๑๕ พระเสดจ็ โดยแดนชล ทรงเรอื ต้นงามเฉิดฉาย ก่งิ แกว้ แพรว้ พรรณราย พายออ่ นหยบั จับงามงอน ... งามชดชอ้ ยลอยหลังสินธ ์ุ ลินลาศเลอื่ นเตอื นตาชม สวุ รรณหงส์ทรงพหู่ ้อย เพียงหงส์ทรงพรหมนิ ทร์ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 93 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ท่ีมาของวรรคทอง กาพยเ์ หเ่ รอื พระนพิ นธเ์ จา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร ผูแ้ ตง่ เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร ปี/สมัยท่ีแต่ง รชั สมยั สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ ในสมยั อยธุ ยาตอนปลาย ประเภทของวรรณคดี กาพยเ์ หเ่ รอื เปน็ วรรณคดปี ระเภทกาพยเ์ ห่ แตง่ ขนึ้ เพอื่ ใชป้ ระกอบ การเหเ่ รอื ทงั้ การเหเ่ รอื เนอ่ื งในพระราชพธิ แี ละการเหเ่ รอื สำ� หรบั เทย่ี ว เลน่ โดยเหเ่ ปน็ ทำ� นองตา่ ง ๆ เพอื่ ใหจ้ งั หวะและสญั ญาณแกฝ่ พี าย หรอื เหเ่ พอ่ื ระบายอารมณค์ วามรสู้ กึ สว่ นตวั มเี นอื้ หาวา่ ดว้ ยการบรรยาย หรอื พรรณนาสง่ิ ตา่ ง ๆ กาพยเ์ หเ่ รอื ของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรนี้ เปน็ กาพยเ์ หท่ เ่ี กา่ แกท่ ส่ี ดุ ทมี่ ี ตน้ ฉบบั ตกทอดมาจนปจั จบุ นั รปู แบบค�ำประพันธ์ กาพยเ์ ห่ วัตถุประสงค/์ โอกาสในการแตง่ กาพย์เห่เรือ พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรนี้ ใช้เห่เรือในการ ตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไปนมัสการและสมโภช พระพุทธบาทสระบุรี เป็นบทเห่ที่เดิมทรงพระนิพนธ์เพื่อใช้เห่เรือ เล่นส่วนพระองค์ในคราวเสด็จพระราชด�ำเนินทางชลมารคจากกรุง ศรอี ยธุ ยาถงึ ทา่ เจา้ สนกุ เพอื่ ไปนมสั การพระพทุ ธบาทเชน่ กนั เนอ้ื หา สว่ นใหญเ่ ปน็ การพรรณนาความรสู้ กึ ทงั้ ความรกั และความโหยหาอาลยั ถงึ สตรผี เู้ ปน็ ทร่ี กั ตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรง พระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ำ� กาพยเ์ หเ่ รอื ของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรมาใช้ เปน็ บทเหเ่ รอื หลวงในการเหเ่ รอื พระทน่ี งั่ 94 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 94
พระเสด็จโดยแดนชล กาพยเ์ หเ่ รอื พระนพิ นธเ์ จ้าฟ้าธรรมธิเบศร เนอื้ หาของบทประพันธ์ กาพยเ์ หเ่ รอื พระนพิ นธเ์ จา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรประกอบดว้ ยบทเห่ ๒ ชดุ ชดุ แรกแบง่ เนอื้ หา ออกเปน็ ๔ ตอน ไดแ้ ก่ เหช่ มกระบวนเรอื พระทน่ี งั่ เหช่ มปลา เหช่ มไม้ เหช่ มนก ชดุ ท่ี ๒ แบง่ เนอื้ หาออกเปน็ ๓ ตอน ไดแ้ ก่ เหเ่ รอื่ งกากี เหส่ งั วาส และเหค่ รวญ วรรคทองที่ยกมานี้คัดมาจากเนื้อหาในตอนเห่ชมกระบวนเรือ พระท่ีน่ัง ซ่ึงพรรณนารูปลักษณ์อันสวยงามและลักษณะพิเศษของ เรอื พระทนี่ ง่ั และเรอื อนื่ ๆ ทปี่ ระกอบกนั เปน็ กระบวน รวมทง้ั ความ เคลอ่ื นไหวอยา่ งพรอ้ มเพรยี งของฝพี าย ความหมายของวรรคทอง พระมหากษัตริย์เสด็จพระราชด�ำเนินทางชลมารคด้วยกระบวน เรอื พระทนี่ งั่ อนั งดงาม เรอื พระทนี่ งั่ กง่ิ อนั เปน็ เรอื ทปี่ ระทบั สง่ ประกาย ระยบิ ระยบั ยามพลพายขยบั ฝพี ายขนึ้ ลงดว้ ยลลี าเนบิ ๆ เปน็ จงั หวะ พรอ้ มเพรยี ง แลเหน็ ใบพายทวี่ าดขน้ึ เหนอื นำ้� ดอู อ่ นชอ้ ย งามจบั ตา เรอื พระทนี่ งั่ สพุ รรณหงส์ ซง่ึ โขนเรอื ประดบั พหู่ อ้ ย ดชู ดชอ้ ยสงา่ งาม ยามลอยอยเู่ หนอื ผวิ นำ�้ มชี วี ติ ชวี าราวกบั หงสอ์ นั เปน็ พาหนะทรงของ พระพรหมผเู้ รอื งฤทธานภุ าพกำ� ลงั ลอยเลอื่ นไปในทอ้ งนำ�้ นบั เปน็ ภาพ อนั งดงามทเ่ี ตอื นตาใหใ้ ครช่ มอยไู่ มเ่ วน้ วาย ความดเี ดน่ วรรคทองบทนม้ี คี วามดเี ดน่ ทก่ี ารสรรคำ� อยา่ งละเอยี ดประณตี เพอ่ื ก่อให้เกิดจินตภาพของกระบวนเรือที่งดงาม มีชีวิต เห็นภาพความ เคลอ่ื นไหวของเรอื พระทน่ี งั่ และความพรอ้ มเพรยี งของหมพู่ ลพายที่ ท�ำหน้าที่ด้วยจิตใจท่ีจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ท้ังยังดีเด่นด้าน การใชค้ วามเปรยี บ คำ� ทก่ี วสี รรมาใชเ้ ปน็ คำ� งา่ ยทน่ี ำ� มารอ้ ยเรยี งกนั อยา่ งกลมกลนื มี ทงั้ คำ� ทใี่ หจ้ นิ ตภาพความงามของแสง ไดแ้ ก่ เฉดิ ฉาย (หมายถงึ งาม ผดุ ผาดสดใส) แพรว้ (หมายถงึ แวววาว) พรรณราย (หมายถงึ งาม 95 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 95 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา ผดุ ผอ่ ง) สว่ นคำ� ทใี่ หจ้ นิ ตภาพของความเคลอ่ื นไหว เชน่ การนำ� คำ� วา่ ออ่ นหยบั (หมายถงึ ทว่ งทขี นึ้ ลงเนบิ ๆ) มาใชเ้ ปน็ คำ� ขยายกริ ยิ า พายเรอื อยา่ งพรอ้ มเพรยี งกนั ของฝพี าย หรอื นำ� คำ� วา่ ลนิ ลาศ (หมาย ถงึ เยอื้ งกรายดว้ ยทา่ อนั งาม) มาใชแ้ สดงภาพการเคลอื่ นไปของเรอื พระทน่ี งั่ สพุ รรณหงสท์ ำ� ใหเ้ หน็ วา่ ความงามของเรอื พระทน่ี ง่ั สพุ รรณ- หงสท์ ่ี “ชดชอ้ ย” อยบู่ นผวิ นำ�้ นน้ั เปน็ ความงามประดจุ วา่ เรอื พระทนี่ งั่ นมี้ ชี วี ติ การใช้ความเปรียบแบบอุปมาว่า เรือพระท่ีนั่งสุพรรณหงส์นั้น “เพยี งหงสท์ รงพรหมมนิ ทร์ ลนิ ลาศเลอ่ื นเตอื นตาชม” นอกจากจะ ทำ� ใหเ้ หน็ ความเคลอื่ นไหวดงั่ มชี วี ติ ดงั กลา่ วขา้ งตน้ แลว้ ยงั ฉายใหเ้ หน็ ภาพความยิ่งใหญ่ของกระบวนเรือพระท่ีนั่งอันเป็นการยกย่องพระ มหากษตั รยิ อ์ ยา่ งสมพระเกยี รติ กลา่ วคอื แสดงใหเ้ หน็ ภาพในอดุ มคติ ท่ีคล้ายคลึงกันระหว่าง “แดนชล” ในยามที่พระมหากษัตริย์เสด็จ พระราชดำ� เนนิ พยหุ ยาตราทางชลมารคพรอ้ มหมพู่ ลพายทเี่ ปย่ี มดว้ ย ความจงรกั ภกั ดี กบั “แดนสวรรค”์ ในยามทพ่ี ระพรหมเจา้ เสดจ็ โดย พาหนะทรง การพรรณนาเปรยี บเทยี บเชน่ นจ้ี งึ แสดงนยั ของความสงู สง่ และศกั ดสิ์ ทิ ธข์ิ องพระมหากษตั รยิ ท์ ค่ี นไทยนบั ถอื เปน็ สมมตเิ ทพ การใชภ้ าษาทส่ี มบรู ณด์ ว้ ยวรรณศลิ ปข์ องกาพยเ์ หเ่ รอื พระนพิ นธ์ เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรดงั วรรคทองน้ี จงึ เปน็ หลกั ฐานยนื ยนั พระอจั ฉรยิ - ภาพทางการประพันธ์และคุณค่าของพระนิพนธ์เรื่องน้ี และท�ำให้ ประจักษ์ชัดว่า เหตุใดนักวรรณคดีจึงยกย่องวรรณคดีเร่ืองนี้เป็น วรรณคดชี น้ั ครทู สี่ ง่ อทิ ธพิ ลตอ่ การประพนั ธก์ าพยเ์ หเ่ รอื ในยคุ ตอ่ มา 96 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 96
พระเสด็จโดยแดนชล กาพย์เหเ่ รอื พระนิพนธเ์ จ้าฟา้ ธรรมธเิ บศร �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 97 97 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 98 8/8/2557 BE 3:09 PM
๑๖ แลว้ สอนว่าอยา่ ไว้ใจมนษุ ย์ มันแสนสดุ ลึกลำ้� เหลือกำ� หนด ถงึ เถาวลั ย์พนั เก่ยี วทเี่ ล้ยี วลด ก็ไมค่ ดเหมอื นหนึ่งในนำ้� ใจคน มนุษย์นี้ทีร่ กั อยสู่ องสถาน บิดามารดารกั มักเป็นผล ทพ่ี ่ึงหน่ึงพึง่ ไดแ้ ตก่ ายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจงึ เจรจา แมน้ ใครรักรกั ม่ังชังชังตอบ ใหร้ อบคอบคดิ อ่านนะหลานหนา ร้สู ิ่งไรไม่สรู้ ู้วิชา รรู้ กั ษาตวั รอดเปน็ ยอดดี �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 99 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ทมี่ าของวรรคทอง พระอภยั มณี ผู้แต่ง สนุ ทรภู่ ป/ี สมยั ทแี่ ตง่ เรมิ่ แตง่ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั จนถงึ ปลายรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี เรอื่ งพระอภยั มณจี ดั เปน็ นทิ านคำ� กลอน คอื วรรณคดนี ทิ านทแ่ี ตง่ ดว้ ยกลอนเพลงหรอื กลอนเพลงยาวตลอดทง้ั เรอื่ ง รูปแบบคำ� ประพันธ์ กลอนเพลง วัตถปุ ระสงค์/โอกาสในการแต่ง สุนทรภู่เริ่มแต่งเรื่องพระอภัยมณีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั เพอื่ เลยี้ งชวี ติ ขณะตอ้ งโทษจำ� คกุ ราว พ.ศ. ๒๓๖๔ จนเมอ่ื พน้ โทษกลบั เขา้ รบั ราชการกไ็ ดแ้ ตง่ ตอ่ อกี แลว้ หยดุ ไป ตอ่ มาเมอ่ื สนุ ทรภอู่ อกบวช ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ - อยหู่ วั จงึ ไดแ้ ตง่ ตอ่ ตามรบั สง่ั ของพระองคเ์ จา้ ลกั ขณานคุ ณุ แลว้ ไดห้ ยดุ ไปอกี ครง้ั กอ่ นจะแตง่ ตอ่ ไปอกี ตามรบั สงั่ ของกรมหมนื่ อปั สรสดุ าเทพ ในชว่ งปลายรชั กาลท่ี ๓ โดยแตง่ ตอ่ จนถงึ ตอนพระอภยั มณอี อกบวช (เลม่ ท่ี ๔๙) ตอนตอ่ จากนน้ั เขา้ ใจวา่ เปน็ สำ� นวนของกวอี น่ื พระอภยั มณีเป็นบทประพันธเ์ รอื่ งยาวทส่ี ุดของสนุ ทรภู่ นับเป็น ตอนได้ ๖๔ ตอน พระอภยั มณเี ปน็ นทิ านคำ� กลอนทส่ี นกุ สนาน เตม็ ไปดว้ ยจนิ ตนาการและความแปลกใหม่ สำ� นวนกลอนไพเราะ จงึ ได้ รบั ยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสรเมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๙ ใหเ้ ปน็ ยอดของนทิ าน คำ� กลอน 100 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 100
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ พระอภัยมณี เนื้อหาของบทประพันธ์ พระอภยั มณี เปน็ เรอ่ื งราวของพระอภยั มณี โอรสทา้ วสทุ ศั นแ์ ละ นางปทมุ เกสรแหง่ กรงุ รตั นา เรอ่ื งเรมิ่ ตน้ เมอ่ื พระอภยั มณแี ละอนชุ า คอื ศรสี วุ รรณออกเดนิ ทางไปศกึ ษาเลา่ เรยี นวชิ า พระอภยั มณเี รยี นวชิ า เปา่ ปจ่ี นเชย่ี วชาญ สามารถเปา่ ปส่ี ะกดคนและสตั วไ์ ด้ สว่ นศรสี วุ รรณ เรยี นวชิ ากระบก่ี ระบอง เมอื่ ทา้ วสทุ ศั นท์ ราบวา่ โอรสทงั้ สองไมไ่ ดเ้ รยี น วชิ าสำ� หรับกษตั รยิ ก์ ก็ ร้วิ และขับไลอ่ อกจากเมอื ง พระอภัยมณแี ละ ศรสี วุ รรณเดนิ ทางพเนจรไปจนไดพ้ บกบั พราหมณว์ เิ ชยี รโมราและสานน พราหมณข์ อใหพ้ ระอภยั มณเี ปา่ ปใ่ี หฟ้ งั เสยี งปอ่ี นั ไพเราะสะกดใหท้ กุ คนหลบั ใหล นางผเี สอื้ สมทุ รไดย้ นิ เสยี งปจ่ี งึ ตดิ ตามเสยี งมาจนพบพระ อภยั มณแี ละเกดิ หลงรกั จงึ อมุ้ พระอภยั มณไี ปทถี่ ำ�้ ของตน นางแปลง กายเป็นมนุษย์และขอให้พระอภัยมณีเป็นสามี เมื่อศรีสุวรรณและ พราหมณท์ งั้ สามฟน้ื คนื สตกิ แ็ ลน่ เรอื ออกตดิ ตามหาพระอภยั มณไี ป จนถงึ เมอื งรมจกั ร ศรสี วุ รรณไดพ้ บรกั และอภเิ ษกกบั นางเกษราธดิ า เจา้ เมอื งรมจกั ร และมธี ดิ าดว้ ยกนั ชอื่ อรณุ รศั มี พระอภยั มณมี โี อรสกบั นางผเี สอื้ สมทุ รชอื่ สนิ สมทุ ร ซง่ึ เปน็ เดก็ มี กำ� ลงั มาก วนั หนงึ่ สนิ สมทุ รลอบออกไปเทย่ี วเลน่ แลว้ ไลจ่ บั พอ่ เงอื ก มาได้ พอ่ เงอื กจงึ ชว่ ยออกอบุ ายพาพระอภยั มณแี ละสนิ สมทุ รหนี ฝา่ ย นางยกั ษต์ ามมาทนั จงึ จบั พอ่ เงอื กแมเ่ งอื กกนิ สว่ นพระอภยั มณกี บั นางเงอื กและสนิ สมทุ รเดนิ ทางตอ่ ไปจนถงึ เกาะแกว้ พสิ ดาร ทงั้ สาม ไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากพระฤๅษจี นรอดพน้ จากนางผเี สอื้ มาได้ ตอ่ มาพระอภยั มณไี ดน้ างเงอื กเปน็ ชายา ฝา่ ยเมอื งผลกึ มกี ษตั รยิ ช์ อื่ ทา้ วสลิ ราชซง่ึ มมี เหสชี อื่ นางมณฑา ทง้ั สองมธี ดิ าชอ่ื สวุ รรณมาลี วนั หนงึ่ นางสวุ รรณมาลอี อกไปทอ่ งทะเลกบั พระบดิ า เรอื ของนางถกู คลน่ื ลมซดั ไปถงึ เกาะแกว้ พสิ ดาร พระอภยั มณี หลงรักนางสุวรรณมาลีตั้งแต่แรกเห็น ส่วนสินสมุทรก็ถูกชะตากับ นางจงึ ขอเปน็ บตุ รบญุ ธรรม พระฤๅษชี ว่ ยชท้ี างกลบั เมอื งใหท้ า้ วสลิ ราช พระอภยั มณขี อโดยสารเรอื ไปดว้ ยและฝากนางเงอื กซง่ึ กำ� ลงั ตงั้ ครรภ์ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 101 101 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ไวก้ บั พระฤๅษี นางผเี สอ้ื สมทุ รตามเรอื ของทา้ วสลิ ราชมาและทำ� ใหเ้ รอื ลม่ ทา้ วสลิ ราชสน้ิ พระชนม์พระอภยั มณพี ลดั จากนางสวุ รรณมาลแี ละสนิ สมทุ รไปยงั เกาะอกี แหง่ หนง่ึ นางผเี สอ้ื สมทุ รไดต้ ดิ ตามไป พระอภยั มณี จงึ เปา่ ปส่ี งั หารนางผเี สอ้ื จนสนิ้ ชวี ติ สว่ นนางสวุ รรณมาลกี บั สนิ สมทุ ร ได้ขออาศัยไปกับเรือโจรสลัด โจรสลัดอยากได้นางสุวรรณมาลี เปน็ ภรรยาทำ� ใหข้ ดั แยง้ กบั สนิ สมทุ ร สนิ สมทุ รรบชนะหวั หนา้ ไดข้ น้ึ เปน็ นายโจรแลว้ ลอ่ งเรอื เขา้ ไปถงึ กรงุ รมจกั ร ไดพ้ บกบั ศรสี วุ รรณและทราบ วา่ เปน็ อาหลานกนั ศรสี วุ รรณพาสนิ สมทุ รและอรณุ รศั มอี อกเรอื ตาม หาพระอภยั มณี ทงั้ หมดไดพ้ บกบั อศุ เรนคหู่ มน้ั ของสวุ รรณมาลซี งึ่ ได้ ชว่ ยพระอภยั มณไี ว้ สนิ สมทุ รไมย่ อมคนื นางสวุ รรณมาลใี หอ้ ศุ เรน จงึ เกดิ รบพงุ่ กนั และขบั ไลอ่ ศุ เรนไปได้ เมอ่ื กลบั ถงึ เมอื งผลกึ พระอภยั มณี ได้ข้ึนครองเมืองและต่อมาได้นางสุวรรณมาลีเป็นมเหสี มีธิดาแฝด ชอ่ื สรอ้ ยสวุ รรณกบั จนั ทรส์ ดุ า สว่ นศรสี วุ รรณทลู ลากลบั เมอื งรตั นา โดยพาสนิ สมทุ รและอรณุ รศั มกี ลบั ไปดว้ ย ฝา่ ยนางเงอื กซงึ่ อาศยั อยู่ กบั พระฤๅษที เี่ กาะแกว้ พสิ ดารไดใ้ หก้ ำ� เนดิ โอรสของพระอภยั มณคี อื สดุ สาคร สดุ สาครออกตามหาพระบดิ าไปถงึ เมอื งการเวกและไดเ้ ปน็ โอรสบญุ ธรรมของเจา้ เมอื ง อุศเรนยกทัพมาโจมตีเมืองผลึกแต่แพ้พระอภัยมณีและตายใน สงคราม เจา้ ลงั กาซงึ่ เปน็ พระบดิ าของอศุ เรนตรอมใจตายตามโอรส ทำ� ใหน้ างละเวงวณั ฬาขนษิ ฐาของอศุ เรนตอ้ งขน้ึ ครองเมอื งลงั กาแทน โดยมสี งั ฆราชบาทหลวงเปน็ ทป่ี รกึ ษา นางละเวงแคน้ ใจ คดิ ทำ� ศกึ กบั เมอื งผลกึ อกี ครงั้ จงึ ใหช้ า่ งวาดรปู ตนเองพรอ้ มลงมนตรเ์ สนห่ ส์ ง่ ไปตาม เมอื งตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหช้ ว่ ยนางรบตามคำ� แนะนำ� ของสงั ฆราชบาทหลวง พระอภยั มณเี หน็ รปู นางละเวงกถ็ กู มนตรเ์ สนห่ จ์ นไมเ่ ปน็ อนั ทำ� ศกึ นาง สุวรรณมาลีจึงขอให้ศรีสุวรรณกับสินสมุทรมาช่วย ในขณะเดียวกัน สุดสาครท่ีอยู่เมืองการเวกมานานก็คิดออกตามหาพระอภัยมณี มี เสาวคนธแ์ ละหสั ไชยซง่ึ เปน็ ธดิ าและโอรสเจา้ เมอื งการเวกตามมาดว้ ย เมอ่ื ถงึ เมอื งผลกึ กเ็ ขา้ ชว่ ยแกเ้ สนห่ ใ์ หพ้ ระอภยั มณไี ดส้ ำ� เรจ็ และชว่ ยรบ กองทพั ขา้ ศกึ จนแตกพา่ ยไป 102 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 102
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ พระอภัยมณี พระอภยั มณตี ดั สนิ ใจยกทพั ไปทำ� ศกึ ทกี่ รงุ ลงั กาเพอ่ื ตดั ตน้ ตอแหง่ สงคราม ไมว่ า่ นางละเวงสง่ ทพั ใดไปรบกแ็ พส้ น้ิ จงึ ใชว้ ธิ ที ำ� เสนห่ ใ์ หเ้ หลา่ กษตั รยิ ห์ ลงใหล ในทสี่ ดุ ทงั้ พระอภยั มณี ศรสี วุ รรณ สนิ สมทุ ร และ สดุ สาครกถ็ กู เสนห่ ข์ องสตรเี มอื งลงั กาจนหมด นางสวุ รรณมาลจี งึ ตอ้ ง ยกทพั มาชว่ ยทำ� ศกึ แทนแตไ่ มป่ ระสบผล ทงั้ สองฝา่ ยรบกนั อยา่ งยดื เยอ้ื ในทส่ี ดุ พระฤๅษมี าชว่ ยแกเ้ สนห่ แ์ ละเทศนาไกลเ่ กลย่ี จนทง้ั หมด ละความพยาบาทยอมคนื ดกี นั พระอภยั มณแี ละนางสวุ รรณมาลพี รอ้ ม ดว้ ยเหลา่ กษตั รยิ ท์ งั้ หลายเดนิ ทางกลบั เมอื ง แตน่ างละเวงไปดว้ ยไมไ่ ด้ เพราะตอ้ งอยปู่ กครองบา้ นเมอื งตอ่ ไป ต่อมาสินสมุทรได้ครองคู่กับอรุณรัศมี สุดสาครได้ครองคู่กับ เสาวคนธ์ หสั ไชยไดค้ รองคกู่ บั สรอ้ ยสวุ รรณและจนั ทรส์ ดุ า เมอ่ื ทา้ ว สุทศั น์กบั นางปทมุ เกสรสนิ้ พระชนม์ พระอภัยมณี ศรสี ุวรรณ และ สนิ สมทุ รเดนิ ทางไปปลงพระศพทก่ี รงุ รตั นา มงั คลา โอรสนางละเวงซงึ่ ครองกรงุ ลงั กา ยกทพั มารบกบั เมอื งผลกึ อกี พระอภยั มณเี ปา่ ปส่ี ะกด ทพั จนสงครามยตุ ิ เมอ่ื การศกึ และความวนุ่ วายตา่ ง ๆ สงบลง พระ อภยั มณเี กดิ ความรสู้ กึ สงั เวชและเบอ่ื หนา่ ยความขดั แยง้ ระหวา่ งมเหสี จงึ ออกบวชเปน็ ฤๅษี นางละเวงตดั สนิ ใจเปลยี่ นศาสนาและออกบวช ตามพรอ้ มกบั นางสวุ รรณมาลี ทงั้ สามไปบำ� เพญ็ เพยี รอยทู่ เี่ ขาสงิ คตุ ร์ วรรคทองบทนอ้ี ยใู่ นเนอ้ื หาตอนสดุ สาครออกตามหาพระอภยั มณี มาถงึ เมอื งการเวก สดุ สาครไดพ้ บกบั ชเี ปลอื ยและถกู ชเี ปลอื ยหลอก ทำ� รา้ ยโดยผลกั ตกเหวเพอ่ื ชงิ ไมเ้ ทา้ วเิ ศษและมา้ นลิ มงั กร หลงั จากนน้ั พระฤๅษมี าชว่ ยสดุ สาครขนึ้ จากเหวแลว้ สอนเรอ่ื งการคบคนและการ ดำ� เนนิ ชวี ติ อยา่ งรอบคอบดว้ ยปญั ญา ความหมายของวรรคทอง วรรคทองทย่ี กมานเี้ ปน็ คำ� พดู ของพระฤๅษกี ลา่ วสอนสดุ สาครวา่ จง อยา่ ไวใ้ จมนษุ ย์ เพราะจติ ใจของมนษุ ยน์ น้ั ลกึ เกนิ หยง่ั ถงึ ได้ แมเ้ ถาวลั ย์ ทคี่ ดเคยี้ วพนั เกยี่ วไปมา กย็ งั ไมอ่ าจเทยี บไดก้ บั จติ ใจของมนษุ ยท์ ม่ี กั ไม่ ซอื่ ตรง ในโลกนผ้ี ทู้ รี่ กั เราอยา่ งจรงิ ใจมเี พยี งพอ่ และแมเ่ ทา่ นน้ั ความรกั 103 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 103 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ของพอ่ แมม่ แี ตผ่ ลดแี กล่ กู สว่ นทพี่ ง่ึ ทแ่ี ทจ้ รงิ ของแตล่ ะบคุ คลมเี พยี ง หนงึ่ เดยี วเทา่ นนั้ คอื ตนเอง เกดิ มาเปน็ มนษุ ยจ์ งึ ตอ้ งรจู้ กั คดิ ไตรต่ รอง ดว้ ยปญั ญาใหถ้ ถี่ ว้ นจนเหน็ กระจา่ งชดั กอ่ นจงึ จะเจรจากบั ใคร ในการ คบคน กค็ วรรจู้ กั คดิ อา่ นใหร้ อบคอบ หากใครทำ� ดกี บั เรา เรากพ็ งึ ทำ� ดตี อบ หากใครชงั เรา เรากไ็ มพ่ งึ ใหค้ วามรกั ตอบแทนเขา วชิ าความรู้ อาจเปน็ สง่ิ สำ� คญั ทส่ี ดุ ในดำ� รงชวี ติ แตย่ งั ไมเ่ ทา่ กบั