Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ✍️ กวีวัจน์วรรณนา วรรคทองในวรรณคดีไทย พร้อมประวัติและคำอธิบาย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

✍️ กวีวัจน์วรรณนา วรรคทองในวรรณคดีไทย พร้อมประวัติและคำอธิบาย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

Description: ✍️ กวีวัจน์วรรณนา วรรคทองในวรรณคดีไทย พร้อมประวัติและคำอธิบาย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน

Search

Read the Text Version

ความเอยความรัก เวนิสวานิช ความดเี ดน่ ความดเี ดน่ ของวรรคทองบทนอ้ี ยทู่ เี่ นอ้ื ความซงึ่ สอื่ ความหมายอนั ลกึ ซงึ้ ซบั ซอ้ น สามารถตคี วามไดห้ ลายระดบั ในระดบั แรกเมอ่ื พจิ ารณา ตัวบทดอกสร้อยถามตอบโดยเช่ือมโยงกับตัวละครส�ำคัญทั้งสองท่ี กำ� ลงั ดำ� เนนิ บทบาทอยใู่ นขณะนนั้ กจ็ ะพบวา่ บสั สานโิ ยและปอรเ์ ชยี ตา่ งกร็ กั กนั และบสั สานโิ ยกำ� ลงั พยายามจะทำ� ใหค้ วามรกั ของทง้ั สอง สมปรารถนา บทร้องทั้งสองบทจึงอาจจัดเป็นบทฝากรักอันซาบซึ้ง ใจระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว เร่ิมด้วยการแสดงความพะวง สงสยั เกย่ี วกบั ความรกั ตง้ั แตข่ นั้ ตอนของการเกดิ ขนึ้ จนถงึ การเตบิ โต งอกงามดงั ทฝี่ า่ ยหญงิ ตงั้ คำ� ถามวา่ ความรกั นน้ั “เรม่ิ สมคั รชน้ั ตน้ ณ หนไหน”“แรกจะเกดิ เปน็ ไฉนใครรบู้ า้ ง” และอะไรเปน็ เครอื่ ง “ถนอม กลอ่ มเกลย้ี งเลยี้ งความรกั ” คำ� ถามเหลา่ นช้ี วนใหร้ สู้ กึ วา่ ผถู้ ามเพงิ่ เรมิ่ มคี วามรกั เปน็ ครง้ั แรก และกำ� ลงั ตอ้ งการความแนใ่ จวา่ ความรสู้ กึ ทเี่ กดิ ขนึ้ กบั ตนนนั้ คอื ความรกั ใชห่ รอื ไม่ บทดอกสรอ้ ยบทท่ี ๒ นอกจากจะ เปน็ การใหค้ ำ� ตอบแลว้ ยงั อาจจดั ไดว้ า่ เปน็ การแสดงความรกั ของฝา่ ย ชายและเปน็ คำ� วงิ วอนขอใหน้ างรกั ตอบดว้ ยเหน็ ไดจ้ ากการเรยี กหญงิ ผู้ ถามดว้ ยถอ้ ยคำ� อนั ออ่ นหวานนมุ่ นวลวา่ “นอ้ งนอ้ ย” และ “สายใจ” การบรรยายจดุ เรมิ่ ตน้ ของความรกั วา่ เกดิ เมอ่ื “ตาประสบตา” และการ พรรณนาใหเ้ หน็ วา่ หาก “สายใจไมส่ มคั ร” ความรกั นน้ั กจ็ กั “อาสญั ” ไป ใหต้ อ้ งครวญครำ�่ รำ� พนั ถงึ อยา่ งไรกต็ าม เมอ่ื พจิ ารณาเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ทง้ั กอ่ นการ เลอื กหบี และระหวา่ งการเลอื กหบี โดยละเอยี ดจะพบวา่ เนอื้ ความใน บทกลอนทง้ั ๒ บทเปน็ การสง่ “สาร” สำ� คญั ไปยงั บสั สานโิ ย ผซู้ งึ่ กำ� ลงั พจิ ารณาหบี ทงั้ สามอยู่กลา่ วคอื กอ่ นทบ่ี สั สานโิ ยจะมาเลอื กหบี เจา้ มอ- รอ็ คโคและเจา้ อารร์ ะคอน ผปู้ รารถนานางปอรเ์ ชยี เปน็ ชายาไดม้ าเลอื ก หบี ไปกอ่ นแลว้ โดยเจา้ มอรอ็ คโคเลอื กหบี ทองซง่ึ มภี าพกะโหลกผอี ยู่ ภายใน สว่ นเจา้ อารร์ ะคอนเลอื กหบี เงนิ ซง่ึ มภี าพจำ� อวดปรากฏอยู่นาง �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 43 43 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา ปอรเ์ ชยี จงึ ทราบกอ่ นทบี่ สั สานโิ ยจะมาเลอื กหบี วา่ หบี ตะกวั่ คอื ใบทม่ี ี ภาพของนาง แตเ่ มอ่ื นางไมส่ ามารถบอกบสั สานโิ ยโดยตรงได้ นางจงึ สง่ั ใหว้ งดนตรบี รรเลงเพลงคลอขณะทบ่ี สั สานโิ ยเลอื กหบี ซงึ่ กค็ อื การ เลอื กตวั นาง และสอ่ื “สาร” ผา่ นเนอ้ื รอ้ งของเพลงโดยตงั้ คำ� ถามให้ บสั สานโิ ย “ตรองจงด”ี วา่ ความรกั ของเขาทมี่ ตี อ่ นางนน้ั “เรม่ิ ในสมอง” หรอื งอกงามขนึ้ “กลางหวา่ งหวั ใจ” เนอ้ื เพลงบททสี่ องใหค้ ำ� ตอบแก่ บสั สานโิ ยวา่ หากความรกั ใครเ่ สนห่ าเกดิ และเตบิ โตขนึ้ จากการมรี ปู กาย อนั งดงามของนางเปน็ อาหารตาอนั “สำ� ราญครนั ”ความรกั นน้ั ยอ่ มเปน็ เพยี งความหลงใหลคลงั่ ไคลซ้ ง่ึ เกดิ เพราะสมองรบั สงิ่ เรา้ ภายนอกความ เสนห่ าเชน่ นดี้ บั มอดไปไดโ้ ดยงา่ ยหาก “ใจไมส่ มคั ร” ดงั นน้ั การเลอื ก นางจงึ ไมค่ วรใชร้ ปู ลกั ษณแ์ ละเครอ่ื งประดบั ตกแตง่ ภายนอกเปน็ เครอื่ ง ตดั สนิ เมอ่ื บสั สานโิ ยไดฟ้ งั เพลงทง้ั ๒ บทนจี้ งึ เขา้ ใจสจั ธรรมทวี่ า่ “ถงึ ผวิ นอกคา่ นอ้ ยสกั ปานใด มกั ลวงโลกเพราะใสสดุ สงา่ ...คอื สงิ่ ใดวาววบั จบั สายตา ทง้ั นำ�้ หนกั และราคามกั ยอ่ มเยา...รวมความวา่ บรรดารปู งาม นอก มกั จะหลอกคนหลงงงระสำ่� ” และตดั สนิ ใจเลอื กหบี ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ทำ� ใหค้ วามรกั ของทง้ั สองสมปรารถนาในทส่ี ดุ “สาร” ทป่ี อรเ์ ชยี สง่ ไปถงึ บสั สานโิ ยนเ้ี ปน็ การใหค้ ตอิ นั คมคายวา่ มนษุ ยเ์ ราไมค่ วรตดั สนิ สง่ิ ใดจากรปู ภายนอก และความรกั ทเี่ กดิ จากรปู โฉมภายนอก ไมไ่ ด้ งอกงามเตบิ โตขน้ึ ในจติ ใจ และดบั สญู ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ นยั อนั ลกึ ซงึ้ ซบั ซอ้ นทส่ี อ่ื ผา่ นโวหารอนั ไพเราะออ่ นหวาน ทำ� ใหบ้ ท ดอกสรอ้ ยทงั้ ๒ บทเปน็ ทจ่ี บั ใจของผอู้ า่ นผชู้ ม จนมผี อู้ ญั เชญิ บทพระ- ราชนพิ นธต์ อนนไี้ ปเปน็ เนอื้ รอ้ งของเพลง “ความรกั ” จงึ ทำ� ใหว้ รรคทอง บทนเี้ ปน็ ทรี่ จู้ กั แพรห่ ลายมาจนปจั จบุ นั 44 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 44

ความเอยความรัก เวนิสวานิช �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 45 45 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 46 8/8/2557 BE 3:09 PM

๘ แม่รกั ลูกลกู กร็ ้อู ยู่วา่ รกั คนอ่นื สักหมน่ื แสนไม่แม้นเหมอื น จะกนิ นอนวอนว่าเมตตาเตอื น จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 47 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ท่มี าของวรรคทอง เสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน ๒๔ กำ� เนดิ พลายงาม ผูแ้ ตง่ สนุ ทรภู่ ปี/สมัยทแี่ ต่ง ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ประเภทของวรรณคดี ขนุ ชา้ งขนุ แผนจดั เปน็ วรรณคดปี ระเภทเสภา คอื วรรณคดที แ่ี ตง่ ดว้ ยกลอนเสภา มจี ดุ ประสงคเ์ พอ่ื ใชข้ บั เสภาซง่ึ เปน็ การขบั ทม่ี จี งั หวะ และทำ� นองเฉพาะและมกั ใชก้ รบั เปน็ เครอื่ งประกอบจงั หวะเนอื้ หาของ เสภามหี ลากหลาย เชน่ นทิ าน ตำ� นาน พงศาวดาร คำ� สอน รูปแบบคำ� ประพนั ธ์ กลอนเสภา วตั ถปุ ระสงค์/โอกาสในการแตง่ เร่ืองขุนช้างขุนแผนเป็นเร่ืองที่นิยมน�ำมาเล่าและขับเป็นเสภา ตง้ั แตส่ มยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา มอี ยหู่ ลายสำ� นวน ในสมยั ตน้ รตั นโกสนิ ทร์ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหแ้ ตง่ บทเสภาขนุ ชา้ งขนุ แผนขน้ึ ใหมห่ ลายตอน พระองคท์ รงพระราช- นพิ นธ์ ๔ ตอน และพระราชทานตอนอนื่ ๆ ใหเ้ จา้ นายและกวรี าชสำ� นกั เชน่ กรมหมน่ื เจษฎาบดนิ ทร์ และสนุ ทรภชู่ ว่ ยกนั แตง่ บทเสภาทแี่ ตง่ ขน้ึ ใหมน่ ใี้ ชข้ บั ถวายตอนทรงเครอื่ งใหญ่ (ตดั ผม) ทำ� ใหเ้ กดิ ธรรมเนยี มขบั เสภาถวายขณะทรงเครอ่ื งใหญใ่ นรชั กาลตอ่ ๆ มา สว่ นการแตง่ บทเสภา ขนุ ชา้ งขนุ แผนขน้ึ ใหมม่ ตี อ่ มาจนถงึ สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสภาเรอื่ งขนุ ชา้ งขนุ แผนตอน “กำ� เนดิ พลายงาม” อนั เปน็ ทม่ี าของ วรรคทองนี้ เปน็ ผลงานของสนุ ทรภู่ ซงึ่ แตง่ ขนึ้ ตามรบั สงั่ ในพระบาท สมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั 48 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 48

แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก ขนุ ชา้ งชุนแผน เนอ้ื หาของบทประพันธ์ เสภาเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผนเปน็ เรอ่ื งราวความรกั สามเสา้ ระหวา่ งพลาย แกว้ นางพมิ พลิ าไลย และขนุ ชา้ ง ซงึ่ เปน็ เพอ่ื นรกั กนั ตง้ั แตย่ งั เดก็ และ อาศยั อยแู่ ถบสพุ รรณบรุ แี ละกาญจนบรุ ี เมอื่ พลายแกว้ อายไุ ด้ ๑๕ ปี ไดบ้ วชเณรและมาจำ� พรรษาทส่ี พุ รรณบรุ ี ทำ� ใหไ้ ดพ้ บและรกั กบั นางพมิ โดยมนี างสายทองพเี่ ลย้ี งนางพมิ เปน็ แมส่ อ่ื ตอ่ มาไมน่ านพลายแกว้ กบั นางพมิ กแ็ ตง่ งานกนั หลงั แตง่ งานเพยี ง ๒ วนั พลายแกว้ ตอ้ งไปราชการ สงคราม ระหวา่ งนน้ั นางพมิ ปว่ ยหนกั จงึ เปลยี่ นชอ่ื เปน็ วนั ทองเพอื่ แก้ เคลด็ ขนุ ชา้ งซงึ่ แอบหลงรกั นางวนั ทองมาตง้ั แตเ่ ดก็ ใชอ้ บุ ายบงั คบั ให้ นางวนั ทองแตง่ งานกบั ตน แตน่ างไมย่ อมเขา้ หอ หลงั จากพลายแกว้ ชนะศกึ และไดบ้ รรดาศกั ดเิ์ ปน็ ขนุ แผน กเ็ ดนิ ทางกลบั มาหานางวนั ทอง พรอ้ มกบั พานางลาวทองภรรยาอกี คนหนงึ่ ซง่ึ ไดม้ าจากการทำ� ศกึ กลบั มาด้วย เมื่อนางวันทองได้พบนางลาวทอง จึงเกิดความหึงหวงและ ทะเลาะววิ าทกนั นางวนั ทองกลา่ ววาจาตดั เยอ่ื ใยขนุ แผน ทำ� ใหข้ นุ แผน โกรธและตดั ขาดนางวนั ทอง นางจงึ จำ� ตอ้ งตกเปน็ ภรรยาของขนุ ชา้ ง ตอ่ มาขนุ ชา้ งใสค่ วามขนุ แผนวา่ หนรี าชการระหวา่ งฝากเวรกบั ขนุ ชา้ ง และไปเยี่ยมนางลาวทองท่ีเจ็บป่วย จนพระพันวษากริ้วและลงโทษ ขนุ แผนโดยการรบิ ลาวทองไป ทำ� ใหข้ นุ แผนเจบ็ แคน้ ขนุ ชา้ ง จงึ มาลกั นางวนั ทองจากเรอื นขนุ ชา้ งแลว้ พาหนเี ขา้ ปา่ หลงั จากนน้ั ไมน่ านนาง วนั ทองกต็ งั้ ครรภ์ ขนุ แผนไมอ่ ยากใหน้ างลำ� บากจงึ ยอมออกจากปา่ มา รบั โทษ ระหวา่ งทข่ี นุ แผนตดิ คกุ อยนู่ นั้ ขนุ ชา้ งมาลกั นางวนั ทองกลบั ไป อกี ตอ่ มานางวนั ทองคลอดลกู ชอ่ื พลายงาม เมอ่ื ขนุ ชา้ งรวู้ า่ พลายงาม เปน็ ลกู ของขนุ แผน กล็ วงพลายงามไปฆา่ แตผ่ พี รายของขนุ แผนชว่ ย ชวี ติ พลายงามไวไ้ ด้ นางวนั ทองเปน็ หว่ งลกู กลวั จะถกู ขนุ ชา้ งทำ� รา้ ย อกี จงึ สง่ พลายงามไปอยกู่ บั นางทองประศรผี เู้ ปน็ ยา่ ทก่ี าญจนบรุ ี เมอื่ พลายงามเตบิ ใหญไ่ ดเ้ ขา้ รบั ราชการและทลู ขอพระราชทานอภยั โทษ แกข่ นุ แผน ตอ่ มาพลายงามกบั ขนุ แผนอาสาไปทำ� สงครามกบั พระเจา้ เชยี งใหมจ่ นชนะ พลายงามจงึ ไดเ้ ลอื่ นยศเปน็ พระไวย วนั หนง่ึ พระไวย คดิ ถงึ นางวนั ทองผเู้ ปน็ แม่ จงึ ไปลกั นางจากขนุ ชา้ งมาอยกู่ บั ตนและ ขนุ แผน ขนุ ชา้ งไปกราบทลู ฟอ้ งรอ้ งจนเกดิ เปน็ คดคี วามใหญโ่ ต พระ 49 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 49 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM พนั วษาจงึ ใหน้ างวนั ทองเลอื กวา่ จะอยกู่ บั ขนุ ชา้ ง ขนุ แผน หรอื พระไวย แตน่ างเลอื กไมไ่ ด้ ทำ� ใหพ้ ระพนั วษากรวิ้ และสง่ั ประหารชวี ติ นางวนั ทอง เปน็ อนั สนิ้ สดุ ความรกั สามเสา้ ระหวา่ งขนุ แผน นางวนั ทอง และขนุ ชา้ ง เนอ้ื เรอ่ื งชว่ งหลงั ของเสภาขนุ ชา้ งขนุ แผนเปน็ เรอื่ งราวของรนุ่ ลกู ขนุ แผนคอื พระไวย (พลายงาม) และพลายชมุ พล (ลกู ของขนุ แผนกบั นางแกว้ กริ ยิ า) และกลา่ วถงึ เรอื่ งรกั สามเสา้ ของพระไวย นางศรมี าลา กบั นางสรอ้ ยฟา้ วา่ นางสรอ้ ยฟา้ ภรรยานอ้ ยใหเ้ ถรขวาดทำ� เสนห่ จ์ น พระไวยหลงฟน่ั เฟอื นทำ� รา้ ยนางศรมี าลาภรรยาหลวงกบั พลายชมุ พล นอ้ งชาย พลายชมุ พลจบั เสนห่ น์ างสรอ้ ยฟา้ ไดแ้ ละแกไ้ ขใหพ้ ระไวยฟน้ื คนื สติ นางจงึ ถกู ขบั ออกจากอยธุ ยา ตอ่ มาเถรขวาดคดิ แคน้ จงึ แปลง เปน็ จระเขเ้ ขา้ มากอ่ ความวนุ่ วายในเมอื งกรงุ แตถ่ กู พลายชมุ พลจบั ได้ และถกู ตดั สนิ ประหารชวี ติ วรรคทองทย่ี กมานอ้ี ยใู่ นเนอื้ เรอ่ื งตอนพลายงามลานางวนั ทองไป อยกู่ บั นางทองประศรที เ่ี มอื งกาญจนบรุ เี พอ่ื หนภี ยั จากขนุ ชา้ งทคี่ ดิ รา้ ย ความหมายของวรรคทอง กลอนบทนเ้ี ปน็ คำ� พดู ของพลายงามซง่ึ กลา่ วลานางวนั ทองผเู้ ปน็ แมด่ ว้ ยความอาลยั รกั พลายงามกลา่ ววา่ แมร่ กั ลกู มากเพยี งใดนน้ั ลกู กป็ ระจกั ษช์ ดั อยใู่ นใจ ใคร ๆ ในโลกนนี้ บั หมน่ื นบั แสนคนกไ็ มร่ กั ลกู มาก เหมอื นเชน่ ทแี่ มร่ กั แมค่ อยดแู ลเอาใจใสต่ กั เตอื นดว้ ยความรกั ความ เมตตาไมว่ า่ ยามกนิ หรอื ยามนอน ครานล้ี กู จำ� ตอ้ งพลดั พรากจากบา้ น และแมไ่ ปกแ็ ตเ่ พยี งตวั เทา่ นน้ั แตใ่ จลกู ยงั คงรกั และอยกู่ บั แมต่ ลอดไป ความดเี ดน่ วรรคทองบทนมี้ คี วามดเี ดน่ หลายประการ ประการแรก ดเี ดน่ ดา้ น การแสดงอารมณ์รักอาลัยอาวรณ์อันลึกซ้ึงที่ลูกมีต่อแม่ในช่วงเวลา กอ่ นทจี่ ะลาจากกนั คำ� รำ� พนั ของพลายงามนี้ แมม้ เี พยี งบทเดยี ว แตส่ อื่ อารมณข์ องตวั ละครไดอ้ ยา่ งครบถว้ นและจบั ใจ ทง้ั ความรกั ของลกู ทมี่ ี ตอ่ แม่ ความรกั ของแมท่ ม่ี ตี อ่ ลกู และความโศกเศรา้ อาลยั อาวรณข์ อง ลกู ผซู้ ง่ึ กำ� ลงั จะตอ้ งพรากจากแมไ่ ปโดยทไ่ี มร่ วู้ า่ เมอ่ื ไรจะไดก้ ลบั มาพบ กนั อกี ทำ� ใหผ้ อู้ า่ นประจกั ษถ์ งึ สายใยรกั อนั ลกึ ซง้ึ ระหวา่ งพลายงามกบั 50 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 50

แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก ขุนช้างชนุ แผน นางวนั ทอง ไดเ้ หน็ ความเปน็ แมท่ ย่ี งิ่ ใหญข่ องนางวนั ทองวา่ เปน็ แมท่ ร่ี กั 51 และดแู ลลกู อยา่ งดยี งิ่ และพลายงามกเ็ ปน็ ลกู ทรี่ กั และมจี ติ กตญั ญู รำ� ลกึ ถงึ พระคณุ ของแมอ่ ยเู่ สมอ การไดป้ ระจกั ษถ์ งึ ความรกั อนั ลกึ ซง้ึ ระหวา่ งแมก่ บั ลกู และการจำ� ตอ้ งพรากจากกนั ของทง้ั คู่ทำ� ใหว้ รรคทอง บทนสี้ รา้ งความสะเทอื นอารมณแ์ กผ่ อู้ า่ นอยา่ งยง่ิ ความดเี ดน่ ประการตอ่ มาคอื วรรคทองบทนใี้ ชค้ ำ� เรยี บงา่ ย กระชบั แต่สื่อความหมายได้อย่างลึกซ้ึง เช่นวรรคที่ว่า “จะกินนอนวอนว่า เมตตาเตอื น” กวใี ชค้ ำ� เพยี งไมก่ คี่ ำ� แตส่ ามารถสอ่ื ใหเ้ หน็ ภาพชดั เจน วา่ แมเ่ ปน็ ผคู้ อยดแู ลเอาใจใสล่ กู ดว้ ยความรกั ความหว่ งใยตลอดเวลา ท�ำให้เข้าใจความว้าเหว่ในจิตใจของพลายงาม เม่ือต้องพลัดพราก จากแม่ไปและจะไม่มีแม่คอยดูแลใส่ใจเช่นน้ีอีกแล้ว หรือค�ำว่า“แต่ ตวั ” ในวรรค “จะจากเรอื นรา้ งแมไ่ ปแตต่ วั ” กเ็ ปน็ คำ� ทส่ี นั้ กระชบั แต่ สอื่ ความหมายไดห้ ลายระดบั ระดบั แรกอาจตคี วามวา่ หมายถงึ ลกู จำ� ตอ้ งพรากจากบา้ นและแมไ่ ปแตล่ ำ� พงั ตวั คนเดยี ว หรอื อาจตคี วาม ได้ลึกซ้ึงอีกระดับว่า การพรากจากบ้านและแม่น้ีเป็นการจากไปแต่ เพยี ง “ตวั ” หรอื รา่ งกายเทา่ นน้ั ซงึ่ สอ่ื ความตอ่ ไปวา่ จติ ใจของลกู นนั้ ยงั คงอยกู่ บั แมเ่ สมอ ความดเี ดน่ อกี ประการหนงึ่ ของวรรคทองบทนค้ี อื มกี ารซำ�้ คำ� และ เลน่ เสยี งสมั ผสั ในทสี่ รา้ งเสยี งเสนาะไพเราะแกบ่ ทประพนั ธ์ กลา่ วคอื มกี ารซำ�้ คำ� วา่ “รกั ” และ “ลกู ” ในวรรคแรกทวี่ า่ “แมร่ กั ลกู ลกู กร็ อู้ ยวู่ า่ รกั ” สว่ นการเลน่ เสยี งสมั ผสั ในพบทง้ั สมั ผสั พยญั ชนะและสมั ผสั สระ ตวั อยา่ งการเลน่ เสยี งสมั ผสั พยญั ชนะ เชน่ “รกั -ร-ู้ รกั ” “สกั -แสน” “หมนื่ -ไม-่ แมน้ -เหมอื น” “วอน-วา่ ” “(เมต)ตา-เตอื น” “เรอื น-รา้ ง” ฯลฯ ตวั อยา่ งการเลน่ เสยี งสมั ผสั สระ เชน่ “แสน-แมน้ ” “นอน-วอน” “แม-่ แต”่ ฯลฯ วรรคทองบทนจี้ งึ มคี วามดเี ดน่ ทงั้ ดา้ นเสยี ง คำ� และเนอื้ ความ คอื ไมเ่ พยี งแตเ่ ปน็ บททมี่ คี วามไพเราะรน่ื หเู ทา่ นน้ั แตย่ งั เปน็ บททน่ี ำ� เสนอ ใหเ้ หน็ ความรกั อนั ยง่ิ ใหญล่ กึ ซงึ้ ระหวา่ งแมก่ บั ลกู ทถ่ี กู โชคชะตาบนั ดาล ใหต้ อ้ งพรากจากกนั เปน็ ความรกั และความโศกทช่ี วนซาบซงึ้ และจบั ใจ ผอู้ า่ นเรอ่ื ยมาจวบจนปจั จบุ นั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 51 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 52 8/8/2557 BE 3:09 PM

๙ นาคีมพี ิษเพ้ียง สุริโย เลื้อยบ่ท�ำเดโช แชม่ ช้า พิษน้อยหย่งิ โยโส แมลงปอ่ ง ชแู ต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 53 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา ท่ีมาของวรรคทอง ประชมุ โคลงโลกนติ ิ ผู้แตง่ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดศิ ร ป/ี สมยั ที่แตง่ พ.ศ.๒๓๗๔-๒๓๗๘ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี โคลงบทนเี้ ปน็ วรรณคดคี ำ� สอน คอื วรรณคดที มี่ เี นอ้ื หามงุ่ แสดงคติ ปรชั ญาในการดำ� เนนิ ชวี ติ จรยิ ธรรม หรอื ขอ้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องคนใน สงั คมกวอี าจนำ� คำ� สอนมาจากคา่ นยิ มความเชอื่ หลกั ธรรมทางศาสนา หรอื ประสบการณช์ วี ติ รูปแบบคำ� ประพันธ์ โคลงสส่ี ภุ าพ วัตถปุ ระสงค์/โอกาสในการแต่ง ใน พ.ศ. ๒๓๗๔ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระ กรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหบ้ รู ณปฏสิ งั ขรณว์ ดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ทั้งยังมีพระราชประสงค์ให้รวบรวมสรรพวิชาความรู้ของไทยอัน มีมาแต่โบราณมาจารึกลงบนแผ่นศิลา เพ่ือสืบทอดภูมิปัญญา ไทยและเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและศึกษาได้ โดยง่ายและเท่าเทียมกัน ในการน้ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร (ขณะด�ำรงพระ ยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศร) รวบรวมและช�ำระ โคลงโลกนิติส�ำนวนเก่า แล้วน�ำมาจารึกบนแผ่นศิลาประดับไว้ บริเวณศาลาทิศของพระมณฑป เพื่อเป็นโอวาทสอนใจประชาชน ดงั โคลงบทแรกทวี่ า่ 54 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 54

นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย โคลงโลกนติ ิ อญั ขยมบรมนเรศรเ์ รอ้ื ง รามวงศ์ พระผา่ นแผน่ ไผททรง สบื ไท้ แสวงยงิ่ สงิ่ สดบั องค ์ โอวาท หวงั ประชาชนให ้ อา่ นแจง้ คำ� โคลง โคลงโลกนติ สิ ำ� นวนของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา เดชาดศิ ร ทงั้ สน้ิ ๕๙๓ บท มที งั้ ทปี่ รบั ปรงุ แกไ้ ขมาจากโคลงโลกนติ ิ สำ� นวนเดมิ และทที่ รงพระนพิ นธข์ นึ้ ใหม่ เมอ่ื มกี ารจารกึ เผยแพรใ่ น วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม ทำ� ใหโ้ คลงโลกนติ สิ ำ� นวนนเ้ี ปน็ ทรี่ จู้ กั กวา้ งขวางกวา่ สำ� นวนอน่ื เน้ือหาของบทประพนั ธ์ โคลงโลกนิตพิ ระนิพนธ์สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา เดชาดศิ รมที มี่ าจากโคลงโลกนติ สิ ำ� นวนเกา่ ซงึ่ สนั นษิ ฐานวา่ นา่ จะแตง่ ขน้ึ กอ่ นสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากโคลงโลกนติ บิ ทท่ี ๒ วา่ ครรโลงโลกนติ นิ ้ี นมนาน มแี ตโ่ บราณกาล เกา่ พรอ้ ง เปน็ สภุ ษติ สาร สอนจติ กลดง่ั สรอ้ ยสอดคลอ้ ง เวย่ี ไวใ้ นกรรณ คำ� สอนในโคลงโลกนติ มิ ที มี่ าจากคมั ภรี โ์ บราณตา่ ง ๆ ทเ่ี ผยแพรเ่ ขา้ มาในสงั คมไทยเปน็ เวลาชา้ นาน เชน่ โลกนตี ิ โลกนยั ธรรมบท ฯลฯ คำ� วา่ “โลกนติ ”ิ หมายถงึ ระเบยี บแบบแผนของโลก เนอ้ื หาของโคลงโลก- นติ มิ หี ลากหลายมที ง้ั เนอ้ื หาทแ่ี สดงสจั ธรรมความเปน็ จรงิ ของโลกเชน่ ความไมเ่ ทยี่ ง ความซบั ซอ้ นของจติ ใจมนษุ ย์ และเนอ้ื หาทใ่ี หค้ ตเิ กย่ี ว กบั การดำ� เนนิ ชวี ติ และชแ้ี นะแนวทางในการประพฤตติ น เชน่ การพดู การคบคน การใฝห่ าความรู้ ฯลฯ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 55 55 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ความหมายของวรรคทอง โคลงบทนม้ี งุ่ ใหค้ ตวิ า่ ผทู้ ม่ี คี วามรคู้ วามสามารถหรอื มอี ำ� นาจอยา่ ง แทจ้ รงิ นน้ั ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งโออ้ วด เชน่ เดยี วกบั พญานาคทมี่ พี ษิ รา้ ยแรง สามารถแผดเผาเหยอ่ื ใหม้ อดไหมไ้ ดด้ จุ แสงอาทติ ย์ แตก่ ลบั เลอื้ ยแชม่ ชา้ ไมแ่ สดงฤทธเ์ิ ดช สว่ นผทู้ ม่ี คี วามรคู้ วามสามารถหรอื มอี ำ� นาจนอ้ ย มกั จะแสดงอาการโออ้ วด เชน่ เดยี วกบั แมงปอ่ งทมี่ พี ษิ เพยี งทปี่ ลาย หาง แตก่ ลบั ชหู างอวดเบง่ ดว้ ยความหยง่ิ ยโสวา่ ตนมพี ษิ รา้ ย ความดีเดน่ โคลงบทนแ้ี สดงใหเ้ หน็ ความแตกตา่ งระหวา่ งความโออ้ วดกบั การ ถอ่ มตนไดอ้ ยา่ งชดั เจน โดยการใชส้ ตั วม์ พี ษิ ๒ ชนดิ เปน็ ตวั แทนของ ผู้ที่มีความรู้ความสามารถหรือมีอ�ำนาจแต่ไม่แสดงออกกับผู้ที่ด้อย ความรคู้ วามสามารถหรอื มอี ำ� นาจนอ้ ย แตก่ ลบั พยายามอวดอา้ งใน สงิ่ ทต่ี นมอี ยเู่ พยี งนอ้ ยนดิ ในเทวตำ� นาน พญานาคเปน็ สตั วท์ ที่ รงอานภุ าพมาก เมอ่ื ครง้ั กวน น�้ำอมฤต พญานาควาสุกรียอมตนให้เหล่าเทวดาและอสูรใช้แทน เชอื กพนั เขามนั ทรเพอ่ื กวนเกษยี รสมทุ ร ขณะทถ่ี กู เทวดาและอสรู ดงึ ไปมา พญานาคเกดิ ความเจบ็ ปวดจงึ พน่ พษิ เปน็ ไฟทม่ี ฤี ทธร์ิ นุ แรงถงึ ขน้ั ทำ� ลายลา้ งโลกได้ เพอ่ื ดบั ความเดอื ดรอ้ นอนั จะเกดิ แกโ่ ลก พระ อิศวรจึงได้เสวยพิษของพญานาค จนพระศอถูกเผาไหม้เป็นสีนิล โคลงบทนไี้ ดเ้ ปรยี บเทยี บฤทธอิ์ ำ� นาจอนั ยงิ่ ใหญข่ องพญานาคกบั ดวง อาทติ ยซ์ ง่ึ สอดคลอ้ งกบั การใชค้ ำ� วา่ “เดโช” ทหี่ มายถงึ อำ� นาจ ความ รอ้ น หรอื ไฟดว้ ย เมอื่ เปรยี บกบั พญานาค แมงปอ่ งเปน็ สตั วท์ มี่ ขี นาดเลก็ และมพี ษิ นอ้ ยกวา่ อยา่ งเทยี บไมไ่ ด้ การนำ� แมงปอ่ งมาเปรยี บเทยี บกบั คนดอ้ ย ความรคู้ วามสามารถและอำ� นาจ แตช่ อบโออ้ วด แสดงใหเ้ หน็ วา่ กวี เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแมงปอ่ งทมี่ กั ชหู างทม่ี พี ษิ อยตู่ ลอดเวลาโดยเฉพาะ เมอื่ มอี นั ตรายหรอื เตรยี มพรอ้ มจะตอ่ สู้ 56 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 56

นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย โคลงโลกนติ ิ แมโ้ คลงบทนจ้ี ะไมไ่ ดก้ ลา่ วถงึ มนษุ ยอ์ ยา่ งตรงไปตรงมา แตก่ ารนำ� สตั วม์ พี ษิ ๒ ชนดิ มาเปรยี บเทยี บกนั ไดอ้ ยา่ งแยบคาย ทำ� ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจ สารทก่ี วตี อ้ งการสอื่ ไดช้ ดั เจนวา่ ไมว่ า่ บคุ คลจะมคี วามรคู้ วามสามารถ หรอื มอี ำ� นาจมากนอ้ ยเพยี งใด กไ็ มค่ วรโออ้ วดตน ควรรจู้ กั ออ่ นนอ้ ม ถอ่ มตนอยเู่ สมอ นอกจากน้ี เรายงั ไมค่ วรตดั สนิ ผอู้ น่ื แตเ่ พยี งภายนอก เพราะลักษณะภายนอกอาจไม่ได้สะท้อนความรู้ความสามารถหรือ อำ� นาจทแี่ ทจ้ รงิ ของแตล่ ะบคุ คล �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 57 57 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 58 8/8/2557 BE 3:09 PM

๑๐ แลว้ วา่ อนจิ จาความรัก พึง่ ประจักษด์ ่งั สายนำ�้ ไหล ต้งั แต่จะเช่ยี วเป็นเกลียวไป ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา สตรีใดในพิภพจบแดน ไม่มใี ครได้แคน้ เหมือนอกข้า ด้วยใฝ่รักใหเ้ กินพักตรา จะมแี ต่เวทนาเปน็ เนอื งนติ ย์ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 59 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ที่มาของวรรคทอง บทละครในเรอ่ื ง อเิ หนา ผูแ้ ตง่ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ปี/สมยั ที่แต่ง ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ประเภทของวรรณคดี เรอ่ื งอเิ หนาเปน็ วรรณคดปี ระเภทบทละครใน คอื วรรณคดที แ่ี ตง่ ขน้ึ เพอ่ื ใชแ้ สดงละครในราชสำ� นกั อนั เปน็ ละครของพระมหากษตั รยิ ์ ถอื เปน็ เครอื่ งประดบั พระเกยี รตยิ ศอยา่ งหนง่ึ จดุ มงุ่ หมายของละคร ในมงุ่ แสดงความงดงามและศลิ ปะชนั้ สงู อนั ประณตี บรรจงทงั้ ในดา้ น การรำ� เพลงรอ้ ง เพลงปพ่ี าทย์ และถอ้ ยคำ� ในบทละคร รูปแบบคำ� ประพนั ธ์ กลอนบทละคร วัตถุประสงค/์ โอกาสในการแตง่ วรรณคดเี รอื่ งอเิ หนามที ม่ี าจาก “นทิ านปนั หย”ี ซง่ึ เปน็ นทิ านวรี บรุ ษุ ของชวา วรรณคดเี รอื่ งนแ้ี พรเ่ ขา้ มาในไทยตงั้ แตส่ มยั อยธุ ยาและมหี ลกั ฐานวา่ มกี ารนำ� มาแตง่ เปน็ บทละครในในรชั สมยั พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ ตอ่ มาในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั พระองค์ ได้ทรงน�ำบทละครในเรื่องอิเหนาพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมาทรงปรับปรุงขัดเกลาเพื่อให้เป็นฉบับท่ี งดงามสมบรู ณพ์ รอ้ ม ทง้ั ในดา้ นวรรณคดแี ละการแสดงละครใน วธิ ี การพระราชนพิ นธบ์ ทละครในเรอ่ื งนมี้ ลี กั ษณะเปน็ การ “ประชมุ กว”ี คอื พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงเลอื กสรรเจา้ นายและ ขา้ ราชการทม่ี ฝี มี อื ในการประพนั ธใ์ หเ้ ปน็ กวที ท่ี รงปรกึ ษา เชน่ กรมหมน่ื เจษฎาบดนิ ทร์เจา้ ฟา้ กรมหลวงพทิ กั ษมนตรีสนุ ทรภู่กรมหมน่ื สรุ นิ ทร- รกั ษ์ บางตอนทไี่ มท่ รงพระราชนพิ นธด์ ว้ ยพระองคเ์ อง กพ็ ระราชทาน 60 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 60

แล้วว่าอนิจจาความรัก อเิ หนา ใหก้ วเี หลา่ นนั้ รบั ไปแตง่ ตอนใดทท่ี รงพระราชนพิ นธแ์ ลว้ หรอื กวอี นื่ แตง่ แลว้ นำ� มาถวาย กจ็ ะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ำ� มาอา่ นในที่ ประชมุ กวหี นา้ พระทน่ี งั่ เพอ่ื ปรบั ปรงุ แกไ้ ข หลงั จากนนั้ พระองคจ์ ะทรง นำ� บททป่ี รบั ปรงุ แลว้ พระราชทานแกเ่ จา้ ฟา้ กรมหลวงพทิ กั ษมนตรเี พอ่ื ไปทรงซอ้ มกระบวนรำ� โดยมคี รลู ะครอกี ๒ คนเปน็ ทป่ี รกึ ษาคอื นาย ทองอยู่ และนายรงุ่ บางกรณอี าจกราบบงั คมทลู ขอใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงแกไ้ ขบทกม็ ีและเมอื่ กระบวนรำ� ยตุ แิ ลว้ ก็ จะทรงซอ้ มใหน้ ายทองอยแู่ ละนายรงุ่ ไปหดั ละครหลวง แลว้ แสดงถวาย พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทอดพระเนตร เพอ่ื ทรงแกไ้ ข กระบวนรำ� อกี ชน้ั หนง่ึ จงึ เปน็ อนั ยตุ ิ ความประณตี พถิ พี ถิ นั ในการทรงพระราชนพิ นธบ์ ทละครในเรอื่ ง อเิ หนาและการนำ� บทไปฝกึ ซอ้ มกระบวนรำ� จนงดงามดงั กลา่ วนี้ ทำ� ให้ พระราชนพิ นธบ์ ทละครเรอื่ งนมี้ คี วามดเี ดน่ อา่ นกไ็ พเราะ รำ� กง็ ดงาม จนไดร้ บั การยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสรใหเ้ ปน็ ยอดของบทละครรำ� เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๙ เนือ้ หาของบทประพนั ธ์ เรอื่ งอเิ หนาเปน็ เรอ่ื งราวความรกั และการผจญภยั ของเจา้ ชายแหง่ กรงุ กเุ รปนั เรมิ่ เรอ่ื งกลา่ วถงึ กษตั รยิ ว์ งศอ์ สญั แดหวา ๔ เมอื งซงึ่ เปน็ พน่ี อ้ งกนั คอื กเุ รปนั ดาหา กาหลงั และสงิ หดั สา่ หรี อเิ หนาเปน็ โอรส ของทา้ วกเุ รปนั สว่ นบษุ บาเปน็ ธดิ าของทา้ วดาหา ทงั้ สองหมนั้ หมาย กันต้ังแต่ยังเด็กตามจารีตของวงศ์เทวัญท่ีจะต้องแต่งงานกันแต่ใน วงศเ์ ทา่ นน้ั ตอ่ มาอเิ หนาไปหลงรกั จนิ ตะหรา เจา้ หญงิ แหง่ เมอื งหมนั - หยา จงึ ประกาศถอนหมนั้ บษุ บา ทา้ วดาหากรว้ิ จงึ ประกาศวา่ จะยก บษุ บาใหใ้ ครกต็ ามทม่ี าขอ ระตจู รกาผมู้ รี ปู รา่ งหนา้ ตาอปั ลกั ษณเ์ ปน็ คนแรกทไ่ี ดม้ าสขู่ อบษุ บา ทา้ วดาหาจงึ จำ� ใจยกให้ โดยใหห้ มนั้ หมาย กนั ไวก้ อ่ น ตอ่ มาไมน่ านระตกู ะหมงั กหุ นงิ กส็ ง่ ทตู มาสขู่ อบษุ บาใหแ้ ก่ วหิ ยาสะกำ� ผเู้ ปน็ โอรส แตท่ า้ วดาหาปฏเิ สธเนอื่ งจากไดย้ กบษุ บาให้ จรกาไปแลว้ ระตกู ะหมงั กหุ นงิ จงึ ยกทพั มาทำ� ศกึ ชงิ บษุ บา อเิ หนาจำ� 61 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 61 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ตอ้ งยกทพั มาชว่ ยรบ หลงั รบชนะ อเิ หนาเดนิ ทางเขา้ เมอื งดาหาและ ไดพ้ บกบั บษุ บา จงึ เกดิ หลงรกั บษุ บาและคดิ อบุ ายลกั พาบษุ บาไปไวท้ ่ี ถำ�้ ทองจนไดน้ างเปน็ ชายา องคป์ ะตาระกาหลาผเู้ ปน็ เทพบรรพบรุ ษุ ของวงศเ์ ทวญั กรวิ้ อเิ หนา ทก่ี ระทำ� การตา่ ง ๆ ตามอำ� เภอใจ จงึ ลงโทษโดยบนั ดาลใหล้ มหอบ พรากบษุ บาไปจากอเิ หนา อเิ หนาจงึ ออกเดนิ ทางผจญภยั ตามหาบษุ บา โดยปลอมตวั เปน็ ชาวปา่ ชอ่ื ปนั หยี สว่ นบษุ บากเ็ ดนิ ทางตามหาอเิ หนา เช่นกันโดยปลอมตัวเป็นชายชื่ออุณากรรณ ปันหยีกับอุณากรรณมี โอกาสไดพ้ บกนั ทเี่ มอื งกาหลงั แตต่ า่ งจำ� กนั ไมไ่ ด้ ตอ่ มาอณุ ากรรณ กลวั ปนั หยจี ะจบั ไดว้ า่ ตนเปน็ หญงิ จงึ หนอี อกจากเมอื งกาหลงั ไปบวช เปน็ ชี (แอหนงั ) ใชช้ อื่ วา่ ตหิ ลาอรสา เมอ่ื ปนั หยไี ดพ้ บกบั แอหนงั กร็ สู้ กึ สงสยั วา่ นางคอื บษุ บา ตอ่ มา ประสนั ตาเชดิ หนงั เลน่ เรอ่ื งราวชวี ติ รกั ของอเิ หนากบั บษุ บาใหแ้ อหนงั ดู แอหนงั รอ้ งไหด้ ว้ ยความสะเทอื นใจ เมอื่ ไดช้ มการเลน่ หนงั นนั้ ปนั หยจี งึ รคู้ วามจรงิ วา่ แอหนงั คอื บษุ บา และ เปดิ เผยวา่ ตนคอื อเิ หนา เมอ่ื กษตั รยิ ท์ ง้ั ๔ เมอื งไดท้ ราบขา่ ววา่ อเิ หนา และบษุ บาไดพ้ บกนั แลว้ กต็ า่ งยนิ ดแี ละจดั งานววิ าหใ์ หอ้ เิ หนากบั บษุ บา พรอ้ มทง้ั ชายาอนื่ ๆ รวม ๑๐ นาง โดยแตง่ ตงั้ บษุ บาเปน็ ประไหมสหุ รี ฝา่ ยซา้ ย และจนิ ตะหราเปน็ ประไหมสหุ รฝี า่ ยขวา หลงั จากนน้ั อเิ หนา ขน้ึ ครองเมอื งกเุ รปนั เปน็ กษตั รยิ ท์ ยี่ งิ่ ใหญส่ บื ตอ่ จากพระราชบดิ า วรรคทองขา้ งตน้ นอ้ี ยใู่ นเนอื้ เรอ่ื งตอนทอ่ี เิ หนาลาจนิ ตะหราไปเมอื ง ดาหาเพอื่ ไปชว่ ยรบศกึ กะหมงั กหุ นงิ ทย่ี กทพั มาทำ� สงครามชงิ บษุ บา ความหมายของวรรคทอง วรรคทองที่ยกมาน้ีเป็นค�ำพูดของจินตะหรากล่าวร�ำพันตัดพ้อ อเิ หนาทก่ี ำ� ลงั จะจากนางไปเมอื งดาหา จนิ ตะหรากลา่ ววา่ ครานเ้ี พง่ิ ได้ประจักษ์ชัดว่าความรักช่างเป็นสิ่งที่ผันแปรเปล่ียนแปลงได้เสมอ เหมือนกับสายน�้ำอันเช่ียวกรากที่ไหลผ่านไปแล้วย่อมไม่มีวันไหล กลบั ความแคน้ ทคี่ งั่ อยใู่ นใจของนางนม้ี มี ากทว่ มทน้ ไมม่ คี วามแคน้ ของหญิงคนใดในแผน่ ดินทีจ่ ะเสมอเหมอื นนาง ทเ่ี ปน็ เช่นนก้ี ็เพราะ 62 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 62

แล้วว่าอนิจจาความรัก อเิ หนา ไมเ่ จยี มตวั วา่ ตำ่� ตอ้ ย เผยอไปหลงรกั ชายทมี่ ยี ศศกั ดส์ิ งู สง่ ชวี ติ จงึ มี แตค่ วามทกุ ขน์ า่ เวทนาเชน่ นี้ ความดเี ด่น วรรคทองทย่ี กมานเี้ ปน็ บทครวญครำ�่ รำ� พนั ทมี่ คี วามโดดเดน่ อยา่ ง ยงิ่ ทงั้ การแสดงสจั ธรรมของความรกั ทสี่ ะเทอื นอารมณ์ และการแสดง มิติอารมณ์อันซับซ้อนลึกซึ้งของหญิงสาวที่ชายคนรักก�ำลังจะพราก จากไป ทง้ั อารมณร์ กั หวน่ั ไหว เจบ็ ปวดเสยี ใจ นอ้ ยเนอ้ื ตำ่� ใจ และเจบ็ แคน้ ขมขน่ื ทรี่ ะคนอยภู่ ายในใจ ทำ� ใหน้ างกลา่ วออกมาเปน็ ถอ้ ยคำ� และ ความเปรยี บทไี่ พเราะและสอ่ื ความหมายอยา่ งคมคายกนิ ใจ ในกลอนบทแรก จนิ ตะหรารำ� พนั และตดั พอ้ ถงึ ธรรมชาตคิ วามรกั ของชายหนมุ่ ไดอ้ ยา่ งกระทบใจ กวสี ามารถสรรคำ� และความเปรยี บท่ี สอื่ ภาพและความหมายไดอ้ ยา่ งลกึ ซง้ึ คมคายอยา่ งยงิ่ คอื นำ� ธรรมชาติ ของสายนำ้� ที่ทงั้ ฉำ�่ เยน็ เชีย่ วกราก และมแี ต่ไหลไปไมห่ วนกลับ มา เปรียบเทียบกับธรรมชาติความรักของชายหนุ่ม การที่นางร�ำพันว่า ความรกั ของอเิ หนานนั้ “เพง่ิ ประจกั ษด์ ง่ั สายนำ�้ ไหล”“ตงั้ แตจ่ ะเชยี่ ว เปน็ เกลยี วไป” และ “ทไี่ หนเลยจะไหลคนื มา” สอื่ ความหมายอยา่ ง ลกึ ซง้ึ วา่ เรมิ่ แรกความรกั ทอ่ี เิ หนามอบแกน่ างนนั้ ไดน้ ำ� พาความชน่ื เยน็ มาสชู่ วี ติ ของนางเชน่ เดยี วกบั “สายนำ้� ไหล” ขณะเดยี วกนั กใ็ หภ้ าพวา่ สายนำ้� นก้ี ม็ ไิ ดไ้ หลอยา่ งธรรมดา แตไ่ หลอยา่ ง “เชย่ี วเปน็ เกลยี วไป” คือไหลทะลักอย่างรุนแรงและเคล่ือนไหวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ภาพดงั กลา่ วนสี้ อ่ื ถงึ ธรรมชาตคิ วามรกั ของชายไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ เมอ่ื อยใู่ นอารมณร์ กั ใคร่ ความเสนห่ านนั้ กม็ พี ลงั รนุ แรงยากจะเหนยี่ วรง้ั นางรำ� พนั ตอ่ ไปวา่ ความ “เชย่ี ว” แหง่ อารมณร์ กั นี้ เปน็ สง่ิ ทเ่ี มอ่ื ผา่ น พน้ ไปแลว้ กม็ แี ตจ่ ะจดื จาง ไมม่ วี นั หวนกลบั มาเหมอื นเดมิ ไดอ้ กี เชน่ เดียวกับสายน้�ำท่ีมีแต่ไหลไป “ไหนเลยจะไหลคืนมา” อันสื่อนัยว่า เมอ่ื อเิ หนาจากนางไปเมอื งดาหา การอยหู่ า่ งไกลกนั กย็ อ่ มทำ� ใหค้ วาม สมั พนั ธเ์ หนิ หา่ งกนั ไปเปน็ ธรรมดา และยงิ่ เมอ่ื ไดพ้ บกบั บษุ บาซง่ึ เปน็ คู่ ตนุ าหงนั กบั อเิ หนามากอ่ น และนางยงั มที งั้ ความงามและความเหมาะ 63 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 63 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM สมคคู่ วรกบั อเิ หนาทกุ ประการ อเิ หนากค็ งไมม่ วี นั หวนกลบั มารกั นาง เหมือนเช่นเดมิ อกี จะเห็นว่าการสรา้ งจนิ ตภาพของสายน้ำ� ดังกลา่ ว นี้สามารถแสดงให้เห็นความรักของอิเหนาที่มีต่อจินตะหราได้อย่าง ครอบคลมุ ทกุ มติ แิ ละมองเหน็ ความเปลย่ี นแปลงไดอ้ ยา่ งชดั เจน เรม่ิ จากความชนื่ เยน็ ความรนุ แรงมพี ลงั ความแปรเปลยี่ นไมแ่ นน่ อน และ การไมห่ วนกลบั คนื ของความรกั คำ� รำ� พนั นยี้ งั สะทอ้ นใหเ้ หน็ ทงั้ ความ รกั ความหวาดระแวง และความเจบ็ ปวดเสยี ใจอนั ลกึ ซงึ้ ของจนิ ตะ- หรา ซง่ึ กำ� ลงั ประจกั ษถ์ งึ ชะตากรรมแหง่ ชวี ติ รกั ของตนเองวา่ กำ� ลงั จะ ถกู อเิ หนาทอดทงิ้ ไปตลอดกาล ในกลอนบทตอ่ มา กวสี ามารถสรรคำ� และใชค้ วามเปรยี บทสี่ อ่ื ให้ เขา้ ใจอารมณเ์ จบ็ แคน้ และนอ้ ยเนอ้ื ตำ่� ใจของจนิ ตะหราทต่ี อ่ เนอ่ื งจาก ความเจบ็ ปวดเสยี ใจทร่ี ำ� พนั ในบทตน้ ในบทนจี้ นิ ตะหราเปรยี บเทยี บ ความเจ็บแค้นที่ท่วมท้นอัดแน่นอยู่ในอกได้อย่างสะเทือนอารมณ์ วา่ ไมม่ คี วามแคน้ ของ “สตรใี ดในพภิ พจบแดน” เทยี บกบั ความแคน้ ในใจนางไดเ้ ลย ความเจบ็ แคน้ ใจนแ้ี ฝงไวด้ ว้ ยความนอ้ ยเนอ้ื ตำ�่ ใจใน โชคชะตาและวาสนาของตนเองที่ “ใฝร่ กั ใหเ้ กนิ พกั ตรา” คอื การหลง รกั ชายผมู้ ชี าตกิ ำ� เนดิ วงศต์ ระกลู และยศศกั ดสิ์ งู สง่ กวา่ ตนเอง ทง้ั ยงั เปน็ ชายทมี่ คี หู่ มายงดงามและอยใู่ นวงศท์ ค่ี คู่ วรกนั ดว้ ย การรำ� พนั ดว้ ย ความนอ้ ยเนอื้ ตำ�่ ใจวา่ นาง “ใฝร่ กั ใหเ้ กนิ พกั ตรา” นี้ ยงั มนี ยั สอ่ื ถงึ การ เปรยี บเทยี บตนเองกบั บษุ บาทคี่ คู่ วรเหมาะสมกบั อเิ หนาในทกุ ๆ ดา้ น ตา่ งจากตวั นางผตู้ ำ่� ตอ้ ยอยา่ งสน้ิ เชงิ ความ “ไดแ้ คน้ ” ทคี่ ง่ั อยใู่ นใจของ นางจงึ เปน็ ความแคน้ ใจในความตำ่� ตอ้ ยของตนเองและความไมร่ จู้ กั ยบั ยงั้ ชงั่ ใจ ไปหลงเชอื่ ความรกั อนั แปรปรวนรวนเรของอเิ หนา ทงั้ ยงั เปน็ ความแคน้ ใจทไ่ี มอ่ าจแกไ้ ขสง่ิ ใดได้ เพราะไดม้ อบความรกั ใหแ้ ก่ อเิ หนาไปจนหมดสนิ้ แลว้ ดว้ ยเหตนุ น้ี างจงึ จำ� ตอ้ งยอมรบั ชะตากรรม ของชวี ติ วา่ นบั จากนี้ “จะมแี ตเ่ วทนาเปน็ เนอื งนติ ย”์ คำ� วา่ “เวทนา” นี้ หมายถงึ ทง้ั ความเจบ็ ปวด ทกุ ขท์ รมาน และความสงั เวชสลดใจ การใช้ คำ� วา่ “เวทนา” ในทน่ี แี้ สดงความสามารถของกวใี นการสรรคำ� ไดอ้ ยา่ งดี ยงิ่ เพราะสามารถสอื่ ความหมายถงึ ความเจบ็ ปวดทรมานใจและความ 64 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 64

แล้วว่าอนิจจาความรัก อเิ หนา สงั เวชสลดใจในชะตากรรมของตนเอง ซงึ่ ความ “เวทนา” นี้ มไิ ดเ้ กดิ ขนึ้ เพยี งชวั่ ครู่ แตเ่ กดิ “เปน็ เนอื งนติ ย”์ ตลอดไปไมม่ วี นั จบสนิ้ คำ� ประพนั ธบ์ ทนนี้ บั วา่ พรรณนาชวี ติ รกั ระหวา่ งจนิ ตะหรากบั อเิ หนา ไดอ้ ยา่ งกระทบใจและครบถว้ นสมบรู ณต์ งั้ แตแ่ รกรกั กนั จนกระทง่ั ถงึ ยามตอ้ งพรากจากกนั การกลา่ วถงึ สจั ธรรมแหง่ ความรกั อยา่ งถงึ แกน่ และการนำ� เสนอมติ อิ ารมณข์ องตวั ละครอยา่ งลกึ ซงึ้ สมจรงิ ทำ� ใหว้ รรค ทองบทนสี้ รา้ งรสอนั สะเทอื นอารมณแ์ ละตราตรงึ อยใู่ นใจของผอู้ า่ นผู้ ชมเรอ่ื ยมาจวบจนปจั จบุ นั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 65 65 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 66 8/8/2557 BE 3:09 PM

๑๑ อนั วา่ ความกรณุ าปรานี จะมีใครบังคบั ก็หาไม ่ หลั่งมาเองเหมอื นฝนอนั ช่นื ใจ จากฟากฟา้ สุราลัยสแู่ ดนดนิ เป็นสิง่ ดีสองช้นั พลันปลื้มใจ แห่งผใู้ หแ้ ละผู้รบั สมถวลิ เป็นก�ำลงั เลศิ พลังอืน่ ทัง้ ส้นิ เจา้ แผ่นดนิ ผูท้ รงพระกรุณา ประดจุ ทรงวราภรณส์ ุนทรสวสั ดิ์ เรอื งจรัสยง่ิ มกฎุ สดุ สงา่ พระแสงทรงดำ� รงซึ่งอาชญา เหนอื ประชาพสกนกิ ร ประดบั พระวรเดชวิเศษฤทธิ ์ ทสี่ ถิตอานภุ าพสโมสร แต่การุณยธรรมสนุ ทร งามงอนกว่าพระแสงอนั แรงฤทธ ์ิ เสถียรในหฤทยั พระราชา เปน็ คุณของเทวาผู้มหิทธ ์ิ และราชาเทียมเทพอมฤต ยามบพติ รเผยแผ่พระกรุณา �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 67 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ท่มี าของวรรคทอง บทละครพดู คำ� กลอนเรอื่ งเวนสิ วานชิ ผแู้ ต่ง พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ปี/สมัยทแี่ ต่ง พ.ศ. ๒๔๕๙ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี เวนิสวานิชเป็นวรรณคดีประเภทบทละครพูดค�ำกลอน คือ บท ละครทแ่ี ตง่ ดว้ ยกลอนสภุ าพเปน็ สว่ นใหญ่ มบี ทเจรจาบางตอนแตง่ เปน็ รอ้ ยแกว้ แทรกอยบู่ า้ ง ในตอนทก่ี ลา่ วถงึ ขอ้ ความในหบี ๓ ใบ แตง่ เปน็ โคลงสสี่ ภุ าพและโคลงดน้ั และในตอนทก่ี ลา่ วถงึ การบรรเลงและขบั รอ้ งเพลงขณะทบี่ สั สานโิ ยเลอื กหบี แตง่ เปน็ กลอนดอกสรอ้ ย รปู แบบคำ� ประพันธ์ กลอนสภุ าพ วัตถุประสงค์/โอกาสในการแตง่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บท ละครพูดเร่ืองเวนิสวานิชโดยทรงแปลจากบทละครสุขนาฏกรรม เรอ่ื ง The Merchan of Venice ของวลิ เลยี ม เชกสเปยี ร์ (William Shakespeare) ดว้ ยมพี ระราชดำ� รวิ า่ เชกสเปยี รเ์ ปน็ จนิ ตกวคี นสำ� คญั ขององั กฤษซงึ่ มชี อื่ เสยี งเปน็ ทรี่ จู้ กั กนั ทว่ั โลกนอกจากจะมผี นู้ ยิ มนำ� บท ละครของเชกสเปยี รไ์ ปแสดงแลว้ ยงั ยกยอ่ งกนั วา่ เปน็ หนงั สอื ควรอา่ น เพราะเตม็ ไปดว้ ยโวหารอนั คมคายและถอ้ ยคำ� อนั ไพเราะสละสลวย มี ผนู้ ำ� ไปแปลเปน็ ภาษาตา่ ง ๆ มากมาย พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธไ์ วใ้ นคำ� นำ� ของเวนสิ วานชิ วา่ “ขา้ พเจา้ ก็ ออกจะนึกละอายแก่ใจที่ในภาษาไทยเราไม่มีบ้างอย่างเขา จริงอยู่ ขา้ พเจา้ ไดท้ ราบอยวู่ า่ มผี ไู้ ดน้ พิ นธเ์ รอ่ื งของเชกสเปยี รข์ นึ้ แลว้ ๓ ราย... แตท่ แี่ ตง่ ไวแ้ ลว้ ทง้ั ๓ รายนไ้ี มต่ รงตามแบบเดมิ ของเชกสเปยี รส์ กั ราย 68 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 68

อันว่าความกรุณาปรานี เวนสิ วานชิ เดยี ว” ดงั นนั้ พระองคจ์ งึ ทรงเลอื กเรอื่ งเวนสิ วานชิ มาแตง่ เปน็ ภาษา ไทยโดย “คงรปู ใหเ้ ปน็ ละครเจรจาโตต้ อบกนั ตามแบบของเชกสเปยี ร์ เดมิ และถอ้ ยคำ� ผกู เปน็ กลอนไทยเพอ่ื ใหร้ ปู คลา้ ยของเดมิ ทสี่ ดุ ทจ่ี ะ ขยบั ขยายใหเ้ ปน็ ไปได”้ เนื้อหาของบทประพนั ธ์ เรอื่ งเวนสิ วานชิ เปน็ เรอ่ื งราวของอนั โตนโิ ยพอ่ คา้ ผมู้ ชี อ่ื เสยี งแหง่ เมอื งเวนสิ ซง่ึ เปน็ ผมู้ จี ติ ใจโอบออ้ มอารี แตเ่ กลยี ดชงั พวกยวิ โดยเฉพาะ ไชลอ็ กซง่ึ รำ�่ รวยจากการใหเ้ งนิ กู้ อนั โตนโิ ยมเี พอื่ นรกั ชอ่ื บสั สานโิ ยซง่ึ หลงรกั นางปอรเ์ ชยี ทายาทของคหบดแี หง่ เมอื งเบล็ มอนต์ บสั สานโิ ย ตอ้ งการเงนิ ๓,๐๐๐ เหรยี ญ เพอ่ื เปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทางไปเลอื ก คู่ จงึ ขอความชว่ ยเหลอื จากอนั โตนโิ ย ขณะนนั้ อนั โตนโิ ยมเี งนิ สดใน มือไม่พอเน่ืองจากทรัพย์สินทั้งหมดลงทุนไปกับเรือสินค้าที่เดินทาง ไปคา้ ขายตามเมอื งตา่ ง ๆ ทวั่ โลก อนั โตนโิ ยจงึ ตดั สนิ ใจไปขอกเู้ งนิ จาก ไชลอ็ ก ไชลอ็ กตกลงใหก้ เู้ งนิ โดยหวงั จะใชโ้ อกาสนแ้ี กแ้ คน้ อนั โตนโิ ยท่ี เคยแสดงทา่ ทางดหู มนิ่ ตน จงึ ทำ� สญั ญาวา่ หากอนั โตนโิ ยใชเ้ งนิ ไมท่ นั ตามกำ� หนด จะตอ้ งใชห้ นเ้ี ปน็ เนอ้ื ใกลห้ วั ใจหนกั หนง่ึ ปอนด์ เมอื่ บสั สานโิ ยไดเ้ งนิ ๓,๐๐๐ เหรยี ญกเ็ ดนิ ทางไปเบล็ มอนตเ์ พอื่ เลอื กคคู่ รอง บดิ าของนางปอรเ์ ชยี กำ� หนดวา่ มหี บี ๓ ใบใหผ้ ทู้ ตี่ อ้ งการ แตง่ งานกบั นางเลอื ก หากเลอื กไดใ้ บทมี่ รี ปู ของนางอยภู่ ายใน จงึ จะได้ นางไป บสั สานโิ ยเลอื กหบี ไดถ้ กู ตอ้ งจงึ ไดแ้ ตง่ งานกบั นางปอรเ์ ชยี สม ความปรารถนา ขณะนนั้ อนั โตนโิ ยไดข้ า่ ววา่ เรอื สนิ คา้ ทงั้ หมดอบั ปาง ไมส่ ามารถนำ� เงนิ มาชำ� ระหนไี้ ด้ ไชลอ็ กซง่ึ มคี วามเกลยี ดชงั อนั โตน-ิ โยเปน็ ทนุ เดมิ และยง่ิ โกรธแคน้ กลมุ่ ชาวครสิ ตม์ ากยง่ิ ขน้ึ เมอื่ เชส็ สกิ า ลกู สาวของตนหนตี ามลอเรน็ โซเพอื่ นของอนั โตนโิ ยและบสั สานโิ ยไป ไชลอ็ กจงึ เรยี กรอ้ งเอาเนอื้ หนกั ๑ ปอนดข์ องอนั โตนโิ ยตามสญั ญา นาง ปอรเ์ ซยี มอบเงนิ ใหบ้ สั สานโิ ยนำ� ไปชำ� ระหนแี้ ทนอนั โตนโิ ยและแตง่ กาย เปน็ ชายเดนิ ทางไปทศี่ าลแหง่ เมอื งเวนสิ ปลอมตนเปน็ ทนายไปชว่ ย ใหค้ ำ� ปรกึ ษาในการตดั สนิ คดรี ะหวา่ งไชลอ็ กกบั อนั โตนโิ ย เมอื่ ไชลอ็ ก ไมย่ อมรบั เงนิ แตย่ นื ยนั จะใหท้ ำ� ตามสญั ญา นางปอรเ์ ซยี จงึ ตดั สนิ ให้ 69 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 69 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ไชลอ็ กไดเ้ นอื้ ของอนั โตนโิ ย แตม่ ขี อ้ แมว้ า่ ตอ้ งเชอื ดเนอ้ื ใหไ้ ด้ ๑ ปอนด์ พอดแี ละไมม่ เี ลอื ดตดิ เนอ้ื ออกมาดว้ ยมฉิ ะนนั้ จะถอื วา่ ทำ� ผดิ สญั ญา ไชลอ็ กจงึ ขอถอนฟอ้ ง นางปอรเ์ ซยี อา้ งกฎหมายใหเ้ จา้ เมอื งประหาร ชวี ติ และรบิ ทรพั ยส์ นิ ของไชลอ็ กทงั้ หมดเพราะแสดงเจตนาจะฆา่ ชาว เมอื ง เจา้ เมอื งยกโทษประหารชวี ติ ใหแ้ ตใ่ หร้ บิ ทรพั ยส์ มบตั ขิ องไชลอ็ ก ครงึ่ หนงึ่ เขา้ รฐั สว่ นอกี ครงึ่ หนงึ่ ใหเ้ ปน็ คา่ ทำ� ขวญั อนั โตนโิ ย อนั โตนโิ ยไม่ รบั เงนิ แตข่ อใหไ้ ชลอ็ กหนั มานบั ถอื ศาสนาครสิ ตแ์ ละทำ� พนิ ยั กรรมยก ทรพั ยส์ นิ ใหเ้ ชส็ สกิ าลกู สาวซง่ึ หนไี ปอยกู่ บั สามชี าวครสิ ตแ์ ทน เรอื่ งจบ ลงเมอ่ื เรอื สนิ คา้ ของอนั โตนโิ ยมาถงึ ทา่ เรอื อยา่ งปลอดภยั วรรคทองบทน้ีเป็นบทพูดของนางปอร์เชียขณะปลอมตัวมาช่วย ใหค้ ำ� ปรกึ ษาในการตดั สนิ คดรี ะหวา่ งไชลอ็ กกบั อนั โตนโิ ย เมอื่ ไชลอ็ ก เรียกร้องขอความยุติธรรมโดยให้อันโตนิโยปฏิบัติตามสัญญา นาง ปอรเ์ ชยี ไดข้ อรอ้ งใหไ้ ชลอ็ กมคี วามกรณุ าตอ่ อนั โตนโิ ย แตไ่ ชลอ็ กกลบั ถามวา่ มกี ฎหมายใดบงั คบั ใหต้ นตอ้ งใหค้ วามกรณุ า วรรคทองบทนเ้ี ปน็ คำ� ตอบทน่ี างปอรเ์ ชยี ตอบไชลอ็ ก ความหมายของวรรคทอง ปอรเ์ ชยี ตอบไชลอ็ กวา่ ความกรณุ าปรานเี ปน็ สง่ิ ทบี่ คุ คลใดจะบงั คบั ใหเ้ กดิ ขนึ้ ไมไ่ ด้ แตจ่ ะไหลหลงั่ ออกมาเองดว้ ยความสมคั รใจเหมอื น กบั สายฝนอนั ชน่ื เยน็ ทตี่ กลงมาจากสวรรค์ ความกรณุ าปรานเี ปน็ สง่ิ ประเสรฐิ ทใ่ี หค้ วามสขุ ใจแกท่ ง้ั ผทู้ มี่ อบใหแ้ ละผทู้ ไี่ ดร้ บั ความกรณุ านนั้ เปน็ อำ� นาจอนั ยงิ่ ใหญเ่ หนอื แรงพลงั อน่ื ใดความกรณุ าปรานขี องพระเจา้ แผน่ ดนิ เปน็ เสมอื นเครอ่ื งประดบั อนั สวยงาม มคี วามสกุ ใสเรอื งรองยง่ิ กวา่ พระมหามงกฎุ อนั งามสงา่ และนา่ ยำ� เกรง และยงิ่ ใหญง่ ดงามยงิ่ กวา่ พระแสงศสั ตราวธุ ซง่ึ เปน็ ทสี่ ถติ แหง่ พระราชอำ� นาจอนั เดด็ ขาดและเปน็ แหลง่ รวมของพลงั อำ� นาจอนั ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ ความกรณุ าปรานซี งึ่ ดำ� รงอยู่ อยา่ งมน่ั คงในพระทยั ของพระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ คณุ ลกั ษณะประจำ� ของ เทพผทู้ รงฤทธ์ิ พระมหากษตั รยิ จ์ ะทรงเทยี บไดก้ บั เทพเจา้ เมอื่ พระองค์ พระราชทานความกรณุ าแกผ่ อู้ นื่ 70 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 70

อันว่าความกรุณาปรานี เวนสิ วานชิ ความดเี ดน่ ความดเี ดน่ ของวรรคทองบทนอ้ี ยทู่ ก่ี ารแสดงใหเ้ หน็ ความยง่ิ ใหญ่ ของความกรณุ าซงึ่ เปน็ คณุ ธรรมสำ� คญั ยงิ่ ทมี่ นษุ ยพ์ งึ มี กวแี สดงความ ยงิ่ ใหญน่ ด้ี ว้ ยการอธบิ ายโดยตรงสลบั กบั การใชภ้ าพพจนเ์ ปรยี บเทยี บ เพอื่ ใหผ้ อู้ า่ นเกดิ ความเขา้ ใจไดอ้ ยา่ งแจม่ แจง้ บทประพนั ธน์ เ้ี รม่ิ ตน้ ดว้ ย การอธบิ ายอยา่ งตรงไปตรงมาวา่ ความกรณุ าปรานนี นั้ เปน็ สง่ิ ที่ “จะ มใี ครบงั คบั ” ใหเ้ กดิ ขน้ึ ในใจและมใี หแ้ กผ่ ใู้ ดหาไดไ้ ม่ การเปรยี บเทยี บ ความกรณุ าปรานกี บั สายฝน“อนั ชน่ื ใจ” ซงึ่ “หลง่ั มาเอง” จากสรวง สวรรค์ “สแู่ ดนดนิ ” เปน็ การสรา้ งภาพพจนอ์ นั งดงามทสี่ อื่ ความหมาย ไดอ้ ยา่ งซบั ซอ้ นทรงพลงั ยงิ่ ภาพสายฝนทรี่ นิ หลง่ั ลงมาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ไมข่ าดสาย สรา้ งความชน่ื เยน็ แกโ่ ลกและมวลมนษุ ยท์ อี่ าศยั อยบู่ นผนื แผน่ ดนิ เบอ้ื งลา่ ง ทำ� ใหผ้ อู้ า่ นเกดิ ความตระหนกั รวู้ า่ ความกรณุ าเปน็ สงิ่ ทมี่ นษุ ยส์ ามารถมอบใหแ้ กก่ นั ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ งไมม่ วี นั หมด ทงั้ ยงั มคี ณุ อนั ยง่ิ ใหญเ่ พราะสามารถตอ่ ชวี ติ และสรา้ งความสขุ อนั ชนื่ เยน็ แกม่ นษุ ย์ ไมต่ า่ งจากนำ้� ซง่ึ เปน็ ธาตอุ นั จำ� เปน็ ในการดำ� รงรกั ษาชวี ติ การทค่ี วาม กรณุ าอยเู่ หนอื การบงั คบั ควบคมุ ของมนษุ ย์ ทำ� ใหค้ วามกรณุ ามคี วาม ศกั ดส์ิ ทิ ธส์ิ งู สง่ เปน็ ของขวญั จาก “ฟากฟา้ สรุ าลยั ” ทเ่ี ทพประทานให้ แกม่ นษุ ยโ์ ดยไมห่ วงั ผลตอบแทนเชน่ เดยี วกบั นำ้� ฝนทต่ี กลงมาเองตาม ธรรมชาติ ความเปรยี บนชี้ ว่ ยสอื่ สารสำ� คญั ของบทละครทว่ี า่ ดว้ ยการ ใหอ้ ยา่ งอสิ ระโดยไมห่ วงั ผลตอบแทนไดอ้ ยา่ งงดงามและกระชบั รดั กมุ ในการอธบิ ายใหเ้ หน็ พลงั อำ� นาจของความกรณุ าซงึ่ มลี กั ษณะเปน็ นามธรรม กวเี ลอื กใชจ้ นิ ตภาพเกยี่ วกบั พระมหากษตั รยิ เ์ พอื่ สอ่ื ใหเ้ หน็ กำ� ลงั อนั “เลศิ พลงั อนื่ ทง้ั สน้ิ ” ไดอ้ ยา่ งแจม่ แจง้ กวเี ปรยี บเทยี บพระ มหากษตั รยิ ท์ กี่ อปรดว้ ยความกรณุ าปรานวี า่ เหมอื นมี “วราภรณ”์ อนั งดงามเปน็ เครอ่ื งประดบั พระเกยี รติ อาภรณน์ มี้ คี วามรงุ่ เรอื งสกุ สวา่ ง ยิ่งว่าพระมหามงกุฎ แม้กระทั่งพระแสงศัสตราวุธก็ยังไม่ยิ่งใหญ่ล้�ำ เลศิ เทา่ “การณุ ยธรรม” ซง่ึ ตงั้ มน่ั อยใู่ นพระทยั ของพระมหากษตั รยิ ์ กวีอธิบายว่าความกรุณาปรานีเป็นสิ่งประเสริฐกว่าเครื่องประกอบ พระอสิ รยิ ยศทง้ั หมดเพราะเปน็ คณุ ลกั ษณะอนั สำ� คญั ของเทพผทู้ รง 71 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 71 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา ฤทธิ์ เมอื่ พระมหากษตั รยิ พ์ ระราชทานความกรณุ าแกผ่ ใู้ ด พระองค์ จะทรงศกั ดแ์ิ ละอำ� นาจเทยี มเทา่ กบั เทพเจา้ กวเี นน้ ยำ้� ความยง่ิ ใหญ่ ของความกรุณาปรานีด้วยการหลากค�ำที่สื่อความหมายถึงความดี ความงามความรงุ่ เรอื ง ความยงิ่ ใหญ่ และความชน่ื เยน็ เชน่ “วราภรณ”์ “สนุ ทร”“สวสั ด”์ิ “เรอื ง”“จรสั ”“วรเดช”“วเิ ศษ” “มหทิ ธ”ิ์ “อมฤต” การสื่อเน้ือหาเกี่ยวกับคุณธรรมส�ำคัญของมนุษย์ผ่านกลวิธีทาง วรรณศลิ ปท์ เ่ี ขม้ ขน้ ทรงพลงั ทำ� ใหว้ รรคทองบทนตี้ ราตรงึ อยใู่ นจติ ใจ ของผอู้ า่ นผฟู้ งั มาทกุ ยคุ ทกุ สมยั ตอ่ มาไดม้ ผี นู้ ำ� บทแรกของวรรคทอง นไี้ ปเปน็ สว่ นหนง่ึ ของเนอื้ เพลง “อนั ความกรณุ าปราน”ี จงึ ทำ� ใหเ้ ปน็ ที่ รจู้ กั กนั มากยง่ิ ขน้ึ 72 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 72

อันว่าความกรุณาปรานี เวนสิ วานชิ วลิ เลยี ม เชคสเปยี ร์ (William Shakespeare, 1564 - 1616) ผู้ประพันธเ์ ร่ือง The Merchan of Venice ซ่งึ เป็นต้นเค้าของเวนสิ วานิช �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 73 73 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 74 8/8/2557 BE 3:09 PM

๑๒ ถึงบางพูดพดู ดเี ป็นศรีศักด ์ิ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แมพ้ ูดชั่วตวั ตายท�ำลายมติ ร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพดู จา �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 75 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ทม่ี าของวรรคทอง นริ าศภเู ขาทอง ผูแ้ ตง่ สนุ ทรภู่ ปี/สมัยท่ีแตง่ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเภทของวรรณคดี นิราศภูเขาทองเป็นวรรณคดีนิราศ วรรณคดีนิราศเป็นวรรณคดี ท่ีพรรณนาการพลัดพรากจากนางผู้เป็นที่รัก จึงมักเป็นเรื่องท่ีกวีมุ่ง แสดงการครำ�่ ครวญอาลยั รกั ผสานกบั การบนั ทกึ การเดนิ ทาง โดยกวี มกั สอดแทรกประสบการณแ์ ละทศั นะทมี่ ตี อ่ สงิ่ ทพี่ บเหน็ ในระหวา่ ง การเดนิ ทางดว้ ย รปู แบบคำ� ประพนั ธ์ กลอนเพลง วตั ถปุ ระสงค์/โอกาสในการแต่ง สุนทรภู่แต่งนิราศภูเขาทองขณะอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสมัย รชั กาลที่ ๓ และไดเ้ ดนิ ทางทางเรอื จากวดั ราชบรู ณะ (วดั เลยี บ) ทจี่ ำ� พรรษาอยไู่ ปนมสั การเจดยี ภ์ เู ขาทองทพี่ ระนครศรอี ยธุ ยา สนั นษิ ฐาน วา่ แตง่ ใน พ.ศ. ๒๓๗๑ เนื้อหาของบทประพันธ์ นิราศภูเขาทองกล่าวถึงการเดินทางของสุนทรภู่พร้อมบุตรชาย ชอื่ พดั ไปนมสั การพระเจดยี ภ์ เู ขาทองทพี่ ระนครศรอี ยธุ ยา สนุ ทรภู่ พรรณนาสถานทตี่ า่ ง ๆ ทเ่ี ดนิ ทางผา่ นและสงิ่ ทไ่ี ดพ้ บเหน็ ระหวา่ งทาง ควบคู่ไปกับการพรรณนาอารมณ์ความรู้สึกของตน ทั้งร�ำพึงร�ำพัน ความทกุ ขโ์ ศกจากชะตาชวี ติ ทพ่ี ลกิ ผนั ทงั้ พรรณนาความจงรกั ภกั ดี และส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ- หลา้ นภาลยั ทงั้ ครำ�่ ครวญอาลยั อาวรณถ์ งึ นางผเู้ ปน็ ทรี่ กั ทสี่ มมตขิ น้ึ 76 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 76

ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักด์ิ นิราศภูเขาทอง และยงั สอนคตขิ อ้ คดิ ทคี่ มคายซง่ึ กลน่ั กรองมาจากประสบการณช์ วี ติ ของตนเอง นิราศภูเขาทองกล่าวถึงความพลิกผันของชะตาชีวิตสุนทรภู่จาก สุขที่สุดเป็นทุกข์ที่สุดอันแสดงให้เห็นสัจธรรมส�ำคัญเรื่องความเป็น อนจิ จงั ของชวี ติ วรรคทองบทนี้เป็นตอนท่ีกวีเดินทางมาถึงต�ำบลบางพูด เมอื งนนทบรุ ี ความหมายของวรรคทอง วรรคทองนี้ กวไี ดน้ ำ� ชอื่ สถานทคี่ อื “บางพดู ” มาเชอื่ มโยงกบั การให้ คตเิ รอ่ื งการพดู วา่ การพดู จาดี ไพเราะนา่ ฟงั จะยงั ผลดใี หเ้ กดิ แกผ่ พู้ ดู เพราะมธรุ สวาจาทซ่ี าบซงึ้ ชนื่ ใจยอ่ มทำ� ใหผ้ ฟู้ งั เกดิ ความรกั และความ เมตตา ในทางกลบั กนั หากพดู จาไมด่ ี นอกจากจะนำ� ความเดอื ดรอ้ น มาสผู่ พู้ ดู แลว้ ยงั เปน็ การทำ� ลายมติ รภาพอกี ดว้ ย ชวี ติ ของคนเราจะดี หรอื ชวั่ จงึ ขน้ึ อยกู่ บั การพดู จาเปน็ สำ� คญั ความดีเดน่ กลอนบทนใ้ี หค้ ตเิ รอ่ื งการพดู โดยใชว้ ธิ กี ารเลน่ คำ� คอื นำ� ชอ่ื “บาง พดู ” ซง่ึ เปน็ ชอื่ สถานทม่ี าเชอื่ มโยงกบั การสอนเรอ่ื งการพดู จา กวใี ช้ ถอ้ ยคำ� งา่ ย แตส่ อ่ื ความหมายกวา้ งและลกึ ซงึ้ เชน่ คำ� วา่ “พดู ด”ี อาจ หมายถงึ การพดู สงิ่ ทด่ี มี ปี ระโยชน์ การพดู ไพเราะสภุ าพออ่ นหวาน การ พดู แตค่ ำ� จรงิ ไมโ่ ปป้ ดหลอกลวง การพดู อยา่ งมวี าทศลิ ป์ ฯลฯ คำ� วา่ “พดู ชว่ั ” อาจหมายถงึ การพดู ไมจ่ รงิ การพดู หยาบคาย การพดู โออ้ วด การพดู สอ่ เสยี ด การพดู ยแุ ยงตะแคงรวั่ ฯลฯ นอกจากนี้ คำ� วา่ “เปน็ ศรศี กั ด”์ิ อาจหมายถงึ กอ่ ใหเ้ กดิ สริ มิ งคล ความสขุ โชคลาภ วาสนา ความยกยอ่ งนบั ถอื ฯลฯ หรอื คำ� วา่ “ตวั ตายทำ� ลายมติ ร”อาจหมายถงึ นำ� ความเดอื ดรอ้ นใหต้ นเอง สญู เสยี มติ รภาพ ทำ� ใหไ้ มม่ คี นคบหา ฯลฯ และคำ� วา่ “ชอบผดิ ในมนษุ ย”์ กวนี ำ� คำ� เพยี งสองคำ� ทม่ี คี วามหมายตรง ขา้ มกนั คอื “ชอบ” และ “ผดิ ” มาวางเคยี งกนั แตส่ ามารถสอ่ื ถงึ ผลอนั ยง่ิ ใหญจ่ ากการพดู จาทจี่ ะมตี อ่ ชวี ติ มนษุ ยไ์ ดอ้ ยา่ งชดั เจนลกึ ซง้ึ การใช้ 77 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 77 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา คำ� งา่ ยแตม่ คี วามหมายลกึ ซง้ึ กวา้ งขวางทำ� ใหก้ วสี ามารถสอนเรอ่ื งการ พดู ไดอ้ ยา่ งครอบคลมุ ค�ำสอนเรื่องการพูดเป็นค�ำสอนสากลในทุกวัฒนธรรม และ เป็นค�ำสอนส�ำคัญในทางพุทธศาสนาด้วย ค�ำสอนน้ีอาจมีท่ีมาจาก ประสบการณข์ องกวที เ่ี คยทง้ั “พดู ด”ี และ “พดู ชว่ั ” และไดร้ บั ผลจาก คำ� พดู ของตน วรรคทองนจ้ี งึ สะทอ้ นสจั ธรรมของชวี ติ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน เพราะเป็นความจริงท่ีมนุษย์ทุกคนต้องประสบเม่ืออยู่ในสังคมและ ตอ้ งคบหาสมาคมกบั ผอู้ น่ื คำ� สอนทใี่ ชถ้ อ้ ยคำ� งา่ ย ๆ แตล่ กึ ซง้ึ และ ไพเราะคมคายเกย่ี วกบั การพดู ของสนุ ทรภบู่ ทนจ้ี งึ เปน็ ทปี่ ระทบั ใจแก่ ผคู้ นเสมอมา 78 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 78

ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักด์ิ นริ าศภูเขาทอง �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 79 79 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 80 8/8/2557 BE 3:09 PM

๑๓ ชมแขคิดใช่หน้า นวลนาง เดือนต�ำหนวิ งกลาง ตา่ ยแต้ม พมิ พ์พกั ตรแ์ ม่เพ็ญปราง จกั เปรยี บ ใดเลย ข�ำกวา่ แขไขแยม้ ย่งิ ยิม้ อัปสร �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 81 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ทมี่ าของวรรคทอง โคลงนริ าศนรนิ ทร์ ผแู้ ต่ง นายนรนิ ทรธ์ เิ บศร์ (อนิ ) ป/ี สมยั ท่แี ตง่ พ.ศ. ๒๓๕๒ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ประเภทของวรรณคดี โคลงนริ าศนรนิ ทรเ์ ปน็ วรรณคดนี ริ าศวรรณคดนี ริ าศเปน็ วรรณคดที ่ี พรรณนาการพลดั พรากจากนางผเู้ ปน็ ทร่ี กั จงึ มกั เปน็ เรอ่ื งทก่ี วมี งุ่ แสดง การครำ�่ ครวญอาลยั รกั และอาจผสานกบั การบนั ทกึ การเดนิ ทาง โดย กวมี กั สอดแทรกประสบการณแ์ ละทศั นะทมี่ ตี อ่ สงิ่ ทพี่ บเหน็ ในระหวา่ ง การเดนิ ทางดว้ ย รูปแบบค�ำประพันธ์ โคลงนริ าศนรนิ ทรป์ ระกอบดว้ ยรา่ ยสภุ าพ ๑ บทและโคลงสสี่ ภุ าพ ๑๔๑ บท วัตถปุ ระสงค/์ โอกาสในการแตง่ นายนรินทร์ธิเบศร์ประพันธ์โคลงนิราศนรินทร์เพ่ือแสดงการ ครำ่� ครวญอาลยั รกั เนอื่ งจากตอ้ งพลดั พรากจากนางอนั เปน็ ทรี่ กั เมอื่ คราวตามเสดจ็ กรมพระราชวงั บวรมหาเสนานรุ กั ษไ์ ปปราบพมา่ ทยี่ ก ทพั มาตเี มอื งถลางและชมุ พรใน พ.ศ. ๒๓๕๒ เน้ือหาของบทประพันธ์ ในตอนต้นเร่ือง กวีกล่าวสรรเสริญพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย และกล่าวชมความงดงามรุ่งเรืองของ กรงุ เทพมหานคร แลว้ จงึ กลา่ วถงึ ความเศรา้ โศกระทมทกุ ขข์ องกวที ี่ ตอ้ งจากเมอื งและนางผเู้ ปน็ ทร่ี กั เพอื่ ไปราชการสงคราม กวพี รรณนา ความรักที่มีต่อนางและคร่�ำครวญถึงนางด้วยความอาลัยพร้อมท้ัง กลา่ วถงึ สถานทตี่ า่ ง ๆ ตามเสน้ ทางการเดนิ ทางไมว่ า่ กวจี ะเดนิ ทางไป 82 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 82

ชมแขคิดใช่หน้า นวลนาง นริ าศนรินทร์ ถงึ สถานทใี่ ด นางกย็ งั อยใู่ นความคดิ คำ� นงึ ของกวอี ยเู่ สมอ ยง่ิ ไปกวา่ นน้ั ธรรมชาตริ อบตวั ไมว่ า่ จะเปน็ พรรณพชื หรอื สรรพสตั วก์ ล็ ว้ นแตย่ ำ้� เตอื นใหก้ วรี ะลกึ ถงึ นาง ทำ� ใหก้ วโี ศกเศรา้ มากยงิ่ ขนึ้ อกี ในตอนทา้ ย กวีได้กล่าวเน้นถึงความรักอันย่ิงใหญ่ที่ตนมีให้นางอันเป็นท่ีรักและ ยำ้� เตอื นใหน้ างรกั ษาบทประพนั ธน์ ไี้ วแ้ ทนตวั กวี ในบทจบ กวรี ะบชุ อื่ ตนเองและกลา่ วแสดงความภาคภมู ใิ จในผลงานการประพนั ธข์ องตน ความหมายของวรรคทอง โคลงบทนก้ี วเี ปรยี บเทยี บใบหนา้ อนั งดงามของนางผเู้ ปน็ ทรี่ กั กบั ความงามของดวงจนั ทร์ โดยกวกี ลา่ ววา่ เมอ่ื ยามดดู วงจนั ทร์ ความ งามของดวงจันทร์ก็มิอาจเปรียบกับความงามแห่งดวงหน้าของนาง ได้ เพราะดวงจนั ทรย์ งั มตี ำ� หนทิ ม่ี องดเู หมอื นกระตา่ ยแตม้ อยกู่ ลาง ดวงจนั ทร์ ใบหนา้ ของนางจงึ นวลผดุ ผอ่ งยง่ิ กวา่ เปน็ ความงามทหี่ าสงิ่ ใดมาเปรยี บมไิ ด้ งามยง่ิ กวา่ ความสดใสของดวงจนั ทรแ์ ละนางอปั สร ยามแยม้ ยมิ้ ความดเี ด่น โคลงบทนด้ี เี ดน่ ในดา้ น “การเลน่ ” กบั ขนบวรรณคดหี รอื อกี นยั หนงึ่ กค็ อื การนำ� ขนบวรรณคดไี ทยมาปรบั แปลงใหม้ ลี ลี าและความหมาย ทไ่ี พเราะแตกตา่ งไปจากเดมิ ในโคลงบทน้ี กวี “เลน่ ” กบั ขนบการชม นางทม่ี กั เปรยี บเทยี บดวงหนา้ ของหญงิ สาววา่ มคี วามนวลผอ่ งงดงามดงั่ ดวงจนั ทร์ โดยกลา่ ววา่ นางทรี่ กั ของกวมี คี วามงดงามยง่ิ กวา่ ดวงจนั ทร์ เพราะแมแ้ ตด่ วงจนั ทรว์ นั เพญ็ ทไี่ ดร้ บั การยอมรบั วา่ งามกย็ งั มใิ ชค่ วาม งามสมบรู ณแ์ บบ ดว้ ยมตี ำ� หนทิ ดี่ มู องเหมอื นกระตา่ ยแตม้ อยกู่ ลาง ดวงจนั ทร์ สว่ นดวงหนา้ ของนางอนั เปน็ ทรี่ กั ของกวนี น้ั งามอยา่ งไรท้ ต่ี ิ ลกั ษณะเดน่ อกี ประการหนง่ึ ของโคลงบทนี้ คอื การสรรคำ� ทสี่ นั้ กระชบั แตใ่ หภ้ าพชดั เจน และสอื่ ความหมายไดล้ กึ ซงึ้ เชน่ ในบาทที่ ๓ “พิมพ์พักตร์แม่เพ็ญปราง จักเปรียบ ใดเลย” เป็นการสรรค�ำท่ี ใหค้ วามไพเราะทงั้ ในดา้ นเสยี งสมั ผสั จนิ ตภาพและความหมาย คำ� วา่ “พมิ พพ์ กั ตร”์ สอื่ ใหเ้ หน็ ถงึ ใบหนา้ ทงี่ ดงามไรต้ ำ� หนใิ ด ๆ สว่ นคำ� วา่ 83 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 83 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา “ปราง” สื่อความหมายได้ ๒ นัย นัยแรกหมายถึงแก้มนาง นยั ท่ี ๒ หมายถงึ ผลมะปราง เมอื่ รวม ๒ นยั เขา้ ดว้ ยกนั และนำ� ไป ประกอบกบั คำ� วา่ “เพญ็ ” เปน็ “เพญ็ ปราง” จงึ ใหภ้ าพแกม้ ของนางทอ่ี ม่ิ เตม็ เนยี นเรยี บ และนวลผดุ ผอ่ งไดด้ ยี งิ่ ในบาทท่ี ๔ “ขำ� กวา่ แขไขแยม้ ยง่ิ ยม้ิ อปั สร” คำ� วา่ “ยง่ิ ยม้ิ อปั สร” เปน็ การใชค้ ำ� ทสี่ น้ั กระชบั แตใ่ หภ้ าพ และความหมายทชี่ ดั เจนวา่ ในยามทนี่ างแยม้ ยม้ิ นางยง่ิ มคี วามงดงาม กวา่ นางสวรรค์ การกลา่ วเชน่ นไ้ี มเ่ พยี งเปน็ การพรรณนาความงามของ นาง แตย่ งั เปน็ การแสดงความรสู้ กึ ของกวดี ว้ ยวา่ เพยี งแคไ่ ดเ้ หน็ รอย ยม้ิ ของนาง กวกี ร็ สู้ กึ ปลาบปลมื้ ใจยงิ่ กวา่ ไดเ้ หน็ นางสวรรค์ ความงาม และรอยยม้ิ ของนางจงึ เปน็ สง่ิ ทกี่ วโี หยหา ดงั นน้ั แมเ้ ปน็ โคลงสนั้ ๆ เพยี งบทเดยี ว แตด่ ว้ ยชนั้ เชงิ การเลอื กสรร คำ� และการรอ้ ยเรยี งถอ้ ยคำ� ของกวีโคลงบทนจี้ งึ เปน็ วรรคทองทเ่ี ปย่ี มไป ดว้ ยความไพเราะและลลี าวรรณศลิ ปท์ ป่ี ระทบั ใจผอู้ า่ นไดอ้ ยา่ งยาวนาน ตราบถงึ ปจั จบุ นั 84 8/8/2557 BE 3:09 PM �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 84

ชมแขคิดใช่หน้า นวลนาง นิราศนรินทร์ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 85 85 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 86 8/8/2557 BE 3:09 PM

๑๔ อา้ อะรุณแอร่มระเร่ือรจุ ี ณ แรกรัก ประดจุ มะโนภิรมระตี นะฉันใด ก็ฉนั น้ัน แสงอะรุณวโิ รจนน์ ะภาประจักษ์ แฉลม้ เฉลาและโศภินกั หญิงและชาย ณ ยามระตอี ทุ ยั สว่าง ณ กลางกะมลละไม �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 87 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM ที่มาของวรรคทอง บทละครพดู คำ� ฉนั ทเ์ รอ่ื งมทั นะพาธา ผู้แตง่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ป/ี สมัยท่แี ต่ง พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธเ์ รอ่ื ง มทั นะพาธาระหวา่ งวนั ที่ ๒ กนั ยายน-๑๘ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๖๖ รวม เวลาทงั้ สน้ิ ๑ เดอื น ๑๗ วนั ประเภทของวรรณคดี มทั นะพาธาเปน็ วรรณคดปี ระเภทบทละครพดู คำ� ฉนั ท์ คอื บทละคร ท่ีแต่งด้วยฉันท์และกาพย์ชนิดต่าง ๆ มีบทเจรจาบางตอนแต่งเป็น รอ้ ยแกว้ แทรกอยบู่ า้ ง รูปแบบค�ำประพันธ์ อที สิ งั ฉนั ท์ ๒๐ วตั ถุประสงค์/โอกาสในการแตง่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธม์ ทั นะ- พาธาหรือต�ำนานแห่งดอกกุหลาบขณะทรงพระประชวร พระราช- ประสงคใ์ นชนั้ แรกคอื มงุ่ หมายใหเ้ ปน็ หนงั สอื กวนี พิ นธส์ ำ� หรบั อา่ นเลน่ ทอ่ี ธบิ ายกำ� เนดิ ของดอกกหุ ลาบเพอ่ื พระราชทานแกส่ มเดจ็ พระนาง- เจา้ อนิ ทรศกั ดศิ จี พระวรราชชายา ตอ่ มามผี ขู้ อพระราชทานพระบรม- ราชานุญาตน�ำมาจัดแสดงเป็นละครก็พระราชทานให้ นอกจากบท พระราชนิพนธ์ภาษาไทย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยงั ทรงแปลบทละครเรอ่ื งนอ้ี อกเปน็ ภาษาองั กฤษดว้ ย โดยทรงแปล เปน็ รอ้ ยแกว้ เสรจ็ บรบิ รู ณเ์ มอ่ื เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ จากนน้ั จงึ ทรงแปลมัทนะพาธาเป็นกลอนเปลา่ แบบบทละครพดู ของเชกส- เปยี รต์ ามคำ� กราบบงั คมทลู แนะนำ� ของพระวรวงศเ์ ธอ กรมหมนื่ พทิ ย- ลาภพฤฒยิ ากร แตท่ รงพระราชนพิ นธถ์ งึ เพยี งชว่ งกลางขององกท์ ่ี ๔ กส็ วรรคตเสยี กอ่ น 88 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 88

อ้าอะรุณแอร่มระเร่ือรุจี มทั นะพาธา มัทนะพาธาได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่า “..เป็นหนังสือ 89 แตง่ ดเี พราะทรงพระราชดำ� รใิ ชค้ ำ� ฉนั ทเ์ ปน็ บทละครพดู อนั เปน็ ของ แปลกในกระบวนวรรณคดแี ละแตง่ ไดโ้ ดยยาก ยงั ไมเ่ คยมกี วคี นใดได้ พยายามแตง่ มาแตก่ อ่ น อกี ประการหนง่ึ ในทางภาษาซง่ึ ทรงปรงุ ชอื่ ตวั ละครและภมู ปิ ระเทศถกู ตอ้ งตามยคุ แหง่ ภารตวรรษอนั จำ� นงใหเ้ ปน็ ตวั เรอ่ื ง นบั วา่ รปู เรอ่ื งปรงุ ดี จะแตง่ ไดแ้ ตด่ ว้ ยพระปรชี าและสตุ าญาณ อนั กวา้ งขวาง...” เนือ้ หาของบทประพันธ์ มทั นะพาธาเปน็ บทละครพดู ทพี่ ระบาทสมเดพ็ ระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อย-ู่ หวั ทรงสรา้ งเนอ้ื เรอ่ื งขนึ้ เอง โดยทรงสมมตุ ใิ หเ้ รอ่ื งเกดิ ในอนิ เดยี โบราณ เนอ้ื เรอ่ื งกลา่ วถงึ สเุ ทษณเ์ ทพบตุ รซง่ึ หลงรกั เทพธดิ ามทั นาแตน่ างไมร่ กั ตอบ แมว้ า่ สเุ ทษณจ์ ะพยายามเพยี งใด มทั นากป็ ฏเิ สธจนทำ� ใหส้ เุ ทษณ์ โกรธและสาปนางใหจ้ ตุ ไิ ปเกดิ เปน็ ดอกกหุ ลาบในแดนมนษุ ย์ โดยมขี อ้ กำ� หนดวา่ ในวนั เพญ็ ของทกุ ๆ เดอื น ดอกกหุ ลาบจะกลบั เปน็ หญงิ สาวได้ ๑ วนั ๑ คนื ตอ่ เมอื่ มคี วามรกั มทั นาจงึ จะคงรา่ งเปน็ หญงิ สาว ตลอดไป หากนางไดร้ บั ความทกุ ขเ์ พราะความรกั แลว้ วงิ วอนตอ่ สเุ ทษณ์ สเุ ทษณจ์ ะถอนคำ� สาปใหน้ างกลบั ไปเปน็ นางฟา้ ตามเดมิ เมอื่ มทั นาลงมาเกดิ ในโลกมนษุ ย์ พระฤษกี าละทรรศนิ ซง่ึ มอี าศรม อยกู่ ลางปา่ หมิ ะวนั ไดข้ ดุ ตน้ กหุ ลาบไปปลกู ไวท้ อี่ าศรม วนั ทน่ี างกลาย เปน็ มนษุ ย์ พระฤษกี ร็ กั ใครเ่ ลย้ี งดนู างเหมอื นลกู วนั หนง่ึ พระชยั เสน กษตั รยิ แ์ หง่ กรงุ หสั ตนิ าปรุ ะเสดจ็ ประพาสปา่ เพอื่ ลา่ สตั ว์ และไดต้ าม กวางไปจนถงึ อาศรมพระฤษี เมอ่ื ไดพ้ บนางมทั นากเ็ กดิ ความรกั หลงั จากทงั้ คสู่ าบานรกั ตอ่ กนั มทั นากไ็ มต่ อ้ งกลบั เปน็ กหุ ลาบอกี ตอ่ มา พระชยั เสนพานางกลบั เขา้ เมอื ง นางจณั ฑพี ระมเหสเี กดิ ความหงึ หวง และแคน้ ใจทพี่ ระชยั เสนรกั นางมทั นา จงึ ขอใหพ้ ระบดิ าซง่ึ ครองแควน้ มคธยกทพั มาตกี รงุ หสั ตนิ าปรุ ะ ขณะเดยี วกนั กท็ ำ� อบุ ายใสค่ วามวา่ มทั นารกั กบั ศภุ างค์ ทหารเอกของพระชยั เสน พระชยั เสนหลงเชอื่ จงึ สงั่ ใหป้ ระหารชวี ติ ทง้ั ๒ คนเสยี แตเ่ พชฌฆาตเกดิ ความสงสาร จงึ ปลอ่ ย ทงั้ สองไป ศภุ างคอ์ อกไปรบและเสยี ชวี ติ ในสนามรบ สว่ นมทั นากลบั ไปท่ีอาศรมฤษีกาละทรรศินแล้วทูลขอให้สุเทษณ์รับตนกลับสวรรค์ �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 89 8/8/2557 BE 3:09 PM

กวีวัจน์วรรณนา 8/8/2557 BE 3:09 PM สเุ ทษณข์ อใหน้ างรบั รกั พระองคก์ อ่ น นางกย็ งั ปฏเิ สธ ทำ� ใหส้ เุ ทษณ์ โกรธมากและสาปให้นางกลายเป็นดอกกุหลาบไปตลอดกาล เม่ือ พระชยั เสนรคู้ วามจรงิ กอ็ อกตามหามทั นาแตไ่ มท่ นั การณ์ นางไดก้ ลาย เปน็ ดอกกหุ ลาบไปเสยี แลว้ พระชยั เสนจงึ นำ� ตน้ กหุ ลาบกลบั ไปยงั เมอื ง หสั ตนิ าปรุ ะ วรรคทองบทน้ีอยู่ในตอนพระชัยเสนและมัทนากล่าวค�ำสาบาน รกั ตอ่ กนั ความหมายของวรรคทอง วรรคทองบทนเี้ ปน็ คำ� พดู ของพระชยั เสน ทก่ี ลา่ วพรรณนาอารมณ์ ความรสู้ กึ ของหนมุ่ สาวยามแรกรกั พระชยั เสนกลา่ ววา่ บรรยากาศ ยามเชา้ ทมี่ แี สงออ่ น ๆ ของดวงอาทติ ยแ์ รกขน้ึ สอ่ งสวา่ งสดใส ไมต่ า่ ง กบั จติ ใจอนั รน่ื เรงิ เบกิ บานของผทู้ เี่ รมิ่ รกั กนั ใหม่ ๆ แสงอาทติ ยย์ ามแรก ขนึ้ ทส่ี วา่ งเรอื งรองจบั ทอ้ งฟา้ นน้ั งดงามเพรศิ พรงิ้ เพยี งใด ความรสู้ กึ ของหญงิ ชายเมอื่ เรม่ิ มคี วามรกั เกดิ ขน้ึ ในใจกส็ วา่ งไสวชน่ื บานเพยี งนนั้ ความดเี ดน่ วรรคทองบทนเ้ี ปน็ บทพรรณนาอารมณค์ วามรสู้ กึ ของหนมุ่ สาวยาม แรกรกั ทง่ี ดงามซาบซง้ึ ใจทส่ี ดุ บทหนงึ่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงคดั สรรองคป์ ระกอบและกลวธิ ที างวรรณศลิ ปต์ า่ ง ๆ มา จัดวางอย่างประณีตบรรจงและประสานกลมกลืนเพ่ือน�ำเสนอภาพ และอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างซับซ้อนและทรงพลัง ความประสาน กลมกลนื ทเ่ี ดน่ ชดั ประการแรกคอื ความกลมกลนื ของฉากและอารมณ์ ความรสู้ กึ ของตวั ละคร ในเรอ่ื งน้ี ความรกั ของพระชยั เสนและมทั นา เรมิ่ ขน้ึ เมอ่ื ทงั้ สองไดพ้ บกนั ครง้ั แรกในตอนเยน็ ความรอ้ นรมุ่ ใจจาก รักแรกพบท�ำให้หนุ่มสาวทั้งสองออกมาเผยความรู้สึกท่ีมีต่อกันใน ชว่ งกลางคนื และบทฝากรกั ไดด้ ำ� เนนิ ตอ่ เนอื่ งมาจนกระทงั่ มทั นารบั รกั พระชยั เสนและทง้ั คกู่ ลา่ วคำ� สาบานรกั ตอ่ กนั ในตอนทพ่ี ระอาทติ ย์ เร่ิมทอแสงจับขอบฟ้า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึง ทรงพรรณนาภาพความงดงามของยามรงุ่ อรณุ เปรยี บเทยี บกบั ความ แชม่ ชนื่ เบกิ บานในจติ ใจของหนมุ่ สาวจากความสมหวงั ในรกั โดยทรง 90 �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 90

อ้าอะรุณแอร่มระเร่ือรุจี มทั นะพาธา เลอื กเฟน้ คำ� จำ� นวนมากทแี่ สดงทงั้ ภาพ แสง และสี เชน่ แอรม่ ระเรอ่ื 91 รจุ ี วโิ รจน์ แฉลม้ เฉลา โสภิ สวา่ ง ละไม เพอื่ ใหผ้ อู้ า่ นเหน็ ภาพจติ ใจ อนั ผอ่ งใสเบกิ บาน สวา่ งไปดว้ ยความอบอนุ่ ของความสขุ จากความรกั การนำ� ภาพแสงอาทติ ยใ์ นยามเชา้ มาเปรยี บกบั ความรสู้ กึ ในจติ ใจของ หนมุ่ สาวเมอื่ สมรกั นบั เปน็ การเปรยี บเทยี บทแ่ี ยบคายยงิ่ นอกจากแสดง ความงดงามของความรกั ทม่ี ลี กั ษณะเปน็ นามธรรมใหเ้ หน็ เปน็ รปู ธรรม ไดอ้ ยา่ งชดั เจนแลว้ แสงอาทติ ยใ์ นยามรงุ่ อรณุ ยงั เปน็ สญั ลกั ษณข์ อง ความหวงั และการเรมิ่ ตน้ ของสงิ่ ดงี ามตา่ ง ๆ รวมทงั้ ความสดใสชน่ื บาน ของชวี ติ ใหม่ จงึ ชว่ ยสอ่ื ใหเ้ หน็ จติ ใจของครู่ กั ทเ่ี ปย่ี มไปดว้ ยปลาบปลม้ื อมิ่ เอมใจและความหวงั อนั สดใสตอ่ ความสขุ ทจ่ี ะมรี ว่ มกนั ในอนาคต ไดอ้ ยา่ งแจม่ ชดั ยงิ่ ขน้ึ ความประสานกลมกลนื ขององคป์ ระกอบและกลวธิ ที างวรรณศลิ ป์ ที่เด่นชัดอีกประการหนึ่งได้แก่ ความประสานกลมกลืนระหว่าง ฉนั ทลกั ษณก์ บั เสยี งและความหมายของบทประพนั ธ์ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเลอื กใชอ้ ที สิ งั ฉนั ทอ์ นั มจี งั หวะเรว็ กระชน้ั เพราะมคี รแุ ละลหสุ ลบั กนั ไปอยา่ งละคำ� เกอื บตลอดทง้ั บท จงั หวะเรว็ เชน่ นน้ี อกจากจะสอดคลอ้ งเหมาะสมกบั ความรสู้ กึ ปตี ติ น่ื เตน้ ของหญงิ ชายเมอื่ ไดป้ ระสบความสขุ ทไ่ี มไ่ ดค้ าดหวงั มากอ่ นแลว้ ยงั เปน็ เครอื่ ง ชว่ ยประกอบใหเ้ หน็ ความคกึ คกั กระฉบั กระเฉงของวยั หนมุ่ สาว และ จติ ใจอนั ชน่ื บานแจม่ ใส เตม็ ไปดว้ ยความกระตอื รอื รน้ ในความรกั ทเี่ พง่ิ เกดิ ขนึ้ ยงิ่ ไปกวา่ นน้ั พระองคย์ งั ทรงเสรมิ ความไพเราะจากความกลมกลนื ของจงั หวะและความหมายดว้ ยการสรรคำ� ทมี่ เี สยี งเสนาะมาเรยี บเรยี ง อยา่ งสละสลวยเปน็ การเลน่ สมั ผสั พยญั ชนะอนั แพรวพราว เชน่ “อา้ อรณุ แอรม่ ระเรอ่ื รจุ ”ี “แรกรกั ”“แฉลม้ เฉลา” ทำ� ใหว้ รรคทองบทนม้ี ที งั้ ความเสนาะของเสยี งและความไพเราะของความหมายทส่ี อดประสาน กนั อยา่ งเหมาะเจาะ กวโี วหารซงึ่ มที ง้ั เสยี งเสนาะและความหมายอนั ดดู ดม่ื กนิ ใจนท้ี ำ� ให้ ผอู้ า่ นเกดิ ความซาบซง้ึ และมอี ารมณร์ ว่ มตามไปดว้ ยทกุ ครง้ั ทไ่ี ดอ้ า่ นบท ประพนั ธบ์ ทนจี้ งึ ไดก้ ลายเปน็ วรรคทองทตี่ ราตรงึ อยใู่ นใจของผอู้ า่ นมา ทกุ ยคุ ทกุ สมยั �������������� 5 of 5_140809_CC.indd 91 8/8/2557 BE 3:09 PM

�������������� 5 of 5_140809_CC.indd 92 8/8/2557 BE 3:09 PM