Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20200928-Disruptive technology

20200928-Disruptive technology

Published by pawnin.chaiyabat, 2020-09-27 23:12:23

Description: 20200928-Disruptive technology

Keywords: Disruptive technology,เทคโนโลยีพลิกผัน,ธนาคารกลาง

Search

Read the Text Version

ธนาคารแห่งประเทศไทย. (2018). แนวทางการอนุญาตการให้บรกิ ารแพลตฟอร์มอเี ลก็ ทรอนิกส์ (e- Marketplace platform) ของธนาคารพาณชิ ยแ์ ละบรษิ ัทในกลุม่ ธรุ กิจทางการเงนิ ของธนาคารพาณิชย์. ธนาคารแหง่ ประเทศไทย. ธนาคารแหง่ ประเทศไทย. (2019). P2P Lending สนิ เชื่อออนไลน์ระหว่างบุคคลในรูปแบบใหม.่ กรงุ เทพ: ธนาคาร แหง่ ประเทศไทย. 77

บทท่ี 5 เทคโนโลยี Blockchain ในอตุ สาหกรรมการเงินการธนาคาร บทนำ เทคโนโลยี Blockchain คือเทคโนโลยีใหมท่ ผ่ี ู้บรหิ ารของสถาบันการเงนิ หลายรายให้ความสำคัญ และมี การวางแผนลงทุนเทคโนโลยีนี้ในอนาคตอันใกล้ เทคโนโลยี Blockchain มีการพดู ถงึ อยา่ งกว้างขวางเปน็ ครัง้ แรก จากการเกิดขนึ้ ของเงนิ Cryptocurrency สกลุ แรกท่เี รยี กว่า Bitcoin ในปคี .ศ. 2009 เน่ืองจาก Bitcoin เปน็ สกุล เงนิ ทนี่ ำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้เป็นระบบชำระเงนิ พ้ืนฐาน เทคโนโลยี Blockchain ถือเปน็ เทคโนโลยีท่ีไม่ได้เพียงแค่ปฏิวตั ิด้านเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แตท่ ำให้ เกดิ การปฏวิ ัติเชงิ แนวคดิ และปรัชญาของการสรา้ งปฏิสมั พนั ธข์ องภาคสว่ นต่างๆในสังคมด้วย ดังนน้ั บทนจ้ี งึ เริม่ ต้นวิเคราะห์พื้นฐานแนวคิดของ Blockchain เพื่อใหเ้ กิดความเขา้ ใจวา่ Blockchain หรอื ทใี่ นบางคร้ังเรยี กวา่ Distributed ledger technology นั้นแตกตา่ งจากแนวคิดการบริหารการปกครองแบบในปจั จุบนั อย่างไร นอกจากน้ีในบทน้ีจะวเิ คราะหถ์ งึ ลักษณะตา่ งๆของ Blockchain ว่าจะต้องประกอบด้วยกลไกใดบ้าง โดย จะเปน็ การนำ Blockchain ที่รอบรบั ระบบชำระเงนิ ของ Bitcoin มาเป็นกรณีศึกษาสำหรับการทำความเขา้ ใจการ ทำงานของเทคโนโลยี Blockchain ซง่ึ จากการวเิ คราะห์จะทำใหพ้ บปัญหาพื้นฐานตา่ งๆของ Blockchain ทีไ่ ม่อาจ นำมาใช้ได้กับทุกกจิ กรรม ในช่วงท้ายของบทจึงสรุปเงอื่ นไขสำคัญท่จี ะต้องพจิ ารณาก่อนตัดสินใจนำ Blockchain มาแทนที่ระบบการทำงานในปัจจุบัน พน้ื ฐานแนวคดิ ของเทคโนโลยี Blockchain พัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีในอีกมมุ หน่งึ ที่ทำให้เกดิ รูปแบบใหมข่ องความสัมพนั ธ์ในระบบการเงิน และ ระบบเศรษฐกิจคือเทคโนโลยีท่ีเรียกวา่ Blockchain หรือบางครั้งถูกเรยี กวา่ Ditributed Ledger Technology (DLT) โดยเทคโนโลยี Blockchain น้ีเป็นเทคโนโลยีระบบชำระเงนิ เบื้องหลงั ของสกลุ เงนิ ในกลมุ่ ท่ีเรียกวา่ Cryptocurrency 78

เนื่องจากเทคโนโลยี Blockchain เป็นระบบท่ีมีจดุ ประสงค์ในการลดบทบาทของตวั กลางในการกำกบั ดูแลระบบ แตม่ ุ่งเน้นทจ่ี ะกระจายอำนาจให้กบั คนในระบบ (Decentralization) จงึ ทำให้เทคโนโลยี Blockchain นำไปสูก่ ารเปลีย่ นแปลงแนวคิดการบรหิ ารจดั การ การดำเนินธรุ กิจ และการใช้ชวี ิตประจำวันของคนในสังคมอยา่ ง สน้ิ เชิง เทคโนโลยี Blockchain ไม่ได้เปน็ แนวคิดทเ่ี กิดขึน้ ครั้งแรกจากการคิดค้นสกลุ เงิน Cryptocurrency ท่ี เรยี กวา่ Bitcoin ในปี ค.ศ. 2009 แตแ่ นวคิดของการสรา้ งระบบความสมั พันธ์ใหม่แบบกระจายอำนาจทไ่ี มต่ อ้ งมี ตวั กลางในการกำกบั ดแู ล และมกี ารบันทึกขอ้ มูลอย่างปลอดภัยเกิดขน้ึ มาต้ังแตป่ ี ค.ศ. 1991 โดยนกั วิจัยชอื่ Stuart Haber และ W. Scott Stornetta ท่คี ดิ คน้ วิธีการบนั ทึกเอกสารตามลำดับเวลา (Time-stamping) และ เข้ารหสั ความปลอดภัยดว้ ย Cryptography (Binance Academy, 2019) แนวคิดของสังคมท่ีไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางในการกำกับดูแลน้นั เกิดขึ้นได้ยากในอดีตเพราะไม่มเี ทคโนโลยี ที่ช่วยสำหรบั การสือ่ สารและการสง่ ผา่ นขอ้ มลู ระหว่างคนในสังคม ทำให้คนในสงั คมไม่สามารถทจี่ ะรว่ มมือกนั (Coordination) ในการดำเนินกจิ กรรมต่างๆ ไดโ้ ดยง่าย หรอื ไม่สามารถทีจ่ ะชว่ ยกันสอดสอ่ งดูแลกิจกรรมต่างๆ ที่ เกิดขน้ึ ในสงั คม (Survellience) ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ดงั น้นั สงั คมจึงเลือกแนวทางของการมอบอำนาจ (Delegation) ให้หน่วยงานหรอื กล่มุ บุคคลท่สี งั คมเชื่อว่า มที ักษะ ความรู้ และมีความเหมาะสมเข้ามากำกบั ดูแลกจิ กรรมในแต่ละดา้ น เช่น การมอบอำนาจให้กษตั รยิ ์และ คณะทำงานได้สทิ ธิ์เดด็ ขาดในการบริหารประเทศ หรอื การมอบอำนาจให้ประธานาธบิ ดแี ละพรรคการเมืองเขา้ มา บริหารประเทศ เปน็ ต้น การมอบอำนาจเหลา่ นี้ในอีกแง่มมุ หนง่ึ คือการยินยอมใหเ้ กิดการรวมศนู ย์อำนาจ (Centralization) อยู่ท่ีองค์กรหรอื กลมุ่ บุคคลหนงึ่ ภายใตเ้ งื่อนไขกฎหมายหนึ่งเพื่อกำกบั ดแู ลความสงบสขุ ของคน ในสังคม การมอบอำนาจในลกั ษณะเช่นน้ีเกิดข้นึ ในทกุ ระดับช้ันของสังคม ไม่วา่ จะเป็นการมอบอำนาจใหท้ หารเป็น ผู้ดแู ลประเทศ การมอบอำนาจให้ตำรวจเป็นผูด้ แู ลทกุ ขส์ ุขของประชาชน หรอื การมอบอำนาจให้ศาลเปน็ องค์กรที่ ตัดสนิ คดีความต่างๆ เป็นต้น การรวมศนู ย์อำนาจ (Centralization) ไว้กับกลุ่มบุคคลที่คนในสังคมเหน็ ว่ามีความเหมาะสมทีส่ ุดในการ ดำเนนิ กจิ กรรมหนึ่ง ถอื เปน็ การสร้างใหร้ ะบบมปี ระสิทธภิ าพ เพราะสังคมเชื่อวา่ กลมุ่ บุคคลที่ไดร้ บั มอบอำนาจจะมี ตน้ ทนุ ทถ่ี ูกท่ีสุดในการกำกับดูแลและจัดการประเดน็ ทไี่ ดร้ บั มอบอำนาจไปดำเนนิ การ ซ่ึงสงั คมคาดหวงั วา่ กิจกรรม ตา่ งๆ จะสามารถดำเนนิ การไปได้อยา่ งรวดเรว็ 79

อยา่ งไรก็ตามจุดเปราะบางของระบบแบบรวมศูนยอ์ ำนาจคือ การทีร่ ะบบจะต้องอยู่ภายใตส้ มมุติฐานของ ความเช่อื ใจ (Trusts) ทค่ี นในสงั คมมตี ่อกลุ่มบคุ คลหรือหน่วยงานทไ่ี ดร้ บั มอบอำนาจดังกลา่ ว หากสงั คมขาดความ เชื่อใจและเชื่อมนั่ ในการดำรงอยขู่ องอำนาจของหนว่ ยงานนัน้ ผู้ทไ่ี ด้รับมอบอำนาจจากสังคมก็จะประสบปัญหาใน การดำเนินกจิ การตา่ งๆ ท่ตี นเองได้รบั มอบหมาย และเกดิ ปัญหาตามมาในสงั คมอย่างมากมาย เหมือนสงั คมการ เมืองไทยในปจั จุบันที่ความเช่ือใจถูกทำลายในหลากหลายแง่มุมจนเกดิ ความวนุ่ วายและทำใหร้ ัฐบาลไมส่ ามารถ ดำเนนิ กจิ การต่างๆได้อย่างราบรนื่ แนวคิดของ Blockchain ที่อย่ภู ายใตร้ ะบบแบบกระจายอำนาจ (Decentralization) จงึ มงุ่ ไปทก่ี ารสรา้ ง ระบบท่ีไม่ต้องอาศัยความเชอ่ื ใจเป็นพื้นฐาน แต่คนในสังคมหรือคนในระบบดังกล่าวสามารถดำเนนิ กจิ กรรมตา่ งๆ ได้อยา่ งราบร่ืนผา่ นการออกแบบระบบไม่ให้บุคคลต่างๆในสงั คมสามารถออกนอกลนู่ อกทางจากเงื่อนไขที่ควรจะ เป็นได้ โดยคนในสงั คมทง้ั หมดสามารถตรวจสอบพฤติกรรมทีไ่ ม่พงึ ประสงค์ได้แบบ Real-time และดำเนินการ ลงโทษทันทเี ม่ือพฤติกรรมเหลา่ นัน้ เกดิ ขน้ึ ความสามารถนี้เกิดจากการที่ Blockchain มีการเก็บขอ้ มูลแบบโปรง่ ใส และตรวจสอบยอ้ นหลังได้ตลอดเวลา (Tapscott & Tapscott, 2016) แนวคิดของการนำ Blockchain มาใช้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพจะเกดิ ข้นึ เฉพาะกับโลกท่ีมีการพัฒนาจน กิจกรรมต่างๆในการดำเนนิ ชีวติ สามารถถูกบันทกึ เป็นฐานขอ้ มูลอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ดังนั้นเมื่อโครงข่ายการสื่อสาร ต่างๆ ถูกพัฒนาอยา่ งต่อเน่อื งจนทำให้การส่งผ่านข้อมลู เกิดข้นึ ตลอดเวลา 24 ชัว่ โมง และมนษุ ย์ทุกคนในสังคมตา่ ง มีอปุ กรณ์ Smart device ทส่ี ามารถเชอ่ื มต่ออนิ เตอร์เน็ต สำหรบั การทำกจิ กรรมต่างๆ จึงเปน็ สถานการณ์ท่ี สนบั สนนุ ใหเ้ กิดการนำ Blockchain มาใช้อย่างกวา้ งขวาง ตัวอย่างหน่งึ ของระบบแบบรวมศูนยอ์ ำนาจท่ีสามารถนำแนวคดิ ของ Blockchain มาเพิ่มประสิทธภิ าพ กระบวนการทำงานของระบบได้คือ ระบบการบรหิ ารงานภายในองค์กร เชน่ ในปจั จบุ ันการอนมุ ัติเร่ืองบางเร่ือง จะตอ้ งผา่ นคณะกรรมการหลายข้นั ตอน (Red-tape Bureaucracy) ทำใหใ้ ชเ้ วลานานในการดำเนนิ การ แตห่ าก นำแนวคิดของ Blockchain มาประยุกตใ์ ช้ คณะกรรมการแต่ละขน้ั ตอนจะสามารถเหน็ เร่ืองท่ตี นเองต้องอนุมตั ิได้ พร้อมกันในระบบ Blockchain เมอ่ื ผบู้ งั คบั บัญชาในระดับเบ้อื งตน้ ได้เซ็นอนุมตั ดิ ้วย Digital signature ในระบบ Blockchain กจ็ ะทำใหผ้ ้บู งั คับบัญชาในระดบั อืน่ ๆ สามารถเหน็ ขอ้ มลู และอนมุ ตั ิต่อไดท้ ันที โดยขอ้ มูลการอนุมัติ เหลา่ น้นั ถูกจดั เก็บไวอ้ ยา่ งปลอดภยั แกไ้ ขได้ยาก หากมีการแกไ้ ขจะต้องได้รบั การยนิ ยอมของคนทุกคนในระบบ กอ่ น เปน็ ต้น (Tapscott และ Tapscott, 2016) 80

สำหรบั ระบบการชำระเงนิ ในปจั จุบันทเี่ ปน็ แบบรวมศนู ย์อำนาจไว้ท่ธี นาคารกลางและธนาคารพาณชิ ย์ ก็ สามารถปรับเปลย่ี นระบบให้เป็นแบบกระจายอำนาจด้วยแนวคดิ ของ Blockchain ได้เช่นเดียวกนั กิจกรรมสำคญั ของระบบชำระเงินคือการบันทกึ บญั ชรี ับจ่าย ซง่ึ ระบบชำระเงินในปัจจุบันจะเปน็ การบนั ทกึ ผา่ นธนาคารพาณิชยผ์ ู้ ใหบ้ ริการบัญชกี ับประชาชน ธนาคารพาณชิ ย์จงึ ถือเป็นผู้ที่ไดร้ บั มอบอำนาจจากธนาคารกลางในการเปน็ ผู้บนั ทึก บัญชี (Ledger) ก่อนท่ีจะต้องสง่ ข้อมูลการบันทึกบญั ชไี ปทำการดุลบญั ชี (Settlement) ที่ธนาคารกลาง โดย ธนาคารกลางจะเป็นผ้กู ำกับดูแลสดุ ท้ายของระบบชำระเงนิ ภายในประเทศ ดังนนั้ ระบบชำระเงนิ ในปจั จบุ ันจงึ เปน็ การรวมศูนยอ์ ำนาจไวท้ ่ธี นาคารกลาง แลว้ ส่งผา่ นอำนาจเหล่านน้ั มายังองค์กรหรือหน่วยงานทีไ่ ดร้ ับใบอนุญาต ดำเนินการในด้านตา่ งๆ ต่อไป (ธนาคารแห่งประเทศไทย, 1999) หากนำระบบ Blockchain มาใช้ในระบบชำระเงิน อำนาจการบันทกึ บัญชีและการดลุ บัญชีจะไม่ได้อยู่กับ ธนาคารกลางและธนาคารพาณิชยเ์ พียงเท่าน้ัน แต่การบันทกึ บัญชสี ามารถเกดิ ขนึ้ ได้ด้วยใครกต็ ามในสังคมที่ สามารถดำเนนิ การได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพในการบนั ทึกบัญชี ไม่จำกดั ว่าจะต้องเป็นธนาคารกลางหรือธนาคาร พาณิชย์ คนท่ีทำหนา้ ทบ่ี นั ทึกบัญชแี บบกระจายอำนาจจงึ ถูกเรียกวา่ Distributed ledgers หรือ Nodes ในระบบ Blockchain โดย Nodes เหล่าน้ีจะเขา้ มารว่ มกนั ยืนยันความถกู ต้องและอนมุ ัติธุรกรรมการชำระเงินดงั กลา่ ว หากมองอยา่ งผวิ เผนิ อาจเกดิ คำถามตามมาวา่ เมอื่ มีการกระจายอำนาจให้ Nodes ต่างๆ ร่วมกันอนมุ ตั ิ ธรุ กรรมการชำระเงนิ อาจทำให้การยนื ยันการชำระเงนิ เกิดความลา่ ชา้ หรอื เกิดขอ้ ผิดพลาดไดห้ ากมีบาง Node มี ความตัง้ ใจใหเ้ กดิ การอนมุ ัติท่ีผิดเพยี้ นไปจากความเปน็ จริง เพ่อื เอ้ือประโยชนใ์ ห้กบั ผูใ้ ช้งานบางราย ประเดน็ ขอ้ กงั วลเหลา่ น้สี ามารถแก้ไขได้ด้วยการวางเงอ่ื นไขและการกำหนดแรงจงู ใจที่เหมาะสมให้กับ Distributed ledgers ดังกล่าว โดยจะชี้แจงในหวั ข้อถดั ไป Consensus mechanism ของระบบ Blockchain เนอื่ งจากระบบ Blockchain เปน็ ระบบทีม่ ีการกระจายอำนาจให้ Distributed ledgers แต่ละคนไดล้ ง ความเห็นเพ่ืออนุมตั ิกิจกรรมหนง่ึ ในระบบ Blockchain จึงต้องมีการกำหนดเงื่อนไขการออกเสยี งลงฉันทามติ วา่ การออกเสียงจะต้องผา่ นเกณฑ์เช่นใด จึงจะทำให้กิจกรรมนน้ั ไดร้ ับการอนุมตั ิและสำเร็จลลุ ่วง เง่อื นไขการลงฉนั ทา มตนิ เ้ี รียกวา่ Consensus Mechanism ซง่ึ ในปัจจบุ นั มีอยู่หลายรูปแบบ สรปุ ได้ดังนี้ 81