ปญั ญาทรี่ รู้ กั ษาตน ใหร้ อดพน้ จากภยนั ตรายหรอื สงิ่ ชวั่ รา้ ยทง้ั ปวงได้ ความดเี ด่น วรรคทองที่ยกมาน้ีโดดเด่นเรื่องให้คติในการคบคนและการ ด�ำรงชีวิตผ่านเน้ือหาค�ำสอนท่ีมีเอกภาพ เริ่มจากการแสดงให้เห็น ว่า ธรรมชาติของมนุษย์มีความซับซ้อนและไม่น่าไว้วางใจ จึงเป็น ธรรมดาทอี่ าจมบี คุ คลผไู้ มป่ ระสงคด์ อี ยมู่ ากมายรอบตวั เรา เราจงึ ตอ้ ง ระมดั ระวงั เมอื่ คบหากบั คนอน่ื อยา่ งไรกต็ าม ในโลกนกี้ ย็ งั มบี คุ คลท่ี จรงิ ใจตอ่ เราคอื พอ่ แมข่ องเรานนั่ เอง แตถ่ งึ กระนน้ั พอ่ แมก่ ม็ อิ าจอยู่ เปน็ ทพี่ ง่ึ ของเราไดต้ ลอดไป มแี ตต่ วั เราเทา่ นนั้ ทจี่ ะเปน็ ทพี่ ง่ึ ทแี่ ทจ้ รงิ ของตนเองได้ ดงั นน้ั เราจงึ ตอ้ งเขา้ ใจธรรมชาตขิ องมนษุ ยแ์ ละรจู้ กั ใช้ สติปญั ญาไตรต่ รองดว้ ยความรอบคอบเพอ่ื จะดำ� รงชวี ติ อยูใ่ นโลกนี้ ไดอ้ ยา่ งราบรนื่ ปลอดภยั กวนี ำ� เสนอคตดิ งั กลา่ วผา่ นการสอนอยา่ งตรงไปตรงมาประกอบ กบั การใชภ้ าพพจนเ์ ปรยี บเทยี บเพอื่ ใหค้ ำ� สอนกระจา่ งชดั เจน เชน่ พระ ฤๅษสี อนสดุ สาครดว้ ยถอ้ ยคำ� ตรงไปตรงมาวา่ “อยา่ ไวใ้ จมนษุ ย”์ และ ใชค้ วามเปรยี บอธบิ ายเหตผุ ลวา่ เพราะจติ ใจของมนษุ ยน์ น้ั “ลกึ ลำ�้ เหลอื กำ� หนด” ไมส่ ามารถมองเหน็ หรอื คาดคะเนระดบั ความลกึ ได้ การ จะเขา้ ใจจติ ใจของบคุ คลแตล่ ะคนอยา่ งถอ่ งแทเ้ ปน็ เรอ่ื งยาก เพราะ จติ ใจเปน็ สงิ่ ทอี่ ยภู่ ายใน กวยี งั เปรยี บเทยี บตอ่ ไปวา่ จติ ใจของมนษุ ย์ ไมซ่ อ่ื ตรงและคดเคย้ี วยง่ิ กวา่ เถาวลั ยท์ คี่ ดเคย้ี วโดยธรรมชาติ ดงั นน้ั เราจงึ ไมค่ วรไวใ้ จใครงา่ ย ๆ ความเปรยี บนที้ ำ� ใหเ้ ขา้ ใจธรรมชาตขิ อง จติ ใจมนษุ ยไ์ ดอ้ ยา่ งเหน็ ภาพชดั เจน 104 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 104
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ พระอภัยมณี วรรคทองบทนย้ี ังมคี วามดเี ดน่ ในการสร้างความไพเราะด้วยการ เลน่ เสยี งสมั ผสั ใน ทง้ั สมั ผสั สระ เชน่ “เถาวลั ย-์ พนั เกย่ี ว-เลยี้ วลด” และสมั ผสั พยญั ชนะ เชน่ “แสนสดุ ” “ลกึ ลำ�้ ” “เลยี้ วลด” “หนง่ึ ใน” นอกจากนนั้ กวยี งั ใชก้ ารซำ�้ คำ� เชน่ “ทพี่ งึ่ หนงึ่ พงึ่ ไดแ้ ตก่ ายตน” “แมน้ ใครรักรักมั่งชังชังตอบ” และ “รู้ส่ิงไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็น ยอดด”ี เพอื่ เนน้ ความหมายของคำ� นนั้ ใหห้ นกั แนน่ และยำ้� วา่ เปน็ สงิ่ ท่ี พงึ ตระหนกั และกระทำ� ตาม ซง่ึ เหมาะสมกบั นำ้� เสยี งของวรรคทองบท นท้ี ม่ี ลี กั ษณะเปน็ การสงั่ สอน ด้วยเน้ือหาท่ีเป็นเอกภาพ การอธิบายที่เข้าใจง่ายและเห็นภาพ ชดั เจน รวมทง้ั การนำ� เสนอคตคิ ำ� สอนอนั เปน็ สจั ธรรมแหง่ ชวี ติ ทำ� ให้ วรรคทองบทนเ้ี หมาะสมแกผ่ อู้ า่ นทกุ เพศทกุ วยั และนำ� มาใชไ้ ดท้ กุ ยคุ ทกุ สมยั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 105 105 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 106 8/8/2557 BE 3:09 PM
๑๗ บงเนือ้ ก็เน้ือเตน้ พิศเส้นสรรี ์รวั ท่ัวรา่ งและทง้ั ตวั กร็ ะริกระริวไหว แลหลงั ละลามโล- หิตะโอ้เลอะหลง่ั ไป เพ่งผาดอนาถใจ ระกะร่อยเพราะรอยหวาย �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 107 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ท่มี าของวรรคทอง สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ท์ ผแู้ ตง่ นายชติ บรุ ทตั ป/ี สมัยท่แี ต่ง พ.ศ. ๒๔๕๗ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ทเ์ ปน็ วรรณคดคี ำ� ฉนั ท์ คอื วรรณคดที แี่ ตง่ ดว้ ย รปู แบบคำ� ประพนั ธป์ ระเภทฉนั ท์ หรอื ฉนั ทแ์ ละกาพย์ รปู แบบคำ� ประพนั ธ์ อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ ๑๑ วตั ถปุ ระสงค/์ โอกาสในการแต่ง สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ทม์ ที มี่ าจากเรอื่ งในคมั ภรี พ์ ทุ ธศาสนา ปรากฏอยู่ ในสมุ งั คลวลิ าสนิ ีอรรถกถาทฆี นกิ ายมหาวรรคนายชติ บรุ ทตั อาศยั เคา้ เรอ่ื งจากบทแปลของสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ขณะทรงดำ� รงสมณศกั ดเ์ิ ปน็ พระสคุ ณุ คณาภรณม์ าแตง่ เปน็ วรรณคดี คำ� ฉนั ทเ์ พอ่ื แสดงฝมี อื ในการประพนั ธ์ และเพอ่ื ชใ้ี หเ้ หน็ ความสำ� คญั ของความสามคั คอี นั เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ทท่ี ำ� ใหบ้ า้ นเมอื งมคี วามมนั่ คง เปน็ ปกึ แผน่ เน้อื หาของบทประพันธ์ วรรณคดีเร่ืองสามัคคีเภทค�ำฉันท์กล่าวถึงพระเจ้าอชาตศัตรู กษัตริย์ผู้ครองแคว้นมคธ มีพระราชประสงค์จะขยายอาณาจักรให้ กว้างขวางย่ิงขึ้น จึงทรงวางแผนจะตีแคว้นวัชชีของกษัตริย์ลิจฉวีซึ่ง มคี วามมน่ั คงรงุ่ เรอื ง เพราะหมกู่ ษตั รยิ ผ์ คู้ รองแควน้ ปกครองโดยยดึ หลกั สามคั คธี รรม พระเจา้ อชาตศตั รทู รงปรกึ ษากบั วสั สการพราหมณ์ ปโุ รหติ ผมู้ สี ตปิ ญั ญาเฉยี บแหลม วสั สการพราหมณอ์ อกอบุ ายอาสา 108 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 108
บงเน้ือก็เนื้อเต้น สามคั คีเภทค�ำฉนั ท์ ไปเปน็ ไสศ้ กึ ในแควน้ วชั ชี โดยใหพ้ ระเจา้ อชาตศตั รแู สรง้ ทำ� เปน็ กรวิ้ ลงโทษโบยตี แลว้ เนรเทศตนออกจากเมอื ง วสั สการพราหมณเ์ ดนิ ทางไปถงึ แควน้ วชั ชแี ลว้ ใชว้ าทศลิ ปโ์ นม้ นา้ ว ใจจนกษัตริย์ลิจฉวีทรงรับไว้ในต�ำแหน่งผู้ท�ำหน้าที่ตัดสินคดีความ และถวายพระอกั ษรแดเ่ หลา่ พระโอรส เมอื่ ทำ� หนา้ ทจ่ี นเปน็ ทไ่ี วว้ าง พระทัยได้ระยะหน่ึงแล้ว วัสสการพราหมณ์ก็ยุยงให้เหล่าพระโอรส ระแวงแคลงใจกนั จนทำ� ใหเ้ กดิ ความแตกแยกในหมกู่ ษตั รยิ ล์ จิ ฉวี หลงั จากนนั้ วสั สการพราหมณล์ อบสง่ ขา่ วไปกราบทลู พระเจา้ อชาตศตั รู พระองคจ์ งึ ยกทพั มาตแี ควน้ วชั ชไี ดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย วรรคทองที่ยกมาน้ีเป็นตอนที่พระเจ้าอชาตศัตรูสั่งให้โบยวัสส- การพราหมณจ์ นเนอื้ ตวั แตกยบั หลงั จากวสั สการพราหมณถ์ กู บรภิ าษ เพราะทูลทัดทานมิให้พระองค์ยกทัพไปตีแคว้นวัชชี ทั้งหมดน้ีเป็น แผนการของพระเจา้ อชาตศตั รทู จ่ี ะสง่ วสั สการพราหมณไ์ ปเปน็ ไสศ้ กึ ใน หมกู่ ษตั รยิ ล์ จิ ฉวี การโบยตวี สั สการพราหมณอ์ ยา่ งหนกั จนเนอ้ื ตวั แตก เปน็ รว้ิ รอย กเ็ พอื่ ทจ่ี ะลวงใหก้ ษตั รยิ ล์ จิ ฉวตี ายใจวา่ วสั สการพราหมณ์ ถกู ลงโทษหนกั จนสนิ้ ความภกั ดตี อ่ พระเจา้ อชาตศตั รู ความหมายของวรรคทอง วรรคทองบทนพี้ รรณนาภาพของวสั สการพราหมณท์ ถี่ กู โบยตอี ยา่ ง หนกั เมอื่ มองดกู เ็ หน็ เนอ้ื และเสน้ เอน็ สน่ั ไหวระรกิ ระรวั อยทู่ วั่ รา่ งกาย ดว้ ยความเจบ็ ปวด มองดแู ผน่ หลงั กเ็ หน็ เลอื ดไหลยอ้ ยอาบเลอะไปทว่ั อยา่ งนา่ เวทนา แมม้ องเหน็ สภาพเชน่ นนั้ เพยี งแวบเดยี ว กท็ ำ� ใหเ้ กดิ ความอนาถใจทไี่ ดเ้ หน็ เนอ้ื แตกยบั ตามรอยทพ่ี าดระเกะระกะอยบู่ น แผน่ หลงั เพราะถกู หวายฟาดตอี ยา่ งรนุ แรง ความดเี ด่น วรรคทองบทนดี้ เี ดน่ ดา้ นการสรา้ งจนิ ตภาพอนั แจม่ ชดั ทำ� ใหผ้ อู้ า่ น สามารถจนิ ตนาการถงึ ความเจบ็ ปวดแสนสาหสั ของวสั สการพราหมณ์ กวใี ชก้ ลวธิ กี ารพรรณนาอยา่ งละเอยี ดลออและใชค้ ำ� วา่ “บง” “พศิ ” 109 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 109 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา “แล” และ “เพง่ ” ซง่ึ ลว้ นสอ่ื ถงึ การมองเหน็ ทำ� ใหผ้ อู้ า่ นรสู้ กึ เหมอื นได้ มองเหน็ ภาพในระยะใกลด้ ว้ ยตนเอง และเนน้ ยำ�้ วา่ ไมว่ า่ จะมองไปทใี่ ด กเ็ หน็ แตบ่ าดแผลอนั เกดิ จากการถกู โบยตอี ยา่ งรนุ แรงทวั่ ทง้ั รา่ งกาย จินตภาพที่โดดเด่นในบทประพันธ์น้ีก็คือ จินตภาพของความ เคลอื่ นไหว ทง้ั ภาพของเนอ้ื ทถ่ี กู ตอี ยา่ งรนุ แรงจนแตกลกึ ลงไปกระทงั่ เห็นเส้นเอ็นก�ำลังเต้นระริกส่ันสะเทือนไปทั่วร่างด้วยความเจ็บปวด กวใี ชค้ ำ� วา่ “เตน้ ” “รวั ” “ระรกิ ระรวิ ” และ “ไหว” เพอ่ื เนน้ ใหเ้ หน็ วา่ เน้ือและเส้นเอ็นก�ำลังส่ันไหวถี่ ๆ ไปพร้อมกันทั่วร่างกายอย่างน่า สยดสยอง นอกจากน้ี ยงั มภี าพของเลอื ดทไี่ หลออกมาจากบาดแผล อาบเตม็ แผน่ หลงั กวใี ชค้ ำ� วา่ “ละลาม” “เลอะ” และ “หลง่ั ” ทท่ี ำ� ให้ เห็นวา่ เลอื ดไหลหล่งั ออกมาไมข่ าดสาย แผล่ ามเปรอะเป้ือนไปเป็น วงกวา้ งทว่ั รา่ งกาย ภาพความเคลอ่ื นไหวของเนอ้ื เสน้ เอน็ และเลอื ด บอกใหผ้ อู้ า่ นรวู้ า่ การโบยตนี เี้ พง่ิ จบสน้ิ ลง ณ ขณะนน้ั เนอ้ื ตวั จงึ ยงั แสดงอาการตอบสนองตอ่ ความเจบ็ ปวดอนั รนุ แรงทไ่ี ดร้ บั บาดแผล กย็ งั สดใหม่ รา่ งกายกอ็ ยใู่ นสภาพบอบชำ้� ยบั เยนิ จนิ ตภาพอนั แจม่ ชดั เหล่านี้ท�ำให้ผู้อ่านจินตนาการได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวทรมานท่ี วสั สการพราหมณไ์ ดร้ บั อนั นำ� ไปสคู่ วามรสู้ กึ ทงั้ หวาดกลวั เวทนาสงสาร และอนาถใจไปพรอ้ มกนั การสรา้ งจนิ ตภาพอนั แจม่ ชดั ในวรรคทองบทนที้ ำ� ใหก้ วสี ามารถสอ่ื อารมณอ์ นั เขม้ ขน้ ใหแ้ กผ่ อู้ า่ นไดท้ กุ ยคุ สมยั 110 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 110
