Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20200928-Disruptive technology

20200928-Disruptive technology

Published by pawnin.chaiyabat, 2020-09-27 23:12:23

Description: 20200928-Disruptive technology

Keywords: Disruptive technology,เทคโนโลยีพลิกผัน,ธนาคารกลาง

Search

Read the Text Version

25. ในอกี 5 ปีข้างหนา้ ทา่ นคิดวา่ บรกิ ารทางการเงนิ ในแตล่ ะด้านมคี วามสำคญั ในระดบั ใด (1 หมายถึงมีความสำคญั น้อยมาก และ 5 หมายถึงมคี วามสำคัญมาก) 12345 - บรกิ ารผ่าน Mobile banking ท่ีรอบดา้ น  - บริการผา่ น Online banking (Computer) ทร่ี อบดา้ น  - ได้รับการแจ้งเตอื น Notification เกยี่ วกบั ธุรกรรมตา่ งๆทาง  smartphone - ได้รับ email แจง้ เตือนในการชำระเงนิ หรือเรื่องการเงินต่างๆ  - ความสามารถในการเปิดบญั ชผี ่าน mobile banking  - ความสามารถในการเปิดบญั ชีผ่าน online banking (Computer)  - ความสามารถในการติดต่อพนกั งานธนาคารผ่าน Chat bot  - ความสามารถในการตดิ ตอ่ พนกั งานธนาคารผ่าน video call  - การทีร่ ายละเอยี ดผลติ ภัณฑแ์ ละบรกิ ารต่างๆของธนาคารเปดิ เผย  อย่างละเอียดบน Website และชอ่ งทาง online - พูดคยุ กบั พนักงานธนาคารแบบ Face-to-face  - สาขาธนาคารอยูใ่ นพ้นื ทเี่ ข้าถงึ สะดวก รวดเร็ว  - ความสามารถท่จี ะฝากเช็คผ่าน smartphone  - จำนวนตู้ ATM หลายพน้ื ท่ี เขา้ ถึงสะดวก  - ธนาคารจะตอ้ งมเี คร่อื ง automatic ทท่ี ำได้หลายอยา่ งเช่นฝากเงนิ  และupdate สมุดบญั ชี เปน็ ต้น - ธนาคารต้องมีพันธมติ รรา้ นค้าทห่ี ลากหลายเพอ่ื เชอื่ มโยง  Promotions และบรกิ ารตา่ งๆ - ธนาคารวเิ คราะห์ข้อมลู การใชง้ านของลูกคา้ จนสามารถนำเสนอ  บรกิ ารท่ีตอบโจทยค์ วามต้องการ - ธนาคารเช่อื มโยงบริการทงั้ off-line, online, mobile, chat และ  call เข้าถงึ กนั - ธนาคารเชือ่ มโยงกับ Platform ต่างๆทีล่ ูกคา้ ใชบ้ รกิ ารประจำ เชน่  Line, Facebook, Instagram เปน็ ตน้ 276

ผลการวเิ คราะห์ความคิดเห็นของสถาบันการเงนิ ความคิดเห็นของสถาบนั การเงินต่อแนวโนม้ การแข่งขันของอตุ สาหกรรมการใหบ้ ริการทางการเงินใน อนาคตจะพบว่า สถาบนั การเงินส่วนใหญ่ไมไ่ ดม้ คี วามกังวลมากนกั จากการแขง่ ขนั โดย Fintechs หรือ Tech Startups ท่ีจะเข้ามาแขง่ ขันจนสร้างความพลิกผันในอุตสากรรมการเงินอย่างมนี ยั สำคัญ แตก่ ารเกิดขึน้ ของผู้ ใหบ้ ริการทางการเงินรายใหม่จะกระตนุ้ ให้สถาบันการเงนิ แบบดั้งเดมิ นำเสนอผลิตภณั ฑ์และบรกิ ารทตี่ อบโจทย์ ความต้องการของผูบ้ ริโภคมากข้นึ ดังแสดงในรปู ท่ี 12.2 โดยการนำเสนอผลิตภณั ฑ์และบรกิ ารตา่ งๆ นนั้ สถาบัน การเงินจะให้ความสำคัญกบั การปรบั ปรงุ ผลิตภณั ฑ์และบริการทางการเงินให้มคี วามงา่ ยความสะดวกสำหรับ ผูบ้ รโิ ภคมากท่ีสุด (Simplification) มากกวา่ การแข่งขันดา้ นราคาหรือปรบั ปรงุ ช่องทางการขายผลติ ภัณฑ์ รูปที่ 12.2 ความเสีย่ งของ Non-traditional players เช่น Fintechs, Startups ต่อการดำเนินธุรกิจ 17% 16% 67% เป็นโอกาสขององค์กรในการนาํ เสนอผลติ ภัณฑ์และบรกิ ารใหม่ๆเพ่อื แขง่ ขันกับ Non-traditional players เป็นความเส่ยี งเฉพาะกรณกี ารนาํ เทคโนโลยลี ํ้าสมยั ทส่ี ามารถปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมของผ้บู รโิ ภคเท่านนั้ เปน็ ความเสี่ยงอยา่ งมีนยั สาํ คัญ (Significant threat) โดยกระบวนการ Simplification นน้ั สถาบนั การเงนิ ตา่ งๆคาดหวงั วา่ จะสามารถนำมาชว่ ยให้องค์กร ตอบสนองความต้องการของผู้บรโิ ภคไดม้ ากทส่ี ุด และนำมาสู่การขยายฐานลูกค้าใหม่ในท่ีสดุ สถาบันการเงินไม่ได้ คาดหวงั ว่ากระบวนการ Simplification จะเพิ่มอัตราส่วนการทำกำไร ลดต้นทุน หรือลดระยะเวลาการนำเสนอ ผลติ ภณั ฑต์ ่อผ้บู รโิ ภคมากนัก ดังแสดงในตารางท่ี 12.2 277

ตารางที่ 12.2 ความคาดหวงั ต่อกระบวน Simplification ผลิตภณั ฑ์และบริการต่างๆ อันดับ ตอบสนองความ มีอัตราการทำ ลดต้นทุนการ ขยายฐานลกู ค้า ลดระยะเวลาใน ความสำคญั ต้องการของ กำไรที่สงู ขนึ้ ดำเนนิ งาน ใหมไ่ ด้อยา่ งมี การนำเสนอ ผู้บรโิ ภคมากขึ้น ประสิทธภิ าพ ผลติ ภณั ฑแ์ ละ บรกิ ารใหมส่ ู่ตลาด อันตบั ท่ี 1 8 1 1 3 4 4 4 อนั ดับที่ 2 3 1 2 6 4 8 2 2 อนั ตับที่ 3 4 2 3 3 6 2 อนั ดับท่ี 4 0 4 อันตบั ท่ี 5 3 10 หมายเหตุ จำนวนสถาบนั การเงินทีใ่ ห้ความสำคัญแตล่ ะประเดน็ ในอันดับตา่ งๆ เมอ่ื พจิ ารณาถงึ การเปล่ียนแปลงด้านดิจติ อลทีน่ ำไปสูธ่ ุรกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกอยา่ งแพรห่ ลาย จะพบว่า สถาบันการเงนิ สว่ นใหญ่ยังไม่มีความพร้อมในเร่ืองการพัฒนาองค์ความร้ใู นการวเิ คราะห์ฐานขอ้ มูลมหาศาล (Big data) ทคี่ าดว่าจะเกิดขนึ้ ในอนาคต และ ด้วยความท่สี ถาบันการเงินต่างๆยังไม่มีความพรอ้ มทั้งบุคลากรและการ ลงทุนในการแขง่ ขันในโลกยคุ ดจิ ิตอล จึงทำให้สถาบันการเงินคาดหวังท่จี ะสร้างความสัมพนั ธ์กบั Fintech และ Startups ต่างๆเพือ่ รว่ มมือกันสร้าง Ecosystem ของระบบการเงนิ ทีต่ อบโจทย์ความต้องการของลูกค้า การสร้าง ความสมั พนั ธ์เหลา่ นสี้ ถาบันการเงินให้ความสำคัญกับ Cyber Security สูงมากเพราะเป็นปัจจัยที่กำหนดชือ่ เสยี ง และความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน ดังข้อมลู แสดงในรปู ท่ี 12.3 รปู ท่ี 12.3 ระดับความสำคญั ของประเดน็ ต่างๆ ในอนาคต (1 หมายถงึ ตำ่ มาก และ 5 หมายถึงสูงมาก) Importange of cyber security Importance of Ecosystem partner Outreach of products and services Degree of technology disruption Customer data growth potential Data analytics capability 1.00 1.50 2.00 2.50 3.00 3.50 4.00 4.50 5.00 ในดา้ นของกลยุทธ์การแขง่ ขนั ทส่ี ถาบนั การเงินสว่ นใหญ่มีความเหน็ วา่ เหมาะสมท่ีสุดสำหรับการแข่งขนั ใน ยุคดิจติ อลคือการนำเสนอผลิตภัณฑแ์ ละบริการท่ีให้ลกู คา้ เปน็ จดุ ศูนยก์ ลางทแี่ ท้จรงิ (Customer-centric 278

business model) ดังแสดงในตารางที่ 12.3 โดยกลยุทธ์ท่ีสถาบนั การเงนิ สว่ นใหญ่ให้ความสำคัญน้อยท่ีสุดคือการ ปรับปรงุ ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า (Optimized distribution) และการบริหารจดั การความเสยี่ งอย่างเชิงรุก (Proactively managing risks and regulation) ซึง่ สะท้อนใหเ้ ห็นวา่ สถาบนั การเงินในประเทศไทยยังคงมีความ ม่ันใจในช่องทางการขายผลิตภณั ฑ์และบริการผ่านสาขาธนาคาร หรือผ่านตัวแทนขายเช่นเดิม ตารางที่ 12.3 กลยทุ ธก์ ารแข่งขันท่ีสถาบันการเงนิ ให้ความสำคญั ในอกี 5 ปขี ้างหนา้ อนั ดับ Customer- Optimized Simplification Information Enabling Managing ความสำคญั centric distribution of products advantage innovation risks and model and services regulation 2 3 อนั ดับท่ี 1 10 0 2 4 2 1 2 4 1 อนั ดับท่ี 2 3 3 5 4 6 5 5 2 2 อันดับท่ี 3 2 3 1 1 1 0 9 อนั ดบั ที่ 4 1 2 4 อนั ดับท่ี 5 1 9 1 อนั ดบั ที่ 6 1 1 5 หมายเหตุ จำนวนสถาบนั การเงนิ ทีใ่ หค้ วามสำคญั แต่ละประเดน็ ในอันดับตา่ งๆ เมอื่ พิจารณาถงึ ประเภทของบรกิ ารทางการเงนิ ท่สี ถาบนั การเงนิ มีความคิดเหน็ ว่าควรมีการปรับปรงุ ใน อนาคตสำหรับแต่ละดา้ นพบผลลพั ธ์วา่ ระบบชำระเงนิ มีความจำเปน็ ทจี่ ะต้องปรับปรุงให้มคี วามง่ายและสะดวก มากย่ิงข้ึนกว่าในปจั จุบนั และระบบชำระเงนิ ยังสามารถทจ่ี ะลดตน้ ทนุ ได้อีก ในขณะทีผ่ ลติ ภัณฑป์ ระกนั สามารถมี กระบวนการในการใหบ้ ริการที่รวดเรว็ มากยงิ่ ข้ึนไดใ้ นอนาคต บริการด้านการธนาคารเช่นฝากเงินและกเู้ งนิ ควรจะ มกี ารปรบั ปรงุ ให้สามารถเขา้ ถงึ ไดต้ ลอดเวลา และผลิตภณั ฑด์ ้านการบรหิ ารเงินลงทนุ ของลูกค้าจะตอ้ งมีบรกิ ารที่ ถูกใจลกู คา้ มากยง่ิ ขึ้น สาเหตุที่ระบบการชำระเงนิ จะต้องมกี ารปรับปรุงในหลายมิติเพราะสถาบันการเงินในกลุ่มตัวอย่าง ต่างมี ความเห็นวา่ ระบบการชำระเงินคือบรกิ ารท่ีมีความเสี่ยงสูงที่สุดที่จะถูก Disruption สว่ นผลติ ภัณฑ์ดา้ นประกันมี ความเสีย่ งนอ้ ยทีส่ ดุ ดงั แสดงในรปู ท่ี 12.4 279

รปู ที่ 12.4 โอกาสทผี่ ลติ ภณั ฑ์และบรกิ ารทางการเงินในแตล่ ะด้านจะถูก Disrupt (1 ต่ำ และ 5 สงู ) Payments and fund transfer Personal finance Wealth management Personal loans Deposits/Savings accounts Insurance 1.00 1.50 2.00 2.50 3.00 3.50 4.00 4.50 5.00 สำหรับความคิดเหน็ ต่อลกั ษณะการนำเสนอผลติ ภณั ฑ์และบริการสู่ผบู้ ริโภค จะพบวา่ สถาบันการเงนิ ให้ ความสำคัญ 3 อันดบั แรกได้แก่ 1) ความสามารถดา้ น Big data analytic ในการทำความเข้าใจลกู ค้า 2) การ นำเสนอผลิตภณั ฑ์แบบจำเพาะเจาะจงกับลูกคา้ และ 3) การให้ความสำคญั กบั Cyber security และการบริหาร ความเสีย่ งองค์กร ดังแสดงตารางที่ 12.4 ตารางท่ี 12.4 ลักษณะการนำเสนอผลิตภณั ฑ์และบริการสผู่ ูบ้ ริโภค (1 คือสำคญั นอ้ ยสดุ 5 คือสำคญั มากสดุ ) ลกั ษณะการนำเสนอผลิตภัณฑ์ คะแนนเฉล่ยี วเิ คราะห์ฐานขอ้ มูลเพอ่ื ใหค้ ำแนะนำจำเพาะเจาะจงแก่ลูกคา้ รายบุคคล 4.72 การนำเสนอบรกิ ารและผลติ ภณั ฑจ์ ำเพาะเจาะจงกับลูกคา้ (Customization) 4.61 การมงุ่ เป้าเรอื่ งความปลอดภยั ทาง Cyber 4.56 วิเคราะหฐ์ านข้อมูลเพอื่ ลดความเสยี่ งขององค์กร และเพมิ่ ความสามารถในการตดั สนิ ใจ 4.56 นำ Digital solutions เพ่อื ให้บริการแกก่ ลมุ่ ลกู คา้ กลุม่ ใหม่ (Unserved/underserved customers) 4.22 การพัฒนาช่องทางชำระเงนิ แบบใหม่ New payment options 3.94 การเปิดบญั ชเี งินฝาก และบญั ชเี งนิ กอู้ ย่างอัตโนมตั ิ 3.83 การมโี ปรแกรมบริหารเงินใหแ้ ก่ลกู ค้า 3.78 การเปลยี่ นแปลงจาก Human relationship เป็น Digital experience 3.56 จากการแขง่ ขันท่ีเปลี่ยนแปลงไปในยคุ ดจิ ติ อลทำใหอ้ งค์กรต่างๆพยายามหาแนวทางเพื่อปรบั กลยุทธด์ า้ น การลงทนุ ทางเทคโนโลยเี พ่ือให้สอดรับกับการเปลีย่ นแปลงดงั กลา่ ว แตเ่ ม่ือประเมินวา่ องค์กรเป็นผนู้ ำด้าน นวัตกรรมหรือไม่ พบวา่ มสี ถาบันการเงินเพยี ง 11 แหง่ เท่านั้น (ร้อยละ 61.1 ของกลมุ่ ตัวอย่าง) ท่เี ช่อื มน่ั ว่าองค์กร 280

ของตนเปน็ ผูน้ ำด้านนวตั กรรมซึ่งสอดคลอ้ งกบั คะแนนการประเมนิ องค์กรวา่ “องค์กรจะมคี วามพร้อมในระดบั ใด สำหรับการริเริม่ และลงทุนในเทคโนโลยีแหง่ อนาคตเพ่ือให้องคก์ รสามารถแข่งขนั ไดใ้ นระบบเศรษฐกจิ ดจิ ติ อล” ซง่ึ พบคะแนนเฉลยี่ เพียง 3.22 จากคะแนนสูงสดุ ท่ีระดบั 5 ถงึ แมจ้ ะมีสดั สว่ นของสถาบันการเงนิ ทเ่ี ช่ือวา่ ตนเองเป็นผ้นู ำด้านนวตั กรรม แตใ่ นกลุ่มตัวอยา่ งสว่ นใหญ่ (15 แหง่ หรือร้อยละ 83.3 ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง) มีแผนการลงทุนเพื่อสร้างนวตั กรรมในอนาคต และมีอตั ราเร่งในการ นำเสนอนวัตกรรมสกู่ ารปรับปรุงผลิตภณั ฑแ์ ละบริการ แตเ่ ม่ือวเิ คราะห์ถึงการลงทุนด้านนวตั กรรมในปัจจบุ ันของสถาบนั การเงนิ จะพบว่า นวัตกรรมทีเ่ กย่ี วข้อง กับ Data analytic และนวตั กรรมทีส่ ่งเสริมให้องคก์ รมีการสร้างนวตั กรรมอย่างตอ่ เน่ือง น้ันมีจำนวนองค์กรที่ยัง ไมไ่ ดล้ งทุนสงู ทสี่ ดุ โดยการลงทนุ นวัตกรรมที่ผู้บรหิ ารประเมนิ แล้วสำเร็จมรี ูปธรรมมากที่สดุ คอื การลงทนุ ใน เทคโนโลยีทีท่ ำใหก้ ารดำเนนิ กจิ กรรมของสถาบนั การเงินเป็นไปตามกฎเกณฑ์การกำกับดแู ลท่ีเขม้ งวดจากทางการ (Regulatory compliance) รองลงมาคอื การบริหารความเส่ียงองค์กร (Risk management) ดงั ผลคะแนนใน ตารางท่ี 12.5 ตารางที่ 12.5 การลงทนุ นวตั กรรมในปจั จุบนั ของสถาบันการเงินในไทย ลกั ษณะของโครงการลงทุน ร้อยละของสถาบนั ประเมนิ ระดับความสำเรจ็ การเงนิ ทม่ี กี ารลงทนุ (1 นอ้ ย 5 มาก) Customer-centric business model Optimized distribution รอ้ ยละ 89 3.44 Simplification of products and services รอ้ ยละ 89 3.19 Information advantage ร้อยละ 89 3.44 Enabling innovation ร้อยละ 78 3.00 Regulatory compliance ร้อยละ 78 3.14 Proactively managing risks and regulation รอ้ ยละ 94 4.00 ร้อยละ 94 3.53 ในขณะที่ผลสำเรจ็ จากการลงทุนในเทคโนโลยีเพ่ือ Customer-centric และ Simplification of products and services นนั้ ยังไม่ไดผ้ ลสำเร็จทเ่ี ป็นรปู ธรรมเทา่ ที่ควร ถึงแมผ้ บู้ รหิ ารสว่ นใหญ่จะให้ความสำคญั กบั ปจั จัยทั้ง 2 ในการเป็นปจั จยั ท่กี ำหนดความสำเร็จขององค์กรในอนาคต นอกจากน้ีจากการสำรวจพบว่า ผบู้ ริหารคาดหวงั ผลตอบแทน (Return on investment) จากการลงทุนดา้ นนวัตกรรมเฉลยี่ ประมาณร้อยละ 20 ต่อปี 281

เมือ่ วิเคราะหอ์ ุปสรรคตอ่ การลงทุนดา้ นนวตั กรรมขององค์กรจะพบวา่ อุปสรรคสงู สดุ 3 อันดบั แรก ได้แก่ 1) ขาดทรัพยากรบคุ คลทมี่ ีทักษะสำหรับการสร้างนวัตกรรม 2) ความซบั ซ้อนดา้ นกฎหมาย และ 3) ขาดการหา กลยทุ ธท์ างธุรกิจเพื่อรองรบั การคิดนวตั กรรม ดงั แสดงในรูปที่ 12.5 โดยอุปสรรคด้านการพัฒนานวัตกรรมเหลา่ นี้ ส่งผลต่อความล่าชา้ ในการนำเสนอผลติ ภณั ฑ์และบริการทเ่ี กย่ี วกบั เทคโนโลยดี า้ นการพิสูจน์ตวั ตน และเทคโนโลยี ด้าน Digital currency มากที่สุด รูปที่ 12.5 อุปสรรคของการลงทนุ ดา้ นนวตั กรรมของสถาบันการเงนิ ขาดทรพั ยากรบุคคลทม่ี ีทักษะสําหรับการสร้างนวตั กรรม ความซบั ซอ้ นดา้ นกฎหมาย ขาดการหากลยทุ ธ์ทางธรุ กจิ เพ่อื รองรับการคิดนวตั กรรม ความผันผวนของผลประกอบการช่วงลงทนุ สรา้ งนวตั กรรม ขาดเงนิ ทุน ความขดั แยง้ ภายในองคก์ รท่เี กดิ จากการเปลย่ี นผา่ นทางเทคโนโลยี ขาดการกาํ หนดผู้ทมี่ หี นา้ ทีร่ ับผิดชอบ ขาดวนิ ยั และความกล้า ขาดการกระต้นุ สนบั สนนุ จากผู้บรหิ ารระดับบน 1.00 1.50 2.00 2.50 3.00 3.50 4.00 4.50 5.00 การตัดสนิ ใจรว่ มมือทางการค้ากับ Fintech หรอื สถาบนั การเงนิ อื่นถือเป็นกลไกหนง่ึ ทสี่ ถาบนั การเงนิ หลายแหง่ ใช้เพ่อื ลดปัญหาท่เี กิดจากการขาดทรัพยากรบุคคลท่มี ที ักษะเหมาะสมกับการสรา้ งนวตั กรรม ซงึ่ จากการ สำรวจ (ดังแสดงในตารางที่ 12.6) จะพบว่าปัญหาอนั ดบั ตน้ ๆของการร่วมมือทางการค้ากับ Fintech ก็ยังคงเปน็ ปัญหาทเี่ ก่ียวข้องกบั ด้านทักษะความรู้ท่ีทรพั ยากรบุคคลของสถาบันการเงนิ ไม่สามารถทำความเขา้ ใจสื่อสารกับ Fintech ท่รี ่วมมอื กนั ทางเทคนคิ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนมติ ิท่ปี ระสบปัญหานอ้ ยที่สดุ คือความแตกต่างทางกล- ยทุ ธ์ทางธุรกิจที่ Fintech มักจะมกี ารปรบั กลยุทธ์ให้คล้อยตามสถาบนั การเงิน 282