1) Proof-of-work วธิ กี ารลงฉันมติในลักษณะน้ี จะเป็นการให้สิทธกิ์ ับ Node ทที่ ำงานมากทีส่ ุดและลงทนุ ลงแรงมากทสี่ ดุ ใน การโหวตออกเสยี งเป็นลำดับแรกๆ ดงั นั้นระบบ Blockchain ท่ใี ช้ Consensus mechanism ในลักษณะนี้ จะต้องมีการกำหนดเงื่อนไขว่างานท่ตี ้องทำ (Work) นั้นมรี ายละเอยี ดอยา่ งไร และต้องทำอะไรบ้างจึงจะบรรลุ เป้าหมายท่กี ำหนดไว้ ระบบชำระเงินของ Bitcoin เป็นหนึง่ ในตวั อย่างของระบบ Blockchain ท่ีใช้ Proof-of-work กลา่ วคือผู้ ทีท่ ำหน้าทบี่ ันทกึ บญั ชี (Distirbuted Ledger) นัน้ จะตอ้ งมกี ารลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ ความเร็วของ คอมพวิ เตอร์ คา่ ไฟฟ้า คา่ เชา่ สถานที่ และค่าใชจ้ า่ ยอื่นๆ ท่ีเกย่ี วข้อง เพือ่ ทำการตรวจสอบธรุ กรรมการโอนเงิน ระหวา่ งกันในระบบ Bitcoin วา่ มคี วามถูกตอ้ งหรือไม่ เช่น ตอ้ งตรวจสอบเลขบัญชีของผโู้ อน บญั ชขี องผู้รับโอน และตรวจสอบความแทจ้ ริงของ Bitcoin ในบัญชีของผู้โอน เพอื่ พจิ ารณาวา่ ธรุ กรรมการโอนเงินนั้นถูกตอ้ ง เปน็ ต้น (Auer, 2019) ธรุ กรรมต่างๆ ท่ีถูกตรวจสอบแลว้ วา่ ถกู ต้อง จะถูกนำไปบนั ทึกลงในสมุดบัญชีบนั ทกึ การโอนเงินของทุกๆ ธรุ กรรมทีเ่ กิดขนึ้ ในชว่ งเวลาหน่ึง เชน่ สมดุ บญั ชีในเวลา 3.04PM ของวนั ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ดังแสดงใน รปู ที่ 5.1 ซง่ึ สมดุ บัญชนี ี้เรยี กว่า Block ของข้อมูลทมี่ กี ารบันทกึ ในเวลาดังกลา่ ว โดยสมุดบัญชนี ้ีคอื เลม่ ที่ 628909 เปน็ ตัวเลขทไ่ี ลเ่ รยี งมาตง้ั แต่เลม่ ท่ี 1 ของการเกดิ ขึ้นของ Bitcoin รปู ท่ี 5.1 ตัวอย่างของสมุดบัญชี (Blocks) ของธรุ กรรม Bitcoin Source: blockcypher.com เมื่อผูบ้ ันทึกบัญชีไดเ้ สนอสมดุ บญั ชีเลม่ ใหม่เข้ามาในระบบ สิ่งทตี่ อ้ งทำตอ่ ไปคอื การแก้ไขปัญหาเชิงตวั เลข ซงึ่ จะต้องใช้การประมวลผลของคอมพิวเตอรเ์ พอ่ื ค้นหาตวั เลขท่ีเรียกวา่ Hash number โดย Hash number น้จี ะ 82

เปน็ ตัวเลขเฉพาะท่เี ชื่อมโยงข้อมูลในสมดุ บัญชเี ลม่ ใหมก่ ับสมุดบญั ชีเล่มก่อนหน้า และต้องเป็น Hash number ท่ี อย่ภู ายใตเ้ ง่ือนไข Target value ค่าหนึง่ ซ่ึงกำหนดโดยระบบ Bitcoin ตวั เลข Target value นจี้ ะมคี วามยากมาก ข้ึนเรอื่ ยๆเมอ่ื มกี ารสรา้ งสมุดบัญชเี ล่มใหมๆ่ เข้ามาเช่ือมกบั สมดุ บญั ชีเลม่ ก่อนหนา้ (Ozisik, Bissias, & Levine, 2017) กระบวนการต่างๆเหล่าน้สี รุปไดด้ งั รปู ที่ 5.2 รูปที่ 5.2 ตวั อย่างของ Proof-of-work ในระบบ Bitcoin Source: Estevao (2017) ความยากในการหาตัวเลข Hash number คอื สง่ิ ท่ีผูบ้ ันทึกบญั ชีในระบบ Bitcoin จะตอ้ งทำงานแขง่ กัน โดยผูท้ หี่ าตวั เลข Hash number ตรงตามเง่ือนไขได้เปน็ คนแรกจะเป็นผ้ทู ี่สามารถนำสมุดบญั ชีเล่มทต่ี ัวเองอนุมัติ ธุรกรรมการโอนเงนิ ชำระเงนิ มาเชอ่ื มต่อกบั สมุดบญั ชเี ล่มก่อนหน้าได้ ดงั น้ันผ้ชู นะในการหา Hash number จงึ ถอื เปน็ ผทู้ ่ไี ด้ผา่ นกระบวนการ Proof-of-work แลว้ ซ่งึ เปน็ กลไกทีล่ ดความเสยี่ งไม่ใหผ้ ู้บันทกึ บญั ชบี นั ทึกข้อมูลท่ีไม่ ถูกต้องเพราะการบันทึกข้อมูลทไี่ ม่ถูกต้องจะสง่ ผลเสยี หายตอ่ ระบบรวมทง้ั หมด จนนำมาสู่การลงทนุ ลงแรงท่ีสญู เปล่า 83

ในโลกของ Bitcoin น้ี ผู้ที่ทำหนา้ ทบ่ี นั ทกึ บัญชีถูกเรยี กวา่ Miner (นักถลุง) เพราะการเข้าไปยนื ยันการ ชำระเงนิ และหา Hash number มาปดิ ลอ๊ คสมดุ บัญชนี น้ั หากทำสำเรจ็ เปน็ คนแรก ระบบ Bitcoin จะสร้าง เหรียญ bitcoin เหรยี ญใหม่เปน็ รางวัล จึงเปรียบเสมอื นการถลุงหาเงิน Bitcoin เหรยี ญใหม่ โดยเหรียญใหม่นจ้ี ะ ถกู บนั ทึกในบรรทัดแรกของสมดุ บัญชี ตามตัวอย่างของสมุดบญั ชเี ล่มหน่งึ ในระบบ Bitcoin ในรปู ท่ี 5.3 โดยผู้ บนั ทกึ บัญชีน้ีนอกจากจะได้รับเหรียญ Bitcoin เหรียญใหม่เป็นรางวลั ตนเองยังได้รบั คา่ ธรรมเนยี มจากผู้โอนเงิน ชำระเงนิ ด้วย เพราะ Miners ถือเปน็ ผู้ท่ีอนุมตั ิทำใหธ้ รุ กรรมดงั กลา่ วสำเรจ็ ได้ รูปที่ 5.3 ตัวอยา่ งของขอ้ มลู ในสมดุ บัญชี (Block) ของ Bitcoin Source: Blockchain (2017) Miner ในระบบ Bitcoin จึงทำหน้าท่เี หมอื นธนาคาร สถาบันการเงนิ และธนาคารกลางในปจั จุบนั ทีเ่ ปน็ ผยู้ นื ยนั การชำระเงินในระบบการชำระเงินโดยมี Proof-of-work เป็นวธิ ีการลงฉันทามติ โดยข้อมลู ที่ถูกบนั ทึกไว้ ในสมดุ บญั ชีแตล่ ะเล่มจะไม่สามารถเปลีย่ นแปลงได้ ไม่สามารถย้อนกลับได้ เพราะ Hash number ท่ีเปน็ กุญแจ นิรภัย (security code) น้ันจะเปลีย่ นแปลงทนั ท่ีหากข้อมลู ในสมุดบัญชีแต่ละเล่มมีการเปล่ยี นแปลง ทำใหค้ นทั้ง ระบบรับทราบว่ามีความพยายามเปล่ยี นแปลงข้อมูล เนื่องจากการบนั ทึกข้อมลู ตา่ งๆมีการกระจายการเก็บชดุ ขอ้ มลู อยู่กับผ้บู ันทกึ บญั ชแี ตล่ ะราย จึงทำให้การแกไ้ ขข้อมูลให้กลับไปเปน็ ข้อมูลด้งั เดมิ เกิดข้นึ ได้อยา่ งอตั โนมัติ (Bitcoin Wiki, 2019) 84

การท่ี Hash number เปน็ security code ท่ีเช่อื มโยงกบั สมุดบัญชีเล่มก่อนหน้า ทำให้ผูไ้ มห่ วังดีท่ี ต้องการเปล่ยี นแปลงข้อมลู การชำระเงินในระบบ Bitcoin จะไมส่ ามารถเปล่ยี นแปลงข้อมูลในบางสมดุ บญั ชไี ด้ แต่ จะต้องเปลี่ยนแปลงข้อมลู ทุกสมดุ บญั ชีย้อนหลงั ไปจนถึงสมดุ บัญชีเล่มแรก เพ่ือใหส้ มดุ บญั ชแี ต่ละเลม่ เช่อื มโยงดว้ ย Hash number ชดุ ใหมท่ ั้งหมด ดังน้ันระบบ Bitcoin จงึ มีความปลอดภัยตอ่ การแก้ไขข้อมลู มากข้นึ เร่อื ยๆเม่อื มี สมุดบญั ชีจำนวนมากยง่ิ ขน้ึ ในอนาคต ซงึ่ ในปจั จบุ ันมสี มุดบัญชเี กดิ ขน้ึ แลว้ เป็นจำนวนถึง 628,909 เล่ม (5 พฤษภาคม พ.ศ. 2563) การใช้ Proof-of-work เป็นระบบการลงฉนั ทามตนิ ที้ ำให้โอกาสท่ีจะเกิดความเสยี หายจากการอนุมัติ ธรุ กรรมท่ีไม่ถกู ต้องลดลงอยา่ งมาก เพราะจะเปน็ การกระทำที่เหมือนตงั้ ใจทำร้ายตนเอง เนือ่ งจากโอกาสในการผู้ ชนะในการบนั ทึกบญั ชีในระบบ Bitcoin ขึ้นอยู่กับมูลค่าการลงทุนในคอมพวิ เตอรเ์ พอ่ื ใชใ้ นการประมวลผลข้อมลู หา Hash number หากลงทุนในปริมาณน้อยโอกาสทีจ่ ะเปน็ ผ้ชู นะในการหา Hash number ที่ผา่ นเง่อื นไขน้นั จะ ทำได้ยาก ดังน้นั ผทู้ ่ลี งทนุ มากยอ่ มต้องการผลตอบแทนจากการลงทนุ ทส่ี งู ผา่ นการได้รับเหรยี ญ Bitcoin เหรียญ ใหมเ่ ป็นรางวลั และการไดร้ ับคา่ ธรรมเนยี มท่ีได้จากการอนุมัติธรุ กรร เนอื่ งจากผลตอบแทนจากการลงทุนของ ผูบ้ นั ทึกบัญชี (Miners) ขนึ้ อยู่กบั ราคา Bitcoin เป็นสำคญั ดงั น้นั หาก ผู้บันทึกบัญชีตัง้ ใจหลอกลวงในระบบ Bitcoin เพอ่ื อนมุ ัติธรุ กรรมทไี่ ม่ถูกตอ้ งจะเป็นการลดความ นา่ เช่ือถอื ของระบบ Bitcoin และนำมาสู่การลดลงของราคา Bitcoin จนทำให้มูลค่าของ Bitcoin ที่ Miners ตา่ งๆ มอี ยนู่ ัน้ ไมม่ ีค่า เทา่ กับว่า Miners ทำร้ายตัวเองในที่สุด รปู แบบของระบบทมี่ ีการใช้ Hash number มาเป็น Security code เชื่อมโยงสมุดบัญชีแต่ละเลม่ นี้เอง จงึ มกี ารต้ังช่ือวา่ Blockchain เพราะสมดุ บัญชีแต่ละเล่มเปรียบเสมอื นเป็น Block ท่เี ก็บขอ้ มูล และ Security code เปรียบเสมือน Chain ท่ีเช่ือมโยงแต่ละ Block ดงั แสดงในรปู ท่ี 5.4 โดยข้อมูลใน Block ดงั กลา่ วสามารถ เปล่ียนแปลงและประยุกต์ใช้กับเรอื่ งอ่ืนๆได้ 85

รูปท่ี 5.4 ตวั อยา่ งของการบันทกึ ข้อมูลในระบบ Blockchain ของ Bitcoin Source: (GhostVolt, 2017) 2) Proof-of-stake วธิ ีการลงฉนั ทามติในลักษณะน้ี จะเปน็ การให้สิทธิ์กับ ledger ทมี่ สี ่วนได้เสยี กับกจิ กรรม หรือธุรกรรมท่ี จะต้องยนื ยันนน้ั ๆ มากกว่า ledger อ่ืน โดยระบบนจ้ี ะมปี ระสิทธภิ าพสูงกว่าระบบการลงฉันทามติแบบ Proof-of- work ท่ใี ชใ้ น Bitcoin เพราะ ledger ไมต่ ้องแข่งกันลงทนุ และเสยี ค่าใชจ้ ่ายตา่ งๆ พร้อมกนั เพ่ือเพ่ิมโอกาสในการ เป็นผู้ชนะแตเ่ พยี งผู้เดยี ว ไดม้ ีนกั วิชาการประเมินว่าการแข่งกันลงทุนและทำงานในระบบ Bitcoin ผ่าน Proof-of- work น้ันทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้าสูงถึง 74TWh ต่อปี ดงั แสดงในรูปท่ี 5.5 ซ่ึงเทยี บเทา่ กับปริมาณการใช้ไฟฟ้าของ ประเทศออสเตรเลียทง้ั ปี ด้วยเหตทุ ีก่ ารยนื ยันธุรกรรมในระบบ Bitcoin ต้องใชพ้ ลงั งานในการประมวลผลที่มาก Ledgers ในระบบ Bitcoin จึงมักจะเลอื กดำเนนิ การก่อสร้างระบบคอมพวิ เตอร์ในพื้นที่ท่ีมคี ่าใช้จา่ ยไฟฟ้าที่ตำ่ หรอื เลอื กสถานท่ีที่มี อากาศเยน็ ต่อเน่ืองตลอดท้ังปีเพือ่ ลดปริมาณการใช้ไฟฟา้ ทำใหค้ วามคุ้มค่าของการถลงุ Bitcoin จงึ ขึ้นอย่กู ับราคา ของ Bitcoin และราคาค่าไฟฟา้ ต่อหนว่ ยท่ี Ledgers จะต้องชำระในแต่ละช่วงเวลา 86

รูปที่ 5.5 ประเมินปริมาณการใชไ้ ฟฟา้ ในกิจกรรม Proof-of-work ของ Bitcoin Source: Digiconomist (2020) ในระบบ Proof-of-stake ทม่ี ีการเชอ่ื มโยงสิทธใ์ิ นการลงฉนั ทามติเข้ากบั การมสี ว่ นได้เสยี กบั กิจกรรมหรอื ธรุ กรรมนนั้ ๆ จึงเปรยี บเสมอื นเปน็ ระบบ Blockchain ที่มีการประนปี ระนอมระหว่างความเปน็ Centralization กับ Decentralization เพราะในระบบ Centralization นน้ั การมอบอำนาจใหห้ นว่ ยงานใดมีอำนาจในการกำกับ ดแู ลหรือดำเนินนโยบาย มักจะขึ้นอย่กู ับเง่ือนไขภาระหนา้ ที่ และความมสี ่วนได้เสียของหนว่ ยงานนนั้ ตอ่ กิจกรรม นั้นๆด้วย ด้วยเหตทุ ี่ในปัจจุบัน หลายหนว่ ยงานทีถ่ ูกจดั ต้ังขน้ึ เป็นการจดั ตั้งโดยมกี ารเชื่อมโยงเข้ากับเง่ือนไขดา้ นการ มีส่วนไดเ้ สียและภาระทต่ี ้องเกดิ ขนึ้ หากเกดิ ข้อผดิ พลาดในการพจิ ารณากจิ กรรมต่างๆ ความมีสว่ นได้เสียของแต่ละ หนว่ ยงานจงึ สามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์เบอื้ งต้น เพื่อกำหนดระดบั ของ Stake ทแ่ี ต่ละหน่วยงานนนั้ มตี ่อธรุ กรรมที่ เกดิ ข้นึ ในระบบ Blockchain ได้ โดยระบบจะให้สทิ ธิก์ บั ผู้ท่ีมีส่วนได้เสียมากท่สี ดุ ในธุรกรรมน้ัน ในการลงฉนั ทามติ เพือ่ ทำใหร้ ะบบมปี ระสทิ ธิภาพด้านความเรว็ และการใช้พลังงาน อย่างไรกต็ ามข้อจำกดั ของ Proof-of-stake คอื ความถกู ต้องของการยนื ยันข้อมูลจะอยู่ภายใต้ของข้อ สมมุติฐานที่หนว่ ยงานหรือกลุ่มบคุ คลที่มสี ว่ นได้เสียมากทสี่ ุดจะไม่ยนื ยันข้อมูลท่ผี ดิ พลาดเพื่อทำรา้ ยตนเอง ดงั นั้น จงึ สามารถประเมินได้วา่ Proof-of-stake เปน็ ระบบฉนั ทามติท่อี ยู่ภายใต้ความเช่ือใจในระดับหนง่ึ ที่คนในสงั คม จะตอ้ งมตี ่อ Ledgers ในระบบ 87

