มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 286 5.5 จริยธรรมต่อลกู ศษิ ย์ ครูต้องให้ความรักต่อลูกศิษย์เหมือนกับบุตรของตนเอง เพราะครูเปรียบเหมือนกับ บิดามารดาคนท่ีสองของศิษย์ ดังน้ันครูต้องมอบความรักให้กับศิษย์มีเมตตากรุณามีความยุติธรรมว่า กลา่ วตักเตือน เมือ่ ศษิ ยก์ ระทำผดิ ไมเ่ ปดิ เผยความลับของศิษยเ์ ป็นตน้ 5.6 จริยธรรมตอ่ ชมุ ชนสังคมและประเทศชาติ ครูต้องปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของชาติเคารพกฎหมายปฏิบัติงานอาชีพด้วยความ สุจริตเสียภาษีอากรอย่างถูกต้องไม่มัวเมาหลงใหลในยศตำแหน่งใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่ฟุ้งเฟ้อไม่มัวเมา ลมุ่ หลงในอบายมุขหรือทางท่นี ำไปสู่ความเสอื่ ม เป็นตน้ นอกจากจริยธรรมสำหรับอาชีพครูดังกล่าวข้างต้นแล้วครูยังต้องพฤติกรรมต่าง ๆ ท่ีแสดงถึง ความเปน็ ผูม้ ีความยดึ มัน่ ในวชิ าชีพดว้ ย ดังนี้ 1. ประพฤติตนดีสม่ำเสมอ เป็นแบบอย่างที่ดีของลูกน้องของลูกจ้าง และของเพื่อนร่วมงาน ผูร้ บั บรกิ าร 2. มีความละอายต่อบาป สะดุ้งกลัวต่อการทำความชั่วทั้งปวง ไม่ปฏิบัติทุจริตต่าง ๆ ทั้งต่อ ตนเองต่อเพอื่ นร่วมงานและต่อผูใ้ ตบ้ ังคบั บัญชาหมายรวมไปถึงประเทศชาตดิ ้วย 3. มีความอดทนอดกล้ันต่อความยากลำบากต่าง ๆ อดทนต่องานท่ีร้อนหนักทนทุกข์ทรมาน ตลอดทั้งอดทนต่อคำดุดา่ วา่ กลา่ วการกล่าวหาการเข้าใจผิดของผู้อื่น ฯลฯ 4. รกั ษาคำพดู เป็นคนมศี ลี มีสตั ย์ คงเส้นคงวา ตรงตอ่ เวลา 5. รักษาชื่อเสียง และค่านิยมของหน่วยงานพยายามเผยแพร่ชื่อเสียงของหน่วยงานของ ตนเอง ให้เกียรติคุณชื่อเสยี งนั้นขจรขจายออกไป 6. มีความสามารถในการส่งเสรมิ การทำงานเป็นทีม เป็นหมคู่ ณะได้ดี 7. เสริมสรา้ งความสัมพันธอ์ ันดรี ะหวา่ งผูบ้ งั คับบัญชา เพอื่ นร่วมงาน และชมุ ชน 8. วางตนเหมาะสม เข้ากับชนทุกชั้นได้ดีถ้อยทีถ้อยปราศรัยอ่อนโยนนุ่มนวลเอาใจเขามาใส่ ใจเรารูจ้ กั กาลเทศะหนักแน่นไมเ่ ย่อหยิ่งไม่ถือตัว 9. รู้จักอุปการะ คือ ทำคุณประโยชน์แก่บุคคลอื่น ทำบุญ บริจาคทาน ช่วยเหลือ สังคม คน ตกทกุ ขไ์ ดย้ าก คนพิการ 10. ไม่มีอคติใด ๆ ในการปฏิบัติงานกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร เพ่ือนร่วมงานหรือ ผู้รบั บริการ 18. การพฒั นาจริยธรรมสำหรบั ครู ครูอาจใชแ้ นวทางการพัฒนาจรยิ ธรรมของตนเองด้วยวิธีการต่าง ๆ ตอ่ ไปน้ี 1. สรา้ งวนิ ยั แหง่ ตน 2. ยดึ หลักมุ่งอนาคตมากกว่าปัจจุบนั 3. พัฒนาจิตใจด้วยหลักของการทำวิปัสสนากรรมฐาน เพ่ือเพ่ิมพูนสมรรถภาพ ทางจิตและ ประสทิ ธิภาพในการคิด การใชป้ ญั ญาใครค่ รวญ 4. พยายามหาวิธีการท่ีเหมาะสมสำหรับตนเองที่อยู่ในวิสัยท่ีจะปฏิบัติได้และเป็นท่ียอมรับ ของสังคม โดยมีการพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ และการแก้ไขปรบั ปรงุ ในสว่ นที่ตนเองบกพร่อง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 287 19. บทสรปุ คุณธรรม หมายถึง คุณสมบัติที่เป็นความดีความถูกต้อง ซ่ึงมีอยู่ภายในจิตใจของบุคคลซ่ึงจะ เป็นเครื่องเหนี่ยวรั้ง หรือผลักดันให้บุคคลกระทำพฤติกรรมต่าง ๆ คุณธรรมน้ันเป็นคุณงามความดีท่ี อยใู่ นลักษณะนสิ ยั เป็นความรูส้ ึกผิดชอบช่ัวดีทอ่ี ยู่ในจิตสำนึกคุณธรรมของครู คอื คุณธรรมความดที ี่ครู จะต้องศึกษาให้เข้าใจและน่าเอาหลักธรรมต่าง ๆ มาปฏิบัติด้วยตนเองให้เกิดผลดีแก่ตนเองและน่า คณุ ธรรมเหล่านั้นมาสั่งสอนอบรมตักเตือนลูกศิษย์ใหเ้ ป็นผู้มีความรู้คคู่ ุณธรรม ดงั น้นั จึงเป็นหนา้ ท่ีของ ครูท่ีจะตอ้ งสนใจศกึ ษาหาความรใู้ นเรอ่ื งคุณธรรมตา่ ง ๆ กอ่ น หลักคุณธรรมท่ีครูควรยึดถือเป็นหลักปฏิบัติน้ัน สามารถนำหลักธรรมในพุทธศาสนาหลัก คุณธรรมและจรยิ ธรรมในสังคมตลอดจนอุดมคติในวชิ าชีพมาประกอบกันและสร้างสมในจิตสำนึกและ ปฏิบัตติ าม จริยธรรม หมายถึง สง่ิ ท่ีควรประพฤติปฏิบัติเป็นส่ิงที่ถูกต้องท่ีสงั คมยอมรับ เพ่ือสังคมจะได้มี ความสงบสุขจริยธรรมมคี วามสำคัญ และมปี ระโยชนท์ ้งั ในการดำเนินชวี ติ ของแต่ละคน และของสังคม จริยธรรมเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นสำหรับครูท่ีมีภาพลักษณ์ของปูชนียบุคคลมีจริยธรรมหลัก ๆ 8 เรอ่ื งท่คี รคู วรยึดมน่ั คือ 1. การได้ใจสจั ธรรม 2. การใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา 3. เมตตากรุณา 4. สตสิ ัมปชญั ญะ 5. ความไมป่ ระมาท 6. ความซ่อื สัตยส์ จุ รติ 7. ความขยันหม่ันเพียร 8. ความมีหิรโิ อตตปั ปะ คำถามทบทวน 1. อทิ ธิบาท 4 คอื คณุ ธรรมทมี่ คี วามสำคญั กบั ผู้ที่ประกอบวชิ าชพี ครูอยา่ งไร 2. การทีต่ ัวครมู คี วามพยายามประกอบอาชีพครดู ว้ ยความขยันหม่ันเพียร พยายามหาความรู้ เพ่ิมเติม พฒั นาความรู้ และตนเองตลอดเวลา ตรงกบั อิทธบิ าท 4 ขอ้ ใด 3. ธรรมท่ีสร้างพืน้ ฐานของจติ ใจไม่ให้คนทำความชวั่ คอื 4. จริยธรรมมีความสำคญั สำหรับผูท้ ปี่ ระกอบวิชาชีพครูอย่างไร 5. คุณธรรมและจรยิ ธรรมมีความสมั พันธ์กันหรือไม่ อย่างไร
288 เอกสารอ้างองิ จรินทร์ งามแม้น. (2526). คุณธรรม จรยิ ธรรมสำหรับครู. มหาวทิ ยาลัยราชภัฏหม่บู า้ นจอมบงึ . ธรรมนูญชวี ิต คลงั หนงั สอื ธรรมะ. (2550). คุณธรรม 4 ประการ., [ระบบออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก : http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=738. สบื คน้ ข้อมลู เมอ่ื วนั ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ธรรมนญู ชีวิต คลังหนังสอื ธรรมะ. (2550). ฆราวาสธรรม., [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.geocities.com/sakyaputto/kharavastham.htm. สบื คน้ ขอ้ มลู เมื่อวนั ท่ี 2 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ธรรมนญู ชีวิต คลงั หนังสือธรรมะ. (2550). สปั ปุริสธรรม., [ระบบออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก : http://www.dhammathai.org/book/dhammanoon03.php. (2550). สบื ค้นข้อมูล เมื่อวันที่ 2 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. ธรรมนญู ชีวติ คลังหนังสือธรรมะ. (2550). หิริโอตตปั ปะ., [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.dhammathai.org/webboard/view.php?No=836. สบื ค้นขอ้ มูลเมือ่ วนั ท่ี 2 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2524. มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 289 20. จติ วญิ ญาณความเปน็ ครู จิตวิญญาณความเปน็ ครู ฟังแล้วเหมือนคำพูดง่าย ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความรับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ เป่ียมไปด้วยความรู้ ความสามารถ คุณธรรมจริยธรรม พร้อมจะอุทิศตนเพื่อพัฒนาทรัพยากรของประเทศ คือ เยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุขให้สอดคล้องกับนโยบาย ที่ส่งเสริมการศึกษาไทย ซึ่งปัจจุบันการศึกษา เรื่อง จิตวิญญาณความเป็นครู ไม่ค่อยมีการศึกษา เท่าที่ควร หรืออาจจะมีบ้าง แต่ก็ยังมีน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างย่ิงในสาขาด้านการศึกษาน้ัน ยังมีอีกหลายสาขาที่ขาดแคลนและ มีความจำเปน็ ต่อการศึกษา เพราะการศึกษาเป็นพื้นฐานของ การพัฒนาทรัพยากรมนุษยข์ องประเทศ และยังเป็นกลไกเชื่อมโยงถึงโครงสร้างการพัฒนาด้านอ่ืน ๆ อีกด้วย ถา้ หากภาครฐั หรือกระทรงศึกษาธิการ ไม่ให้ความสำคัญเร่ืองการส่งเสริม คุณภาพของครูกระบวนการพัฒนาครูให้เป็นบุคลากรท่ีมีศักยภาพ เต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ ความเป็นครู พร้อมท่ีจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยอุดมการณ์อันย่ิงใหญ่และ เกยี รติยศของความเปน็ ครู ปัจจุบันนี้ ประเทศไทย กำลังขาดแคลนครูเฉพาะด้าน เชน่ สาขาภาษาไทย สาขาภาษาอังกฤษ สาขาคณิตศาสตร์ และสาขาวิทยาศาสตร์ สาขาท่ีกล่าวมาเหล่าน้ี ภาครัฐที่ดูแล การศึกษาไทย และกระทรวงศึกษาธิการต้องพิจารณาปัญหาเหล่านี้ ตั้งเป้าหมายในแต่ละปีว่าจะ ส่งเสริมและสามารถผลิตครูออกมาตอบสนองกับความต้องการของสังคมได้มากน้อยแค่ไหนข้ึนอยู่กับ นโยบายภาครัฐ จะศึกษาค้นหาตัวแปรสภาพแวดล้อมทางจิตวิญญาณที่สามารถจำแนกและมีความ สอดคล้องกับคำว่า จิตวิญญาณความเป็นครูนั้น ควรจะมีลักษณะไหน จึงจะประสบความสำเร็จ ในอาชีพครู และเป็นครูต้นแบบของกลุ่มเป้าหมายในการศึกษาจิตวิญญาณความเป็นครู จะเป็นกลไก สำคัญการพัฒนาครูของประเทศ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์การศึกษาให้ทัศนะไว้ ว่าการศึกษาไม่ใช่ การบรโิ ภคแต่เปน็ การลงทุน ถ้าประเทศชาตใิ ดลงทุนด้านการศึกษา สอดคล้องกบั การพัฒนาเศรษฐกิจ สงั คมและการพัฒนาประเทศแล้ว การลงทุนด้านการศกึ ษาจะให้ผลตอบแทน คอื ความเป็นครทู ่ีพร้อม ดว้ ยจติ วิญญาณ 21. แนวคิดทฤษฎเี ก่ยี วกบั จิตวิญญาณ จากความหมายของ คำว่า จิตวิญญาณ ทั้งหมดท่ีกล่าวมา พบว่า มีการให้ความหมายใน หลากหลายมิติ โดยมีผู้พยายามจัดประเภทของการให้ความหมายและรวบรวมลักษณะร่วมใน ความหมายของจิตวิญญาณ รวมท้ังมีการเสนอความคิดเกี่ยวกับการศึกษาจิตวิญญาณไว้ในลักษณะ ตา่ ง ๆ ดังต่อไปนี้ สาระสำคัญเกี่ยวกับจติ วญิ ญาณและสุขภาวะทางจิตวิญญาณท่ีปรากฏในสาระสำคัญของการ ประชุมประจำปีของแผนพัฒนาจติ เพอื่ สุขภาพมลู นิธิ สิดศรสี ฤษดวิ์ งศ์ ในหลายประเดน็ ดังน้ี 1. จิตวิญญาณอยู่ใกล้ตัวเรา ท้ังในการทำงานและการดำเนินชีวิต จิตวิญญาณเป็นส่ิงท่ีสามารถ สรา้ งใหเ้ กดิ ขึ้นได้ในการทางานประจาวัน ท้ังในงานบริหารงานพัฒนาคณุ ภาพ งานในสถานการณ์ยาก ลำบากงานในชุมชนล้วนแต่เป็นพื้นทใี่ ห้มนุษย์ได้ใกล้ชิดกับจิตวญิ ญาณผา่ นการฝกึ ฝนตนเองร่วมไปกับ บทบาทและหน้าท่ีท่ีตนเองกำลังปฏิบัติ จิตวิญญาณจะอยู่ร่วมกับชีวิตและส่งเสริมการดาเนินชีวิต ประจำวนั และการใชช้ ีวติ ครอบครวั ให้มสี ขุ ภาวะที่ดีขนึ้ เห็นคุณค่าและความหมายของการมีชีวิตอยู่
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 290 2. การเปล่ียนแปลงทางจิตวิญญาณเป็นการข้ามพ้นกรอบความคิดเดิมที่เรายึดติดการ เปล่ียนแปลงทางจิตวิญญาณต้องเร่ิมต้นที่ตนเอง โดยปลดปล่อยให้ตนเองหลุดจากกรอบและความคิด ความเชื่อเดิม ๆ เช่น ความเชื่อว่าทุกส่งต้องเป็นไปตามหลักการหรือทฤษฎีอย่างใดอย่างหนึ่งผลจาก การเป็น อิสระจากกรอบเดิม ๆ ช่วยทำให้เรามีพลังในการใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างสร้างสรรค์ เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิด ข้ึนจะทำให้มนุษยเ์ ป็นคนธรรมดามากขึ้นสัมผัสความเรียบง่าย และสามารถ มคี วามสุขไดม้ ากขนึ้ 3. สุขภาวะทางจิตวิญญาณเป็นส่ิงท่ีเช่ือมโยงตนเองกับส่ิงต่าง ๆ รอบด้านสุขภาวะทางจิต วิญญาณเป็นเองท่ีเก่ียวข้องการเช่ือมโยงการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ ทั้งชุมชน สังคม องค์การระบบ การทำงาน ครอบครัวเพ่ือนร่วมงาน ความเชื่อมโยงเป็น เร่ืองของการพ่ึงพิงอาศัยซึง่ กันและกนั ช่วยให้ สามารถเขา้ ใจความหมายของแตล่ ะส่ิงอยา่ งรอบด้าน 4. จิตวิญญาณเป็นคุณค่าสูงสุดทางจิตใจไม่ว่าจะเป็นคำว่าจิตปัญญา สุขภาวะทางปัญญา หัวใจของความเป็นมนุษย์ การพัฒนาจิตล้วนแต่เป็นสิ่งเดียวกันที่มีความหมายถึง สิ่งท่ีมีคุณค่าสูงสุด ทางจติ ใจ มิติทางจิตวิญญาณเป็นส่ิงท่ีมนษุ ยส์ ามารถสัมผัสได้ถึงความงามอนั ลกึ ซ้ึงความสขุ อันประณีต ความอิสระทอ่ี ย่ภู ายในจิตใจ หรือความรักอนั ไพศาลต่อเพื่อนมนุษย์ 5. สติเป็นเคร่ืองมือสำคัญของการพัฒนาทางจิตวิญญาณ สติเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ มนุษย์เปลี่ยนวิธีคิดได้สติทำให้จิตเป็นกลาง เมื่อจิตเป็นกลางก็จะสามารถเปล่ียนอะไรก็ได้ แม้กระทั่ง การเปลยี่ นวิธีคิดไปจากเดิม ถ้าคนทท่ี างานในอาชพี ตา่ ง ๆ เช่น แพทย์ ครู นักธุรกจิ หนั มาเจริญสติกัน มาก สังคมก็จะสามารถเปล่ียนแปลงได้ การพัฒนาทางจิตวิญญาณก็จะเกิดข้ึนปัจจุบันคนท่ัวโลกหัน มาเจรญิ สตกิ ันมาก เพราะพบวา่ การเจริญสตชิ ่วยใหส้ ุภาพดีข้นึ เยียวยาความเจ็บปวดได้ง่ายข้ึนเรยี นรู้ ได้ดีขึน้ รวมทั้งมีความสัมพันธ์ที่ดี ขน้ึ กับคนในครอบครัว และท่ีทำงานสติจงึ เป็นเคร่ืองมือ สำคัญของ การปฏิวัติทางจิตวญิ ญาณท่ีเชื่อมโยงกับ ทุกอย่างในชีวิต 6. การพัฒนาสุขภาวะทางจิตวิญญาณสามารถกระทำได้ในทุกศาสนา การพัฒนาจิตวญิ ญาณ ต่างมีจุดร่วมกันตรงท่กี ารปฏิบัตอิ ยา่ งเป็นประจำ สม่ำเสมออยู่ในชวี ิตประจาวัน โดยเร่ิมต้นจากการฝึก ปฏิบัติตามศาสนาท่ีตนเองนับถือ เช่น ศาสนาพุทธฝึกกุศลทำความดี มีสติอยู่กับปัจจุบัน ศาสนา อิสลามฝกึ ละหมาดเพ่ือระลกึ ถงึ พระเจ้าตลอดทั้งวันและคนื ศาสนาคริสต์ฝึกชีวติ ฝ่ายจติ วิญญาณ ให้มี ความรักและศรัทธาในพระเจ้าและแสดงออกด้วยการรัก เพ่ือนมนุษย์ แม้ว่า แต่ละศาสนาจะมีหลัก ปฏิบัติทแี่ ตกต่างกันกส็ ามารถพัฒนาจติ วิญญาณได้ เพียงแค่มีการปฏิบัติเท่านั้น 7. สุขภาวะทางจิตวิญญาณสามารถสร้างความสุขในการทางานได้สุขภาวะทางจิตวิญญาณ เป็นความสุขราคาถกู ท่ีไม่ต้องลงทุนมากมาย ก็สามารถหาความสุขนี้ได้ในการทำงาน เพ่ือเรมิ่ จากการ เห็นคุณค่าและศรัทธาในวิชาชีพหรืองานท่ีตนเองทา รู้จักชื่นชมและให้กาลังใจตนเองเป็นรับรู้ ความรู้สึกของผู้อื่น ตระหนักถึงคุณค่าอันละเอียดอ่อนของชีวิตมนุษย์ ฝึกฝนการเจริญสติในระหว่าง การทำงาน คุณลักษณะเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องหาซ้ือจากท่ีใด เพียงแค่เริ่มต้นท่ีตนเองเท่าน้ันก็สามารถ รับผลอันเป็น ความสุขได้ทนั ทใี นขณะทก่ี ำลังทางาน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 291 8. ชุมชนกัลยาณมิตรเป็นส่ิงท่ีสนับสนุนให้สุขภาวะทางจิตวิญญาณคงอยู่ชุมชนเป็นพ้ืนที่ ในการดูแลจิตใจที่ขยายออกไปจากตนเอง ผ่านการสื่อสารกันอย่างเป็นกัลยาณมิตร มีการรับฟังกัน อย่างลึกซึ้ง การมีเพื่อนที่สามารถบอกเล่าเร่ืองราว และแบ่งปันทุกข์สุข ให้แก่กันได้เป็นปัจจัยท่ีช่วย หล่อเลี้ยงพลังในการทำงาน แม้ว่าเราจะอยู่ในสถานการณที่ตึงเครียด กดดัน หรือบีบค้ันยากลำบาก ก็ตาม สุขภาวะทางจิตวิญญาณ ในการทำงานก็ยังคงอยู่ เราสามารถสร้างชุมชนชนกัลยาณมิตรได้ งา่ ย ๆ ดว้ ยการสรา้ งพื้นที่สร้างเวลา สร้างโอกาสให้ปลอดภยั พื้นท่ีสรา้ งสรรค์ในการทางานก็จะเกิดขึ้น ได้ กล่าวโดยสรุป คือ ชุมชนที่ดีจะสนับสนุนให้สุขภาวะทางจิตวิญญาณยังคงอยู่ต้ังแต่เริ่มต้นระหว่าง ทางจนเกดิ ผลงาน ตลอดเส้นทางการทำงาน 9. ผู้นำทม่ี สี ขุ ภาวะทางจิตวญิ ญาณเป็น ส่ิงสำคัญในการพัฒนาคุณภาพขององคก์ าร ผู้นำเปน็ ผู้ท่มี ีบทบาทสำคัญในการพฒั นาคุณภาพชวี ิตขององค์การได้ หากผนู้ ำพัฒนาสุขภาวะทางจิตวิญญาณ ของตนเองไปดว้ ย ผู้นำทีมสขุ ภาวะทางจติ วิญญาณประกอบไปด้วยคุณลักษณะ 7 ประการ ได้แก่ 9.1 ค้นหาและยอมรับในศกั ยภาพเดิม หรือต้นทุนทมี่ ีอยู่แล้วในองค์การ 9.2 สรา้ งพื้นทใ่ี ห้ผลงานได้มีโอกาสงอกเงยและปรากฏใหเ้ ห็น 9.3 ส่งเสริม บุคลากรแตล่ ะคนได้มโี อกาสทำงานที่ยากและท้าทาย 9.4 มกี ารอาศัยความรว่ มมือร่วมใจของบุคลากรทกุ ระดบั ในองค์การ 9.5 มกี ารทางานแบบเป็นงานศลิ ปะที่มีสุนทรยีภาพ 9.6 มีขวัญและกำลังใจสนับสนุน อยู่เบื้องหลัง 9.7 การใสใจดูแลทุกข์สุขของบุคลากรทุกคน 10. เม่ือนำจิตวิญญาณเข้าไปใช้ในระบบการศึกษา จะสามารถทำให้ระบบการศึกษามีการ เรียนรู้อย่างเป็นองค์รวมได้การนำเอาเร่ืองการพัฒนาจิตจนเกิดปัญญา เข้าไปสู่การเรียนการสอนนำ การเรียนรู้ เข้ามาสู่ตัวผู้เรียนผสู้ อน โดยอาศัยวธิ ีการเรียนรูที่เชอ่ื มโยงเนื้อหาวชิ าออกไปสู่ชีวิตไมจ่ ำกัด การเรียนรู้เฉพาะภายในห้องเรียน มีการเช่ือมโยงชีวิตผู้เรียนไปสู่โลกภายนอกสู่ชุมชนต่าง ๆ เท่าทัน ต่อเหตุการณ์บ้านเมือง การศึกษาเช่นนี้จะเกิดข้ึนได้ต้องเร่ิมจากผู้สอนต้องมีจิตวิญญาณ ตระหนัก คุณค่าท่ีแท้ของความเป็นครู หรือจิตวิญญาณความเป็นครู ในขณะท่ีนักเรียนเป็นผู้ท่ีต้องมีจติ วิญญาณ ของผู้ใฝ่เรียนรู้ การเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวมทแ่ี ทจ้ รงิ จึงเกิดขน้ึ ได้ 11. สุขภาวะทางจิตวิญญาณเริ่มต้นเมื่อนำชุมชนเป็นศูนย์กลางการมีโอกาสได้เข้าไปรับรู้ ความรูสึกของชุมชน ที่เกี่ย วข้องกับตนเองหรือองค์การจะท ำให้ เกิดการเห็น ท้ังหมดของชีวิตแล ะ ความหมายของสุขภาวะทางจิตวิญญาณ มีการบูรณาการนำเอามิติต่าง ๆ เข้ามาในชีวิตและการ ทำงาน ท้ังมิติทางกาย จิต และสังคม การบูรณาการย่อมทำให้เกิดการเห็นคุณค่าในตนเองและการ ทำงานมากยิ่งขนึ้ จากแนวคิดเกย่ี วกับจิตวิญญาณที่ได้ศึกษาขา้ งตน้ สามารถสรุปแนวคิดเก่ยี วกับจติ วญิ ญาณได้ ว่า จิตวิญญาณเป็นส่ิงที่มีอยู่ภายในตัวบุคคลท่ีเชื่อมโยงปฏิสัมพันธ์กับการดาเนินชีวิต โดยการฝึก ปฏิบัติเพื่อให้เกิดจิตวิญญาณ เช่น การให้ความรักความปรารถนาดีต่อตนเองและผู้อ่ืน การเข้าใจ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 292 ตนเองและผู้อ่ืน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสายวิชาชีพครู โดยให้เกิดจิตวิญญาณในตัวบุคคล นำไปสู่การเปน็ ครูทด่ี ี 22. จติ วญิ ญาณความเปน็ ครมู อื อาชีพ วิญญาณความเป็นครูมืออาชีพ สังคมกำลังเรียกร้องหาและเป็นความคาดหวังของผู้ปกครอง ที่เฝ้ารอและหวังว่าบุตรหลานของตนนั้น จะได้รับการศึกษาที่ดีมีคุณภาพไม่เกิดความเลื่อมล่ำทาง การศึกษา ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ แต่มีความเสมอภาคทางการศึกษาเท่าเทียบกันทุกพื้นที่ของประเทศ ไทย ความคาดหวังเหล่าน้ี จึงตกเป็นภาระหน้าที่ของผทู้ ำหน้าที่คอื “คร”ู ซึ่งเปน็ บุคคลท่ีได้รบั การยก ย่องและเป็นที่เคารพนับถือของสังคมด้วยเกียรติยศของอาชีพครูจึงเป็นบุคคลต้นแบบ หรือเป็น แบบอย่างที่ดีทางกาย วาจา จิตใจท่ีอ่อนโยน และความประพฤติที่แสดงออกต่อสังคม บ่งบอกถึง ความรักความเมตตาต่อศิษยท์ ุก ๆ คน และเพ่ือนร่วมงาน ความประพฤตขิ องครู จึงมอี ิทธพิ ลตอ่ สังคม และศิษย์ด้านการศึกษา ความเสียละความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่ จึงเป็นแบบอย่างท่ีดีให้กับ ศิษย์ได้ยึดเป็นแนวทางการปฏิบัติตนท้ังด้านความประพฤติ เพราะการศึกษาของเยาวชน จะมี ประสิทธภิ าพหรือด้อยประสิทธิภาพ ไม่ได้เกดิ จากความล้มเหลวทางการศกึ ษาของเยาวชนเท่าน้ัน ครู ก็เป็นส่วนหน่ึงของความสำเร็จ เพราะเป็นผู้ทำหน้าท่ีถ่ายทอดความรู้ต่าง ๆ โดยพร่ำสอนให้ลูกศิษย์ ได้รับ การศึกษาด้วยความเสียสละ ความรัก ความเมตตา ต่อลูกศิษย์และยังอุทิศตนต่อการปฏิบัติ หน้าท่ี โดยไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย หรือความยุ่งยากลำบาก แต่แสดงออกถึงความรู้ ความสามารถ มีศิลปะวิทยาท้ังศาสตร์และศิลป์ในคนเดียวกัน เรียกว่า ครูท่ีมีจิตวิญญาณความเป็นครูมืออาชีพและ ครูควรได้รับการพัฒนาด้านการศึกษาด้านการสอน และการฝึกอบรมการจัดกิจกรรมที่เอื้อต่อการ เรยี นการสอน สอดรับกับแนวคิด จติ วิญญาณความเป็นครแู บ่งเปน็ 3 ช่วง ดงั ตอ่ ไปนี้ ช่วงที่ 1 ช่วงพัฒนาสู่การเป็นครู ช่วงการเป็นครูผู้มีจิตวิญญาณความเป็นครู และช่วงการคง อยขู่ องการเป็นครผู มู้ ีจติ วญิ ญาณความเปน็ ครู ช่วงที่ 2 การเป็นครูผู้มีจิตวิญญาณความเป็นครู การตระหนักรู้ในความเป็นครูการปฏิบัติตน บนวถิ คี วามเปน็ ครู การมีเปา้ หมายการทำงานเพ่อื เด็ก และการปฏบิ ตั ติ ่อเดก็ ด้วยความรักและเมตตา ช่วงท่ี 3 การคงอยู่ของการเป็นครู ผู้มีจิตวิญญาณความเป็นครูประกอบด้วยความสุข ความ ภาคภูมิใจ ความผูกพันระหวา่ งครกู บั ศิษย์ และความศรัทธาต่อบุคคลผู้ทรงคุณค่าของแผ่นดนิ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน จิตวิญญาณความเป็นครู หมายถึง คุณลักษณะครูท่ีมีคุณภาพในการยกระดับคุณภาพครูในศตวรรษที่ 21 ได้แก่เป็นผู้ที่มีจิต วิญญาณความเป็นครูและผู้มีความรู้ความสามารถและทักษะการจัดการเรียนรู้ มีทักษะการส่ือสาร อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพตื่นรู้ ทันสมัย ทันเหตุการณ์เป็นแบบอย่างทาง คณุ ธรรมจรยิ ธรรมและศลี ธรรม รวมทง้ั ภาคภมู ใิ จในการเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ในขณะท่ีกลยุทธ์ เป็นแนวทางหรือวิธีการที่จะทำให้การดำเนินงานขององค์กร บรรลุผลสำเร็จเป็นไปอย่างมีทิศทาง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์พันธะกิจขององค์กรด้วยการมีส่วนร่วมของ บุคลากรในการจัดทำและยึดถือ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 293 ปฏิบัติรวมกันซ่ึงการจัดทำกลยุทธ์ที่ถูกต้อง และเหมาะสมจะ นำมาสู่การบรรลุคุณภาพ และ ประสิทธภิ าพในการดำเนนิ งานขององคก์ รตามมา 23. องค์ประกอบและตัวบง่ ชีจ้ ติ วญิ ญาณความเปน็ ครู จากการศึกษาเอกสารและผลการวจิ ัยที่เกย่ี วขอ้ งจิตวิญญาณความเป็นครมู ีองค์ประกอบและ ตวั บง่ ช้ีจติ วญิ ญาณความเป็นครู องค์ประกอบของจติ วิญญาณความเป็นครู ดงั นี้ 1. องค์ประกอบด้านการพฒั นาตนเอง ประกอบด้วย 1.1 การใฝ่หาความรู้ เพอื่ พัฒนาตนเองอยเู่ สมอ 1.2 มคี วามขยันหม่ันเพียรแสวงหาความรใู้ หมๆ่ 1.3 มีการแลกเปล่ยี นเรยี นรูก้ บั ผู้อนื่ เพือ่ การพฒั นาตนเองทุกครงั้ ที่มโี อกาส 1.4 มีการพัฒนาตนเองเพ่ือสร้างความก้าวหน้าในวิชาชีพ จนได้รับอนุมัติให้มีหรือเล่ือน วิทยฐานะ 1.5 มีความพยายามแสวงหาโอกาสเขา้ รับการอบรม เพื่อนำความรู้มาพัฒนางานในหนา้ ท่ี ใหเ้ จริญก้าวหน้า 1.6 มีการพฒั นางานในวชิ าชีพหรือไดร้ บั การยกยอ่ งชมเชยหรอื รางวลั ที่เก่ียวกับวชิ าชีพครู 1.7 มีการสรา้ งสรรค์ผลงานทางวชิ าการเพือ่ บริการสังคม 1.8 มีความกระตอื รอื รน้ ในการค้นควา้ หาความรู้เพมิ่ เติมเพ่ือพฒั นาศษิ ย์ 1.9 มกี ารพัฒนาตนเองใหท้ ันตอ่ การพัฒนาทางวทิ ยาการ เศรษฐกจิ สงั คมและการเมืองอยู่เสมอ 1.10 มกี ารสำรวจและปรับปรงุ แกไ้ ขตนเองอยู่เสมอ 2. องค์ประกอบดา้ นความมีเมตตาในการปฏิบัตงิ าน ประกอบด้วย 2.1 การยอมรบั ความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม ความคดิ และความเชอื่ 2.2 การสนบั สนนุ ความคดิ รเิ ริม่ ในทางทถี่ กู ต้องของเพื่อนร่วมงาน 2.3 การใชแ้ นวทางในการแกป้ ญั หา โดยวิธีการทางปญั ญาและสันติวิธี 2.4 ปฏบิ ัตงิ านโดยอาศยั หลกั แหง่ เหตผุ ล ปราศจากอคติ 2.5 การยอมรับผลท่เี กิดจากการกระทำของตน ด้วยความเตม็ ใจ 2.6 มีความเปน็ ประชาธิปไตย 2.7 การใชห้ ลกั การและเหตผุ ลในการตัดสนิ ใจแกป้ ญั หา 2.8 การยอมรับความคิดท่มี เี หตุผลโดยคำนงึ ถึงประโยชน์สว่ นรวมเป็นหลกั 2.9 ปฏิบัติงานโดนไม่เพกิ เฉยในเหตกุ ารณท์ จี่ ะทำใหเ้ กิดผลเสียตอ่ งานในหนา้ ท่ี 3. องค์ประกอบด้านความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ 3.1 มกี ารตดิ ตามและประเมินผลผ้เู รียนในรปู แบบท่หี ลากหลาย 3.2 การใช้แหลง่ เรียนรูท้ ้ังในและนอกสถานศึกษามาเป็นสว่ นหนึ่งในการจัดการเรียนการสอน 3.3 การแกไ้ ข ปรบั ปรงุ ขอ้ บกพรอ่ งท่เี กิดขึ้นจากการเรยี นการสอน 3.4 การใชผ้ ลการวเิ คราะห์ วิจยั เพอ่ื พฒั นางานในหน้าท่อี ยเู่ สมอ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 294 3.5 การสร้างโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ท่ี ได้รับจากการเรียนรู้กับ ประสบการณช์ วี ติ จรงิ 3.6 การคดิ ค้นการสร้างส่อื นวตั กรรม การเรยี นการสอนในรปู แบบใหม่ ๆ 3.7 การแสวงหาแนวทาง วธิ ีการปรับปรงุ งาน ทร่ี บั ผิดชอบอยู่เสมอ 3.8 มคี วามกลา้ มุง่ ม่นั ในการกระทำสิง่ ตา่ ง ๆ ดว้ ยวิธีการทแี่ ตกตา่ งจากเดิม 4. องคป์ ระกอบด้านการปฏบิ ตั ติ ามจรรยาบรรณวชิ าชพี ประกอบด้วย 4.1 การให้ความรว่ มมอื ในกิจการของสถาบันเปน็ อยา่ งดี 4.2 การอทุ ิศตนเพือ่ ประโยชน์ต่อวชิ าชพี ครู 4.3 มคี วามต้ังใจปฏิบตั ิงานเพ่ือใหว้ ชิ าชพี ครเู ปน็ ท่ยี กยอ่ ง 4.4 มคี วามจรงิ ใจในความรับผดิ ชอบต่อวชิ าชพี ครู 4.5 การใหเ้ กยี รตแิ ก่ผูร้ ่วมวิชาชพี ครู 4.6 การธำรงเกยี รตแิ กผ่ ูร้ ่วมวิชาชพี ครู 5. องคป์ ระกอบด้านวริ ิยะ อุตสาหะ ประกอบด้วย 5.1 มีความขยนั ต้ังใจในการทำงานทไี่ ด้รบั มอบหมาย 5.2 มคี วามกระตอื รือร้นในการทำงาน 5.3 มีความเตม็ ใจอทุ ศิ เวลาในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี 5.4 การร้จู กั หน้าที่และปฏบิ ตั ิหน้าท่ีอยา่ งเต็มความสามารถ 5.5 ปฏิบัติงานการสอนตรงเวลาเสมอ ๆ 6. องคป์ ระกอบด้านความเมตตา กรุณา 6.1 มคี วามปรารถนาดตี อ่ ศิษย์ 6.2 มคี วามเอ้อื เฟ้อื อาทรต่อศิษย์ 6.3 มคี วามเมตตาต่อศิษย์ 6.4 การยดึ มัน่ ในคุณธรรม จริยธรรม ตามหลกั ศาสนา 7. องค์ประกอบดา้ นความซ่อื สัตย์ตอ่ วชิ าชีพ ประกอบดว้ ย 7.1 การใหเ้ กยี รติผูอ้ ่ืนทางวชิ าการ โดยไม่นำผลงงานของผู้ใดมาแอบอา้ งเป็นของตน 7.2 มีความตระหนักในคุณค่าศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ โดยไม่คำนึงถึง เช้ือชาติ ศาสนา และ สถานภาพของบุคคล 7.3 ไมย่ อมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจรติ 7.4 ไม่แสวงหาผลประโยชนจ์ ากศษิ ย์ในการปฏิบตั หิ นา้ ท่ี 7.5 ต้องปฏิบตั ติ อ่ ศษิ ยท์ ุกคนดว้ ยความเสมอภาค 8. องคป์ ระกอบดา้ นความดี ประกอบดว้ ย 8.1 มีความสุภาพอ่อนโยน 8.2 มีความเอ้อื เฟอ้ื เผือ่ แผ่ ชว่ ยเหลือผู้อ่นื
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 295 8.3 มีความเสียสละ 8.4 มีความเหน็ อกเห็นใจผ้อู ื่น 9. องค์ประกอบดา้ นความรัก ศรัทธาในวิชาชพี ประกอบดว้ ย 9.1 มีความรกั ในวชิ าชพี ครูยิ่งกวา่ วชิ าชีพใด 9.2 มีความศรทั ธาในวิชาชพี ครมู ากกว่าวิชาชพี อนื่ 9.3 มคี วามมงุ่ มัน่ ตงั้ ใจมาเปน็ ครเู ปน็ อนั ดบั แรก 10. องคป์ ระกอบด้านการปฏิบัติการสอน ประกอบด้วย 10.1 การได้รับการยกย่องนับถือในเชิงภูมิปัญญา และเชาวน์ไหวพริบในด้านการอบรม ส่งั สอน 10.2 การคดิ คน้ วิธกี ารจดั การเรยี นการสอนให้มปี ระสทิ ธิภาพมากข้นึ 10.3 สามารถประยุกต์ความรู้ที่มอี ยู่ จดั การเรียนการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสมกับศักยภาพ ของผู้เรียน 24. การปลูกฝงั จติ วิญญาณความเป็นครู การทำให้ครูมีพฤติกรรมหรือลักษณะการแสดงออก ที่ทำให้ศิษย์มีความเจริญก้าวหน้า โดยการอบรม สั่งสอน ให้มีความรู้ คุณธรรม ฝังใจด้านความดี ไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นจิตของผู้อ่ืน ในการปลกู ฝังจติ วิญญาณความเป็นครูควรดำเนินการ 7 ด้าน คอื 1. ด้านความรัก ความเมตตาต่อศิษย์ ควรปลูกฝังให้ครูมีใจผูกพันด้วยความห่วงใยศิษย์ สามารถแนะนำให้กำลังใจแกศ่ ษิ ยท์ กุ คนได้ มจี ิตใจโอบออ้ มอารี ความรกั ต่อศิษย์ 2. ด้านความรับผิดชอบ ควรปลูกฝังให้ครูมีความรับผิดชอบ คือ การยอมรับผลทั้งท่ีดีและ ไม่ดใี นกิจการที่ตนไดท้ ำลงไปหรือที่อยู่นความดูแลของตน 3. ด้านความรักและศรัทธาในวิชาชีพครูควรปลูกฝังให้ครูมีความเช่ือถือ ความเล่ือมใสและ ความผูกพนั ดว้ ยความหว่ งใยตอ่ บุคคลหรอื องค์กรวิชาชพี ครู 4. ด้านคุณธรรม จริยธรรม ควรปลูกฝังให้ครูมีความขยันประหยัด ซื่อสัตย์ วินัย สุภาพ สะอาด สามคั คแี ละมนี ้ำใจ 5. ด้านความเสียสละและความอดทน ควรปลูกฝังให้ครูมีความเสียสละ คือการใหค้ รูยินยอม ให้ส่ิงของที่ตนมีอยู่ให้กับศิษย์ เพื่อนครูผูบ้ ริหาร ผู้ปกครอง ผู้อ่นื หรือส่วนรวมสำหรับความอดทนเป็น การปลูกฝงั ให้ครยู อมรับสภาพความยากลำบาก ในสง่ิ ท่ีไม่เป็นท่ีพอใจหรือต่ออารมณ์หรือถ้อยคำท่ีทำ ใหเ้ จ็บแคน้ ใจ 6. ด้านการมีมนุษยสัมพันธ์ ควรปลูกฝังให้ครูการรู้จักตนการเข้าใจผู้อื่นและการมีสภาพแวดล้อม ที่ดี 7. ด้านการเป็นแบบอย่างที่ดีต่อศิษย์ ควรปลูกฝังให้ครูเป็นแบบอย่างที่ดี คือ การให้ครู ประพฤตปิ ระพฤติตนเป็นตัวอย่างทดี่ ีทง้ั ทางกาย วาจาและจติ ใจ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 296 25. แนวทางการพฒั นาจิตวญิ ญาณความเปน็ ครู วิธปี ฏิบัตสิ ู่ความพร้อมแหง่ จิตวญิ ญาณท่ชี ว่ ยในการเสริมสร้างความดอี ันเจริญงอกงามใหม้ ีขึ้น ทงั้ ต่อบคุ คลและสังคมอย่างยั่งยืน ประกอบดว้ ย 1. มีความเจริญและสมดุลทั้งด้าน IQ และ EQ (I.Q. ย่อมาจาก Intelligence Quotient หมายถึง ความเฉลียวฉลาดทางสติปัญญา ส่วน E.Q. ย่อมาจาก Emotional Quotient หรือ Emotional Intelligence หมายถึง ความฉลาดทางอารมณ์) ซึ่ง IQ น่ันเกิดจากการศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์พินิจพิจารณา สร้างความรู้ให้มีขึ้นในตัวเอง ส่วน E.Q นั่นเกิดจากการฝึกฝนและพัฒนา ภายในตัวตนของบุคคล ซ่ึงคนท่ีมี IQ สูงหรือมีอัจฉริยะภาพเพียงอย่างเดียวน้ันอาจไม่ประสบ ความสำเร็จในชีวิตได้ เพราะภาวะสังคมที่เป็นพิษ ทำให้จิตใจคนแปรเปลี่ยนไป สมองเฉ่ือยชาไม่รู้จัก จัดระบบให้กับตัวเอง ทั้งนี้คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต EQ มักจะนำ IQ ดังนั้นในความเป็นครู ทัง้ สองน้ีต้องสมดลุ กนั มิฉะน้นั จะเป็นไปได้ยากทจี่ ะพฒั นาผอู้ ่ืนได้ 2. ยดึ หลักศาสนาธรรม ท้ังน้ีเพราะศาสนาธรรมเป็นหลกั พ้ืนฐานในการดำรงชีวิตร่วมกับผู้อ่ืน ไม่ว่าจะเป็นศีล 5 มรรค 8 (อัฏฐังคิกมรรค) พรหมวิหาร 4 อิทธิบาท 4 หิริโอตัปปะ (ความละอายเกรงกลัว ต่อบาป) เป็นต้น เพ่ือให้การดำเนินชีวิตไปด้วยความสุขุมลุ่มลึกมีสติ และขัดเกลาจิตใจให้มีความนบน้อม ออ่ นโยน เมตตาจติ มีจิตประภสั สร เช่ือมัน่ ในเร่ืองผลแหง่ กรรม (การกระทำ) ดงั พุทธพจน์ที่ว่า “ธมโม สจุ ิณโณ สขุ มาวหาติ ผ้ปู ระพฤตดิ ีแลว้ ยอ่ มนำความสขุ มาให้” 3. เคารพตนเองและผู้อื่น เช่ือม่ันในส่ิงที่ทำ มองเห็นคุณค่าและศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีศักยภาพที่สามารถพัฒนาได้ รวมท้ังมีสำนึกดีต่อสังคม มุ่งมั่นในการทำความดี ในทกุ ขณะ มองโลกในแง่ดี ศรทั ธาในพุทธพจน์ทีว่ า่ “ทำดีไดด้ ี ทำช่ัวได้ช่วั ” 4. ใช้ชีวิตอยู่ท่ัวจักรวาล มีคำกล่าวว่า มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวท่ีอยู่ท่ัวจักรวาล ท้ังน้ีเพราะ มนุษย์มีอดตี มีปัจจบุ ัน และมีอนาคต ดงั นน้ั ครจู ะต้องเชอื่ มโยงท้งั 3 มิตินี้เข้าด้วยกัน โดยนำเอาอดีต มาเรียงร้อยประสานเข้ากับปัจจุบัน แล้วมองภาพอนาคต (Scenario) ที่พึงปรารถนาให้เห็นโดยมี สมมตฐิ านว่า อนาคตท่ดี มี าจากการ วางรากฐานของปจั จบุ นั ท่ีพัฒนามาจากประสบการณข์ องอดีต 5. ครึ่งหนึ่งของชีวิตอุทิศเพื่อสังคม คนเราไม่ได้เกิดมาด้วยตัวคนเดียวโดด ๆ แต่ชีวิต คือ ผลรวมของความมุ่งมั่นจากสิ่งรอบตัว เพราะฉะนั้นชีวิตแต่ละชีวิตต่างติดหน้ีสังคมอยู่คร่ึงชีวิต การกระทำที่ยตุ ิธรรมทั้งต่อตนเองและบุคคลอื่นคือ การแบ่งผลประโยชน์ครึ่งหน่ึงของชีวิตคืนให้สังคม เปิดกระบวนทัศน์ (Paradigm) ของตัวเองให้พ้นกรอบของความเห็นแก่ตัว ความยึดม่ันถือม่ัน และ การไขว่คว้าเพื่อสนองตัณหา เฉพาะในช่วงชีวิตของตัวเอง ต้องระลึกอยู่เสมอว่า มนุษย์ชาติน้ันมี ระยะเวลาท่ียาวไกลมากนัก เราในฐานะ “ผู้มาเยือน” จะหลงเหลืออะไรไว้บ้างน่ันจะเป็นค ำ “ขอบคณุ ” หรอื “ประณาม” 6. ครู คือ ผู้สร้างค่านิยมกระแสสังคม การกระทำใด ๆ จะต้องใส่ใจและรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่เพื่อสนองตอบต่อมายาคติของตนเองเท่าน้ัน ทั้งน้ีเพราะบทบาทของครูน้ันมีอิทธิพลต่อการ กำหนดค่านยิ ม ทัศนคตแิ ละกระแสสังคมอย่างหลีกเล่ยี งไม่ได้ ดังนัน้ ตัวอยา่ งทดี่ ยี อ่ มมีความสำคัญเสมอ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 297 26. การพัฒนาให้มจี ติ วญิ ญาณความเป็นครู การพัฒนาจิตสำนึกและวิญญาณของครู คือ ความพยายามในการเพ่ิมระดับจิตสานึกและ วิญญาณความเป็นครูให้มีอยู่ในบุคคลท่ีประกอบอาชีพครู แนวทางในการพัฒนาควรเริ่มต้นจากการ สร้างศรัทธา คำว่าศรัทธาในท่ีน้ีมีความหมาย 3 มิติ คือ ศรัทธาต่อตนเอง ต้องเช่ือและศรัทธาใน ความรู้ความสามารถของตนเองว่าจะเป็นครูที่ดีได้ ประการที่สอง คือ ศรัทธาต่ออาชีพครูรักษาเกียรติ และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นครูที่เป็นวิชาชีพชั้นสูง เห็นคุณค่าของวิถีชีวิตที่เป็นครู ประการท่ีสาม คือ ศรัทธาต่อองค์กรรักษาช่ือเสียงของสถานศึกษาและองค์กรวิชาชีพครู ประพฤติและปฏิบัติตาม มาตรฐานและจรรยาบรรณของวชิ าชีพครู เมื่อครูศรัทธาต่อวิชาชีพตนเองก็จะยกย่องเชิดชูวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูงจะปฏิบัติตาม จรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างเคร่งครัดมีความมุ่งม่ันท่ีจะรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณช่ือเสียงของ วิชาชีพครูให้เป็นที่เชื่อถือและศรัทธาแก่สังคมได้ และยังได้เปรียบเทียบความศรัทธาในอาชีพครู เหมือนกับผู้นับถือศาสนา ไม่ว่าศาสนาใดจุดเริ่มก็อยู่ที่ความศรัทธา เม่ือศรัทธาก็ประกาศตนเป็นผู้นับถือ ศาสนานั้น และปฏิบัติตามคำส่ังสอนของศาสนา คัมภีร์หรือพระธรรมวินัยต่อไปหากครูศรัทธาต่อ วิชาชีพครูแล้ว ย่อมมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะพัฒนาตนเองให้มีจิต ใจและวิญญาณของความเป็นครู สมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงปาฐกถาพิเศษเร่ืองแนวโน้มการ จัดการเรียนการสอนเพื่อการเรียนรู้ในทศวรรษหน้า ในงานสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “เทคโนโลยี สารสนเทศเพ่ือการเรียนรู้ในทศวรรษหน้า” เม่ือวนั ที่ 23 กันยายน 2542 ณ โรงแรมบพี ีสมิหลาอำเภอ เมือง จังหวัด สงขลา ทรงมีพระราชดำรัสถึง “ครูดี” คัดมาความตอนหน่ึง ว่า“...คุณธรรมท่ีควร ฝึกอบรมให้มีในตน คือการรู้จักถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เอ้ือเฟื้อกันตามวาระอันควรมีความรับผิดชอบ ปฏิบัติหน้าที่ให้ดีท่ีสุดเท่าทีจะทำได้มีระเบียบวินัย มีจิตสานึกที่ดีต่อส่วนรวม ซ่ึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ เราต้องอยู่รว่ มกัน ต้องนึกถึงส่วนรวมก่อน สว่ นการเคารพในสิทธิและปญั ญาของผู้อื่น เป็นเร่ืองที่จะมี ผู้ที่สำนึกยากเข้าทุกทีในอนาคต ถ้าเราไม่สำนึกก็อยู่ในโลกท่ีเขาสำนึกได้ลำบาก เรื่อง จริยศึกษาไม่ใช่ ส่ิงท่ีทำได้ง่าย ๆ ต้องใช้เวลาในการปลูกฝังกล่อมเกลาตั้งแต่เด็กเร่ืองพุทธิศึกษาดูประเด๋ียวก็อาจจะ เข้าใจได้ แต่จริยศึกษาเป็นเรื่องของการปฏิบัติ ครูต้องปฏิบัติเป็นแบบอย่างก่อนจึงจะช่วยให้การ ปลกู ฝังจริยศกึ ษาประสบผลสมั ฤทธ์ิท่ีดีได้...” อีกทั้ง การพัฒนาให้มีจิตวิญญาณความเป็นครูน้ันจึงเป็นเรื่อง จริยศึกษา การฝึกปฏิบัติด้าน จติ สานึกพัฒนาทางด้านจิตใจและเป็นส่ิงทต่ี ้องใช้เวลาในการส่ังสมและปลกู ฝงั พื้น ฐานจิตใจให้เป็นผู้มี คุณธรรมมีความเมตตา มีความปรารถนาดี คุณธรรมเป็นอุปนิสัยอันดีงามที่สะสมอยู่ในจิตใจ มาจาก ความเพียรพยายามท่ีจะประพฤติปฏิบัติในส่ิงท่ีถูกต้องดีงามติดต่อกัน มาเป็นเวลานานคุณธรรมจะมี ความสัมพันธ์กับหน้าที่เพราะ คือ การกระทำหน้าท่ีจนเป็นนิสัย ท่านพุทธทาสได้กล่าวไว้อยู่เสมอว่า “ธรรม” คือ หน้าที่ผู้ท่ีมีธรรมะ คือผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีแล้วคุณธรรมสำหรับครู หรือ ครุธรรมจึง เป็น “หน้าท่ีสำหรับครู” การพัฒนาคุณธรรมสำหรับครูแบ่ง เป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ คุณธรรมทาง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 298 สติปัญญา หมายถึง การพฒั นาตนเองให้มีความรู้เชิงลึกทางวิชาการในศาสตร์ท่ีตนเองเชี่ยวชาญ และ มีความรู้กว้างในสิ่งรอบตัว มีความกระตือรือร้นที่จะแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาปรับปรุง กระบวนการสอนของตนเอง และถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้เข้าใจอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ แนะนำ แนวทางให้ผู้เรียนนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางท่ีดีและถูกต้องต่อตนเอง และผู้อื่นตลอดจน สังคมและประเทศชาติ ส่วนท่ีสอง คือ คุณธรรมทางศีลธรรม หมายถึง ความมีจิตสานึกในส่ิงที่ดีงาม คิดดี ทำดี ประพฤติตัวดี มุ่งหวังและทำทุกอย่างเพื่อให้ถูกศิษย์ประพฤติตนเป็นคนดีมีคุณภาพ คุณธรรมทางศีลธรรมไม่ได้เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติหรือติดตัวมาแต่กำเนิด หากแต่สร้างขึ้นด้วย ความรู้สึกผิดชอบช่ัวดี ในทางศีลธรรมซึ่งจะสะสมอยู่ภายในจิตใจของครูผู้ปฏิบัติและพัฒนาอยู่ ตลอดเวลาการพัฒนา จติ วิญญาณของความเป็นครูคือการเพิ่มระดับจิตสานกึ และวิญญาณความ เป็น ครูในบุคคลที่ประกอบอาชีพครู ควรเร่ิมต้นจากการสร้างศรัทธาในอาชีพครู จากน้ันก็พัฒนาจิตสำนึก และหน้าท่ีของความเป็นครู ซ่ึงเป็นเร่ืองทางจริยศึกษาที่ต้องใช้เวลาฝึกฝนและปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ โดยการพัฒนาจิตวิญญาณของความเป็น ครู ประกอบด้วย การพัฒนาคุณธรรมสำหรับครูสองส่วน ดังน้ัน พัฒนาคุณธรรมทางสติปัญญา หมายถึง การพัฒนาตนเองให้มีความรู้เชิงลึกทางวิชาการใน ศาสตร์ที่ตนเองเชี่ยวชาญ และถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้เข้าใจอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และพัฒนา คุณธรรมทางศีลธรรม หมายถึง ความมีจิตสานึกในส่ิงที่ดีงาม คิดดี ทำดีประพฤติตัวดีมุ่งหวังและทำ ทกุ อยา่ งเพื่อให้ลูกศิษยป์ ระพฤตติ นเป็น คนดีมคี ุณภาพ 27. เหตทุ ีจ่ ิตวญิ ญาณความเปน็ ครูเป็นคณุ ลักษณะสำคญั ของครูมืออาชีพ ศตวรรษท่ี 21 เป็นยุคแห่งเทคโนโลยีจึงทำให้วิธเี รียน วิธีสอนและส่ือการสอนเปล่ียนแปลงไป ครูจะใช้วิธีสอนแบบเดิม ที่มีครูเป็นบุคคลสำคัญ (Teacher-centered Approach) คือ การถ่ายทอด ความรู้ ความจำจากครูไปสู่นักเรียน แบบท่ีเคยทำมาในอดีตไม่ได้ เพราะการเรียนของคนในปัจจุบัน เกิดข้ึนได้ทุกท่ี ทุกเวลาและไร้ขอบเขตจำกัด ดังนั้นครูจำเป็นต้องพัฒนาตนเอง ให้สามารถสร้างหรือ ผลิตส่ือการสอนที่ใช้วิทยาการสมัยใหม่และสามารถดึงดูดความสนใจของนักเรียนได้นานข้ึน เช่น สื่อผสม (Multimedia) เป็นต้น ครูต้องปรับเปล่ียนบทบาทของตนมาเป็น “ผู้สนับสนุนเอ้ืออำนวย” (Facilitator) ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้โดยนักเรียน มีบทบาทในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองเพ่ิม มากข้ึนหรือที่เรียกว่า การสอนแบบยึดนักเรียนเป็นสำคัญ (Student-centered Approach) ครูที่ ปรับเปลี่ยนความคิดและ วิธีทำงานได้ดังกล่าวข้างต้น เชื่อแน่ว่านักเรียนจะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น เพ่ิมข้ึนอย่างชัดเจนและครูก็จะได้ชื่อว่า “เป็นมืออาชีพ” อย่างไรก็ตามการมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เพิ่มขึ้นก็มิได้เป็นเป้าหมายหลักประการเดียวของการจัดการศึกษาของชาติ หากแต่ต้องมี “คุณลักษณะ ที่พึงประสงค์” หรือ “เป็นคนดี” อีกด้วยอาชีพครูเป็นอาชีพที่ทำงานกับคนเพ่ือพัฒนาหรือยกระดับ ศักยภาพและสภาพจิตของคนการสร้างคนดีคนที่มีลักษณะพึงประสงค์ จำเป็นต้องมีแบบอย่าง (Model) ที่ดีต้องใช้เวลาหล่อหลอมปรับแต่งยาวนานต่อเนื่องด้วยจิตที่มุ่งม่ันอดทน ไม่ละท้ิงอุดมการณ์หรือ หน้าที่ในการพัฒนาศษิ ย์ดว้ ยเหตุดังกลา่ วครมู ืออาชีพจึงต้องเป็นมอื อาชีพท้ังดา้ นวิชาการและดา้ นการ ปฏิบัติหน้าท่ีด้วยจิตวิญญาณในอันท่ีจะพัฒนาศิษย์อย่างรอบด้าน เพ่ือให้เป็นคนดี คนเก่ง และ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 299 สามารถดำรงชีวติ ได้อย่างมคี วามสุข การทีจ่ ะเป็นครมู ืออาชพี น้ันใจหรือจติ และวิญญาณจะตอ้ งมาเป็น อันดับแรก เม่ือมีใจให้กับงานสอน งานพัฒนานักเรียน ก็จะเกิดความรัก ความศรัทธาและการยึดมั่น ในอุดมการณ์แห่งวิชาชีพ การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องให้มีความรู้และทักษะในการสอน ประพฤติ ตวั ดีเป็นแบบอยา่ งที่ดี เอาใจใส่ดแู ลและหวงั ดีต่อศิษย์ การปฏิบัติดังกล่าวเรียกได้ว่าการปฏิบตั ิด้วยจิต วิญญาณความเป็นครู เป็นที่ทราบกันดีว่าการปฏิบัติหน้าท่ีด้วยใจ ด้วยจิตและวิญญาณจะทำให้เกิด ความตระหนักและมุ่งม่ัน ทุ่มเทในการทำงานพยายามรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งตนและวิชาชีพใน การสอน การมุ่งม่ันพัฒนาตนเองและ การแสวงหาความรู้ใหมอ่ ยูเ่ สมอ ดังน้ันจิตวิญญาณความเป็นครู จึงเป็นคุณลักษณะสำคัญของครูมืออาชีพ 28. คุณสมบตั ิของครตู ามแนวคิดจติ วิญญาณความเปน็ ครู ครูต้องเด่นในเร่ืองวิชาการ รู้ลึก รู้จริง รู้กว้าง ครูต้องมีศิลปะในการถ่ายทอดความรู้และครู ต้องมใี จเมตตา ตอ่ ศษิ ย์ รกั ศิษยด์ ังลกู ดงั นี้ 1. บุคลิกภาพดีการมีบุคลิกภาพท่ีดี ไม่ว่าจะประกอบอาชีพการงานใด ก็เปรียบเสมือนได้ ประสบ ความสำเร็จไปแล้วครึ่งหน่ึง อาชีพครูก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ต้องอาศัยบุคลิกภาพ เพ่ือก้าวไปสู่ ความเป็นครูมืออาชีพที่กล่าวว่า บุคลิกภาพสามารถนำไปสู่การเป็นครูมืออาชีพได้นั้น ก็เพราะว่า นอกจากบุคลิกภาพท่ีดีจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับตัวครูเองแล้ว ยังสามารถสร้างความ ประทับใจแรกพบ (First impression) ให้กับผู้พบเห็นโดยท่ัวไปอีกด้วย โดยครูกับบุคลิกภาพท่ีดี จะตอ้ งเร่มิ จากการพฒั นาส่วนต่าง ๆ คอื 1.1 การพัฒนาพฤติกรรม ภายนอกหรือรูปสมบัติ ได้แก่ รูปร่างหน้าตา การแต่งกาย กริ ิยาทา่ ทาง น้ำเสยี งและการพูด 1.2 การพัฒนาพฤติกรรมภายในหรอื คุณสมบัติ ประกอบด้วย ส่วนต่าง ๆ ดังน้ี ความเชื่อม่ัน ในตนเอง รวมไปถึงการมีความเช่ือม่ันในการแต่งกายและการวางตัวท่ีเหมาะสมความแนบเนียน บางครั้งครูจำเป็นต้องใช้จิตวิทยาในการพดู กับนักเรยี น ความกระตือรือร้น ความไวว้ างใจได้ ครูต้องมี ความจำทีด่ คี วามยบั ย้ังชง่ั ใจ ดังน้ัน บุคลิกภาพทีดีกับอาชีพครูจึงขาดกันเสียมิได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าครูคนใดมีบุคลิกภาพ ท่ีดีก็สามารถประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหน่ึง ที่เหลืออีกคร่ึงหน่ึงก็น่าจะเป็นความรู้ความสามารถ เฉพาะตัวของบคุ คลน้ัน ๆ ที่จะหลอมรวมกนั เพื่อสรา้ งความสำเรจ็ ในชวี ติ ใหก้ ับตนเอง 2. มีความเมตตาต่อศิษย์ครูคือผู้มีเมตตาความเมตตาเป็นคุณธรรมที่สำคัญอีกประการหน่ึง ของครูทจ่ี ะ ขาดเสยี มิได้ ครูท่ีสอนศษิ ย์ดว้ ยความเมตตาจะอยใู่ นดวงใจของศษิ ย์ทุกคน 2.1 เมตตาต่อศิษย์ ครูควรมีเมตตาต่อศิษย์ทกุ คน และควรถอื ว่าศษิ ยท์ ุกคนเป็นเสมือนลูก เสมือนหลาน ความเมตตาที่มีต่อศิษย์จะทำให้ครูมีความกระตือรือร้นในการสอน และสอนด้วยความสุข เพราะในดวงจิตของครูมีแต่ความปรารถนาดีที่ต้องการให้ศิษย์มีความรู้ และมีอนาคตที่ดีในภายภาค หน้าครทู ่ีมีเมตตาจะพูดกับศิษยด์ ว้ ยคำพดู ท่ีมีความไพเราะสภุ าพอ่อนโยน และจะให้กำลงั ใจศิษย์อยเู่ สมอ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 300 2.2 เมตตาต่อญาติ ครูควรมีเมตตาต่อญาติพี่น้องด้วยการช่วยเหลืออนุเคราะห์และ สนับสนุนให้ทุกคนมีการศึกษา มีความก้าวหน้าในชีวิตและการงาน และช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยข้อ พิพาทบาดหมางระหว่างเครือญาติ มีเมตตาต่อญาติพ่ีน้องจะทำให้ครูเป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์และ ของคนทกุ คน 2.3 เมตตาต่อมิตร โดยธรรมชาติของอาชีพครู ครูจะมีแต่ผทู้ ี่เป็นมิตรทั้งท่ีรู้จักและไม่รู้จัก ดังน้ัน ครูจึงต้องมีเมตตาต่อมิตรทุกคนด้วยการช่วยเหลือการให้คำแนะนำ และอ่ืน ๆ ตามอัตภาพ การมีเมตตาต่อมิตรจะบ่งบอกถึงการมีมนุษย์สัมพันธ์ท่ีดีของครู ทำให้ครูเป็นท่ีรักและเคารพแก่ศิษย์ แก่บคุ คลทัว่ ไป 2.4 เมตตาต่อศัตรู การมีเมตตาต่อศัตรูถือเป็นคุณธรรมข้ันสูงท่ีครทู ุกคนพึงมีเนื่องจากครู เป็นปูชนียบุคคล หมายความว่า เป็นบุคคลที่น่านับถือท่ีสำคญั คือ ครูเปน็ ตัวอย่างท่ีดีของศิษย์หากครู เปน็ คนวู่วาม ใจร้อนและชอบผูกพยาบาท ครูก็จะเป็นตัวอย่างท่ีดีไม่ได้การมเี มตตาตอ่ ศตั รู คือ การไม่ โกรธ ไม่ผูกพยาบาทและการให้อภยั 2.5 เมตตาต่อคนทุกคน เมื่อครู คือ ผู้ท่ีมีหน้าที่อบรมสั่งสอน ครูจึงต้องมีความเมตตาต่อ คนทุกคนโดยไม่เลือกช้ันวรรณะ บทบาทของครูคือบทบาทในการเผยแพร่ความเมตตาต่อชาวโลก ท้งั มวล 3. รอบรู้ในสายวิชาชีพ ครูผู้สอนมีความรอบรู้ในทุกศาสตร์ เข้าใจมีความเป็นครูอยู่ในตัวตน มีความเป็นครูที่มีเจตจำนงอยากสอนศิษย์ และเป็นมืออาชีพท่ีสามารถชี้ชัดในวิชาการ และครูต้อง สามารถชวนลูกศิษย์ให้ลงมือปฏิบัติได้และต้องรู้จักเสียสละ ทุ่มเทและประยุกต์งานต่าง ๆ เพื่อให้ นวัตกรรมใหม่ ๆ ข้ึนมา ทงั้ น้ี ครตู ้องกลา้ ที่จะให้โอกาสศิษย์ ต้องกล้าหาญในเชงิ จรยิ ธรรมท่ีสำคัญต้อง ปลกู ฝงั ใหศ้ ิษย์ร่าเรงิ เบิกบาน แจ่มใส 4. เทคนคิ การสอนดีเทคนคิ วิธกี ารสอนและการปฏบิ ัติตนท่ดี ี 10 ประการ สำหรบั ครู มีดงั นี้ 4.1 ให้ความรักแก่นักเรียนพร้อม ๆ ไป กับเน้ือหาวิชาเรยี น ครูควรแนะนำวิธีเรยี นรใู้ ห้แก่ เด็กดูแลและเอาใจใส่นักเรียน ทำให้การเรียนการสอนน้ันมีความหมายข้ึนมาจนเกิดเป็นความผูกพัน ระหว่างครกู ับศษิ ย์ 4.2 สอนให้นักเรียนเช่ือมโยงกับชีวิตจริง และฝึกให้นักเรียนคิดให้บ่อยท่ีสุดให้ผู้เรียน เข้าใจว่าความรู้ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในเฉพาะหนังสือเท่าน้ัน ครูยังควรเชื่อมช่องว่างระหว่างทฤษฎีและ การปฏิบัตทิ ำให้นักเรยี นเกิดความชำนาญในเรอื่ งท่ีนักเรยี นสนใจ โดยครูใหค้ ำปรึกษาชว่ ยเหลือในการ ปฏิบัติ และเชอ่ื มโยงสภาพชีวติ ในชุมชน ของนกั เรยี นกบั ความรทู้ ่ศี ึกษาในโรงเรยี น 4.3 ตั้งใจฟังนักเรียน ครูต้องรู้จักต้ังคำถามสามารถตอบข้อสงสัยแก่นักเรียนได้ และควร ระลึกอยู่เสมอว่านักเรียนแต่ละคนในช้ันเรียนมีความแตกต่างกัน ครูควรกระตุ้นการตอบสนองการ เรยี นรูแ้ ละการพฒั นาทักษะการสื่อสารให้แกน่ ักเรียนดว้ ย
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 301 4.4 การจัดการเรียนรู้ต้องยืดหยุ่นเปล่ียนแปลงได้ มีการทดลองการสอนที่หลากหลาย และครูควร ปรับการสอนบ้างเม่ือมีวิธีการช่วยให้นักเรียนบางคนเรียนรู้ได้ดีข้ึน และควรสร้างสมดุล ระหวา่ งเน้ือหาและความยืดหย่นุ ในการสอน 4.5 สรา้ งบรรยากาศเป็นกันเอง ต้องทำให้นกั เรยี นเกิดความรู้สกึ มีส่วนรว่ ม 4.6 มีอารมณ์ขัน พยายามอย่าทำตัวให้เครียดการมีอารมณ์ขันจะช่วยทลายกำแพง ระหว่างครกู ับ นกั เรยี นได้ ครคู วรเรยี นรู้ท่ีจะผอ่ นคลายบรรยากาศในหอ้ งเรยี น 4.7 เตรียมตัวให้พร้อม มีความเอาใจใส่ และอุทิศเวลาให้แก่การค้นคว้าหาวิธีถ่ายทอด ความรู้ด้านต่าง ๆ ให้แก่นักเรียนครูดีต้องมีการเตรียมการสอนมาอย่างดี มีส่ือการสอนท่ีพร้อมและ วธิ กี ารสอนท่นี า่ สนใจ 4.8 ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากผู้บริหาร ทั้งในด้านทรัพยากรและบุคลากร ผู้บริหารควรให้การเสริมแรงครูอยู่อย่างต่อเน่ือง เพื่อให้เกิดกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่และสามารถ ทำงานได้อยา่ งปราศจากอปุ สรรคปัญหา 4.9 รู้จักทำงานร่วมกับเพ่ือนครู เพ่ือแลกเปล่ียนประสบการณ์การจัดการเรียนการสอน ตลอดจนการแกป้ ญั หาต่าง ๆ ของครูแต่ละคน 4.10 มีจินตนาการ จะเป็นครูที่ดีได้จะต้องรู้จักใช้จินตนาการบ้าง เพราะจะมีผลต่อ ความคิดริเริ่มใหม่ ๆ ลองจ้องไปท่ีนักเรียนแถวหลังสุดนึกถึงเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกันและประกอบ กนั มีรูปร่างรวมตัวเป็น มนษุ ย์ การเรยี นรู้ของคนเราคงจะพัฒนาไปเร่ือย ๆ อยา่ งไม่หยุดย้ัง หากครไู ม่ หยุดน่งิ ทีจ่ ะเรียนรูแ้ ละพัฒนา ความสามารถของท้งั ตนเองและนกั เรียนไปพรอ้ ม ๆ กัน ครู คอื วิศวกร สังคมที่มสี ่วนสำคัญย่งิ ในการสร้างคนรุ่นใหม่ที่สมบรู ณข์ นึ้ มา 5. มีจิตอาสา จิตอาสา คือ หัวใจของการบริการวิชาการ การที่คนเราจะประสบผลสำเร็จ ไมว่ ่าในอาชีพการงาน หรอื สิ่งท่ีมงุ่ หวังได้มิใช่แค่เพียงเกิดจากความสามารถของตนเองเท่านั้น หากแต่ เกิดจากการฟูมฟักของพ่อแม่และครูบาอาจารยท์ ีพ่ ร่ำอบรมบม่ นสิ ัยและถ่ายทอดวชิ าความรู้ ตลอดจน ประสบการณ์ที่สะสมมา ลองนึก ย้อนกลับไปจะพบว่าบูรพาจารย์ของเรา ท่านไม่ได้ทำหน้าที่แค่สอน หนังสือเท่าน้ันแต่ท่านยังทำหน้าท่ีเสมือนญาติผู้ใหญ่และเป็นพ่ีเล้ียงให้กับศิษย์อีกด้วย เพราะท่านมี หัวใจของการบริการอยู่ตลอดเวลาแต่คนที่มีจิตวิญญาณเป็นครู ท่านทำไปโดยไม่คิดหวังผลตอบแทน ใด นอกจากอยากเห็นความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองของศิษย์ท่านก็ปล้ืมใจแล้ว ด้วยท่านมีจิตเมตตา และมีจิตอาสาท่ีไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหน่ือยทั้งน้ีจิตอาสาของครูสัมฤทธิ์ผล และมีประสิทธิภาพในการ ใหบ้ ริการวิชาการ มอี งคป์ ระกอบของ 5 ย. ร่วมด้วย คือ ย้ิมแยม้ ยกยอ่ ง ยอมแพ้ ยืดหยุ่น และยนื หยดั 28. คณุ สมบตั ขิ องครูท่มี ีจติ วิญญาณความเป็นครู ประกอบด้วย ความประพฤติเรียบร้อย ความรู้ดี บุคลกิ ลกั ษณะและการแต่งกายดี สอนดีตรง เวลา มีความยุติธรรม หาความรูอ้ ยู่เสมอ ร่าเรงิ แจ่มใส ซ่อื สตั ย์และเสยี สละ จึงสรปุ ไดว้ ่าคุณสมบตั ิของ ครทู ี่มจี ติ วญิ ญาณความเป็นครนู นั้ ประกอบดว้ ย
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 302 1. ความมีเมตตาต่อศิษย์ที่ รวมถึงพฤติกรรมที่นักศึกษาได้รับรู้จากครู/อาจารย์ และนำไปใช้ เป็นแบบอย่างในด้านการปลูกฝัง ดูแลเอาใจใส่ลูกศิษย์ให้ความช่วยเหลือเป็นกันเอง รับฟังความ คิดเหน็ ของนักศึกษาและแก้ไขข้อบกพร่องตา่ ง ๆ ให้กบั นกั ศกึ ษา 2. บุคลิกภาพดีคือ พฤติกรรมที่นักศกึ ษาแสดงออกด้วยความมนั่ ใจ มีการแตง่ กายถกู ตอ้ งตาม กฎระเบียบ เป็นแบบอย่างท่ีดีแก่ศิษย์ท้ังกาย วาจา และใจ ระมัดระวังคำพูดของตนเองปรับตัวและ รบั ฟังความคดิ เหน็ ของผ้อู ื่น 3. ความรอบรู้ โดยนกั ศึกษามีความรอบรูใ้ นวชิ าชีพครูในรายวิชาเอกและมคี วามกระตือรอื ร้น ในการเรยี น มคี วามเออื้ เฟอ้ื ชว่ ยเหลือผู้อนื่ ค้นคว้าหาความรอู้ ยูเ่ สมอ 4. เทคนคิ การสอนดแี ละ มคี วามหลากหลาย 5. ความสามารถถ่ายทอดข้อมูลได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นำความรู้และประสบการณ์จาก การร่วมกิจกรรม/ โครงการต่าง ๆ สู่บคุ คลอื่น ๆ ทร่ี ู้จักได้ 6. มจี ิตอาสามีหัวใจของการบรกิ ารอย่ตู ลอดเวลา 29. ผลสัมฤทธิ์ของจิตวญิ ญาณความเป็นครูมอื อาชพี จิตวิญญาณความเป็นครูจะเกิดผลต่อตัวครูที่ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ อุทิศตนเพื่อการ เรียนการสอนหรือเพ่ือการบริหาร เน้นที่ประโยชน์ของส่วนรวมและผลท่ีจะเกิดข้ึนกับลูกศิษย์สังคม และผลสัมฤทธิ์จิตวิญญาณความเปน็ ครูจะเกิดข้ึนจากการปฏิบัตงิ านจริง ๆ ไมไ่ ด้เกิดขน้ึ การมอบหมาย หรอื การมอบอำนาจแต่อย่างใด ดงั นน้ั ผลสัมฤทธ์จิ ะเกดิ ตอ่ ครู ดงั น้ี 1. ช่วยพัฒนาหรือยกระดบั ความคิดและทักษะทีจ่ ำเป็นในการเรยี นการสอน 2. มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ศลี ธรรม ความรับผิดชอบต่อหน้าทแี่ ละงานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย 3. มีความยืดหยุ่นและเข้าใจในความเปล่ยี นแปลงของสงั คม 4. มองนักเรยี นว่ามีศกั ด์ิศรคี วามเปน็ มนษุ ย์และมศี ักยภาพ 5. มคี วามสุขและมีความภาคภมู ใิ จในอาชพี ครู 6. ได้รับการยอมรบั และความศรัทธาจากสังคมและลูกศษิ ย์ กล่าวโดยสรุปว่าการพฒั นาตนเองอย่างต่อเนอ่ื งให้มีความรู้โดยเฉพาะทักษะการใชเ้ ทคโนโลยี และทักษะในการสอน ประพฤติเป็นแบบอย่างท่ีดีเอาใจใส่และหวังดีต่อศิษย์ปรารถนาให้ศิษย์ทุกคน ไดม้ ีการงานท่ีดีทำและเปน็ คนดีของสงั คม การปฏิบัติงานของครูลักษณะดังกลา่ วเรยี กได้ว่าการปฏิบัติ ดว้ ย “จิตวิญญาณความเป็นคร”ู การปฏิบัติหน้าท่ีของครูด้วยความวิรยิ ะ มุ่งม่ันและทุม่ เทด้วยจิตและ วิญญาณอุทิศตนเพื่อการสอน และมีการพัฒนาส่ือการสอนตลอด ก็จะทำให้เกิดความตระหนักและ มงุ่ มั่นทุ่มเทในการทำงาน พยายามรักษาศักด์ิศรีแหง่ ตนวิชาชพี และทส่ี ำคัญคือ ความศรทั ธาในวชิ าชีพ ครูมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง ฉะน้ัน จิตวิญญาณความเป็นครูจึงเป็น คุณลักษณะสำคัญของครูมืออาชีพครู จะต้องมีการพัฒนาตนเอง และครูจะประสบผลดีต้องเกิดจากการพัฒนานั้น คือ “ใจ” หรือ “จิตสำนึก” มีใจรักตอ่ อาชีพครูและใจต้องพร้อม ย่อมประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ครูท่ีได้รบั การพัฒนาจะมี มากน้อยเพียงใด ส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับต้นสังกัดจะให้โอกาสครูเหล่าน้ีได้มีโอกาสพัฒนาตนเองด้าน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 303 การศึกษาหรือไม่ อย่างไร สังคมกำลังต้องการครูท่ีมีสำนึกในความเป็นครูเสียสละ อดทน อุทิศตน ในการสอนหรือการบริหาร ก็นับว่าเป็น “ครูที่มีจิตวิญญาณความเป็นครู” ปฏิบัติหน้าที่และพัฒนา ตนเองอย่างต่อเน่ืองระมัดระวังการประพฤติปฏิบัติให้อยู่ในหลักศีลธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ ซ่ึงลกั ษณะดังกลา่ วจะนำไปสู่การเปน็ “ครมู ืออาชีพ” ควรมลี ักษณะ 3 ประการ ดงั น้ี 1. แสวงหาความรู้พัฒนาตนเองตลอดเวลา เน้นเจตนาที่จะให้ผู้ร่วมงานประสบ ความสำเร็จ ด้วยกัน 2. ความปรารถนาดีเป็นความคิดทอ่ี ยู่เหนือระดบั เหตผุ ลและตรรกะ เปน็ ความคดิ ที่มาจากจิต วิญญาณหรือจติ ใต้สำนึก 3. สร้างความเชื่อมั่นในตนเอง มุ่งม่ันในการทำงาน และศรัทธาในผลสำเร็จที่เกิดจากการ ปฏิบัติงาน หากครูปฏิบัติงานด้วยจิตใจท่ีมุ่งมั่น และประพฤติตนตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพโดยที่ ครจู ะตอ้ ง ดำเนินการเรียนการสอนโดยการยึดจรรยาบรรณต่อวชิ าชพี ตอ่ ผู้เรยี นและตอ่ ตนเอง 30. บทสรปุ การพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ืองให้มีความรู้ โดยเฉพาะทักษะการใช้เทคโนโลยี และทักษะใน การสอน ประพฤติเป็นแบบอย่างท่ีดีเอาใจใส่ และหวังดีต่อศิษย์ปรารถนาให้ศิษย์ทุกคนได้มีการงาน ที่ดีทำและเป็นคนดีของสังคม การปฏิบัติงานของครูลักษณะดังกล่าวเรียกได้ว่าการปฏิบัติด้วย “จิตวิญญาณความเป็นครู” การปฏิบัติหน้าท่ี ของครูด้วยความวิริยะ มุ่งม่ันและทุ่มเทด้วยจิตและ วิญญาณ อุทิศตนเพื่อการสอน และมีการพัฒนาส่ือการสอนตลอด ก็จะทำให้เกิดความตระหนักและ มุ่งม่ันทุ่มเทในการทำงาน พยายามรักษาศักดิ์ศรีแห่งตนและวิชาชีพ และท่ีสำคัญ คือ ความศรัทธา ในวชิ าชีพครูมุง่ มั่นพฒั นาตนเอง คำถามทบทวน 1. องค์ประกอบและตัวบ่งชี้จิตวิญญาณความเป็นครูด้านวิริยะ อุตสาหะ ประกอบด้วย อะไรบา้ ง 2. ครูสามารถประยุกต์ความรู้ที่มีอยู่ จัดการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสมกับศักยภาพของ ผ้เู รยี น ตรงกับองคป์ ระกอบและตัวบง่ ช้ีจิตวิญญาณความเป็นครูด้านใด 3. ครูมีใจผูกพันด้วยความห่วงใยศิษย์ สามารถแนะนำให้กำลังใจแก่ศิษย์ทุกคนได้ มีจิตใจ โอบออ้ มอารี ความรกั ตอ่ ศิษย์ตรงกบั การปลูกฝงั จิตวญิ ญาณความเป็นครดู ้านใด 4. วิธีปฏิบัตสิ ู่ความพร้อมแห่งจิตวญิ ญาณทช่ี ่วยในการเสรมิ สร้างความดอี ันเจริญงอกงามใหม้ ี ขึน้ ทั้งตอ่ บคุ คลและสงั คมอย่างยงั่ ยนื ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง 5. เหตใุ ดท่ีจติ วญิ ญาณความเป็นครูจงึ เป็นคุณลักษณะสำคญั ของครูมืออาชพี
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง304 เอกสารอ้างองิ กิตนิ ันท์ โนสแุ ละเสริมศักดิ์ วศิ าลาภรณ.์ (2557). องคป์ ระกอบและตัวบ่งช้จี ิตวิญญาณความเปน็ ครู สงั กดั สำนกั งานเขตพืน้ การศึกษาประถมศกึ ษาในจงั หวดั ภาคเหนอื ตอนบน. วารสารการ วจิ ัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชยี งราย, 8(1), 53-65. จรนิ ทร์ งามแมน้ . (2526). คุณธรรม จรยิ ธรรมสำหรับคร.ู คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั หมบู่ ้านจอมบึง. จรินทร์ งามแม้น. (2526). จรรยาบรรณวิชาชีพ. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้าน จอมบงึ . ณฏั ฐภรณ์ หลาวทอง และปิยวรรณ วเิ ศษสวุ รรณภูมิ. (2553). การพัฒนาแบบวัดจติ วญิ ญาณความ เป็นครู. วารสารวิธีวิทยาการวิจยั , 23(1), หน้า 25-54. เดชพงษ์ อนุ่ ชาติ. (2555). สรปุ จรรยาบรรณวชิ าชพี ครู. [ระบบออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก http://www.kruchiangrai.net. สืบค้นขอ้ มลู เม่อื วันท่ี 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ธรรมนูญชวี ิต คลังหนงั สือธรรมะ. (2550). คณุ ธรรม 4 ประการ., [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.dhammathai.org/kaveedhamma/view.php?No=738. สืบค้นข้อมูล เมื่อวันที่ 2 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. ธรรมนูญชวี ติ คลงั หนงั สอื ธรรมะ. (2550). ฆราวาสธรรม. [ระบบออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก http://www.geocities.com/sakyaputto/kharavastham.htm. สบื คน้ ขอ้ มูลเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ธรรมนญู ชวี ติ คลังหนงั สือธรรมะ. (2550). สัปปรุ ิสธรรม. [ระบบออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก http://www.dhammathai.org/book/dhammanoon03.php. (2550). สืบค้นข้อมูลเม่อื วนั ท่ี 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ธรรมนญู ชีวติ คลังหนังสอื ธรรมะ. (2550). หริ ิโอตตปั ปะ. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.dhammathai.org/webboard/view.php?No=836. สืบค้นขอ้ มลู เมอ่ื วนั ที่ 2 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. พฤทธิ์ศริ ิ บรรณพทิ ักษ.์ (2557). จรรยาบรรณวชิ าชีพครู Code of Ethics of Teaching. [ระบบ ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก http://www.ap.mju.ac.th/data_silo/jarya/2013-07- 01-09- 36-54go0.pdf. สืบค้นขอ้ มูลเมอ่ื วันที่ 12 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. อมรรตั น์ แก่นสาร. (2558). การพัฒนาตัวบง่ ชจี้ ติ วิญญาณความเปน็ ครูของครู. สังกดั สำนกั งาน คณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน.
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทท่ี 10 กฎหมายทเ่ี ก่ยี วข้องกับวิชาชีพครู ในสมัยโบราณ หมายถึง พระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่สอนกุลบุตรทุกระดับอายุ ตั้งแต่วัยเด็ก จนถึง วยั รุ่น สอนทั้งด้านอกั ขรวิธี ทั้งภาษไทย แลภาษาบาสี สอนให้เป็นคนดีมีวิชาชีพ ตลอดจนความรู้ทาง พระพุทธศาสนา แม้เมื่อศิษย์มีอายุครบบวชแล้ว ก็ยังคงศึกษาในวัดหรือสำนักน้ัน ๆ ต่อไป จนมี ความรคู้ วามชำนาญ สามารถถ่ายทอดวิชาที่ได้รบั การส่งั สอนฝึกฝนจากครูบาของตนใหแ้ กศ่ ิษย์รุ่นหลัง ของสำนักต่อไป หรืออาจลาไป แสวงหาความรู้ความชำนาญต่อจากพระสงฆ์หรือครูบา หรือครูตุ๊ ณ สำนักอ่ืน เมอ่ื เชยี่ วชาญแลว้ ก็กลบั มาชว่ ยสอนในสำนกั เดิมของตน จนเป็นครบู าสืบทอดตอ่ ไป จากแหล่งอ้างอิงอืน่ ครู คอื 1. ครู เป็นผู้นำทางศษิ ย์ไปสคู่ ณุ ธรรมช้นั สงู 2. ครู คอื ผู้อบรมสัง่ สอนถา่ ยทอดวิชาความรู้ให้แก่ศิษย์เป็นผู้มีความหนักแน่นควรแก่การเคารพ 3. ครู คือ ผู้ประกอบอาชีพอย่างหนึ่งท่ีทำหน้าท่ีสอน มักใชก้ ับผู้สอนในระดับต่ำกว่าวิทยาลัย และมหาวทิ ยาลัยหรอื สถาบันอุดมศึกษา รงั สรรค์ แสงสขุ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง (2550 : 38) ไดใ้ ห้ความเห็นว่า \"ครู\" คือ ครูผู้ที่ให้ความรู้ไม่จำกัดทุกท่ีทุกเมื่อ ครูต้องเต็มไปด้วยความรู้ และรู้จักขวนขวายหาองค์ความรู้ ใหม่ ๆ สะสม ความดี มีบารมีมาก และครูที่ดีจะต้องไม่ปิดบังความรู้ ควรมีจิตและวิญญาณของความ เป็นครู ครู คือ ผู้เติมเต็ม การท่ีครูจะเป็นผู้เติมเต็มได้ ครูควรจะเป็นผู้แสวงหาความรู้ จะต้อง วิเคราะห์ วิจัย วิจารณ์ และมาบูรณาการ ความรู้ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ครู คือ ผู้ท่ีมีเมตตา จะต้องสอน เตม็ ท่ีโดยไมม่ ีการขเ้ี กียจหรอื ปดิ บงั ไมใ่ ห้ความรู้เต็มที่ ครตู อ้ งไมล่ ำเอียง ไม่เบยี ดเบยี นศิษย์ 1. ความหมายของคำวา่ “ครู ” ความหมายของคำว่า \"ครู\" ครู คือ บุคคลท่ีมีหน้าที่หรือมีอชีพในการสอนนักเรียน เกี่ยวกับ วิชาความรู้ หลักการคิดการอ่าน รวมถึงการปฏิบัติและแนวทางในการทำงาน โดยวิธีในการสอน แตกต่างกนั ออกไป โดยคำนึงถึงพ้ืนฐานความรู้ ความสามารถ และเปา้ หมายของนกั เรียนแตล่ ะคน คำว่า \"คร\"ู มาจากศพั ท์ภาษาสันสกฤต \"คุรุ\" และภาษาบาลี \"ครุ ,คุรุ \" อำไพ สุจริตกลุ (2534 : 47-48) กล่าวว คำว่า \"ครู\" \"ปคู่ ร\"ู \"ตคุ๊ รู\" และ \"ครบู า\" ในหนังสือ พจนะ-สารนุกรมไทย เปลื้อง ณ นคร (2516: 89) ได้ให้ความหมายของ คำว่า \"ครู\" ไวด้ ังน้ี 1. ผ้มู คี วามหนกั แน่น 2. ผูค้ วรแกก่ ารเคารพของศิษย์ 3. ผสู้ ัง่ สอน คาร์เตอร์ วี กดู๊ (Carter V. Good. 1973 : 586) ได้ใหค้ วามหมายของ คำว่า \"ครู\" (teacher) ไว้ดังน้ี คือ
