Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ✍️ กวีวัจน์วรรณนา วรรคทองในวรรณคดีไทย พร้อมประวัติและคำอธิบาย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

✍️ กวีวัจน์วรรณนา วรรคทองในวรรณคดีไทย พร้อมประวัติและคำอธิบาย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

Description: ✍️ กวีวัจน์วรรณนา วรรคทองในวรรณคดีไทย พร้อมประวัติและคำอธิบาย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

Search

Read the Text Version

ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร พระอภัยมณี พระอภัยมณีตัดสินใจยกทัพไปท�ำศึกท่ีกรุงลังกาเพ่ือตัดต้นตอแห่ง สงคราม ไมว่ า่ นางละเวงสง่ ทพั ใดไปรบกแ็ พส้ นิ้ จงึ ใชว้ ธิ ที ำ� เสนห่ ใ์ หเ้ หลา่ กษตั รยิ ห์ ลงใหล ในทสี่ ดุ ทงั้ พระอภยั มณี ศรสี วุ รรณ สนิ สมทุ ร และ สดุ สาครกถ็ กู เสนห่ ข์ องสตรเี มอื งลงั กาจนหมด นางสวุ รรณมาลจี งึ ตอ้ ง ยกทพั มาชว่ ยทำ� ศกึ แทนแตไ่ มป่ ระสบผล ทง้ั สองฝา่ ยรบกนั อยา่ งยดื เยอ้ื ในทสี่ ดุ พระฤๅษมี าชว่ ยแกเ้ สนห่ แ์ ละเทศนาไกลเ่ กลย่ี จนทง้ั หมด ละความพยาบาทยอมคนื ดกี นั พระอภยั มณแี ละนางสวุ รรณมาลพี รอ้ ม ดว้ ยเหลา่ กษตั รยิ ท์ งั้ หลายเดนิ ทางกลบั เมอื ง แตน่ างละเวงไปดว้ ยไมไ่ ด้ เพราะตอ้ งอยปู่ กครองบา้ นเมอื งตอ่ ไป ต่อมาสินสมุทรได้ครองคู่กับอรุณรัศมี สุดสาครได้ครองคู่กับ เสาวคนธ์ หสั ไชยไดค้ รองคกู่ บั สรอ้ ยสวุ รรณและจนั ทรส์ ดุ า เมอ่ื ทา้ ว สทุ ศั นก์ บั นางปทมุ เกสรสน้ิ พระชนม์ พระอภยั มณี ศรสี วุ รรณ และสนิ - สมทุ รเดนิ ทางไปปลงพระศพทก่ี รงุ รตั นา มงั คลา โอรสนางละเวงซง่ึ ครองกรงุ ลงั กา ยกทพั มารบกบั เมอื งผลกึ อกี พระอภยั มณเี ปา่ ปส่ี ะกด ทพั จนสงครามยตุ ิ เมอื่ การศกึ และความวนุ่ วายตา่ ง ๆ สงบลง พระ อภยั มณเี กดิ ความรสู้ กึ สงั เวชและเบอื่ หนา่ ยความขดั แยง้ ระหวา่ งมเหสี จงึ ออกบวชเปน็ ฤๅษี นางละเวงตดั สนิ ใจเปลยี่ นศาสนาและออกบวช ตามพรอ้ มกบั นางสวุ รรณมาลี ทง้ั สามไปบำ� เพญ็ เพยี รอยทู่ เ่ี ขาสงิ คตุ ร์ วรรคทองบทนอี้ ยใู่ นเนอ้ื หาตอนพระอภยั มณเี กยี้ วนางละเวงในชว่ ง ทท่ี ง้ั สองกำ� ลงั ทำ� ศกึ สงครามกนั ความหมายของวรรคทอง วรรคทองทย่ี กมานเ้ี ปน็ คำ� พดู ของพระอภยั มณที กี่ ลา่ วแกน่ างละเวง วา่ แมแ้ ผน่ ดนิ แผน่ ฟา้ และมหาสมทุ ร จะทำ� ลายสนิ้ ไปแลว้ แตค่ วาม รกั ทมี่ ตี อ่ นางจะไมม่ วี นั สนิ้ สดุ ตามไปดว้ ย และเมอ่ื ทงั้ สองไดไ้ ปเกดิ ใหม่ พระอภยั มณกี ข็ อตามไปเกดิ ใหไ้ ดพ้ บและรกั นางอยเู่ สมอไมค่ ลาดจาก กนั หากแมน้ างเกดิ เปน็ หว้ งนำ้� พระอภยั มณจี ะขอเกดิ เปน็ ปลาทอ่ี าศยั อยใู่ นนำ้� นน้ั หากนางไปเกดิ เปน็ ดอกบวั พระอภยั มณกี จ็ ะขอเกดิ เปน็ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 143 143 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM แมลงภคู่ อยเฝา้ เชยชมดอกบวั อนั หอมหวาน หากแมน้ างเกดิ เปน็ ถำ้� อนั งดงามพระอภยั มณกี จ็ ะขอเกดิ เปน็ ราชสหี อ์ าศยั อยใู่ นถำ้� นน้ั พระอภยั - มณจี ะขอตดิ ตามรกั นางและเปน็ คคู่ รองกนั ไปทกุ ชาติ ความดเี ดน่ วรรคทองบทนเี้ ปน็ โวหารฝากรกั ทอี่ อ่ นหวานซาบซง้ึ ใจยงิ่ เพราะ เปน็ การใหค้ ำ� มนั่ สญั ญาวา่ ความรกั ทม่ี ใี หน้ างนนั้ จะมนั่ คงยนื ยงอยชู่ ว่ั นริ นั ดร์ กวใี ชอ้ ตพิ จนเ์ พอื่ ยนื ยนั คำ� มนั่ สญั ญาดงั กลา่ ววา่ แมแ้ ผน่ ดนิ แผน่ ฟา้ และแผน่ นำ้� อนั ประกอบกนั ขน้ึ เปน็ โลกจะถกู ทำ� ลายจนหมด สนิ้ ไป แตค่ วามรกั ทมี่ ตี อ่ นางจะยงั คงอยู่พลงั แหง่ ความรกั ทเี่ ปน็ อมตะ นท้ี ำ� ใหไ้ มว่ า่ นางละเวงวณั ฬาจะไปเกดิ ในชาตภิ พใด ความรกั ของพระ อภยั มณที มี่ ตี อ่ นางกจ็ ะนำ� ใหไ้ ดต้ ามไปเกดิ เปน็ คกู่ บั นางไปทกุ ชาตภิ พ กวไี ดใ้ ชช้ ดุ ความเปรยี บเพอื่ แสดงการเกดิ ใหมใ่ นชาตภิ พตา่ ง ๆ ๓ ชดุ ความเปรยี บชดุ แรกพระอภยั มณเี ปรยี บนางละเวงเปน็ นำ�้ และเปรยี บ ตนเองเปน็ ปลา ในความเปรยี บชดุ ที่ ๒ พระอภยั มณเี ปรยี บนางเปน็ ดอกบวั และเปรยี บตนเองเปน็ แมลงภู่ สว่ นความเปรยี บชดุ ที่ ๓ พระ อภยั มณเี ปรยี บนางเปน็ ถำ้� และเปรยี บตนเองเปน็ ราชสหี ์ ความเปรยี บ ทง้ั สามชดุ คอื “หว้ งนำ�้ ” “ดอกบวั ” และ “ถำ้� ” ซง่ึ แทนฝา่ ยหญงิ กบั “ปลา” “แมลงภ”ู่ และ “ราชสหี ”์ ซง่ึ แทนฝา่ ยชายนม้ี นี ยั ทสี่ อดคลอ้ ง กนั วา่ ฝา่ ยชายจะเปน็ ฝา่ ยตดิ ตามหาฝา่ ยหญงิ ไปตลอดชดุ ความเปรยี บ ดงั กลา่ วยงั สอื่ นยั แสดงคณุ คา่ และความสำ� คญั ของนางทม่ี ตี อ่ ฝา่ ยชาย ไดอ้ ยา่ งลกึ ซงึ้ กลา่ วคอื การเปรยี บนางเปน็ หว้ งนำ้� สอ่ื นยั วา่ พระอภยั - มณจี ะไมส่ ามารถดำ� รงชวี ติ อยไู่ ดห้ ากขาดนางเชน่ เดยี วกบั ปลาทข่ี าดนำ้� ไมไ่ ด้ การเปรยี บนางเปน็ ดอกบวั สอ่ื นยั วา่ ชวี ติ ของพระอภยั มณจี ะไร้ ซงึ่ ความชนื่ บาน เชน่ เดยี วกบั แมลงภทู่ ม่ี ไิ ดล้ มิ้ รสความหอมหวานของ ดอกบวั และการเปรยี บนางเปน็ ถำ�้ สอื่ นยั วา่ ชวี ติ ของพระอภยั มณจี ะ ขาดทพ่ี กั พงิ อนั อบอนุ่ เชน่ เดยี วกบั ราชสหี ท์ ไี่ รถ้ ำ้� อยอู่ าศยั ชดุ ความ เปรยี บทง้ั หมดนจี้ งึ แสดงใหเ้ หน็ ความสำ� คญั ของนางในหลากหลายมติ ิ จงึ ทำ� ใหฝ้ า่ ยชายตอ้ งตดิ ตามรกั นางไปทกุ ชาตภิ พ 144 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 144

ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร พระอภัยมณี นอกจากความหมายอันลกึ ซ้ึงคมคายดังกล่าวข้างต้นแลว้ วรรค ทองบทน้ียงั มีความไพเราะออ่ นหวานจากการใชค้ �ำ โดยเฉพาะค�ำท่ี กวีเลอื กใช้เรียกนางทมี่ หี ลากหลายและลว้ นสอ่ื นยั ที่แสดงใหเ้ ห็นว่า พระอภยั มณรี กั เทดิ ทนู และทะนถุ นอมนำ้� ใจนางละเวงอยา่ งมาก เชน่ “เนอื้ เยน็ ” “ศรสี วสั ด”ิ์ “ทรามสงวนนวลละออง” กวยี งั เลน่ เสยี งสมั ผสั อันแพรวพราวในทุกวรรคท้ังสัมผัสสระ เช่น “ดิน-ส้ิน” “ฟ้า-มหา (สมทุ ร)” “รกั -สมคั ร” “ใน-ใต”้ “หลา้ -(ส)ุ ธา” และสมั ผสั พยญั ชนะ เชน่ “สน้ิ -สดุ ” “สมคั ร-สมาน” “พบ-พาน-พศิ (วาส)” วรรคทองบท นจี้ งึ เปน็ บทสญั ญารกั ทท่ี งั้ ละมนุ ละไม ออ่ นหวาน และหนกั แนน่ มน่ั คง งดงามดว้ ยโวหารแสดงความรกั ทซี่ าบซงึ้ การใชถ้ อ้ ยคำ� ทม่ี คี วามหมาย และรอ้ ยเรยี งอยา่ งประณตี ไพเราะ จงึ เปน็ บททต่ี รงึ ใจแกผ่ อู้ า่ นทวั่ ไป จนมผี นู้ ำ� ไปใสท่ ำ� นองเปน็ เพลง “คำ� มน่ั สญั ญา” ทำ� ใหว้ รรคทองนเี้ ปน็ ทร่ี จู้ กั แพรห่ ลายและจดจำ� ไดม้ าจนทกุ วนั นี้ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 145 145 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 146 8/8/2557 BE 3:09 PM

๒๓ ปลาร้าพนั หอ่ ดว้ ย ใบคา ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง คอื คนหม่ไู ปหา คบเพ่อื น พาลนา ได้แต่รา้ ยร้ายฟงุ้ เฟื่องให้เสยี พงศ์ ใบพอ้ พนั ห่อห้มุ กฤษณา หอมระรวยรสพา เพรศิ ด้วย คอื คนเสพเสนห่ า นักปราชญ ์ ความสุขซาบฤๅมว้ ย ดจุ ไม้กล่นิ หอม �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 147 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา ท่ีมาของวรรคทอง ประชมุ โคลงโลกนติ ิ ผูแ้ ต่ง สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดศิ ร ป/ี สมัยทแ่ี ตง่ พ.ศ. ๒๓๗๔-๒๓๗๘ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี โคลงบทนเี้ ปน็ วรรณคดคี ำ� สอน คอื วรรณคดที มี่ เี นอื้ หามงุ่ แสดงคติ ปรชั ญาในการดำ� เนนิ ชวี ติ จรยิ ธรรม หรอื ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องคนใน สงั คมกวอี าจนำ� คำ� สอนมาจากคา่ นยิ มความเชอื่ หลกั ธรรมทางศาสนา หรอื ประสบการณช์ วี ติ รูปแบบค�ำประพันธ์ โคลงสสี่ ภุ าพ วัตถุประสงค์/โอกาสในการแตง่ ใน พ.ศ.๒๓๗๔ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระ กรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหบ้ รู ณปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ท้ังยังมีพระราชประสงค์ให้รวบรวมสรรพวิชาความรู้ของไทยอัน มีมาแต่โบราณมาจารึกลงบนแผ่นศิลา เพื่อสืบทอดภูมิปัญญา ไทยและเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและศึกษาได้ โดยง่ายและเท่าเทียมกัน ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร (ขณะด�ำรงพระ ยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศร) รวบรวมและช�ำระ โคลงโลกนิติส�ำนวนเก่า แล้วน�ำมาจารึกบนแผ่นศิลาประดับไว้ บริเวณศาลาทิศของพระมณฑป เพื่อเป็นโอวาทสอนใจประชาชน ดงั โคลงบทแรกทว่ี า่ 148 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 148

ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา โคลงโลกนติ ิ อญั ขยมบรมนเรศรเ์ รอ้ื ง รามวงศ์ พระผา่ นแผน่ ไผททรง สบื ไท้ แสวงยงิ่ สงิ่ สดบั องค ์ โอวาท หวงั ประชาชนให ้ อา่ นแจง้ คำ� โคลง โคลงโลกนติ สิ ำ� นวนของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา เดชาดศิ ร ทง้ั สนิ้ ๕๙๓ บท มที ง้ั ทปี่ รบั ปรงุ แกไ้ ขมาจากโคลงโลกนติ ิ สำ� นวนเดมิ และทที่ รงพระนพิ นธข์ น้ึ ใหม่ เมอื่ มกี ารจารกึ เผยแพรใ่ น วดั พระเชตพุ นฯ ทำ� ใหโ้ คลงโลกนติ สิ ำ� นวนนเ้ี ปน็ ทรี่ จู้ กั กวา้ งขวางกวา่ สำ� นวนอน่ื เนอ้ื หาของบทประพันธ์ โคลงโลกนิติพระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา เดชาดศิ รมที มี่ าจากโคลงโลกนติ สิ ำ� นวนเกา่ ซงึ่ สนั นษิ ฐานวา่ นา่ จะแตง่ ขน้ึ กอ่ นสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากโคลงโลกนติ บิ ทที่ ๒ วา่ ครรโลงโลกนติ นิ ี้ นมนาน มแี ตโ่ บราณกาล เกา่ พรอ้ ง เปน็ สภุ ษติ สาร สอนจติ กลดง่ั สรอ้ ยสอดคลอ้ ง เวย่ี ไวใ้ นกรรณ คำ� สอนในโคลงโลกนติ มิ ที มี่ าจากคมั ภรี โ์ บราณตา่ ง ๆ ทเ่ี ผยแพรเ่ ขา้ มาในสงั คมไทยเปน็ เวลาชา้ นาน เชน่ โลกนตี ิ โลกนยั ธรรมบท ฯลฯ คำ� วา่ “โลกนติ ”ิ หมายถงึ ระเบยี บแบบแผนของโลก เนอ้ื หาของโคลงโลก- นติ มิ หี ลากหลายมที งั้ เนอื้ หาทแี่ สดงสจั ธรรมความเปน็ จรงิ ของโลกเชน่ ความไมเ่ ทย่ี ง ความซบั ซอ้ นของจติ ใจมนษุ ย์ และเนอ้ื หาทใ่ี หค้ ตเิ กยี่ ว กบั การดำ� เนนิ ชวี ติ และชแี้ นะแนวทางในการประพฤตติ น เชน่ การพดู การคบคน การใฝห่ าความรู้ ฯลฯ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 149 149 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ความหมายของวรรคทอง โคลง ๒ บทนสี้ อนเรอ่ื งการคบคน โดยใหค้ ตวิ า่ บคุ คลใดคบคนพาล บคุ คลนนั้ ยอ่ มกลายเปน็ คนไมด่ ไี ปดว้ ย และทำ� ใหเ้ กยี รตยิ ศของตน และวงศต์ ระกลู พลอยเสอ่ื มเสยี เชน่ เดยี วกบั การนำ� ใบหญา้ คาซง่ึ เปน็ ของสูงมาห่อปลาร้าย่อมท�ำให้ใบหญ้าคาพลอยเหม็นกลิ่นปลาร้าไป ด้วย ส่วนบุคคลใดคบคนดีหรือนักปราชญ์ก็ย่อมจะซึมซับความดีท่ี จะชว่ ยกอ่ ใหเ้ กดิ ความสขุ ทย่ี ง่ั ยนื เปรยี บกบั การนำ� ใบพอ้ ซง่ึ ไมม่ กี ลนิ่ มาหอ่ ไมก้ ฤษณาซง่ึ มกี ลน่ิ หอม ใบพอ้ กจ็ ะมกี ลนิ่ หอมตามไมก้ ฤษณา ไปดว้ ย ความดเี ด่น โคลงบทนี้ให้คติในการเลือกคบคนด้วยการเปรียบเทียบอัน แยบคาย กลา่ วคอื เปรยี บการคบคนกบั การหอ่ สง่ิ ของทม่ี กี ลน่ิ ทำ� ให้ เหน็ วา่ การคบคนมอี ทิ ธพิ ลตอ่ ความประพฤตดิ ชี วั่ ของแตล่ ะบคุ คล กวี ใชก้ ลนิ่ หอมและกลนิ่ เหมน็ เพอ่ื สอ่ื ถงึ ความดแี ละความชวั่ เพราะกลนิ่ เปน็ สงิ่ ทฟี่ งุ้ กระจายออกไปไดไ้ กล เชน่ เดยี วกนั หากผใู้ ดคบคนชวั่ และ กระทำ� ความชวั่ ตาม ความชวั่ นน้ั กจ็ ะเปน็ ทรี่ บั รขู้ องสงั คมในวงกวา้ ง และพลอยทำ� ใหว้ งศต์ ระกลู ของผนู้ นั้ เสอ่ื มเสยี ตามไปดว้ ย สว่ นผทู้ ค่ี บ นกั ปราชญแ์ ละประพฤตดิ ตี าม ความดนี นั้ กจ็ ะนำ� ความสขุ อนั ยง่ั ยนื มาสตู่ น การสอนเชน่ นแ้ี สดงใหเ้ หน็ ลกั ษณะสงั คมสมยั กอ่ นทใี่ หค้ วาม สำ� คญั อยา่ งยง่ิ แกว่ งศต์ ระกลู การประพฤตดิ หี รอื ชวั่ นน้ั มใิ ชเ่ รอื่ งเฉพาะ บคุ คล แตส่ ง่ ผลตอ่ ชอื่ เสยี งของวงศต์ ระกลู โดยรวมดว้ ย ความแยบคายอกี ประการหนง่ึ คอื การเลอื กใชส้ งิ่ เปรยี บอนั ไดแ้ ก่ หญา้ คาปลารา้ ใบพอ้ และกฤษณาหญา้ คา(ภาษาบาลีวา่ กสุ ะ)ถอื กนั วา่ เปน็ ของสูง ดังที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง อธิบายไว้ในต�ำนานหญ้าคาว่า พญาครุฑแกล้งท�ำน้�ำอมฤตหก ระหว่างเหาะผ่านป่าหญ้าคา เพ่ือไม่ให้พญานาคได้ด่ืม หญ้าคา จึงเป็นหญ้าศักด์ิสิทธ์ิและมีความเป็นอมตะ ส่วนต�ำนานทาง พระพุทธศาสนาก็กล่าวว่า ในคราวที่ทรงบ�ำเพ็ญเพียรเพื่อการ ตรัสรู้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงน�ำหญ้าคาที่พราหมณ์ 150 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 150

ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา โคลงโลกนติ ิ ถวายมาปูเป็นรัตนบัลลังก์ ดังน้ัน การน�ำหญ้าคามาห่อ ปลารา้ ซงึ่ เปน็ ของทม่ี กี ลน่ิ แรง จงึ มนี ยั ทลี่ กึ ซง้ึ วา่ ผทู้ ม่ี ชี าตติ ระกลู สงู ถงึ พรอ้ มดว้ ยเกยี รตยิ ศ หากมาคบหาคนชว่ั แลว้ ชอ่ื เสยี งเกยี รตยิ ศของ ตนเองและวงศต์ ระกลู กจ็ ะเสอ่ื มเสยี ไป สว่ นใบพอ้ หรอื ใบกะพอ้ เปน็ ไม้ ทพ่ี บไดท้ ว่ั ไปและมกั นำ� มาใชห้ อ่ ของตา่ ง ๆ เมอื่ นำ� มาหอ่ ไมก้ ฤษณาซง่ึ เปน็ ไมม้ คี า่ และมกี ลน่ิ หอม กจ็ ะทำ� ใหใ้ บพอ้ นน้ั มกี ลน่ิ หอมตามไปดว้ ย ดงั นน้ั แมเ้ ปน็ คนธรรมดาสามญั แตห่ ากรจู้ กั คบนกั ปราชญ์ กย็ อ่ มจะ สามารถพฒั นาตนใหเ้ ปน็ คนดมี คี ณุ คา่ และมชี อื่ เสยี งได้ การใชค้ วามเปรยี บ ๒ ชดุ คขู่ นานกนั น้ี ทำ� ใหผ้ อู้ า่ นเกดิ การเปรยี บ เทียบและตระหนักถึงโทษของการคบคนพาลกับคุณประโยชน์ของ การคบนกั ปราชญไ์ ดอ้ ยา่ งแจม่ แจง้ ลกึ ซงึ้ ดว้ ยแนวคดิ อนั เปน็ พน้ื ฐาน สำ� คญั ในการดำ� เนนิ ชวี ติ ประกอบกบั กลวธิ ที างวรรณศลิ ปท์ แ่ี ยบคาย โคลงบทนจี้ งึ เปน็ วรรคทองทผี่ อู้ า่ นจดจำ� เพอื่ เตอื นสตเิ รอ่ื งการคบคน ตง้ั แตอ่ ดตี สบื ตอ่ มาจนถงึ ปจั จบุ นั น้ี �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 151 151 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 152 8/8/2557 BE 3:09 PM

๒๔ เอียงอกเทออกอ้าง อวดองค์ อรเอย เมรุชุบสมทุ รดนิ ลง เลขแตม้ อากาศจักจารผจง จารึก พอฤๅ โฉมแมห่ ยาดฟ้าแย้ม อย่รู ้อนฤๅเหน็ ตราบขุนคิรขิ ้น ขาดสลาย แลแม ่ รักบ่หายตราบหาย หกฟา้ สรุ ิยจนั ทรขจาย จากโลก ไปฤๅ ไฟแลน่ ล้างสห่ี ลา้ ห่อนล้างอาลัย �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 153 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ทม่ี าของวรรคทอง โคลงนริ าศนรนิ ทร์ ผู้แตง่ นายนรนิ ทรธ์ เิ บศร์ (อนิ ) ปี/สมยั ท่ีแต่ง พ.ศ. ๒๓๕๒ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ประเภทของวรรณคดี โคลงนริ าศนรนิ ทรเ์ ปน็ วรรณคดนี ริ าศวรรณคดนี ริ าศเปน็ วรรณคดที ่ี พรรณนาการพลดั พรากจากนางผเู้ ปน็ ทรี่ กั จงึ มกั เปน็ เรอื่ งทก่ี วมี งุ่ แสดง การครำ�่ ครวญอาลยั รกั และอาจผสานกบั การบนั ทกึ การเดนิ ทาง โดย กวมี กั สอดแทรกประสบการณแ์ ละทศั นะทม่ี ตี อ่ สงิ่ ทพี่ บเหน็ ในระหวา่ ง การเดนิ ทางดว้ ย รูปแบบค�ำประพันธ์ โคลงนริ าศนรนิ ทรป์ ระกอบดว้ ยรา่ ยสภุ าพ ๑ บทและโคลงสส่ี ภุ าพ ๑๔๑ บท วตั ถุประสงค/์ โอกาสในการแต่ง นายนรินทร์ธิเบศร์ประพันธ์โคลงนิราศนรินทร์เพ่ือแสดงการ ครำ�่ ครวญอาลยั รกั เนอ่ื งจากตอ้ งพลดั พรากจากนางอนั เปน็ ทร่ี กั เมอื่ คราวตามเสดจ็ กรมพระราชวงั บวรมหาเสนานรุ กั ษไ์ ปปราบพมา่ ทย่ี ก ทพั มาตเี มอื งถลางและชมุ พรใน พ.ศ. ๒๓๕๒ เนอ้ื หาของบทประพนั ธ์ ในตอนต้นเรื่อง กวีกล่าวสรรเสริญพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย และกล่าวชมความงดงามรุ่งเรืองของ กรงุ เทพมหานคร แลว้ จงึ กลา่ วถงึ ความเศรา้ โศกระทมทกุ ขข์ องกวที ี่ ตอ้ งจากเมอื งและนางผเู้ ปน็ ทร่ี กั เพอ่ื ไปราชการสงคราม กวพี รรณนา ความรักที่มีต่อนางและคร่�ำครวญถึงนางด้วยความอาลัยพร้อมท้ัง กลา่ วถงึ สถานทต่ี า่ ง ๆ ตามเสน้ ทางการเดนิ ทางไมว่ า่ กวจี ะเดนิ ทางไป 154 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 154