ตารางที่ 12.6 ปัญหาด้านความรว่ มมือกับ Fintech และสถาบันการเงนิ อื่น ลกั ษณะของปญั หา ร้อยละของสถาบันการเงินที่ ร้อยละของสถาบันการเงนิ ที่ ประสบปัญหากบั Fintechs ประสบปัญหากับสถาบันการเงนิ อื่น IT security Regulatory uncertainty 46.15 26.67 ความแตกต่างทางวฒั นธรรมองค์กร 53.85 46.67 ความแตกตา่ งทางกลยุทธธ์ ุรกิจ 53.85 53.33 IT compatibility 30.77 46.67 ความแตกต่างดา้ นกระบวนการทำงานภายใน 38.46 40.00 ความแตกต่างดา้ นทกั ษะความรู้ 30.77 40.00 ขาดเงนิ ทุน 61.54 33.33 38.46 13.33 แต่หากเปน็ การสรา้ งความร่วมมอื กับสถาบนั การเงินอ่นื จะพบว่าปญั หาท่ีพบมากทีส่ ุดคือ ความแตกต่าง ด้านวฒั นธรรมองคก์ รทแ่ี ตล่ ะองค์กรมคี า่ นยิ มและวัฒนธรรมท่แี ตกตา่ งกันทำให้อาจพบกับความยากลำบากในการ ปรับมุมมองเขา้ หากันบา้ ง รองลงมาคือเรอ่ื งความไม่แน่นอนดา้ นกฎเกณฑก์ ำกบั ดูแล และความแตกตา่ งทางกล- ยทุ ธธ์ ุรกจิ ในมิตขิ องประเภทเทคโนโลยที ่ผี ้บู รหิ ารสถาบนั การเงนิ ต่างๆมคี วามเหน็ วา่ จะมผี ลกระทบอยา่ งมีนัยสำคญั ต่อการดำเนินธุรกจิ ขององค์กรอันดับท่ี 1 คือ เทคโนโลยดี ้าน Artificial intelligence ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ ไดต้ ั้งแต่การเป็น Big data analytic ไปจนถึงการปรบั ปรุงประสบการณ์ของผู้บรโิ ภคตอ่ ผลติ ภณั ฑแ์ ละบริการท่ี ตอบโจทย์และงา่ ยต่อผูบ้ รโิ ภคมากข้ึน สว่ นอนั ดับ 2 คือเทคโนโลยีดา้ น Distributed ledger technology ทใ่ี น ปัจจบุ นั ได้มีการทดลองนำมาประยุกตใ์ ช้กบั ระบบชำระเงินและระบบการชำระราคาหลกั ทรัพย์ต่างๆ เปน็ ตน้ แต่เมอื่ พิจารณาทเี่ ทคโนโลยที ี่สถาบนั การเงนิ ต่างๆได้มกี ารลงทุนแล้ว จะพบว่าเทคโนโลยีที่ในปัจจบุ ัน สถาบนั การเงนิ ในประเทศไทยมกี ารลงทุนแลว้ มากท่ีสุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1) Cyber security 2) Data analytics และ 3) Cloud infrastructure ซ่ึงเปน็ ผลลัพธท์ ยี่ นื ยันถงึ การให้ความสำคญั กับ Regulatory compliance และ Customer-centric ท่ีองคก์ รต่างๆให้ความสำคญั อยา่ งมากในปจั จุบนั และเทคโนโลยที ้ัง 3 ด้านนก้ี ็ยงั คงเป็นเทคโนโลยีท่สี ถาบันการเงินต่างๆให้ความสำคัญในอีก 5 ปีขา้ งหน้า ดังแสดงในตารางท่ี 12.7 283

ตารางที่ 12.7 การลงทุนในเทคโนโลยีของสถาบนั การเงิน ประเภทของเทคโนโลยี รอ้ ยละของสถาบนั การเงินที่ รอ้ ยละของสถาบันการเงินท่ี ลงทุนในปัจจบุ นั วางแผนลงทุนในอีก 5 ปขี า้ งหน้า Distributed ledger technology (Blockchain) Artificial intelligence 16.67 66.67 Extended reality 33.33 60.00 Quantum 11.11 20.00 Data analytics 0.00 26.67 Cyber security 72.22 93.33 Robotic process automation 88.89 100.00 Biometrics and identity management 44.44 66.67 Public cloud infrastructure 33.33 66.67 66.67 80.00 ในส่วนสดุ ท้ายทม่ี ีการสอบถามถึงภาพลักษณ์ขององคก์ ร และบรกิ ารทางการเงินทอี่ งค์กรคิดวา่ ผูบ้ รโิ ภคจะ มคี วามต้องการสงู ทส่ี ดุ ในอกี 5 ปขี ้างหน้านน้ั จะพบวา่ สถาบนั การเงนิ ตา่ งๆตอ้ งการให้องค์กรของตนเองมี ภาพลกั ษณ์โดดเดน่ ในด้าน 1) การมนี วัตกรรมและเทคโนโลยี 2) มคี วามนา่ เชื่อถือ และ 3) มีความเช่ยี วชาญอย่าง มากในบางผลิตภัณฑ์หรอื บริการ ซ่ึงผลลัพธน์ สี้ อดคลอ้ งกับความต้องการในมุมของผู้บริโภคเพยี ง 2 ปจั จยั เทา่ นน้ั โดยผู้บรโิ ภคไมไ่ ดใ้ ห้ความสำคัญกบั เรอ่ื งความเชย่ี วชาญเฉพาะทางเลย แต่กลับต้องการให้สถาบนั การเงินมีจดุ เด่น ดา้ นคา่ ธรรมเนียมที่ตำ่ หรอื มกี ระบวนการทำงานทมี่ ีประสิทธภิ าพมากกว่า ดังแสดงในตารางท่ี 12.8 ตารางที่ 12.8 สรปุ ภาพลักษณข์ ององคก์ รท่ีสำคญั 3 อันดบั แรกในอกี 5 ปีข้างหนา้ อันดับ องค์กรเอง Gen Z ประเมนิ โดย Gen X Baby boomers ความสำคัญ การมีนวตั กรรม การมีนวัตกรรม Millennial การมนี วัตกรรม ค่าธรรมเนยี มตำ่ และเทคโนโลยี และเทคโนโลยี การมนี วัตกรรม และเทคโนโลยี มคี วามนา่ เชอื่ ถอื อ อันดับที่ 1 มีความนา่ เช่อื ถือ ค่าธรรมเนยี มต่ำ และเทคโนโลยี มคี วามนา่ เชอ่ื ถือ อตั ราดอกเบย้ี ต่ำ มคี วามเชี่ยวชาญ มีความนา่ เช่ือถอื อนั ดบั ที่ 2 มีความน่าเช่ือถอื คา่ ธรรมเนียมตำ่ เฉพาะทาง คา่ ธรรมเนียมต่ำ อนั ดบั ท่ี 3 284

นอกจากนี้ในมติ ิของบริการทางการเงินที่สถาบันการเงินคดิ ว่าผบู้ รโิ ภคจะต้องการมากที่สดุ 3 อนั ดบั แรก ในอกี 5 ปีข้างหน้าคือ 1) บรกิ ารผ่าน Mobile banking ที่รอบด้าน 2) ความสามารถในการเปิดบัญชผี า่ น mobile banking 3) ธนาคารเชือ่ มโยงบรกิ ารทงั้ off-line, online, mobile, chat และ call เขา้ ถึงกัน ซ่งึ ความคดิ เห็นท้ัง 3 ดา้ นนี้ ตรงกับความตอ้ งการของผบู้ ริโภคเพียงด้านเดยี วเทา่ นั้น คือการให้บริการท่ีรอบด้านผา่ น Mobile banking ดงั แสดงในตารางท่ี 12.9 ตารางท่ี 12.9 สรปุ อันดบั ของบรกิ ารทางการเงนิ ท่ผี ูบ้ ริโภคต้องการมากทส่ี ดุ 3 อันดบั แรก ในอกี 5 ปีข้างหน้า อันดับ องค์กรเอง Gen Z ประเมนิ โดย Gen X Baby boomers ความสำคญั Millennial บริการผ่าน Mobile จำนวนตู้ ATM หลาย เคร่อื ง automatic ท่ี สาขาธนาคารอยูใ่ น อนั ดบั ท่ี 1 banking ท่รี อบด้าน พืน้ ที่ เขา้ ถงึ สะดวก บริการผ่าน Mobile ทำไดห้ ลาย พ้นื ที่เขา้ ถงึ สะดวก ความสามารถในการ สาขาธนาคารอยู่ใน banking ทีร่ อบด้าน การแจง้ เตือน บริการผา่ น Online อนั ดบั ที่ 2 เปดิ บญั ชีผา่ น mobile พนื้ ทเี่ ขา้ ถงึ สะดวก เคร่อื ง automatic ท่ี Notification แบบ banking อันดบั ที่ 3 banking รวดเร็ว ทำไดห้ ลายอย่าง จำเพาะบคุ คล (Computer) เชอื่ มโยงบริการทง้ั off-line, online, เครือ่ ง automatic ท่ี การแจ้งเตือน บริการผ่าน Mobile เคร่อื ง automatic ที่ ทำได้หลายอย่าง Notification แบบ banking ทรี่ อบด้าน ทำไดห้ ลายอย่าง และ Call จำเพาะบคุ คล ผูบ้ รโิ ภคในแตล่ ะกลุ่มเจเนเรชั่นตอ้ งการให้สถาบันการเงินให้ความสำคญั กับการมีเคร่อื ง Automatic machine ทที่ ำงานไดอ้ ยา่ งครบถว้ นสมบรู ณ์ และต้องการใหธ้ นาคารมรี ะบบ Notification ที่จำเพาะเจาะจงตอ่ ความต้องการของแต่ละบุคคลมากกว่า ในส่วนของบรกิ ารด้านการเงินทสี่ ถาบันการเงินคิดวา่ ผู้บรโิ ภคจะต้องการน้อยท่สี ุดในอีก 5 ปีขา้ งหน้า จะ พบวา่ 3 อันดับแรกไดแ้ ก่ 1) สาขาธนาคารอยู่ในพืน้ ทีเ่ ขา้ ถึงสะดวก รวดเร็ว 2) จำนวนตู้ ATM หลายพืน้ ท่ี เขา้ ถงึ สะดวก และ 3) ไดร้ ับ email แจ้งเตอื นในการชำระเงนิ หรอื เรือ่ งการเงนิ ตา่ งๆ ซ่ึงไม่ได้สอดคล้องกบั ส่งิ ท่ีผบู้ รโิ ภค ตอ้ งการน้อยทสี่ ุดเลย 3 อนั ดับแรก ซง่ึ สว่ นใหญม่ ักจะตอบว่าไม่ได้ใหค้ วามสำคัญกบั Video call การปฏสิ มั พันธ์ แบบ Face-to-face และการเช่อื มโยงบริการของธนาคารไปสู่ Social network platform อนื่ ๆ ดงั แสดงใน ตารางท่ี 12.10 285

ตารางที่ 12.10 สรปุ อันดับของบรกิ ารทางการเงินทผี่ บู้ รโิ ภคต้องการนอ้ ยทีส่ ุด 3 อนั ดบั แรก ในอกี 5 ปขี า้ งหนา้ อันดับ องค์กรเอง Gen Z ประเมินโดย Gen X Baby boomers ความสำคัญ Millennial สาขาธนาคารอยูใ่ น ติดตอ่ พนักงาน พดู คยุ กับพนกั งาน ความสามารถทจ่ี ะฝาก อนั ดบั ท่ี 1 พนื้ ท่ีเขา้ ถงึ สะดวก ธนาคารผ่าน video ติดตอ่ พนักงาน ธนาคารแบบ Face- เช็คผา่ น ธนาคารผ่าน video รวดเรว็ call to-face smartphone พดู คุยกบั พนกั งาน call ความสามารถทจ่ี ะฝาก อนั ดับที่ 2 จำนวนตู้ ATM หลาย ธนาคารแบบ Face- พูดคุยกับพนกั งาน เช่ือมโยงกบั Platform พน้ื ท่ี เขา้ ถงึ สะดวก ธนาคารแบบ Face- เช็คผ่าน ตา่ งๆทีล่ กู คา้ ใช้ to-face smartphone อันดับที่ 3 ได้รับ email แจ้ง to-face ตดิ ตอ่ พนกั งาน การเปดิ บัญชีผา่ น เตือนธุรกรรมทางการ บริการผ่าน Mobile ธนาคารผ่าน Chat online banking banking ทรี่ อบด้าน เชอ่ื มโยงกบั Platform (Computer) เงนิ ตา่ งๆท่ลี ูกคา้ ใช้ bot ช่องว่างระหว่างสงิ่ ท่ีสถาบันการเงินประเมนิ ว่าผ้บู ริโภคจะต้องการกับสง่ิ ท่ผี ้บู ริโภคต้องการจริงๆสามารถ สรปุ ได้วา่ ในมมุ ของสถาบันการเงินนนั้ มีแนวโนม้ ทีป่ ระเมินว่าผ้บู ริโภคจะมีความตอ้ งการใชเ้ ทคโนโลยดี า้ นดจิ ติ อล อยา่ งมากจนอาจพลกิ ผนั ความตอ้ งการในมิติตา่ งๆ ในขณะทผี่ ูบ้ ริโภคกลับไม่ได้มคี วามพร้อมมากต่อการยอมรบั เทคโนโลยดี จิ ิตอลเทา่ ที่สถาบันการเงนิ คาดการณ์ นอกจากนีส้ ถาบนั การเงนิ สว่ นใหญค่ ิดว่าผูบ้ ริโภคจะต้องการผลิตภณั ฑแ์ ละบริการแบบจำเพาะเจาะจงเป็น รายบุคคล (Personalization) ซึง่ เป็นเทรนหรอื แนวโน้มท่ีเกดิ ขึน้ ในต่างประเทศ แต่ในความเป็นจรงิ ผบู้ ริโภคใน ประเทศไทยไม่ได้ใหค้ วามสำคัญกับประเดน็ นเี้ ทา่ ท่ีควร เพราะกลับมองว่าทำให้การทำความเขา้ ใจผลิตภัณฑ์และ บริการตา่ งๆเป็นไปดว้ ยความซับซอ้ นและยากลำบากมากยิ่งข้นึ ไมส่ ามารถเปรียบเทียบราคาของผลิตภณั ฑ์ ดงั กลา่ ว ระหว่างสถาบันการเงนิ แตล่ ะรายได้ บทสรปุ จากการวเิ คราะห์ความคดิ เห็นของสถาบันการเงนิ ในประเทศไทยจะพบว่าส่วนใหญ่มองการเปลีย่ นผา่ น ไปสดู่ ิจิตอล และการแข่งขนั ของ Fintech ในเชงิ บวก เพราะจะเปน็ แรงกระตนุ้ ให้องค์กรเกิดการปรับเปลีย่ น แนวคิดและสร้างนวตั กรรมในทสี่ ดุ ปจั จยั ตน้ ๆท่สี ถาบนั การเงินใหค้ วามสำคัญคือการ Simplification ผลติ ภัณฑ์ หรอื บริการที่มีอยู่ในปจั จบุ ันให้มคี วามเขา้ ใจงา่ ยเพอื่ ขยายฐานลกู ค้าให้กว้างมากขึ้น 286

Customer-centric model นนั้ คอื แนวคดิ ใหมใ่ นการดำเนินธุรกิจที่สถาบันการเงินให้ความสำคัญ มากกว่าในอดีต เพราะในอดตี สถาบันการเงินมกั มองตนเองเป็นจุดศนู ยก์ ลางทถ่ี ึงแม้จะพยายามตอบสนองความ ตอ้ งการของผ้บู ริโภคแต่กต็ อบสนองอยา่ งจำกัดเท่าที่จะสามารถทำได้เทา่ น้ัน การคิดนอกกรอบของสถาบันการเงิน ในปจั จุบนั น้ีไม่ได้หมายความวา่ จะต้องลดน้ำหนกั ดา้ นความปลอดภัยหรอื ความน่าเชอ่ื ถือขององค์กรลง เพราะ สถาบนั การเงินในไทยยังคงให้ความสำคญั กับ Cyber Security เปน็ อนั ดับหนึง่ เม่ือมีการคิดค้นนวัตกรรมใหมๆ่ สู่ ผูบ้ รโิ ภค ความคิดเหน็ ของผู้บริหารต่อบริการท่ีคาดว่าจะได้รบั ผลกระทบในระบบเศรษฐกิจดจิ ิตอลเมอ่ื เทยี บกบั ปัจจุบันน้นั มคี วามสอดคลอ้ งกับผลการสำรวจในระดับสากลท่ี Payment, Personal Finance และ Wealth management คือบริการหลักท่จี ะไดร้ บั ผลกระทบอยา่ งมาก ซง่ึ เบื้องตน้ สถาบันการเงินในไทยพยายามทจ่ี ะหา ชอ่ งทางในการเก็บข้อมูลของลูกค้าใหม้ ากยงิ่ ขึ้น แต่ในปจั จุบันสถาบันการเงนิ ยังคงขาดบุคคลากรในการวเิ คราะห์ ฐานขอ้ มูลดงั กลา่ วจงึ ทำให้ในอกี 5 ปขี ้างหนา้ เทคโนโลยหี ลักท่สี ถาบนั การเงนิ ในไทยให้ความสำคญั เป็นอนั ดบั ตน้ ๆ นอกจาก Cyber security คือ Big data analytics อุปสรรคสำคญั สำหรบั การพัฒนานวตั กรรมของสถาบนั การเงนิ ไทยนั้นไมไ่ ดอ้ ยู่ทก่ี ารขาดวสิ ัยทศั น์ของ ผู้บริหารระดบั สูง แตอ่ ยู่ทกี่ ารขาดทรัพยากรบุคคลทมี่ ีทักษะสำหรบั การสรา้ งนวัตกรรม และความซับซอ้ นทาง กฎหมายทเ่ี กิดข้นึ ในไทยทำให้สถาบันการเงนิ ไมส่ ามารถนำเสนอผลติ ภัณฑ์และบริการใหมๆ่ ได้อยา่ งรวดเรว็ อย่างไรกต็ ามความคิดเหน็ ของสถาบันการเงิน มคี วามแตกต่างจากความตอ้ งการของผู้บริโภคอย่บู ้าง เชน่ สถาบันการเงนิ คดิ ว่าการหาจุดเดน่ ดว้ ยความเชย่ี วชาญเฉพาะทางเป็นสง่ิ สำคญั ซงึ่ ทศั นคตนิ ี้อาจเกิดจากการ แขง่ ขันของ Fintechs ทเี่ กง่ เฉพาะทางในบางดา้ น แตผ่ ลสำรวจความคิดเหน็ ของประชากรไทยไม่ได้ให้ความสำคญั ด้านน้เี ลย โดยกลบั ต้องการให้สถาบันการเงนิ ม้งุ เนน้ เพิ่มประสทิ ธิภาพการทำงานเพ่อื นำมาส่กู ารลดคา่ ธรรมเนยี ม ในที่สดุ นอกจากนี้สถาบันการเงินมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับ Mobile banking ค่อนขา้ งมาก ในขณะท่ีผูบ้ รโิ ภค ยังคงต้องการใหส้ ถาบนั การเงินใหค้ วามสำคัญกบั บริการอนื่ ดว้ ย เช่นการมีเคร่ือง Automatic ที่ทำไดห้ ลายอย่าง หรอื การแจง้ เตือน Notification แบบจำเพาะบุคคล ความแตกต่างสว่ นนีค้ ือส่งิ ทส่ี ถาบันการเงินจะต้องเรยี นรู้และ พิจารณาความตอ้ งการของผู้บรโิ ภคซง่ึ ไมไ่ ดม้ ีระดบั Digital literacy ในระดบั เดยี วกัน เพ่ือจะได้สามารถดำเนินกล ยทุ ธ์ Customer centric ไดอ้ ย่างประสบความสำเรจ็ และไมท่ ิ้งผบู้ ริโภคบางกล่มุ ไว้ขา้ งหลัง 287

บทท่ี 13 จำลองสถานการณใ์ นอนาคตของระบบเศรษฐกจิ ดิจติ อลในประเทศไทย บทนำ ในบทที่ 2 ถงึ 6 ไดม้ ีการวิเคราะหถ์ งึ แนวโนม้ ทางเทคโนโลยีในแต่ละด้านของผลิตภัณฑ์และบริการทาง การเงินท่ีมีแนวโนม้ จะเกิดข้นึ ในระบบเศรษฐกจิ ดจิ ิตอล ซ่งึ มีผลกระทบในหลายดา้ นท้ังระบบชำระเงิน การคดิ คน้ สกุลเงนิ ใหม่ๆ รูปแบบของการดำเนินธุรกิจของสถาบนั การเงินในลกั ษณะ Platform business และลกั ษณะของ ผลิตภณั ฑท์ างการเงนิ ที่อาจมีความจำเพาะเจาะจงต่อผใู้ ชง้ านแตล่ ะราย อยา่ งไรก็ตามสิ่งเหลา่ นน้ั เปน็ แนวโนม้ ทาง เทคโนโลยที ี่สามารถทำใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงในมิตติ ่างๆ แต่ไม่ไดห้ มายความวา่ โลกในอนาคตจะเกิดการ เปล่ียนแปลงเหล่านั้นในทุกกรณี นอกจากนใ้ี นบทที่ 8 ถึง 11 ที่นำเสนอการศึกษาวิจัยเพ่ือให้เข้าใจระดบั Digital literacy ของประชากร ไทย และเช่ือมโยงไปสู่ความพึงพอใจในการใช้บริการและผลติ ภัณฑท์ างการเงนิ นั้น มีหลักฐานเชิงประจักษท์ ่ี สามารถนำมาต่อยอดเพอื่ ใช้ในการคาดการณ์เหตุการณ์ทม่ี ีแนวโนม้ เกิดขึ้นในอนาคตสำหรับประเทศไทยได้ ดังนนั้ จุดประสงค์ของบทน้จี งึ พยายามทีจ่ ะนำผลการสำรวจและการวเิ คราะหแ์ นวโนม้ ทางเทคโนโลยีมา วิเคราะหว์ ่าจะเกดิ การเปล่ียนแปลงในอุตสาหกรรมการเงินการลงทนุ ในประเทศไทยอย่างไรในอนาคต โดยฉาก ทัศนท์ คี่ าดการณ์น้นั เกิดจากการอนุมานจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ท่ีคน้ พบจากการวิจัย และจากการวิเคราะห์ แนวโนม้ ทางธุรกิจของอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารในประเทศไทย ซึ่งการวิเคราะหจ์ ะเริม่ ต้นจากการฉายภาพ แนวโน้มความตอ้ งการ และความพรอ้ มของผ้บู รโิ ภคสำหรับการอยใู่ นระบบเศรษฐกจิ ดจิ ิตอล แลว้ จงึ เจาะลึก วิเคราะห์แนวโนม้ ของผลติ ภณั ฑ์และบริการทางการเงนิ ต่อไปว่าจะมลี ักษณะอยา่ งไร วิเคราะหแ์ นวโน้มของผู้บริโภคในอนาคต จากการวิจัยจะพบว่าประชากรสว่ นใหญ่มแี นวโนม้ ทจ่ี ะมีการใช้เทคโนโลยดี จิ ิตอลในหลายรูปแบบพร้อมๆ กัน และผูผ้ ลิตอปุ กรณ์ทางเทคโนโลยสี ่วนใหญ่ก็ให้ความสนใจกับการนำเสนอเทคโนโลยที ี่ปรับปรุงอปุ กรณต์ า่ งๆใน ชวี ิตประจำวนั ใหม้ ีความชาญฉลาดมากย่งิ ขึน้ หรือทีม่ กั จะเรยี กว่า (Smart mobile device) และผผู้ ลติ ยังใหค้ วาม 288

