ งบารมีของพระพุทธองค์มามากพอสมควร 2. ได้ศึกษาขั้นตอนในการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอย่างชัดเจน แต่ในทางในทางปฏิบัติแล้วคง ทำได้ไม่ง่ายนักเพราะคนท่จี ะเข้าใจได้จริงนัน้ นอกจากศึกษาพุทธประวัติหรือประวัตขิ องพระองค์มาอย่างละเอียดแล้ว ยังจะต้องศึกษาเร่ืองสมาธิมาอย่างลึกซึ้ง และเคยทดลองฝึกสมาธิจนกระท่ังได้รับผลการปฏิบัติในระดับใด ระดับ หน่ึงแล้ว จึงจะหมดสงสัยถ้าคน ๆ น้ัน ยังไม่เคยฝึกสมาธิ ก็ยากที่จะเข้าใจข้ันตอนการตรัสรู้หรือแม้เคยฝึกมาบ้าง แต่ยังไม่ถึงกับมีประสบการณ์ภายในท่ีน่าพอใจ เช่น ยังไม่เคยเจอความสว่างจริง ๆ ไม่เคยหาศูนย์กลางกายได้ ยัง ไม่เคยเห็นปฐมมรรคว่าเป็นอย่างไร หรือยังไม่เข้าถึงพระธรรมกายว่าเป็นอย่างไร ถ้าอย่างน้ัน ความเข้าใจชัดเจน ในเร่ืองของการตรัสรู้ก็คงจะยากดว้ ยเหตนุ ้ี คำวา่ ศรัทธา ซงึ่ เป็นธรรมะเบื้องต้นในพระพุทธศาสนา จึงเปน็ เร่ืองที่ดู เบาไม่ได้เพราะถ้าหากเพียงแต่อ่าน พุทธประวัติผ่าน ๆ ไม่ได้เจาะลึกเหตุผลการสร้างบารมี 10 ทัศ ไม่ได้นั่งสมาธิ จนกระทั่งไดส้ ัมผัสกบั ธรรมะ ภายใน บุคคลเหล่าน้ีก็ยากที่จะรู้จักคำว่าศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซง่ึ เป็นศรัทธาตัว จริงท่ีเรียกว่า \"ตถาคตโพธิ สัทธา\" และเพราะญาติโยมที่ต้ังใจจะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไม่ค่อยจะเข้าใจคำว่า ศรัทธา ซึง่ เปน็ ธรรมะ เบ้อื งต้นทจ่ี ะบรรลุธรรมตอ่ ไปขา้ งหนา้ จงึ ทำให้ความทุ่มเทใน 3 เรือ่ งนี้ไมเ่ กิดขน้ึ มา 1. ความทมุ่ เทท่จี ะประพฤติปฏิบตั ิธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจา้ ไมเ่ กิดข้ึนมา 2. ความทุ่มเททจ่ี ะรกั ษาพระพุทธศาสนาไมใ่ ห้ถูกทำลายก็หย่อนลงไป ไม่เกิดขึน้ มา 3. ความทุ่มเทท่ีจะป้องกัน และรกั ษาศาสนาสถานต่าง ๆ ตั้งแต่โบสถ์ วิหาร ให้เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ไม่เกิดข้ึน ความทุ่มเททั้ง 3 เร่ืองน้ี ก็เป็นความทุ่มเทของคนส่วนใหญ่ ลองมาพิจารณาดูว่า แค่ความทุ่มเทท่ีจะ รกั ษาพระพทุ ธรูปประจำวัดให้เป็นที่เคารพสักการะของคนท้ังหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ในย่านน้ัน ถ้าหากไม่มศี รทั ธา ในระดับที่ลงมือน่ังสมาธิตามพระองค์ไปก็ยากจะมีความทุ่มเทขึ้นมา แม้แต่โต๊ะหมู่หรือหิ้งพระที่บ้านตัวเอง เม่ือถึง วันคล้ายวันเกิดหรือวันปีใหม่ก็จดั ดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาอย่างดี แต่หลังจากทำบุญวันน้ันแล้ว ดอกไม้ก็เสียบอยู่ใน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 121 แจกันน่ันแหละแล้วก็ปล่อยท้ิงเอาไว้เห็นแต่ดอกไม้แหง้ อยูท่ ี่ห้ิงพระ อยู่ที่โต๊ะหมู่ตามเดิมจนกระทั่งครบวันเกดิ อีกที หรอื ปีใหม่อีกทีก็ค่อยไปจัดโต๊ะหมู่บูชาใหม่แล้วก็ไปทำบุญอีกที ดอกไม้ชาวพุทธคงทนเหลือเกินช่อเดียว ดอกเดียว บูชาได้ตลอดปีบูชาตั้งแต่สดจนกระท่ังเน่าจากเน่าแล้วก็แห้งทำไมเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าศรัทธาในพระพุทธศาสนา ของคน ๆ นั้น ยังไมถ่ ึงระดับท่ีลงมือศึกษาและน่ังสมาธิจนกระทั่งสิ้นสงสัย ในการตรัสรู้ธรรมของพระพุทธองค์การ ที่เราศรัทธาในพระพุทธศาสนาน้ัน ก็เพราะวา่ พ่อ แม่ ปู่ย่า ตาทวด นับถือกันมา ก็เลยนับถือตาม ๆ กันไป ส่วนว่า พระพุทธศาสนาจะดีจริงแค่ไหนอย่างไร กไ็ มเ่ คยศกึ ษากนั อย่างจรงิ จัง อาการห้ิงพระร้างทย่ี กตัวอยา่ งมานี้จงึ เกิดขึ้น ให้เห็นเมื่อหิ้งพระที่บ้านยังร้างก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมวัดร้างในประเทศไทยจึงมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี อย่าไปโทษใครต้องโทษว่าชาวพุทธ เองไม่ตั้งใจศึกษาหาความรู้ในศาสนาของตัวเอง และเราก็เป็นผู้หนึ่งท่ีอยู่ใน นั้นด้วยเพราะฉะนน้ั วันนี้รแู้ ล้วก็ขอใหศ้ ึกษาและปฏิบัตธิ รรมให้เต็มท่ีอย่างน้อยทีส่ ุดก็รใู้ นระดับท่ีสำนึกตวั เองได้ว่า เราผิดพลาดไปแต่ว่าเรา จะต้องทำอย่างไรศรัทธาจึงจะเพ่ิมพูนเต็มที่ทั้งในระดับของการน่ังสมาธิ และระดับของ การอธิบายให้คนอ่ืน เข้าใจเหตุผลจนลงมือปฏิบัติธรรมตามพระพุทธองค์ไป นี่ก็เป็นศรัทธาท่ีต้องใช้การฝึกฝน ให้เกิดความสามารถ อีกระดับหนึ่งอุปมาเหมือนหัวรถจกั รกับขบวนรถไฟ หัวรถจักรท่ีใช้ลากขบวนรถไฟต้องมีแรง มากพอจะขับเคลื่อนตัวเอง และมีแรงมากพอจะดึงขบวนรถไฟท้ังขบวนให้วิ่งตามไปด้วยถ้าหัวรถจักรมีแรง ขับเคล่ือนน้อย ก็ขับเคล่ือนไปได้เฉพาะการเคลื่อนที่ของตัวเองเท่าน้ัน ไม่สามารถดึงขบวนรถไฟไปได้ถ้าหัวรถจักร น้ันออกแบบก่อสร้างมาอยา่ งดีใหม้ ีแรงขบั เคล่ือนมากก็สามารถดึงขบวนรถไฟท้งั ขบวนไปได้ แตใ่ นบรรดาหัวรถจกั ร ที่มีกำลังมากก็ยังมีกำลงั ลากแบ่งเป็นหลายระดบั บางประเภทดึงรถไฟได้ขบวนเล็ก ขบวนกลาง ขบวนใหญ่ซึง่ ขึน้ อยู่กับ พลังขับเคล่ือนของหัวรถจักรน้ันศรัทธาของคนเราก็เช่นกัน ถ้าคนท่ีไม่ตั้งใจฝึกสมาธิให้เต็มท่ีอย่าว่า แต่มีพลังไป ชวนพ่อแม่ ลุงป้า น้าอา ครูอาจารย์หรือผู้มีพระคุณให้เกิดความศรัทธาได้เลย แม้แต่ศรทั ธาของตัวเองก็ยังไม่แน่ว่า จะฉุดดึงตัวเองไปได้ดังนั้น คนท่ีจะมีศรัทธาไปชักชวนให้คนอ่ืน ๆ ทำความดีได้ก็ต้องต้ังใจน่ังสมาธิให้มาก ๆ ถ้ายัง ไม่เขา้ ถึงพระธรรมกายในตัวกย็ ากท่ีจะเข้าใจการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างชัดเจน และยากท่ีจะ ไปฉุดดึงคนอ่ืน ๆ ให้มีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมตามมาเพราะฉะน้ันเราต้องเร่ิมท่ีศรัทธาของตัวเราเองก่อนต้อง พยายามรักษาอารมณ์ให้ดีในแต่ละวัน ไม่ให้ไปหงุดหงิดใครได้ง่าย ๆ เพราะคนเราที่อยู่ด้วยกันนั้น ทั้งเขาและเราก็ ยังมีข้อบกพร่องอยู่เพราะยังไม่หมดกิเลสด้วยกันท้ังคู่ โอกาสท่ีจะทำให้เกิดความหงุดหงิดต่อกันก็เกิดขึ้นได้ นอกจากบังคบั ตัวเองให้ดที จี่ ะไม่ไปทำอะไรที่ไม่เหมาะไมค่ วรท่ีจะไมไ่ ปกระทบกระทั่งคนอืน่ ๆ ใหห้ งุดหงิดดว้ ยแล้ว ก็ต้องพยายามรักษาใจให้นิ่งอยู่ท่ีศูนย์กลางกายตลอดทั้งวัน พยายามฝึกให้ใจของเราชุ่มเย็นอยู่ท่ีศูนย์กลางกาย ตลอดท้ังวัน ฝึกไปวันต่อวัน เม่ือเราพยายามฝึกอย่างต่อเน่ืองเช่นน้ี โอกาสท่ีใจของเราจะนิ่งอย่างต่อเน่ืองใน ศูนย์กลางกายก็มีมากแล้วการทำใจหยุดใจน่ิงให้เข้าถึง พระธรรมกายก็ไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยอีกต่อไปเม่ือใดท่ีเข้าถึง พระธรรมกาย เมอื่ น้นั ศรัทธาในระดับท่ีเรียกวา่ \"ตถาคตโพธสิ ัทธา\" ซึ่งเปน็ ศรัทธาในระดับทท่ี ุ่มชีวติ จิตใจให้กบั การ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาก็จะบังเกิดขึ้น อยา่ งม่ันคง ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใด ๆ เกิดข้นึ ก็จะไม่หวั่นไหวโยกคลอนไป จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อใจของเราแช่อ่ิมอยู่กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภายในตัวของเราแล้ว