๓๗ แม้นแผน่ ดนิ สนิ้ ชายที่พึงเชย อยา่ มีค่เู ลยจะดกี ว่า พ่พี ลอยรอ้ นใจแทนทกุ เวลา หรือวาสนานอ้ งจะตอ้ งกนั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 243 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ที่มาของวรรคทอง บทละครในเรอ่ื ง อเิ หนา ผู้แต่ง พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ป/ี สมยั ที่แตง่ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ประเภทของวรรณคดี เรอื่ งอเิ หนาเปน็ วรรณคดปี ระเภทบทละครใน คอื วรรณคดที แ่ี ตง่ ขนึ้ เพอ่ื ใชแ้ สดงละครในราชสำ� นกั อนั เปน็ ละครของพระมหากษตั รยิ ์ ถอื เปน็ เครอ่ื งประดบั พระเกยี รตยิ ศอยา่ งหนง่ึ จดุ มงุ่ หมายของละคร ในมงุ่ แสดงความงดงามและศลิ ปะชนั้ สงู อนั ประณตี บรรจงทงั้ ในดา้ น การรำ� เพลงรอ้ ง เพลงปพ่ี าทย์ และถอ้ ยคำ� ในบทละคร รูปแบบคำ� ประพนั ธ์ กลอนบทละคร วตั ถปุ ระสงค์/โอกาสในการแต่ง วรรณคดเี รอื่ งอเิ หนามที ม่ี าจาก “นทิ านปนั หย”ี ซง่ึ เปน็ นทิ านวรี บรุ ษุ ของชวา วรรณคดเี รอื่ งนแี้ พรเ่ ขา้ มาในไทยตงั้ แตส่ มยั อยธุ ยาและมหี ลกั ฐานวา่ มกี ารนำ� มาแตง่ เปน็ บทละครในในรชั สมยั พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ ตอ่ มาในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั พระองค์ ได้ทรงน�ำบทละครในเรื่องอิเหนาพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมาทรงปรับปรุงขัดเกลาเพ่ือให้เป็นฉบับท่ี งดงามสมบรู ณพ์ รอ้ ม ทง้ั ในดา้ นวรรณคดแี ละการแสดงละครใน วธิ ี การพระราชนพิ นธบ์ ทละครในเรอ่ื งนม้ี ลี กั ษณะเปน็ การ “ประชมุ กว”ี คอื พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงเลอื กสรรเจา้ นายและ ขา้ ราชการทมี่ ฝี มี อื ในการประพนั ธใ์ หเ้ ปน็ กวที ที่ รงปรกึ ษา เชน่ กรมหมนื่ เจษฎาบดนิ ทร์เจา้ ฟา้ กรมหลวงพทิ กั ษมนตรีสนุ ทรภู่กรมหมนื่ สรุ นิ ทร- รกั ษ์ บางตอนทไ่ี มท่ รงพระราชนพิ นธด์ ว้ ยพระองคเ์ อง กพ็ ระราชทาน 244 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 244
แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย อิเหนา ใหก้ วเี หลา่ นนั้ รบั ไปแตง่ ตอนใดทที่ รงพระราชนพิ นธแ์ ลว้ หรอื กวอี น่ื แตง่ แลว้ นำ� มาถวาย กจ็ ะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ำ� มาอา่ นในท่ี ประชมุ กวหี นา้ พระทนี่ งั่ เพอ่ื ปรบั ปรงุ แกไ้ ข หลงั จากนนั้ พระองคจ์ ะทรง นำ� บททป่ี รบั ปรงุ แลว้ พระราชทานแกเ่ จา้ ฟา้ กรมหลวงพทิ กั ษมนตรเี พอื่ ไปทรงซอ้ มกระบวนรำ� โดยมคี รลู ะครอกี ๒ คนเปน็ ทป่ี รกึ ษาคอื นาย ทองอยแู่ ละนายรงุ่ บางกรณอี าจกราบบงั คมทลู ขอใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงแกไ้ ขบทกม็ ีและเมอื่ กระบวนรำ� ยตุ แิ ลว้ ก็ จะทรงซอ้ มใหน้ ายทองอยแู่ ละนายรงุ่ ไปหดั ละครหลวง แลว้ แสดงถวาย พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทอดพระเนตร เพอื่ ทรงแกไ้ ข กระบวนรำ� อกี ชนั้ หนงึ่ จงึ เปน็ อนั ยตุ ิ ความประณตี พถิ พี ถิ นั ในการทรงพระราชนพิ นธบ์ ทละครในเรอื่ ง อเิ หนาและการนำ� บทไปฝกึ ซอ้ มกระบวนรำ� จนงดงามดงั กลา่ วนี้ ทำ� ให้ พระราชนพิ นธบ์ ทละครเรอื่ งนม้ี คี วามดเี ดน่ อา่ นกไ็ พเราะ รำ� กง็ ดงาม จนไดร้ บั การยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสรใหเ้ ปน็ ยอดของบทละครรำ� เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๙ เนื้อหาของบทประพันธ์ เรอื่ งอเิ หนาเปน็ เรอ่ื งราวความรกั และการผจญภยั ของเจา้ ชายแหง่ กรงุ กเุ รปนั เรม่ิ เรอ่ื งกลา่ วถงึ กษตั รยิ ว์ งศอ์ สญั แดหวา ๔ เมอื งซง่ึ เปน็ พนี่ อ้ งกนั คอื กเุ รปนั ดาหา กาหลงั และสงิ หดั สา่ หรี อเิ หนาเปน็ โอรส ของทา้ วกเุ รปนั สว่ นบษุ บาเปน็ ธดิ าของทา้ วดาหา ทงั้ สองหมนั้ หมาย กันต้ังแต่ยังเด็กตามจารีตของวงศ์เทวัญท่ีจะต้องแต่งงานกันแต่ใน วงศเ์ ทา่ นน้ั ตอ่ มาอเิ หนาไปหลงรกั จนิ ตะหรา เจา้ หญงิ แหง่ เมอื งหมนั - หยา จงึ ประกาศถอนหมน้ั บษุ บา ทา้ วดาหากรว้ิ จงึ ประกาศวา่ จะยก บษุ บาใหใ้ ครกต็ ามทม่ี าขอ ระตจู รกาผมู้ รี ปู รา่ งหนา้ ตาอปั ลกั ษณเ์ ปน็ คนแรกทไี่ ดม้ าสขู่ อบษุ บา ทา้ วดาหาจงึ จำ� ใจยกให้ โดยใหห้ มนั้ หมาย กนั ไวก้ อ่ น ตอ่ มาไมน่ านระตกู ะหมงั กหุ นงิ กส็ ง่ ทตู มาสขู่ อบษุ บาใหแ้ ก่ วหิ ยาสะกำ� ผเู้ ปน็ โอรส แตท่ า้ วดาหาปฏเิ สธเนอ่ื งจากไดย้ กบษุ บาให้ จรกาไปแลว้ ระตกู ะหมงั กหุ นงิ จงึ ยกทพั มาทำ� ศกึ ชงิ บษุ บา อเิ หนาจำ� 245 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 245 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา ตอ้ งยกทพั มาชว่ ยรบ หลงั รบชนะ อเิ หนาเดนิ ทางเขา้ เมอื งดาหาและ ไดพ้ บกบั บษุ บา จงึ เกดิ หลงรกั บษุ บาและคดิ อบุ ายลกั พาบษุ บาไปไวท้ ี่ ถำ้� ทองจนไดน้ างเปน็ ชายา องคป์ ะตาระกาหลาผเู้ ปน็ เทพบรรพบรุ ษุ ของวงศเ์ ทวญั กรวิ้ อเิ หนา ทกี่ ระทำ� การตา่ ง ๆ ตามอำ� เภอใจ จงึ ลงโทษโดยบนั ดาลใหล้ มหอบ พรากบษุ บาไปจากอเิ หนา อเิ หนาจงึ ออกเดนิ ทางผจญภยั ตามหาบษุ บา โดยปลอมตวั เปน็ ชาวปา่ ชอ่ื ปนั หยี สว่ นบษุ บากเ็ ดนิ ทางตามหาอเิ หนา เช่นกันโดยปลอมตัวเป็นชายชื่ออุณากรรณ ปันหยีกับอุณากรรณมี โอกาสไดพ้ บกนั ทเี่ มอื งกาหลงั แตต่ า่ งจำ� กนั ไมไ่ ด้ ตอ่ มาอณุ ากรรณ กลวั ปนั หยจี ะจบั ไดว้ า่ ตนเปน็ หญงิ จงึ หนอี อกจากเมอื งกาหลงั ไปบวช เปน็ ชี (แอหนงั ) ใชช้ อ่ื วา่ ตหิ ลาอรสา เมอื่ ปนั หยไี ดพ้ บกบั แอหนงั กร็ สู้ กึ สงสัยวา่ นางคือบุษบา ต่อมาประสันตาเชดิ หนงั เล่นเรื่องราวชีวติ รัก ของอเิ หนากบั บษุ บาใหแ้ อหนงั ดู แอหนงั รอ้ งไหด้ ว้ ยความสะเทอื นใจ เมอ่ื ไดช้ มการเลน่ หนงั นน้ั ปนั หยจี งึ รคู้ วามจรงิ วา่ แอหนงั คอื บษุ บา และ เปดิ เผยวา่ ตนคอื อเิ หนา เมอื่ กษตั รยิ ท์ ง้ั ๔ เมอื งไดท้ ราบขา่ ววา่ อเิ หนา และบษุ บาไดพ้ บกนั แลว้ กต็ า่ งยนิ ดแี ละจดั งานววิ าหใ์ หอ้ เิ หนากบั บษุ บา พรอ้ มทง้ั ชายาอน่ื ๆ รวม ๑๐ นาง โดยแตง่ ตง้ั บษุ บาเปน็ ประไหมสหุ รี ฝา่ ยซา้ ย และจนิ ตะหราเปน็ ประไหมสหุ รฝี า่ ยขวา หลงั จากนน้ั อเิ หนา ขน้ึ ครองเมอื งกเุ รปนั เปน็ กษตั รยิ ท์ ยี่ งิ่ ใหญส่ บื ตอ่ จากพระราชบดิ า วรรคทองขา้ งตน้ อยใู่ นเนอื้ เรอื่ งตอนทอ่ี เิ หนาและบษุ บาตามเสดจ็ ทา้ วดาหาไปทำ� พธิ ใี ชบ้ นทภี่ เู ขาวลิ ศิ มาหราเพอ่ื บวงสรวงขอบคณุ เทวดา ทช่ี ว่ ยใหร้ บชนะศกึ กะหมงั กหุ นงิ ตามทที่ า้ วดาหาไดบ้ นบานไว้ ขณะอยู่ บนภเู ขา อเิ หนารสู้ กึ รอ้ นรมุ่ ใจทบี่ ษุ บาจะตอ้ งแตง่ งานกบั จรกา จงึ ตดั ดอกปะหนนั (ลำ� เจยี ก) และใชเ้ ลบ็ จารกึ ขอ้ ความบนกลบี ดอกไมฝ้ าก นางกำ� นลั ไปใหบ้ ษุ บา ขอ้ ความทอี่ เิ หนาเขยี นนม้ี เี นอื้ ความพรรณนา ความอปั ลกั ษณต์ ำ�่ ตอ้ ยของจรกาซง่ึ ไมค่ คู่ วรกบั บษุ บาแมแ้ ตน่ อ้ ย เมอ่ื บษุ บาไดอ้ า่ นสารนน้ั กโ็ กรธและทงิ้ ดอกปะหนนั ทนั ที 246 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 246