สนใจกับการคิดคน้ อุปกรณ์ใหม่ๆท่ผี ้บู ริโภคสามารถพกติดตัว (Wearable device) เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธกี ารดำเนนิ ชีวิตใหม้ ีความสะดวกสบายมากย่งิ ข้นึ จากข้อมูลในรปู ที่ 10.2 และตารางที่ 10.5 จะพบว่าประชากรในกลุ่มเจเนเรชั่น Millennial มีจำนวน เคร่ือง Smartphone ที่มากกว่าจำนวนเครื่อง Laptop/Desktop อย่างมนี ยั สำคัญ โดยเฉลีย่ อยู่ทปี่ ระมาณ 2 เท่า โดยผลการวิจัยยงั พบอีกวา่ ครัวเรือนทีม่ ี Desktop/laptop สงู จะมกี ารบรโิ ภค Smartphone/Tablet ในสดั สว่ น ทสี่ ูงดว้ ย เม่ือวิเคราะหโ์ ดยรวมปจั จยั ตาม Principle component analysis ดงั ทไ่ี ด้แสดงในบทที่ 11 ก็พบวา่ กลมุ่ ประชากรเจเนเรช่ัน Millennial และ Z นน้ั มคี ะแนนการเข้าถงึ Digital access ท่ีสงู กว่ากลุม่ ประชากรเจเนเรชนั่ X และ Baby boomers อย่างชดั เจน ถงึ แม้จะมีข้อจำกดั ในการวิจัยท่ีไม่สามารถเก็บข้อมลู ในลกั ษณะ Longtitudinal เพือ่ ใชใ้ นการคาดการณ์ แนวโนม้ ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ แตจ่ ากข้อมลู ในปัจจบุ ันกส็ ามารถสรปุ ไดว้ า่ เจเนเรชั่น Z ซึ่งเปน็ กลมุ่ ประชากรที่ อยใู่ นวยั การศึกษา (อายุ 7 – 22 ป)ี ยงั มีการเขา้ ถึงเทคโนโลยดี ิจติ อลทเ่ี ทียบไดเ้ ท่ากับกลมุ่ ประชากรเจเนเรชั่น X ดงั น้นั จึงสามารถคาดการณไ์ ด้วา่ ในอนาคตเม่อื กลุม่ ประชากรเจเนเรชั่น Z มีอาชีพและรายไดท้ ่สี ูงขนึ้ จำนวนของ Smart mobile devices ท่ีประชากรในเจเนเรชนั่ Z เป็นเจ้าของและใชง้ านน่าจะมีจำนวนทีส่ งู กวา่ ปัจจบุ นั อย่างมี นยั สำคัญ และสัดสว่ นระหว่าง Mobile devices กบั Fixed devices นา่ จะมีสดั ส่วนทส่ี ูงข้นึ มากได้ นอกจากนผี้ ลวิจยั ยงั พบอีกว่า การเขา้ ถึงเทคโนโลยีดจิ ิตอลต่างๆของกลุ่มประชากรเจเนเรชัน่ Z และ Millennial เป็นได้อย่างไม่จำกัด คือสามารถเขา้ ถึงอุปกรณ์และสามารถใชไ้ ด้ตลอดเวลาดังแสดงในรูปท่ี 10.4 ทำ ใหค้ วามกังวลด้านการเข้าถึงอย่างไม่ท่ัวถึงน้ันลดลงไปอยา่ งมาก และยังได้รบั แรงสนบั สนนุ จากภายนอกทรี่ าคาของ เทคโนโลยีตา่ งๆมีแนวโน้มลดลงในอนาคต จำลองสถานการณท์ ี่ 1 - Smart mobile device จะเป็นอุปกรณห์ ลักของการเขา้ ถึงโลกดจิ ติ อลในอนาคต ไม่ใช่อุปกรณ์ท่ียึดอยู่ กบั ทใี่ ดทหี่ นึง่ เพ่ือประเมนิ ว่ากลมุ่ ประชากรเจเนเรชนั่ Z จะมศี ักยภาพในการสรา้ งรายได้เพ่ือสามารถเขา้ ถึงเทคโนโลยี ดจิ ติ อลต่างๆทีเ่ กิดข้ึนในอนาคตได้มากน้อยเพยี งใด จึงไดม้ ีการเกบ็ ขอ้ มลู เพิม่ เติมถึงสดั ส่วนการเข้าถึงระบบ การศึกษาของประชากรในประเทศไทยตลอดชว่ งระยะเวลา 25 ปที ่ผี า่ นมาซ่งึ จะพบว่าร้อยละของนกั เรยี นในระบบ 289

ต่อประชากรในวัยเรยี นสงู ขน้ึ อย่างมาจากเพียงร้อยละ 65 มาเป็นประมาณร้อยละ 83 ดังแสดงในรปู ที่ 13.1 นอกจากนี้จำนวนปกี ารศึกษาเฉล่ียของประชากรไทยกเ็ พิ่มสงู ข้นึ สำหรบั กล่มุ อายุ 15-39 ปี จากเพียง 9 ปี กว่า เพม่ิ ขึ้นมาเปน็ 10 กว่าปี ดงั แสดงในรปู ที่ 13.2 และอตั ราการคงอยู่จากการศกึ ษาตั้งแต่ระดับช้นั ป.1 มาเป็น ระดบั ชั้น ป.6 ม.3 และ ม.6 ก็เพ่ิมสงู ข้ึนดงั แสดงในรปู ที่ 13.3 รปู ที่ 13.1 ร้อยละของนักเรยี นในระบบต่อประชากรในวยั เรยี น 85.00% 80.00% 75.00% 70.00% 65.00% 60.00% 2537 2539 2541 2543 2545 2547 2549 2551 2553 2555 2557 2559 ที่มา : สถติ กิ ารศกึ ษา สำนักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร รปู ที่ 13.2 จำนวนปกี ารศกึ ษาเฉล่ยี ของประชากรไทย 13. 11. 9. อายุ 15 - 39 ปี 7. อายุ 40 - 59 ปี 5. ีป 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 ที่มา : สถติ กิ ารศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 290

รูปที่ 13.3 อัตราการคงอยขู่ องนกั เรยี นจากระดบั ประถมศึกษาปีท่ี 1 ร้อยละ 100 ป. 6 90 ม. 3 80 ม. 6 / ปวช. 3 70 60 50 40 2550 2551 2552 2553 2554 2555 2556 2558 2560 ทีม่ า : สถิติการศึกษา สำนกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร จากข้อมูลของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ ารดังกลา่ ว จงึ สามารถคาดการณ์ไดว้ า่ ประชากรกลุ่มเจเน เรชน่ั Z มีแนวโน้มที่จะสามารถมีระดับรายได้โดยเฉลี่ยท่ีดีขึ้นในอนาคต และมีความเหล่ือมลำ้ ด้านรายไดร้ ะหว่าง ประชากรภายในกลุ่มเจเนเรชน่ั เดยี วกันท่นี ้อยลง หากกำหนดสมมุติฐานว่าระดับรายได้กลมุ่ ประชากรเจเนเรช่ัน Z ส่วนใหญส่ ามารถเทียบเคียงได้กบั รายได้ทีค่ า่ ของเงินในปัจจบุ ันทปี่ ระมาณ 300,000 บาทตอ่ ปี ขน้ึ ไป จะพบวา่ ความเหล่อื มลำ้ ในการเข้าถงึ เทคโนโลยดี ิจติ อลมีแนวโน้มที่นอ้ ยลง จากข้อมูลในตารางท่ี 10.6 จะพบว่ากลมุ่ ประชากรทมี่ ีรายไดส้ ูงกวา่ 300,000 บาทมี Smartphone เฉลยี่ 3 เครือ่ ง Smart watch เฉล่ยี 1 เคร่ือง Laptop เฉลย่ี 2 เคร่ือง และ Smart TV อย่างนอ้ ย 1 เครื่อง จำลองสถานการณ์ที่ 2 - ความเหล่ือมล้ำด้านการเขา้ ถงึ เทคโนโลยดี จิ ิตอลของประชากรในอนาคตมีแนวโนม้ ลดน้อยลง เม่อื วิเคราะห์ทักษะด้านการใช้งานเทคโนโลยีดิจิตอลในแต่ละดา้ น พบวา่ ถึงแม้ Baby boomers มี ความสามารถในระดับต่ำแตก่ ็ยงั สามารถทจ่ี ะใช้งาน Software ท่ีเกยี่ วกับ Social network และ Email ได้ใน ระดับหนึ่ง ในขณะท่ีเจเนเรชั่น Z มคี วามสามารถในการใช้เทคโลยเี ฉพาะทางท่สี ูงมากโดยเฉพาะ Graphic software และ Application ท่ีเก่ียวกบั การจดั การกิจกรรมตา่ งๆในชีวติ ประจำวัน (Tasking apps) สะท้อนให้ เห็นวา่ ประชากรกลุ่มเจเนเรช่ันร่นุ ใหม่ สามารถนำเทคโนโลยีต่างๆมาหลอมลวมเขา้ กับการใช้ชีวิตประจำวันได้ อย่างเป็นธรรมชาติ 291

ประกอบกบั จากข้อมูลทปี่ ระชากรกล่มุ เจเนเรช่นั Z มีการเข้าถงึ ระบบการศึกษาทค่ี รอบคลมุ มากกวา่ ประชากรในกล่มุ เจเนเรชั่นอ่ืน ปัญหาดา้ นทักษะความรใู้ นการใช้เทคโนโลยจี ึงมีแนวโน้มลดน้อยลงอย่างมาก ความสามารถทีจ่ ะประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยใี นหลากหลายกิจกรรมจงึ ทำให้จำนวนชั่วโมงทกี่ ล่มุ ประชากรเจเนเรชนั่ Z เข้าถึงเทคโนโลยีดิจติ อลสงู ขนึ้ ซ่งึ ทำใหค้ าดการณ์ไดว้ า่ ในอนาคตจะมีการใช้เทคโนโลยที ่มี ากขน้ึ ที่ประมาณเฉลี่ย 5-6 ชว่ั โมงต่อวนั (จากผลการวจิ ัย) เปรียบเทยี บกับประชากรกลมุ่ เจเนเรชัน่ Baby boomers ในปัจจุบนั ทใี่ ชเ้ วลา เฉลยี่ ประมาณ 3.88 ชั่วโมง นอกจากนก้ี ารวเิ คราะหด์ ้วย Component analysis เพ่ือวดั ทักษะด้านดิจิตอล (Digital skills) ก็พบวา่ ระดบั การศึกษาและประเภทอาชีพเปน็ ปจั จัยที่มีนัยสำคัญในการเพ่ิมระดบั ทกั ษะดา้ นดิจติ อลของประชากร ดังนั้น เม่ือกลุ่มประชากรเจเนเรชัน่ Z มกี ารเขา้ ถงึ ระบบการศึกษาที่ทั่วถงึ จงึ ทำให้ กลมุ่ ประชากรเจเนเรช่ัน Z มแี นวโน้ม ทจ่ี ะใช้ทักษะด้านดจิ ติ อลทีไ่ ม่นอ้ ยไปกวา่ ทกั ษะดจิ ิตอลท่ีคน้ พบกบั กลุ่มประชากร Millennial และ X ในปัจจุบัน จำลองสถานการณท์ ่ี 3 - เทคโนโลยีดจิ ิตอลจะไม่ได้ถกู นำมาใช้เพ่ือทำงานเฉพาะทางเหมือนอย่างท่ีกล่มุ ประชากรเจเนเรชั่น X และ Baby boomers ใชใ้ นปจั จบุ นั แตจ่ ะเปน็ การนำเทคโนโลยดี ิจิตอลมาใช้กับทุกกจิ กรรมใน ชีวติ ประจำวันอย่างเปน็ ธรรมชาติ ในส่วนของความรู้ด้านการทำงานของคอมพิวเตอร์ และการรเู้ ท่าทนั การใช้อินเตอร์เน็ตจะพบว่ากล่มุ ประชากรเจเนเรชนั่ Z ในปจั จุบันมีชอ่ งว่างทางความรูร้ ะหว่างการประเมินตนเอง กับความรูท้ มี่ ีอยูจ่ รงิ (Knowledge gap) ค่อนข้างสงู กลา่ วคอื ประชากรกลมุ่ เจเนเรชุน่ Z ประเมินความรู้ของตนเองอยใู่ นระดบั ท่ีสูง ทสี่ ุดเม่ือเทยี บกบั กล่มุ เจเนเรช่นั อื่น แตเ่ มื่อวัดความร้พู ืน้ ฐานด้าน Digital literacy ท่ีมีอยูจ่ ริงจะพบวา่ มีคะแนนที่ ค่อนข้างต่ำคือตอบถูกเพียงประมาณร้อยละ 50 เทา่ นน้ั ในสว่ นของการตระหนักถึงความเสี่ยงทาง Cyber และการ รเู้ ท่าทนั ข้อมูล ก็พบว่าประชากรกลุ่มเจเนเรช่ัน Z มีระดบั ความรู้ในมิตนิ ี้ทต่ี ่ำกว่ากลุม่ ประชากรเจเนเรช่นั Millennials อย่างไรก็ตามจากการวเิ คราะห์ด้วย Component analysis และ Regression analysis จะพบวา่ คะแนน การตระหนักรบั รู้ด้านความเส่ียง และคะแนนช้วี ัดความร้ดู ้าน Digital literacy มีความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างมี นัยสำคัญกับระดบั รายได้ การศกึ ษา และประเภทของอาชพี ดงั นนั้ หากคาดการณ์ว่ากล่มุ ประชากรเจเนเรช่ัน Z สามารถเข้าถงึ การศกึ ษาได้มากข้นึ ในอนาคต ระดับความรูข้ องกลมุ่ เจเนเรช่นั Z น่าจะสูงขึน้ จนอาจจะสงู กว่าผล คะแนนด้านความรแู้ ละการตระหนักถึงความเส่ยี งของกลมุ่ เจเนเรช่นั Millennial ในปัจจุบนั 292

จำลองสถานการณ์ท่ี 4 - ดว้ ยความที่ผลการสำรวจพบว่ากลมุ่ เจเนเรช่ัน Millennial มผี ลคะแนนดา้ น Digital literacy knowledge และ Information awareness ที่สูงที่สุด หากคาดการณค์ วามสามารถของกลุ่ม ประชากรเจเนเรช่ัน Z ในอนาคตท่สี ามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจติ อลตงั้ แต่อายุยงั น้อยและมีความทั่วถึง ในการดา้ นการศึกษาทสี่ งู จงึ คาดการณไ์ ดว้ ่าประชากรกลุ่มเจเนเรชนั่ Z ในอกี 10 ปีขา้ งหน้า น่าจะมี ระดับของทักษะและความรดู้ ้านดจิ ิตอลที่สูงข้ึนจนอาจสูงกว่าผลคะแนนความรู้ของกลมุ่ เจเนเรชั่น Millennial ในปจั จบุ นั เมอ่ื ทำการวิเคราะหใ์ นมิตขิ องการเขา้ ถงึ บรกิ ารทางการเงิน จะพบวา่ การเข้ามาของเทคโนโลยใี นปัจจบุ ัน ได้ทำให้ประชากรในกลมุ่ อายุต่างๆ เป็นลูกค้าของธนาคารมากกวา่ 1 แห่ง โดยจำนวนของธนาคารนนั้ สัมพนั ธเ์ ชงิ บวกกบั มติ ิของรายได้ และมติ ิของกลมุ่ เจเนเรชัน่ โดยกลมุ่ เจเนเรช่นั Millennial ที่ถึงแม้มีระดับรายไดเ้ ฉล่ยี ทน่ี ้อย กวา่ กล่มุ เจเนเรชั่น Baby boomers แต่กลุม่ เจเนเรชน่ั Millennial เปน็ ลูกค้าของธนาคารพาณชิ ย์จำนวนเฉล่ียถงึ 3.45 แห่ง เมอ่ื เปรียบเทียบกับกลุม่ เจเนเรชน่ั Baby boomers ดังแสดงในตารางที่ 13.1 ถึงแมเ้ จเนเรชนั่ Z จะมี จำนวนธนาคารท่นี อ้ ยแต่ส่วนใหญเ่ กดิ จากวฒุ ิภาวะในปจั จุบันท่กี ลุ่มเจเนเรชัน่ นยี้ ังอย่ใู นวยั การศกึ ษา และยังไม่ได้ ประกอบอาชีพ ตารางท่ี 13.1 จำนวนเฉลย่ี ของธนาคารที่เป็นลกู คา้ ในแตล่ ะกลมุ่ เจเนเรช่ัน จำนวนธนาคารเฉลย่ี Z Millennial X Baby boomers 1.84 3.45 3.41 3.32 หลกั ฐานเชิงประจักษน์ ี้สะท้อนให้เห็นวา่ ประชากรมแี นวโน้มเป็นลกู ค้าของธนาคารจำนวนหลายแห่งมาก ยิ่งขน้ึ ซึง่ หากวเิ คราะห์ถงึ พัฒนาการด้านเทคโนโลยีดิจติ อลจะพบวา่ ไดม้ คี วามพยายามที่จะเพิ่มความสามารถใน การเปดิ บัญชี หรือทำธรุ กรรมตา่ งๆผ่านระบบ Mobile banking มากยิ่งขึน้ ในอนาคต ยกตัวอย่างเชน่ ในประเทศ ไทย ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการอนุญาตให้สถาบันการเงนิ ทดลองยืนยันตัวตนของลูกค้าในรูปแบบดจิ ิตอล ผ่านการดำเนนิ งานของบริษทั กลางดา้ นการยืนยนั ตวั ตนที่เพิง่ จดั ตงั้ ขึ้นทีเ่ รียกวา่ National Digital ID (NDID) โดย กระบวนการยนื ยันตัวตนรูปแบบดิจติ อลในประเทศไทยนั้น ข้อมูลเพอื่ ใช้ในการยนื ยนั ตวั ตนไมไ่ ด้ถูกจัดเกบ็ ไวท้ ี่ NDID แตข่ ้อมลู จะถูกจดั เกบ็ ไวท้ ส่ี ถาบนั การเงินแต่ละแห่ง และ NDID เป็นเพยี งองคก์ รกลางที่ทำหน้าทีส่ ่งผา่ น ข้อมลู การขอเรยี กตรวจสอบตัวตนของลกู ค้าระหว่างธนาคาร จากพัฒนาการในดา้ นนี้ทำใหส้ ามารถคาดการณ์ไดว้ ่า 293

การเปิดบัญชีธนาคารจะทำได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นในอนาคต และอาจส่งผลให้ ประชากร 1 คนเป็นลกู ค้า ธนาคารพาณิชย์ไดม้ ากถงึ 5-10 แห่ง ได้ นอกจากน้ขี ้อมลู ท่ีไดจ้ ากการวจิ ยั ยังยืนยนั ให้เห็นอีกว่า ประชากรในเจเนเรชั่นใหม่ๆ มีการเขา้ ถึงบริการ ของธนาคารตั้งแต่อายุยงั น้อย โดยกล่มุ เจเนเรช่นั Z มีการเขา้ ถงึ ธนาคารเฉล่ียที่อายุ 13 ปี แตกตา่ งจาก เจเนเรชน่ั อนื่ ท่ีเป็นลูกคา้ ธนาคารเริม่ ต้นเฉล่ียต้ังแต่อายุ 18 ปีสำหรับกลมุ่ เจเนเรชั่น Millennial, อายุ 24 ปสี ำหรบั กลมุ่ เจเน เรชั่น X และ อายุ 33 ปสี ำหรบั เจเนเรช่นั Baby boomers การเข้าถึงธนาคารต้ังแตอ่ ายุยังนอ้ ยทำใหธ้ นาคารต้อง มีการปรับเปล่ยี นบริการในด้านตา่ งๆให้เหมาะสมกบั ลูกคา้ ที่เร่มิ ตน้ ป็นลกู คา้ ตั้งแต่ในวัยเดก็ มากย่ิงขน้ึ ไมใ่ ชเ่ ป็น การมงุ่ เน้นนำเสนอบรกิ ารท่ีตอบโจทยเ์ ฉพาะกับกล่มุ ประชาชนทีเ่ พิ่งเรมิ่ ต้นในวยั ทำงานเพยี งอย่างเดยี ว ในต่างประเทศ หลายธนาคารได้นำแนวคดิ ของ Gamification เขา้ มาใชเ้ พ่ือให้ลูกค้าทมี่ อี ายนุ อ้ ยมคี วาม ค้นุ ชนิ กบั บริการต่างๆ เช่นธนาคาร Lloyds TSB ทป่ี ระเทศอังกฤษ ไดค้ ดิ ค้น เกม “Innovation market” เพอ่ื ช่วยใหล้ ูกค้ามคี วามคนุ้ ชินกบั การออมเงนิ การลงทนุ ในตลาดหลักทรัพย์ ผ่านระบบของการเก็บคะแนนตา่ งๆ เป็น ต้น (Apis-Partners, 2018) โดยคะแนนที่เกิดข้ึน สามารถนำไปเปน็ แต้มส่วนลดการซือ้ สนิ คา้ หรือบริการของ ธนาคารได้ จำลองสถานการณท์ ่ี 5 - ประชากรหน่ึงคนมแี นวโน้มเปน็ ลูกค้าธนาคารหลายแหง่ พรอ้ มๆกัน และใชบ้ ริการของธนาคารแตล่ ะ แหง่ อย่างต่อเน่ือง และดว้ ยอายเุ ฉลี่ยเร่มิ ตน้ ของการเป็นลูกคา้ ธนาคารลดน้อยลงเรื่อยๆ จึงทำให้ ธนาคารมแี นวโนม้ ทีจ่ ะนำเสนอผลิตภณั ฑแ์ ละบริการทางการเงนิ ใหม่ๆทีต่ อบโจทย์ลูกค้าแตล่ ะวัยอย่าง หลากหลายมากย่ิงข้นึ กวา่ ในปจั จบุ นั ในสว่ นของประเภทของบรกิ ารทางการเงนิ หลกั ฐานเชงิ ประจักษจ์ ากการสำรวจพบว่า กล่มุ ลูกค้าในเจเน เรชน่ั Millennials มกี ารใชบ้ ริการบตั รเครดติ และเข้าถงึ การออมผ่านกองทุนรวม สงู ทส่ี ุดเมอ่ื เทยี บกับเจเนเรชนั่ อน่ื ท้งั ๆที่มีชว่ งอายุท่นี ้อยกวา่ กลุ่มลูกค้าเจเนเรช่นั X และ Baby boomers นอกจากนี้กล่มุ ประชากรเจเนเรช่ัน Z ท่ีส่วนใหญย่ งั อยใู่ นวยั เรยี นในปจั จบุ ัน ยงั มกี ารเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกัน และบตั รเครดติ ตั้งแต่อายยุ ังนอ้ ย จาก แนวโนม้ ของการเข้าถงึ บริการทางการเงนิ ตง้ั แต่อายยุ งั น้อยนที้ ำให้คาดการณ์ไดว้ ่าในอนาคต ผบู้ รโิ ภคโดยรวมจะ สามารถเขา้ ถงึ ผลติ ภัณฑ์และบริการตา่ งๆทห่ี ลากหลายมากยง่ิ ขึน้ กวา่ ในปัจจุบัน 294