กำลังใจท่ีจะไป ฟ้ืนฟูพระพุทธศาสนาจะฟ้ืนฟูวัดร้าง จะฟื้นฟูศีลธรรมโลก ก็จะบังเกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาล กำลังใจที่จะทำ หน้าท่ีกัลยาณมิตรชักชวนคน ทั้งโลกให้ปิดหนทางนรก เปิดหนทางสวรรค์ ถางทางไปพระนิพพานก็จะสถิตแน่น ม่ันคงอยู่ในใจ อุปสรรคใด ๆ ที่บังเกิดขึ้น ก็จะถูกแก้ไขด้วยปัญญาไปตามลำดับ ๆ ในท่ีสุด ความเจริญรุ่งเรืองของ พระพุทธศาสนาเหมือนย้อนยุคพุทธกาลก็จะต้องกลับมาอีกคร้งั ในยุคของพวกเราอย่างแน่นอน ดังนั้น ศรัทธาของ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 122 ตัวเราท่ีได้จากการเข้าถึงพระธรรมกายภายในมีมากเท่าใด ศรัทธาที่จะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองไปท่ัวโลก กม็ มี ากเท่านนั้ ศรทั ธาจึงเปน็ ธรรมะเบอื้ งต้นในพระพทุ ธศาสนาทีช่ าวพทุ ธทุกคนจะดูเบาหรือมองขา้ มไปไม่ได้ 1. ความหมายของการครองตน การครองตน หมายถึง การมีความประพฤติและการปฏิบัติสว่ นตวั ประกอบไปด้วย คุณธรรม ควรแก่การยกย่อง โดยพิจารณาจากองคป์ ระกอบคา่ นิยม วินยั คณุ ธรรม จรรยาบรรณสำหรับความเป็นครู 1. การมวี นิ ยั ในตนเอง การวินัยในตนเอง หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการควบคุมอารมณ์และพฤตกรรมของตนเองให้ เป็น ไปตามท่ีตนมุ่งหวังโดยเกดจากการสำนึกขึ้นมาเอง ท้ังนี้ จะต้องไม่กระทำการใด ๆ อันจะเกิดความยุ่งยากแก่ ตนเอง ในอนาคต แต่จะต้องกอให้เกิดความเจริญต่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ขัดต่อระเบียบของสังคมและศีลธรรม มคี วามตัง้ ใจ และม่นั ใจในพฤตกิ รรมทีแ่ สดงออกมาว่าเป็นสิ่งทด่ี ีต่อตนเองและสังคม ความสำคญั ของการมีวนิ ยั ในตนเอง 1) ถา้ ไม่มีวนิ ัยในตนเองชีวิตก็จะสบั สนยุ่งเหยิง สงั คมจะวุ่นวาย ระสำ่ ระสาย ทำลายโอกาสในการท่ีจะ ดำเนนิ ชีวติ ท่ีดีงามและโอกาสในการพัฒนาตนเองของทุกคน 2) วินัยในตนเอง เป็นองค์ประกอบหน่ึงของลักษณะชีวิตที่มีความสำคัญอย่างย่ิงต่อการประสบความสำเร็จ อยา่ งยงั่ ยืนในชีวติ เราจะไม่สามารถนำชวี ิตไปส่สู ง่ิ ทดี่ ีงามไดจ้ นกว่าจะตัง้ อยบู่ นวินัยวินยั สร้างความรบั ผดิ ชอบ 3) วินัยสรา้ งระเบียบแบบแผน วินัยสร้างคนให้เป็นคนดี วินัยสร้างคนให้เป็นคนเก่ง ดงั นั้น วินัยจึงเป็น เรื่องสำคัญเราจำเปน็ ต้องสรา้ งวินยั ให้แก่มนุษย์ตง้ั แต่เดก็ 4) สำหรับการจัดการศึกษา ความมีจึงเป็นส่ิงสำคัญท่ีครูผู้สอนต้องให้ความสำคัญ ในการส่งเสริมให้ เกิดขึ้นในวัยเด็ก ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้นักเรียนเห็นคุณค่าของความมีวินัยในตนเอง เพื่อความสุขและความสำเร็จ ของตนเองและสังคม ดังน้ัน การทำจะให้เกดิ วินยั ขึ้นในหมู่คณะไม่ว่าจะเปน็ วินัยดา้ นใด กต็ ามล้วนแต่มีความสำคัญ และจำเป็นต่อการอยู่ร่วมกนในสังคม หากแต่ว่าวินัยในตนเองน้ันเป็นพื้นฐานท่ีนำไปสู่การมีวินัยในสังคมและ ประเทศชาติตอ่ ไป ภาพประกอบที่ 4.1 การมีวินยั ในตนเอง (ที่มา https://mewinine.wordpress.com)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 123 2. เทคนิคที่ใช้ในการฝึกวินยั ใหต้ นเองมี 2.1 วินัยแบบสะสมไปสู่เป้าหมาย ก่อนอ่ืนต้องคิดและทบทวนตนเองว่าถึงเวลาแล้วยัง ท่ีเราควรจะต้อง จริงจังกับเรื่องการฝึกวินัยในตนเองเสียที คิดทบทวนแล้วตั้งเป้าหมายในแต่ละเร่ืองท่ีเราต้องการฝึก เคล็ดลับการฝึก ทส่ี ำคัญ คือ จะตอ้ งจริงจังกับกฎกติกาที่ตนเองต้ังขนึ้ มีสัจจะกับตนเอง เคารพตนเอง เมื่อสัญญาวา่ จะทำอะไรแล้ว ก็ต้องทำให้ได้ โดยเฉพาะสัญญาที่เราต้องข้ึนมาเองโดยไม่มีใครมาบังคับให้เป็นข้ออ้างว่า เพราะคนอื่นกำหนดก็เลย ไม่อยากทำ เม่ือเร่ิมต้นให้พยายามทำไปโดยไม่ต้องถึงกับทำได้แบบหน้ามือเป็นหลังมือ หรือพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน การฝึกทตี อ้ งฝนื กับความเคยชินเดิมเป็นสง่ิ ยากมาก จงึ ตอ้ งค่อยเป็นคอ่ ยไปไต่ระดบั ให้สูงข้ึนเรือ่ ย ๆ ไปถงึ เป้าหมาย ท่ีได้วางไว้ หากอดทนถือสัจจะทำสักพักอย่างต่อเน่ือง จนกระท่ังกลายเป็นความเคยชินใหม่เข้ามาแทนที่ หลังจากนั้น ก็จะอยตู่ วั กับความเคยชินใหมท่ มี่ วี นิ ยั เราจะทำได้เองโดยอัตโนมัติเลยทีเดียว 2.2 ฝกึ วินัยแบบหา “ตัวช่วย” บางคนเคยฝึกวินัยด้วยตนเองมานานแต่ก็ไม่สำเรจ็ สักที วิธีหนึ่งท่ีช่วยได้ คือ การลองหา “ตัวชว่ ย” ทางอ้อม เช่น การบอกกล่าวความต้ังใจของตนเองให้กับคนอ่ืนได้รับรู้ด้วย เพ่ือเป็นการ สร้างเงื่อนไขในตอนต้น ให้มีตัวกระตุ้นให้รู้สึกต้องควบคุมตนเองมากขึ้น เพราะมีคนอ่ืนจับตาดูเราอยู่ เช่น เม่ือได้ บอกเล่าไว้กับใครต่อใครแล้ว ถ้าทำไม่ได้เพื่อนอาจจะหัวเราะเยาะหรือคนอื่นอาจเกิดความรู้สึกไม่เชื่อถือได้ วิธีน้ี อาจทำให้สามารถฝืนความรู้สึกของตนเองไดม้ ากขึน้ และเมอื่ ทำสกั พักเกดิ ความเคยชนิ จนกลายเปน็ พฤตกิ รรมปกติ มวี ินัยในเรืองน้ัน ๆ ติดตัวไปได้ตลอด โดยไม่ต้องมีใครจับตาอีกต่อไปนับว่าเป็นการลงทุนคุ้มค่าสำหรบั ชีวิตอยู่มาก ทเี ดยี ว 2.3 ฝึกวินัยด้วยการหาเพ่ือนร่วมทาง อีกวิธีหนึ่งทีหลายคนใช้ได้ผลมาก คือ อย่าทำคนเดียว แต่หา เพ่ือนร่วมฝึกฝนวินัยด้วยกัน กลุ่มจะมีอิทธิพลต่อการช่วยการฝึกฝนตนเองได้มาก เป็นกำลังใจ แรงกระตุ้น คอยเตือนสติในทางตรงข้าม การเห็นเพื่อนในกลุ่มไม่มีวินัย บางคนก็ได้คิดว่าตนเองจะต้องระมัดระวังมากข้ึน กลุ่มจึงมีบทบาทสำคัญในการฝึกฝนวินัย โดยเฉพาะหากมีกระบวนการพูดคุยสรุปผลจากการฝึกเป็นระยะ ๆ อยา่ งต่อเน่อื งแล้วช่วยกนั เสริมจดุ แข็งสกดั จุดออ่ นของกันและกนั เช่น ให้เพื่อนวจิ ารณห์ รอื ชว่ ยตกั เตือนทันทีท่กี ำลัง จะละเมิดสิ่งท่ีจะฝึก โดยตกลงกันว่าจะไม่โกรธกันหรือบางครั้งก็ใช้วิธีการปรับเป็นการลงโทษ หรือการให้รางวัล เพอื่ ส่งเสรมิ การพฒั นาที่กา้ วหน้าขึ้น เปน็ ตน้ 2.4 ฝึกวินัยด้วยความมุ่งม่ันในเป้าหมาย หลายคนเม่ือมุ่งมั่นจะต้องปฏิบัติภารกิจของตนเองให้สำเร็จ จงึ นำเอาความม่งุ ม่ันตั้งใจดังกล่าวมาฝึกฝนตนเองใหม้ ีวินยั เพ่ือไปสคู่ วามสำเร็จ โดยเมอ่ื เข้าสู่ชุมชนแล้วก็ฝึกตนเอง ในการอยู่ให้ได้ตามแบบแผนของครอบครัวและชุมชนด้วยความอดทน แม้จะยากลำบาก แปลกแยกแตกต่างจาก ความคุ้นเคยเดิม ๆ ก็ตาม ความมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายจึงเป็นแรงกระตุ้นของการฝึกฝนวินัยได้ทางหน่ึงด้วย วิธีน้ี จะต้องหม่ันสงั เกตวา่ ในครอบครัวและในชุมชนมีระเบียบแบบแผนในวิถีชีวิตดา้ นตา่ ง ๆ อย่างไร มีกฎเกณฑ์ในการ ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างไร มีอะไรที่เป็นข้อท่ีพึงทำหรือไม่พึงทำ แล้วก็ตั้งใจปฏิบัติตามโดยไม่ย่อท้อ ตรงไหนท่ีไม่ แน่ใจก็สอบถาม วินยั ของผคู้ นก็คอื การกระทำท่ีเคารพต่อผี ไม่ทำอะไรที่ “ผิดผ”ี หรือละเมิดวินัยของชุมชนน่ันเอง ดังนั้น การท่เี ราปฏบิ ัตติ นในแบบแผนเดียวกับชมุ ชนก็เป็นการพฒั นาวนิ ยั ของเราไปดว้ ยเชน่ กนั วินยั และการรกั ษาวินัยของทางราชการ “...วินัย แทจ้ ริงมีอยู่สองอย่าง อย่างหนึ่งคอื วินัยตามทท่ี ราบกันและถือกัน อันได้แก่ ข้อปฏิบัติท่ีบัญญัตไิ ว้ เป็นกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ให้ถือปฏิบัติ อีกอย่างหนึ่งคือวินัยในตนเองท่ีแต่ละคนจะต้องบัญญัติข้ึน สำหรับควบคุมบังคับให้มีความจริงใจ และให้ประพฤติปฏิบัติตามความจริงใจน้ันอย่างม่ันคงมีลักษณะเป็น