3) Byzantine Fault Tolerance Byzantine Fault Tolerance คอื แนวคิดที่การลงฉนั ทามตนิ นั้ ขน้ึ อยู่กับโอกาสในความเสยี หายของการ ลงฉนั ทามติเป็นหลัก โดยหากระดบั ของความเสียหายทีจ่ ะเกดิ ข้นึ มีคา่ ต่ำกว่าคา่ Tolerance ทก่ี ำหนดไว้ ระบบก็ สามารถทจ่ี ะดำเนนิ การอนุมัติกจิ กรรมหรือธรุ กรรมนนั้ ต่อไปได้ทนั ที 4) Proof-of-elapsed time ระบบการลงฉนั ทามติในลักษณะนค้ี ือระบบท่ีมุ่งเนน้ ท่ีความรวดเรว็ ในการลงฉนั ทามติ โดยใหส้ ิทธิ์แก่ผทู้ ี่มี ประสทิ ธิภาพสงู ที่สดุ ในการลงฉนั ทามติก่อน ledger อ่ืนๆ เพอื่ เพม่ิ ความรวดเร็วของระบบ Blockchain ให้มีความ ใกล้เคยี งระบบแบบ Centralization มากที่สุด ระบบการลงฉันทามติต่างๆข้างตน้ เปน็ ประเดน็ สำคัญที่จะต้องได้รับการประเมนิ เมื่อมีการพิจาณา ออกแบบ และนำ Blockchain มาใชใ้ นกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตจริง เพราะจะเป็นตวั กำหนดประสทิ ธิภาพการทำงาน ของระบบ Blockchain และผู้ออกแบบจะตอ้ งประเมนิ วา่ ระบบ Blockchain ทีใ่ ช้นน้ั เป็นแบบ ระบบเปิด (Permissionless) หรือระบบปิด (Permissioned) และผู้เกี่ยวขอ้ งในระบบ Blockchain มมี ากน้อยเพียงใด ใคร จะทำหนา้ ท่ีเป็น ledgers หรอื Nodes ในระบบ Blockchain ดงั กล่าว นอกจากนีป้ ัจจยั สำคญั อกี ประการหน่งึ ของการสรา้ งระบบ Blockchain คือการกำหนดมาตราฐานของ ระบบการเขา้ รหสั หรือที่เรยี กวา่ Cryptography ว่าจะใชม้ าตรฐานใด โดยสว่ นใหญ่ Blockchain จะใช้ Cryptography ประเภท SHA-256 ซึ่งเป็นระบบ Cryptography ทสี่ ามารถแปลงข้อมูลท่อี ยใู่ น Block ตา่ งๆ ออกมาเปน็ ตวั เลขและตัวอักษรต่อเนอื่ งกนั ได้ ตวั อย่างของ Hash number ประเภทตา่ งๆ ท่สี อดคล้องกบั ข้อมลู ประเภทหนึง่ ๆ แสดงดังรปู ท่ี 5.6 88

รูปท่ี 5.6 ตวั อยา่ งของ Hash number ที่เชือ่ มโยงกับข้อมูลหน่งึ ๆ Source: FileFormat (2019) อีกปัจจยั หน่งึ ท่ีตอ้ งมีการประเมินอย่างรอบคอบเม่ือออกแบบระบบ Blockchain คือระดับของการ เปดิ เผยขอ้ มูลเพื่อให้ Nodes ตา่ งๆ ในระบบ Blockchain สามารถดำเนนิ การยืนยนั อนุมตั ธิ ุรกรรมได้อยา่ งถูกต้อง น้นั จะตอ้ งเปิดเผยขอ้ มลู ท่มี ีความลึกในระดับใด เช่นในระบบการชำระเงนิ ของ Bitcoin การโอนเงินจะเกิดขน้ึ ได้ จะตอ้ งมี เลขบญั ชีของผูโ้ อนเงนิ เลขบัญชีของผู้รบั เงนิ เพื่อให้ Miners ใชใ้ นการตรวจสอบมูลคา่ ของเงิน Bitcoin 89

คงเหลือในบัญชีของผู้โอนเงินวา่ มเี พียงพอต่อมูลคา่ ทจ่ี ะโอนเงนิ หรือไม่ โดยเลขบัญชจี ะประกอบดว้ ยตัวเลขและ ตวั อกั ษรรวมกนั 34 ตัว และทำหนา้ ทเ่ี ปรยี บเสมือนเป็น Public key ของผู้ใช้งานในระบบ Bitcoin ดงั ตัวอย่างทที่ แสดงในรปู ท่ี 5.7 ผู้ที่ต้องการรับโอนเงนิ (Bob) จะตอ้ งส่ง Public key ของตน ให้กบั ผู้โอนเงนิ (Alice) โดย Alice จะใช้ Private key ของตนเองเพอื่ นำเงนิ ในบัญชีของตนออกมาโอนเงินให้กับ Bob ขอ้ ความการโอนเงนิ นี้ จะถูก Encrypted ไวโ้ ดยใชข้ ้อมูล Public key ของ Bob รว่ มด้วย เพ่ือให้มัน่ ใจวา่ การ Decrypt ข้อความนัน้ จะเกดิ ขน้ึ ไดเ้ ฉพาะในกรณีที่ Bob นำ Private key ของตนไป Decrypt ขอ้ ความดงั กล่าว และเมอ่ื Bob Decrypt ข้อความ ดังกล่าวก็จะสามารถเขา้ ถงึ เงิน Cryptocurrency ทไ่ี ด้รับโอนจาก Alice มาเขา้ ในบญั ชีของตนเอง รปู ที่ 5.7 ตวั อยา่ งกระบวนการตรวจสอบข้อมลู ในระบบ Blockchain Source: Biella & Zinetti (2016) ถึงแม้ระบบ Blockchain จะเป็นระบบที่คาดหวังให้มีการกระจายอำนาจ (Decentralization) แตห่ าก Node ตา่ งๆ ทอี่ ยู่ในระบบ Blockchain คือหนว่ ยงานหรือองค์กรที่เกยี่ วข้องกนั อย่างชัดเจนในทางใดทางหน่ึง ระบบ Blockchain ท่ีสรา้ งข้ึนก็จะไม่ใช่รูปแบบของการกระจายอำนาจท่แี ท้จริง ระบบ Blockchain จะกลายเป็น เพยี งการปรบั กระบวนการการทำงานจากเดิมที่เป็นสายของการอนุมตั ิกิจกรรมตา่ งๆ (Linear process) ถกู แปรเปล่ียนเป็นการอนมุ ตั ิพร้อมกนั ในรปู แบบของ Platform process เทา่ น้นั 90

Blockchain กบั อตุ สาหกรรมการเงินการธนาคาร ตัวอยา่ งของการนำ Blockchain มาใชใ้ นอตุ สาหกรรมการเงนิ และการธนาคารส่วนใหญจ่ ะอยภู่ ายใต้การ กำหนดเง่ือนไขสัญญาของธุรกรรมไว้ล่วงหนา้ ผา่ นระบบท่เี รียกว่า Smart contract โดย Ledger หรอื Node ตา่ งๆ สามารถเข้าตรวจสอบเงอื่ นไขของสญั ญาวา่ เปน็ ไปตามที่กำหนดไว้เบื้องต้นหรอื ไม่ หากเง่ือนไขในสญั ญา เหล่าน้ันเป็นสิ่งทต่ี รวจสอบได้งา่ ย Node ก็จะสามารถทำการอนุมัติธรุ กรรมได้อย่างรวดเร็ว ลกั ษณะของ Smart contract สามารถสรุปได้ดังรูปท่ี 5.8 รูปที่ 5.8 ตัวอย่าง Smart contracts Source: Capgemini Consulting (2016) โดยสญั ญาท่มี ีการกำหนดไว้เบ้ืองต้นน้ี สามารถเขยี นเปน็ Computer code สำหรับการดำเนนิ เงอื่ นไข ตา่ งๆ ได้อย่างอัตโนมัติ แต่ละ Node หรือ Ledger จะเปน็ ผู้ยืนยัน Input ตา่ งๆ ในสัญญา Smart contract เม่อื เงื่อนไขตา่ งๆ ได้รับการยืนยันและอนุมตั จิ ากแต่ละ Node แล้ว สญั ญาก็จะดำเนนิ การอย่างอตั โนมตั ิตามผลลัพธ์ที่ กำหนดไว้ในสญั ญา 91

การนำ Smart contract มาใช้น้ีจะทำให้สถาบนั การเงินสามารถนำไปประยุกตใ์ ชไ้ ด้กับธุรกรรมในหลายๆ กรณี โดยขอยกตวั อยา่ งธุรกรรมท่มี กี ารนำมาทดลองใช้ในปัจจบุ นั ได้แก่ ธุรกรรม Letter of Guarantee หรือ หนังสือค้ำประกัน Letter of Guarantee คือ หนังสือค้ำประกนั ที่ธนาคารออกให้กบั บริษทั หน่ึงเพือ่ ใหธ้ นาคารเปน็ ผ้คู ำ้ ประกันการชำระเงนิ ของบรษิ ัทตอ่ หนว่ ยงานภาครัฐและเอกชน โดยมีวตั ถปุ ระสงค์ให้ผู้ที่รอรับการชำระเงินจาก บริษทั สามารถม่นั ใจได้วา่ หากบรษิ ทั ไม่สามารถดำเนินการไดต้ ามสัญญา ธนาคารจะเปน็ ผชู้ ดใชค้ ่าเสยี หายตา่ งๆ ท่ี เกิดขนึ้ ตามวงเงนิ สงู สดุ ในหนังสือคำ้ ประกันที่ธนาคารออกใหก้ ับบริษทั โดยหนังสือคำ้ ประกนั นีส้ ามารถใชก้ บั การ คำ้ ประกันยน่ื ซองประกวดราคา คำ้ ประกันการปฎิบัตติ ามสัญญาหรอื ค้ำประกันการใชไ้ ฟฟา้ เป็นต้น ตัวอย่างหนึง่ ท่สี ามารถนำ Blockchain มาประยุกต์ใช้คือการขอหนังสือค้ำประกันการใช้ไฟฟา้ ซึ่งใน ปจั จุบันมีขัน้ ตอนในการดำเนินการของแตล่ ะธนาคารสรปุ ไดด้ งั รูปท่ี 5.9 ซึ่งจะสงั เกตเห็นวา่ ขน้ั ตอนการขออนุมติ หนงั สอื คำ้ ประกันน้ันมขี ้ันตอนทีต่ ้องสง่ เอกสารกลับไปกลบั มาระหว่าง 3 หนว่ ยงานคือ ผขู้ อใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้า และธนาคาร รปู ที่ 5.9 ตวั อย่างกระบวนการขอหนังสือค้ำประกนั Source: Krungsri (2019) 92

เมื่อธนาคารตรวจสอบเอกสารตา่ งๆ ว่าเปน็ ไปตามเงอื่ นไขที่กำหนดไว้ ธนาคารจะออกหนังสือคำ้ ประกนั ใหก้ ับผูใ้ หบ้ ริการสนิ คา้ หรือบริการแก่บริษัท ในกรณีน้คี ือการไฟฟา้ โดยเมื่อผู้ใหบ้ รกิ ารได้รับหนังสอื จากธนาคาร ก็ จะแจง้ กลับมายงั ธนาคารเพื่อตกลงการรับหนงั สือค้ำประกันของธนาคาร หากผใู้ หบ้ รกิ ารไม่ได้รับชำระเงนิ กจ็ ะ ดำเนนิ เรอ่ื งเพ่ือขอให้ธนาคารส่งั จา่ ยเงินใหแ้ ก่ตนตามเง่ือนไขของหนังสือคำ้ ประกนั กระบวนการตามรปู ท่ี 5.9 น้ี คือกระบวนการที่เป็นลักษณะของ Linear process ทเ่ี ป็นสายตามลำดบั ขนั้ ตอนและต้องใชเ้ วลาระยะกว่าที่หน่วยงานทัง้ สามจะรับทราบยืนยนั การออกหนงั สอื ค้ำประกนั ระหว่างกัน หาก นำระบบ Blockchain มาใช้ หน่วยงานท่ีเก่ยี วข้องในกระบวนการออกหนงั สอื คำ้ ประกนั ก็จะกลายเป็น Node ใน ระบบ Blockchain โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลการใชไ้ ฟฟ้า ข้อมลู หนงั สอื ค้ำประกัน และการอนุมตั หิ นังสือคำ้ ประกันไดพ้ ร้อมกนั แบบ Real-time ในระบบ Blockchain ผูใ้ ช้ไฟฟ้าและธนาคารเห็นจำนวนหน่วยการใชไ้ ฟในระบบ Blockchain จากการแจง้ โดยการไฟฟ้า และ รบั ทราบยอดเรียกเกบ็ เงินพร้อมกนั ธนาคารก็จะรอการชำระเงินของผ้ใู ช้ไฟฟ้าแก่การไฟฟ้า หากผ่านวันเวลาท่ี กำหนดไว้ แล้วผใู้ ช้ไฟยังไม่ได้ชำระค่าไฟฟ้า ระบบ Blockchain ท่เี ป็น Smart contract กจ็ ะดำเนนิ การให้ ธนาคารชำระเงินให้การไฟฟ้าทันที และผู้ใชไ้ ฟฟ้าก็จะรบั ทราบยอดหน้สี นิ ที่ตนเองมีกับธนาคารทนั ที (IBM, 2017) ดังน้ันการนำ Blockchain มาใช้จะชว่ ยลดระยะเวลาการดำเนินการกระบวนการต่างๆ เปลี่ยนการสง่ ผา่ น ข้อมูลแบบ Offline มาเป็นการสง่ ผา่ นขอ้ มูลแบบ Online ทสี่ ามารถอนมุ ัตผิ ลลัพธ์ต่างๆอย่างอัตโนมัติตาม Smart contract ที่กำหนดไว้ สำหรบั ในประเทศไทยได้มีธนาคารบางแหง่ ทดลองใช้เทคโนโลยี Blockchain นก้ี บั การออกหนังสือค้ำ ประกัน Letter of guarantee ให้กับบริษัท เช่นธนาคารกสิกรไทยได้รว่ มมือกับบริษัท IBM ที่คิดค้นเทคโนโลยี Blockchain ภายใต้ชื่อ IBM Hyperledger สำหรับการนำมาใชใ้ นผลิตภัณฑ์ L/G เปน็ ต้น ซง่ึ การพฒั นา e-L/G บนระบบ Blockchain ไดเ้ กิดขนึ้ จรงิ แล้วในชว่ งเดอื นมิถนุ ายน พ.ศ. 2562 ภายใต้ BOT’s regulatory sandbox โดยมธี นาคารพาณิชย์จำนวน 22 แห่งเข้าร่วม และมีเป้าหมายทภ่ี ายใน 3 ปี ธุรกรรม L/G จะอยู่บนระบบ Blockchain อย่างน้อยรอ้ ยละ 50 ของมลู ค่าธุรกรรมรวมท้ังหมด (The Nation, 2019) ด้วยหลักการเดยี วกัน ได้มสี ถาบนั การเงนิ บางแหง่ พยายามประยุกต์นำ Blockchain มาใชก้ ับธรุ กรรม อ่ืนๆ เช่นการออก Letter of credit (L/C) สำหรบั การอนุมัตสิ นิ เช่ือให้แก่ผู้นำเขา้ สนิ ค้า ซ่งึ มีหนว่ ยงานที่เกยี่ วขอ้ ง หลายรายดงั แสดงในรปู ท่ี 5.10 เปน็ ต้น 93

รปู ท่ี 5.10 หนว่ ยงานทีเ่ ก่ียวข้องต่างๆในกระบวนการขอ Letter of credit และเข้ามาเกย่ี วข้องกบั Blockchain Source: MPG (2020) อยา่ งไรก็ตาม ไม่ไดห้ มายความว่าทุกธรุ กรรมของการดำเนินงานของสถาบนั การเงนิ ในปัจจุบันจะสามารถ นำแนวคิดของ Blockchain มาประยุกตใ์ ช้ได้ หลักเกณฑเ์ บอ้ื งตน้ ที่ใช้ในการประเมนิ ว่ากิจกรรมใดเหมาะสม สำหรบั กระบวนการทำงานแบบ Blockchain สามารถสรุปไดต้ ามรูปท่ี 5.11 กล่าวคือ Blockchain จะเหมาะสม กบั กิจกรรมทม่ี หี น่วยงานทเี่ ก่ียวขอ้ งหลายราย หน่วยงานเหลา่ นั้นมีความเชื่อใจกันในระดบั ต่ำจนต้องใช้ Blockchain เพ่ือเพิ่มความโปรง่ ใส่ของกิจกรรมตา่ งๆ และแตล่ ะหน่วยงานจะต้องสามารถตกลงกำหนดกฎเกณฑ์ เงอื่ นไขในสญั ญากนั ได้ โดยเง่อื นไขต่างๆ เหล่านี้ต้องไม่มีการเปล่ียนแปลงบอ่ ย และการบันทึกข้อมูลการอนมุ ัติ สญั ญาไม่มเี หตุการณท์ ี่จะต้องมีการเปลย่ี นแปลงผลลัพธย์ อ้ นกลับไปมา 94

รูปท่ี 5.11 กระบวนการตดั สินใจความเหมาะสมของ Blockchain Source: The Linux Foundation (2018) บทสรปุ เทคโนโลยี Blockchain คอื เทคโนโลยีท่มี ีแนวคดิ ของการกระจายอำนาจ ทห่ี น่วยงานหรอื บุคคลทีท่ ำ หน้าท่ีเป็น Node ในการยนื ยันกิจกรรมหนึ่งในระบบ Blockchain นัน้ สามารถเปน็ ใครใดกไ็ ด้ ไม่ไดข้ ้ึนอยู่กบั ความ นา่ เช่ือถอื ของตวั กลางเหมือนอยา่ งในปจั จุบนั ที่ระบบถกู สร้างอยู่บนฐานของความเชอ่ื ถือ (Trust) ท่มี ตี อ่ ตัวกลาง แลว้ สงั คมจึงมอบอำนาจให้ตัวกลาง ไม่วา่ จะเปน็ ธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ ตำรวจ ทหาร หรือรฐั บาลเปน็ ผมู้ ี อำนาจเต็มในการดำเนินการตัดสินใจเรอื่ งหนง่ึ ๆ แนวคดิ ของความสมั พันธแ์ บบกระจายอำนาจนีจ้ ะไม่สามารถเกิดขน้ึ ได้หากไม่มกี ารพัฒนาโครงขา่ ย โทรคมนาคมสำหรบั การส่งผา่ นขอ้ มูลระหว่างกัน เพราะเมอ่ื มกี ารกระจายอำนาจการตัดสนิ ใจหรอื การอนุมัติ ธรุ กรรมตา่ งๆ จะต้องมีกระบวนการลงฉันทามติ (Consensus mechanism) กอ่ นเสมอ ดงั นัน้ เทคโนโลยดี า้ นการ 95

สง่ ผ่านข้อมูลจึงทำใหก้ ารลงฉันทามติเกิดขึ้นไดอ้ ย่างรวดเรว็ และมีต้นทนุ ทถี่ ูกลงเม่ือเทยี บกับโลกท่ไี ม่มเี ทคโนโลยี ดิจิตอลและระบบอินเตอรเ์ น็ต อย่างไรกต็ ามกระบวนการลงฉนั ทามตินัน้ มอี ยู่หลายรูปแบบ หากจะให้ Blockchain เป็นระบบท่ีไม่ต้อง อาศัยความเช่ือใจเลย กระบวนการลงฉันทามติมีความจำเป็นทจี่ ะต้องมีลกั ษณะแบบ Proof-of-work เพอื่ ป้องกัน ไม่ใหเ้ หตุการณ์ฉ้อฉลเกดิ ข้นึ ได้งา่ ย แตห่ ากจะประยุกต์นำ Blockchain มาใช้ให้มีความเร็วในการอนุมัติและตน้ ทนุ การทำงานทีต่ ำ่ ลง กระบวนการลงฉนั ทามติอาจต้องแปรเปลี่ยนไป และมีความจำเป็นท่จี ะตอ้ งมีมิติของความเชือ่ ใจในการทำงานของ Node อยบู่ ้างจงึ จะทำให้ระบบมีประสิทธภิ าพ กลา่ วโดยสรุป Blockchain จึงไม่ใช่เทคโนโลยที สี่ ามารถนำมาแทนที่ทกุ กิจกรรมในปัจจุบันได้ เงือ่ นไข สำคญั ทน่ี ำมาใชป้ ระเมินวา่ Blockchain มานำใช้ไดห้ รือไม่ จึงสามารถสรุปไดด้ ังน้ี 1) กระบวนการอนุมตั ิธรุ กรรม เก่ียวข้องกับหลายบุคคลหรือหน่วยงานหรือไม่ 2) ทกุ หนว่ ยงานที่เก่ยี วข้องมีความสอดคลอ้ งกนั และมคี วามเห็น ร่วมกนั ถึงแนวทางการทำงานหน่งึ ๆหรือไม่ 3) ต้องการเก็บขอ้ มลู ที่แก้ไขได้ยากหรือไม่ และ 4) กฎเกณฑใ์ นการ อนุมตั ิธรุ กรรมมคี วามน่ิงไมเ่ ปล่ียนแปลงบ่อยหรือไม่ หากเง่ือนไขเหลา่ น้ผี า่ น Blockchain กถ็ ือเปน็ เทคโนโลยีหน่ึง ที่มคี วามน่าสนใจในการนำมาเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการทำงานในปัจจุบนั เอกสารอ้างองิ Auer, R. (2019). Beyond the doomsday economics of \"proof-of-work\" in cryptocurrencies. BIS Working PApers No 765. Biella, M., & Zinetti, V. (2016). Blockchain Technology and Applictions from a financial perspective. UniCredit. Binance Academy. (2019, 08 12). History of Blockchain. Retrieved from Binance Academy: https://www.binance.vision/blockchain/history-of-blockchain Bitcoin Wiki. (2019, 05 13). Block hashing algorithm. Retrieved from Bitcoin Wiki: https://en.bitcoin.it/wiki/Block_hashing_algorithm Blockchain. (2017, 07 17). Block #584086. Retrieved from Blockchain: https://www.blockchain.com/btc/block/000000000000000000218c8f2aeb8f07f98a1ad061 7d549b2dbb8ebb183b4ce0 96

Capgemini Consulting. (2016). Smart contracts in financial services: Getting form hype to reality. Capgemini Consulting. Digiconomist. (2020). Bitcoin Energy Consumption Index. Retrieved from Digiconomist: https://digiconomist.net/bitcoin-energy-consumption Estevao, P. (2017, 07 17). What is proof of work? Retrieved from Bitcoin designed: https://www.bitcoindesigned.com/infographics/what-is-proof-of-work/ FileFormat. (2019, 07 17). Hash Functions. Retrieved from FileFormat: https://www.fileformat.info/tool/hash.htm GhostVolt. (2017, 07 17). Introduction to Blockchain: Fundamentals. Retrieved from GhostVolt: https://ghostvolt.com/articles/blockchain_intro.html IBM. (2017). Distributed ledger technology and bank guarantees for commercial property leasing. IBM. Krungsri. (2019, 07 17). Krungsri e-Guarantee. Retrieved from Krungsri: https://www.krungsri.com/bank/th/SME/SMELoan/e-guarantee.html MPG. (2020). Revolutionizing Trade Finance with Blockchain Technology. Retrieved from Mahanakorn Partners Group: https://www.mahanakornpartners.com/revolutionizing- trade-finance-with-blockchain-technology/ Ozisik, A., Bissias, G., & Levine, B. (2017). Estimation of miner hash rates and consensus on Blockchains. arXiv.org. Tapscott, D., & Tapscott, A. (2016). Blockchain Revolution: How the technology behind bitcoin is changing money, business, and the world. Portfolio/Penguin. The Linux Foundation. (2018, 05 15). Blockchain for Business. Retrieved from EDX: https://www.edx.org/professional-certificate/linuxfoundationx-blockchain-for-business The Nation. (2019). BOT chief hails launch of blockchain financial network. Retrieved from The Nation: https://www.nationthailand.com/Economy/30370196 ธนาคารแห่งประเทศไทย. (1999). ระบบการชำระเงนิ ในประเทศไทย. กรงุ เทพ: ธนาคารแห่งประเทศไทย. 97

บทท่ี 6 Cryptocurrency บทนำ ในชว่ งแรกของการเกดิ ข้ึนของ Bitcoin นั้น มีการกำหนดคำจำกัดความของเงนิ ดงั กลา่ วในหลายรูปแบบ ท้ัง Digital currency, Virtual currency, Math-based currency หรือ Cryptocurreny อย่างไรก็ตามต่อมาได้ เปน็ ที่ยอมรบั ในวงกวา้ งว่าเงินสกลุ ใหม่ในกลุม่ Bitcoin ท่มี ีการนำ Blockchain มาใชเ้ ป็นเทคโนโลยีพนื้ ฐาน และผู้ คดิ ค้นเงนิ ดังกลา่ วมีความต้ังใจจะใหเ้ ป็นสกลุ เงนิ เพ่ือการแลกเปลีย่ นสนิ คา้ และบริการ ให้รวมเรยี กว่า Cryptocurrency คำวา่ Cryptocurrency จงึ เป็นคำจำกัดความทีต่ ้องการแยกเงินสกลุ เหล่านีอ้ อกจากคำวา่ Digital currency หรอื Virtual currency ภายใต้เงื่อนไขทีม่ ีการใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นพื้นฐานของระบบชำระ เงนิ ไมไ่ ด้มีตวั กลางทางการเงินเป็นผู้ยืนยนั ธรุ กรรมและทำการชำระบญั ชีเหมือนอย่าง Digital currency ทว่ั ไป ส่วนคำวา่ Cryptocurrency น้ีเปน็ คำทมี่ ีความหมายตรงตัวมากกว่า Math-based currency ในแงท่ ่ีว่าเป็นสกุล เงนิ ท่ไี ม่เพียงแตม่ ีการใช้ตวั แบบทางคณติ ศาสตร์ในกระบวนการอนุมัติและเก็บข้อมูลธรุ กรรมเทา่ นนั้ แต่ตัวแบบ คณติ ศาสตร์ที่คดิ ค้นข้นึ เป็นส่วนหนึง่ ของหลักการทางคอมพิวเตอรใ์ นการเขา้ รหัสความปลอดภยั หรือทเ่ี รียกว่า Cryptography เนอื่ งจาก Cryptocurrency เปน็ สกุลเงินใหมท่ ี่พยายามเขา้ มาแทรกในระบบเศรษฐกจิ ดจิ ติ อลเพื่อหวงั ว่า จะถกู ใช้อย่างแพร่หลายจนแทนท่ีเงนิ ในสกลุ ด้ังเดิมของธนาคารกลาง ในบทนจ้ี งึ วเิ คราะหอ์ ย่างละเอียดถึงความ แตกต่างของ Cryptocurrency กบั เงนิ Digital money ในรูปแบบอื่น และวเิ คราะห์ศักยภาพของเงนิ Cryptocurrency ว่าจะมแี นวโน้มถูกนำมาใช้อยา่ งไร หรือถูกนำมาประยุกต์ใช้กบั บริการทางการเงนิ ในดา้ นใด ความแตกต่างระหว่าง Cryptocurrency และ Digital Money ทวั่ ไป เทคโนโลยี Blockchain ท่ีกล่าวในบทท่แี ล้วน้นั ไดร้ บั ความสนใจอย่างมากในปัจจุบนั เพราะเป็น เทคโนโลยหี ลักของระบบชำระเงนิ ของเงนิ ดิจิตอลรูปแบบใหมท่ ่เี รยี กว่า Cryptocurrency ซึ่งเป็นสกุลเงนิ ท่ีมี 98

ความแตกต่างจากเงนิ ดจิ ิตอล (e-money) ทีโ่ ลกเคยรจู้ ักมาในอดตี เพราะในอดีตนนั้ เงินดจิ ติ อล จะมลี ักษณะเปน็ เพียงตัวเลขดิจิตอลบนหนา้ จออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกสเ์ ทา่ นั้น ซง่ึ เปรยี บเสมอื เป็นเพียงตัวเลขทอ่ี ยใู่ นสมดุ บัญชีที่ ไม่ไดม้ ีการเขา้ รหัส หรอื สามารถยืนยันความจรงิ เทจ็ ของเงินนัน้ ไดใ้ นตัวของมันเอง การยืนยันวา่ ตัวเลขดิจติ อลที่อยู่ บนหนา้ จออุปกรณ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์วา่ มอี ยู่จริงหรือไม่ จะอยู่ท่ีการตรวจสอบระบบบนั ทึกบญั ชีของสถาบนั การเงนิ หรือบริษัททเี่ ปน็ ผู้บนั ทกึ วา่ มีเงนิ เข้าออกจากบัญชี และคงเหลอื เท่าไร ในขณะทเี่ งิน Digital currency ในรูปแบบ Cryptocurrency นัน้ มคี วามแตกต่างอย่างสินเชิง เพราะ ตวั เลขดจิ ิตอลทเี่ หน็ อยบู่ นหน้าจออปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกสน์ ้ัน ไม่ใช่ตัวเลขทแ่ี สดงข้อมูลเพียงอยา่ งเดียว แตเ่ ปน็ ตัว เลขทส่ี ามารถตรวจสอบความจรงิ เทจ็ ของเงินได้เลยว่า ตัวเลขทเ่ี ห็นเป็นจำนวนเงิน Cryptocurrency ทีม่ ตี ัวตน จรงิ หรือไม่ สามารถนำมาโอนเงินชำระเงนิ ต่อไปไดห้ รือไม่ และเงนิ Cryptocurrency ทกุ หน่วยสามารถถกู ตรวจสอบไดว้ ่ามีท่ีมาจุดกำเนิดเม่ือไร โดยใคร และเปลี่ยนมือมาแล้วกี่คน เปน็ ตน้ การเขา้ รหัสของเงิน Cryptocurrency ท่ีนำมาสู่การยืนยันตัวตนความแทจ้ ริงของมลู ค่าเงินท่แี สดงบน หนา้ จอได้ โดยที่ไมต่ ้องไปสอบถามจากตวั กลางทางการเงนิ หรือสถาบันทางการเงินที่เป็นผบู้ ันทกึ บญั ชีนนั้ สามารถ เปรียบเทียบให้เข้าใจได้ง่าย โดยการพิจาณาความเหมอื นและความแตกตา่ งกนั ระหวา่ ง บตั รกำนัล และธนบัตร ธนบตั รทแ่ี ต่ละประเทศใชก้ ันอยใู่ นปจั จุบนั นัน้ คือกระดาษทีม่ ีการปร้ินท์ตัวเลขลงบนกระดาษเพื่อแสดง มลู คา่ ของกระดาษใบน้ัน คล้ายๆกับบัตรกำนลั ทอ่ี อกโดยบริษัทใดบริษัทหน่งึ ถึงแมว้ ่าบตั รกำนลั นน้ั สามารถใช้ได้ อยา่ งจำกัดภายใตบ้ ริษัทใดบริษัทหน่งึ แต่ในความเป็นจริงแลว้ บตั รกำนัลกส็ ามารถใช้อยา่ งกว้างขวางได้ หากทุก หน่วยธรุ กจิ ในสงั คมยอมรับบัตรกำนลั ที่สร้างโดยบริษทั แห่งใดแหง่ หน่ึง ดังน้ันประเดน็ ความแตกต่างที่สำคญั ระหวา่ งธนบตั ร กับบัตรกำนลั คอื ความสามารถในการยนื ยนั ความ จริงแทข้ องมูลค่าเงินในกระดาษใบนนั้ สำหรับบตั รกำนลั น้ันหากจะยืนยนั ความถูกตอ้ งจะตอ้ งมีการนำ บาร์โคด้ หรือเลขรหสั ท่ีปร้นิ ท์อยู่บนตัวบัตรนำไปสแกนผ่านระบบประมวลผลของบริษัทผู้ออกบัตรกำนลั นน้ั เพื่อยืนยนั วา่ บตั รกำนลั นน้ั ถกู ใช้ไปแลว้ หรือไม่ หรือถูกปลอมแปลงทำซ้ำขน้ึ มาหรอื ไม่เป็นตน้ ดงั รปู ที่ 6.1 ที่แสดงบัตรกำนัลที่ ออกโดยบรษิ ทั หน่งึ 99

รูปท่ี 6.1 ตัวอย่างของบตั รกำนลั บรษิ ทั หน่ึง Source: Shopee (2019) แตใ่ นกรณีของธนบตั รน้นั การยืนยนั ความจริงแท้ของมูลค่าเงินที่แสดงอยู่บนธนบัตรสามารถทำไดเ้ ลยทต่ี ัว ธนบตั รเองไม่ต้องไปสอบถามธนาคารกลางวา่ ธนบตั รท่ไี ดร้ ับมานน้ั เป็นของจริงหรือของปลอม เพราะธนบตั รที่ออก โดยธนาคารกลางทกุ ประเทศจะพมิ พบ์ นกระดาษพิเศษ ใช้นำ้ หมึกพิเศษ และใช้เคร่ืองพิมพ์พเิ ศษที่ไม่มใี ครใน ประเทศสามารถเขา้ ถึงอุปกรณ์และเครือ่ งมอื ต่างๆเหล่านี้ได้ โดยธนบตั ร 1 ใบ ธนาคารกลางจะมีการกำหนดจดุ สงั เกตเพ่ือการตรวจสอบความจริงเท็จของธนบัตรในหลายจุด ดังตวั อยา่ งในรปู ที่ 6.2 และผ้ทู ่ไี ดร้ ับธนบัตรใบนัน้ สามารถตรวจสอบความจริงเทจ็ น้ไี ด้เลยทตี่ ัวธนบัตร 100

รปู ท่ี 6.2 ตวั อยา่ งจุดตรวจสอบความจรงิ แท้ของธนบัตร Source: กองบังคับการปราบปราม (2019) 101