ถงึ แม้ผลิตภัณฑ์เงินฝากจะเขา้ ถึงกลุ่มประชากรเกอื บร้อยละ 100 แตส่ ดั สว่ นของการมเี งนิ ฝากมีแนวโนม้ เพิ่มสงู ข้นึ เม่ือเปรยี บเทยี บระหว่างเจเนเรชัน่ Baby boomers ทเี่ ข้าถงึ เงินฝากประมาณร้อยละ 91 มาสู่เจเนเรช่นั Z ทเี่ ขา้ ถงึ เงินฝากประมาณร้อยละ 98 อยา่ งไรกต็ าม การเขา้ ถึงบริการที่นา่ จะเปน็ พ้นื ฐานของบริการทางการเงิน เชน่ กองทนุ รวมและประกนั ในปจั จุบนั ยังถือวา่ มีความเหลื่อมลำ้ อยู่มาก เมอื่ พจิ ารณาจากมิตขิ องรายได้ โดยกล่มุ ประชากรท่ีมีรายไดส้ ูงมแี นวโน้มท่จี ะเขา้ ถึงผลิตภัณฑเ์ หล่านส้ี งู กวา่ กลุม่ ประชากรทีม่ รี ายได้ต่ำ นอกจากนเี้ ม่ือพจิ ารณาท่ีนวัตกรรมที่เกิดข้นึ ในอดีตคอื ATM พบวา่ เจเนเรชั่น Z มีพฤตกิ รรมการใช้ ATM ท่แี ตกต่างจากเจเนเรช่นั อ่นื อยา่ งมีนยั สำคญั กลา่ วคอื เจเนเรชนั่ Z จำนวนมากกวา่ รอ้ ยละ 60 ใช้ ATM เพยี งเฉลยี่ เดือนละ 1-2 ครงั้ เท่านน้ั เมื่อเปรยี บเทยี บกับเจเนเรชั่น Millennial และ X ที่ส่วนใหญ่ใช้ ATM ประมาณเฉลีย่ เดอื นละ 4-8 ครงั้ การปรับเปล่ียนพฤติกรรมน้เี ป็นแนวโน้มท่นี ่าจะเกดิ ขึน้ ต่อไปในอนาคตจากความพยายามที่ ธนาคารหลายแห่งนำเสนอบริการ Mobile banking เพอ่ื ให้ประชาชนไมม่ ีความจำเปน็ จะต้องใชเ้ งนิ สดหรอื ทำ ธุรกรรมผา่ นเคร่ือง ATM อยา่ งไรกต็ ามจากผลสำรวจจะพบวา่ ประเด็นการเขา้ ถงึ สาขาของธนาคารทสี่ ะดวกยังเป็นปจั จยั สำคญั ใน การเลือกเป็นลกู คา้ ของธนาคาร เพราะในปัจจุบนั ยงั มีข้อจำกัดเรือ่ งการเปิดบัญชี การฝากเงินในบญั ชี หรอื การทำ ธรุ กรรมเงินสดต่างๆ ในอนาคตหากมีพฒั นาการด้านการยืนยนั ตวั ตนแบบดิจิตอลอาจทำให้ความสำคัญของสาขา ธนาคารลดบทบาทลงได้ จำลองสถานการณ์ที่ 6 - ความเหลื่อมลำ้ ในมิตขิ องผลิตภัณฑท์ างการเงินมีแนวโนม้ ลดน้อยลง จากสาเหตุท่ีประชากรในเจเน เรช่นั ใหม่ๆ เข้าถึงบรกิ ารของธนาคารตัง้ แต่อายุยังน้อย สง่ ผลใหเ้ กดิ มคี วามคุน้ ชินกบั บริการของ ธนาคารตา่ งๆ โดยบรกิ ารพน้ื ฐานอยา่ งเช่นเคร่ือง ATM และสาขาของธนาคารมีแนวโน้มลดบทบาทลง ถึงแมเ้ จเนเรชน่ั Z จะเข้าถงึ บรกิ ารทางการเงนิ ตง้ั แตอ่ ายุยังน้อย และมีแนวโน้มที่จะมีบริการด้านการเงนิ ที่ หลากหลายมากยิ่งข้นึ ในอนาคต แต่การเลือกตัดสนิ ใจท่ีจะการเปน็ ลูกคา้ ของธนาคารแห่งใดได้รับอิทธพิ ล ค่อนข้างมากจากคนรอบขา้ ง แต่เม่อื พิจารณท่กี ลุม่ เจเนเรช่นั Millennial จะพบว่าหากธนาคารท่รี ับเงนิ เดือน แตกตา่ งจากธนาคารท่ีตนเองต้องการก็พรอ้ มท่จี ะเลือกเป็นลกู คา้ ของธนาคารแหง่ ใหม่ทีต่ นตอ้ งการ โดยการ ตดั สนิ ใจจะให้ความสำคัญกับ Mobile banking เปน็ หลักว่ามีความสามารถในการดำเนินกิจกรรมต่างๆทตี่ นเอง ตอ้ งการได้มากน้อยเพียงใด 295

นอกจากนี้เจเนเรชน่ั Z กับ Millennial ยังใหค้ วามสำคญั อยา่ งมากกบั การใช้บริการคนละดา้ นจาก ธนาคารแตล่ ะแห่ง เพ่ือใหต้ นเองสามารถใชบ้ ริการท่ีตนถูกใจมากทีส่ ุดจากแต่ละธนาคาร โดยคาดหวงั ใหธ้ นาคาร แตล่ ะแห่งจะต้องพยายามสร้างจดุ เด่นดา้ นนวัตกรรมและเทคโนโลยี จนนำมาสู่การเพ่ิมประสิทธิภาพการทำงาน และลดคา่ ธรรมเนยี มทีไ่ มจ่ ำเปน็ ได้ จากการสำรวจพบวา่ กลมุ่ ประชากรในแต่ละเจเนเรช่นั ของประเทศไทยกลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับ ความสามารถของธนาคารในการแสดงตวั ตนวา่ มีความเช่ียวชาญเฉพาะทางในด้านใดด้านหน่งึ หรือให้ความสำคญั กับความสามารถของธนาคารในการนำเสนอผลิตภณั ฑ์แบบเฉพาะเจาะจง (Personalization) ใหก้ บั ตนเอง ดังนัน้ แนวคดิ ทีบ่ ง่ บอกว่าธนาคารควรสามารถสรา้ งผลิตภณั ฑท์ ่มี ีความจำเพาะเจาะจงต่อลูกค้าแตล่ ะรายอาจเปน็ กลยทุ ธ์ ที่ไม่ได้กำหนดความสำเร็จในอนาคตสำหรับในประเทศไทย การนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบเฉพาะเจาะจง (Personalization) นั้น ในความเปน็ จริงไม่ได้สร้างมลู คา่ เพิม่ ให้กับลูกค้ามากนักเมื่อเปรยี บเทียบกบั การซอื้ ผลติ ภณั ฑ์และบรกิ ารทางการเงนิ แบบเหมารวมเหมอื นอย่างใน ปัจจุบนั แต่ในทางกลับกัน Personalization อาจสร้างความซับซอ้ นให้กบั ผู้บริโภคในการทำความเข้าใจถงึ รายละเอยี ดต่างๆของผลติ ภัณฑ์ และความซบั ซ้อนนจ้ี ะทำให้ผบู้ รโิ ภคประเมินราคา (Pricing) ของผลติ ภณั ฑ์ที่ ตนเองต้องการไดย้ าก ไม่สามารภทำการเปรียบเทียบราคาระหว่างผลิตภัณฑ์หรอื ระหวา่ งธนาคารได้ จากผลของการสำรวจยังพบอีกว่า บรกิ าร 3 อันดบั แรกท่ีกลุม่ ประชากรในเจเนเรชน่ั ตา่ งๆต้องการจาก ธนาคารคือ 1) บรกิ ารผ่าน Mobile banking ทรี่ อบดา้ น 2) เครอื่ ง Automatic machine ที่ทำได้หลายอยา่ ง และ 3) การแจง้ เตือน Notification ผา่ นทาง Smartphone ซึง่ ความตอ้ งการบริการต่างๆเหล่าน้จี ะเรง่ ตวั ให้ ธนาคารตอ้ งมีการปรับรปู แบบของสาขาธนาคารใหส้ อดรบั กับการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี ดังเช่นในรปู ท่ี 13.4 ทใ่ี นอนาคตสาขาของธนาคารอาจมีหลายรูปแบบมากขน้ึ เชน่ สาขาที่เป็นแบบ Kiosks ท่เี ต็มไปดว้ ยเครื่อง Automatic machine ตา่ งๆ หรือสาขาแบบ Co-working space สำหรบั ลกู คา้ ในการไดร้ ับคำแนะนำด้านการ บรหิ ารดา้ นการเงิน เป็นต้น 296

รูปที่ 13.4 รปู แบบของสาขาธนาคารในอนาคต ท่มี า Bain & Co (2019) ในสว่ นของความตอ้ งการ Notification นั้น ธนาคารจะต้องมกี ารพฒั นาระบบแจ้งเตือนทมี่ ีความจำเพาะ เจาะจงกับขอ้ มลู ของลกู ค้า และสถานการณ์ของลูกคา้ ในขณะนัน้ มากย่ิงข้นึ เช่นธนาคารอาจตอ้ งมรี ะบบวิเคราะห์ ฐานขอ้ มลู ของลูกค้าจนสามารถบง่ ช้ไี ดว้ ่าในแตล่ ะขณะ ลูกคา้ ต้องการบริการในดา้ นใด จนธนาคารสามารถนำเสนอ การแจง้ เตือนโฆษณาผลติ ภัณฑ์ก่อนที่ลูกค้าจะร้องขอจากธนาคารเป็นตน้ นอกจากนจ้ี ากการวเิ คราะห์ด้วย Cluster analysis เพื่อแบ่งกลุม่ ประชากรเป็นสามกลมุ่ ในบทที่ 9 ได้แก่ 1) Digital fluency 2) Digital neutral และ 3) Digital illiterate นน้ั จะพบวา่ กลุม่ Digital fluency ในปจั จุบัน ที่ส่วนใหญป่ ระกอบดว้ ยประชากรในช่วงเจเนเรชั่น Millennial นัน้ มกี ารเขา้ ถึงผลติ ภัณฑ์ดา้ น Credit card ผลติ ภัณฑ์ประกนั และการลงทนุ กองทนุ รวม สูงกว่ากลุ่มอื่นอยา่ งมนี ัยสำคัญ ซง่ึ คนกลมุ นี้ มจี ำนวนธนาคารเฉล่ียท่ี 3.5 แหง่ และมีพฤติกรรมการใช้ ATM เฉล่ียทีป่ ระมาณ 2-4 ครัง้ ตอ่ เดือน เนอ่ื งจากการแบง่ กลุม่ Cluster นเี้ ป็นการแบ่งเชงิ สัมพทั ธเ์ ปรยี บเทียบระหว่างเจเนเรชัน่ ของกลมุ่ ตัวอยา่ ง ซึง่ สัดส่วนประชากรของ เจเนเรชนั่ Z และ Millennial สว่ นใหญ่ มกั จะอยู่ในกล่มุ Digital fluency จึงทำให้ 297

สามารถคาดการณ์ไดว้ า่ Digital fluency ไมย่ ดึ ติดกบั ธนาคารเดมิ ทตี่ นเองอาจจะต้องผูกกับบญั ชเี งนิ เดือน และ ต้องการเข้าถึงผลติ ภัณฑท์ างการเงินทหี่ ลากหลาย เพราะแต่ละธนาคารอาจมีจุดเด่นในการนำเสนอผลิตภณั ฑ์ที่ แตกต่างกนั และต้องการบัตรเครดติ หลายธนาคาร โดยกลุ่มนมี้ ีความต้องการเขา้ ถึงสาขาทงี่ า่ ย และต้องการ Mobile banking ท่ตี อบโจทย์ ในการตัดสินใจเลือกที่จะเป็นลูกคา้ ธนาคารนัน้ ถึงแม้ผลลัพธ์เชิงประจกั ษ์นจ้ี ะดู เหมือนย้อนแยง้ แตส่ ะท้อนใหเ้ หน็ ว่าคนกล่มุ นคี้ ือกลมุ่ คนที่เน้นความสะดวกสบาย และความรวดเรว็ เปน็ หลัก ซ่ึง ปัจจัยการเปดิ บัญชแี ละการทำธุรกรรมต่างๆยงั อาจมีความจำเปน็ ท่จี ะต้องไปยงั สาขาธนาคาร แต่หาก Pain points ในส่วนน้ไี ด้ถูกแกไ้ ขลง อาจทำให้กลุ่มประชากร Digital fluency ไม่มคี วามต้องการทีจ่ ะเป็นลกู ค้าธนาคาร ท่ีมสี าขาเขา้ ถงึ งา่ ยอีกต่อไป แตจ่ ะเลือกธนาคารที่มี Mobile banking ทตี่ อบโจทยม์ ากทีส่ ุด โดยบรกิ ารทก่ี ลุม่ Digital fluency ไม่ได้ใหค้ วามสำคัญสงู ทสี่ ุด 3 อนั ดับแรกได้แก่ 1) ความสามารถใน การตดิ ต่อพนักงานธนาคารผา่ น Video call 2) การพูดคุยกับพนกั งานธนาคารแบบ Face-to-face และ 3) ความสามารถในการเปิดบัญชผี า่ น Online banking (Computer) เทา่ กบั ว่าธรุ กรรมต่างๆ จะมุ่งเนน้ ทำผา่ น Mobile เปน็ หลักและถึงแม้จะมีความตอ้ งการด้านความนา่ เช่ือถอื ของธนาคาร แตค่ วามนา่ เช่ือถอื นี้ก็ไม่มีความ จำเปน็ ท่ีจะเกิดจากการมปี ฏสิ ัมพนั ธ์แบบเห็นหน้าเหมือนในอดตี แตเ่ ป็นความสัมพันธท์ างดจิ ติ อลและขอ้ มลู ทไี่ ด้รับ จากสื่อดจิ ิตอลตา่ งๆมากกว่า จำลองสถานการณ์ท่ี 7 - Mobile banking จะเป็นผลิตภัณฑห์ ลักทธ่ี นาคารใชเ้ พ่ือดึงดูดลูกคา้ โดยธนาคารจะตอ้ งหาจดุ เด่นท้งั ด้านภาพลักษณข์ ององค์กร และจุดเด่นของ Mobile banking เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกคา้ ใหไ้ ดม้ ากท่ีสุด - การเกิดขน้ึ ของ Personalization ของผลติ ภัณฑแ์ ละบรกิ ารทางการเงินในประเทศไทยไมน่ ่าจะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต - ความนา่ เชอ่ื ถือ และชอื่ เสยี ง ของสถาบนั การเงนิ ยังเป็นสิ่งสำคัญทีล่ กู คา้ ต้องการ และใช้ในการเลือก ธนาคาร - สาขาของธนาคารมีแนวโน้มลดนอ้ ยลง มีการปรบั ขนาดของพืน้ ที่สาขา และปรับเปลย่ี นบริการไปสู่ Automatic machine หรอื Co-working space มากข้นึ - ระบบ Notification ของธนาคารจะต้องมีความจำเพาะเจาะจงต่อความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วง เวลส - การปฏิสมั พันธแ์ บบเหน็ ตวั ตน (Face-to-face) ลดบทบาทลงอย่างมาก และธนาคารจะให้ความสำคญั กบั ปฏสิ มั พันธ์แบบดจิ ติ อลทตี่ อบโจทยค์ วามรวดเร็วและความต้องการของลูกคา้ มากทส่ี ุด 298

วเิ คราะห์ภาพรวมของอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารในยุคดิจิตอล แนวโนม้ หนงึ่ ทีน่ กั วิเคราะหแ์ ละบรษิ ทั ที่ปรึกษาหลายแห่งได้มกี ารคาดการณ์คือ การเข้ามาของเทคโนโลยี จะทำใหเ้ กดิ เหตุการณท์ ีเ่ รยี กวา่ Disaggregation ของบรกิ ารทางการเงนิ ท่จี ะทำใหม้ ี Fintech มานำเสนอบริการ ในด้านใดดา้ นหนง่ึ ท่ีมีประสิทธภิ าพ มตี น้ ทนุ ท่ีต่ำ จนสามารถแขง่ ขันดา้ นราคาและมลู คา่ เพ่มิ กับธนาคารพาณชิ ย์ แบบด้ังเดมิ จนสามารถทำใหผ้ ู้บรโิ ภคเลือกบรกิ ารแต่ละด้านจากแต่ละผใู้ ห้บริการ อย่างไรกต็ ามจากการวิเคราะห์แนวโน้มของธนาคารต่างๆท่ีเกดิ ข้นึ ต้องยอมรับว่า Fintech เหล่าน้นั เป็น เพียงบรษิ ัท Startup ทย่ี งั ไม่มปี ระสบการณด์ า้ นการใหบ้ ริการทางการเงนิ ท่ีดมี ากเพยี งพอ จึงทำใหย้ ังต้องอาศยั การเรียนรแู้ ละประสบการณ์ ในการนำเสนอบรกิ ารทางการเงินอยพู่ อสมควร และสง่ิ สำคัญคือ Fintech เหลา่ น้ัน ไมม่ ีฐานลกู ค้าเหมือนธนาคารท่ีมีฐานลูกคา้ จากบญั ชีเงนิ ฝาก จากการวิเคราะหแ์ นวโน้มทางธุรกิจของธนาคารตา่ งๆจะพบวา่ ธนาคารหลายแห่งไดม้ ีความพยายามที่จะ จดั ตงั้ Venture capital หรือโครงการบ่มเพาะ Startup ท่ีนำเสนอนวัตกรรมในอตุ สาหกรรมให้บรกิ ารทางการเงิน และมีแนวคิดที่จะสรา้ ง Ecosystem ด้านการเงนิ ใหม่ โดยธนาคารพาณชิ ย์เป็นตัวกลางในการสรา้ ง Ecosystem เหล่านัน้ ให้เกดิ ขึ้นดังทไี่ ด้มกี ารวิเคราะหแ์ ลว้ ในบทท่ี 7 นอกจากน้ีจากผลการสำรวจของงานวจิ ัยฉบบั นี้ ยงั พบวา่ ประชากรในกลุม่ เจเนเรช่ัน Z และ Millennial ไม่ไดม้ คี วามต้องการพเิ ศษด้านผลติ ภัณฑแ์ ละบรกิ ารแบบจำเพาะเจาะจง Personalization กลุ่มประชากรเหลา่ น้ี ใหค้ วามสำคญั กับการอำนวยความสะดวกและความรวดเร็วในการได้รบั บริการทางการเงินมากกว่า และต้องการให้ ธนาคารนำเทคโนโลยตี ่างๆมาใช้เพอ่ื เพ่มิ ประสิทธิภาพการทำงาน และสามารถลดค่าธรรมเนียมของธุรกรรมต่างๆ ลงได้ จำลองสถานการณท์ ี่ 8 - โอกาสท่ี Fintech จะเข้ามาแข่งขันจนแย่งลูกคา้ ออกไปจากธนาคารพาณิชยจ์ ึงเกดิ ขึ้นได้ยาก และ โอกาสที่อตุ สาหกรรมการธนาคารและการเงนิ จะถกู ปรบั เปล่ยี นไปจนมีลักษณะเหมือนกับ Disaggregation ของบริการทางการเงนิ นัน้ ไมน่ ่าทจี่ ะเกดิ ขนึ้ และธนาคารพาณชิ ยน์ ่าจะยังคงมี แนวทางในการให้บรกิ ารแบบ Universal banking ตอ่ ไปโดยธนาคารพาณชิ ยจ์ ะเปน็ ตวั กลางในการ เช่ือมโยง Fintechs และ Tech startups ตา่ งๆเขา้ ด้วยกนั เพื่อสร้าง Ecosystem ใหมใ่ นระบบ ธนาคาร และเพ่ือรกั ษาฐานลูกค้าท่ีมีอยู่ในปัจจุบนั 299

อกี ส่ิงหน่งึ ที่อาจจะไมเ่ กิดขึน้ ในประเทศไทยซึ่งแตกต่างจากต่างประเทศคือการปรับเปลยี่ นโครงสรา้ งของ ค่าธรรมเนียมทีบ่ ริษัททป่ี รึกษาหลายแหง่ ในระดบั สากล เช่น Deloitte (2013), Accenture (2015) และ McKinsey (2016) เปน็ ตน้ มักมีมุมมองวา่ ธนาคารจะต้องลดคา่ ธรรมเนียมธรุ กรรมต่างๆเช่น Custody fees, Transaction fees และ Performance fees ใหน้ ้อยลงจนอาจมคี ่าทีใ่ กลเ้ คยี งศูนย์ ซง่ึ เกิดจากสาเหตทุ บี่ ริการ เหลา่ น้ไี ด้ปรบั เปลย่ี นให้อยู่ในรูปแบบดจิ ติ อลที่มตี น้ ทนุ ในการดำเนนิ งานต่ำ และบรกิ ารเหล่าน้กี ็ไม่ไดส้ ร้าง มลู คา่ เพ่ิมใหก้ ับลูกค้ามากนัก เม่ือค่าธรรมเนยี มเหลา่ น้ันต้องลดลงจะเป็นแรงผลกั ดันใหธ้ นาคารต้องหาชอ่ งทางในการคดิ คา่ ธรรมเนยี ม จากบรกิ ารอ่ืน เชน่ คา่ ธรรมเนียมการใหค้ ำแนะนำการลงทนุ หรอื ค่าธรรมเนยี มการใหบ้ ทวิเคราะหด์ ้านการลงทุน เปน็ ต้น ซึ่งในปจั จบุ ันธนาคารและสถาบันการเงินสว่ นใหญ่ไมไ่ ด้คิดค่าธรรมเนยี มในสว่ นน้เี พราะถือวา่ มีการเหมา รวมคิดจากค่าธรรมเนียมในการดำเนินธรุ กรรมไปแล้ว อยา่ งไรก็ตามเหตกุ ารณ์เหลา่ นอี้ าจไมเ่ กดิ ขนึ้ ในประเทศไทย เพราะธนาคารหรือสถาบันการเงินในประเทศ ยังคงประสบความยากลำบากในการคิดค่าธรรมเนียมท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การแนะนำการลงทนุ หรือการออกบทวเิ คราะห์ ด้านการลงทุน จากการที่มกี ลุ่มบุคคลหลายรายนำเสนอขา่ วสาร หรือบทวเิ คราะห์ใหแ้ บบไมค่ ดิ คา่ ใชจ้ ่ายผา่ น Platform ตา่ งๆทผี่ ู้บรโิ ภคชอบใช้งานเชน่ Facebook fan page เปน็ ตน้ จำลองสถานการณท์ ี่ 9 - สิง่ ทีค่ าดว่าจะเกดิ ขน้ึ ในอนาคตกับสถาบันการเงนิ ในประเทศไทยคอื ยงั คงมีการคิดค่าธรรมเนยี มแบบ เหมารวมจากบางกิจกรรมทางการเงินเหมือนอยา่ งในปัจจุบัน และอาจมีการนำเสนอบริการในรปู แบบ Package หรือตะกร้าผลติ ภณั ฑม์ ากยิ่งข้ึน เพ่ือรวมบริการต่างๆเขา้ ด้วยกนั (Bundles) เพ่ือเปดิ โอกาส ใหธ้ นาคารยงั สามารถแอบแฝงคิดค่าธรรมเนียมตา่ งๆต่อไปได้ นอกจากน้ีในปัจจบุ นั ได้มีความกงั วลทชี่ อ่ งทางการขายผลิตภัณฑ์ (Distribution channel) อาจมีการแปร เปล่ียนไปจากการขายผา่ นสาขาทีม่ ีพนกั งานแนะนำบริการตา่ งๆ หรือผา่ นตัวบคุ คล (Sales agent) มาสกู่ ารขาย ผ่านช่องทาง Online มากข้ึน จนอาจนำมาสกู่ ารลดพนักงานท่ีทำหนา้ ท่ีขายผลิตภัณฑ์และบรกิ ารตา่ งๆ ยกตวั อยา่ งเช่นในต่างประเทศเริม่ มกี ารพดู ถึงการปรบั เปลยี่ นวิธีการในการขายผลิตภัณฑ์ประกนั จากการขายผ่าน ตัวแทนขายประกัน มาเปน็ การใหผ้ ู้บริโภคซือ้ ประกันผา่ นช่องทาง Online โดยตรงกับบริษัทประกนั เปน็ ตน้ 300

