สถานท่ที รงแสดงยมกปาฏหิ ารยิ ์ ปัจจบุ นั อยูบ่ นถนนจาก เมอื งบะรามปรู ์ ซ้ายมอื ก่อนถึงสาวัตถีประมาณสองกิโลเมตร มี ลักษณะเป็นเนนิ ดินสงู ประมาณ ๕๐ เมตร สถานทีท่ รงแสดงยมกปาฏหิ าริย์
บา้ นปโุ รหติ าจารย์ บิดาขององคลุ ีมาล และ บ้านอนาถบิณฑกิ เศรษฐี บ้านปุโรหิตาจารย์บิดาขององคุลีมาลและบ้านอนาถบิณฑิก เศรษฐอี ยู่ในบริเวณพระราชวังของพระเจา้ ปเสนทโิ กศล เลยพระ มหาวิหารเชตวันไปประมาณ ๓ กโิ ลเมตร ปจั จุบนั ยงั มเี ขตเมืองสา วัตถีให้เห็นเป็นกำ�แพงล้อมรอบเมืองและภายในเมืองก็จะมีอาคาร สิง่ ปลูกสร้างในอดตี ทถ่ี กู ฝังไว้ใตด้ นิ เปน็ จ�ำ นวนมาก ปจั จุบนั ทาง รัฐบาลอินเดียได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นสมบัติของทางการและกำ�ลังขุด ค้นเพ่อื หาหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ บ้านปุโรหิตาจารย์ บิดาขององคุลมี าล 201
บ้านปุโรหติ าจารย์ บดิ าขององคุลีมาล บา้ นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี ทา่ นอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี องคมนตรีท่ปี รึกษาสายเศรษฐกจิ ของพระเจ้าปเสนทโิ กศล ผ้สู รา้ งพระอารามเชตวนั มหาวิหาร นอกจากจะเป็นผู้ถวายการอุปถัมภ์บำ�รุงพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธ ศาสนาอยา่ งสมำ�่ เสมอแล้ว ทา่ นยงั ไดส้ งเคราะหค์ นยากไรอ้ นาถา อย่างมากมายเปน็ ประจ�ำ จึงไดช้ อ่ื ว่า “อนาถบิณฑิกะ” ซง่ึ แปลวา่ ผู้มกี ้อนขา้ วเพือ่ คนอนาถา หรอื เศรษฐขี วญั ใจคนจน ท่านได้รับ ยกยอ่ งเปน็ เอตทคั คะในหมู่ทายกฝา่ ยอุบาสก บ้านของท่านเศรษฐใี นปัจจบุ ัน เหลอื เพยี งร่องรอยแห่งอดตี ที่ซุกซอ่ นไว้ในประวตั ศิ าสตร์อันยาวนาน กอ้ นอฐิ ท่เี รียงเป็นช้ันปรัก หกั พงั เหลา่ นเ้ี อง เปน็ อนุสาวรียท์ เ่ี กบ็ ข้อมลู ไวใ้ หเ้ ราผเู้ ป็นอนชุ นได้ ศึกษาถึงบทบาทของนักธุรกิจตัวอยา่ งในครง้ั พุทธกาล
บา้ นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี 203
ดาวดงึ ส์
โปรดพุทธมารดาบนภพดาวดงึ ส์
หลังจากพระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ท่ีเนินป่า มะมว่ งคณั ฑมั พะ เขตกรุงสาวตั ถีแลว้ ไดเ้ สดจ็ ขน้ึ ไปประทับ จ�ำ พรรษาบนสวรรคช์ นั้ ดาวดึงส์ตามพุทธประเพณี เพ่อื แสดง พระอภธิ รรมโปรดพระพุทธมารดา ดาวดึงส์ เปน็ สวรรคช์ ้นั ท่ี ๒ ในเทวโลก พระพุทธเจา้ เสด็จไปประทบั จำ�พรรษาท่ี ๗ เพื่อแสดงพระอภธิ รรม ๗ คัมภรี โ์ ปรดพระพทุ ธมารดา ในระหว่างทพ่ี ระพทุ ธองค์อยบู่ น สวรรคช์ ้ันดาวดึงส์นน้ั ไดป้ ระทบั บนพระแทน่ บณั ฑกุ ัมพลศิลา อาสนข์ องท้าวสักกเทวราช ใตค้ วงต้นปารฉิ ตั ตกะ เม่อื พระพทุ ธ มารดาเสด็จลงจากสวรรค์ช้ันดุสิตมาประทับอยู่เบื้องขวาของ พระพทุ ธองคแ์ ล้ว ทรงแสดงพระอภธิ รรมให้สดบั ๗ คัมภรี ์ คือ ธมั มสังคณี วภิ งั ค์ ธาตกุ ถา ปุคคลบัญญตั ิ กถาวัตถุ ยมก และปฏั ฐาน ในเวลาบิณฑบาต พระพุทธองค์ทรงเนรมิตให้เหน็ เปน็ พระพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่งแสดงธรรมรออยู่จนกว่าพระองค์จะ กลับมา ส่วนพระองค์จริงไดเ้ สดจ็ ไปบณิ ฑบาตทีอ่ ุตตรกุรทุ วีป ระหว่างนั้นได้เสด็จไปบอกเล่าให้ท่านพระสารีบุตรเถระฟังว่า เวลานพ้ี ระองคแ์ สดงอภธิ รรมคมั ภรี น์ ้ใี ห้พระมารดาฟังอยู่ ให้ พระสารบี ตุ รแสดงอภิธรรมคมั ภรี น์ ั้นแกศ่ ิษย์ ๕๐๐ ของตน ด้วย พระบรมศาสดาทรงแสดงพระอภธิ รรมโดยทำ�นองนัน้ ตลอดไตรมาสในกาลจบเทศนา การตรัสร้ธู รรมไดม้ ีแก่เทวดา มากมาย พระพุทธมารดาไดต้ ั้งอยู่แล้วในโสดาปตั ตผิ ล
ทรงแสดงอทิ ธปิ าฏิหารยิ โ์ ลกรววิ รรณ
เม่ือถงึ วนั ขึ้น ๑๕ ค่ำ�เดอื น ๑๑ ซ่ึงเป็นวนั มหาปวารณา ในมัชฌิมยามพระพุทธองค์ได้เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทางบันไดแก้วโดยมีบันไดทองและบันไดเงินขนาบข้างสำ�หรับ ท้าวมหาพรหมและทวยเทพ พระพุทธองคเ์ สด็จลงบรเิ วณ ใกล้ประตพู ระนครสงั กสั สะ ณ สถานท่ที ่ีพระพทุ ธองคเ์ หยยี บ พระบาทลงก้าวแรก เรียกว่า อจลเจดีย์ โดยมพี ระสารบี ุตร เถระ พระอบุ ลวรรณาเถรี พรอ้ มท้งั มหาชนบรวิ ารห้อมลอ้ ม เพอ่ื รอรับเสดจ็ ชาวพทุ ธเรยี กวนั ท่ีพระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ลงจาก สวรรค์วา่ “วันเทโวโรหณะ” และถือเปน็ ประเพณตี ักบาตร เทโวโรหณะมาจนปัจจุบัน ในสมัยพระเจา้ อโศกมหาราช เล่ากันว่า เม่ือพระพุทธ องค์เสด็จลงมาจากดาวดึงสส์ วรรคย์ ังพื้นดนิ บนั ไดแกว้ ทองและเงินกอ็ ันตรธาน เหลือโผลใ่ หเ้ ห็นเพยี งเจ็ดข้นั เท่านัน้ พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงขุดคลู กึ ลงไปถงึ บาดาลก็ยงั ไมส่ ิน้ สดุ พระองคท์ รงมพี ระราชศรัทธาย่งิ จงึ สรา้ งอุโบสถคลมุ บันไดไว้ พร้อมกบั โปรดใหส้ รา้ งพระพุทธรปู สงู สบิ หกฟุตฝงั เสาศิลาจารึกและประดษิ ฐานสิงโตไวบ้ นยอดเสา
สังกัสสะ สงั กัสสะในสมัยพุทธกาล เป็นนครอย่ใู นแควน้ ปญั จาละ เมอื งหลวงของแควน้ เจตี อยู่ห่างจากเมืองสาวตั ถี ๓๐ โยชน์ เคยเป็นเมืองใหญ่และเปน็ ฐานทีม่ ัน่ แห่งหน่ึงของ พระพุทธศาสนาในอินเดีย เม่ือถงึ คราวเสือ่ มสญู เมืองจึงกลาย เป็นปา่ ในท่ีสุด ยงิ่ เมอื่ ประมาณ พ.