เอียงอกเทออกอ้าง อวดองค์ อรเอย นิราศนรนิ ทร์ ถงึ สถานทใี่ ด นางกย็ งั อยใู่ นความคดิ คำ� นงึ ของกวอี ยเู่ สมอ ยงิ่ ไปกวา่ นน้ั ธรรมชาตริ อบตวั ไมว่ า่ จะเปน็ พรรณพชื หรอื สรรพสตั วก์ ล็ ว้ นแตย่ ำ้� เตอื นใหก้ วรี ะลกึ ถงึ นาง ทำ� ใหก้ วโี ศกเศรา้ มากยง่ิ ขนึ้ อกี ในตอนทา้ ย กวีได้กล่าวเน้นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ท่ีตนมีให้นางอันเป็นท่ีรักและ ยำ�้ เตอื นใหน้ างรกั ษาบทประพนั ธน์ ไี้ วแ้ ทนตวั กวี ในบทจบ กวรี ะบชุ อื่ ตนเองและกลา่ วแสดงความภาคภมู ใิ จในผลงานการประพนั ธข์ องตน ความหมายของวรรคทอง โคลง ๒ บทนแี้ สดงใหเ้ หน็ ความรกั อนั ยง่ิ ใหญข่ องกวที ม่ี ตี อ่ นางผู้ เปน็ ทรี่ กั ในโคลงบทแรกกวกี ลา่ ววา่ หากอกของตนเปน็ ทบี่ รรจคุ วามรกั ทมี่ ตี อ่ นาง กวกี ป็ รารถนาทจ่ี ะเอยี งอกเพอ่ื เทความรกั ทม่ี อี ยขู่ า้ งในออก มาใหน้ างเหน็ เปน็ ทป่ี ระจกั ษ์ ความรกั ทก่ี วมี ตี อ่ นางนน้ั มหาศาลจนยาก ทจ่ี ะบรรยายออกมาไดห้ มดสนิ้ แมจ้ ะเอาเขาพระสเุ มรเุ ปน็ ปากกา เอา ปฐพแี ละนำ�้ ในมหาสมทุ รแทนหมกึ เอาอากาศแทนกระดาษ กม็ เิ พยี ง พอทจี่ ะจารกึ ความรกั ของกวที มี่ ตี อ่ นางไดห้ มด เนอ่ื งจากกวมี อิ าจเหน็ นาง กวจี งึ เฝา้ แตห่ ว่ งใยนางผมู้ คี วามงดงามดจุ ลอยมาจากสรวงสวรรค์ วา่ จะทกุ ขร์ อ้ นมากเพยี งใด ในโคลงบททส่ี อง กวกี ลา่ ววา่ ความรกั ของตนทม่ี ตี อ่ นางนนั้ มน่ั คง ยิ่งนัก แม้ว่าเขาพระสุเมรุอันแข็งแกร่งจะพังทลายลง แม้ว่าสวรรค์ ฉกามาพจรทงั้ หกชน้ั อนั ไดแ้ ก่ จาตมุ หาราชกิ า ดาวดงึ ส์ ยามา ดสุ ติ นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตดี จะสูญสลาย แม้ว่าพระอาทิตย์และ พระจนั ทรจ์ ะหายจากโลกนไี้ ป หรอื แมแ้ ตไ่ ฟบรรลยั กลั ปจ์ ะเผาผลาญ ทวปี ทง้ั สี่ อนั ไดแ้ ก่ อตุ รกรุ ทุ วปี บพุ วเิ ทหทวปี ชมพทู วปี และอมรโค- ยานทวปี จนหมดสน้ิ ความรกั ความอาลยั ทกี่ วมี ตี อ่ นางกจ็ ะยงั คงอยู่ ตลอดไป มอิ าจถกู ทำ� ลายลงได้ ความดเี ด่น วรรคทองนี้มีความดีเด่นท่ีโวหารแสดงความรักอันอ่อนหวาน ซาบซึ้งใจและเปี่ยมไปด้วยความงดงามทางวรรณศิลป์ในด้านความ ไพเราะทางเสยี ง โคลงทง้ั ๒ บทมกี ารเลน่ เสยี งสมั ผสั พยญั ชนะอยา่ ง 155 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 155 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM แพรวพราวทกุ บาท โดยเฉพาะในบาทแรกทม่ี กี ารเลน่ เสยี ง /อ/ แทบ ทกุ คำ� ใน “เอยี งอกเทออกอา้ ง อวดองค์ อรเอย” หรอื การเลน่ สมั ผสั พยญั ชนะในบาทตอ่ ๆ ไป เชน่ ลง–เลข, จกั –จาร–ผจง–จารกึ , หยาด– แยม้ –อย,ู่ ขนุ –คริ –ิ ขน้ –ขาด, จนั ทร–ขจาย–จาก, แลน่ –ลา้ ง–หลา้ –อาลยั สมั ผสั เหลา่ นมี้ เิ พยี งเสรมิ ใหโ้ คลงมเี สยี งไพเราะ แตย่ งั ชว่ ยสรา้ งความ หมายและจนิ ตภาพทชี่ ดั เจนดว้ ย เชน่ ในบาท “เอยี งอกเทออกอา้ ง อวดองค์ อรเอย” ความดเี ดน่ ของบาทนอี้ ยทู่ ก่ี ารสรรคำ� ทน่ี อกจาก จะใหเ้ สยี งสมั ผสั อนั แพรวพราวแลว้ ยงั ใหภ้ าพและความหมายลกึ ซง้ึ กนิ ใจทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความรกั อนั ทว่ มทน้ ในอกของกวี และในบาท “ไฟแลน่ ลา้ งสห่ี ลา้ หอ่ นลา้ งอาลยั ” นนั้ นอกจากจะมคี วามไพเราะจาก เสยี งสมั ผสั /ล/ แลว้ คำ� วา่ “ไฟแลน่ ลา้ งสหี่ ลา้ ” ยงั ใหภ้ าพทชี่ ดั เจนของ เพลงิ ทล่ี กุ ไหมเ้ ผาผลาญทำ� ลายแผน่ ดนิ อยา่ งรวดเรว็ และเมอ่ื ประกอบ กบั คำ� วา่ “หอ่ นลา้ งอาลยั ” กช็ ว่ ยยำ�้ ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจถงึ ความรกั อนั ยงิ่ ใหญม่ น่ั คงของกววี า่ ถงึ แมท้ กุ สงิ่ ทกุ อยา่ งจะถกู ทำ� ลายลงในคราทไี่ ฟ บรรลยั กลั ปล์ า้ งโลก แตค่ วามรกั ความอาลยั ของกวนี น้ั เปน็ อมตะ มิ อาจถกู ทำ� ลายได้ นอกจากน้ี กลวิธีทางวรรณศิลป์ท่ีโดดเด่นอีกประการหน่ีงของ วรรคทอง ๒ บทน้ี กค็ อื การใชอ้ ตพิ จน์ หรอื การกลา่ วเกนิ จรงิ เพอื่ แสดง อารมณร์ กั อนั เขม้ ขน้ ของกวี ในบทแรกกวใี ชอ้ ตพิ จนเ์ พอื่ เปรยี บเทยี บ วา่ แมจ้ ะเอาเขาพระสเุ มรเุ ปน็ ปากกา เอาปฐพแี ละนำ�้ ในมหาสมทุ ร แทนหมกึ จารกึ ความรกั ของกวใี นพน้ื ทกี่ วา้ งใหญเ่ ชน่ อากาศ กย็ งั มเิ พยี ง พอทจ่ี ะจารกึ ความรกั ของกวที มี่ ตี อ่ นางไดห้ มดสนิ้ สว่ นในบททส่ี องกวี ใชอ้ ตพิ จนผ์ สานกบั การอา้ งถงึ (allusion) ทเี่ ชอื่ มโยงกบั เหตกุ ารณ์ ตอนกัลปวินาศในเตภูมิกถามาแสดงถึงความรักอันมั่นคงท่ีกวีมีต่อ นาง ตามคตพิ ทุ ธศาสนาเชอ่ื วา่ เมอ่ื จะสนิ้ กลั ปจ์ ะเกดิ ไฟบรรลยั กลั ป์ เผาผลาญท�ำลายทุกสง่ิ ทุกอยา่ งแม้กระทง่ั จักรวาล อนั แสดงใหเ้ ห็น ความเปน็ อนจิ จงั ของสรรพสง่ิ การอา้ งถงึ เหตกุ ารณใ์ นตอนกลั ปวนิ าศ นี้ กเ็ พอ่ื ยำ�้ ใหเ้ หน็ วา่ แมว้ า่ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งในจกั รวาลตอ้ งเสอื่ มสลายไป คราทมี่ ไี ฟบรรลยั กลั ปล์ า้ งโลก แตค่ วามรกั ทก่ี วมี ตี อ่ นางนน้ั จะดำ� รงอยู่ 156 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 156

เอียงอกเทออกอ้าง อวดองค์ อรเอย นิราศนรนิ ทร์ ไมเ่ ปลย่ี นแปลง ถงึ แมก้ ารกลา่ วเชน่ นจี้ ะเปน็ อตพิ จนท์ มี่ อิ าจเปน็ จรงิ ได้ แต่การกล่าวเกินจริงก็เป็นวิธีการสร้างวรรณศิลป์อย่างแยบคาย เพอ่ื ถา่ ยทอดอารมณค์ วามรสู้ กึ ของกวอี นั เปน็ นามธรรมใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจ วรรณศิลป์ด้านการสรรค�ำท่ีให้เสียงสัมผัสอันไพเราะ และการสร้าง ความหมายทกี่ ระทบใจจงึ ทำ� ใหโ้ คลงสองบทนเ้ี ปน็ วรรคทองทมี่ คี ณุ คา่ ในฐานะโวหารฝากรกั ทส่ี อ่ื ความรสู้ กึ รกั อยา่ งลกึ ซงึ้ ลกึ ลำ้� และออ่ น หวานจนทำ� ใหผ้ อู้ า่ นประทบั ใจมาเนนิ่ นาน �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 157 157 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 158 8/8/2557 BE 3:09 PM

๒๕ กระหมอ่ มฉนั ก็เคยทราบ สุภาษติ บรุ าณวา่ บรุ ุษยามสเิ นหา กพ็ ูดไดล้ ะหลายลิน้ ประจบนางและพลางกอด พะนอพลอดและปลอดปลนิ้ และหลอกเยาวะนารนิ ผลิ ิน้ พี่จะมีหลาย กท็ ุกล้นิ จะรุมกล่าว แสดงรัก ณ โฉมฉาย และทุกลน้ิ จะเปรยปราย ประกาศถอ้ ยปะฏิญญา พะจวี า่ จะรกั ยดื บจางจืดสเิ นหา สบถใหล้ ะตอ่ หนา้ พระจันทรแ์ จ่ม ณ เวหน �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 159 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ทม่ี าของวรรคทอง บทละครพดู คำ� ฉนั ทเ์ รอื่ งมทั นะพาธา ผ้แู ตง่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ป/ี สมัยทแ่ี ตง่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธเ์ รอื่ ง มทั นะพาธาระหวา่ งวนั ท่ี ๒ กนั ยายน-๑๘ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๖๖ รวม เวลาทง้ั สน้ิ ๑ เดอื น ๑๗ วนั ประเภทของวรรณคดี มทั นะพาธาเปน็ วรรณคดปี ระเภทบทละครพดู คำ� ฉนั ท์ คอื บทละคร ท่ีแต่งด้วยฉันท์และกาพย์ชนิดต่าง ๆ มีบทเจรจาบางตอนแต่งเป็น รอ้ ยแกว้ แทรกอยบู่ า้ ง รปู แบบค�ำประพนั ธ์ ภชุ งคประยาตฉนั ท์ ๑๒ วัตถุประสงค์/โอกาสในการแตง่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธม์ ทั นะ- พาธาหรือต�ำนานแห่งดอกกุหลาบขณะทรงพระประชวร พระราช- ประสงคใ์ นชน้ั แรกคอื มงุ่ หมายใหเ้ ปน็ หนงั สอื กวนี พิ นธส์ ำ� หรบั อา่ นเลน่ ทอี่ ธบิ ายกำ� เนดิ ของดอกกหุ ลาบเพอ่ื พระราชทานแกส่ มเดจ็ พระนาง- เจา้ อนิ ทรศกั ดศิ จี พระวรราชชายา ตอ่ มามผี ขู้ อพระราชทานพระบรม- ราชานุญาตน�ำมาจัดแสดงเป็นละครก็พระราชทานให้ นอกจากบท พระราชนพิ นธภ์ าษาไทย พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ยงั ทรงแปลบทละครเรอื่ งนอ้ี อกเปน็ ภาษาองั กฤษดว้ ย โดยทรงแปลเปน็ รอ้ ยแกว้ เสรจ็ บรบิ รู ณเ์ มอ่ื เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ จากนน้ั จงึ ทรง แปลมทั นะพาธาเปน็ กลอนเปลา่ แบบบทละครพดู ของเชกสเปยี รต์ ามคำ� กราบบงั คมทลู แนะนำ� ของพระวรวงศเ์ ธอกรมหมนื่ พทิ ยลาภพฤฒยิ ากร แตท่ รงพระราชนพิ นธถ์ งึ เพยี งชว่ งกลางขององกท์ ี่ ๔ กส็ วรรคตเสยี กอ่ น 160 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 160