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 124 สัจจาธิษฐานหรือการต้ังสัตย์สัญญาให้แก่ตัววินัยอย่างนี้จัดเป็นตัววินัยแท้เพราะให้ผลจริงและแน่นอนย่ิงกว่าวินัย ที่เป็นบทบัญญัติ ทั้งเป็นปัจจัยสำคัญท่ีจะเก้ือกูลให้การถือการใช้วินัยที่เป็นบทบัญญัติน้ัน ได้ผลเท่ียงตรง ถูกต้อง สมบูรณ์เต็มเป่ียมตามเจตนารมณ์ สำคัญท่ีวินัยในตนเองนี้จะต้องบังเกิดข้ึนจากการที่ได้ยั้งคิดแล้ว ได้ใช้สติปัญญา ความเฉลียวฉลาด พิจารณาไตรต่ รองอย่างละเอียดรอบคอบแลว้ จนเห็นประจกั ษ์ในเหตใุ นผลท่ีแน่แท้ และเมื่อเป็น วนิ ยั ทก่ี ลนั่ กรองขึน้ จากสติปญั ญาความฉลาดรอบคอบก็ย่อมจะทำให้ร้จู ักผิดชอบชั่วดี ทรงความศักดิ์สิทธ์ิ คุ้มครอง ป้องกันผู้ปฏิบัติให้พ้นจากภัยอันตรายและเหตุแห่งความเส่อื มเสีย ท้ังปวงได้ ทั้งทางกายทางใจ พาให้เจริญรุ่งเรือง พรอ้ มดว้ ยศักดศ์ิ รี เกียรติ อำนาจทุกประการ... ” ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องรักษาวินัยโดย กระทำการหรือไมก่ ระทำการ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ขา้ ราชการพลเรือนสามญั ต้องกระทำการอันเปน็ ข้อปฏิบัติดงั ต่อไปนี้ 1) ตอ้ งปฏิบตั หิ นา้ ท่รี าชการด้วยความซ่อื สตั ย์ สุจริต และเทีย่ งธรรม 2) ต้องปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรฐั บาล และปฏิบตั ิตามระเบยี บแบบแผนของทางราชการ 3) ต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะเอาใจใส่ และรกั ษาประโยชนข์ องทางราชการ 4) ต้องปฏิบัตติ ามคำสั่งของผู้บงั คับบัญชาซ่งึ ส่ังในหนา้ ที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของ ทางราชการโดยไม่ขัดขืนหรือหลีกเล่ียง แต่ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติตามคำสั่งน้ันจะทำให้เสียหายแก่ราชการหรือจะ เป็นการไม่รักษาประโยชน์ของทางราชการจะต้องเสนอความเห็นเป็นหนังสือทั นทีเพ่ือให้ผู้บังคับบัญชาทบทวน คำสั่งน้ัน และเม่ือได้เสนอความเห็นแล้ว ถ้าผู้บังคับบัญชายืนยันให้ปฏิบัติตามคำสั่งเดิม ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาต้อง ปฏบิ ัติตาม 5) ตอ้ งอทุ ศิ เวลาของตนให้แกร่ าชการ จะละทิ้งหรอื ทอดทิง้ หน้าทร่ี าชการมิได้ 6) ตอ้ งรักษาความลับของทางราชการ 7) ต้องสุภาพเรียบร้อย รักษาความสามัคคีและต้องช่วยเหลือกันในการปฏิบัติราชการระหว่างข้าราชการ ด้วยกนั และผรู้ ่วมปฏิบัตริ าชการ 8) ต้องต้อนรับให้ความสะดวกให้ความเป็นธรรมและให้การสงเคราะห์แก่ประชาชน ผู้ติดต่อราชการ เกี่ยวกับหนา้ ทข่ี องตน 9) ต้องวางตนเป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าท่ีราชการและในการปฏิบัติการอ่ืนท่ีเกี่ยวข้องกับ ประชาชนกับจะต้องปฏบิ ตั ิตามระเบียบของทางราชการว่าด้วยมารยาททางการเมืองของขา้ ราชการด้วย 10) ตอ้ งรกั ษาชื่อเสยี งของตน และรักษาเกยี รตศิ กั ดขิ์ องตำแหนง่ หน้าท่ีราชการของตนมิใหเ้ สอ่ื มเสยี 2. ข้าราชการพลเรอื นสามัญตอ้ งไม่กระทำการอันเป็นข้อห้าม ดงั ต่อไปนี้ 1) ต้องไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาการรายงานโดยปกปิดข้อความซึ่งควรต้องแจ้งถือว่าเป็นการ รายงานเทจ็ ด้วย 2) ต้องไมป่ ฏิบัติหน้าท่ีราชการอันเป็นการกระทำการขา้ มผู้บังคับบัญชาเหนือตน เว้นแต่ผู้บังคับบัญชา เหนอื ตนข้ึนไปเป็นผู้ส่ังให้กระทำหรือไดร้ บั อนญุ าตเป็นพเิ ศษช่วั คร้ังคราว 3) ต้องไม่อาศัยหรือยอมใหผ้ ู้อน่ื อาศยั ตำแหน่งหน้าท่ีราชการของตนหาประโยชนใ์ ห้แกต่ นเองหรือผู้อ่ืน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 125 4) ตอ้ งไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าทีร่ าชการ 5) ต้องไม่กระทำการหรือยอมให้ผอู้ ่ืนกระทำการหาผลประโยชน์อันอาจทำให้เสียความเท่ียงธรรมหรือ เส่อื มเสียเกียรตศิ กั ดิ์ของตำแหน่งหนา้ ทรี่ าชการของตน 6) ต้องไม่เป็นกรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือดำรงตำแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันน้ัน ในหา้ งหุ้นส่วนหรอื บรษิ ัท 7) ต้องไมก่ ระทำการอยา่ งใดท่ีเปน็ การกล่นั แกลง้ กดขีห่ รอื ข่มเหงกนั ในการปฏบิ ัติราชการ 8) ตอ้ งไม่กระทำการอันเป็นการลว่ งละเมิดหรอื คุกคามทางเพศ 9) ตอ้ งไมด่ ูหม่ิน เหยยี ดหยาม กดข่ี หรอื ขม่ เหงประชาชนผ้ตู ิดตอ่ ราชการ 3. การกระทำผิดวินยั ในลักษณะดังตอ่ ไปน้ี เปน็ ความผิดวินยั อย่างรา้ ยแรง 1) ปฏิบัตหิ รือละเว้นการปฏิบัตหิ นา้ ท่ีราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกดิ ความเสียหายอย่างรา้ ยแรงแก่ผหู้ น่ึง ผใู้ ด หรือปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏิบัตหิ น้าทรี่ าชการโดยทุจรติ 2) ละทิ้งหรือทอดทง้ิ หน้าทร่ี าชการโดยไม่มเี หตผุ ลอันสมควรเป็นเหตุใหเ้ สียหายแกร่ าชการอย่างร้ายแรง 3) ละท้ิงหน้าท่ีราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือโดยมี พฤติการณอ์ นั แสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบยี บของทางราชการ 4) กระทำการอนั ไดช้ อ่ื ว่าเปน็ ผู้ประพฤติช่วั อย่างร้ายแรง 5) ดหู ม่นิ เหยียดหยาม กดข่ี ขม่ เหง หรอื ทำร้ายประชาชนผตู้ ดิ ต่อราชการอย่างร้ายแรง 6) กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกหรือโทษที่หนักกว่าโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถงึ ที่สุดให้จำคุก หรอื ให้รบั โทษที่หนกั กวา่ โทษจำคุก เวน้ แต่เป็นโทษสำหรบั ความผดิ ทีไ่ ด้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหโุ ทษ 7) ละเวน้ การกระทำหรอื กระทำการใด ๆ อันเป็นการไม่ปฏิบตั ิตาม ข้อ 1 หรือฝา่ ฝนื ข้อห้ามตาม ข้อ 2 อันเป็นเหตใุ ห้เสยี หายแก่ราชการอย่างรา้ ยแรง 4. โทษทางวนิ ัย มี 5 สถาน ดังตอ่ ไปน้ี 1) ภาคทัณฑ์ 2) ตดั เงินเดอื น 3) ลดเงนิ เดือน 4) ปลดออก 5) ไลอ่ อก 3. คุณธรรม จริยธรรม “คุณธรรม” หมายถึง สิ่งท่ีมีคุณค่า มีประโยชน์เป็นความดีงาม เป็นมโนธรรม เป็นเคร่ืองประคับประคอง ใจให้เกลียดความช่ัว กลัวบาป ใฝ่ความดีเป็นเคร่ืองกระตุ้นผลักดันให้เกิดความรู้สึกรับผิดชอบ เกิดจิตสำนึกที่ดีมี ความสงบเย็นภายใน เป็นส่ิงท่ีต้องปลูกฝังโดยเฉพาะเพื่อให้เกิดข้ึน และเหมาะสมกับความต้อองการใน สังคมไทย และคำว่า “จริยธรรม” ก็หมายถึง กรอบหรือแนวทางอันดีงามท่ีพึงปฏิบัติซ่ึงกำหนดไว้สำหรับสังคมเพ่ือให้เกิ ด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยงดงาม ความสงบร่มเย็นเป็นสุข ความรัก สามัคคีความอบอุ่น มันคงและปลอดภัย ในการดำรงชวี ิต