ศ. ๑๗๒๖ พวกพราหมณ์ พากนั ยยุ งราชาไชยจันทร์ แห่งเมอื งกาเนาชว์ ่าพระพทุ ธศาสนา เป็นภัยต่อฮินดู หากปล่อยไว้บา้ นเมืองจะตอ้ งวิปรติ ราชาไชย จันทร์จงึ กรฑี าทพั มาทำ�ลายลา้ ง สงั กัสสะจึงกลายเป็นทุง่ โล่ง เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิงแฮม ได้สำ�รวจโบราณ สถานสังกสั สะ เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๓๘๕ พบซากวิหาร ก�ำ แพง พระพุทธปฏมิ ากร และเสาหนิ พระเจา้ อโศกมหาราช ซ่ึงส่วน บนเปน็ รปู สิงโตได้ถูกท�ำ ลายลงเหลอื แต่คอเท่านั้น ปจั จุบนั สังกสั สนคร เปน็ เพียงหมู่บ้านขนาดยอ่ ม เปน็ โบราณสถานท่รี ัฐบาลดูแลรกั ษาอยู่ ตงั้ อย่ใู นเขตปกครอง ของอ�ำ เภอฟาร์รกุ ขบาด รฐั อตุ ตรประเทศอยหู่ ่างจากสาวัตถี ประมาณ ๒๓๐ กิโลเมตรโดยตั้งอยู่ระหว่างลัคเนาวก์ ับอคั รา หา่ งจากเมอื งกานปุร์ ๑๒๐ กโิ ลเมตร มเี นนิ ดนิ เหมอื นสถปู เก่ากับเสาศิลาจารกึ ของพระเจา้ อโศกมหาราชอยทู่ นี่ ้ัน
อจลเจดยี ์ อจลเจดีย์ สถานท่ีพระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ลงจากสวรรค์ช้ันดาวดงึ ส์ 211
สถปู บรเิ วณอจลเจดีย์ พระพุทธรปู ปางเทโวโรหณะ
เสาศลิ าจารกึ พระเจ้าอโศกมหาราช 213
สามคั คธี รรม
ในคร้ังพทุ ธกาล ชมพูทวปี อาณาจกั รที่กวา้ งใหญแ่ บ่งเขต การปกครองเปน็ ๑๖ แคว้น ในจำ�นวนน้ัน แคว้นวังสะ ทีม่ ีโกสมั พี เปน็ เมืองหลวงและยงั เป็น ๑ ใน ๔ ของเมอื งมหาอ�ำ นาจ คือ วัชชี มหาอ�ำ นาจทางการปกครอง โกศล มหาอำ�นาจทางการทหาร มคธ มหาอำ�นาจทางการศึกษา และ วังสะ มหาอำ�นาจทางการค้าพาณชิ ย์ โกสมั พี ในสมัยพทุ ธกาล เรียกกันวา่ เกาสัมพี มพี ระเจา้ อุเทน เปน็ ผคู้ รองนคร มีพระมเหสี ๓ นาง คือ พระนางสามาวดี อัครมเหสี พระนางวาสลุ ทตั ตามเหสี และพระนางมาคันทิยามเหสี เป็นอาณาจักรอิสระที่ย่ิงใหญ่แห่งหน่ึงแต่เม่ือส้ินสมัยพระเจ้าอุเทน โกสัมพีก็ล่มสลาย ตกอยู่ภายใต้ราชอ�ำ นาจของพระราชาผูป้ กครอง แควน้ มคธ โกสัมพีเคยรุ่งเรืองด้วยศิลปะวิทยาการในสมัยพุทธกาล เป็นศูนยก์ ลาง การคา้ ขายระหว่างเมืองโกศล กาสี มคธ กสุ นิ ารา มัลละ ดว้ ยว่ามพี ้นื ทอ่ี ุดมสมบูรณ์ แม่น้ำ�ยมุนาไหลตลอดปี ปลกู ข้าวสาลแี ละอ้อยไดผ้ ลดี ภูมปิ ระเทศทางทิศใตต้ ิดกับแคว้นโกศล ทางทศิ ตะวันออกติดกับแคว้นกาสี และทางทศิ เหนอื ติดกับแควน้ อวนั ตี มเี สน้ ทางท่ีสะดวกต่อการติดตอ่ กับเมอื งตา่ งๆ ได้ดี เชน่ อชุ เชนี เวทิสา สาเกต สาวัตถี กุสนิ ารา ปาวา กบิลพัสดุ์ เวสาลี ราชคฤห์ เปน็ ตน้ พระพุทธองคไ์ ดเ้ สดจ็ เมอื งโกสมั พีหลายคร้ัง ได้ทรงแสดง พระธรรมเทศนาหลายพระสตู ร เชน่ โกสมั พยิ สูตร สนั ทกสูตร
ชาลยิ สตู ร เป็นตน้ และไดบ้ ัญญตั ิพระวินยั กห็ ลายคราว เชน่ ใน สังฆาทเิ สสสิกขาบทท่ี ๑๒ เปน็ ตน้ คร้ังนน้ั มพี ุทธบรษิ ทั จ�ำ นวน มากท่ีเคารพศรัทธาในพระองค์สร้างวัดถวายเป็นอารามท่ีพักสงฆ์ เชน่ วดั โฆสติ าราม วัดปาวารกิ าราม วดั กกุ ฏาราม โดยเฉพาะวดั โฆสติ ารามที่โฆสกเศรษฐสี รา้ งถวาย พระพุทธองคเ์ สด็จมาประทับ ในพรรษาท่ี ๙ ปจั จุบนั เมืองโกสัมพที ี่ลอื ชือ่ ในอดีตนั้น เหลือไว้เพยี งซาก ปรักหกั พัง มีกองอิฐหนิ จากการพังทลายของปราสาทราชมณเฑียร เหมอื นเมืองร้างทง้ั หลาย นครอันยิง่ ใหญเ่ หลือเพียงหมู่บา้ นเล็กๆ ชอ่ื โกสมั หรือหม่บู ้านหสิ มั บาทตชนบท จังหวัดอัลลาฮาบาด รัฐอตุ ตรประเทศของอินเดีย ตั้งอยรู่ มิ ฝง่ั น้ำ�ยมนุ านที ห่างจาก ตัวจงั หวดั ไปทางตะวนั ตกเฉียงใตป้ ระมาณ ๕๙ กโิ ลเมตร เมอื ง นีไ้ ด้เรม่ิ ตน้ ท�ำ การขดุ คน้ ทางโบราณคดโี ดยศาสตราจารย์ จ.ี อาร์. ชาร์มา ในปี พ.ศ. ๒๔๙๒ และมีการส�ำ รวจอกี ครัง้ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ถงึ ๒๔๙๙ ปจั จุบนั ปรากฏหลกั ฐานท่ีไดจ้ ากการส�ำ รวจ ขดุ ค้นเป็นทีแ่ นน่ อนแลว้ โดยยงั คงมซี ากกำ�แพงเมืองปรากฏให้ เห็นอยู่ และได้คน้ พบวัดโบราณท่ีสันนษิ ฐานว่าเป็นวดั โฆสติ าราม มหาวหิ าร วัดท่ีสร้างขนึ้ ในสมยั พุทธกาล ซึ่งมีการค้นพบบาตรดิน โบราณ พระพทุ ธรปู และโบราณวัตถจุ ำ�นวนมากภายในแหล่งขดุ ค้นเมอื งโกสัมพีแหง่ น้ี โบราณวตั ถุสว่ นใหญ่ทางการอินเดยี ได้นำ� ไปเกบ็ รักษาที่พพิ ธิ ภัณฑแ์ ห่งเมอื งอัลลาฮาบาด
เศรษฐีผู้สรา้ งวดั ท่โี กสมั พี สมยั พุทธกาลมีดาบส ๕๐๐ ซงึ่ พ�ำ นกั อยู่ ณ ปา่ หมิ วันต์ เข้ามาภิกขาจารในเมอื งโกสัมพี เศรษฐีโกสัมพี ๓ ทา่ น คอื โฆสกะ ปาวาริกะ และ กุกกฏุ ะ เห็นดาบสเหลา่ นนั้ แล้วเกดิ ความเล่ือมใส จงึ นิมนตใ์ ห้รบั ภกั ษาหารยังเรอื น ของตนเป็นประจ�ำ กอ่ นถงึ ฤดฝู นคราวหนงึ่ เหลา่ ดาบสเดนิ ทางจากป่าหมิ วันตเ์ พ่ือจะมายังนครโกสัมพี ระหว่างทางพกั ท่ี โคนไทรใหญ่ต้นหน่งึ เห็นรกุ ขเทวดาประดับด้วยทิพยอาภรณ์ อันสวยงาม จงึ ถามวา่ ท่านได้สมบตั ิน้มี าด้วยผลบุญใด รุกขเทวดาเลา่ ให้ฟงั ว่า เป็นผลจากการไดอ้ ธิษฐานองค์อโุ บสถ ครึ่งวนั ในครง้ั ทต่ี นถอื กำ�เนิดเปน็ บรวิ ารของท่านอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี ผ้มู ีศรทั ธาแน่นแฟ้นตอ่ พระสมั มาสมั พุทธเจา้ แล้ว ได้ทำ�กาละในเยน็ วันน้นั จึงไดม้ าบงั เกิดเปน็ รุกขเทวดาอยู่ ณ ทน่ี ้ี เหล่าดาบสฟังคำ�ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็บังเกิด ความเล่อื มใสต้งั ใจจะเดินทางไปเฝ้าพระบรมศาสดา ครั้น ถึงเมืองโกสัมพีก็เข้าไปแจ้งความประสงค์แก่เศรษฐีทั้งสาม เศรษฐกี ล่าววา่ พวกขา้ พเจ้าทั้งหมดจะขอตามท่านไปด้วย ดาบสจงึ เดนิ ทางล่วงหน้าไปกอ่ น เมื่อเขา้ เฝ้าพระบรมศาสดา ยงั พระอารามเชตวนั มหาวิหาร รับฟงั พระธรรมเทศนาแลว้
ดาบสทงั้ ๕๐๐ ไดบ้ รรลอุ รหตั ตผลพรอ้ มด้วยปฏสิ มั ภทิ า จึงกราบทลู ขอบรรพชาอุปสมบท พระบรมศาสดาประทาน เอหิภิกขุอุปสัมปทา เศรษฐีทั้งสามพร้อมด้วยขบวนเกวียนบรรทุกเครื่อง ไทยธรรมเป็นจ�ำ นวนมากตามมาถึงภายหลัง ตง้ั ท่พี ำ�นัก อยูใ่ กลก้ บั พระเชตวนั มหาวิหารไดถ้ วายทานอยู่ ณ ทนี่ น้ั ประมาณกง่ึ เดือน เมอื่ รบั ฟงั พระธรรมเทศนาแลว้ บรรลุ โสดาปัตติผล กราบทลู อาราธนาพระพทุ ธองค์ใหเ้ สด็จไป ประทับ ณ เมืองโกสัมพี เศรษฐีทง้ั สามกลบั ถึงเมอื งโกสัมพีแล้ว ต่างกส็ ร้าง อารามคนละอาราม โฆสกเศรษฐี สร้างโฆสติ าราม ปาวาริก เศรษฐี สร้างปาวาริการาม กกุ กฏุ เศรษฐี สรา้ งกกุ กุฏาราม เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จมาถึง เศรษฐจี ึงนอ้ มถวายวหิ าร แก่ภิกษุสงฆ์ท่ีมาจากทิศทั้งส่ีอันมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข พระองค์ทรงอนุโมทนาและประทับอยู่ในอารามทั้งสามนั้น เศรษฐีต่างก็ผลัดเปลี่ยนกันอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าและภิกษุ สงฆ์ตามวาระของตน เมืองโกสัมพยี งั มวี ัดพัทริการาม ซึ่งเปน็ วัดใหญ่อีก วัดหนง่ึ ในสมัยพทุ ธกาล แตไ่ มป่ รากฏชื่อผ้สู รา้ ง
สงั ฆเภท
สงฆ์ววิ าท พระพทุ ธองคเ์ สดจ็ มาประทบั จ�ำ พรรษาที่ ๙ อยู่ท่เี มือง โกสมั พี ในระหวา่ งนนั้ พระสงฆ์ในโฆสติ ารามแตกความสามัคคี เนือ่ งจากพระวินยั ธร กบั พระธรรมกถกึ ถกเถยี งกนั ด้วยเรอื่ ง เกยี่ วกบั วินยั เกดิ การทะเลาะวิวาทกนั เร่อื งการควำ�่ ขนั น้�ำ ใน ห้องนำ้� แตกแยกออกเปน็ สองพวก ไมร่ ว่ มสงั ฆกรรมกัน เม่อื พระพทุ ธองคท์ รงทราบกไ็ ด้เสดจ็ มาตักเตือน ห้ามปรามเพือ่ ใหส้ ามัคคีปรองดองกนั โดยได้ตรัสสาราณียธรรม คอื ธรรม ที่ท�ำ ใหร้ ะลึกถงึ กัน ๖ ประการ คอื รกั กนั ไว้ ใหค้ วามเคารพ กัน สงเคราะหก์ นั ไม่ววิ าทกัน พรอ้ มเพรียงกนั และเกาะกลมุ่ กันไว้ แลว้ ตรสั โทษแหง่ การแตกสามคั คแี ละอานิสงสแ์ หง่ ความ สามคั คโี ดยทรงยกนทิ านชาดกมาเล่าให้ฟังหลายเรอ่ื ง ถงึ อย่าง น้นั ภิกษุ ๒ พวกก็ยังไม่ยอมคืนดีกัน ท้งั ไมเ่ อ้ือเฟอ้ื ต่อคำ�พร�่ำ สอนตกั เตือน พระพทุ ธองค์ทรงระอาต่อเหตกุ ารณ์ดังกล่าว จงึ ได้เสด็จหลีกหนีไปประทับจำ�พรรษาแต่ลำ�พังพระองค์เดียวที่ ควงไม้สาละใหญ่ ชื่อภทั ทสาละ ในรักขติ ไพรสณฑ์เขตป่า ปารไิ ลยกะ ได้ชา้ งปารไิ ลยกะคอยเฝา้ คอยอปุ ฏั ฐากรับใชต้ ลอด พรรษา ซงึ่ เปน็ พรรษาท่ี ๑๐ ของพระพุทธองค์ ออกพรรษา แลว้ จงึ เสดจ็ ไปเมอื งสาวตั ถี ภกิ ษทุ ่ีทะเลาะกันสำ�นึกผดิ และ คนื ดีกนั ได้ในระหว่างพรรษา เมือ่ ออกพรรษาภกิ ษเุ หล่าน้ันจึง พรอ้ มใจกนั ไปเฝ้าพระพุทธองค์ทเ่ี ชตวันมหาวหิ าร เมอื งสาวัตถี เพอ่ื กราบทูลขออภยั โทษ
พระนางสามาวดีถวายผ้ารตั นกมั พล ในระหว่างทพี่ ระพทุ ธเจ้าประทบั อย่ทู โี่ กสมั พนี ้ัน นาง ขุชชุตตราทาสีของพระนางสามาวดีอัครมเหสีในพระเจ้าอุเทน ไดฟ้ งั ธรรมเทศนาบรรลุโสดาปตั ตผิ ลแลว้ จึงนำ�ธรรมเทศนา น้ันไปแสดงแก่พระนางสามาวดีพร้อมดว้ ยบริวาร ๕๐๐ ใหไ้ ด้ บรรลุโสดาปตั ติผลเชน่ เดียวกัน แตด่ ว้ ยบพุ กรรมท่ีเคยไดล้ ่วง เกินต่อพระปจั เจกพทุ ธเจา้ ทำ�ให้พระนางสามาวดแี ละบรวิ าร ๕๐๐ ถกู พระนางมาคนั ทิยามเหสคี นท่ี ๓ ของพระเจ้าอเุ ทน ปิดประตูขังไว้ภายในปราสาทและจุดไฟเผา เม่อื ต�ำ หนกั ถกู ไฟ
ไหม้ พระนางสามาวดไี ด้ใหโ้ อวาทแก่หญิงบรวิ าร ๕๐๐ ว่าจงเป็นผู้ ไมป่ ระมาท มนสกิ ารซงึ่ เวทนาปรคิ คหกัมมัฏฐาน (กำ�หนดเวทนาเป็น อารมณ)์ กอ่ นตายบางพวกไดบ้ รรลุสกทาคามิผล บางพวกบรรลุ อนาคามิผล พระนางมาคันทิยามเหสีคนท่ี ๓ ของพระเจา้ อุเทน ไดผ้ ูกจติ อาฆาตในพระพุทธเจ้าเพราะถูกตำ�หนิว่าร่างกายเต็มด้วยคูตและมูตร และไมอ่ ยากแตะตอ้ งแมด้ ว้ ยปลายนิว้ เทา้ และมคี วามเคียดแคน้ ว่า พระสวามีรักใครห่ ่วงใยพระนางสามาวดมี ากกวา่ ตน จึงได้จา้ งคน ปากกลา้ ให้ดา่ พระพทุ ธเจ้าและหม่ภู ิกษดุ ้วยค�ำ ด่า ๑๐ อยา่ ง เช่น เจา้ โจร เจ้าโง่ เจ้าบ้า เป็นต้น พระพทุ ธองคต์ รัสกับหม่ภู ิกษุวา่ “มนษุ ย์ ผูฝ้ ึกอบรมตนแล้วยอ่ มประเสรฐิ กวา่ สตั ว์ท่ีไดฝ้ ึกแลว้ เพราะสามารถ อดทนตอ่ คำ�ล่วงเกนิ ได้” จงึ ไมม่ ใี ครหว่ันไหวตอ่ ค�ำ ดา่ เลยแมแ้ ต่นอ้ ย นอกจากน้ี ยังมเี รือ่ งราวมากมายท่ีเกดิ ข้นึ ในเมืองโกสัมพีที่ ปรากฏในคัมภรี พ์ ระพุทธศาสนา เช่น เรื่องโฆสกเศรษฐี ซึง่ เป็นเร่อื ง กฎแห่งกรรมที่นา่ สนใจ ในชีวติ ตง้ั แต่แรกเกดิ ถูกพ่อเลยี้ งพยายามฆ่า ถึงเจด็ ครัง้ เจด็ หน แต่กร็ อดตายมาได้ด้วยอำ�นาจบุญเก่า เรื่องของ พระพากลุ เถระ พระปิณโฑลภารทวาชเถระ เร่อื งพระเจ้าอเุ ทนราชา กบั พระนางสามาวดี พระนางมาคันทยิ า พระนางวาสลุ ทัตตา เปน็ ต้น
พระราชวงั กรุงโกสัมพี พระราชวงั กรุงโกสมั พี ตำ�หนกั พระเจา้ อเุ ทน
กำ�แพงพระราชวังกรุงโกสมั พี แมน่ ้ำ�ยมุนา บรเิ วณดา้ นหนา้ พระราชวังกรุงโกสมั พี 225
รักขติ ไพรสณฑ์ เขตป่าปาริไลยกะ สนั นษิ ฐานว่าจะเป็น ปาวารกิ าราม หรือ กกุ กุฏาราม
โฆสติ าราม 227
กฐนิ ทาน
“สาเกต” เมืองส�ำ คญั แห่งที่สองในแคว้นโกศล อยหู่ ่างจาก เมอื งสาวัตถี ๑๑๒ กโิ ลเมตร อยูใ่ นเขตการปกครองของพระเจา้ ปเสนทิโกศล ธนัญชัยเศรษฐี นางสมุ นาเทวีภรรยา และนางวสิ าขาธิดา พร้อมด้วยบริวารอีกจำ�นวนมาก ได้ย้ายจากภัททยิ นคร แคว้นมคธ มาอยแู่ คว้นโกศลตามคำ�ขอของพระเจ้าปเสนทิโกศล เมอื่ มาถงึ เมอื ง แหง่ นี้ซ่ึงมีความอดุ มสมบรู ณ์ ธนญั ชยั เศรษฐีจึงกราบทลู ให้พระ เจา้ ปเสนทโิ กศลทราบว่า จะตง้ั ถิ่นฐานอยทู่ เี่ มืองแห่งน้ีพระราชาได้ พระราชทานนามวา่ เมอื งสาเกต ครง้ั หนึง่ ภิกษชุ าวเมอื งปาเฐยยะ ๓๐ รูป เดนิ ทางไกลจะไป เขา้ เฝ้าพระพุทธเจ้าทพี่ ระเชตวันมหาวหิ าร เม่ือมาถึงเมอื ง สาเกตกถ็ งึ วันเขา้ พรรษาพอดี จงึ พากันจ�ำ พรรษาทีน่ ่ี เมอ่ื ออกพรรษา จงึ รบี เดินลุยนำ�้ และโคลน จวี รเปรอะเป้ือนไปเขา้ เฝ้าพระพทุ ธเจา้ จึงเป็นตน้ เหตใุ ห้ทรงอนญุ าตการถวายและการรับผา้ กฐิน
เมอื งสาเกต รมิ ฝั่งแมน่ ำ�้ อจริ วดี
มหาสตปิ ัฏฐานสตู ร
แควน้ กุรุ เป็นเมืองหนงึ่ ในสมัยพทุ ธกาล ตง้ั อยทู่ างทิศเหนอื เฉยี งไปทางตะวนั ตกเลก็ นอ้ ยของมัชฌมิ ประเทศ มีเมอื งหลวงชอ่ื อินทปัตถ์ พระพทุ ธองคเ์ คยเสด็จมาท่กี ัมมาสทมั มะนคิ ม ซ่งึ เปน็ ชนบทแหง่ หนงึ่ ในแควน้ กรุ ุ และไดแ้ สดงพระสูตรทีส่ ำ�คญั ๆ เช่น
มหาสตปิ ฏั ฐานสตู ร และมหานทิ านสูตร เป็นต้น ปัจจบุ ันเชอ่ื กัน วา่ คอื บริเวณ Greater Kailas ซ่ึงตงั้ อยใู่ นเขตไกรลาศตะวนั ออก กรงุ นิวเดลี อยูห่ า่ งจากตวั เมืองหลวงประมาณ ๓ กิโลเมตร ตรงจุดท่พี ระพทุ ธเจ้าแสดงมหาสติปฏั ฐานสูตร ปัจจุบนั เป็นกองหิน สแี ดงขนาดยอ่ ม และมีแผน่ หนิ กอ้ นหน่งึ บริเวณยอดกองหนิ ซึง่ มี
ขอ้ ความจารึกด้วยอักษรพรหมี เช่ือกันวา่ พระเจา้ อโศกเป็นผจู้ ารึก ไว้ เพอื่ แสดงเป็นหลกั ฐานให้ทราบวา่ เปน็ สถานทที่ ่ีพระพทุ ธเจา้ ไดท้ รงแสดงพระสตู รดงั กลา่ ว ซง่ึ ถือวา่ เป็นพระสูตรทส่ี ูงสุดใน พระพทุ ธศาสนาว่าดว้ ย การเจรญิ กายานุปสั สนา เวทนานปุ สั สนา จิตตานุปัสสนา และธมั มานุปสั สนาสติปัฏฐาน อันเป็นการเจริญ ภาวนาที่น�ำ ไปสูค่ วามพ้นทกุ ขไ์ ดอ้ ยา่ งถกู ทาง ปัจจุบันกัมมาสทัมมะนิคมอยู่ในความดูแลของกอง โบราณคดี กระทรวงวัฒนธรรมอินเดีย ซ่งึ ได้ประกาศไวต้ ้งั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๑๑ ว่า สถานท่ีดังกลา่ วเปน็ อนุสรณส์ ถานทีม่ ีความสำ�คัญ ในระดับชาติ และได้สรา้ งรว้ั เหล็กล้อมรอบกองหนิ ไวเ้ พอื่ เป็นการ อนรุ กั ษเ์ ปน็ อยา่ งดี กมั มาสทมั มะนิคม
จารกึ อกั ษรพรหมี สมยั พระเจา้ อโศกมหาราช คำ�แปล... “ณ สถานทีน่ ี้ องคพ์ ระตถาคตไดแ้ สดงมหา สติปัฏฐานสูตรแก่พุทธบริษัทท้ังบรรพชิต และคฤหัสถ์ แห่งนครอินทปัตถ์ แคว้นกุร”ุ 237
โคตมตติ ถะ
ปาฏลีบตุ รอยู่ห่างจากพุทธคยา ๑๐๔ กโิ ลเมตร ปจั จบุ นั คอื ปัตนะ เป็นเมอื งหลวงของรฐั พหิ าร จากราชคฤหร์ ะยะทาง ๙๐ กโิ ลเมตร คร้ังพุทธกาลคือหมู่บา้ นปาฏลีคาม พระพทุ ธองคเ์ สด็จ ผ่านหลายครั้ง เช่นเมอื่ ครัง้ ที่เสด็จไปโปรดประชาชนชาวเวสาลีคราว ท่ปี ระสบภัยพิบัติ ทรงใหพ้ ระอานนทน์ �ำ นำ้�พระพุทธมนต์ประพรม
เป็นเหตใุ ห้ภยั ทั้งหลายสงบระงบั ลงได้ ครง้ั สดุ ทา้ ยเสดจ็ มารับอาหาร บิณฑบาตจากวสั สการพราหมณ์และสุนีธพราหมณ์ อ�ำ มาตย์เอกของ พระเจ้าอชาตศตั รู ก่อนทจ่ี ะเสดจ็ ข้ามแม่น�้ำ คงคาไปจ�ำ พรรษาสุดทา้ ย ท่ีเมอื งเวสาลแี ละเสดจ็ ดบั ขนั ธปรินิพพาน ณ กุสนิ ารา ปาฏลบี ตุ รเคย เปน็ ทต่ี ัง้ เมอื งหลวงในสมัยพระเจา้ อโศกมหาราช
วดั อโศการาม วดั อโศการาม