แม้นแผ่นดินส้ินชายท่ีพึงเชย อิเหนา ความหมายของวรรคทอง กลอนบทนเี้ ปน็ เนอื้ ความทอ่ นสดุ ทา้ ยของขอ้ ความบนกลบี ดอก ปะหนนั อเิ หนากลา่ ววา่ หากทว่ั ทงั้ แผน่ ดนิ ไรซ้ งึ่ ชายทมี่ คี ณุ สมบตั อิ นั คคู่ วรดว้ ยแลว้ บษุ บากค็ วรอยอู่ ยา่ งไมม่ คี คู่ รองจะดเี สยี กวา่ อเิ หนา รสู้ กึ ทกุ ขร์ อ้ นใจแทนบษุ บาทกุ เวลา หรอื วา่ นจ่ี ะเปน็ วาสนาของบษุ บา ทจ่ี ะไดค้ รองคกู่ บั คนอยา่ งจรกา ความดเี ดน่ วรรคทองท่ียกมานี้มีความโดดเด่นด้านการสรรค�ำที่มีท้ังนัย เหนบ็ แนมประชดประชนั และนยั เกยี้ วพาราสแี สดงความในใจในเวลา เดยี วกนั คำ� กลอนแรกทก่ี ลา่ ววา่ “แมน้ แผน่ ดนิ สน้ิ ชายทพ่ี งึ เชย อยา่ มีคู่เลยจะดีกว่า” กวีสามารถใช้ถ้อยค�ำไพเราะรื่นหู ฟังดูมีน�้ำเสียง แสดงความห่วงใย แต่ส่ือความหมายในเชิงประชดประชันได้อย่าง เสยี ดแทงใจ ขอ้ ความนม้ี ไิ ดส้ อ่ื ความหมายตรงตวั แตเ่ พยี งอยา่ งเดยี ว วา่ หากไรซ้ ง่ึ ชายทม่ี คี ณุ สมบตั อิ นั คคู่ วรแลว้ กส็ อู้ ยอู่ ยา่ งไรค้ ดู่ กี วา่ หาก แตย่ งั มนี ยั เหนบ็ แนมกระทบถงึ จรกาผทู้ ที่ งั้ อปั ลกั ษณ์ ตำ�่ ศกั ด์ิ และไร้ คณุ สมบตั ทิ กุ ดา้ นทผี่ หู้ ญงิ “พงึ เชย” โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ผหู้ ญงิ อยา่ ง บุษบาผู้มีความงดงามและคุณสมบัติอันสูงส่งทุกประการ ค�ำกล่าว ของอิเหนาซ่ึงดูเหมือนเป็นการแนะน�ำด้วยความห่วงใยนี้ แท้ที่จริง เปน็ การเหนบ็ แนมประชดประชนั ใหบ้ ษุ บารสู้ กึ อบั อายยง่ิ ขนึ้ วา่ หากไม่ สามารถหาชายทคี่ คู่ วรได้ การไรค้ อู่ ยลู่ ำ� พงั ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งทไี่ มม่ หี ญงิ คนใด ปรารถนา ยอ่ ม “ดกี วา่ ” การยอมครองคกู่ บั ชายผไู้ มม่ สี ง่ิ ใดท่ี “พงึ เชย” เลยแมแ้ ตน่ อ้ ย ในแงห่ นงึ่ คำ� กลา่ วนมี้ จี งึ นยั แฝงอยดู่ ว้ ยวา่ อเิ หนาตา่ ง หากเปน็ ชายท่ี “พงึ เชย” เพราะมคี ณุ สมบตั ทิ ล่ี ำ�้ เลศิ กวา่ จรกาในทกุ ๆ ดา้ น และคคู่ วรเหมาะสมกบั นางทกุ ประการ ในคำ� กลอนตอ่ มา อเิ หนากลา่ วตอ่ ไปวา่ “พพี่ ลอยรอ้ นใจแทนทกุ เวลา หรอื วาสนานอ้ งจะตอ้ งกนั ” การใชค้ ำ� วา่ “พลอยรอ้ นใจแทน” ใน ทนี่ ี้ สอ่ื ความหมายไดห้ ลายนยั ทงั้ ความรอ้ นใจดว้ ยความเปน็ หว่ งกลวั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 247 247 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา วา่ บษุ บาจะตอ้ งแตง่ งานกบั จรกาผตู้ ำ�่ ตอ้ ยและไมค่ คู่ วร และความรอ้ น ใจเพราะอเิ หนารกั และปรารถนานาง ไมต่ อ้ งการใหน้ างตกเปน็ ของชาย อนื่ ขอ้ ความวรรคนจ้ี งึ มนี ำ้� เสยี งทแี่ สดงการเกยี้ วพาราสแี ละสอื่ ความ ในใจของอิเหนาท่ีมีต่อนางได้อย่างแยบยล นอกจากน้ีการใช้ค�ำว่า “วาสนา” ยงั เปน็ การเหนบ็ แนมประชดประชนั อยา่ งชดั เจน เนอ่ื งจาก คำ� วา่ “วาสนา” ซง่ึ หมายถงึ บญุ บารมี จะใชก้ บั การไดร้ บั สงิ่ ทดี่ หี รอื สงู คา่ เทา่ นน้ั เชน่ มวี าสนาไดเ้ ลอื่ นยศ หรอื มวี าสนาไดแ้ ตง่ งานกบั คน ทด่ี พี รอ้ ม การทอ่ี เิ หนากลา่ ววา่ กลวั บษุ บาจะมี “วาสนา” ไดค้ รองคกู่ บั จรกาผตู้ อ้ ยตำ่� อปั ลกั ษณ์ จงึ มนี ยั ทต่ี อกยำ้� ความไมค่ คู่ วรกนั ระหวา่ ง จรกากบั บษุ บาอยา่ งชดั เจนและเสยี ดแทงใจบษุ บาอยา่ งรนุ แรงเพอ่ื ให้ บษุ บาไดฉ้ กุ ใจคดิ วา่ สตรผี มู้ วี าสนาสงู ศกั ดอ์ิ ยา่ งตนสมควรจะมคี ทู่ ม่ี ี วาสนาสงู สง่ เทา่ เทยี มกนั อยา่ งอเิ หนาเทา่ นน้ั ความไพเราะรนื่ หแู ละถอ้ ยคำ� อนั สอื่ ความหมายหลายนยั ทำ� ใหบ้ ท ประพนั ธน์ จ้ี บั ใจผอู้ า่ นมาทกุ ยคุ ทกุ สมยั โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ บาทแรก ทว่ี า่ “แมน้ แผน่ ดนิ สนิ้ ชายทพ่ี งึ เชย อยา่ มคี เู่ ลยจะดกี วา่ ” เปน็ ทนี่ ยิ ม หยบิ ยกมากลา่ วอา้ งเปน็ ภาษติ จนทกุ วนั น้ี เพอ่ื ใหค้ ตแิ กผ่ หู้ ญงิ เรอื่ งการ เลอื กคคู่ รองวา่ หากไมม่ ชี ายใดมคี ณุ สมบตั เิ หมาะสมแกก่ ารครองคอู่ ยู่ ดว้ ย การครองตวั เปน็ โสดอยคู่ นเดยี วยอ่ มสขุ ใจกวา่ ซง่ึ เปน็ คตทิ ย่ี งั คง ทนั สมยั และกระทบใจมาจนปจั จบุ นั 248 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 248
แม้นแผ่นดินส้ินชายท่ีพึงเชย อิเหนา �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 249 249 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 250 8/8/2557 BE 3:09 PM
๓๘ เอออุเหม่นะมึงชิชา่ งกระไร ทุทาสสถุลฉะน้ไี ฉน ก็มาเปน็ ศกึ บถงึ และมงึ กย็ ังมิเห็น จะนอ้ ยจะมากจะยากจะเย็น ประการใด อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ ขยาดขยนั้ มทิ ันอะไร กห็ ม่นิ ก ู กลกะกากะหวาดขมังธน ู บหอ่ นจะเห็นธวชั รปิ ู สิล่าถอย �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 251 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ท่ีมาของวรรคทอง สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ท์ ผแู้ ตง่ นายชติ บรุ ทตั ป/ี สมยั ทแี่ ตง่ พ.ศ. ๒๔๕๗ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ทเ์ ปน็ วรรณคดคี ำ� ฉนั ท์ คอื วรรณคดที แี่ ตง่ ดว้ ย รปู แบบคำ� ประพนั ธป์ ระเภทฉนั ท์ หรอื ฉนั ทแ์ ละกาพย์ รูปแบบคำ� ประพันธ์ อที สิ งั ขฉ์ นั ท์ ๒๐ วัตถปุ ระสงค/์ โอกาสในการแต่ง สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ทม์ ที ม่ี าจากเรอื่ งในคมั ภรี พ์ ทุ ธศาสนาปรากฏอยใู่ น สมุ งั คลวลิ าสนิ ีอรรถกถาทฆี นกิ ายมหาวรรคนายชติ บรุ ทตั อาศยั เคา้ เรอ่ื ง จากบทแปลของสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศข์ ณะ ทรงดำ� รงสมณศกั ดเิ์ ปน็ พระสคุ ณุ คณาภรณม์ าแตง่ เปน็ วรรณคดคี ำ� ฉนั ท์ เพอื่ แสดงฝมี อื ในการประพนั ธ์ และเพอ่ื ชใ้ี หเ้ หน็ ความสำ� คญั ของความ สามคั คอี นั เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ทที่ ำ� ใหบ้ า้ นเมอื งมคี วามมนั่ คงเปน็ ปกึ แผน่ เนอ้ื หาของบทประพันธ์ วรรณคดีเรื่องสามัคคีเภทค�ำฉันท์กล่าวถึงพระเจ้าอชาตศัตรู กษัตริย์ผู้ครองแคว้นมคธ มีพระราชประสงค์จะขยายอาณาจักรให้ กว้างขวางยิ่งขึ้น จึงทรงวางแผนจะตีแคว้นวัชชีของกษัตริย์ลิจฉวีซ่ึง มคี วามมน่ั คงรงุ่ เรอื งเพราะหมกู่ ษตั รยิ ผ์ คู้ รองแควน้ ปกครองโดยยดึ หลกั สามคั คธี รรม พระเจา้ อชาตศตั รทู รงปรกึ ษากบั วสั สการพราหมณ์ ปโุ รหติ ผมู้ สี ตปิ ญั ญาเฉยี บแหลม วสั สการพราหมณอ์ อกอบุ ายอาสา ไปเปน็ ไสศ้ กึ ในแควน้ วชั ชี โดยใหพ้ ระเจา้ อชาตศตั รแู สรง้ ทำ� เปน็ กรวิ้ ลงโทษโบยตี แลว้ เนรเทศตนออกจากเมอื ง 252 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 252
เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร สามัคคีเภทคำ� ฉนั ท์ วสั สการพราหมณเ์ ดนิ ทางไปถงึ แควน้ วชั ชแี ลว้ ใชว้ าทศลิ ปโ์ นม้ นา้ ว ใจจนกษัตริย์ลิจฉวีทรงรับไว้ในต�ำแหน่งผู้ท�ำหน้าที่ตัดสินคดีความ และถวายพระอกั ษรแดเ่ หลา่ พระโอรส เมอื่ ทำ� หนา้ ทจี่ นเปน็ ทไ่ี วว้ าง พระทัยได้ระยะหนึ่งแล้ว วัสสการพราหมณ์ก็ยุยงให้เหล่าพระโอรส ระแวงแคลงใจกนั จนทำ� ใหเ้ กดิ ความแตกแยกในหมกู่ ษตั รยิ ล์ จิ ฉวี หลงั จากนั้นวัสสการพราหมณ์ลอบส่งข่าวไปกราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรู พระองคจ์ งึ ยกทพั มาตแี ควน้ วชั ชไี ดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย วรรคทองทย่ี กมานเ้ี ปน็ ตอนทวี่ สั สการพราหมณท์ ำ� ทเี ปน็ ทดั ทาน พระเจา้ อชาตศตั รทู ตี่ อ้ งการจะยกทพั ไปตแี ควน้ วชั ชี พระเจา้ อชาต- ศตั รจู งึ แสรง้ ทำ� เปน็ กรว้ิ และบรภิ าษวสั สการพราหมณอ์ ยา่ งรนุ แรงตาม อบุ ายทวี่ างไว้ ความหมายของวรรคทอง พระเจ้าอชาตศัตรูบริภาษวัสสการพราหมณ์ว่าเป็นถึงพราหมณ์ ปโุ รหติ แตค่ วามคดิ อา่ นไมต่ า่ งจากทาสชน้ั เลว ศกึ สงครามยงั ไมม่ าถงึ ขา้ ศกึ จะมจี ำ� นวนมากนอ้ ยเพยี งใดกย็ งั ไมเ่ หน็ และศกึ ครงั้ นจ้ี ะยากงา่ ย ประการใดกย็ งั ไมร่ ู้ แตก่ ลบั อวดฉลาดทดั ทานดว้ ยความขลาดกลวั ซงึ่ เทา่ กบั เปน็ การหมนิ่ เดชานภุ าพของพระองค์ เหมอื นกาทกี่ ลวั นายพราน ผเู้ ชยี่ วชาญการยงิ ธนู ทง้ั ทพ่ี รานนนั้ ยงั ไมไ่ ดน้ า้ วคนั ธนเู ลย หรอื เปรยี บ เหมอื นแมท่ พั ทยี่ งั ไมเ่ หน็ ธงของทพั ขา้ ศกึ เลยกล็ า่ ถอยเสยี กอ่ นแลว้ ความดีเดน่ วรรคทองที่ยกมาน้ีเป็นบท “พิโรธวาทัง” ท่ีแสดงอารมณ์โกรธ ของพระเจา้ อชาตศตั รตู ามอบุ ายทว่ี างไวไ้ ดอ้ ยา่ งเหน็ ภาพชดั เจน ความ โกรธของพระองคน์ น้ั เกดิ จากทงั้ ถกู ขดั พระทยั ทงั้ ทรงขนุ่ เคอื งบคุ คล ผเู้ ปน็ ถงึ พราหมณป์ โุ รหติ แตก่ ลบั มใี จขลาดกลวั เมอื่ ตอ้ งทำ� ศกึ และ ทั้งทรงรูส้ ึกวา่ ถกู หมิ่นพระเกียรติยศ เพราะการทวี่ สั สการพราหมณ์ ทัดทานพระองค์ เท่ากับเป็นการดูหมิ่นพระองค์ว่าข้ีขลาดเช่นเดียว กบั ตวั พราหมณ์ ทง้ั ยงั ดหู มนิ่ กองทพั ของพระองคว์ า่ ไรแ้ สนยานภุ าพ ในการทำ� ศกึ ดว้ ย 253 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 253 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา กวนี ำ� เสนออารมณโ์ กรธทม่ี มี ติ อิ นั ลกึ ซงึ้ น้ี ดว้ ยการเลอื กชนดิ ของ ฉนั ทม์ าใชไ้ ดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ งกบั เนอื้ หา กลา่ วคอื ใชอ้ ที สิ งั ฉนั ท์ ๒๐ ซงึ่ บงั คบั คำ� ครลุ หสุ ลบั กนั ไปตลอดทำ� ใหเ้ กดิ จงั หวะเบา-หนกั -เบา-หนกั กระแทกกระทนั้ เมอ่ื ประกอบกบั การเลอื กใชค้ ำ� ทแ่ี สดงอารมณโ์ กรธ จงึ ยง่ิ เนน้ ใหเ้ หน็ ภาพความขนุ่ เคอื งพระทยั ของพระเจา้ อชาตศตั รแู ละ อารมณโ์ กรธกรว้ิ ดงั กลา่ วไดอ้ ยา่ งเขม้ ขน้ เชน่ การใชค้ ำ� อทุ านทแี่ สดง ความโกรธ คอื คำ� วา่ “อเุ หม”่ ซงึ่ ใชเ้ พอื่ ขตู่ วาดเมอื่ มผี แู้ สดงกริ ยิ าเหมิ เกรมิ การใชส้ รรพนาม “ก”ู และ “มงึ ” ทแี่ สดงใหเ้ หน็ ความโกรธจนใช้ ถอ้ ยคำ� แทนตนและผทู้ พ่ี ดู ดว้ ยอยา่ งไมไ่ วห้ นา้ และการเรยี กวสั สการ- พราหมณว์ า่ “ททุ าส” ซงึ่ หมายถงึ ทาสชน้ั เลว และยงั ขยายดว้ ยคำ� วา่ “สถลุ ” ซงึ่ หมายถงึ หยาบ เลวทราม โงเ่ ขลา การนำ� “ทาส” ซง่ึ ในทนี่ นี้ า่ จะหมายถงึ คนในวรรณะตำ่� ทสี่ ดุ ในสงั คมอนิ เดยี มาเรยี ก “พราหมณ”์ ซ่ึงอยู่ในวรรณะสูงสุด จึงเป็นการบริภาษที่เจ็บแสบอย่างย่ิง เพราะ เป็นการลดศักด์ิศรีตามชั้นวรรณะของวัสสการพราหมณ์ นอกจาก น้ี ยงั มกี ารใชค้ วามเปรยี บวา่ วสั สการพราหมณเ์ ปน็ เหมอื นกาทหี่ วาด กลวั นายพรานขมงั ธนทู งั้ ๆ ทน่ี ายพรานยงั ไมไ่ ดแ้ มแ้ ตย่ กศรขนึ้ นา้ ว ถอื เปน็ การบรภิ าษอยา่ งรนุ แรงวา่ วสั สการพราหมณน์ น้ั เปน็ คนขข้ี ลาด กวยี งั สรา้ งความไพเราะของเสยี งดว้ ยการเลน่ เสยี งสมั ผสั พยญั ชนะ เชน่ ท-ุ ทาส-(ส)ถลุ , กล-กะ-กา-กะ(หวาด) การใชส้ มั ผสั พยญั ชนะ เปน็ คู่ เชน่ ฉะน-ี้ ไฉน, ขยาด-ขยน้ั การซำ้� คำ� วา่ “จะ” ในวรรคทว่ี า่ “จะ นอ้ ย จะมาก จะยาก จะเยน็ ” ทน่ี อกจากจะทำ� ใหเ้ กดิ จงั หวะรวั เรว็ แลว้ ยงั ใชค้ ำ� วา่ “จะ” แยกกลมุ่ คำ� “นอ้ ย-มาก” และ “ยาก-เยน็ ” ออกจาก กนั แตไ่ มว่ า่ จะเปน็ ดา้ นใดกล็ ว้ นเปน็ สงิ่ ทย่ี งั ไมเ่ กดิ ขน้ึ เพราะมคี ำ� วา่ “จะ” กำ� กบั อยู่ พระเจา้ อชาตศตั รจู งึ เหน็ วา่ วสั สการพราหมณไ์ มค่ วร หวาดกลวั สงิ่ ทย่ี งั ไมเ่ กดิ ขนึ้ แมว้ า่ บท “พโิ รธวาทงั ” นจ้ี ะเปน็ สว่ นหนงึ่ ของอบุ ายทพ่ี ระเจา้ อชาต- ศตั รแู ละวสั สการพราหมณร์ ว่ มกนั วางไวแ้ ตต่ น้ แลว้ แตด่ ว้ ยกลวธิ ที าง 254 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 254
เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ท์ วรรณศลิ ปท์ ก่ี วใี ช้ ทง้ั ในดา้ นการเลอื กรปู แบบคำ� ประพนั ธท์ ก่ี อ่ ใหเ้ กดิ จงั หวะดดุ นั และการเลอื กใชค้ ำ� บรภิ าษทเี่ จบ็ แสบรนุ แรง กท็ ำ� ผอู้ า่ น เขา้ ถงึ อารมณโ์ กรธอนั เปน็ อรรถรสประการหนง่ึ ของการอา่ นวรรณคดี ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 255 255 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 256 8/8/2557 BE 3:09 PM
๓๙ เขาย่อมเปรยี บเทยี บความว่ายามรกั แต่น�้ำผกั ตม้ ขมชมวา่ หวาน ครน้ั จืดจางห่างเหินไปเน่ินนาน แตน่ ้ำ� ตาลกว็ า่ เปร้ียวไมเ่ หลียวแล �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 257 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ท่ีมาของวรรคทอง พระอภยั มณี ผแู้ ต่ง สนุ ทรภู่ ปี/สมยั ทแ่ี ต่ง เรมิ่ แตง่ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั จนถงึ ปลายรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี เรอื่ งพระอภยั มณจี ดั เปน็ นทิ านคำ� กลอน คอื วรรณคดนี ทิ านทแ่ี ตง่ ดว้ ยกลอนเพลงหรอื กลอนเพลงยาวตลอดทงั้ เรอ่ื ง รปู แบบคำ� ประพนั ธ์ กลอนเพลง วัตถปุ ระสงค์/โอกาสในการแตง่ สุนทรภู่เริ่มแต่งเร่ืองพระอภัยมณีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั เพอ่ื เลยี้ งชวี ติ ขณะตอ้ งโทษจำ� คกุ ราว พ.ศ. ๒๓๖๔ จนเมอ่ื พน้ โทษกลบั เขา้ รบั ราชการกไ็ ดแ้ ตง่ ตอ่ อกี แลว้ หยดุ ไป ตอ่ มาเมอื่ สนุ ทรภอู่ อกบวช ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยู่ หวั จงึ ไดแ้ ตง่ ตอ่ ตามรบั สง่ั ของพระองคเ์ จา้ ลกั ขณานคุ ณุ แลว้ ไดห้ ยดุ ไป อกี ครง้ั กอ่ นจะแตง่ ตอ่ ไปอกี ตามรบั สงั่ ของกรมหมน่ื อปั สรสดุ าเทพใน ชว่ งปลายรชั กาลท่ี๓โดยแตง่ ตอ่ จนถงึ ตอนพระอภยั มณอี อกบวช(เลม่ ท่ี ๔๙) ตอนตอ่ จากนนั้ เขา้ ใจวา่ เปน็ สำ� นวนของกวอี น่ื พระอภยั มณีเป็นบทประพันธเ์ รอ่ื งยาวทสี่ ดุ ของสนุ ทรภู่ นับเป็น ตอนได้ ๖๔ ตอน พระอภยั มณเี ปน็ นทิ านคำ� กลอนทส่ี นกุ สนาน เตม็ ไปดว้ ยจนิ ตนาการและความแปลกใหม่ สำ� นวนกลอนไพเราะ จงึ ได้ รบั ยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสรเมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๙ ใหเ้ ปน็ ยอดของนทิ าน คำ� กลอน 258 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 258
เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก พระอภัยมณี เนอื้ หาของบทประพนั ธ์ พระอภยั มณี เปน็ เรอ่ื งราวของพระอภยั มณี โอรสทา้ วสทุ ศั นแ์ ละ นางปทมุ เกสรแหง่ กรงุ รตั นา เรอื่ งเรมิ่ ตน้ เมอื่ พระอภยั มณแี ละอนชุ า คอื ศรสี วุ รรณออกเดนิ ทางไปศกึ ษาเลา่ เรยี นวชิ า พระอภยั มณเี รยี นวชิ า เปา่ ปจ่ี นเชย่ี วชาญ สามารถเปา่ ปส่ี ะกดคนและสตั วไ์ ด้ สว่ นศรสี วุ รรณ เรยี นวชิ ากระบกี่ ระบอง เมอื่ ทา้ วสทุ ศั นท์ ราบวา่ โอรสทง้ั สองไมไ่ ดเ้ รยี น วชิ าสำ� หรบั กษตั รยิ ก์ ก็ รว้ิ และขบั ไลอ่ อกจากเมอื ง พระอภยั มณแี ละศร-ี สวุ รรณเดนิ ทางพเนจรไปจนไดพ้ บกบั พราหมณว์ เิ ชยี ร โมรา และสานน พราหมณข์ อใหพ้ ระอภยั มณเี ปา่ ปใ่ี หฟ้ งั เสยี งปอ่ี นั ไพเราะสะกดใหท้ กุ คนหลบั ใหล นางผเี สอ้ื สมทุ รไดย้ นิ เสยี งปจ่ี งึ ตดิ ตามเสยี งมาจนพบพระ อภยั มณแี ละเกดิ หลงรกั จงึ อมุ้ พระอภยั มณไี ปทถ่ี ำ้� ของตน นางแปลง กายเป็นมนุษย์และขอให้พระอภัยมณีเป็นสามี เมื่อศรีสุวรรณและ พราหมณท์ ง้ั สามฟน้ื คนื สตกิ แ็ ลน่ เรอื ออกตดิ ตามหาพระอภยั มณไี ป จนถงึ เมอื งรมจกั ร ศรสี วุ รรณไดพ้ บรกั และอภเิ ษกกบั นางเกษราธดิ า เจา้ เมอื งรมจกั ร และมธี ดิ าดว้ ยกนั ชอ่ื อรณุ รศั มี พระอภยั มณมี โี อรสกบั นางผเี สอื้ สมทุ รชอื่ สนิ สมทุ ร ซงึ่ เปน็ เดก็ มี กำ� ลงั มาก วนั หนงึ่ สนิ สมทุ รลอบออกไปเทยี่ วเลน่ แลว้ ไลจ่ บั พอ่ เงอื กมา ได้ พอ่ เงอื กจงึ ชว่ ยออกอบุ ายพาพระอภยั มณแี ละสนิ สมทุ รหนี ฝา่ ย นางยกั ษต์ ามมาทนั จงึ จบั พอ่ เงอื กแมเ่ งอื กกนิ สว่ นพระอภยั มณกี บั นางเงอื กและสนิ สมทุ รเดนิ ทางตอ่ ไปจนถงึ เกาะแกว้ พสิ ดาร ทงั้ สาม ไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากพระฤๅษจี นรอดพน้ จากนางผเี สอ้ื มาได้ ตอ่ มาพระอภยั มณไี ดน้ างเงอื กเปน็ ชายา ฝา่ ยเมอื งผลกึ มกี ษตั รยิ ช์ อ่ื ทา้ วสลิ ราชซงึ่ มมี เหสชี อ่ื นางมณฑา ทง้ั สองมธี ดิ าชอ่ื สวุ รรณมาลี วนั หนงึ่ นางสวุ รรณมาลอี อกไปทอ่ งทะเลกบั พระบดิ า เรอื ของนางถกู คลน่ื ลมซดั ไปถงึ เกาะแกว้ พสิ ดาร พระอภยั - มณหี ลงรกั นางสวุ รรณมาลตี ง้ั แตแ่ รกเหน็ สว่ นสนิ สมทุ รกถ็ กู ชะตากบั นางจงึ ขอเปน็ บตุ รบญุ ธรรม พระฤๅษชี ว่ ยชท้ี างกลบั เมอื งใหท้ า้ วสลิ ราช พระอภยั มณขี อโดยสารเรอื ไปดว้ ยและฝากนางเงอื กซง่ึ กำ� ลงั ตงั้ ครรภ์ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 259 259 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ไวก้ บั พระฤๅษี นางผเี สอื้ สมทุ รตามเรอื ของทา้ วสลิ ราชมาและทำ� ใหเ้ รอื ลม่ ทา้ วสลิ ราชสนิ้ พระชนม์ พระอภยั มณพี ลดั จากนางสวุ รรณมาลแี ละ สนิ สมทุ รไปยงั เกาะอกี แหง่ หนงึ่ นางผเี สอ้ื สมทุ รไดต้ ดิ ตามไปพระอภยั - มณจี งึ เปา่ ปส่ี งั หารนางผเี สอ้ื จนสนิ้ ชวี ติ สว่ นนางสวุ รรณมาลกี บั สนิ - สมทุ รไดข้ ออาศยั ไปกบั เรอื โจรสลดั โจรสลดั อยากไดน้ างสวุ รรณมาลี เปน็ ภรรยาทำ� ใหข้ ดั แยง้ กบั สนิ สมทุ ร สนิ สมทุ รรบชนะหวั หนา้ ไดข้ น้ึ เปน็ นายโจรแลว้ ลอ่ งเรอื เขา้ ไปถงึ กรงุ รมจกั ร ไดพ้ บกบั ศรสี วุ รรณและทราบ วา่ เปน็ อาหลานกนั ศรสี วุ รรณพาสนิ สมทุ รและอรณุ รศั มอี อกเรอื ตาม หาพระอภยั มณี ทงั้ หมดไดพ้ บกบั อศุ เรนคหู่ มนั้ ของสวุ รรณมาลซี ง่ึ ได้ ชว่ ยพระอภยั มณไี ว้ สนิ สมทุ รไมย่ อมคนื นางสวุ รรณมาลใี หอ้ ศุ เรน จงึ เกดิ รบพงุ่ กนั และขบั ไลอ่ ศุ เรนไปได้ เมอ่ื กลบั ถงึ เมอื งผลกึ พระอภยั - มณไี ดข้ นึ้ ครองเมอื งและตอ่ มาไดน้ างสวุ รรณมาลเี ปน็ มเหสี มธี ดิ าแฝด ชอ่ื สรอ้ ยสวุ รรณกบั จนั ทรส์ ดุ า สว่ นศรสี วุ รรณทลู ลากลบั เมอื งรตั นา โดยพาสนิ สมทุ รและอรณุ รศั มกี ลบั ไปดว้ ย ฝา่ ยนางเงอื กซงึ่ อาศยั อยู่ กบั พระฤๅษที เี่ กาะแกว้ พสิ ดารไดใ้ หก้ ำ� เนดิ โอรสของพระอภยั มณคี อื สดุ สาคร สดุ สาครออกตามหาพระบดิ าไปถงึ เมอื งการเวกและไดเ้ ปน็ โอรสบญุ ธรรมของเจา้ เมอื ง อุศเรนยกทัพมาโจมตีเมืองผลึกแต่แพ้พระอภัยมณีและตาย ในสงคราม เจ้าลังกาซ่ึงเป็นพระบิดาของอุศเรนตรอมใจตายตาม โอรส ท�ำให้นางละเวงวัณฬาขนิษฐาของอุศเรนต้องขึ้นครองเมือง ลังกาแทนโดยมีสังฆราชบาทหลวงเป็นที่ปรึกษา นางละเวงแค้น ใจ คิดท�ำศึกกับเมืองผลึกอีกครั้ง จึงให้ช่างวาดรูปตนเองพร้อม ลงมนตร์เสน่ห์ส่งไปตามเมืองต่าง ๆ เพ่ือให้ช่วยนางรบตามค�ำ แนะน�ำของสังฆราชบาทหลวง พระอภัยมณีเห็นรูปนางละเวงก็ถูก มนตร์เสน่ห์จนไม่เป็นอันท�ำศึก นางสุวรรณมาลีจึงขอให้ศรีสุวรรณ กับสินสมุทรมาช่วย ในขณะเดียวกันสุดสาครที่อยู่เมืองการเวก มานานกค็ ดิ ออกตามหาพระอภยั มณี มเี สาวคนธแ์ ละหสั ไชยซงึ่ เปน็ ธดิ าและโอรสเจา้ เมอื งการเวกตามมาดว้ ยเมอ่ื ถงึ เมอื งผลกึ กเ็ ขา้ ชว่ ยแก้ เสนห่ ใ์ หพ้ ระอภยั มณไี ดส้ ำ� เรจ็ และชว่ ยรบกองทพั ขา้ ศกึ จนแตกพา่ ยไป 260 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 260
เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก พระอภัยมณี พระอภยั มณตี ดั สนิ ใจยกทพั ไปทำ� ศกึ ทกี่ รงุ ลงั กาเพอ่ื ตดั ตน้ ตอแหง่ สงคราม ไมว่ า่ นางละเวงสง่ ทพั ใดไปรบกแ็ พส้ นิ้ จงึ ใชว้ ธิ ที ำ� เสนห่ ใ์ หเ้ หลา่ กษตั รยิ ห์ ลงใหล ในทสี่ ดุ ทงั้ พระอภยั มณี ศรสี วุ รรณ สนิ สมทุ ร และ สดุ สาครกถ็ กู เสนห่ ข์ องสตรเี มอื งลงั กาจนหมด นางสวุ รรณมาลจี งึ ตอ้ ง ยกทพั มาชว่ ยทำ� ศกึ แทนแตไ่ มป่ ระสบผล ทง้ั สองฝา่ ยรบกนั อยา่ งยดื เยอื้ ในทส่ี ดุ พระฤๅษมี าชว่ ยแกเ้ สนห่ แ์ ละเทศนาไกลเ่ กลย่ี จนทงั้ หมด ละความพยาบาทยอมคนื ดกี นั พระอภยั มณแี ละนางสวุ รรณมาลพี รอ้ ม ดว้ ยเหลา่ กษตั รยิ ท์ งั้ หลายเดนิ ทางกลบั เมอื ง แตน่ างละเวงไปดว้ ยไมไ่ ด้ เพราะตอ้ งอยปู่ กครองบา้ นเมอื งตอ่ ไป ต่อมาสินสมุทรได้ครองคู่กับอรุณรัศมี สุดสาครได้ครองคู่กับ เสาวคนธ์ หสั ไชยไดค้ รองคกู่ บั สรอ้ ยสวุ รรณและจนั ทรส์ ดุ า เมอ่ื ทา้ ว สทุ ศั น์กับนางปทมุ เกสรส้ินพระชนม์ พระอภัยมณี ศรีสวุ รรณ และ สนิ สมทุ รเดนิ ทางไปปลงพระศพทก่ี รงุ รตั นา มงั คลา โอรสนางละเวงซง่ึ ครองกรงุ ลงั กา ยกทพั มารบกบั เมอื งผลกึ อกี พระอภยั มณเี ปา่ ปส่ี ะกด ทพั จนสงครามยตุ ิ เมอื่ การศกึ และความวนุ่ วายตา่ ง ๆ สงบลง พระ อภยั มณเี กดิ ความรสู้ กึ สงั เวชและเบอื่ หนา่ ยความขดั แยง้ ระหวา่ งมเหสี จงึ ออกบวชเปน็ ฤๅษี นางละเวงตดั สนิ ใจเปลยี่ นศาสนาและออกบวช ตามพรอ้ มกบั นางสวุ รรณมาลี ทง้ั สามไปบำ� เพญ็ เพยี รอยทู่ เ่ี ขาสงิ คตุ ร์ วรรคทองบทน้ีมาจากเนื้อหาตอนพระอภัยมณีได้นางละเวงเป็น ชายา พระอภยั มณกี ลา่ วถอ้ ยคำ� เลา้ โลมนาง นางละเวงจงึ แกลง้ พอ้ วา่ พระอภยั มณอี าจพดู คำ� หวานใหน้ างหลงใหลไปเชน่ นน้ั เอง หากวนั ใด โอรสและอนชุ าของพระอภยั มณเี ขา้ มารบั พระองคไ์ ป กค็ งจะทงิ้ ขวา้ ง นางอยา่ งไมไ่ ยดี ความหมายของวรรคทอง วรรคทองบทนเี้ ปน็ คำ� พดู ของนางละเวงทกี่ ลา่ วตอบถอ้ ยคำ� ออ่ น หวานของพระอภยั มณวี า่ ตามธรรมดาคนเราเมอื่ ยามรกั กนั หวานชนื่ แมแ้ ตน่ ำ้� ผกั ตม้ ทม่ี รี สขมกย็ งั อาจชมวา่ มรี สหวานได้ แตเ่ มอื่ ความรกั นน้ั จดื จางหา่ งเหนิ ไปตามกาลเวลา แมแ้ ตน่ ำ้� ตาลทมี่ รี สหวานกย็ งั อาจ ตวิ า่ มรี สเปรยี้ วและทำ� หมางเมนิ ไป 261 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 261 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา ความดีเด่น วรรคทองบทนมี้ ีความดีเดน่ ด้านการแสดงอานภุ าพของความรัก ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ ความรสู้ กึ นกึ คดิ ของมนษุ ย์ กวใี ชค้ วามเปรยี บงา่ ย ๆ แตแ่ ยบคายโดยเชอื่ มโยงความรกั กบั การรบั รสชาตติ า่ ง ๆ กลา่ วคอื เมอื่ ความรกั ยงั หวานชนื่ “นำ�้ ผกั ” ทป่ี รกตมิ รี สขมกย็ งั ชน่ื ชมวา่ หวานได้ แตเ่ มอื่ ความรกั จดื จางลง “นำ�้ ตาล” ทมี่ รี สหวานโดยธรรมชาติ กต็ วิ า่ เปรยี้ วเกนิ จะทน ความเปรยี บดงั กลา่ วสะทอ้ นวา่ เมอ่ื มคี วามรกั ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งกด็ สู วยงามสดชน่ื แมก้ ระทง่ั สง่ิ ทไี่ มน่ า่ พงึ ปรารถนาเชน่ ความ ขม กย็ งั รสู้ กึ วา่ เปน็ สงิ่ ดมี คี า่ ขน้ึ มาได้ แตใ่ นยามหมดรกั แลว้ สง่ิ ทค่ี น ทว่ั ไปนยิ มวา่ ดเี ชน่ ความหวาน กเ็ หน็ เปน็ ตรงกนั ขา้ มไปได้ ความรกั จงึ ทำ� ใหม้ นษุ ยม์ องและตดั สนิ สง่ิ ตา่ ง ๆ ตามใจปรารถนาโดยปราศจาก เหตผุ ล การนำ� เสนอสจั ธรรมของความรกั อนั เปน็ สากลดว้ ยความเปรยี บ ที่คมคายและเข้าใจง่าย ท�ำให้วรรคทองบทน้ีเป็นท่ีจดจ�ำและน�ำมา อา้ งถงึ เสมอมา 262 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 262
เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก พระอภัยมณี �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 263 263 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 264 8/8/2557 BE 3:09 PM
๔๐ มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอน้ื โอส้ ุธาหนาแนน่ เปน็ แผน่ พืน้ ถึงส่ีหมื่นสองแสนท้งั แดนไตร เมื่อเคราะห์รา้ ยกายเรากเ็ ท่านี้ ไมม่ ที พ่ี สุธาจะอาศยั ล้วนหนามเหนบ็ เจบ็ แสบคบั แคบใจ เหมอื นนกไร้รังเรอ่ ยเู่ อกา �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 265 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ท่ีมาของวรรคทอง นริ าศภเู ขาทอง ผูแ้ ต่ง สนุ ทรภู่ ป/ี สมยั ทแี่ ต่ง ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี นริ าศภเู ขาทองเปน็ วรรณคดนี ริ าศ วรรณคดนี ริ าศเปน็ วรรณคดที ่ี พรรณนาการพลดั พรากจากนางผเู้ ปน็ ทรี่ กั จงึ มกั เปน็ เรอ่ื งทก่ี วมี งุ่ แสดง การครำ่� ครวญอาลยั รกั และอาจผสานกบั การบนั ทกึ การเดนิ ทาง โดย กวมี กั สอดแทรกประสบการณแ์ ละทศั นะทม่ี ตี อ่ สงิ่ ทพี่ บเหน็ ในระหวา่ ง การเดนิ ทางดว้ ย รปู แบบคำ� ประพนั ธ์ กลอนเพลง วตั ถุประสงค/์ โอกาสในการแต่ง สุนทรภู่แต่งนิราศภูเขาทองขณะอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสมัย รชั กาลท่ี ๓ และไดเ้ ดนิ ทางทางเรอื จากวดั ราชบรุ ณะ (วดั เลยี บ) ทจี่ ำ� พรรษาอยไู่ ปนมสั การเจดยี ภ์ เู ขาทองทพี่ ระนครศรอี ยธุ ยา สนั นษิ ฐาน วา่ แตง่ ใน พ.ศ. ๒๓๗๑ เนอ้ื หาของบทประพันธ์ นิราศภูเขาทองกล่าวถึงการเดินทางของสุนทรภู่พร้อมบุตรชาย ชอื่ พดั ไปนมสั การพระเจดยี ภ์ เู ขาทองทพี่ ระนครศรอี ยธุ ยา สนุ ทรภู่ พรรณนาสถานทตี่ า่ ง ๆ ทเ่ี ดนิ ทางผา่ นและสงิ่ ทไี่ ดพ้ บเหน็ ระหวา่ งทาง ควบคู่ไปกับการพรรณนาอารมณ์ความรู้สึกของตน ทั้งร�ำพึงร�ำพัน ความทกุ ขโ์ ศกจากชะตาชวี ติ ทพี่ ลกิ ผนั ทงั้ พรรณนาความจงรกั ภกั ดี และสำ� นกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ ของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ - หลา้ นภาลยั ทง้ั ครำ่� ครวญอาลยั อาวรณถ์ งึ นางผเู้ ปน็ ทรี่ กั ทสี่ มมตขิ นึ้ 266 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 266