บงเนื้อก็เน้ือเต้น สามคั คีเภทค�ำฉนั ท์ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 111 111 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 112 8/8/2557 BE 3:09 PM
๑๘ ถงึ กลางวนั สุรยิ ันแจม่ ประจักษ ์ ไม่เห็นหนา้ นงลกั ษณ์ย่งิ มืดใหญ ่ ถึงราตรมี ีจันทรอ์ นั อำ� ไพ ไมเ่ หน็ โฉมประโลมใจก็มืดมน อา้ ดวงสรุ ีย์ศรขี องพเ่ี อ๋ย ขอเชญิ เผยหน้าต่างนางอีกหน ขอเชญิ จันทร์ส่องสว่างกลางสากล เยย่ี มมาให้พย่ี ลเยอื กอรุ า �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 113 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ท่มี าของวรรคทอง บทละครพดู สลบั ลำ� เรอื่ งววิ าหพระสมทุ ผู้แตง่ ศรอี ยธุ ยา (พระนามแฝงของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ) ปี/สมัยทีแ่ ต่ง พ.ศ. ๒๔๕๙ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี วิวาหพระสมุทเป็นวรรณคดีประเภทบทละครพูดสลับล�ำ คือ วรรณคดที แี่ ตง่ ขนึ้ เพอื่ ใชแ้ สดงละครทดี่ ำ� เนนิ เรอื่ งดว้ ยการพดู สลบั กบั การรอ้ งเพลง บทเจรจาและบทเพลงท่ีรอ้ งมีความส�ำคัญเท่ากัน จะ ตดั อยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดออกไมไ่ ดเ้ พราะจะทำ� ใหเ้ สยี เนอ้ื ความ ละครทมี่ ี ลกั ษณะเชน่ นสี้ ว่ นใหญเ่ รยี กวา่ ละครสงั คตี แตส่ ำ� หรบั เรอื่ งววิ าหพระสมทุ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเรยี กวา่ ละครพดู สลบั ลำ� บทละครเรอ่ื งวิวาหพระสมุทแต่งเป็นร้อยแก้วสลบั กบั รอ้ ยกรอง บทเจรจาแตง่ เปน็ รอ้ ยแกว้ สว่ นบทรอ้ งแตง่ เปน็ รอ้ ยกรองซงึ่ สว่ นใหญ่ เปน็ กลอนสภุ าพ มกี าพยฉ์ บงั โคลงวชิ ชมุ าลี อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ และ รา่ ยแทรกอยบู่ า้ ง บทรอ้ งเหลา่ นเี้ ปน็ การรอ้ งโตต้ อบกนั ระหวา่ งตวั ละคร พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงคดั เลอื กเพลงไทยเดมิ ทำ� นองตา่ ง ๆ และเพลงสากลจำ� นวนหนง่ึ มาบรรจไุ วอ้ ยา่ งเหมาะสม รปู แบบค�ำประพันธ์ กลอนสภุ าพ วตั ถุประสงค์/โอกาสในการแตง่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บท ละครพดู สลบั ลำ� เรอ่ื งววิ าหพระสมทุ เพอ่ื ใชแ้ สดงในโอกาสตา่ ง ๆ โดย เฉพาะอยา่ งยง่ิ แสดงเกบ็ เงนิ บำ� รงุ ราชนาวสี มาคมแหง่ กรงุ สยามเพอื่ ซอื้ เรอื รบ “พระรว่ ง” 114 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 114
ถึงกลางวันสุริยันแจ่มประจักษ์ ววิ าหพระสมุท เน้อื หาของบทประพนั ธ์ ววิ าหพระสมทุ เปน็ บทละครทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ข้ึนจากการผสมผสานต�ำนานกรีกโบราณ เร่ืองการสังเวยเจ้าหญิงให้เจ้าสมุทรกับการเยือนของเรือรบราชนาวี องั กฤษซงึ่ ครองอำ� นาจทางทะเลในขณะนนั้ เรอื่ งววิ าหพระสมทุ เกดิ ขน้ึ ทเ่ี กาะอลั ฟะเบตาซง่ึ ประชาชนมคี วามเกรงกลวั อำ� นาจพระสมทุ ร มี ธรรมเนยี มวา่ ทกุ ๆ ๑๐๐ ปี ชาวเมอื งตอ้ งสง่ สว่ ยเปน็ หญงิ สาวพรหมจารี ใหไ้ ปเปน็ เจา้ สาวของพระสมทุ รมฉิ ะนนั้ จะเกดิ ภยั พบิ ตั ขิ น้ึ ขณะนน้ั อนั - โดรเมดา ธดิ าทา้ วมดิ สั เจา้ ผคู้ รองเกาะ รกั กบั อนั เดรซง่ึ เปน็ เจา้ ตา่ งนคร แตค่ วามรกั มอี ปุ สรรคเพราะอนั เดรมฐี านะยากจน คอนสตนั ตโิ นส๊ ซง่ึ เปน็ สหายสนทิ ของหลานหวั หนา้ นกั บวชกห็ ลงรกั อนั โดรเมดาเชน่ กนั จงึ ออกอบุ ายยยุ งใหช้ าวเกาะตน่ื ตกใจวา่ ใกลถ้ งึ เวลาทจี่ ะตอ้ งสง่ เจา้ สาว ใหพ้ ระสมทุ รแลว้ เพอื่ ใหท้ า้ วมดิ สั จำ� ใจสง่ อนั โดรเมดาไปสงั เวย ขณะนน้ั เรอื รบหลวงออ๊ กสฟอรด์ มาจอดเทยี บทา่ ชาวเมอื งเหน็ บอ๋ ยรบั ใชช้ าว จนี ของผบู้ งั คบั การเรอื กต็ กใจคดิ วา่ เปน็ ผที ะเลมาทวงสว่ ยใหพ้ ระสมทุ ร คอนสตนั ตโิ นส๊ จงึ ฉวยโอกาสจา้ งบอ๋ ยใหช้ ต้ี นเปน็ ตวั แทนพระสมทุ ร เพอ่ื จะไดแ้ ตง่ งานกบั อนั โดรเมดา อนั เดรและอนั โดรเมดารทู้ นั อบุ าย นจ้ี งึ สง่ พเี่ ลย้ี งของเจา้ หญงิ ไปขอความชว่ ยเหลอื จากฝา่ ยองั กฤษ ในพธิ ี สง่ ตวั เจา้ สาวพระสมทุ ร นาวาเอก เอดเวอรด์ ไลออ้ นจงึ ซอ้ นแผนของ คอนสตนั ตโิ นส๊ โดยแสดงตนวา่ เปน็ ผบู้ งั คบั การเรอื แหง่ ราชนาวอี งั กฤษ ซงึ่ มอี ำ� นาจสงู สดุ ในทอ้ งทะเล จงึ ถอื วา่ เปน็ ผแู้ ทนพระสมทุ รโดยชอบ ธรรม และเลอื กใหอ้ นั เดรเปน็ ตวั แทนพระสมทุ รแตง่ งานกบั อนั โดรเม- ดา สว่ นนาวาเอก ไลออนกไ็ ดแ้ ตง่ งานกบั พเ่ี ลยี้ งของเจา้ หญงิ ดว้ ย บทประพนั ธท์ เี่ ปน็ วรรคทองนอี้ ยใู่ นตอนทอ่ี นั เดรไปหาอนั โดรเมดา ทห่ี นา้ วงั ทา้ วมดิ สั และรอ้ งเพลงแสดงความรกั ตอ่ อนั โดรเมดา ความหมายของวรรคทอง วรรคทองนเี้ ปน็ บทรอ้ งของอนั เดรซงึ่ ยนื รอ้ งเพลงอยใู่ ตห้ นา้ ตา่ งหอ้ ง ของอนั โดรเมดา เรยี กใหน้ างผเู้ ปน็ ทร่ี กั ยง่ิ ชวี ติ และงามดงั นางสวรรค์ 115 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 115 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM เปดิ หนา้ ตา่ งออกมาพบใหไ้ ดช้ นื่ ใจ อนั เดรกลา่ ววา่ แมย้ ามกลางวนั ท่ี ดวงอาทติ ยส์ อ่ งแสงสวา่ งกระจา่ ง แตโ่ ลกกลบั มดื มนนกั เมอ่ื ไมไ่ ดเ้ หน็ หนา้ นาง ยามกลางคนื กเ็ ชน่ กนั แมม้ ดี วงจนั ทร์ ทอแสงงามสกุ ใส แต่ เมอ่ื มไิ ดย้ ลโฉมอนั งามพงึ ใจของนาง โลกกม็ ดื มนดจุ เดยี วกนั ขอใหน้ าง ทร่ี กั ผเู้ ปน็ ดงั ดวงตะวนั แหง่ ชวี ติ และดวงเดอื นทสี่ อ่ งแสงสวา่ งไปทว่ั ฟา้ ไดโ้ ปรดเยย่ี มหนา้ ออกมาใหต้ นไดย้ ลใหเ้ ยน็ ใจดว้ ยเถดิ ความดเี ดน่ วรรคทองบทนเี้ ปน็ โวหารฝากรกั ทคี่ มคายและไพเราะออ่ นหวาน สะท้อนให้เห็นอารมณ์ความรู้สึกอันลึกซึ้งของชายหนุ่มยามแรกรัก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงน�ำเสนอความรักของ อันเดรท่ีมีต่ออันโดรเมดาโดยการแสดงให้เห็นความส�ำคัญของนาง ท่ีมีต่อชีวิตของเขาผ่านกลวิธีทางวรรณศิลป์ท่ีส�ำคัญ ๒ ประการคือ การน�ำภาพท่ีแตกต่างตรงกันข้ามมาวางเทียบเคียงกัน และการใช้ ภาพพจนท์ แ่ี ปลกใหม่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงน�ำภาพความสว่าง จากแสงธรรมชาติและความมืดมิดในจิตใจของตัวละครมาเทียบ เคยี งกนั เพอื่ แสดงอารมณเ์ ศรา้ หมองหมน่ เพราะขาดนางทร่ี กั ไดอ้ ยา่ ง แยบยล ดงั ทอ่ี นั เดรพรรณนาความรสู้ กึ ของเขาวา่ แมจ้ ะเปน็ เวลากลาง วนั ทด่ี วงอาทติ ยส์ อ่ งแสงสวา่ ง แตแ่ สงธรรมชาตอิ นั กระจา่ งตากย็ งั ไม่ เพยี งพอทจี่ ะใหค้ วามสวา่ งแกจ่ ติ ใจของเขาได้ เพราะการไมไ่ ด้ “เหน็ หนา้ นงลกั ษณ”์ ทำ� ใหเ้ ขารสู้ กึ วา่ โลก “ยงิ่ มดื ใหญ”่ เตม็ ไปดว้ ยความ โดด เดย่ี วหนาวเหนบ็ และโศกสลดหดหู่ และแมใ้ นยามราตรที ม่ี ดี วงจนั ทร์ ทอแสงงาม แตเ่ มอื่ ไมไ่ ดเ้ หน็ ใบหนา้ อนั ผดุ ผอ่ งซง่ึ สรา้ งความเบกิ บาน พงึ อกพงึ ใจใหแ้ กเ่ ขา ชวี ติ ของเขาก็ “มดื มน” เพราะขาดสงิ่ หลอ่ เลย้ี ง จติ ใจอนั นำ� มาซงึ่ ความสขุ แกช่ วี ติ แมแ้ สงอนั งามสวา่ งสกุ ใสของดวง จนั ทรก์ ไ็ มส่ ามารถขจดั ความรสู้ กึ “มดื มน” นอ้ี อกไปได้ ในกลอนบทถดั มา พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรง ใหอ้ นั เดรกลา่ วเปรยี บเทยี บอนั โดรเมดาเปน็ ธรรมชาตสิ องสง่ิ คอื ดวง 116 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 116