อยา่ งไรก็ตามโอกาสท่ีช่องทางการขายผลติ ภัณฑ์จะเป็นแบบ Online อย่างมีนัยสำคญั ในประเทศไทยนัน้ อาจเกดิ ขน้ึ ได้ยาก ซง่ึ ปัจจัยสำคัญท่ีขัดขวางการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวคือระดับ Financial literacy ของคนไทยที่ ยงั อยูใ่ นระดับต่ำในหลายมติ ิ ดังแสดงในรูปท่ี 13.5 รปู ที่ 13.5 ระดบั Financial literacy ของประเทศไทย 80.0% 2556 2558 60.0% 2559 คา่ เฉลีย่ OECD 40.0% ทักษะทางการเงิน ความรู้ทางการเงิน พฤติกรรมทางการเงิน ทัศนคตทิ างการเงนิ ท่ีมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (2559) การขายผลิตภณั ฑ์ทางการเงนิ ในลักษณะ Online ทตี่ อ้ งคาดหวังให้ลูกคา้ เลง็ เห็นถึงความสำคญั ของ ผลติ ภัณฑ์เหล่านน้ั ได้เอง จนตัดสินใจซือ้ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินนน้ั จึงเป็นเรอ่ื งท่ีมีความซับซอ้ นค่อนขา้ งมาก และ ผู้บริโภคไมส่ ามารถใช้ความร้ใู นการวิเคราะห์ ทำความเขา้ ใจ หรือเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ตา่ งๆ จนนำมาสู่การ ตดั สินใจซือ้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวด้วยความม่ันใจได้ดว้ ยตนเอง จำลองสถานการณท์ ี่ 10 - พนักงานขาย หรอื ผทู้ ่ีทำหน้าทีใ่ นลักษณะ Financial advisor หรอื Financial planner ยงั มี ความสำคญั อย่างมากในประเทศไทย เพราะจะเปน็ ตวั กลางในการอธิบายผลิตภณั ฑแ์ ละสร้างแรง กระต้นุ ให้กบั ผู้บรโิ ภคให้เหน็ ความสำคัญของผลิตภณั ฑต์ า่ งๆ นอกจากน้ีผู้บรโิ ภคยังตอ้ งการความ สะดวกในการซื้อขายหรอื ติดตามเงอื่ นไขผลิตภณั ฑ์ทางการเงนิ ตา่ งๆ ในสว่ นของระบบการชำระเงินที่ในปจั จุบนั เปน็ แบบ Tiered payment system ท่ผี า่ นธนาคารกลาง และธนาคารพาณิชย์นน้ั มีแนวโนม้ ท่จี ะถูกแปรเปล่ยี นไปเป็นระบบชำระเงินที่ลดบทบาทของตัวกลางทางการเงิน ซึง่ ในปัจจุบันได้มีความพยายามในการประยุกต์นำเทคโนโลยี Distributed ledger system หรอื ที่เรียกวา่ Blockchain มาใชแ้ ทนทีร่ ะบบชำระเงนิ แบบรวมศูนย์ในปัจจบุ ัน 301

ในปัจจุบันธนาคารแหง่ ประเทศไทยกำลังทำการทดลองในโครงการทเี่ รยี กวา่ อนิ ทนนท์ ซ่ึงเปน็ ความ พยายามท่จี ะประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain สำหรับระบบชำระเงนิ การโอนเงนิ ระหวา่ งประเทศ และการทำ ธรุ กรรมตา่ งๆกับธนาคารพาณชิ ย์ นอกจากน้สี ิง่ ท่ตี ามมาจากการนำเสนอระบบชำระเงินแบบ Blockchain คือการ คดิ ค้นเงนิ สกลุ ใหมโ่ ดยธนาคารกลางท่มี ักจะถูกเรียกว่า Central Bank Digital Currency (CBDC) ถึงแม้ใน ปัจจบุ ันจะไม่มลี กั ษณะของ CBDC ท่ีนำเสนอโดยธนาคารกลางแห่งใดอย่างเปน็ รูปธรรมแต่ในอนาคตอันใกลค้ าดวา่ CBDC จะถกู หยิบยกมาพดู คยุ อย่างกว้างขวางมากยงิ่ ขึ้น โดยบทวิเคราะห์ผลกระทบของ CBDC ในแต่ละรปู แบบ ตอ่ บทบาทหนา้ ที่ของธนาคารกลางน้นั จะทำการวเิ คราะห์อย่างละเอยี ดในบทท่ี 15 จำลองสถานการณท์ ่ี 11 - ระบบ Tiered payment system อาจมลี ำดบั ช้ันของการชำระเงนิ ทน่ี ้อยลงเม่ือเทยี บกับระบบใน ปจั จบุ ัน หรืออาจถูกแทนท่ดี ว้ ย Distributed ledger technology หากวเิ คราะห์ช่องทางหลักและการเติบโตของธรุ กรรมการโอนเงินชำระเงินที่เกิดข้นึ ในปัจจุบัน จะพบวา่ ชอ่ งทางการชำระเงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนิกสด์ ว้ ยวธิ กี ารโอนเงนิ ข้ามธนาคารของประชาชนทวั่ ไป และการใชเ้ งิน อิเลก็ ทรอนิกส์ (E-money) ผ่านผู้ใหบ้ รกิ ารกระเปา๋ สตางค์อิเลก็ ทรอนกิ ส์นนั้ เติบโตข้นึ อย่างกา้ วกระโดดในชว่ ง 10 ปีท่ีผ่านมาโดยเติบโตถงึ เฉลี่ยปีละร้อยละ 35 ดงั แสดงในตารางท่ี 13.2 ซึ่งทำใหใ้ นปัจจุบันสดั ส่วนการทำธรุ กรรม ทางอิเล็กทรอนิกสส์ ำหรับการโอนเงินผ่านระบบ Bahtnet นั้นน้อยลงจากร้อยละ 84 เป็นรอ้ ยละ 77 ซง่ึ ถูกแทนที่ โดยมูลค่าการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กของประชาชนทั่วไป ในส่วนของการใชบ้ ตั รพลาสติกและการโอนเงินชำระเงนิ ภายในธนาคารเดียวกนั นน้ั เตบิ โตในระดับที่ รองลงมาทเี่ ฉลี่ยปลี ะร้อยละ 10 ต่อปี ซึง่ หากวเิ คราะห์เชงิ ลึกถึงรายละเอียดปลีกยอ่ ยของลกั ษณะธรุ กรรมทาง การเงินของรายย่อยจะพบวา่ การโอนเงนิ /ชำระเงินผ่านอนิ เตอร์เนต็ และโทรศัพท์เคล่ือนที่ และบตั รเดบติ นั้น เติบโตอยา่ งมากทร่ี ้อยละ 17 และ ร้อยละ 27 ต่อปีซง่ึ เปน็ การเตบิ โตท่สี ูงกว่าการเติบโตของการใชบ้ ัตรเครดิต ดงั แสดงในตารางที่ 13.3 สะท้อนใหเ้ ห็นวา่ ประชาชนในปัจจุบันได้มีการเปลย่ี นวธิ กี ารชำระเงนิ จากเงินสด มาเป็นการ ใช้ Mobile banking, ผา่ นผ้ใู ห้บริการ e-money และผ่านบตั รพลาสตกิ มากขน้ึ เมอ่ื วเิ คราะห์พฤตกิ รรมการใช้ e-money ในประเทศไทยจะพบว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในชว่ ง 3 ปที ่ผี า่ นมาโดยประชาชนได้มีการเพ่ิมปริมาณเงินเพ่ือเติมเงินเขา้ ไปในระบบ E-money อย่างก้าวกระโดดซง่ึ สงู กว่า มูลคา่ การใชจ้ ่ายจรงิ สะท้อนให้เหน็ วา่ ประชาชนต้องการท่ีจะใชเ้ งินในระบบนิเวศนข์ องผใู้ ห้บรกิ าร E-money ใน ชีวิตประจำวนั แทนท่กี ารใช้เงินสดดงั แสดงในรปู ท่ี 13.6 302

ตารางท่ี 13.2 มูลค่าธรุ กรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ เฉล่ียต่อเดือน (หนว่ ย ล้านบาท) ประเภทธุรกรรมอิเล็กทรอนกิ ส์ 2553 2554 2555 2.1 การโอนเงินเพอ่ื ลูกคา้ ผ่าน BAHTNET (BAHTNET- 12,026.58 15,188.00 15,979.42 3rd Party) 914.92 1,185.42 1,458.08 2.2 การโอนเงินครั้งละหลายรายการ (Bulk Payment) 69.17 84.50 104.17 2.3 การโอนเงินรายยอ่ ยขา้ มธนาคาร (Online Retail Funds Transfer: ORFT) 1,250.50 1,387.00 1,939.58 2.4 การโอนเงนิ ภายในธนาคาร (รวมชำระค่าสนิ ค้า 66.33 80.83 102.75 บริการ) 1.33 2.00 3.00 2.5 การชำระเงินด้วยบตั รพลาสตกิ (Payment cards) 2553 2554 2555 2.6 เงนิ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) 5/ 83.93% 84.72% 81.58% สดั สว่ นตามมลู คา่ ของธุรกรรมอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 6.39% 6.61% 7.44% 2.1 การโอนเงินเพ่อื ลูกคา้ ผ่าน BAHTNET (BAHTNET- 0.48% 0.47% 0.53% 3rd Party) 2.2 การโอนเงนิ คร้ังละหลายรายการ (Bulk Payment) 8.73% 7.74% 9.90% 2.3 การโอนเงนิ รายยอ่ ยขา้ มธนาคาร (Online Retail 0.46% 0.45% 0.52% Funds Transfer: ORFT) 0.01% 0.01% 0.02% 2.4 การโอนเงนิ ภายในธนาคาร (รวมชำระคา่ สนิ คา้ บริการ) 2.5 การชำระเงนิ ด้วยบตั รพลาสตกิ (Payment cards) 2.6 เงินอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-Money) 5/ ที่มา ธนาคารแหง่ ประเทศไทย

อตั ราการ 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 เติบโต เฉลี่ยตอ่ ปี 16,808.42 17,701.75 18,873.67 21,660.50 22,581.92 24,604.00 26,370.27 9.12% 1,603.17 1,761.08 1,901.92 2,250.33 2,348.00 2,551.92 2,661.82 12.60% 116.67 132.42 151.75 182.17 253.67 572.50 1,082.45 35.74% 2,388.00 2,469.67 2,513.92 3,070.75 3,242.92 3,364.75 3,591.45 12.44% 113.67 122.83 130.25 139.67 150.08 160.42 177.73 11.57% 4.17 4.75 5.67 7.67 10.58 17.08 23.36 37.46% 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 79.91% 79.76% 80.05% 79.31% 78.99% 78.68% 77.77% 7.62% 7.94% 8.07% 8.24% 8.21% 8.16% 7.85% 0.55% 0.60% 0.64% 0.67% 0.89% 1.83% 3.19% 11.35% 11.13% 10.66% 11.24% 11.34% 10.76% 10.59% 0.54% 0.55% 0.55% 0.51% 0.53% 0.51% 0.52% 0.02% 0.02% 0.02% 0.03% 0.04% 0.05% 0.07% 303

ตารางที่ 13.3 มลู คา่ ธรุ กรรมอเิ ลก็ ทรอนิกสข์ องรายยอ่ ยเฉลย่ี ตอ่ เดอื น (หนว่ ย ลา้ นบาท) การโอนเงนิ รายย่อย (รวมชำระคา่ สนิ คา้ บรกิ าร) ทงั้ 2553 2554 2555 2 ภายในและตา่ งธนาคาร 14.50 17.75 18.83 1 การโอนเงินรายย่อยขา้ มธนาคารผ่านสาขา 219.83 268.33 327.67 3 การโอนเงนิ /ชำระเงินผา่ นเครอ่ื งเอทีเอ็ม การโอนเงนิ /ชำระเงินผา่ นอินเตอร์เนต็ และ 1,085.67 1,185.42 1,697.17 2,1 โทรศัพทเ์ คลอื่ นท่ี 2.42 6.75 7.92 1 บัตรเดบติ 63.75 74.17 94.92 บตั รเครดิต 1.33 2.00 3.00 2 เงินอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Money) 2553 2554 2555 1 สัดสว่ นตามมลู ค่าของธุรกรรมอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 1.05% 1.28% 1.36% 25 การโอนเงินรายย่อยข้ามธนาคารผ่านสาขา 15.84% 19.34% 23.62% การโอนเงิน/ชำระเงนิ ผา่ นเครอ่ื งเอทเี อม็ การโอนเงนิ /ชำระเงนิ ผ่านอินเตอร์เน็ตและ 78.25% 85.44% 122.32% 15 โทรศัพท์เคลื่อนท่ี 0.17% 0.49% 0.57% 0 บัตรเดบิต 4.59% 5.35% 6.84% 7 บตั รเครดติ 0.10% 0.14% 0.22% 0 เงินอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Money) ทม่ี า ธนาคารแห่งประเทศไทย

อัตราการ 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 เติบโต เฉลี่ยตอ่ ปี 16.83 16.00 15.67 15.33 14.25 12.08 10.45 -3.57% 355.58 364.58 356.92 323.08 277.25 217.00 127.36 -5.88% 132.08 2,221.67 2,292.58 2,914.42 3,205.08 3,708.50 4,536.27 17.22% 9.58 9.00 11.58 13.92 18.17 20.75 21.09 27.22% 105.42 113.83 118.83 125.83 133.42 139.75 156.55 10.50% 4.17 4.75 5.67 7.67 10.58 17.08 23.36 37.46% 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 1.21% 1.15% 1.13% 1.11% 1.03% 0.87% 0.75% 5.63% 26.28% 25.72% 23.29% 19.98% 15.64% 9.18% 53.66% 160.12% 165.23% 210.05% 231.00% 267.28% 326.94% 0.69% 0.65% 0.83% 1.00% 1.31% 1.50% 1.52% 7.60% 8.20% 8.56% 9.07% 9.62% 10.07% 11.28% 0.30% 0.34% 0.41% 0.55% 0.76% 1.23% 1.68% 304

รปู ที่ 13.6 มลู ค่าสุทธขิ องการเตมิ เงินหกั ดว้ ยการใชจ้ า่ ย (หน่วย ล้านบาท) 1,000.00 500.00 - 1234 5 6 7 8 9 10 (500.00) ผ้ใู หบ้ ริการทเี่ ป็นสถาบันการเงนิ ผใู้ ห้บริการท่ิมใิ ชส่ ถาบนั การเงนิ (non-bank) บาท ่ตอธุรกรรมทม่ี า ธนาคารแห่งประเทศไทย การเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรมการใชเ้ งินของประชาชนทเี่ กดิ ข้ึนนี้ ทำให้มลู คา่ ต่อธรุ กรรมของการชำระเงิน แบบอิเลก็ ทรอนิกสม์ ีมูลค่าท่นี ้อยลงอย่างกา้ วกระโดดดงั แสดงในรูปที่ 13.7 ท่ีพบว่าการโอนเงินชำระเงนิ ผา่ น อนิ เตอร์เน็ตและโทรศพั ท์เคลื่อนทน่ี นั้ ลดลงจากประมาณ 130,000 บาทต่อธรุ กรรมในปี พ.ศ. 2544 มาเป็นน้อย กวา่ 20,000 บาทตอ่ ธรุ กรรมในปี พ.ศ. 2562 การลดลงของมูลคา่ ธรุ กรรมต่อรายการนนั้ เกดิ ขนึ้ กับพฤติกรรมการ ใช้บตั รเครดติ และบตั รเครดิตเช่นกันดังแสดงในรูปท่ี 13.8 อยา่ งไรก็ตามต้องยอมรบั ว่าธุรกรรมท่เี กดิ ขน้ึ กบั ผู้ ใหบ้ รกิ าร e-money นน้ั ส่วนใหญเ่ ป็นการทำธรุ กรรมที่มีมูลค่าน้อยประมาณ 140 บาทต่อธุรกรรม (ดงั แสดงในรูป ท่ี 13.9) ซึ่งอาจสะท้อนปจั จัยทีป่ ระชาชนใชช้ อ่ งทางนเี้ ฉพาะกับการทำธรุ กรรมเฉพาะดา้ นกับผู้ให้บรกิ าร E- money แตล่ ะราย รูปที่ 13.7 มลู คา่ การโอนเงนิ ชำระเงนิ ตอ่ ธุรกรรมผา่ นอนิ เตอร์เนตและโทรศัพทเ์ คล่อื นท่ี 150,000.00 100,000.00 50,000.00 - 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 การโอนเงิน/ชาํ ระเงินผ่านอนิ เตอรเ์ นต็ และโทรศพั ท์เคลอื่ นท่ี 3/ การโอนเงินรายยอ่ ยขา้ มธนาคารผา่ นอินเตอร์เนต็ และโทรศัพทเ์ คลอ่ื นที่ ท่ีมา ธนาคารแหง่ ประเทศไทย 305

รปู ที่ 13.8 มลู คา่ การใช้บัตรพลาสตกิ ตอ่ ครัง้ 4,000.00 3,000.00 บาท ่ตอธุรกรรม 2,000.00 บตั รเดบติ 1,000.00 บัตรเครดิต - 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ท่มี า ธนาคารแห่งประเทศไทย รปู ท่ี 13.9 มูลค่าการใช้เงินอิเลก็ ทรอนกิ ส์ บาท ่ตอ ุธรกรรม 160.00 140.00 120.00 100.00 80.00 60.00 40.00 20.00 - 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 ท่ีมา ธนาคารแห่งประเทศไทย จำลองสถานการณ์ท่ี 12 - จากการเปล่ยี นแปลงของพฤติกรรมของประชาชนท่ีมคี วามคุน้ ชนิ กบั การใช้บริการ Mobile banking และชอ่ งทางอเิ ล็กทรอนกิ สใ์ หมๆ่ มากย่ิงขึ้น จะทำใหป้ ริมาณเงินสดหมุนเวียนในระบบมีแนวโนม้ ลดลง ในอนาคต 306

จากการเติบโตของการใช้เงนิ ในรปู แบบดจิ ติ อลนี้จึงทำใหผ้ ูว้ างนโยบายหลายทา่ นมีความกังวลถงึ โอกาสท่ี ประชาชนจะตดั สนิ ใจเลือกใช้เงนิ สกุลดิจิตอลอ่นื ๆ ทีไ่ มไ่ ด้ออกโดยธนาคารกลาง ซงึ่ Digital currency อนื่ ๆทีอ่ อก โดยองค์กรอ่นื สามารถอยู่ในรูปแบบของ Virtual currency ท่ผี ู้ออกเงนิ สามารถควบคุมปริมาณเงินในระบบนเิ วศน์ ทต่ี นเองสร้างขน้ึ ได้อย่างอสิ ระ หรือเงนิ ในรูปแบบของ Cryptocurrency ที่มกี ารนำเทคโนโลยี Blockchain มา ประยกุ ต์ใช้ โดยบทวเิ คราะห์เชงิ ลึกถึงศักยภาพของ Digital currency อนื่ ๆเหล่าน้ตี ่อบทบาทของธนาคารกลาง และการเปล่ยี นแปลงของระบบเศรษฐกจิ จะวเิ คราะห์อย่างละเอยี ดในบทที่ 14 นอกจากความเปลีย่ นแปลงทีเ่ กดิ ข้นึ ในระบบชำระเงินและรูปแบบของเงินท่ีใชใ้ นการดำเนนิ ธรุ กรรมตา่ งๆ เทคโนโลยีดิจติ อลได้ทำใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงต่อแนวทางการนำเสนอสินเชือ่ แก่ประชาชนของสถาบันการเงนิ ด้วย ดังท่ไี ดว้ ิเคราะห์ในบทท่ี 4 รูปแบบธุรกจิ ใหม่ในอุตสาหกรรมการใหส้ ินเชอื่ คอื การนำเสนอสนิ เชื่อในลักษณะ P2P lending platform ที่ผคู้ ิดคน้ Platform ดงั กลา่ วไม่ได้เปน็ ผู้ปล่อยก้โู ดยตรง แตเ่ ปน็ เพยี งตวั กลางทีท่ ำหน้าท่ี ประเมินความเสย่ี งในการชำระหนข้ี องผูก้ ู้ และกำหนดระดับดอกเบย้ี ทเี่ หมาะสม แล้วนำผูก้ กู้ บั ผ้ทู ีต่ ้องการปล่อยกู้ มาพบกัน ธุรกิจแบบ P2P lending platform นี้ไดร้ ับการอนญุ าตจากธนาคารแหง่ ประเทศไทยแล้วเพ่อื ให้ทดลอง ให้บริการผ่าน Regulatory sandbox ของธนาคาร อยา่ งไรกต็ ามในปัจจุบันยังไมเ่ ห็นมีผู้ใหบ้ รกิ ารรายใดทท่ี ำ ตลาดจนได้รับความนยิ มอย่างกว้างขวาง นอกจากประเด็นด้านการทำการตลาดท่ตี ่ำของ Fintech ทำให้ประชาชน ไมร่ บั ทราบถงึ ชอ่ งทางการลงทนุ ใหม่ๆผา่ น P2P lending platform นั้น ต้องยอมรับวา่ ปจั จัยหน่งึ ทอ่ี าจเปน็ อุปสรรคสำหรับประชาชนในการใช้บริการ Platform ดังกลา่ วคือการขาดความน่าเชือ่ ถือของผู้ให้บรกิ ารใน ความสามารถประเมินความเสี่ยงผดิ นดั ชำระหนข้ี องผกู้ ู้ โอกาสที่ P2P lending platform จะเกดิ ขน้ึ ผ่านผู้ ใหบ้ ริการ Fintech จงึ เกดิ ข้นึ ได้ยากมากกวา่ โอกาสที่ธนาคารพาณิชย์ จะตัดสินใจทดลองนำเสนอผลิตภณั ฑ์ ดงั กล่าวสปู่ ระชาชน จำลองสถานการณท์ ่ี 13 - P2P lending platform จะกลายเปน็ อีกผลติ ภณั ฑห์ น่งึ ท่ีธนาคารนำเสนอให้กับลกู ค้าผู้ฝากเงิน เพ่ือ เปน็ ชอ่ งทางในการลงทุนใหม่ๆ แก่ประชาชน ในอีกมมุ หน่ึงที่เกิดขนึ้ กับอุตสาหกรรมการใหส้ นิ เชื่อ คอื ความพยายามทจ่ี ะมีการนำเทคโนโลยีใหมๆ่ เพือ่ เกบ็ ข้อมลู ทีห่ ลากหลายสำหรับการวิเคราะห์ความเส่ยี งในการผดิ นดั ชำระหนี้ของผกู้ ้ผู า่ นกลไกท่ีเรียกว่า Information-based lending โดยในปัจจุบนั ธนาคารหลายแหง่ ได้พยายามเริ่มตน้ จากการเก็บธุรกรรม 307