ดว้ ยเหตนุ ้ธี นบัตรจึงเปรยี บเสมือนเป็นกระดาษท่ีถกู “เข้ารหัส” มาไว้เรยี บร้อยแล้วท่สี ามารถตรวจสอบ ท่ีมาที่ไป และความจริงเทจ็ ของธนบตั รนนั้ ไดเ้ ลย ในขณะที่บัตรกำนลั เป็นเพียงกระดาษท่ีเขียนตวั เลขลงบน กระดาษเทา่ นั้น ตัวอย่างการเปรยี บเทยี บน้เี พื่อให้เขา้ ใจวา่ Cryptocurrency เปรียมเสมือนธนบตั รท่มี ีการเขา้ รหสั เพ่อื การตรวจสอบ ในขณะท่ี Digital money เปรยี บเสมอื น บตั รกำนลั ที่เป็นเพยี งตัวเลขแสดงมูลค่าเท่านัน้ นอกจากนี้หากเปรียบเทยี บ Cryptocurrency กบั Digital money โดยตรงจะพบวา่ นอกจากการเขา้ รหัส ที่ทำให้ cryptocurrency แตกต่างจาก Digital money แล้วน้นั ยงั มคี วามต่างในอกี แง่มมุ หนงึ่ คือประเด็นท่ี เกยี่ วขอ้ งกับการเป็น Store of value หรือแหลง่ ทีแ่ สดงมูลค่าของเงิน เน่อื งจาก Digital money เป็นเพยี งตวั เลขดิจติ อลที่แสดงมูลค่าของเงนิ ท่ีอยู่ในบัญชี ตวั Digital money เองจึงไมม่ ีคา่ ในตวั ของตัวเอง แตค่ ่าของ Digital money จะยึดโยง (Pegged) กบั เงนิ ในบัญชที มี่ ารองรับการแสดง หนว่ ยของ Digital money เชน่ Digital money อาจจะมีอัตราส่วนทตี่ ายตัวเท่ากับ 1:1 หรอื 20:1 กับเงินสกุล หน่ึง เป็นต้น โดยบรษิ ทั ผ้คู ิดค้นเงนิ Digital money จะสามารถออก (Issues) เงิน Digital money ไดเ้ ท่ากบั จำนวนเงินท่ตี นเองไดร้ บั จากลกู ค้ามาเท่านนั้ สำหรับประเทศไทย ธนาคารแหง่ ประเทศไทยได้มีการกำหนดกฎเกณฑ์ โดยผู้ใหบ้ รกิ าร e-money จะต้องนำเงินที่ไดร้ บั จากลูกค้าแยกออกจากบญั ชีอนื่ ของบริษทั อย่างชดั เจน และจะตอ้ งนำเงนิ ไปฝากไวใ้ นบัญชีเงิน ฝากของสถาบันการเงนิ เทา่ นั้น หา้ มนำไปใชใ้ นกจิ กรรมอืน่ ของบริษทั เพ่ือป้องกันมลู ค่าของเงินในบญั ชี (ธนาคาร แห่งประเทศไทย, 2013) ในขณะที่ Cryptocurrency ซ่งึ เปน็ สกุลเงินท่ีสามารถตรวจสอบท่ีมาทไ่ี ป ความจรงิ แท้ของเงนิ ไดผ้ า่ นการ เข้ารหัสดว้ ย Hash number ดังที่กล่าวไวใ้ นบททแ่ี ลว้ นน้ั จึงทำให้ cryptocurrency ทุกหน่วยทีม่ อี ยใู่ นระบบ ชำระเงินมคี ่าในตัวเอง และทำให้ Cryptocurrency เปรยี บเสมอื นทรัพยส์ นิ ตา่ งๆ เชน่ นาฬิกา กระเปา๋ รองเท้า ทองคำ หรอื พระเครอ่ื ง เป็นต้น ทห่ี ากพสิ จู น์ได้ว่าเปน็ ของแท้ (Authentication) และมีคนให้มูลคา่ กับความจรงิ แท้เหลา่ น้นั ทรพั ยส์ นิ เหล่าน้ันก็จะมีค่าขึ้นมา และสามารถมีราคาท่ีเปล่ยี นแปลงไปไดใ้ นแตล่ ะช่วงเวลา มูลคา่ ของ Cryptocurrency จึงข้นึ อยู่กับเชื่อของผซู้ ื้อวา่ Cryptocurrency น้นั จะไดร้ ับความนิยม ใชเ้ ป็นวงกว้างในระบบ การเงนิ ในระดับใดในอนาคต หากมองในกรณเี ช่นน้ี จงึ ทำใหใ้ นหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยไดต้ ีความวา่ Cryptocurrency คือ Digital assets หรอื ทรพั ยส์ ินท่มี คี า่ ในตวั เอง ไม่ใชส่ กุลเงิน หากพจิ ารณาท่นี ิยามของสกุลเงนิ จะพบวา่ นยิ ามท่ีเป็นทีย่ อมรับกันในวงกวา้ งของสกุลเงิน จะประกอบไป ดว้ ย 3 มติ ิทีส่ ำคญั ไดแ้ ก่ 1) Medium of exchange การเป็นสอื่ กลางในการใชแ้ ทนการแลกเปล่ยี นสินคา้ และ 102

บริการต่างๆ 2) Store of value การมีมลู คา่ ในตัวของมันเอง และ 3) Stable value คือมูลคา่ ท่มี เี สถียรภาพ สามารถคาดการณ์มูลค่าในอนาคตได้งา่ ย ซง่ึ หากมองท่ี Cryptocurrency ต่างๆท่มี ีอย่ใู นปจั จุบนั ตามรูปที่ 6.3 จะพบวา่ Cryptocurrency สว่ น ใหญไ่ มส่ ามารถตอบสนองตอ่ ประเด็นทั้ง 3 มติ ิได้พร้อมกัน จะมเี พียง Bitcoin เทา่ นนั้ ท่มี ีความใกล้เคยี งกบั นยิ าม ของสกุลเงนิ กลา่ วคือเป็นสื่อกลางทีเ่ ปน็ ท่ยี อมรบั กนั อย่างแพรห่ ลายสามารถนำไปแลกเปลยี่ นเป็นสนิ ค้าและ บรกิ ารได้อย่างเปน็ วงกว้าง และมีมลู คา่ ในตัวของตวั เอง รูปท่ี 6.3 Market cap ของสกุลเงนิ cryptocurrency ตา่ งๆ Source: Mitra (2019) แตใ่ นแง่ของ Stability of value ของ Bitcoin น้นั ต้องยอมรับวา่ Bitcoin ไม่สามารถมีมูลค่าท่ีมี เสถียรภาพได้เพราะมลู ค่าของ Bitcoin เพ่ืออ้างองิ เปรียบเทยี บกับสกุลเงินในปจั จุบนั มกี ารเปลย่ี นแปลงอย่าง รุนแรงในแตล่ ะวันดังแสดงในรูปที่ 6.4 ทำให้หาก Bitcoin จะเปน็ สกุลเงนิ ที่ใชอ้ ย่างแพร่หลาย จะทำใหเ้ กิดปัญหา อย่างมากในการกำหนดราคาของสนิ ค้าและบริการต่างๆในแต่ละวนั ว่าควรจะกำหนดไว้ในระดับใด เพราะมูลคา่ Bitcoin เปลยี่ นแปลงทกุ วัน 103

รูปท่ี 6.4 การเคล่อื นไหวราคาของ Bitcoin Source: Coin Desk (2019) นอกจากนีล้ ักษณะของ Bitcoin ทมี่ กี ารกำหนดจำนวนเหรียญจำกดั ไวเ้ พียง 21 ลา้ นเหรียญ ก็เปน็ จุดทที่ ำ ให้ Bitcoin ไม่มีความยืดหยุ่นด้านราคา กลา่ วคืออปุ ทานของ Bitcoin ไม่สามารถเปล่ียนแปลงไดเ้ พ่ือรักษาระดับ ราคาของ Bitcoin ต่อหน่วย ตามหลักเศรษฐศาสตร์หากอุปทานมกี ารกำหนดไว้ชดั เจนเช่นนี้ Price elasticity ยอ่ มมีคา่ ทสี่ งู มาก จนทำใหร้ าคาเปลย่ี นแปลงได้อย่างรุนแรงตามอุปสงคท์ เี่ ปลย่ี นแปลงไปในแตล่ ะชว่ งเวลา ถงึ แม้ในปัจจุบนั จำนวนเหรยี ญทเี่ กดิ ขน้ึ ในระบบจะมีอยู่ประมาณ 17 ลา้ นเหรียญ และต้องใชเ้ วลาถึง ประมาณปี ค.ศ. 2140 ถึงจะสามารถมีเหรยี ญครบท้ัง 21 ลา้ นเหรียญ ดังแสดงในรูปที่ 6.5 กไ็ ม่สามารถทำให้ มูลค่าของเงิน Bitcoin ต่อหน่วยมีเสถียรภาพได้ 104

รูปที่ 6.5 ประเมินการเกดิ ขน้ึ ของจำนวนเหรยี ญ Bitcoin ในอนาคต Source: Coindesk (2018) Cryptocurrency กับโลกในปจั จุบนั ถึงแม้ Cryptocurrency ในปัจจุบันจะยังไมส่ ามารถเป็นสกุลเงินท่ตี รงตามนิยามของคำว่า Currency ก็ ตาม แต่เทคโนโลยีของระบบชำระเงนิ ท่รี องรบั Cryptocurrency ทใ่ี ช้เทคโนโลยี Blockchain เปน็ ระบบชำระเงนิ นน้ั ถือวา่ เปน็ เทคโนโลยีทีท่ ำให้ธนาคารกลางในหลายประเทศ ตระหนักได้ว่าเปน็ เทคโนโลยีท่ีสามารถเพม่ิ ประสิทธภิ าพของระบบชำระเงินในปัจจุบนั ไดห้ ากนำมาประยกุ ตใ์ ช้กับระบบชำระเงนิ ในประเทศของตน เพราะ ธนาคารกลางสามารถลดต้นทุน เพิม่ ความปลอดภยั และเพิ่มความรวดเรว็ ในการดำเนนิ ธุรกรรมตา่ งๆ ได้ ดังนนั้ จึง มหี ลายประเทศมีโครงการท่ีจะประยุกต์นำ Blockchain มาใช้กับระบบการชำระเงินของตนผา่ นการสร้างสกลุ เงนิ ใหมข่ ึน้ ที่มักจะเรียกวา่ Central bank digital currency (CBDC) สำหรับประเทศไทย ได้มกี ารริเรมิ่ โครงการท่ีมีชื่อว่า อนิ ทนนท์ (Inthanon project) เพ่อื นำ Blockchain มาใช้ในระบบชำระเงิน โดยเปน็ ความรว่ มมอื กันระหวา่ งสถาบนั การเงนิ ภายในประเทศ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย บรษิ ัทท่ปี รึกษาทางการเงิน และบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมาย ต่างๆ และไดม้ กี ารประกาศความร่วมมือกนั ในวันที่ 21 สงิ หาคม พ.ศ. 2561 (ธนาคารแห่งประเทศไทย, 2018) โดย Cryptocurrency ท่ธี นาคารแหง่ ประเทศไทย 105

พฒั นาขึน้ นจี้ ะเปน็ สกลุ เงินดจิ ิตอลท่ีใชร้ ะหวา่ งธนาคารพาณิชย์และธนาคารกลางเพื่อการชำระดุลระหวา่ งกัน หรือ เรยี กวา่ Wholesale Central Bank Digital Currency (Wholesale CBDC) ซึ่งไม่ใชส่ กุลเงินดจิ ติ อลที่จะนำเสนอ ใหแ้ กป่ ระชาชนใช้โดยตรง (หรอื ท่ีเรียกวา่ Retail CBDC) ซงึ่ เทคโนโลยี Blockchain ทโี่ ครงการอนิ ทนนท์นำมาใชน้ นั้ เป็นเทคโนโลยี Blockchain ทเี่ รียกว่า Corda Platform ซึง่ เปน็ เทคโนโลยีที่ R3 Consortium รว่ มพัฒนาข้ึนมา โดย R3 Consortium เปน็ ความร่วมมือ ในระดบั โลกของสถาบันการเงินชน้ั นำในหลายประเทศเพื่อร่วมกนั สรา้ งเทคโนโลยี Blockchain ข้นึ มาในระบบ ชำระเงนิ ระหว่างกัน ดงั แสดงในรปู ที่ 6.6 รปู ท่ี 6.6 สถาบันการเงินท่ีรว่ มกนั ภายใต้ R3 Consortium Source: Hileman & Ying (2016) ปัจจบุ ัน Inthanon project ได้ผ่านมาแลว้ 2 เฟส ไดแ้ ก่ เฟสท่ี 1 ทเ่ี ป็นการประเมิน Proof of concept และทดลองทำการโอนเงนิ ระหว่างสถาบนั การเงนิ โดยใช้ CBDC ทสี่ ถาบนั การเงนิ แตล่ ะแหง่ นำ Liquidity reserve ของตนมาแลก CBDC Token เพอ่ื การดำเนินธุกรรมต่างๆ ซง่ึ เฟสที่ 1 ดำเนินการเสรจ็ สมบรู ณ์ในชว่ งเดือน มกราคม พ.ศ. 2562 (Bank of Thailand, 2019) หลังจากนัน้ ก็ได้มกี ารดำเนนิ การเฟสที่ 2 ทท่ี ำการทดลองธุรกรรมซือ้ ขายและซื้อคนื ระหว่างสถาบนั การเงนิ ที่เกย่ี วข้องกับตราสารหนี้ และการกำกับดูแลและตรวจสอบข้อมลู การโอนเงินสำหรับลกู ค้าเพ่ือช่วยลด 106

ภาระการตรวจสอบและข้อผิดพลาดในการโอนเงินของลูกคา้ ซง่ึ เสรจ็ สมบูรณใ์ นช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 (Bank of Thailand, 2019) และในปจั จบุ ันกำลงั ดำเนินการ เฟสที่ 3 คือการนำ CBDC เพ่อื ทดลองกบั ธรุ กรรม การโอนเงนิ ระหวา่ งประเทศ (Cross border) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย เริม่ ร่วมมือกับธนาคารกลางฮ่องกง ก่อนเป็นลำดับแรก ซง่ึ ธนาคารกลางฮ่องกงได้พฒั นาเงนิ CBDC ในลักษณะเดยี วกันที่เรียกว่า “Lion Rock” รปู แบบของ Blockchain ท่ธี นาคารแหง่ ประเทศไทยนำมาใช้น้นั แสดงในรปู ท่ี 6.7 โดยสถาบนั การเงินแต่ ละแห่งเป็น Node ทดี่ ำเนินการอนมุ ัติและบันทึกธุรกรรมต่างๆที่เกิดขึ้น มีการแลกเปลีย่ นเงนิ เพื่อการบรหิ ารสภาพ คลอ่ งของตนกับธนาคารกลาง ในขณะทธ่ี นาคารแห่งประเทศไทยเปน็ Node ที่ทำหน้าที่สร้างหรอื ทำลาย CBDC Token และสรา้ งหรือทำลายตราสารหนท้ี อ่ี อกโดยธนาคารกลาง รปู ท่ี 6.7 โครงสรา้ งระบบ Blockchain ทพ่ี ัฒนาภายใต้โครงการอนิ ทนนท์ Source: Bank of Thailand (2019) สำหรบั ระบบ Consensus mechanism น้ี เป็นระบบทเี่ รยี กวา่ Notary ทีพ่ ัฒนาโดย Corda ซง่ึ Notary เปรียบเสมือนเปน็ ระบบทีม่ ีการกำหนดเง่ือนไขการ Validation ไวล้ ว่ งหนา้ วา่ ธรุ กรรมทีเ่ กดิ ขึน้ แต่ละประเภทนน้ั จะต้องไดร้ ับการยืนยนั จาก Node ทีเ่ กีย่ วข้องอย่างไรบ้าง โดย Node ท่เี ก่ยี วข้องจะต้องทำการเซน็ ยนื ยัน (Signature) Inputs และ Outputs ท่จี ำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกรรมหนง่ึ ๆ และ Notary จะทำการตรวจสอบ ธรุ กรรมทเี่ กดิ ขนึ้ ลา่ สุด กบั ธรุ กรรมอืน่ ๆในอดีตวา่ มีเหตุการณท์ ขี่ ัดแย้งกันหรือไม่ (Bank of Thailand, 2019) 107

การมี Notary จึงเปรยี บเสมอื นเป็นระบบทมี่ ีการสอบทาน (Double check) การยืนยนั ธุรกรรมของแต่ ละ Node เพือ่ ป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกดิ ขน้ึ จาก Node ที่อาจจะตง้ั ใจหรือไม่ตั้งใจอนุมตั สิ ิ่งทีผ่ ดิ ให้เปน็ สิ่ง ทถ่ี ูก การเพิ่ม Notary เขา้ มาในระบบ Blockchain จึงเป็นการทำให้ Notary node คอื Final settlement หรอื การตัดสนิ ใจสุดท้ายสำหรับการอนมุ ัติธุรกรรมในระบบ และถือเป็นอนั สิ้นสุด นอกจากการนำ Blockchain มาพัฒนาต่อยอดเพื่อใหเ้ กิด Cryptocurrency ท่ีออกโดยธนาคารกลางแล้ว น้นั ในมมุ ของสถาบนั การเงนิ ต่างๆ กไ็ ดม้ คี วามพยายามท่ีจะนำ cryptocurrency มาใช้สำหรับการโอนเงิน ต่างประเทศ ซึง่ Cryptocurrency ทพ่ี ยายามตอบโจทยป์ ระเดน็ นคี้ ือ Cryptocurrency ท่ีเรียกว่า XRP ท่ีคดิ คน้ โดยบริษทั Ripple แนวคดิ ของ Ripple คอื ความพยายามในการลดขนั้ ตอน ต้นทุน และระยะเวลาในการโอนเงนิ ระหว่าง ประเทศ โดยแทนที่ธนาคารจะทำการโอนเงินผา่ นระบบแบบดง้ั เดมิ ทีเ่ รียกว่า Correspondent banking relationship ตามที่ได้อธิบายไว้ในบทท่ี 3 ธนาคารสามารถแลกเปล่ยี นเงนิ สกลุ ในปจั จบุ ันกับเงนิ สกุล XRP แลว้ ค่อยทำการโอนเงนิ ระหว่างประเทศด้วยเงนิ สกลุ XRP ก่อนทีธ่ นาคารปลายทางจะแปลงเงินสกลุ XRP มาเปน็ เงิน สกลุ ของประเทศปลายทางดังกลา่ ว ซึ่ง บรษิ ทั Ripple ได้ทำการประเมนิ สดั สว่ นของต้นทุนทส่ี ถาบนั การเงนิ สามารถลดไดว้ ่าจะอยู่ท่ีประมาณรอ้ ยละ 42 เม่ือเทียบกับต้นทนุ การโอนเงินต่างประเทศในปจั จบุ นั ดงั แสดงในรูป ท่ี 6.8 รปู ที่ 6.8 ประเมนิ ต้นทุนท่ีลดลงของการใช้ XRP ในธุรกรรมโอนเงินระหวา่ งประเทศ Source: Ripple (2016) 108