วัดอโศการาม คนทอ้ งถ่นิ เรยี กวา่ “กมุ ราหะ” พระเจ้า อโศกมหาราชทรงอุปถมั ภ์ให้มีการสังคายนาครงั้ ท่ี ๓ ชำ�ระพระ ธรรมวินยั และจดั สง่ สมณทตู ประกาศพระศาสนา และทรงจัดให้ สรา้ งโรงพยาบาลขน้ึ ณ อารามน้ีเพือ่ รักษาพระสงฆแ์ ละพสกนกิ ร ทวั่ ไป พรอ้ มกับสร้างอโรคยาสถานเพอื่ ให้การรักษาแก่สตั ว์เลีย้ ง เสาท้องพระโรงพระราชวังเกา่ ตงั้ อยูภ่ ายในอโศการาม เป็นหนึ่งในจ�ำ นวน ๒๒๖ ต้น ทีไ่ ด้ ถกู ขุดลกึ ไป ๑๗ เมตรจนกลายเปน็ สระน้ำ� และมีโผล่ออกมาจาก น�ำ้ อีกประมาณ ๘๐ ตน้ เสาหินท้ังหมดนีเ้ ปน็ เสาท้องพระโรงของ พระราชวังท่มี อบถวายวัดอโศการาม อโรคยาสถาน เป็นโรงพยาบาลที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงให้สร้างขึ้น ภายในวดั อโศการาม 243
เสาศลิ าจารกึ พระเจา้ อโศกมหาราช เสาศิลาจารกึ พระเจา้ อโศกมหาราช
ทา่ น้ำ�โคตมตติ ถะ เป็นท่านำ้�ท่ีพระพุทธองค์เสด็จข้ามแม่นำ้�คงคาไปเมืองเวสาลี เพื่อโปรดชาวแควน้ วัชชใี นคราวเกิดโรคระบาด และเสดจ็ ผ่านอกี หลายครง้ั ปจั จบุ นั ก็ยงั เรยี กว่า พุทธคาท เหมือนเดมิ ท่าน้�ำ โคตมติตถะ ฝั่งแม่น้ำ�คงคาดา้ นเมอื งปาฏลบี ตุ ร 245
บวชภิกษณุ ี
พระนางมหาปชาบดโี คตมขี อบวชเป็นภกิ ษณุ ี
เวสาลี เมอื งหลวงของอาณาจกั รวัชชี หน่ึงใน ๑๖ แควน้ ของชมพูทวปี เรียกกันหลายชอื่ วา่ ไวสาลี เวสาลี ไพ สาลี มีกษัตรยิ ล์ จิ ฉวปี กครองแบบคณะราษฎร์ มีความ มนั่ คงในหลักการปกครอง เพราะปกครองกนั ดว้ ยหลกั อปรหิ า นยิ ธรรม ในระบอบสามัคคีธรรม พระพทุ ธเจ้าเสด็จเมืองเวสาลีคร้งั แรก หลงั จากออก พรรษาท่ี ๒ เพราะกรงุ เวสาลเี กิดภัยพบิ ัติ ๓ อยา่ งพร้อม กนั คือ ทุพภิกขภัย อมนสุ สภยั และพยาธิภยั กษัตรยิ ์ ลิจฉวีมีมติให้เจ้ามหาลิไปกราบทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าให้เสด็จ เมอื งเวสาลี พระพุทธองค์ไดเ้ สด็จผ่านปาฎลิ คี าม แลว้ ลงแพ ข้ามแม่น้�ำ คงคาทที่ ่าน�้ำ พทุ ธโคตมะ เมือ่ เสด็จถึงเมอื งเวสาลี ทรงอนุญาตให้ท่านพระอานนท์นำ�รัตนสูตรไปสาธยายพร้อม กับประพรมนำ�้ พระพทุ ธมนตโ์ ดยรอบพระนครตลอด ๗ วัน แม้พระพุทธองค์ก็ตรัสรัตนสูตรที่สัณฐาคารกลางเมืองเวสาลี ทำ�ให้มผี ูบ้ รรลธุ รรมข้ันต่าง ๆ มากมาย ตอ่ มา พระพุทธเจ้าไดเ้ สดจ็ มาประทับจำ�พรรษาท่ี ๕ ณ กฏู าคารศาลา ปา่ มหาวัน เขตเมอื งเวสาลี ระหว่างนัน้ พระ นางมหาปชาบดีโคตมี พร้อมดว้ ยนางสากิยานี ๕๐๐ ปลง เกศา ครองผ้ากาสาวพัสตรถ์ อื เพศเปน็ นักบวช มาเขา้ เฝา้ พระพทุ ธเจา้ ทูลขอบรรพชาและอุปสมบท พระพุทธองค์ทรง อนญุ าตใหบ้ วชตามค�ำ ออ้ นวอนของพระอานนท์ ต่อมาได้ เสด็จเมืองเวสาลอี กี หลายคร้งั โดยประทับที่กูฏาคารศาลา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441