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 126 ภาพประกอบที่ 4.2 คุณธรรม จริยธรรม (ท่ีมา http://thebuddh.com) 4. การประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนเหมาะสมกบั ความเป็นครู 1) ความมีระเบียบวินัย หมายถึง ความประพฤติท้ังทางกายและวาจาและใจท่ีแสดงถึงความเคารพในกฎหมาย ระเบียบประเพณีของสังคม และความประพฤติทส่ี อดคล้องกับอุดมคติหรือความหวังของตนเอง โดยใหย้ ึดส่วนรวม สำคญั กว่าส่วนตวั 2) ความซื่อสัตย์สุจริตและความยุติธรรม หมายถึง การประพฤติท่ีไม่ทาให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่เอาเปรียบ หรอื คดโกงผ้อู น่ื หรอื สว่ นรวมใหย้ ึดถือหลักเหตผุ ล ระเบยี บแบบแผนและกฎหมายของสงั คมเป็นเกณฑ์ 3) ความขยัน ประหยัดและยึดมั่นในสัมมาอาชีพ หมายถึง ความประพฤติที่ไม่ทาให้เสียเวลาชีวิตและ ปฏบิ ตั ิกิจอันควรกระทาให้เกิดประโยชนแ์ ก่ตนและสังคม 4) ความสานึกในหน้าที่และการงานต่าง ๆ รวมไปถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ หมายถึง ความประพฤตทิ ่ไี มเ่ อารดั เอาเปรยี บสังคมและไม่ก่อความเสยี หายให้เกดิ ขนึ้ แกส่ ังคม 5) ความเปน็ ผู้มคี วามคิดริเร่ิม วิจารณแ์ ละตัดสินอย่างมีเหตุผล หมายถึง ความประพฤตใิ นลักษณะสร้างสรรค์ และปรับปรงุ มเี หตมุ ีผลในการทาหนา้ ทกี่ ารงาน 6) ความกระตือรือร้นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมีความรักและเทิดทูนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หมายถึง ความประพฤติที่สนับสนนุ และให้ความรว่ มมือ ในการอยู่ร่วมกันโดยยึดผลประโยชน์ของ สงั คมใหม้ ากทส่ี ดุ 7) ความเป็นผู้มีพลานามัยที่สมบูรณ์ท้ังทางร่างกายและจิตใจ หมายถึง ความมั่นคงและจิตใจรู้จักบำรุงรักษา กายและจติ ใจให้สมบูรณ์ มีอารมณแ์ จ่มใสมีธรรมะอย่ใู นจิตใจอยา่ งมนั่ คง 8) ความสามารถในการพ่ึงพาตนเองและมีอุดมคติเป็นที่พึ่ง ไม่ไหว้วานหรือขอความช่วยเหลือจากผู้อ่ืน โดยไมจ่ ำเป็น 9) ความภาคภูมิและการรู้จักทานุบำรุงศิลปะ วัฒนธรรมและทรัพยากรของชาติ หมายถึง ความประพฤติท่ี แสดงออกซ่ึงศิลปะและวัฒนธรรมแบบไทย ๆ มคี วามรักและหวงแหนวัฒนธรรมของตนเองและทรัพยากรของชาติ 10) ความเสียสละและเมตตาอารี กตัญญูกตเวที กล้าหาญและความสามัคคีกัน หมายถึง ความ ประพฤตทิ ี่แสดงออกถึงความแบง่ ปนั เกื้อกลู ผ้อู ื่น ในเรื่องของเวลากาลงั กายและกาลังทรพั ย์
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 127 5. การวางแผนเพ่อื พัฒนาความก้าวหน้าในวชิ าชีพครู คนไทยและสังคมไทยในอนาคตต้องมีความสามารถ “มุ่งก้าวม่ัน รู้ทันโลก” และก้าวไปสู่ “สังคมแห่ง ปัญญาและการเรียนรู้” ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2543 หมวด 7 ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการ ศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญท่ีต้องมีอิทธิพลต่อการพัฒนาครูและวิชาชีพครู ต้ังแต่มาตรา 52-57 (ดังคำช้ีแจงประกอบ พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ในภาคผนวก) สรุปได้ว่า 1) ให้มีระบบ กระบวนการผลิต การพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพและ มาตรฐานทเ่ี หมาะสมกบั การเป็นวชิ าชพี ชัน้ สงู 2) ให้มีองค์กรวิชาชีพทำหน้าที่กำกับดูแลผู้ที่อยู่ในวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นไปตาม มาตรฐานและจรรยาบรรณวชิ าชีพ 3) ให้ผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาต้องมี ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี 4) ให้มีองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู โดยยึดหลักการกระจายอำนาจการบริหารงาน บคุ คลสู่เขตพ้นื ท่ีการศึกษา 5) ให้มีกฎหมาย ว่าด้วย เงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการและสิทธิประโยชน์เกื้อกูลอื่น สำหรับ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา เพือ่ ให้มรี ายได้เพียงพอและเหมาะสมกบั ฐานะสงั คมและวชิ าชพี 6) ให้มกี ารระดมทรัพยากรบุคคลในชุมชนให้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาและยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ท่ี สง่ เสรมิ และสนับสนุนการจัดการศกึ ษา 3. การพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ในส่วนท่ีเก่ียวกบั การจัดโครงสร้างการจัดระบบบริหาร จัดการ และการจัดระบบครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาจะมีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2545 ครู ผู้บริหาร สถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษา ควรได้รับการเตรียมความพร้อมให้มีความรู้ความ เข้าใจในบทบาทหน้าท่ี และมีความมั่นใจในการดำเนินงานตามแนวปฏิรูปการศึกษา สำนักงานปฏิรูปการศึกษา (สปศ.) จึงได้ประสานงานกับหนว่ ยงานท่ีเกย่ี วข้องจดั ทำโครงการพฒั นา โดยขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมไปถึง การเตรียมความพรอ้ ม ผู้นำชุมชนและผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซ่ึงในอนาคตจะมีบทบาทที่สำคญั ในการจัด การศึกษาดว้ ย สำหรับการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ในระยะต่อไปเสนอให้มีการจัดต้ังสถาบัน พัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.) มีสถานภาพเป็นองค์การมหาชน เพ่ือรับผิดชอบในการ กำกับดแู ล ส่งเสรมิ การพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษาอยา่ งต่อเนื่อง 4. แนวทางและวิธีการพฒั นาครู การพัฒนาครูแบง่ ออกเป็น 2 ลกั ษณะ คอื 1) การพัฒนาท่ียึดเอาวิทยากรและเนื้อหาวิชาเป็นศูนย์กลาง การพัฒนาลักษณะน้ีเน้นความสำคัญของ เน้ือหาวิชาหรือสาระของความรู้ข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับวิชาชีพและงานของครู (เช่น งานราชการ) โดยมีวิทยากร เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ ข่าวสารและข้อมูลเหล่าน้ัน ไปสู่ครูผู้รับการพัฒนา จุดหมายการพัฒนามุ่งเน้นให้ครูรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสารและเขา้ ใจเนื้อหาสาระเหล่าน้ัน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 128 กิจกรรมการพัฒนาเป็นการสอ่ื สารทางเดยี วรปู แบบการนำเสนอท่ีนยิ มกัน คือ วิทยากรคนเดียวหรือหลาย คนบรรยายหรืออภิปรายในที่ประชุมครู วิทยากรอาจใช้สื่อและเทคโนโลยีรูปภาพ แสงและเสียงประกอบการบรรยาย เพื่อสร้างความเข้าใจและช่วยเพ่ิมความสนใจ ผู้รับการพัฒนาฟังและดูสิ่งประกอบการบรรยาย รับรู้ จดจำและ บนั ทึกสาระของความร้ขู า่ วสารขอ้ มูล 2) การพัฒนาท่ียึดเอาครูเป็นศูนยก์ ลาง การพัฒนาลักษณะนี้เน้นความสำคัญของครูผู้ร่วมกิจกรรมการพัฒนา การตัดสินใจและทำกิจกรรมทุกอย่างมุ่งประโยชน์การพัฒนาครู ให้ความสำคัญท้ังกระบวนการและเนื้อหาความรู้ ครูและวิทยากรปฏิบัติกิจกรรมตามจังหวะและโอกาสต่างคนต่างเรียนรู้ไปพร้อมกัน ความรู้ ข่าวสารและข้อมูลมา จากหลายแหล่ง และเลอื กสรรเฉพาะท่จี ะนำไปใชป้ ระโยชน์ วิธีการและกิจกรรมท่ีปฏิบัติมีหลากหลาย มีทั้งการสื่อสารทางเดียว สองทาง การฝึกหัด ทดลอง ปฏิบัติจริง สังเกต วเิ คราะห์ สังเคราะห์ ประเมินคา่ สรา้ งองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง ส่วนใหญค่ รูเป็นผู้ปฏิบัติ วิทยากรเป็นผู้กำกบั จุดหมายมุ่งเน้นการพัฒนาหรือความงอกงามของครูแต่ละคน ในแต่ละด้านตามสภาพปัญหาและความ ต้องการของเขามักพัฒนาทีละเรื่องหรือทีละด้าน อาจทำเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม พัฒนาต่อเน่ืองไม่เน้นความสำคัญ ของเวลาและสถานท่ี ประเมินผลตามจุดประสงค์ด้วยวิธีการต่างๆ และนำผลน้ันมาพิจารณาหาประเดน็ เพ่ือพัฒนา ต่อเนื่องไปอีก การพฒั นาครใู นลกั ษณะน้ีมี 3 รูปแบบใหญ่ ๆ คอื 1) การพฒั นาตนเองโดยไมม่ วี ิทยากรหรือมเี ป็นครั้งคราว 2) การพัฒนาตนเองโดยมวี ทิ ยากรชว่ ยชี้นำ แนะแนวและชว่ ยเหลอื 3) การพัฒนาตนเองโดยผสานแบบท่ี 1 และ 2 ตามสภาพปัญหา และความเหมาะสมอื่น ๆ ของผู้เข้าร่วม พฒั นารวมท้งั บรบิ ทตา่ ง ๆ การพัฒนาครูลักษณะนี้ตรงกับแนวทางจัดการเรียนรู้ตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ท่ีถือว่า ผเู้ รียนมีความสำคัญทีส่ ุด การพฒั นาผูเ้ รียนถือว่าผู้เรยี นสำคัญฉนั ใด การพฒั นาครูก็ถอื วา่ ครูสำคญั ฉนั นั้น กระบวนการพฒั นาครู มีขน้ั ตอนสำคัญดงั น้ี 1) ศึกษาและวิเคราะห์มาตรฐานและคุณภาพของครู ตามที่องค์กรวิชาชีพครูกำหนดขึ้น รวมทั้งมาตรฐาน และคุณภาพของครทู ห่ี นว่ ยงานและสถานศึกษากำหนดขนึ้ 2) ประเมนิ ครูวา่ มมี าตรฐานและคุณภาพตามที่กำหนดในข้อ 1 หรอื ไม่ 3) วิเคราะห์ผลการประเมินครูตามข้อ 2 เพ่ือทราบว่าครูคนใด กลุ่มใด โรงเรียนใด เขตพื้นท่ีการศึกษาใด ประพฤติปฏิบัติตนและปฏิบัติงานไดค้ รบถว้ นตามมาตรฐานหรอื บกพรอ่ งด้านใด แต่ละดา้ นมีคณุ ภาพอยู่ในระดับใด ผใู้ ด กล่มุ ใด โรงเรยี นใด เขตพืน้ ที่ใด ต้องพฒั นาดา้ นใดก่อนและหลัง หรอื พัฒนาไปพร้อมกัน 4) จัดกลุ่มครูท่ีจะพัฒนา (หมายถึง พัฒนาตนเองหรือรับการพัฒนา) อาจจัดเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม โดยพิจารณาจากสภาพและปัญหาท่ีค้นพบในข้อ 3 เป็นหลัก และองค์ประกอบอ่ืน ๆ เช่น งบประมาณ ระยะเวลา วทิ ยากรเปน็ รอง 5) กำหนดรูปแบบและกิจกรรมการพัฒนาว่าจะใช้รูปแบบและกิจกรรมใด ในช่วงเวลาใด ปฏิบัติท่ีไหน ผูใ้ ดปฏบิ ตั ิ ผใู้ ดกำกับดูแล ใช้สอื่ และเทคโนโลยอี ะไร ประเมินผลและรายงานผลอยา่ งไร
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 129 6) ปฏิบัติการพัฒนาตามแผนงานที่กำหนด กำกับดูแล สนับสนุน ช่วยเหลือ ติดตามประเมินผลเป็นระยะ นำผลมาวิเคราะหแ์ ละพฒั นาต่อไป รวมท้งั นำผลการพฒั นามาให้รางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติ หรอื นำผลการพฒั นาไป ในเร่ืองอืน่ ๆ เชน่ การเล่ือนตำแหนง่ เลอ่ื นเงินเดอื น ภาพประกอบที่ 4.3 การพัฒนาครู (ท่ีมา https://www.matichon.co.th/education/news_602734) 5. การพัฒนาตนเอง 1) การใฝ่รูใ้ ฝ่เรยี น ใฝ่เรียนรู้ หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียน แสวงหาความรู้จาก แหล่งเรยี นรู้ทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น ผู้ที่ใฝ่เรียนรู้ คือ ผู้ท่ีมีคุณลักษณะที่แสดงออกถึงความต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียน และเข้าร่วมกิจกรรม การเรียนรู้ แสวงหาความรู้ จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการเลือกใช้สื่อ อย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปล่ียนเรียนรู้ ถ่ายทอด เผยแพร่และนำไปใช้ ในชวี ิตประจำวนั ได้ ตัวชว้ี ัด 1. ตั้งใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ 2. แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรู้ต่าง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้ส่อื อย่างเหมาะสม สรุปเป็นองคค์ วามรู้ และสามารถนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้ พฤติกรรมบ่งช้ี 1. ตั้งใจ เพยี รพยายามในการเรียน และเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ 1.1 ต้ังใจเรยี น 1.2 เอาใจใสแ่ ละมีความเพียรพยายามในการเรยี นรู้ 1.3 สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนร้ตู า่ งๆ 2. แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรู้ต่าง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้ส่อื อย่างเหมาะสม สรุปเป็นองค์ความรู้ และสามารถนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 130 2.1 ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ เอกสาร ส่ิงพิมพ์ สื่อเทคโนโลยีต่าง ๆ แหล่งเรียนรู้ท้ังภายในและ ภายนอกโรงเรยี น และเลือกใชส้ ื่อไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2.2 บันทึกความรู้ วิเคราะหข์ ้อมลู จากส่งิ ที่เรยี นรู้ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ 2.3 แลกเปลย่ี นความรดู้ ว้ ยวธิ กี ารต่าง ๆ และนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน 2) ความฉลาดทางอารมณ์ ความฉลาดทางอารมณ์ หมายถึง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ มีจิตใจท่ีมั่นคง การมองโลกในแง่ดี รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา มีความมุ่งม่ันแน่วแน่ มีเหตุผล มีสติสามารถควบคุมตนเอง มีความสามารถในการรับรูถ้ งึ ความตอ้ งการของคนอนื่ และรู้จักมารยาททางสังคม เปน็ ต้น ซงึ่ แบง่ ออกเปน็ 5 ดา้ น 2.1 การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness) หมายถงึ ความสามารถในการเขา้ ใจ และรับรอู้ ารมณ์ ของตนเอง ขอ้ นเ้ี ปน็ ข้อที่สำคัญมาก และเป็นจุดเริ่มต้นของการพฒั นา EQ เราตอ้ งรู้จักตัวเราเองก่อนว่าเราเปน็ คน อารมณ์แบบไหน ส่งผลกระทบอย่างไรต่อการแสดงออกหรือพฤติกรรม และส่งผลต่อผู้อื่นอย่างไร ด้านไหนเป็น ขอ้ ดี และดา้ นไหนเป็นข้อทค่ี วรพฒั นา 2.2 การควบคุมตัวเอง (Self-Regulation) หมายถึง หลังจากที่เรารับรู้อารมณ์ของตนเองและผลกระทบ ท่ีมีต่อผู้อ่ืนแล้ว สามารถควบคุมและจัดการกบั อารมณข์ องตนได้ แล้วแสดงออกอยา่ งเหมาะสม เช่น เม่อื ฟังลกู น้อง พูดแลว้ รูส้ กึ หงดุ หงดิ กต็ ระหนักรู้ว่าตนเองกำลงั หงุดหงิด แล้วควบคมุ ตนเองไม่ระเบดิ ใสล่ กู นอ้ ง เปน็ ต้น 2.3 ทักษะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น (Social Skills) หมายถึง การมีความสัมพันธ์ท่ีดีกับผู้อ่ืนก็เป็นสิ่งสำคัญ ทำให้บรรยากาศในการทำงานดีและผู้อ่ืนอยากท่ีจะทำงานด้วย ทักษะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เช่น การเป็นผู้ฟังที่ดี การสื่อสารดว้ ยวจั นะภาษา (คำพูด) การสื่อสารด้วยอวัจนะภาษา (ภาษากายและน้ำเสียง) การให้เกียรติผูอ้ ่ืน เปน็ ต้น 2.4 การเข้าใจผู้อื่น (Empathy) หมายถึง การเข้าใจผู้อ่ืน หมายถึง ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึก ของผ้อู ืน่ และแสดงความใส่ใจเปน็ พิเศษหากเขารู้สึกไม่ดี กังวล เศร้า เปน็ ต้น หากเราใส่ใจในการฟงั ฟังมากกวา่ แค่ คำพูด สังเกตนำ้ เสียงและภาษากาย จะช่วยให้เราเข้าใจผอู้ ่ืนไดด้ ีข้ึน ส่ิงสำคญั คือ ใส่ใจคนที่คยุ ดว้ ยจริง ๆ ไมไ่ ด้ทำ อยา่ งอนื่ ไปด้วย 2.5 การจูงใจ (Motivation) หมายถึง เป็นคนที่มีแรงจูงใจจากภายใน (Intrinsic motivation) เต็มไปด้วย พลังท่ีขับเคลื่อนจากภายใน มากกว่าแรงจูงใจจากภายนอก (External motivation) เช่น เงิน ช่ือเสียง การได้รับ การยอมรบั เป็นตน้ มีการตง้ั เปา้ หมายและลงมือทำจนบรรลเุ ป้าหมาย ไมย่ อมแพต้ อ่ อุปสรรค/ความยากลำบาก 3. การสรา้ งแรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิ์ การสร้างแรงจูงใจ เป็นกระบวนการกระตุ้นบุคคลด้วยสิ่งเร้า เพื่อให้บุคคลนั้นกระทาการใด ๆ เพ่ือบรรลุ จุดประสงค์บางอย่างซ่ึงจะเห็นได้ว่าพฤติกรรมท่ีเกิดจากการจูงใจ เป็นพฤติกรรมที่มิใช่เป็นเพียงการตอบสนองสิ่งเร้า ปกติธรรมดา ลักษณะของการตอบสนองส่ิงเร้าปกติธรรมดา เช่น การขานรับเมื่อได้ยินเสียงเรียก การหันไปมอง เม่ือมีคนเดินผ่านหน้า เป็นต้น ส่วนท่ีจะจดั ว่าเป็นพฤติกรรมท่ีเกิดจากการจูงใจ เช่น การท่ีเจ้าหน้าท่ีบัญชีพยายาม ทาบัญชีให้เรียบร้อยเพื่อต้องการคาชมจากหวั หน้างาน การที่พนักงานขายต้ังใจมาทางานสม่ำเสมอไม่ขาดงานและ ต้ังใจทายอดขายเพราะหวังจะได้รับความดีความชอบเป็นกรณีพิเศษ ฯลฯ จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมมีความเข้มข้น มที ศิ ทาง มเี ป้าหมายชัดเจนว่าต้องการไปสูจ่ ุดใด จงึ มิใช่พฤตกิ รรมทั่ว ๆ ไป ทีเ่ กดิ จากการตอบสนองสง่ิ เร้าธรรมดา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 131 แรงจงู ใจมี 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ เป็นความต้องการของบุคคลในอันที่จะสร้างสัมพันธภาพกับผู้อ่ืนต้องการการยอมรับ นับถือหรือการสนับสนุนจากผู้อ่ืนหรือคนในสังคม ยอมสูญเสียบางอย่างเพื่อให้ได้มา หรือรักษาไว้ซึ่งสัมพันธ์อันดี กับบุคคลท่ีให้ความสำคัญโดยบุคคลท่ีมีแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์นี้สูงจะมีลักษณะที่ชอบทางานกับบุคคลอื่น และมีความเห็น อกเห็นใจผู้อื่นเสมอ โดยจะพยายามกระทาตัวหรอื แสดงออกใหเ้ ปน็ ท่ีพึงพอใจของทกุ ฝา่ ยซ่ึงนับว่าเป็นลักษณะเด่น ของบคุ คลประเภทน้ี 2) แรงจูงใจใฝ่อำนาจ เป็นความต้องการท่ีจะได้มาซ่ึงอิทธิพลเหนือกว่าบุคคลอ่ืน ๆ อันส่งผลให้บุคคลพยายาม ท่ีจะกระทาการควบคุมส่ิงตาง ๆ เพื่อให้ตนเองบรรลุผลตามท่ีต้องการเหนือกว่าบุคคลอื่นหรือเป็นความต้องการ ที่จะแสวงหาอำนาจ เนื่องจากมีความรู้สึกว่าการมีอำนาจน้ัน จะทาให้เขาสามารถทาอะไรก็ได้เหนือกว่าคนอื่น ๆ และเป็นความภาคภูมิใจอย่างหน่ึงของบุคคล แรงจูงใจใฝ่อำนาจนี้ มักจะเกิดจากการท่ีบุคคลได้เรียนรู้พฤติกรรม ของบุคคลท่ีผา่ นมาวา่ การมีอำนาจสามารถทจ่ี ะบนั ดาลทุกอยา่ งได้ตามทตี่ นเองต้องการ 3) แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ เป็นความต้องการของบุคคลที่จะฝ่าฝันอุปสรรคโดยไม่ย่อท้อ และต้องการทำงาน ให้บรรลุจุดมุ่งหมายที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นความปรารถนาที่จะกระทาสิ่งใดให้สำเร็จตามเป้าหมาย โดยพยายามแข่งขันกบั มาตรฐานอื่นท่ดี ีเลศิ พยายามปรับปรุงการทางานโดยเน้นผลสัมฤทธ์ิผกู้ ระทาจะรู้สกึ สบายใจ เมื่อประสบผลสำเร็จและมีความรู้สึกเสียใจและแสดงความรับผิดชอบเม่ืองานล้มเหลว ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิสูง จะมีวินยั ในตนเอง เป็นผ้ทู างานเพอื่ งาน มีความรับผิดชอบ ยอมรบั ปญั หา แก้ไขและปรบั ปรงุ ตนเองอยา่ งสม่ำเสมอ ยอมรบั นวัตกรรมใหม่ ๆ และจะสามารถสรา้ งผลงานทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สังคมไดอ้ ยา่ งถาวร 6. การพัฒนาบคุ ลิกภาพ การพัฒนาบุคลิกภาพ (Personality Development) หมายถึง การปรับปรุงพฤติกรรมของบุคคลเพ่ือขจัด ข้อบกพร่องและเพิ่มจุดเด่น โดยพยายามขจัดข้อบกพร่องให้ออกไปมากท่ีสดุ และพยายามปรบั ปรุงพัฒนาเพ่ือเป็น การสร้างภาพลกั ษณ์และภาพพจนข์ องบุคคลนั้นให้เป็นที่น่าเช่ือถือศรัทธาโดยการปรบั ปรุงท้ังภายในและภายนอก กิริยามารยาท การแต่งกาย การแสดงออกทางอารมณ์ และคำพูดกระบวนการที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และบุคคลมที ศั นคติที่ดีต่อการเปลย่ี นแปลงนน้ั ๆ มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ไม่มีใครท่ีเกิดมาพร้อมความสมบูรณ์ของบุคลิกภาพในทุกองค์ประกอบแต่ละบุคคล ล้วนมีความบกพร่องบ้างไม่มากก็น้อยดังน้ันบุคคลจึงจำเป็นต้องปรับปรุงหรือพัฒนาบุคลิกภาพในส่วนที่บกพร่อง ของตนเองใหม้ คี วามสมบูรณ์มากทส่ี ุดเท่าทจ่ี ะทำได้ การพัฒนาบุคลิกภาพที่ดี หมายถึง บุคลิกภาพท่ีน่าประทับใจเริ่มตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวกันเม่ือเจอหน้ากัน ภายใน 5 วินาทีแรกเราก็จะถูกประเมินแล้วว่าเป็นคนเช่นไรจากบุคลิกภาพภายนอกซ่ึงจะเป็นสิ่งท่ีสร้างความ ประทบั ใจต้ังแต่แรกเห็น ไม่วา่ จะสุขภาพรา่ งกาย หนา้ ตา ทรงผม เสอ้ื ผ้า แต่งตัวเหมาะสมกับกาลเทศะแลดูสะอาด เรียบร้อย เครือ่ งประดับ ลลี าท่าทางต่าง ๆ เช่น การยืน เดิน นั่ง การพูดจา น้ำเสียงนมุ่ นวลชวนฟัง ไม่พูดกระโชก หรือขวานผ่าซาก รู้จักพูด รูจ้ ักเลือกใช้ถ้อยคำให้เหมาะสมกบั คนฟังและกาลเทศะ กริ ิยาท่าทางคล่องแคล่วมีความ ม่ันใจ สรุป คือภาพรวมภายนอกทั้งหมดของคนเราทดี่ ูดีดังคำทีว่ ่า“กาย-ดดู วี าจา-น่าฟงั และใจ-เปน็ บวก” การปรับตัว หมายถึง ผลของความพยายามของบุคคลที่พยายามปรับสภาพปัญหาท่ีเกิดขึ้นแก่ตนไม่ว่า ปัญหาน้ันจะเป็นปัญหาดา้ นบุคลิกภาพ ด้านความต้องการหรือด้านอารมณ์ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมท่บี ุคคลนั้น อยสู่ ่วนเบอร์นาด (Bernard) ให้ความหมายของการปรบั ตัวว่าเป็นการทีบ่ ุคคลสามารถปรับตวั ใหเ้ ข้ากับตนเองและ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 132 โลกภายนอกได้อย่างดี ความพึงพอใจความแจ่มใสอย่างสูงสุดมีพฤติกรรมที่เหมาะสมกับสภาพสังคมมี ความสามารถท่ีจะเผชญิ และยอมรับความจรงิ ของชีวติ การดำรงชีวิต เปน็ การทำงานในชีวิตประจำวนั อเพ่ือช่วยเหลือตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคมทีว่ ่าดว้ ยงานบ้าน งานเกษตร งานช่าง งานประดษิ ฐ์ งานธรุ กิจ และงานอืน่ ๆ การประพฤติตนตามหลกั ศาสนา การ ฝึกปฏบิ ตั ิตามวฒั นธรรมชาวพุทธ คอื ฝึกเพอ่ื ละจากความช่วั แล้วต้งั อยู่ในคณุ ธรรมความดี ยังจติ ของ ตนให้ผ่องใสอยู่เสมอ และในท่ามกลางที่เศรษฐกิจและสังคมที่มีแต่ความตึงเครียด ธรรมะถือว่าเป็นท่ีพักใจได้ ท่ามกลางกระแสวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบันสง่ ผลให้คนในสังคมมีความตงึ เครียดมากขึ้น ก๊าซไลนจ์ ึงขอเป็น อีกหนึ่งสื่อในการจรรโลงจิตใจของคนในสังคม โดยเร่ิมเปิดประเดิมคอลัมน์ ธรรมะพักใจข้ึนด้วยการแนะนำการ ปฏิบัติตนในเบื้องตน้ ของชาวพุทธ ซง่ึ ควรมีการปฏิบัตติ นให้เหมาะสม ดงั น้ี 1) การให้ทาน 2) การถือศลี 3) การศึกษาธรรมะ การให้ทาน การให้ทาน ได้แก่ การสละทรัพย์ส่ิงของสมบัติของตนที่มีอยู่ให้แก่ผู้อ่ืน โดยมุ่งหวังจะจุนเจือให้ผู้อื่นได้รับ ประโยชน์และความสุขด้วยความเมตตาจิตของตนทานท่ีได้ทำไปน้ัน จะทำให้ผู้ทำทานได้บุญมากหรือน้อยเพียงใด ย่อมสุดแล้วแต่องค์ประกอบ 3 ประการ ถ้าประกอบถึงพร้อมดว้ ยองค์ประกอบท้ัง 3 ประการต่อไปนี้แล้ว ทานน้ัน ยอ่ มมผี ลมากได้บญุ บารมีมาก กล่าวคือ - องค์ประกอบข้อท่ี 1 \"วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธ์ิ”วัตถุทานท่ีให้ ได้แก่ สิ่งของทรัพย์สมบัติท่ีตนได้สละให้ เป็นทานนั้นเอง จะต้องเป็นของที่บริสุทธ์ิได้จะต้องเป็นส่ิงของท่ีตนเองได้แสวงหา ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ในการ ประกอบอาชีพ ไม่ใช่ของที่ได้มาเพราะการเบียดเบียนผู้อื่น เช่น ได้มาโดยยักยอก ทุจริต ลักทรัพย์ ฉ้อโกง ปล้นทรัพย์ ชงิ ทรพั ย์ ฯลฯ ผู้อ่ืน - องค์ประกอบท่ีข้อ 2 \"เจตนาในการสร้างทานต้องบริสุทธิ์” การให้ทานนั้น โดยจุดมุ่งหมายท่ีแท้จริงก็เพ่ือเป็น การขจัดความโลภความตระหน่ีเหนียวแน่น ความหวงแหนหลงใหลในทรัพย์สมบัติของตน อันเป็นกิเลสหยาบ คือ \"โลภกิเลส” และเพ่ือเปน็ การสงเคราะห์ผู้อืน่ ใหไ้ ดร้ ับความสุขดว้ ย เมตตาธรรมของตน อนั เป็นบันไดก้าวแรกในการ เจริญเมตตาพรหมวิหารธรรมในพรหมวิหาร 4 ให้เกิดข้ึน ถ้าได้ให้ทานด้วยเจตนาดังกล่าวแล้ว เรียกว่าเจตนาใน การทำทานบรสิ ทุ ธ์ิ - องค์ประกอบข้อที่ 3 \"เน้ือนาบุญต้องบริสุทธ์ิ ”คำว่า \"เน้ือนาบุญ” ในท่ีนี้ได้แก่ บุคคลผู้รับการทำทานของ ผู้ทำทานน้ันเอง นับว่าเป็นองค์ประกอบข้อที่สำคัญที่สุด แม้ว่าองค์ประกอบในการทำทานข้อท่ี 1 และข้อท่ี 2 จะ งามบริสุทธ์ิครบถ้วนดีแล้ว กล่าวคือ วัตถุที่ทำทานน้ันเป็นของท่ีแสวงหาได้มาด้วยความบริสุทธิ์ เจตนาในการทำ ทานก็งามบริสุทธ์ิ แต่ตัวผู้ท่ีได้รับการทำทานเป็นคนท่ีไม่ดี ไม่ใช่ผู้ที่เป็นเนื้อนาบุญที่บริสุทธิ์ เป็นเนื้อนาบุญที่เลว ทานทท่ี ำไปนนั้ ก็ไมผ่ ลิดอกออกผล
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 133 การถือศีล \"ศีล” นั้นแปลว่า \"ปกติ” คือ สิ่งหรือกติกาที่บุคคลจะต้องระวังรักษากาย วาจา ใจไม่ให้ทำร้ายผู้ใดหรือสัตว์ ใด จนเกิดความลำบากเดือดรอ้ นหรือล้มตาย โดยรกั ษาตามเพศและฐานะ ศีลนั้นมีหลายระดับ คือ ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 และศีล 311 การถือศีลน้ีเป็นการเพียรพยายามเพื่อระงับกอเลยหยาบมอให้กำเริบขึ้น และเป็นการ บำเพ็ญบุญบารมีที่สูงข้ึนกว่าการให้ทาน ในเบื้องต้นโดยทั่วไป เราควรมีศีล 5 ซ่ึงเป็นคุณธรรมท่ีเป็นปกติของมนุษย์ที่ จะต้องทรงไว้ให้ได้ตลอดไป ดงั นัน้ บคุ คลทไี่ มม่ ีศีล 5 ไม่เรยี กว่ามนุษย์ * ศลี ข้อที่ 1 ไม่เบียดเบียนผอู้ ืน่ * ศีลข้อท่ี 2 ไมฉ่ อ้ โกงลักขโมย * ศลี ขอ้ ที่ 3 ไม่ประพฤตผิ ิดลกู เมยี -ผัว ผู้อืน่ * ศลี ขอ้ ท่ี 4 ไมโ่ กหกหลอกลวง * ศีลข้อที่ 5 ไม่เกีย่ วข้อกับส่ิงเสพติดของมึนเมาใหโ้ ทษ การรักษาศีลทำได้ 2 วิธี คือ 1. การอธษิ ฐานศีล คือ การต้ังใจดว้ ยตวั เองว่าจะรักษาศลี ใหบ้ รสิ ทุ ธ์ิบริบูรณ์ 2. การสมาทานศีล คือ การรบั ศลี จากพระภิกษสุ งฆ์ การรักษาศีลควรเลือกปฏิบัติตามความเหมาะสมอย่าให้เกิดเป็นความยึดติดรูปแบบจนชีวิตดูอึดอัดแปลก แยกจากครอบครัวและสังคมท่ีเราอยู่ ให้สอดคล้องกลมกลืนไปกับธรรมชาติ การดำเนินชีวิตและการใช้ชีวิตในสังคม แต่กไ็ ม่ควรปล่อยปละจนกลายเปน็ ไมเ่ หน็ ความสำคัญของศลี เลย การศกึ ษาธรรมะ ธรรมะท่ีองค์พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงนั้น มีทั้งธรรมะในเบื้องต้น ธรรมะในระดับกลาง และธรรมะข้ันสูงสุด ซ่ึงการที่เราจะเข้าใจธรรมะข้ันใดน้ัน ข้ึนอยู่กับปัจจัยหลายอย่างโดยถึงแม้เรายังไม่สามารถ เข้าใจธรรมะในข้นั สงู สดุ ได้ แต่เรากส็ ามารถเข้าใจธรรมะในขัน้ กลางหรือเบ้ืองตน้ ได้ท้งั นั้น ดังนั้นเราจึงไม่สามารถทจ่ี ะอา้ งไดว้ า่ เราไม่ทำการศึกษาธรรมะ เพราะยงั ไมเ่ ข้าใจธรรมะได้เลย ธรรมะทีเ่ ปน็ หลักใหญ่ในพระพทุ ธศาสนา คือ อรยิ สจั 4 คอื ความจรงิ 4 ประการ ซงึ่ ได้แก่ * ทกุ ข์ ไดแ้ ก่ ความเกิด ความแก่ ความตาย ซ่ึงมเี ป็นธรรมดาของชีวติ และความเศร้าโคก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ซ่ึงมีแก่จิตใจและร่างกายเป็นครั้งคราว ความประสบกับส่ิงที่ ไมเ่ ป็นท่ีรักทพ่ี อใจ ความพลัดพรากจากส่ิงทีเ่ ป็นท่รี กั ทพ่ี อใจ มคี วามปรารถนาสิง่ ใดไม่ไดส้ ่ิงนั้น ซ่ึงกค็ ืออุปทานขันธ์ ทั้ง 5 นัน่ เอง * สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา ความด้ินรน ทะยานอยากของจิตใจ คือ ด้ินรนทะยานอยากเพื่อที่จะ ได้สิ่งปรารถนาอยากได้ ดนิ้ รนทะยานอยากเพ่ือจะเป็นอะไรต่าง ๆ ดิ้นรนทะยานอยากทีจ่ ะไม่เป็นภาวะที่ไม่ชอบต่าง ๆ * นิโรธ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดบั ตัณหา ความดิ้นรนทะยานอยากดงั กลา่ ว * มรรค ทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ได้แก่ ทางมีองค์ 8 คือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ อาชีพชอบ เพยี รพยายามชอบ สติชอบ ตั้งใจชอบ ดังนี้ จะเห็นได้ว่า ธรรมะท่ีองค์พระอรหันสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสแสดงไว้น้ัน เป็นความจริงทุกประการ แต่การท่ีเราจะเข้าใจได้ทั้งหมดน้ัน ไม่ใช่เรื่องง่าย การท่ีเราศึกษาธรรมะก็เป็นการทำเพ่ือพฒั นาจิตใจของเราให้ดียิ่งขึ้น