306 1. Person employed in an official capacity for the purpose of guiding and directing the learning experience of pupils or students in an educational Institution whether public or 2. Person who becomes of rich or unusual experiencing or education or both in given field is able to contribute to the growth or development of other person who comes to contact with him. 3. Person who has completed a professional curriculum in a teacher มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงeducation institution and whose training has been officially recognized by the award of an appropriate teaching certificate. 4. Person who Instructs the other. จากคำ ภาษาองั กฤษข้างบนนั้น จะเหน็ ไดว้ ่า ความหมายของ คำว่า \"คร\"ู (Teacher) คือ 1. ครู คือ ผ้ทู ่ีมีความสามารถให้คำแนะนำเพื่อให้เกดิ ประโยชน์ทางการเรียน สำหรับนักเรียน หรอื นักศึกษาในสถาบันการศกึ ษาตา่ ง ๆ ทั้งของรัฐและเอกขน 2. ครู คือ ผู้ท่ีมีความรู้ประสบการณ์และมีการศึกษามากหรือดีเบีนพิเศษหรือมีท้ังประสบการณ์ และการศกึ ษาดีเป็นพเิ ศษในสาขาใดสาขาหนึ่งทส่ี ามารถชว่ ยให้ผ้อู ่นื เกิดความเจริญก้าวหน้าได้ 3. ครู คอื ผูท้ ีเ่ รยี นสำเร็จหลักสูตรวชิ าชพี จากถาบนั การฝึกหดั ครูและไดใ้ บรบั รองทางการสอนด้วย 4. ครู คอื ผทู้ ที่ ำหนา้ ทส่ี อนให้ความรู้แกศ่ ษิ ย์ นอกจากน้ี คำว่า \"ครู\" ยังมีความหมายอื่น ๆ ได้อีก เข่น 1. \"ครู คือ ปูชนียบุคคล\" หมายถึง ครูท่ีเสียสละ เอาใจใส่เพ่ือความเจริญของศิษย์ซึ่งเป็น บคุ คลทคี่ วร เคารพเทิดทูน 2. ครู คือ แม่พิมพ์ของชาติ\" หมายถึง การเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกศิษย์ที่จะปฏิบัติตัวตาม อย่างครู 3. \"ครู คือ ผู้แจวเรือจ้าง\" หมายถึง อาชีพครูเป็นอาชีพที่ไม่ก่อให้เกิดความร่ำรวย ครูต้องมี ความพอใจในความเป็นอยู่อยา่ งสงบเรยี บรอ้ ย อย่าหวน่ั ไหวตอ่ ลาภ ยศ ความสะดวกสบาย คำว่า ครู หรือ Teachers ถ้าแยกความหมายตามตัวอักษรของคำในภาษาอังกฤษมี 8 คำ สามารถแยกได้ดงั นี้ T = Teaching and Training การสง่ั สอนและการฝกึ ฝนอบรม E = Ethics การอบรมคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม A = Academic การค้นควา้ วิจัยหรือการแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ C = Culture Heritage การถ่ายทอดวฒั นธรรม H = Human Relationships การสรา้ งมนษุ ย์สัมพันธ์ E = Extra jobs การปฏิบัตหิ น้าท่ีพเิ ศษตา่ ง ๆ R = Reporting and Counseling การรายงานผลและการแนะแนว S = Student Actualities การจัดกิจกรรมนกั เรียน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 307 โดยสรุปอาจกล่าวได้ว่า ครู คือ ผู้สั่งสอนศิษย์ ผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ด้วยเหตุนี้ครูจึง เป็นบุคคลสำคัญท่ีคอยประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ อบรมส่ังสอน สร้างสรรค์และมีคุณธรรม จริยธรรมท่ดี ี พฒั นาภมู ิปญั ญาและเปน็ ประโยชนใ์ หแ้ ก่สงั คมไดใ้ นอนาคต 2. ความหมายของคำว่า \"อาจารย\"์ ปัจจุบันคำว่า \"ครู\" กับ \"อาจารย์\" มักจะใช้ปะปนหรือควบคู่กันสมอ จนบางครั้งดูเหมือนว่า จะมีความหมายเป็นคำคำเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว รากศัพท์เดิมของ คำว่า \"อาจารย์\" ไม่ เหมือนกบั คำว่า \"ครู\" และเม่อื พจิ ารณาถงึ ความหมายดั้งเดมิ แลว้ ย่ิงไมเ่ หมือนกนั พุทธทาสภิกขุ (2527 : 92) กล่าว คำว่า \"ครู\" เป็นคำสูงมาก เป็นผู้เปิดประตูทางวิญญาณ แลว้ กน็ ำ ให้เกิดทางวญิ ญาณไปสู่คุณธรรมเบื้องสูงเปน็ เร่ืองทางจิตใจโดยเฉพาะมิไดห้ มายถึง เรื่องวัตถุ ก่อนพุทธทาสภิกขุ (2529 : 93) ได้จำแนกความหมายของ \"อาจารย์\" เป็น 2 แบบ คือ 1 ความหมาย ตง้ั เตมิ หมายถึง ผูฝ้ ึกมารยาท หรือเปน็ ผคู้ วบคุมใหอ้ ยใู่ นระเบียบ วนิ ัย เปน็ ผู้รักษา ระเบียบกฎเกณฑ์ ต่าง ๆ 2 ความหมายปัจจุบัน หมายถึง ฐานะช้ันสูงหรือชั้นหน่ึงของผู้ท่ีเป็นครู ในหนังสือพนานุกม พุทธศาสตร์ บับประมวลธรรมของพระราชวรมุนี้ (ประยกุ ต์ ปยุตโต) (2528: 185) อธิบายความหมาย ของอาจารยไ์ ว้ดงั นี้ 1. ผู้ประพฤติการอันเกอื้ กลู แกศ่ ิษย์ 2. ผทู้ ่ศี ิษยพ์ ึงประพฤตดิ ้วยความเอ้อื เฟื้อ 3. ผูส้ ่งสอนวิชาและอบรมดูแลความประพฤติ ความหมายของคำว่า \"อาจารย์\" ตามทัศนะของชาวตะวันตก จะหมายถึง ผู้สอนในวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยที่มตี ำแหน่งต่ำกว่าระดบั ศาสตราจารย์ และเป็นผู้สอนที่ต้องรับผิดชอบต่อการสอน นักศึกษา ให้เกิดความก้าวหน้าตามประสงค์เพาะของการศึกษาท่ีกำหนดไว้ เมื่อพิจารณาความหมาย ของ คำว่า \"อาจารย์\" ตามทัศนะของคนไทยกับทัศนะของชาวตะวันตกแล้วจะเห็นได้ว่า อาจารย์ของ ขาวตะวันตก จะเน้นความสำคัญผู้ไปท่ีการสอน คือ เป็นผู้มีความเขี่ยวชาญในการสอนเฉพาะด้าน และเปน็ ผู้ที่ทำการสอน ในสถาบันการศกึ ษาชั้นสูง แตค่ วามหมายของคำว่า \"อาจารย์\" ตามทศั นะของ คนไทย จะมคี วามหมายกว้างกว่า คอื เป็นท้ังผสู้ อนวชิ าความรู้ อบรมดแู ลความประพฤติ และเป็นผ้ทู ่ีมี ฐานะสูงกว่าผู้เป็นครู ดังนั้น จึงพอ สรุปความหมายของคำว่า “อาจารย์” ได้ว่า “เป็นผู้สอนวิชา ความรู้และอบรมความประพฤติของลูกศิษยเ์ ป็นผู้มีสถานะภาพสูงกว่า \"ครู\" และมีเป็นผู้ท่ีทำการสอน ในระดับวิทยาลัยและมหาวทิ ยาลยั \" ความหมายของอาจารย์ ปัจจุบันสรุปไดด้ งั น้ี 1. ผู้สั่งสอนวิชาความรู้และอบรมดูแลความประพฤติของศิษย์เป็นผู้ที่มีความเอื้ออาทร แกศ่ ิษย์ และศิษย์พึงประพฤติด้วยความเอ้ือเฟอ้ื 2.ผ้สู ่ังสอนในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยมาสถานภาพสงู กวา่ ตำแหน่ง “คร”ู แตต่ ่ำกว่า ผู้สอนในระดบั ศาสตราจารย์ 3.ตามพระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ ไม่มีคำว่า “อาจารย์” แตใ่ ชค้ ำว่า “คณาจารย์ ” ซ่ึง หมายถึง อาจารย์ของหมคู่ ณะหรือคณะอาจารย์
308 ในปัจจบุ ันน้ี ผู้ท่ีทำหน้าท่ีการสอนไม่ว่าจะมคี ุณวุฒิระดับใด ทำการสอนในระดับไหน จะนิยม เรียกว่า \"อาจารย์\" เหมือนกันหมด ซ่ึงมิใช่เรื่องเสียหายอะไร ในทางตรงกันข้าม กลับจะเป็นการยก ย่องและให้ความเทียมกันกับคนที่ประกอบวิชาชีพเดียวกัน ดังน้ัน ส่ิงสำคัญท่ีสุดมิใช่เป็นคำว่า \"ครู\" หรอื \"อาจารย์\" แตอ่ ยูท่ ่ีการทำหนท้ ่ขี องตนใหส้ มบรู ณท์ ส่ี ุด ตารางที่ 10.1 ความหมายของคำทเี่ กีย่ วกับ ครู-อาจารย์ คำศพั ท์ ความหมาย อปุ ชั ฌาย์ ท่านพุทธทาสภิกขุ อธิบายความหมาของ \"อุปัชฌาย์\" ว่า หมายถึง ผู้สอบวิชาชีพ แต่ในปัจจุบันน้ี หมายถึง พระเถระผู้ใหญ่ท่ีทำหน้าที่ ทศิ าปาโมกข์ เปน็ ผูบ้ วชกุลบุตรในพระพุทธศาสนา อาจารย์ที่มีความรู้และซื่อเสียงโด่งดัง ในสมัยโบราณ ผู้มีอันจะกิน บพุ าจารยห์ รือบรู พาจารย์ จะต้อง ลังบุตหลานของตนไปสู่สำนักทิศาปาโมกข์ เพ่ือให้เรยี นวชิ าท่ี ปรมาจารย์ เป็นอชีพหรือวิชาชั้นสูงในสาชาวิชาต่าง ๆ เพื่อกลับไปรับหน้าที่ทำ ปาจารย์ การงานที่สำคัญ ๆ อาจารย์เบ้ืองต้น หมายถึง บิดา มารดา ซ่ึง ถือว่าเป็นครูคนแรกของ บุตร ธดิ า อาจารยผ์ ู้เป็นเอกหรอื ยอดเยยี่ มในทางวชิ าใดวิชาหน่ึง อาจารยข์ องอาจารย์ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ส่วนคำศพั ท์ในภาษาอังกฤษทมี่ คี วามหมายคล้ายกบั คำวา่ ครู หรอื Teacher มีหลายคำ คอื 1. Teacher หมายถึง ผู้ท่ีทำหน้าท่ีประจำในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ตรงกับคำว่า ครู หรือ ผู้สอน 2. Instructor หมายถึง ผู้ที่ทำหน้ที่เป็นผู้สอนโดยเฉพาะในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย ตรง กับคำวา่ อาจารย์ 3. Professor (ในประเทศองั กฤษ) หมายถึง ตำแหนผูส้ อนที่ถอื วา่ เป็นตำแหน่งสูงสุดในแต่ละ สาขาวิชาในมหวิหยาลัยต่าง ๆ แต่ในอเมริกาและแคนาดาใช้เป็นคำนำหน้านามสำหรับผู้สอนใน วทิ ยาลัยหรือ มหาวทิ ยาลัยต่าง ๆ เช่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ใช้คำว่า Assistant Professor รองศาสตราจารย์ ใชค้ ำวา่ Associate Professor ศาสตราจารย์ ใชค้ ำวา่ Professor 4. Lecturer หมายถงึ บคุ คลผสู้ อนในมหาวทิ ยาลยั หรอื วิทยาลัย ตรงกับคำวา่ ผู้บรรยาย 5.Tutor หมายถึง ผู้ท่ีทำหน้าท่ีสอนนักศึกษาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หรือรายบุคคล โดยทำงานเป็น ส่วนหนึง่ ของผ้บู รรยายคลา้ ย ๆ กบั ผสู้ อนเสริมหรอื สอนกวดวชิ า 6. Sophist เป็นภาษากรีกโบราณ หมายถึง ปราชญ์ผู้สอนวิชาต่าง ๆ คล้ายกับคำว่า “ทิศา ปาโมกข”์
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 309 3. ความสำคัญของกฎหมายการศึกษา การดำเนินงานทางการศกึ ษา เปน็ บรกิ ารที่เก่ียวข้องกับผู้คนเป็นจำนวนมาก ท้งั ที่เป็นฝ่ายจัด การศึกษา ฝ่ายรับบริการทางการศึกษาและฝ่ายท่ีเก่ียวข้องอื่น ๆ โดยบุคคลดังกล่าว ต้องปฏิบัติและ ดำเนนิ งานตาม บทบาทหน้าทีใ่ หเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายทเ่ี กี่ยวข้อง เพอื่ ให้บรรลุวตั ถุประสงค์ทีก่ ำหนดไว้ ดังน้ัน กฎหมายจงึ มีความสำคญั ตอ่ การดำเนินงานทางการศึกษากลา่ วได้ ดังน้ี 1. กฎหมายเป็นเคร่ืองมือในการดำเนินงานจัดการศึกษาของรัฐและเจ้าหน้าที่ท่ีเก่ียวข้องให้ สามารถจดั การศกึ ษาเปน็ ไปตามวัตถุประสงคแ์ ละเป้าหมายได้ 2. กฎหมายการศึกษาเป็นกรอบการดำเนินงานท่ีช่วยให้การบริหารการศึกษาเป็นไปอย่าง เหมาะสม มปี ระสทิ ธภิ าพ เป็นทีย่ อมรับของผรู้ บั บรกิ ารและสังคม 3. กฎหมายการศึกษาช่วยให้สามารถใช้การศกึ ษาพัฒนาเด็กและเยาวชนเพือ่ เป็นกำลังสำคัญ ในการพฒั นาประเทศ 4. กฎหมายการศึกษทำให้ประชาชนของประเทศเกิดสทิ ธิและหน้าที่เก่ียวกับการศกึ ษาทำให้ สามารถปฏิบัติตนตามสทิ ธแิ ละหนา้ ทไ่ี ดอ้ ยา่ งเหมาะสม ดว้ ยบทบาทดังกล่าว กฎหมายและกฎหมายการศึกษาจึงมีความสำคัญในฐานะเป็นเคร่อื งมือ ดำเนินงาน เก่ียวกับการศึกษาของชาติ หากขาดกฎหมายแล้วอาจทำให้การจัดการศึกษาไม่บรรลุ วตั ถปุ ระสงค์ และเป้าหมายได้ 4. ลกั ษณะของกฎหมายการศึกษา กฎหมาการศกึ ษาเป็นกฎหมายชนิดหนง่ึ ซ่ึงต้องมีลกั ษณะของกฎหมายเชน่ เดียวกบั กฎหมาย ทัว่ ๆ ไป กล่าวคอื กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ที่กำหนดความประพฤตขิ องบุคคล ซ่งึ ผ้มู ีอำนาจในประเทศ กำหนดข้ึนและ ใช้บังคับให้ผู้ท่ีอยู่ในสังกัดประเทศน้ันถือปฏิบัติตามมีลักษณะสำคัญ ประกอบด้วย (มานติ ย์ จุมปา, 2548) 1.ต้องมีลักษณะเป็นกฎเกณฑท์ ใี่ ชบ้ ังคับเปน็ มาตรฐานของสงั คม 2. ต้องเป็นการกำหนดความประพฤตขิ องบุคคล 3. ต้องมสี ภาพบังคับ 4. ต้องมีกระบวนการท่ีแนน่ อนในการดำเนินการ ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎเกณฑ์ในกฎหมาย สำหรับกฎหมายที่ใช้ในประเทศไทย ตามรปู แบบเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษร กำหนดตาม ศกั ดข์ิ องกฎหมายได้ ดังน้ี 1. รฐั ธรรมนูญ 2. พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ 3. พระราชบญั ญัติ 4. พระราชกำหนด 5. พระราชกฤษฎกี า 6. กฎกระทรวง 7. กฎหมายทีต่ ราขึน้ โดยองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 310 นอกจากรูปแบบของฎหมายดังกล่าวแล้ว กฎหมายยังสามารถแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ หลาย ลกั ษณะตามหลักเกณฑท์ ่ใี ช้ในการแบ่งประเภท เช่น หลกั แหล่งกำเนดิ ของกฎหมาย หลักสภาพ การบังคับของกฎหมาย หลักฐานะแลความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน เป็นตัน โดยทั่วไปแล้ว การแบ่งประเภทของกฎหมายจะยึดหลักฐานะและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนเป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่งประเภทกฎหมายออกเปน็ กฎหมายมหาชน และกฎหมายเอกชน กลา่ วคอื 1. กฎหมายมหาชน คือ กฎหมายท่ีกำหนดสถานะและนิติสัมพันธ์ระหว่างรัฐหรือหน่วยงาน ของรฐั กับเอกชน หรือหน่วยงานของรัฐด้วยกัน ในฐานะท่ีรัฐหรือหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ปกครอง เซ่น กฎหมายอาญา กฎหมายปกครอง และกฎหมายการคลัง เปน็ ต้น ภาพประกอบท่ี 10.1 กฎหมายมหาชน 1. กฎหมายเอกชน คือ กฎหมายท่ีกำหนดสถานะและนิติสัมพันธ์ระหว่างเอกชนต่อกันในฐานะ ผูอ้ ยูใ่ ต้ปกครองทต่ี ่างฝา่ ยต่างกเ็ ทา่ เทียมกัน ภาพประกอบท่ี 10.2 กฎหมายเอกชน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 311 กล่าวโดยเฉพาะกฎหมายการศึกษาก็จะหมายถึง กฎเกณฑ์ท่ีรัฐหรือผู้มีอำนาจกำหนดขึ้น ข้อบังคับ การปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารและจัดการศึกษา โดยมีรูปแบบทั้งท่ีเป็นพระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง รวมท้ังข้อบังคับ ระเบียบ คำส่ัง ที่ใช้บังคับในการดำเนินงานทาง การศึกษาและมีลกั ษณะ เป็นกฎหมายมหาชนในสาชากฎหมายปกครอง เน่ืองจากกฎหมายการศึกษา ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นความสัมพันธ์ ระหว่างรัฐกับเอกชน และระหว่างองค์กรของรัฐด้วยกัน เช่น พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 พระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ พ.ศ. 2543 กฎกระทรวงกำหนด หลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุเด็ก เพ่ือเข้ารับการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2543 และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วย การประเมิน เทียบระดบั การศึกษาชั้นพ้นื ฐานและการศึกษาระดับอดุ มศกึ ษาตำ่ กว่าปรญิ ญา พ.ศ. 2546 5. ความหมายของมาตรฐานวชิ าชพี ทางการศึกษา มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา คือ ข้อกำหนดท่ีเกี่ยวกับคุณลักษณะและคุณภาพท่ีพึง ประสงค์ในการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซ่ึงผู้ประกอบวิชาชีพทาการศึกษาต้องประพฤติปฏิบัติ ตามเพื่อให้เกิดคุณภาพในการประกอบวิชาชีพ สมารถสร้างความเช่ือมั่น ความศรัทธาให้แก่ ผู้รับบริการจากวิชาชีพได้ว่างานบริการท่ีมีคุณภาพ ตอบสังคมได้ว่าการที่กฎหมายให้ความสำคัญกับ วิชาชีพทางการศึกษา และกำหนดให้เป็นวิชาชีพ ควบคุม นั้น เน่ืองจากเป็นวชิ าชีพที่มีลักษณะเฉพาะ ต้องใช้ความรู้ทักษะและความเช่ียวชาญในการประกอบวิชาชีพ ตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคล กรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2546 มาตรา 49 กำหนดใหม้ ีมาตรฐานวิชาชพี 3 ด้าน ประกอบด้วย 1. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ หมายถึง ข้อกำหนดสำหรับผู้ท่ีจะเข้ามา ประกอบวิชาชีพ จะต้องมีความรู้และมีประสบการณ์วิชาชีพเพียงพอท่ีจะประกอบวิชาชีพ จึงจะสามารถ ขอรับใบอนุญาติ ประกอบวิชาชีพเพ่อื ใชเ้ ป็นหลักฐานแสดงวา่ เป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและ มปี ระสบการณพ์ รอ้ มทีจ่ ะประกอบวิชาชีพทางการศึกษาได้ 2. มาตรฐานการปฏิบัติงาน หมายถึง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในวชิ าชีพให้เกิดผล เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด พร้อมกับมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ือง เพ่ือให้เกิดความชำนาญใน การประกอบวิชาชีพทัง้ ความชำนาญเฉพาะตา้ นลกั ษณะเฉพาะตอ้ งใช้ความรู้ ทักษะ และความชำนาญ ตามระดับคุณภาพมาตรฐานการปฏิบัติงาน หรอื อย่างน้อยจะต้องมีการพัฒนาตามเกณฑ์ที่กำหนดวา่ มี ความรู้ ความสามารถและความชำนาญเพียงพอที่จะดำรงสถานภาพของการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ต่อไปใดหรือไมน่ ่ันก็คอื การกำหนดใหผ้ ปู้ ระกอบวชิ าชพี จะตอ้ งตอ่ ใบอนญุ าตทุก ๆ 5 ปี 3. มาตรฐานการปฏิบัติตน หมายถึง ข้อกำหนดเก่ียวกับการประพฤติตนของผู้ประกอบ วิชาชีพโดยมีจรรยาบรรณของวิชาชีพเป็นแนวทางและข้อพึงระวังในการประพฤติปฏิบัติ เพื่อดำรงไว้ ซึ่งชื่อเสียงฐานะเกียรติ และศักดศ์ิ รแี ห่งวชิ าชพี ตามแบบแผนพฤติกรรม ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ ท่ีคุรุสภาจะกำหนดเป็นข้อบังคับกับต่อไป หากผู้ประกอบวิชาชีพผู้ใดประพฤติผิดจรรยาบรรณของ วิชาชีพทำให้เกิดความเสียหาย แก่คนอ่ืนจนได้รับการร้องเรียนถึงคุรุสภาแล้ว ผู้น้ันอาจถูก คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชพี วนิ ิจฉัยชข้ี าด อย่างใดอยา่ งหนง่ึ ดงั ต่อไปนี้ (1) ยกขอ้ กลา่ วหา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 312 (2) ตักเดอื น (3) ภาศกัณฑ์ (4) พักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดเวลาตามท่เี หน็ สมควร แต่ไมเ่ กิน 5 ปี (5) เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (มาตรา 54) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้เนินการศึกษาวิเคราะห์เอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องสำรวจ ความคิดเห็น จัดประชมุ สมั มนา ประชุมเชงิ ปฏิบัตกิ าร ประชุมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผู้มสี ว่ นเกีย่ วข้อง ท้ังด้านการผลิต การพัฒนาและการประกอบวิชาชีพ รวมท้ังผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อนำมากำหนดเป็น สาระสำคัญของมาตรฐานวิชาชีพ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการคุรุสภา ในคราวการ ประชุม ครั้งที่ 5/2548 เมื่อวันท่ี 21 มีนาคม พ.ศ. 2548 และที่ประชุมคณะกรรมการคุรุสภา ครั้งที่ 6/2548 เมอื่ วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2548 ได้อนุมัติ ให้อออบังคับครุ ุสภา ว่าด้วย มาตรตฐานวิชาชีพ และจรรยาบรรณของวิชาชีพเป็นที่เรยี บร้อยแล้ว มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษาเป็นเคร่ืองมือสำคัญ ของผู้ประกอบวิชาชีพ ซ่ึงจะต้องประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลดีต่อผู้รับบริการ อันถือเป็นเป้าหมาย หลักของการประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา ซึ่งผู้ประกอบวิชาชพี จะต้องศึกษาเพื่อใหเ้ กิดความรู้ความ เข้าใจท่ีถูกต้อง ให้สามารถ นำไปใช้ในการประกอบวิชาชีพให้สมกับการเป็นวิชาชีพช้ันสูงและได้รับ การยอมรบั ยกย่องจากสงั คม จากราชกิจจานุเบกษา 20 มีนาคม 2562 ได้มีประกาศแก้ไขเพม่ิ เติมข้อบังคับคุรุสภา วา่ ด้วย มาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับท่ี 4) สรุปประเด็นข้อกำหนดเปล่ียนแปลงเก่ียวกับมาตรฐานวิชีพ ดังนี้ มาตรฐานวชิ าชพี ประกอบด้วย 3 มาตรฐาน ดังน้ี 1. มาตรฐานความร้แู ละประสบการณ์วิชาชีพ 1.1 ด้านความรู้ 1.2 ด้านประสบการณ์ 2. มาตรฐานการปฏิบัติงาน 2.1 ดา้ นการปฏบิ ตั หิ น้าทคี่ รู 2.2 ดา้ นการจดั การเรียน 2.3 ด้านความสมั พันธก์ บั ผูป้ กครองและชมุ ชน 3. มาตรฐานการปฏบิ ัติตน (ของเติม 5 จรรยาบรรณ) 3.1 จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง 3.2 จรยาบรรณตอ่ วชิ าชพี 3.3 จรรยาบรรณตอ่ ผรู้ บั บรกิ าร 3.4 จรรยาบรรณตอ่ ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ 3.5 จรรยาบรรณต่อสังคม เมอ่ื พิจารณโดยละเอยี ด สามารถอธิบายไดด้ ังน้ี