กระหม่อมฉันก็เคยทราบ มทั นะพาธา มัทนะพาธาได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่า “..เป็นหนังสือ แตง่ ดเี พราะทรงพระราชดำ� รใิ ชค้ ำ� ฉนั ทเ์ ปน็ บทละครพดู อนั เปน็ ของ แปลกในกระบวนวรรณคดแี ละแตง่ ไดโ้ ดยยาก ยงั ไมเ่ คยมกี วคี นใดได้ พยายามแตง่ มาแตก่ อ่ น อกี ประการหนงึ่ ในทางภาษาซงึ่ ทรงปรงุ ชอื่ ตวั ละครและภมู ปิ ระเทศถกู ตอ้ งตามยคุ แหง่ ภารตวรรษอนั จำ� นงใหเ้ ปน็ ตวั เรอื่ ง นบั วา่ รปู เรอื่ งปรงุ ดี จะแตง่ ไดแ้ ตด่ ว้ ยพระปรชี าและสตุ าญาณ อนั กวา้ งขวาง...” เนื้อหาของบทประพันธ ์ มทั นะพาธาเปน็ บทละครพดู ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสรา้ งเนอื้ เรอื่ งขน้ึ เอง โดยทรงสมมตุ ใิ หเ้ รอ่ื งเกดิ ในอนิ เดยี โบราณ เนอ้ื เรอ่ื งกลา่ วถงึ สเุ ทษณเ์ ทพบตุ รซงึ่ หลงรกั เทพธดิ ามทั นาแต่ นางไมร่ กั ตอบ แมว้ า่ สเุ ทษณจ์ ะพยายามเพยี งใด มทั นากป็ ฏเิ สธจน ทำ� ใหส้ เุ ทษณโ์ กรธและสาปนางใหจ้ ตุ ไิ ปเกดิ เปน็ ดอกกหุ ลาบในแดน มนษุ ย์ โดยมขี อ้ กำ� หนดวา่ ในวนั เพญ็ ของทกุ ๆ เดอื น ดอกกหุ ลาบ จะกลบั เปน็ หญงิ สาวได้ ๑ วนั ๑ คนื ตอ่ เมอ่ื มคี วามรกั มทั นาจงึ จะคง รา่ งเปน็ หญงิ สาวตลอดไป หากนางไดร้ บั ความทกุ ขเ์ พราะความรกั แลว้ วิงวอนต่อสุเทษณ์ สุเทษณ์จะถอนค�ำสาปให้นางกลับไปเป็นนางฟ้า ตามเดมิ เมอื่ มทั นาลงมาเกดิ ในโลกมนษุ ย์ พระฤษกี าละทรรศนิ ซงึ่ มอี าศรม อยกู่ ลางปา่ หมิ ะวนั ไดข้ ดุ ตน้ กหุ ลาบไปปลกู ไวท้ อี่ าศรม วนั ทนี่ างกลาย เปน็ มนษุ ย์ พระฤษกี ร็ กั ใครเ่ ลย้ี งดนู างเหมอื นลกู วนั หนง่ึ พระชยั เสน กษตั รยิ แ์ หง่ กรงุ หสั ตนิ าปรุ ะเสดจ็ ประพาสปา่ เพอื่ ลา่ สตั ว์ และไดต้ าม กวางไปจนถงึ อาศรมพระฤษี เมอ่ื ไดพ้ บนางมทั นากเ็ กดิ ความรกั หลงั จากทงั้ คสู่ าบานรกั ตอ่ กนั มทั นากไ็ มต่ อ้ งกลบั เปน็ กหุ ลาบอกี ตอ่ มา พระชยั เสนพานางกลบั เขา้ เมอื ง นางจณั ฑี พระมเหสเี กดิ ความหงึ หวง และแคน้ ใจทพี่ ระชยั เสนรกั นางมทั นา จงึ ขอใหพ้ ระบดิ าซง่ึ ครองแควน้ มคธยกทพั มาตกี รงุ หสั ตนิ าปรุ ะ ขณะเดยี วกนั กท็ ำ� อบุ ายใสค่ วามวา่ มทั นารกั กบั ศภุ างค์ ทหารเอกของพระชยั เสน พระชยั เสนหลงเชอื่ จงึ สงั่ 161 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 161 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ใหป้ ระหารชวี ติ ทง้ั ๒ คนเสยี แตเ่ พชฌฆาตเกดิ ความสงสาร จงึ ปลอ่ ย ทงั้ สองไป ศภุ างคอ์ อกไปรบและเสยี ชวี ติ ในสนามรบ สว่ นมทั นากลบั ไปท่ีอาศรมฤษีกาละทรรศินแล้วทูลขอให้สุเทษณ์รับตนกลับสวรรค์ สเุ ทษณข์ อใหน้ างรบั รกั พระองคก์ อ่ นนางกย็ งั ปฏเิ สธทำ� ใหส้ เุ ทษณโ์ กรธ มากและสาปให้นางกลายเป็นดอกกุหลาบไปตลอดกาล เมื่อพระ ชยั เสนรคู้ วามจรงิ กอ็ อกตามหามทั นาแตไ่ มท่ นั การณ์ นางไดก้ ลายเปน็ ดอกกหุ ลาบไปเสยี แลว้ พระชยั เสนจงึ นำ� ตน้ กหุ ลาบกลบั ไปยงั เมอื ง หสั ตนิ าปรุ ะ วรรคทองบทนอี้ ยใู่ นตอนทพ่ี ระชยั เสนขอใหน้ างมทั นารบั รกั แต่ นางยงั ไมต่ อบรบั ในทนั ทดี ว้ ยยงั แคลงใจในคำ� ฝากรกั ของพระชยั เสน ความหมายของวรรคทอง บทประพันธ์ตอนนี้เป็นค�ำพูดโต้ตอบระหว่างมัทนาและพระ ชยั เสน มทั นากลา่ ววา่ ตนเคยไดย้ นิ สภุ าษติ โบราณสอนวา่ เมอื่ บรุ ษุ มี ความรกั และปรารถนาในตวั สตรี กม็ กั จะพดู ได้ “หลายลนิ้ ” คอื กลา่ ว ถ้อยค�ำพลิกแพลงด้วยเล่ห์เหล่ียมให้สตรีหลงเช่ือ ท้ังยังเฝ้าประจบ พะเนา้ พะนอ และลวงใหห้ ญงิ มอบความรกั ให้ พระชยั เสนตอบวา่ ถา้ หากตนจะมหี ลายลน้ิ ลน้ิ ทงั้ หลายเหลา่ นน้ั กล็ ว้ นกลา่ วถอ้ ยคำ� แสดง ความรกั และใหค้ ำ� มนั่ สญั ญาวา่ ความรกั ทมี่ ตี อ่ นางนนั้ เปน็ ความรกั อนั ยนื ยาว ไมม่ วี นั จดื จาง และจะขอยนื ยนั ความรกั อนั มนั่ คงนดี้ ว้ ยการ สาบานตอ่ หนา้ พระจนั ทรท์ ท่ี อแสงกระจา่ งอยใู่ นทอ้ งฟา้ ความดีเด่น วรรคทองบทน้ีเป็นบทเกี้ยวพาราสีที่คมคาย เปี่ยมด้วยปฏิภาณ ไหวพรบิ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ วาทศลิ ปข์ องพระชยั เสนทส่ี ามารถแกค้ ำ� กลา่ ว หาของนางมทั นาทวี่ า่ ชายนนั้ “หลายลน้ิ ” คอื หลอกลวงหญงิ ดว้ ยคำ� หวานใหก้ ลายมาเปน็ คำ� ปฏญิ ญารกั ทหี่ นกั แนน่ จรงิ ใจไดอ้ ยา่ งแยบคาย บทสนทนาในตอนนเ้ี กดิ ขนึ้ หลงั จากทพ่ี ระ ชยั เสนกลา่ วถอ้ ยคำ� ฝากรกั ตอ่ มทั นาและขอใหน้ างรบั รกั แตน่ างยงั ไมต่ อบรบั ในทนั ทดี ว้ ยคดิ วา่ ตนเปน็ หญงิ ชาวปา่ ทไี่ มค่ คู่ วรกบั พระชยั เสน และเทยี บไมไ่ ดก้ บั สตรี 162 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 162

กระหม่อมฉันก็เคยทราบ มทั นะพาธา ชาววงั ทงั้ หลายผงู้ ดงามและรจู้ กั ปรนนบิ ตั เิ อาใจ พระชยั เสนจงึ กลา่ ววา่ ถา้ มทั นารกั ตอบกจ็ ะไมส่ นใจสตรอี น่ื อกี “เพราะนารี ณ วงั ใน บมใี คร จะงามพกั ตร์ ฤงามรปู วไิ ลยลกั ษณ์ เสมอเจา้ บพงึ ม”ี ทงั้ ยงั เปรยี บเหลา่ สนมกบั กา สว่ นมทั นาคอื หงสท์ อง ดงั นน้ั พระองคจ์ ะกลบั ไปชน่ื ชม เหลา่ สนมอกี ไมไ่ ด้ เพราะ “กพ็ นี่ ส้ี เิ คยชม วหิ คหงสะเลอสรร จะกลบั ชมอกิ านนั้ บไดแ้ ลว้ นะแกว้ ตา” เมอ่ื มทั นาไดย้ นิ โวหารตอบทท่ี ง้ั ออ่ น หวานและคมคายยง่ิ นี้ กย็ งั มไิ ดป้ กั ใจเชอื่ ในทนั ที แตน่ างมไิ ดก้ ลา่ วคำ� อนั แสดงความแคลงใจออกมาโดยตรง กลบั ใชว้ าทศลิ ปอ์ นั ชาญฉลาด โดยอา้ งสำ� นวนโบราณแทน สำ� นวนนนั้ สอนวา่ ในยามรกั ชายมกั “รอ้ ย ล้ินกะลาวน” พูดได้คล่องแคล่วไพเราะน่าฟังแต่เช่ือถือเอาแน่ไม่ได้ เพราะเปน็ คำ� พดู ตลบตะแลงพลกิ แพลงดว้ ยเลห่ เ์ หลยี่ มเพอื่ ใหส้ ำ� เรจ็ ประโยชน์ คอื ใหห้ ญงิ หลงเชอ่ื การเลอื กใชค้ ำ� ทหี่ มายถงึ การกระทำ� ท่ี ไมจ่ รงิ ใจหรอื หลอกลวงของชายมาวางซอ้ นกนั เปน็ จำ� นวนมาก ตง้ั แต่ “ประจบ” โดยพดู หรอื ทำ� เพอ่ื ใหร้ กั ชอบตน “พะนอ” โดยการเอาอก เอาใจเกนิ สมควร “พลอด” โดยการพดู แสดงความรกั อยา่ งออ่ นหวาน นา่ ฟงั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง “ปลอดปลนิ้ ” โดยการใชอ้ บุ ายลอ่ ลวงเพอื่ ใหส้ ำ� เรจ็ ประโยชนต์ น และ “หลอก” โดยการทำ� ใหเ้ ขา้ ใจผดิ เปน็ การแสดงให้ เหน็ ความแคลงใจของมทั นาไดอ้ ยา่ งเดน่ ชดั ในการแกค้ วามแคลงใจของมทั นา พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงใหพ้ ระชยั เสนแสดงปฏภิ าณไหวพรบิ อนั เฉยี บคมผา่ นคำ� ตอบทน่ี ำ� เอาสำ� นวน “รอ้ ยลน้ิ ” มาตคี วามหมายตามตวั อกั ษรวา่ หาก ตนมีล้ินซ่ึงเป็นอวัยวะที่มีหน้าที่ช่วยในการออกเสียงอยู่มากมาย ทกุ ๆลนิ้ ไมเ่ พยี งจะ“รมุ ”ประกาศคำ� รกั ตอ่ นางเพยี งผเู้ ดยี วแตย่ งั จะยำ้� คำ� สญั ญาวา่ จะรกั นางตลอดไปไมม่ วี นั คลายอกี ดว้ ย คำ� ตอบทซ่ี ำ�้ คำ� วา่ “ลน้ิ ” อยหู่ ลายครงั้ นเ้ี ปน็ ทงั้ การลบลา้ งคำ� กลา่ วหาวา่ ถอ้ ยคำ� ของ ตนเปน็ เพยี งคำ� หวานทเ่ี อาแนน่ อนไมไ่ ด้ และเปน็ การกลา่ วยำ้� ยนื ยนั ความรกั ท่ีท้งั มากมายและมน่ั คงในเวลาเดียวกนั พระชยั เสนพสิ ูจน์ ความรกั อนั หนกั แนน่ ของตนดว้ ยการ “ประกาศถอ้ ยปะฏญิ ญา” และ “สบถใหล้ ะตอ่ หนา้ พระจนั ทรแ์ จม่ ณ เวหน” คอื กลา่ วคำ� มนั่ สญั ญา 163 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 163 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา ออกไปใหป้ ระจกั ษโ์ ดยอา้ งสงิ่ ศกั ดสิ์ ทิ ธคิ์ อื พระจนั ทรเ์ ปน็ พยาน เพอ่ื ให้มัทนาหมดความแคลงใจโดยส้ินเชิงและมั่นใจในความรักท่ีพระ ชยั เสนมตี อ่ นางมากยงิ่ ขนึ้ บทเก้ียวพาราสีระหว่างมัทนากับพระชัยเสนบทน้ี นอกจากจะ แสดงปฏภิ าณไหวพรบิ อนั ชาญฉลาดและโวหารทท่ี นั กนั ทง้ั คแู่ ลว้ ยงั เปน็ ถอ้ ยคำ� ฝากรกั อนั ซาบซงึ้ ดดู ดมื่ สรา้ งความประทบั ใจใหผ้ อู้ า่ นทกุ ยคุ ทกุ สมยั 164 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 164

กระหม่อมฉันก็เคยทราบ มัทนะพาธา �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 165 165 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 166 8/8/2557 BE 3:09 PM

๒๖ พีร่ ักนุชนาฏดว้ ย เหน็ ใจ จรงิ แฮ ใชร่ กั รปู วิไล เลิศล�้ำ ช่ืนจิตแต่หลอ่ นไข คำ� ซ่อื อกี สิง่ ปฏบิ ตั ิซ�้ำ สง่ ให้รกั แรง �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 167 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ทม่ี าของวรรคทอง โคลงบทนเ้ี ปน็ โคลงบทหนง่ึ ในโคลงสภุ าษติ บางปะอนิ ซงึ่ ตพี มิ พร์ วม อยใู่ นหนงั สอื ประชมุ โคลงสภุ าษติ พระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลท่ี ๕ ผ้แู ต่ง พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ป/ี สมยั ท่แี ตง่ พ.ศ. ๒๔๒๐ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี โคลงบทนเี้ ปน็ วรรณคดคี ำ� สอน คอื วรรณคดที มี่ เี นอื้ หามงุ่ แสดงคติ ปรชั ญาในการดำ� เนนิ ชวี ติ จรยิ ธรรม หรอื ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องคนใน สงั คมกวอี าจนำ� คำ� สอนมาจากคา่ นยิ มความเชอื่ หลกั ธรรมทางศาสนา หรอื ประสบการณช์ วี ติ รูปแบบคำ� ประพนั ธ์ โคลงสส่ี ภุ าพ วัตถุประสงค์/โอกาสในการแตง่ เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จแปร พระราชฐานไปประทบั ทพี่ ระราชวงั บางปะอนิ ระหวา่ งวนั ที่ ๑๑-๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๐ พระองคไ์ ดพ้ ระราชทาน “กระท”ู้ หรอื หวั ขอ้ ตา่ ง ๆ เชน่ ความรกั ความเกลยี ดชงั ความงาม ฯลฯ แกเ่ จา้ นายท่ี ตามเสดจ็ ใหแ้ ตง่ เปน็ โคลงอธบิ ายหวั ขอ้ เหลา่ นนั้ ตามทรรศนะของตน พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กท็ รงพระราชนพิ นธด์ ว้ ย เชน่ กนั บางหวั ขอ้ โปรดใหแ้ ตง่ เปน็ “โคลงกระท”ู้ ดว้ ย เชน่ “ความรกั ” ใหแ้ ตง่ ในกระทู้ “รู้ รกั จกั ด”ี “ความงาม” ใหแ้ ตง่ ในกระทู้ “เหน็ งาม ตาม ใจ” และโปรดใหน้ ำ� โคลงทแ่ี ตง่ ขน้ึ นนั้ มาอา่ นในเวลาเสดจ็ ออก เพอื่ แสดงฝมี อื ทางการประพนั ธแ์ ละเปน็ ทสี่ ำ� ราญพระราชหฤทยั ในหมู่ พระบรมวงศานวุ งศร์ ะหวา่ งการเสดจ็ แปรพระราชฐาน 168 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 168

พ่ีรักนุชนาฏด้วย เห็นใจ จริงแฮ โคลงสุภาษิต พระราชนิพนธ์ในรชั กาลที่ ๕ ภายหลังได้มีการรวบรวมโคลงเหล่านี้และทยอยน�ำลงตีพิมพ์ใน หนงั สอื วชริ ญาณวเิ ศษ ซง่ี ออกเปน็ รายปกั ษ์ ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๓๐ ตอ่ มา กรรมการหอพระสมดุ วชริ ญาณจงึ ไดอ้ นญุ าตใหโ้ รงพมิ พไ์ ทยจดั พมิ พ์ เปน็ ครงั้ แรกเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๖ ใชช้ อื่ วา่ “โคลงสภุ าสติ ใหม”่ มโี คลงทง้ั สน้ิ ๓๙๘ บท เฉพาะทเี่ ปน็ บทพระราชนพิ นธม์ ี ๘๗ บท ปจั จบุ นั โคลง ชดุ นเ้ี ปน็ ทร่ี จู้ กั กนั ในชอื่ “โคลงสภุ าษติ บางปะอนิ ” ตามชอื่ สถานทอ่ี นั เปน็ จดุ กำ� เนดิ ของการประพนั ธ์ เน้ือหาของบทประพนั ธ์ เนอ้ื หาของโคลงสภุ าษติ บางปะอนิ มคี วามหลากหลายตามกระทู้ ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเจา้ อยหู่ วั พระราชทาน กระทสู้ ว่ นใหญ่ เกยี่ วขอ้ งกบั อารมณค์ วามรสู้ กึ ลกั ษณะนสิ ยั และความประพฤตขิ อง มนษุ ย์ ไดแ้ ก่ ความรกั ความเบอื่ หนา่ ย ความอาลยั ความโทมนสั ความ โสมนสั ความเยอ่ หยงิ่ ความขลาด ความกลา้ ความเกยี จครา้ น ความ เพียร เป็นต้น เนื้อหาของโคลงแตล่ ะบทแสดงทรรศนะหรอื ใหค้ ตทิ ่ี เกย่ี วเนอ่ื งกบั กระทนู้ นั้ ๆ ความหมายของวรรคทอง วรรคทองที่ยกมานี้อยู่ในกระทู้ความรักซึ่งพระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธเ์ ปน็ โคลงจำ� นวน ๔ บท มี เนอื้ ความกลา่ วถงึ ความรกั คคู่ รองความรกั ญาตพิ นี่ อ้ ง ความรกั ลกู และ ความรกั ตนเอง ดงั นี้ รกั เมยี รกั ญาตนิ ี้ รกั ผดิ ​ กนั นอ ญาตริ กั สนทิ รา้ ว รกั ญาต ิ หอ่ น ขาดจติ ปลดิ ได้ รกั เมยี ดงั่ ชวี ติ ฉนุ เฉยี บ กลตา่ งดา้ ว แดน่ ดา้ น ยามเกลยี ด ศตั รู ไปอ่ ยากใกล ้ กลบั แมน้ 169 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 169 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา พรี่ กั นชุ นาฏดว้ ย เหน็ ใจ จรงิ แฮ ใชร่ กั รปู วไิ ล เลศิ ลำ�้ ชนื่ จติ แตห่ ลอ่ นไข คำ� ซอื่ อกี สง่ิ ปฏบิ ตั ซิ ำ�้ สง่ ใหร้ กั แรง รกั ลกู ผกู จติ เพยี้ ง รกั ตน อยากแตใ่ หด้ ดี ล ดบั รา้ ย จำ� จกั ระวงั ผจญ จติ ลกู ตนแฮ แมป้ ลอ่ ยเปน็ ชว่ั คลา้ ย กบั เลย้ี งรกั งู รกั ตนควรใหค้ ดิ สงวนตน อยา่ ประมาทกมล หมน่ิ พลงั้ ภยั นอกและในกล ใดเกดิ มแี ฮ บำ� บดั เรว็ อยา่ รง้ั รอดไดช้ นมย์ นื วรรคทองทย่ี กมานเ้ี ปน็ บททรี่ จู้ กั แพรห่ ลายทส่ี ดุ ในพระราชนพิ นธ์ โคลงกระทคู้ วามรกั ของพระองค์ เนอ้ื ความกลา่ วถงึ ความรกั ทพี่ ระองค์ มตี อ่ นางผเู้ ปน็ ทรี่ กั วา่ รกั นางเพราะไดเ้ หน็ จติ ใจอนั งดงาม มใิ ชร่ กั ที่ ความงามของรูปกายภายนอก ถ้อยค�ำอันจริงใจของนางก่อให้เกิด ความชน่ื ใจเมอื่ ไดฟ้ งั และการดแู ลปรนนบิ ตั ขิ องนางยง่ิ ทำ� ใหค้ วามรกั นน้ั ทวขี นึ้ ไปอกี สารสำ� คญั ของโคลงบทนจ้ี งึ มงุ่ ใหค้ ตแิ กผ่ อู้ า่ นทงั้ ชาย และหญงิ วา่ ชายไมค่ วรรกั หญงิ แตเ่ พยี งรปู ลกั ษณภ์ ายนอก สว่ นหญงิ กค็ วรตระหนกั ถงึ คณุ สมบตั อิ นั พงึ มที จี่ ะทำ� ใหต้ นเปน็ ทร่ี กั ความดเี ด่น โคลงพระราชนพิ นธบ์ ทนมี้ คี วามโดดเดน่ ในแงน่ ำ�้ เสยี งและลลี าการ แตง่ ทแี่ ตกตา่ งจากวรรณคดคี ำ� สอนโดยทวั่ ไปซงึ่ มกั เนน้ นำ�้ เสยี งสง่ั สอน อยา่ งเดน่ ชดั กวมี กั ใชค้ ำ� ทแี่ สดงการสงั่ หา้ ม แนะใหท้ ำ� หรอื ชใี้ หเ้ หน็ ประโยชนข์ องการปฏบิ ตั ติ ามหลกั คำ� สอนและโทษของการไมป่ ฏบิ ตั ิ 170 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 170 8/8/2557 BE 3:09 PM

พ่ีรักนุชนาฏด้วย เห็นใจ จริงแฮ โคลงสุภาษติ พระราชนิพนธใ์ นรชั กาลที่ ๕ ตาม เพอ่ื ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจสาระคำ� สอนไดอ้ ยา่ งชดั เจน สว่ นในโคลงพระ- ราชนพิ นธ์ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงใชน้ ำ�้ เสยี งท่ี ออ่ นหวาน มลี ลี าคลา้ ยบทชมความงามของนางในวรรณคดไี ทยทเี่ รยี ก วา่ “บทเสาวรจน”ี แตค่ วามงามในทน่ี ้ี พระองคม์ ไิ ดเ้ นน้ ความงามของ รปู ลกั ษณภ์ ายนอกตามขนบเดมิ แตท่ รงเนน้ ความงามของจติ ใจและ ความประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ พรอ้ มทง้ั นำ� เสนอสารสำ� คญั เกย่ี วกบั ความรกั ในมติ ใิ หม่ กลา่ วคอื เปน็ ความรกั ทเ่ี กดิ จากความผกู พนั ใกลช้ ดิ จนได้ เรยี นรจู้ ติ ใจและความประพฤตขิ องกนั และกนั อยา่ งถอ่ งแท้ ลกั ษณะ เชน่ นอ้ี าจถอื ไดว้ า่ เปน็ ความแปลกใหม่ แตกตา่ งกบั วรรณคดไี ทยแต่ เดิมที่มักเน้นความส�ำคัญของรูปโฉมอันงดงามว่าเป็นเหตุแห่งความ ปฏพิ ทั ธร์ กั ใคร่ ความแปลกใหมใ่ นดา้ นนำ�้ เสยี งและลลี าของโคลงพระราชนพิ นธ์ บทน้ี นา่ จะสบื เนอ่ื งมาจากแหลง่ ทม่ี าของคตทิ น่ี ำ� เสนอในโคลงดว้ ย แตเ่ ดมิ นน้ั คตติ า่ ง ๆ ในวรรณคดคี ำ� สอนมกั นำ� มาจากหลกั คำ� สอนทาง ศาสนา หรอื คา่ นยิ มของสงั คม นำ�้ เสยี งทใี่ ชจ้ งึ มงุ่ เนน้ การสอนใหป้ ฏบิ ตั ิ ตาม สว่ นในโคลงพระราชนพิ นธน์ นั้ คตเิ กยี่ วกบั ความรกั ทท่ี รงถา่ ยทอด ไวใ้ นโคลงมลี กั ษณะเปน็ ทรรศนะของปจั เจกบคุ คลทก่ี ลน่ั กรองมาจาก ประสบการณ์ เปน็ ทรรศนะของผทู้ ไี่ ดผ้ า่ นพบและเขา้ ใจความรกั อยา่ ง ลกึ ซงึ้ จนสามารถนำ� ประสบการณท์ ต่ี กผลกึ แลว้ มาถา่ ยทอดใหผ้ อู้ นื่ เกดิ ความกระทบใจและเหน็ คลอ้ ยตามได้ ความแปลกใหม่อีกประการหน่ึงของโคลงพระราชนิพนธ์บทน้ีก็ คอื การแตง่ ตาม “กระท”ู้ ซง่ึ ใชใ้ นความหมายวา่ หวั ขอ้ หรอื ขอ้ ความที่ ตง้ั ใหอ้ ธบิ าย โดยปรกตแิ ลว้ มกั ใชก้ บั การตงั้ หวั ขอ้ ในการอภปิ รายถก เถยี งปญั หาตา่ ง ๆ ทงั้ ทางโลกและทางธรรม แตเ่ มอื่ นำ� มาใชก้ บั การ แตง่ วรรณคดจี งึ เปน็ การเปดิ โอกาสใหก้ วไี ดแ้ สดงปฏภิ าณไหวพรบิ อนั เปน็ คณุ ลกั ษณะสำ� คญั ของกวแี ตโ่ บราณทเ่ี รยี กวา่ “ปฏภิ าณกว”ี ในท่ี น้ี พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทาน “กระท”ู้ ความรักให้เจ้านายที่ตามเสด็จแต่งโคลงอธิบายขยายความตาม ทรรศนะของตน แลว้ นำ� มาแลกเปลยี่ นกนั นบั ไดว้ า่ การขยายขอบเขต 171 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 171 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา ของ “กระท”ู้ มาสกู่ ารแตง่ วรรณคดเี ชน่ น้ี เปน็ การสรรคส์ รา้ ง “กจิ กรรม ทางปญั ญา” อนั ทำ� ใหเ้ กดิ วรรณคดคี ำ� สอนแนวใหมท่ ใี่ หค้ วามสำ� คญั แก่ ทรรศนะของปจั เจกบคุ คลอยา่ งเดน่ ชดั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเขา้ พระทยั การแตง่ คำ� ประพนั ธต์ าม “กระท”ู้ เปน็ อยา่ งดี ดงั จะเหน็ ไดว้ า่ เมอ่ื พระองค์ พระราชทาน “กระทู้” แก่เจา้ นายทตี่ ามเสดจ็ เพอ่ื ให้แต่งแลว้ ยงั ได้ พระราชทาน “กระทโู้ คลง” ซงึ่ เปน็ ศพั ทท์ างฉนั ทลกั ษณ์ หมายถงึ คำ� หลกั ทตี่ งั้ ไวห้ นา้ โคลงแตล่ ะบาทเพอ่ื ใหก้ วแี ตง่ ตอ่ จากคำ� หลกั นน้ั กลวธิ ี การแตง่ เชน่ นปี้ รากฏมาชา้ นานในขนบวรรณคดไี ทย พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั นา่ จะทรงเลง็ เหน็ วา่ การแตง่ “โคลงกระท”ู้ กค็ อื วธิ กี ารตงั้ ประเดน็ ในการแตง่ โคลงของกวโี บราณ จงึ ทรงนำ� กลวธิ ี ดงั กลา่ วมาใชท้ งั้ ๒ ลกั ษณะคอื ทงั้ การตงั้ ประเดน็ และการกำ� หนดคำ� หนา้ บาท ในดา้ นความงามทางวรรณศลิ ป์ โคลงพระราชนพิ นธบ์ ทนม้ี คี วามดี เดน่ ตรงทใ่ี ชค้ ำ� งา่ ย แตส่ อ่ื ความหมายไดห้ ลายนยั และถา่ ยทอดอารมณ์ ความรสู้ กึ ไดอ้ ยา่ งลกึ ซงึ้ เชน่ “ชนื่ จติ ” “คำ� ซอื่ ” และ “รกั แรง” ความแปลกใหม่ทั้งในด้านแนวคิดที่น�ำเสนอและกลวิธีการแต่ง ทำ� ใหโ้ คลงบทนเ้ี ปน็ วรรคทองทต่ี ราตรงึ ใจผอู้ า่ นมาโดยตลอด 172 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 172