ถึงกลางวันสุริยันแจ่มประจักษ์ ววิ าหพระสมุท อาทิตย์และดวงจันทร์เพื่อเน้นย�้ำให้เห็นความส�ำคัญของนางที่มีต่อ ชีวิตของเขา อันเดรเปรียบนางเป็นดวงอาทิตย์ เพราะแสงอาทิตย์ เป็นส่ิงจ�ำเป็นส�ำหรับชีวิตมนุษย์ ท�ำให้สรรพส่ิงทั้งมวลในโลกด�ำรง อยไู่ ด้ การเปรยี บนางเปน็ “ดวงสรุ ยี ศ์ ร”ี ทจี่ ะชว่ ยขจดั ความมดื มดิ หมองหมน่ ใหห้ มดไป และนำ� ความสขุ ความอบอนุ่ ความหวงั และ ก�ำลังใจมาสู่ชีวิตของเขาอีกคร้ังหน่ึง จึงแสดงความส�ำคัญอันสูงสุด ของนางที่มีต่อชีวิตของฝ่ายชาย ในขณะเดียวกัน การใช้อุปลักษณ์ เปรียบเทียบนางที่รักเป็นดวงจันทร์ ก็เป็นการชมความงามและ พรรณนาความรกั ทมี่ ตี อ่ นางไปพรอ้ ม ๆ กนั ดว้ ย แสงของดวงจนั ทร์ นอกจากจะชว่ ยใหม้ นษุ ยส์ ามารถประกอบกจิ กรรมตา่ ง ๆ ไดใ้ นยาม ค�่ำคืนแล้ว ความนุ่มนวลเย็นตาของแสงพระจันทร์ยังสร้างความ สุขและความช่ืนเย็นให้แก่จิตใจของผู้ได้ชม ดังที่อันเดรได้พรรณนา ว่า โฉมอันนวลงามผุดผ่องดังดวงจันทร์ของอันโดรเมดาได้สร้าง ความด่ืมด่�ำประทับใจและก่อให้เกิดความสุขความชื่นใจให้แก่เขา และความพึงตาพึงใจน้ีเองที่น�ำไปสู่ความรักอันยิ่งใหญ่ลึกซ้ึงท่ีมีต่อ นาง ในวรรณคดีไทยแต่โบราณ การเปรียบเทียบสตรีกับดวงจันทร์ และบุรุษกับดวงอาทิตย์เป็นภาพพจน์ที่มีปรากฏอยู่ แต่การเปรียบ นางเปน็ ท้ังดวงอาทติ ยแ์ ละดวงจนั ทร์ นับเป็นภาพพจน์ทแี่ ปลกใหม่ การนำ� เสนออปุ ลกั ษณท์ งั้ สองไปพรอ้ ม ๆ กนั ชว่ ยสอื่ ใหผ้ อู้ า่ นเหน็ วา่ อนั โดรเมดามคี ณุ คา่ และความสำ� คญั ตอ่ ชวี ติ ของอนั เดรในทกุ โมงยาม ดจุ เดยี วกบั ดวงอาทติ ยแ์ ละดวงจนั ทรท์ ห่ี มนุ เวยี นกนั ใหแ้ สงสวา่ งแก่ โลกเพอ่ื ใหส้ รรพสงิ่ ดำ� เนนิ ชวี ติ ไปได้ ภาพพจนท์ แี่ ปลกใหมแ่ ละทรงพลงั การจดั วางถอ้ ยคำ� อยา่ งประณตี บรรจงเพอื่ เชดิ ชคู ณุ คา่ ของหญงิ และการเลน่ สมั ผสั อนั แพรวพราวกอ่ ใหเ้ กดิ เสยี งเสนาะไพเราะสอดคลอ้ งกบั อารมณข์ องบทกวี ทำ� ใหบ้ ท ประพนั ธบ์ ทนเี้ ปน็ บทฝากรกั ทซ่ี าบซง้ึ กนิ ใจยงิ่ ทงั้ ยงั เหมาะสมกลมกลนื เปน็ อยา่ งดกี บั ทำ� นองเพลงคลนื่ กระทบฝง่ั ซง่ึ มลี ลี าออ่ นหวานนมุ่ นวล ตอ่ มาเมอ่ื มผี นู้ ำ� วรรคทองบทนไ้ี ปเปน็ เนอื้ รอ้ งของเพลงไทยสากลชอื่ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 117 117 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา “สรุ ยิ นั -จนั ทรา” กย็ งิ่ ทำ� ใหว้ รรคทองบทนเ้ี ปน็ ทรี่ จู้ กั แพรห่ ลายมากขน้ึ และเปน็ ทน่ี ยิ มนำ� มาขบั รอ้ งจวบจนปจั จบุ นั 118 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 118
ถึงกลางวันสุริยันแจ่มประจักษ์ วิวาหพระสมุท �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 119 119 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 120 8/8/2557 BE 3:09 PM
๑๙ ชนใดท่ไี ม่มีดนตรีการ ในสนั ดานเปน็ คนชอบกลนกั อีกใครฟังดนตรไี ม่เหน็ เพราะ เขาน้ันเหมาะคิดขบถอัปลักษณ ์ หรืออบุ ายมุง่ รา้ ยฉมังนกั มโนหนกั มืดมัวเหมือนราตร ี และดวงใจย่อมดำ� สกปรก ราวนรกชนเช่นกล่าวมาน ี่ ไม่ควรใครไวใ้ จในโลกน ้ี เจ้าจงฟังดนตรีเถิดช่นื ใจ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 121 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ทีม่ าของวรรคทอง บทละครพดู คำ� กลอนเรอื่ งเวนสิ วานชิ ผแู้ ต่ง พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ป/ี สมยั ทแี่ ต่ง พ.ศ. ๒๔๕๙ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี เวนิสวานิชเป็นวรรณคดีประเภทบทละครพูดค�ำกลอน คือ บท ละครทแี่ ตง่ ดว้ ยกลอนสภุ าพเปน็ สว่ นใหญ่ มบี ทเจรจาบางตอนแตง่ เปน็ รอ้ ยแกว้ แทรกอยบู่ า้ ง ในตอนทกี่ ลา่ วถงึ ขอ้ ความในหบี ๓ ใบ แตง่ เปน็ โคลงสส่ี ภุ าพและโคลงดน้ั และในตอนทกี่ ลา่ วถงึ การบรรเลงและขบั รอ้ งเพลงขณะทบี่ สั สานโิ ยเลอื กหบี แตง่ เปน็ กลอนดอกสรอ้ ย รปู แบบคำ� ประพันธ์ กลอนสภุ าพ วัตถุประสงค์/โอกาสในการแต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บท ละครพูดเร่ืองเวนิสวานิชโดยทรงแปลจากบทละครสุขนาฏกรรม เรอ่ื ง The Merchan of Venice ของวลิ เลยี ม เชกสเปยี ร์ (William Shakespeare) ดว้ ยมพี ระราชดำ� รวิ า่ เชกสเปยี รเ์ ปน็ จนิ ตกวคี นสำ� คญั ขององั กฤษซง่ึ มชี อื่ เสยี งเปน็ ทร่ี จู้ กั กนั ทวั่ โลกนอกจากจะมผี นู้ ยิ มนำ� บท ละครของเชกสเปยี รไ์ ปแสดงแลว้ ยงั ยกยอ่ งกนั วา่ เปน็ หนงั สอื ควรอา่ น เพราะเตม็ ไปดว้ ยโวหารอนั คมคายและถอ้ ยคำ� อนั ไพเราะสละสลวย มี ผนู้ ำ� ไปแปลเปน็ ภาษาตา่ ง ๆ มากมาย พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธไ์ วใ้ นคำ� นำ� ของเวนสิ วานชิ วา่ “ขา้ พเจา้ ก็ ออกจะนึกละอายแก่ใจท่ีในภาษาไทยเราไม่มีบ้างอย่างเขา จริงอยู่ ขา้ พเจา้ ไดท้ ราบอยวู่ า่ มผี ไู้ ดน้ พิ นธเ์ รอื่ งของเชกสเปยี รข์ นึ้ แลว้ ๓ ราย... แตท่ แี่ ตง่ ไวแ้ ลว้ ทง้ั ๓ รายนไี้ มต่ รงตามแบบเดมิ ของเชกสเปยี รส์ กั ราย 122 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 122
ชนใดที่ไม่มีดนตรีการ เวนิสวานชิ เดยี ว” ดงั นน้ั พระองคจ์ งึ ทรงเลอื กเรอ่ื งเวนสิ วานชิ มาแตง่ เปน็ ภาษา ไทยโดย “คงรปู ใหเ้ ปน็ ละครเจรจาโตต้ อบกนั ตามแบบของเชกสเปยี ร์ เดมิ และถอ้ ยคำ� ผกู เปน็ กลอนไทยเพอ่ื ใหร้ ปู คลา้ ยของเดมิ ทส่ี ดุ ทจ่ี ะ ขยบั ขยายใหเ้ ปน็ ไปได”้ เน้ือหาของบทประพนั ธ์ เรอ่ื งเวนสิ วานชิ เปน็ เรอ่ื งราวของอนั โตนโิ ยพอ่ คา้ ผมู้ ชี อ่ื เสยี งแหง่ เมอื งเวนสิ ซงึ่ เปน็ ผมู้ จี ติ ใจโอบออ้ มอารี แตเ่ กลยี ดชงั พวกยวิ โดยเฉพาะ ไชลอ็ กซงึ่ รำ่� รวยจากการใหเ้ งนิ กู้ อนั โตนโิ ยมเี พอื่ นรกั ชอ่ื บสั สานโิ ยซง่ึ หลงรกั นางปอรเ์ ชยี ทายาทของคหบดแี หง่ เมอื งเบล็ มอนต์ บสั สานโิ ย ตอ้ งการเงนิ ๓,๐๐๐ เหรยี ญ เพอ่ื เปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทางไปเลอื ก คู่ จงึ ขอความชว่ ยเหลอื จากอนั โตนโิ ย ขณะนน้ั อนั โตนโิ ยมเี งนิ สดใน มือไม่พอเน่ืองจากทรัพย์สินท้ังหมดลงทุนไปกับเรือสินค้าท่ีเดินทาง ไปคา้ ขายตามเมอื งตา่ ง ๆ ทวั่ โลก อนั โตนโิ ยจงึ ตดั สนิ ใจไปขอกเู้ งนิ จาก ไชลอ็ ก ไชลอ็ กตกลงใหก้ เู้ งนิ โดยหวงั จะใชโ้ อกาสนแ้ี กแ้ คน้ อนั โตนโิ ย ทเี่ คยแสดงทา่ ทางดหู มนิ่ ตน จงึ ทำ� สญั ญาวา่ หากอนั โตนโิ ยใชเ้ งนิ ไมท่ นั ตามกำ� หนด จะตอ้ งใชห้ นเ้ี ปน็ เนอื้ ใกลห้ วั ใจหนกั หนง่ึ ปอนด์ เมอ่ื บสั สานโิ ยไดเ้ งนิ ๓,๐๐๐ เหรยี ญกเ็ ดนิ ทางไปเบล็ มอนตเ์ พอ่ื เลอื กคคู่ รอง บดิ าของนางปอรเ์ ชยี กำ� หนดวา่ มหี บี ๓ ใบใหผ้ ทู้ ตี่ อ้ งการ แตง่ งานกบั นางเลอื ก หากเลอื กไดใ้ บทม่ี รี ปู ของนางอยภู่ ายใน จงึ จะได้ นางไป บสั สานโิ ยเลอื กหบี ไดถ้ กู ตอ้ งจงึ ไดแ้ ตง่ งานกบั นางปอรเ์ ชยี สม ความปรารถนา ขณะนน้ั อนั โตนโิ ยไดข้ า่ ววา่ เรอื สนิ คา้ ทงั้ หมดอบั ปาง ไมส่ ามารถนำ� เงนิ มาชำ� ระหนไี้ ด้ ไชลอ็ กซง่ึ มคี วามเกลยี ดชงั อนั โตนโิ ย เป็นทุนเดิมและย่ิงโกรธแค้นกลุ่มชาวคริสต์มากยิ่งข้ึนเมื่อเช็สสิกา ลกู สาวของตนหนตี ามลอเรน็ โซเพอ่ื นของอนั โตนโิ ยและบสั สานโิ ยไป ไชลอ็ กจงึ เรยี กรอ้ งเอาเนอื้ หนกั ๑ ปอนดข์ องอนั โตนโิ ยตามสญั ญา นาง ปอรเ์ ซยี มอบเงนิ ใหบ้ สั สานโิ ยนำ� ไปชำ� ระหนแี้ ทนอนั โตนโิ ยและแตง่ กาย เปน็ ชายเดนิ ทางไปทศี่ าลแหง่ เมอื งเวนสิ ปลอมตนเปน็ ทนายไปชว่ ย ใหค้ ำ� ปรกึ ษาในการตดั สนิ คดรี ะหวา่ งไชลอ็ กกบั อนั โตนโิ ย เมอ่ื ไชลอ็ ก 123 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 123 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ไมย่ อมรบั เงนิ แตย่ นื ยนั จะใหท้ ำ� ตามสญั ญา นางปอรเ์ ซยี จงึ ตดั สนิ ให้ ไชลอ็ กไดเ้ นอื้ ของอนั โตนโิ ย แตม่ ขี อ้ แมว้ า่ ตอ้ งเชอื ดเนอื้ ใหไ้ ด้ ๑ ปอนด์ พอดแี ละไมม่ เี ลอื ดตดิ เนอ้ื ออกมาดว้ ยมฉิ ะนน้ั จะถอื วา่ ทำ� ผดิ สญั ญา ไชลอ็ กจงึ ขอถอนฟอ้ ง นางปอรเ์ ซยี อา้ งกฎหมายใหเ้ จา้ เมอื งประหาร ชวี ติ และรบิ ทรพั ยส์ นิ ของไชลอ็ กทงั้ หมดเพราะแสดงเจตนาจะฆา่ ชาว เมอื ง เจา้ เมอื งยกโทษประหารชวี ติ ใหแ้ ตใ่ หร้ บิ ทรพั ยส์ มบตั ขิ องไชลอ็ ก ครงึ่ หนง่ึ เขา้ รฐั สว่ นอกี ครง่ึ หนงึ่ ใหเ้ ปน็ คา่ ทำ� ขวญั อนั โตนโิ ย อนั โตนโิ ยไม่ รบั เงนิ แตข่ อใหไ้ ชลอ็ กหนั มานบั ถอื ศาสนาครสิ ตแ์ ละทำ� พนิ ยั กรรมยก ทรพั ยส์ นิ ใหเ้ ชส็ สกิ าลกู สาวซง่ึ หนไี ปอยกู่ บั สามชี าวครสิ ตแ์ ทน เรอื่ งจบ ลงเมอ่ื เรอื สนิ คา้ ของอนั โตนโิ ยมาถงึ ทา่ เรอื อยา่ งปลอดภยั วรรคทองบทนอ้ี ยใู่ นตอนทลี่ อเรน็ โซและเชส็ สกิ าซงึ่ ชว่ ยดแู ลบา้ น ใหน้ างปอรเ์ ชยี ระหวา่ งนางไปศาลทเี่ วนสิ ไดท้ ราบขา่ ววา่ นางจะกลบั ถึงบ้านในคืนนั้น จึงเตรียมการต้อนรับโดยสั่งให้วงดนตรีมาบรรเลง เพลง และทง้ั สองไดส้ นทนากนั เรอื่ งอทิ ธพิ ลของดนตรที มี่ ตี อ่ มนษุ ย์ ความหมายของวรรคทอง วรรคทองบทนเี้ ปน็ คำ� พดู ของลอเรน็ โซซง่ึ กลา่ วกบั เชส็ สกิ าวา่ บคุ คล ทมี่ อี ปุ นสิ ยั ไมช่ อบดนตรเี ปน็ คนประหลาดมาก สว่ นผทู้ ไ่ี มเ่ หน็ ความ ไพเราะนา่ ฟงั ของดนตรี กม็ เี พยี งคนจติ ใจชวั่ รา้ ย มงุ่ แตค่ ดิ คดทรยศ เตม็ ไปดว้ ยเลห่ เ์ หลย่ี มทจี่ ะประทษุ รา้ ยผอู้ นื่ บคุ คลเชน่ นมี้ จี ติ วญิ ญาณ อนั มดื บอดราวกบั ความมดื ในยามกลางคนื มจี ติ ใจทดี่ ำ� สกปรกราวกบั ความมดื มดิ แหง่ นรก คนเหลา่ นเี้ ปน็ คนทเี่ ราไมค่ วรไวใ้ จ ขอใหน้ างผนู้ ำ� ความชนื่ ใจมาใหจ้ งฟงั ดนตรเี พอ่ื จะไมเ่ ปน็ ดงั เชน่ คนทกี่ ลา่ วมาน้ี ความดีเดน่ วรรคทองบทนชี้ ใี้ หเ้ หน็ ความสำ� คญั ของดนตรที มี่ ตี อ่ จติ ใจมนษุ ย์ ผ่านการใช้ถ้อยค�ำที่สร้างจินตภาพอันแจ่มชัด ก่อนจะถึงบทกลอน ตอนท่ีเปน็ วรรคทอง ลอเร็นโซได้บรรยายให้เชส็ สิกาเห็นพลานภุ าพ อนั ยง่ิ ใหญข่ องเสยี งดนตรที ม่ี ตี อ่ สง่ิ มชี วี ติ ทงั้ ปวง โดยยกตวั อยา่ งฝงู มา้ ทอี่ าศยั อยใู่ นปา่ ลกึ ไมเ่ คยไดร้ บั การฝกึ ฝนขดั เกลา มา้ ปา่ เหลา่ น้ี แม้ 124 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 124
ชนใดที่ไม่มีดนตรีการ เวนิสวานชิ ขณะกำ� ลงั พยศวงิ่ เตลดิ ไปทว่ั เมอ่ื ไดย้ นิ เสยี งดนตรลี อยมากระทบโสต ประสาท มา้ ทง้ั ฝงู กย็ งั หยดุ นงิ่ ฟงั ดว้ ยความจบั ใจในความไพเราะของ เสยี งดนตรี พลงั อำ� นาจของเสยี งดนตรเี ปลย่ี นแปลงไดแ้ มก้ ระทงั่ สง่ิ ไมม่ ชี วี ติ หรอื สง่ิ ทม่ี กี ำ� เนดิ ตำ่� ชา้ ดงั คำ� กลา่ วของลอเรน็ โซวา่ “เพราะสง่ิ ใดแมไ้ มม่ ชี วี ี หรอื ชว่ั ชา้ กาลแี สนสามานย์ กแ็ ผกผดิ ธรรมดาเวลาท่ี ยนิ ดนตรบี รรเลงเพลงสมาน” ดว้ ยเหตนุ ี้ บคุ คลที่ “ไมม่ ดี นตรกี าร” ในกมล สนั ดาน จงึ นบั วา่ “ชอบกล” ยง่ิ เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั สงิ่ มชี วี ติ โดยทว่ั ไป กวแี สดงใหเ้ หน็ ความหยาบกระดา้ งแหง่ จติ วญิ ญาณของบคุ คลซง่ึ “ฟงั ดนตรไี มเ่ หน็ เพราะ” ผา่ นการใชถ้ อ้ ยคำ� และโวหารเปรยี บเทยี บทใ่ี ห้ ภาพอนั เดน่ ชดั เชน่ การใชค้ ำ� วา่ “สนั ดาน” เพอ่ื แสดงวา่ จติ ใจอนั ขาด ความสามารถในการรบั รคู้ วามไพเราะงดงามของศลิ ปะ เปน็ อปุ นสิ ยั ที่ ตดิ ตวั มาแตก่ ำ� เนดิ และฝงั รากลกึ ยากจะเปลย่ี นแปลงแกไ้ ขได้ การใชค้ ำ� วา่ “ขบถ” “อปั ลกั ษณ”์ “อบุ าย” และ “ฉมงั ” เนน้ ยำ้� ใหเ้ หน็ ความชว่ั รา้ ย นา่ เกลยี ดของจติ ทมี่ แี ตจ่ ะสรา้ งความเดอื ดรอ้ นและคดิ คดทรยศตอ่ ผู้ อนื่ แมม้ วี ธิ กี ารอนั แยบคาย แตก่ ใ็ ชไ้ ปในทางท่ี “มงุ่ รา้ ย” อยา่ งรนุ แรง เทา่ นน้ั การเปรยี บเทยี บจติ ใจของบคุ คลกบั ความมดื มดิ ของกลางคนื และนรก เพอื่ ใหผ้ อู้ า่ นเหน็ ภาพจติ วญิ ญาณอนั มดื บอดไปดว้ ยอวชิ ชา และขนุ่ มวั เปรอะเปอ้ื นจากบาปกรรมอนั กอ่ แตค่ วามทกุ ขท์ รมาน จงึ ยากทคี่ วามไพเราะงดงามของดนตรจี ะแทรกซมึ เขา้ ไปแกไ้ ขขดั เกลาได้ กวใี ชถ้ อ้ ยคำ� และภาพพจนเ์ หลา่ นสี้ รา้ งภาพอนั นา่ รงั เกยี จเพอ่ื จะนำ� ไป สขู่ อ้ สรปุ ในทา้ ยทสี่ ดุ วา่ มนษุ ยไ์ มพ่ งึ คบหาสมาคมและใหค้ วามไวว้ างใจ แกบ่ คุ คลประเภทน้ี ในขณะเดยี วกนั กค็ วรฟงั ดนตรเี พอ่ื ใหพ้ ลงั แหง่ เสยี งเพลงชว่ ยขดั เกลาจติ ใจใหอ้ อ่ นโยน ไมเ่ ปน็ เชน่ เดยี วกบั ผทู้ ี่ “ไมม่ ี ดนตร”ี ในจติ ใจ วรรคทองบทนใ้ี หข้ อ้ คดิ แกเ่ ราวา่ บคุ คลจะเปน็ คนเชน่ ใด สามารถตดั สนิ ไดจ้ ากความรสู้ กึ นกึ คดิ ของเขาทมี่ ตี อ่ เสยี งดนตรี คตชิ วี ติ อนั คมคายซง่ึ สอ่ื ผา่ นภาษาทใี่ หภ้ าพอนั แจม่ ชดั สรา้ งความ ประทับใจให้แก่ผู้อ่านผู้ชมจ�ำนวนมาก จนมีผู้น�ำวรรคทองบทนี้ไป เปน็ เนอ้ื รอ้ งของเพลง “ฟงั ดนตรเี ถดิ ชน่ื ใจ” ซงึ่ เปน็ ทนี่ ยิ มขบั รอ้ งกนั มาจนถงึ ปจั จบุ นั 125 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 125 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 126 8/8/2557 BE 3:09 PM
๒๐ พระสมทุ รสดุ ลกึ ล้น คณนา สายดิง่ ทิ้งทอดมา หย่งั ได ้ เขาสงู อาจวดั วา กำ� หนด จิตมนุษย์นไ้ี ซร้ ยากแท้หย่งั ถึง �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 127 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา ทม่ี าของวรรคทอง ประชมุ โคลงโลกนติ ิ ผ้แู ตง่ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดศิ ร ป/ี สมยั ที่แต่ง พ.ศ.๒๓๗๔-๒๓๗๘ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี โคลงบทนเี้ ปน็ วรรณคดคี ำ� สอน คอื วรรณคดที มี่ เี นอ้ื หามงุ่ แสดงคติ ปรชั ญาในการดำ� เนนิ ชวี ติ จรยิ ธรรม หรอื ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องคนใน สงั คมกวอี าจนำ� คำ� สอนมาจากคา่ นยิ มความเชอื่ หลกั ธรรมทางศาสนา หรอื ประสบการณช์ วี ติ รปู แบบคำ� ประพนั ธ์ โคลงสส่ี ภุ าพ วตั ถุประสงค/์ โอกาสในการแต่ง ในพ.ศ.๒๓๗๔ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระ กรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหบ้ รู ณปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ทั้งยังมีพระราชประสงค์ให้รวบรวมสรรพวิชาความรู้ของไทยอัน มีมาแต่โบราณมาจารึกลงบนแผ่นศิลา เพื่อสืบทอดภูมิปัญญา ไทยและเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและศึกษาได้ โดยง่ายและเท่าเทียมกัน ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร (ขณะด�ำรงพระ ยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศร) รวบรวมและช�ำระ โคลงโลกนิติส�ำนวนเก่า แล้วน�ำมาจารึกบนแผ่นศิลาประดับไว้ บริเวณศาลาทิศของพระมณฑป เพื่อเป็นโอวาทสอนใจประชาชน ดงั โคลงบทแรกทวี่ า่ 128 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 128
พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา โคลงโลกนติ ิ อญั ขยมบรมนเรศรเ์ รอ้ื ง รามวงศ์ พระผา่ นแผน่ ไผททรง สบื ไท้ แสวงยง่ิ สง่ิ สดบั องค ์ โอวาท หวงั ประชาชนให ้ อา่ นแจง้ คำ� โคลง โคลงโลกนติ สิ ำ� นวนของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา เดชาดศิ ร ทงั้ สนิ้ ๕๙๓ บท มที ง้ั ทปี่ รบั ปรงุ แกไ้ ขมาจากโคลงโลกนติ ิ สำ� นวนเดมิ และทท่ี รงพระนพิ นธข์ น้ึ ใหม่ เมอ่ื มกี ารจารกึ เผยแพรใ่ น วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ทำ� ใหโ้ คลงโลกนติ สิ ำ� นวนนเี้ ปน็ ทรี่ จู้ กั กวา้ งขวางกวา่ สำ� นวนอน่ื เนอ้ื หาของบทประพันธ์ โคลงโลกนติ ิพระนิพนธ์สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยา เดชาดศิ รมที มี่ าจากโคลงโลกนติ สิ ำ� นวนเกา่ ซง่ึ สนั นษิ ฐานวา่ นา่ จะแตง่ ขน้ึ กอ่ นสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากโคลงโลกนติ บิ ทที่ ๒ วา่ ครรโลงโลกนติ นิ ี้ นมนาน มแี ตโ่ บราณกาล เกา่ พรอ้ ง เปน็ สภุ ษติ สาร สอนจติ กลดง่ั สรอ้ ยสอดคลอ้ ง เวยี่ ไวใ้ นกรรณ คำ� สอนในโคลงโลกนติ มิ ที มี่ าจากคมั ภรี โ์ บราณตา่ ง ๆ ทเี่ ผยแพรเ่ ขา้ มาในสงั คมไทยเปน็ เวลาชา้ นาน เชน่ โลกนตี ิ โลกนยั ธรรมบท ฯลฯ คำ� วา่ “โลกนติ ”ิ หมายถงึ ระเบยี บแบบแผนของโลก เนอ้ื หาของโคลงโลก- นติ มิ หี ลากหลายมที ง้ั เนอ้ื หาทแี่ สดงสจั ธรรมความเปน็ จรงิ ของโลกเชน่ ความไมเ่ ทยี่ ง ความซบั ซอ้ นของจติ ใจมนษุ ย์ และเนอื้ หาทใี่ หค้ ตเิ กย่ี ว กบั การดำ� เนนิ ชวี ติ และชแ้ี นะแนวทางในการประพฤตติ น เชน่ การพดู การคบคน การใฝห่ าความรู้ ฯลฯ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 129 129 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา ความหมายของวรรคทอง โคลงบทนี้มุ่งเสนอสารส�ำคัญเร่ืองธรรมชาติของจิตใจมนุษย์ซ่ึง มองเหน็ และเขา้ ใจไดย้ าก โดยเปรยี บเทยี บวา่ มหาสมทุ รทลี่ กึ มากยงั สามารถใชส้ ายดง่ิ วดั ความลกึ ได้ เชน่ เดยี วกบั ภเู ขาสงู ทแ่ี มส้ งู เพยี งใด กอ็ าจวดั ความสงู ได้ แตจ่ ติ ใจของมนษุ ยน์ นั้ ยากทจ่ี ะหยงั่ ถงึ ความรสู้ กึ นกึ คดิ ทแี่ ทจ้ รงิ ดงั นน้ั บคุ คลจงึ ควรพจิ ารณาคนใหล้ กึ ซง้ึ ถถ่ี ว้ นและ ระมดั ระวงั ในการคบคน ความดเี ดน่ ความดเี ดน่ ของโคลงบทนคี้ อื การใชก้ ลวธิ เี ปรยี บเทยี บสงิ่ ทเี่ ปน็ รปู - ธรรมคอื มหาสมทุ รและภเู ขากบั นามธรรมคอื จติ ใจของมนษุ ย์ ทำ� ให้ เหน็ ภาพและเกดิ จนิ ตนาการไดอ้ ยา่ งชดั เจน กลา่ วคอื ใชค้ วามลกึ และ ความสงู ของภเู ขามาเปน็ แนวเทยี บกบั ความซบั ซอ้ นของจติ ใจมนษุ ย์ โคลงบทนแ้ี สดงใหเ้ หน็ วา่ ความลกึ สดุ หยง่ั และความสงู เสยี ดฟา้ ของ สงิ่ ใด ๆ ในธรรมชาตนิ นั้ กไ็ มเ่ กนิ กำ� ลงั กายและกำ� ลงั สตปิ ญั ญาของ มนษุ ยท์ จี่ ะรบั รไู้ ด้ แตส่ ง่ิ ทม่ี นษุ ยเ์ ขา้ ใจไดย้ ากทส่ี ดุ กค็ อื จติ ใจของมนษุ ย์ เอง เพราะอยภู่ ายใน แปรเปลย่ี นไดต้ ลอดเวลา และเปน็ สงิ่ ทคี่ าดเดา ไดย้ ากยง่ิ 130 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 130
พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา โคลงโลกนติ ิ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 131 131 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 132 8/8/2557 BE 3:09 PM
๒๑ ตวั นอ้ งมิใชข่ องอันเคยขาย จะเรยี งรายกลางหนหาควรไม ่ พิเคราะหใ์ หเ้ หมาะก่อนเป็นไร กลับไปเถิดพ่อแก้วผู้แววตา อดข้าวดอกนะเจา้ ชีวติ วาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา นางก้มอยูก่ บั ตกั ซบพักตรา เฝา้ วอนวา่ ไหวพ้ ลางพ่อวางพิม �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 133 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ทม่ี าของวรรคทอง เสภาเรอื่ งขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน ๔ พลายแกว้ เปน็ ชกู้ บั นางพมิ ผ้แู ต่ง พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ปี/สมยั ท่ีแต่ง ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ประเภทของวรรณคดี ขนุ ชา้ งขนุ แผนจดั เปน็ วรรณคดปี ระเภทเสภา คอื วรรณคดที แ่ี ตง่ ดว้ ยกลอนเสภา มจี ดุ ประสงคเ์ พอื่ ใชข้ บั เสภาซงึ่ เปน็ การขบั ทมี่ จี งั หวะ และทำ� นองเฉพาะและมกั ใชก้ รบั เปน็ เครอื่ งประกอบจงั หวะเนอ้ื หาของ เสภามหี ลากหลาย เชน่ นทิ าน ตำ� นาน พงศาวดาร คำ� สอน รูปแบบคำ� ประพันธ์ กลอนเสภา วัตถุประสงค/์ โอกาสในการแตง่ เรอื่ งขนุ ชา้ งขนุ แผนเปน็ เรอ่ื งทน่ี ยิ มนำ� มาเลา่ และขบั เปน็ เสภาตง้ั แต่ สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา มอี ยหู่ ลายสำ� นวน ในสมยั ตน้ รตั นโกสนิ ทรพ์ ระบาท สมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหแ้ ตง่ บท เสภาขนุ ชา้ งขนุ แผนขนึ้ ใหมห่ ลายตอน พระองคท์ รงพระราชนพิ นธ์ ๔ ตอน และพระราชทานตอนอนื่ ๆ ใหเ้ จา้ นายและกวรี าชสำ� นกั เชน่ กรม- หมนื่ เจษฎาบดนิ ทร์ และสนุ ทรภชู่ ว่ ยกนั แตง่ บทเสภาทแี่ ตง่ ขน้ึ ใหมน่ ี้ ใชข้ บั ถวายตอนทรงเครอื่ งใหญ่ (ตดั ผม) ทำ� ใหเ้ กดิ ธรรมเนยี มขบั เสภา ถวายขณะทรงเครอื่ งใหญใ่ นรชั กาลตอ่ ๆมาสว่ นการแตง่ บทเสภาขนุ ชา้ ง ขนุ แผนขนึ้ ใหมม่ ตี อ่ มาจนถงึ สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผนตอน “พลายแกว้ เปน็ ชกู้ บั นางพมิ ” อนั เปน็ ทม่ี าของวรรคทองนี้เปน็ บทพระราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ- เลศิ หลา้ นภาลยั ซงึ่ ทรงพระราชนพิ นธข์ นึ้ ในคราวทโ่ี ปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ี การแตง่ บทเสภาเรอ่ื งนขี้ นึ้ ใหมใ่ นรชั สมยั ของพระองค์ 134 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 134
ตัวน้องมิใช่ของอันเคยขาย ขนุ ช้างขุนแผน เน้ือหาของบทประพันธ์ เสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผนเปน็ เรอ่ื งราวความรกั สามเสา้ ระหวา่ งพลาย แกว้ นางพมิ พลิ าไลย และขนุ ชา้ ง ซง่ึ เปน็ เพอ่ื นรกั กนั ตง้ั แตย่ งั เดก็ และ อาศยั อยแู่ ถบสพุ รรณบรุ แี ละกาญจนบรุ ี เมอ่ื พลายแกว้ อายไุ ด้ ๑๕ ปี ไดบ้ วชเณรและมาจำ� พรรษาทสี่ พุ รรณบรุ ี ทำ� ใหไ้ ดพ้ บและรกั กบั นางพมิ โดยมนี างสายทองพเี่ ลยี้ งนางพมิ เปน็ แมส่ อ่ื ตอ่ มาไมน่ านพลายแกว้ กบั นางพมิ กแ็ ตง่ งานกนั หลงั แตง่ งานเพยี ง ๒ วนั พลายแกว้ ตอ้ งไปราชการ สงคราม ระหวา่ งนนั้ นางพมิ ปว่ ยหนกั จงึ เปลยี่ นชอื่ เปน็ วนั ทองเพอ่ื แก้ เคลด็ ขนุ ชา้ งซงึ่ แอบหลงรกั นางวนั ทองมาตง้ั แตเ่ ดก็ ใชอ้ บุ ายบงั คบั ให้ นางวนั ทองแตง่ งานกบั ตน แตน่ างไมย่ อมเขา้ หอ หลงั จากพลายแกว้ ชนะศกึ และไดบ้ รรดาศกั ดเ์ิ ปน็ ขนุ แผน กเ็ ดนิ ทางกลบั มาหานางวนั ทอง พรอ้ มกบั พานางลาวทองภรรยาอกี คนหนงึ่ ซงึ่ ไดม้ าจากการทำ� ศกึ กลบั มาด้วย เมื่อนางวันทองได้พบนางลาวทอง จึงเกิดความหึงหวงและ ทะเลาะววิ าทกนั นางวนั ทองกลา่ ววาจาตดั เยอื่ ใยขนุ แผน ทำ� ใหข้ นุ แผน โกรธและตดั ขาดนางวนั ทอง นางจงึ จำ� ตอ้ งตกเปน็ ภรรยาของขนุ ชา้ ง ตอ่ มาขนุ ชา้ งใสค่ วามขนุ แผนวา่ หนรี าชการระหวา่ งฝากเวรกบั ขนุ ชา้ ง และไปเยี่ยมนางลาวทองที่เจ็บป่วย จนพระพันวษากร้ิวและลงโทษ ขนุ แผนโดยการรบิ ลาวทองไป ทำ� ใหข้ นุ แผนเจบ็ แคน้ ขนุ ชา้ ง จงึ มาลกั นางวนั ทองจากเรอื นขนุ ชา้ งแลว้ พาหนเี ขา้ ปา่ หลงั จากนน้ั ไมน่ านนาง วนั ทองกต็ งั้ ครรภ์ ขนุ แผนไมอ่ ยากใหน้ างลำ� บากจงึ ยอมออกจากปา่ มา รบั โทษ ระหวา่ งทข่ี นุ แผนตดิ คกุ อยนู่ น้ั ขนุ ชา้ งมาลกั นางวนั ทองกลบั ไป อกี ตอ่ มานางวนั ทองคลอดลกู ชอ่ื พลายงาม เมอ่ื ขนุ ชา้ งรวู้ า่ พลายงาม เปน็ ลกู ของขนุ แผน กล็ วงพลายงามไปฆา่ แตผ่ พี รายของขนุ แผนชว่ ย ชวี ติ พลายงามไวไ้ ด้ นางวนั ทองเปน็ หว่ งลกู กลวั จะถกู ขนุ ชา้ งทำ� รา้ ย อกี จงึ สง่ พลายงามไปอยกู่ บั นางทองประศรผี เู้ ปน็ ยา่ ทก่ี าญจนบรุ ี เมอ่ื พลายงามเตบิ ใหญไ่ ดเ้ ขา้ รบั ราชการและทลู ขอพระราชทานอภยั โทษ แกข่ นุ แผน ตอ่ มาพลายงามกบั ขนุ แผนอาสาไปทำ� สงครามกบั พระเจา้ เชยี งใหมจ่ นชนะ พลายงามจงึ ไดเ้ ลอื่ นยศเปน็ พระไวย วนั หนงึ่ พระไวย คดิ ถงึ นางวนั ทองผเู้ ปน็ แม่ จงึ ไปลกั นางจากขนุ ชา้ งมาอยกู่ บั ตนและ 135 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 135 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา ขนุ แผน ขนุ ชา้ งไปกราบทลู ฟอ้ งรอ้ งจนเกดิ เปน็ คดคี วามใหญโ่ ต พระ พนั วษาจงึ ใหน้ างวนั ทองเลอื กวา่ จะอยกู่ บั ขนุ ชา้ ง ขนุ แผน หรอื พระไวย แตน่ างเลอื กไมไ่ ด้ ทำ� ใหพ้ ระพนั วษากรวิ้ และสงั่ ประหารชวี ติ นางวนั ทอง เปน็ อนั สน้ิ สดุ ความรกั สามเสา้ ระหวา่ งขนุ แผน นางวนั ทอง และขนุ ชา้ ง เนอื้ เรอื่ งชว่ งหลงั ของเสภาขนุ ชา้ งขนุ แผนเปน็ เรอื่ งราวของรนุ่ ลกู ขนุ แผนคอื พระไวย (พลายงาม) และพลายชมุ พล (ลกู ของขนุ แผนกบั นางแกว้ กริ ยิ า) และกลา่ วถงึ เรอื่ งรกั สามเสา้ ของพระไวย นางศรมี าลา กบั นางสรอ้ ยฟา้ วา่ นางสรอ้ ยฟา้ ภรรยานอ้ ยใหเ้ ถรขวาดทำ� เสนห่ จ์ น พระไวยหลงฟน่ั เฟอื นทำ� รา้ ยนางศรมี าลาภรรยาหลวงกบั พลายชมุ พล นอ้ งชาย พลายชมุ พลจบั เสนห่ น์ างสรอ้ ยฟา้ ไดแ้ ละแกไ้ ขใหพ้ ระไวยฟน้ื คนื สติ นางจงึ ถกู ขบั ออกจากอยธุ ยา ตอ่ มาเถรขวาดคดิ แคน้ จงึ แปลง เปน็ จระเขเ้ ขา้ มากอ่ ความวนุ่ วายในเมอื งกรงุ แตถ่ กู พลายชมุ พลจบั ได้ และถกู ตดั สนิ ประหารชวี ติ วรรคทองทยี่ กมานอี้ ยใู่ นเนอื้ เรอื่ งตอนพลายแกว้ ซง่ึ กำ� ลงั บวชเณร อยไู่ ดพ้ บรกั กบั นางพมิ จงึ ขอใหน้ างสายทองผเู้ ปน็ พเี่ ลย้ี งเปน็ แมส่ อื่ ให้ ทำ� ใหพ้ ลายแกว้ ไดพ้ ลอดรกั และลอบมคี วามสมั พนั ธล์ กึ ซง้ึ กบั นาง ความหมายของวรรคทอง วรรคทองน้ีเป็นค�ำพูดของนางพิมกล่าวอ้อนวอนและเตือนสติ พลายแก้วท่ีก�ำลังเล้าโลมนางด้วยความเสน่หาว่า ตัวนางมิใช่สินค้า ที่วางขายอยู่ตามทางให้ผู้อ่ืนมาเลือกชมได้ตามใจ การท่ีพลายแก้ว มาเลา้ โลมนางทก่ี ลางไรฝ่ า้ ยเชน่ นจี้ งึ เปน็ สง่ิ ทไ่ี มส่ มควร นางจงึ ขอให้ พลายแกว้ อดใจและกลบั ไปเสยี กอ่ น เพราะมแี ตก่ ารอดขา้ วปลาอาหาร เทา่ นน้ั ทท่ี ำ� ใหส้ นิ้ ชวี ติ สว่ นการรำ� งบั อดความเสนห่ านน้ั ไมท่ ำ� ใหถ้ งึ กบั ตาย นางพมิ วา่ แลว้ กก็ ม้ ลงซบหนา้ รอ้ งไหอ้ ยกู่ บั ตกั ของพลายแกว้ พลาง ไหวอ้ อ้ นวอนขอใหพ้ ลายแกว้ ปลอ่ ยนางเสยี 136 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 136
ตัวน้องมิใช่ของอันเคยขาย ขุนชา้ งขุนแผน ความดีเดน่ วรรคทองนมี้ คี วามโดดเดน่ ตรงทเ่ี ปน็ คำ� กลา่ วออ้ นวอนและเตอื น สติชายคนรักท่ีท้ังเว้าวอนด้วยถ้อยค�ำอ่อนหวานและมีความหมาย คมคายอยา่ งยงิ่ ดงั จะเหน็ วา่ นางพมิ ใชค้ ำ� เรยี กพลายแกว้ อยา่ งออ่ น หวานวา่ “พอ่ แกว้ ผแู้ ววตา” “เจา้ ” และ “พอ่ ” และเมอ่ื จะหา้ มปราม พลายแก้วให้หยุดความเสน่หา นางก็ใช้ถ้อยค�ำที่ไพเราะนุ่มนวลว่า “พเิ คราะหใ์ หเ้ หมาะกอ่ นเปน็ ไร” “กลบั ไปเถดิ พอ่ แกว้ ” และ “พอ่ วาง พมิ ” นอกจากความออ่ นหวานไพเราะแลว้ เมอ่ื พจิ ารณาความหมาย ของเนอ้ื ความ ยงั เหน็ ไดช้ ดั วา่ นางพมิ ใชค้ ำ� พดู เตอื นสตพิ ลายแกว้ ซง่ึ ก�ำลังพลุ่งพล่านด้วยอารมณ์ปรารถนาได้อย่างมีวาทศิลป์และหลัก แหลมยิ่ง โดยการเปรียบเทียบความรักความเสน่หาของชายหนุ่ม กับข้าวเพ่ือชี้ให้เห็นว่า ความรักใคร่ใหลหลงนั้นมิใช่ส่ิงที่จ�ำเป็นหรือ สำ� คญั ทส่ี ดุ ในชวี ติ ไมเ่ หมอื นขา้ วซงึ่ เปน็ อาหารหลกั และขาดไมไ่ ด้ ดงั นน้ั หากรำ� งบั หรอื งดเวน้ ความเสนห่ าไปกไ็ มท่ ำ� ใหถ้ งึ กบั สน้ิ ชวี ติ นอกจากน้ี การทนี่ างกลา่ วเตอื นสตพิ ลายแกว้ วา่ ตวั นางมใิ ชส่ นิ คา้ ทว่ี างเรยี งราย ใหค้ นหยบิ ชมไดโ้ ดยงา่ ย ยงั เปน็ การยำ้� เตอื นพลายแกว้ ใหต้ ระหนกั ถงึ คณุ คา่ และศกั ดศิ์ รขี องความเปน็ หญงิ ทตี่ อ้ งรกั นวลสงวนตวั นบั เปน็ ค�ำกล่าวอ้อนวอนเชิงห้ามปรามท่ีลึกซ้ึงแยบคายและยากที่ฝ่ายชาย จะโตแ้ ยง้ ได้ ความโดดเดน่ ทง้ั ดา้ นการใชภ้ าษาไพเราะออ่ นหวานและการเตอื น สตใิ หแ้ งค่ ดิ แกผ่ ทู้ กี่ ำ� ลงั ลมุ่ หลงในความรกั และพลงุ่ พลา่ นดว้ ยอารมณ์ เสนห่ า ทำ� ใหว้ รรคทองบทนจี้ บั ใจผอู้ า่ นตลอดมาจนถงึ ปจั จบุ นั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 137 137 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 138 8/8/2557 BE 3:09 PM
๒๒ ถงึ ม้วยดินสน้ิ ฟ้ามหาสมุทร ไมส่ นิ้ สุดความรักสมัครสมาน แมน้ เกิดในใตฟ้ ้าสธุ าธาร ขอพบพานพศิ วาสไม่คลาดคลา แมเ้ น้ือเยน็ เปน็ ห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรสี วสั ดิ์เป็นมัจฉา แมเ่ ป็นบวั ตัวพี่เป็นภมุ รา เชยผกาโกสมุ ปทมุ ทอง เจ้าเปน็ ถ�ำ้ อ�ำไพขอใหพ้ ี ่ เป็นราชสหี ์สิงสู่เปน็ คู่สอง ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นค่คู รองพิศวาสทุกชาติไป �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 139 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ทม่ี าของวรรคทอง พระอภยั มณี ผ้แู ต่ง สนุ ทรภู่ ปี/สมัยทีแ่ ตง่ เรมิ่ แตง่ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั จนถงึ ปลายรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี เรอ่ื งพระอภยั มณจี ดั เปน็ นทิ านคำ� กลอน คอื วรรณคดนี ทิ านทแ่ี ตง่ ดว้ ยกลอนเพลงหรอื กลอนเพลงยาวตลอดทงั้ เรอ่ื ง รูปแบบค�ำประพนั ธ์ กลอนเพลง วตั ถปุ ระสงค/์ โอกาสในการแต่ง สุนทรภู่เร่ิมแต่งเรื่องพระอภัยมณีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั เพอ่ื เลยี้ งชวี ติ ขณะตอ้ งโทษจำ� คกุ ราว พ.ศ. ๒๓๖๔ จนเมอื่ พน้ โทษกลบั เขา้ รบั ราชการกไ็ ดแ้ ตง่ ตอ่ อกี แลว้ หยดุ ไป ตอ่ มาเมอ่ื สนุ ทรภอู่ อกบวช ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั จงึ ไดแ้ ตง่ ตอ่ ตามรบั สง่ั ของพระองคเ์ จา้ ลกั ขณานคุ ณุ แลว้ ไดห้ ยดุ ไปอกี ครงั้ กอ่ นจะแตง่ ตอ่ ไปอกี ตามรบั สงั่ ของกรมหมนื่ อปั สรสดุ าเทพ ในชว่ งปลายรชั กาลที่ ๓ โดยแตง่ ตอ่ จนถงึ ตอนพระอภยั มณอี อกบวช (เลม่ ท่ี ๔๙) ตอนตอ่ จากนนั้ เขา้ ใจวา่ เปน็ สำ� นวนของกวอี น่ื พระอภัยมณเี ปน็ บทประพนั ธเ์ รอ่ื งยาวทส่ี ดุ ของสนุ ทรภู่ นบั เปน็ ตอนได้ ๖๔ ตอน พระอภยั มณเี ปน็ นทิ านคำ� กลอนทส่ี นกุ สนาน เตม็ ไปดว้ ยจนิ ตนาการและความแปลกใหม่ สำ� นวนกลอนไพเราะ จงึ ได้ รบั ยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสรเมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๙ ใหเ้ ปน็ ยอดของนทิ าน คำ� กลอน 140 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 140
ถึงม้วยดินส้ินฟ้ามหาสมุทร พระอภัยมณี เนือ้ หาของบทประพนั ธ์ พระอภยั มณี เปน็ เรอื่ งราวของพระอภยั มณี โอรสทา้ วสทุ ศั นแ์ ละ นางปทมุ เกสรแหง่ กรงุ รตั นา เรอ่ื งเรม่ิ ตน้ เมอื่ พระอภยั มณแี ละอนชุ า คอื ศรสี วุ รรณออกเดนิ ทางไปศกึ ษาเลา่ เรยี นวชิ า พระอภยั มณเี รยี นวชิ า เปา่ ปจ่ี นเชย่ี วชาญ สามารถเปา่ ปส่ี ะกดคนและสตั วไ์ ด้ สว่ นศรสี วุ รรณ เรยี นวชิ ากระบกี่ ระบอง เมอื่ ทา้ วสทุ ศั นท์ ราบวา่ โอรสทงั้ สองไมไ่ ดเ้ รยี น วชิ าสำ� หรับกษตั รยิ ก์ ็กริ้วและขบั ไล่ออกจากเมอื ง พระอภัยมณแี ละ ศรสี วุ รรณเดนิ ทางพเนจรไปจนไดพ้ บกบั พราหมณว์ เิ ชยี รโมราและสานน พราหมณข์ อใหพ้ ระอภยั มณเี ปา่ ปใ่ี หฟ้ งั เสยี งปอ่ี นั ไพเราะสะกดใหท้ กุ คนหลบั ใหล นางผเี สอ้ื สมทุ รไดย้ นิ เสยี งปจ่ี งึ ตดิ ตามเสยี งมาจนพบพระ อภยั มณแี ละเกดิ หลงรกั จงึ อมุ้ พระอภยั มณไี ปทถ่ี ำ�้ ของตน นางแปลง กายเป็นมนุษย์และขอให้พระอภัยมณีเป็นสามี เมื่อศรีสุวรรณและ พราหมณท์ ง้ั สามฟน้ื คนื สตกิ แ็ ลน่ เรอื ออกตดิ ตามหาพระอภยั มณไี ป จนถงึ เมอื งรมจกั ร ศรสี วุ รรณไดพ้ บรกั และอภเิ ษกกบั นางเกษราธดิ า เจา้ เมอื ง รมจกั ร และมธี ดิ าดว้ ยกนั ชอื่ อรณุ รศั มี พระอภยั มณมี โี อรสกบั นางผเี สอ้ื สมทุ รชอ่ื สนิ สมทุ ร ซงึ่ เปน็ เดก็ มี กำ� ลงั มาก วนั หนงึ่ สนิ สมทุ รลอบออกไปเทย่ี วเลน่ แลว้ ไลจ่ บั พอ่ เงอื ก มาได้ พอ่ เงอื กจงึ ชว่ ยออกอบุ ายพาพระอภยั มณแี ละสนิ สมทุ รหนี ฝา่ ย นางยกั ษต์ ามมาทนั จงึ จบั พอ่ เงอื กแมเ่ งอื กกนิ สว่ นพระอภยั มณกี บั นางเงอื กและสนิ สมทุ รเดนิ ทางตอ่ ไปจนถงึ เกาะแกว้ พสิ ดาร ทง้ั สาม ไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากพระฤๅษจี นรอดพน้ จากนางผเี สอ้ื มาได้ ตอ่ มาพระอภยั มณไี ดน้ างเงอื กเปน็ ชายา ฝา่ ยเมอื งผลกึ มกี ษตั รยิ ช์ อื่ ทา้ วสลิ ราชซงึ่ มมี เหสชี อ่ื นางมณฑา ทงั้ สองมธี ดิ าชอ่ื สวุ รรณมาลี วนั หนงึ่ นางสวุ รรณมาลอี อกไปทอ่ งทะเลกบั พระบดิ า เรอื ของนางถกู คลน่ื ลมซดั ไปถงึ เกาะแกว้ พสิ ดาร พระอภยั มณี หลงรกั นางสวุ รรณมาลตี ง้ั แตแ่ รกเหน็ สว่ นสนิ สมทุ รกถ็ กู ชะตากบั นาง จึงขอเป็นบุตรบุญธรรม พระฤๅษีช่วยชี้ทางกลับเมืองให้ท้าวสิลราช พระอภยั มณขี อโดยสารเรอื ไปดว้ ยและฝากนางเงอื กซงึ่ กำ� ลงั ตง้ั ครรภ์ ไวก้ บั พระฤๅษี นางผเี สอื้ สมทุ รตามเรอื ของทา้ วสลิ ราชมาและทำ� ใหเ้ รอื 141 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 141 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ลม่ ทา้ วสลิ ราชสนิ้ พระชนม์ พระอภยั มณพี ลดั จากนางสวุ รรณมาลแี ละ สนิ สมทุ รไปยงั เกาะอกี แหง่ หนง่ึ นางผเี สอ้ื สมทุ รไดต้ ดิ ตามไปพระอภยั มณี จงึ เปา่ ปส่ี งั หารนางผเี สอ้ื จนสน้ิ ชวี ติ สว่ นนางสวุ รรณมาลกี บั สนิ สมทุ ร ได้ขออาศัยไปกับเรือโจรสลัด โจรสลัดอยากได้นางสุวรรณมาลี เปน็ ภรรยาทำ� ใหข้ ดั แยง้ กบั สนิ สมทุ ร สนิ สมทุ รรบชนะหวั หนา้ ไดข้ นึ้ เปน็ นายโจรแลว้ ลอ่ งเรอื เขา้ ไปถงึ กรงุ รมจกั ร ไดพ้ บกบั ศรสี วุ รรณและทราบ วา่ เปน็ อาหลานกนั ศรสี วุ รรณพาสนิ สมทุ รและอรณุ รศั มอี อกเรอื ตาม หาพระอภยั มณี ทงั้ หมดไดพ้ บกบั อศุ เรนคหู่ มนั้ ของสวุ รรณมาลซี ง่ึ ได้ ชว่ ยพระอภยั มณไี ว้ สนิ สมทุ รไมย่ อมคนื นางสวุ รรณมาลใี หอ้ ศุ เรน จงึ เกดิ รบพงุ่ กนั และขบั ไลอ่ ศุ เรนไปได้ เมอ่ื กลบั ถงึ เมอื งผลกึ พระอภยั มณี ได้ขึ้นครองเมืองและต่อมาได้นางสุวรรณมาลีเป็นมเหสี มีธิดาแฝด ชอื่ สรอ้ ยสวุ รรณกบั จนั ทรส์ ดุ า สว่ นศรสี วุ รรณทลู ลากลบั เมอื งรตั นา โดยพาสนิ สมทุ รและอรณุ รศั มกี ลบั ไปดว้ ย ฝา่ ยนางเงอื กซงึ่ อาศยั อยู่ กบั พระฤๅษที เ่ี กาะแกว้ พสิ ดารไดใ้ หก้ ำ� เนดิ โอรสของพระอภยั มณคี อื สดุ สาคร สดุ สาครออกตามหาพระบดิ าไปถงึ เมอื งการเวกและไดเ้ ปน็ โอรสบญุ ธรรมของเจา้ เมอื ง อุศเรนยกทัพมาโจมตีเมืองผลึกแต่แพ้พระอภัยมณีและตายใน สงคราม เจา้ ลงั กาซง่ึ เปน็ พระบดิ าของอศุ เรนตรอมใจตายตามโอรส ทำ� ใหน้ างละเวงวณั ฬาขนษิ ฐาของอศุ เรนตอ้ งขน้ึ ครองเมอื งลงั กาแทน โดยมสี งั ฆราชบาทหลวงเปน็ ทป่ี รกึ ษา นางละเวงแคน้ ใจ คดิ ทำ� ศกึ กบั เมอื งผลกึ อกี ครง้ั จงึ ใหช้ า่ งวาดรปู ตนเองพรอ้ มลงมนตรเ์ สนห่ ส์ ง่ ไปตาม เมอื งตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหช้ ว่ ยนางรบตามคำ� แนะนำ� ของสงั ฆราชบาทหลวง พระอภยั มณเี หน็ รปู นางละเวงกถ็ กู มนตรเ์ สนห่ จ์ นไมเ่ ปน็ อนั ทำ� ศกึ นาง สุวรรณมาลีจึงขอให้ศรีสุวรรณกับสินสมุทรมาช่วย ในขณะเดียวกัน สุดสาครท่ีอยู่เมืองการเวกมานานก็คิดออกตามหาพระอภัยมณี มี เสาวคนธแ์ ละหสั ไชยซง่ึ เปน็ ธดิ าและโอรสเจา้ เมอื งการเวกตามมาดว้ ย เมอื่ ถงึ เมอื งผลกึ กเ็ ขา้ ชว่ ยแกเ้ สนห่ ใ์ หพ้ ระอภยั มณไี ดส้ ำ� เรจ็ และชว่ ยรบ กองทพั ขา้ ศกึ จนแตกพา่ ยไป 142 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 142
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446