อิเลก็ ทรอนกิ สต์ ่างๆของลูกคา้ และพยายามสรา้ งทีมงานดา้ น Data analytic เพ่อื วเิ คราะหข์ ้อมูลในการทำความ เข้าใจความต้องการและความเส่ียงของลูกค้า ซ่งึ แนวทางนจี้ ะนำไปสู่การคดิ คน้ Credit scoring ใหม่ๆ สำหรับการ ประเมนิ ความเสยี่ งของผูก้ โู้ ดยไม่ต้องอาศัยข้อมูลงบการเงนิ สลิปเงนิ เดอื น หรือประเภทของอาชพี เหมือนอย่างใน ปจั จุบัน เม่อื ธนาคารสามารถพัฒนา Credit scoring ที่มีความนา่ เช่ือถือ และมีความมัน่ ใจในการประเมินความ เสีย่ งได้ถูกต้อง Information-based lending จะสามารถนำไปสู่การเพิม่ โอกาสของธนาคารในการการปล่อย สินเชื่อไปยังลกู ค้ากลุ่มใหม่ท่ีธนาคารไม่เคยเข้าถงึ เช่นผู้ประกอบการธุรกจิ ขนาดย่อม หรือประชาชนในระดับราก หญ้าเปน็ ต้น นอกจากนก้ี ารปล่อยสินเช่อื จะสามารถได้รบั การอนุมัติอย่างรวดเร็ว และธนาคารสามารถลดบทบาท การปลอ่ ยสนิ เชือ่ แบบ Relationship-based lending ลงได้ จำลองสถานการณ์ที่ 14 - Information-based lending จะทำใหธ้ นาคารพาณชิ ยส์ ามาถขยายตลาดลกู ค้าเปา้ หมายมาสกู่ ลุม่ ประชาชนท่ีมคี วามเสยี่ ง มีรายไดไ้ ม่แนน่ อน และธรุ กจิ ขนาดเลก็ ไดซ้ ่งึ จะเป็นการแก้ไขปัญหาด้านการ เข้าถงึ เงนิ ทนุ ของประชาชนรายย่อย อกี ส่วนหนง่ึ ท่ีเร่ิมเหน็ วิวัฒนาการมากขึ้นเพือ่ เปน็ การใหบ้ ริการทีส่ อดรบั กบั Information-based lending คอื ความพยายามของธนาคารที่จะเชื่อมโยงกลุม่ ผู้ก้ขู องธนาคารกบั ผู้ใหบ้ รกิ ารด้านอ่ืนๆ (Solution providers) เข้าด้วยกัน เพ่ือเพม่ิ ศักยภาพของผู้กู้ในการประกอบธุรกิจและลดความเสีย่ งในการผิดนดั ชำระหนี้ใน ทส่ี ุด รูปแบบธรุ กจิ ในลกั ษณะนีไ้ ดม้ กี ารวเิ คราะห์อยา่ งละเอียดในบทท่ี 7 ทีเ่ รียกวา่ Everything-as-a-service ที่ ธนาคารสามารถใหส้ นิ เชื่อ บริการดา้ นการชำระเงิน การบริหารเงินตา่ งๆ แกผ่ ู้กู้ ไปพรอ้ มกับการเชอื่ มโยงผกู้ ้ไู ปสผู่ ู้ ให้บรกิ ารด้านอนื่ ๆเชน่ Logistics หรือ Accounting management เปน็ ต้น จำลองสถานการณ์ที่ 15 - รูปแบบธรุ กิจในลักษณะ Everything-as-a-service จะกลายเป็นกลยทุ ธ์พน้ื ฐานใหม่ของธนาคารในอีก 10 ปีขา้ งหนา้ ภายใต้การเติบโตของ E-commerce platform และ Digital economy 308

บทสรุป จากการประมวลผลการวเิ คราะห์แนวโน้มด้านเทคโนโลยี ระดับ Digital literacy ของประชากรไทย และ พฤติกรรมความพงึ พอใจตอ่ การใช้บรกิ ารทางการเงนิ ในแต่ละด้าน ทำใหส้ ามารถสรปุ เหตกุ ารณ์ตา่ งๆท่คี าดวา่ จะ เกิดข้ึนในอนาคตได้ดังน้ี 1. Smart mobile device จะเปน็ อุปกรณห์ ลกั ของการเข้าถึงโลกดจิ ติ อลในอนาคต 2. ความเหลือ่ มล้ำด้านการเขา้ ถึงเทคโนโลยดี ิจิตอลของประชากรในอนาคตมีแนวโนม้ ลดนอ้ ยลง 3. เทคโนโลยดี จิ ติ อลจะไม่ได้ถูกนำมาใชเ้ พ่ือทำงานเฉพาะทาง แตจ่ ะเปน็ การนำเทคโนโลยดี ิจิตอลมาใช้กบั ทกุ กจิ กรรมในชีวิตประจำวนั อยา่ งเป็นธรรมชาติ 4. ความเหล่ือมล้ำด้าน Digital literacy ลดนอ้ ยลงในอนาคต แต่รฐั บาลและภาคสว่ นที่เกย่ี วขอ้ งยงั มคี วาม จำเปน็ ทจี่ ะต้องสรา้ งระบบการศกึ ษาที่สง่ เสรมิ ให้ประชาชนทุกคนมรี ะดบั Digital literacy ทีใ่ กลเ้ คียงกัน 5. ประชากรหนึง่ คนมีแนวโนม้ เปน็ ลกู ค้าธนาคารหลายแห่งพรอ้ มๆกนั และอายเุ ฉลีย่ เร่มิ ต้นของการเปน็ ลกู คา้ ธนาคารลดน้อยลงเร่ือยๆ จึงทำให้ธนาคารต้องนำเสนอผลติ ภัณฑแ์ ละบริการทางการเงินใหมๆ่ ท่ี ตอบโจทยล์ กู คา้ แตล่ ะวัยอยา่ งหลากหลายมากยิ่งขนึ้ กว่าในปัจจุบัน 6. บรกิ ารพ้นื ฐานอยา่ งเชน่ เครื่อง ATM และสาขาของธนาคารมีแนวโนม้ ลดบทบาทลง มีการปรบั ขนาดของ พน้ื ที่สาขา และปรบั เปลี่ยนบริการไปสู่ Automatic machine หรือ Co-working space มากขึ้น โดย การปฏสิ ัมพันธ์แบบเหน็ ตัวตน (Face-to-face) ลดบทบาทลงอยา่ งมาก 7. ธนาคารจะต้องหาจุดเด่นของ Mobile banking และภาพลกั ษณข์ ององค์กร 8. การเกิดข้ึนของ Personalization ของผลติ ภณั ฑแ์ ละบริการทางการเงินในประเทศไทยไม่มแี นวโน้มทจ่ี ะ เกิดข้ึนในอนาคต 9. ความน่าเชื่อถือ และชอ่ื เสียง ของสถาบันการเงิน ยังเป็นสงิ่ สำคัญที่ลูกค้าตอ้ งการ และใช้ในการเลือก ธนาคาร 10. ระบบ Notification ของธนาคารจะต้องมีความจำเพาะเจาะจงต่อความต้องการของลูกค้าในแตล่ ะ ช่วงเวลา 11. โอกาสที่อตุ สาหกรรมการธนาคารและการเงินจะถกู ปรบั เปลี่ยนไปจนมลี ักษณะเหมอื นกับ Disaggregation ของบริการทางการเงนิ นนั้ ไม่มแี นวโนม้ ที่จะเกิดขึน้ ธนาคารพาณิชยย์ งั คงมีแนวทางใน การให้บรกิ ารแบบ Universal banking ตอ่ ไป 309

12. ธนาคารพาณชิ ย์จะเป็นตัวกลางในการเชือ่ มโยง Fintechs และ Tech startups ตา่ งๆเข้าด้วยกนั เพื่อ สร้าง Ecosystem ใหม่ในระบบธนาคาร และเพ่ือรักษาฐานลกู ค้าท่ีมีอยู่ในปจั จบุ นั 13. ยงั คงมีการคิดค่าธรรมเนียมแบบเหมารวมจากบางกิจกรรมทางการเงนิ เหมือนอยา่ งในปัจจุบัน และอาจมี การนำเสนอบริการในรูปแบบ Package หรือตะกร้าผลิตภัณฑ์มากยง่ิ ข้ึน เพื่อเปดิ โอกาสใหธ้ นาคารยัง สามารถแอบแฝงคิดคา่ ธรรมเนยี มตา่ งๆต่อไปได้ 14. Online channel ในการขายผลติ ภัณฑ์ของธนาคารยังไม่สามารถแทนที่พนกั งานขาย หรือผ้ทู ี่ทำหน้าท่ีใน ลกั ษณะ Financial advisor หรอื Financial planner ไดเ้ พราะระดับ Financial literacy ของ ประชากรไทยยงั อยใู่ นระดับต่ำ 15. ระบบ Tiered payment system อาจมีลำดบั ชนั้ ของการชำระเงินที่น้อยลงเม่ือเทียบกับระบบในปัจจบุ ัน และมีแนวโน้มถูกแทนที่ดว้ ย Distributed ledger technology 16. จากการเปลย่ี นแปลงของพฤติกรรมของประชาชนที่มีความคุน้ ชนิ กับการใชบ้ ริการ Mobile banking และ ชอ่ งทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์ใหมๆ่ มากยิง่ ข้นึ จะทำใหป้ ริมาณเงนิ สดหมนุ เวยี นในระบบมีแนวโนม้ ลดลงใน อนาคต 17. P2P lending platform จะกลายเป็นอีกผลิตภัณฑห์ น่ึงท่ีธนาคารนำเสนอให้กับลูกคา้ ผู้ฝากเงิน เพ่ือเปน็ ชอ่ งทางในการลงทุนใหมๆ่ แก่ประชาชน 18. Information-based lending จะทำให้ธนาคารพาณชิ ย์สามาถขยายตลาดลูกคา้ เปา้ หมายมาสกู่ ลุ่ม ประชาชนท่มี ีความเสี่ยง มรี ายได้ไม่แน่นอน และธรุ กจิ ขนาดเล็ก 19. ธรุ กิจในลักษณะ Everything-as-a-service จะกลายเปน็ กลยุทธ์พน้ื ฐานใหม่ของธนาคารในอีก 10 ปี ขา้ งหน้าภายใต้การเตบิ โตของ E-commerce platform และ Digital economy อยา่ งไรก็ตามการคาดการณจ์ ำลองสถานการณ์ในบทนี้เป็นความคิดเหน็ ส่วนตวั ของผวู้ จิ ยั ที่ได้รบั จากการ วเิ คราะห์แนวโน้มอตุ สาหกรรม แนวโน้มนวตั กรรม และผลการสำรวจพฤติกรรมกลุ่มตัวอย่างจากการช้วี ัด Digital literacy ดังนัน้ พฤติกรรมของผบู้ รโิ ภคในอนาคตท่ีคาดการณ์อาจมีขอ้ จำกัดที่เปน็ การสะทอ้ นกลุ่มตัวอยา่ งในเขต เมอื ง ซงึ่ อาจไมไ่ ดส้ ะท้อนพฤติกรรมของกลุ่มตวั อย่างในเขตชนบทท่ีแทจ้ รงิ 310

เอกสารอา้ งองิ Accenture. (2015). The Everyday Bank: A New Vision for the Digital Age. London: Accenture. Apis-Partners. (2018). Gamification of Financial Services: Current Trends and Future Possibilities. London: Apis.pe. Bain & Co. (2019). Reimagining the Digital Branch of the Future: Let's Get Practical. London: Bain & Co. Deloitte. (2013). Retail Bank Pricing: Resetting customer expectations. New York: Deloitte Center for Financial Services. McKinsey. (2016). Price to Win: Create value through smarter pricing in a competitive interst rate environment. Beijing: McKinsey&Company. ธนาคารแหง่ ประเทศไทย. (2559). สรปุ ผลการสำรวจทกั ษะทางการเงนิ (Financial Literacy) ปี 2559 และ แนวทางการดำเนนิ การของ ธปท. กรงุ เทพ: ธนาคารแห่งประเทศไทย. 311

บทที่ 14 วิเคราะหผ์ ลกระทบของระบบเศรษฐกจิ ดิจิตอล ตอ่ การดำเนนิ นโยบาย การเงิน/การคลงั บทนำ แนวโน้มการเปลย่ี นแปลงทางดิจติ อลทจ่ี ะเกิดขนึ้ ในอนาคตน้นั ไม่ไดเ้ ปลีย่ นแปลงรูปแบบการดำเนินธรุ กจิ ของภาคเอกชน และพฤตกิ รรมการบริโภคของภาคประชาชนเพยี งอย่างเดยี ว แตย่ งั ส่งผลกระทบตอ่ บทบาทของ ภาครัฐ และธนาคารกลางในการกำกบั ดูแลระบบเศรษฐกิจดิจติ อลด้วย ดังน้นั ในบทน้จี ะวิเคราะหใ์ ห้เห็นภาพรวม ของบทบาทของธนาคารกลางต้งั แต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตวา่ จะมแี นวโน้มเปลย่ี นแปลงไปอย่างไร เม่ือวิเคราะหก์ ารเปลยี่ นแปลงหลกั ทีเ่ กี่ยวข้องกับธนาคารกลางจะพบว่าเทคโนโลยไี ด้ทำให้เกิดความเสี่ยง ตอ่ สถานะของเงนิ ตราทอี่ อกโดยธนาคารกลางอยา่ งมาก ซงึ่ เงินตราทอี่ อกโดยภาคเอกชนน้นั มอี ยู่หลากหลาย รูปแบบ โดยในบทที่ 6 ไดก้ ลา่ วถึงเงนิ ตราในรปู แบบ Cryptocurrency เพียงอยา่ งเดยี วเท่านัน้ ดังนั้นในบทนจี้ งึ ทำ การวิเคราะหต์ ่อไปว่าเงินในรูปแบบ Digital currency ท่ีออกโดยภาคเอกชนน้ัน จะปรบั เปล่ยี นระบบเศรษฐกิจ และส่งผลกระทบต่อการกำกับดแู ลเสถียรภาพของระบบเงินและเสถยี รภาพของสถาบันการเงนิ ของธนาคารกลาง อย่างไร ในหัวข้อสดุ ทา้ ยของบทนี้ จะทำการวิเคราะหว์ า่ การเปลย่ี นแปลงของระบบเศรษฐกิจไปสู่ระบบเศรษฐกจิ ดิจิตอลนัน้ ส่งผลให้รัฐบาล และหน่วยงานของรัฐต้องปรับเปล่ียนวิธีการดำเนินนโยบายการคลงั อย่างไร จะทำให้ ประสทิ ธิภาพของการดำเนนิ นโยบายดีขนึ้ หรอื ไม่ และระบบเศรษฐกจิ ดิจิตอลได้สร้างความท้าทายอยา่ งไรต่อทั้ง ภาคประชาชน ภาคธรุ กิจ และภาครฐั บทบาทของธนาคารกลางจากอดีต – ปจั จบุ ัน - และในอนาคต ธนาคารกลางมีบทบาทสำคัญอยา่ งมากต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจผ่านการกำกบั ดแู ลมูลคา่ ของ เงินตรา (Monetary value) ที่ใช้เป็นตวั กลางในการแลกเปลยี่ นสนิ คา้ และบริการ โดยในช่วงปลายศตวรรณที่ 18 Francis Baring ซง่ึ เปน็ ผู้ก่อต้ัง English Banking Dynasty ไดอ้ ธบิ ายบทบาทของธนาคารกลางองั กฤษว่า เป็น 312

“The centre or pivot, for enabling [the monetary and credit] machine to perform its functions” (Tucker, 2017) ซง่ึ หมายความวา่ นอกจากธนาคารกลางจะมบี ทบาทสำคัญในการดูแลมูลคา่ ของเงินผ่านนโยบาย การเงนิ ธนาคารกลางยงั เปน็ กลไกสำคญั ท่ที ำให้เกิดระบบสินเชอ่ื การระดมทนุ เพือ่ การประกอบธุรกจิ ของภาคสว่ น ต่างๆในระบบเศรษฐกิจ ในปัจจุบนั ธนาคารกลางทุกประเทศยังคงมีบทบาทดง่ั เช่นที่ Francis Baring ได้กล่าวไว้ โดยธนาคารกลาง ถือเป็นผู้ออกตราสารทีเ่ รยี กว่า “เงิน” ซึ่งถูกใชส้ ำหรับการยนื ยนั สดุ ทา้ ยของธุรกรรมทางการเงนิ ตา่ งๆ หาก พจิ ารณาประเภทของเงนิ ท่ีธนาคารกลางเป็นผู้ออก (Central bank money) จะสามารถ จะสามารถจำแนกเงนิ ออกเปน็ 3 ประเภทใหญ่ ได้แก่ 1) ธนบัตร (Physical notes) ทจี่ บั ตอ้ งได้ 2) เงินท่ธี นาคารพาณชิ ยฝ์ ากอยู่ในบัญชี ที่ธนาคารกลางซึ่งมกั จะเรียกวา่ Settlement account หรือ Central bank reserves และ 3) เงินที่ประชาชน ฝากอยูก่ ับธนาคารพาณิชย์ (Deposit money) ดว้ ยเหตนุ ก้ี ารดำเนนิ กิจกรรมต่างๆของธนาคารกลางจงึ ไม่สามารถ แยกหน่วยงานท่ีทำหนา้ ท่ีควบคุมปรมิ าณของเงนิ กบั หน่วยงานที่ทำหนา้ ท่ีกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ออกจากกนั ได้ เหมอื นด่ังแนวคดิ ของนายกรฐั มนตรี Peel ในปี ค.ศ. 1844 ทปี่ ระเทศองั กฤษท่พี ยายามแยกหนว่ ยงานทัง้ สอง ออกจากกัน (Horsefield, 1944) ในปจั จบุ ันธนาคารกลางซึ่งเป็นผู้ออกตราสารเงินนี้ สามารถกำหนดภาษขี อง “เงนิ ” ได้ผ่านสง่ิ ที่เรียกวา่ เงินเฟ้อ (Inflation) เพราะเม่ือธนาคารกลางเป็นผู้เพิม่ ปรมิ าณเงนิ หมุนเวยี นในระบบจะเป็นแรงผลกั ดนั ที่ทำใหเ้ กิด เงนิ เฟ้อในระบบเศรษฐกจิ ไปโดยปรยิ าย ดงั น้นั จงึ สามารถกลา่ วได้วา่ ตวั กลางท่ใี ชใ้ นการแลกเปล่ียน และมลู ค่าของ เงนิ นั้นควบคมุ โดยหนว่ ยงานเดยี ว ระบบเศรษฐศาสตร์การเงิน (Monetary economy) ทธ่ี นาคารกลางเปน็ ผู้ออกเงินผ่านการพมิ พธ์ นบัตร และเงนิ ที่ออกผ่านธนาคารพาณชิ ย์ ยังทำใหเ้ กดิ ระบบการชำระเงนิ ทเ่ี รยี กวา่ “Tiered payment system” ขึน้ โดยเป็นระบบการชำระเงนิ ท่ีมกี ารจดั ลำดบั ข้ันของการยนื ยนั ธุรกรรมการโอนเงินชำระเงนิ เชน่ หากธนาคาร พาณชิ ย์ขนาดเลก็ ต้องทำธุรกรรมโอนเงินชำระเงินใหก้ บั ลกู ค้าแลว้ ทำให้เกิดสภาพคล่องส่วนเกินหรอื ขาดสภาพ คล่อง ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กเหลา่ นจ้ี ะดำเนินการชำระบัญชสี ่วนตา่ งดังกล่าวทบ่ี ญั ชีที่ถือกับธนาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ และหากเกิดสภาพคล่องส่วนเกนิ หรือขาดสภาพคล่องในลำดับขน้ั ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ธนาคารพาณชิ ย์ขนาดใหญ่ก็จะดำเนนิ การชำระบญั ชีในลำดับสดุ ทา้ ยทธ่ี นาคารกลาง ระบบการชำระเงินใน ลกั ษณะนจี้ งึ ทำใหเ้ กิดธุรกรรมระหวา่ งธนาคาร (Interbank transaction) ซงึ่ เป็นการบริหารสภาพคล่องของระบบ การเงนิ ทงั้ ระบบในแต่ละวัน 313