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 313 1. มาตรฐานความรูแ้ กะปะสบการณ์วิชาชีพ ก) มาตรฐานความรู้ (ของเดิมเป็น 11 มาตรฐานความรู้หรือวชิ า) 1. การเปล่ยี นแปลงบริบทของโลก สงั คม และแนวคดิ ของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2. จิตวิยาพัฒนการจิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาให้คำปรึกษาในการวิเคราะห์และ พัฒนาผู้เรียน 3. เนอ้ื หาวิชาท่สี อน หลักสตู ร ศาสตร์การสอนและเทคโนโลยีดิจิทัลในการจดั การเรียนรู้ 4. การวดั ประเมนิ ลการเรียนรแู้ ละการวจิ ยั เพือ่ แกไ้ ขปัญหาและพฒั นาผู้เรียน 5. การใช้ภาษไทย ภาษาอังกฤษเพ่อื การสอ่ื สารและกาใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั เพื่อการศกึ ษา 6. การออกแบบและการดำเนนิ การเกย่ี วกบั งานประกันคุณภาพการศึกษา ง) มาตรฐานประสบการณว์ ิชาชีพ ต้องผ่านการสอนในสถานศึกษาไม่น้อยกว่า 1 ปี และผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามหลัก วิธีการ ดงั น้ี 1. การฝกึ ปฏบิ ัตริ ะหวา่ งเรยี น 2.การปฏบิ ัตกิ ารสอนในสถานศึกษาในสาขาวขิ าเฉพาะ 2. มาตรฐานการปฏิบตั งิ าน ก) การปฏิบตั หิ นา้ ที่ครู 1. มุ่งมั่นพฒั นาผ้เู รียนด้วยจติ วญิ ญาณความเปน็ ครู 2. ประพฤตนิ เป็นแบบอย่างที่ดี มคี ุณธรรม จรยิ ธรรมและมคี วามเปีนพลเมืองทเ่ี ขม้ แข็ง 3.ส่งเสรมิ การเรียนรู้ เอาใจใสแ่ ละยอมรับความแตกต่างของผเู้ รียนแตล่ ะบุคคล 4. สรา้ งแรงบันดาลใจผเู้ รยี นให้เปน็ ผใู้ ฝ่เรยี นรู้และผสู้ ร้างนวตั กรรม 5 พฒั นาตนเองใหม้ ีความรอบรู้ ทันสมยั และทนั ต่อการเปลี่ยนแปลง ข) การจัดการเรยี นรู้ 1. พัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษาการจัดการเรยี นรู้ ส่ือ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 2. บูรณาการความรู้และศาสตร์การสอนในการวางแผนและจัดการเรียนรู้ที่สามารถ พัฒนาผเู้ รยี น ใหม้ ีปญั ญารคู้ ดิ และมีความเป็นนวัตกรรม 3. ดูแล ช่วยหลือและพัฒนาเรียนเป็นรายบุคคลตามศักยภาพสามารถรายงานผลการ พัฒนา คณุ ภาพผเู้ รยี นไดอ้ ย่างเปน็ ระบบ 4. จัดกิจกรรมและสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียนโดย ตระหนกั ถึง สขุ ภาระของผเู้ รยี น 5. วิจัย สร้างนวัตกรรมและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชนตอ่ การเรยี นรู้ ของผเู้ รยี น 6. ปฏบิ ตั งิ านรว่ มกับผอู้ นื่ อย่างสร้างสรรค์ และมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมการพฒั นาวิชาชีพ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 314 ค) ความสมั พันธก์ ับผูป้ กครองและชุมชน 1. รว่ มมือกบั ผ้ปู กครองในการพฒั นาและแก้ปัญหาผเู้ รยี นให้มคี ุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ 2. สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชนเพ่ือสนับสนุนภารเรียนรู้ที่มี คุณภาพของผู้เรียน 3. ศึกษา เข้าถึงบริบทของชุมชนและสามารถอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานความแตกต่างทาง วฒั นธรรม 4. สง่ เสรมิ อนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น 3. มาตรฐานการปฏบิ ตั ิตน 3.1 จรรยาบรรณต่อตนเอง 3.2 จรรยาบรรณต่อวชิ าชีพ 3.3 จรรยาบรรณต่อผู้รบั บรกิ าร 3.4 จรรยาบรรณต่อผ้รู ่วมประกอบวิชาชีพ 3.5 จรรยาบรรณต่อสังคม มาตรฐานวิชาชีพทาการศึกษาเป็นเคร่ืองมือสำคัญของผู้ประกอบวิชาชีพซึ่งจะต้อ ง ประพฤติปฏิบตั ิ เพือ่ ให้เกิดดีตอ่ ผู้รับบริการ อนั ถือเป็นเปา้ หมายหลักของการประกอบวิชาชพี ทางการ ศกึ ษา ซ่ึงผู้ประกอบวชิ าชีพจะต้องศึกษาเพื่อให้เกดิ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้สามารถนำไปใช้ใน การประกอบวิชาชีพใหส้ มกับการเป็นวิชาชพี ชนั้ สูงและไดร้ ับการยอมรบั ยกย่องจากสงั คม 6. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งขาติ พ.ศ. 2542 พระบาทสมเด็จพระมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วนั ท่ี 14 สิงหาคม พ.ศ. 2542 เป็นปีท่ี 54 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าโดยท่ีเป็นการสมควรมีกฎหมาย ว่าด้วย การศึกษาแห่งชาตพิ ระราชบัญญัติ นี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพขอบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับ มาตรา 50 ของรัฐรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย บัญญัตใิ ห้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติ แห่งกฎหมายจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชบัญญัติข้ึนไวโ้ ดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐภา ดังตอ่ ไปนี้ มาตรา 1 พระราชบญั ญตั ินีเ้ รยี กว่า \"พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542\" มาดรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปน็ ต้นไป มาตรา 3 บรรดากฎหมาย กฎข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งอ่ืนในส่วนท่ีได้บัญญัติ ไว้แล้วในพระราชบัญญัตนิ ้ี หรอื ซ่ึงขดั หรอื แย้งกับบทแหง่ พระราชบัญญัตนิ ใ้ี ห้ใชพ้ ระราชบัญญตั ินแี้ ทน มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตนิ ้ี “การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรมการสร้างสรรค์จรรโลง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 315 ความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อนั เกิดจาการจัดสภาพแวดล้อม สังคมการเรียนรแู้ ละ ปัจจยั เกือ้ หนนุ ให้บุคคลเรยี นรู้อย่างตอ่ เนือ่ งตลอดชีวติ “การศึกษาชั้นพืน้ ฐาน” หมายความว่า การศึกษากอ่ นระดบั อุตมศึกษา “การศึกษาตลอดชีวติ ” หมายความว่า การศึกษาท่ีเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษา ในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่าง ต่อเน่อื งตลอดชวี ิต “สถานศึกษา” หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชนท่ีมีอำนาจหน้าที่ หรอื มวี ตั ถุประสงค์ ในการจัดการศกึ ษา “สถานศึกษาชั้นพืน้ ฐาน” หมายความว่า สถานศกึ ษาที่จัดการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน “มาตรฐานการศึกษา” หมายความว่า ข้อกำหนดเก่ียวกับคุณลักษณะ คุณภาพท่ีพึงประสงค์ และ มาตรฐานทีต่ ้องการใหเ้ กิดข้ึนในสถานศึกษาทกุ แห่ง และเพือ่ ใชเ้ ป็นหลักในการเทียบเคยี งสำหรับ การส่งเสรมิ และกำกับดูแล การตรวจสอบ การประเมนิ ผล และการประกันคณุ ภาพทางการศกึ ษา “การประกันคุณภาพภายใน” หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบ คุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง หรอื โดยหน่วยงาน ตนั สงั กดั ทมี่ ีหน้าท่กี ำกบั ดูแลสถานศกึ ษานนั้ “การประกันคุณภาพภายนอก” หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรบั รองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ การศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรับรอง เพื่อเป็นการประกันคุณภาพ และให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา “ผสู้ อน” หมายความว่า ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดบั ต่าง ๆ “ครู” หมายความว่า บุคลกรวิชาชีพซ่ึงทำหน้าท่ีหลักทางด้านการเรยี นการสอนและการส่งเสริม การเรยี นรู้ของผู้เรียนด้วยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ในสถานศึกษาท้งั ของรัฐและเอกชน “คณาจารย์” หมายความ บุคคลซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษา ระดับอดุ มศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาของรฐั และเอกชน “ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา” หมายความว่า บุคคลวิชาชีพท่ีรับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่ง ทั้งของรฐั และเอกชน “ผ้บู ริหารการศึกษา” หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพท่ีรับผิดชอบการบริหารการศึกษานอก สถานศึกษา ตง้ั แตร่ ะดับเขตพน้ื ท่ีการศึกษาขน้ึ ไป “บคุ ลากรทางการศกึ ษา” หมายความว่า ผู้บรหิ ารสถานศึกษา ผบู้ รหิ ารการศึกษารวมท้ังผ้สู นับสนุน การศึกษาเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการหรือปฏิบัติงานเกี่ยวเน่ืองกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหาการศกึ ษาในหน่วยงานการศกึ ษาตา่ ง ๆ “กระทรวง” หมายความว่า กระทรวงศึกษาธกิ าร ศาสนาและวัฒนธรรม “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผรู้ ักษาการตามพระราชบัญญัตนิ ี้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 316 มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รักษาการตาม พระราชบัญญัตินี้และมีอำนาจออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศเพ่ือปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ระเบยี บ และประกาศนั้น เมอ่ื ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ ใช้บังคบั ได้ หมวด 1 บทท่วั ไป ความมุ่งหมายและหลกั การ มาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับ ผู้อ่นื ไดอ้ ย่างมีความสุข มาตรา 7 ในกระบวนการเรียนรู้ต้องปลูกฝังจิตสำนึกท่ีถูกต้องเก่ียวกับการเมืองการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษาและส่งเสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีความภาคภูมิใจใน ความเป็นไทยรู้จัก รักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาห้องถ่ิน ภูมิปัญญาไทย และความรู้อันเป็นสากล ตลอดจน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความสามารถในการประกอบอาชีพรู้จักพึ่งตนเอง มคี วามริเรม่ิ สร้างสรรค์ ใฝ่รแู้ ละเรยี นรู้ ด้วยตนเองอยา่ งต่อเนื่อง มาตรา 8 การจดั การศกึ ษาให้ยดึ หลัก ดังน้ี (1) เปน็ การศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน (2) ใหส้ ังคมมสี ว่ นรว่ มในการจัดการศกึ ษา (3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรยี นร้ใู หเ้ ป็นไปอย่างต่อเนือ่ ง มาตรา 9 การจดั ระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศกึ ษาให้ยึดหลัก ดงั นี้ (1) มเี อกภาพด้านนโยบาย และมคี วามหลากหลายในการปฏิบตั ิ (2) มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพ้นื ที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (3) มีการกำหนดมาตาฐานการศึกษาและจดั ระบบประกนั คณุ ภาพการศึกษาทุกระดับและประเภท (4) มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาและการ พัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศกึ ษาอยา่ งตอ่ เน่ือง (5) ระดมทรพั ยากรจากแหล่งตา่ ง ๆ มาใชใ่ นการจัดการศึกษา (6) การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องคก์ รเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการและสถาบนั สงั คมอื่น หมวด 2 สิทธแิ ละหน้าที่ทางการศึกษา มาตรา 10 กรจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษา ขัน้ พื้นฐาน ไมน่ อ้ ยกว่าสิบสองปีที่รฐั ต้องจดั ใหอ้ ย่างทว่ั ถึงและมคี ณุ ภาพโดยไมเ่ ก็บค่าใช้จา่ ย การจัดการศกึ ษาสำหรับบุคคลซงึ่ มคี วามบกพร่องทางรา่ งกาย จติ ใจ สติปญั ญาอารมณ์ สังคม การส่อื สารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทพุ พลภาพหรือบคุ คลซงึ่ ไม่สามารถพง่ึ ตนเองได้ หรอื ไม่มผี ูด้ ูแลหรือด้อยโอกาส ต้องจดั ให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิและโอกาสไดร้ บั การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน เป็นพิเศษ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 317 การศึกษาสำหรับคนพิการในวรรคสอง ให้จัดต้ังแต่แรกเกิดหรือพบความพิการโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย และให้บคุ คลดังกล่าวมีสทิ ธิได้รบั สิง่ อำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออ่ืน ใดทางการศึกษา ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการทกี่ ำหนดในกฎกระทรวง การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความสมารถพิเศษต้องจัดด้วยรูปแบบท่ีเหมาะสมโดย คำนงึ ถึง ความสามารถของบุคคล นั้น มาตรา 11 บิดา มารดาหรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับ การศึกษาภาคบังคับตมมาตรา 17 และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตลอดจนให้ได้รับการศึกษา นอกเหนือจากการศึกษา ภาคบังคับตามความพรอ้ มของครอบครวั มาตรา 12 นอกเหนือจากรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้บุคคล ครอบครัว องค์กร ชุมชนองค์เอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่นมี สทิ ธิในการจดั การศึกษาขน้ั พื้นฐาน ทง้ั นี้ ให้เปน็ ไปตามทีก่ ำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 13 บิดา มารดาหรือผูป้ กครองมสี ิทธิไดร้ บั สิทธปิ ระโยชน์ ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) การสนับสนุนจกร้ให้มีความรู้ความสมารถในการอบรมเล้ียงดู และการให้การศึกษาแก่ บตุ รหรอื บุคคลซงึ่ อยใู่ นความดแู ล 2 เงนิ อุดหนุนจกรัฐสำหรับการจดั การศึกษาข้ันพื้นฐานของบุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแล ท่คี รอบครวั จดั ให้ ทัง้ นี้ ตามทก่ี ฎหมายกำหนด 3) การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษสี ำหรับคำใช้จ่ายการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด มาตรา 14 บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบัน ศาสนา สถานประกบการ และสถาบันสังคมอ่ืน ซึ่งสนับสนุนหรือจัดการศึกษาข้ันพื้นฐานมีสิทธิได้รับ สิทธิประโยชน์ ตามควรแก่กรณี ดงั ต่อไปน้ี (1) การสนบั สนุนจากรฐั ใหม้ ีความรคู้ วามสามารถในการอบรมเลี้ยงดูแลรบั ผดิ ชอบ (2) เงินอดุ หนนุ จากรฐั สำหรับการจดั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานตามท่กี ฎหมายกำหนด (3) การลดหยอ่ นหรือยกเว้นภาษสี ำหรบั คา่ ใช้จ่ายการศกึ ษาตามท่ีกฎหมายกำหนด หมวด 3 ระบบการศึกษา มาตรา 15 การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัย (1) การศกึ ษาในระบบ เป็นการศึกษาทกี่ ำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตรระยะเวลา ของการศกึ ษา การวดั และประเมนิ ผลซง่ึ เป็นเงอื่ นไขของการสำเรจ็ การศึกษาทแ่ี น่นอน (2) การศึกษานอกระบบเป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมายรูปแบบ วิธีการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซ่ึงเป็นเง่ือนไขสำคัญของการสำเร็จ การศึกษา โดยเน้ือหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกันสภาพปัญหาและความ ตอ้ งการของบคุ คลแตล่ ะกลุม่ (3) การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาท่ีให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อมและโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อมส่ือหรือ แหลง่ ความรู้อนื่ ๆ สถานศกึ ษาอาจจดั การศกึ ษาในรูปแบบใดรูปแบบหน่ึงหรือทั้งสามรูปแบบก็ได้ให้มี
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 318 การเทยี บโอนผลการเรียนทผี่ ู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบเดียวกันหรือต่างรูปแบบได้ไม่ว่าจะ เป็น ผลการเรียนจากสถานศึกษาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม รวมท้ังจากการเรียนรู้นอกระบบตามอัธยาศัย การ ฝึกอาชพี หรือจากประสบการณ์การทำงาน มาตรา 16 การศึกษาในระบบมีสองระดับ คือ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และการศึกษา ระดับอุดมศึกษา การศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย การศึกษาซ่ึงจัดไม่น้อยกว่าสิบสองปีก่อน ระดับอุดมศึกษาการแบ่งระดับและประภทของการศึกษาข้ันพ้ืนฐานให้เป็นไปตามท่ีกำหนดใน กฎกระทรวง การศึกษาระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็นสองระดับ คือ ระดับต่ำกว่าปริญญาและระดับปริญญา การแบ่งระดับหรือการเทียบระดับการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัยให้เป็นไปตามที่ กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 17 ให้มีการศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปีโดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดเข้าเรียน ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีท่ีสิบหก เว้นแต่สอบได้ชั้นปีท่ีเก้าของการศึกษาภาคบังคับ หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการนับอายุให้เป็นไปตามทีก่ ำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 18 การจดั การศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขนั้ พ้นื ฐานให้จดั ในสถานศึกษาดงั ต่อไปน้ี (1) สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ได้แก่ ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กก่อน เกณฑ์ของ สถาบันศาสนา ศูนยบ์ รกิ ารช่วยเหลอื ระยะแรกเร่ิมของเดก็ พิการและเด็กซง่ึ มคี วามต้องการ พเิ ศษหรอื สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ท่ีเรยี กช่อื อย่างอืน่ (2) โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนของรัฐ โรงเรียนเอกชนและโรงเรียนท่ีสังกัดสถาบันพุทธศาสนา หรอื ศาสนาอ่ืน (3) ศูนย์การเรยี น ได้แก่ สถานทเ่ี รยี นที่หนว่ ยงานจัดการศึกษานอกโรงเรียนบคุ คล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพสถาบันศาสนา สถาน ประกอบการ โรงพยาบาล สถาบนั ทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสงั คมอน่ื เป็นผู้จัด มาตรา 19 การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้จัดในมหาวิทยาลัย สถาบันวิทยาลัย หรือ หน่วยงาน ท่ีเรียกชื่ออย่างอ่ืน ทั้งน้ี ให้เป็นไปตามกฎหมายเกี่ยวกับสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา กฎหมาย ว่าด้วย การจดั ตัง้ สถานศกึ ษาน้ัน ๆ และกฎหมายท่เี กย่ี วข้อง มาตรา 20 การจัดการอาชีวศึกษา การอบรมวิชาชีพ ให้จัดในสถานศึกษาของรัฐ สถานศึกษาของเอกชน สถานประกอบการหรือโดยความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับสถาน ประกอบการ ท้ังน้ี ใหเ้ ป็นไปตาม กฎหมายว่าด้วยการอาชวี ศึกษาและกฎหมายท่ีเกีย่ วขอ้ ง มาตรา21 กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ อาจจัดการศึกษา เฉพาะทาง ตามความต้องการและความชำนาญของหน่วยงานน้ันได้ โดยคำนึงถึงนโยบายและ มาตรฐานการศึกษาของชาติ ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขทก่ี ำหนดในกฎกระทรวง หมวด 4 แนวการจดั การศึกษา มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสมารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมคี วามสำคญั ที่สดุ กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนสามารถ พัฒนาตาม ธรรมชาติและเตม็ ตามศักยภาพ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 319 มาตรา 23 กาจัดการศึกษา ทั้งการศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศยั การศึกษาในเรอ่ื งต่อไปน้ี (1) ความรู้เกีย่ วกบั ตนเองและความสัมพนั ธ์ของตนเองกบั สังคม ได้แก่ ครอบครัว ชมุ ชน ชาติ และสังคมโลก รวมถึงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสังคมไทยและระบบการเมืองการ ปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ (2) ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมท้ังความรู้ความเข้าใจและ ประสบการณ์ เรื่องการจัดการ การบำรุงรกั ษาและการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างสมดุลยง่ั ยืน (3) ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทย และการประยุกต์ใช้ ภูมปิ ญั ญา (4) ความรู้ และทกั ษะด้านคณิตศาสตร์ และดา้ นภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกตอ้ ง (5) ความรู้ และทกั ษะในการประกอบอาชพี และการดำรงชีวติ อยา่ งมีความสขุ มาตรา 24 การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังตอ่ ไปนี้ (1) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนงึ ถงึ ความแตกต่างระหว่างบุคคล (2) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มา ใชเ้ พอื่ ปอ้ งกนั และแกป้ ัญหา (3) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็นทำเป็น รกั การอา่ น และเกิดการใฝ่รอู้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง (4) จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน รวมทง้ั ปลกู ฝังคณุ ธรรม ค่านิยมท่ีดีงามและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวชิ า (5) ส่งเสริมสนับสนนุ ใหผ้ ู้สอนสามารถจดั บรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม ส่ือการเรยี นและอำนวย ความสะดวกเพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรียนการสอนและ แหลง่ วทิ ยาการประเภทต่าง ๆ (6) จัดการเรียนให้เกิดข้ึนได้ทุกเวลาทุกสถานท่ีมีการประสานความร่วมมือกับบิดา มารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชมุ ชนทกุ ฝ่าย เพ่ือรว่ มกนั พฒั นาผเู้ รยี นตามศักยภาพ มาตรา 25 รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานและการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุก รูปแบบ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์การกีฬาและนันทนาการ แหล่งข้อมูล และแหล่งการเรียนรู้ อ่นื อยา่ งพอเพยี งและมีประสิทธิภาพ มาตรา 26 ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรมและการทดสอบควบคู่ไปใน กระบวนการเรียนการสอบ ตามความเหมาะสมของแต่ละระดับและรูปแบบการศึกษา ให้สถานศึกษา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 320 ใช้วิธีการที่หลากหลายในการจัดสรร โอกาสเข้าศึกษาต่อ และให้นำผลการประเมินผู้เรียนตามวรรค หน่ึงมาใชป้ ระกอบการพิจารณาด้วย มาตรา 27 ให้คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน เพื่อความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ การดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพื่อการศึกษา ต่อให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่ทำสาระของหลักสูตรตามวัตถุประสงค์ ในวรรคหนึ่งในส่วนที่เก่ียวกับสภาพ ปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน คุณลักษณะอัน พง่ึ ประสงคเ์ พ่อื เป็นสมาชกิ ท่ีดีของครอบครัว ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ มาตรา 28 หลักสูตรการศึกษาระดับต่าง ๆ รวมทั้งหลักสูตรการศึกษาสำหรับบุคคลตาม มาตรา 10 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ ตอ้ งมลี ักษณะหลากหลาย ท้ังน้ี ให้จดั ตามความเหมาะสม ของแต่ละระดับ โดยมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลให้เหมาะสมแก่วัย และศักยภาพ สาระของ หลักสูตร ท้ังท่ีเป็นวิชาการ และวิชาชีพ ต้องมุ่งพัฒนาคนให้มีความสมดุล ท้ังด้านความรู้ ความคิด ความสามารถ ความดีงาม และความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม สำหรับหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษา นอกจากคุณลักษณะในวรรคหน่ึงและวรรคสอง ยงั มีความมุง่ หมายเฉพาะทจ่ี ะพัฒนาวิชาการ วิชาชพี ช้นั สูงและการค้นควา้ วจิ ัยเพือ่ พฒั นาองคค์ วามรู้ และพัฒนาสังคม มาตรา 29 ให้สถานศึกษาร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ิน เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบัน สงั คมอื่น ส่งเสริมความ เขม้ แข็งของชุมชนโดยจัดกระบวนการเรียนรภู้ ายในชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีการ จัดการศึกษาอบรม มีการแสวงหาความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร และรู้จักเลือกสรรภูมิปัญญาและวิทยาการ ต่าง ๆ เพ่ือพัฒนาชุมชนให้ สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการ รวมทั้งหาวิธีการสนับสนุน ใหม้ ีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์พัฒนาระหวา่ งชุมชน มาตรา 30 ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนท่ีมีประสิทธิภาพ รวมท้ังการ สง่ เสรมิ ให้ ผสู้ อนสามารถวิจยั เพื่อพัฒนาการเรียนร้ทู ่ีเหมาะสมกบั ผเู้ รยี นในแตล่ ะระดับการศกึ ษา หมวด 5 การบรหิ ารและการจดั การศกึ ษา สว่ นท่ี 1 การบริหารและการจัดการศึกษาของรฐั มาตรา 31 ให้กระทรวงมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการศึกษาทุกระดับและทุกประเภท การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม กำหนดนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษาสนับสนุนทรัพยากร เพื่อการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม รวมท้ังการติดตามตรวจสอบและประเมินผลการจัด การศกึ ษาศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม มาตรา 32 ให้กระทรวงมีองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภาหรือในรูปคณะกรรมการ จำนวนสี่ องคกร ได้แก่ สภาการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมแห่งชาติ คณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา และคณะกรรมการการศาสนาและวัฒนธรรม เพ่ือพิจารณา ให้ความเห็นหรือให้คำแนะนำแก่ รัฐนตรีหรือคณะรัฐมนตรี และมีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมาย กำหนด
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 321 มาตรา 33 สภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ มีหน้าท่ีพิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษาของชาติ นโยบายและแผนด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมการ สนับสนุนทรัพยากร การประเมินผลการจัดการศึกษา การดำเนินการด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม รวมทงั้ การพิจารณา กล่นั กรองกฎหมายและกฎกระทรวงทีอ่ อกตามความในพระราชบัญญัตินี้ ให้คณะกรรมการสภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแหง่ ชาติ ประกอบด้วย รฐั มนตรเี ป็น ประธาน กรรมการโดยตำแหน่งหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชนผู้แทนองค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ิน ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าจำนวนกรรมการ ประเภทอ่นื รวมกนั ให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นนิติบุคคล และ ใหเ้ ลขาธิการ สภาเป็นกรรมการและเลขานุการ จำนวนกรรมการ คณุ สมบัติ หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารสรรหา การเลือกกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามท่ีกฎหมายท่ี กำหนด มาตรา 34 คณะกรรมการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนา มาตรฐาน และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ที่สอดคล้องกับแผนการศึกษาศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมแห่งชาติ การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัด การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน คณะกรรมการการอดุ มศึกษา มีหน้าท่ีพิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา และมาตรฐานการ อุดมศึกษา ท่ีสอดคล้องกับแผนการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติการสนับสนุน ทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาโดยคำนึงถึงความ เป็นอิสระและความเป็นเลิศ ทางวิชาการของสถานศึกษาระดับปริญญา ตามกฎหมาย ว่าด้วย การ จดั ตั้งสถานศกึ ษาแตล่ ะแห่ง และกฎหมายทเี่ ก่ียวขอ้ ง คณะกรรมการการศาสนาและวัฒนธรรม มีหน้าท่ีพิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนาด้าน ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับแผนการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ การสนับสนุน ทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม มาตรา 35 องค์ประกอบของคณะกรรมการตมมาตรา 34 ประกอบด้วย กรรมการโดยตำแหน่ง จากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรท้องถ่ินผู้แทนองค์กรวิชาชีพและ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิซง่ึ มีจำนวนไม่น้อยกว่าจำนวนกรรมการประเภทอื่นรวมกนั จำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและ กรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรมการแต่ละคณะให้เป็นไป ตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งน้ี ให้คำนึงถึงความแตกตางของกิจการในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ แต่ละคณะดว้ ย ให้สำนักงานคณะกรรมการตามมาตรา 34 เป็นนิติบุคคล และให้เลขาธิการของแต่ละ สำนกั งาน เป็นกรรมการและเลขานกุ ารของคณะกรรมการ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 322 มาตรา 36 ให้สถานศึกษาของรัฐท่ีจัดการศึกษาระดับปริญญาเป็นนิติบุคคล และอาจจัดเป็น ส่วนราชการหรือเป็นหน่วยงานในกำกับของรฐั ยกเว้นสถานศึกษาเฉพาะทางตามมาตรา 21 ให้สถานศึกษาดังกล่าวดำเนินกิจการได้โดยอิสระ สามารถพัฒนาระบบบริหารและการจัดการ ท่ีเป็นของตนเอง มีความคล่องตัว มีเสรีภาพทางวิชาการ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสภา สถานศกึ ษา ตามกฎหมาย ว่าด้วย การจัดตั้งสถานศึกษานั้น ๆ มาตรา 37 การบริหารและการจัดการศึกษข้ันพื้นฐานและอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญา ให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดยคำนึงถึงปริมาณสถานศึกษา จำนวนประชากรเป็นหลัก และความ เหมาะสมด้านอ่ืนด้วย ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะของสถานศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติมี อำนาจประกาศในราชกิจจานเุ บกษา กำหนดเขตพืน้ ที่การศึกษา มาตรา 38 ให้แต่ละเขตพ้ืนที่การศึกษา ให้มีคณะกรรมการและสำนักงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเขตพื้นที่การศึกษา มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลสถานศึกษาข้ันพื้นฐานและ สถานศึกษาระดับ ระดับต่ำกว่าปริญญา รวมท้ังพิจารณาการจัดต้ัง ยุบ รวมหรือเลิกสถานศึกษา ประสาน ส่งเสริมสนับสนุนสถานศึกษาเอกชนในเขตพื้นท่ีการศึกษาประสานและส่งเสริมองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินให้สามารถจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายและมาตรฐานการศึกษา ส่งเสริม และสนับสนุนการจัดการศึกษาของครอบครัว องค์กรชุมชนองค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบัน ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอ่ืนท่ีจัดการศึกษาในรูปแบบท่ีหลากหลายรวมท้ังการ กำกบั ดแู ลหนว่ ยงานดา้ นศาสนา ศลิ ปวฒั นธรรมในเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษา คณะกรรมการการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเขตพื้นท่ีการศึกษา ประกอบด้วย ผู้แทน องคก์ ร ชุมชนผแู้ ทนองคก์ รเอกชน ผแู้ ทนองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพ ครู ผู้แทนสมาคมประกอบวิชาชีพบริหาการศึกษา ผู้แทนสมาคมผู้ปกครองและครู ผู้นำทางศาสนา และผู้ทรงคณุ วฒุ ิดา้ นการศกึ ษาศาสนา ศิลปะ และวฒั นธรรม จำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและ กรรมการ วาระการดำรงตำแหนง่ และการพ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเขตพื้นท่ีการศึกษาเป็นกรรมการ และ เลขานกุ ารของคณะกรรมการการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา มาตรา 39 ให้กระทรวงกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษา ทั้งด้านวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบรหิ ารทวั่ ไปไปยังคณะกรรมการ และสำนักงานการศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรมเขตพ้ืนที่การศึกษา และสถานศึกษาในเขตพ้ืนท่ีการศึกษาโดยตรง หลักเกณฑ์ และวิธีการกระจายอำนาจดังกล่าวให้เป็นไปตามทกี่ ำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 40 ให้มคี ณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน และสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับ ต่ำกว่า ปริญญาของแต่ละสถานศกึ ษาเพ่อื ทำหน้าท่ีกำกับและสง่ เสริมสนับสนุนกิจการของสถานศึกษา ประกอบด้วย ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนครู ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผแู้ ทนศิษยเ์ ก่าของสถานศกึ ษาและผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนกรรมการ คุณสบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและ กรรมการ วาระการดำรงตำแหนง่ และการพ้นจากตำแหน่งใหเ้ ปน็ ไปตามท่กี ำหนดในกฎกระทรวง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 323 ให้ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการสถานศึกษา ความใน มาตรานไ้ี มใ่ ช้บงั คับแกส่ ถานศกึ ษาตามมาตรา 18 (1) และ (3) ส่วนที่ 2 การบรหิ ารและการจัดการศกึ ษาขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ มาตรา 41 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใดระดับหนึ่งหรือทุก ระดับตามความพร้อมความเหมาะสมและความต้องการภายในท้องถน่ิ มาตรา 42 ให้กระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัด การศึกษาขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินและมีหน้าที่ในการประสานและส่งเสรมิ องคก์ รปกครองสว่ น ท้องถ่ินให้สามารถ จัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายและได้มาตาฐานการศึกษารวมทั้งการ เสนอแนะการจัดสรรงบประมาณ อุดหนนุ การจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ สว่ นท่ี 3 การบรหิ ารและการจัดการศึกษาของเอกชน มาตรา 43 การบริหารและการจัดการศึกษาของเอกชนให้มีความเป็นอิสระโดยมีการกำกับ ติดตาม การประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของรัฐ และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การ ประเมินคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษาเชน่ เดียวกบั สถานศกึ ษาของรฐั มาตรา 44 ให้สถานศึกษาเอกชนตามมาตรา 18(2) เป็นนิติบุคคลและมีคณะกรรมการ บริหาร ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ผู้รับใบอนุญาต ผู้แทนผู้ปกครองผู้แทนองค์กร ชุมชน ผู้แทนครู ผู้แทนศิษย์เก่า และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ สรรหา การเลือกประธานกรรมการ และกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่ง ใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีกำหนดในกฎกระทรวง มาตรา45 ให้สถานศึกษาเอกชนจัดการศึกษาได้ทุกระดับและทุกประเภท การศึกษาตามที่ กำหนด โดยรัฐต้องกำหนดนโยบายและมาตรการท่ีชัดเจนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของเอกชนในด้าน การศึกษา การกำหนดนโยบายและแผนการจัดการศึกษาของรัฐของเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นให้คำนึงถึงผลกระทบต่อการจัดการศึกษาของเอกชน โดยให้รัฐมนตรีหรือ คณะกรรมการการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเขตพื้นที่การศึกษาหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รับฟังความคิดเหน็ ของแอกชนและ ประชาชนประกอบการพจิ ารณาดว้ ย ให้ถานศึกษาของเอกชนท่ีจัดการศึกษาระดับปริญญาดำเนินกิจการได้ โดยอิสระสามารถ พัฒนาระบบบริหารและการจัดการที่เป็นของตนเอง มีความคล่องตัว มีเสรีภาพทางวิชาการและอยู่ ภายใต้การกำกบั ดแู ลของสภาสถานศกึ ษตามกฎหมาย ว่าดว้ ย สถาบันอดุ มศึกษาเอกขน มาตรา 46 รัฐต้องให้การสนับสนุนด้านเงินอุดหนุน การลดหย่อนหรือการยกเว้นภาษีและ สิทธิประโยชน์ อย่างอ่ืนท่ีเป็นประโยชน์ในทางการศึกษาแก่สถานศึกษาเอกชนตามความเหมาะสม รวมทัง้ สง่ เสรมิ ดา้ นวชิ าการให้สถานศกึ ษาเอกชนมมี าตาฐานและสามารถพ่งึ ตนเองได้ หมวด 6 มาตรฐานและการประกนั คุณภาพการศึกษา มาตรา 47 ให้มีระบบการประกันคุภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา ทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายในและระบบการประกันคุณภาพภายนอก ระบบหลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาให้เป็นไปตามทก่ี ำหนดในกฎกระทรวง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 324 มาตรา 48 ให้หน่วยงานตันสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน สถานศึกษา และให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึง่ ของกระบวนการบรหิ ารการศกึ ษาท่ี ตอ้ งดำเนินการอยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยมีการจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อหน่วยงานตอ่ สงั กัด หนว่ ยงานที่ เก่ียวข้องและเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตาฐานการศึกษาและเพ่ือ รองรบั การประกนั คณุ ภาพภายนอก มาตรา 49 ให้มีสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษามีฐานะเป็นองศ์ การมหาชน ทำหน้าท่ีพัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทำการประเมินผลการจัด การศึกษาเพ่ือใหม้ ีการตรวจสอบคณุ ภาพของสถานศึกษา โดยคำนึงถงึ ความมุ่งหมายและหลกั การและ แนวการจัดการศึกษาในแต่ละระดับตามท่ีกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติน้ี ให้มีการประเมินคุณภาพ ภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหน่ึงคร้ังในทุกห้าปีนับต้ังแต่การประเมินคร้ังสุดท้าย และ เสนอผลการประเมนิ ตอ่ หน่วยงานทีเ่ ก่ยี วขอ้ งและ สาธารณชน มาตรา 50 ให้สถานศึกษาให้ความร่วมมือในการจัดเตรียมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่มีข้อมูล เกยี่ วขอ้ งกับสถานศกึ ษา ตลอดจนให้บุคลกรคณะกรมการของสถานศึกษา รวมท้ังผู้ปกครองและผู้ท่ีมี ส่วนเกี่ยวข้อง กับสถานศึกษาให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในส่วนท่ีพิจารณาเห็นว่าเก่ียวข้องกับการปฏิบัตภิ ารกิจ ของสถานศึกษาตามคำร้องขอของสำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษาหรือ บุคคลหรือหน่วยงานภายนอกท่ี สำนักงานดังกล่าวรับรองท่ีทำการประเมินคุณภาพภายนอกของ สถานศึกษานน้ั มาตรา 51 ในกรณีที่ผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาใดไม่ได้ตามมาตรฐาน ทีก่ ำหนดให้ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประมิคุณภาพการศึกษา จดั ทำข้อเสนอแนะการปรับปรุง แก้ไขต่อหน่วยงาน ต้นสังกัดเพ่ือให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาท่ีกำหนด หากมิได้ ดำเนินการดังกล่าวให้สำนักงาน รับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษารายงานต่อ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานหรือ คณะกรรมการการอุดมศึกษาเพื่อดำเนินการให้มีการ ปรับปรุงแกไ้ ข หมวด 7 ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา มาตรา 52 ให้กระทรวงส่งเสริมให้มีระบบ กระบวนการผลิต การพัฒนาครูคณาจารย์ และ บุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานท่ีเหมาะสมกับการเป็นวิชาชีพชั้นสูง โดยกรกำกับ และประสานให้ สถาบันท่ีทำหน้าท่ีผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์ รวมทั้งบุคลากรทางการศึกษาให้มี ความพร้อมและมีความเข้มแข็งในการเตรียมบุคลากรใหม่ละการพัฒนาบุคลกรประจำการอย่าง ต่อเนอ่ื ง รัฐพึงจัดสรรงบประมาณและจัดตั้งกองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา อย่างเพียงพอ มาตรา 53 ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษามีฐานะเป็น องค์กรอิสระ ภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพ ในกำกับของกระทรวง มีอำนาจหน้าท่ีกำหนด มาตรฐานวิชาชีพออกและ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐาน และจรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมทั้ง การพัฒนาวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหาร
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 325 การศึกษาให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากทาการศึกษาอ่ืนทั้งของรัฐและ เอกชนต้องมีใบอนญุ าตประกอบวิชาชีพตามทกี่ ฎหมายกำหนด การจัดให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาและบุคลากรทางการ ศึกษาอื่น คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการในกรออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้เป็นไป ตามทกี่ ฎหมายกำหนด ค ว าม ใน ว ร รค ส อ งไม่ ใช้ บั งคั บ แ ก่ บุ ค ล าก รท างก ารศึ ก ษ าที่ จั ด ก ารศึ ก ษ าต าม อั ธ ย าศั ย สถานศึกษาตาม มาตรา 18 (3) ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพ้ืนที่การศึกษาและวิทยากรพิเศษ ทางการศึกษา ความในมาตราน้ีไม่ใช้บังคับแก่คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษาใน ระดับอดุ มศึกษา ระดับปรญิ ญา มาตรา 54 ให้มีองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู โดยให้ครูและบุคลากร ทางการศึกษา ทั้งของหน่วยงานทางการศึกษาในระดับสถานศึกษาของรัฐและระดับเขตพื้นท่ี การศึกษาเป็นข้าราชการ ในสังกัดองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูโดยยึดหลักการ กระจายอำนาจการบริหารงานบุคคล สู่เขตพื้นท่ีการศึกษาและสถานศึกษา ทั้งน้ี ให้เป็นไปตามท่ี กฎหมายกำหนด มาตรา 55 ให้มีกฎหมาย ว่าดว้ ย เงนิ เดือน คา่ ตอบแทน สวสั ดิการและสิทธปิ ระโยชน์เกอื้ กลู อ่ืน สำหรับข้าราชการครูและบุคลกรทาการศึกษาเพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอและเหมาะสมกับฐานะทาง สังคม และวิชาชพี ให้มีกองทุนส่งเสริมครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เพ่ือจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนงาน ริเร่ิมสร้างสรรค์ ผลงานดีเด่น และเป็นรางวัลเชิดชูเกียรติครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ท้ังน้ี ให้เปน็ ไปตามทก่ี ำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 56 การผลิตและพัฒนาคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา การพัฒนามาตรฐาน และจรรยาบรรณของวิชาชีพ และการบริหารงานบุคคลของข้าราชการหรือพนักงานของรัฐในสถานศึกษา ระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลให้เป็นไปตามกฎหมาย ว่าด้วย การจัดต้ังถานศึกษาแต่ละแห่งและ กฎหมายทีเ่ ก่ียวขอ้ ง มาตรา 57 ใหห้ น่วยงานทางการศึกษาระดมทรพั ยากรบุคคลในชุมชนให้มสี ่วนร่วมในการจัด การศกึ ษาโดยนำประสบการณ์ ความรอบรู้ ความชำนาญ และภูมิปัญญาท้องถิ่นของบุคคลดังกล่าวมา ใช้เพ่ือให้เกดิ ประโยชน์ทางการศกึ ษาและยกย่องเชดิ ชผู ทู้ ีส่ ่งเสรมิ และสนบั สนนุ การจดั การศึกษา หมวด 8 ทรัพยากรและการลงทนุ เพ่อื การศกึ ษา มาตรา58 ให้มีการระดมทัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สินท้ัง จากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชนเอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชพี สถาบันศาสนา สถานประกอบการ สาบันสังคมอื่น และต่างประเทศมาใช้จดั การศึกษา ดงั น้ี (1) ให้รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินระดมทรัพยากรเพ่ือการศึกษาโดยอาจจัดเก็บภาษี เพื่อการศกึ ษาไดต้ ามความเหมาะสม ท้ังนี้ ให้เป็นไปตามท่กี ฎหมายกำหนด
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 326 (2) ให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเอกชน องค์กร วิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น ระดมทรัพยากรเพ่ือการศึกษา โดยผู้เป็นผู้จัดและมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษา บริจาคทรัพยส์ ินและทรพั ยากรอน่ื ให้แก่สถานศึกษา และมีส่วนรว่ ม รับภาระคา่ ใช้จา่ ยทางการศึกษาตามความเหมาะสมและความจำเป็น ทั้งน้ี ให้รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ส่งเสริมและให้แรงจูงใจในการระดมทรัพยากร ดงั กล่าว โดยการสนับสนุน การอุดหนุนและใช้มาตรการลดหยอ่ นหรือยกเว้นภาษีตามความเหมาะสม และความจำเป็น ท้ังน้ี ใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีกฎหมายกำหนด มาตรา 59 สถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล มีอำนาจในการปกครอง ดูแลบำรุงรักษาใช้และ จัดหาผลประโยชนจ์ ากทรัพย์สินของสถานศกึ ษา ท้งั ทีเ่ ป็นทีร่ าชพัสดุ ตามกฎหมาย ว่าด้วย ท่รี าชพัสดุ และที่เป็นทรัพย์สินอ่ืน รวมทั้งจัดหารายได้จากบริการของสถานศึกษาและเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา ที่ไม่ขัดหรือแย้งกับนโยบายวัตถุประสงค์และภารกิจหลักของสถานศึกษา บรรดาอสังหาริมทรัพย์ ท่ีสถานศึกษาของรัฐ ท่ีเป็นนิติบุคคล ได้มาโดยมีผู้อุทิศให้หรือโดยการช้ือหรือแลกเปลี่ยนจากรายได้ ของสถานศึกษาไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุและให้เป็นกรมสิทธ์ิของสถานศึกษา บรรดารายได้และผลประโยชน์ ของสถานศึกษาของรัฐที่เป็น นิติบุคคล รวมทั้งผลประโยชน์ที่เกิดจากท่ีราชพัสดุ เบี้ยปรับที่เกิดจาก การผิดสัญญาลาศึกษา และเบี้ยปรับ ที่เกิดจากการผิดสัญญาการซ้ือทรัพย์สินหรือจ้างทำของที่ ดำเนนิ การโดยใช้เงนิ งบประมาณไม่เปน็ รายได้ท่ีตอ้ ง นำสง่ ท่ตี ้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมาย ว่าด้วย เงินคงคลังและกฎหมาย ว่าด้วย วิธีการงบประมาณ บรรดา รายได้และผลประโยชน์ของ สถานศกึ ษาของรฐั ที่ไมเ่ ป็นนิติบุคคล รวมทั้งผลประโยชน์ท่ีเกดิ จากทร่ี าชพัสดุ เบี้ยปรับ ที่เกิดจากการ ผิดสญั ญาลาศึกษา และเบี้ยปรบั ทเี่ กิดจากการผิดสัญญาการซือ้ ทรัพย์สนิ หรือจ้างทำ ของท่ีดำเนินการ โด ย ใช้ เงิน งบ ป ร ะ ม า ณ ให้ ส ถ า น ศึ ก ษ า ส า ม า ร ถ จั ด ส ร ร เป็ น ค่ า ใช้ จ่ า ย ใน ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง สถานศกึ ษานนั้ ๆ ไดต้ ามระเบียบทีก่ ระทรวงการคลงั กำหนด มาตรา 60 ให้รฐั จัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้กับการศึกษาในฐานะที่มีความสำคัญสูงสุดต่อ การพัฒนาทยี่ ่ังยืนของประเทศโดยจัดสรรเปน็ เงินงบประมาณเพอ่ื การศึกษา ดงั นี้ (1) จัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นค่าใช้จ่ายรายบุคคลที่เหมาะสมแก่ผู้เรียนการศึกษาภาค บงั คบั และ การศึกษาขนั้ พน้ื ฐานทีจ่ ดั โดยรัฐและเอกชนใหเ้ ทา่ เทียมกัน (2) จัดสรรทุนการศึกษาในรูปของกองทุนกู้ยืมให้แก่ผู้เรียนที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย ตามความ เหมาะสมและความจำเป็น (3) จัดสรรงบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษาอื่นเป็นพิเศษให้เหมาะสม และสอดคล้อง กับความจำเปน็ ในการจัดการศกึ ษาสำหรบั ผูเ้ รยี นท่ีมีความต้องการเปน็ พิเศษแต่ละกลุ่มตามมาตรา 10 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ โดยคำนึงถึงความเสมอภาคในโอกาสทางการศึกษาและความเป็น ธรรม ท้งั นี้ ใหเ้ ป็นไป ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารท่ีกำหนดในกฎกระทรวง (4) จัดสรรงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการและงบลงทุนให้สถานศึกษาของรัฐตาม นโยบายแผน พัฒนาการศึกษาแห่งชาติและภารกิจของสถานศึกษา โดยให้มีอิสระในการบริหาร งบประมาณ ทรัพยากรทางการศึกษา ทั้งน้ี ให้คำนึงถึงคุณภาพและความเสมอภาคในไอกาลทาง การศกึ ษา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 327 (5) จัดสรรงบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุนทำให้สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาของรฐั ที่เป็น นติ ิ บคุ คลและเปน็ สถานศกึ ษาในกำกับของรฐั หรือองคก์ ารมหาชน (6) จัดสรรกองทนุ ยืมดอกเบ้ยี ต่ำใหส้ ถานศึกษาเอกชนเพื่อให้พง่ึ ตนองได้ (7) จัดตั้งกองทนุ เพือ่ พัฒนาการศึกษาของรฐั และเอกชน มาตรา 61 ให้รัฐจัดสรรเงินอุดหนุการศึกษาท่ีจัดโดยบุคคล ครอบครัวองค์กรชุมชน องค์กร เอกชน องค์กรวชิ าชีพ สถาบัน สถานประกอบการและสถาบันสงั คมอื่นตามความเหมาะสมและความ จำเป็น มาตรา 62 ให้มีระบบการตรวจสอบ ติดตามและประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการ ใช้จา่ ย งบประมาณการจดั การศกึ ษาให้สอดคล้องกบั หลกั การศกึ ษาแนวการจัดการศึกษาและคณุ ภาพ มาตรฐาน การศึกษาโดยหน่วยงานภายในและหน่วยงานของรัฐมีหน้าท่ีตรวจสอบภายนอก หลักเกณฑ์ และวิธีการ ในการตรวจสอบ ติดตามและการประเมินให้เป็นไปตามท่ีกำหนดใน กฎกระทรวง หมวด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศกึ ษา มาตรา 63 รัฐต้องจัดสรรคลื่นความถ่ี สื่อตัวนำ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นท่ีจำเป็นต่อการส่ง วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการสื่อสารในรูปอื่น เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับ การศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบการศึกษาตามอัธยาศัย กรทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและ วัฒนธรรมตามความจำเป็น มาตรา 64 รฐั ต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตและพัฒนาแบบเรยี น ตำราหนังสือทาง วิชาการส่ือสิ่งพิมพ์อื่น วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอื่น โดยเร่งรัดพัฒนาขีดความสามารถ ในการผลิต จัดให้มีเงินสนับสนุนการผลิตและการให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อการศึกษา ท้ังน้ี โดยเปิดใหม้ กี ารแข่งขนั โดยเสรอี ยา่ งเป็นธรรม มาตรา 65 ให้มีการพัฒนาบุคลากรทั้งด้านผู้ผลิตและผู้ใช้เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาเพ่ือให้มี ความรู้ ความสมารถและทักษะในการผลติ รวมทงั้ การใช้เทคโนโลยเี หมาะสนมีคุณภาพและประสิทธิภาพ มาตรา 66 ผู้เรียนมีสิทธิรับการพัฒนาขีดความสมารถในการใช้เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา ในโอกาส แรกที่ทำได้ เพื่อให้มีความรู้และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในการ แสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองไดอ้ ย่างเน่อื งตลอดชวี ิต มาตรา 67 รัฐต้องส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีเพ่ือ การศึกษา รวมท้ังการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาเพ่ือให้เกิด การใชท้ คี่ มุ้ ค่า และเหมาะสมกับกระบวนการเรยี นรู้ของคนไทย มาตรา 68 ให้มีการระดมทุนเพื่อจัดต้ังกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาจากเงิน อุดหนุนของรัฐ ค่าสัมปทานและผลกำไรที่ได้จากการดำเนินกิจการด้านสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยี สารสนเทศและโทรคมนาคม จากทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรประชาชน รวมท้ังการให้มีการลดอัตราค่าบริการ เป็นพิเศษในการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อการพัฒนาคนและ สังคม
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 328 หลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการผลิตการวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยี เพ่ือการศกึ ษาใหเ้ ป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 69 รัฐต้องจัดให้มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนส่งเสริมและ การวจิ ัย การพฒั นาและการใช้รวมทงั้ การประเมินคุณภาพ และประสิทธิภาพของการผลิต เทคโนโลยี เพ่ือการศึกษา มาตรา70 บรรดาบทกฎหมาย กฎข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ และคำส่ังเก่ียวกับการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมท่ีใชบ้ ังคบั ในวันท่ีพระราชบญั ญตั นิ ้ีใช้บังคบั ยงั คงใช้บงั คับได้ตอ่ ไปจนกว่า จะได้มีการ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขตามบทบัญญัติแห่งพระราบัญญตั ินี้ซ่ึงต้องไม่เกินห้าปีนับแตว่ ันท่ี พระราชบัญญตั ินี้ใชบ้ ังคบั มาตรา 71 ให้กระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานการศึกษา และสถานศึกษาที่มีอยู่ในวันที่ พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับยังคงมีฐานะและอำนาจหน้าที่เช่นเดิม จนกว่าจะได้มีการจัดระบบการ บริหารและการจัดการศึกษา ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติน้ี ซึ่งต้องไม่เกินสามปีนับแต่วันที่ พระราชบญั ญตั นิ ีใ้ ชบ้ ังคบั มาตรา 72 ในวาระเร่ิมแรก มิให้นำบทบัญญัติ มาตรา 10 วรรคหน่ึง และมาตรา 17 มาใช้ บังคับ จนกว่าจะมีการดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติดังกล่าว ซ่ึงต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยใช้บังคับภายในหน่ึงนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ดำเนินการออกกฎกระทรวง ตามมาตรา 16 วรรคสองและวรรคสี่ให้แล้วเสร็จภายในหกปีนับแต่ วันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้กระทรวงจัดให้มีการประเมินผลภายนอกคร้ังแรกของสถานศึกษา ทกุ แหง่ มาตรา 73 ในวาระเริ่มแรก มิให้นำบทบัญญัติในหมวด 5 การบริหารและการจัดการศึกษา และ หมวด 7 ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา มาใช้บังคับจนกว่าจะได้มีการดำเนินการให้ เป็นไปตามบทบัญญัติให้หมวดดังกล่าว รวมทั้งการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติครู พุทธศักราช 2488 และพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. 2523 ซึ่งต้องไม่เกินสามปีนับแต่วันที่ พระราชบญั ญัตินี้ใช้บังคบั มาตรา 74 ในวาระเร่ิมแรกท่ีการจัดต้ังกระทรวงยังไม่แล้วเสร็จให้นายกรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มี อำนาจ ออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศเพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ี ท้ังนี้ ในส่วนที่ เก่ียวกับอำนาจ หน้าที่ของตนเพ่ือให้การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ีในส่วนที่ต้องดำเนินการก่อนที่ การจัดระบบบริหาร การศึกษาตามหมวด 5 ขอพระราชบัญญัตินี้จะแล้วเสร็จให้กระทรวงศึกษาธิการ ทบวงมหาวิทยาลัยและ คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติทำหน้าท่ีกระทรวงการศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรมตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ โดยใหท้ ำหน้าทใี่ นส่วนทเ่ี กี่ยวข้องแลว้ แตก่ รณี มาตรา 75 ให้จัดตั้งสำนักงานปฏิรูปการศึกษาซ่ึงเป็นองค์การมหาชนเฉพาะกิจที่จัดตั้งข้ึน โดยพระราชกฤษฎกี าที่ออกตามความในกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชนเพ่ือทำหน้าที่ ดังต่อไปน้ี (1) เสนอการจัดโครงสร้างองค์กรการแบ่งส่วนงานตามที่บัญญัติไว้ใหมวด 5 ของ พระราชบญั ญตั นิ ้ี
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 329 (2) เสนอการจัดระบบครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาตามท่ีบัญญัติไว้ในหมวด 7 ของพระราชบญั ญัตนิ ้ี (3) เสนอการจัดระบบทรพั ยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษาตามทบ่ี ัญญัติไว้ในหมวด 8 ของ พระราชบัญญัตินี้ (4) เสนอแนะเก่ียวกับการ่างกฎหมายเพื่อรองรับการดำเนินการตาม (1) (2) และ (3) ต่อ คณะรัฐมนตรี (5) เสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎข้อบังคับ ระเบียบ และคำสั่งท่ีบังคับ ส่วนที่เก่ียวข้องกับการดำเนินการตาม (1) (2 และ (3) เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัตินี้ต่อ คณะรัฐมนตรี (6) อำนาจหน้าที่อ่ืนตามท่ีกำหนดในกฎหมาย ว่าด้วย องค์การมหาชน ทั้งน้ีให้คำนึงถึงความ คิดเหน็ ของประชาชนประกอบด้วย มาตรา 76 ให้คณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษาจำนวนเก้าคน ประกอบด้วย ประธานกรรมการ และกรรมการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งต้ังจากผู้มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์และ มีความเชียวชาญด้านการบริหารการศึกษา การบริหารรัฐกิจ การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและ การคลัง กฎหมายมหาชน และกฎหมายการศึกษา ทั้งน้ี จะต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมิใช่ ข้าราชการหรือ ผปู้ ฏบิ ตั ิงานใหห้ น่วยงานของรัฐรวมอยู่ด้วยไม่น้อยกว่าสามคน ให้คณะกรรมการบริหารมีอำนาจแต่งตั้งผู้กรคุณวุฒิเป็นท่ีปรึกษาและแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพ่ือปฏิบัติการตามท่ีคณะกรรมการบริหารมอบหมายได้ ให้เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปการศึกษาเป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการบริหาร และบรหิ ารกิจการของสำนกั งานปฏริ ูปการศึกษาภายใต้การกำกบั ดูแลของคณะกรรมการบรหิ าร คณะกรรมการบริหารและเลขาธิการมีวาระการดำรงตำแหน่งวาระเดียวเป็นเวลาสามปี เมื่อ ครบวาระ แล้วให้ยุบเลิกตำแหนง่ และสำนกั งานปฏริ ปู การศกึ ษา มาตรา 77 ให้มีคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษาคณะหนึ่ง จำนวนสิบห้าคน ทำหน้าท่ีคดั เลือกบุคคลท่ีสมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการบริหารจำนวน สองเท่า ของจำนวนประธานและกรรมการบริหารเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้ง ประกอบด้วย (1) ผู้แทนหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องจำนวนห้าคน ได้แก่ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัด ทบวงมหาวิทยาลัย เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนกั งบประมาณ (2) อธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนที่เป็นนิติบุคคลซ่ึงคัดเลือกกันเอง จำนวนสองคน และคณบดีคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์หรือการศึกษาท้ังของรัฐและเอกชนท่ีมีการ สอนระดับปริญญาใน สาขาวิชาครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ หรือการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของรัฐไม่ น้อยกว่าหน่ึงคน
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 330 (3) ผูแ้ ทนสมาคมวชิ าการหรอื วิชาชพี ด้านการศึกษาทเี่ ป็นนิติบุคคล ซง่ึ คัดเลอื กกันเองจำนวน ห้าคน ให้คณะกรรมการสรรหาเลือกกรรมการสรรหาคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ และเลือก กรรมการสรหาอกี คนหน่งึ เป็นเลขานกุ ารคณะกรรมการสรรหา มาตรา 78 ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานปฏิรูป การศึกษา และมีอำนาจกำกับดูแลกิจการของสำนักงานตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยองค์การ มหาชน นอกจากที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ พระราชกฤษฎีกาจัดต้ังสำนักงานปฏิรูป การศึกษาอยา่ งนอ้ ยต้องมสี าระสำคญั ดังตอ่ ไปน้ี (1) องค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ และวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการบริหารตาม มาตรา 75 และมาตรา 76 (2) องค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา และ แต่งตง้ั คณะกรรมการบรหิ ารตามมาตรา 77 (3) คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามรวมท้ังการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการบริหาร เลขาธกิ าร และเจา้ หน้าที่ (4) ทุน รายได้ งบประมาณ และทรัพยส์ นิ (5) การบริหารงานบุคคล สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อ่ืน (6) การกำกับดูแล การตรวจสอบ และการประเมินผลงาน (7) การยุบเลิก (8) ข้อกำหนดอนื่ ๆ อันจำเป็นเพอ่ื ให้กจิ การดำเนินไปไดโ้ ดยเรียบร้อยและมปี ระสิทธภิ าพ 7. พระราชบัญญตั ิ สภาครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 หมวด 1 สภาครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันท่ี 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 เป็นปีท่ี 58 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ให้ประกาศว่า โดยท่ีเป็นการสมควรให้มีกฎหมาย ว่าด้วย สภาครูและบุคลากรทางการศึกษาพระราชบัญญัตินี้มี บทบัญญัติ บางประการเก่ียวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับ มาตรา 39 และมาดรา 50 ของรัฐธรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540 บัญญัติให้กระทำได้โดย อาศยั อำนาจตามบทบัญญัตแิ ห่ง กฎหมาย จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัตขิ ้ึนไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดงั ต่อไปน้ี มาตรา 1 พระราชบญั ญัติเรยี กว่าพระราชบญั ญัติ สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็น ตน้ ไป มาตรา 3 ให้ยกเลิก (1) พระราชบัญญัติ ครู พ.ศ. 2488 (2) พระราชบญั ญตั ิ ครู (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2495 (3) พระราชบัญญตั ิ ครู (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2509
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 331 (4) พระราชบญั ญัติ ครู (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2519 (5) พระราชบญั ญัติ ครู (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2521 (6) พระราชบญั ญัติ ครู (ฉบับท่ี 6) พ.ศ. 2523 บรรดากฎหมาย กฎ ข้อบังคับ คำส่ังอ่ืนในส่วนท่ีมีบทบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้หรือ ซ่งึ ขัด หรือแยง้ กับบทบัญญตั แิ ห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใชพ้ ระราชบัญญตั ินแ้ี ทน มาตรา 4 ในพระราชบญั ญตั ิน้ี “กระทรวง” หมายความว่า กระทรวงศกึ ษาธกิ าร “วิชาชีพ” หมายความว่า วิชาชีพทางการศึกษาที่ทำหน้าท่ีหลักทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีกรต่าง ๆ รวมท้ังการรับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา ในสถานศึกษา ปฐมวัย ชั้นพ้ืนฐาน และอุดมศึกษาท่ีต่ำกว่าปริญญาท้ังของรัฐและเอกชน และการ บริหารการศึกษานอก สถานศึกษาในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ตลอดจนการสนับสนุนการศึกษา ให้บริการหรือปฏิบัติงานเก่ียวเนื่อง กับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหาร การศกึ ษาในหนว่ ยงานการศกึ ษาต่าง ๆ “ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา” หมายความว่า ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบคุ ลากรทางการศกึ ษาอ่ืนซงึ่ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวชิ าชพี ตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี “ครู” หมายความว่า บุคคลซ่ึงประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริม การเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาปฐมวัย ข้ันพื้นฐาน และอุดมศึกษาที่ต่ำกว่า ปรญิ ญาทงั้ ของรัฐและเอกชน “ผู้บริหารสถานศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ภายในเขตพื้นท่ีการศึกษา และสถานที่ศึกษอ่ืนท่ีจัดการศึกษาปฐมวัย ข้ันพื้นฐาน และอุดมศึกษาท่ีต่ำ กวา่ ปรญิ ญาทั้งของ รฐั และเอกชน “ผู้บริหารการศึกษา” หมายความว่า บุคคลซ่ึงปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหารนอกสถานศึกษา ในระดบั เขตพื้นทีก่ ารศกึ ษา “บุคคลกรทางการศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนการศึกษาให้บริการ หรือปฏิบัติงาน เก่ียวเน่ืองกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศและการบริการการศึกษา ในหน่วยงานการศึกษา ต่าง ๆ ซึ่งหนว่ ยงานการศึกษากำหนดตำแหน่งให้ต้องมีคุณวฒุ ทิ างการศึกษา “หน่วยงานการศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาหรือหน่วยงานอื่นที่มีหน้าที่กำกับดูแล สนับสนุน ส่งเสริมให้บริการเกี่ยวกับการจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาท้ัง ของรฐั และเอกชน “สถานศึกษา” หมายความวา่ สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัย โรงเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงาน การศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชนที่มีอำนาจหน้าท่ี หรือมีวัตถุประสงค์ ในการจดั การศกึ ษา “ใบอนุญาต” หมายความว่า ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพซง่ึ ออกให้ผ้ปู ฏิบตั ิงานในตำแหน่งครู ผบู้ รหิ าร สถานศึกษา ผู้บรหิ ารการศึกษา และบุคลลากรทางการศึกษาอ่นื ตามพระราชบัญญัตนิ ี้ “เจ้าหนา้ ที” หมายความวา่ บคุ คลทไ่ี ดร้ บั การแตง่ ตัง้ ตามพระราชบญั ญัติน้ี
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 332 “รฐั มนตร”\" หมายความว่า รฐั มนตรผี ู้รักษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี มาตรา 5 การประกอบวิชาชีพต้องอยู่ภายใต้บังคับหลักเกณฑ์การมีใบอนุญาตตาม พระราชบญั ญัตินี้ มาตรา 6 ให้รัฐมนตรี ว่าการ กระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มี อำนาจ ออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งให้มี อำนาจตีความและ วินิจฉัยช้ีขาดปัญหาอันเก่ียวกับการปฏิบัติงาน อำนาจหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่ง หรือหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่ กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศน้ัน เม่ือได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ช้บงั คบั ได้ สว่ นท่ี 1 บทท่ัวไป มาตรา 7 ให้มีสภาครูและบุคลกรทางการศึกษา เรียกว่า\"คุรุสภา\" มีวัตถุประสงค์และอำนาจ หนา้ ท่ี ตามท่บี ัญญัติไวใ้ นพะราชบัญญัติน้ี มฐี านะเปน็ นติ ิบคุ คลในกำกบั ของกระทรวงศึกษาธกิ าร มาตรา 8 คุรสุ ภามวี ตั ถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (1) กำหนดมาตาฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบอนุญาต กำกับดูแลการปฏิบัติตาม มาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณของวชิ าชพี รวมทง้ั การพฒั นาวชิ าชีพ (2) กำหนดนโยบายและแผนพัฒนาวชิ าชีพ (3) ประสาน สง่ เสรมิ การศึกษาและการวจิ ัยเกีย่ วกบั การประกอบวชิ าชพี มาตรา 9 คุรสุ ภามีอำนาจหน้าที่ ดังตอ่ ไปนี้ (1) กำหนดมาตรฐานวชิ าชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ (2) ควบคุมความประพฤติและการดำเนินงานของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นไป ตามมาตรฐาน วิชาชพี และจรรยาบรรณของวชิ าชพี (3) ออกใบอนุญาตใหแ้ ก่ผู้ขอประกอบวชิ าชพี (4) พกั การใชใ้ บอนุญาตหรอื เพิกถอนใบอนญุ าต (5) สนับสนนุ ส่งเสรมิ และพัฒนาวชิ าชพี ตามมาตรฐานวชิ าชพี และจรรยาบรรณของวิชาชพี (6) สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ยกย่องและผดงุ เกยี รติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศกึ ษา (7) รับรองปริญญา ประกาศนียบัตร และวุฒิบัตรของสถาบนั ต่าง ๆ ตามมาตรฐานวิชาชีพ (8) รบั รองความรูแ้ ละประสบการณ์ทางวชิ าชีพรวมท้ังความชำนาญในการประกอบวิชาชพี (9) ส่งเสรมิ การศึกษาและการวจิ ยั เกย่ี วกบั การประกอบวิชาชพี (10) เป็นตวั แทนผปู้ ระกอบวิชาชีพหางการศึกษาของประเทศไทย (11) ออกขอ้ บังคับของครุ ุสภา วา่ ด้วย (ก) การกำหนดลกั ษณะต้องหา้ มตาม มาตรา 13 (ข) การออกใบอนุญาต อายุใบอนุญาต การพักใบอนุญาต การเพิกถอนใบอนุญาตและการ รบั รองความรู้ ประสบการณ์ทางวิชาชพี ความชำนาญในการประกอบวิชาชพี (ค) หลักเกณฑ์และวิธกี ารในการขอรับใบอนุญาต (ง) คุณสมบัตแิ ละลกั ษณะตอ้ งหา้ มของผู้ขอรบั ใบอนุญาต (จ) จรรยาบรรณของวิชาชีพและการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนำมาซ่ึงความเสื่อมเสีย เกียรติศกั ด์แิ หง่ วิชาชพี
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 333 (ฉ) มาตรฐานวิชาชีพ (ช)วิธีการสรรหา การเลือก การเลือกต้ัง และการแต่งตั้งคณะกรรมการครุสภาและ คณะกรรมการ มาตรฐานวิชาชีพ (ซ) องคป์ ระกอบ หลกั เกณฑ์ วิธีการคดั เลอื กคณะกรรมการสรรหา (ฌ) หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการสรรหาเลขาธิการครุ สุ ภา (ญ) การใด ๆ ตามทก่ี ำหนดในพระราชบัญญัตนิ ้ี (12) ให้คำปรกึ ษาหรือเสนอแนะต่อคณะรฐั มนตรีเก่ียวกับนโยบายหรือปัญหาการพฒั นาวิชาชีพ (13) ใหค้ ำแนะนำหรือเสนอความเห็น ต่อรัฐมนตรีเกย่ี วกับการประกอบวิชาชีพหรือการออก กฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศต่าง ๆ (14) กำหนดให้มคี ณะกรมการเพอ่ื กระทำการใด ๆ อนั อย่ใู นอำนาจหน้าที่ของครุ ุสภา (15) ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของคุรุสภา ข้อบังคับของคุรุสภาตาม (11) น้ัน ต้องได้รบั ความเห็นชอบจากรฐั มนตรแี ละเมอ่ื ได้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาแล้วใหใ้ ช้บังคบั ได้ การเสนอร่างข้อบังคับของคุรุสภาจะกระทำได้เมอื่ คณะกรรมการคุรสุ ภามีมติเห็นชอบกับร่าง ข้อบังคับดังกล่าว และให้ประธานกรรมการคุรุสภาเสนอร่างข้อบังคับน้ันต่อรัฐมนตรีโดยไม่ชักช้า รัฐมนตรีอาจยับย้ัง การเสนอร่างข้อบังคับน้ันได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลโดยแจ้งชัด หากได้ยับยั้งภายใน สามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับร่าง ข้อบังคับให้ถือว่ารัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างข้อบังคับน้ัน ถ้า รัฐมนตรียับยั้งรา่ งขอ้ บังคับใดให้คณะกรรมการคุรุสภาประชมุ อีกคร้ังหนึ่งภายในสามสบิ วันนบั แตว่ ันที่ ได้รับการยับยั้ง ในการประชุมครั้งหลังน้ีถ้ามีคะแนนเสียงยืนยันมติไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวน กรรมการท้ังคณะให้ประธานกรรมการคุรุสภาเสนอร่างข้อบังคับดังกล่าวต่อรัฐมตรีอีกคร้ังหนึ่ง ถ้า รัฐมนตรีมิได้ให้วามเห็นชอบภายในสิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับร่าง ข้อบังคับ ให้ถือว่าร่างข้อบังคับน้ัน ได้รบั ความเห็นชอบจากรัฐมนตรีแล้ว นอกจากอำนาจหน้าทตี่ ามวรรคหน่งึ ให้คุรุสภามีอำนาจกระทำ กิจการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถปุ ระสงค์ ดงั ตอ่ ไปนด้ี ว้ ย (1) ถือกรรมสิทธ์ิหรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินหรือดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน ตลอดจน รับทรพั ย์สินที่มีผ้อู ทุ ิศให้ (2) ทำนิตกิ รรมสญั ญาหรอื ข้อตกลงใด ๆ (3) กู้ยมื เพอื่ ประโยชนใ์ นการดำเนนิ การตามวตั ถปุ ระสงคข์ องคุรุสภา (4) สนับสนนุ การปฏบิ ัติงานของหนว่ ยงานอ่ืนที่เกี่ยวขอ้ ง มาตรา 10 คุรุสภาอาจมรี ายได้ ดงั น้ี (1) ค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัตินี้ (2) เงนิ อุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดนิ (3) ผลประโยชนจ์ ากการจัดการทรพั ยส์ นิ และการดำเนินกิจการของครุสภา (4) เงินและทรัพยส์ ินซึง่ มีผ้อู ทุ ศิ ให้แกค่ ุรุสภา (5) ดอกผลของเงินและทรพั ย์สนิ ตาม (1) (2) (3) และ (4) รายได้ของคุรุสภาไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งระหว่างการคลังตามกฎหมาย ว่าด้วย เงินคงคลัง และกฎหมาย ว่าด้วย วิธกี ารงบประมาณ รวมท้ังไมอ่ ยใู่ นขา่ ยการบงั คบั ตามกฎหมายภาษีอากร
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 334 มาตรา 11 ค่ธู รรมเนียมตามพระราชบัญญัตนิ ี้ ให้เป็นไปตามประกาศของรัฐมนตรี ทัง้ น้ี ต้อง ไม่เกิน อตั ราท้ายพระราชบัญญัตนิ ี้ ส่วนท่ี 2 คณะกรรมการครุ ุสภา มาตรา 12 ให้มีคณะกรรมการคณะหนงึ่ เรียกว่า คณะกรรมการครุ ุสภา ประกอบด้วย (1) ประธานกรรมการซึง่ คณะรฐั มนตรีแตง่ ต้ังจากผู้ทรงคณุ วุฒทิ ม่ี คี วามรู้ ความเชีย่ วชาญและ ประสบการณส์ งู ด้านการศกึ ษา มนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ หรอื กฎหมาย (2) กรรมการโดยตำแหน่ง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการ คณะกรรมการการ อาชีวศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้อำนวยการสำนักบริหารงาน คณะกรรมกาส่งเสริมการศึกษาเอกชน และหัวหน้าสำนักงาน คณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบคุ คล ส่วนท้องถ่ิน (3) กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิจำนวนเจ็ดคน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งต้งั จากผู้ท่ีมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณส์ ูงดา้ นการบริหารการศึกษา การอาชีวศกึ ษา การศึกษาพิเศษ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกฎหมายด้านละหนึ่งคน ซึ่งในจำนวนน้ีต้องเป็นผู้ท่ีเป็นหรือเคยเป็น ครู ผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรือผู้บริหารการศึกษาไมน่ ้อยกวา่ สามคน (4) กรรมการซ่ึงได้รับแต่งต้ังจากผู้ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์หรือ การศึกษา ซ่ึงเลือกกันเองจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐจำนวนสามคน และจากสถาบันอุตมศึกษา เอกชนจำนวนหนงึ่ คน (5) กรรมการจากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาซ่ึงเลือกต้ังมาจากผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษา จำนวนเก้าสิบคน ในจำนวนนี้ต้องเป็นผู้ประกอบวิชชาชีพทางการศึกษาท่ีดำรง ตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอ่ืน และมาจากสังกัด เขตพ้ืนที่การศึกษาสถาบันอาชีวศึกษา สถานศึกษาเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ตาม สัดส่วนจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ให้เลขาธิการคุรุสภาเป็นเลขานุการ หลักเกณฑ์และ วิธีการสรรหาประธานกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกผู้แทน สถาบันอุดมศึกษา และหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งผู้ประกอบวิชาชีพ ทางการศึกษาให้เป็นไปตาม ข้อบังคบั ของครุ สุ ภา มาตรา 13 ประธานกรรมการ กรรมการผ้ทู รงคุณวฒุ ิ ต้องมคี ุณสมบัติท่ัวไป และไม่มีลักษณะ ต้องหา้ มดงั ต่อไปน้ี (ก) คณุ สมบตั ทิ ว่ั ไป (1) มสี ัญชาตไิ ทย (2) มอี ายไุ มต่ ่ำกว่าสามสบิ ห้าปบี รบิ ูรณ์ (3) มคี วามซื่อสตั ย์และยตุ ธิ รรมเป็นทีป่ ระจกั ษ์ (ข) ลกั ษณะตอ้ งห้าม (1) เป็นบคุ คลลม้ ละลายซ่ึงศาลยงั ไมส่ ่ังให้พ้นจากคดี (2) เปน็ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไรค้ วามสามารถ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 335 (3) เคยมีประวตั เิ ส่อื มเสยี ทางจรยิ ธรรรม จรรยาบรรณ และการประกอบวิชาชพี (4) เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถ่ิน หรือผู้บริหารห้องถ่ิน กรรมการ หรือ ดำรงตำแหนง่ ซ่งึ รับชอบการบรหิ ารพรรคการเมือง ท่ปี รกึ ษาพรรคการเมอื ง หรือเจ้าหน้าทพ่ี รรค การเมือง (5) เป็นเจ้าหน้าท่ีหรือลูกจ้างที่ปรึกษา หรือผู้เช่ียวชาญ ซ่ึงมีสัญญาจ้างกับสำนักงาน เลขาธิการ คุรุสภาหรือสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิการครูและบุคลากร ทางการศึกษา (6) เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงท่ีสุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดท่ี ไดก้ ระทำโดยประมาทหรอื ความผิดลหุโทษ (7) เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการท่ีกระทำกับกิจการคุรุสภา หรือสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสรมิ สวัสดกิ ารและสวสั ดิการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (8) มลี กั ษณะต้องห้ามอน่ื ตามทกี่ ำหนดในข้อบงั คับของคุรุสภา ในกรณีที่ได้รับแต่งต้ังเป็นประธานกรรมการ หรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้มีลักษณะ ต้องห้ามตาม (ข) (4) หรือ (ข) (5) ผู้น้ันต้องลาออกจากตำแหน่เดิมก่อนปฏิบัติหน้าที่เป็นประธาน กรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งจะต้องกระทำในสิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับแต่งต้ัง แต่ถ้ามิได้ ลาออกภายในเวลาท่ีกำหนด ให้ถือวา่ ผู้น้ันมิเคยได้รบั การแตง่ ตงั้ เป็นประธานกรรมการ หรอื กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิและให้รัฐมนตรีพิจารณา เสนอคณะรัฐมนตรีแต่งต้ังผู้ท่ีได้รับการสรรหาในลำดับถัดไป ดำรงตำแหนง่ แทน มาตรา 14 นอกจากท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา 13 กรรมการที่มาจากผู้ประกอบวิชาชีพทางการ ศกึ ษาที่ดำรงตำแหนง่ ครู ตอ้ งมีคุณสมบัตเิ ฉพาะดังต่อไปนี้ (1) เป็นผูม้ ใี บอนุญาตและไมเ่ คยถูกสง่ั พกั ใชห้ รือเพิกถอน ใบอนุญาตตามพระราชบญั ญัตินี้ (2) เป็นผู้มปี ระสบการณ์ต้นปฏิบัตกิ ารสอนมาแลว้ รวมกนั ไมน่ อ้ ยกว่าสิบปี หรือตำรงตำแหน่ง อาจารย์ 3 หรอื มวี ทิ ยฐานะเป็นครชู ำนาญการข้ึนไป มาตรา 15 นอกจากท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา 13 กรรมการท่ีมาจากผู้ประกอบวิชาชีพทางการ ศกึ ษาที่ ดำรงตำแหนผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้บริหารการศกึ ษา หรือบุคลากรทางการศึกษาอื่นต้อง มีคุณสมบัติเฉพาะ ตามมาตรา 14 (1) และต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอน และมี ประสบการณ์ในตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา หรือผู้บริหารศึกษา หรือบุคลากรทางการศึกษาอื่น รวมกันไม่น้อยกวา่ สิบปี มาตรา 16 กรรมการตามมาตรา 12 (1) (3) (4) และ (5) ให้อยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปีและ อาจได้รับการแตง่ ตงั้ อีก แต่จะดำรงตำแหนง่ เกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้ ในกรณีที่กรรมการตามวรรคหน่ึงพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนอยู่ใน ตำแหน่ง เท่ากับวาระท่ีเหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน เว้นแต่วาระของกรรมการเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อย แปดสิบวันจะมีการ แต่งต้ังแทนหรือไม่ก็ได้ เมือครบกำหนดตมวาระในวรรคหน่ึง ให้กรรมการซึ่งพ้น จากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ ในตำแหน่งเพ่ือดำเนินการต่อไป จนกว่ากรรมการซึ่งได้รับแต่งต้ังใหม่ เข้ารบั หนา้ ที่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428