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 134 จนถึงกระทัง่ สามารถที่จะเข้า ใจหลักธรรมะของพระองค์ได้จนกระท่ังเข้าสู่จุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนานั่นกค็ ือ นิพพานน่นั เอง การดำเนนิ ชีวติ ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพียง การดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงต้องตั้งอยู่บนพ้ืนฐานของ ทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถงึ หลักการ 3 ประการ ดังน้ี 1) ความพอประมาณ 2) ความมเี หตผุ ล 3) การสร้างภูมคิ ้มุ กันท่ีดใี นตัว โดยการดาเนินงานเศรษฐกิจพอเพียงที่ดีจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ความรู้ และคุณธรรมตลอดจนต้องเป็น คนดี มคี วามอดทน พากเพียร ความพอประมาณ หมายถงึ การตัดสินใจเก่ียวกับการดำรงชีวิต การดำเนินธุรกิจอย่างพอเพียงตามความ สามารถและศักยภาพของตนท่ีมีอยู่และต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลท่ีเหมาะสมตลอดจนพึงนึกถึงผลที่จะเกิดขึ้น จากการกระทำนั้น ๆ การมีภมู ิคมุ้ กันทด่ี ีในตัว เปน็ การเตรยี มความพร้อม ความรูท้ ่ีจะรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงต่าง ๆ ท่ีจะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล เพ่ือป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเปล่ียนแปลงหรือท่ีเราได้ยินกันคุ้นหูก็คือ 3 ห่วง 2 เง่ือนไข การปฏิบัติตนตาม แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เราสามารถมีส่วนร่วมในการปฏิบัติตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงโดยร่วมปฏิบัติในส่ิงง่าย ดังนี้ 1) ยดึ หลกั ประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายทไี่ ม่จำเป็นในทุกด้าน ลด ละ ความฟมุ่ เฟอื ยในการดำรงชวี ิต 2) ประกอบอาชพี ด้วยความถกู ตอ้ ง สจุ ริต แม้จะตกอยใู่ นภาวะขาดแคลนในการดำรงชพี 3) ละเลิกการแก่งแยง่ ผลประโยชนท์ ่ีรนุ แรงและไมถ่ ูกต้อง 4) ไม่หยุดนิ่งท่ีจะหาทางให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์โดยขวนขวายหาความรู้ให้เกิดรายได้เพิ่มพูนจนถึงขั้น พอเพียง 5) ปฏิบัติตนในแนวทางท่ดี ี ลดละสงิ่ ช่ัวร้ายใหห้ มดสิ้นไป การดำเนินการพัฒนาตามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงจักนำไปสู่ 1) การดำรงชวี ิตที่สมดลุ มีความสขุ ตามอัตภาพ 2) การพัฒนาเศรษฐกจิ ของตนเองและประเทศชาตมิ ่ันคง 3) การอยรู่ ว่ มกันในสงั คมเกดิ วามเอ้ืออาทรซึง่ กันและกัน หลกั ธรรมในการศรัทธาในวชิ าชพี ครู ความรักและเชื่อม่ันในอาชีพของตนย่อมทำให้ทำงานอย่างมีความสุขและมุ่งม่ัน อันจะส่งผลให้อาชีพนั้น (กมลวรรณ วิมาร 2546 : 14 วันท่ี 14 มกราคม) เจริญรุ่งเรอื งและมั่นคง ดังนน้ั ครูย่อมรักและศรัทธาในอาชีพครู และเปน็ สมาชิกท่ดี ขี ององคก์ รรวชิ าชพี ครดู ว้ ยความเต็มใจ ประการแรก คือ การรักษาความสัจ ความจริงใจต่อตัวเองที่จะประพฤติปฏิบัติแต่ส่ิงที่เป็นประโยชน์และ เป็นธรรม ประการทีส่ อง คือ การรจู้ ักข่มใจตนเอง ฝกึ ใจตนเองให้ประพฤติปฏบิ ัตอิ ยใู่ นความสัจ ความดีนน้ั
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 135 ประการที่สาม คือ การอดทน อดกลั้น และอดออมท่ีจะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริตไม่ว่าจะด้วยเหตุ ประการใด ประการท่ีสี่ คือ การรู้จักละวางความช่ัว ความสุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพ่ือประโยชน์ สว่ นใหญข่ องบ้านเมอื ง คุณธรรมท้ัง 4 ประการนี้จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ร่มเย็นโดยเฉพาะผู้ท่ีเป็นครูจำเป็นต้อง ยึดถอื ปฏิบัตเิ พือ่ ประโยชนข์ องตนเองและผูอ้ นื่ ฆราวาสธรรม 4 ประกอบด้วย 2 คำ ฆราวาส แปลว่า ผู้ดำเนินชีวิตในทางโลก ผู้ครองเรือนและธรรม แปลว่า ความถูกต้อง ความดีงาม นิสัยท่ีดีงาม คุณสมบัติข้อปฏิบัติ ฆราวาสธรรม แปลว่า คุณสมบัติของผู้ประสบความสำเร็จ ในการดำเนินชีวิตทางโลก ประกอบด้วย ธรรมะ 4 ประการ คือ สัจจะ แปลว่า จริงตรงแท้มีความซ่ือสัตย์เป็นพื้นฐาน เป็นคนจริงต่อความเป็นมนุษย์ของตน ทมะ แปลว่า ฝึกตน ข่มจิตและรักษาใจ บังคับตัวเองเพื่อลดและละกิเลส และรักษาสัจจะ ขันติ แปลว่า อดทน ไม่ใช่เพียงแต่อดทนกับคำพูดหรือการกระทำของผู้อ่ืนที่เราไม่พอใจ แต่หมายถึง การอดทนอด กล้ันตอ่ การบีบบังคับของกเิ ลส จาคะ แปลว่า เสียสละ บริจาคส่ิงท่ไี ม่ควรมีอยใู่ นตน โดยเฉพาะกิเลส เพราะน่ัน คอื สิ่งทไ่ี มค่ วรมีอยกู่ บั ตน ละนิสยั ไม่ดีตา่ ง ๆ ความสำคญั ของหลักธรรม 4 ประการ ที่มตี อ่ การสรา้ งตัวนี้ พระพุทธองค์ถึงกับท้าให้ไปถามผู้รู้ท่านอื่น ๆ ว่า มีส่ิงใดในโลกนี้ท่ีสร้างเกียรติยศและความเคารพจากผู้อ่ืนให้ คนเราไดเ้ ทา่ กับการมีสัจจะหรอื ไม่ มสี ิ่งใดในโลกนที้ ่สี ร้างปัญญาใหค้ นเราได้เท่ากับการมีทมะหรือไมม่ ีสง่ิ ใดในโลกน้ี ท่ีสร้างทรัพย์สมบัติให้คนเราได้เท่ากับการมีขันติหรือไม่ มีสิ่งใดในโลกนี้ท่ีสร้างหมู่มิตรให้คนเราได้เท่ากับการมี จาคะหรือไม่การท่ีพระพุทธองค์ทรงท้าให้ไปถามผู้รู้อื่น ๆ อย่างน้ีก็หมายความว่า ไม่มีธรรมะใด ๆ ท่ีจะใช้สร้างตัว ให้ประสบความสำเร็จได้ยิ่งกว่าการสร้างสัจจะ ทมะ ขันติ จาคะให้เกิดขึ้นในตนอีกแล้ว หรืออีกนัยหน่ึงก็คือ คนที่ จะยืนหยัดผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ในโลกนี้ไปจนกระท่ังพบความสำเร็จได้นั้น เขาต้องสร้างฆราวาสธรรมให้เป็น คณุ สมบัติขนั้ พ้ืนฐานประจำตนก่อนนัน่ เอง เพราะฉะนน้ั ความหมายท่ีแท้จรงิ ของราวาสธรรม คอื คุณสมบตั ิของผูท้ ่ี สามารถสร้างเกียรติยศ สร้างปัญญา สร้างทรัพย์สมบัติและสร้างหมู่ญาติมิตรให้เกิดขึ้นได้สำเร็จด้วยกำลังความ เพยี รของตน พรหมวิหาร 4 เป็นหลักธรรมประจำใจเพ่ือให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เฉก เช่น พรหม เป็นแนวธรรม ปฏิบัตขิ องผทู้ ่ีผปู้ กครองและการอยู่รว่ มกับผ้อู ่ืน ประกอบด้วย หลักปฏิบตั ิ 4 ประการ คอื 1. เมตตา ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่สัตวม์ นุษย์ ท่วั หนา้ 2. กรุณา ความสงสารคดิ ชว่ ยใหพ้ ้นทุกข์ใฝใ่ จในอนั จะปลดเปลื้องบำบัดความทุกขย์ ากเดือดร้อนของปวงสตั ว์ 3. มุทิตา ความยินดีในเม่ือผู้อ่ืนอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง กอปรด้วย อาการแช่มช่ืนเบิกบานอยู่เสมอ ต่อสตั วท์ ้งั หลายผู้ดำรงในปกติสุขพลอยยนิ ดีด้วยเมือ่ เขาไดด้ ีมีสุข เจรญิ งอกงามยงิ่ ขึน้ ไป 4. อุเบกขา ความวางใจเป็นกลางอันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามท่ีพิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือ มีจิต เรียบตรง เท่ียงธรรมดุจตราชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมท่ีสัตว์ท้ังหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดี หรือช่ัว สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมท่ีจะวินิจฉัยและปฏิบัติไปตามธรรมรวมท้ังรู้จักวางเฉย สงบใจมองดู ในเมื่อไม่มีกิจที่ควรทำเพราะเขารับผิดชอบตนได้ดีแล้ว เขาสมควรรับผิดชอบตนเองหรือเขาควรได้รบั ผลอันสมกับ ความรับผดิ ชอบของตน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428