การใช้เงินสกลุ XRP นจ้ี ะมกี ารบนั ทกึ ธรุ กรรมตา่ งๆดว้ ยระบบ Blockchain และเก็บข้อมลู บญั ชตี าม ระยะเวลา (Timestamp) เหมอื นอยา่ งในกรณขี อง Bitcoin โดยในแต่ละสมุดบญั ชีจะประกอบด้วยขอ้ มูลบญั ชขี อง ผูโ้ อนและผรู้ ับโอน และปริมาณมลู ค่าของธุรกรรมที่มีการโอนเงินระหว่างประเทศ ดังแสดงในรูปที่ 6.9 รปู ที่ 6.9 รปู แบบการอนมุ ัติธรุ กรรมในระบบ Ripple Source: Ripple (2016) นอกจากนใี้ นชว่ งเดือน มิถนุ ายน พ.ศ. 2562 ก็ได้มีการประกาศจาก Facebook ซ่ึงเป็นผู้ใหบ้ รกิ าร เครอื ข่ายสงั คมออนไลน์ (Social Network) ทมี่ ีผู้ใช้งานอย่างแพรห่ ลายว่าได้มกี ารรว่ มมือกับพันธมิตรอีก 28 ราย ดงั แสดงในรูปท่ี 6.10 เพื่อรว่ มกนั สรา้ งเงินสกุลใหม่ท่ีเรยี กว่า Libra โดยเงินสกลุ นี้ Facebook คาดหวังใหเ้ ป็น Stable coin หรือ Cryptocurrency ทมี่ มี ลู คา่ เสถยี รภาพ ไม่เหมือนกับ Bitcoin ท่ีมูลคา่ มีความหวือหวาในแตล่ ะ วัน โดยในปี ค.ศ. 2020 นักลงทนุ รายใหญ่อย่าง Temasek Holdings Pte กไ็ ด้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นพันธมติ ร (Bloomberg, 2020) ถึงแม้ในเดอื น ตลุ าคม ค.ศ. 2019 บรษิ ัทชน้ั นำอยา่ ง Visa และ Mastercard ได้ตดั สินใจยตุ ิ การเปน็ พนั ธมิตรร่วมกบั Libra เพราะความกังวลดา้ นกฎหมายและการกำกบั ดูแลของทางการ (CNBC, 2020) Libra นค้ี ือความคาดหวงั ของ Facebook ท่ีอยากให้เป็นสกุลเงินกลางสำหรับธุรกรรมในโลกดจิ ิตอล ซง่ึ ต้องยอมรับว่ายงั มีประเดน็ ต่างๆมากมายทต่ี ้องพิจารณา วา่ มลู ค่าของ Libra นั้น จะมเี สถียรภาพผ่านรูปแบบใด หาก Libra เป็นเพียง Digital money ทมี่ มี ลู คา่ ยึดโยงโดยตรง (Pegged) กับเงินท่ผี ใู้ ช้นำมาแลก และ Libra เป็น เพยี งตัวเลขที่สะท้อนตัวเลขมูลค่าของเงินในบญั ชเี ท่านน้ั เพียงแต่ Libra มกี ารนำระบบชำระเงนิ แบบ Blockchain มาทำการบนั ทกึ บัญชี Libra จะไม่ถูกมองเป็นสกุลเงนิ แบบในปัจจบุ นั และ Libra จะเปน็ ตวั อยา่ งหนึ่งของ e- money เท่าน้นั 109

รปู ที่ 6.10 พันธมติ รทีร่ ว่ มกนั สนบั สนนุ Libra Source: TechOffSide (2019) แตห่ าก Libra มีการจดั ต้งั กองทนุ สำรอง และมีการบริหารกองทุนสำรองโดยนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ ต่างๆท่วั โลก และกองทนุ สำรองนี้นำมารองรับมูลค่าของ Libra ให้มีเสถียรภาพ การเกิดขึน้ ของ Libra ในลักษณะ น้ีจะสรา้ งความกงั วลให้กบั ธนาคารกลางทกุ ประเทศทวั่ โลก เพราะถอื ว่ามีกล่มุ บริษทั เอกชนท่ีพยายามสร้างสกลุ เงินข้ึนมาเพ่อื แขง่ ขนั กับสกุลเงนิ ในปจั จุบนั ประเด็นวเิ คราะห์ในแง่มมุ ต่างๆของ Cryptocurrency และผลกระทบ ท่ีเกิดขึ้นกับธนาคารกลางจะช้ีแจงอย่างละเอียดในบทท่ี 14 และ 15 บทสรุป ความแตกตา่ งท่สี ำคญั ของ Cryptocurrency และ Digital currency ท่ัวไปน้นั คอื การท่ี Cryptocurrency มกี ารเข้ารหสั ความปลอดภัยของข้อความการโอนเงนิ ชำระเงนิ ซ่งึ การเข้ารหสั ความปลอดภัยนี้ เปรียบเสมอื นเป็นเครอ่ื งมอื ท่ีใชใ้ นการพิสูจน์ทราบความจริงแท้ของเงิน คลา้ ยๆกับการท่ีธนาคารกลางทั่วโลกมี วธิ ีการในการทำให้ธนบัตรสามารถตรวจสอบความจรงิ แท้ได้ และไม่สามารถทำเลียนแบบไดง้ ่าย ประเด็นเหล่านี้ 110

แตกตา่ งจาก Digital currency ทวั่ ไปทผี่ ู้ที่ยืนยันการชำระเงินวา่ มีความถูกต้องหรือยืนยันความจริงแท้ของเงินนั้น อยู่ท่ีตัวกลางทางการเงนิ ที่มักจะเป็นผู้คดิ ค้นเงินดงั กลา่ วขึน้ มา Cryptocurrency ไดส้ รา้ งความกังวลให้กบั ผูว้ างนโยบาย และผู้กำกับดูแลระบบการเงินอย่างมาก เน่อื งจาก Cryptocurrency มศี ักยภาพที่จะสามารถมาแทนท่เี งินในสกุลแบบดั้งเดมิ ไดห้ ลายมิติ ทงั้ ในมิตขิ องการ เป็นตัวกลางในการแลกเปลย่ี นที่ไดร้ บั ความเชอื่ ถือจากผบู้ ริโภค การเปน็ ตวั กลางทม่ี ีมลู ค่าในตัวเองจากสาเหตทุ ่ี สามารถพิสูจนค์ วามจริงแท้ของเงนิ ได้ หรือความโปรง่ ใสในกระบวนการอนุมตั ิธุรกรรมท่ีสามารถลดต้นทุนลดความ ซบั ซ้อนไดเ้ มื่อเทยี บกับระบบการชำระเงนิ แบบ Tiered system อยา่ งในปัจจบุ ัน อยา่ งไรก็ตามปญั หาหนง่ึ ที่ Cryptocurrency ส่วนใหญไ่ มส่ ามารถสรา้ งความมน่ั ใจให้กับผู้ใช้ได้ คอื ความ ผนั ผวนของมูลคา่ ของเงิน ที่ในปจั จุบันผู้คิดคน้ เงนิ Cryptocurrency ส่วนใหญย่ งั ไม่มีกลไกในการสร้างเสถยี รภาพ ของเงินเหมอื นอย่างเงินในสกุลดัง้ เดิมท่ีมีธนาคารกลางในการควบคมุ ปรมิ าณและกำหนดมลู คา่ ของเงนิ ในแต่ละ ช่วงเวลา ถงึ แม้ในปี ค.ศ. 2019 Facebook และพันธมัตรไดม้ กี ารนำเสนอเงนิ Cryptocurrency ท่ีเรียกวา่ Libra ทมี่ กี ารกำหนดแนวทางในการสร้างเสถยี รภาพของมลู ค่าของเงิน แต่ Libra ก็ยงั ประสบกับอปุ สรรคที่ธนาคารกลาง หลายแหง่ อาจไมส่ ามารถอนุญาตให้เกิดสกลุ เงนิ ที่คิดค้นโดยภาคเอกชนมาแขง่ ขันกบั สกุลเงนิ ของรฐั ได้ ดว้ ยเหตุท่ี Cryptocurrency มีจดุ เดน่ ของการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้เป็นเทคโนโลยีพ้ืนฐานของ ระบบชำระเงิน ซึ่งมีความปลอดภัยจาก Cyber attack มากกวา่ ระบบชำระเงนิ แบบรวมศูนย์ (Centralization) เหมอื นอยา่ งในปจั จบุ นั จงึ เป็นทม่ี าท่ธี นาคารกลางหลายแห่งทวั่ โลกได้พจิ ารณาท่ีจะนำเสนอเงนิ สกุลใหม่ทเี่ รยี กว่า Central Bank Digital Currency ขนึ้ โดยในปจั จุบนั CBDC ยังอยูใ่ นขนั้ ตอนของการทดลอง และยังไม่ไดข้ ้อสรุป ทช่ี ดั เจนถงึ ลักษณะของ CBDC ทธี่ นาคารกลางจะออกว่าจะมลี ักษณะอย่างไร แนวโน้มของ CBDC และผลกระทบของ CBDC ต่อนโยบายการเงิน และบทบาทหน้าท่ีของธนาคารกลาง นนั้ จะมีการวเิ คราะห์อยา่ งละเอียดอีกครงั้ หน่ึงในบทที่ 15 เอกสารอ้างองิ Bank of Thailand. (2019). Inthanon phase 2: Enhancing bond lifecycle functionalities & programmable compliance using distributed ledger technology. Bangkok: Bank of Thailand. 111

Bank of Thailand. (2019). Inthanon Phase I: An application of distributed ledger technology for a decentralised real time gross settlement system using wholesale central bank digital currency. Bank of Thailand. Bank of Thailand. (2019). Inthanon Phase I: An application of distributed ledger technology for a decentralized real time gross settlement system using wholesale central bank digital currency. Bangkok: Bank of Thailand. Bloomberg. (2020). Singapore’s Temasek Joins Facebook-Backed Libra Association. Retrieved from Bloomberg: https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-05-15/singapore-s- temasek-joins-facebook-backed-libra-association CNBC. (2020). Facebook-backed digital currency project Libra has a new member. Retrieved from CNBC: https://www.cnbc.com/2020/04/28/checkout-joins-facebook-backed-digital- currency-project-libra.html Coin Desk. (2018). The 17 Millionth Bitcoin Is About to Be Mined: What It Means and Why It Matters. Retrieved from CoinDesk: https://www.coindesk.com/17-millionth-bitcoin- mined-means-matters Coin Desk. (2019, 07 06). Bitcoin Price. Retrieved from CoinDesk: https://www.coindesk.com/price/bitcoin Hileman, G., & Ying, D. (2016). State of bitcoin and blockchain 2016. Coindesk. Mitra, R. (2019, 02 15). Learn: Cryptocurrency Market Cap? The Ultimate Investor's Guide. Retrieved from Blockgeeks: https://blockgeeks.com/guides/cryptocurrency-market-cap/ Ripple. (2016). The Cost-cutting case for banks: The ROI of using Ripple and XRP for Global interbank settlements. Ripple. Shopee. (2019, 07 17). Voucher Central บัตรกำนัลเซน็ ทรัล 500 บาท. Retrieved from Shopee: https://shopee.co.th/Voucher-Central-บัตรกำนลั เซ็นทรลั -500-บาท-300-บาท-200-บาท- i.1156856.139177802 TechOffSide. (2019). Visa, MasterCard, eBay และ Stripe เตรียมถอนตัวจาก Libra ตามรอย PayPal. Retrieved from: https://www.techoffside.com/2019/10/facebook-libra-ebay-visa- mastercard-stripe-left/ 112

กองบังคบั การปราบปราม. (2019, 07 17). วิธสี ังเกตธรบัตร. Retrieved from CDS กองบังคบั การปราบปราม: https://www.csdpolice.com/2827/ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย. (2013). การช้แี จงหลักเกณฑ์การกำกบั ดูแลระบบการชำระเงินภายใต้ พ.ร.บ. ระบบการ ชำระเงิน พ.ศ. 25660. กรงุ เทพ: ธนาคารแห่งประเทศไทย. ธนาคารแหง่ ประเทศไทย. (2018). ความรว่ มมือในโครงการอินทนนท์ (Wholesale Central Bank Digital Currency). ธนาคารแหง่ ประเทศไทย. 113

บทท่ี 7 Asian Digital Economy และความสัมพนั ธข์ องผู้เล่นต่างๆในระบบเศรษฐกจิ ในทศวรรษหนา้ บทนำ ในบทนี้จะวิเคราะห์เชิงลึกถึงการเปลย่ี นแปลงของระบบเศรษฐกจิ ไปสู่การใช้ Digital technologies มาก ยง่ิ ขน้ึ ในกล่มุ ประเทศ ASEAN เพอ่ื เปลี่ยนแปลงไปสรู่ ะบบเศรษฐกจิ ดิจติ อล (Digital Economy) โดยจะเลือกมุ่ง เปา้ การวเิ คราะห์ไปที่ผลกระทบของระบบเศรษฐกิจดจิ ิตอลตอ่ การดำเนนิ ธรุ กิจของธรุ กิจขนาดจิว๋ ขนาดเลก็ และ ขนาดกลาง หรือท่ีมักจะรวมเรียกวา่ Micro-Small-Medium Enterprises (MSMEs) เพื่อเป็นกรณตี วั อย่างของ โอกาสในการเตบิ โตทางธุรกิจ การเปลีย่ นแปลงของกลยทุ ธ์ทางธุรกิจทสี่ ำคัญ และผลกระทบเชงิ บวกจากการ พฒั นาของกลมุ่ อตุ สาหกรรมธนาคารในรูปแบบ Digital Banking ถึงแม้จะเป็นการวเิ คราะหผ์ า่ นมุมมองของ MSMEs แต่แนวโน้มการเปล่ยี นแปลง และรูปแบบธุรกจิ ในยุค ดิจติ อลท่ีวิเคราะห์อยู่ในบทน้ีสามารถทจี่ ะเปน็ ตัวอย่างของการฉายภาพความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผเู้ ล่นในระบบ เศรษฐกิจในยุคดจิ ติ อลไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ซ่งึ จะเป็นประโยชน์ต่อผ้ปู ระกอบการ นักธุรกจิ และนายธนาคารในการเหน็ จดุ สำคญั ต่างๆทจ่ี ะเกดิ ข้ึนในระบบเศรษฐกจิ ดจิ ติ อล Digital economy และศกั ยภาพการเติบโตในอนาคต นายกรฐั มนตรขี องประเทศสิงคโปร์ไดก้ ล่าวปาฐกถาตอนหน่ึงในงาน World Economic Forum ที่จดั ข้ึน ท่เี มอื งฮานอย ประเทศเวียดนามวา่ ระบบเศรษฐกจิ ของประเทศต่างๆในภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้มีแนวโนม้ ท่ีจะมีขนาดใหญเ่ ปน็ อันดบั ท่ี 4 ของโลกภายในปี ค.ศ. 2030 (Loong, 2018) โดยปัจจัยสำคัญทีท่ ำใหร้ ะบบ เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้เตบิ โตอยา่ งมากคอื 1) การมีโครงสร้างประชากรท่ีไมไดม้ ีสัดสว่ นของผสู้ ูงอายุมากนกั เม่อื เทียบกบั กลุ่มประเทศพฒั นาแล้ว 2) การเติบโตของสังคมเมือง (Urbanization) ที่เปลีย่ นแปลงมาจากสงั คมชนบท และ 3) การพฒั นาโครงสรา้ งพ้นื ฐานทางดจิ ติ อล (Digital infrastructure) ทีจ่ ะเกิดขึ้นในอกี 10 ปีขา้ งหน้า 114