มาถึงบางธรณีทวีโศก นิราศภเู ขาทอง และสอนคติข้อคิดที่คมคายซ่ึงกล่ันกรองมาจากประสบการณ์ชีวิต ของตนเอง นิราศภูเขาทองกล่าวถึงความพลิกผันของชะตาชีวิตสุนทรภู่จาก สุขที่สุดเป็นทุกข์ท่ีสุดอันแสดงให้เห็นสัจธรรมส�ำคัญเรื่องความเป็น อนจิ จงั ของชวี ติ วรรคทองบทนี้เป็นตอนที่กวีเดินทางมาถึงต�ำบลบางธรณี เมอื งนนทบรุ ี ความหมายของวรรคทอง วรรคทองนเ้ี ปน็ บทพรรณนาอารมณค์ วามรสู้ กึ ของกวโี ดยเชอื่ มโยง กบั ชอ่ื สถานทก่ี วรี ำ� พนั วา่ ในยามทตี่ กทกุ ขไ์ ดย้ ากเชน่ นี้ ชอื่ บางธรณยี งิ่ สะกดิ ใจใหโ้ ศกเศรา้ ยงิ่ ขนึ้ กวพี รรณนาความรสู้ กึ เจบ็ ปวดคบั แคน้ ใจใน โชคชะตาของตนวา่ พนื้ แผน่ ดนิ กวา้ งใหญไ่ พศาลและหนาถงึ ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์ แตก่ วซี งึ่ เปน็ มนษุ ยต์ วั เลก็ ๆ คนหนง่ึ เมอื่ ถงึ คราวเคราะห์ กลบั หาทพี่ ำ� นกั อาศยั ใหเ้ ปน็ สขุ มไิ ด้ ไมว่ า่ ไปแหง่ หนใดกป็ ระสบแตท่ กุ ขเ์ ขญ็ ราวกบั ถกู หนามแหลมทมิ่ แทง มแี ตค่ วามอดึ อดั คบั แคบใจ ตอ้ งทน วา้ เหวเ่ รร่ อ่ นเรอ่ื ยไปเหมอื นนกไรร้ งั ความดเี ดน่ วรรคทองนเี้ ปน็ การครำ่� ครวญพรรณนาความรสู้ กึ ทกุ ขโ์ ศกของกวี ที่ชะตาชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากท่ีเคยมีวาสนา ได้ ถวายการรบั ใชใ้ กลช้ ดิ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั กลบั กลายเปน็ คนสน้ิ ไรไ้ มต้ อกไมม่ แี มท้ อ่ี ยอู่ าศยั บทกลอนนจ้ี งึ แสดงให้ เหน็ อารมณห์ วนละหอ้ ยสรอ้ ยเศรา้ ความเจบ็ ปวดนอ้ ยเนอ้ื ตำ�่ ใจในโชค ชะตาทผี่ นั ผวนดว้ ยนำ�้ เสยี งทแี่ สดงความคบั แคน้ ใจอยา่ งถงึ ทส่ี ดุ ทำ� ให้ ผอู้ า่ นสลดใจและสะเทอื นอารมณไ์ ปกบั ชะตากรรมของกวี กลวธิ ที างวรรณศลิ ปท์ โี่ ดดเดน่ ทสี่ ดุ ในวรรคทองบทน้ี คอื การทก่ี วี กลา่ วถงึ ความอบั จนของตนเองโดยการพรรณนาวา่ แมแ้ ผน่ ดนิ จะกวา้ ง ใหญไ่ พศาลยงิ่ แตก่ ลบั ไมม่ ที แี่ หง่ ใดทกี่ วจี ะอาศยั อยไู่ ดแ้ มแ้ ตท่ เี่ ดยี ว แม้ กวมี ขี นาดรา่ งกายเพยี งนอ้ ยนดิ บทกลอนในตอนตน้ อาจทำ� ใหผ้ อู้ า่ น 267 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 267 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา สงสยั วา่ แผน่ ดนิ กวา้ งใหญ่ แตเ่ หตใุ ดคนคนหนงึ่ จงึ หาทอ่ี าศยั ไมไ่ ด้ แต่ เมอื่ พจิ ารณาลกึ ลงไปจะเขา้ ใจวา่ กวไี มม่ ที อี่ าศยั ไมใ่ ชเ่ พราะไมม่ ที กี่ วา้ ง ขวางพอ แตเ่ พราะชะตาชวี ติ ทพี่ ลกิ ผนั จากหนา้ มอื เปน็ หลงั มอื ความ รสู้ กึ อบั จนหนทาง ความไรญ้ าตขิ าดมติ ร และไรส้ น้ิ ทพี่ งึ่ พาตา่ งหากท่ี ทำ� ใหก้ วรี สู้ กึ วา่ ไมม่ ที ใ่ี ดในแผน่ ดนิ นท้ี กี่ วจี ะอาศยั อยอู่ ยา่ งมคี วามสขุ ได้ ข้อดีเด่นอีกประการหน่ึงของวรรคทองบทนี้ คือการสรรค�ำท่ี มีความหมายเกี่ยวกับความทุกข์โศกหลายค�ำมาเรียงร้อยกันเพ่ือ เน้นย�้ำอารมณ์ทุกข์โศกให้ชัดเจนรุนแรงเช่น“ยามวิโยคยากใจให้ สะอน้ื ” นอกจากนี้ กวยี งั ใชค้ วามเปรยี บทแี่ สดงความรสู้ กึ เจบ็ ปวดรวด รา้ วกบั ชวี ติ ทเี่ ตม็ ไปดว้ ยอปุ สรรควา่ เหมอื นมี “หนามเหนบ็ ” ทหี่ วั ใจ ทำ� ให้ “เจบ็ แสบ” อยตู่ ลอดเวลา การเปรยี บตนเองกบั “นกไรร้ งั เรอ่ ยู่ เอกา” ยง่ิ ทำ� ใหเ้ หน็ ภาพอนั นา่ เวทนาของกวที เี่ ตม็ ไปดว้ ยความวา้ เหว่ โดดเดย่ี ว ไรท้ พี่ ง่ึ ไมม่ ที พี่ ำ� นกั พกั พงิ ตอ้ งเรร่ อ่ นไปตามลำ� พงั ดงั ทไ่ี ดก้ ลา่ วมา วรรคทองบทนจ้ี งึ มที งั้ การสรรคำ� ใชอ้ ยา่ งประณตี เพื่อให้เกิดทั้งเสียงสัมผัสไพเราะและความหมายท่ีกินใจ ทั้งยังใช้ ภาพพจนค์ วามเปรยี บทที่ ำ� ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ สะเทอื นใจในโชคชะตาท่ี พลกิ ผนั และความอบั จนสน้ิ หนทางของคนคนหนงึ่ อยา่ งลกึ ซง้ึ เปน็ บท ทแี่ สดงใหเ้ หน็ วา่ แมก้ วจี ะตระหนกั ในความจรงิ ของชวี ติ แตก่ ย็ งั ไมอ่ าจ ทำ� ใจยอมรบั ได้ จงึ ไดพ้ รรณนาความรสู้ กึ ดว้ ยถอ้ ยคำ� ทเี่ คน้ ออกมาจาก หวั ใจทเี่ จบ็ ชำ�้ อยา่ งแสนสาหสั วรรคทองบทนจ้ี งึ เปน็ บท “สลั ลาปงั ค- พสิ ยั ” ทจี่ บั ใจ ยากจะหาคำ� ประพนั ธบ์ ทใดมาเทยี บเทยี มได้ 268 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 268
มาถึงบางธรณีทวีโศก นริ าศภเู ขาทอง �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 269 269 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 270 8/8/2557 BE 3:09 PM
๔๑ ลำ� ดวนเอ๋ยจะดว่ นไปก่อนแลว้ เกดแกว้ พิกุลยี่สุ่นส ี จะโรยร้างหา่ งส้นิ กล่นิ มาล ี จำ� ปีเอย๋ กี่ปีจะมาพบ ท่มี ีกล่ินกจ็ ะคลายหายหอม จะพลอยตรอมเหือดสิ้นกล่นิ ตลบ ที่มีดอกก็จะวายระคายครบ จะเหยี่ วแห้งเซาซบสลบไป �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 271 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ทีม่ าของวรรคทอง เสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน ๑๘ ขนุ แผนพานางวนั ทองหนี ผูแ้ ตง่ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ป/ี สมยั ท่แี ต่ง ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ประเภทของวรรณคดี ขนุ ชา้ งขนุ แผนจดั เปน็ วรรณคดปี ระเภทเสภา คอื วรรณคดที แ่ี ตง่ ดว้ ยกลอนเสภา มจี ดุ ประสงคเ์ พอื่ ใชข้ บั เสภาซงึ่ เปน็ การขบั ทม่ี จี งั หวะ และทำ� นองเฉพาะและมกั ใชก้ รบั เปน็ เครอ่ื งประกอบจงั หวะเนอ้ื หาของ เสภามหี ลากหลาย เชน่ นทิ าน ตำ� นาน พงศาวดาร คำ� สอน รูปแบบค�ำประพนั ธ์ กลอนเสภา วัตถุประสงค/์ โอกาสในการแต่ง เรอื่ งขนุ ชา้ งขนุ แผนเปน็ เรอื่ งทนี่ ยิ มนำ� มาเลา่ และขบั เปน็ เสภาตง้ั แต่ สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยามอี ยหู่ ลายสำ� นวน ในสมยั ตน้ รตั นโกสนิ ทร์พระบาท สมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหแ้ ตง่ บท เสภาขนุ ชา้ งขนุ แผนขนึ้ ใหมห่ ลายตอน พระองคท์ รงพระราชนพิ นธ์ ๔ ตอน และพระราชทานตอนอน่ื ๆ ใหเ้ จา้ นายและกวรี าชสำ� นกั เชน่ กรม- หมนื่ เจษฎาบดนิ ทร์ และสนุ ทรภชู่ ว่ ยกนั แตง่ บทเสภาทแ่ี ตง่ ขนึ้ ใหมน่ ี้ ใชข้ บั ถวายตอนทรงเครอื่ งใหญ่ (ตดั ผม) ทำ� ใหเ้ กดิ ธรรมเนยี มขบั เสภา ถวายขณะทรงเครอื่ งใหญใ่ นรชั กาลตอ่ ๆมาสว่ นการแตง่ บทเสภาขนุ ชา้ ง ขนุ แผนขนึ้ ใหมม่ ตี อ่ มาจนถงึ สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผนตอน “ขนุ แผนพานางวนั ทองหน”ี อนั เปน็ ทมี่ าของวรรคทองขา้ งตน้ นี้ เปน็ บทพระราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ซงึ่ ทรงพระราชนพิ นธข์ นึ้ ในคราวทโี่ ปรดเกลา้ ฯ ใหม้ กี ารแตง่ บทเสภาเรอ่ื งนขี้ น้ึ ใหมใ่ นรชั สมยั ของพระองค์ 272 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 272
ล�ำดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว ขุนช้างขุนแผน เนอื้ หาของบทประพนั ธ์ เสภาเรอื่ งขนุ ชา้ งขนุ แผนเปน็ เรอ่ื งราวความรกั สามเสา้ ระหวา่ งพลาย แกว้ นางพมิ พลิ าไลยและขนุ ชา้ งซง่ึ เปน็ เพอ่ื นรกั กนั ตงั้ แตย่ งั เดก็ และอาศยั อยแู่ ถบสพุ รรณบรุ แี ละกาญจนบรุ ีเมอื่ พลายแกว้ อายไุ ด้๑๕ปีไดบ้ วชเณร และมาจำ� พรรษาทสี่ พุ รรณบรุ ีทำ� ใหไ้ ดพ้ บและรกั กบั นางพมิ โดยมนี างสาย- ทองพเี่ ลยี้ งนางพมิ เปน็ แมส่ อื่ ตอ่ มาไมน่ านพลายแกว้ กบั นางพมิ กแ็ ตง่ งาน กนั หลงั แตง่ งานเพยี ง ๒ วนั พลายแกว้ ตอ้ งไปราชการสงคราม ระหวา่ งนนั้ นางพมิ ปว่ ยหนกั จงึ เปลยี่ นชอ่ื เปน็ วนั ทองเพอื่ แกเ้ คลด็ ขนุ ชา้ งซงึ่ แอบหลง รกั นางวนั ทองมาตงั้ แตเ่ ดก็ ใชอ้ บุ ายบงั คบั ใหน้ างวนั ทองแตง่ งานกบั ตน แตน่ างไมย่ อมเขา้ หอ หลงั จากพลายแกว้ ชนะศกึ และไดบ้ รรดาศกั ดเ์ิ ปน็ ขนุ แผน กเ็ ดนิ ทางกลบั มาหานางวนั ทองพรอ้ มกบั พานางลาวทองภรรยา อกี คนหนงึ่ ซงึ่ ไดม้ าจากการทำ� ศกึ กลบั มาดว้ ย เมอื่ นางวนั ทองไดพ้ บนาง ลาวทอง จงึ เกดิ ความหงึ หวงและทะเลาะววิ าทกนั นางวนั ทองกลา่ ววาจา ตดั เยอื่ ใยขนุ แผน ทำ� ใหข้ นุ แผนโกรธและตดั ขาดนางวนั ทอง นางจงึ จำ� ตอ้ งตกเปน็ ภรรยาของขนุ ชา้ ง ตอ่ มาขนุ ชา้ งใสค่ วามขนุ แผนวา่ หนรี าชการ ระหวา่ งฝากเวรกบั ขนุ ชา้ งและไปเยย่ี มนางลาวทองทเ่ี จบ็ ปว่ ยจนพระพนั - วษากรว้ิ และลงโทษขนุ แผนโดยการรบิ ลาวทองไป ทำ� ใหข้ นุ แผนเจบ็ แคน้ ขนุ ชา้ งจงึ มาลกั นางวนั ทองจากเรอื นขนุ ชา้ งแลว้ พาหนเี ขา้ ปา่ หลงั จากนน้ั ไมน่ านนางวนั ทองกต็ งั้ ครรภ์ ขนุ แผนไมอ่ ยากใหน้ างลำ� บากจงึ ยอมออก จากปา่ มารบั โทษระหวา่ งทข่ี นุ แผนตดิ คกุ อยนู่ น้ั ขนุ ชา้ งมาลกั นางวนั ทอง กลบั ไปอกี ตอ่ มานางวนั ทองคลอดลกู ชอื่ พลายงามเมอ่ื ขนุ ชา้ งรวู้ า่ พลาย งามเปน็ ลกู ของขนุ แผน กล็ วงพลายงามไปฆา่ แตผ่ พี รายของขนุ แผนชว่ ย ชวี ติ พลายงามไวไ้ ด้นางวนั ทองเปน็ หว่ งลกู กลวั จะถกู ขนุ ชา้ งทำ� รา้ ยอกี จงึ สง่ พลายงามไปอยกู่ บั นางทองประศรผี เู้ ปน็ ยา่ ทกี่ าญจนบรุ ีเมอื่ พลายงาม เตบิ ใหญไ่ ดเ้ ขา้ รบั ราชการและทลู ขอพระราชทานอภยั โทษแกข่ นุ แผน ตอ่ มาพลายงามกบั ขนุ แผนอาสาไปทำ� สงครามกบั พระเจา้ เชยี งใหมจ่ นชนะ พลายงามจงึ ไดเ้ ลอ่ื นยศเปน็ พระไวย วนั หนง่ึ พระไวยคดิ ถงึ นางวนั ทองผู้ เปน็ แม่จงึ ไปลกั นางจากขนุ ชา้ งมาอยกู่ บั ตนและขนุ แผนขนุ ชา้ งไปกราบทลู ฟอ้ งรอ้ งจนเกดิ เปน็ คดคี วามใหญโ่ ตพระพนั วษาจงึ ใหน้ างวนั ทองเลอื กวา่ จะอยกู่ บั ขนุ ชา้ งขนุ แผนหรอื พระไวยแตน่ างเลอื กไมไ่ ด้ทำ� ใหพ้ ระพนั วษา 273 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 273 8/8/2557 BE 3:09 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM กรว้ิ และสง่ั ประหารชวี ติ นางวนั ทองเปน็ อนั สนิ้ สดุ ความรกั สามเสา้ ระหวา่ ง ขนุ แผน นางวนั ทอง และขนุ ชา้ ง เนอื้ เรอ่ื งชว่ งหลงั ของเสภาขนุ ชา้ งขนุ แผนเปน็ เรอ่ื งราวของรนุ่ ลกู ขนุ แผนคอื พระไวย (พลายงาม) และพลายชมุ พล (ลกู ของขนุ แผนกบั นาง แกว้ กริ ยิ า)และกลา่ วถงึ เรอ่ื งรกั สามเสา้ ของพระไวยนางศรมี าลากบั นาง สรอ้ ยฟา้ วา่ นางสรอ้ ยฟา้ ภรรยานอ้ ยใหเ้ ถรขวาดทำ� เสนห่ จ์ นพระไวยหลง ฟน่ั เฟอื นทำ� รา้ ยนางศรมี าลาภรรยาหลวงกบั พลายชมุ พลนอ้ งชาย พลาย ชมุ พลจบั เสนห่ น์ างสรอ้ ยฟา้ ไดแ้ ละแกไ้ ขใหพ้ ระไวยฟน้ื คนื สตินางจงึ ถกู ขบั ออกจากอยธุ ยาตอ่ มาเถรขวาดคดิ แคน้ จงึ แปลงเปน็ จระเขเ้ ขา้ มากอ่ ความ วนุ่ วายในเมอื งกรงุ แตถ่ กู พลายชมุ พลจบั ไดแ้ ละถกู ตดั สนิ ประหารชวี ติ วรรคทองทย่ี กมานอี้ ยใู่ นเนอ้ื เรอื่ งตอนขนุ แผนบกุ ขนึ้ เรอื นขนุ ชา้ งและ บงั คบั พานางวนั ทองหนเี ขา้ ปา่ เพอื่ แกแ้ คน้ ขนุ ชา้ ง ความหมายของวรรคทอง วรรคทองนเ้ี ปน็ คำ� พดู ของนางวนั ทองสงั่ ลาพรรณไมบ้ นเรอื นของ ขนุ ชา้ งกอ่ นทจ่ี ะตามขนุ แผนเขา้ ปา่ ไป นางวนั ทองกลา่ ววา่ นางกำ� ลงั จะ จากเรอื นไปแลว้ จำ� ตอ้ งจากลาดอกลำ� ดวน เกด แกว้ พกิ ลุ ยส่ี นุ่ และ จำ� ปี ตอ่ ไปนจี้ ะไมไ่ ดก้ ลน่ิ หอมของไมด้ อกเหลา่ นแ้ี ลว้ และไมร่ เู้ ลยวา่ อกี กป่ี จี งึ จะไดก้ ลบั มาพบกนั อกี เมอื่ นางไมอ่ ยแู่ ลว้ ดอกไมเ้ หลา่ นกี้ ็ คงจะโรยราสนิ้ กลนิ่ หอมและเหยี่ วเฉาไป ความดเี ด่น วรรคทองนี้เป็นบทครวญคร่�ำร�ำพันท่ีเช่ือมโยงธรรมชาติเข้ากับ อารมณค์ วามรสู้ กึ ของตวั ละครไดอ้ ยา่ งแยบคายและจบั ใจ กลา่ วคอื กอ่ นทวี่ นั ทองจะลงจากเรอื นไปกบั ขนุ แผน กวใี หน้ างวนั ทองพดู สงั่ ลา พรรณไมต้ า่ ง ๆ เสมอื นวา่ เปน็ เพอ่ื นทมี่ คี วามใกลช้ ดิ ผกู พนั ดงั ทเี่ รยี ก ดอกไมว้ า่ “ลำ� ดวนเอย๋ ” และ “จำ� ปเี อย๋ ” และการใหด้ อกไมแ้ สดงกริ ยิ า อาการเหมอื นมนษุ ย์ ดงั คำ� รำ� พนั ของนางวนั ทองทวี่ า่ เมอ่ื นางไมอ่ ยแู่ ลว้ ไมด้ อกทเ่ี คยสง่ กลน่ิ หอมและมดี อกแบง่ บานกจ็ ะพากนั “ตรอม” และ “สลบ” เหย่ี วเฉาไปเสยี สนิ้ 274 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 274
ล�ำดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว ขุนชา้ งขุนแผน พรรณไมอ้ นั แบง่ บานงดงามทน่ี างวนั ทองเอย่ ลานนี้ า่ จะสอื่ ความ หมายแทนความสขุ และความรน่ื รมยต์ า่ ง ๆ ทน่ี างเคยไดร้ บั จากการที่ ไดอ้ ยใู่ นบา้ นของขนุ ชา้ ง การสงั่ ลาพรรณไมเ้ หลา่ นจี้ งึ เปน็ การกลา่ วลา ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งทปี่ ระกอบกนั ขนึ้ เปน็ บา้ นอนั ใหค้ วามสขุ สบาย ความ อบอนุ่ และความมนั่ คงปลอดภยั ซงึ่ รวมทง้ั ความผกู พนั ทมี่ ตี อ่ ขนุ ชา้ ง ผมู้ อบสงิ่ ตา่ ง ๆ เหลา่ นท้ี ง้ั หมดใหแ้ กน่ าง การจากสงิ่ เหลา่ นจ้ี งึ กอ่ ใหเ้ กดิ ความโศกเศรา้ และหว่ งหาอาลยั นอกจากนี้ กวียังน�ำช่ือดอกไม้มาเล่นค�ำเล่นความหมายเพ่ือสื่อ อารมณค์ วามรสู้ กึ และภาวะทต่ี วั ละครกำ� ลงั ประสบ เชน่ ใชค้ ำ� วา่ “ดวน” จากชอื่ ดอกลำ� ดวน เลน่ คำ� กบั “ดว่ น” เพอ่ื สอ่ื ความหมายวา่ นางจำ� ตอ้ ง จากเรอื นไปอยา่ งกะทนั หนั โดยมทิ นั ไดเ้ ตรยี มตวั เตรยี มใจ หรอื ใชค้ ำ� วา่ “ป”ี จากชอื่ ดอกจำ� ปี มาเชอ่ื มโยงในการรำ� พนั วา่ การพรากจากเรอื นไป นไี้ มร่ อู้ กี “กป่ี ”ี จงึ จะไดก้ ลบั คนื มาใหม่ ความดเี ดน่ อกี ประการหนงึ่ ของวรรคทองนคี้ อื การเลน่ เสยี งสมั ผสั ในและการใชป้ ระโยคขนานความทส่ี รา้ งเสยี งและจงั หวะทไี่ พเราะแก่ บทประพนั ธ์ ตวั อยา่ งการเลน่ เสยี งสมั ผสั ในชนดิ สมั ผสั พยญั ชนะ เชน่ “เกด-แกว้ -(พ)ิ กลุ ” “โรย-รา้ ง” “เซา-ซบ-ส(ลบ)” ฯลฯ ตวั อยา่ งการ เลน่ เสยี งสมั ผสั สระ เชน่ “รา้ ง-หา่ ง” “สนิ้ -กลน่ิ ” “วาย-(ระ)คาย” ฯลฯ สว่ นการใชป้ ระโยคขนานความเพอื่ สรา้ งจงั หวะและดลุ ของเสยี ง ทไ่ี พเราะ มกี ารใชโ้ ครงสรา้ ง “ทม่ี .ี ..กจ็ ะ...จะ” ดงั พบในบาททว่ี า่ “ทม่ี ี กลน่ิ กจ็ ะคลายหายหอม จะพลอยตรอมเหอื ดสน้ิ กลนิ่ ตลบ” กบั “ท่ี มดี อกกจ็ ะวายระคายครบ จะเหย่ี วแหง้ เซาซบสลบไป” วรรคทองบทนน้ี บั เปน็ บท “สงั่ เรอื น” หรอื บทครวญครำ่� รำ� พนั กอ่ น จากเรือนท่ีใช้ธรรมชาติมาเป็นสื่อในการแสดงความทุกข์โศกอาลัย อาวรณข์ องตวั ละครไดอ้ ยา่ งลกึ ซงึ้ และสะเทอื นอารมณ์ สอ่ื ความหมาย อนั ลมุ่ ลกึ ทงั้ ยงั สะทอ้ นจดุ เปลยี่ นในชวี ติ ของตวั ละครทกี่ ำ� ลงั จะพราก จากความสขุ ไปสคู่ วามทกุ ขท์ มี่ อิ าจคาดเดาได้ บทกลอนนจ้ี งึ ตราตรงึ ใจ ผอู้ า่ นตลอดมาจวบจนปจั จบุ นั 275 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 275 8/8/2557 BE 3:09 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 276 8/8/2557 BE 3:10 PM
๔๒ ไมเ่ มาเหล้าแลว้ แต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคดิ ไฉน ถงึ เมาเหล้าเชา้ สายก็หายไป แตเ่ มาใจนีป้ ระจ�ำทุกค�ำ่ คนื �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 277 8/8/2557 BE 3:10 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:10 PM ทมี่ าของวรรคทอง นริ าศภเู ขาทอง ผแู้ ต่ง สนุ ทรภู่ ป/ี สมยั ท่ีแตง่ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี นริ าศภเู ขาทองเปน็ วรรณคดนี ริ าศ วรรณคดนี ริ าศเปน็ วรรณคดที ี่ พรรณนาการพลดั พรากจากนางผเู้ ปน็ ทรี่ กั จงึ มกั เปน็ เรอ่ื งทก่ี วมี งุ่ แสดง การครำ�่ ครวญอาลยั รกั และอาจผสานกบั การบนั ทกึ การเดนิ ทาง โดย กวมี กั สอดแทรกประสบการณแ์ ละทศั นะทม่ี ตี อ่ สงิ่ ทพี่ บเหน็ ในระหวา่ ง การเดนิ ทางดว้ ย รูปแบบค�ำประพันธ์ กลอนเพลง วัตถุประสงค/์ โอกาสในการแตง่ สุนทรภู่แต่งนิราศภูเขาทองขณะอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสมัย รชั กาลที่ ๓ และไดเ้ ดนิ ทางทางเรอื จากวดั ราชบรุ ณะ (วดั เลยี บ) ทจี่ ำ� พรรษาอยไู่ ปนมสั การเจดยี ภ์ เู ขาทองทพ่ี ระนครศรอี ยธุ ยา สนั นษิ ฐาน วา่ แตง่ ใน พ.ศ. ๒๓๗๑ เน้อื หาของบทประพันธ์ นิราศภูเขาทองกล่าวถึงการเดินทางของสุนทรภู่พร้อมบุตรชาย ชอ่ื พดั ไปนมสั การพระเจดยี ภ์ เู ขาทองทพี่ ระนครศรอี ยธุ ยา สนุ ทร- ภู่พรรณนาสถานท่ีต่าง ๆ ที่เดินทางผ่านและสิ่งท่ีได้พบเห็นระหว่าง ทางควบคไู่ ปกบั การพรรณนาอารมณค์ วามรสู้ กึ ของตน ทง้ั รำ� พงึ รำ� พนั ความทกุ ขโ์ ศกจากชะตาชวี ติ ทพ่ี ลกิ ผนั ทง้ั พรรณนาความจงรกั ภกั ดี และสำ� นกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ ของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ - หลา้ นภาลยั ทงั้ ครำ่� ครวญอาลยั อาวรณถ์ งึ นางผเู้ ปน็ ทรี่ กั ทส่ี มมตขิ น้ึ 278 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 278
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก นิราศภูเขาทอง และสอนคติข้อคิดที่คมคายซึ่งกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ชีวิต ของตนเอง นิราศภูเขาทองกล่าวถึงความพลิกผันของชะตาชีวิตสุนทรภู่จาก สุขท่ีสุดเป็นทุกข์ที่สุดอันแสดงให้เห็นสัจธรรมส�ำคัญเรื่องความเป็น อนจิ จงั ของชวี ติ วรรคทองบทนก้ี ลา่ วถงึ ตอนทส่ี นุ ทรภเู่ ดนิ ทางมาถงึ โรงเหลา้ บรเิ วณ ต�ำบลบางย่ีขันท�ำให้ย้อนนึกถึงอดีตท่ีตนเป็นนักเลงสุรา และได้น�ำ การเมาสรุ ามาเปรยี บเทยี บรำ� พนั ถงึ ความลมุ่ หลงมวั เมาในความรกั กวี บรรยายภาพของโรงเหลา้ ทมี่ คี วนั จากเตากลนั่ ลอยคลงุ้ ไปทว่ั มคี นั โพง สำ� หรบั ตกั นำ้� เพอ่ื ใชก้ ลน่ั สรุ า จากนน้ั กไ็ ดเ้ ชอื่ มโยงโรงเหลา้ เขา้ กบั เรอื่ ง ราวของตนเองในอดตี ทไี่ ดด้ มื่ “นำ้� นรก” เปน็ ประจำ� และมพี ฤตกิ รรม ไมด่ จี นเปน็ ทอ่ี บั อาย บดั นก้ี วไี ดส้ ำ� นกึ ถงึ บาปโทษของสรุ าแลว้ จงึ ตง้ั ใจ ทจ่ี ะไมข่ อมวั เมาดว้ ยฤทธส์ิ รุ าอกี และไดอ้ อกบวชเปน็ พระภกิ ษุ จงึ ขอผลบญุ จากการบวชจงบนั ดาลใหไ้ ดบ้ รรลพุ ระนพิ พานดงั ปรารถนา ความหมายของวรรคทอง บทประพนั ธท์ เ่ี ปน็ วรรคทองนมี้ เี นอ้ื ความตอ่ เนอ่ื งจากการบรรยาย เรอื่ งความมวั เมาสรุ าในอดตี กวรี ำ� พนั วา่ แมต้ นเองจะไมม่ วั เมาขาดสติ เพราะฤทธสิ์ รุ าแลว้ แตย่ งั คงลมุ่ หลงมวั เมาในความรกั ใครเ่ สนห่ าโดย มอิ าจหกั หา้ มใจได้ ความลมุ่ หลงมวั เมาในความรกั นน้ั รา้ ยกาจยงิ่ กวา่ การเมาสรุ า เพราะฤทธส์ิ รุ าทำ� ใหค้ นเมาเพยี งชวั่ ครู่ แตฤ่ ทธข์ิ องความ รกั ทำ� ใหค้ นลมุ่ หลงทกุ วนั คนื โดยไมร่ เู้ สอื่ มคลายลงแมแ้ ตน่ อ้ ย ความดีเด่นของวรรคทอง วรรคทองน้ีมคี วามดีเดน่ ท่กี วีนำ� ส่ิงทพี่ บเห็นระหว่างการเดนิ ทาง มาเชอ่ื มโยงรำ� พนั ถงึ ชวี ติ ตนเองไดอ้ ยา่ งแยบคาย กลา่ วคอื เมอื่ กวเี ดนิ ทางผา่ นโรงเหลา้ กท็ ำ� ใหน้ กึ ถงึ อดตี ของตนเองทม่ี พี ฤตกิ รรมเปน็ นกั เลง สรุ า จงึ นำ� อาการ “เมาเหลา้ ” หรอื เมาสรุ ามาเปรยี บเทยี บใหเ้ หน็ ฤทธิ์ อนั รา้ ยแรงของการ “เมารกั ” และ “เมาใจ” ทง้ั สรุ าและความรกั ลว้ นแต่ ทำ� ใหค้ นเรามวั เมาได้ การเมาสรุ าทำ� ใหข้ าดสตสิ มั ปชญั ญะ ไมส่ ามารถ 279 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 279 8/8/2557 BE 3:10 PM
กวีวัจน์วรรณนา ควบคมุ พฤตกิ รรมตนเองได้ จนบางครงั้ กก็ ระทำ� ในสง่ิ ทนี่ า่ อาย แตห่ าก เทยี บการเมาสรุ ากบั การเมารกั แลว้ การเมารกั สง่ ผลรา้ ยแรงกวา่ เพราะ ถา้ เมาสรุ าเมอื่ ผา่ นไปชว่ั เวลาหนง่ึ สรุ ากห็ มดฤทธิ์สตสิ มั ปชญั ญะกก็ ลบั คนื มาดงั เดมิ ในขณะทเ่ี มารกั ทำ� ใหม้ วั เมาจนถอนใจไมข่ นึ้ ไมม่ วี นั สรา่ ง เมา ใจตอ้ งทนทรมานดว้ ยฤทธข์ิ องความรกั อยา่ งนนั้ ทกุ วนั ทกุ คนื ในคำ� ประพนั ธต์ อนน้ี กวเี นน้ คำ� วา่ “เมา” ไดแ้ ก่ “เมาเหลา้ ” “เมารกั ” และ “เมาใจ” ท�ำให้เห็นนัยของการเชื่อมโยงเปรียบเทียบความลุ่มหลง อนั เกดิ จากสรุ ากบั อารมณร์ กั อยา่ งชดั เจน คำ� ทง้ั สามอยใู่ นตำ� แหนง่ ที่ เหมาะสม เมอ่ื อา่ นแลว้ ทำ� ใหเ้ กดิ เสยี งและจงั หวะทไ่ี พเราะ โวหารเปรียบเทยี บทีค่ มคาย และเสยี งของกลอนที่มสี ัมผัสและ จังหวะไพเราะ ท�ำให้กลอนของสุนทรภู่บทนี้เป็นวรรคทองที่เป็นที่ จดจำ� ตลอดมา 280 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 280
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก นริ าศภูเขาทอง �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 281 281 8/8/2557 BE 3:10 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 282 8/8/2557 BE 3:10 PM
๔๓ ก้านบัวบอกลกึ ตนื้ ชลธาร มารยาทส่อสนั ดาน ชาติเชอ้ื โฉดฉลาดเพราะค�ำขาน ควรทราบ หย่อมหญา้ เหี่ยวแหง้ เรอ้ื บอกรา้ ยแสลงดิน �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 283 8/8/2557 BE 3:10 PM
กวีวัจน์วรรณนา ท่ีมาของวรรคทอง ประชมุ โคลงโลกนติ ิ ผูแ้ ต่ง สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดศิ ร ป/ี สมัยทแ่ี ต่ง พ.ศ. ๒๓๗๔-๒๓๗๘ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี โคลงบทนเี้ ปน็ วรรณคดคี ำ� สอน คอื วรรณคดที มี่ เี นอื้ หามงุ่ แสดงคติ ปรชั ญาในการดำ� เนนิ ชวี ติ จรยิ ธรรม หรอื ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องคนใน สงั คมกวอี าจนำ� คำ� สอนมาจากคา่ นยิ มความเชอื่ หลกั ธรรมทางศาสนา หรอื ประสบการณช์ วี ติ รูปแบบค�ำประพนั ธ์ โคลงสสี่ ภุ าพ วัตถุประสงค/์ โอกาสในการแตง่ ใน พ.ศ. ๒๓๗๔ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระ กรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหบ้ รู ณปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ท้ังยังมีพระราชประสงค์ให้รวบรวมสรรพวิชาความรู้ของไทยอัน มีมาแต่โบราณมาจารึกลงบนแผ่นศิลา เพ่ือสืบทอดภูมิปัญญา ไทยและเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและศึกษาได้ โดยง่ายและเท่าเทียมกัน ในการน้ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร (ขณะด�ำรงพระ ยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศร) รวบรวมและช�ำระ โคลงโลกนิติส�ำนวนเก่า แล้วน�ำมาจารึกบนแผ่นศิลาประดับไว้ บริเวณศาลาทิศของพระมณฑป เพ่ือเป็นโอวาทสอนใจประชาชน ดงั โคลงบทแรกทว่ี า่ 284 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 284
ก้านบัวบอกลึกต้ืน ชลธาร โคลงโลกนติ ิ อญั ขยมบรมนเรศรเ์ รอ้ื ง รามวงศ์ พระผา่ นแผน่ ไผททรง สบื ไท้ แสวงยง่ิ สง่ิ สดบั องค ์ โอวาท หวงั ประชาชนให ้ อา่ นแจง้ คำ� โคลง โคลงโลกนติ สิ ำ� นวนของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา เดชาดศิ ร ทง้ั สนิ้ ๕๙๓ บท มที ง้ั ทป่ี รบั ปรงุ แกไ้ ขมาจากโคลงโลกนติ ิ สำ� นวนเดมิ และทที่ รงพระนพิ นธข์ นึ้ ใหม่ เมอ่ื มกี ารจารกึ เผยแพรใ่ น วดั พระเชตพุ นฯ ทำ� ใหโ้ คลงโลกนติ สิ ำ� นวนนเี้ ปน็ ทรี่ จู้ กั กวา้ งขวางกวา่ สำ� นวนอน่ื เน้อื หาของบทประพันธ์ โคลงโลกนิตพิ ระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา เดชาดศิ รมที มี่ าจากโคลงโลกนติ สิ ำ� นวนเกา่ ซงึ่ สนั นษิ ฐานวา่ นา่ จะแตง่ ขนึ้ กอ่ นสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากโคลงโลกนติ บิ ทที่ ๒ วา่ ครรโลงโลกนติ นิ ี้ นมนาน มแี ตโ่ บราณกาล เกา่ พรอ้ ง เปน็ สภุ ษติ สาร สอนจติ กลดง่ั สรอ้ ยสอดคลอ้ ง เวยี่ ไวใ้ นกรรณ คำ� สอนในโคลงโลกนติ มิ ที ม่ี าจากคมั ภรี โ์ บราณตา่ ง ๆ ทเ่ี ผยแพรเ่ ขา้ มาในสงั คมไทยเปน็ เวลาชา้ นาน เชน่ โลกนตี ิ โลกนยั ธรรมบท ฯลฯ คำ� วา่ “โลกนติ ”ิ หมายถงึ ระเบยี บแบบแผนของโลก เนอื้ หาของโคลงโลก- นติ มิ หี ลากหลายมที งั้ เนอื้ หาทแี่ สดงสจั ธรรมความเปน็ จรงิ ของโลกเชน่ ความไมเ่ ทยี่ ง ความซบั ซอ้ นของจติ ใจมนษุ ย์ และเนอื้ หาทใี่ หค้ ตเิ กยี่ ว กบั การดำ� เนนิ ชวี ติ และชแี้ นะแนวทางในการประพฤตติ น เชน่ การพดู การคบคน การใฝห่ าความรู้ ฯลฯ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 285 285 8/8/2557 BE 3:10 PM
กวีวัจน์วรรณนา ความหมายของวรรคทอง ชาตติ ระกลู และอปุ นสิ ยั ของบคุ คลสามารถรไู้ ดจ้ ากกริ ยิ ามารยาท ของบคุ คลนน้ั เชน่ เดยี วกบั ความตน้ื ลกึ ของหนองบงึ ทวี่ ดั ไดจ้ ากความ สนั้ ยาวของกา้ นบวั ความโงเ่ ขลาหรอื ความฉลาดของบคุ คลกร็ ไู้ ดจ้ ากคำ� พดู ของบคุ คลนนั้ เชน่ เดยี วกบั หยอ่ มหญา้ ทเ่ี หย่ี วแหง้ บง่ บอกใหร้ วู้ า่ ดนิ บรเิ วณนนั้ ขาดความอดุ มสมบรู ณแ์ ตกตา่ งจากดนิ โดยรอบ ดงั นนั้ การ แสดงออกของบคุ คลทง้ั ทางกายและวาจาจงึ เปน็ สง่ิ ทส่ี ามารถบง่ บอก ตวั ตนของบคุ คลนนั้ ได้ ความดีเด่น โคลงบทนดี้ เี ดน่ ดา้ นการเสนอความจรงิ เกย่ี วกบั มนษุ ยท์ ว่ี า่ กริ ยิ า อาการภายนอกอนั ไดแ้ กม่ ารยาทและคำ� พดู เปน็ เครอ่ื งสะทอ้ น ชาติ กำ� เนดิ อปุ นสิ ยั และสตปิ ญั ญาของแตล่ ะบคุ คล กวหี ยบิ ยกนามธรรม ของมนุษย์มาน�ำเสนอให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยใช้ธรรมชาติเป็นแนว เทยี บ ความลึกของหนองน้�ำเป็นสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ง่าย แต่มนุษย์ก็ สามารถประมาณความลกึ ของนำ้� จากกา้ นบัวทีง่ อกจากดินใต้น้�ำนน้ั เช่นเดียวกับกิริยามารยาทของมนุษย์ท่ีสะท้อนให้เห็นเบ้ืองลึกของ อปุ นสิ ยั ใจคอซง่ึ ไดร้ บั การปลกู ฝงั อบรมจากวงศต์ ระกลู สว่ นสภาพของ ดนิ กเ็ ปน็ สง่ิ ทเี่ หน็ ไดย้ าก แตส่ ามารถมองผา่ นการเจรญิ เตบิ โตของหญา้ ทงี่ อกบนดนิ นน้ั ได้ หากหญา้ นนั้ เหย่ี วแหง้ กร็ ไู้ ดว้ า่ ดนิ นน้ั ไมอ่ ดุ มสมบรู ณ์ เปรยี บไดก้ บั คำ� พดู ของมนษุ ยท์ บ่ี ง่ บอกระดบั สตปิ ญั ญาของผพู้ ดู คตดิ งั กลา่ วกระตนุ้ เตอื นใหบ้ คุ คลระมดั ระวงั การแสดงกริ ยิ าวาจา ของตน ขณะเดยี วกนั กส็ อนวา่ บคุ คลสามารถรจู้ กั และเขา้ ใจผอู้ น่ื ได้ จากการสงั เกตกริ ยิ าวาจาของบคุ คลอนื่ ไดเ้ ชน่ กนั 286 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 286
ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร โคลงโลกนติ ิ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 287 287 8/8/2557 BE 3:10 PM
�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 288 8/8/2557 BE 3:10 PM
๔๔ ความรคู้ ่เู ปรยี บด้วย ก�ำลงั กายแฮ สจุ รติ คอื เกราะบงั ศาสตรพ์ อ้ ง ปัญญาประดุจดงั อาวุธ กมุ สตติ ่างโล่ป้อง อาจแกลว้ กลางสนาม �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 289 8/8/2557 BE 3:10 PM
กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:10 PM ทมี่ าของวรรคทอง โคลงบทนเ้ี ปน็ โคลงทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพ่ือพระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุน พทิ ยลาภพฤฒธิ าดา ตอ่ มารวมพมิ พอ์ ยใู่ นหนงั สอื ประชมุ โคลงสภุ าษติ พระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลท่ี ๕ ผูแ้ ต่ง พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ป/ี สมยั ที่แต่ง พ.ศ. ๒๔๒๐ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี โคลงบทน้ีเป็นวรรณคดีค�ำสอน คือวรรณคดีท่ีมีเน้ือหามุ่งแสดง คตปิ รชั ญาในการดำ� เนนิ ชวี ติ จรยิ ธรรม หรอื ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ อง คนในสงั คม กวอี าจนำ� คำ� สอนมาจากคา่ นยิ ม ความเชอื่ หลกั ธรรม ทางศาสนาหรอื ประสบการณช์ วี ติ รูปแบบค�ำประพนั ธ์ โคลงสส่ี ภุ าพ วตั ถุประสงค์/โอกาสในการแต่ง พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธโ์ คลง สภุ าษติ เพอ่ื พระราชทานพระบรมวงศานวุ งศใ์ นโอกาสสำ� คญั ตา่ ง ๆ อยู่ เสมอ วรรคทองทยี่ กมาเปน็ โคลงพระราชนพิ นธท์ พ่ี ระราชทานพระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมขนุ พทิ ยลาภพฤฒธิ าดา ความหมายของวรรคทอง โคลงบทนเ้ี สนอความคดิ วา่ บคุ คลจะสามารถตอ่ สใู้ นสมรภมู แิ หง่ ชวี ติ ไดอ้ ยา่ งองอาจกลา้ หาญหากมคี วามรซู้ งึ่ เปรยี บเสมอื นกำ� ลงั กายมี ความสจุ รติ เปน็ เกราะกำ� บงั ตนจากศสั ตราวธุ ตา่ ง ๆ มปี ญั ญาเปน็ อาวธุ ประจำ� กายและมสี ตเิ ปน็ โลท่ ใ่ี ชป้ อ้ งกนั ภยั อนั ตรายตา่ ง ๆ 290 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 290
ความรู้คู่เปรียบด้วย ก�ำลัง กายแฮ โคลงสุภาษติ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลท่ี ๕ ความดเี ดน่ ลักษณะเด่นของโคลงพระราชนิพนธ์บทน้ีคือการเปรียบเทียบ มนุษย์ที่ต้องเผชิญปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตกับนักรบใน สมรภูมิ ความรู้เป็นพื้นฐานที่ส�ำคัญในการด�ำเนินชีวิตและประกอบ กิจการตา่ ง ๆ ใหส้ ำ� เรจ็ ลลุ ว่ งไปเชน่ เดียวกบั กำ� ลังกายทแี่ ข็งแรงเป็น ปัจจัยพ้ืนฐานประการแรกที่นักรบพึงมี ส่วนคุณสมบัติอ่ืน ๆ ได้แก่ ความสจุ รติ ปญั ญา และสตเิ ปรยี บไดก้ บั สรรพาวธุ ทใี่ ชต้ อ่ สแู้ ละปอ้ งกนั ตนเองในศึกสงคราม ความสุจริตเปรียบเสมือนเกราะที่ใช้ป้องกัน ศสั ตราวธุ ความหมายตามรปู ศพั ทข์ องคำ� วา่ “สจุ รติ ” หมายถงึ ความ ประพฤตดิ ี ความประพฤตชิ อบ บคุ คลทป่ี ฏบิ ตั แิ ตส่ ง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ งยอ่ ม ไมม่ ผี ใู้ ดทำ� อนั ตรายได้ สว่ น “ปญั ญา” หมายถงึ ความรอบรู้ ความ เฉลยี วฉลาดอนั เกดิ จากการเรยี นและคดิ รวมทง้ั ปฏภิ าณไหวพรบิ ใน การจดั การกบั สงิ่ ตา่ ง ๆ ปญั ญาจงึ เปรยี บเสมอื นอาวธุ ทใี่ ชท้ งั้ ตอ่ สแู้ ละ ปอ้ งกนั ตนเอง คณุ สมบตั สิ ำ� คญั อกี ประการหนงึ่ คอื สตซิ ง่ึ เปรยี บเสมอื น โลท่ ใ่ี ชป้ อ้ งกนั ตวั เพราะ “สต”ิ หมายถงึ ความรตู้ วั ทจ่ี ะทำ� ใหม้ นษุ ย์ รเู้ ทา่ ทนั ตนเอง ความเปน็ ไปตา่ ง ๆ และพรอ้ มทจ่ี ะตงั้ รบั กบั ทกุ สง่ิ ที่ ตอ้ งเผชญิ สตเิ ปน็ สง่ิ ทตี่ อ้ งใชค้ กู่ บั ปญั ญาเชน่ เดยี วกบั โลท่ ใี่ ชค้ กู่ บั อาวธุ คณุ สมบตั ทิ งั้ ๔ ประการนล้ี ว้ นสมั พนั ธเ์ ชอื่ มโยงกนั ในฐานะปจั จยั เกอื้ หนนุ บคุ คลใหก้ า้ วไปสคู่ วามสำ� เรจ็ ในสมรภมู ชิ วี ติ บคุ คลจำ� เปน็ จะ ตอ้ งอาศยั คณุ สมบตั เิ หลา่ นค้ี วบคกู่ นั ไป หากมคี วามรู้ แตน่ ำ� ความรนู้ น้ั ไปใชใ้ นทางทจุ รติ ความรู้นน้ั ก็ยอ่ มน�ำชีวิตไปในทางแหง่ ความเสอ่ื ม หรอื หากมปี ญั ญาแตไ่ มม่ สี ตคิ อยกำ� กบั กอ็ าจใชป้ ญั ญาไดไ้ มเ่ ตม็ ที่ หรอื ใชโ้ ดยขาดความรอบคอบ ดงั นเ้ี ปน็ ตน้ เมอ่ื บคุ คลกอปรดว้ ยคณุ สมบตั ิ เหลา่ นอ้ี ยา่ งครบถว้ น ยอ่ มสามารถดำ� เนนิ ชวี ติ ในโลกอนั เปรยี บเสมอื น สมรภูมิรบน้ีได้อย่างองอาจกล้าหาญ เพราะมีท้ังเครื่องป้องกันและ อาวธุ ทใี่ ชต้ อ่ สกู้ บั อปุ สรรคทง้ั มวลแลว้ เน้ือหาที่แสดงให้เห็นความเข้าใจธรรมชาติของชีวิตอย่างลึกซึ้ง กลวธิ ที างวรรณศลิ ปท์ แ่ี ยบคาย และแนวคดิ ทเ่ี ปน็ สากลอยเู่ หนอื กาล �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 291 291 8/8/2557 BE 3:10 PM
กวีวัจน์วรรณนา เวลาทำ� ใหโ้ คลงพระราชนพิ นธบ์ ทนจี้ บั ใจผอู้ า่ นมาทกุ ยคุ ทกุ สมยั ผอู้ า่ น ไมว่ า่ จะอยใู่ นถน่ิ ทแี่ ละเวลาใดกส็ ามารถนำ� แนวคดิ ดงั กลา่ วมาเชอื่ มโยง กบั ประสบการณช์ วี ติ ของตนเองเมอื่ ตอ้ งเผชญิ กบั อปุ สรรคตา่ ง ๆ และ ตระหนกั ไดว้ า่ สงิ่ ทจี่ ะทำ� ใหม้ นษุ ยผ์ า่ นพน้ ปญั หาตา่ ง ๆ ไดก้ ค็ อื ความรู้ ความสจุ รติ ปญั ญา และสตนิ นั่ เอง อน่ึง เมื่อน�ำบริบททางสังคมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาพิจารณาประกอบ อาจตีความได้ว่าการ เปรยี บโลกและชวี ติ เปน็ สมรภมู ริ บในโคลงบทนสี้ มั พนั ธก์ บั เหตกุ ารณ์ ตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในสมยั นนั้ ซง่ึ มที งั้ ความขดั แยง้ ภายนอกและภายใน ประเทศ คนในชาตบิ า้ นเมอื งจงึ จำ� เปน็ ตอ้ งมคี ณุ สมบตั ดิ งั กลา่ ว เพอื่ ปกปอ้ งรกั ษาทง้ั ตนเองและบา้ นเมอื งใหร้ อดพน้ จากภยั คกุ คามตา่ งๆ ได้ 292 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 292
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446