จากกลไกระบบชำระเงนิ และการบรหิ ารสภาพคล่องน้ี จึงทำใหธ้ นาคารกลางมอี ีกบทบาทหนึง่ ท่ีสำคญั ท่ี เรียกว่า “The lender of last resort” โดยธนาคารกลางถอื เป็นหน่วยงานสุดท้ายท่ีสามารถอุดช่องโหว่ สว่ นต่าง ของสภาพคลอ่ งท่ีเกดิ ข้ึนในระบบการเงิน เชน่ หากระบบการเงินอยู่ในสภาวะขาดสภาพคลอ่ งจากการเทขาย หลักทรพั ยป์ ระเภทตา่ งๆของนักลงทุนทง้ั ในและต่างประเทศ ธนาคารกลางสามารถเขา้ ไปแทรกแซงผ่านการเพิ่ม ปรมิ าณเงนิ ในระบบ (สร้างเงินเพิม่ เติมในระบบ) เพื่อเปน็ การให้สภาพคลอ่ งแก่ระบบการเงินในช่วงเวลาดังกล่าว เปน็ ต้น นอกจากธรุ กรรมการโอนเงนิ ชำระเงนิ ทีธ่ นาคารพาณิชย์แต่ละแหง่ จะต้องดำเนนิ การบรหิ ารสภาพคล่อง แทนธนาคารกลางแล้วนั้น ธนาคารพาณชิ ย์ยังเปน็ หนว่ ยงานหลกั ท่ใี ห้บริการด้านเงินทนุ ผ่านสินเชื่อแก่ภาคธุรกจิ เมือ่ ธนาคารพาณิชยม์ ีการดำเนนิ กิจกรรมการให้สินเช่ือ (สินเชอ่ื ทเ่ี กิดขึ้นนัน้ เปน็ สนิ ทรัพย์ของธนาคารพาณิชย)์ แสดงวา่ ธนาคารพาณิชย์จะต้องมีภาระหนส้ี ิน (Liabilities) เกดิ ขน้ึ ในปริมาณท่ีใกลเ้ คยี งกันดว้ ย โดยภาระหนี้สิน หลกั ของธนาคารพาณชิ ย์คือ “บญั ชเี งินฝาก” ที่ประชาชนนำเงนิ สดท่ีออกโดยธนาคารกลางมาแลกเป็น “บญั ชีเงิน ฝาก” ทธ่ี นาคารพาณิชย์ การเกดิ ขึ้นของ “บญั ชเี งนิ ฝาก” น้ี จึงเปรียบเสมือนเป็นการสรา้ งเงนิ (พมิ พเ์ งนิ ) ขนึ้ มาโดยธนาคาร พาณชิ ย์เป็นผูอ้ อกเงนิ ดงั กลา่ ว “บัญชีเงนิ ฝาก” จึงถือเป็นอีกประเภทหนึ่งของเงินทเี่ กิดข้ึนในระบบเศรษฐกิจ ถงึ แม้ ธนาคารพาณิชย์จะสามารถสร้างเงินด้วย “บัญชเี งินฝาก” แตธ่ นาคารพาณชิ ยไ์ ม่สามารถเปลยี่ นแปลงปริมาณของ เงนิ ใน “บัญชเี งนิ ฝาก” ได้อย่างอสิ ระเหมอื นธนาคารกลางทค่ี วบคมุ ปริมาณเงนิ ที่ตนเองออก เพราะการสรา้ งเงิน ของธนาคารพาณิชยเ์ ปน็ การสร้างอย่ภู ายใตป้ ริมาณเงินที่มีอยู่แล้วในระบบเศรษฐกิจ จากความสัมพันธ์ดงั กล่าวข้างตน้ จงึ สามารถสรปุ ได้ว่าระบบเศรษฐกจิ ที่เกดิ ข้ึนในปจั จบุ นั นั้นมีการ เชื่อมโยงระหวา่ ง ระบบเงนิ (Monetary system) และระบบสนิ เช่อื (Credit system) ในลกั ษณะท่ีไม่สามารถ แยกระบบท้ังสองออกจากกนั ได้ ซ่งึ กจิ กรรมที่ธนาคารพาณิชย์ดำเนนิ การอยใู่ นปจั จุบนั นี้ จึงเปรียบเสมือนเป็น หน่วยงานที่เปน็ ตวั แทนของธนาคารกลาง ในการชว่ ยควบคุมระบบเศรษฐกจิ ใหม้ เี สถียรภาพในระยะยาว และ บทบาทของธนาคารกลางในปัจจุบนั จงึ อยู่ในฐานะของการเปน็ Monetary institution (หน่วยงานที่ควบคมุ มูลคา่ ของเงิน) และ Liquidity reinsurer (หนว่ ยงานท่ีรับประกันสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ) การบรหิ ารงานของธนาคารพาณชิ ยท์ ่ีมีการสร้าง “บัญชเี งินฝาก” ในฝ่งั ภาระหนี้สิน และสามารถนำมาให้ “สินเช่อื ” ในฝ่งั ของสนิ ทรัพย์น้นั เป็นระบบที่เรียกว่า Fractional reserve banking ซึง่ เปน็ ระบบทธ่ี นาคาร พาณิชย์ไม่ต้องนำมูลคา่ เงินฝากทัง้ จำนวน มาฝากไวใ้ นบญั ชีทีธ่ นาคารกลาง โดยมลู คา่ ของเงินใน “บัญชีเงนิ ฝาก” 314

ท่ธี นาคารพาณิชย์ออกให้กบั ประชาชนนั้น สามารถมเี สถียรภาพอยู่ไดเ้ พราะความนา่ เชอื่ ถือของธนาคารพาณชิ ยใ์ น การดำเนินธรุ กจิ และการเปน็ Lender of last resort ของธนาคารกลาง ในอดตี ไดเ้ คยมีการเสนอใหธ้ นาคารพาณชิ ย์ไม่ควรมกี ารดำเนินธรุ กิจในลักษณะ Fractional reserve banking ซึง่ เป็นการนำเสนอของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภายใต้นโยบาย Chicago plan ในช่วงปคี .ศ. 1930s (Benes and Kumhof, 2012) โดยนโยบายนี้เสนอให้ธนาคารพาณชิ ย์เป็นเพยี งองค์กรท่ีมหี นา้ ที่เข้าถงึ ประชาชน ในการรบั ฝากเงินเท่านนั้ และเงนิ ทัง้ หมดทรี่ ับฝากจะต้องนำมาลงทุนในพนั ธบตั รรฐั บาลหรือฝากไว้กบั ธนาคาร กลางเทา่ นน้ั นโยบายในลักษณะนคี้ ือความพยายามในการปรับเปล่ียนระบบการเงนิ ใหม้ ีระดับของการรวมศนู ย์ อำนาจมากยง่ิ ขน้ึ ซึ่งเทา่ กับวา่ ผู้ทมี่ ีหน้าท่ใี นการจดั สรรเงนิ ทรัพยากรในระบบเศรษฐกิจเพือ่ ให้ภาคธรุ กจิ นำไปใช้ใน การประกอบธรุ กิจนั้นจะผ่านการประเมนิ อนุมัตโิ ดยรัฐบาลหรอื ธนาคารกลางในทส่ี ดุ ถงึ แม้ขอ้ เสนอ Chicago Plan จะไม่ได้รับการอนมุ ัติ และทำใหร้ ะบบเศรษฐกจิ ในปจั จบุ นั มีรปู แบบที่ เรียกว่า Fractional reserve banking แต่แนวทางของ Chicago plan นีก้ ็เป็นรูปแบบท่ีธนาคารกลางในปจั จุบัน ใชเ้ มือ่ มีการออกกฎเกณฑ์ในการกำกบั ดูแลผปู้ ระกอบการ Electronic money (E-money) ท่ีมีข้อจำกัดในการนำ เงินในบญั ชขี องผูบ้ รโิ ภคไปใช้อยา่ งอสิ ระ เช่นในประเทศไทย พระราชบัญญตั ิระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 กำหนดให้ ผูใ้ ห้บริการ E-money จะตอ้ งนำเงินในบัญชขี องผ้ใู ช้ไปฝากไว้กับสถาบนั การเงินเทา่ นนั้ และต้องแจ้ง มลู ค่าเงินฝากทั้งหมดเป็นประจำทุกเดือน เพื่อยนื ยนั ว่าเงนิ ของผใู้ ชบ้ รกิ าร E-money ไม่ถูกนำไปใชใ้ นกจิ กรรม อ่นื ๆ เป็นต้น ในยุคของการเปล่ียนแปลงด้านดจิ ิตอลอยา่ งฉับพลนั (Digital disruption) จนนำมาสู่การเปลยี่ นผา่ นของ ระบบเศรษฐกจิ ไปยังระบบเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital economy) ทำให้เกิดคำถามที่สำคัญว่าธนาคารกลางจะ ยงั คงมีบทบาทสำคัญเหมือนในปัจจุบนั อกี ต่อไปหรือไม่ นอกจากน้ีในปัจจุบนั ธนาคารพาณิชย์แต่ละแหง่ ก็มคี วามซับซ้อนในการดำเนินธรุ กรรมทางการเงนิ ท่ีมาก ขึน้ ทำให้ธนาคารพาณชิ ยแ์ ต่ละแห่งไมไ่ ด้มีลกั ษณะทเ่ี หมือนกัน (Homogenous) เหมือนอย่างในอดีต จึงสรา้ ง ความยากลำบากให้กับธนาคารกลางในการควบคมุ เสถียรภาพของระบบการเงนิ เพราะไมส่ ามารถบง่ ชี้ถึงปญั หาที่ เกดิ ข้นึ ในแต่ละธนาคารได้อย่างแม่นยำ การเปลยี่ นแปลงทางเทคโนโลยียงั นำไปสกู่ ารไดร้ บั ความนิยมมากย่ิงขึ้นของคา่ นิยมดา้ นสิทธเิ สรภี าพ ซึง่ คา่ นยิ มน้ไี ด้เกิดการผลักดนั แนวความคดิ ทเ่ี รยี กวา่ Free banking ซ่ึงเปน็ แนวคดิ ที่สนบั สนนุ ให้ภาคประชาชนมี อำนาจในการตดั สินใจ กำหนดลักษณะของผลติ ภัณฑ์และบรกิ ารทางการเงนิ และสามารถกำหนดตวั กลางที่ 315

เรยี กว่า “เงิน” ได้ว่าอยากให้อยใู่ นรปู แบบใด มีกลไกในการควบคมุ ปรมิ าณและมลู ค่าอย่างไร แนวความคิดเหลา่ น้ี ลว้ นเปน็ แนวความคดิ ที่สร้างความทา้ ทายใหก้ ับธนาคารกลาง ทีต่ อ้ งออกแบบและสรา้ งกลไกใหเ้ หมาะสมกับระบบ เศรษฐกิจ ความคิดเห็นหนง่ึ ท่สี ำคัญโดยนกั เศรษฐศาสตร์ทม่ี ีชื่อเสียงอยา่ ง Paul Volcker ในปี ค.ศ. 1990 ได้กลา่ ว วา่ “I insist that neither monetary policy nor the financial system will be well served if a central bank loses interest in, or influence over, the financial system.” (Conti-Brown and Lastra, 2018) ดงั น้ันภายใตก้ ารเปล่ยี นแปลงทางเทคโนโลยีดจิ ติ อลและรปู แบบของระบบเศรษฐกิจ ธนาคารกลางยงั มี ความจำเป็นทจ่ี ะต้องเปน็ หน่วยงานหลกั ท่มี หี นา้ ท่ีสรา้ งความม่ันใจให้กับระบบเศรษฐกจิ ว่า ระบบธนาคารและ มลู ค่าของเงนิ จะต้องมีเสถียรภาพ (Banking and monetary stability) เพราะระบบธนาคารคือระบบสำคญั ใน กระบวนการชำระเงนิ กระบวนการให้สินเช่อื และการบรหิ ารสภาพคลอ่ งของระบบเศรษฐกจิ ธรุ กรรมทางการเงิน ในระบบเศรษฐกิจจะเกิดขนึ้ ไดห้ ากมลู คา่ ของเงนิ มีความน่าเช่อื ถือสามารถคาดเดามูลค่าไดง้ ่าย ในอดตี มูลค่าของเงินมีเสถยี รภาพอยู่ได้เพราะมีการใชเ้ งินในรปู แบบทเ่ี รียกว่า Commodity money เช่น สัตว์เกษตรกรรม เมล็ดพนั ธพ์ ืช ทอง เงนิ ทองแดง เปน็ ต้น ซง่ึ รปู แบบของเงินในลักษณะนี้จะมมี ลู ค่าในตัวของมนั เอง (Intrinsic value) ตอ่ มาในชว่ งศตวรรษท่ี 18 ได้มกี ารเปล่ยี นแปลงเงินให้มลี ักษณะเปน็ “Commodity- backed” โดยท่ีไม่ไดม้ ีการนำสินค้าโภคภณั ฑม์ าเปน็ เงนิ โดยตรง แต่คิดคน้ วัสดุที่ใช้แทนเงนิ โดยผูอ้ อกวสั ดเุ หล่านน้ั นำสินคา้ โภคภัณฑม์ ารองรับราคาของเงินที่ออก เพ่อื เป็นการลดตน้ ทุนในการผลิตและสะดวกในการจดั เก็บเงิน จงึ เกิดเงนิ ในรูปของธนบตั รขน้ึ ในช่วงแรกท่มี ีการออกธนบัตรนั้นสามารถนำธนบตั รมาแลกเปลย่ี นเป็นปริมาณของ Commodity ทีก่ ำหนดไว้ได้ (Kenneth, 2014) อย่างไรกต็ ามในระบบเศรษฐกิจปัจจบุ นั ระบบ “Commodity-backed” ไดถ้ ูกยกเลกิ ไปกลายเป็นระบบ ทมี่ กี ารสรา้ งเงนิ ท่เี รียกว่า “Fiat” money ข้ึน ท่ี เงนิ ไม่สามารถแลกเปลีย่ นเปน็ Commodity ไดต้ ามปริมาณที่ กำหนดตายตัว แตเ่ ป็นเงินที่มีกฎหมายรองรบั ใหเ้ ป็น Legal tender และเปน็ เงินท่ีออกโดยธนาคารกลาง ความนา่ เชื่อถือของมลู ค่าของเงิน Fiat money ในช่วงศตวรรษที่ 20 จงึ ข้ึนอยู่กบั บทบาทหน้าที่ของการ เป็น The lender of last resort ของธนาคารกลาง และมูลคา่ เงนิ ขึ้นอยู่กบั อปุ สงค์และอปุ ทานของนักลงทนุ ใน ระบบการเงนิ ทีจ่ ะประเมนิ มูลค่าของเงินผ่านการวเิ คราะห์ปัจจยั ตา่ งๆของเงินสกลุ นัน้ ๆ การเปลีย่ นแปลงนี้ทำให้ธนาคารกลางในหลายประเทศ ให้ความสนใจกบั ปจั จัยสำคญั ตา่ งๆท่ีเปน็ ปัจจัยใน การกำหนดมูลคา่ เงิน ซึ่งมักจะประกอบดว้ ย 316

1. การกำหนดเป้าหมายของเงนิ เฟอ้ (inflation targeting) 2. การกำหนดเง่ือนไขให้ธนาคารพาณิชย์ดำรง Reserves ท่ีเชื่อมโยงกับระดับความเสย่ี ง 3. ระบบประกนั ความเส่ียงดา้ นสภาพคลอ่ งสำหรับการดำเนินกจิ การของธนาคาร 4. กระบวนการแก้ไขปัญหาในกรณที ี่ธนาคารมีความเส่ยี งล้มละลาย และ 5. กรอบการดำเนนิ กจิ การของธนาคารกลางในการปรับโครงสร้างของงบดลุ (Balance sheet) โดยกจิ กรรมหลกั ทธ่ี นาคารกลางใชใ้ นการบริหารความผนั ผวนของปจั จัยดังกล่าวข้างตน้ จะเปน็ การ บรหิ ารใน 2 ลักษณะไดแ้ ก่ 1) การบริหารงบดลุ รวมของรฐั บาล และ 2) การวางกรอบงบดุลใหก้ บั สถาบนั การเงิน ในสว่ นของการบริหารงบดลุ ของรฐั บาลน้นั ธนาคารกลางสามารถดำเนินการผา่ นการซอื้ หรือขายตราสาร หนที้ ่อี อกโดยรฐั บาล เช่นหากธนาคารกลางซ้ือตราสารหน้รี ัฐบาล จะเปน็ การเปลี่ยนแปลงหนท้ี างการคลังใหเ้ ปน็ หน้สี นิ ทางการเงิน (Monetary liabilities) บนบัญชงี บดลุ ของธนาคารกลาง เป็นต้น ซ่ึงการดำเนินการดังกลา่ วนน้ั ไมไ่ ดส้ ่งผลใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงของภาระหนสี้ นิ รวมของประเทศ ในอีกมมุ หน่ึงการซื้อตราสารหน้รี ัฐบาลโดย ธนาคารกลางเปรยี บเสมือนการท่ีธนาคารกลางพมิ พเ์ งนิ เพิ่มเตมิ ในระบบเศรษฐกิจ แลว้ ให้รฐั บาลเปน็ ผนู้ ำเงนิ ที่ ออกเพิ่มเติมนี้ไปดำเนินกิจกรรมต่างๆในระบบเศรษฐกจิ ต่อไป การดำเนนิ การเช่นนคี้ ือนโยบายท่ีรูจ้ ักในช่ือที่ เรยี กวา่ Quantitative easing หรอื Asset purchase program ซ่งึ จะทำใหม้ ลู ค่างบดลุ รวมของประเทศขยาย ขนาดใหญข่ ้ึน ปริมาณหนี้ (Debt) ในระบบเศรษฐกิจสูงขนึ้ ผ่านการให้สินเชื่อของธนาคารพาณชิ ยส์ ภู่ าคธรุ กจิ อย่างไรกต็ ามการเขา้ ซอ้ื พันธบัตรรัฐบาลของประเทศตนเอง จะส่งผลใหธ้ นาคารกลางมีรายได้ทเี่ รียกว่า Seigniorage income1 ทีน่ อ้ ยลง และสุดท้ายรฐั บาลก็มีความจำเป็นที่จะต้องขน้ึ อัตราภาษี หรอื ลดการใช้จ่ายลง ในระยะยาว เพอื่ ปรับสมดุลของมลู ค่างบดุลของประเทศให้กลบั สู่ระดับปกติ ดงั นน้ั ในบางประเทศได้มกี ารจำกัด ความสามารถของธนาคารกลางในการดำเนินนโยบายท่ีเขา้ ไปปรบั งบดลุ รวมของรฐั บาล แต่ใหธ้ นาคารมีขอบเขต เพยี งดำเนินนโยบายทเ่ี รียกวา่ Open market operation ผา่ นตลาดเงิน (Money market) เทา่ นน้ั ในอีกทางหน่งึ ที่ธนาคารกลางจะตอ้ งดำเนนิ นโยบายเพื่อใหเ้ กิดเสถยี รภาพด้านสถาบนั การเงนิ คือ การ กำหนดเง่ือนไขของงบดลุ ของธนาคารพาณชิ ย์ เชน่ การกำหนดอัตราสว่ นของสนิ ทรัพย์สภาพคล่องตอ่ ภาระหน้ีสนิ ระยะสน้ั (Liquidity reserve ratio) หรอื การกำหนดอัตราส่วนเงนิ กองทนุ ขน้ั ต่ำ (Capital ratio) ทเ่ี ช่ือมโยงกบั ระดับความเสยี่ งของธนาคาร เปน็ ต้น 1 Seigniorage income หมายถึงรายไดท้ เี่ กิดขน้ึ จากการเพม่ิ ปริมาณของเงนิ ซึง่ ในประเทศไทยประมาณการไดต้ ากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว คณู ดว้ ยฐานเงนิ 317

การดำเนินกิจกรรมในลักษณะนีจ้ ะชว่ ยใหธ้ นาคารพาณิชย์มีขอบเขตในการดำเนนิ ธรุ กิจตามระบบของ Fractional reserve banking และชว่ ยลดความเสีย่ งท่ีการเกดิ วกิ ฤติด้านสภาพคล่อง และวกิ ฤติด้านความเสย่ี งใน การผิดนดั ชำระหนข้ี องธนาคารพาณิชย์ ในปจั จบุ นั ขอบเขตของการดำเนนิ นโยบายของธนาคารกลางเรม่ิ มีความครุมเคลอื มากย่งิ ขึ้นระหว่าง นโยบายการเงนิ (Monetary policy) และนโยบายการคลงั (Fiscal policy) เพราะเงนิ ที่ใช้ในการดำเนินนโยบาย ตา่ งๆของรัฐบาลนัน้ ควบคุมโดยธนาคารกลาง และธนาคารกลางยงั สามารถเขา้ มาปรับเปล่ียนงบดลุ ในภาพรวมของ ประเทศได้ การเปลย่ี นแปลงทางเทคโนโลยีท่เี กดิ ข้นึ ในปจั จบุ นั ถือเปน็ อีก ปัจจยั หนึ่งทเี่ พ่ิมความซับซ้อนในการ วิเคราะห์บทบาทหน้าท่ีของธนาคารกลาง และศักยภาพของธนาคารกลางในการดำเนินกิจกรรมตา่ งๆเพ่ือสรา้ ง เสถยี รภาพใหเ้ กดิ ขึ้นกับสถาบันการเงนิ และมูลคา่ เงินในระบบเศรษฐกิจ คำถามเพ่มิ เติมท่ีเกิดขึน้ ภายใต้การเปลยี่ น ผา่ นสู่ระบบเศรษฐกจิ ดิจติ อลเช่น 1. เงินของธนาคารกลาง (Central bank money) จะยงั คงเป็นตราสารสุดท้ายในการชำระเงนิ (Final settlement asset) อยตู่ อ่ ไปอีกหรือไม่ 2. รปู แบบการดำเนนิ ธุรกิจแบบ Fractional reserve banking จะยงั คงดำเนนิ ต่อไปอีกหรือไม่ หรือ กระบวนการในการควบคุมมูลคา่ เงนิ และระบบสินเช่อื จะถูกแยกออกจากกนั ในอนาคต 3. สถาบันการเงนิ แตล่ ะแห่งในระบบเศรษฐกจิ จะมีความจำเป็นทีม่ าชำระเงินครั้งสดุ ท้ายทธ่ี นาคารกลาง อกี หรือไม่ หรือจะมกี ารกำหนดแบบภาคสมคั รใจใหแ้ ตล่ ะสถาบันการเงนิ เลือกไดเ้ องหากอยากจะไป ชำระเงินกบั ระบบเงนิ (Monetary system) อนื่ 4. ธนาคารกลางยงั คงเปลี่ยนแปลงงบดลุ ของประเทศต่อไปได้อีกหรือไม่ หากมีการคดิ คน้ เงินสกลุ ดิจิตอล ท่ีออกโดยธนาคารกลาง 5. การดำเนินงานต่างๆของธนาคารกลางในปัจจุบันสามารถป้องกัน Cyber attacks ได้มากน้อยเพียงใด 6. ธนาคารกลางจะมีอำนาจมากขึ้นหรือน้อยลง และในมติ ิใด ในบทน้จี ึงมุ่งหวงั ที่จะวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของเงินและระบบชำระเงนิ ทีเ่ กดิ ขึ้นจากการนำเสนอโดย ภาคเอกชน เช่นเงนิ ในรปู แบบของ Cryptocurrency เงนิ ในรปู แบบของ Virtual currency หรือ เงินในลกั ษณะ ของ E-money เปน็ ตน้ วา่ มผี ลกระทบต่อบทบาทของธนาคารกลางอย่างไร หากธนาคารกลางไม่ไดม้ ีการกำกบั ดแู ลการเปล่ียนแปลงเหล่านี้อย่างเหมาะสม 318