พ่ีรักนุชนาฏด้วย เห็นใจ จริงแฮ โคลงสภุ าษิต พระราชนิพนธใ์ นรัชกาลที่ ๕ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 173 173 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 174 8/8/2557 BE 3:09 PM

๒๗ ความรักเหมอื นโรคา บันดาลตาใหม้ ดื มน ไม่ยินและไม่ยล อปุ ะสคั คะใดใด ความรักเหมือนโคถกึ กำ� ลงั คกึ ผิขงั ไว ้ กโ็ ลดจากคอกไป บยอมอยู่ ณ ท่ีขงั ถึงหากจะผูกไว ้ ก็ดงึ ไปด้วยกำ� ลัง ยงิ่ หา้ มกย็ ิ่งคล่งั บหวนคดิ ถึงเจ็บกาย �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 175 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ทีม่ าของวรรคทอง บทละครพดู คำ� ฉนั ทเ์ รอ่ื งมทั นะพาธา ผแู้ ต่ง พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ป/ี สมยั ทแี่ ตง่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธเ์ รอื่ ง มทั นะพาธาระหวา่ งวนั ที่ ๒ กนั ยายน-๑๘ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๖๖ รวม เวลาทง้ั สนิ้ ๑ เดอื น ๑๗ วนั ประเภทของวรรณคดี มทั นะพาธาเปน็ วรรณคดปี ระเภทบทละครพดู คำ� ฉนั ท์ คอื บทละคร ท่ีแต่งด้วยฉันท์และกาพย์ชนิดต่าง ๆ มีบทเจรจาบางตอนแต่งเป็น รอ้ ยแกว้ แทรกอยบู่ า้ ง รปู แบบคำ� ประพันธ์ กาพยย์ านี ๑๑ วตั ถปุ ระสงค์/โอกาสในการแตง่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธม์ ทั นะ- พาธาหรือต�ำนานแห่งดอกกุหลาบขณะทรงพระประชวร พระราช- ประสงคใ์ นชน้ั แรกคอื มงุ่ หมายใหเ้ ปน็ หนงั สอื กวนี พิ นธส์ ำ� หรบั อา่ นเลน่ ทอ่ี ธบิ ายกำ� เนดิ ของดอกกหุ ลาบเพอ่ื พระราชทานแกส่ มเดจ็ พระนาง- เจา้ อนิ ทรศกั ดศิ จี พระวรราชชายา ตอ่ มามผี ขู้ อพระราชทานพระบรม- ราชานุญาตน�ำมาจัดแสดงเป็นละครก็พระราชทานให้ นอกจากบท พระราชนิพนธ์ภาษาไทย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยงั ทรงแปลบทละครเรอ่ื งนอ้ี อกเปน็ ภาษาองั กฤษดว้ ย โดยทรงแปล เป็นร้อยแก้วเสร็จบริบูรณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ จาก นั้นจึงทรงแปลมัทนะพาธาเป็นกลอนเปล่าแบบบทละครพูดของ เชกสเปยี รต์ ามคำ� กราบบงั คมทลู แนะนำ� ของพระวรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื พทิ ยลาภพฤฒยิ ากรแตท่ รงพระราชนพิ นธถ์ งึ เพยี งชว่ งกลางขององกท์ ่ี๔ กส็ วรรคตเสยี กอ่ น 176 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 176

ความรักเหมือนโรคา มทั นะพาธา มัทนะพาธาได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่า “..เป็นหนังสือ แตง่ ดเี พราะทรงพระราชดำ� รใิ ชค้ ำ� ฉนั ทเ์ ปน็ บทละครพดู อนั เปน็ ของ แปลกในกระบวนวรรณคดแี ละแตง่ ไดโ้ ดยยาก ยงั ไมเ่ คยมกี วคี นใดได้ พยายามแตง่ มาแตก่ อ่ น อกี ประการหนงึ่ ในทางภาษาซง่ึ ทรงปรงุ ชอ่ื ตวั ละครและภมู ปิ ระเทศถกู ตอ้ งตามยคุ แหง่ ภารตวรรษอนั จำ� นงใหเ้ ปน็ ตวั เรอื่ ง นบั วา่ รปู เรอื่ งปรงุ ดี จะแตง่ ไดแ้ ตด่ ว้ ยพระปรชี าและสตุ าญาณ อนั กวา้ งขวาง...” เน้อื หาของบทประพันธ ์ มทั นะพาธาเปน็ บทละครพดู ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสรา้ งเนอ้ื เรอื่ งขนึ้ เอง โดยทรงสมมตุ ใิ หเ้ รอ่ื งเกดิ ในอนิ เดยี โบราณ เนอ้ื เรอื่ งกลา่ วถงึ สเุ ทษณเ์ ทพบตุ รซง่ึ หลงรกั เทพธดิ ามทั นาแต่ นางไมร่ กั ตอบ แมว้ า่ สเุ ทษณจ์ ะพยายามเพยี งใด มทั นากป็ ฏเิ สธจน ทำ� ใหส้ เุ ทษณโ์ กรธและสาปนางใหจ้ ตุ ไิ ปเกดิ เปน็ ดอกกหุ ลาบในแดน มนษุ ย์ โดยมขี อ้ กำ� หนดวา่ ในวนั เพญ็ ของทกุ ๆ เดอื น ดอกกหุ ลาบ จะกลบั เปน็ หญงิ สาวได้ ๑ วนั ๑ คนื ตอ่ เมอ่ื มคี วามรกั มทั นาจงึ จะคง รา่ งเปน็ หญงิ สาวตลอดไป หากนางไดร้ บั ความทกุ ขเ์ พราะความรกั แลว้ วิงวอนต่อสุเทษณ์ สุเทษณ์จะถอนค�ำสาปให้นางกลับไปเป็นนางฟ้า ตามเดมิ เมอื่ มทั นาลงมาเกดิ ในโลกมนษุ ย์ พระฤษกี าละทรรศนิ ซง่ึ มอี าศรม อยกู่ ลางปา่ หมิ ะวนั ไดข้ ดุ ตน้ กหุ ลาบไปปลกู ไวท้ อ่ี าศรม วนั ทน่ี างกลาย เปน็ มนษุ ย์ พระฤษกี ร็ กั ใครเ่ ลยี้ งดนู างเหมอื นลกู วนั หนงึ่ พระชยั เสน กษตั รยิ แ์ หง่ กรงุ หสั ตนิ าปรุ ะเสดจ็ ประพาสปา่ เพอื่ ลา่ สตั ว์ และไดต้ าม กวางไปจนถงึ อาศรมพระฤษีเมอื่ ไดพ้ บนางมทั นากเ็ กดิ ความรกั หลงั จาก ทง้ั คสู่ าบานรกั ตอ่ กนั มทั นากไ็ มต่ อ้ งกลบั เปน็ กหุ ลาบอกี ตอ่ มาพระชยั เสน พานางกลบั เขา้ เมอื ง นางจณั ฑี พระมเหสเี กดิ ความหงึ หวงและแคน้ ใจทพี่ ระชยั เสนรกั นางมทั นา จงึ ขอใหพ้ ระบดิ าซง่ึ ครองแควน้ มคธยก ทพั มาตกี รงุ หสั ตนิ าปรุ ะขณะเดยี วกนั กท็ ำ� อบุ ายใสค่ วามวา่ มทั นารกั กบั ศภุ างค์ ทหารเอกของพระชยั เสน พระชยั เสนหลงเชอ่ื จงึ สงั่ ใหป้ ระหาร ชวี ติ ทง้ั ๒ คนเสยี แตเ่ พชฌฆาตเกดิ ความสงสาร จงึ ปลอ่ ยทงั้ สองไป 177 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 177 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ศภุ างคอ์ อกไปรบและเสยี ชวี ติ ในสนามรบ สว่ นมทั นากลบั ไปทอ่ี าศรม ฤษกี าละทรรศนิ แลว้ ทลู ขอใหส้ เุ ทษณร์ บั ตนกลบั สวรรค์ สเุ ทษณข์ อให้ นางรบั รกั พระองคก์ อ่ นนางกย็ งั ปฏเิ สธทำ� ใหส้ เุ ทษณโ์ กรธมากและสาป ใหน้ างกลายเปน็ ดอกกหุ ลาบไปตลอดกาล เมอ่ื พระชยั เสนรคู้ วามจรงิ ก็ ออกตามหามทั นาแตไ่ มท่ นั การณ์ นางไดก้ ลายเปน็ ดอกกหุ ลาบไปเสยี แลว้ พระชยั เสนจงึ นำ� ตน้ กหุ ลาบกลบั ไปยงั เมอื งหสั ตนิ าปรุ ะ วรรคทองบทนอ้ี ยใู่ นตอนฤษกี าละทรรศนิ สนทนากบั ศภุ างคห์ ลงั จากที่พระชัยเสนกับมัทนาเปิดเผยความในใจต่อกันและชวนกันไป สาบานรกั พระฤษที ราบดวี า่ ความรกั ของทง้ั สองจะนำ� มาซงึ่ ความเจบ็ ปวดทกุ ขท์ รมานแสนสาหสั ในภายหนา้ แตก่ ไ็ มเ่ หน็ ประโยชนท์ จี่ ะขดั ขวางดว้ ยเขา้ ใจในธรรมชาตขิ องความรกั ความหมายของวรรคทอง วรรคทองบทน้ีเป็นค�ำพูดของฤษีกาละทรรศินซึ่งอธิบายเหตุผล ใหศ้ ภุ างคฟ์ งั วา่ เพราะเหตใุ ดพระฤษจี งึ เหน็ วา่ การหา้ มปรามความรกั ระหว่างพระชัยเสนกับมัทนาเป็นส่ิงที่ไร้ประโยชน์ ฤษีกาละทรรศิน กล่าวว่า ความรักเป็นเหมือนโรคร้ายที่มีฤทธ์ิท�ำให้บุคคลท่ีก�ำลังรัก เกิดความหลงใหลมัวเมาเหมือนคนตาบอด มองไม่เห็นและไม่รับรู้ อุปสรรคความเดอื ดร้อนทจ่ี ะเกดิ จากความรัก ความรกั เป็นเหมือน โคหนมุ่ คะนองทกี่ ำ� ลงั ฮกึ หา้ ว หากขงั ไวก้ ไ็ มย่ นิ ยอมอยใู่ นคอก รงั แตจ่ ะ กระโดดออกจากคอกไป แมจ้ ะผกู เอาไว้ โคนน้ั กจ็ ะพยายามใชก้ ำ� ลงั ดงึ เชอื กทผ่ี กู ไวใ้ หห้ ลดุ ออกจนได้ และยงิ่ หา้ มปรามเทา่ ใดกจ็ ะยงิ่ ทำ� ให้ เสยี สตใิ ชก้ ำ� ลงั อาละวาดโดยไมค่ ำ� นงึ วา่ จะทำ� ใหต้ นเองบาดเจบ็ ความดีเดน่ วรรคทองนใ้ี หข้ อ้ คดิ เตอื นใจเกยี่ วกบั โทษของความรกั ผา่ นกลวธิ ี ทางวรรณศลิ ปท์ ส่ี ำ� คญั ๒ ประการคอื การใชภ้ าพพจนเ์ ปรยี บเทยี บท่ี คมคาย และการสรรคำ� อยา่ งประณตี บรรจงเพอ่ื สอ่ื ความหมายอนั ลกึ ซงึ้ กวเี ปรยี บเทยี บความรกั อนั เรา่ รอ้ นของคนหนมุ่ สาววา่ เปน็ เสมอื น โรคร้ายซึ่งมีพิษอันแรงกล้าคือความลุ่มหลงมัวเมาในบุคคลท่ีตนรัก 178 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 178

ความรักเหมือนโรคา มทั นะพาธา กวีใช้ค�ำว่า “บันดาล” เพ่ือส่ือให้เห็นฤทธิ์อันแรงกล้าของพิษรัก ซ่ึง นอกจากทำ� ใหบ้ คุ คลนนั้ ทำ� ไดท้ กุ อยา่ งตามอารมณแ์ ละความปรารถนา แลว้ ยงั สามารถทำ� ลายวจิ ารณญาณในการมองสงิ่ ตา่ ง ๆ อยา่ งมเี หตมุ ี ผล หนมุ่ สาวทกี่ ำ� ลงั เปน็ “โรครกั ” จงึ “ไมย่ นิ และไมย่ ล อปุ ะสคั คะใด ใด” คอื ทงั้ ไมป่ รารถนาจะรบั รแู้ ละมองไมเ่ หน็ ปญั หาและอปุ สรรคตา่ ง ๆ ทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ จากความรกั ไมต่ า่ งกบั คนตาบอดทมี่ องไมเ่ หน็ ภยนั ตราย ทจี่ ะเกดิ ขน้ึ การนำ� ความรกั ซง่ึ เปน็ อารมณค์ วามรสู้ กึ อนั เปน็ นามธรรม ไปเปรยี บกบั โรคภยั ไขเ้ จบ็ ซง่ึ เปน็ สง่ิ ทม่ี นษุ ยท์ กุ คนเคยประสบ ชว่ ยให้ ผอู้ า่ นทแ่ี มไ้ มเ่ คยมคี วามรกั กเ็ ขา้ ใจโทษของความรกั ไดอ้ ยา่ งชดั เจน แจม่ แจง้ นอกจากนน้ั การเปรยี บธรรมชาตอิ นั รนุ แรงไรเ้ หตผุ ลของอารมณ์ รกั กบั ววั หนมุ่ เปลยี่ วคะนองกเ็ ปน็ การใชภ้ าพพจนแ์ บบอปุ มาทแ่ี ยบคาย และใหภ้ าพชดั เจน กวใี ชค้ ำ� วา่ “ถกึ ”“โลด” และ “ดงึ ” เพอื่ สอื่ พละกำ� ลงั อนั เปย่ี มลน้ และแรงกลา้ ของวยั หนมุ่ สาว ใชค้ ำ� วา่ “คกึ ” เพอ่ื สอ่ื ความ รสู้ กึ ฮกึ เหมิ ลำ� พองใจของผทู้ กี่ ำ� ลงั มคี วามสขุ ในความรกั และใชค้ ำ� วา่ “คลง่ั ” เพอื่ สอ่ื ถงึ การแสดงอาการอนั รนุ แรงและผดิ ปรกตจิ ากการขาด สติสัมปชัญญะอันเน่ืองเพราะตกอยู่ในอิทธิพลของความรักใคร่ ใหลหลง ดงั นน้ั เมอื่ พลงั อนั รนุ แรงเหลา่ นถ้ี กู “ขงั ”“ผกู ” และ “หา้ ม” จงึ เกดิ การดงึ ดนั ตอ่ สอู้ ยา่ งไมห่ วนั่ เกรงวา่ จะ “เจบ็ กาย” ภาพทง้ั ๒ ภาพนี้ ใหข้ อ้ คดิ แกผ่ อู้ า่ นวา่ การพยายามฉดุ รงั้ หนว่ งเหนยี่ วความรกั อนั รนุ แรง ของคนหนมุ่ สาว นอกจากจะไมเ่ กดิ ผลดแี ตอ่ ยา่ งใดแลว้ ยงั อาจนำ� ผล รา้ ยมาสผู่ ถู้ กู หา้ มและผหู้ า้ มอกี ดว้ ย วรรคทองบทนเี้ ปน็ การมองความรกั อยา่ งเขา้ ใจธรรมชาตขิ องจติ มนษุ ย์ และนำ� เสนอออกมาเปน็ ภาพอนั แจม่ ชดั ผา่ นวรรณศลิ ปท์ ที่ รง พลงั เพอ่ื ใหค้ ตเิ ตอื นใจแกผ่ ทู้ ตี่ กอยใู่ นหว้ งรกั และผคู้ นรอบขา้ ง ดว้ ย เหตุน้ีเองจึงท�ำให้วรรคทองบทนี้เป็นที่จับใจผู้อ่านมายาวนานจวบ จนถงึ ปจั จบุ นั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 179 179 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 180 8/8/2557 BE 3:09 PM

๒๘ ปากเปน็ เอกเลขเปน็ โทโบราณว่า หนังสือตรีมีปญั ญาไมเ่ สียหลาย ถงึ รู้มากไม่มปี ากล�ำบากตาย มีอบุ ายพูดไม่เป็นเหน็ ปว่ ยการ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 181 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ที่มาของวรรคทอง บทละครพดู สลบั ลำ� เรอ่ื งววิ าหพระสมทุ ผแู้ ต่ง ศรีอยุธยา (พระนามแฝงของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจา้ อยหู่ วั ) ป/ี สมัยที่แต่ง พ.ศ. ๒๔๕๙ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี วิวาหพระสมุทเป็นวรรณคดีประเภทบทละครพูดสลับล�ำ คือ วรรณคดที แี่ ตง่ ขนึ้ เพอ่ื ใชแ้ สดงละครทด่ี ำ� เนนิ เรอื่ งดว้ ยการพดู สลบั กบั การร้องเพลง บทเจรจาและบทเพลงท่ีรอ้ งมคี วามส�ำคญั เท่ากัน จะ ตดั อยา่ งหนงึ่ อยา่ งใดออกไมไ่ ดเ้ พราะจะทำ� ใหเ้ สยี เนอื้ ความ ละครทม่ี ี ลกั ษณะเชน่ นส้ี ว่ นใหญเ่ รยี กวา่ ละครสงั คตี แตส่ ำ� หรบั เรอ่ื งววิ าหพระสมทุ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเรยี กวา่ ละครพดู สลบั ลำ� บทละครเรอื่ งววิ าหพระสมทุ แต่งเป็นรอ้ ยแก้วสลับกบั รอ้ ยกรอง บทเจรจาแตง่ เปน็ รอ้ ยแกว้ สว่ นบทรอ้ งแตง่ เปน็ รอ้ ยกรองซงึ่ สว่ นใหญ่ เปน็ กลอนสภุ าพ มกี าพยฉ์ บงั โคลงวชิ ชมุ าลี อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ และ รา่ ยแทรกอยบู่ า้ ง บทรอ้ งเหลา่ นเ้ี ปน็ การรอ้ งโตต้ อบกนั ระหวา่ งตวั ละคร พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงคดั เลอื กเพลงไทยเดมิ ทำ� นองตา่ ง ๆ และเพลงสากลจำ� นวนหนง่ึ มาบรรจไุ วอ้ ยา่ งเหมาะสม รปู แบบค�ำประพันธ์ กลอนสภุ าพ วตั ถปุ ระสงค/์ โอกาสในการแตง่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บท ละครพดู สลบั ลำ� เรอ่ื งววิ าหพระสมทุ เพอ่ื ใชแ้ สดงในโอกาสตา่ ง ๆ โดย เฉพาะอยา่ งยง่ิ แสดงเกบ็ เงนิ บำ� รงุ ราชนาวสี มาคมแหง่ กรงุ สยามเพอื่ ซอื้ เรอื รบ “พระรว่ ง” 182 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 182

ปากเป็นเอกเลขเป็นโทโบราณว่า ววิ าหพระสมุท เนื้อหาของบทประพนั ธ์ ววิ าหพระสมทุ เปน็ บทละครทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ข้ึนจากการผสมผสานต�ำนานกรีกโบราณ เร่ืองการสังเวยเจ้าหญิงให้เจ้าสมุทรกับการเยือนของเรือรบราชนาวี อังกฤษซ่ึงครองอ�ำนาจทางทะเลในขณะน้ัน เรื่องวิวาหพระสมุท เกิดขึ้นท่ีเกาะอัลฟะเบตาซ่ึงประชาชนมีความเกรงกลัวอ�ำนาจพระ สมทุ ร มธี รรมเนยี มวา่ ทกุ ๆ ๑๐๐ ปี ชาวเมอื งตอ้ งสง่ สว่ ยเปน็ หญงิ สาว พรหมจารใี หไ้ ปเปน็ เจา้ สาวของพระสมทุ ร มฉิ ะนน้ั จะเกดิ ภยั พบิ ตั ขิ น้ึ ขณะนน้ั อนั โดรเมดา ธดิ าทา้ วมดิ สั เจา้ ผคู้ รองเกาะ รกั กบั อนั เดรซง่ึ เปน็ เจา้ ตา่ งนคร แตค่ วามรกั มอี ปุ สรรคเพราะอนั เดรมฐี านะยากจน คอนสตันติโน๊สซึ่งเป็นสหายสนิทของหลานหัวหน้านักบวชก็หลงรัก อนั โดรเมดาเชน่ กนั จงึ ออกอบุ ายยยุ งใหช้ าวเกาะตนื่ ตกใจวา่ ใกลถ้ งึ เวลาท่ีจะต้องส่งเจ้าสาวให้พระสมุทรแล้วเพื่อให้ท้าวมิดัสจ�ำใจส่ง อนั โดรเมดาไปสงั เวย ขณะนน้ั เรอื รบหลวงออ๊ กสฟอรด์ มาจอดเทยี บทา่ ชาวเมอื งเหน็ บอ๋ ยรบั ใชช้ าวจนี ของผบู้ งั คบั การเรอื กต็ กใจคดิ วา่ เปน็ ผี ทะเลมาทวงสว่ ยใหพ้ ระสมทุ ร คอนสตนั ตโิ นส๊ จงึ ฉวยโอกาสจา้ งบอ๋ ย ใหช้ ต้ี นเปน็ ตวั แทนพระสมทุ รเพอื่ จะไดแ้ ตง่ งานกบั อนั โดรเมดา อนั เดร และอันโดรเมดารู้ทันอุบายน้ีจึงส่งพี่เลี้ยงของเจ้าหญิงไปขอความ ช่วยเหลือจากฝ่ายอังกฤษ ในพิธีส่งตัวเจ้าสาวพระสมุทร นาวาเอก เอดเวอรด์ ไลออ้ นจงึ ซอ้ นแผนของคอนสตนั ตโิ นส๊ โดยแสดงตนวา่ เปน็ ผบู้ งั คบั การเรอื แหง่ ราชนาวอี งั กฤษซง่ึ มอี ำ� นาจสงู สดุ ในทอ้ งทะเล จงึ ถอื วา่ เปน็ ผแู้ ทนพระสมทุ รโดยชอบธรรม และเลอื กใหอ้ นั เดรเปน็ ตวั แทนพระสมทุ รแตง่ งานกบั อนั โดรเมดา สว่ นนาวาเอกไลออนกไ็ ด้ แตง่ งานกบั พระพเ่ี ลย้ี งของเจา้ หญงิ ดว้ ย บทประพนั ธต์ อนทเี่ ปน็ วรรคทองนเี้ ปน็ ตอนทค่ี อนสตนั ตโิ นส๊ กบั เพอ่ื นสนทิ คอื โยฮนั นสิ รว่ มกนั วางอบุ ายยยุ งใหพ้ ลเมอื งแตกตน่ื กลวั พระสมทุ รทจี่ ะมาทวงสว่ ย จากนนั้ จะใหค้ รสิ โตเฟอร์ ลงุ ของโยฮนั นสิ ซ่ึงเป็นหัวหน้านักบวชแนะน�ำให้ท้าวมิดัสส่งธิดาไปสังเวย โดยให้ แตง่ งานกบั คอนสตนั ตโิ นส๊ ซงึ่ เจา้ สมทุ รเลอื กใหเ้ ปน็ ผแู้ ทน 183 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 183 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ความหมายของวรรคทอง วรรคทองบทนมี้ าจากบทเพลงทโี่ ยฮนั นสิ และคอนสตนั ตโิ นส๊ รอ้ ง ร่วมกันเม่ือคิดวางอุบายอันแยบคายเพื่อให้ได้แต่งงานกับอันโดร- เมดา บทรอ้ งมเี นอื้ ความวา่ สภุ าษติ โบราณสอนวา่ การมวี าทศลิ ปห์ รอื มศี ลิ ปะในการใชค้ ำ� พดู เปน็ สง่ิ สำ� คญั อนั ดบั หนง่ึ ในการดำ� เนนิ ชวี ติ ให้ ประสบความส�ำเร็จ ความรู้วิชาค�ำนวณส�ำคัญเป็นอันดับสอง สิ่งท่ี ส�ำคัญอันดับสามคือการได้ศึกษาเล่าเรียนจนอ่านออกเขียนได้หรือ “รหู้ นงั สอื ” สงิ่ สำ� คญั ทงั้ สามนี้ เมอ่ื ใชร้ ว่ มกบั ปญั ญาความรู้ กจ็ ะทำ� ให้ ปญั ญาทม่ี นี นั้ ไมส่ ญู เปลา่ ผทู้ มี่ วี ชิ าความรหู้ รอื มคี วามคดิ อนั แยบคาย แตไ่ มม่ ศี ลิ ปะในการพดู กจ็ ะประสบแตอ่ ปุ สรรคและความยากลำ� บาก ในชวี ติ และความรคู้ วามคดิ เหลา่ นน้ั กล็ ว้ นเปลา่ ประโยชน์ ใชก้ ารไมไ่ ด้ ความดีเดน่ วรรคทองบทน้ีให้คติเร่ืองความส�ำคัญของการพูด โดยช้ีให้เห็น ว่าค�ำพูดของคนเราเป็นสิ่งส�ำคัญที่สุดท่ีจะท�ำให้มนุษย์เจริญรุ่งเรือง ประสบความส�ำเร็จ การรู้จักพูดมีความส�ำคัญมากกว่าความรู้ด้าน อน่ื ๆทคี่ นทวั่ ไปเหน็ วา่ สำ� คญั กลวธิ ที างวรรณศลิ ปท์ ก่ี วใี ชส้ อ่ื ความคดิ น้ี คอื การนำ� สภุ าษติ โบราณวา่ “ปากเปน็ เอก เลขเปน็ โท หนงั สอื เปน็ ตรี ชว่ั ดเี ปน็ ตรา” มาขยายความใหเ้ หน็ เปน็ รปู ธรรมผา่ นการแสดงผลเสยี ของการขาดปฏภิ าณไหวพรบิ และศลิ ปะในการพดู บทประพนั ธช์ ้ีวา่ แมบ้ ุคคลจะมีวชิ าความร้มู ากมายเพยี งใด หากไมส่ ามารถถา่ ยทอด หรอื แสดงความรนู้ น้ั ออกมาใหเ้ หน็ เปน็ ทปี่ ระจกั ษไ์ ด้ ความรมู้ ากมาย เหลา่ นนั้ กไ็ มก่ อ่ ประโยชนแ์ กผ่ ใู้ ดรวมทงั้ ผพู้ ดู เองดว้ ย ทง้ั ยงั อาจทำ� ให้ ชวี ติ มแี ตค่ วามยากลำ� บาก การเลอื กใชก้ ลมุ่ คำ� ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ความไร้ คา่ และเปลา่ ประโยชนข์ องสตปิ ญั ญาทปี่ ราศจากวาทศลิ ป์ เชน่ “เสยี หลาย” “ปว่ ยการ” “ลำ� บากตาย” ชว่ ยเนน้ ยำ�้ ใหเ้ หน็ ความเปน็ “เอก” ของ “ปาก” ไดช้ ดั เจนมากยงิ่ ขน้ึ การหยบิ ยกคำ� โบราณทเ่ี ปน็ ทร่ี จู้ กั กนั ดอี ยแู่ ลว้ มาขยายความดว้ ย ถ้อยค�ำง่าย ๆ แต่ให้คติอันลึกซ้ึงซึ่งคนทุกยุคทุกสมัยสามารถน�ำไป ประยกุ ตใ์ ชเ้ พอื่ สรา้ งความสขุ ความเจรญิ ใหแ้ กช่ วี ติ ทำ� ใหก้ ลอนบทน้ี 184 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 184

ปากเป็นเอกเลขเป็นโทโบราณว่า วิวาหพระสมุท เปน็ ทจ่ี บั ใจของผอู้ า่ นและผชู้ มจำ� นวนมาก ยงิ่ ไปกวา่ นนั้ บทประพนั ธ์ ตอนนยี้ งั เปน็ บทรอ้ งของเพลง “โยสลมั ” อนั ไพเราะเพราะพรงิ้ ซงึ่ นยิ ม นำ� มาขบั รอ้ งในการบรรเลงดนตรไี ทยอยทู่ ว่ั ไป จงึ เสรมิ ใหว้ รรคทองบท นเี้ ปน็ ทร่ี จู้ กั แพรห่ ลายและเปน็ ทน่ี ยิ มอา้ งถงึ มาจนปจั จบุ นั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 185 185 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 186 8/8/2557 BE 3:09 PM

๒๙ โอศ้ รีเสาวลักษณ์ล้ำ� แลโลม โลกเอย แมว้ ่ามกี ่ิงโพยม ยน่ื หล้า แขวนขวัญนุชชโู ฉม แมกเมฆ ไว้แม ่ กดี บม่ ีกง่ิ ฟา้ ฝากนอ้ งนางเดียว โฉมควรจกั ฝากฟา้ ฤๅดิน ดีฤๅ เกรงเทพไท้ธรณนิ ทร์ ลอบกล�ำ้ ฝากลมเลื่อนโฉมบนิ บนเลา่ นะแม ่ ลมจะชายชักช้�ำ ชอกเน้อื เรียมสงวน �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 187 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ท่มี าของวรรคทอง โคลงนริ าศนรนิ ทร์ ผ้แู ต่ง นายนรนิ ทรธ์ เิ บศร์ (อนิ ) ป/ี สมัยทีแ่ ตง่ พ.ศ. ๒๓๕๒ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ประเภทของวรรณคดี โคลงนริ าศนรนิ ทรเ์ ปน็ วรรณคดนี ริ าศวรรณคดนี ริ าศเปน็ วรรณคดที ี่ พรรณนาการพลดั พรากจากนางผเู้ ปน็ ทรี่ กั จงึ มกั เปน็ เรอื่ งทกี่ วมี งุ่ แสดง การครำ่� ครวญอาลยั รกั และอาจผสานกบั การบนั ทกึ การเดนิ ทาง โดย กวมี กั สอดแทรกประสบการณแ์ ละทศั นะทม่ี ตี อ่ สงิ่ ทพ่ี บเหน็ ในระหวา่ ง การเดนิ ทางดว้ ย รูปแบบคำ� ประพนั ธ์ โคลงนริ าศนรนิ ทรป์ ระกอบดว้ ยรา่ ยสภุ าพ ๑ บทและโคลงสสี่ ภุ าพ ๑๔๑ บท วตั ถปุ ระสงค์/โอกาสในการแต่ง นายนรินทร์ธิเบศร์ประพันธ์โคลงนิราศนรินทร์เพื่อแสดงการ ครำ่� ครวญอาลยั รกั เนอื่ งจากตอ้ งพลดั พรากจากนางอนั เปน็ ทร่ี กั เมอื่ คราวตามเสดจ็ กรมพระราชวงั บวรมหาเสนานรุ กั ษไ์ ปปราบพมา่ ทยี่ ก ทพั มาตเี มอื งถลางและชมุ พรใน พ.ศ. ๒๓๕๒ เนื้อหาของบทประพนั ธ์ ในตอนต้นเรื่อง กวีกล่าวสรรเสริญพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย และกล่าวชมความงดงามรุ่งเรืองของ กรงุ เทพมหานคร แลว้ จงึ กลา่ วถงึ ความเศรา้ โศกระทมทกุ ขข์ องกวที ี่ ตอ้ งจากเมอื งและนางผเู้ ปน็ ทรี่ กั เพอื่ ไปราชการสงคราม กวพี รรณนา ความรักท่ีมีต่อนางและคร�่ำครวญถึงนางด้วยความอาลัยพร้อมทั้ง 188 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 188

โอ้ศรีเสาวลักษณ์ล้�ำ แลโลม โลกเอย นริ าศนรนิ ทร์ กลา่ วถงึ สถานทตี่ า่ ง ๆ ตามเสน้ ทางการเดนิ ทางไมว่ า่ กวจี ะเดนิ ทางไป ถงึ สถานทใี่ ด นางกย็ งั อยใู่ นความคดิ คำ� นงึ ของกวอี ยเู่ สมอ ยง่ิ ไปกวา่ นน้ั ธรรมชาตริ อบตวั ไมว่ า่ จะเปน็ พรรณพชื หรอื สรรพสตั วก์ ล็ ว้ นแตย่ ำ้� เตอื นใหก้ วรี ะลกึ ถงึ นาง ทำ� ใหก้ วโี ศกเศรา้ มากยงิ่ ขนึ้ อกี ในตอนทา้ ย กวีได้กล่าวเน้นถึงความรักอันย่ิงใหญ่ที่ตนมีให้นางอันเป็นท่ีรักและ ยำ้� เตอื นใหน้ างรกั ษาบทประพนั ธน์ ไี้ วแ้ ทนตวั กวี ในบทจบ กวรี ะบชุ อ่ื ตนเองและกลา่ วแสดงความภาคภมู ใิ จในผลงานการประพนั ธข์ องตน ความหมายของวรรคทอง โคลง ๒ บทนแ้ี สดงใหเ้ หน็ ความรกั ความหว่ งใยทกี่ วมี ตี อ่ นางอนั เปน็ ทรี่ กั ในยามทตี่ อ้ งพลดั พรากจากไป ในโคลงบทแรก กวกี ลา่ วชมนางวา่ มรี ปู โฉมงามลำ�้ เลศิ เปน็ ทชี่ น่ื บานแกโ่ ลก ถา้ หากมกี งิ่ ฟา้ ยน่ื ลงมาสโู่ ลก กวกี ใ็ ครจ่ ะนำ� นางไปแขวนซอ่ นไวใ้ นทอ้ งฟา้ ดว้ ยเกรงวา่ จะมผี อู้ นื่ หมาย ปองนาง แตเ่ พราะไมม่ กี ง่ิ ฟา้ กวจี งึ ไมแ่ นใ่ จวา่ ควรจะฝากนางไวท้ ใ่ี ด ในโคลงบทที่ ๒ กวคี รนุ่ คำ� นงึ วา่ จะฝากนางผงู้ ดงามนไี้ วก้ บั ฟา้ หรอื ดนิ เพราะเกรงวา่ ทงั้ เทพยดาบนฟากฟา้ และผเู้ ปน็ ใหญใ่ นแผน่ ดนิ จะ ลอบมาใกล้ชิดนาง หากกวีจะฝากนางไว้กับลมให้ช่วยพานางไปอยู่ บนทอ้ งฟา้ กเ็ กรงวา่ พระพายจะพดั ใหผ้ วิ นางทกี่ วหี วงแหนตอ้ งชอกชำ้� ความดเี ดน่ โคลง ๒ บทนปี้ ระพนั ธโ์ ดยการ “เลยี นโวหารคร”ู จากวรรณคดเี รอ่ื ง กำ� สรวลโคลงดน้ั ซงึ่ เปน็ วรรณคดสี มยั อยธุ ยาและเปน็ แบบอยา่ งของ โคลงนริ าศ วรรคทองทยี่ กมานเี้ ลยี นแบบโวหารการฝากนางในกำ� สรวล โคลงดนั้ ทพี่ รรณนาวา่ โฉมแมจ่ กั ฝากฟา้ เกรงอนิ ทร์ หยอกนา อนิ ทรท์ า่ นเทอกโฉมเอา สฟู่ า้ โฉมแมจ่ กั ฝากดนิ ดนิ ทา่ น แลว้ แฮ ดนิ ฤๅขดั เจา้ หลา้ สสู่ มสองสม �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 189 189 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา นอกเหนือจากการ “เลียนโวหารครู” แล้ว โคลง ๒ บทนี้ดีเด่น ดา้ นการผสานบทชมนาง บทฝากนาง และบทฝากรกั ไวด้ ว้ ยกนั อยา่ ง กลมกลืน มีวรรณศิลป์ทั้งในด้านเสียงของค�ำ ด้านความงดงามทาง จนิ ตภาพและดา้ นการสรา้ งความหมายทอี่ อ่ นหวานซาบซงึ้ ใจ การชม ความงามของนางอนั เปน็ ทรี่ กั ของกวมี ที งั้ การชมโดยตรง เชน่ กลา่ ว ชมนางว่าเป็นผู้มีรูปโฉมงามล้�ำเลิศเป็นที่ชื่นบานแก่โลกในบาทแรก วา่ “โอศ้ รเี สาวลกั ษณล์ ำ้� แลโลม โลกเอย” และชมโดยออ้ มผา่ นการ พรรณนาความหว่ งใยของกวี การทก่ี วแี สดงความปรารถนาใหม้ กี งิ่ ฟา้ ยนื่ ลงมาเพอ่ื ตนจะไดแ้ ขวนนางซอ่ นไวใ้ นทอ้ งฟา้ และการครนุ่ คดิ คำ� นงึ วา่ จะฝากนางไวท้ ใ่ี ด นอกจากจะเปน็ บทฝากนางทแี่ สดงความรกั ความ หว่ งใยนางอนั เปน็ ทรี่ กั แลว้ ยงั เปน็ บทชมความงามของนางทส่ี อดรบั กบั เนอื้ ความในบาทแรกดว้ ย เพราะหากนางมไิ ดเ้ ปน็ ผทู้ ม่ี คี วามงามลำ�้ เลศิ กวคี งมติ อ้ งวนุ่ วายใจมากถงึ เพยี งนใี้ นการหาสถานทที่ เ่ี หมาะสมควรคา่ แกก่ ารฝากนาง นอกจากน้ี การทกี่ วไี มอ่ าจตดั สนิ ใจไดว้ า่ จะฝากนางไว้ บนฟา้ หรอื บนดนิ เพราะเกรงวา่ เทพยดาและผเู้ ปน็ ใหญใ่ นแผน่ ดนิ จะ ลอบใกลช้ ดิ นาง หรอื การทกี่ วไี มแ่ นใ่ จวา่ จะฝากนางไวก้ บั ลมเพราะลม หรอื พระพายอาจจะทำ� ใหผ้ วิ นางชำ�้ ยงั ชว่ ยเสรมิ ใหเ้ หน็ ความงามของ นางและความหวงแหนทะนถุ นอมนางของกวี หากนางมไิ ดง้ ดงามยงิ่ กวกี ค็ งจะไมเ่ กรงวา่ ผเู้ ปน็ ใหญใ่ นสวรรค์ ในแผน่ ดนิ และในอากาศจะ ลมุ่ หลงและปรารถนาในตวั นาง คำ� วา่ “ลม” ในบาทสดุ ทา้ ยสอ่ื ความ หมายไดท้ ง้ั สายลมและพระพาย จงึ ชว่ ยยำ�้ ใหเ้ หน็ ความหวงแหนของ กวแี ละความปรารถนาทจี่ ะทะนถุ นอมนางวา่ แมแ้ ตส่ ายลม กวกี ย็ งั ​ มติ อ้ งการใหส้ มั ผสั ผวิ อนั ผดุ ผอ่ งบอบบางของนางใหบ้ อบชำ�้ โคลง ๒ บทนจ้ี งึ เปน็ บทฝากนางทแี่ ฝงการชมนางอยา่ งแยบคาย แมก้ วมี ไิ ดพ้ รรณนาความงามของนางโดยละเอยี ด แตผ่ อู้ า่ นกส็ ามารถ เขา้ ใจไดด้ วี า่ ในความคดิ คำ� นงึ ของกวี นางเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามงามลำ�้ เลศิ ยงิ่ การแสดงความยกยอ่ งชนื่ ชมในความงามของนาง และการแสดง 190 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 190

โอ้ศรีเสาวลักษณ์ล้�ำ แลโลม โลกเอย นิราศนรนิ ทร์ ความหวงแหน ทะนถุ นอม หว่ งใยทก่ี วมี ตี อ่ นางจงึ ทำ� ใหโ้ คลง ๒ บท นเี้ ปน็ บทฝากรกั อนั ซาบซง้ึ ประทบั ใจและเปน็ วรรคทองทต่ี ราตรงึ ใจผู้ อา่ นมานานแสนนาน �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 191 191 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 192 8/8/2557 BE 3:09 PM