นอกจากนบ้ี รษิ ทั ท่ปี รึกษาชนั้ นำอย่าง Bain & Company (2018) ก็ไดม้ ีการประเมนิ ว่าประเทศในกลุ่ม ASEAN ยงั สามารถเตบิ โตไดอ้ ย่างมากจากระบบเศรษฐกจิ แบบดิจิตอล เพราะในปัจจุบนั สัดสว่ นของมลู ค่าระบบ เศรษฐกจิ ดิจิตอล (Digital economy) ของประเทศในกลุ่ม ASEAN คิดเป็นเพยี งร้อยละ 7 ของ GDP เทา่ น้นั ซ่งึ คอ่ นข้างนอ้ ยเม่ือเทียบกับร้อยละ 16 ของประเทศจีน และร้อยละ 35 ของประเทศสหรัฐอเมริกา (Bain & Co, 2018) เมื่อพดู ถึงระบบเศรษฐกิจดจิ ติ อลหรอื ท่ีมักจะเรยี กทับศพั ท์วา่ Digital economy น้ัน สามารถนยิ ามไดว้ ่า เปน็ ระบบเศรษฐกจิ ที่ประกอบดว้ ย 3 องคป์ ระกอบหลกั ได้แก่ 1) ระบบเศรษฐกิจท่ีมโี ครงสร้างพนื้ ฐานทางดจิ ติ อล (Digital infrastructure) ทม่ี ีความพร้อมสามารถเข้าถึง ได้ เชน่ โครงขา่ ยโทรคมนาคม ฮารด์ แวร์ หรอื ซอฟทแ์ วร์ต่างๆ เปน็ ต้น 2) ระบบเศรษฐกิจท่มี ีการใชร้ ูปแบบการดำเนนิ ธุรกิจแบบใหมเ่ ช่น การสรา้ ง Sharing platform, E- commerce platform หรือ การเกดิ ข้ึนของ Everything-as-a-service เพือ่ ใช้ประโยชน์ตอ่ ยอดจาก เทคโนโลยีดจิ ิตอลต่างๆ เปน็ ต้น 3) การปรบั ปรุงกระบวนการผลติ ให้มสี ัดสว่ นของการนำเทคโนโลยดี ิจิตอลมาใชม้ ากย่ิงขนึ้ หรือทีเ่ รียกวา่ Industry 4.0 เช่นการใช้หุ่นยนต์ (Robotics) และปญั ญาประดิษฐ์ (Artificial intelligences) เป็นต้น เมือ่ มองย้อนกลบั ไปดกู ารเติบโตทแี่ ทจ้ ริงของ GDP (Real GDP growth rate) ของประเทศในกลุ่ม ASEAN OECD (2018) พบวา่ อัตราการเติบโตท่แี ทจ้ ริงของ GDP อยู่ทเี่ ฉลย่ี ประมาณร้อยละ 5 ต่อปีในชว่ ง 4 ปีท่ี ผา่ นมา ดังแสดงในตารางท่ี 7.1 โดยการเตบิ โตในอดีตสว่ นใหญ่ เกดิ จากการประกอบธุรกิจพืน้ ฐานดัง้ เดิมเชน่ เกษตรกรรม กระบวนการผลติ ท่ีใช้แรงงานมนุษย์ และการผลติ สินค้าและบริการท่ไี ม่ได้มีมลู คา่ เพ่ิมมากนกั ซ่ึงการ เติบโตในอนาคตของกลุ่มประเทศ ASEAN จะเกดิ ขึ้นได้ยากหากยงั คงมีแนวทางการเตบิ โตเหมอื นอย่างในอดตี ดังน้ันระบบเศรษฐกจิ ดจิ ติ อล จงึ อาจกล่าวได้วา่ เป็นหนทางใหมท่ ่จี ะทำให้ ASEAN เตบิ โตอยา่ งก้าวกระโดดใน อนาคต 115

ตารางที่ 7.1 การเติบโตท่ีแท้จรงิ ของ GDP ของประเทศในเอเซยี ตะวันออกเฉยี งใต้ ประเทศ 2016 2017 2018 2019 7.1 พม่า 5.9 6.8 6.9 7 6.9 กบั พูชา 6.9 7 7 6.7 6.6 ลาว 7 6.9 6.8 5.4 5.3 ฟลิ ิปปนิ ส์ 6.9 6.7 6.7 5.1 3.9 เวยี ดนาม 6.2 6.8 6.9 3 2.1 อินโดนเี ซยี 5 5.1 5.3 คา่ เฉล่ยี ของกลุม่ ประเทศ Asean 4.8 5.3 5.3 มาเลเซยี 4.2 5.9 5.3 ไทย 3.3 3.9 4 สงิ คโปร์ 2.4 3.6 3.5 บรไู น -2.5 1.3 1.5 Source: OECD (2018) การทจี่ ะรักษาอตั ราการเติบโตของเศรษฐกจิ ให้มคี วามใกลเ้ คียงกบั การเตบิ โตในอดีต กลุ่มประเทศใน ASEAN จึงมคี วามจำเปน็ ที่จะตอ้ งวางแผนสรา้ งโครงสร้างพื้นฐานด้านดจิ ติ อล และสนับสนุนใหเ้ กิดการใช้ เทคโนโลยีดิจิตอลในกจิ กรรมต่างๆ ซ่ึง Bain & Co (2018) ได้มกี ารคาดการณว์ า่ หากกลุ่มประเทศใน ASEAN ดำเนนิ การเปลยี่ นผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจดจิ ติ อล จะทำให้ GDP ของภมู ิภาคเตบิ โตจากมลู ค่าประมาณ 2.67 ล้าน ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นประมาณ 5 ล้านล้านเหรียญสหรฐั ภายในปีค.ศ. 2025 ดังแสดงในรูปที่ 7.1 โดยการเติบโตท่ีเพิ่มขน้ึ ประมาณ 1 ล้านลา้ นเหรยี ญสหรฐั ภายในปี ค.ศ. 2025 คาดวา่ จะเกดิ จากการ เติบโตของระบบเศรษฐกจิ ดจิ ิตอลทม่ี ีการใช้ Industry 4.0 ในกระบวนการผลติ อยา่ งแพร่หลาย มกี ารควบรวม ดิจติ อลเพ่ือสร้างโอกาสทางธุรกิจต่างๆเชน่ e-commerce และ Digital financial services และการเกดิ ขึน้ ของ อุตสาหกรรมท่ีสง่ เสริ มใหเ้ กดิ การลดตน้ ทุนของระบบเศรษฐกิจจากการสนบั สนุนโดยอตุ สาหกรรมภาคขนส่ง (Logistics) และอตุ สาหกรรมโทรคมนาคม (ICT) นอกจากนก้ี ารคาดการณ์โดย McKinsey&Company (2018) ไดแ้ สดงใหเ้ หน็ เช่นกันว่าประเทศในกล่มุ ASEAN จะมมี ูลค่าของผลิตภาพทสี่ ูงขน้ึ ประมาณ 216 – 627 พนั ลา้ นเหรยี ญสหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2025 จากการ นำแนวทางของ Industry 4.0 ไปใช้ 116

รูปที่ 7.1 มลู ค่าการเตบิ โตของประเทศในกลุ่ม ASEAN จากการเปลย่ี นผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกจิ ดิจติ อล ASEAN GDP (USD billions 2017-2025) 6,000 Low bound estimate High bound estimate ~4,060-5,100 5,000 ~ 300-400 ~ 80-130 4,000 ~ 400-600 ~ 1,150-1,200 3,000 2,000 Others ICT 1,000 Transport & Logistics Retail 0 Agriculture Manufacturing 2017 GDP Current state Productivity Expansion of Growth of 2025 GDP enabling estimate estimate growth to improvements digital sectors 2025 markets Source: Bain & Co (2018) ในหวั ขอ้ ถดั ไปจะเปน็ การวิเคราะหถ์ ึงสถานการณ์ในปจั จุบันของธรุ กิจ MSMEs ในกล่มุ ประเทศ ASEAN เพือ่ เปน็ กรณีศึกษาสำหรบั การวิเคราะหใ์ นบทนว้ี า่ ผลกระทบของระบบเศรษฐกจิ ดจิ ิตอลนน้ั จะปรบั เปล่ียน ความสมั พนั ธใ์ นระบบเศรษฐกิจอยา่ งไร และจะเปน็ การสร้างโอกาสในการเติบโตของกลุ่มประเทศ ASEAN ตาม การคาดการณ์ขา้ งตน้ ได้มากน้อยเพยี งใด สถานการณข์ องธรุ กิจ MSMEs ใน ASEAN และระบบเศรษฐกิจดิจติ อลในปัจจบุ นั การวิเคราะห์ศักยภาพของ MSMEs นน้ั ถือเป็นปัจจยั ทต่ี ้องให้ความสำคัญสำหรับประเทศในภมู ภิ าคเอเชีย ตะวนั ออกเฉยี งใต้ เพราะจำนวน MSMEs เมอ่ื เทยี บกับจำนวนรวมของผู้ประกอบการทัง้ หมดในกล่มุ ประเทศ ASEAN มีปริมาณมากถึงรอ้ ยละ 97 – 99 ตามข้อมลู ของ ERAI-OECD (2018) นอกจากนี้หากพิจารณาเชิงลกึ ตอ่ ไปจะพบวา่ ธุรกิจขนาดจ๋ิว (Micro enterprises) น้นั คดิ เปน็ สัดส่วนมากถึงร้อยละ 85 – 99 ของจำนวน 117

MSMEs ทงั้ หมด ในขณะท่ีสัดส่วนของธุรกิจขนาดกลาง (Medium-sized enterprise) นนั้ มสี ัดสว่ นที่นอ้ ยมาก สถานการณ์ในลกั ษณะน้ีจึงมักถกู เรียกวา่ “Missing middle” หรือการท่ีโครงสร้างระบบเศรษฐกจิ ของ ASEAN เตม็ ไปดว้ ยธรุ กิจขนาดจวิ๋ ท่ไี ม่สามารถเพ่ิมศักยภาพของตนให้มีขนาดที่ใหญ่โตได้ เม่อื วเิ คราะหท์ ่ีลักษณะการดำเนินธุรกิจจะพบวา่ MSMEs ของกลุ่มประเทศ ASEAN ยังมีลักษณะ ประกอบธุรกจิ แบบใช้แรงงานในสัดส่วนสงู (Labor-intensive) และผลติ สินคา้ และบรกิ ารท่ไี ม่มีมลู คา่ เพม่ิ มากนัก ข้อมลู ทรี่ วบรวมโดย ADB (2014) แสดงให้เห็นว่าสัดสว่ นการจ้างงานของ MSMEs ท่ีค่ามัธยฐานคิดเป็นประมาณ ร้อยละ 66.13 ของจำนวนการจา้ งงานรวมทัง้ ระบบในกลุ่มประเทศ ASEAN แต่กลับสามารถสร้างมลู คา่ GDP ให้แก่ระบบเศรษฐกจิ ได้เพยี งร้อยละ 42.2 เท่านั้น หากวเิ คราะหท์ ีม่ ูลค่าการสง่ ออกก็จะพบต่อไปวา่ MSMEs ใน ภมู ภิ าคน้มี ีมูลค่าของการสง่ ออกเพียงร้อยละ 10 – 30 เทา่ นั้น (ERIA-OECD, 2014) ถึงแมง้ านวจิ ยั โดย Gonzalez (2016) จะแสดงให้เห็นวา่ MSMEs มกั จะเปน็ ผู้ประกอบการทมี่ ีสดั สว่ นการส่งออกมากกวา่ การนำเข้าก็ตาม ตัวเลขทางสถติ ิตา่ งๆขา้ งตน้ จึงสะท้อนให้เห็นวา่ ยังมีชอ่ งวา่ งในการเติบโตของ MSMEs อย่างมากใน อนาคต ซึ่งหากเทยี บกบั ศักยภาพของ MSMEs ในทวปี ยุโรปจะพบวา่ MSMEs สว่ นใหญใ่ นกล่มุ ประเทศรายได้สูง ของ OECD จะสามารถสร้างมลู ค่าทางเศรษฐกจิ ไดป้ ระมาณรอ้ ยละ 61 ของ GDP (ดังรปู ที่ 7.2) โดยปจั จัยสำคญั ท่ี ทำให้ MSMEs ในภมู ภิ าคเอเซยี ตะวันออกเฉียงใต้ไม่สามารถเติบโตได้มากคือปญั หาด้านผลติ ภาพที่ตำ่ และความ ลำบากในการเขา้ ถึงแหลง่ เงินทนุ ในการประกอบธุรกจิ รูปที่ 7.2 สัดส่วนของ GDP ท่เี กิดจากการประกอบธุรกจิ ของ SME Source: IFC (2014) 118

เพือ่ ให้สามารถออกแบบนโยบายทเี่ หมาะสมสำหรบั การสนับสนุน MSMEs ในอนาคต OECD (2018) จงึ ได้สร้าง “The SME Policy Index: ASEAN 2018” ขึน้ เพื่อวัดศักยภาพของ MSMEs ในมิติตา่ งๆ จากตารางที่ 7.2 จะพบวา่ MSMEs ในภมู ภิ าคนี้ มีคะแนนทีค่ ่อนข้างต่ำในมิติท่ี 8 Social enterprises and inclusive entrepreneurship มติ ทิ ่ี 6 Legislation, regulation and tax มิติที่ 2 Environmental policies and SMEs และมติ ทิ ี่ 1 Productivity, technology and innovation ตารางที่ 7.2 ระดับคะแนนของ ASEAN SME ในมติ ิตา่ งๆ (1 คอื คะแนนต่ำสดุ และ 6 คอื คะแนนสงู สดุ ) Dimension BRU CAM IDN LAO MYS MMR PHL SGP THA VNM 1: Productivity, technology and innovation 3.37 2.62 4.14 2.76 5.06 2.38 4.08 5.84 4.97 3.48 2: Environmental policies and SMEs 2.04 1.88 3.28 1.94 5.08 1.72 3.75 5.30 4.29 3.63 3: Access to finance 4.38 2.89 4.58 2.36 5.35 1.83 3.93 5.69 4.87 3.81 4: Access to market and internationalization 3.41 2.69 5.21 2.45 5.43 2.46 4.95 5.94 5.41 4.15 5: Institutional framework 4.01 2.55 4.35 2.89 5.86 2.17 4.44 5.85 4.88 4.05 6: Legislation, regulation and tax 3.69 2.31 3.49 2.40 4.71 2.23 3.36 5.52 3.74 3.32 7: Entrepreneurial education and skills 4.06 2.54 4.52 2.29 4.58 2.38 4.50 5.36 4.50 2.87 8: Social enterprises and inclusive entrepreneurship 2.33 2.35 3.22 2.05 4.00 1.71 3.65 3.96 3.10 2.43 Source: OECD (2018) นอกจากการขาดศักยภาพในการแขง่ ขันด้านนวัตกรรมและปญั หาดา้ นทักษะของการเป็นผ้รู เิ รม่ิ ธรุ กจิ ทีด่ ี MSMEs ในภมู ิภาคนย้ี งั ได้คะแนนตำ่ มากเมือ่ พจิ ารณาเจาะลึกในมิตขิ องการเขา้ ถงึ เงนิ ทนุ โดยคะแนนชว้ี ดั ความสามารถในการแขง่ ขัน WEF’s competitiveness score ท่ีวัดโดย WEF (2019) พบว่ามิตดิ า้ นการหาเงนิ ทนุ ของ SME และการเข้าถึงกองทุน Venture capital นน้ั มคี ะแนนค่อนขา้ งต่ำเพียงประมาณ 40 จากคะแนนเตม็ ท่ี 100 นโยบายหน่งึ ทีม่ ักจะถูกนำมาใชเ้ พือ่ แกไ้ ขปัญหาการเขา้ ถงึ เงนิ ทนุ ของ MSMEs คอื การพยายามเปดิ โอกาส ให้ MSMEs ไดม้ ีโอกาสเข้าถงึ บริการทางการเงินจากสถาบันการเงนิ ใหม้ ากท่ีสุด ซง่ึ การเปล่ียนผ่านไปสู่ Digital banking ท่เี กิดขึน้ ในปจั จบุ ันนน้ั ถือเปน็ หนงึ่ ในแนวทางท่ธี นาคารกลางหลายประเทศใช้เพ่อื เพ่มิ สดั ส่วนของ ประชากรในการเข้าถงึ บริการทางการเงนิ ผา่ น Mobile banking เม่ือธรุ กรรมทางการเงินตา่ งๆเกิดข้นึ ในรปู แบบอิเล็กทรอนกิ ส์มากยิง่ ขึน้ ก็เปน็ การเปิดโอกาสให้สถาบัน การเงินได้มโี อกาสในการสร้างฐานขอ้ มูลดิจิตอล (Digital footprints) ของ MSMEs จนกลายเปน็ ฐานข้อมูลขนาด ใหญ่ทีม่ ักจะเรียกวา่ Big data ฐานข้อมูลเหลา่ น้จี ะทำใหส้ ถาบันการเงินสามารถเข้าใจพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจ ของ MSMEs ไดม้ ากขึ้น และในทสี่ ดุ จะเพิ่มโอกาสทีส่ ถาบันการเงนิ จะสามารถสนับสนุนสินเชื่อหรือเงนิ ทนุ ใหแ้ ก่ 119

MSMEs จากสาเหตุทสี่ ถาบนั การเงนิ มีความมัน่ ใจในการประเมินความเสี่ยงการผดิ นดั ชำระหนข้ี อง MSMEs ไดด้ ี มากข้นึ นอกจากน้ีการเกิดขึ้นของ Digital banking ยงั ทำให้ Asset-based finance สามารถเกิดข้ึนได้ ซง่ึ ครอบคลุมถงึ Supply chain และ Trade finance ทผ่ี ู้ประกอบการสามารถนำลูกหน้ีการค้า สินคา้ คงคลัง หรือ ใบสง่ั ซ้ือสินค้าของลูกค้ามาใช้เพอื่ เป็นหลักทรพั ยค์ ำ้ ประกนั การขอเงินทุนหมุนเวียนจากสถาบนั การเงนิ ซ่ึงจะเปน็ ส่วนชว่ ยให้ MSMEs ไม่ต้องพึ่งพิงเงินกูท้ ต่ี ้องมีหลักทรัพย์ถาวร (Fixed assets) มาค้ำประกนั เปน็ หลัก แนวทางการแกไ้ ขอน่ื ๆท่สี ามารถช่วยให้ MSMEs เขา้ ถึงเงินทุนไดม้ ากข้ึนคือความสามารถในการแปลง สินทรัพยเ์ ป็นหลกั ทรัพย์ (Securitization) ของเงินกู้ของ MSMEs ซงึ่ จะทำให้สถาบันการเงนิ สามารถบริหารความ เสย่ี งของพอร์ตสนิ เชอื่ ของตนได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพมากข้ึน นอกจากนี้ภาครฐั ยงั สามารถการปรบั ปรงุ กฎหมายเพ่ือรองรับให้ MSMEs สามารถระดมทุนดว้ ยตราสาร ทางการเงนิ แบบพนั ธท์ุ างหรอื ที่เรียกว่า Hybrid financing instruments เชน่ Participating loans, Convertible debts และ profit participation rights เปน็ ตน้ ตราสารทางการเงนิ รปู แบบใหมเ่ หลา่ นี้ มี ความสำคญั เพราะเป็นตราสารทลี่ ดความเสย่ี งและเพ่ิมโอกาสในการไดร้ บั ผลตอบแทนในสถานการณ์ต่างๆให้กับนัก ลงทุน ซ่ึงเปน็ เง่ือนไขทม่ี ีความจำเปน็ เพราะธุรกิจ MSMEs มกั จะมีความเสี่ยงค่อนขา้ งมาก ในอีกมมุ หน่ึงภาครฐั ยงั สามารถออกแบบนโยบายด้าน Credit guarantee schemes หรอื การรบั ประกนั การผิดนัดชำระหน้ีของ MSMEs ได้ เพ่ือสนับสนนุ ใหส้ ถาบันการเงนิ มีแรงจงู ใจในการให้เงินทนุ แก่ MSMEs แตก่ าร ออกแบบ Credit guarantee schemes นต้ี อ้ งออกแบบเง่ือนไขให้เหมาะสมมเิ ชน่ น้นั แล้วอาจเปิดโอกาสให้ สถาบันการเงินเกิดการใหส้ ินเช่อื แก่ MSMEs แบบไม่มีการประเมินความเสย่ี งที่ละเอยี ดถี่ถว้ นมากพอ จนในสุดเกดิ ปัญหาหน้เี สยี ขน้ึ ในระบบเศรษฐกจิ ถงึ แม้การเปล่ียนผา่ นทางดิจิตอลจะสามารถเพ่ิมผลติ ภาพของ MSMEs และสนับสนนุ ให้ MSMES สามารถเข้าถงึ เงนิ ทุนได้ แต่ MSMEs ในภมู ภิ าค ASEAN ยงั คงพบกบั ข้อจำกัดในการแข่งขันในระบบเศรษฐกจิ ดิจติ อลอยู่มาก ข้อมลู จาก Bain and Company (2018) พบวา่ MSMEs ในพืน้ ทชี่ นบทประมาณร้อยละ 65 ไม่ สามารถเข้าถึงอินเตอรเ์ น็ตทมี่ ีคุณภาพได้ ยิ่งไปกวา่ นั้นระบบชำระเงินระหว่างประเทศภายในภูมิภาคยังอยู่ใน กระบวนการของการพัฒนาที่ปรบั ปรุงที่ยังไมส่ ามารถทำให้การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกสเ์ กดิ ข้นึ ไดโ้ ดยงา่ ย ถงึ แมร้ ะบบเศรษฐกจิ ดิจิตอลจะเปดิ โอกาสให้ MSMEs สามารถสง่ ออกผลติ ภัณฑ์ผ่าน Cross-border e- commerce ได้ แต่ร้อยละ 50 ของ MSMEs ในภมู ิภาคยังคงกังวลถึงพิธกี ารทางศุลกากร และโครงสรา้ งพืน้ ฐานใน 120

การขนสง่ ของแตล่ ะประเทศ (Bain and Company, 2018) ซ่งึ อาจเปน็ อุปสรรคทำให้การค้าขายในโลกดจิ ติ อลไม่ มคี วามราบรนื่ ข้อกฎหมายทไี่ ม่ชัดเจนเกี่ยวกับธุรกรรมดจิ ติ อล และข้อมลู ตวั ตนทางดิจติ อล (Digital identity) ใน แต่ละประเทศกถ็ ือเป็นอีกปัจจัยหนง่ึ ที่เปน็ อุปสรรคสำหรบั MSMEs ในการนำเสนอรปู แบบธุรกิจใหม่ๆ สตู่ ลาด จากอปุ สรรคดังกล่าว ผลการสำรวจของ ERIA (2019) แสดงให้เห็นว่ามีเพียงร้อยละ 10 ของ MSMEs ท่ี ใช้เครือ่ งมือดจิ ติ อลที่ซบั ซอ้ นเชน่ Enterprise Resource Planning (ERP), Customer Relationship Management (CRM), Big data analytic และ Automation เป็นตน้ นอกจากนเี้ ม่ือพิจารณาทีก่ ารใช้ ซอฟทแ์ วร์พน้ื ฐานต่างๆ World Bank database and Enterprise surveys ยงั พบว่ามีเพยี งรอ้ ยละ 40 ของ บริษัทขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทใี่ ช้ Email ในการสือ่ สารกับลูกค้าและ Suppliersดังแสดงในรปู ที่ 7.3 รูปที่ 7.3 สดั สว่ นของบริษัททีใ่ ช้ Email ในการตดิ ตอ่ กับลกู ค้าและ Suppliers (ค.ศ. 2015-2016) Source: World Bank (2019) ถึงแม้ MSMEs จะมีความค้นุ ชินกบั การใช้เครือขา่ ยสังคมออนไลน์ (Social network) แต่ผลการสำรวจ ของ ERIA (2019) ก็พบวา่ มเี พียงรอ้ ยละ 34 ของ MSMEs ใน ASEAN ท่ีใช้ชอ่ งทางออนไลน์ดังกล่าวในการค้าขาย (รูปท่ี 7.4) นอกจากน้ีมจี ำนวนบรษิ ทั รอ้ ยละ 25 ของบรษิ ัทขนาดเลก็ (5-19 ลกู จ้าง) ท่ีมกี ารสร้าง Websites ของ ตน และจำนวนรอ้ ยละ 50 ของประชากรทงั้ หมดท่ีใช้ Social media ดังแสดงในรปู ที่ 7.5 121

รปู ท่ี 7.4 สดั สว่ นของบริษัทท่มี ี Website เป็นของตนเอง (ค.ศ. 2015-2016) Source: World Bank (2019) รูปท่ี 7.5 สดั ส่วนของประชากรที่ใช้ Social media ในกลมุ่ ประเทศเอเซยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ (ค.ศ. 2018) % 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 Source: We are Social (2017) ถงึ แม้วา่ MSMEs ใน ASEAN จะล้าหลงั ด้านการใช้เทคโนโลยดี ิจติ อล แตผ่ ลการสำรวจของ EY (2019) แสดงใหเ้ ห็นวา่ ร้อยละ 81 ของ SMEs ใน ASEAN อยากที่จะใช้เทคโนโลยีดิจติ อลมากข้นึ ในการดำเนินธรุ กจิ โดย การลงทนุ ดา้ นเทคโนโลยสี ูงสดุ 3 อันดบั แรกท่ี SMEs ในความสำคัญในอีก 3 ปีข้างหนา้ คอื 1) การลงทนุ ในระบบ 122 Brunei Darussalam Singapore Malaysia Thailand Philippines SEA Viet Nam Indonesia Cambodia Lao P.D.R. Myanmar

ชำระเงิน (รอ้ ยละ 68.2) 2) การลงทุนในฐานข้อมูลขนาดใหญแ่ ละ Machine learning (ร้อยละ 66) และ 3) การ ปรับปรงุ กระบวนการทำงานด้วย Blockchain (รอ้ ยละ 53.3) เมื่อมีการเปลีย่ นผา่ นไปสูร่ ะบบเศรษฐกจิ ดิจติ อล MSMEs มีความจำเป็นอยา่ งมากที่จะต้องปรบั ตัวเพื่อ พลิกผันแนวทางการดำเนินธรุ กจิ ของตนและป้องกันไม่ให้ตนถกู ทงิ้ ไว้ให้ล้าหลัง ซ่ึงในอดีตได้เกดิ ตัวอยา่ งมากมายวา่ บริษทั ยักษ์ใหญข่ องโลกหากปรบั ตัวช้าไมท่ ันต่อการเปล่ียนแปลง ธรุ กจิ กจ็ ะมีขนาดเล็กลงอยา่ งมากได้ เช่นใน ปจั จุบันบรษิ ัทขนาดใหญอ่ ย่าง Dell Computer และ DuPont กไ็ ด้ถูกปลดออกจากการเปน็ สมาชิกดัชนี S&P500 และถูกแทนที่ดว้ ยบรษิ ัทเทคโนโลยหี น้าใหม่อย่าง Facebook และ Garner Inc ในเวลาอนั สั้น งานศกึ ษาโดย Yokoi, Shan, Wade, & Macaulay (2019) ได้วเิ คราะหใ์ ห้ความเหน็ วา่ อุตสาหกรรมทม่ี ี แนวโนม้ ทจี่ ะถูกพลิกผนั อย่างมาก 5 อนั ดับแรกในอีก 5 ปขี ้างหนา้ สูงสดุ ประกอบดว้ ย 1) Media & Entertainment 2) Tech products & Services 3) Telecommunications 4) Retail และ 5) Financial services ดงั แสดงในรูปที่ 7.6 เนอ่ื งจาก MSMEs ส่วนใหญ่อยูใ่ นอุตสาหกรรมคา้ ปลกี (Retail industry) การเปลีย่ นผ่านทางดิจิตอลนีจ้ งึ สรา้ งโอกาสในการเตบิ โตสำหรบั MSMEs ที่สามารถใชเ้ ทคโนโลยใี นการแข่งขนั กับบรษิ ทั ขนาดใหญท่ ี่มีความ เช่ืองชา้ ในการปรับตวั ได้ รูปท่ี 7.6 อุตสาหกรรมท่ีจะพลกิ ผนั สูงในอนาคต Digital vortex 2019 Source: Yokoi, Shan, Wade, & Macaulay (2019) 123

ด้วยเหตนุ ี้ รัฐบาลในหลายประเทศในภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ จึงได้พยายามออกแบบนโยบายท่ี สนับสนุน MSMEs ใหป้ ระสบความสำเร็จในระบบเศรษฐกิจดจิ ิตอล เชน่ ภายใต้ Malaysian SME Master Plan ในปีค.ศ. 2012 มีการออกนโยบายเพอื่ ชว่ ยเหลือเงนิ ทนุ ของ SMEs ในการเขา้ ถึงระบบชำระเงินอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ด้วย การแจกจ่ายอุปกรณ์รบั ชำระเงนิ จำนวน 1.1 ล้านเครอื่ งภายในปีค.ศ. 2020 (OECD, 2019) Department of Trade and Industry ในประเทศฟิลิปปนิ ส์ก็ไดเ้ ผยแพร่ MSME development plan 2011-2016 เพ่ือปรบั ปรุง การเข้าถงึ เงินทุนของ MSME ผา่ นช่องทางการระดมทุนดิจิตอลใหม่ๆ ในประเทศอินโดนเี ซยี Communications and Information Ministry กม็ กี ารวางแผนทีจ่ ะให้ Domain names แบบไมเ่ สยี ค่าใชจ้ ่ายกับ SMEs เพือ่ ชว่ ยให้ SMEs สามารถค้าขายในระบบ E-commerce ได้ (The Jakarta Post, 2016) ในประเทศเวยี ดนามก็มกี ารสนับสนนุ ใหเ้ กิด B2B e-commerce platform เพ่อื ช่วย SMEs ในการค้าขายระหว่างพรมแดน (Hanoi Times, 2017) จะสังเกตเห็นว่านโยบายต่างๆเหล่านม้ี ีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐานด้านดจิ ิตอล ใน หวั ขอ้ ถดั ไปจึงจะเป็นการวิเคราะหเ์ ชงิ ลกึ ถึงสถานการณโ์ ครงสรา้ งพ้ืนฐานด้านดจิ ติ อลในปจั จุบันของ ASEAN และ แนวทางการพฒั นาในอนาคต การพฒั นาโครงสรา้ งพ้นื ฐานทางดจิ ติ อลใน ASEAN จากผลวจิ ัยของ OECD (2019) พบว่าการเข้าถึง Broadband และการเช่ือมต่ออนิ เตอรเ์ นตในชอ่ งทาง ต่างๆจะชว่ ยเพ่ิมผลติ ภาพและความสามารถในการแข่งขันของผปู้ ระกอบการใน ASEAN ได้เพราะข้อมูลที่ได้รบั จากการเชอื่ มตอ่ ดงั กลา่ วจะเป็นเสมอื นสะพานที่เชื่อมระหวา่ งผู้ประกอบการ และการสรา้ งนวตั กรรม การชว้ี ดั ว่าประเทศใดประเทศหน่ึงจะมีความพรอ้ มของโครงสร้างพ้นื ฐานด้านดจิ ติ อลในระดับใดนนั้ สามารถวัดได้จาก 2 มติ ิใหญ่ ได้แก่ 1) การเขา้ ถงึ (Access) และ 2) คุณภาพ (Quality) ถึงแม้อตั ราการเตบิ โตของ ประชากรท่ใี ช้อนิ เตอรเ์ นตจะสงู ข้นึ มากในกล่มุ ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เม่ือเปรียบเทยี บระหวา่ ง ประเทศยังพบความแตกตา่ งกันมาก โดยลาว พมา่ กัมพูชา และอนิ โดนเี ชยี มีการเขา้ ถึงในระดับตำ่ ท่ีร้อยละ 20 ฟลิ ิปปนิ ส์ ไทย และเวยี ดนามอยใู่ นระดับกลางทร่ี ้อยละ 40 และบรูไน สิงคโปร์ และมาเลเซยี อยใู่ นระดบั สูงทีร่ ้อย ละ 80 ดงั แสดงในรูป 7.7 อัตราการเขา้ ถงึ อินเตอร์ทต่ี ่ำในภูมิภาคนีส้ ามารถเกดิ ขน้ึ ไดห้ ลายสาเหตเุ ช่น การมี Bandwidths ท่ไี ม่เพยี งพอ ราคาที่แพง ความเร็วในการส่งข้อมลู ที่ต่ำ และโครงสร้างพ้นื ฐานท่ไี ม่พร้อมทั้งการ เขา้ ถงึ ผ่านสาย และแบบไร้สาย BDRC (2018) 124

รูปท่ี 7.7 สัดส่วนประชากรท่เี ขา้ ใช้อนิ เตอรเ์ นตของประเทศในกลมุ่ ASEAN Brunei Darussalam Cambodia Indonesia Myanmar % Lao P.D.R. Malaysia Thailand 100 Philippines Singapore 80 60 40 20 0 Sources: ITU (2019) The United Nations Broadband Commission for Sustainable Development ไดน้ ิยามระดับ ราคาค่าบริการโทรคมนาคมที่ทำให้ประชากรสว่ นใหญเ่ ข้าถึงได้ (Affordability) ว่าควรอยใู่ นระดบั ประมาณร้อย ละ 5 ของมูลค่ารายไดร้ วมประชาชาติ (Broadband Commission for Sustainable Development, 2017) ซง่ึ จากการเก็บข้อมลู โดย The International Telecommunications Union (ITU) แสดงให้เหน็ วา่ ราคาของ Fixed broadband ในภูมภิ าคเอเซียตะวนั ออกเฉยี งใต้มอี ยู่ 5 ประเทศไดแ้ ก่ อินโดนีเซยี พม่า ฟิลิปปินส์ ลาว และ กบั พูชา ท่ีอย่ใู นระดับสูงกวา่ Affordability level ระดับราคาท่ีแพงนีน้ ำไปสู่จำนวนผู้ที่สมัครเขา้ ใช้ Fixed broadband ที่ประมาณร้อยละ 5 ของประชากรท้งั หมดเทา่ นัน้ ซึง่ น้อยกวา่ ค่าเฉลยี่ ของกล่มุ ประเทศ OECD ท่ี รอ้ ยละ 30 (OECD, 2019) 125

รูปท่ี 7.8 ระดับราคาคา่ บรกิ ารรายเดอื นของ Fixed broadband ของประเทศในกลุ่ม ASEAN (ค.ศ. 2017) USD PPP USD PPP % of GNI per capita (RHS.) % 70 16 60 14 50 12 40 10 30 8 20 6 10 4 2 0 0 Source: ITU (2019) ถงึ แม้อัตราการเขา้ ถึง Mobile broadband จะสูงท่รี ะดับร้อยละ 80 ของประชากรท้ังหมดใน ASEAN แตไ่ ม่ได้หมายความว่าการเข้าถึง Mobile broadband จะสามารถแก้ไขปัญหาอัตราการเขา้ ถงึ อินเตอร์เนตท่ีต่ำ ของภมู ิภาคได้ เพราะการเข้าถึงอนิ เตอร์เนตท่ีพึ่งพงิ เฉพาะ Mobile broadband เพยี งอยา่ งเดยี วจะนำไปสู่ สถานการณ์ท่ีคา่ เฉล่ียความเร็วของการเช่ือมต่อข้อมูลของประเทศอยใู่ นระดบั ตำ่ เน่ืองจากการมี bandwidth ท่ีไม่ เพียงพอสำหรับรองรับการใช้งานของประชากร โดยเครือข่ายการเชือ่ มต่อแบบมสี าย (Fixed) และไรส้ าย (Mobile) น้ันไมใ่ ชส้ นิ คา้ ที่ทดแทนกันได้ แต่เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ที่สง่ เสรมิ ซึง่ กันและกนั เพราะ Wifi เทคโนโลยจี ะชว่ ยดึง ความหนาแน่นออกจาก Mobile traffic สำหรับดชั นีชีว้ ัดมติ ิคุณภาพท่ีสำคญั ของโครงสร้างพน้ื ฐานด้านดจิ ติ อล คือความเร็วของการเชื่อมต่อ อนิ เตอรเ์ นต วา่ จะอยู่ในระดับใด ซึง่ ข้อมลู จาก M-lab data พบว่าความเร็วโดยเฉลี่ยของประเทศตา่ งๆในภมู ภิ าค เอเซียตะวนั ออกเฉียงใต้อย่ทู ่ีประมาณ 10 Mbps ดังแสดงในรูปท่ี 7.9 ซ่งึ เป็นระดบั ท่เี พียงคร่งึ หนง่ึ ของความเร็ว อนิ เตอรเ์ นตในกลมุ่ ประเทศ OECD นอกจากน้ปี ระเทศสว่ นใหญ่ในเอเซียตะวันออกเฉยี งใตย้ ังมีความเร็ว อินเตอรเ์ น็ตอยู่ท่ีเพียง 6-7 Mbps เทา่ นัน้ 126


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook