Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ✍️ กวีวัจน์วรรณนา วรรคทองในวรรณคดีไทย พร้อมประวัติและคำอธิบาย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

✍️ กวีวัจน์วรรณนา วรรคทองในวรรณคดีไทย พร้อมประวัติและคำอธิบาย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

Description: ✍️ กวีวัจน์วรรณนา วรรคทองในวรรณคดีไทย พร้อมประวัติและคำอธิบาย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

Search

Read the Text Version

เพ่ือนกิน สิ้นทรัพย์แล้ว แหนงหนี โคลงโลกนิติ อญั ขยมบรมนเรศรเ์ รอ้ื ง รามวงศ์ พระผา่ นแผน่ ไผททรง สบื ไท้ แสวงยง่ิ สงิ่ สดบั องค ์ โอวาท หวงั ประชาชนให ้ อา่ นแจง้ คำ� โคลง โคลงโลกนติ สิ ำ� นวนของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา เดชาดศิ ร ทง้ั สน้ิ ๕๙๓ บท มที ง้ั ทป่ี รบั ปรงุ แกไ้ ขมาจากโคลงโลกนติ ิ ส�ำนวนเดิมและที่ทรงพระนิพนธ์ข้ึนใหม่ เม่ือมีการจารึกเผยแพร่ใน วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ทำ� ใหโ้ คลงโลกนติ สิ ำ� นวนนเ้ี ปน็ ทร่ี จู้ กั กวา้ งขวางกวา่ สำ� นวนอนื่ เนือ้ หาของบทประพนั ธ์ โคลงโลกนิตพิ ระนพิ นธส์ มเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา เดชาดศิ รมที ม่ี าจากโคลงโลกนติ สิ ำ� นวนเกา่ ซง่ึ สนั นษิ ฐานวา่ นา่ จะแตง่ ขนึ้ กอ่ นสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากโคลงโลกนติ บิ ทท่ี ๒ วา่ ครรโลงโลกนติ นิ ้ี นมนาน มแี ตโ่ บราณกาล เกา่ พรอ้ ง เปน็ สภุ ษติ สาร สอนจติ กลดงั่ สรอ้ ยสอดคลอ้ ง เวยี่ ไวใ้ นกรรณ คำ� สอนในโคลงโลกนติ มิ ที ม่ี าจากคมั ภรี โ์ บราณตา่ ง ๆ ทเี่ ผยแพรเ่ ขา้ มาในสงั คมไทยเปน็ เวลาชา้ นาน เชน่ โลกนตี ิ โลกนยั ธรรมบท ฯลฯ คำ� วา่ “โลกนติ ”ิ หมายถงึ ระเบยี บแบบแผนของโลก เนอื้ หาของโคลงโลก- นติ มิ หี ลากหลายมที ง้ั เนอื้ หาทแี่ สดงสจั ธรรมความเปน็ จรงิ ของโลกเชน่ ความไมเ่ ทยี่ ง ความซบั ซอ้ นของจติ ใจมนษุ ย์ และเนอื้ หาทใี่ หค้ ตเิ กยี่ ว กบั การดำ� เนนิ ชวี ติ และชแี้ นะแนวทางในการประพฤตติ น เชน่ การพดู การคบคน การใฝห่ าความรู้ ฯลฯ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 343 343 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา ความหมายของวรรคทอง โคลงบทนี้สอนเรื่องการเลือกคบมิตรโดยแสดงให้เห็นลักษณะ ของมติ ร ๒ ประเภท ประเภทแรกคอื มติ รทมี่ งุ่ แสวงผลประโยชน์ หรอื ทรัพย์สินเงินทอง เมื่อหมดผลประโยชน์แล้วก็หนีหายหรือห่างเหิน ไป มิตรประเภทน้ีหาง่ายและพบได้ท่ัวไป ส่วนมิตรอีกประเภทหน่ึง คือมิตรแท้ท่ีสามารถสละชีวิตแทนกันได้ เป็นมิตรท่ีคอยช่วยเหลือ เกอื้ กลู ยามยากลำ� บาก และเปน็ ทพี่ ง่ึ ไดจ้ นวาระสดุ ทา้ ย มติ รประเภท นห้ี าไดย้ ากยง่ิ ความดีเดน่ โคลงบทน้ีมีความดีเด่นหลายประการ ประการแรกคือการน�ำ สภุ าษติ มาแตง่ เปน็ โคลงกระทู้ ดงั จะเหน็ วา่ เมอื่ นำ� กระทหู้ นา้ บาทมา อ่านเรียงกันจะได้ข้อความว่า “เพื่อนกินหาง่าย เพ่ือนตายหายาก” กระทนู้ ค้ี อื สารสำ� คญั ซง่ึ สอ่ื ไปยงั ผอู้ า่ นอยา่ งชดั เจนตรงไปตรงมา ทำ� ให้ จดจำ� ไดง้ า่ ย ความดเี ดน่ ประการตอ่ มาคอื การขยายความสภุ าษติ เพม่ิ เตมิ โดยหยบิ ยกพฤตกิ รรมของ “เพอ่ื นกนิ ” และ “เพอ่ื นตาย” มา อธบิ ายใหเ้ หน็ อยา่ งเปน็ รปู ธรรม กวขี ยายความคำ� วา่ “เพอื่ นกนิ ” วา่ หมายถงึ เพอื่ นทมี่ งุ่ ตกั ตวงผลประโยชน์ เมอ่ื หมดประโยชนแ์ ลว้ กจ็ ะ “แหนงหน”ี ไป และขยายความคำ� วา่ “เพอื่ นตาย” วา่ หมายถงึ เพอ่ื น ทพ่ี รอ้ มจะเสยี สละทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งเพอ่ื เพอื่ น เปน็ ทพี่ ง่ึ ไดท้ ง้ั ในยามทกุ ข์ และสขุ กวจี งึ กลา่ ววา่ เพอื่ นเชน่ น้ี “ยากแทจ้ กั หา” การจัดวางเนื้อหาของโคลงให้สมมาตรกันเป็นความดีเด่นอีก ประการหน่ึงของโคลงบทนี้ กล่าวคือ โคลงสองบาทแรกกล่าวถึง “เพอื่ นกนิ ” และโคลงสองบาทหลงั กลา่ วถงึ “เพอ่ื นตาย” ทำ� ใหเ้ กดิ การเปรยี บตา่ งระหวา่ งเพอ่ื นสองประเภท ผอู้ า่ นจะมองเหน็ ลกั ษณะ ทพี่ งึ หลกี เลย่ี งของมติ รเทยี มและคณุ สมบตั อิ นั นา่ ยกยอ่ งของมติ รแท้ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน เนอื้ หาของโคลงบทนจ้ี งึ ถอื เปน็ คตทิ มี่ ปี ระโยชนย์ งิ่ ใน การเลอื กคบมติ ร 344 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 344

เพื่อนกิน ส้ินทรัพย์แล้ว แหนงหนี โคลงโลกนิติ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 345 345 8/8/2557 BE 3:10 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 346 8/8/2557 BE 3:10 PM

ประวัตภแิ าลคะผผนลวงกานกของกวี �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 347 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา 348 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 348

ประวัติและผลงานของกวี พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นพระราชโอรส พระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กบั สมเดจ็ พระอมรนิ ทราบรมราชนิ ี เสดจ็ พระราชสมภพเมอื่ วนั พธุ ท่ี ๒๔ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ ณ ตำ� บลอมั พวา จงั หวดั สมทุ รสงคราม มี พระนามเดมิ วา่ “ฉมิ ” ในสมยั กรงุ ธนบรุ ี พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรง ยา้ ยมาประทบั อยู่ ณ บรเิ วณวดั ระฆงั โฆสติ าราม ซงึ่ เปน็ นวิ าสสถาน ของพระราชบดิ าเมอื่ ครง้ั ยงั ทรงเปน็ สมเดจ็ เจา้ พระยามหากษตั รยิ ศ์ กึ เมอื่ เจรญิ พระชนมายไุ ด้ ๑๓ พรรษา สมเดจ็ พระราชบดิ าทรงนำ� ไปฝาก ไวก้ บั สมเดจ็ พระวนั รตั (ทองอย)ู่ ทวี่ ดั ระฆงั โฆสติ าราม หรอื วดั บาง หวา้ ใหญ่ เพอื่ ทรงศกึ ษาอกั ษรศาสตร์ หลังจากสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเสด็จปราบดาภิเษก ขนึ้ เปน็ ปฐมบรมกษตั รยิ แ์ หง่ พระบรมราชจกั รวี งศเ์ มอื่ พ.ศ. ๒๓๒๕ ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ- หลา้ นภาลยั เปน็ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ กรมขนุ อศิ รสนุ ทร พระองคท์ รงผนวชทว่ี ดั พระศรรี ตั นศาสดารามเมอ่ื พ.ศ.๒๓๓๑มสี มเดจ็ พระสงั ฆราช (ส)ี วดั ระฆงั โฆสติ ารามเปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ จากนน้ั เสดจ็ ไปประทับที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) จนออกพรรษา หลังจาก สมเดจ็ พระบวรราชเจา้ มหาสรุ สงิ หนาทเสดจ็ ทวิ งคตเมอ่ื พ.ศ. ๒๓๔๙ พระองคไ์ ดร้ บั สถาปนาเปน็ พระมหาอปุ ราช กรมพระราชวงั บวรสถาน มงคล พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั เสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราช- สมบตั ใิ น พ.ศ. ๒๓๕๒ ขณะมพี ระชนมายุ ๔๒ พรรษา เปน็ พระมหา กษตั รยิ ล์ ำ� ดบั ท่ี ๒ แหง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั มพี ระปรชี าสามารถหลาย ดา้ น ทงั้ การปกครองประเทศ การศกึ สงคราม การทำ� นบุ ำ� รงุ พระศาสนา และการอปุ ถมั ภบ์ ำ� รงุ ศลิ ปวฒั นธรรมแขนงตา่ ง ๆ พระอจั ฉรยิ ภาพที่ โดดเดน่ อยา่ งยง่ิ คอื ดา้ นศลิ ปะ ทง้ั ดา้ นประตมิ ากรรม ดนตรี นาฏศลิ ป์ 349 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 349 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:10 PM และวรรณคดี ในดา้ นวรรณคดี พระองคท์ รงพระราชนพิ นธว์ รรณคดี หลายเร่อื ง ซึง่ ลว้ นแล้วแตไ่ ด้รบั ยกย่องวา่ เป็นวรรณคดีเอกของไทย ท้ังยังโปรดเกล้าฯ ให้ประชุมกวีร่วมกันแต่งและปรับปรุงวรรณคดีที่ เคยมมี าแตเ่ ดมิ ใหไ้ พเราะงดงามขน้ึ เชน่ บทละครในเรอื่ งอเิ หนาและ บทเสภาเร่ืองขุนชา้ งขุนแผน ในรชั สมัยของพระองค์ การละครและ วรรณคดเี จรญิ รงุ่ เรอื งเปน็ อยา่ งมากจนไดร้ บั ยกยอ่ งวา่ เปน็ “ยคุ ทอง ของวรรณคด”ี ยคุ หนงึ่ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั เสดจ็ สวรรคตเมอ่ื วนั พธุ ท่ี ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๖๗ พระชนมายุ ๕๘ พรรษา ครองสริ ริ าช- สมบตั ทิ งั้ สนิ้ ๑๕ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๑๑ เนอื่ งในวาระฉลองวนั พระบรมราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี องคก์ ารศกึ ษาวทิ ยาศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติ (UN- ESCO) ไดป้ ระกาศยกยอ่ งพระเกยี รตคิ ณุ ใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ- เลิศหล้านภาลัยทรงเป็นบุคคลส�ำคัญของโลก และประเทศไทยได้ กำ� หนดใหว้ นั ท่ี ๒๔ กมุ ภาพนั ธข์ องทกุ ปเี ปน็ “วนั ศลิ ปนิ แหง่ ชาต”ิ เพอ่ื นอ้ มรำ� ลกึ ถงึ พระปรชี าสามารถทท่ี รงสรา้ งสรรคศ์ ลิ ปวฒั นธรรมใหแ้ ก่ ประเทศชาตแิ ละประชาชนชาวไทย พระราชนิพนธ์บางส่วนของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลยั เชน่ ๑. กาพยเ์ หช่ มเครอื่ งคาวหวาน ๒. บทพากยร์ ามเกยี รต์ิ ๔ ตอน ไดแ้ ก่ ตอนนางลอย ตอนนาคบาศ ตอนพรหมาสตร์ และตอนเอราวณั ๓. เสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผน ๔ ตอน ไดแ้ ก่ ตอนพลายแกว้ เปน็ ชกู้ บั นางพมิ ตอนนางวนั ทองหงึ นางลาวทอง ตอนขนุ แผนขนึ้ เรอื นขนุ ชา้ ง ไดน้ างแกว้ กริ ยิ า และตอนขนุ แผนพานางวนั ทองหนี ๔. บทละครในเรอื่ งอเิ หนา ๕. บทละครในเรอ่ื งอณุ รทุ สำ� นวนความทรงตดั 350 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 350

ประวัติและผลงานของกวี ๖. บทละครในเรื่องรามเกียรติ์ ตอนหนุมานถวายแหวนจนถึง ทศกณั ฐล์ ม้ ตอนพระรามประพาสปา่ จนถงึ พระอศิ วรอภเิ ษกพระราม กบั นางสดี า ๗. บทจบั ระบำ� เรอ่ื งรามเกยี รติ์ ตอนพริ าพ ๘. บทละครนอกเรอ่ื งสงั ขท์ อง ๙. บทละครนอกเรอ่ื งไกรทอง ตอนนางวมิ าลาตามไกรทองมาจาก ถำ้� จนถงึ ตอนไกรทองตามนางวมิ าลากลบั ไปถำ�้ ๑๐.บทละครนอกเรอื่ งคาวี ตอนทา้ วสนั นรุ าชหานางผมหอมจนถงึ ตอนพระคาวรี บกบั ไวยทตั ๑๑.บทละครนอกเรอ่ื งไชยเชษฐ์ ตอนนางสวุ ญิ ชาถกู ขบั ไลจ่ นถงึ ตอนอภเิ ษกพระไชยเชษฐ์ ๑๒.บทละครนอกเร่ืองมณีพิชัย ตอนพราหมณ์ยอพระกล่ินขอ มณพี ชิ ยั ไปเปน็ ทาส ฯลฯ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 351 351 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา 352 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 352

ประวัติและผลงานของกวี พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระเทพศริ นิ ทรา บรมราชนิ ี เสดจ็ พระราชสมภพเมอื่ วนั ท่ี ๒๐ กนั ยายน พ.ศ. ๒๓๙๖ มี พระนามเดมิ วา่ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ จฬุ าลงกรณ์ เสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั เิ มอื่ พ.ศ. ๒๔๑๑ เปน็ พระมหากษตั รยิ ล์ ำ� ดบั ท่ี ๕ แหง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ ในรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า อยู่หัวได้ทรงปฏิรูปประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานา อารยประเทศในดา้ นตา่ ง ๆ ดงั น้ี ดา้ นการศกึ ษา พระองคท์ รงวางรากฐานการศกึ ษาในระบบอยา่ ง เปน็ ขน้ั เปน็ ตอน เรม่ิ จากทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ งั้ โรงเรยี นแหง่ แรกขนึ้ ในพระบรมมหาราชวงั ใหแ้ ตง่ แบบเรยี นหลวงเพอื่ ใชส้ อนอยา่ ง มีมาตรฐาน ให้ต้ังโรงเรียนส�ำหรับราษฎรสามัญข้ึนที่วัดมหรรณพา- ราม ใหต้ งั้ กรมศกึ ษาธกิ าร ซง่ึ ตอ่ มาไดข้ ยายเปน็ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ให้ต้ังโรงเรียนฝึกหัดข้าราชการพลเรือน ซ่ึงต่อมาพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรก ของไทยคอื จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ดา้ นการเมอื งการปกครอง พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหย้ กเลกิ การปกครองแผน่ ดนิ แบบ เดิมท่ใี ช้มาต้ังแตส่ มัยกรุงศรีอยุธยา แล้วจดั ระเบียบบรหิ ารราชการ สว่ นกลางเสยี ใหม่ ดว้ ยการจดั ตง้ั กระทรวงตา่ ง ๆ ขน้ึ ใหม้ เี สนาบดี เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชารบั ผดิ ชอบแตล่ ะกระทรวง ในสว่ นภมู ภิ าคทรงพระ กรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั การบรหิ ารแบบมณฑลเทศาภบิ าล และแบง่ สว่ นราชการเปน็ มณฑล จงั หวดั อำ� เภอ ตำ� บล และหมบู่ า้ น นอกจาก นนั้ พระองคย์ งั ไดเ้ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ ประพาสยโุ รปถงึ ๒ ครง้ั เพอ่ื เจรญิ สมั พนั ธไมตรแี ละนำ� ความรตู้ า่ ง ๆ ตามแบบตะวนั ตกมาพฒั นา ประเทศใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ 353 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 353 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา ดา้ นสาธารณสขุ และสาธารณปู โภค พระองคท์ รงพระกรณุ าโปรด เกลา้ ฯ ใหจ้ ดั ตง้ั กรมสขุ าภบิ าล โรงพยาบาล การประปา การไปรษณยี ์ โทรเลข การรถไฟ และการคมนาคมทง้ั ทางบกและทางนำ้� ด้านสังคมวัฒนธรรม พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ยกเลกิ ระบบทาสและไพร่ ปรบั ปรงุ ขนบธรรมเนยี มประเพณโี บราณ ตา่ ง ๆทรงตงั้ โบราณคดสี โมสรขน้ึ เพอื่ สง่ เสรมิ การประพนั ธแ์ ละการศกึ ษา ทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดี ทรงตง้ั หอพระสมดุ วชริ ญาณซง่ึ ตอ่ มาพฒั นามาเปน็ หอสมดุ แหง่ ชาตใิ นปจั จบุ นั ทรงสง่ เสรมิ บำ� รงุ ศลิ ปะทกุ สาขา ทงั้ นาฏศลิ ป์ คตี ศลิ ป์ และวรรณศลิ ป์ ขณะเดยี วกนั พระองคเ์ อง กท็ รงเปน็ กวผี เู้ ปย่ี มดว้ ยพระปรชี าสามารถ ทรงพระราชนพิ นธว์ รรณคดี ทง้ั รอ้ ยแกว้ รอ้ ยกรองอนั ทรงคณุ คา่ จำ� นวนมาก พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ สวรรคตเมอื่ วนั ที่ ๒๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๕๓ พระชนมายุ ๕๘ พรรษา ครองสริ ริ าช- สมบตั ทิ งั้ สน้ิ ๔๒ ปี ผลงานพระราชนิพนธ์บางส่วนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เชน่ รอ้ ยกรอง โคลง - โคลงดนั้ เรอื่ งโสกนั ต์ - โคลงนริ าศทา้ วสภุ ตั กิ ารภกั ดี - โคลงเลยี้ งโตะ๊ ปใี หม่ - โคลงพระราชพธิ ศี รสี จั ปานกาลแลคเชนทรศั วสนาน - โคลงสภุ าษติ - โคลงภาพรามเกยี รตว์ิ ดั พระศรรี ตั นศาสดาราม - โคลงภาพพระราชพงศาวดาร 354 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 354

ประวัติและผลงานของกวี - บทโคลงและฉนั ท์ ร.ศ. ๑๑๒ - โคลงพระราชทานสมเดจ็ พระบรมราชนิ นี าถ - โคลงนริ าศรตั นะ - ลลิ ติ ยอพระเกยี รตแิ ละโคลงพระนามพระเจา้ กาพย ์ ลกู เธอในรชั กาลท่ี ๔ กลอน - กาพยเ์ หเ่ รอื - กลอนไดเอรซี มึ ทราบ - ตามเสดจ็ ไทรโยค ฉนั ท ์ - กลอนนารรี มย์ - คำ� จารกึ ณพระราชานสุ าวรยี ส์ มเดจ็ พระนางเจา้ ลลิ ติ สนุ นั ทากมุ ารรี ตั น์ พระบรมราชเทวี - บทโคลงและฉนั ท์ ร.ศ. ๑๑๒ - ลลิ ติ นทิ ราชาครติ บทละคร - ลลิ ติ ยอพระเกยี รตแิ ละโคลงพระนามพระเจา้ ลกู เธอในรชั กาลที่ ๔ - บทละครนทิ ราชาครติ - บทเจรจาละครเรอื่ งอเิ หนา - วงศเ์ ทวราช - บทละครเรอ่ื งเงาะปา่ - บทระบำ� ตลก - บทละครเบด็ เตลด็ เรอ่ื งรามเกยี รต์ิ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 355 355 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา รอ้ ยกรอง เทศนา - เทศนาเรอ่ื งนทิ านมกิ าทรุ ะ ความเรยี ง - พระราชกรณั ยานสุ ร - พระราชพิธีสิบสองเดือน พระบรมราโชวาท - พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระราชทาน พระเจา้ ลกู ยาเธอ พระราชดำ� รสั - พระราชดำ� รสั ในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ - จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั - พระราชดำ� รสั ทรงแถลงพระบรมราชา- ธบิ ายแกไ้ ขการปกครองแผน่ ดนิ พระราชปรารภ - พระราชปรารภวา่ ดว้ ยเรอ่ื งทาสและเกษยี ณอายุ - พระราชปรารภวา่ ดว้ ยเหตแุ หง่ ความตาย ในทา่ มกลางอายุ - พระราชปรารภเรอ่ื งพระพทุ ธชนิ ราช พระราชวจิ ารณ ์ - พระราชวจิ ารณ์เรอ่ื งพระราชพงศาวดาร กบั เรอ่ื งพระราชพธิ กี ารตงั้ พระมหาอปุ ราช - พระราชวจิ ารณเ์ ทยี บลทั ธพิ ระพทุ ธศาสนา ฝา่ ยหนี ยานกบั มหายาน - พระราชวจิ ารณ์ เรอ่ื งวดั สมอรายอนั มี นามวา่ ราชาธวิ าส - พระราชวจิ ารณ์จดหมายเหตคุ วามทรงจำ� กรมหลวงนรินทรเทวี 356 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 356

ประวัติและผลงานของกวี พระราชหตั ถเลขา - พระราชหตั ถเลขา เสดจ็ ประพาสจนั ทบรุ ี และอกั ขรานกุ รมภมู ศิ าสตรจ์ งั หวดั จนั ทบรุ ี - พระราชหตั ถเลขาในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทที่ รงบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ - พระราชหตั ถเลขาเมอ่ื เสดจ็ ประพาสหวั เมอื ง ชายทะเลตะวนั ออก - พระราชหตั ถเลขาเมอ่ื เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ประพาสยโุ รป พ.ศ. ๒๔๔๐ - พระราชหตั ถเลขาคราวเสดจ็ มณฑลฝา่ ยเหนอื พ.ศ. ๒๔๔๔ - พระราชหตั ถเลขาพระราชนพิ นธไ์ กลบา้ น - พระราชหตั ถเลขาพระบาทสมเดจ็ พระจลุ - จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงมไี ปมากบั สมเดจ็ - พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส พระบรมราชาธบิ าย - พระบรมราชาธบิ าย เรอ่ื งธรรมเนยี ม ราชตระกลู ในกรงุ สยาม - พระบรมราชาธบิ าย เรอื่ งพระเขยี้ วแกว้ - พระบรมราชาธบิ าย เรอื่ งสามคั คี - พระบรมราชาธบิ าย เรอ่ื งชาดก - ประเพณที ำ� บญุ วนั เกดิ พระบรมราชวนิ จิ ฉยั - พระบรมราชวินิจฉัย เรื่องกฤษณา สอนนอ้ ง ร.ศ. ๑๐๘ จดหมายเหตรุ ายวนั - จดหมายเหตรุ ายวนั ระยะทางเสดจ็ ประพาสไทรโยค จ.ศ. ๑๒๓๙ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 357 357 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา - จดหมายเหตรุ ายวนั ระยะทางเสดจ็ ประพาสมณฑลอยธุ ยา - จดหมายเหตรุ ายวนั ระยะทางเทย่ี วชวา กวา่ สองเดอื น - จดหมายเหตรุ ายวนั ระยะทางเสดจ็ ประพาสชวาครงั้ หลงั - จดหมายเหตรุ ายวนั ระยะทางเสดจ็ - พระราชดำ� เนนิ ประพาสทางบกทางเรอื รอบแหลมมลายู - จดหมายเหตรุ ายวนั รตั นโกสนิ ทรศก ๑๐๙ - จดหมายเหตรุ ายวนั เสดจ็ ประพาสตน้ ครงั้ ท่ี ๒ จดหมายเหตพุ ระราช - จดหมายเหตพุ ระราชกจิ รายวนั กจิ รายวนั ประมวลพระราชนพิ นธ ์ - ประมวลพระราชนพิ นธเ์ บด็ เตลด็ ใน พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ฯลฯ 358 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 358

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 359 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา 360 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 360

ประวัติและผลงานของกวี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หวั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ - ทราบรมราชนิ นี าถ เสดจ็ พระราชสมภพเมอื่ วนั เสารท์ ี่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓ มพี ระนามวา่ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ มหาวชริ าวธุ เสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั เิ มอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๓ เปน็ พระมหากษตั รยิ ล์ ำ� ดบั ท่ี ๖ แหง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเรม่ิ การศกึ ษาขน้ั ตน้ ในพระบรมมหาราชวงั จากนน้ั เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปศกึ ษาณประเทศ อังกฤษที่โรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์และมหาวิทยาลัย ออกซฟอรด์ นบั เปน็ พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยพระองคแ์ รกทที่ รงไดร้ บั การศกึ ษา จากตา่ งประเทศ ในรชั สมยั ของพระองค์ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงประกอบพระราชกรณยี กจิ นานปั การ ดงั ตอ่ ไปน้ี ดา้ นการศกึ ษา พระองคท์ รงสบื สานพระราชปณธิ านของพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการปฏิรูปการศึกษา โดยทรง จัดระเบียบการศึกษาชาติเป็นระดับอนุบาล ประถม มัธยม และ อุดมศึกษาซ่ึงได้ใช้สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ทรงตราพระราชบัญญัติ โรงเรยี นราษฎร์ ทรงจดั ตงั้ โรงเรยี นประชาบาล และทรงตราพระราช- บญั ญตั ปิ ระถมศกึ ษา ด้านการสาธารณสุขและสาธารณูปโภค พระองค์ทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งโรงพยาบาล สภากาชาดไทย สถานเสาวภา และ ทรงตราพระราชบญั ญตั กิ ารแพทย์ ทรงพฒั นาระบบชลประทานและ ระบบการขนสง่ คมนาคมทงั้ ทางบก ทางเรอื และทางอากาศ ดา้ นการเมอื งการปกครอง พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่ หวั ทรงนำ� ประเทศเขา้ สสู่ งครามโลกครง้ั ที่ ๑ ทำ� ใหภ้ ายหลงั สงคราม ไทยสามารถยกเลกิ สญั ญาทไี่ มเ่ ปน็ ธรรมกบั ประเทศตา่ ง ๆ ได้ พระองค์ 361 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 361 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:10 PM ทรงปลกู ฝงั ความรกั ชาตผิ า่ นพระราชนพิ นธท์ กุ ประเภท ทรงสรา้ งธง ไตรรงคใ์ หเ้ ปน็ สญั ลกั ษณข์ องชาติ และทรงจดั ตงั้ เสอื ปา่ เพอื่ ปลกู สำ� นกึ รกั ชาตใิ นหมปู่ วงชนชาวไทย ดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม พระองคท์ รงปรบั ปรงุ ขนบธรรมเนยี ม ระเบยี บประเพณี และศลิ ปวฒั นธรรมดา้ นตา่ ง ๆ ใหท้ นั สมยั ยงิ่ ขน้ึ เชน่ ทรงเปลยี่ นการนบั เวลาจากแบบไทยใหเ้ ปน็ ไปตามแบบสากล ทรงตรา พระราชบัญญัตินามสกุล ทรงเรียกร้องให้ชาวไทยตระหนักในฐานะ และความสำ� คญั ของสตรี และทรงดำ� เนนิ การตา่ ง ๆ เพอื่ สง่ เสรมิ สทิ ธิ ของสตรไี ทย ทรงสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารสรา้ งศลิ ปะแขนงตา่ ง ๆ ทง้ั ตามแบบ ตะวนั ตกและแบบไทยทรงปรบั ปรงุ กรมมหรสพดว้ ยเหตทุ พี่ ระองคม์ พี ระ อธั ยาศยั โปรดการละครเปน็ อยา่ งยงิ่ จงึ ทรงพระราชนพิ นธบ์ ทละคร ไวท้ กุ ประเภทจำ� นวนมาก ทรงมคี ณะละครซง่ึ ทรงเปน็ ผอู้ ำ� นวยการฝกึ ซอ้ ม และบางครงั้ ทรงรว่ มแสดงดว้ ย กลา่ วไดว้ า่ ละครประเภทตา่ ง ๆ ไดร้ บั ความนยิ มแพรห่ ลายในรชั สมยั ของพระองค์ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั มพี ระปรชี าสามารถยอด เยย่ี มทางอกั ษรศาสตร์ ทรงพระราชนพิ นธผ์ ลงานมากกวา่ ๑,๒๐๐ เรอ่ื ง อาจกลา่ วไดว้ า่ พระองคท์ รงเปน็ นกั ประพนั ธท์ ม่ี ผี ลงานมากทสี่ ดุ ใน ประเทศ ทรงเชย่ี วชาญในการนพิ นธท์ ง้ั แบบเกา่ และแบบใหม่ ทงั้ รอ้ ย แกว้ และรอ้ ยกรอง ทง้ั สารคดแี ละบนั เทงิ คดี เนอื้ หาของพระราชนพิ นธ์ ครอบคลุมกว้างขวาง ทง้ั เรือ่ งที่เกี่ยวแก่ปรชั ญาชวี ิต ประวัตศิ าสตร์ การเมอื งการปกครอง การทหาร ศาสนา ศลิ ปวฒั นธรรมไทยและตา่ ง ชาติ การตา่ งประเทศ รวมไปถงึ เรอื่ งขบขนั ลอ้ เลยี น พระราชนพิ นธข์ อง พระองคน์ น้ั นอกจากจะทรงสรา้ งเนอื้ เรอ่ื งขน้ึ จากจนิ ตนาการแลว้ ยงั ทรงนยิ มนำ� วรรณคดเี อกของชาตติ า่ ง ๆ ทงั้ ตะวนั ออกและตะวนั ตกมา แปลหรอื เรยี บเรยี งขนึ้ ใหมใ่ หช้ าวไทยไดร้ จู้ กั พระราชนพิ นธท์ ท่ี รงแตง่ ข้ึนเป็นภาษาอังกฤษและฝร่ังเศสก็มีจ�ำนวนไม่น้อย พระนามแฝงท่ี พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงใชใ้ นงานพระราชนพิ นธ์ เชน่ ศรอี ยธุ ยา อศั วพาหุ นายแกว้ นายขวญั พนั แหลม พระขรรคเ์ พชร นอ้ ยลา รามจติ ติ M.V., Carlton H. Terris ฯลฯ 362 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 362

ประวัติและผลงานของกวี พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ สวรรคตเมอื่ วนั ที่ ๒๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๖๘ สริ พิ ระชนมายไุ ด้ ๔๕ พรรษา ครองสริ -ิ ราชสมบตั ทิ งั้ สนิ้ ๑๕ ปี ผลงานพระราชนพิ นธบ์ างสว่ นของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เชน่ รอ้ ยกรอง บทโขน บทโขนเรอื่ งรามเกยี รติ์ตอนจองถนนเผาลงกา พระรามตามกวาง สคุ รพี หกั ฉตั ร บทเบกิ โรง พระคเณศรเ์ สยี งา นรสงิ หาวตาร มหาพลี ฤษี เสย่ี งลกู บทละครรำ� ขอมด�ำดิน ท้าวแสนปม ศกุนตลา พระยา ราชวงั สนั บทละครรอ้ ง สาวติ รี พระเกยี รตริ ถ บทละครสงั คตี มกิ าโด วงั่ ต่ี หนามยอกเอาหนามบง่ บทละครพดู สลบั ลำ� ววิ าหพระสมทุ บทละครพดู พระรว่ ง มทั นะพาธา ปรยี ทรรศกิ า เวนสิ วานชิ โรเมโอและจเู ลยี ต ลลิ ติ ลลิ ติ พายพั ลลิ ติ นารายณส์ บิ ปาง นริ าศ โคลงนริ าศประลองยทุ ธ์ นริ าศพระมะเหลเถไถ คำ� ฉนั ท ์ มงคลสตู รคำ� ฉนั ท์ คำ� หลวง พระนลคำ� หลวง สกั วา สกั วาหนา้ หนาว สกั วาชายทะเล เสภา บทเสภาสามคั คเี สวก กาพยเ์ หเ่ รอื กาพยเ์ หเ่ รอื ยคุ ใหม่ 363 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 363 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา โคลง โคลงสภุ าษติ ในหนงั สอื พมิ พด์ สุ ติ สมติ โคลงโลกนติ จิ ำ� แลง รอ้ ยแกว้ สารคด ี ยวิ แหง่ บรู พาทศิ เมอื งไทยจงตน่ื เถดิ หลกั ราชการเทศนาเสอื ปา่ เทยี่ วเมอื งพระรว่ ง พระบรมราชาธบิ ายในการประพนั ธ์บอ่ เกดิ แหง่ รามเกยี รติ์ พระพทุ ธเจา้ ตรสั รอู้ ะไร โคลนตดิ ลอ้ บทละครพดู หวั ใจนกั รบ เหน็ แกล่ กู หลวงจำ� เนยี รเดนิ ทาง หมอจำ� เปน็ ลา่ มดี นอ้ ยอนิ ทเสน ชงิ นาง มติ รแท้ โพงพางจดั การรบั เสดจ็ นนิ ทาสโมสร เรอื่ งสน้ั และนวนยิ าย นทิ านทองอนิ นทิ านทหารเรอื ยาตวั เบา หวั ใจชายหนมุ่ แมลงปอ่ งทอง ฯลฯ 364 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 364

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 365 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา เจา้ ฟ้าธรรมธเิ บศร เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรหรอื เจา้ ฟา้ กงุ้ เปน็ พระราชโอรสพระองคแ์ รกใน สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศกบั สมเดจ็ พระพนั วสั สาใหญห่ รอื กรม- หลวงอภยั นชุ ติ เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศขึ้นครองราชย์ ทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ถาปนาพระอสิ รยิ ยศเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรเปน็ เจา้ ฟา้ ตา่ ง กรม พระนามวา่ เจา้ ฟา้ ฯ กรมขนุ เสนาพทิ กั ษ์ เมอื่ พ.ศ. ๒๒๗๖ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๒๗๘ ขณะท่ีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ประชวร เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรทรงใชพ้ ระแสงดาบทำ� รา้ ยเจา้ ฟา้ กรมขนุ สเุ รนทรพทิ กั ษ์ (เจา้ ฟา้ นเรนทร)์ ขณะทรงครองสมณเพศ เนอื่ งจาก เจ้าฟ้ากรมขุนสุเรนทรพิทักษ์เป็นพระนัดดาที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บรมโกศโปรดปราน เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรเกรงวา่ จะถกู ชงิ ราชสมบตั ิ แต่ เมอื่ ลอบทำ� รา้ ยไมส่ ำ� เรจ็ ความทราบถงึ พระกรรณสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศทำ� ใหเ้ จา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรตอ้ งทรงผนวชหนรี าชภยั ณวดั โคกแสง มสี มณฉายานามวา่ สริ ปิ าโล ขณะทรงผนวชเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรทรงพระ นพิ นธว์ รรณคดพี ระพทุ ธศาสนา ๒ เรอ่ื ง คอื นนั โทปนนั ทสตู รคำ� หลวง (พ.ศ. ๒๒๗๙) และพระมาลยั คำ� หลวง (พ.ศ. ๒๒๘๐) ใน พ.ศ. ๒๒๘๐ เม่ือกรมหลวงอภัยนุชิตผู้เป็นพระชนนีประชวรหนักได้กราบทูลขอ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศใหพ้ ระราชทานอภยั โทษแกเ่ จา้ ฟา้ ธรรม- ธเิ บศร เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรจงึ ไดล้ าผนวชหลงั จากพระชนนสี นิ้ พระชนม์ ใน พ.ศ. ๒๒๘๔ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศทรงพระกรณุ าโปรด- เกล้าฯ ให้สถาปนาเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรเป็นกรมพระราชวังบวรสถาน มงคล ซงึ่ เปน็ ตำ� แหนง่ รชั ทายาท และพระราชทานกรมขนุ ยสิ ารเสนี (พระอสิ รยิ ยศเดมิ คอื เจา้ ฟา้ หญงิ อนิ ทสดุ าวดี พระกนษิ ฐภคนิ รี ว่ ม พระชนน)ี เปน็ พระชายาดว้ ย 366 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 366

ประวัติและผลงานของกวี เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรมพี ระปรชี าสามารถหลายดา้ น โดยเฉพาะในดา้ น ศลิ ปกรรมและวรรณคดี ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากพระองคท์ รงไดร้ บั พระบรม- ราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ปน็ แมก่ องควบคมุ การบรู ณะปฏสิ งั ขรณ์ สถานทสี่ ำ� คญั ตา่ ง ๆ เชน่ การบรู ณะวดั พระศรสี รรเพชญ์ และการตอ่ พระเศียรพระมงคลบพิตร ส่วนพระอัจฉริยภาพด้านวรรณคดีเห็น ได้จากพระนิพนธ์จ�ำนวนมาก กล่าวคือ นอกจากงานพระนิพนธ์ท่ี เกย่ี วขอ้ งกบั ศาสนาดงั เรอ่ื งนนั โทปนนั ทสตู รคำ� หลวงและพระมาลยั ค�ำหลวงท่ีกล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังทรงพระนิพนธ์วรรณคดีประเภท กาพย์ห่อโคลง เพลงยาว และกาพย์เห่เรือซึ่งได้รับการยกย่องเป็น วรรณคดชี นั้ ครมู าจนถงึ ปจั จบุ นั เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรสน้ิ พระชนมเ์ มอื่ พ.ศ. ๒๒๙๘ เพราะตอ้ งพระ ราชอาญาเฆย่ี นเนอ่ื งจากลอบเสนห่ ากบั เจา้ ฟา้ สงั วาลย์ พระมเหสใี น สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ ผลงานพระนพิ นธข์ องเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร มดี งั นี้ ๑. กาพยเ์ หเ่ รอื ๒. บทเหส่ งั วาส ๓. บทเหค่ รวญ ๔. กาพยห์ อ่ โคลงนริ าศธารโศก ๕. กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง ๖. นนั โทปนนั ทสตู รคำ� หลวง ๗. พระมาลยั ค�ำหลวง (นกั วรรณคดีบางคนมคี วามเห็นวา่ พระมาลยั คำ� หลวงไมใ่ ชพ่ ระนพิ นธข์ องเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร) ๘. เพลงยาวเจา้ ฟา้ กงุ้ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 367 367 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา 368 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 368

ประวัติและผลงานของกวี สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชิตชิโนรส สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส มพี ระนามเดมิ วา่ พระองคเ์ จา้ วาสกุ รี ประสตู เิ มอื่ วนั ที่ ๑๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๓๓๓ เปน็ พระราชโอรสลำ� ดบั ท่ี ๒๘ ในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก มหาราช ประสตู แิ ตเ่ จา้ จอมมารดาจยุ้ (ทา้ วทรงกนั ดาล) ใน พ.ศ. ๒๓๔๕ พระองคเ์ จา้ วาสกุ รที รงบรรพชาเปน็ สามเณรเมอื่ พระชนั ษา ๑๒ ปี ณ พระอโุ บสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม จากนน้ั เสดจ็ ไปประทบั ณ วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม และทรงศกึ ษาใน สำ� นกั สมเดจ็ พระพนรตั น (แกว้ ) อธบิ ดสี งฆว์ ดั พระเชตพุ นฯ ซง่ึ เปน็ ผู้ ทเ่ี ครง่ ครดั พระธรรมวนิ ยั และรอบรสู้ รรพวชิ าแตกฉาน ใน พ.ศ. ๒๓๕๔ สามเณรพระองคเ์ จา้ วาสกุ รที รงอปุ สมบทเปน็ พระ ภกิ ษุ มพี ระสมณฉายาวา่ สวุ ณั ณรงั สี (สวุ ณณฺ รสํ )ี และทรงดำ� รงอยใู่ น สมณเพศตลอดพระชนมช์ พี สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส ทรงมคี วามรู้ เชย่ี วชาญศลิ ปวทิ ยาการตา่ ง ๆ โดยพสิ ดารทง้ั ทางโลกและทางธรรม และทรงเปน็ พระอาจารยท์ พ่ี ระบรมวงศานวุ งศใ์ หค้ วามเคารพนบั ถอื ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ได้ทรงใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญใน ศาสตรน์ านาแขนงสนองพระมหากรณุ าธคิ ณุ พระเจา้ แผน่ ดนิ และกอปร คณุ ปู การแกป่ ระเทศชาติ จงึ ทรงไดร้ บั การถวายพระเกยี รตยิ ศเปน็ อนั มากทง้ั ขณะยงั ทรงดำ� รงพระชนมช์ พี และเมอ่ื สนิ้ พระชนมไ์ ปแลว้ เมอื่ พ.ศ. ๒๓๕๗ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงพระ กรณุ าโปรดเกลา้ ฯ สถาปนาพระองคเ์ จา้ วาสกุ รเี ปน็ พระราชาคณะและ อธบิ ดสี งฆว์ ดั พระเชตพุ นฯ นบั เปน็ พระราชวงศพ์ ระองคแ์ รกในสมยั รตั นโกสนิ ทรท์ ที่ รงเปน็ พระราชาคณะ ใน พ.ศ. ๒๓๕๘ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้า วาสกุ รเี ปน็ กรมหมนื่ นชุ ติ ชโิ นรส ศรสี คุ ตขตั ตยิ วงศ์ ตอ่ มาในรชั สมยั 369 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 369 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:10 PM พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กรมหมนื่ นชุ ติ ชโิ นรสทรงได้ รบั มหาสมณตุ มาภเิ ษกเปน็ กรมสมเดจ็ พระปรมานชุ ติ ชโิ นรส ศรสี คุ ต ขตั ตยิ วงศ์ ทรงดำ� รงตำ� แหนง่ สมเดจ็ พระมหาสงั ฆปรณิ ายก สมเดจ็ พระ สงั ฆราชพระองคท์ ่ี ๗ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ตอ่ มาในรชั สมยั พระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงได้รับสถาปนาเป็น สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส พระกรณียกิจของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิต ชโิ นรสเกย่ี วเนอ่ื งกบั พระพทุ ธศาสนาและวรรณคดี ในดา้ นพระพทุ ธ- ศาสนา ทรงคดิ แบบพระพทุ ธรปู ปางตา่ ง ๆ ๓๗ ปาง ตามพระบรม- ราชโองการในพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โดยทรงคน้ ควา้ จากคัมภีร์ต่าง ๆ ทรงมีบทบาทส�ำคัญในการบูรณปฏิสังขรณ์วัด พระเชตพุ นฯ ใหเ้ ปน็ แหลง่ รวมสรรพวทิ ยาการสำ� หรบั ประชาชนทว่ั ไป ได้ศึกษา ท้ังยังได้ทรงสร้างวัดชิโนรสารามซึ่งเสร็จสมบูรณ์ในสมัย รชั กาลท่ี ๔ พระกรณยี กจิ ดา้ นพระพทุ ธศาสนาทสี่ ำ� คญั ยง่ิ อกี ประการหนงึ่ คอื การถวายวสิ ชั นาแกพ้ ระราชปจุ ฉาของพระเจา้ แผน่ ดนิ รว่ มกบั พระราชา คณะองคอ์ น่ื ๆ ในสมยั รชั กาลที่ ๓ กไ็ ดท้ รงถวายวสิ ชั นาในเรอ่ื งเกย่ี ว กบั ศาสนาและการเมอื งการปกครอง ทรงเปน็ ผสู้ บื ทอดทำ� นองเทศน์ มหาชาตกิ ณั ฑน์ ครกณั ฑจ์ ากสมเดจ็ พระพนรตั น ในด้านวรรณคดี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิต ชโิ นรสทรงเปน็ รตั นกวแี หง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ผลงานพระนพิ นธม์ หี ลาก หลายประเภททงั้ รอ้ ยแกว้ รอ้ ยกรอง ไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ ดเี ดน่ ทง้ั รสคำ� และรสความเปน็ วรรณคดชี นั้ ครอู นั เปน็ แบบอยา่ งแกช่ นรนุ่ หลงั ผล งานพระนพิ นธห์ ลายเรอ่ื งไดร้ บั การจารกึ ลงบนแผน่ ศลิ า ประดบั ไว้ ณ วดั พระเชตพุ นฯ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส สนิ้ พระชนม์ ดว้ ยพระโรคชราเมอื่ วนั ท่ี ๙ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๓๙๖ สริ พิ ระชนมายไุ ด้ ๖๓ ปี 370 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 370

ประวัติและผลงานของกวี ใน พ.ศ. ๒๕๓๒ องคก์ ารศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ และวฒั นธรรมแหง่ 371 สหประชาชาติ (UNESCO) ประกาศยกยอ่ งสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส เปน็ บคุ คลดเี ดน่ ดา้ นวฒั นธรรมระดบั โลก 8/8/2557 BE 3:10 PM ประจำ� ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ผลงานพระนพิ นธบ์ างสว่ นของสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระ ปรมานชุ ติ ชโิ นรส เชน่ รอ้ ยกรอง โคลง โคลงภาพฤๅษดี ดั ตน (บางสว่ น) โคลงภาพคนตา่ งภาษา (บางสว่ น) โคลงกลบทดาวลอ้ มเดอื น โคลงจารึกศาลารายและโคลงจารึกศาลาหน้า พระมหาเจดยี ์ โคลงดน้ั เรอื่ งปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ น รา่ ย รา่ ยทำ� ขวญั นาคหลวง รา่ ยยาวมหาเวสสนั ดรชาดก ลลิ ติ ลิลิตกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารคแล ชลมารค ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย ฉนั ท ์ กฤษณาสอนนอ้ งคำ� ฉนั ท์ สรรพสทิ ธคิ์ ำ� ฉนั ท์ ฉนั ทก์ ลอ่ มชา้ งพงั และกาพยข์ บั ไมก้ ลอ่ มชา้ งพงั ฉนั ทว์ รรณพฤตแิ ละมาตราพฤติ สมทุ รโฆษคำ� ฉนั ท์ (ตอนปลาย) ฉนั ทส์ งั เวยกลองวนิ จิ ฉยั เภรี �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 371

กวีวัจน์วรรณนา กลอน เพลงยาวเจา้ พระ รอ้ ยแกว้ ความเรยี ง พระธรรมเทศนาพระราชพงศาวดารสงั เขปและ พระราชพงศาวดารยอ่ จกั รทปี นี (รอ้ ยแกว้ ปนกาพย)์ ตำ� ราโหราศาสตร์ พระปฐมสมโพธกิ ถา คำ� ประกาศพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกรชั กาลที่ ๔ พระธรรมเทศนาพระราชพงศาวดารสงั เขป คำ� ฤษฎ ี ตำ� ราสรา้ งพระพทุ ธรปู 372 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 372

ประวัติและผลงานของกวี สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดศิ ร สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดศิ รมพี ระนามเดมิ วา่ พระองคเ์ จา้ ชายมงั่ ประสตู เิ มอื่ วนั พฤหสั บดที ่ี ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๓๖ เปน็ พระราชโอรสลำ� ดบั ที่ ๑๕ ในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ- เลศิ หลา้ นภาลยั พระมารดาคอื เจา้ จอมมารดานม่ิ ธดิ าของเจา้ พระยา พระคลงั (หน) สมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศรทรงเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ กวา้ งขวางและมคี วามจงรกั ภกั ดยี ง่ิ จงึ ไดร้ บั ความไวว้ างพระราชหฤทยั ใหป้ ฏบิ ตั ริ าชการสนองพระเดชพระคณุ ในตำ� แหนง่ สำ� คญั เสมอมา ใน รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั และพระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจา้ อย่หู วั พระองค์ทรงวา่ ราชการกรมพระอาลกั ษณ์ซึง่ มหี นา้ ทถี่ วายงานดา้ นเอกสารแดพ่ ระมหากษตั รยิ ์ ตลอดจนดแู ลรกั ษา หนงั สอื และเอกสารราชการสำ� คญั ตา่ ง ๆ พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสรรเสรญิ พระองคว์ า่ เปน็ “เชฐมตั ตญั ญ”ู ซงึ่ หมายถงึ ผู้ เจรญิ อยา่ งสงู สดุ ทรี่ ปู้ ระมาณ และมพี ระเกยี รตคิ ณุ ปรากฏจารกึ ในพระ สพุ รรณบฏั เมอื่ ไดท้ รงเลอ่ื นเปน็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมขนุ เดชอดศิ รวา่ “ทรงพระปรชี าราชการ” ตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา เดชาดิศรก�ำกับกรมนาด้วยอีกต�ำแหน่งหนึ่ง และทรงกล่าวยกย่อง วา่ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดศิ ร “...ทรงพระสติ ปญั ญาสามารถ ฉลาดในโวหารอนั ควรแลไมค่ วร และสรรพพจนโ์ วหาร ในสยามาทพิ ากยพ์ เิ ศษตา่ ง ๆ หาผจู้ ะเสมอมไิ ดใ้ นกาลบดั น.้ี ..เปน็ มหา สยามกวชี าตนิ กั ปราชญอ์ นั ประเสรฐิ ” สมเดจ็ ฯ กรมพระยาเดชาดศิ ร สน้ิ พระชนมเ์ มอ่ื วนั ท่ี ๕ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๐๒ สริ พิ ระชนมายไุ ด้ ๖๗ ปี ทรงเปน็ ตน้ ราชสกลุ “เดชาต-ิ วงศ”์ ผลงานพระนพิ นธข์ องสมเดจ็ ฯ กรมพระยาเดชาดศิ ร มดี งั น้ี �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 373 373 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา รอ้ ยกรอง โคลง - โคลงโลกนติ ิ - โคลงภาพคนต่างภาษา(ภาพยี่ปุ่น ภาพจีน ภาพญวน ภาพสระกาฉวน) - โคลงนริ าศเสดจ็ ไปทพั เมอื งเวยี งจนั ทนห์ รอื โคลง นริ าศกรมหมนื่ เดชอดศิ รเสดจ็ ไปทพั เวยี งจนั ทน์ ฉนั ท ์ - ฉนั ทส์ รรเสรญิ พระมหามณรี ตั นปฏมิ ากร - ฉนั ทส์ งั เวยพระมหาเศวตฉตั ร พระทน่ี ง่ั ดสุ ติ มหาปราสาทครง้ั รชั กาลที่ ๔ - ฉนั ทส์ งั เวยพระมหาเศวตฉตั รพระทน่ี ง่ั ไพศาล ทกั ษณิ ครงั้ รชั กาลที่ ๔ - ฉนั ทส์ งั เวยพระมหาเศวตฉตั ร พระทนี่ ง่ั อมรนิ ทร- วนิ จิ ฉยั และพระทน่ี ง่ั อนนั ตสมาคมครง้ั รชั กาลที่๔ - ฉนั ทก์ ลอ่ มมงคลคเชนทรชำ� นเิ ผอื กพลาย รา่ ย - ประกาศพระราชพธิ คี เชนทรศั วสนาน - ประกาศพระราชพธิ พี ชื มงคลและจรดพระนงั คลั ใหม่ - ประกาศพระราชพธิ สี ารท รอ้ ยแกว้ - คำ� ฤษฎี(ทรงพระนพิ นธร์ ว่ มกบั สมเดจ็ พระมหา สมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรสและพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงภวู เนตรนรนิ ทรฤทธ)์ิ 374 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 374

ประวัติและผลงานของกวี นายนรนิ ทร์ธเิ บศร์ (อิน) นายนรินทร์ธิเบศร์ นามเดิมว่า อิน เป็นกวีในรัชสมัยพระบาท สมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั รบั ราชการตำ� แหนง่ มหาดเลก็ หมุ้ แพร ในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ และได้รับพระราชทาน บรรดาศกั ดเ์ิ ปน็ นายนรนิ ทรธ์ เิ บศร์ ใน พ.ศ.๒๓๕๒ นายนรนิ ทรธ์ เิ บศรต์ ามเสดจ็ สมเดจ็ พระบวรราชเจา้ มหาเสนานรุ กั ษไ์ ปปราบพมา่ ทยี่ กมาตเี มอื งถลางและชมุ พร ในครงั้ นนั้ ไดแ้ ตง่ โคลงนริ าศนรนิ ทรซ์ งึ่ ไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ โคลงชนั้ เยย่ี มใน บรรดานริ าศคำ� โคลง ผลงานของนายนรนิ ทรธ์ เิ บศร์ ไดแ้ ก่ ๑. โคลงนริ าศนรนิ ทร์ ๒. เพลงยาวนายนรนิ ทรธ์ เิ บศร์ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 375 375 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา 376 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 376

ประวัติและผลงานของกวี สนุ ทรภู่ พระสนุ ทรโวหาร (ภ)ู่ หรอื ทเี่ รยี กกนั โดยทว่ั ไปวา่ “สนุ ทรภ”ู่ เปน็ กวี คนส�ำคัญในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙ในรชั กาลท่ี๑และมชี วี ติ ยนื ยาวมาจนถงึ รชั กาลท่ี๔สนุ ทร- ภเู่ ตบิ โตขน้ึ มาในวงั หลงั ดว้ ยมารดาเปน็ พระนมของพระองคเ์ จา้ หญงิ จงกล พระธดิ าในสมเดจ็ พระเจา้ หลานเธอ เจา้ ฟา้ กรมหลวงอนรุ กั ษ- เทเวศร กรมพระราชวงั บวรสถานภมิ ขุ สนุ ทรภเู่ รม่ิ เรยี นหนงั สอื ทวี่ ดั ศรสี ดุ าราม (วดั ชปี ะขาว) รมิ คลอง บางกอกน้อย ด้วยความท่ีสุนทรภู่เป็นคนเฉลียวฉลาดและมีความ สามารถทางวชิ าหนงั สอื อยา่ งยงิ่ ตอ่ มาจงึ ไดเ้ ขา้ รบั ราชการและเจรญิ กา้ วหนา้ เปน็ ลำ� ดบั จนกระทง่ั ไดเ้ ปน็ ขนุ สนุ ทรโวหาร กรมพระอาลกั ษณ์ ในสมยั รชั กาลที่ ๒ เปน็ ทโี่ ปรดปรานของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ - หลา้ นภาลยั ทงั้ ยงั ไดเ้ ปน็ พระอาจารยถ์ วายพระอกั ษรแดพ่ ระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ อาภรณใ์ นชว่ งปลายรชั กาล ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั สนุ ทรภไู่ ดอ้ อก จากราชการและอุปสมบทเป็นภิกษุจ�ำพรรษาที่วัดราชบุรณะ (วัด เลียบ) ภายหลังได้ออกจากวัดราชบุรณะ และไปจ�ำพรรษาอยู่ท่ีวัด อรณุ ราชวราราม วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม และวดั เทพธดิ าราม ตามลำ� ดบั ระหวา่ งทบ่ี วชอยนู่ ้ี สนุ ทรภไู่ ดร้ บั พระเมตตาจากเจา้ นาย หลายพระองค์ ไดแ้ ก่ เจา้ ฟา้ กณุ ฑลทพิ ยวดี พระมารดาพระเจา้ ลกู ยา เธอ เจา้ ฟา้ อาภรณ์ โปรดใหส้ นุ ทรภถู่ วายพระอกั ษรแดพ่ ระโอรส คอื เจา้ ฟา้ กลางและเจา้ ฟา้ ปว๋ิ ขณะจำ� พรรษาทว่ี ดั พระเชตพุ นฯ ไดร้ บั อปุ การะ จากพระองคเ์ จา้ ลกั ขณานคุ ณุ พระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระ นงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ระหวา่ งนน้ั กเ็ ปน็ ครสู อนแตง่ กลอนแกค่ นทวั่ ไป ศษิ ย์ ทม่ี ชี อื่ ไดแ้ ก่ นายมี และ หมอ่ มราโชทยั หลังจากท่ีพระองค์เจ้าลักขณานุคุณส้ินพระชนม์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๘ สนุ ทรภกู่ ข็ าดผอู้ ปุ การะ แตภ่ ายหลงั จงึ ไดร้ บั การอปุ การะจาก สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ (พระบาท 377 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 377 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:10 PM สมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ) และสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ กรมหมน่ื อปั สรสดุ าเทพ ตลอดชว่ งรชั กาลที่ ๓ นี้ สนุ ทรภมู่ ชี วี ติ แบบลมุ่ ๆ ดอน ๆ มผี อู้ ปุ การะบา้ ง ตกยากลำ� บากบา้ ง แตก่ ลบั เปน็ ชว่ งเวลาทผ่ี ลติ ผลงาน ออกมาไดม้ ากทส่ี ดุ โดยเฉพาะเรอ่ื งพระอภยั มณี ซงึ่ เปน็ เรอ่ื งทสี่ รา้ งชอื่ เสยี งสงู สดุ แกส่ นุ ทรภู่ ในรชั กาลที่ ๔ พระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ า โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ นุ ทรภเู่ ปน็ เจา้ กรมพระอาลกั ษณฝ์ า่ ยพระบวรราชวงั มบี รรดาศกั ดเ์ิ ปน็ พระสนุ ทรโวหาร สนุ ทรภดู่ ำ� รงตำ� แหนง่ เจา้ กรมพระ อาลกั ษณไ์ ด้ ๕ ปี กถ็ งึ แกก่ รรมเมอ่ื พ.ศ. ๒๓๙๘ รวมอายไุ ด้ ๗๐ ปี ตลอดชีวิตของสุนทรภู่ประสบท้ังความรุ่งเรืองและตกต่�ำ ท้ังนี้ เพราะสนุ ทรภเู่ ปน็ กวที มี่ คี วามสามารถสงู แตก่ ม็ อี ปุ นสิ ยั สว่ นตวั บาง ประการทม่ี กั กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาในชวี ติ อยเู่ นอื ง ๆ เชน่ นสิ ยั เจา้ ชแู้ ละ ตดิ สรุ า อยา่ งไรกต็ าม สนุ ทรภไู่ ดร้ บั ยกยอ่ งวา่ มฝี ปี ากเปน็ เลศิ ในการ แตง่ กลอนสภุ าพ ลลี าการแตง่ กลอนของสนุ ทรภทู่ เ่ี นน้ เสยี งสมั ผสั ใน ซงึ่ พฒั นาจากกลบทมธรุ สวาทเี ปน็ ทน่ี ยิ มในแวดวงนกั กลอนตราบจน กระทงั่ ปจั จบุ นั สนุ ทรภจู่ งึ มกั ไดร้ บั การกลา่ วถงึ ในฐานะ “ครกู ว”ี อยู่ เสมอ ใน พ.ศ. ๒๕๒๙ เนอ่ื งในวาระครบ ๒๐๐ ปเี กดิ ของสนุ ทรภู่ องคก์ าร ศกึ ษาวทิ ยาศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติ (UNESCO) ได้ ประกาศยกยอ่ งเกยี รตคิ ณุ ใหส้ นุ ทรภเู่ ปน็ บคุ คลสำ� คญั ทม่ี ผี ลงานดเี ดน่ ทางดา้ นวฒั นธรรมระดบั โลก ผลงานประพนั ธข์ องสนุ ทรภู่ มดี งั นี้ รอ้ ยกรอง นริ าศ - นริ าศเมอื งแกลง - นริ าศพระบาท - นริ าศภเู ขาทอง 378 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 378

ประวัติและผลงานของกวี - นริ าศเมอื งสพุ รรณ (โคลง) - นริ าศวดั เจา้ ฟา้ - นริ าศอเิ หนา - นริ าศพระแทน่ ดงรงั - นริ าศพระประธม - นริ าศเมอื งเพชรบรุ ี นทิ าน - นทิ านคำ� กลอนเรอื่ ง โคบตุ ร - นทิ านคำ� กลอนเรอ่ื ง ลกั ษณวงศ์ - นทิ านคำ� กลอนเรอื่ ง สงิ หไกรภพ - นทิ านคำ� กลอนเรอื่ ง พระอภยั มณี - กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า สภุ าษติ - สวสั ดริ กั ษา - เพลงยาวถวายโอวาท บทละคร - อภยั นรุ าช บทเสภา - เสภาเรอื่ งขนุ ชา้ งขนุ แผน(ตอนกำ� เนดิ พลายงาม) - เสภาพระราชพงศาวดาร บทเหก่ ลอ่ ม - เหเ่ รอ่ื งจบั ระบำ� เหเ่ รอ่ื งกากี - เหเ่ รอ่ื งพระอภยั มณี - เหเ่ รอื่ งโคบตุ ร �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 379 379 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา 380 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 380

ประวัติและผลงานของกวี นายชิต บรุ ทัต ชติ บรุ ทตั (นามสกลุ เดมิ ชวางกรู ) บดิ าชอื่ นายชู มารดาชอื่ นาง ปรกิ เกดิ ทก่ี รงุ เทพมหานคร เมอื่ วนั ที่ ๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๓๕ ใน รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ชติ บรุ ทตั เรมิ่ เรยี นหนงั สอื ทโ่ี รงเรยี นวดั ราชบพธิ เปน็ ผมู้ คี วาม รคู้ วามสามารถดา้ นภาษาไทยอยา่ งดยี งิ่ รวมทงั้ มคี วามรภู้ าษาบาลดี ี เพราะบดิ าเปน็ ครสู อนภาษาบาลอี ยทู่ โ่ี รงเรยี นวดั ราชบพธิ ตอ่ มาไดย้ า้ ย มาเรยี นจนสำ� เรจ็ ชน้ั มธั ยมทโ่ี รงเรยี นวดั สทุ ศั น์ ขณะนนั้ มอี ายไุ ด้ ๑๕ ปี ไดบ้ วชเปน็ สามเณร ณ วดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม โดยมพี ระเจา้ วร- วงศเ์ ธอ กรมหลวงชนิ วรสริ วิ ฒั น์ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ ทรงเปน็ พระ อปุ ชั ฌาจารย์บวชไดร้ าว๒ปีกส็ กึ ออกมารบั ราชการในกรมตำ� รวจแลว้ ไป เปน็ ครทู โ่ี รงเรยี นวดั จนั ทร์ จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี กอ่ นจะบวชเณรอกี ครง้ั ณ วดั เทพศริ นิ ทราวาสและไดย้ า้ ยไปอยวู่ ดั บวรนเิ วศวหิ าร ทำ� ใหไ้ ดเ้ รยี นรู้ ศาสตรด์ า้ นการประพนั ธจ์ ากสมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ - ญาณวโรรส ขณะนน้ั มอี ายไุ ด้ ๑๘ ปี ชติ บรุ ทตั ไดต้ พี มิ พผ์ ลงานชนิ้ แรกขณะเปน็ สามเณรอยทู่ วี่ ดั บวร- นเิ วศวหิ าร เปน็ บทกวลี งในหนงั สอื พมิ พป์ ระตใู หม่ ใชน้ ามปากกาวา่ “เอกชน” จากนนั้ มผี ลงานประพนั ธล์ งหนงั สอื พมิ พห์ ลายรอ้ ยบทจน เป็นท่ีรู้จักอย่างกว้างขวาง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ดำ� รงราชานภุ าพ องคส์ ภานายกหอพระสมดุ วชริ ญาณไดท้ อดพระเนตร เห็นงานของสามเณรชิตอยู่หลายบท แต่ท่ีโปรดเป็นพิเศษคือบท สรรเสรญิ พระเกยี รตคิ ณุ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ตอ่ มาสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพไดท้ รง อาราธนาใหร้ ว่ มแตง่ ฉนั ทส์ มโภชพระมหาเศวตฉตั รในงานพระราชพธิ ี ฉัตรมงคล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. ๒๔๕๔ พรอ้ มดว้ ยกวอี กี หลายทา่ น อาทิ หลวงธรรมาภมิ ณฑ์ (ถกึ จติ รกถกึ ) พระราชวรวงศเ์ ธอ กรมหมนื่ กวพี จนส์ ปุ รชี า พระราชวรวงศเ์ ธอ กรม หมน่ื พทิ ยาลงกรณ 381 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 381 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:10 PM สามเณรชติ ไดอ้ ปุ สมบท ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร เมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๔ หลงั จากนน้ั อกี สองปจี งึ ไดล้ าสกิ ขา และเขา้ ทำ� งานกบั หนงั สอื พมิ พห์ ลาย แห่ง เช่น ศรีกรุง พิมพ์ไทย โฟแท็กซ์ ไทยหนุ่ม เทิดรัฐธรรมนูญ ตอ่ มา พ.ศ. ๒๔๕๘ นายชติ ไดส้ ง่ บทประพนั ธป์ ลกุ ใจชอ่ื วา่ “ชาตปิ ยิ าน-ุ สรณ”์ ลงพมิ พใ์ นหนงั สอื พมิ พส์ มทุ สาร หนงั สอื พมิ พร์ ายเดอื นของราช- นาวสี มาคมในพระบรมราชปู ถมั ภ์ เมอื่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทอดพระเนตรเหน็ กท็ รงพอพระราชหฤทยั เปน็ อนั มาก ทรง พระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จา้ หนา้ ทข่ี อภาพถา่ ยเจา้ ของบทปลกุ ใจลง พมิ พป์ ระกอบดว้ ย ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๔๕๙ นายชติ ไดร้ บั พระราชทาน นามสกลุ “บรุ ทตั ” จากพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั และ ไดส้ มรสกบั นางจน่ั แตไ่ มม่ บี ตุ รธดิ าดว้ ยกนั ชติ บรุ ทตั ถงึ แกก่ รรมเมอ่ื วนั ท่ี ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๕ ดว้ ย โรคลำ� ไสพ้ กิ าร ขณะมอี ายไุ ด้ ๔๙ ปี ไดฝ้ ากผลงานการประพนั ธเ์ อา ไว้ในวงการวรรณคดีหลายชิ้น ผลงานที่ได้รับยกย่องและเป็นท่ีรู้จัก แพรห่ ลายมากทสี่ ดุ คอื สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ท์ ชติ บรุ ทตั ไดช้ อ่ื วา่ เปน็ กวีที่สร้างสรรค์ปรับรูปแบบค�ำประพันธ์ใหม่ได้หลากหลาย น่าอ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค�ำประพันธ์ประเภทฉันท์ ท้ังยังมีความสามารถ แตง่ คำ� ประพนั ธใ์ หอ้ า่ นไดห้ ลายรปู แบบทง้ั รอ้ ยแกว้ และรอ้ งกรองใน คราวเดยี วกนั อกี ดว้ ย ชติ บรุ ทตั มนี ามแฝงหลากหลาย เชน่ “นาย ชติ บรรณาธกิ ารผชู้ ว่ ย” “ช. บรุ ทตั ” “เอกชน” “เจา้ เงาะ” “แมวคราว” และ “เอกกว”ี ผลงานบางสว่ นของชติ บรุ ทตั เชน่ ๑. สามคั คเี ภทคำ� ฉนั ท์ ๒. ชาตปิ ยิ านสุ รณ์ ๓. กาพยเ์ ฉลมิ พระเกยี รตงิ านพระเมรทุ องทอ้ งสนามหลวง ๔. ลลิ ติ สภุ าพจลุ ธนคุ คหะบณั ฑติ ๕. ลลิ ติ สภุ าพพาโลทกชาดกในทกุ นบิ าต 382 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 382

ประวัติและผลงานของกวี ๖. อลิ ลสิ ชาดกในเอกนบิ าต ๗. เวทพั พชาดกคำ� ฉนั ท์ ๘. นริ าศนครราชสมี า ๙. นริ าศแมวคราว ฯลฯ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 383 383 8/8/2557 BE 3:10 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 384 8/8/2557 BE 3:10 PM

รูปแภบาบคคผ�ำนปวรกะพขันธ์ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 385 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา โคลงสองสุภาพ แผนผังของโคลงสองสภุ าพ ตวั อยา่ งค�ำประพันธท์ แี่ ต่งด้วยโคลงสองสภุ าพ 8/8/2557 BE 3:10 PM จำ� ใจจรจากสรอ้ ย อยแู่ มอ่ ยา่ ละหอ้ ย หอ่ นชา้ คนื สม แมแ่ ล (ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย) ฉนั ทลกั ษณข์ องโคลงสองสุภาพ คณะ โคลงสองสภุ าพ ๑ บทมี ๑๔ คำ� ไมร่ วมคำ� สรอ้ ย โคลงสองสภุ าพ ๑ บท แบง่ เปน็ ๓ วรรค เชน่ “จำ� ใจจรจากสรอ้ ย” นบั เปน็ ๑ วรรค วรรคที่ ๑ และ ๒ มี ๕ คำ� วรรคท่ี ๓ มี ๔ คำ� หลงั วรรค ที่ ๓ อาจมคี ำ� สรอ้ ยตอ่ ทา้ ย เชน่ แมแ่ ล คำ� สรอ้ ยนจี้ ะมหี รอื ไมม่ กี ไ็ ด้ คำ� สรอ้ ย หมายถงึ คำ� หรอื วลที ใ่ี ชล้ งทา้ ยวรรค ทา้ ยบาท หรอื ทา้ ย บทรอ้ ยกรอง เพอื่ ความไพเราะของเสยี งและความหมายหรอื เพอื่ แสดง วา่ จบตอน เชน่ นา เฮย ฤๅ บารนี แกแ่ มน่ า โสตถเ์ิ ทอญ คำ� สรอ้ ยมกั พบใชใ้ นคำ� ประพนั ธป์ ระเภทรา่ ยและโคลง สัมผสั โคลงสองสภุ าพบงั คบั สมั ผสั ระหวา่ งวรรคหรอื สมั ผสั นอกซง่ึ เปน็ สมั ผสั สระกลา่ วคอื คำ� สดุ ทา้ ยของวรรคท่ี ๑ สง่ สมั ผสั ไปยงั คำ� สดุ ทา้ ย ของวรรคที่ ๒ เชน่ สรอ้ ย-ละหอ้ ย โคลงสองสภุ าพไมบ่ งั คบั สมั ผสั ระหวา่ งบท แตอ่ าจมกี ารเพมิ่ สมั ผสั ระหวา่ งบทเพอื่ ความไพเราะ โดยสง่ สมั ผสั จากคำ� สดุ ทา้ ยของวรรคท่ี ๓ ไปยงั คำ� ใดคำ� หนงึ่ ในวรรคท่ี ๑ ของบทถดั ไป 386 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 386

รูปแบบค�ำประพันธ์ โคลงสองสภุ าพอาจมสี มั ผสั ภายในวรรคทเ่ี รยี กวา่ สมั ผสั ในซงึ่ เปน็ ไดท้ ง้ั สมั ผสั สระและสมั ผสั พยญั ชนะ เพอ่ื เสรมิ ใหโ้ คลงไพเราะยงิ่ ขนึ้ เชน่ จำ� -ใจ-จร-จาก, อย-ู่ อยา่ เอกโท โคลงสองสภุ าพบงั คบั รปู วรรณยกุ ตเ์ อกและโท โดยกำ� หนดใหใ้ ชค้ ำ� ทม่ี รี ปู วรรณยกุ ตเ์ อกหรอื คำ� ตาย (เรยี กวา่ คำ� เอก) ๓ คำ� และ คำ� ทมี่ รี ปู วรรณยกุ ตโ์ ท (เรยี กวา่ คำ� โท) ๓ คำ� คำ� เอกอยทู่ ค่ี ำ� ท่ี ๔ ของวรรคแรก คำ� ท่ี ๒ ของวรรคที่ ๒ และคำ� ที่ ๑ ของวรรคที่ ๓ คำ� โทอยทู่ คี่ ำ� ท่ี ๕ ของวรรคแรก คำ� ที่ ๕ ของวรรคที่ ๒ และคำ� ท่ี ๒ ของวรรคที่ ๓ ดงั ปรากฏในโคลงตวั อยา่ งดงั น้ี คำ� เอก ไดแ้ ก่ จาก แม่ หอ่ น คำ� โท ไดแ้ ก่ สรอ้ ย หอ้ ย ชา้ ในกรณที ห่ี าคำ� เอก คำ� โท มาใชไ้ มไ่ ด้ กอ็ นโุ ลมใหใ้ ชค้ ำ� เอกโทษแทน คำ� เอก และใชค้ ำ� โทโทษแทนคำ� โทได้ แตไ่ มใ่ ครน่ ยิ มใช้ คำ� เอกโทษ คอื คำ� ทร่ี ปู วรรณยกุ ตเ์ ดมิ เปน็ รปู โท แตเ่ ปลยี่ นมาใชร้ ปู วรรณยกุ ตเ์ อกโดยคงเสยี งวรรณยกุ ตใ์ หเ้ หมอื นเดมิ เชน่ สู้ เขยี นเปน็ ซู่ คำ� โทโทษ คอื คำ� ทร่ี ปู วรรณยกุ ตเ์ ดมิ เปน็ รปู เอก แตเ่ ปลย่ี นมาใช้ รปู วรรณยกุ ตโ์ ทโดยคงเสยี งวรรณยกุ ตใ์ หเ้ หมอื นเดมิ เชน่ ยา่ เขยี น เปน็ หยา้ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 387 387 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา โคลงสสี่ ุภาพ แผนผงั ของโคลงสส่ี ภุ าพ ตัวอยา่ งคำ� ประพนั ธท์ แ่ี ตง่ ดว้ ยโคลงสี่สุภาพ เสยี งฦๅเสยี งเลา่ อา้ ง อนั ใด พเี่ อย เสยี งยอ่ มยอยศใคร ทว่ั หลา้ สองเขอื พห่ี ลบั ใหล ลมื ตนื่ ฤๅพี่ สองพคี่ ดิ เองอา้ อยา่ ไดถ้ ามเผอื (ลลิ ติ พระลอ) ฉันทลักษณข์ องโคลงสส่ี ุภาพ คณะ โคลงสส่ี ภุ าพ ๑ บทมี ๓๐ คำ� ไมร่ วมคำ� สรอ้ ย โคลงสส่ี ภุ าพ ๑ บท แบง่ เปน็ ๔ บาท เชน่ “เสยี งลอื เสยี งเลา่ อา้ ง อนั ใด พเ่ี อย” นบั เปน็ ๑ บาท ๑ บาทแบง่ เปน็ ๒ วรรค คอื วรรคหนา้ เชน่ “เสยี งลอื เสยี งเลา่ อา้ ง” และวรรคหลงั เชน่ “อนั ใด” วรรคหนา้ มี ๕ คำ� วรรคหลงั ของบาทที่ ๑ - ๓ มี ๒ คำ� วรรคหลงั ของบาทท่ี ๔ มี ๔ คำ� วรรคหลงั ของบาทท่ี ๑ และ ๓ อาจมคี ำ� สรอ้ ยตอ่ ทา้ ยได้ เชน่ พเ่ี อย ฤๅพี่ คำ� สรอ้ ยเหลา่ นจ้ี ะมหี รอื ไมม่ กี ไ็ ด้ คำ� สรอ้ ย หมายถงึ คำ� หรอื วลที ใ่ี ชล้ งทา้ ยวรรค ทา้ ยบาท หรอื ทา้ ย บทรอ้ ยกรอง เพอ่ื ความไพเราะของเสยี งและความชดั เจนของความ หมาย หรอื เพอ่ื แสดงวา่ จบตอน เชน่ นา เฮย ฤๅ บารนี แกแ่ มน่ า โสตถ์ิ เทอญ คำ� สรอ้ ยมกั พบใชใ้ นคำ� ประพนั ธป์ ระเภทรา่ ยและโคลง 388 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 388 8/8/2557 BE 3:10 PM

รูปแบบค�ำประพันธ์ สัมผสั โคลงส่ีสุภาพบังคับสัมผัสระหว่างวรรคหรือสัมผัสนอกซ่ึงเป็น สมั ผสั สระ ๓ แหง่ คอื คำ� สดุ ทา้ ยของวรรคที่ ๒ สง่ สมั ผสั ไปยงั คำ� สดุ ทา้ ย ของวรรคที่ ๓ กบั ๕ และคำ� สดุ ทา้ ยของวรรคที่ ๔ สง่ สมั ผสั ไปยงั คำ� สดุ ทา้ ยของวรรคที่ ๗ ดงั ปรากฏในโคลงตวั อยา่ งไดแ้ ก่ ใด-ใคร-ใหล และ หลา้ -อา้ โคลงสส่ี ุภาพอาจมีสัมผัสภายในวรรคทเ่ี รียกว่าสมั ผัสใน ซงึ่ เปน็ ไดท้ ง้ั สมั ผสั สระและสมั ผสั อกั ษร เพอื่ เสรมิ ใหโ้ คลงไพเราะยง่ิ ขนึ้ เชน่ ฦๅ-เลา่ , ยอ่ ม-ยอ-ยศ, หลบั -ใหล, เอง-อา้ โดยทวั่ ไป โคลงสส่ี ภุ าพไมบ่ งั คบั สมั ผสั ระหวา่ งบท แตถ่ า้ มสี มั ผสั ระหว่างบทจะเรียกว่า “ร้อยโคลง” โดยจะให้ค�ำสุดท้ายของบทไป สมั ผสั กบั คำ� ท่ี ๑, ๒, ๓, ๔ หรอื ๕ ของวรรคแรกในโคลงบทถดั ไป เอกโท โคลงสส่ี ภุ าพบงั คบั รปู วรรณยกุ ตเ์ อกและโท โดยกำ� หนดใหใ้ ชค้ ำ� ท่ี มรี ปู วรรณยกุ ตเ์ อกหรอื คำ� ตาย (เรยี กวา่ คำ� เอก) ๗ คำ� และคำ� ทม่ี รี ปู วรรณยกุ ตโ์ ท (เรยี กวา่ คำ� โท) ๔ คำ� คำ� เอกจะอยทู่ ค่ี ำ� ที่ ๔ ของวรรคแรก คำ� ท่ี ๒ ของวรรคท่ี ๓ คำ� ท่ี ๑ ของวรรคท่ี ๔ คำ� ท่ี ๓ ของวรรคที่ ๕ คำ� ที่ ๒ ของวรรคท่ี ๖ คำ� ที่ ๒ ของ วรรคท่ี ๗ และคำ� ที่ ๑ ของวรรคท่ี ๘ คำ� โทจะอยทู่ ี่ คำ� ท่ี ๕ ของวรรค แรก คำ� ท่ี ๒ ของวรรคที่ ๔ คำ� ที่ ๕ ของวรรคท่ี ๗ และคำ� ท่ี ๒ ของวรรค ที่ ๘ ดงั ปรากฏในโคลงตวั อยา่ งดงั น้ี คำ� เอก ไดแ้ ก่ เลา่ ยอ่ ม ทว่ั พ่ี ตน่ื พี่ อยา่ คำ� โท ไดแ้ ก่ อา้ ง หลา้ อา้ ได้ บางครงั้ คำ� เอกโทในวรรคท่ี ๑ สามารถสลบั ตำ� แหนง่ กนั ได้ ในกรณที ห่ี าคำ� เอก คำ� โท มาใชไ้ มไ่ ด้ กอ็ นโุ ลมใหใ้ ชค้ ำ� เอกโทษแทน คำ� เอก และใชค้ ำ� โทโทษแทนคำ� โทได้ แตไ่ มใ่ ครน่ ยิ มใช้ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 389 389 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา คำ� เอกโทษ คอื คำ� ทรี่ ปู วรรณยกุ ตเ์ ดมิ เปน็ รปู โท แตเ่ ปลยี่ นมาใชร้ ปู วรรณยกุ ตเ์ อกโดยคงเสยี งวรรณยกุ ตใ์ หเ้ หมอื นเดมิ เชน่ สู้ เขยี นเปน็ ซู่ คำ� โทโทษ คอื คำ� ทรี่ ปู วรรณยกุ ตเ์ ดมิ เปน็ รปู เอก แตเ่ ปลยี่ นมาใช้ รปู วรรณยกุ ตโ์ ทโดยคงเสยี งวรรณยกุ ตใ์ หเ้ หมอื นเดมิ เชน่ ยา่ เขยี น เปน็ หยา้ 390 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 390

รูปแบบค�ำประพันธ์ อนิ ทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ แผนผังของอินทรวิเชยี รฉนั ท์ ๑๑ ตัวอยา่ งคำ� ประพนั ธท์ ี่แตง่ ด้วยอนิ ทรวเิ ชียรฉนั ท์ ๑๑ ภาคพน้ื พนารญั จรแสนสราญรมย์ เนนิ ราบสลบั สม พศิ เพลนิ เจรญิ ใจ โขดเขนิ ศขิ รเขา ณ ลำ� เนาพนาลยั สงู ลวิ่ ละลานน-ั ยนพน้ ประมาณหมาย (อลิ ราชคำ� ฉนั ท)์ ฉนั ทลกั ษณข์ องอนิ ทรวเิ ชียรฉันท์ ๑๑ คณะ อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ ๑ บทแบง่ เปน็ ๒ บาท ใน ๑ บาทมี ๒ วรรค วรรค หนา้ มี ๕ คำ� (พยางค)์ วรรคหลงั มี ๖ คำ� (พยางค)์ ๑ บาทจงึ มี ๑๑ คำ� (พยางค)์ เชน่ “ภาคพน้ื พนารญั จรแสนสราญรมย”์ อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ วรรคหนา้ แบง่ จงั หวะการอา่ นเปน็ ๒ ชว่ ง คอื ๒-๓ สว่ นวรรคหลงั แบง่ จงั หวะการอา่ นเปน็ ๒ ชว่ ง คอื ๓-๓ ครุ-ลหุ อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ทบ์ งั คบั คำ� (พยางค)์ ครลุ หุ คำ� ครุ คอื คำ� หรอื พยางคเ์ สยี งหนกั หมายถงึ คำ� หรอื พยางคท์ ปี่ ระสม สระเสยี งยาว รวมถงึ สระอำ� ไอ ใอ เอา และคำ� หรอื พยางคท์ ม่ี ตี วั สะกด คำ� ครเุ ขยี นแทนดว้ ยเครอ่ื งหมายไมผ้ ดั (ไมห้ นั อากาศ) คำ� ลหุ คอื คำ� หรอื พยางคเ์ สยี งเบา หมายถงึ คำ� หรอื พยางคท์ ป่ี ระสม �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 391 391 8/8/2557 BE 3:10 PM

กวีวัจน์วรรณนา ดว้ ยสระเสยี งสนั้ และไมม่ ตี วั สะกด มคี ำ� เสยี งหนกั ทอี่ นโุ ลมใหเ้ ปน็ คำ� ลหใุ นการแตง่ ฉนั ทไ์ ด้ ไดแ้ ก่ บ บ่ ณ ธ ก็ ฤ บางครง้ั คำ� ทป่ี ระสมสระอำ� กน็ บั เปน็ คำ� ลหไุ ด้ ขน้ึ กบั การออกเสยี งอา่ น คำ� ลหเุ ขยี นแทนดว้ ยเครอ่ื งหมายไมก้ ลดั หรอื ตนี อุ (สระอ)ุ อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ทบ์ งั คบั คำ� ลหใุ นแตล่ ะวรรคดงั น้ี วรรคหนา้ บงั คบั คำ� ครใุ นตำ� แหนง่ ท่ี ๑, ๒, ๔ และ ๕ และบงั คบั คำ� ลหใุ นตำ� แหนง่ ท่ี ๓ เชน่ “ภาคพนื้ พนารญั ” วรรคหลงั บงั คบั คำ� ลหใุ นตำ� แหนง่ ที่ ๑, ๒ และ ๔ และบงั คบั คำ� ครุ ในตำ� แหนง่ ที่ ๓, ๕ และ ๖ เชน่ “จรแสนสราญรมย”์ สมั ผัส อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ทบ์ งั คบั สมั ผสั ดงั นี้ อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ทบ์ งั คบั สมั ผสั นอกซง่ึ เปน็ สมั ผสั สระ ๒ แหง่ ไดแ้ ก่ คำ� สดุ ทา้ ยของวรรคที่ ๒ สง่ สมั ผสั ไปยงั คำ� สดุ ทา้ ยของวรรคที่ ๓ และ คำ� สดุ ทา้ ยของวรรคท่ี ๔ สง่ สมั ผสั ไปยงั คำ� สดุ ทา้ ยของวรรคท่ี ๒ ใน ฉนั ทบ์ ทถดั ไป อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ทอ์ าจมสี มั ผสั ภายในวรรคทเ่ี รยี กวา่ สมั ผสั ใน ซง่ึ มกั เปน็ สมั ผสั พยญั ชนะ เพอ่ื เสรมิ ใหฉ้ นั ทไ์ พเราะยง่ิ ขน้ึ เชน่ ภาค-พนื้ - พ(นารญั ), โขด-เขนิ -(ศ)ิ ขร-เขา, ลวิ่ -ละ-ลาน 392 8/8/2557 BE 3:10 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 392