วิเคราะหภ์ าพรวมของผลกระทบของเงินดจิ ิตอลท่ีออกโดยองค์กรอื่นที่ไม่ใชธ่ นาคารกลาง “เงนิ ” ท่ีใชก้ ันอย่างแพรห่ ลายในปัจจุบันนนั้ เปน็ “เงิน” ที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศใดประเทศ หน่งึ มีขอบเขตของอำนาจอธิปไตยในการกำหนดให้เกดิ การสร้าง “เงิน” ข้นึ มาใช้ในพื้นท่ีของประเทศหนง่ึ ๆ แต่ เทคโนโลยีดจิ ติ อลทำให้ “เงิน” ทเ่ี ปน็ ตัวกลางในการแลกเปล่ยี นสนิ คา้ และบรกิ ารอาจเป็น “เงนิ ” ที่ออกโดย บรษิ ัทเอกชน และเป็น “เงนิ ” ทใ่ี ชอ้ ยู่ในระบบ Online platform ของบริษทั นัน้ ๆ ที่ไม่มีขอบเขตของการใชเ้ งนิ ท่ี ยึดโยงกับพ้ืนทีภ่ มู ิศาสตร์หรอื อำนาจอธิปไตยของประเทศใดประเทศหนง่ึ ถงึ แมจ้ ะมคี วามเป็นไปได้ท่ี “เงิน” ทีป่ ระชาชนสนใจอาจเป็นเงินท่อี อกโดยองค์กรเอกชนหนงึ่ แตโ่ อกาสท่ี รัฐบาลของประเทศหน่ึงจะยอมรบั ให้ “เงนิ ” เหล่าน้นั เกดิ ข้ึนและอยภู่ ายใต้กฎหมายอาจเกิดขน้ึ ได้ยาก เหตุผลหลกั ไม่ไดเ้ ก่ยี วข้องมากนักกบั ความกงั วลที่ธนาคารกลาง (หรอื รัฐบาล) จะสญู เสียรายไดท้ ีเ่ รียกวา่ Seigniorage income แตเ่ หตุผลหลักเกิดจากการที่ตัวกลางท่ีใชใ้ นการชำระราคาสินค้าและบริการต่างๆไม่ได้ถูกควบคุมมูลค่า ด้วยธนาคารกลางอีกต่อไป ธนาคารกลางจะประสบความยากลำบากในการควบคมุ ปรมิ าณของเงนิ และอัตราเงนิ เฟอ้ ในระบบเศรษฐกจิ จนอาจไมส่ ามารถมอี ำนาจควบคุมกลไกด้านราคาในระบบเศรษฐกจิ ได้อกี เงินสกุลต่างๆท่ีออกโดยบริษัทเอกชนในปัจจุบนั นัน้ ส่วนใหญอ่ ยู่ในรปู ของอิเลก็ ทรอนิกส์ จึงขอเรียกเงนิ ใน รปู แบบต่างๆเหลา่ น้ีว่า Digital currency อยา่ งไรก็ตามเงินในรปู แบบอิเล็กทรอนิกสน์ แ้ี ท้จริงแลว้ ไมไ่ ดเ้ พิ่งมีการ เกดิ ข้ึนในชว่ ง 10 ปที ี่ผ่านมา แต่การเกิดขึน้ ของเงนิ ในรปู แบบดิจิตอล ไดเ้ กิดขน้ึ มานานกวา่ 20 ปแี ลว้ ซง่ึ ในอดีต มกั จะเรียกเงินเหลา่ นว้ี ่า Electronic cash และองค์กรชั้นนำระดบั สากลอย่าง Office of the U.S. Comptroller of the currency (1996) และ Bank for International Settlements (1996) กเ็ คยออกบทความวเิ คราะห์ รายละเอียดในดา้ นต่างๆของ E-cash และ smartcard ตงั้ แตช่ ่วงปคี .ศ. 1996 คำว่า Digital currency ทก่ี ล่าวถงึ ในบทความนม้ี ีความหมายครอบคลมุ เงนิ ใน 3 ลกั ษณะได้แก่ 1) E-money ทอ่ี ยภู่ ายใต้การกำกบั ดูแลของธนาคารกลาง ซ่ึงธนาคารกลางมักจะมกี ารกำหนดเงอ่ื นไขที่ จำกัดการใชเ้ งนิ ท่ีลกู ค้านำมาซอ้ื E-money จากผปู้ ระกอบการ 2) เงนิ Virtual currency ท่ีออกโดยผปู้ ระกอบการท่ีไม่ได้นำเสนอ E-money แต่เปน็ การใชเ้ งินใน ระบบนเิ วศน์ทางเศรษฐกิจ (Ecosystem) ทม่ี ขี อบเขตจำกัดของผูป้ ระกอบการ เชน่ เงินในเกม ออนไลน์ เงนิ ใน e-commerce Platform หรือใน Platform อื่นๆ เป็นตน้ 3) เงินประเภท Cryptocurrency ทมี่ กี ารคดิ ค้นดว้ ยเทคโนโลยี Blockchain และมีความอิสระแยกจาก ระบบการเงินในปจั จุบนั อย่างสิน้ เชิง 319

การเปรียบเทยี บเงนิ แต่ละประเภทดังกล่าวกับเงนิ สกุลในปัจจบุ นั นนั้ สามารถสรุปไดต้ ามตาราง 14.1 ตารางท่ี 14.1 ลักษณะของเงินแต่ละประเภทจำแนกตามรูปแบบของเงนิ และสถานะของเงนิ สถานะของเงนิ รูปแบบของเงนิ เงินทีไ่ มไ่ ด้ถูกกำกบั โดยทางการ Physical Digital เงนิ ทถ่ี ูกกำกบั โดยทางการ เหรยี ญ Token, สแตมป์ หรือแตม้ คะแนน Virtual currency, Cryptocurrency ธนบตั รและเหรียญ E-money และ บญั ชธี นาคาร การเกิดข้ึนของเงิน Digital currencies ในภาคเอกชนน้นั ส่งผลกระทบเชงิ บวกต่อระบบการเงนิ ในหลาย ด้าน เช่นเกดิ การแข่งขนั ของเงนิ ในระบบเศรษฐกิจในระดับท่สี ูงขึ้น ลดปัญหาท่ีเกิดจากการผูกขาดในการควบคุม ปรมิ าณเงนิ ขององค์กรใดองค์กรหนงึ่ และส่งผลใหเ้ กิดนวตั กรรมที่เกี่ยวข้องกบั ระบบชำระเงินจนเปน็ การเพ่ิม เสถยี รภาพใหก้ บั ระบบการเงินรวม ปัจจัยสำคัญที่ Digital currencies มีความน่าสนใจมากกว่าเงินในปัจจบุ นั คือการท่ีผู้คดิ คน้ เงนิ ดังกลา่ ว กำหนดใหค้ ่าธรรมเนยี มการทำธุรกรรมของเงนิ อยูใ่ นระดับที่ต่ำกวา่ คา่ ธรรมเนยี มในการชำระเงินผา่ นตัวกลางทาง การเงนิ แบบดั้งเดมิ อยา่ งไรก็ตามแรงจูงใจจากคา่ ธรรมเนยี มน้ีอาจไม่มีความยงั่ ยืนในระยะยาวตามปรมิ าณของ ธุรกรรมก็เป็นได้ เช่น Cryptocurrency อย่างเงิน Bitcoin นน้ั ถงึ แม้ในปจั จุบนั จะมีค่าธรรมเนียมท่ตี ่ำมาก เพราะ Nodes ตา่ งๆทเ่ี ปน็ ผยู้ ืนยันธรุ กรรมได้ค่าตอบแทนเพิ่มเตมิ จากการได้รับเงนิ Bitcoin เหรียญใหม่เป็นรางวัล แต่ หากถงึ จุดๆหนึ่งท่ีมลู ค่าค่าตอบแทนเหลา่ น้ลี ดลง (ปริมาณเหรียญรางวลั ใหม่จะลดลงเร่อื ยๆในอนาคตตาม Algorithm ท่กี ำหนดไว้) อาจสง่ ผลให้ Nodes ตา่ งๆมีการเรยี กเกบ็ ค่าธรรมเนียมทสี่ งู ขน้ึ ได้ เป็นตน้ การวเิ คราะห์ศักยภาพของ Digital currencies ในการเปน็ เงนิ ท่ีประชาชนใชอ้ ย่างแพร่หลายนนั้ จะต้อง พิจารณาถงึ หน้าทหี่ ลกั ของเงินก่อนว่า Digital currencies สามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณห์ รอื ไม่ ซงึ่ McLeay, Radia and Thomas (2014) ได้เสนอแนวคดิ ว่า เงนิ ในปัจจุบนั หมายถงึ “a series of claims” เพราะเงนิ เกิด จากการบริหารงบดุล (Balance sheet) ของสถาบนั การเงินและธนาคารกลาง โดยเงนิ น้ันเริ่มต้นจากธนาคารกลาง ที่ผลติ เงนิ ออกมานำไปซ้ือสินทรัพย์ตา่ งๆในระบบเศรษฐกจิ เงนิ จึงอยู่ในฝั่งหนส้ี ินของธนาคารกลางที่มีภาระที่ต้อง จ่ายคนื ในขณะเดยี วกนั ธนาคารพาณชิ ย์ก็สรา้ งเงนิ ผ่านบัญชเี งินฝาก (ฝง่ั หน้ีสินของธนาคารพาณชิ ย)์ เพือ่ นำไป ปล่อยสนิ เชื่อใหแ้ ก่ภาคธรุ กิจ โดยเงินถือเป็น Non-convertible claim ของผู้ถือและธนาคารกลางคอื องค์กร สุดทา้ ยในระบบเศรษฐกจิ ในระบบการชำระเงนิ ดังกลา่ ว 320

ดังนนั้ Digital currencies ทีอ่ อกโดยบรษิ ัทเอกชน จะต้องมีเงือ่ นไขท่ีกำหนดใหบ้ ริษัทเอกชนเปน็ องค์กร สุดทา้ ยในการเปน็ ผชู้ ำระเงิน และเงนิ ดงั กลา่ วควรมีตวั ตนท่ีชดั เจนในงบดลุ ฝ่งั หนส้ี นิ ของบริษัทผูอ้ อกเงิน อยา่ งไรก็ ตามตอ้ งยอมรบั วา่ ในบางคร้ัง Digital currencies ท่อี อกโดยบริษัทเอกชนอาจถกู ประเมินเป็น “สินค้า” ที่ขายขาด ให้กับผู้บรโิ ภค ไมใ่ ช่ภาระหนี้สนิ ของบริษัทเอกชนที่จะตอ้ ง ซอื้ คืน “เงิน” ดังกลา่ ว ความครุมเคลือในมิตินีจ้ งึ เป็น มิตทิ ี่สรา้ งความกงั วลให้กบั หลายธนาคารกลางเมื่อต้องพิจารณากฎเกณฑใ์ นการกำกับดูแล Digital currencies ท่ี มีการออกโดยบริษทั เอกชน หากจะวเิ คราะห์วา่ Digital currencies สามารถทำหนา้ ท่ีหลักของเงินไดห้ รือไม่นน้ั ต้องทำความเข้าใจ กอ่ นวา่ หนา้ ที่หลักของเงินประกอบดว้ ย 3 ส่วนดงั แสดงในรูปท่ี 14.1 ได้แก่ 1) Unit of account หมายถงึ เงิน จะต้องเปน็ ตวั แทนของ “หนว่ ย” ของสนิ ค้าและบริการในระบบเศรษฐกจิ 2) Medium of exchange หมายถึง เงนิ จะต้องเป็นตัวกลางทใี่ ช้ในการแลกเปลย่ี นสินค้าและบริการ และ 3) Store of value หมายถงึ เงนิ จะต้องมี มูลค่าในตวั ของมนั เอง ซึง่ มูลค่าไม่จำเปน็ จะต้องยึดโยงกับสนิ ทรพั ยใ์ ดสนิ ทรัพยห์ น่งึ แต่เป็นมูลคา่ ทีผ่ ใู้ ช้เงินสรา้ ง มลู คา่ ให้กบั เงนิ ดังกลา่ ว รูปที่ 14.1 หน้าทข่ี องเงิน ทีม่ า Ali, Barrdear, Clews, & Shouthgate (2014) ถึงแม้เงนิ จะต้องทำหน้าทท่ี ั้ง 3 ได้อยา่ งสมบรู ณ์แตห่ ากมบี างสง่ิ บางอย่างทส่ี ามารถทำหน้าท่ที ้ัง 3 นไ้ี ด้ ก็ ไม่ได้หมายความว่า สิง่ น้นั จะเรยี กวา่ เงินในทันที ยกตวั อย่างเชน่ ในช่วงสงครามโลก บุหรส่ี ามารถทำหนา้ ทีท่ ้ังสาม เหล่านไ้ี ด้ เพราะบุหร่ีมมี ลู คา่ ในตวั เอง เปน็ สื่อกลางในการแลกเปล่ียนเปน็ สนิ คา้ และบริการ และสง่ิ ของตา่ งๆมี 321

หนว่ ยเปน็ จำนวนบหุ ร่ีท่ใี ชแ้ ลกเป็นต้น แต่ก็ไม่สามารถเรยี กบุหรวี่ ่าเป้นเงินได้ การจะเรียกสง่ิ ใดว่าเงนิ น้นั จะต้องมี กฎหมายรองรับว่าสง่ิ นั้นคือ Legal tender ดว้ ย (Radford, 1945) ในอดตี ได้มวี ิวฒั นาการของกฎหมายทเ่ี กย่ี วกบั Legal tender laws โดยรายละเอียดของกฎหมายนน้ั ไมไ่ ด้มกี ารบังคบั ให้ประชาชนทกุ คนต้องทำธุรกรรมดว้ ยเงินที่ออกโดยธนาคารกลาง แตจ่ ะมเี งื่อนไขกำหนดไม่ให้ ประชาชนปฏิเสธการรบั เงนิ ที่เปน็ Legal tender สำหรบั การชำระหนตี้ า่ งๆในระบบเศรษฐกจิ ถึงแม้การกำหนด กฎหมายในลักษณะนีจ้ ะทำให้เกดิ สถานการณ์ทเ่ี รียกว่า “Bad money drives out the good” เพราะผู้ชำระหนี้ หรอื ผจู้ ่ายเงินจะมแี รงจงู ใจท่ีจะเลือกเงินสำหรับการชำระหนท้ี ี่คิดว่ามลู ค่าของเงินดังกลา่ วจะลดคา่ ลงในอนาคต ซึ่ง ไม่ใช่ส่ิงทเี่ จา้ หนห้ี รือผขู้ ายสินค้าตอ้ งการ อย่างไรก็ตามกฎหมายนที้ ำใหร้ ัฐบาลเป็นผ้ผู ูกขาดการพิมพธ์ นบัตร เพราะประชาชนทกุ คนไมส่ ามารถปฏเิ สธเงินท่ีออกโดยธนาคารกลางได้ การเกิดขึ้นของเงนิ ในยุคใหม่ เริ่มต้นตั้งแตใ่ นชว่ งปี ค.ศ. 1861 – 65 ที่สหรฐั อเมริกาได้เกิดสงครามกลาง เมือง (Civil war) ซ่งึ ในอดตี เงินทีม่ ีการใชจ้ ่ายในสหรฐั อเมริกาน้นั เปน็ เงินที่พิมพ์ออกโดยธนาคารเอกชน แต่เมือ่ รฐั บาลขาดสภาพคล่องและต้องการเงนิ ทนุ สนบั สนุนในการทำสงครามจงึ ไดม้ ีการออกกฎหมาย Legal Tender Act ขน้ึ ในปี ค.ศ. 1862 โดยรัฐบาลออกพันธบตั รจำนวน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ และรัฐบาลสามารถนำเงิน ดงั กลา่ วไปใช้ชำระหนี้ต่างๆท่ีเกิดขน้ึ ภายในประเทศได้ ยกเว้นเพียงการชำระภาษนี ำเขา้ และดอกเบยี้ ของหนี้ สาธารณะ ความสามารถของธนาคารพาณิชยใ์ นสหรฐั อเมริกาในการออกสกลุ เงนิ ของตนเองนนั้ เกดิ ขึ้นเฉพาะ ในชว่ ง ศตวรรษที่ 19 ซงึ่ เปน็ ช่วงทีเ่ รยี กว่าเปน็ “Free banking” ท่ภี าครัฐไม่ไดม้ ีการผกู ขาดการออกเงนิ ในประเทศ อยา่ งไรก็ตามการกำกบั ดูแลสถาบันการเงนิ และการแทรกแซงจากทางการเพม่ิ สงู ขึน้ จนทำใหช้ ่วงต้นศตวรรษท่ี 20 ได้มีการยุตกิ ารอนญุ าตการออกเงนิ ของสถาบันการเงินในท่สี ดุ (Frankel, 1998) การเกิดขึ้นของ Legal Tender Law ในหลายประเทศน้ัน ไมไ่ ดท้ ำใหธ้ นาคารกลางสามารถเปน็ ผ้สู ร้างเงนิ เพียงอย่างเดยี ว แต่เพอื่ ให้การชำระเงนิ และการทำธรุ กรรมต่างๆของเงนิ อย่ภู ายใตก้ ารกำกับดแู ลโดยทางการ จึงทำ ให้รัฐบาลและธนาคารกลางในหลายประเทศมกั จะเกีย่ วข้องกับการสร้างโครงสรา้ งพ้นื ฐานด้านการชำระเงนิ และ การออกใบอนุญาตใหก้ บั ภาคเอกชนทีต่ ้องการจะทำธรุ กิจท่ีเกี่ยวเนอื่ งกบั เงนิ การกำกับดูแลนีม้ ีเพื่อป้องกันการ หลีกหนีภาษีและฟอกเงินเป็นหลกั 322

การเกิดขนึ้ ของ Digital currencies จงึ ถอื เป็นการปฏิวัตริ ะบบการเงนิ เพราะสกลุ เงินต่างๆที่มีนำเสนออยู่ ในระบบเศรษฐกิจไมไ่ ด้มีเพียงเงินทอี่ อกโดยธนาคารกลางแตเ่ พียงผู้เดยี ว และบริษทั ผูอ้ อกเงนิ Digital currencies ยังเป็นผ้สู รา้ งระบบการชำระเงินที่แยกออกมาต่างหากจากระบบชำระเงินทธ่ี นาคารกลางเกีย่ วขอ้ ง นอกจากนค้ี วามเป็น Legal tender ของเงนิ Digital currencies ไมใ่ ชป่ ัจจยั สำคญั ท่จี ะลดความนิยมของ ประชาชนบน Digital currencies เพราะระบบนเิ วศนท์ างเศรษฐกิจที่ผู้ออกเงนิ สรา้ งขนึ้ มาน้นั สามารถ ประกอบดว้ ยสินคา้ และบริการต่างๆท่ตี อบสนองความต้องการของผใู้ ช้เงนิ Digital currencies ดงั กลา่ วจนอาจจะ อยใู่ นสถานการณ์ท่ีแทบจะไม่มีความจำเปน็ ในการใช้เงนิ ของธนาคารกลางเพ่อื ดำรงชีวติ ประชาชนอาจไม่ได้ให้ ความสนใจมากนักกับความเป็น Legal tender ของเงนิ ธนาคารกลางอีกต่อไป ตัวอยา่ งของ Digital currencies ท่ีแสดงให้เหน็ ถึงประเด็นนไ้ี ดด้ ีทส่ี ุด คือเงนิ ที่เรยี กวา่ QQ coin ใน ประเทศจีน ซึ่งคิดคน้ โดยบริษัทเอกชนช่ือ Tencent ผใู้ หบ้ รกิ ารโทรคมนาคมรายใหญ่ในประเทศจีน โดย QQ coin ในชว่ งเรม่ิ ตน้ น้นั เปน็ สกุลเงนิ ทีใ่ ช้สำหรบั การซ้ือบรกิ ารโทรคมนาคมของบริษัท ต่อมาบรษิ ทั ได้สร้าง E- marketplace และอนญุ าตใหผ้ ู้ใช้งานสามารถนำ QQ coin ไปซอื้ สินค้าและบริการอ่ืนๆในชวี ิตจรงิ ได้ เม่ือมีการ ขยายวงกวา้ งสำหรบั การใช้ QQ coin อย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวันของประชาชนจงึ สรา้ งความกงั วลให้กับ ธนาคารกลางของประเทศจนี อยา่ งมาก เพราะบรษิ ัท Tencent เปน็ ผู้ท่ีสามารถกำหนดปริมาณเงนิ QQ coin ใน ระบบของตน และสามารถกำหนดอัตราแลกเปลีย่ นระหว่างเงิน QQ coin และเงินหยวนได้ เมอ่ื QQ coins เติบโตขึน้ อย่างมากเฉล่ยี ประมาณปลี ะร้อยละ 20 ระหวา่ งปี ค.ศ. 2005 ถงึ 2009 ทำให้ มูลคา่ ของเงนิ QQ coin ในระบบเพิ่มข้นึ จนมีมูลค่ามากกว่าพันล้านหยวน จนในทส่ี ุดในเดือนมิถนุ ายน ค.ศ. 2009 เจา้ หนา้ ทีท่ างการจนี ได้ตัดสนิ ใจทจ่ี ะระงบั การใชเ้ งนิ ดังกล่าวสำหรับการซ้ือขายสนิ คา้ และบรกิ ารจรงิ (Real goods and services) เพอ่ื จำกดั โอกาสที่ QQ coin จะมีผลกระทบตอ่ ระบบการเงนิ ทงั้ ระบบ และทางการจีนได้ กำหนดให้ QQ coin สามารถใชไ้ ดเ้ ฉพาะกับการซื้อขายสนิ คา้ และบริการที่อยูใ่ นรูปดิจติ อลเทา่ น้นั ซึ่งหมายถงึ Virtual goods and services เชน่ e-book, software, หรอื music files เป็นตน้ (Fowler and Qin, 2007) หากวิเคราะหห์ นา้ ทหี่ ลักของเงนิ จะพบว่า ความสามารถของ Digital currencies ในการเป็น unit of account และ medium of exchange เป็นสิง่ ท่ี Digital currencies สามารถทำหน้าทไี่ ด้อย่างสมบรู ณ์ แต่ หน้าท่ีในการเปน็ Store of value น้ัน คอื ส่ิงท่ี Digital currencies อาจพบกับความยากลำบากในการตอบสนอง หนา้ ทน่ี ้ี โดยผู้ใชเ้ งนิ ส่วนใหญม่ กั จะต้ังคำถามกับความสามารถในการเก็บมลู ค่าของเงนิ ในระยะยาว ซึ่งเม่อื วิเคราะหท์ ี่ปจั จัยทีจ่ ะเปน็ ตวั กำหนดมลู คา่ ของ Digital currencies สามารถสรุปปัจจัยต่างๆได้ดังนี้ 323


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook