มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 186 สิงคโปร์ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่าการปฏิรูปการศึกษาคือกลไกสำคัญที่จะสร้างศักยภาพของชาติให้ สามารถก้าวขึ้นเป็นประเทศช้ันนำของโลกและเป็นประเทศที่สามารถยื่นหยัดอยู่ได้อย่างม่ันคงในยุคเศรษฐกิจ ถดถอยของเอเชีย โดยบทเรียนการปฏิรูปการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ที่เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่มีทรัพยากร อย่างจำกัดแต่ด้วยความเชื่อม่ันว่าทรัพยกรบุคลที่มีคุณภาพ คือ สิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศ ผู้นำของ สิงคโปรไ์ ดท้ ุ่มเทงบประมาณ 1 ใน 4 ของประเทศมาใชใ้ นการพัฒนาการศึกษาและดำเนนิ การปฏิรปู การศกึ ษา อยา่ งต่อเน่อื งเพื่อเสริมสรา้ งความสามารถในการแข่งขนั กบั สงั คมโลก ผลจากการปฏริ ูปการศึกษาทำใหก้ ารศกึ ษาของสิงคโปรเ์ ปน็ ทีย่ อมรับว่ามีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียม กับประเทศตะวันตก ในจำนวนประชากรที่มีอัตราการรู้หนังส่ือร้อยละ 91.3 น้ัน ร้อยละ 4.72 จะรู้สองภาษา หรือมากกว่า ในด้านศักยภาพการแข่งขันนักเรียนมัธยมศึกษาของสิงคโปร์สามารถทำคะแนนได้เป็นที่ 1 ของ โลกในด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (การปฏิรูปการศึกษาของสาธารณรัฐสิงคโปร์, มปป) สิงคโปร์ก้าวสู่ การปฏิรูปการศึกษาที่มีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้นโดยกำหนดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ท่ีเกี่ยวข้องกับการ ปฏริ ปู การศกึ ษาของสิงคโปรท์ ่ีสำคญั ไวด้ งั นี้ 1) การปฏิรปู เทคโนโลยสี ารสนเทศ สิงคโปร์ได้กำหนดวิสัยทัศน์ เทคโนโลยีสารสนเทศ 2000 : วิสัยทัศน์การเป็นเกาะแห่งอัจฉริยะ\" (T 2000 : A Vision of an Intelligent island) โดยกำหนดแผนยุทธศาสตร์ 2000 หรือ IT 2000 Masterplan ซึ่งกำหนตเป้าหมายพัฒนาสิงคโปร์ให้เป็นศูนย์กลางระดับโลก ปรับปรุงคุณภาพชีวิตส่งเสริม กลไกทางเศรษฐกิจเช่ือมโยงสังคมทั้งในระดับชาติและระดับโลกและส่งเสริมศักยภาพของบุคคลโดยมี คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ (National IT Committee) และคณะกรรมการคอมพิวเตอร์แห่ง ขาติ (Natrona Computer Board) หรือ NCB เปน็ องคก์ รสำคญั ในการปฏริ ูปดังกลา่ ว 2) การปฏิรปู วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สิงคโปร์ได้กำหนดวิสัยทัศน์ให้สิงคโปร์เป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศ (Center of Excellence) ทาง คำนวณวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยกำหนดแผนเทคโนโลยีแห่งชาติ (National Technology Plan : NTP) เพ่ือสร้าง\"Singapore Technology Corridor\"ให้เป็นสถาบันและศูนย์การวิจัยและพัฒนาแหล่งอุตสาหกรรม ที่มีความก้าวหน้าสูงทางเทคโนโลยีและสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ โดยสร้างโครงสร้างพ้ืนฐานและ สภาพแวดล้อมท่ีสมบูรณ์แบบในการดำรงชีวิต จัดตั้งScience Park เพ่ือส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาค้น วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีจดั ให้มีเดือนแหง่ เทคโนโลยี เดอื นวิทยาศาสตร์ (Technology Month) เพ่ือเสรมิ สร้างวัฒนธรรมในการวจิ ยั และพฒั นา โดยรางวัล เกียรติยศระดับชาติด้านวิทยศาสตร์และเทคโนโลยีให้แก่บุคคลและภาคธุรกิจเอกชน นอกจากนั้น ยังกำหนด แผนพัฒนาสังคมโดยเน้นการผลิตกำลงั คนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสร้างความเชื่อในวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีระดับนานาขาติในการปฏิรูปวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีคณะกรมมการวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีสาระสนเทศแห่งชาติ (National Science and Technology Board NSTB) เปน็ องค์กรสำคัญ 3) การปฏริ ปู นวัตกรรม สิงคโปร์ไดส้ ่งเสริมนกั นวัตกรรมเพือ่ ประดิษฐ์คดิ ค้นสงิ่ ใหม่ ๆ กำหนดแผนพัฒนานวตั กรรม (innovation Development Scheme) และแผนให้ความช่วยเหลือนักนวัตกรรม (Innovator's Assistance Schermie : AS ในการจดทะเบียนลิขสิทธ์ิ รวมทั้งจัดตั้งสมาคมนักนวัตกรรม (innovators : s Club) และศูนย์นวัตกรรมเชิง ยุทธศาสตร์ (Center for Strategic Process novation CSPI) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจัดฝึกอบรมโดยนำ นวัตกรรมต่าง ๆ ไปใช้เพ่ือให้องค์กรปรับปรุงประสิทธิภาพในที่ทำงานในการส่งเสริมนวัตกรรมมี NSTB เป็น ผูว้ างแผนดำเนินงานและใหก้ ารสนับสนนุ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 187 4) การพฒั นาทกั ษะฝมี ือแรงงาน ได้กำหนแผนสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เพ่ือให้ภาคธุรกิจเอกชนจัดฝึกอบรมแก่แรงงานเพ่ือยกระดับ ทักษะฝีมือแรงงานโดยรัฐให้ความสนับสนุน และช่วยเหลือด้านงบประมาณและให้สถาบันการศึกษาทาง เทคนิค (institute of Technical Education : TE) ร่วมกับภาคธุรกิจจัดฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ แก่กำล้ง แรงงาน ยกระดับความร้แู ละทกั ษะฝีมือแรงงาน 5) การปฏริ ูปอุดมศึกษา โดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) หรือ NUS ได้พัฒนา เทคโนโลยีสารสนเทศโดยเช่ือมโยงเครือข่ายการวิจัยท่ัวโลกและได้ตั้งเป้าหมายว่าใน พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) จะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพและมาตรฐานเทียบเท่ามหาวิทยาลัยชั้นน้ำของโลกและเป็นศูนย์กลางความ เป็นเลิศด้านการวิจัย มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 มหาวิทยาลัยยอดเยี่ยม แห่งเอเชียและผลงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์และแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยได้รับ การยอมรบั ในระดับโลกโดยได้รับการจดั อันดับใหอ้ ยูใ่ นกลมุ่ ร้อยละ 5 อนั ดบั แรกของสถาบันยอดเยีย่ มของโลก 7. ระบบการศกึ ษาของประเทศสงิ คโปร์ ภาพประกอบที่ 6.11 การศึกษาของประเทศสิงคโปร์ ระบบการศึกษาของสิงคโปร์แบง่ ออกเป็น 1. ระดับก่อนวัยเรียนซึ่งรวมถึงการศึกษาในชั้นอนุบาลและสถานรับเล้ียงเด็ก (อายุ 3-6 ปี) โรงเรียน อนุบาลอยใู่ นความควบคุมของกระทรวงศึกษาธกิ ารส่วนสถานรับเลีย้ งเด็กอยู่ในความดูแลของกระทรวงพัฒนา สังคมการศึกษาของประเทศสงิ คโปร์ 2. ระดับประถมศึกษา (อายุ 7-12 ปี) ประกอบด้วย การเรียนช้ันประถมตอนต้น (Foundation Stage) 4 ปี ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-4 และชั้นประถมศึกษาตอนปลาย (Orientation Stage) อีก 2 ปี ในช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี 5-6 การจบการศึกษาในระดับนี้ นักเรียนทุกคนต้องสอบ PSLE ในชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 เพ่อื เปน็ เกณฑใ์ นการเลือกแผนการเรียนในระดบั มธั ยมศกึ ษา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 188 3. ระดับมธั ยมศกึ ษามีให้เลอื ก หลัก ๆ 3 แผน คอื 3.1 แผนเร่งรัด (Express Course) จะใช้เวลาเรียนเพียง 4 ปี (อายุ 13-16 ปี) เป็นนักเรียนท่ีได้ คะแนนสูงสุดรอ้ ยละ 10 แรกของการสอบ PSLE ทั้งนี้ นักเรียนในแผนการเรยี นพิเศษจะต้องสอบ Singapore- Cambridge General Certificate of Education ‘Ordinary’ (GCE ‘O’ Level) เม่อื เรียนครบ 4 ปี 3.2 แผนการเรียนปกติ (Normal Academic Course) ใช้เวลาเรียน 5 ปี และจะต้องสอบ Singapore- Cambridge General Certificate of Education ‘Normal’ (GCE ‘N’ Level) เมื่อถงึ ปีท่ี 4 ก่อน แล้วจึงจะ สามารถสอบ GCE ‘O’ Level เมื่อเรียนจบปีที่ 5 3.3 แผนการเรียนสายเทคนิค (Normal Technical Course) ใช้เวลาเรียน 4 ปี เพื่อสอบ GCE ‘N’ Level นอกจากน้ตี ั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เปน็ ต้นมา ระดบั มัธยมศึกษายงั มที างเลือกใหมเ่ พ่ิมอีก 3 แผน คอื 1.) แบบพิเศษ (Specialized Schools) เป็น การเรียนผสมผสานด้านเทคนิคและอาชีวศึกษา ที่เนน้ ทางดา้ นเทคนิคและการอาชีวศึกษาอยา่ งเขม้ ขน้ ที่สามารถปฏิบัติได้จรงิ เพ่ือมุ่งสสู่ ายอาชีพ (อายุ 13-16 ปี) 2.) แบบอิสระพิเศษ (Specialized Independent Schools) เป็นแผนการเรียนสำหรับนักเรียน ที่มีความสนใจเฉพาะทาง ทางด้านดนตรี ศิลปะ และกีฬา (อายุ 13-16ปี) จะใช้เวลาเรียน 4 ปี และจะต้อง สอบ GCE ‘N’ Level และ 3.) แบบบูรณาการ (Integrated Programmer) เป็นแผนที่รวมการเรียนระดับช้ันมัธยมต้นและ ระดับเตรียมอุดมศึกษาไว้ด้วยกัน (อายุ 13-18 ปี) ใช้เวลาเรียน 4-6 ปี และจะต้องสอบ GCE ‘O’ Level เพื่อ จบการศึกษา 4) ระดับเตรยี มอดุ มศึกษา (อายุ 16-19 ปี) มีใหเ้ ลือกทัง้ สิน้ 3 แผนย่อย ในสถาบันตา่ ง ๆ คือ - แผนการเรียนในวิทยาลัยชนั้ ตน้ (Junior College) หรือสถาบันกลาง (Centralized institute) เม่ือนักเรียนสอบ GCE ‘O’ Level ได้สำเร็จแล้ว นักเรียนสามารถสมัครเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยชั้นต้น เป็นเวลา 2 ปี หรือศึกษาท่ีสถาบันกลางการศึกษา เป็นเวลา 3 ปี เพ่ือเตรียมศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยโดยนักเรียน จะต้องสอบ GCE ‘A’ Level เพ่ือสอบเข้ามหาวิทยาลยั - แผนการเรียนในโรงเรียนโพลีเทคนิค (Polytechnics)เมื่อนักเรียนสอบ GCE ‘O’ Level ได้สำเร็จแล้ว นักเรียนสามารถสมัครเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนโพลีเทคนิค เป็นเวลา 3 ปี มุ่งเน้นให้สามารถไป ประกอบอาชีพในอนาคต เช่น วิศวกรรม บริหารธุรกิจ การสื่อสารมวลชน การออกแบบดีไซน์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และหลักสตู รเฉพาะทางอย่างเช่น การวัดสายตา วศิ วกรรมทางทะเล การศึกษา เก่ียวกับการเดนิ เรือ พยาบาล การเล้ียงดูเด็กอ่อนและการทำภาพยนตร์ นักเรียนที่จบการศึกษาในจาก โพลีเทคนิคเป็นที่นิยมของบริษัท ตา่ ง ๆ เมอ่ื จบจะไดว้ ุฒริ ะดับอนปุ ริญญา (Diploma) และสามารถเข้า เรยี นต่อในระดับมหาวิทยาลยั ได้ - แผนการเรียนในสถาบันเทคนิคศึกษา (Institute of Technical Education ITE) เป็นอีกหน่ึง ทางเลือกของนักเรียนที่จบจากชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และต้องการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี และความรู้ ทางอุตสาหกรรมแขนงตา่ งๆนอกจากโปรแกรมฝึกอบรมเต็มเวลาสำหรับนักเรยี นที่จบจากชั้น มัธยมศึกษาแล้ว (อายุ 16-19 ปี) จะใช้เวลาเรียน 1-2 ปี 5) ระดบั มหาวทิ ยาลยั (Universities) มหาวทิ ยาลัยในสิงคโปร์มี 4 แห่ง ด้วยกัน ได้แก่ - National University of Singapore (NUS) - Nanyang Technological University (NTU) - Singapore Management University (SMU) - Singapore University of Technology and Design (SUTD)
189 (ระบบการศกึ ษาของสิงคโปร์, 2559) ขอ้ มูลโครงการประเมินผลนักเรยี นรว่ มกับนานาชาติ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ตารางที่ 6.3 คะแนนเฉลี่ยวิทยาศาสตร์ การอ่าน และคณติ ศาสตร์ ของประเทศตา่ ง ๆ ใน PISA 2015 ข้อมูลโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programmer for International Student Assessment) หรือ PISA ระบุว่า เด็กนักเรียนในประเทศสิงคโปร์มีผลการเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการอ่าน โดยเฉลี่ยดีกว่าเด็กจากประเทศที่พัฒนาแล้วในกลุ่มองค์กรเพ่ือความร่วมมือและการพัฒนาทาง เศรษฐกจิ (OECD) ความสำเรจ็ น้ีมีประเทศสิงคโปร์ได้ขนึ้ มาเปน็ อนั ดับ 1 ในปี ค.ศ. 2015 อันดบั ที่ 1 อันดับที่ 1 อันดับที่ 1 ตารางที่ 6.4 คะแนนเฉล่ียวิทยาศาสตร์ การอา่ นและคณิตศาสตร์ ของประเทศตา่ ง ๆ ใน PISA 2015 (ท่ีมา : สสวท. และ OECD.) ประเทศสิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับ 1 การศึกษาของโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ ซึง่ เปรียบเทียบระบบการศกึ ษาระดับประเทศในระดับสากล ในการศึกษาปี ค.ศ. 2015 ประเทศสงิ คโปร์ครอง อันดบั ท่ี 1 ในการอา่ น, อันดับท่ี 1 ในวิชาคณติ ศาสตร์ และอนั ดบั ที่ 1 ในวชิ าวทิ ยาศาสตร์
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 190 ข้อมูลโครงการประเมนิ ผลคะแนน PISA ปี ค.ศ 2018 ตารางที่ 6.5 คะแนนเฉล่ยี วิทยาศาสตร์ การอ่านและคณติ ศาสตร์ ของประเทศตา่ ง ๆ ใน PISA 2018 (ณรงค์กร มโนจันทร์เพญ็ 04/12/2019) ประเทศสิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับ 2 ในปี ค.ศ. 2018 การศึกษาของโครงการประเมินผลนักเรียน รว่ มกับนานาชาติ โดยได้คะแนนเฉลี่ย ในการอ่าน 551 คะแนน ,ในวิชาคณิตศาสตร์ 569 คะแนน และในวิชา วทิ ยาศาสตรไ์ ด้ 549 คะแนน 8. ปจั จัยที่ทำให้การศึกษาของประเทศสิงคโปรป์ ระสบความสำเรจ็ ภาพประกอบท่ี 6.12 การศึกษาของประเทศสิงคโปร์ ผลคะแนน PISA ปี 2015 ออกมาและปรากฏช่ือของสิงคโปร์ข้ึนอันดับ 1 ของโลกในทุกประเภทของ การประเมินท้ังวิชาคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และการอา่ น สอื่ หลาย ๆ แห่ง และผ้เู ชียวชาญค้นการศกึ ษาไดใ้ ห้ ความสนใจและออกมาวิเคราะหก์ ันว่าทำไมประเทศเลก็ ๆ ในเอเชยี น้ี ถึงมรี ะบบการศึกษาที่ล้ำหน้าขึ้นอนั ดับหนึ่ง ในการประเมินผลที่ถือว่าเป็น Word Cup ในวงการศึกษาของโลก ปัจจัยท่ีระบบการศึกษาของประเทศที่เพ่ิง ได้รบั เอกราชมาเมื่อ 1965 ได้แซงหน้าหลาย ๆ ประเทศในโลก มดี ังนี้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 191 1. จดุ เร่ิมต้นการพัฒนาการศกึ ษาของชาติ สิงคโปร์มีระบบรากฐานการศึกษาท่ีได้วางไว้จากอังกฤษเมื่อครั้งเป็นอาณานิคม ในช่วงที่ได้รับเอก ราชน้ัน ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ยังอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ นายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู ในสมัยน้ัน เล็งเห็นว่าหากจะพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า สิงคโปร์จะต้องให้ความสำคัญกับระบบการศึกษาเป็นอย่างแรก เพอ่ื เตรยี มคนให้พร้อมกบั การพฒั นาประเทศ 2. ก้าวขา้ มการศกึ ษาแบบท่องจำ ในช่วงปี 1980 กระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์เล็งเห็นว่า สิงคโปร์ควรจะพัฒนตำราและการสอน สำหรับคนสิงคโปร์ โดยท่ีนักวิชาการคำนการศึกษาและนักวิจัยของสิงคโปร์ได้ไปศึกษาดูงานระบบการศึกษา จากประเทศชั้นนำต่างๆ ของโลกเช่น แคนาดา และ ญ่ีปุ่น และนำมาพัฒนาเป็นของตนเอง โดยจุดประสงค์ ของการพัฒนาการศึกษา คือ เพ่ือให้การเรียนการสอนก้าวข้ามจากการเรียนการสอนที่เน้นท่องจำ (rote learning) แบบเดมิ ๆ 3. ขับเคลอ่ื นการศึกษาแบบ Problem-based learning ดงั นั้น การเรยี นการสอนของสิงคโปร์ จะเน้นการนำไปใชใ้ นชีวติ จรงิ และการแกไ้ ขปญั หา (Problem -base ding) ยกตัวอย่างเช่น ในการเรียนคณิตศาสตร์ ครูผู้สอนอาจจะพานักเรียนไปทัศนศึกษาท่ีสนามบิน ชางฮีและให้นักเรียนใช้เลขในการคำนวณอัตราแลกเปล่ียน และคำนวณจำนวนผู้โดยสารท่ีแท็กซ่ีสามารถ รองรับได้และในการเรียนคณิตศาสตร์น้ัน ครูจะให้ความสำคัญกับวิธีท่ีได้มาซึ่งคำตอบ มากกว่าคำตอบท่ี ถกู ต้องที่เฉลยจากคุณครูจะให้นักเรียนแต่ละคนออกมาแสดงวิธที ำของโจทยเ์ ลข เพราะคำตอบเดยี วกันอาจจะ มที ี่มาจากหลายวิธกี ารได้ 4.วางวชิ าคณติ ฯ กับ วทิ ย์ เป็นแกนหลกั การศึกษา นอกจากนั้น หลักสูตรของสิงคโปร์ ให้ความสำคัญกับวิชาคณิตศาสตร์แลวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก ท้งั สองวิชานี้คือวิชาหลักในทุกระดับชั้น แมแ้ ตน่ ักเรยี นในระดับมธั ยมปลายที่เลอื กเน้นเรียนสายมนุษยศาสตร์ก็ จะต้องเลือกเรียนวิชาคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ ซ่ึงถือว่าเป็นหนึ่งในวิชาบังคับสิงคโปร์ให้ความสำคัญของ การวางรากฐานของการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงประถมศึกษา เมื่อเทียบกับประเทศฝ่ังตะวันตก หัวข้อ การเรียนในแต่ละวิชาอาจจะไม่มากเท่า แต่สิงคโปร์จะเน้นความลึกของแต่ละวิชา กล่าวคือ หัวข้อในการเรียน นอ้ ยกวา่ แต่เรยี นใหล้ กึ กว่า 5. ครูทม่ี คี ุณภาพ อีกหน่ึงปัจจัยสำคัญท่ีบทวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเป็นปัจจัยหลักของการประสบความสำเร็จ คือ ประเทศสิงคโปร์มีครูท่ีมีคุณภาพ ประเทศสิงคโปร์มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่อบรมครูโดยเฉพาะท่ีเรียกว่า National Institute of Education (NIE) ครทู ุกคนจะต้องผ่านการอบรมจากส่วนกลางทส่ี ถาบันแห่งนี้ ซึ่งทำให้การสอน เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ตามท่ี BBC วิเคราะห์ไว้ว่า นคี่ ือ ข้อดีของการเป็นประเทศเล็กท่ที ุกอย่าง สามารถรวมศูนย์ในการบริหารจัดการควบคุมและจัดมาตรฐานได้ สิงคโปร์ลงทุนกับครูค่อนข้างมากจะเห็นได้ว่า การคัดเลือกบรรจุครูจะคัดสรรจากนักศึกษาท่ีได้คะแนนในระดับต้น ๆ ของช้ันและเพ่ือดึงดูดคนท่ีมีเก่งมาเป็นครู การทำให้อาชีพครูเป็นอาชีพท่ีมีโครงสร้างและความก้าวหน้าทางสายวิชาชีพ สามารถพัฒนาเป็นครูใหญ่ เป็น นกั วิจยั ทางการศึกษาได้และการพฒั นาครูน้ันทำมาอย่างต่อเน่ืองและยาวนาน ดังที่ Prof Sing Kong Lee, vice-president of Nanyang Technological University กล่าวไว้ว่า \"การศึกษาเปรียบเหมือนกับระบบนิเวศน์วิทยา ทุกอย่างต้องเก้ือหนุนกันเราไม่สามารถพัฒนาระบบการศึกษา ได้หากทำการเปลี่ยนแปลงแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง\" และด้วยปัจจัยดังกล่าวข้าง้ตนนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม สิงคโปรจ์ ึงขึน้ อนั ดับหน่งึ ในการประเมินผลมาตรฐานการศกึ ษาระดับโลก
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 192 9. งบประมาณดา้ นการศกึ ษาของประเทศสิงคโปร์ ภาพประกอบท่ี 6.13 การศกึ ษาของประเทศสิงคโปร์ งบประมาณเพ่ือการศึกษาสำหรับปีงบประมาณ 2555 เท่ากับ 10.5 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ เท่ากับ ร้อยละ 3.3 ของ GDP หรือประมาณรอ้ ยละ 22.7 ของงบประมาณรายจ่ายท้ังหมดของรัฐบาลแม้ว่าในปีงบประมาณ 2013 รัฐบาลสิงคโปร์ ดำเนินนโยบายเกินดุลในการขับเคลื่อนประเทศด้วยการเกินดุล ประมาณร้อยละ 0.7 ของ GPD หรือประมาณ 2,400 ลา้ นดอลลา่ ร์สิงคโปร์ ด้วยความเช่ือว่าประชาชน คือ สมบัติท่ีมีคุณค่าที่สุดในประเทศและการให้ความสำคัญกับการศึกษา เป็นอย่างมาก รัฐบาล จึงได้เพิ่มงบประมาณค่าใช้จ่ายทางการศึกษา ในปีงบประมาณ 2013 เป็นร้อยละ 11.6 ของรายจา่ ย ท้ังหมดของประเทศ หรือประมาณ 1,100 ลา้ นดอลล่าร์สิงคโปร์ โดยในส่วนท่เี พ่ิมข้ึนไดเ้ พิ่มใหก้ ับ การลงทนุ กบั มหาวิทยาลยั ของรัฐ และเพม่ิ คา่ จ้างใหก้ บั บุคคลากรทางการศึกษาในระบบ สถานการณโ์ ควดิ -19 ที่สง่ ผลกระทบตอ่ การศกึ ษาของประเทศสงิ คโปร์ ภาพประกอบท่ี 6.14 สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศสิงคโปร์
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 193 การพัฒนาทรัพยากรมนษุ ย์กับการศึกษาแยกจากกันไม่ขาด รัฐบาลประเทศสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับ การศึกษามาโดยตลอด และกำลังให้ความสำคัญมากข้ึนอีกหลังจากเกิดการระบาดของโควิด-19 ขึ้น รัฐบาล ประเทศสิงคโปร์เริ่มจากเรื่องพ้ืนฐานที่สุดอย่างความเท่าเทียมทางโอกาสในการเข้าถึงการ ศึกษาที่มีคุณภาพ รฐั บาลมองเห็นว่าวิกฤตโควิด-19 ทำให้ความเหลื่อมล้ำตรงน้ีถ่างกว้างขึ้น เพราะเด็กที่มาจากครอบครัวรายได้ น้อยเจอความยากลำบากในการเรียนมากกว่ากลุ่มอื่นเมื่อไม่สามารถไปเรียนท่ีโรงเรียนได้เหมือนเดิม และ ครอบครวั ของเด็กกลุม่ น้กี ็ยังสง่ เสยี ค่าเทอมลำบากข้นึ เพราะรายไดล้ ดลงไปอีก รัฐบาลประเทศสิงคโปร์ตัดสินใจแก้ปัญหาน้ีด้วยการหยบิ โครงการทีม่ ีอยอู่ ย่าง KidStart และ UPLIFT ซ่ึงเป็นโครงการที่ช่วยเหลือเด็กทดี่ ้อยโอกาสกว่าเด็กกลมุ่ อ่ืนในหลายรูปแบบใหม้ ีโอกาสในการศกึ ษาและพัฒนา ตัวเองเทียบเท่ากับเด็กท่ีมาจากพื้นฐานครอบครัวที่ดี รัฐบาลเอาโครงการพวกนี้มาขยับขยายจนครอบคลุม หลายพืน้ ที่ชุมชนบนเกาะสิงคโปร์มากขึน้ เพือ่ เขา้ ถึงเดก็ กล่มุ ใหญ่ขึ้นและเพม่ิ รูปแบบการช่วยเหลือให้มากข้ึนอีก กระทรวงศึกษาธกิ ารของประเทศสิงคโปรย์ ังทมุ่ งบประมาณพัฒนาคุณภาพโรงเรียน พัฒนาครู จ้างบุคลากร และจัดหาทรัพยากรการศึกษาเพิ่มเติม โดยเฉพาะโรงเรียนระดับล่างที่มีนักเรียนมาจากพ้ืนฐานครอบครัวขาด โอกาส เพ่อื ใหม้ ่ันใจวา่ เดก็ เหล่านี้จะไดร้ บั การศึกษาท่ีมคี ณุ ภาพเท่าเทียมกับเด็กคนอ่ืน ๆ สงิ คโปร์ก็เจอปัญหาเหมือนประเทศอ่ืน ๆ คือ เด็กนักเรียนบางกลุ่มเจอความลำบากในการเรียนออนไลน์ ในชว่ งล็อกดาวน์เพราะขาดแคลนอุปกรณ์ กระทรวงศึกษาธกิ ารสงิ คโปร์จึงเร่งแจกแท็บเล็ตหรือแลป็ ท็อปให้กับ นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาทุกคน อันท่ีจริงนโยบายนี้ได้มีมาระยะหน่ึงก่อนท่ีจะมีโควิด-19 แล้ว แต่พอเกิด วิกฤตขึ้น กระทรวงก็เร่งรัดแจกจ่ายเร็วข้ึนโดยต้ังเป้าว่าจะต้องถึงมือนักเรียนมัธยมทุกคนให้ได้ในปี 2564 เร็วกว่ากำหนดเดิมท่ีเคยตั้งเป้าไว้อยู่ถึง 7 ปี และยังให้เครดิตเพิ่มอีกคนละ 200 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 4,600 บาท) สำหรบั ซ้ืออุปกรณ์เสรมิ สว่ นนักเรียนท่ีมาจากครอบครัวรายไดต้ ่ำก็จะได้เงนิ อุดหนุนซอ้ื อุปกรณ์เพิ่มไปอกี นโยบายเร่งแจกแท็บเล็ต หรือแล็ปท็อปให้นักเรียนเร็วข้ึนเป็นส่วนหน่ึงของโครงการ National Digital Literacy Program ท่ีมุ่งให้ประชาชน ในวยั เรียนมที ักษะความร้เู กีย่ วกบั เทคโนโลยีดิจิทัลท่ีแข็งแรงขึน้ ตอบโจทยโ์ ลกทก่ี ำลงั พง่ึ พาเทคโนโลยสี มัยใหม่ มากข้ึนท้ังในเร่ืองการทำงานและชีวิตประจำวันในโลกหลังโควิด-19 แต่การแจกอุปกรณ์อย่างเดียวก็ยังไม่ เพียงพอ กระทรวงศึกษาธิการยังปรับหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานให้สอดรับด้วย โดยเพ่ิมความเข้มข้นของเนื้อหา การเรยี นเกี่ยวกับการคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking) การเขียนโปรแกรม (Coding) วิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computing Sciences) รวมไปถึงทักษะการใช้เทคโนโลยีไซเบอร์อย่างม่ันคงปลอดภัย (Cyber Wellness Education) ต้งั แตร่ ะดับประถมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการยังมีแนวคิดท่ีจะเติมเต็มทักษะความรู้ทางด้านการเงินให้นักเรียนควบคู่ไปกับทักษะ ทางเทคโนโลยีด้วย เพราะเล็งเห็นว่าหลังโควิด-19 การทำธุรกรรมการเงินและกิจกรรมทางเศรษฐกิจบนช่องทาง อิเล็กทรอนิกส์กำลังเป็นที่นิยมแทนท่ีเงินสด ทักษะด้านเทคโนโลยีกับด้านการเงินจึงแยกจากกันไม่ขาด นอกจากจะใหค้ วามรเู้ ร่อื งการเงินในหลักสตู รแลว้ กระทรวงยังจะส่งเสริมให้นักเรยี นทุกคนมีสมดุ บัญชตี ้ังแต่อยู่ ช้ันประถมเพื่อฝึกการใช้จ่ายเงนิ แบบไมใ่ ช้เงนิ สด และฝึกใหร้ จู้ ักบรหิ ารเงินของตวั เองเปน็ ตัง้ แตเ่ ด็กดว้ ย ในระดับอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการก็กำลังเร่งติดปีกทักษะทางเทคโนโลยีให้นักศึกษาเหมือนกัน สำหรับนักศึกษาที่เรียนในสาขาท่กี ำลังข้องเกยี่ วกับเทคโนโลยี AI มากขึ้น เช่น สาขาความมั่นคงไซเบอร์ การขนส่ง อุตสาหกรรมและการเงินการธนาคาร กระทรวงได้เพิ่มความเข้มข้นของเนื้อหาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เชิงลึกลงไปในหลักสูตร ขณะที่นักศึกษาในสาขาอ่ืน ๆ ก็จะได้เรียนความรู้พื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล สถาบันการศึกษาหลายแห่งยังเร่ิมนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนในบางสาขามากข้ึน เช่น การใช้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality Technology) เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติและ AI
194 เพ่ือเตรียมพร้อมทักษะนักศึกษาให้รองรับโลกการทำงานในหลายสาขาอาชีพท่ีกำลังจะขอ้ งเกี่ยวกับเทคโนโลยี เหลา่ น้ีมากขน้ึ นอกเหนือจากในแง่เทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการของสิงคโปร์ยังมองว่านับจากนี้ คนสิงคโปร์ จำเป็นต้องมีทักษะความรู้หลากหลาย เพราะหลายภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมหลังโควิด-19 กำลังเปล่ียน รูปแบบไปอย่างรวดเร็วและซับซ้อนข้ึน ทำให้แรงงานจะไม่สามารถมีความชำนาญเพียงด้านเดียวได้อีกต่อไป กระทรวงจึงมีแผนปรับรูปแบบหลักสูตรระดับอุดมศึกษาให้เป็นแบบสหวิทยาการ (Interdisciplinary Learning) ซึง่ เน้นให้นกั ศึกษาเรียนแบบบูรณาการหลายสาขาวชิ าเข้าด้วยกัน แทนที่จะเรียนเพียงสาขาเดียว ตอนน้ีหลาย สถาบันอุดมศึกษาในสิงคโปร์ก็เร่ิมรับลูกนโยบายแล้ว บางแห่งได้จัดทำหลักสูตรใหม่ท่ีประยุกต์รวมมากกว่า 1 สาขาวิชา เช่น หลักสูตรเศรษฐศาสตร์และวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Economics and Data Science) คอมพิวเตอร์และการบริหารโครงการ (Computing and Project Management) และธุรกิจวิศวกรรม (Business Engineering) บางแห่งก็เตรียมปรับให้นักศึกษาเรียนสาขาวิชาเอกได้ 2 สาขา จากท่ีปกติเลือกได้สาขาเดียว บางแห่งใช้วิธีเปิดโอกาสให้นักศึกษาลงเรียนได้หลายวิชามากขึ้น และเรียนวิชาข้ามสาขาได้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะในชั้นปีแรก ๆ ของการเรียนที่เป็นการช่วยใหน้ ักศึกษาได้ทักษะความร้ทู ี่หลากหลาย และเป็นโอกาส ทจี่ ะคน้ หาตัวเองไดด้ ขี นึ้ ก่อนท่จี ะตัดสนิ ใจเลือกสาขาวิชาเอกท่ีชอบจริง ๆ หลักสูตรระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาบางหลักสูตรยังมีการปรับปรุงเน้ือหาแบบเร่งด่วน โดยเฉพาะ หลกั สตู รในสาขาวิชาทเี่ กี่ยวขอ้ งกับสายงานท่ีได้รับผลกระทบหนักจากการแพร่ระบาดของโควดิ -19 เช่น สาขา การท่องเท่ียว การโรงแรมและคหกรรม เพื่อพัฒนาทักษะให้สอดรับกับการเปลี่ยนรปู แบบการให้บริการท่ามกลาง วิกฤตโควิด-19 และช่วยให้นักศึกษาไม่ตกงาน เช่น สาขาคหกรรม มีการสอนปรับสูตรอาหารในกรณีท่ีขาด แคลนวัตถุดิบ รวมไปถึงการสอนวิธีการปรับเปล่ียนเมนูอาหารและราคาให้สอดรับกับต้นทุนท่ีเปล่ียนไปและ ดงึ ดูดลกู ค้ามากข้นึ ขณะท่นี ักศกึ ษาในสาขาการท่องเทย่ี วและการโรงแรมก็ได้เรยี น วิธีการทำความสะอาดที่พักด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ การจัดงานประชุมหรืออีเวนต์แบบทางไกลด้วย เทคโนโลยีสารสนเทศ (Virtual Meeting / Virtual Event) นอกจากน้ีสถาบันการศึกษาบางแห่งยังให้นักศึกษา ในสาขาวิชาเหล่านี้เรียนวิชาอน่ื ๆ เพม่ิ เติมนอกเหนือจากวิชาหลักท่เี รียนอยู่ โดยเฉพาะวิชาทีต่ อ้ งใช้ในสายงาน ทกี่ ำลังเป็นท่ตี ้องการในตลาดแรงงาน เช่น การดูแลผู้ปว่ ย การดแู ลสุขภาพ การเงนิ การธนาคารและเทคโนโลยี ดิจิทัล เพ่ือให้นักศึกษาสามารถไปทำงานในสายงานเหล่านี้ได้ระหว่างรอให้สายงานที่ตัวเองเรียนอยู่ฟื้นตัว จากพษิ โควดิ -19 นอกจากน้ีรัฐบาลยังมีแผนส่งเสริมให้นักเรียนนักศึกษาฝึกงานเพื่อเติมเต็มทักษะความร้ใู ห้พร้อมเข้าสู่ โลกการทำงานหลังโควิด-19 นอกเหนือไปจากการเรียนในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว โดยหยิบโครงการที่มีอยู่ แล้วอย่าง Skills Future Work-Study Program มาขยับขยาย เพิ่มโอกาสฝึกงานมากข้ึนให้กับนักเรียน นกั ศกึ ษา และเตรียมถูกยกใหเ้ ปน็ องคป์ ระกอบสำคัญในหลกั สตู รการศึกษาภายในปี 2568 มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 195 10. การศกึ ษาในประเทศเกาหลีใต้ การปฏริ ูประบบการศึกษาของเกาหลีใต้ ภาพประกอบที่ 6.15 การทดสอบความสามารถด้านการศกึ ษาระดับอดุ มศกึ ษา (CSAT) เกาหลีได้ทำการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกในปี 1995 เพื่อรองรับสังคมแห่งการเรียนรู้และการแข่งขัน ในทศวรรษท่ี 21 ยทุ ธศาสตรก์ ารปฏริ ูปการศึกษาของเกาหลีท่สี ำคัญมีดงั นี้ 1. ปฏริ ูปโครงสรา้ งกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เกาหลีได้ปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ ในปี 2001 และเปล่ียนชื่อเป็นกระทรวงศึกษาธิการ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีอำนาจที่ครอบคลุมต้ังแต่การศึกษาในโรงเรียนไปจนถึงการศึกษาเพ่ือสังคม และการศึกษาตลอดชีวิตในทุก ๆ ภาคส่วนของสังคม โครงสร้างแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ กระทรวงท่ีต้ังอยู่ใน ส่วนกลาง และสำนักงานเขตการศึกษาที่ต้ังอยู่ในจังหวัดต่างๆ ซ่ึงกระทรวงญ ได้กระจายอำนาจการบริหาร จัดการและงบประมาณให้แก่หน่วยงานในระดับท้องถ่ิน กระทรวงศึกษาธิการมีสภาที่ปรึกษาระดับนโยบาย (Advisory Council for Education and Human Resources Development Policy) ซ่ึงมีหน้าท่ีให้คำปรึกษา แก่ประธานาธิบดี และมีสภาทีป่ รึกษาด้านการศึกษา (Central Council on Education) มีหน้าที่ใหค้ ำปรกึ ษา แกร่ องนายกรัฐมนตรีท่ีดูแลการศึกษาและรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการ 2. ปฏริ ปู หลักสูตร กำหนดคณุ ลักษณะผู้เรยี นในอนาคต หลักสูตรการศึกษาประกอบด้วยหลักสูตรแกนกลางและหลักสูตรสถานศึกษาท่ีโรงเรียนและครู สามารถจัดทำข้ึนตามลักษณะและจุดประสงค์ของแต่ละโรงเรียนและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม การปรับปรุงหลักสูตร คร้ังที่ 7 ในปี 1997 กำหนดคุณลักษณะของผู้เรียนในอนาคตให้เป็นท่ีรู้จักการเรียนรู้ ดว้ ยตนเอง สามารถพัฒนาบุคลิกภาพ มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ รู้จักการพัฒนาอาชีพ รู้จกั สร้างประโยชน์แก่ ส่วนรวมและอุทิศตนเพ่ือพัฒนาชุมชนบนพ้ืนฐานของประชาธิปไตย หลักสูตรจึงเป็นทั้งมาตรฐานหลักของ การศกึ ษาและเป็นกรอบแนวทางการพฒั นาแบบเรียนและค่มู ือครู 3. ปฏิรปู อดุ มศึกษา สูค่ วามเป็นเลศิ ในสงั คมฐานความรู้ รัฐบาลเกาหลีมีเป้าหมายพัฒนามหาวิทยาลัยในศตวรรษท่ี 21 เพอ่ื ยกระดับสถาบันอดุ มศึกษาให้มี ความเป็นเลิศ มีความหลากหลายและเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความเช่ียวชาญ มหาวิทยาลัยจึงต่างแข่งขันกัน พัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อให้ก้าวทันสังคมฐานความรู้และก้าวสู่มหาวิทยาลัยช้ันนำ ด้วยการปรับปรุงคุณภาพ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 196 และการบริหารจัดการ มหาวิทยาลัยมีบทบาทสำคัญทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนา และการผลิตกำลังคนให้ ตอบสนองความต้องการภาคอุตสาหกรรม โดยกำหนดเป้าหมาย (Benchmark) ในการผลิตกำลังคนท่ีมีคุณภาพสูง ได้มีการยกเลิกกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพมหาวิทยาลัยให้เข้มแข็งมีอิสระในการบริหาร (Autonomy) สามารถตรวจสอบได้ (Accountability) ยืดหยุ่นและสามารถปรบั ตวั ใหท้ ันกับการเปลีย่ นแปลงมุ่งเน้น ประสิทธิภาพของอุดมศึกษา มีการปรับปรุงการบริหารจัดการและพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับความสามารถ ของผ้เู รียน ให้มมี าตรฐานในระดับนานาชาติ เน้นการเรียนรู้ที่ไร้พรมแดน เพื่อก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลงและ การพัฒนาประเทศในสังคมโลกยุคใหม่ โดยเน้นการเรียนรู้ส่ิงใหม่ ๆ ท่ีก้าวล้ำนำยุคในสังคมฐานความรู้ นักศึกษาจงึ ตอ้ งมคี วามสามารถในการแสวงหาขอ้ มลู และมีทกั ษะทางภาษาต่างประเทศ 11. ระบบการศกึ ษาของเกาหลใี ต้ ภาพประกอบที่ 6.16 การศกึ ษาของประเทศเกาหลใี ต้ ระบบการศึกษาของเกาหลีใตจ้ ัดตามข้อกำหนดของกฎหมายการศึกษาซ่ึงประกาศใช้เมื่อปี ค.ศ. 1949 กำหนดใหป้ ระชาชนทุกคนมีสิทธิได้รับการศกึ ษาตามความสามารถ โดยเด็กทุกคนต้องได้รบั การศึกษาในระดับ ประถมศึกษาเป็นอย่างน้อย ซึ่งรัฐบาลจัดให้ฟรี ระบบการศึกษาของเกาหลีใต้เป็นระบบ 6–3–3–4 คือ ชั้นประถมศึกษา 6 ปี มัธยมศึกษาตอนต้น 3 ปี มัธยมศึกษาตอนปลาย 3 ปี และวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย 4 ปี กฎหมายการศึกษาได้กำหนดวันเวลาการเรียนใน 1 รอบปีการศึกษาของระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลายเท่ากับ 220 วัน ระดบั วทิ ยาลัยและมหาวทิ ยาลยั เทา่ กับ 32 สัปดาห์ ภาคเรียนมี 2 ภาค ภาคต้นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึง 31 สิงหาคม ภาคเรียนที่ 2 เริ่มต้ังแต่ วันที่ 1 กันยายน ถึง ส้ินเดือน กุมภาพนั ธ์ ระบบการศึกษาของเกาหลจี ดั แยกได้เปน็ 2 ประเภท คือ 1. การศึกษาข้ันพื้นฐาน มี 3 ระดับ คือ อนุบาลศึกษาหรือก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษาและ มัธยมศึกษา 2. การศึกษาระดับอดุ มศึกษา ระบบการศึกษาของเกาหลีระดับอุดมศึกษา แบ่งสถาบันการศึกษาออกเป็น 5 ประเภท คือ วิทยาลัย หรือมหาวทิ ยาลยั หลกั สตู ร 4 ปี (ซึ่งรวมท้ังมหาวทิ ยาลัยเปิด) วิทยาลัยครู วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษา โพลีเทคนคิ และ โรงเรียนพิเศษ (miscellaneous schools) โดยสถาบันท้ังหมดสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ แต่ละประเภท มีลักษณะดังนี้ คอื
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 197 2.1 วทิ ยาลัยและมหาวทิ ยาลยั หลกั สูตรปรญิ ญาตรีจะมหี นว่ ยกิตไมน่ ้อยกว่า 140 หนว่ ยกิต ในมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งอาจจะ มีบัณฑิตวิทยาลัยที่เปิดสอนถึงปริญญาโทและเอกได้ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยพยายามท่ีจะเปล่ียนแปลงการ บริหารวิชาการ โดยพยายามรวมภาควิชาที่มีลักษณะใกล้เคียงกันให้อยู่เป็นภาควิชาเดียวกัน เพ่ือให้เกิดความ ร่วมมอื กันผลติ บณั ฑิตและเปน็ การลดพรมแดนการแบ่งแยกภาควิชาไปในตัว ในส่วนของมหาวิทยาลัยเปิด (Korea National Open University) มีต้นกำเนิดมาจากมหาวิทยาลัย ทางอากาศเกาหลีที่มีฐานะเป็นสถาบันสมทบกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ในปี 1972 มุ่งเน้นการสอนในด้าน อาชีวศกึ ษา และปรบั มาเปน็ มหาวิทยาลยั เปิดแห่งชาติเกาหลใี นปี 1994 รัฐจะกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเป็นบรรทดั ฐานเพอ่ื การรับรองคุณภาพมหาวิทยาลัยซ่ึงมาตรฐาน จะแตกตา่ งไปตามรูปแบบของมหาวิทยาลยั ปัจจบุ ันรฐั อนญุ าตให้ต้งั มหาวิทยาลัยในระดับจงั หวัดได้ เพอื่ ใหเ้ กิด มหาวทิ ยาลัยขนาดเล็กท่ีสามารถตอบสนองชุมชนหรือความตอ้ งการของ สาขาวิชาชีพซง่ึ เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ อีกอย่างหน่ึงของระบบการศกึ ษาของเกาหลี แต่มหาวทิ ยาลัยก็ต้องมีการประเมินตนเองเป็นประจำทุกปี ในแง่ ของการประเมินจากองค์กรภายนอกจะดูท่คี ณุ ภาพของงานวิจยั และจำนวนผูจ้ บการศึกษา ปัจจุบันมีองค์กรอิสระที่ไม่ขึ้นต่อรัฐบาลทำหน้าท่ีประเมินเพื่อการรับรองคุณภาพของมหาวิทยาลัย ในเกาหลี องค์กรน้ีเรียกว่า สภาการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเกาหลี (Korea Council for University Education – KCUE) เป็นองค์กรท่ีได้รับการยอมรับจากกระทรวงศึกษาธิการ วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย โดยทั่วไป 2.2 วิทยาลัยครูหรอื สถาบนั ผลิตครู มี 2 รูปแบบ คือ วทิ ยาลัยครูและวิทยาลัยวิชาการศึกษา วิทยาลยั ครู ผลติ ครเู พอ่ื ไปสอนระดับ ประถมศึกษาผู้ท่ีเรียนจบจะได้รับปริญญาบัตรและประกาศนียบัตรการสอนประถมศึกษา นักเรียนท่ีเข้าเรียน จะเป็นนักเรียนทุนได้รับการยกเว้นค่าลงทะเบียนและค่าสอน แต่เม่ือจบแล้วต้องไปเป็นครูในโรงเรียนประถมศึกษา อย่างน้อย 4 ปี ส่วนวิทยาลัยวิชาการศึกษาใช้หลักสูตร 4 ปี เช่นกนั เพื่อผลิตครรู ะดบั มัธยมศึกษา นอกจากน้ัน ยงั มีมหาวทิ ยาลัยทางการศกึ ษาช่อื ว่า Korea National University of Education ต้งั ขึน้ ในปี 1985 เพอ่ื ผลิต ครูช้ันนำที่สามารถสอนและวิจัย เกี่ยวกับการศึกษาในระดับอนุบาล ประถมและมัธยมได้ รวมท้ังสร้างบุคลากร ทจี่ ะเป็นหวั หอกของการปฏริ ปู การศกึ ษา ตลอดจนการเน้นบทบาทด้านการฝกึ อบรมครูและวจิ ยั ทางการศึกษา 2.3 วิทยาลยั อาชีวศึกษา เป็นสถาบันที่สอน 2-3 ปี หลังระดับมัธยมศึกษา สาขาวิชาท่ียอดนิยม คือ วิศวกรรม เทคโนโลยีและพยาบาล 2.4 โพลีเทคนิคหรือมหาวิทยาลัยเปิดทางอุตสาหกรรม (Open Industrial University) สถาบันน้ี มุ่งใหก้ ารศึกษาทางอาชวี ะแก่ผู้ใหญท่ ี่กำลังทำงานและประสงคจ์ ะเรยี นในระดบั อุดมศึกษา 2.5 โรงเรียนเสริมพิเศษ (Miscellaneous school) เป็นสถาบันที่ตั้งข้ึนเพื่อเปิดสอนสาขาวิชาท่ีไม่ได้เปิดสอนในวิทยาลัยโดยปกติทั่วไป สถาบัน จึงมีขนาดเล็กกว่าวิทยาลัยแต่ก็เปิดสอนหลักสูตร 4 ปี เช่นกันในบางแห่ง เมื่อจบแล้วผู้เรียนจะได้รับวุฒิบัตรและ ประกาศนยี บตั ร มีศักดิแ์ ละสทิ ธ์ิเทา่ กบั วทิ ยาลัยอืน่ ถ้าสถาบันท่จี บไดร้ ับการรับรองจากกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ระบบการศึกษาของเกาหลียุคใหม่เป็นการจัดการศึกษาโดยสร้างระบบการศึกษาใหม่ (New Education System) เพื่อมุ่งสู่ยุคสารสนเทศและโลกาภิวตั น์โดยเป้าหมายสูงสุดของระบบการศึกษาของเกาหลียคุ ใหม่ คือ ความเป็นรัฐสวัสดิการทางการศึกษา สร้างสังคมการศึกษาแบบเปิดและตลอดชีวิตทำให้ชาวเกาหลีทุกคน สามารถใช้ประโยชน์จากการศกึ ษาได้ทกุ เวลาและทุกสถานที่
198 รัฐบาลปรับโครงสร้างระบบการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและเทคนิค นำเยาวชนเข้าสู่ชีวิตยุคสารสนเทศ มีเสรีภาพที่จะถ่ายโอนการเรียน สามารถถ่ายโอนหน่วยกิตข้ามโรงเรียนหรือข้ามสถาบันการศึกษาตลอดจน ข้ามสาขาวิชาได้ ณ วันนี้ระบบการศึกษาของเกาหลียุคใหม่ ได้ให้ความสำคัญแก่ผู้เรียน จัดให้มีโรงเรียนและ การศึกษาเฉพาะทางหลายรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถหาความรู้พัฒนาตนเองตามความสนใจ โรงเรียนมีอำนาจในการบริหารจัดการโดยการมีส่วนร่วมกับชุมชนและผู้ปกครองมากย่ิงข้ึน เทคโนโลยีสารสนเทศ สมัยใหม่และอุปกรณ์ในระบบมัลติมีเดียช่วยให้บุคคลศึกษาหาความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา รวมท้ังจัดต้ังบัณฑิตวิทยาลัย ทางวชิ าชพี เพอ่ื พฒั นาวชิ าชีพในยคุ เทคโนโลยสี ารสนเทศ กล่าวโดยสรุป เกาหลีได้สร้างระบบการศึกษาสมัยใหม่ท่ีมุ่งพัฒนาเครือข่ายสารสนเทศเพ่ือการเป็น สังคมแห่งความรู้ (Knowledge-based Society) สร้างสภาวะแวดล้อมที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อให้คนเกาหลีมีความรู้ ความสามารถ มีความทันสมัยและท่ีสำคัญ คือ มีจริยธรรมแต่ยังคงความเป็น เลศิ ดา้ นการศกึ ษาและดำรงมาตรฐานของระบบการศกึ ษาของเกาหลีได้อกี ดว้ ย ขอ้ มลู โครงการประเมนิ ผลนักเรียนร่วมกบั นานาชาติ ตารางที่ 6.6 คะแนนเฉลย่ี วิทยาศาสตร์ การอ่าน และคณิตศาสตร์ของประเทศตา่ ง ๆ ใน PISA 2015 (สสวท. และ OECD.) มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
199 ข้อมูลโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programmer for International Student Assessment) หรือ PISA ระบุว่า เด็กนักเรียนในประเทศเกาหลีใต้มีผลการเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการอา่ น ดังน้ี อนั ดับที่ 7 อันดับท่ี 7 มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง อันดบั ที่ 11 ตารางท่ี 6.7 คะแนนเฉล่ยี วิทยาศาสตร์ การอา่ น และคณติ ศาสตร์ ของประเทศตา่ ง ๆ ใน PISA 2015 (ท่ีมา : สสวท. และ OECD.) ประเทศเกาหลีใต้ได้รับการจัดอันดับของการศึกษาของโครงการประเมนิ ผลนักเรยี นร่วมกับนานาชาติ ซึ่งเปรียบเทียบระบบการศึกษาระดับประเทศในระดับสากล ในการศึกษาปี ค.ศ. 2015 ประเทศเกาหลีใต้ อนั ดับที่ 7 ในการอ่าน, อันดบั ที่ 7 ในวชิ าคณิตศาสตร์ และอันดับท่ี 11 ในวชิ าวิทยาศาสตร์ ขอ้ มูลโครงการประเมินผลคะแนน PISA ปี ค.ศ 2018 ตารางที่ 6.8 คะแนนเฉลี่ยวิทยาศาสตร์ การอา่ น และคณติ ศาสตร์ ของประเทศต่างๆ ใน PISA 2018 (ท่มี า : ณรงค์กร มโนจันทร์เพ็ญ, 04/12/2019)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 200 ประเทศใต้ได้รับการจัดอันดับ 9 ในปี ค.ศ. 2018 การศึกษาของโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับ นานาชาติ โดยได้คะแนนเฉล่ีย ในการอ่าน 519 คะแนน ,ในวิชาคณิตศาสตร์ 526 คะแนน และในวิชา วิทยาศาสตร์ได้ 514 คะแนน 12. ปจั จยั ท่ที ำใหก้ ารศึกษาของประเทศเกาหลีใตป้ ระสบความสำเร็จ ภาพประกอบท่ี 6.17 การศกึ ษาของประเทศเกาหลใี ต้ ปัจจัยที่ทำให้การศึกษาของประเทศเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จ คือ \"สัญชาตญาณ ฮัน (Han)\" คือ ความรู้สึกที่เป็นคุณลักษณะที่ขับดันให้ชาวเกาหลีเกิดความสำเร็จในการสร้างชาติ เกิดเป็นอุดมการณ์ท่ีได้ ประกาศไว้ในหัวใจของทุกคนว่า \"เกาหลีจะแพ้ชาติใดในโลกก็ได้ แต่ยกเว้นต้องไม่แพ้ญ่ีปุ่น\" ญ่ีปุ่นจึงกลายเป็น Benchmark ของชาวเกาหลี ที่ใช้เป็นเพดานเกณฑ์มาตรฐาน เอาญ่ีปุ่นเป็นคู่แข่งขันเป็นเป้าหมายของความสำเร็จ ปัจจัยความเช่ือทางศาสนา ขงจ้ือ วัฒนธรรม ขงจื้อ ท่ีเป็นวัฒนธรรมของชาวเกาหลี จะให้ความสำคัญต่อ การศึกษา ยกย่องคนท่ีมีการศึกษาเป็นคนท่ีมีเกียรติ คนที่เรียนสูงจะได้รับการยอมรับได้รับก ารยกย่อง ชาวเกาหลีให้ความสำคัญและทุ่มเทกับการจัดการศึกษาอย่างสูงยิ่ง พ่อแม่ผู้ปกครองจะพยายามทุ่มเท ส่งลูกหลานของตนเองให้ได้เข้าเรียนหนังสือในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงสูง ลูกหลานชาวเกาหลีทุกคนจึง ตอ้ งแขง่ ขนั ขยนั อดทนเรียน ลูกใครที่ไดร้ ับการศึกษาดี สงู จะได้รับการยกย่อง ลูกหลานใครทไี่ ด้รับการศึกษาต่ำ หรือไม่ประสบผลสำเร็จจะได้รับการดูถูก การแข่งขันกันสอบเข้าเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นแรงกดดันให้ นักเรียนต้องทุ่มเทการเรียน ทั้งในโรงเรียนและเรียนพิเศษตลอดเวลาจนเกิดเป็นวัฒนธรรมการเรียนหนักแบบ หามรุ่งหามค่ำ ความขยันในการเรียนและการใฝ่รู้ใฝ่เรียนจึงถูกฝังอยู่ในสายเลือดของคนเกาหลี พ่อแม่ผู้ปกครอง ในยุค Baby Bloom ต่างทุ่มเท แข่งขันกันส่งลูกเข้าโรงเรียนเพื่อให้ลูกได้หนีจากความลำบากสมัยที่พ่อแม่เคย ประสบมา ซ่งึ เปน็ สาเหตหุ น่ึงใหเ้ ดก็ ในวยั เรียนฆ่าตวั ตายสูง 13. งบประมาณดา้ นการศกึ ษาของประเทศเกาหลใี ต้ การทุ่มเงนิ งบประมาณกับการศกึ ษาอยา่ งมหาศาลอยู่ทีป่ ระมาณ 11,300 ล้านเหรยี ญสหรัฐในปที ่ีแล้ว ทำให้เหน็ ได้ว่าประเทศเกาหลีใต้ให้ความสำคัญต่อการศึกษาอย่างย่งิ ยวด และขน้ึ เป็นอันดบั 1 ในการจดั อันดับ ระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก แซงหน้าคู่แข่งอย่างญ่ีปุ่นและฟินแลนด์ไปได้ด้วยความอุตสาหะในการศึกษา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 201 ของเยาวชนในประเทศ ซึ่งเรียนหนังสือในโรงเรียน 7 วันต่อสัปดาห์ ท่ีเร่ิมตั้งแต่เช้าจดเย็น รวมเข้ากับการติว และเรียนพิเศษเพ่ิมเติมจนถึงห้าทุ่มเป็นปกติ จึงทำให้เกาหลีใต้ขึ้นช่ือว่าเป็นประเทศที่ทุ่มเทให้แก่การศึกษา มากที่สดุ ในโลก สถานการณโ์ ควิด-19 ทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ การศึกษาของประเทศเกาหลใี ต้ โรงเรียนทุกแห่งในกรุงโซลและพื้นที่ใกล้เคียงต้องกลับไปจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ต้ังแต่ วันท่ี 15 ธันวาคม เรื่อยไปจนถึงส้ินปีน้ี ตามคำสั่งของรัฐบาลเกาหลีใต้ ซ่ึงยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ ระบาดระลอกท่ีสามของโรคโควิด-19 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรงุ โซล ประเทศเกาหลีใต้ เม่ือวันท่ี 14 ธ.ค.ว่านายจอง ซเยคยอง นายกรฐั มนตรีเกาหลใี ต้ แถลงเม่ือวนั จนั ทร์ ว่าทีป่ ระชมุ คณะรัฐมนตรีสง่ั ปิดโรงเรียนทุกแหง่ ในกรงุ โซล เมอื งอิน ชอนและจังหวัดคย็องกี ระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม จนถึง 31 ธันวาคม นี้ โดยตลอดช่วงเวลาดังกล่าวให้ สถาบันการศึกษาทุกแห่งกลับไปจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลถือ เป็น \"สัญญาณแรก\" ของการเตรียมเข้าสู่มาตรการควบคุมทางสังคมข้ันที่ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดจากท้ัง 5 ขั้น ท่ีภาครัฐร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข กำหนดข้ึนเพ่ือใช้จัดระเบียบทางสังคม ในช่วงท่ีเกาหลีใต้กำลัง เผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกที่สามของโรคโควิด-19 ปัจจุบันกรุงโซลและพื้นที่ใกล้เคียงอยู่ ภายใตม้ าตรการควบคมุ ระดับ 2.5 ซง่ึ เปน็ ข้ันรองสูงสดุ 14. การเปล่ียนแปลงข้อมลู เล่อื นการจัดสอบ โครงการประเมินผลนกั เรยี นรว่ มกบั นานาชาติจาก ค.ศ 2021 เปน็ ค.ศ. 2022 ตามที่สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ทำหน้าที่เป็นศูนย์แห่งชาติ ดำเนินงาน โปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (Programmer for International Student Assessment หรือ PISA) ซ่ึงการประเมินดังกล่าวริเร่ิมโดยองค์การเพ่ือความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development ห รือ OECD) มี วัต ถุ ป ระส งค์ เพื่ อ ประเมินคุณภาพของระบบการศึกษาในการเตรียมความพร้อมให้ประชาชนมีศักยภาพหรือความสามารถ พืน้ ฐานท่จี ำเป็นต่อการดำรงชีวติ ในโลกท่ีมกี ารเปลย่ี นแปลง สำหรับประเทศไทยได้เข้าร่วมการประเมิน PISA มาตั้งแต่รอบแรก (PISA 2000) ในปี พ.ศ. 2543 จนถึง รอบการประเมินปัจจุบัน คือ PISA 2021 โดยเน้นประเมินด้านคณิตศาสตร์และมีการประเมินเพ่ิมเติมด้านความคิด สร้างสรรค์ (Creative Thinking) ซ่ึงมีประเทศเข้ารว่ มการประเมินจำนวน 88 ประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการ เตรียมการสำหรับจัดสอบ PISA 2021 ซ่ึงในกำหนดการปกติ OECD กำหนดให้จัดสอบ PISA 2021 รอบทดลอง ใช้เคร่ืองมือ (Field Trial) ในปี ค.ศ. 2020 จัดสอบรอบการวิจัยหลัก (Main Survey) ในปี ค.ศ. 2021 และ ประกาศผลการประเมนิ ในปี ค.ศ. 2022 อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานสำหรับการประเมิน PISA 2021 ของประเทศต่าง ๆ ซ่ึงทำให้ประเทศส่วนใหญ่ ยังไม่สามารถดำเนินการจัดสอบรอบ Field Trial ได้ เน่ืองจากมีการประกาศปิดโรงเรียนท่ัวประเทศ ท้ังนี้ ภายหลังจากการประชุมสภาบริหารของโปรแกรม PISA (PISA Governing Board หรือ PGB) ครั้งที่ 49 และ การประชุมคณะกรรมการ PISA Executive Group (EXG) ประเทศในกลุ่มสมาชิก OECD จำนวน 37 ประเทศ และประเทศที่เป็นสมาชิกสมทบ (Associate members) จำนวน 2 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทย ในฐานะสมาชิกสมทบ มีข้อสรุปร่วมกันว่าให้มีการเลื่อนการดำเนินงาน PISA 2021 ออกไปเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเครื่องมือและการเก็บข้อมูลได้อย่างมีคุณภาพทัดเทียมกับรอบการ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 202 ประเมินท่ีผ่านมา ดังน้ัน จึงทำให้จะมีการจัดสอบรอบ Field Trial ในปี ค.ศ. 2021 และสอบรอบ Main Survey ในปี ค.ศ. 2022 ซึ่งต่อไปรอบการประเมินดังกล่าว จะเรียกว่า PISA 2022 สำหรับประเทศไทย การประเมิน PISA 2022 จะมีการจัดสอบรอบ Field Trial ในเดือนสิงหาคม 2564 และจัดสอบรอบ Main Survey ในเดอื นสงิ หาคม 2565 ทั้งนี้ จากการเล่ือนการดำเนินงานของ PISA 2021 ทำให้มีผลกระทบต่อแผนการดำเนินงานในรอบ ถัดไปเช่นกัน ดังน้ัน เพ่ือให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานที่ OECD กำหนดไว้ จึงได้ปรับรอบการประเมิน จาก PISA 2024 ไปเปน็ PISA 2025 ซ่ึงจะจัดสอบรอบ Main Survey ในปี ค.ศ. 2025 ต่อไป 15. บทสรปุ การรอบรบู้ ริบทการเปล่ยี นแปลงของสังคม ภายนอกประเทศ ที่สง่ ผลกระทบต่อการศึกษา กรณีศึกษา 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศฟินแลนด์ ประเทศสิงคโปร์ และประเทศเกาหลีใต้ โดยสรปุ ได้ดังน้ี การเปรียบเทียบ แนวทางการพฒั นามาตรฐานการศกึ ษาของประเทศ ท่เี ป็นกรณีศึกษา 3 ประเทศ พบวา่ ทุกประเทศ มุ่งพัฒนา มาตรฐานการศึกษาให้สูงขึ้น โดยเทียบเคียงกับผลการสอบวัดความรู้และทักษะการอ่าน คณิตศาสตร์ และ วทิ ยาศาสตร์ ขององค์การความรว่ มมอื ในการพัฒนาเศรษฐกจิ (OECD) โดยการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาก่อน ระดับประถมศึกษา ประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้สอดคล้องกับแนวการสอบ PISA ซ่ึงให้ความสำคัญกับ ทักษะพ้ืนฐานของการเรียนรู้ คือ การอ่าน การเขียนภาษาประจำชาติ การคิดเลขหรือคณิตศาสตร์ และด้าน วทิ ยาศาสตร์ ในระดบั การศึกษาภาคบังคบั ซึ่งบริบทการศึกษาของประเทศฟินแลนด์เป็นประเทศหนึ่งในทวีปยุโรป ถูกจัดอันดับว่าเป็นประเทศ ที่ดีท่ีสุดในโลก มีการทุจริตน้อยท่ีสุด ประเทศฟินแลนด์ให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก และลงทุน ทางการศึกษาสูงมาก จนกระท่ังได้ชื่อว่ามีคุณภาพการศึกษาดีที่สุดในโลก การศึกษาเป็นสิทธิข้ันพ้ืนฐานของ พลเมืองประเทศฟินแลนด์ทุกคน เป้าหมายหลักของการจัดการศึกษา คือ การยกระดับคุณภาพและการให้ โอกาสทางการศึกษาท่ีเสมอภาคกัน (The Basic Education Act of 1998, Section 2) จุดมุ่งหมายของ การศึกษา คือ เพ่ือสนับสนุนพัฒนาการของนักเรียนให้เติบโตเป็นมนุษยท์ ี่สมบูรณ์ และเป็นสมาชิกของสังคมที่ รับผิดชอบอย่างมีจรรยาบรรณ และเพ่ือให้ความรู้และทักษะต่าง ๆ ท่ีจำเป็นในการดำรงชีวิต เป้าหมายของ การศึกษาก่อนประถม มุ่งปรับปรุงขดี ความสามารถในการเรยี นร้ขู องเดก็ ส่งเสริมความมีอารยธรรม และความ เท่าเทยี มกัน ในสงั คม เตรยี มเด็กเขา้ สู่ระบบการศึกษาและการพฒั นาตนเองตลอดชีวติ สว่ นสาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ประชากรมคี ุณภาพชีวิตดที ่ีสุดในเอเชียและเป็นอนั ดับ ที่ 11 ของโลก (จัดอันดับโดย The Economist Intelligence Unit’s “Quality-Of-Life Index”) ด้วย พ้ืนฐานของประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศท่ีมีเสถียรภาพทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคมสูงที่สุดแห่งหนึ่งของ โลก นายกรัฐมนตรีทุกคนของสิงคโปร์ได้ออกมามีบทบาทและให้วิสัยทัศน์ทางการศึกษาที่ชัดเจน ให้ ความสำคัญต่อการพัฒนาคน โดยเช่ือว่าประชาชน คือ ทรัพยากรท่ีมีค่าท่ีสุดของประเทศ ทำให้แผนงาน ทางการศึกษาสามารถปฏิบัติงานได้อย่างลุล่วงตามวัตถุประสงค์ มีผลให้การศึกษาของสาธารณรัฐสิงคโปร์ ก้าวหน้าไปกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้โดยถือว่าเป็นประเทศท่ีมีระบบการศึกษาที่ดี ที่สุดแห่งหน่งึ ของโลก และสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญ กับการศึกษามาก นักเรียนเรียนพิเศษนอกโรงเรียนถึงร้อยละ 90 ซ่ึงสูงที่สุดในประเทศกลุ่ม OECD และให้ความ สำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษมาก (เกวสิน ศรีมว่ ง. 2555) ประเทศเกาหลีใต้มีระบบการศึกษาสมัยใหม่ท่ีมุ่ง พฒั นาเครือขา่ ยสารสนเทศเพ่อื การเป็นสังคมแหง่ ความรู้ สร้างสภาวะแวดลอ้ มที่กระตนุ้ ให้เกิดการเรยี นรู้อย่าง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 203 ตอ่ เนอื่ ง เพอื่ ให้คนเกาหลใี ตม้ ีความรู้ ความสามารถ มีความทนั สมยั และทสี่ ำคัญ คอื มีจรยิ ธรรม แตย่ งั คงความ เปน็ เลิศด้านการศึกษาและดำรงมาตรฐานของระบบการศกึ ษาของประเทศเกาหลใี ต้อีกด้วย ดังนั้น การรอบรู้บริบทการเปล่ียนแปลงของสังคม ภายนอกประเทศ ท่ีส่งผลกระทบต่อการศึกษา กรณีศึกษา 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศฟินแลนด์ ประเทศสิงคโปร์ และประเทศเกาหลีใต้ มุ่งปฏิรูปการศึกษา ข้นั พื้นฐานเพ่ือยกระดับมาตรฐานของการศึกษาทั้งระบบ ซึ่งมีรัฐบาลสนับสนุนด้านงบประมาณการศึกษาเป็น อันดับหน่ึง เช่ือว่าการศึกษานั้นสำคัญ เพราะถ้าเด็กมีการศึกษาท่ีดีก็สามารถพัฒนาประเทศได้มีครูมืออาชีพ เป็นผู้สอน โดยครูจะศึกษานวตั กรรมการเรียนการสอน ไปปฏิบัติและสร้างสรรค์ ในวัฒนธรรมการเรยี นรู้ท่ีเอ้ือ ให้นักเรียนทุกคนมีการศึกษาสูง มีการสนับสนุน ท่ีทันเวลา (Early Intervention) เป็นรายบุคคล และเน้นการแสดง บทบาทของผู้เรียน ฐานคิดใหม่ของการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน คือ การศึกษาคุณภาพสูงเป็นสิทธิข้ันพื้นฐานของ นกั เรียนทุกคน ในปัจจุบนั ทั้ง 3 ประเทศ คอื ประเทศฟินแลนด์ ประเทศสิงคโปร์ และประเทศเกาหลีใต้ มีการ ปรับรูปแบบการเรียนการสอนจากเดิมมากข้ึน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้แต่ละประเทศมีการ เปลย่ี นแปลงรูปแบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ โดยใช้โปรแกรม ZOOM และ Microsoft Team. คำถามทบทวน 1. สาเหตุใดประเทศฟนิ แลนด์จงึ ประสบความสำเรจ็ ในดา้ นการศึกษาท่ีดีทีส่ ุด 2. เพราะสาเหตใุ ด สวสั ดิการรัฐประเทศฟินแลนดถ์ งึ เน้นให้งบประมาณดา้ นการศกึ ษามากทสี่ ุด 3. จากสถานการณโ์ ควิด-19 ประเทศฟนิ แลนด์ปรับรปู แบบการเรียนการสอนแบบใด 4. จากผลคะแนนสอบโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programmer for International Student Assessment) หรือ PISA ในปี 2015 อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้การศึกษาของประเทศสิงคโปร์ ประสบความสำเร็จจนขึน้ เปน็ อันดับ 1 ของโลก 5. อะไรคอื สาเหตุสำคญั ทท่ี ำให้ประเทศสงิ คโปร์สนบั สนุนงบประมานในดา้ นการศกึ ษามากทีส่ ดุ 6. จากสถานการณ์โควิด-19เพราะเหตุใดประเทศสิงคโปรจึงมีแผนปรับรูปแบบหลักสูตรระดับอุดมศึกษา ให้เป็นแบบสหวิทยาการ (Interdisciplinary Learning) ซ่ึงเน้นให้นักศึกษาเรียนแบบบูรณาการหลายสาขาวิชา เขา้ ด้วยกนั แทนท่จี ะเรยี นเพยี งสาขาเดียว 7. ในประเทศเกาหลใี ตอ้ ะไรเป็นสาเหตุหนงึ่ ทีท่ ำให้เด็กในวยั เรยี นฆา่ ตัวตายสงู 8. ระบบการศกึ ษาของเกาหลยี ุคใหมม่ เี ปา้ หมายสูงสดุ เพื่ออะไร 9. จากสถานการณ์โควดิ -19 ประเทศเกาหลีใต้ปรับรปู แบบการเรียนการสอนแบบใด 10. สาเหตุใดที่ทำให้เลื่อนการจัดสอบโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติจาก (PISA) ค.ศ 2021 เปน็ ค.ศ. 2022 เอกสารอา้ งองิ การปฏิรปู การศึกษาของสิงคโปร์. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.dpu.ac.th สบื คน้ ข้อมลู เมอื่ วนั ท่ี 1 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. การศึกษาฟนิ แลนด์. 2018. การปฏริ ูปแบบกา้ วหนา้ . [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://www.bbc.com สืบค้นข้อมลู เมื่อวันท่ี 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. งบประมาณการศึกษาของสิงคโปร์. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://www.dpu.ac.th/ces สบื ค้นขอ้ มลู เม่ือวันที่ 1 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 204 เดลนิ ิวส์ อา่ นขา่ วจริง อา่ นเดลินวิ ส.์ 2564 เกาหลใี ตป้ ิดโรงเรียนในกรุงโซล คุมโควิดรอบสาม. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : https://www.dailynews.co.th สืบคน้ ขอ้ มลู เมื่อวันท่ี 8 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564. บทความ.2563 ปฏริ ูปการศึกษาให้ถึงราก เคลด็ ลับความสำเรจ็ ของฟินแลนด์. [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://www.eef.or.th สบื ค้นข้อมูลเมื่อวันท่ี 1 กุมภาพันธ์ 2564. บทความวชิ าการ Hot lssue.2560 ฟินแลนด์กบั ความสำเรจ็ ทางด้านการศึกษา. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://library2.parliament.go.th สบื ค้นข้อมลู เมื่อวันท่ี 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ปฏริ ปู การศึกษา เรยี นรู้จากผ้ปู ระสบผลสำเรจ็ \"เกาหลใี ต้\". 2557 [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://www.kroobannok.com/73042 สืบค้นข้อมูลเมื่อวนั ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ประเทศเกาหลใี ต้ ระบบการศึกษา. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://sites.google.com/ สบื คน้ ข้อมลู เมื่อวันที่ 1 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ปจั จัยท่ีทำใหก้ ารศึกษาประสบความสำเรจ็ ของสิงคโปร์. [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : https://www.bbc.com สืบคน้ ขอ้ มลู เมื่อวนั ท่ี 1 กุมภาพันธ์ 2564 ฟินแลนด์ เปน็ หนึง่ ในประเทศทขี น้ึ ช่อื วา่ มรี ะบบการศึกษาท่ีดีท่ีสดุ ในโลก. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึง ได้จาก : https://www.voicetv.co.th สบื คน้ ข้อมูลเม่ือวันที่ 1 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ยุทธศาสตร์การปฏริ ูปการศึกษาของเกาหลี. 2014 ระบบการศึกษาของสาธารณรฐั เกาหลี. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://www.bic.moe.go.th สบื ค้นขอ้ มลู เม่ือวนั ท่ี 1 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564. ระบบการศกึ ษา กุญแจความสำเรจ็ ของเกาหลี. 2016 งบประมาณการศกึ ษา. [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.popcornfor2.com สืบคน้ ข้อมลู เม่ือวันที่ 1 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564 ระบบการศกึ ษาของสิงคโปร์. [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://www.dpu.ac.th สืบค้น ขอ้ มลู เมอ่ื วันท่ี 1 กุมภาพนั ธ์ 2564. สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.).2018 คะแนนเฉล่ยี วิทยาศาสตร์ การอ่าน และคณิตศาสตร์ ของประเทศต่าง ๆ ใน PISA 2018 [ระบบออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก : https://thestandard.co/pisa-2018-2/ สืบคน้ ข้อมูลเม่ือวนั ท่ี 9 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.).2563 ขา่ วสาร PISA เล่ือนการจดั สอบ ไปเปน็ ปี ค.ศ.2022 [ระบบออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://pisathailand.ipst.ac.th สบื ค้นขอ้ มลู เมื่อวันท่ี 8 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564 สิงคโปร์สวู้ ิกฤตโควิด-19 ดว้ ยการพัฒนาศักยภาพประชาชน.2020 เตรียมความพร้อมต้ังแตว่ ัยเรยี น. [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://thestandard.co สบื คน้ ข้อมลู เมอื่ วนั ที่ 8 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. 13 เหตผุ ลที่ฟนิ แลนด์ประสบความสำเร็จทางการศกึ ษา. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://teen.mthai.com/education/108419.html สืบคน้ ขอ้ มลู เมื่อวนั ท่ี 1 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564.
205 Antikainen, Ari; Luukkainen, Anna.2017 Twenty- five Years of Educational Reform Initiatives in Finland. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://web.archive.org สืบคน้ ข้อมูลเมอื่ วันที่ 1 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564 PISA. 2015 สรปุ ผลการวิจัย PISA 2015. [ระบบออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.oic.go.th สบื คน้ ขอ้ มูลเม่ือวันที่ 8 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564. PPTV Online.2563 การศึกษาฟินแลนดแ์ ทบไมไ่ ด้รับผลกระทบจากโควดิ -19. [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://www.pptvhd36.com สืบคน้ ข้อมูลเม่อื วันท่ี 8 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564 มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงบทท่ี 7 แนวคดิ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 1. ความหมายเศรษฐกจิ พอเพียง พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ต้งั แตป่ ี พ.ศ. 2517 เปน็ ต้นมา พระองค์ได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการพัฒนาบนหลักแนวคิดการพึ่งตนเองเพ่ือให้เกิดความพอมีพอกิน พอมีพอใช้ ของคนส่วนใหญ่ โดยใช้หลักความพอประมาณ การคำนึงถึงความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัวและ ทรงเตือนสติประชาชนคนไทยไม่ให้ประมาท แต่ให้ตระหนักถึงการพัฒนาอย่างเป็นข้ันเป็นตอนท่ีถูกต้องตาม หลักวิชาและการมีคุณธรรมเป็นกรอบในการปฏิบัติและการดำรงชีวิต ซึ่งทั้งหมดน้ีเป็นท่ีรู้จักกันดีภายใต้ชื่อว่า “ เศรษฐกิจพอเพียง” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำรัสในวาระและโอกาสต่าง ๆ อยู่เสมอเก่ียวกับแนวคิด และหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือน้อมนำให้บุคคลในทุกระดับได้ตระหนักถึงแนวทางการดำรงชีวิต ซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างจากแนวคิดของนักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ของประเทศในช่วงน้ันพระองค์ทรงใช้ คำต่าง ๆ อาทิ พออยู่พอกิน, พอกนิ พอใช้, อยู่ดีกินดี, พอประมาณพอสมควร, พอเพียง, และเศรษฐกจิ พอเพยี ง (คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพยี ง, 2548) วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ในหลวงได้มีพระราชดำรัสเร่ืองเศรษฐกิจพอเพียงข้ึน เพ่ือเป็นการปูพ้ืนฐาน ให้เห็นภาพอนั เป็นที่มาของการเกิดปญั หาทางเศรษฐกิจ อีกท้ังพระองค์ทรงให้สติในการกลับไปทบทวนการพัฒนา ประเทศที่ผา่ นมา โดยทรงให้ความหมายของเศรษฐกิจแบบพอเพียงไวว้ ่า “ความพอเพียงน้ีไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัวจะต้องทอผ้าใส่เองอย่างน้ัน มันเกินไป” ส่ิงท่ีพระองค์ทรงเน้นย้ำในเร่ืองเศรษฐกิจพอเพียง คือ วิธีปฏิบัติเศรษฐกิจพอเพียงน้ันไม่ต้องทำท้ังหมด และขอเติมว่าถ้าทำทง้ั หมดกจ็ ะทำไม่ได้ ถ้าครอบครัวหนง่ึ หรือแม้หมู่บ้านหน่ึงทำเศรษฐกจิ พอเพียงรอ้ ยเปอร์เซน็ ต์ ก็จะเป็นการถอยหลังถึงสมัยหิน นอกจากนี้ ยังทรงอธิบายความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ิมเติมไว้อีกว่า (สุเมธตนั ตเิ วชกุล, 2544 : 285-290) “คำว่า พอเพียงมีความหมายอีกอย่างหน่ึง มีความหมายกว้างออกไปอีก ไม่ได้หมายถึงการมีพอ สำหรบั ใช้เองเท่าน้ัน แต่มีความหมายว่าพอมีพอกินพอมีพอกิน นี้แปลว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง ถ้าแตล่ ะคน พอมพี อกินก็ใชไ้ ด้ ยิง่ ถา้ ทงั้ ประเทศพอมพี อกนิ ก็ย่ิงดี… …ประเทศไทยสมัยก่อนนี้พอมีพอกิน มาสมัยนี้ชักจะไม่พอมีพอกินจึงต้องมีนโยบายที่ทำให้เศรษฐกิจ พอเพียง เพื่อที่จะทำให้ทุกคนมีพอเพียงได้ ให้พอเพียงน้ีหมายความว่า มีกินมีอยู่ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แตว่ ่าพอ แม้บางอย่างอาจจะดูฟุม่ เฟอื ยแต่ถา้ ทำใหม้ ีความสุขถ้าทำไดก้ ็สมควรที่จะทำ สมควรทจี่ ะปฏบิ ัติ อันน้ี ก็ความหมายอกี อยา่ งของเศรษฐกิจพอเพยี งหรอื ระบบพอเพยี ง” 2. ความเป็นมาของเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงมาตั้งแต่ ทรงเร่ิมงานพัฒนาเมื่อกว่า 60 ปีที่แล้ว และทรงยึดม่ันหลักการน้ีมาโดยตลอดโดยเฉพาะด้านการเกษตร การพัฒนาเพ่ือการนำไปสู่ความทันสมัยเราเน้นการผลิตสินค้าเพ่ือส่งออกเป็นเชิงพาณิชย์คือเมื่อปลูกข้าวก็นำไป ขายและก็นำเงินไปซื้อข้าว เม่ือเงินหมดก็จะไปกู้เป็นอย่างน้ีมาโดยตลอดจนกระท่ังชาวนาไทยตกอยู่ในภาวะหน้ีสิน
207 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงปัญหาด้านนี้พระองค์จึงได้พระราชทานพระราชดำริให้จัดต้ัง ธนาคารข้าว ธนาคารโค-กระบือข้ึนมา เพ่ือช่วยเหลือราษฎรนับเป็นจดุ เร่ิมต้นที่มาของเศรษฐกจิ พอเพียง ภายหลังจากการเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจข้ึนในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2540 แสดงให้เห็นว่าแนวทาง การพัฒนาประเทศที่ผ่านมาของไทยยังไม่มีความยั่งยืน เนื่องจากแนวทางการพัฒนาประเทศทีผ่ ่านมามปี ัญหา จงึ ต้องหาแนวทางใหม่ในการพัฒนาท่ีมีความเหมาะสมและย่ังยนื แตเ่ ป็นท่ีน่าสังเกตว่า การเน้นให้มีการพัฒนา ประเทศอย่างสมดุลน้ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสให้ผู้บริหารประเทศและประชาชนได้ ตระหนกั ถึงความสำคัญในเรอื่ งน้ีมาเป็นเวลานาน โดยทรงเน้นถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมท่ีสมดุล มีการ พัฒนาเป็นลำดับขั้นไม่เน้นเพียงการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ในทางตรงกันข้ามพระราชดำรัส ของพระองค์ดังกล่าวยังไม่ได้รับความสำคัญในทางปฏิบัติมากนักในช่วงน้ัน อาจเป็นเพราะว่าการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมยังไม่มีปัญหาที่รุนแรงการวางแผนพัฒนาประเทศและการดำเนินชีวิตโดยทั่วไปจึงเป็นไปตามปกติ (นันทนียก์ มล ศิริพิชัยพร, 2549 : 254) เมือ่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวทรงมีรับสงั่ อีกครัง้ หนึ่ง เรื่องปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงในปีท่ีเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ โดยให้ตระหนักถึงการพัฒนาที่พอเพียงและแนวทางการพัฒนา ประเทศท่ีสมดุลรวมถึงแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ ทำให้ประชาชนเริ่มตระหนักว่าถ้าได้นำปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงมาเป็นหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมคงจะไม่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจและเมื่อเกิดปัญหาแล้วก็ สามารถใช้เปน็ แนวทางแกป้ ญั หาได้ องค์กรหลายองคก์ รพยายามนำปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงหรือการพัฒนาที่พอเพียงไปประยุกต์ใช้ด้วย ความศรัทธา เพราะเห็นว่าได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะเดียวกันในปี พ.ศ. 2542 เปน็ ปีที่มกี ารเร่ิมวางแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติฉบับท่ี 9 อันเป็นแผนห้าปีทีจ่ ะกำหนดทิศทางการ พัฒนาของประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีความประสงค์ จะอัญเชิญปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางหลักเพ่ือช้ีทางการจัดทำแผ นพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติฉบับดังกล่าว แต่ว่าปัญหาที่เกิดข้ึนในช่วงน้ัน คือยังไม่มีความเข้าใจท่ีตรงกันเก่ียวกับความหมายของ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงการตีความว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแปลว่าอะไรหรือความพอเพียงคืออะไร เป็นไปตามแนวคิดของแต่ละคน ความเข้าใจที่ไม่ตรงกันเหล่าน้ีทำให้เป็นไปได้ยากที่จะนำมาประยุกต์และวาง แผนการ พฒั นาประเทศ (ณัฏฐพงศ์ ทองภักดี, ม.ป.ป. : 5-6) ต่อมาในการสัมมนาทางวชิ าการประจำปี พ.ศ. 2542 ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยเมื่อวันที่ 18-19 ธันวาคม พ.ศ. 2542 สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้มีการขยายความคำสำคัญต่าง ๆ ในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเสนอ ตอ่ ท่ีประชุม โดยสรุปเป็นตารางได้ดังนี้ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ตารางท่ี 7.1 ความคำสำคญั ต่าง ๆ ในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง คำ ความหมาย เศรษฐกิจพอเพยี ง พอเพยี ง เป็นวิถชี วี ิตและเศรษฐกจิ ทางสายกลางในทุกระดบั สมดุล การบริโภคและการผลิตอย่บู นพื้นฐานของความพอประมาณและเหตุผลไม่ขดั สน แต่ไม่ฟมุ่ เฟอื ย 1. การพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม 2. มีความสมดลุ ระหว่างโลกาภวิ ตั นก์ บั อภวิ ัตน์ท้องถ่ิน 3. มีความสมดุลระหวา่ งภาคเศรษฐกจิ กบั การเงนิ และภาคประชาชนกับสังคม มีเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจ
208 ตารางท่ี 7.1 (ต่อ) ความหมาย คำ 4. โครงสรา้ งการผลิตทีส่ มดลุ มกี ารผลติ ทห่ี ลากหลาย ใชท้ รัพยากรท่ีมีอยู่อยา่ งมี ยงั่ ยืน ประสทิ ธภิ าพสงู สุด ภมู ิคมุ้ กนั ท่ีดี พอเพยี งอย่างต่อเน่ืองในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม คณุ ภาพคน 1. ระบบเศรษฐกิจกบั สงั คมมีความยืดหยนุ่ ทส่ี ามารถกา้ วทันและพร้อมรบั กระแส โลกาภวิ ตั น์ ตลอดจนปรับตัวให้สามารถแข่งขันไดใ้ นตลาดโลก 2. การบริหารจัดการทด่ี ีซ่ึงสามารถปอ้ งกันและพร้อมรับการเปล่ยี นแปลงอยา่ ง รวดเร็ว (วกิ ฤติ) ได้ 1. การทจ่ี ะพฒั นาเศรษฐกจิ ทางสายกลางได้นนั้ คนต้องมคี ุณภาพในดา้ นต่าง ๆ มีพ้นื ฐานจติ ใจ มีความสำนึกคุณธรรม ซ่ือสัตย์ สุจรติ มีไมตรี มีความเมตตา มคี วามหวังดใี หก้ ันและกัน 2. หลักการดำเนนิ ชวี ิต มสี ความอดทน มคี วามเพยี ร ใชส้ ติปญั ญาอย่างรอบคอบก่อน ทำ มีวนิ ัย 3. ภูมคิ ุ้มกนั ในการดำรงชีวติ มีสขุ ภาพดีและมีศกั ยภาพ มีทักษะและความรอบรู้ อย่างเหมาะสมในการประกอบอาชีพและหารายได้อยา่ งมั่นคงและพัฒนาตนเอง ใหก้ า้ วหน้าได้อย่างเน่ือง มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับองค์กรท่ีสนใจได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ ในสาขาต่าง ๆ ทำการรวบรวม ประมวลและสังเคราะห์พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใน วาระต่าง ๆ เพ่ือร่างเป็นข้อความหรือคำนิยามของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำมาเป็นแนวคิดใหม่ในการพัฒนา ประเทศ จึงได้กราบทูลถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระบรมราชานุญาติให้ใช้ข้อความเน้ือหาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดังน้ี (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ, 2548 : 6) เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ ระดับครอบครัวระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกจิ เพ่อื ใหก้ ้าวทนั ตอ่ โลกยุคโลกาภวิ ฒั น์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบ ภมู ิคุ้มกันที่ดใี นตัวพอสมควรต่อการมผี ลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลย่ี นแปลงทง้ั ภายนอกและภายใน ท้ังนี้ ต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการ วางแผนและการดำเนนิ การทุกขัน้ ตอน โดยเฉพาะเจ้าหน้าท่รี ฐั นักทฤษฎีและนกั ธุรกิจในทุกระดับให้มีสำนกึ ใน คณุ ธรรมความซ่อื สัตย์สจุ ริตและให้มีความรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวติ ด้วยความอดทน ความเพียร มีสติมปี ัญญา ความรอบคอบ เพือ่ ให้สมดลุ และพรอ้ มต่อการรองรบั การเปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเร็วและกวา้ งขวาง ทง้ั ดา้ นวัตถุ สงั คม สิง่ แวดลอ้ มและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอยา่ งดี ข้อความปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงข้างต้น เป็นข้อความท่ีใช้เป็นทางการในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติฉบับท่ี 9 ซ่ึงเป็นแนวทางปฏิบัติของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ รวมท้ังทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้อง ดังน้ันผู้ที่สนใจศึกษาแล้วนำไปประยุกต์ใช้ควรถือเป็นพื้นฐานของความ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 209 เข้าใจที่จะมาร่วมกันหาความรู้เพ่ิมเติม จะเป็นประโยชน์มากกว่าการท่ีจะต้องมาถกเถียงหาข้อความท่ีเป็น ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงหรอื นยิ ามใหม่ 3. ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง จากการวเิ คราะห์ความหมายของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำมาสู่ความเขา้ ใจท่ีตรงกันได้จำแนก องค์ประกอบของปรัชญาเป็นกรอบความคิด คุณลักษณะ คำนิยาม เงื่อนไข แนวทางปฏิบัติ ผลท่ีคาดว่าจะ ไดร้ บั ดงั น้ี (สำนกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ, 2546 : 37-46) 1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาท่ีชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็นโดยมี พ้ืนฐานมาจากวิถีชีวิตด้ังเดิมของสังคมไทยที่ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลาและเป็นการมองโลก เชิงระบบท่ีมีลักษณะพลวัตซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงมีความไม่แน่นอนและมีความเชื่อมโยงกับกระแสโลก โดยม่งุ เน้นการรอดพ้นจากภัยและวกิ ฤตเพ่ือความม่นั คงและความย่ังยนื ของการพฒั นา 2. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับทุกหน้าที่ เป็นการดำเนินตามทางสายกลาง ก้าวทันต่อโลก ไม่ใช่การปิดประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เปิดเสรีเต็มที่ อย่างไม่มีทางควบคุมดูแล ไม่ใช่อยู่อย่างโดดเดี่ยวหรืออยู่โดยพ่ึงพิงภายนอกทั้งหมดมีคุณลักษณะท่ีมุ่งเน้นถึง การกระทำทมี่ คี วามพอประมาณบนพืน้ ฐานของความมีเหตุผล และการสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ท่ดี ใี นตวั เอง 3. คำนยิ าม ความพอเพยี งจะตอ้ งประกอบดว้ ย 3 คณุ ลักษณะ พร้อมกันดังนี้ 3.1 ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียน ตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับสมดุล การใช้จ่าย การออมอยู่ในระดับที่ไม่สร้าง ความเดือดร้อนให้แก่ ตนเองพร้อมรบั การเปล่ียนแปลง 3.2 ความมเี หตผุ ล หมายถึง การตัดสนิ ใจเก่ยี วกับระดับของความพอเพียงนน้ั จะต้องเป็นไปอย่างมี เหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เก่ียวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อยา่ งรอบคอบ 3.3 การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลง ด้านต่าง ๆ ทีจ่ ะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดวา่ จะเกิดข้ึนในอนาคตทั้งใกล้ และไกล 4. เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงน้ัน ต้องอาศัยท้ัง ความรูแ้ ละคณุ ธรรมเป็นพนื้ ฐาน กลา่ วคือ 4.1 เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบด้วย 4.1.1 ความรอบรู้ คือ มีความรอบรู้เกยี่ วกับวิชาการต่าง ๆ อย่างรอบด้านในเร่ืองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพ่ือประโยชน์พ้ืนฐานการนำไปใช้ในการปฏิบัติอย่างพอเพียง เนื่องจากการมีความรอบรู้ย่อมทำให้มีการตัดสินใจ ที่ถูกต้อง 4.1.2 ความรอบคอบ คือ มีการวางแผน โดยสามารถที่จะนำความรู้และหลักวิชาการต่าง ๆ มาพิจารณาใหเ้ ชื่อมโยงกันสัมพันธก์ นั 4.1.3 ความระมัดระวัง คือ ความมีสติ ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ในการนำ แผนปฏิบัติที่ตั้งอยู่บนพ้ืนฐานของหลักวิชาต่าง ๆ เหล่าน้ันไปใช้ในทางปฏิบัติ โดยเป็นการระมัดระวังให้รู้เท่า ทันเหตุการณท์ ่เี ปล่ยี นแปลงไปดว้ ย 4.1.4 เง่ือนไขคุณธรรมจะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความ ซอ่ื สตั ยส์ ุจริตและมคี วามอดทน มคี วามเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการดำเนินชีวติ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 210 5. แนวทางปฏิบัติ/ผลท่ีคาดว่าจะได้รับ ความพอเพียงเป็นท้ังวิธีการและผลจากการกระทำ โดยทำ ให้เกิดวิถีการพัฒนาและผลของการพัฒนาที่สมดุลและพร้อมรับการเปล่ียนแปลงในทุกด้าน ท้ังด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี ในขณะเดียวกันความสมดุลของการกระทำท้ังหมดและ ผลอาจนำไปส่คู วามยั่งยนื ของการพัฒนา ภายใต้พลวัตทงั้ ภายในและภายนอกประเทศได้ จะเห็นได้ว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นลักษณะสามห่วงสองเงื่อนไข ดังน้ี สามห่วง คือ ความ พอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันที่ดี ส่วนสองเงื่อนไข คือ ฐานความรู้และฐานคุณธรรม โดยมี เป้าหมาย คือ ความสมดลุ และความยั่งยืน ดังแสดงในภาพประกอบท่ี 70 พอเพยี งเป็นลกั ษณะ ภาพประกอบที่ 7.1 ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4. พระราชดำรัสเกี่ยวกับการศึกษา ต้องพัฒนาอาชีพความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอาชีพไม่ใช่เพียงแต่ปลูกผัก ถั่ว งาให้หลานเฝ้า แต่เป็นเร่ืองของความอยู่ดีกินดี ความรู้การศึกษาท่ีกล่าวว่า ต้องช่วยให้การศึกษาดีข้ึน เพราะถ้าการศึกษาไม่ดี คนไม่สามารถทำงาน การศึกษาต้องได้ทุกระดับ ถ้าพูดถึงระดับสูง หมายความว่า นักวิทยาศาสตรข์ ้ันสูง ถ้าไม่ มีการเรียนขั้นประถม อนุบาล ไม่มีทางท่ีจะให้คนไทยขึ้นไปเรียนข้ันสูง หรือเรียนข้ันสูงไม่ดี ซึ่งเด๋ียวนี้ก็ยังไม่ดี เพราะข้ันสงู นัน้ ต้องมีรากฐานจากขัน้ ตำ่ ถ้าไมม่ ีก็เรยี นขั้นสูงไม่ร้เู รอื่ ง พระราชดำรสั เน่อื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา วันที่ 4 ธันวาคม 2546
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 211 การศึกษานอกระบบ หรือการศึกษาภายหลังสำเร็จจากมหาวิทยาลัย จึงมีความสำคัญย่ิงยวด ในการ สร้างเสริมผู้ผ่านการศึกษาในระบบมาแล้ว ให้มีปัญญาและความสามารถท่ีจะปรับตนให้เข้ากับสภาวะแท้จริง ของชีวติ พรอ้ มทั้งดำรงตนใหอ้ ยู่ในสงั คมอย่างเป็นสุขและเจริญมัน่ คงได้ พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรแกบ่ ณั ฑติ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น วนั พฤหัสบดีท่ี 16 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ความรู้ท่ีจะศึกษามีอยู่สามส่วน คือ ความรู้วิชาการ ความรู้ปฏิบัติการ และความคิดอ่านตามเหตุผล ความเป็นจริงซ่ึงแต่ละคนควรเรียนรู้ให้ครบ เพ่ือสามารถนำไปใช้ประกอบกิจการงาน และแก้ปัญหาทั้งปวงได้ อย่างมีประสิทธิภาพ พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของมหาวิทยาลยั มหดิ ล วันพฤหสั บดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 การศึกษาข้ันมหาวิทยาลัยคือการศึกษาค้นคว้า เพ่ือสร้างเสริมและสะสมความรู้ ความจัดเจน ในด้าน วิชาการอย่างสูง และด้านการใช้ความคิดวิจารณญาณตามเหตุผลหลักวิชาความถูกต้อง ผู้มีปัญญาซ่ึงได้ผ่าน การศึกษาระดับนี้ จัดว่าเป็นบุคคลท่ีทรงคุณค่า ผู้จะเป็นกำลังสร้างสรรค์ความเจริญมั่นคงทุกด้านของประเทศ อย่างสำคัญต่อไป เหตุนี้ บัณฑิตท้ังหลายจึงมีหน้าท่ีรับผิดชอบเกิดข้ึน ท่ีจะต้องนำความรู้ ความคิด และ ความสามารถจัดเจนของตนออกปฏิบัตงิ าน เพือ่ ประโยชนส์ ขุ ของสว่ นรวมและบ้านเมอื ง พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหดิ ล วนั พฤหสั บดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 ภาพประกอบท่ี 7.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช มหิตลาธเิ บศรรามาธบิ ดี จักรนี ฤบดนิ ทรสยามนิ ทราธริ าช บรมนาถบพติ ร
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 212 การศึกษาค้นคว้าท่ีสำคัญและจำเป็นอย่างแรก คือการศึกษาทางแนวลึก อันได้แก่ การฝึกฝนค้นคว้า วชิ าเฉพาะของแตล่ ะคนให้เชี่ยวชาญชำนาญแตกฉานลึกซึง้ และพัฒนาก้าวหนา้ พร้อมกันนนั้ ในฐานะนักปฏิบัติ ซ่ึงจะต้องทำงานและแก้ปัญหาต่าง ๆ ร่วมกับผู้อ่ืนฝ่ายอื่นอยู่เป็นปรกติ ทุกคนจำเป็นต้องศึกษาทางแนวกว้าง ควบคู่กันไปด้วย การศึกษาตามแนวกว้างน้ี หมายถึง การศึกษาให้รใู้ ห้ทราบถึงวิทยาการสาขาอ่ืน ๆ ตลอดจน ความรู้รอบตัวเก่ียวกับสภาวะและวิวัฒนาการของบ้านเมืองและสังคมในทุกแงม่ ุม เพื่อช่วยให้มองเห็นให้เข้าใจ ปัญหาตา่ ง ๆ อยา่ งชดั เจนถูกถ้วน และสามารถนำวิชาการดา้ นของตน ประสานเข้ากับวิชาด้านอ่ืน ๆ ได้ โดยสอดคลอ้ ง ถูกตอ้ งและเหมาะสม พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผูส้ ำเรจ็ การศึกษาจากสถาบนั เทคโนโลยีราชมงคล วันพฤหัสบดีท่ี 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 ลักษณะของการศึกษาหรือการเรียนรู้นั้น มีอยู่สามลักษณะ ได้แก่ เรียนรู้ตามความรู้ ความคิดของ ผอู้ นื่ อย่างหนึ่งเรียนรดู้ ว้ ยการขบคดิ พิจารณาของตนเองให้เหน็ เหตุผลอย่างหนึ่ง กับเรียนรูจ้ ากการปฏบิ ัตฝิ ึกฝน จนประจกั ษ์ผล และเกดิ ความคลอ่ งแคลว่ ชำนาญอีกอย่างหนึ่ง พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบัตรแก่ผ้สู ำเร็จการศึกษาจากมหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ วนั พฤหัสบดีท่ี 25 มิถุนายน พ.ศ. 2524 การศึกษาหาความรู้จึงสำคัญตรงท่ีว่า ต้องศึกษาเพื่อให้เกิด ความฉลาดรู้ คือ รู้แล้วสามารถนำมาใช้ ประโยชน์ได้จริง ๆ โดยไม่เป็นพิษเป็นโทษ การศึกษาเพื่อความฉลาดรู้ มีข้อปฏิบัติที่น่ายึดเป็นหลักอย่างน้อย สองประการ ประการแรก เมื่อจะศึกษาสิ่งใดให้รู้จริง ควรจะให้ศึกษาให้ตลอด ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุม ไม่ใช่เรียนรู้ แต่เพียงบางส่วนบางตอน หรือเพ่งเล็งเฉพาะบางแง่บางมุม อีกประการหน่ึง ซึ่งจะต้องปฏิบัติประกอบพร้อม กันไปด้วยเสมอ คือ ต้องพิจารณา ศึกษาเร่ืองน้ัน ๆ ด้วยความคิดจิตใจท่ีต้ังมั่นเป็นปรกติ และเที่ยงตรงเป็น กลาง ไม่ยอมให้รู้เห็นและเข้าใจ ตามอำนาจความเหนี่ยวนำของอคติ ไม่ว่าจะเป็นอคติฝ่ายชอบหรือฝ่ายชัง มฉิ ะนั้น ความรู้ท่เี กดิ ขนึ้ จะไม่เป็นความรู้แท้ หากแต่เปน็ ความรูท้ ่ีถูกอำพรางไว้ หรือท่ีคลาดเคลื่อนวิปริตไปตา่ ง ๆ จะนำไปใช้ประโยชนจ์ รงิ ๆ โดยปราศจากโทษไม่ได้ พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรแกผ่ ้สู ำเรจ็ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ วันจันทร์ท่ี 22 มิถนุ ายน พ.ศ. 2524 สำหรับโรงเรียนนายร้อยซึ่งเป็นสถาบันที่ให้การศึกษาน้ัน ก็ต้องให้การศึกษาท่ีดีที่ถูกต้องแก่นักเรียน แต่ละคนให้ครบถ้วน คือให้มีวิชาการที่แน่นหนา มีความรู้รอบตัวและประสบการณ์ท่ีกว้างขวางทั่วถึง สำคัญ ที่สุด จะตอ้ งให้ทุกคนมีวิชาและความสามารถจดั เจน ทง้ั ในดา้ นยุทธการและในด้านการสรา้ งสรรคค์ วามเป็นอยู่ ที่ดีของประชาชนควบคู่กัน เพราะทหารมีภารกิจหลักอยู่ท่ีการป้องกันประเทศและการรักษาความสงบสุข ม่ันคงของประชาชนท้งั สองประการ พระบรมราโชวาท ในพิธีสวนสนามของนักเรยี นนายรอ้ ย โรงเรียนนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้ เน่อื งในโอกาสทโ่ี รงเรยี นนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครบ 100 ปี วนั จนั ทรท์ ี่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2524
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 213 ภาพประกอบที่ 7.3 พระราชกรณียกจิ ด้านการศึกษา ผูม้ ีหน้าที่จัดการศึกษาทุก ๆ คน จึงต้องถือว่า ตัวของทา่ นมีความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมืองอยู่อย่าง เต็มท่ีในอันที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เท่ียงตรง ถูกต้อง สมบูรณ์โตเต็มกำลังจะประมาทหรือละเลยมิได้ เพราะ ถา้ ปฏบิ ตั ิให้ผดิ พลาดบกพรอ่ งไปด้วยประการใด ๆ ผลรา้ ยอาจเกิดข้นึ แก่ส่วนรวมและประเทศชาตไิ ด้มากมาย พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ครแู ละนักเรียนทีไ่ ด้รบั พระราชทานรางวัล วนั จนั ทรท์ ี่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ และคุณธรรมของ บุคคลสังคมและบ้านเมืองใดให้การศึกษาที่ดีแก่เยาวชนได้อย่างครบถ้วน ล้วนพอเหมาะกันทุก ๆ ด้าน สังคม และบ้านเมืองนน้ั กจ็ ะมพี ลเมอื งมนั่ คงของประเทศชาติไว้ และพัฒนาใหก้ า้ วหน้าตอ่ ไปได้โดยตลอด พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ครแู ละนักเรียนท่ีไดร้ บั พระราชทานรางวลั วนั จนั ทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 “บณั ฑิต” ตามท่ีเข้าใจกัน หมายถึงผู้มีคณุ ความรู้สูงและกว้างขวางเพราะมีการศึกษาหรือได้เรียนรู้มา มาก ท่ีจริง “บัณฑิต” ควรมุ่งถึงคนที่มีปัญญายิ่งกว่าอื่น และ “ปัญญา” หรือ “ความมีปัญญา” น้ันอธิบาย ได้มาก แต่ก็มีความหมายสำคัญรวบยอดอยู่ประการหนึ่ง คือหมายถึงความสามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ถ่องแท้และตรงจุด ไม่มีความลังเลสับสนหรือยึดติดอยู่กับส่ิงที่มิใช่สาระ เม่ือจะพิจารณาหรือเรียนรู้เรื่องใดสิ่งใด ก็มุ่งเข้าถึงสาระของเร่ืองน้ันส่ิงน้ันได้ทันทีโดยกระจ่างชัดด้วยเหตุท่ีได้ฝึกหัดกระบวนการคิดพิจารณาไว้ดีแล้ว จนเทยี่ งตรงเปน็ ระเบยี บ
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 214 พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผูส้ ำเรจ็ การศึกษาจากมหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ วนั พฤหัสบดที ี่ 3 กนั ยายน พ.ศ. 2524 วัตถุประสงค์ของการตั้งโรงเรียน หรือการให้การศึกษาแก่เยาวชนของชาติ คือการให้นักเรียนมีความ สมบูรณ์ไม่บกพร่องพิการ ท้ังทางร่างกาย ท้ังทางความคิดจิตใจและคุณธรรม ให้นักเรียนมีวชิ าความรู้ที่ถูกต้อง แม่นยำ พรอ้ มท้งั มคี วามสามารถทจ่ี ะนำความร้คู วามคิดไปปฏบิ ตั ิ ใชง้ านไดด้ ้วยตนเองได้จรงิ ดว้ ย พระบรมราโชวาท พระราชทานคณะอาจารย์ ครู และนกั เรียน โรงเรยี นวงั ไกลกังวล วนั พฤหสั บดีท่ี 19 มิถุนายน พ.ศ. 2524 วัตถุประสงค์ของการศึกษานั้น คือ อย่างไร กล่าวโดยรวบยอดก็คือ การทำให้บุคคลมีปัจจัยหรือ อุปกรณ์สำหรับชีวิตอย่างครบถ้วนเพียงพอ ทั้งส่วนวิชาความรู้ ความคิดวินิจฉัย ส่วนจิตใจและคุณธรรมความ ประพฤติ ส่วนความขยันอดทน และความสามารถ ในอันที่จะนำความรู้ความคิดไปใช้ปฏิบัติงานด้วยตนเอง ให้ได้จริง ๆ เพื่อสามารถดำรงชีพอยู่ได้ด้วยความสุขความเจริญม่ันคง และสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและ บา้ นเมอื งไดต้ ามควรแกฐ่ านะดว้ ย พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตรแก่ผสู้ ำเรจ็ การศึกษาจากมหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ วนั พุธที่ 25 มิถนุ ายน พ.ศ. 2523 การหาโอกาสนำความรู้ภาคทฤษฎมี าลงมอื ปฏบิ ัติก็ดี การฝึกหดั ปฏบิ ัตงิ านเพอื่ ใช้แรง ใชฝ้ ีมือ ใช้ความ ละเอียดถ่ถี ว้ นก็ดี เป็นสง่ิ จำเปน็ อย่างยิง่ และต้องกระทำมิให้น้อยไปกวา่ ภาคทฤษฎี เพราะการศกึ ษาภาคน้ีเป็น ประโยชน์สร้างเสริมปัจจยั สำคัญของชีวติ ในด้านความขยันขันแข็ง ความเข้มแข็ง ความอดทนพยายาม ความ ละเอียดรอบคอบของบุคคลได้อย่างมากที่สุด ผู้ท่ีปรกติทำอะไรด้วยตนเอง จะเป็นผู้มีอิสระ ไม่ต้องพึ่งไม่ต้อง อาศัยผู้ใด จะไม่ต้องรอคอย ไม่ต้องผิดหวัง และจะได้รับผลสำเร็จสมใจนึกเสมอไป ท่านทั้งหลายจึงควรตั้งใจ แสวงประโยชนจ์ ากการปฏิบัติน้ใี ห้ได้ พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตรแกผ่ ู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ วนั ศกุ รท์ ่ี 27 มิถุนายน พ.ศ. 2523 การศึกษาในระบบ ส่วนใหญ่ ผู้ศึกษาได้รับความรู้ถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์ และจากการศึกษา ค้นคว้าเป็นสำคัญแต่มิได้เรียนรู้จากการกระทำหรือการพบเห็นด้วยตนเองโดยตรงการศึกษานอกระบบ ภายหลังท่ีสำเร็จการศึกษา หรือการศึกษาในมหาวทิ ยาลัยชีวิตจึงมีความสำคัญมาก ในการท่ีจะสรา้ งเสริมให้ผู้ ผ่านการศึกษาในระบบมาแล้ว เกิดความรู้ ความเฉลียวฉลาด สามารถปรับตนให้เข้ากับส่ิงแวดล้อม และ สามารถดำรงตนให้อยู่ในสงั คมอยา่ งมนั่ คงเปน็ สุข
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 215 พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตรแก่ผสู้ ำเรจ็ การศึกษาของมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วันพฤหสั บดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 การให้การศึกษานั้น กล่าวส้ัน ๆ โดยความหมายรวบยอด คือ การช่วยให้บุคคลค้นพบวิธีดำเนินชีวิต ท่ีถูกต้องเหมาะสม ไปสู่ความเจริญและความสุขตามอัตภาพ ตามนัยนี้ผู้สอนมีหน้าที่ต้องหาความรู้และวิธีการ ดำเนนิ ชวี ติ มาใหศ้ ษิ ย์ไดร้ ้ไู ดท้ ราบ เพอื่ ให้สามารถเรยี นรู้ตอ่ ไป และดำเนนิ ชวี ิตต่อไปได้ดว้ ยดจี นบรรลจุ ดุ หมาย พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรแกผ่ ู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วนั อังคารที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2522 การศึกษามิได้มาจากการฟังโอวาท หรือแม้จะฟังบรรยายส่ังสอนของครูบาอาจารย์ การศึกษานั้นมา จากการสังเกต การดู การฟัง ของแต่ละคน หมายความว่าดูแล้วฟังแล้วมาพิจารณาให้เป็นประโยชน์แก่ตน ก็นับว่าเปน็ การศึกษาแล้วและเป็นการศึกษาทีด่ ีทสี่ ุด พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตรแก่นิสติ ของมหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ วทิ ยาเขตสงขลา วนั จนั ทรท์ ี่ 25 กันยายน พ.ศ. 2521 ภาพประกอบท่ี 7.4 พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการศึกษา งานสำคัญของมหาวิทยาลัย กล่าวอย่างสั้นท่ีสุด มีอยู่สองส่วน ส่วนหนึ่ง คือ การให้การศึกษา คือ ถ่ายทอดวิชาการแก่นักศึกษาและฝึกหัดอบรมให้นักศึกษาท้ังนั้นให้มีความรู้ความสามารถดี พร้อมที่จะนำเอา วิชาการออกไปปฏิบัติงานตามสายวิชาที่เรียนมาอย่างมีประสิทธิภาพ อีกส่วนหน่ึงคือค้นคว้าวิจัยในวิชาการ ทุก ๆ สาขาให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ ท้ังเพ่ือความเจริญงอกงามของวิชาการนั้น ๆ เพ่ือท่ีจะนำไปใช้การให้เป็น ประโยชน์แก่สว่ นรวมหรอื แม้แกช่ าวโลก
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 216 พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น วนั พฤหสั บดที ี่ 21 ธนั วาคม พ.ศ. 2521 การศึกษาในมหาวิทยาลัย กล่าวตามหลักควรจะ ได้แก่ การสร้างเสริมความสามารถและความเจริญ งอกงามของบุคคลในทางวิชาการส่วนหนึ่ง ในทางความคิดอีกส่วนหน่ึง ซ่ึงเม่ือรวมกันแล้วจะทำให้บุคคล มีพละกำลงั สามารถนำไปใช้ปฏบิ ัตงิ านใหญ่ ๆ ของสว่ นรวมใหส้ ำเร็จได้ พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของมหาวิทยาลัยรามคำแหง วนั พฤหสั บดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2521 หน้าที่ของผู้จัดและผู้ให้การศึกษาน้ัน กล่าวอย่างส้ันที่สุดกค็ ือ การให้คนได้เรียนดีเพ่ือท่ีจะสามารถทำ การงานสร้างตัวและดำรงตัวให้เป็นหลักเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมได้ การให้เรียนดีนั้นจะทำอย่างไร ข้อแรก จะต้องสอนให้มีวิชาการที่ดี ท่ีถูกต้องแน่นแฟ้น ให้มีความสามารถและมีหลักการในการปฏิบัติ ข้อสองต้องฝึกหัด อบรมในจิตใจและความประพฤติปฏิบัติ ให้รู้จักเหตุผลและความผิดชอบชั่วดี เพ่ือมิให้นำความรู้ไปใช้ในทาง เบียดเบียนกันและกัน ข้อที่สาม ต้องให้มีกำลังและสุขภาพสมบูรณ์ทั้งทางกายทางใจ ผู้ที่ได้รับการศึกษา ครบถ้วนเหมาะสมกันทุกด้านดังนี้ เช่ือได้ว่าจะเป็นผู้เข้มแข็งสามารถเต็มท่ีในการปฏิบัติ ทั้งทางกายและทาง ความคิดจิตใจ จะกระทำหน้าท่ีการงานใดก็จะมุ่งหวังผลหวังประโยชน์ที่แท้จริงของหน้าทีก่ ารงานน้ันเป็นใหญ่ ไม่หลงทาง ทง้ั จะสามารถปฏบิ ัตบิ รหิ ารอย่างมีประสิทธิภาพ ใหบ้ รรลุผลอันสมบรู ณ์ พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรแก่ผสู้ ำเรจ็ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ วันจนั ทร์ที่ 25 กนั ยายน พ.ศ. 2521 การให้การศึกษาถือว่าเป็นการให้สิ่งสำคัญท่ีสุด เพราะเป็นการหล่อหลอมวางรูปแบบให้แก่อนุชนท้ัง ทางความรู้ความสามารถ ท้ังทางจิตวิญญาณ ผู้มีหน้าท่ีให้การศึกษาทุกตำแหน่งหน้าท่ี จึงมีความรับผิดชอบ อย่างยิง่ ตอ่ ชาตบิ า้ นเมืองในการสรา้ งพลเมอื งทดี่ ี พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรแกผ่ ู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ วนั พุธท่ี 29 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2520 การให้การศึกษาเป็นงานที่ละเอียด ซับซ้อน และกว้างขวางมากจะตอ้ งกระทำโดยอาศัยความรู้ ความ สังเกตจดจำ และความฉลาดรอบคอบอย่างสูง ทั้งต้องอาศัยความเสียสละอดทน ความเพียรพยายาม ความ สจุ รติ และความเมตตาอันกวา้ งขวางดว้ ยพรอ้ ม จึงจะสำเรจ็ ผลทีพ่ ึงประสงค์ได้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 217 พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของมหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ มหาสารคาม วันท่ี 25 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2519 การให้การศึกษานั้น คือ การแนะนำส่งเสริมบุคคล ให้มีความเจริญงอกงามในการเรียนรู้ การคิดอ่าน การกระทำตามอัตภาพของตน ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายในที่สุดให้สามารถนำเอาคุณสมบัติท้ังปวงที่มีในตัว ออกมาใช้ ใหเ้ กอื้ กลู ตนเกื้อกลู ผู้อ่นื ได้โดยสอดคล้อง ไมข่ ัดแย้งเบียดเบียนกัน เพื่อทีจ่ ะได้อยู่รว่ มกันเปน็ สังคมเปน็ ประเทศได้ พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรแกน่ สิ ติ นกั ศกึ ษาวทิ ยาลัยวชิ าการศกึ ษา วันพธุ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 ความเจริญของคนทั้งหลาย ยอ่ มเกิดมาจากการประพฤติชอบ และการหาเล้ยี งชพี ชอบเป็นหลักสำคัญ ผู้ท่ีจะสามารถประพฤติชอบ และหาเลี้ยงชีพชอบได้ด้วยน้ัน ย่อมจะต้องมีทั้งวิชาความรู้ ท้ังหลักธรรมทาง ศาสนา เพราะสิ่งแรกเปน็ ปัจจัยสำหรับใชก้ ระทำการงาน ส่งิ หลงั เป็นปัจจัยสำหรบั สง่ เสริมความประพฤติ และ การปฏิบัติการงานให้ชอบ คือ ใหถ้ ูกตอ้ งและเป็นธรรม วิชาการกับหลักธรรมนมี้ ีประกอบกันพร้อมในผู้ใดผู้นั้น จะได้ประสบความสขุ และความสำเรจ็ ในชีวิตโดยสมบรู ณ์ ดังนั้น การให้การศึกษาแก่เด็ก จึงจำเป็นต้องจัดให้ได้ครบท้ังสองทาง ในพระคัมภีร์ก็มีแนววิธีปฏิบัติ ที่ดีท่ีถูกต้องอยู่ครบถ้วนแล้ว ทั้งด้านทางการปฏิบัติตัว และทางการปฏิบัติจิตใจ ควรท่ีทั้งหลายจะดำเนินตาม โดยเคร่งครดั เพอื่ ความผาสกุ และความเจริญมั่นคงของทกุ ๆ คน พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะครโู รงเรียนราษฎร์สอนศาสนาอสิ ลาม 4 จงั หวดั ภาคใต้ วนั องั คารที่ 24 สงิ หาคม พ.ศ. 2519 คนท่ีมีการศึกษาที่เรยี กว่า เป็นผู้มีปัญญา ควรจะสามารถวินิจฉยั ได้ว่า จะแก้ไขอย่างไร ข้อสำคัญควร จะต้องรอบคอบระมัดระวังที่จะพิจารณาเร่ืองต่าง ๆ ให้กระจ่างแจ้งทุกแง่ทุกมุม แล้วจัดการให้ถูกจุด ถูกขั้นตอน ถูกเหตุผล ข้อท่ีพึงระมัดระวังอย่างย่ิง คือ การแก้ปัญหาโดยรบี เร่งด่วน ท้ังที่ยังไม่มีความแน่ใจอยู่ ข้อนี้ มักจะ ทำได้ผลที่ด้วน ๆ ผลที่ด้วนก็คือ ผลท่ีไม่ครบถ้วน ขาดประโยชน์ที่พึงได้ มิหนำซ้ำ อาจทำให้เกิดความเสียหาย ร้ายแรงข้ึนกไ็ ด้ เพราะอาจไปรอ้ื หรอื ทำลายสิ่งทด่ี ี ที่ใช้การได้ลงและเอาสง่ิ ทีเ่ สีย ที่ใชก้ ารไมไ่ ด้ มาใช้ เม่ือความ จริงเป็นอยู่อย่างนี้ ผู้มีปัญญาทุกระดับจึงต้องถือเป็นภาระและหน้าท่ีท่ีจะต้องรู้จักรับ รู้จักใช้ความรู้ถูกต้อง เพ่ือสามารถพิจารณาการกระทำใหเ้ หมาะสมแก่ทุกกรณี พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตรแกผ่ ้สู ำเรจ็ การศึกษาจากมหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วนั พฤหสั บดีท่ี 28 สงิ หาคม พ.ศ. 2518 ผู้ให้การศึกษาระดับใด สาขาใดก็ตาม รวมท้ังผู้บริหารการศึกษาด้วย ต้องปฏิบัติงานด้วยความเข้าใจ กัน มีความสัมพันธ์ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและกว้างขวาง สนับสนุนส่งเสริมงานของแต่ละสาขา แต่ละระดับ ข้ึนมาเป็นข้ัน เว้นจากความขัดแย้งและเบียดเบียนกันโดยเด็ดขาด ความเจริญทางการศึกษาของชาติที่ทุกคน ตอ้ งการ จงึ จะมีประสิทธผิ ลข้นึ มาได้
218 พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตรแกน่ สิ ิตนกั ศึกษาวทิ ยาลยั วชิ าการศกึ ษา วันอังคารท่ี 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 การท่ีจะอบรมสนับสนุนอนุชนให้ไดผ้ ลตามความมุ่งหมายของการศึกษาน้ัน ข้าพเจ้าเห็นว่าการฝึกฝน และปลูกฝังความรู้จักเหตุผล ความรู้จักผิดชอบชั่วดี เป็นสิ่งจำเป็นไม่น้อยกว่าการใช้วิชาการ เพราะการรู้จัก พิจารณาใหเ้ หตเุ ห็นผล ให้รจู้ ักจำแนกส่ิงผิดชอบชวั่ ดไี ดโ้ ดยกระจ่างแจ้ง ย่อมทำให้มองบุคคล มองส่งิ ต่าง ๆ ได้ ลึกลงไป จนเห็นความจริงในบุคคลและในส่ิงน้ัน ๆ เมื่อได้มองเห็นความจริงแล้ว ก็จะสามารถใช้ความรู้และ วชิ าการ ปฏิบัติงานทุกอย่างได้ดีและถูกต้องยิ่งขึ้นเป็นประโยชน์แก่ตนแก่ผู้อื่นได้มากขึ้น บัณฑิตจึงควรจะต้อง ฝึกหัดตนให้รู้จักคิดพิจารณาให้จัดเจนแคล่วคล่อง พร้อมกับส่งเสริมฝึกฝนศิษย์ให้ได้ลักษณะนิสัยเช่นน้ีติดตัว ต่อไปดว้ ย พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตรแกน่ สิ ิตนกั ศกึ ษาวิทยาลยั วิชาการศึกษา วนั จันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 จุดประสงค์ของการให้การศึกษานั้น คือ การแนะนำส่งเสริมให้บุคคลมีความเจริญงอกงามในการเรียนรู้ การคิดอ่านการกระทำ และให้สามารถนำเอาคุณสมบัติท้ังปวงท่ีมีอยู่ในตัวออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เกื้อกูล ตนเก้ือกูลผู้อื่น เพื่อให้อยู่ร่วมกันเป็นสังคม เป็นประเทศได้ ผู้มีหน้าท่ีให้การศึกษาแก่อนุชน จึงจำเป็นต้อง ระมดั ระวังต้งั ใจปฏบิ ตั งิ าน โดยคำนงึ ถึงจดุ มุ่งหมายท้ังนอี้ ยู่เสมอเปน็ นิตย์ การทจ่ี ะอบรมสนับสนุนอนุชน ให้ไดผ้ ลตามความมุ่งหมายของการศึกษานั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าการฝึกฝน และปลูกฝังความรู้จักเหตุผล ความรู้จักผิดชอบช่ัวดี เป็นสิ่งจำเป็นไม่น้อยกว่าการใช้วิชาการ เพราะการรู้จัก พิจารณาให้เห็นเหตุเห็นผล ให้รู้จักจำแนกสิ่งผิดชอบชั่วดีได้โดยกระจ่างแจ้ง ย่อมทำให้มองบุคคล มองสิ่งต่าง ๆ ได้ลึกลงไป จนเห็นความจริงในบุคคลและในสิ่งน้ัน ๆ เมื่อได้มองเห็นความจริงแล้ว ก็จะสามารถใช้ความรู้ และวิชาการ ปฏิบตั งิ านทกุ อย่างได้ดแี ละถูกต้องย่ิงขึ้นเปน็ ประโยชน์แกต่ นได้มากขน้ึ พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตรแกน่ ิสิตนักศึกษาวิทยาลัยวชิ าการศกึ ษา วันจันทรท์ ี่ 26 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2516 ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจากแหล่งต่าง ๆ คณะต่าง ๆ ย่อมจะต้องช่วยกันสร้างบ้านเมือง ด้วยกันทั้งน้ันไม่ใช่ว่าเรียนสำเร็จแล้วต่างคนต่างปฏิบัติงานของตนตามวิชาชีพ ทุกคนมีความรู้และจะต้องใช้ ความรูน้ น้ั เป็นประโยชน์สำหรบั สว่ นรวม มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 219 พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะกรรมการจดั งานวันจุฬาบัณฑิต วันศุกร์ที่ 25 มิถนุ ายน พ.ศ. 2514 การให้การศึกษาแก่เด็กต้องเร่ิมต้ังแต่เกิด ข้ึนต้นก็ต้องสอนให้รู้จักใช้อวัยวะและประสาทส่วนต่าง ๆ ต้องคอยควบคุมฝึกหัด จนสามารถใช้อวัยวะและประสาทส่วนนั้น ๆ ทำกิจวัตรทั้งปวงของตนเองได้ เมื่อ สามารถทำกิจวัตรของตัวได้แล้ว ถัดมาก็ต้องสอนให้รู้จักทำการต่าง ๆ ให้รู้จักแสวงหาส่ิงต่างๆ ตามท่ีต้องการ ให้ได้มากข้ึน เพื่อทำให้ชีวิตมีความสะดวกมีความสบาย การให้การศึกษาข้ันน้ี ได้แก่ การฝึกกายให้มีความ คล่องแคล่วชำนิชำนาญ และสามารถในการปฏิบัติประกอบกับการสอนวิชาความรู้ต่าง ๆ อันเป็นพื้นฐาน สำหรับการประกอบอาชีพเล้ียงตัว การให้การศึกษาอีกข้ันหนึ่ง คือ การสอนและฝึกฝนให้เรียนรู้วิทยาการท่ี ก้าวหน้าข้ึนไป พร้อมทั้งการฝึกฝนให้รู้จักใช้เหตุผลสติปัญญาและหาหลักการของชีวิต เพ่ือให้สามารถสร้างสรรค์ ความเจริญงอกงามท้ังทางกายและทางความคิด ผู้ทำงานด้านการศึกษาจึงมีความสำคัญเป็นพิเศษ และได้รับ ความยกย่องสูงตลอดมา ในฐานะทเ่ี ปน็ ผู้ให้ชีวติ จติ ใจตลอดจนความเจรญิ ทกุ อยา่ งแกอ่ นชุ น พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรแกน่ ิสติ นกั ศกึ ษาวทิ ยาลยั วิชาการศกึ ษา วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ประเทศชาติของเราจะเจริญหรือเสื่อมลงนั้นย่อมขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชนแต่ละคนเป็น สำคญั ผลการศึกษาอบรมในวันน้ี จะเป็นเคร่ืองกำหนดอนาคตของชาติในวันขา้ งหน้า ทา่ นทง้ั หลายจะต้องเป็น ผ้รู บั ผดิ ชอบโดยตรงในเร่ืองนเี้ พราะฉะน้ัน เม่ือท่านออกไปเป็นครู ท่านต้องพยายามทำหน้าท่ีของท่านใหส้ ำเร็จ โดยสมบรู ณ์ พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแกน่ ิสิตและนักศึกษาวทิ ยาลัยวิชาการศึกษา วันพฤหสั บดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2508 การศึกษาข้ันพื้นฐานของเยาวชนในปัจจุบันมีความจำเป็นเพื่ออนาคตของชาติมากเพราะฉะนั้น เม่ือท่าน เห็นความสำคัญของการเป็นครูและเม่ือท่านได้เลือกหน้าท่ีของท่านเช่นน้ีแล้ว ท่านต้องพยามยามทำหน้าท่ีให้ สมบรู ณ์ดว้ ยความต้ังใจจรงิ โดยมงุ่ ถงึ ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นที่ต้งั พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของวิทยาลยั วชิ าการศึกษา วนั พธุ ที่ 2 ธนั วาคม พ.ศ. 2507 การศึกษาเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญยิ่งของมนุษย์ คนเราเมื่อเกิดมาได้รับการสั่งสอนจากบิดามารดา อันเป็นความรู้เบื้องต้น เมื่อเจริญเติบโตขึ้นก็เป็นหน้าที่ของครูและอาจารย์สั่งสอนให้ได้รับวิชาความรู้สู และ อบรมจติ ใจใหถ้ ึงพรอ้ มด้วยคุณธรรมเพือ่ จะไดเ้ ปน็ พลเมืองดีของชาตสิ บื ไป
220 พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสติ และนักศึกษาวิทยาลยั วิชาการศึกษา วันพฤหัสบดีท่ี 13 ธันวาคม พ.ศ. 2505 การศึกษาเล่าเรียนเป็นเรื่องที่ไม่มีสิ้นสุด ผู้ปรารถนาความเจริญในการประกอบกิจการงาน จะต้อง หมนั่ เอาใจใส่แสวงหาความรใู้ หเ้ พ่มิ พนู อยู่เสมอ มฉิ ะน้ันจะกลายเป็นผ้ทู ลี่ า้ สมัยหย่อนสมรรถภาพไป พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของมหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ วนั ท่ี 23 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2504 แม้ท่านจะได้เรียนสำเร็จตามหลักสูตรจนได้รับปริญญาแล้วก็ดี ขอให้เข้าใจว่านี่เป็นเพียงข้ันต้นของ การศึกษาเท่านั้น ท่านจงพยายามศึกษาและฝึกฝนตนเองต่อไป เพราะสรรพวิทยาการด้านสาขาวิทยาศาสตร์ ทั้งหลายน้ัน การทดลองค้นคว้าช่วยให้ได้ความรู้ใหม่ ๆ ข้ึน มาอยู่เสมอ ถ้าท่านไม่ศึกษาเพ่ิมเติมไว้ ต่อไปไม่ช้า ท่านจะล้าสมยั พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตรและอนปุ ริญญาบตั รของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วนั ท่ี 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2 ภาพประกอบที่ 7.5 พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการศกึ ษา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 221 5. ความสำคญั ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงพระราชทาน แก่คณะบุคคลต่าง ๆ ท่ีเข้าเฝ้าฯ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2540 เพิ่มเตมิ วา่ (สำนกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ, 2556.) คำว่า พอเพียงมีความหมายอีกอย่างหน่ึง มีความหมายกว้างออกไปอีก ไม่ได้ หมายถึง การมีพอ สำหรับใช้เองเท่านั้น แต่มีความหมายว่าพอมีพอกิน พอมี พอกินน้ี ถ้าใครได้มาอยู่ที่นี่ในศาลานี้ เมื่อเท่าไหร่ 20, 24 ปีเมื่อปี 2517 ถึง 2541 น้ีก็ 24 ปีใชไ่ หม วนั นั้นได้พูดว่า เราควรจะปฏิบัติให้พอมีพอกิน พอมีพอกินน้ี ก็แปลว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง ถ้าแต่ละคนพอมีพอกินก็ใช้ได้ ย่ิงถ้าทั้งประเทศพอมีพอกินก็ย่ิงดีและ ประเทศไทยเวลานั้นก็เร่ิมจะไม่พอมี พอกิน บางคนก็มีมาก บางคนก็ไม่มีเลย สมัยก่อนน้ีพอมีพอกิน มาสมัยน้ี ชกั จะไมพ่ อมีพอกนิ จงึ ตอ้ งมีนโยบายที่จะทำเศรษฐกิจพอเพียง เพอื่ ท่ีจะใหท้ กุ คนมพี อเพยี งได้ ให้พอเพียงน้ีก็หมายความว่า มีกินมีอยู่ ไมฟ่ ุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้แต่ว่า พอ แมบ้ างอยา่ งอาจจะดูพุ่มเฟือย แต่ถ้าทำให้มีความสุข ถ้าทำได้ก็สมควรที่จะทำ สมควรท่ีจะปฏิบัติ อันนี้ก็ความหมายอีกอย่างของเศรษฐกิจ หรือระบบพอเพียงเมื่อปีท่ีแล้วตอนท่ีพูดพอเพียงแปลในใจแล้วก็ได้พูดออกมาด้วยว่าจะแปลเป็น Self- sufficiency (พึ่งตนเอง) ถึงได้บอกว่าพอเพียงแก่ตนเอง แต่ความจริงเศรษฐกิจพอเพียงน้ีกว้างขวางกว่า Self- sufficiency คือ Self- sufficiency นั้นหมายความว่า ผลิตอะไรมีพอท่ีจะใช้ไม่ต้องไปขอซื้อคนอ่ืนอยู่ได้ด้วย ตนเอง (พง่ึ ตนเอง) .. เปน็ ตามทเ่ี ขาเรยี กว่า ยืนบนขาของตวั เอง (ซง่ึ แปลวา่ พึ่งตนเอง) จากกระแสพระราชดำรัสดังกล่าว ความสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สามารถสรุปได้ดังนี้ (อุดมพรอมรธรรม, 2549 : 21-22) ประการแรก เป็นระบบเศรษฐกิจที่ยึดถือหลักการที่ว่า “ตนเป็นท่ีพึ่งแห่งตน” โดยมุ่งเน้นการผลิต พืชผลให้เพียงพอกับความต้องการบริโภคในครัวเรือนเป็นอันดับแรกเม่ือเหลือจากการบริโภคแล้วจึงคำนึงถึง การผลิตเพ่ือการค้าเป็นอันดับรองลงมา ผลผลิตส่วนเกินที่ออกสู่ตลาดก็จะเป็นกำไรของเกษตรกรในสภาพการณ์ เช่นนี้ เกษตรกรจะกลายสถานะเป็นผู้กำหนดหรือเป็นผู้กระทำต่อตลาดแทนที่ว่าตลาดจะเป็นตัวกระทำหรือ เป็นตัวกำหนดเกษตรกรดังเช่นท่ีเป็นอยู่ในขณะน้ี และหลักใหญ่ที่สำคัญย่ิง คือ การลดค่าใช้จ่าย โดยการสร้าง ส่งิ อปุ โภคบริโภคในที่ดินของตนเอง เชน่ ข้าว นำ้ ปลา ไก่ ไม้ผล พืชผัก ฯลฯ ประการทสี่ อง เศรษฐกจิ แบบพอเพียงให้ความสำคญั กับการรวมกลุ่มของชาวบ้าน ท้ังนี้ กลุ่มชาวบ้าน หรือองค์กรชาวบ้านจะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ให้หลากหลายครอบคลุมทั้ง การเกษตรแบบผสมผสานหัตถกรรมการแปรรูปอาหาร การทำธุรกิจค้าขาย และการท่องเที่ยวระดับชุมชน ฯลฯ เม่ือองค์กรชาวบ้านเหล่าน้ีได้รับการพัฒนาให้เข้มแข็งและมีเครือข่ายท่ีกว้างขวางมากข้ึนแล้ว เกษตรกร ทัง้ หมดในชมุ ชนก็จะได้รับการดูแลให้มีรายได้เพ่ิมขึ้น รวมทงั้ ได้รับการแกไ้ ขปญั หาในทุก ๆ ด้าน เมื่อเป็นเชน่ น้ี เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศก็จะสามารถเติบโตไปได้อย่างมีเสถียรภาพซ่ึงหมายความว่า เศรษฐกิจสามารถ ขยายตวั ไปพร้อม ๆ กับสภาวการณด์ า้ นการกระจายรายไดท้ ่ีดีขน้ึ ประการท่ีสาม เศรษฐกิจแบบพอเพียงต้ังอยู่บนพ้ืนฐานของการมีความเมตตา ความเอื้ออาทร และ ความสามคั คขี องสมาชกิ ในชุมชนในการร่วมแรงร่วมใจ เพ่ือประกอบอาชีพต่าง ๆ ใหบ้ รรลุผลสำเรจ็ ประโยชน์ ที่เกิดข้ึนจึงมิได้หมายถึงรายได้แต่เพียงมิติเดียว หากแต่ยังรวมถึงประโยชน์ในมิติอื่น ๆ ด้วย ได้แก่ การสร้าง ความม่ันคงให้กับสถาบันครอบครัว สถาบันชุมชน ความสามารถในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ สงิ่ แวดล้อม การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของชุมชนบนพ้ืนฐานของภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งการรักษาไว้ ซึ่ง ขนบธรรมเนยี มประเพณีทด่ี งี ามของไทยใหค้ งอยตู่ ลอดไป
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 222 6. การจดั การเรยี นรู้ ความหมายของการจดั การเรยี นรู้ การจดั การเรียนรู้ หมายถึง การจัดการศกึ ษาที่ถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด เป็นกระบวนการจัดการศึกษา ที่ต้องเน้นให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้ และพัฒนาความรู้ได้ด้วยตนเอง หรือรวมท้ังมีการฝึกและปฏิบัติในสภาพ จริงของการทำงาน มีการเช่ือมโยงสิ่งที่เรียนกับสังคมและการประยุกต์ใช้ มีการจัดกิจกรรม และกระบวนการ ใหผ้ ้เู รียนไดค้ ิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมนิ และสรา้ งสรรค์สิง่ ตา่ ง ๆ นอกจากน้ี ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพโดยสะท้อนจาก การท่ีนักศึกษาสามารถเลือกเรียนรายวชิ า หรอื เลือกทำโครงงานหรือช้ินงานในหวั ข้อท่ีสนใจในขอบเขตเน้ือหา ของวิชาน้นั ๆ กระบวนการ/ขนั้ ตอนการจัดการเรยี นรู้ การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ เพ่ือให้การจัดการศึกษาตามหลักสูตรประสบความสำเร็จตามจุดหมาย จงึ กำหนดแนวดำเนินการไว้ ดังนี้ 1. จัดการเรียนการสอนให้ยืดหยุ่นตามเหตุการณ์ สภาพท้องถิ่นพัฒนาหลกั สูตรและส่ือการเรียนการสอน ในส่วนท่ีเกีย่ วกับท้องถิน่ ตามความเท 2. จัดการเรียนการสอน โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญให้สอดคล้องกับความสนใจและสภาพชีวิตจริงของผู้เรียน และให้โอกาสเท่าเทยี มกันในการพัฒนาตนเองตามความสามารถ 3. จัดการเรียนการสอนให้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงหรือบูรณาการท้ังภายในและระหว่างสาระการ เรยี นรูใ้ หม้ ากท่สี ุด 4. จัดการเรียนการสอนโดยเน้นกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์ และกระบวนการกลุ่ม 5. จัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงให้มากที่สุด และเน้นให้เกิดความคิดรวบยอดใน สาระการเรยี นรู้ต่าง ๆ 6. จัดให้มกี ารศึกษาตดิ ตามและแกไ้ ขข้อบกพร่องของผู้เรียนอย่างต่อเน่ือง 7. ให้สอดแทรกการอบรมด้านจริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และกิจกรรมต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ 8. ในการเสริมสร้างค่านิยมท่ีระบุไว้ในจุดหมาย ต้องปลูกฝังค่านิยมที่เป็นพื้นฐาน เช่น ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยดั อดทน วินัย รบั ผดิ ชอบ ควบคู่ไปดว้ ย 9. จัดสภาพแวดล้อม และสร้างบรรยากาศท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ และการปฏิบัติจริงของผู้เรียน (กรม วชิ าการกระทรวงศึกษาธิการ, 2538 หนา้ 4) เพอ่ื ให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปตามจุดประสงคท์ ่กี ำหนดไว้ จำเป็นต้องมีการทำแผนการจัดการ เรียนรู้ ซึ่งแผนการจัดการเรียนรู้เป็นเสมือนเคร่ืองมือเพ่ือเป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ให้ ผูเ้ รียนตามที่กำหนดไวใ้ นสาระสำคญั ของรายวิชา ดงั นน้ั แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ีดจี ะต้องมีลกั ษณะดงั นี้ 1. ระบุคณุ สมบตั ทิ ีพ่ ึงประสงค์ของผ้เู รียน 2. จัดกิจกรรมทเ่ี สริมสร้างพัฒนาการของผูเ้ รียน เพอื่ ใหบ้ รรลตุ ามจุดประสงค์ 3. การเลือกสือ่ /อุปกรณ์ ที่ชว่ ยให้ผเู้ รียนบรรลุจุดประสงค์ 4. วิธกี ารวัดประเมินผลที่แสดงคุณสมบัติความสามารถของผู้เรียนท่ีตรงตามที่คาดหวัง องค์ประกอบ ของแผนการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้อาจมีหลายรูปแบบการเขียนท่ีต่างกัน แต่องค์ประกอบของ แผนการจดั การเรยี นรู้ไมม่ คี วามแตกตา่ งกันซง่ึ ประกอบดว้ ย
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 223 4.1 สาระสำคัญ การกำหนดสาระสำคัญในการเรียนรู้น้ัน ผู้สอนต้องเลอื กสาระเน้ือหาที่สอดคล้องกับ วชิ า มีความถูกตอ้ งตามหลกั วชิ าการ ความเหมาะของสาระเนื้อหากบั ความพรอ้ มทีจ่ ะรับของผูเ้ รยี น นอกจากน้ี ผู้สอนต้องพิจารณาความสมดุลระหว่างความคิดและข้อเท็จจริงในวิชาน้ัน ๆ จะต้องเป็นไปท้ังทางกว้างและ ทางลึก เป็นสาระเนื้อหาท่ีมีความทันสมัยอยู่ในความสนใจของผู้เรียน และควรจะสอดคล้องกับความเป็นจริง ในสงั คม 4.2 จุดประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ ในหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐานพุทธศักราช 2544 เป็นความคาดหวังของผู้สอน ท่ีต้องการให้ผู้เรียนเกิดผลการเรียนรู้ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ ความสามารถ และคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ค่านยิ ม ลักษณะของจุดประสงคก์ ารเรียนรู้มี 2 ลกั ษณะคือ 4.2.1 จุดประสงค์ท่ัวไป เป็นความคาดหวังของผู้สอนท่ีมีต่อการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมของ ผูเ้ รียน ภายหลังการเรยี นการสอนในแตล่ ะครง้ั โดยมไิ ดร้ ะบุพฤตกิ รรมทีช่ ดั เจนเป็นรูปธรรม 4.2.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เป็นจุดมุ่งหมายเฉพาะเจาะจงท่ีผู้สอนระบุหรือกำหนดให้ ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมท่ีชัดเจนเป็นรูปธรรมท่ีสามารถสังเกตได้ วัดได้โดยหลักการเขียนจุดประสงค์เชิง พฤติกรรม ประกอบด้วย 3 ส่วน คอื สว่ นท่ี 1 พฤติกรรมทคี่ าดหวงั วา่ ผูเ้ รียนจะตอ้ งเกดิ /ทำได้ ซึ่งพฤติกรรมดงั กลา่ วต้องสามารถ สงั เกตได้ วัดได้ ส่วนท่ี 2 เง่ือนไข หรือสถานการณ์ เป็นข้อความท่ีกำหนดสภาพเหตุการณ์เง่ือนไขส่ิงเร้า ทจี่ ะทำให้ผูเ้ รยี นเกิดพฤตกิ รรมทคี่ าดหวัง ส่วนท่ี 3 เกณฑ์มาตรฐาน เป็นข้อความที่กำหนดว่า ผู้เรียนจะแสดงพฤติกรรมท่ีคาดหวัง ในระดับใด จึงจะยอมรับได้ว่าผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์นั้นแล้ว ในการกำหนดเกณฑ์หรือมาตรฐานเป็นส่ิงท่ี ยืนยันได้ว่า พฤติกรรมท่ีเกิดขึ้นนั้น ผู้เรียนสามารถปฏิบัติได้จริงมิได้เกิดจากความบังเอิญ โดยเกณฑ์ท่ี กำหนดให้ถือว่าเป็นระดับต่ำสุดที่ผู้เรียนควรแสดงความสามารถให้ถึงจุดนั้น ในการกำหนดเกณฑ์อาจกำหนด จากเวลาที่ปฏบิ ัติ ปริมาณของพฤตกิ รรมท่แี สดงออกหรือคุณภาพท่ีสำคญั ของพฤติกรรมท่ีแสดงออก 4.3 เนื้อหาสาร หรือหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2544 เรียกว่า สาระการเรียนรู้ เปน็ เน้ือหาทค่ี รูวางแผนจะสอนในครง้ั นัน้ เน้อื หาท่ีเขยี นในแผนการจดั การเรียนรู้ควรสอดคลอ้ งกับระยะเวลาท่ี สอน หรือจำนวนคาบที่สอน การเขียนเน้ือหาสาระอาจจะเขียนเป็นประเด็นหัว ข้อโดยเรียงหัวข้อตามลำดับ เนื้อหารท่ีจะสอน และอาและอาจจะเขียนเนื้อหาสาระขยายความเล็กน้อย แต่ไม่จำเป็นต้องมีรายละเอียด เพราะรายละเอียดของเนื้อหาที่สอนควรอยู่ในใบความรู้เนื้อหาสาระต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ และสาระสำคญั 4.4 กิจกรรมการเรียนรู้ หรือหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 เรียกว่า กระบวนการ เรยี นร้เู ป็นการระบวุ า่ การเรยี นการสอนครั้งนั้นจะดำเนนิ การอยา่ งไร วิธกี ารจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่ง ท่ีมองเห็นเป็นรูปธรรมมากกว่าองค์ประกอบอ่ืน เป็นการนำเสนอเน้ือหาของผู้สอนเม่ือถ่ายทอดไปยังผู้เรียน โดยการเลือกวิธีสอน และกำหนดงานของผู้เรียน เพ่ือให้ผลการเรียนของผู้เรียนทุกคนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซ่งึ หลักการเลอื กกิจกรรมการเรียนรู้ควรพิจารณาถึงความสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรยี น มีความเหมาะสม กับเน้ือหาวิชาท่ีสอน กับจำนวนและลักษณะผู้เรียน ความสนใจ ความสามารถ ระดับพัฒนาการของผู้เรียน และสอดคล้องกับวิถชี วี ิตของผ้เู รยี น เพอ่ื ให้เกิดการถา่ ยโยงการเรียนรใู้ นการนำผลไปใชใ้ นชวี ิตจริงได้ 4.5 สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ หมายถึง เอกสาร ตำราเรยี น อุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอนเพ่ือ เพ่ิมประสบการณ์ ขยายความรู้ ช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ทีก่ ว้างขวางมากขน้ึ ดงั นั้นผสู้ อนควรเลือกส่ือและแหล่ง การเรยี นรู้ทเ่ี กี่ยวข้องกับจุดประสงค์ และสาระการเรียนรู้ ซึง่ ในปัจจุบันส่ือและแหล่งการเรยี นรู้จากการสืบค้น
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 224 ทางอินเตอร์เน็ตมีมากมาย ซึ่งผู้สอนควรให้ผู้เรียนได้ติดตาม ค้นคว้าแหล่งข้อมูล เพื่อให้ทันกับความรู้ใหม่ที่ เกิดข้นึ อย่างกว้างขวาง 4.6 การประเมินผล การที่ผู้สอนประเมินผู้เรียน ก็เพื่อนำมาใช้ในการพิจารณาผลการเรียนการ สอน หรือเพ่ือเปรียบเทียบผลที่เกิดข้ึนกับผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ว่าเป็นไปตามจุดประสงค์การเรียนรู้หรือไม่ ดังน้ันเพื่อให้การประเมินผลมีประสิทธิภาพ ผู้สอนควรพิจารณาถึงขอบเขตการประเมินต้องอยู่ภายใต้ จุดประสงค์การเรียนรู้ท่ีกำหนด มีการเลือกเครื่องมือที่ใช้ประเมินที่มีความเท่ียงตรง ความเชื่อม่ัน มีความเป็น ปรนยั และใช้วิธกี ารท่หี ลากหลายในการประเมินท่สี อดคล้องกับจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้และกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.7 บันทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้ เปน็ การบันทึกไวใ้ นตอนทา้ ยของแผนการจัดการเรียนรู้ซ่ึงเป็น การบันทึกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ว่าอะไรที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามแผนการ เรียนรู้ และเป็นเพราะเหตุใด ถ้าต่อไป ควรจะแก้ไขอย่างไรเพ่ือไม่ให้เหตุการณ์เช่นน้ันเกิดขึ้นอีก หรือควรทำ อยา่ งไรใหด้ ขี น้ึ 7. ความสำคญั ของการจดั การเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เปรียบเสมือนเครื่องมือที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนรักการเรียน ต้ังใจเรียน และเกิดการ เรียนรู้ขึน้ การเรียนของผู้เรียนจะไปสู่จดุ หมายปลายทาง คือ ความสำเร็จในชีวิตหรือไม่เพียงใดน้ัน ย่อมข้นึ อยู่ กับการจัดการเรียนรู้ท่ีดีของผู้สอน หรือผู้สอนด้วยเช่นกัน หากผู้สอนรู้จักเลือกใช้วิธีการจัดการเรียนรู้ท่ีดีและ เหมาะสมแลว้ ยอ่ มจะมีผลดตี ่อการเรยี นของผเู้ รียนดังนี้ คือ 1. มคี วามรู้และความเขา้ ใจในเนอื้ หาวิชา หรอื กจิ กรรมท่เี รียนรู้ 2. เกดิ ทักษะหรือมีความชำนาญในเนอ้ื หาวิชา หรือกิจกรรมท่ีเรียนรู้ 3. เกดิ ทัศนคติที่ดีตอ่ สิ่งที่เรียน 4. สามารถนำความรู้ท่ีได้ไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวันได้ 5. สามารถนำความรู้ไปศึกษาหาความรเู้ พิ่มเติมต่อไปอีกได้ อนึ่ง การท่ีผู้สอนจะส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความเจริญงอกงามในทุกๆด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญานั้น การส่งเสริมท่ีดีท่ีสุดก็คือการให้การศึกษา ซึ่งจากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า การจัดการ เรยี นรู้เปน็ สิ่งสำคัญในการใหก้ ารศึกษาแก่ผู้เรยี นเป็นอยา่ งมาก 8. องค์ประกอบของการจัดการเรยี นรู้ ผู้สอนจำเป็นจะต้องศึกษาจากข้อมูลหลายประการเพื่อนำมาช่วยเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้ของตน และการเรียนรขู้ องผเู้ รียนการจดั การเรยี นรู้ไมว่ ่าระดบั ใดก็ตามข้ึนอยู่กับองคป์ ระกอบ 3 ประการ คือ 1. ผเู้ รียน 2. บรรยากาศทางจติ วทิ ยาท่ีเอือ้ อำนวยต่อการเรยี นรู้ 3. ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งผู้เรยี นกบั บรรยากาศทางจติ วิทยาในชน้ั เรียน ถา้ องค์ประกอบของการจัดการเรยี นรทู้ ้ัง 3 ประการนี้ ดำเนินไปไดด้ ้วยดีจะทำให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จ ในการเรยี นร้ไู ดอ้ ย่างมาก องค์ประกอบดังกล่าวมรี ายละเอียด ดังน้ี 1. ผู้เรียน ธรรมชาติของผู้เรียนเป็นส่ิงท่ีผู้สอนจะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกเกี่ยวกับความสามารถทางสมอง ความถนัดความสนใจพัฒนาการทางร่างกายอารมณ์และจิตใจความต้องการพ้ืนฐานเป็นสิ่งที่ผู้สอนจะต้อง คำนึงถงึ และจะละเลยไมไ่ ด้
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 225 2. บรรยากาศทางจิตวทิ ยา ผ้สู อนเป็นสว่ นท่สี ำคัญและเป็นส่วนหนึ่งท่ีจะกำหนดบรรยากาศในช้ันเรียนให้เป็นไปในรูปแบบท่ีต้องการ ความเปน็ ประชาธิปไตยความเครง่ เครยี ดความชื่นบานของผู้เรียนส่งิ เหลา่ น้ีจะเกดิ ขึ้นได้โดยผสู้ อนเปน็ ผ้กู ำหนด แต่ถึงกระนั้นก็ตามบรรยากาศในชั้นเรยี นยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกนอกเหนือไปจากตัวผ้สู อน คือ ผู้เรียนเข้า ช้ันเรียนโดยไม่ได้รับประทานอาหารเช้าหรืออาหารกลางวันผู้เรียนเริ่มเรียนชั่วโมงแรกด้วยความรู้สึกหิวหรือ บางครั้งผู้เรียนได้รับส่ิงกระทบกระเทือนใจติดตามมาเน่ืองจากความไม่ปรองดองในครอบครัวเป็นต้นส่วน ทางด้านตัวผู้สอนน้ันอาจจะมีความกดดันจากฝ่ายบริหารหรือจากครอบครัวเศรษฐกิจอาหารเช้าก่อนมา สถานศึกษาของผู้สอนมีเพียงน้ำแก้วเดียวเท่านั้นสิ่งทน่ี ำมาก่อนเหล่าน้ีเกิดข้นึ ก่อนท่ีผู้สอนและผ้เู รยี นจะมาพบ กันซ่ึงเป็นสิ่งท่ีจะบ่งได้ว่าบรรยากาศทางจิตวิทยาในชั้นเรียนที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้จะปรากฏออกมาใน รูปแบบใด 3. ปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างผ้เู รียนกบั บรรยากาศทางจติ วทิ ยาในชั้นเรยี น ปฏิสัมพันธ์ระหวา่ งผู้สอนและผู้เรียนจะเป็นเครื่องช้ีบ่งถึงเง่ือนไขหรือสถานการณ์ว่าผูเ้ รียนจะประสบ ความสำเร็จหรือความล้มเหลวต่อการเรยี นรู้ผูส้ อนควรจะคิดถึงผู้เรียนในฐานะเป็นบุคคลหน่ึงผเู้ รียนมีสทิ ธิที่จะ ไดร้ บั ความต้องการพนื้ ฐานและผู้สอนจะตอ้ งหากลวิธีที่จะตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการพื้นฐานของผู้เรียนใหม้ าก ที่สุดเท่าท่ีจะมากได้และผู้สอนควรจะฝึกให้มีความรู้สึกไวต่อความรู้สึกนึกคิดของผู้เรียนเพื่อความสำเร็จแห่ง การเรียนร้แู ละการเจริญเติบโตเปน็ บุคคลทส่ี มบรู ณต์ ่อไป 9. การประยุกต์ใชแ้ นวคดิ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงในการจัดการเรยี นร้ใู ห้กับผู้เรียน ความหมายของการประยกุ ต์ใช้ การประยุกต์ หมายถึง การนำบางส่ิงมาใช้ประโยชน์ โดยปรับใช้อย่างเหมาะสมกับสภาวะที่เฉพาะ เจาะจง \"บางส่ิง\" ที่นำมาใช้ประโยชน์น้ัน อาจเป็นทฤษฎี หลักการ แนวคิด ความรู้เก่ียวกับเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง และนำมาใช้ประโยชน์ในภาคปฏิบัติ โดยปรับให้เข้า กับบริบทแวดล้อม ที่เป็นอยู่อย่าง เหมาะสม นอกจากนี้ \"บางส่ิง\" น้ันอาจเป็นวัตถุส่ิงของท่ีนำมานอกเหนือ บทบาทหน้าท่ีเดิมให้เหมาะสมกับบริบทใหม่ การประยุกต์ เป็นการนำทฤษฎี หลักการ กฎเกณฑ์แนวคดิ เก่ยี วกบั เรอ่ื งใดเร่ืองหน่ึงไปปรบั ใช้ให้เกิดประโยชน์ในภาคปฏิบัติ โดยเฉพาะในศาสตร์สาขาวิชาต่าง ๆ มักมีการประยุกต์ภาคทฤษฎีสู่ภาคปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ใน การนำไปใช้จริง ในการแก้ไขปัญหา และการพัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ เพราะมีความเป็นรูปธรรมมากกว่า การประยุกต์เป็นการ นำส่ิงหนึ่ง หรือแนวคิดหนึ่งมาปรับใช้เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายท่ีเฉพาะเจาะจง การประยุกต์ จึงแตกต่างจากการลอกเลียนแบบ การลอกเลียนเป็น การนำสิ่งที่อยู่ในบริบทหนึ่งมาใช้ในอีกบริบทหน่ึงทั้ง หลักการ วิธกี ารและรูปแบบ โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมในบริบทท่ีแตกต่างกัน คนทค่ี ิดเชิงประยุกต์ได้ดีจะ สามารถนำ ส่งิ หนง่ึ มาใช้ แก้ปัญหาทเี่ กดิ ขนึ้ ได้อยา่ งลงตวั โดยคำนงึ ถงึ สภาพความเปน็ จรงิ ในขณะน้ัน การประยุกตพ์ ระราชดำรชั เกีย่ วกับการศกึ ษาในการจดั การเรยี นรู้ ต้องพัฒนาอาชีพความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอาชีพไม่ใช่เพียงแต่ปลูกผัก ถั่ว งาให้หลานเฝ้า แต่เป็นเร่ืองของความอยู่ดีกินดี ความรู้การศึกษาที่กล่าวว่า ต้องช่วยให้การศึกษาดีขึ้นเพราะถ้าการศึกษา ไม่ดี คนไม่สามารถทำงาน การศึกษาต้องได้ทุกระดับ ถ้าพูดถึงระดับสูง หมายความว่า นักวิทยาศาสตร์ ขั้นสูง ถ้าไม่มีการเรียนขั้นประถม อนุบาล ไม่มีทางท่ีจะให้คนไทยข้ึนไปเรียนขั้นสูง หรือเรียนข้ันสูงไม่ดี ซง่ึ เด๋ียวนก้ี ย็ ังไมด่ ี เพราะขน้ั สงู นน้ั ตอ้ งมรี ากฐานจากขน้ั ต่ำ ถา้ ไมม่ ีกเ็ รยี นขั้นสูงไม่รูเ้ ร่อื ง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 226 พระราชดำรัส เน่ืองในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2546 การศึกษาเมื่อเราได้ศึกษาและเรียนรู้แล้วต้องนำความรู้ท่ีได้น้ันไปพัฒนาต่อในด้านอาชีพการงานให้ดีข้ึน ไม่ใช่แค่การเรียนรู้เพื่อให้รู้เพียงอย่างเดียว และการศึกษาจะต้องเร่ิมจากการปูพื้นฐานแก่ผู้เรียนให้แน่นและ แมน่ ยำก่อนทจ่ี ะเรียนในขั้นทสี่ งู ต่อไป ความรู้ที่จะศึกษามีอยู่สามส่วน คือ ความรู้วิชาการ ความรู้ปฏิบัติการ และความคิดอ่านตามเหตุผล ความเป็นจริงซึ่งแต่ละคนควรเรียนรู้ให้ครบ เพ่ือสามารถนำไปใช้ประกอบกิจการงาน และแก้ปัญหาทั้งปวง ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหดิ ล วนั พฤหสั บดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 การจัดการเรยี นรู้จะต้องเรม่ิ จากการศึกษาทฤษฎีเพอื่ ให้ผเู้ รยี นไดร้ ู้กรอบแนวคิดของการปฏิบัติก่อน จากน้ันนำความรจู้ ากทฤษฏีไปทดลองและฝึกฝนเพอื่ ให้เกิดความชำนาญมากข้ึน เชน่ การเรียนวิทยาศาสตร์ จะต้ังศึกษาทฤษฏีเพ่ือนำทฤษฏีมาทดลองและสรุปผลหลังจากน้ัน เม่ือการทดลองเกิดปัญหา จะต้อง วเิ คราะห์ปญั หาจากการทดลองและปรบั ทฤษฏเี พ่ือให้ประสานกนั และแกป้ ญั หาได้อยา่ งถกู ต้อง ประเทศชาติของเราจะเจริญหรือเสื่อมลงน้ันย่อมข้ึนอยู่กับการศึกษาของประชาชนแต่ละคนเป็น สำคัญ ผลการศึกษาอบรมในวันนี้ จะเป็นเครื่องกำหนดอนาคตของชาติในวันข้างหน้า ท่านทั้งหลายจะต้อง เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องนี้เพราะฉะนั้น เมื่อท่านออกไปเป็นครู ท่านต้องพยายามทำหน้าที่ของท่าน ให้สำเร็จโดยสมบูรณ์ พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตรแก่นสิ ติ และนักศึกษาวิทยาลยั วิชาการศกึ ษา วันพฤหสั บดีท่ี 2 ธนั วาคม พ.ศ. 2508 ประเทศชาติของเราจะเจริญหรือเส่ือมลงน้ันย่อมข้ึนอยู่กับการศึกษาของประชาชนแต่ละคนเป็นสำคัญ ผลการศึกษาอบรมในวันนี้ จะเป็นเครื่องกำหนดอนาคตของชาติในวันข้างหน้า ท่านท้ังหลายจะต้องเป็น ผูร้ บั ผิดชอบโดยตรงในเร่ืองนี้เพราะฉะน้ัน เมื่อท่านออกไปเป็นครู ท่านตอ้ งพยายามทำหน้าทีข่ องท่านให้สำเร็จ โดยสมบรู ณ์ พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรแก่นสิ ติ และนักศึกษาวิทยาลยั วิชาการศกึ ษา วันพฤหสั บดที ่ี 2 ธนั วาคม 2508
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 227 ผูส้ อนควรพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ควรศึกษาหาความรู้เพ่ือเตรียมการสอนและจดั กิจกรรมพัฒนา ตวั ผ้เู รียน เพอ่ื ใหไ้ ดร้ ับความรแู้ ละมคี วามสามารถท่ดี ี และเพ่อื เป็นการพฒั นาการศกึ ษาของประเทศด้วย ลักษณะของการศึกษาหรือการเรียนรู้นั้น มีอยู่สามลักษณะ ได้แก่ เรียนรู้ตามความรู้ ความคิด ของ ผู้อ่ืนอย่างหนึ่ง เรียนรู้ด้วยการขบคิดพิจารณาของตนเองให้เห็นเหตุผลอย่างหนึ่ง กับเรียนรู้จากการปฏิบัติ ฝึกฝนจนประจกั ษผ์ ล และเกดิ ความคล่องแคลว่ ชำนาญอีกอยา่ งหน่ึง พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรแกผ่ สู้ ำเรจ็ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วนั พฤหสั บดที ี่ 25 มิถนุ ายน พ.ศ. 2524 การเรียนรู้มี 3 ลักษณะ โดยการเรียนรู้จากผู้สอน จากนั้นผู้เรียนนำความรู้นั้นมาพิจารณาให้เหตุผล ด้วยตนเองเพื่อให้ตนเองเกดิ ความเข้าใจ และฝกึ ฝนให้รจู้ รงิ และเกิดความชำนาญ เช่น การเรยี นคณิตศาสตร์ ผู้เรียนจะรับความรู้ต่าง ๆ มาจากครู และทบทวนให้เกิดความเข้าใจด้วยเอง พร้อมกับฝึกฝนเพ่ือให้เกิด ความชำนาญกบั โจทย์ ผู้มีหน้าที่จดั การศึกษาทุก ๆ คน จงึ ต้องถือว่าตัวของท่านมีความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมอื งอยอู่ ย่าง เต็มท่ีในอันท่ีจะต้องปฏบิ ัติหน้าท่ใี ห้เทย่ี งตรง ถูกตอ้ ง สมบรู ณ์โตเตม็ กำลังจะประมาทหรือละเลยมิได้ เพราะ ถ้าปฏิบัติให้ผิดพลาดบกพร่องไปด้วยประการใด ๆ ผลร้ายอาจเกิดข้ึนแก่ส่วนรวมและประเทศชาติได้ มากมาย พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ครแู ละนักเรยี นท่ไี ดร้ บั พระราชทานรางวัล วันจันทรท์ ี่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 ผู้สอนควรมีความรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของตนเอง และปฏิบัติหน้าท่ีของตนเองอย่าง สมบูรณ์ เพ่อื ไมใ่ หเ้ กิดผลเสียตอ่ ตวั ผู้สอนเอง ผ้เู รียน และสังคมในภายภาคหนา้ นอกจากนี้หากผู้สอนปฏิบัติ ตนดจี ะสามารถเปน็ แบบอยางทด่ี ใี ห้แก่ผเู้ รียนไดอ้ ีกด้วย การศึกษามิได้มาจากการฟังโอวาท หรือแม้จะฟังบรรยายสั่งสอนของครูบาอาจารย์ การศึกษานั้นมา จากการสังเกต การดู การฟัง ของแต่ละคน หมายความว่า ดูแล้วฟังแล้วมาพิจารณาให้เป็นประโยชน์แก่ตน กน็ บั วา่ เป็นการศึกษาแลว้ และเปน็ การศกึ ษาทีด่ ีที่สุด พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบัตรแกน่ สิ ิตของมหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ วทิ ยาเขตสงขลา วนั จันทรท์ ่ี 25 กนั ยายน พ.ศ. 2521
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 228 ผูส้ อนควรสอดแทรกการเรียนรู้ดว้ ยตนเองให้แก่ผู้เรียน เช่น การให้ผู้เรียนแสดงความคดิ เห็นโดยจะมี นักเรียนคนอ่ืน ๆ ได้รับฟังความเห็น และนำส่ิงท่ีเป็นประโยชน์มาปรับใช้กับตนเอง การให้ผู้เรียนสังเกตและ เรียนรู้ด้วยตนเอง เพราะการค้นพบด้วยตนเองนั้นจะทำให้ผู้เรียนสามารถจดจำสิ่งเหล่านั้นได้ดี ซึ่งเหมาะกับ การศกึ ษาในยคุ ปัจจบุ นั หน้าท่ีของผู้จัดและผู้ให้การศึกษาน้ัน กล่าวอย่างสั้นท่ีสุดก็คือ การให้คนได้เรียนดีเพ่ือที่จะสามารถ ทำการงานสร้างตัวและดำรงตัวให้เป็นหลักเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมได้ การให้เรียนดีนั้นจะทำอย่างไร ข้อแรกจะต้องสอนให้มีวิชาการท่ีดี ท่ีถูกต้องแน่นแฟ้น ให้มีความสามารถและมีหลักการในการปฏิบัติ ข้อสอง ต้องฝึกหัดอบรมในจิตใจและความประพฤติปฏิบัติ ให้รู้จักเหตุผลและความผิดชอบชั่วดี เพื่อมิให้นำ ความรู้ไปใช้ในทางเบียดเบียนกันและกัน ข้อที่สาม ต้องให้มีกำลังและสุขภาพสมบูรณ์ทั้งทางกายทางใจ ผู้ท่ีได้รับการศึกษาครบถ้วนเหมาะสมกันทุกด้านดังน้ี เชื่อได้ว่าจะเป็นผู้เข้มแข็งสามารถเต็มที่ในการปฏิบัติ ทั้งทางกายและทางความคิดจิตใจ จะกระทำหน้าที่การงานใดก็จะมุ่งหวังผลหวังประโยชน์ที่แท้จริงของ หน้าท่ีการงานน้ันเป็นใหญ่ ไม่หลงทาง ทั้งจะสามารถปฏิบัติบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ให้บรรลุผลอัน สมบรู ณ์ พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรแกผ่ ้สู ำเร็จการศึกษาจากมหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ วันจนั ทรท์ ่ี 25 กนั ยายน พ.ศ. 2521 การเป็นครูจะต้องหากิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือดึงความสนใจผู้เรียน ให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้อยากทำ และเข้าใจเนื้อหา เพ่ือให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมอย่างเต็มที่และมีความรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้โดยต้องใช้ อย่างรผู้ ดิ ชอบชัว่ ดี ไมท่ ำให้ผ้อู นื่ หรอื สงั คมเดือดรอ้ น ความเจริญของคนท้ังหลาย ย่อมเกิดมาจากการประพฤติชอบ และการหาเลี้ยงชีพชอบเป็นหลัก สำคัญ ผู้ท่ีจะสามารถประพฤติชอบและหาเล้ยี งชีพชอบได้ด้วยน้ัน ยอ่ มจะตอ้ งมีทัง้ วิชาความรู้ ทัง้ หลักธรรม ทางศาสนา เพราะสิ่งแรกเป็นปัจจัยสำหรับใช้กระทำการงาน สิ่งหลังเป็นปัจจัยสำหรับส่งเสริมความ ประพฤติและการปฏิบัติการงานให้ชอบ คือ ให้ถูกต้องและเป็นธรรม วิชาการกับหลักธรรมนี้มีประกอบกัน พร้อมในผใู้ ดผู้นัน้ จะไดป้ ระสบความสขุ และความสำเร็จในชีวติ โดยสมบรู ณ์ ดังนั้น การให้การศึกษาแก่เด็ก จึงจำเป็นต้องจัดให้ได้ครบทั้งสองทาง ในพระคัมภีร์ก็มีแนววิธีปฏิบัติท่ี ดีท่ีถูกต้องอยู่ครบถ้วนแล้ว ทั้งด้านทางการปฏิบัติตัว และทางการปฏิบัติจิตใจ ควรที่ทั้งหลายจะดำเนินตาม โดยเครง่ ครัด เพื่อความผาสกุ และความเจริญมนั่ คงของทุก ๆ คน พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะครโู รงเรียนราษฎรส์ อนศาสนาอิสลาม 4 จังหวัดภาคใต้ วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2519
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 229 ผู้สอนควรสอดแทรกหลักคุณธรรมให้แก่ผู้เรียน เพ่ือเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน ให้ผู้เรียนสามารถ คิดแยกแยะได้ว่าส่ิงใดควรทำและส่ิงใดไม่ควรทำเพื่อนำไปใช้ในการหาเลี้ยงชีพ เพราะนอกจากผู้เรียนต้องมี ความรแู้ ลว้ ผู้เรียนจะตอ้ งมคี ุณธรรมในการประกอบอาชีพด้วย ผู้ให้การศึกษาระดับใด สาขาใดก็ตามรวมท้ังผู้บริหารการศึกษาด้วย ต้องปฏิบัติงานด้วยความเข้าใจ กัน มีความสมั พันธ์รว่ มมือกันอย่างใกล้ชิดและกว้างขวาง สนับสนุนส่งเสริมงานของแตล่ ะสาขา แต่ละระดับ ขึ้นมาเป็นขั้น เว้นจากความขัดแย้งและเบียดเบียนกันโดยเด็ดขาด ความเจริญทางการศึกษาของชาติที่ทุก คนต้องการ จงึ จะมีประสิทธิผลขนึ้ มาได้ พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรแกน่ ิสติ นกั ศึกษาวทิ ยาลยั วชิ าการศกึ ษา วันอังคารท่ี 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 การศกึ ษาควรสอนให้ผูเ้ รียนรู้จกั การทำงานรว่ มกบั ผู้อ่ืน ไมเ่ ห็นแกต่ ัวหรือสนใจแค่งานของตนเอง เช่น ผู้สอนควรใชเ้ ทคนคิ การสอนแบบกล่มุ การจบั กลุ่มทำงาน เพ่อื ให้ผ้เู รียนไดฝ้ ึกทำงานร่วมกบั ผอู้ ่ืน การศึกษาเล่าเรียนเป็นเรื่องท่ีไม่มีสิ้นสุด ผู้ปรารถนาความเจริญในการประกอบกิจการงานจะต้อง หมั่นเอาใจใส่แสวงหาความรใู้ ห้เพิ่มพูนอยู่เสมอ มฉิ ะนน้ั จะกลายเปน็ ผ้ทู ี่ล้าสมยั หย่อนสมรรถภาพไป พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ วันที่ 23 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2504 การจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียน ผู้สอนควรเพิ่มการศึกษาด้วยตนเอง หรือให้ผู้เรียนหาความรู้รอบตัว เพ่ือให้ผู้เรียนรู้เท่าทันเหตุการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน เช่น ให้ศึกษาข่าวประจำวัน ข่าววิทยาศาสตร์ หรือ เหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบนั เพมิ่ เติมในรายวชิ าทีเ่ กย่ี วข้อง 10. บทสรปุ แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตและวิถีปฏิบัติท่ีพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะ แก่ พสกนิกรไทย มาเป็นระยะเวลายาวนาน เพ่ือให้คนไทยใช้เป็นหลักคิดและหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิต เพ่ือให้เกิดสมดุล ในชีวิต ครอบครัว โรงเรียน ประเทศ ซ่ึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพ้ืนฐานของ ทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผลการสร้างภูมิคุ้มกันท่ีดี ในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบกับการวางแผน การตัดสินใจ และ ขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต ให้มีความรอบรู้ ท่ีเหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบเพ่ือให้สมดุลและพร้อม ต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางท้ังด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมจากโลก
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 230 ภายนอกได้เป็นอย่างดี ซึ่งพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร (รัชกาลท่ี 9) ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับด้านการศึกษาช้ีแนะแก่ครู อาจารย์ เพื่อให้นำแนวทางตามพระราชดำรัสเกี่ยวกับ การศึกษาไปประยุกตใ์ ช้ในการจดั การเรียนรู้ เพื่อใหก้ ารศึกษาของประเทศไทยไดม้ ีพื้นฐานที่ดี ผู้เรียนไดค้ วามรู้ มีความรทู้ ่ีแม่นยำ สามารถนำไปพัฒนาตนเองในการประกอบอาชีพได้ และสามารถผลักดันการศึกษาของไทย ใหด้ ขี ้ึนได้ คำถามทบทวน 1. การนำเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ต์ใช้ในการจดั การเรยี นรู้มขี ้อดีหรือไม่ อย่างไร 2. การประยกุ ตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพียงในการจัดการเรยี นรสู้ ามารถจัดได้กบั วิชาอะไรบา้ ง 3. การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในการจัดการเรียนรู้จะทำให้เด็กมีประสิทธิภาพในการเรียน มาก ขน้ึ หรอื ไม่ อยา่ งไร 4. การนำแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกตใ์ ชใ้ นการจัดกิจกรรม สามารถทำได้อย่างไร 5. แนวคิดปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งสามารถนำมาบูรณาการจัดการเรียนรู้ไดอ้ ย่างไร 6. การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในการจัดการเรียนรู้เหมาะสำหรับการศึกษาของไทยหรือไม่ อยา่ งไร เอกสารอ้างองิ กชกร ชำนาญกิตตชิ ัยและคณะ. 2554. การนำหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาประยุกตใ์ ช้ในการ ดำเนินชวี ิตของนกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนดสุ ิต. รายงานวจิ ัย, มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนดสุ ิต. คณะอนุกรรมการขบั เคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สำนกั งานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาต.ิ 2549. การประยุกตใ์ ช้ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง. (พิมพ์ครงั้ ท่ี 3). กรงุ เทพฯ : กลมุ่ งาน เศรษฐกิจพอเพยี ง สำนักงานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจพอเพยี ง. ชาตรี เกดิ ธรรม. (2549). หลักการสอน. ปทมุ ธานี : คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏวไลย อลงกรณ์ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จังหวดั ปทุมธานี. (อัดสำเนา) ดร.สภุ ณิดา พฒั ธร (2557). คู่มือการจดั ระบบการเรียนการสอนท่เี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคญั (พิมพ์ครั้งท่ี 2). สำนักงานสง่ เสรมิ วิชาการและงานทะเบยี น มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ วไลยอลงกรณ์ (2553) พระราชดำรัสเกีย่ วกับการศึกษา. ม.ป.ป. [ระบบออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/maptaputpan/phra-rach-daras-keiyw-kab-kar- suksa สืบคน้ ขอ้ มลู เมือ่ วันท่ี 8 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2564. สพุ ิศ ทองมาก. (2541). หลักการสอน. ปทมุ ธานี : คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏเพชรบรุ วี ิทยา ลงกรณ์. (อัดสำเนา)
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง บทท่ี 8 คา่ นยิ มของครู ค่านิยมทางสังคมถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมที่กำหนดพฤติกรรมของสมาชิกสังคมนั้น ๆ โดยตรง ทุกสังคมจึงมีระบบค่านยิ มของตนอง ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่คนในแต่ละสังคมยดึ ถือรว่ มกัน เกิดจาก การอบรมบ่มนิสัยและการปลูกฝังค่านิยมตั้งแต่เยาว์วัย จนเกิดเป็นความเคยชิน และหล่อหลอมเป็น บุคลิกภาพ มีทั้งด้านดีและด้านเสีย คำนิยมในแต่ละสังคมเปลี่ยนแปลงได้ไม่ตายตัว การศึกษาเรื่อง ค่านยิ มเปน็ เรอื่ งลึกซง้ึ และต้องใช้เวลาในการศึกษาเรื่องนีอ้ ย่างละเอียด 1. ความหมายของค่านยิ ม พจนานุกรมศัพท์สังคมวิทยา ฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า ค่านิยม (value) หมายถึง ความเชื่อหรือหลักการที่เป็นนามธรรมซึ่งสมาชิกของสังคมหรือกลุ่มยึดถือร่วมกัน และใช้เป็น เครื่องช่วยการตัดสินใจ และช่วยกำหนดการกระทำของตนค่านิยมยังมีส่วนสำคัญในการกำหนด มาตรฐานความประพฤติ และบรรทัดฐานทางสงั คมซง่ึ มีลักษณะเปน็ รูปธรรมมากกวา่ ค่านิยม ค่านิยม มาจากคำในภาษาอังกฤษว่า “Value” และมาจากคำสองคำ คือ “ค่า” “นิยม” เม่อื คำสองคำรวมกัน แปลวา่ การกำหนดคณุ คา่ คณุ ค่าท่ีเราต้องการทำใหเ้ กิดคณุ ค่า คณุ ค่าดงั กล่าวน้ี มีทงั้ คุณค่าแทแ้ ละคณุ ค่าเทียม ซึง่ คณุ ค่าแท้เปน็ คุณคา่ ทีส่ นองความตอ้ งการในการพฒั นาคุณภาพชีวิต สว่ นคุณคา่ เทียม หมายถงึ คณุ คา่ ทีส่ นองความต้องการอยากเสพสิ่งปรนเปรอชั่วค่ชู ั่วยาม ค่านิยม หมายถึง สิ่งที่บุคคลพอใจหรือเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า แล้วยอมรับไว้เป็นความเชื่อ หรือความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ค่านิยมจะอยู่ในตัวบุคคลในรูปของความเชื่อตลอดไป จนกว่าจะพบ กบั คา่ นยิ มใหม่ ซึ่งตนพอใจกว่ากจ็ ะยอมรับไว้ เมอ่ื บุคคลเผชิญกับเหตุการณ์และต้องตัดสินใจอย่างใด อย่างหนึ่ง จะนำค่านิยมมาประกอบการตัดสินใจทุกครั้งไป ค่านิยมจึงเป็นเสมือนพื้นฐานแห่งการ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิของบคุ คลโดยตรง สังคมวิทยามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับเรื่องค่านิยม นักสังคมวิทยาได้อภิปรายเกี่ยวกับ บทบาทของค่านิยมในงานวิจัยทางสังคม วิทยาไว้ว่า ประเด็นเรื่อง ค่านิยมเข้ามาเกี่ยวข้องกับสังคม วิทยาถึง 2 ชั้น คือ ชั้นแรก เนื่องจากตัวสังคมเองส่วนหนึ่งก็เกิดขึ้นและดำรงอยู่ได้ด้วยการที่สมาชิก ของสังคมยึดถือค่านิยมร่วมกัน ดังที่ ทัลคอตต์ พาร์สัน (Talcott Parsons) นักสังคมวิทยาชาว อเมริกัน เคยกล่าวว่า ระบบสังคมจะคงอยู่ไม่ได้โดยปราศจากความสมานฉันท์ในค่านิยม ดังนั้น การศึกษาสังคมก็คือการศึกษาคา่ นิยมนั่นเอง ชั้นที่ 2 เนื่องจากนักสังคมวิทยาก็เป็นสมาชิกของสังคม จึงต้องจะยึดถือค่านิยมต่าง ๆ ของสังคมเช่นกัน งานทางสังคมวิทยาจึงตอ้ งเกี่ยวข้องกับค่านิยมอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้แสดงความคิดเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ที่นักสังคมวิทยาจะเป็นอิสระ จากคา่ นยิ ม อยา่ งไรก็ดี มกั ซ์ เวเบอร์ (Max Weber) นักสงั คมวทิ ยาชาวเยอรมัน ไดเ้ สนอแนวความคิด ว่าหากนักสังคมวิทยาไม่สามารถตัดความลำเอียงอันเกิดจากค่านิยมของตนออกไปได้ อย่างน้อยที่สุด ก็ควรระบุให้ชัดเจนว่าค่านิยมของตน คืออะไร และมีผลต่องานวิจัยนั้น ๆ อย่างไร แทนที่จะทำ เหมือนกับว่าค่านิยมไม่มีอิทธิพลใด ๆ ต่องานของตนเลย เวเบอร์ เรียกหลักการนี้ว่า ความเป็นกลาง ด้านค่านิยม (value neutrality) นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า นักสังคมวิทยาไม่ควรใช้สถานภาพทาง วิชาชีพของตนโดยเฉพาะในฐานะอาจารยส์ นบั สนุนค่านิยมอย่างใดอย่างหนึ่ง
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 232 ในวชิ าจริยศาสตร์ “ค่านิยม” แสดงถงึ ระดบั ความสำคัญของบางสิ่งหรือการกระทำบางอย่าง ทมี่ ีจุดมงุ่ หมายเพื่อตัดสินว่าการกระทำใดดีท่ีสุดหรือการใชช้ ีวิตอย่างใดดีทส่ี ดุ (จริยศาสตร์เชิงบรรทัด ฐาน) หรืออธิบายความสำคัญของการกระทำที่แตกต่างกัน ระบบค่านิยมเป็นความเชื่อที่เป็นข้อห้าม (proscriptive) และในทางที่ควรเป็น (prescriptive) มีผลกระทบต่อพฤติกรรมที่มีจริยธรรมของ บุคคล หรือเป็นพื้นฐานของกิจกรรมโดยเจตนาของเขา บ่อยครั้งค่านิยมหลักเปน็ สิ่งที่เข้มและค่านิยม รองมีความเหมาะสมแก่การเปลย่ี นแปลง อาจนยิ ามค่านยิ มไดว้ ่าเป็นความนิยมกว้างขวางที่เกยี่ วข้องกับการกระทำหรือผลลัพธ์ที่เหมาะสม ดงั นั้น ค่านยิ มจึงสะท้อนสำนึกถูกผิดของบุคคล หรือสิ่งท่ี \"ควรจะ\" เปน็ กลา่ วคอื ตัวแทนของค่านิยม เช่น ทกุ คนมสี ทิ ธเิ สมอกัน ความเป็นเลิศสมควรได้รับการเชิดชู และบุคคลควรปฏิบัติต่อกันด้วยความ เคารพและศักดิ์ศรี เป็นต้น ค่านิยมมักมีอิทธิพลต่อทัศนคติและพฤติกรรม และชนิดเหล่านี้รวมถึง ค่านิยมจริยธรรม/ศีลธรรม ค่านิยมลัทธิ/อุดมการณ์ (ศาสนา, การเมือง) ค่านิยมสังคม และค่านิยม สุนทรียศาสตร์ มีการถกเถียงว่าค่านิยมที่ไมได้ตัดสินทางจิตใจอย่างชัดเจน เช่น ปรัตถนิยม เป็นค่า ในตัว (intrinsic) หรือไม่ และค่านิยมบางอย่าง เช่น ความอยากได้อยากมี (acquisitiveness) ควร จดั เปน็ ความชวั่ หรอื คณุ ธรรม 2. ทีม่ าของคา่ นิยม ธรรมชาติของค่านยิ มเปน็ เรื่องของจิตใจท่ีคนแสดงออกมาในรปู ความคิดเห็น ความรู้สึกจนถึง การกระทำ ค่านิยมเป็นเร่ืองของความคิด ดังน้นั จุดเร่ิมตน้ จงึ อยทู่ ่จี ิตใจของคนด้วยหตนุ ้ีคนทกุ คน จึงมี ค่านิยมของตนองได้ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ชีวิตในสังคมทุกคนมีการพัฒนาความคิด ความเชื่อ และ ค่านิยมอยู่เสมอ ปกติคนจะมีความคิดเห็นส่วนตัว เมื่อได้ยินได้ฟังความเห็นของผู้อื่นบางครั้งก็ยืด ถือเอาความเห็นของเพื่อนไว้ ถ้าผู้ฟังมีศรัทธในเพื่อนคนนั้น บางคนก็จะนำความเห็นของเพื่อนมา ผสมผสานกับความเห็นของตน สร้างระบบความคิดเหน็ ใหก้ ับตน โลกทัศน์และค่านิยมจึงแตกต่างกนั ไปตามวุฒิภาวะและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล ท่ีมาของค่านยิ มในสงั คมไทย มดี งั น้ี 1. ขบวนการอบรมเลี้ยงดูของสถาบันครอบครัว (Socialization) ซึ่งเป็นสถาบันที่หล่อหลอม ชีวิตจิตใจคุณธรรมและศีลธรรมแก่เด็ก เพื่อเป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการพัฒนา และเป็นกุญแจที่จะ แก้ไขปัญหาสังคม การพัฒนาสังคมและวัฒนธรรมจึงมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่บ้าน ค่านิยมของบุคคลจึง แตกต่างกันไปตามการเปลี่ยนแปลงของวุฒิภาวะและประสบการณ์ที่ได้รับจากสถาบันนี้ ดังนั้น ถ้ามนุษย์เราขาดการเรียนรู้ที่ถกู ต้องต้งั แต่เยาวว์ ัยจะมีผลกระทบถงึ บุคลิกภาพและพฤติกรรม สถาบัน ครอบครัวจึงมีบทบาทในการปลูกฝังค่านิยมท่ีพงึ ปรารถนาของสังคม รวมทงั้ การสร้างเสริมประสบการณ์ เกี่ยวกับระเบียบของสังคมทุกด้าน สถาบันครอบครัวจึงมีบทบาทสำคัญในการอบรมเลี้ยงดูและ ถา่ ยทอดคา่ นิยมทางจรยิ ธรรมคณุ ธรรมเปน็ อยา่ งมาก
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 233 ภาพประกอบท่ี 8.1 สถาบันการศึกษา 2. สถาบันทางการศึกษา โรงเรยี น วิทยาลัย และมหาวทิ ยาลัย จะมีบทบาทสำคัญต่อการเสริมสร้างค่านิยมและพัฒนา บุคลิกภาพของเด็กและเยาวชน เพราะเป็นสถาบันที่เด็กได้มีโอกาสสังสรรค์กับหมู่คนหมู่เดียวกัน สถาบันการศึกษาต้องทำหน้าที่ในพัฒนาคุณภาพของมนุษย์ และปลูกฝังค่านิยมที่พึงประสงค์ของ สงั คม สามารถหล่อหลอมบคุ ลิกภาพของคนให้สามารถพ่ึงตนเองได้ในประชาคมโลกได้ 3. ระบบความเชอ่ื หลักธรรมจากสถาบันศาสนา การดำเนินชีวิตของคนไทยในอดีตยึดถือศีลธรรม ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธ์ รวมทั้งค่านิยมซึ่งมีรากฐานสำคัญมาจากศาสนาพุทธศาสนา พราหมณ์ หลักของศาสนาจะเป็นสื่อของการอบรมให้รู้จักระเบียบสังคม เรียนรู้ในการปรับตัวให้ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสงบสุข โดยผ่านกระบวนการและสถาบันต่าง ๆ ทั้งที่เป็นนามธรรม และรูปธรรม เช่น วัดและสถาบันสงฆ์ ซึ่งทำหน้าที่ในการอบรมกล่อมเกลาให้กุลบุตร กุลธิดาปฏิบัติ ตามเกณฑ์และประเพณีหลาย ๆ ประการ ใหส้ อดคลอ้ งกับวิถีชีวติ ท่ีดีงามถูกต้อง เช่น ค่านยิ มเก่ียวกับ เมตตากรณุ า โอบออ้ มอารี ช่วยเหลอื กนั การวางตนใหเ้ หมาะสมกับกาลเทศะ การปฏิบัติตนต่อบุคคล ทมี่ ีสถานภาพต่างกัน เช่น ศษิ ย์กบั ครูอาจารย์ บตุ รธดิ าต่อบิดามารดา อย่างมสี มั มาคารวะ เปน็ ตน้ ภาพประกอบท่ี 8.2 ความเช่ือทางศาสนา
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 234 4. ระบบศักดนิ า สังคมไทยผูกพันกับระบบศักดินามาเป็นเวลานาน ระบบศักดินามีบทบาทสำคัญในการสร้าง ค่านิยมของสังคมไทย และเป็นเครื่องกำหนดพฤติกรรมของคนในสังคม ซึ่งเป็นไปตามความแตกต่าง ในฐานะของบุคคลในสังคม สังคมไทยจึงเป็นสังคมที่แบ่งชั้นวรรณะอาจแบ่งโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว เป็นสังคมที่นิยมยกย่องผู้มีอำนาจ ยศศักดิ์ ชาติวุฒิ ตำแหน่ง ฐานานุรูปและเผ่าพันธ์ุ ยอมรับระบบ เจ้าขุนมลู นายอย่างเตม็ ใจ ภาพประกอบที่ 8.3 ระบบศกั ดนิ า 5. อารยธรรมตะวนั ตก แต่เดิมสังคมไทยมีค่านิยมยกย่องความมั่งคั่งร่ำรวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อระบบอุตสาหกรรม และทุนนิยมของตะวันตกเข้ามาในประเทศไทย พร้อมกับค่านิยมทางวัตถุ และเน้นความสำคัญทาง เศรษฐกิจ จึงทำให้วฒั นธรรมการบรโิ ภคแพร่หลายในสังคมไทยเศรษฐกิจจงึ เป็นตวั กำหนดชวี ิตคนทำ ให้ละเลยความสำคัญของส่วนรวม จึงเกิดการเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง คือ รัฐและ องค์กรธุรกิจเอกชนต่างมุ่งพัฒนาบ้านเมืองไปในเรื่องเศรษฐกิจเพื่อการส่งออก ทุนนิยม บริโภคนิยม จึงเปน็ กระแสหลกั ครอบงำสงั คมไทยปัจจบุ ันนี้ ภาพประกอบที่ 8.4 อารยธรรมตะวันตก
มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 235 6. สื่อสารมวลชน ในช่วงศตวรรษที่ 21 ระบบข่าวสารและโทรคมนาคมมีประสิทธิภาพมาก ซึ่งทำให้ระบบ เศรษฐกิจถูกหลอมรวมเป็นระบบเดียวกัน และเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายทั่วโลกโดยเฉพาะเมื่อสิ้นสุดยคุ สงครามเย็น กระแสสังคมนิยมอ่อนตัวลง การค้าเสรีและพลงั ประชาธิปไตยเข้มแข็งขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง สถาบันสื่อสารมวลชนจึงมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ค่านิยม ข่าวสาร ข้อมูล ความคิด ทัศนคติ และศิลปวัฒนธรรมหรือที่เรียกรวม ๆ ว่าสารสนเทศ เพื่อถ่ายทอดผ่านสื่อสารมวลชนทุกวันนี้เป็น ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตและพัฒนามนุษย์ โดยที่เรานำมาสังเคราะห์เป็นความรู้และการปฏิบัติ ในชีวิตประจำวัน เป็นแนวความคิดเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และ วัฒนธรรม เพราะระบบสื่อสารมวลชนเป็นการศึกษานอกระบบที่มีอยู่แพร่หลาย มีผลกระทบอย่าง ลึกซึ้งและกว้างไกล ในการพัฒนาศักยภาพ ความรู้ความสามารถ ตลอดจนเจตคติและค่านิยมของ ประชากรทุกกลมุ่ อายแุ ละกลุ่มอาชีพมาก ภาพประกอบท่ี 8.5 ส่ือสารมวลชน 3. ความสำคัญของค่านยิ ม อาจกล่าวได้ว่าค่านิยมมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรม ค่านิยมบางอย่างได้สร้างแก่นของ วัฒนธรรมนั่นเอง เช่น ค่านิยมเรื่องรักอิสรเสรีของสังคมไทย ทำให้คนไทยมีพฤติกรรมที่ “ทำอะไร ตามใจ คือ ไทยแท้” เพราะฉะนั้นค่านิยมจึงมีความสำคัญมากและมีผลกระทบถึงความเจริญหรือ ความเสื่อมของสงั คม กล่าวคือ สงั คมท่ีมคี า่ นิยมท่ีเหมาะสมและถูกต้อง เชน่ ถา้ สังคมใดยืดถือค่านิยม เรื่องความซื่อสัตย์ ความขยันหมั่นเพียร ความเสียสละ หรือความสามัคคี สังคมนั้นย่อมจะ เจริญก้าวหน้า ในแต่ในทางกลับกัน ถ้าสังคมใดมีค่านิยมที่ไม่สนับสนุนความเจริญ เช่น ค่านิยมที่เช่ือ เรื่องโชคชะตา ก็จะก่อให้เกิดพฤติกรรมไม่กระตือรือร้นหรือเฉื่อยชาซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการพัฒนา ดงั นั้น คา่ นยิ ม จึงมีความสำคัญ ดังนี้ 3.1 ความสำคัญต่อบุคคล ค่านิยมเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมคนทั้งทางร่างกายและ จิตใจ มนุษย์จะใช้ค่านิยมเป็นเครื่องมือประเมินเหตุการณ์หรือพฤติกรรมของคนอื่น แล้ววินิจฉัยว่าดี หรือเลว น่าพอใจหรอื ไม่พอใจ อะไรถูกหรืออะไรผิด อะไรควรทำหรอื ไมค่ วรทำ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428